วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Lara Croft and the Temple of Osiris

 
 



                                     บทสรุป Lara Croft and the Temple of Osiris



By decibel per - oxide 



      ตามความเชื่อเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้าแห่งไอยคุปต์ของชาวอียิปต์โบราณ .... 

                




เทพ Ra ซึ่งเป็นเทพที่เป็นทั้งชายและหญิงในองค์เดียวกัน (hermaphrodite) เป็นผู้ให้กำเนิดเทพ Shu ซึ่งเป็นเทพแห่งอากาศ  และเทวี Tefnut ซึ่งเป็นเทวีแห่งความชื้น สองพี่น้องเป็นสามีภรรยากันด้วย มีลูกทั้งหมด 2 คนคือ Geb ซึ่งเป็นเทพแห่งผืนปฐพี  และ Nut ซึ่งเป็นเทวีแห่งท้องนภา ส่วน Geb ที่เป็นทั้งพี่และสามีของ Nut ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 4 องค์ คือ Osiris อยู่ในฐานะเทพแห่งความตายและการคืนชีพ , Isis เทวีแห่งการคุ้มครองป้องกัน , Nephthys เทวีผู้ปกป้องคนตาย และ Seth ในนามแห่งเทพแห่งความชั่วร้าย ซึ่งต่อมา Seth ได้เป็นสามีของ Nephthys  ทั้งคู่มีลูกชื่อ Anubis ซึ่งเป็นเทพผู้ชี้ทางคนตาย ส่วน Osiris ก็ได้เป็นสามีของเทวี Isis จนให้กำเนิดลูกที่ชื่อ Horus เป็นเทพแห่งท้องฟ้าและสงครามในเวลาต่อมา




Osiris ในอดีต Osiris เคยถูก Seth ผู้เป็นน้องชายคิดร้ายนับครั้งไม่ถ้วน เริ่มจากหลอกให้นอนในโลงศพแล้วเอาไปทิ้งน้ำ แต่เทวี Isis และ Nephthys ซึ่งเป็นน้องสาวช่วยไว้ทัน Isis เป็นเทวีที่มีเวทมนตร์คาถา เธอจึงใช้เวทมนตร์ช่วย Osiris ให้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ 


            



แต่ Osiris ก็ยังไม่วายถูก Seth ทำร้ายอีก ด้วยการหั่น Osiris เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนทั้งหมด 42 ชิ้นเท่ากับจำนวนเขตปกครองในประเทศอียิปต์ แล้วทิ้งชิ้นส่วนเหล่านี้ไว้ตามที่ต่างๆทั่วอียิปต์ แต่ละแห่งที่ชิ้นส่วนของเทพ Osiris ตกอยู่ กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จนมีการสร้างวิหารขึ้นที่นั่นมากมาย  เทวี Isis ที่ทั้งรักและซื่อสัตย์ต่อ Osiris ผู้เป็นสามีและพี่ชาย พยายามค้นหาชิ้นส่วนของ Osiris ได้มาทั้งหมด 41 ชิ้น ขาดไป 1 ชิ้นคือ penis เธอนำชิ้นส่วนที่เก็บได้ทั้งหมดมาต่อดังเดิม โดยการช่วยเหลือจาก Anubis ก่อนที่ Isis จะทำพิธีคืนชีพให้ Osiris กลับมาได้อีกครั้งจนสำเร็จ  






                จากบันทึกของ Lara Croft ในการศึกษาเกี่ยวกับเทพแห่งอียิปต์.... 






ในยุคแห่งเทพ Osiris พยายามรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว โดยใช้กฎ สติปัญญาความรอบรู้ และ ความเที่ยงธรรม ก่อนที่จะถูกปลงพระชนม์โดย SETH พี่น้องของพระองค์ Isis พระชายาของ Osiris จึงทำทุกทางเพื่อหาทางชุบชีวิตให้ Osiris ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการใช้พลังจาก คฑาแห่งโอไซริส กับการช่วยเหลือของลูกชายของเธอ Horus 





     

แต่ทันทีที่ Seth ล่วงรู้แผนของ Isis ที่กำลังหาทางชุบชีวิตให้ Osiris มันจึงวางแผยขโมย คฑา แห่ง โอไซริส มา แล้วจองจำสองแม่ลูก Isis และ Horus ไว้ในอีกมิติหนึ่ง ก่อนที่จะนำร่างของ Osiris แยกออกเป็นส่วนๆแล้วนำไปซ่อนตามที่ต่างๆทั่วทั้งดินแดนเพื่อไม่ให้ใครได้พบเจอและหวังที่จะชุบชีวิต Osiris ได้อีก จนกระทั้งกาลเวลาผ่านำแจนหมดยุคแห่ง อียิปต์ จนหลายพันปีผ่านไป Temple of Osiris ก็ถูกค้นพบ โดยชั้นเอง Lara Croft




แต่คนที่ล่วงรู้กลับไม่ใช่แค่ชั้น นักล่าวัตถุโบราณอย่าง Carter Bell ก็ตามหามันจนพบเหมือนกัน และด้วย คฑา แห่ง โอไซริส คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ของเราทั้งคู่ ชั้นคนนึงล่ะที่จะไม่ยอมให้มันตกอยู่ในมือเขาแน่นอน เราต่างก็ถึงที่ซ่อนพร้อมกัน แต่ Carter ไม่คิดหน้าคิดหลัง เขารีบเข้าไปชิง คฑา แห่ง โอไซริส จนกับดักที่ตกทอดมาเป็นพันๆปีเริ่มทำงาน ทำให้พื้นที่ทั้งหมดถูกปิดกันด้วยพลังเวทย์จากยุคโบราณ หรือ พูดง่ายๆมันเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นคุกชั่วกัปชั่วกัลย์ 





ชั้นกับ Carter โดนคำสาปเข้าอย่างจัง แถมยังได้พบกับเทวี Isis และลูกชายของเธอ Horus ที่หลุดออกมาจากที่คุมขังต่างมิติจากผลงานที่ไม่ได้ตั้งใจของเรา Isis เธอบอกกับเราง่ายๆว่า ถ้าอยากจะออกจากที่นี่แบบเป็นๆก็ต้องช่วยเธอหาชิ้นส่วนของ Osiris ให้ครบเพื่อคืนชีพให้เขาและยับยั้งแผนชั่วของ Sith และนั้นคือเรื่องราวก่อนที่ชั้นจะกำลังจะเริ่มผจญภัยไปบนแรงแค้นพันปีของทวยเทพแห่งไอยคุปต์ 

เรียนรู้การบังคับเบื้องต้น
LS - บังคับทิศทางการเคลื่อนไหว 
RS - บังคับทิศทางการใช้อาวุธ
RT - ยิงปืน
LT - ใช้ Staff of Osiris
A - กระโดด
B - สำรวจ / จับ
X - กลิ้งตัวหลบ
Y - ใช้ระเบิด (กดหนึ่งครั้งเพื่อวางระเบิด และกดอีกครั้งเพื่อทำให้ระเบิด)
LB - ใช้คบเพลิงจุดไฟ
RB - ใช้ตะขอเกี่ยว Grapple 
ปุ่มทิศทาง ขึ้น - ลง - ซ้าย - ขวา สลับการใช้อาวุธ


* Temple of Osiris *

- เข้ามาด้านในเรียนรู้การกด LB ในการจุดคบเพลิง 2 อันทำให้กลไกที่พื้นยกตัวให้ปีนขึ้นด้านบนได้ (การจุดคบเพลิงตามที่ต่างๆไม่ใช่เพื่อแสดงสว่างแต่เพื่อทำให้ผลึก Gems ที่ซ่อนอยู่ออกมาให้เก็บ) ขึ้นไปด้านบนอย่าลืมใช้ปืนยิงทำลายไหต่างๆเพื่อเก็บผลึกเพิ่มเติมด้วย จากนั้นกดเปลี่ยนอาวุธมาใช้คทา Staff of Osiris (กดปุ่มทิศทางลง) แล้วยิงลำแสงไปที่ลูกกลมที่ประตูจนมันสลายไปจะทำให้ประตูเปิดออกได้
- เข้าไปจนพบแท่นยิงปืนที่ยิงโจมตีอยู่กลางห้อง ใช้การกลิ้งตัวหลบไปรอบๆพร้อมหาจังหวังขิงทำลายมันซะ แล้วเข้าด้านในต่อ จะพบ Set ที่ออกมาเรียกแมลงไอย์คุปต์ออกมาโจมตี




จัดการให้หมดแล้ว ใช้คทายิงลูกกลมทางซ้ายให้ประตูเปิดเพื่อเข้าไปเก็บ Red Skulls (ไอเทมสำหรับสะสม) จากนั้นไปยินบนพื้นตราสัญลักษณ์ทางขวา กด LT ใช้คทาจะทำให้พื้นตรงตรายกตัวให้โดดไปด้านบนได้ต่อ
- เข้ามาแล้วจัดการศัตรูให้หมดแล้วกด RB ใช้ ตะขอเกี่ยว Grapple ดึงตัวกับตะขอทางซ้าขึ้นด้านบน ใช้ ตะขอเกี่ยว ยึดแล้วทิ้งตัวลงมาเก็บ Red Skulls แล้วใช้ ตะขอเกี่ยว ยึดกับห่วงด้านบนเพื่อขึ้นไปเหยียบสวิตซ์ที่พื้นทำให้ประตูเปิดเข้าไปด้านในต่อ
- ด้านในจะเจอกับดักเครื่องยิงธนู ใช้การกลิ้งตัวหลบโดยการกด X แล้วกด Y วางระเบิดที่แท่นยิงธนู กด Y อีกครั้งเพื่อระเบิดทำลายมันให้หมด การใช้ระเบิดนั้นสามารถนำไปประยุกต์ใข้กับการโจมตีศัตรูได้ด้วยการกด X ในการกลิ้งตัวสลับกับกด Y ในการวางระเบิดและกด Y อีกครั้งเพื่อระเบิดเมื่อต้องการจะจัดการศัตรู แต่ก็จำไว้ด้วยว่า Lara นั้นไม่ได้อยู่ในระยะระเบิดด้วยเพราะถึงจะเป็นระเบิดของเธอแต่เธอก็เจ็บตัวเช่นกัน

- ด้านในใช้  ตะขอเกี่ยว ยึดกับห่วงด้านบนโหนผ่านกับดักหนามเพื่อขึ้นไปด้านบน ใช้ระเบิดทำลายแท่นยิงธนูแล้วใช้คทายิงทำลายลูกกลมเพื่อเปิดประตูเข้าด้านในต่อ จะพบกับ ไอเทมแหวนให้เก็บ ซึ่งมันจะเป็นไอเทมแบบ Accessory สำหรับสวมใส่ในเมนู IVENTORY ซึ่งผลของไอเทมนั้นที่สวมใส่ก็จะแตกต่างกันตามคุณสมบัติของ Accessory แต่ละอย่าง ซึ่งอันแรกที่เก็บได้ก็คือ Iron Ring of Strength ซึ่งจะทำให้เพิ่มพลังโจมตีของอาวุธแต่ก็ทำให้พลังป้องกันลดลง
- เข้าไปด้านในหลบและทำลายแท่นยิงธนูเข้าไปจนถึงสวิตซ์ที่พื้นให้เหยียบเพื่อเปิดประตูเข้าไปต่อ
- ทันทีที่เข้ามาก็จะพบ Ammit ออกมาไล่ล่าทันที จากนี้ต้องใช้ความเร็วในการหลบกับดักตามทางทั้งที่ต้องโดดข้ามและกลิ้งตัวลอดไปท่ามกลางพื้นที่ถล่มไล่หลังมาจากฝีมือเจ้า Ammit ให้พ้นจนถึงทางเข้าที่สุดทาง
- ห้องโถงในจะเห็นปืนกลที่วางอยู่ที่ศพบนพื้นที่ไกลจนเอื้อมไม่ถึง กลางห้องจะมีแท่นสำหรับใส่ลูกกลมอยู่ เข้าไปกลิ้งลูกกลมทางขวามาใส่ที่แท่น ส่วนทางฝั่งซ้ายลูกกลมจะอยู่บนแท่นด้านบน ที่ต้องใช้คทาบนพื้นสัญลักษณ์ห้มันยกตัวขึ้นแล้วโดดไปตามแกนหนามหมุนเพื่อขึ้นไปดันลูกกลมลงมาใส่ที่แท่นกลางห้อง พื้นตรงที่ปืนกลวางอยู่ก็จะเลื่อนเข้ามาใกล้จนสามารถหยิบมันมาใช้ได้ จะใช้ช่องทางซ้ายหรือขวาของ Slot อาวุธก็สุดแล้วแต่ แต่ Submachine gun นั้นไมได้ใช้กระสุนแบบไม่หมดเหมือนปืนพกแต่มันจะใช้ไอเทมกระสุนที่สามารถเก็บได้ตามทางและเกทกระสุนที่เป็นสีฟ้าประกอบการใช้งานด้วย
- ลุยเข้าไปด้านในด้วยอาวุธให้จนถึงสุสานเข้าไปเก็บ Amulet มาซึ่งก็คือไอเทมประเภท Accessory สำหรับสวมใส่ในเมนู IVENTORY แต่จะทำให้ Lara สามารถใช้ Skill ต่างๆที่ติดมากับ Amulet ได้ด้วย โดย 2 อันแรกที่ได้มาคือ Iron Fire flail  ที่สามารถทำให้ยิงปืนเป็นกระสุนไฟได้ และ Osiris flail  ที่จะทำให้กระสุนยิงแบบแยกทิศทางได้ โดยความสามารถที่ติดมานั้นจะใช้ได้ก่อเมื่อเกทอบิลิตี้เต็มจนกระพริบจากการเก็บผลึกสีขาวที่ตกจากศัตรูและตามที่ต่างๆ
- เข้ามาด้านในต่อจะเริ่มพบนักรบโครกระดูกออกมายิงธนุโจมตีพร้อมศัตรูที่บุกออกมามากมาย ใช้การกลิ้งหลบเอาตัวรอดแล้วยิงทำลายมันให้หมดแล้วใช้ ตะขอเกี่ยว Grapple โหนเข้าไปด้านในต่อ
- ทันทีที่เข้ามาก็จะพบ Ammit ออกมาไล่ล่าอีกครั้ง จากนี้ต้องใช้ความเร็วในการหลบกับดักและศัตรูตามทางเดินจนถึงด้านในแล้วรีบใช้ ตะขอเกี่ยว Grapple โหนตัวหนีขึ้นด้านบนต่อ


                                                  * Shrine of Osiris *





ทั้ง 4 จะเข้ามาจนถึงวิหารของ Osiris ซึ่ง Isis จะแนะนำว่าการจะหยุด Set ได้นั้นต้องทำให้ Osiris คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเพื่อไปกำจัด Set แต่การจะคืนชีพ Osiris ได้นั้นต้องใช้ fragments of Osiris หรือชิ้นส่วนของ Osiris ทั้ง 10 ชิ้นที่กระจายกันอยู่ตามวิหารต่างๆใน Pyramid of Osiris แห่งนี้

  



 ซึ่งครั้งนี้จะสามารถปลดล็อกชิ้นส่วนของ ลำตัว ของ Osiris ออกมาได้ 1 ชิ้น และเมื่อ กด LT ใช้คทาแห่ง Osiris ที่รูปปั้น Osiris รูปปั้นก็จะชี้ทางไปยังทางเข้าวิหาร Tomb of Timekeeper ต่อ 
 ก่อนไปสำรวจดูที่นี่จะมีกล่องไอเทมที่เมื่อมีไฟติดอยู่ก็จะสามารถเปิดไอเทมต่างๆออกมาได้ ซึ่งไฟที่จะติดได้นั้นก็ต้องเก็บ Gems ที่เคยเก็บมาได้ตามทางที่เก็บมาได้ตลอดนั่นแหละ

** Gem ** 
 โดย Gem หรือบรรดาเพชรต่างๆที่เก็บมาได้ในระหว่างทางนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ปะเภทคือ
- Gem Point แต่ละก้อนก็จะมี Point คะแนนด้วยซึ่งจะสามารถสะสมให้ได้ตามจำนวน Challenge ของแต่ละ Tomb เพื่อให้ผ่าน Challenge นั้นๆ (จะทำหรือไม่ก็แล้วแต่) ส่วนจำนวนของ Gem ที่เก็บมาก็จะเอาไว้เพื่อแลกในการเปิดกล่องสมบัติเก็บไอเทมในกล่องตามแต่จำนวน Gems ทีแต่ละกล่องต้องการนั่นเอง โดยกล่องไหนที่มีจำนวน Gem ถึงสามารถเปิดได้ก็จะมีไฟสีแดงติดอยู่ให้เลือกเปิดเอาได้เลย ยิ่งกล่องสมบัติไหนต้องการจำนวน Gem ในการเปิดมากก็จะได้ไอเทมที่ดีมากเช่นกัน
- Skill Gem คือ Gem สีขาวซึ่ง Gem ชนิดนี้เมื่อเก็บแล้วจะสะสมไปจนเกท Skill เต็ม เมื่อเต็มแล้วก็จะสามารถแสดงผลของ Skill ต่างๆที่ติดมากับ Amulet ที่เลือกสวมใส่ได้เช่น ยิงกระสุนไฟ น้ำแข็ง หรือ ยิงเป็น 3 ทิศทาง เป็นต้น


- จากนั้นออกไปที่ประตูฝั่งขวาเพื่อเดินทางไปยังวิหารแห่งผู้บันทึกกาลเวลา Tomb of Timekeeper ต่อได้เลย

* Tomb of Timekeeper *

- เข้ามาที่โถงแรกจะพบของเล่นปริศนาชิ้นใหม่ที่หลุมทางด้านขวา ไม่ว่ามันจะดูลึกลับแค่ไหรมันก็คือ ลูกระเบิดเวลา ดีๆนั่นเอง เมื่อไปโดนมันมันจะเริ่มนับถอยหลังเตรียมระเบิดทันที แต่ก็สามารถกด LT ใช้พลังของคทา Staff of Osiris ทำให้เวลามันช้าลงได้ กด LT ใช้คทาแล้วกด B เข็นลูกระเบิดไปที่กำแพงอิฐร้าวด้านบน ระเบิดเปิดทางเข้าไปด้านใน ใช้ตะขอเกี่ยวโหดข้ามเหล็กแหลมไปด้านในต่อจนถึงโถงที่ 2
- โถงที่ 2 ที่ทางเดินจะมี กำแพงอิฐร้าว อยู่เดินเข้ามาด้านในฝั่งขวาต่อดึงแกนสวิตซ์ประประตูเหล็กออกไปทางขวาจะเจอประตูกั้นอีกชั้นและลูกระเบิดเวลาอยู่ในหลุมด้านใน จากนั้นก็ต้องดึงสวิตซ์เปิดประตูชั้นแรกเอาไว้แล้วรีบกด LT ใช้พลังของคทา Staff of Osiris ย่นเวลาก่อนกลิ้งลูกระเบิดเวลาผ่านประตูเหล็ก 2 ชั้นออกไปถึงที่ กำแพงอิฐร้าว ให้ทันเพื่อระเบิดเปิดทางเข้าด้านในต่อ
- เข้ามาจะพบแกนหมุน หมุนให้พื้นยืนที่หน้าผาออกมาแล้วรีบโดดต่อกันเข้าไปด้านในจะพบ Set ที่ส่งพวกแมลงออกมาโจมตี จัดการให้หมดแล้วเข้าด้านในต่อ ทางเดินฝั่งขวาจะมีอาวุธวางอยู่ที่แท่นหลังประตูเหล็ก ทางขวามีคันโยกสวิตซ์และพื้นสัญลักษณ์ ลงไปดึงคันโยกสวิตซ์เปิดประตูเหล็กแล้วกด LT ใช้คทาตรงพื้นให้มันยกตัวขึ้นแล้วรีบโดดกลับมาที่แท่นอาวุธให้มันเพื่อเก็บปืน Shot Gun มาใช้ (กดเช้าเมนู IVENTORY ติดตั้งในช่องอาวุธให้เรียบร้อย) จากนั้นใช้ตะขอโหนข้ามไปด้านในต่อ
- โถงถัดไปจะมี กำแพงอิฐร้าว อยู่ที่ทางเดินด้านบน ทางฝั่งขวาที่พื้นต่างระดับจะมีประตูเหล็กกั้นและลูกระเบิดเวลาอยู่ในหลุม ก่อนอื่นกด Y วางะเบิดตรงพื้นต่างระดับแล้วค่อยดันลูกระเบิดเวลามาวางทับ (อย่าลืมกด LT ย่นเวลาไว้ตลอดด้วย) จากนั้นกด Y ให้ระเบิดที่พื้นทำให้ลูกระเบิดเวลากระเด็นขึ้นมาที่พื้นด้านบน แล้วก็รีบเข็นไปที่ กำแพงอิฐร้าว ให้ทันเพื่อระเบิดเปิดทางเข้าไปด้านในต่อ
- โถงต่อไปเข้ามาแล้วจะเป็นห้องกับดักปิดตาย ในห้องจะมี กำแพงอิฐร้าว อยู่ตรงหน้า ทางขวาจะมีกำแพงสัญลักษณ์และลูกระเบิดเวลาที่จะกลิ้งตกลงมาเรื่อยๆ กด LT ใช้คทาทำให้กำแพงสัญลักษณ์ให้ดันลูกระเบิดเวลาให้กระเด็นตกลงมาที่พื้นที่ตรงกลางแล้วดันไปที่ กำแพงอิฐร้าว เพื่อระเบิดมันซะ จากนั้นที่นี่จะเริ่มถล่ม รีบวื่งหนีพื้นถล่มพร้อมกับหลบลูกระเบิดที่กลิ้งลงมาด้วย พยายามเช้ามาให้ถึงห้องด้านในให้ได้ก็จะพบ fragments of Osiris ชิ้นที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนมือขวา จากนั้นเลือกเก็บไอเทมในกล่องสมบัติตามที่สะสม Gem ไว้จนพอใจแล้วเข้าจุดวาร์ปทางขวากลับมาที่ Shrine of Osiris อีกครั้ง

* Shrine of Osiris * 

ที่หน้าลานบูชาเทพ Osiris ตอนนี้จะได้ fragments of Osiris มา 2 ชิ้นแล้วคือ ลำตัว และ มือขวา มาแล้ว จากนั้นที่นี่จะมีลูกระเบิดเวลาออกมาที่หลุมด้านหน้า เข้าไปกลิ้งมันใส่กำแพงอิฐร้าวด้านบนเปิดทางเข้าส่วนในของ Shrine of Osiris แล้วเข้าถ้ำแรกที่ประตูเปิดออกไป
- เช้ามาที่โถงแรกจะมีพื้นหัวกระโหลกกักดักอยู่ทั่วห้อง เมื่อเหยียบแผ่นนั้นแล้วจะมีเหล็กแหลมพุ่งขึ้นมาเสียบตามมาซึ่งแปลว่าต้องวิ่งผ่านแบบห้ามย้อนกลับ ซึ่งในพื้นที่ของแผ่นหัวกระโหลกที่เป็นกับดักนั้นจะมีแผ่นสีขาวที่เป็นสวิตซ์อยู่ด้วย 4 แผ่นที่ต้องเหยียบให้ครบทุกแผ่น (แบบไม่ต้องเรียงลำดับ) เมื่อเหยียบครบทางน้ำด้านในก็จะเปิดออก ว่ายเข้าไปยังส่วนโถงที่ 2 ซึ่งก็จะมี พื้นหัวกระโหลกกักดักอยู่ทั่วห้องและแผ่นสวิตซ์สีขาว 4 แผ่นที่ต้องเหยียบให้ครบเหมือนกัน เมื่อเปิดพื้นทีด้านในได้แล้วก็เข้าไปเก็บ Bolt Action Rifle มาใช้แล้วกลับออกจากถ้ำนี้



- ออกมาแล้วลุยไปตามทางเดินที่ Seth เริ่มส่งสัตรูมาขัดขวาง ลุยเข้าไปถึงลานกว้างด้านในจะเจอลูกไฟที่ใช้สำหรับเปิดประตูวิหารถูกผนึกอยู่ในซุ้มกลางพื้นที่ ซึ่งต้องเข้าไปเอามันออกมา แต่ก็จะต้องเจอทั้งกับดักและศัตรูออกมาขัดขวาง สิ่งที่ต้องทำก็คือ พยายามยืนต้องพื้นวงกลมสัญลักษณ์ที่หมุนไปรอบๆเพื่อกด LT ใช้คทาให้มันยกตัวขึ้นแล้วโดดไปด้านบนของซุ้ม กด Y ใช้ระเบิดมันซะ เมื่อระเบิดไป 1 ครั้งศัตรูจะเริ่มออกมา พยายามจัดการให้หมดก่อนค่อย ใช้คทาให้มันยกพื้นวงกลมสัญลักษณ์ที่หมุนไปมาโดดไปบนซุ้มเพื่อระเบิดครั้งที่ 2 จากนั้นศัตรูและบอสย่อยปีศาจกะโหลก Skeleton จะออกมาอีกชุดพร้อมแท่งหนามที่ออกมาหมุนในพื้นที่เพิ่มอีก จัดการมันให้หมดแล้วค่อยใช้คทาให้มันยกพื้นวงกลมสัญลักษณ์ที่หมุนไปมาโดดไปบนซุ้มเพื่อระเบิดครั้งสุดท้ายก็จะทำลายมันได้ จัดการเข็นลูกไฟเข้าไปใส่ที่แท่นตรงลานหน้าประตูสู่วิหารต่อไป ก็จะเปิดประตูเข้าวิหารแห่งช่างเงิน Tomb of Silversmith ต่อได้เลย ..

* Tomb of Silversmith * 

- เมื่อเข้ามาที่โถงแรกจะพบลูกกลม 2 ลูกกับแท่นกระจก 2 บานวางในแนวเดียวกันที่หน้าประตูที่ปิด สิ่งที่ต้องทำก็คือ เข้าไปยืนที่ลูกกลมฝั่งขวาแล้วใช้คทายิงผ่านมันไปสะท้อนกระจกขวาไปสะท้อนกระจกซ้ายไปโดนลูกกลมทางซ้าย รอซักพักลูกกลมทั้ง 2 ลูกก็จะถูกทำลายประตูก็จะเปิดให้ไปต่อ ก็จะเริ่มรู้แล้วว่าที่วิหารแห่งนี้ใช้มุขปริศนายิงแสงสะท้อนกระจกทำลายลูกกลมเพื่อผ่านทางนั่นเอง
- โถงต่อมา จะมีแท่นกระจกที่สามารถปรับได้ทางฝั่งซ้ายแล้วมีลูกกลมอยู่ทางฝั่งขวา 2 ลูกวางเรียงกันบน - ล่าง ก่อนอื่นปรับหน้ากระจกให้หันมาทางเสาระหว่างลูกกลมก่อน แล้วไปใช้คทยืนยิงมาจากด้านล่างของลูกกลมล่างให้ลำแสงทะแยงไปสะท้อนกระจกเพื่อไปโดนลูกกลมด้านบน (ถ้าไม่โดนก็ปรับกระจกให้มันได้มุมเอา) พร้อมๆกันก็จะทำลายมันเปิดประตูไปต่อได้
- ห้องโถงต่อมาจะมีลูกกลมอยู่ซ้าย - ขวากลางห้องและต้องเข็นลูกเหล็กมาทับสวิตซ์ที่พื้นด้านล่างให้แท่นกระจกด้านบนออกมา จากนั้นใช้คทายิงแสงจากด้านล่างของลูกกลมขวาให้ไปสะท้อนกระจกด้านบนให้ไปโดนลูกกลมทางซ้ายพร้อมๆกันก็จะทำลายมันเปิดประตูไปต่อได้
- โถงต่อไปจะเริ่มเจอปีศากโครงกระดูกที่เริ่มถือโล่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ายิงไม่เข้าต้องใช้การวางระเบิดหรือกระสุนน้ำแข็งจัดการมัน ด้านในห้องจะมีแท่นกระจกที่ปรับได้อยู่ 2 จุดด้านล่างและบน กับลูกกลม 2 ลูกด้านบนซ้าย - ขวา ก่อนอื่นต้องปรับกระจกบนให้หันหน้าไปทางลูกกลมซ้าย และปรับกระจกล่างให้หันหน้าเข้าห้องลูกกลมขวาด้านบนก่อน จากนั้นใช้คทายิงลำแสงจากลูกกลมด้านบนขวาให้ทะลุมาสะท้อนกระจกล่างไปที่กระจกบนซ้ายเพื่อสะท้อนไปโดนลูกกลมบนซ้าย ให้พร้อมๆกันก็จะทำลายมันเปิดประตูไปต่อได้



- ด้านในผ่านจุดเติม HP เข้ามาจะเข้ามาในห้องบอสงูยักษ์ซึ่งต้องใช้การยิงสะท้อนกระจกไปทำลายลูกลมบนตัวของมันเหมือนกับการแก้ปริศนาที่ผ่านมานั่นแหละเพียงแต่คราวนี้ต้องคอยหลบการพ่นไฟโจมตีของมันด้วย โดยรอบๆตัวบอสจะมีแท่นกระจกอยู่ 4 แท่นและสวิตซ์สำหรับทับเพื่อให้แท่นกระจกขึ้นมากับลูกเหล็กอีก 3 ลูก ส่วนลูกกลมที่ต้องทำลายก็คือที่ลำตัวของงูนั่นเอง เริ่มจาก
ชุดแรก - ดันลูกเหล็กไปทำพื้นสวิตซ์ที่แท่นกระจกด้านซ้าย แล้วใช้คทายิงแสงผ่านลูกกลมด้านซ้ายล่างไปไปสะท้อนกระจกด้านซ้ายเพื่อให้ไปโดนลูกกลมด้านบนที่ลำตัวของมันพร้อมๆกันก็จะทำลายมันได้ พลังมันจะเริ่มลดหยุดการโจมตีพร้อมลูกน้องที่เริ่มบุกเข้ามา จัดการให้หมดแล้วงูยักษ์จะโผล่มาครั้งที่ 2
ชุดที่ 2 - ตอนนี้จะมีลูกกลมที่ลำตัวของงูถึง 4 จุด ก่อนอื่นให้ดันลูกเหล็กไปทับแท่นสวิตซ์ที่กระจก 3 ด้านคือ ซ้าย - ขวา - ล่าง แล้วใช้คทายิงแสงผ่านลูกกลมด้านบนขวาสะท้อนทำลายลูกกลมบนตัวมันให้หมด 4 จุด หลังจากพลังลดอีกครึ่งหลอดศัตรูและปีศาจโครงกระดูกออกมาก็จัดการให้หมดแล้ว งูยักษ์ก็จะกลับมาสู้อีกครั้ง
ชุดที่ 3 - ชุดสุดท้าย ให้ดันลูกเหล็กไปทับแท่นสวิตซ์ที่กระจก 3 ด้านคือ ล่าง - บน - ซ้าย แล้วใช้คทายิงแสงผ่านลูกกลมด้านขวาล่างไปสะท้อนกระจกทำลายลูกกลม 3 ลูกบนตัวมันให้หมด เจ้าปีศาจงูยักษ์ก็จะถูกกำจัด
-  จากนั้นเข้าไปห้องด้านในจะเจอ fragments of Osiris ชิ้นที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนมือซ้ายมา จากนั้นเลือกเก็บไอเทมในกล่องสมบัติตามที่สะสม Gem ไว้จนพอใจแล้วเข้าจุดวาร์ปทางขวากลับมาที่ Shrine of Osiris อีกครั้ง

* Shrine of Osiris * 

ที่หน้าลานบูชาเทพ Osiris ตอนนี้จะได้ fragments of Osiris มา 3 ชิ้นแล้วคือ ลำตัว , มือขวา และ มือซ้าย มาแล้ว จากนั้นพื้นที่ตรงลานบูชาเทพ Osiris จะเปิดออก ลงไปชั้นล่างเข้าไปหมุนแกนเวลาเปลี่ยนกลางคืนให้เป็นกลางวันซะ แล้วกลับออกมาก็จะพบว่าที่นี่เป็นช่วงกลางวันแล้ว ประตูทางเข้าปิรามิดแห่ง Osiris อีกด้านก็จะเปิดออก วิ่งผ่านศัตรูและการโจมตีของ Seth เข้าไปที่นั่น ด้านในขะเป็นโถงใหญ่ที่มีวิหารแยกย่อยอีก 3 คือ วิหารไฟ  วิหารน้ำแข็ง และ วิหารน้ำ ซึ่งตอนนี้มีวิหารไฟ Tomb of Khipri เท่านั้นที่เปิดออก เข้าไปด้านในได้เลย


* Tomb of Khipri *





- เข้ามาจะพบกับ บอส Khepri ทันที ซึ่งจะต้องขึ้นไปสู้บนก้อนกลมที่มันปั้นอยู่ โดยต้องวางระเบิดทำลายที่ชาชองมันให้มันยกตัวขึ้นจากนั้นก็ยิงไปที่จุดอ่อนสีส้มกลางลำตัวได้เลย การทรงตัวบนลูกกลมนี้ค่อนข้างยาก ต้องพยายามอยู่ด้านบนๆให้ตรงๆไว้เท่านั้นไม่งั้นตกตายแน่นอน หลังจากทำให้มันพลังลดได้ ก็ต้องทรงตัวไปตามลูกกลมพร้อมๆกับหลบลูกไฟที่ยิงมาด้วย เมื่อมันกลับมาสู้อีกครั้งก็ทำเหมือนเดิม ระเบิดขา ยิงจุดอ่อน จนกว่าจะทำลายมันลงได้ เข้าไปในห้องด้านในก็จะได้ ไห Cahopie Jar มา ซึ่งเป็นสมบัติ 1 ใน 3 ของ Osiris จากนั้นเลือกเก็บไอเทมในกล่องสมบัติตามที่สะสม Gem ไว้จนพอใจแล้วเข้าจุดวาร์ปทางขวากลับมาที่ Shrine of Osiris อีกครั้ง

 

เทพ "เคปริ (Khepri)" หรือ "คีเปรา (Khepera)"
ที่มานั้นมาจากแมลง "สคารับ (Scarab)" แมลงจำพวกนี้มีลักษณะอันโดดเด่นคือ การกลิ้งมูลสัตว์ให้เป็นก้อนกลมๆ ขนาดโตด้วยขาหลัง แล้วนำไปฝังในหลุม แล้ววางไข่ไว้ในก้อนมูล เมื่อตัวอ่อนฟักตัวก็จะกลายเป็นทั้งบ้านและเป็นอาหารของมัน พฤติกรรมดังกล่าว ของแมลงกลับถูกเชื่อมโยงให้เป็นสัญญลักษณ์แห่งเทพ"เคปริ"ที่เป็นตัวแทนแห่งราในรุ่งอรุณเพราะพระองค์เป็นผู้เคลื่อนพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าซึ่งเหมือนกับสคารับที่กลิ้งก้อนอึกลมๆ ในวันที่แสงแดดจัด (ชาวอียิปต์เขาเปรียบก้อนอึกลมๆ เป็นดวงอาทิตย์) สัญลักษณ์สคารับเป็นอักษรภาพของอียิปต์ที่มีความหมายในทำนองว่าการเริ่มต้น การฟื้นคืนชีพ  ทำให้พระองค์เป็นเทพแห่งการฟื้นคืนชีพด้วย 
** เครดิตของมูลจาก Blog ไอยคุปต์แห่งลุ่มน้ำไนล์ http://zensuz.exteen.com/20100422/scarab **


* Shrine of Osiris * 

ที่หน้าลานบูชาเทพ Osiris ตอนนี้จะได้ fragments of Osiris มา 3 ชิ้นแล้วคือ ลำตัว , มือขวา , มือซ้าย และไห Cahopie Jar  มาแล้ว จากนั้นที่นี่จะเริ่มมีน้ำไหลตามที่ต่างๆแล้วซึ่งก็ทำให้กังหันน้ำด้านในของ Shrine of Osiris เริ่มหมุนอีกครั้ง เข้าไปที่นั่นแล้วโดดไปบนกังหันน้ำขึ้นไปด้านบน วิ่งไปตามรางน้ำจนสุดทาง ขึ้นไปใช้คทายิงลูกกลมด้านบนซ้าย 1 ลูกให้ทางด้านในเปิด เข้าไปทำลายแท่นยิงธนูแล้วปีนขึ้นไปเหยียบสวิตซ์ ประตูทางฝั่งซ้ายก็จะเปิดออก เข้าไปด้านในเขตน้ำตก Sobek ที่เต็มไปด้วยปีศาจจระเข้ Sobek ศัตรูแบบใหม่ที่ต้องจัดการให้หมอบแล้วซ้ำด้วยระเบิดหรือระเบิดมันทีเดียวเลย เข้าไปจนถึงลานหน้าวิหารจะพบกงล้อโชคชะตาที่ต้องวางระเบิดตรงกลางแล้วรอว่ามันจะออกมาเป็นอะไร ถ้าออกรูป Gem ก็ได้ Gem ถ้าออกรูปจระเข้ก็ต้องสู้กับ Sobek เล่นจนจบเกมก็จะสามารถเปิดทางเข้าวิหาร Tomb of Ferryman ต่อไปได้


* Tomb of Ferryman *

- ที่ห้องแรกจะพบประตูเหล็กแหลมที่กั้นอยู่ 2 ชั้นตรงทางเดินกับเสาตราสัญลักษณ์แห่งราอยู่ (เสารูปดวงตา) เมื่อยิงหรือระเบิดใส่จะทำให้มันเปลี่ยนด้านซึ่งจะมีผลเท่ากับสวิตซ์ชนิดนึงสำหรับเปิดปิดสิ่งต่างๆนั่นเอง ยิงเสารูปตาให้ประตูเหล็กแหลมชั้นแรกเปิด ก่อนเข้าไปวางระเบิดไว้ที่เสารูปตาก่อน เข้ามาด้านในแล้วกดระเบิดจะทำให้ประตูเหล็กแหลมชั้นสองเปิดให้เข้าไปด้านในได้ เข้ามาไปถึงที่กั้นที่ 3 ด้านในซึ่งต้องลงไปในทางน้ำแล้วปล่อยระเบิดให้ลอยลอดใต้ประตูเหล็กแหลมจนถึงเสารูปตาที่อยู่อีกฝั่ง กดระเบิดให้โดนเสารูปตา ก็จะทำให้ ประตูเหล็กแหลมด้านขวาเปิดออกแล้ว
- ใช้ตะขอเกี่ยวโหนข้ามเหล็กแหลมเข้าไปด้านในจนถึงสะพานร้าว เมื่อวิ่งผ่านมันจะเริ่มพัง ให้รีบวิ่งไปแล้วโดดเกาะขอบปูนอีกฝั่งให้ได้ เหยียบสวิตซ์ตรงนั้นให้พื้นที่ยินในน้ำออกมา กด LT ใช้คทาให้เหล็กแหลมที่ฝั่งซ้ายหายไปแล้วโดดไปตามทื่ยืนมาทางขวาต่อจนถึงอีกฝั่ง จัดการศัตรูแล้วกด LT ใช้คทายกพื้นขึ้นไปด้านบนต่อ
- เข้ามาด้านในเก็บปืนคู่ Machine Pistols มาแล้วจัดการศัตรูที่เข้ามาให้หมด เข้าไปด้านในฝั่งซ้ายของทางน้ำต่อจะพบลูกกลม  2 ลูกซ้าย - ขวา และ แกนหมุน กับ แท่นกระจกที่อยู่ฝั่งขวาของทางน้ำ เหยียบสวิตซ์ฝั่งซ้ายให้พื้นยืนออกมาแล้วโดดข้ามไปฝั่งขวา ถ้าหมุนแกนท่นกระจกจะยกขึ้นมาแต่มันก็จะลดกลับไปถ้าปล่อยมือ ฉะนั้นก่อนหมุนให้เอาระเบิดไปวางตรงที่แท่นกระจกจะขึ้นมาก่อน เมื่อหมุนให้แท่นกระจกขึ้นมาแล้วระเบิดจะทำให้กระจกข้างอยู่ได้ รีบโดดข้ามไปฝั่งซ้ายแล้วใช้คทายิงจากลูกกลมขวาให้สะท้อนกระจกมาโดนลูกกลมซ้ายพร้อมๆกันก็จะทำลายมันได้ ประตูด้านในก็จะเปิดออก
- ใช้ตะขอโหนผ่านเหล็กแหลมไปด้านในต่อจะพบพื้นที่ยืนทีมีเหล็กแหลมมากมาย เมื่อกด LT ใช้คทาแล้วจะทำให้เหล็กแหลมตามที่ต่างๆขึ้น - ลงแตกต่างกันไป พยายามหาจังหวะโดดไปให้ปลอดภัยจนถึงอีกฝั่ง จัดการศัตรูลุยเข้าไปด้านในจนถึงแม่น้ำที่เต็มไปด้วยลูกเหล็กแหลม จะโดดไปตามเสาหรือจะว่ายน้ำหลบเอาก็ได้ ไปให้ถึงอีกฝั่งด้านในได้ก็พอ จากนั้นใช้คทายกพื้นขึ้นมาชั้นบนต่อ
- ลานด้านในจะมีกำแพงอิฐร้าวทางซ้ายที่ต้องทำลาย ด้วยการเข้าไปเหยียบสวิตว์ด้านในให้ลูกระเบิดเวลาออกมา กด LT ย่นระยะเวลาเอาไว้ แล้วรอให้มันกลิ้งลงมาที่ทางน้ำด้านล่างต้องคอยยิงที่เสารูปตาเพื่อเปิดที่กั้นเหล็กให้มันไหลมาที่สุดทาง ยิงเสารูปตาให้มันตรงกับจังหวะที่ให้พื้นงัดลูกระเบิดชึ้นมาด้านบนให้ได้ จากนั้นก็เข็นระเบิดมาทำลายพนังร้าวเข้าไปด้านในได้ต่อ
- เข้ามาแล้วจะโดน Ammit วิ่งไล่อีกครั้ง ว่ายน้ำ โดนตามเสาหิน จนถึงแม่น้ำด้านล่างให้รอดแล้วเข้าไปที่ถ้ำด้านในก็จะได้ fragments of Osiris ชิ้นที่ 4  ซึ่งเป็นส่วนเท้าซ้ายมา จากนั้นเลือกเก็บไอเทมในกล่องสมบัติตามที่สะสม Gem ไว้จนพอใจแล้วเข้าจุดวาร์ปกลับออกมาด้านนอกวิหารได้เลย

- ออกมาแล้วจะเห็นเสาหินโผล่ออกมาให้สามารถโดดไปเข้าถ้ำทางขวาได้แล้ว แวะเข้าไปก่อน ด้านในต้องแก้ปริศนาคือ เข้าไปกดสวิตซ์ให้ลูกระเบิดเวลาตกลงมาที่ทางน้ำ กด LT ย่นระยะเวลามันไว้แล้วต้องคอยไปเหยียบสวิตซ์เปิดที่กั้นทางน้ำให้ระเบิดไหลลงมาจนถึงด้านล่างให้ได้ จากนั้นก็เข็นมันไประเบิดกำแพงอิฐร้าวทางฝั่งขวาก็จะเข้าไปเก็บอาวุธ Sub machine คู่มาใช้ได้ ด้านในยังมีระเบิดเวลาอีกลูก ถ้าอยากจะได้ Gem เพิ่มก็เข็นมันมาลอยย้ำวางระเบิดให้มันกระเด็นขึ้นมาทางฝั่งซ้าย เข็นไปที่พื้นยกให้ขึ้นไปด้านบน แล้ววางระเบิดให้มันกระเด็นไปที่กำแพงอิฐร้าวทางซ้ายให้ทันก็จะทำลายเปิดทางเข้าไปเก็บ Gem เพิ่มได้ จากนั้นก็ออกจากวิหารนี้กลับมาที่ Shrine of Osiris  


 * Shrine of Osiris * 

ที่หน้าลานบูชาเทพ Osiris ตอนนี้จะได้ fragments of Osiris มา 4 ชิ้นแล้วคือ ลำตัว , มือขวา , มือซ้าย และ เท้าซ้ายมาแล้ว จากนั้นเดินทางย้อนกลับมาที่เขตน้ำตก Sobek อีกครั้งตรงทางเดินก่อนถึงบันไดที่จะขึ้นไปที่ Tomb of Ferryman และทางขวาจะมีเทวรูปชี้ทางอยู่ ด้านหน้าทางเข้ามีรูปปั้นจระเข้อยู่ นั่นแหละเป้าหมายที่ต้องเข้าไปวิหาร Tomb of Lamplighter นั่นเอง 


* Tomb of Lamplighter *

- เข้ามาจะพบว่าที่คือถ้ำที่เต็มไปด้วยแก็ส ที่ห้องแรกเมื่อเข้าไปจุดไฟ (LB) ที่วาล์วด้านในก็จะเกิดการะเบิดขึ้นน้ำในห้องก็จะเริ่มเดือดแต่ประตูจะเปิดออกนั่นคือแนวทางการแก้ปริศนาของวิหารนี้ จากนั้นโดดไปตามแท่งหินบนน้ำเดือดท่ามกลางศัตรูที่โจมตีเข้ามาจนถึงด้านใน
- ขึ้นมาด้านบนดึงสวิตซ์แล้วพื้นยืนจะออกมาจากพนังรีบโดดข้ามไปอีกฝั่ง ยิงเสารูปตาให้หมุนแล้วลูกกรงชั้นแรกเปิดออกจากนั้นวางระเบิดไว้ที่เสารูปตาแล้วโหนตะขอขึ้นไปที่ด้านในลูกกรง กดระเบิดให้ลูกกรงด้านในเปิดออก เข้าไปจุดไฟที่วาล์วจนระเบิดทางเดินในน้ำด้านล่างขวาจะยกตัวขึ้นมาให้โดดข้ามไปทางขวาต่อได้
- เข้ามาตามทางที่มีปีศาจจระเข้ขวางระเบิดมาจากบนเสา จนถึงลานด้านในจะมีฟันเฟือง 2 อันอยู่ทางซ้าย วาล์วแก็สอยู่กลางบ่อ และ เสารูปตาอยู่ทางด้านขวา เข้าไปจุดไฟที่ฟันเฟือง แล้วยิงเสารูปตาให้เฟืองหมุนเอาไฟไปติดที่วาล์วแก็สจนเกิดระเบิดได้ พื้นยืนจะออกมาให้โดดขึ้นไปด้านบนต่อ
- ห้องโถงด้านในจะมีวาล์วแก็สที่มีเหล็กแหลมกั้นอยู่รอบๆพื้นที่ ซึ่งต้องจุดไฟที่วาล์วแก็สด้านบนให้ระเบิดเหล็กแหลมที่กันวาล์วทางซ้ายก็จะเปิด จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมดแล้วเข้าไปจุดไฟที่วาล์วด้านซ้ายให้ระเบิด เหล็กแหลมที่กันวาล์วตรงกลสงบ่อก็จะเปิดพร้อมกับศัตรูที่ออกมาโจมตี จัดการให้หมดแล้วจุดไฟที่วาล์วน้ำตรงกลางเกิดการะเบิด ประตูด้านในก็จะเปิดออก
- โถงด้านใน ให้เหยียบสวิตซ์ที่ฝั่งขวาให้ลูกเหล็กตกลงมาที่ฝั่งซ้ายตรงวาล์วแก็ส แล้ววางระเบิดที่ลูกเหล็กให้มันกระเด็นข้ามมาฝั่งขวา เอามาทับที่สวิตซ์ให้ววล์วแก็สฝั่งซ้ายทำงาน ข้ามไปจุดไฟให้เกิดการระเบิดแล้วจะมีตะขอออกมาให้โหนขึ้นด้านบนตอ
- ที่โถงด้านบนมีลูกไฟอยู่กลางห้องด้านล่าง พื้นยกที่มีเหล็กกั้นเอาไว้ และตะขอสำหรับเกี่ยวโหนไปชั้นบน เป้าหมายคือหาทางเอาลูกไฟขึ้นไปที่แท่นด้านบนเพื่อเปิดประตู เริ่มจากโหนตะขอขึ้นไปชั้นบนแล้วเดินมาทางซ้ายกดสวิตซ์เอาที่กั้นเหล็กออกแล้วรีบโดดไปที่ลูกกลม ใช้คทายิงแสงทำลายมันให้เหล็กที่กั้นพื้นยกเปิดออก ลงไปเข็นลูกไฟขึ้นมาบนพื้นยกกด LT ใช้คทาหื้พื้นยกลูกไฟขึ้นไปด้านบน ให้มันทับสวิตซ์เพื่อเปิดที่กั้นเหล็กเอาไว้ แล้ววางระเบิดให้ลูกไฟมันกระเด็นข้ามไปฝั่งใน ก็จะสามารถเข็นมันไปใส่ที่แท่นเพื่อเปิดประตูเข้าไปด้านในได้
- ที่โถงด้านในจะมีฟันเฟืองต่อกัน 3 อันและวาล์วแก็ส 2 อันซ้ายขวาที่ต้องจุดไฟกับเสารูปตาสำหรับปรับทิศทางของเฟืองอยู่กลางพื้นที่ เริ่มจากเข้าไปที่พื้นยืนจุดไฟที่เฟืองกันขวาปรับให้มันหมุนไปทางขวาเพื่อจุดวาล์วอันขวาจนเกิดการระเบิดทำหื้พ้นยืนหายไปและมีตะขอออกมาที่ด้านบน จากนั้นวางระเบิดไว้ที่เสารูปตาก่อนแล้วค่อยโหนตะขอไปชั้นบน เข้าไปวางระเบิดกับระเบิดเวลาที่อยู่น้ำด้านในให้กระเด็นกลับมาที่แท่นบนฝั่ง แล้วเหยียบสวิตซ์ทางขวาให้เฟืองอันขวาติดไฟและหมุนวนขวาเอาไฟไปติดต่อกับเฟืองกลาง กดระเบิดที่เสารุปตาให้เฟืองกลางเปลี่ยนเป็นวนซ้าย ขณะที่ไฟจากเพื่องกลางกำลังจะไปที่เฟืองซ้ายให้รีบเข็นระเบิดเวลาด้านบนไปทับพื้นสวิตซ์ฝั่งซ้ายให้วาล์วทำงานให้เร็วที่สุดพร้อมทั้งกด LT ย่นเวลาเอาไว้ด้วย จากนั้นก็รอให้ไฟไปติดที่วาล์วทางซ้ายจนเกิดการระเบิด ด้านในก็จะมีพื้นให้โดดขึ้นไปด้านในต่อ
- เข้ามาที่ทางเข้าแล้วจุดไฟทีวาล์วข้างทางให้เกิดการระเบิดจากนั้นก็วิ่งไปตามพื้นที่กำลังถล่มเข้าไปจนถึงด้านในก็จะเข้ามาในห้องที่เก็บ fragments of Osiris ชิ้นที่ 5  ซึ่งเป็นส่วนเท้าขวามา เลือกเก็บไอเทมในกล่องสมบัติตามที่สะสม Gem ไว้จนพอใจแล้วเข้าจุดวาร์ปกลับออกมาด้านนอกวิหารแล้วกลับมาที่ Shrine of Osiris

 * Shrine of Osiris * 

ที่หน้าลานบูชาเทพ Osiris ตอนนี้จะได้ fragments of Osiris มา 5 ชิ้นแล้วคือ ลำตัว , มือขวา , มือซ้าย , เท้าซ้าย และ เท้าขวามาแล้ว จากนั้นลองกด LT ดู ทวรูปจะชี้ทางไปที่ซ้ายของลานบูชาเทพ Osiris ซึ่งต้องว่ายน้ำข้ามมาทางด้านซ้ายของลานก็จะเห็นทางเข้า Oracle's Chamber ที่มีจุดเติม HP สีเขียวอยู่ข้างหน้า เข้าไปด้านในได้เลย  

* Oracle's Chamber * 

- ที่นี่จะเป็นวิหารแห่งพิษที่มีดวงตาประหลาดอยู่เต็มไปหมด เข้ามาแล้วเก็บปืนพ่นไฟ Flamethrower มาใช้ แล้วจัดการเผาฝูงแมลงที่เข้ามาให้หมด ก่อนเข้าไปด้านในต่อจนเริ่มเจอศัตรูขุกเข้ามา แมลงและตาพิษศัตรูตังป่วนของวิหารนี้  เจ้าตาพิษนี้จะโผล่ออกมาตามพื้นหรือเสาพร้อมปล่อยพิษออกมารอบบริเวณทำให้พลังชีวิตไปเรื่อยๆถ้าไม่รีบจัดการมันด้วยการวางระเบิดทำลายมันซะ
- ด้านในจะมีตะขอให้โหนขึ้นไปที่พนังทางซ้าย แต่ตามช่องของพนังนั้นเต็มไปด้วยไอพิษที่โดนก็จะตายทันที ยิงเสารูปตาที่อยู่แถวนั้นให้ช่องด้านล่างปิด แล้ววางระเบิดไว้ที่เสารูปตา จากนั้นโหนตะขอขึ้นไปผ่านช่องปล่อยพิษล่างที่ปิดแล้วไปถึงช่องบน กดระเบิดที่เสารูปตาจะทำให้ช่องปล่อยพิษบนปิดก็จะสามารถโหนไต่ขึ้นด้านบนได้ ขึ้นไปวางระเบิดที่ตาพิษจะทำให้พิษหายไปเข้าไปด้านในต่อ
- เข้าไปตามทางเดินด้านบนต่อยิงเสารูปตาให้ 2 ช่องปล่อยพิษทางขวาปิด วางระเบิดไว้ที่เสารูปตาใช้ตะขอโหนลงมาที่พนังตรงกลางแล้วกดระเบิดที่เสารูปตาทำให้ช่องปล่อยพิษตรงกลางปิดก็จะสามารถโหนผ่านลงมาเหยียบสวิตซ์ด้านล่างได้ทำให้ช่องปล่อยพิษตรงทางเดินด้านบนปิด
- จากนั้นเดินมาตามทางเดินผ่านลูกไฟที่อยู่ในช่องปล่อยพิษไปก่อน ขึ้นด้านบนไปวางระเบิดตาพิษทำให้พิษทั้งหมดหายไปแล้วะจะมีสะพานทอดออกมาตรงกลาง ลงมาเข็นลูกไฟข้ามสะพานกลับมาที่ด้านขวาเอาไปใส่ที่แท่นเปิดประตูเข้าด้านในต่อ
- เข้าไปในห้อง Boss ปีศาจตาพิษ ดวงตาขนาดใหญ่ที่โผล่มาจากพื้นปล่อยพิษโจมตีพร้อมลูกน้องที่คอยออกมาสนับสนุน สิ่งที่ต้องทำก็พยายามต้านพวกลูกน้องของมันแล้วกดต้องคอยกดวางระเบิดที่พื้นโจมตีตาพิษไปด้วย ยิ่งมันใกล้ตายเท่าไหร์มันก็จะยิ่งเคลื่อนที่ไปมาเร็วขึ้น ถ้ามี Amulet หรือ Ring ที่เพิ่มรัศมีและการโจมตีของระเบิดก็จัดการใส่ซะตอนนี้เลยจะเป็นประโยชน์มาก เมื่อจัดการมันได้แล้วเข้าไปด้านในจะพบ fragments of Osiris ชิ้นที่ 6  ซึ่งเป็นส่วน ขาซ้าย จากนั้นวาร์ปกลับออกจากวิหารมาที่ Shrine of Osiris

* Shrine of Osiris * 

ที่หน้าลานบูชาเทพ Osiris ตอนนี้จะได้ fragments of Osiris มา 4 ชิ้นแล้วคือ ลำตัว , มือขวา , มือซ้าย , เท้าซ้าย และ ขาซ้าย มาแล้ว จากนั้นเข้าไปด้านในใต้ลานที่แกนเวลา (Shrine of Osiris Interior) จะพบว่าแท่นเหล็กที่กั้นวงนอกของแกนนั้นหายไปหนึ่งอัน หมุนแกนนอกวนขวามาด้านล่างแล้วออกมาด้านนอกฝนที่ตกอยู่ก็จะหยุดแล้ว จากนั้นถ้ากด LT ใช้คทารุปปั้นก็จะชี้ไปทางขวาให้กลับไปที่ Pyramid of Osiris อีกครั้ง ด้านในวิหารที่จมน้ำอยู่ก็จะน้ำลดจนสามารถเช้าไปด้านในได้แล้ว 

* Tomb of Sobek *

- เข้าไปด้านในจะเป็นวิหารที่มีน้ำท่วมจนเป็นบึงขนาดใหญ่ ที่ถาดอาหารตรงกลางยิงไปที่กระดิ่งรูปดวงตาด้านบนที่แขวนเพื่อเรียกให้ Boss Sobek ออกมาก่อนอาหาร การต่อสู้ก็จะเริ่มขึ้น




การต่อสู้กับ Sobek นั้นค่อนข้างจะยุ่งยากหน่อยเนื่องจากในพื้นที่จะเป็นน้ำและแพที่เคลื่อนที่ลำบากแถมศัตรูต่างๆรวมทั้งตัว Sobek ก็โจมตีอย่างไม่ยั้งเสียด้วย ยิ่งถ้าโดด Sobek มันเข้างับก็คือตายทันที การจัดการมันก็เริ่มจากนำเอาลูกระเบิดเวลาที่ลอยอยู่ในน้ำเข้ามาในตระกร้าอาหารโดยการวางระเบิดให้มันกระเด็นขึ้นมา ใช้แค่ลูกเดียวก็พอ เมื่อระเบิดอยู่ในตะกร้าอาหารแล้วก็กด LT หน่วงเวลาเอาไว้แล้วยิงไปที่กระดิ่งเรียกให้ Sobek ออกมางับตะกร้าอาหารพร้อมระเบิดไปกินจนระเบิดขึ้นมาลอยหงายท้อง ปีนขึ้นไปวางระเบิดที่ท้องมันพลังก็จะลดลงแล้วมันก็จะหนีลงน้ำอีก จากนั้นพวกจรเข้นักเวทย์ลูกน้องก็จะเริ่มออกมาคอยยิงพลังทำลายระเบิดให้นายมัน ซึ่งจากนี้ก็ต้องไวหน่อยในการเอาระเบิดใส่ตะกร้าให้ทันแล้วยิงกระดิ่งเรียกให้ Sobek มากินให้เร็วที่สุด จัดการระเบิดท้องมันไปเรื่อยๆก็จะจัดการมันได้ Lara ก็จะได้ Canopic jar รูปหัวจระเข้มาอีก 1 ไห จากนั้นก็วาร์ปออกจากที่นี่แล้วกลับมาที่ Shrine of Osiris




โซเบค (Sobek)
เทพเจ้าแห่งลำน้ำ มีรูปเป็นจรเข้ เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ เพราะชีวิตของคนอียิปต์ขึ้นอยู่กับแม่น้ำไนล์ มัมมี่จระเข้ของโซเบคจะพบได้ทั่วไปในเขตที่นับถือเทพองค์นี้ริม 2 ฝั่งแม่น้ำไนล์



 * Shrine of Osiris * 

- จาก Shrine of Osiris มุ่งหน้ามาทางตะวันออกหรือทางซ้ายของพื้นที่ ผ่านวิหาร Oracle's Chamber ไปทางซ้ายเรื่อยๆจนเริ่มเห็นถนนที่เป็นหิมะปกคลุม ดูแผนที่ประกอบให้ดีเพราะตอนนี้เทวรูปมันจะเริ่มชี้มั่วแล้วเพราะจะมีวิหารที่สามารถข้าไปเก็บ fragments of Osiris ถึง 2 แห่งพร้อมๆกันโดยจะเข้าไปที่ไหนก่อนก็ได้ระหว่าง ด้านบนของเขตหิมะจะเป็นวิหาร Tomb Architect ที่ต้องระเบิดหิมะที่เกาะเฟืองรอบพื้นที่เพื่อเปิดประตูเข้าไปก่อน หรือ ทางทิศใต้ก็จะมีวิหาร Tomb of Torturer เปิดรออยู่แล้วเช่นกัน 

* Tomb of Torturer *

- ที่นี่คือวิหารแห่งการทรมาน ที่เต็มไปด้วยกับดักเหล็กแหลมที่พื้นมากมาย เข้ามาด้านในจะพบลูกกลมที่คอยปล่อยศัตรูออกมาโจมตีโดยจะใช้คทาทำลายมันหรือจะจัดการศัตรูจนมันระเบิดไปเองก็ได้ เข้ามาห้องด้านในจะมีแท่นสวิตซ์ที่อยู่กลางเหล็กแหลมอยู่กลางห้อง เข้าไปดึงแกนสวิตซ์ที่ทางเดินให้เหล็กแหลมหายไปแล้วโดดจากตรงคันโยกไปเกาะที่แท่นสวิตซ์ด้านล่างให้ทัน เหยียบสวิตซ์ประตูลูกกรงทางซ้ายเปิดออก
- เข้ามาจัดการศัตรูและลูกกลมให้หมด ลงไปด้านล่างดึงสวิตซ์ให้พื้นยืนที่พนังออกมาแล้วรีบขึ้นไปโดดข้ามไปอีกฝั่งให้ทัน เข้ามาถึงโถงกว้างด้านใน ที่ต้องทำคือไปกลิ้งลูกเหล็กไฟมาใส่ที่แท่นให้ครบ 3 ลูก แต่ระหว่างทางก็จะมีศัตรูออกมาจากลูกกลมคอยขัดขวางแล้วพื้นหนามที่คอยกั้นทางให้ไปมาลำบากขึ้น เมื่อใส่ลูกเหล็กไฟที่แท่นครบ 3 ลูกประตูลูกรงด้านในก็จะเปิดออก
- เข้าไปตามทางพื้นรูปหัวกะโหลกที่เป็นกับดักเหล็กแหลมยิงเสารูปตาเปิดประตูเหล็กด้านใน วางระเบิดเอาไว้ที่เสารูปตาก่อนแล้ววิ่งหลบทางกับดักเข้าไปถึงจุดยินพักกดระเบิดที่เสารูปตาให้ประตูด้านในเปิดสลับกับประตูนอก วิ่งหลบพื้นกับดักเข้าด้านในต่อจนถึงด้านใน ลุยศัตรูที่ออกจากลูกกลมเข้าไปที่ห้องด้านในต่อ
- ที่ห้องกับดักพื้นหัวกะโหลกด้านล่าง ต้องวิ่งผ่านเพื่อหลบไปเหยียบพื้นสวิตซ์สีขาวให้ครบ 3 จุดเพื่อให้ที่พนังมีพื้นยืนและตะขอออกมา แล้ววิ่งย้อนกลับออกมาปีนขึ้นไปด้านบนโดดไปตามพื้นยืนและโหนตะขอไปด้านในต่อ จากนั้นก็ต้องวิ่งหลบพื้นกับดักหนามลุยศัตรูไปตามทางยาวจนสุดทางก็จะเข้ามาถึงห้องเก็บ fragments of Osiris ชิ้นที่ 7  ส่วนลำตัวช่วงล่าง จากนั้นวาร์ปกลับออกจากวิหาร

จากนั้นขึ้นเหนือไปที่ Tomb Architect ประตูหน้ายังปิดอยู่ซึ่งต้องใช้ระเบิดทำลายหิมะที่เกาะเฟือง 4 อันรอบๆพื้นที่ให้หมดก่อนประตูถึงจะเปิดออกให้เข้าไปได้ 

* Tomb Architect *

- ที่นี่เป็นวิหารแห่งน้ำแข็งซึ่งจะมีไอเย็นเป็นอุปสรรค์และปริศนา ส่วนแรก โดดข้ามฟันเฟืองเข้ามาตามทางผ่านช่องทางเข้าที่มีไอเย็นขวางอยู่ไปด้านในทำลายแท่นยิงธนูแล้วขึ้นไปกดสวิตซ์ให้ช่องไอเย็นปิดแล้วกลับเข้ามาที่ช่องกลางของทางเดินได้
- ลุยศัตรูโดดไปตามฟันเฟืองจนถึงอีกด้าน เข็นระเบิดเวลามาวางทับสวิตซ์ให้พื้ยืนที่พนังออกมา กด LT หน่วงเวลาเอาไว้แล้วโดดไปตามพื้นยืนที่พนังข้ามไปอีกฝั่งให้ทัน โดดไปที่ฟันเฟืองที่มีไอเย็นกั้นอยู่ ใช้คทายิงทำลายลูกกลมที่อยู่อีกฝั่ง ไอเย็นจะหายไปโดดข้ามไปต่อได้
- โดดไปตามเฟืองที่พ่นไอเย็นออกมาจนถึงด้านล่างจะเห็นลูกกลม 2 ลูกที่เฟืองด้านซ้าย ใช้การยิงเสารูปตาที่อยู่แถวนั้นเพือปรับการหมุนของเฟืองให้ลูกกลมอยู่ในตำแหน่งที่สามารถยิงลำแสงจากคทาทำลายมันได้พร้อมกันทั้ง 2 ลูกได้แล้วไอเย็นที่ช่องทางซ้ายจะถูกปิด โดดเข้าไปต่อได้เลย
- เข้าไปฝั่งซ้ายกด LT ใช้คทาให้พื้นยกขึ้นไปเก็บปืน High Powered Rifle มาใช้ เข้ามาด้านในต่อจะเห็นลูกกลม 2 ลูกที่เฟืองบนและล่าง ใช้การยิงเสารูปตาที่อยู่ทางซ้ายและขวาเพื่อปรับการหมุนของเฟืองให้ลูกกลมอยู่ในตำแหน่งที่สามารถยิงลำแสงจากคทาทำลายมันได้พร้อมกันทั้ง 2 ลูกได้แล้วช่องไอเย็นด้านในก็จะถกปิด เข้าไปต่อได้
- เมื่อโดดเข้ามาถึงเฟืองกลางจะถูกกั้นด้วยไฟพร้อมศัตรูโจมตีทั้ง 2 ด้านให้รีบใช้คทายิงทำลายลูกกลมทั้ง 2 ด้านและศัตรูให้หมดแล้วใช้ตะขอเกี่ยวขึ้นไปทางพนังด้านซ้ายทำลายลูกกลมที่เหลือไฟที่กั้นทางอยู่ก็จะหายไปเข้าไปด้านในได้ เข้ามาจนถึงเฟืองไฟต่อไปที่ต้องโหนตะขอที่พนังฝั่งขวาข้ามไป ด้านในจะมีไฟกันทางอยู่โดดหลบไฟไปที่เฟือง 2 อันทางซ้ายเพื่อกดสวิตซ์ไฟที่กั้นทางอยู่จะดับ โดดกลับมาเข้าไปด้านในต่อได้
- เข้ามาถึงทางขาดที่มีเฟืองหมุนกั้นอยู่ ดึงสวิตซ์ที่พนังให้พื้นยืนระหว่างเฟืองออกมาแล้วรีบหาจังหวะโดดข้ามช่องของเฟืองไปอีกด้านให้ทัน โหนตะขอขึ้นไปด้านบนโดดข้ามเฟืองไปไต่กำแพงไฟไปจนถึงเฟืองไฟลุยศัตรูเข้าไปตามทางจนถึงจุดเฟืองไฟต่อไป โดดไปที่เฟืองในยิงเสารูปตาพื้นยืนด้านบนจะออกมา โดดขึ้นไปเหยียบสวิตซ์แล้วโดดกลับมาที่เฟืองยิงเสารูปตาอีกครั้งให้พื้นยืนด้านล่างออกมา โดดไปเหยียบสวิตซ์ล่าง แล้วสวิตซ์ทางฝั่งขวาจะเปิดออก โดดตามเฟืองไฟไปทางขวาแล้วกดสวิตซ์ซะแล้วไฟทั้งหมดก็จะหายไป โดดขึ้นไปด้านบนไปต่อได้เลย
- ทันทีที่เข้ามาก็จะพบ Ammit มาไล่ล่าอีกครั้ง โดดหนีเข้าไปตามทางของเฟืองไฟจนถึงด้านในก็จะถึงห้องเก็บ fragments of Osiris ชิ้นที่ 8  ส่วนหัว จากนั้นก็วาร์ปออกจากวิหารได้เลย

จากนั้นเดินทางจากวิหาร Tomb Architect ลงมาทางใต้ผ่านวิหาร Tomb of Torturer ลงมาทางเยื้องซ้ายที่ริมหน้าผาก็จะเจอทางเข้าวิหาร Tomb of Pharaoh เปิดรออยู่ 


* Tomb of Pharaoh *




- เข้ามาด้านในจะต้องสู้กับ Boss Ice Pharaoh ท่ามกลางพื้นไอเย็นและลูกน้องของมันที่ออกมาไม่หยุด ซึ่งต้องพยายามยิงโจมตีมันไปพร้อมๆกับหลบพื้นไอเย็นที่พุ่งมาจากพื้นให้พ้นด้วย โดยสามารถกด LT ใช้คทาหมุนเฟืองกลางให้มีช่องโดดไปมาระหว่างพื้นที่ซ้ายขวาได้ เมื่อจัดการมันได้ก็จะได้ fragments of Osiris ชิ้นสุดท้าย  ซึ่งเป็นส่วนของแขนทั้ง 2 ข้างมา กลับออกมาเก็บปืน Rocket Launcher ตรงทางเดินออกจากที่นี่แล้วกลับมาที่ Shrine of Osiris อีกครั้ง


* Shrine of Osiris * 

- เข้าไปด้านในใต้ลานที่แกนเวลา (Shrine of Osiris Interior) แกนเหล็กที่กันแกนหมุนด้านนอกอีกอันก็จะหายไป จัดการหมุนแกนหมุนด้านนอกวนซ้ายลงมาจนสุดแล้วกลับมาออกมาด้านนอก fragments of Osiris ทุกชิ้นก็จะประกอบกันเป็นเทวรูปของ Osiris ที่สมบูรณ์ก่อนจะชี้ทางไปยัง Pyramid of Osiris เพื่อให้ไปกำจัด Seth ต่อไป จากนั้นเข้ามาที่ทางออกทางขวาของลานเข้าไปที่ Pyramid of Osiris ด้านในจะพบว่าวิหารด้านบนที่มีน้ำแข็งปิดอยู่มันละลายออกจนสามารถเข้าไปด้านในได้แล้ว 


         * Tomb of Seth * 

- ด้านในวิหารของ Seth นั้นเข้ามาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการที่ต้องใช้คทายิงลำแสงทำลายลูกพลังสีเหลืองเพื่อทำทางเข้าไปที่ลานด้านใน ก็จะพบกับ เทพ Set ออกมาต้อนรับทันที




ในขณะที่ Seth กำลังหยั่งผยองกับชัยชนะที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้ากับมนุษย์ตัวเล็กๆอย่าง Lara ที่อยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนมันจะคิดผิดเพราะ Lara มีกำลังเสริมที่โผล่ขึ้นมาเป็นกำลังหลักของเธอ ร่างวิญญาณของเทพ Osiris ที่กลับมาด้วยภารกิจเดียวคือทวงแค้นพี่น้องที่ฆ่าเขาเมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งก็เล่นเอา Seth ไปไม่ถูกมันพยายามปฏิเสธสิ่งที่มันเห็น เพราะเทพ Osiris ได้ตายไปแล้วด้วยฝีมือมันเอง แต่ดูเหมือน Osiris จะกลับมาพร้อมกับคำอธิบายให้ Seth ฟังว่า การตายที่แท้จริงมันจะเป็นยังไง การต่อสู้ล้างแค้นของทวยเทพจึงเริ่มขึ้นท่ามกลางการช่วยเหลือเล็กๆจาก Lara Croft





Boss เทพ Seth การต่อสู้กับ Seth นั้นปล่อยเป็นหน้าที่ของ Osiris แต่สิ่งที่ Lara และคุณทำได้คือ พยายามหาทางตัดกำลังของ Seth นั่นเองโดยการใช้คทายิงทำลายลูกพลังสีส้มทั้ง 3 ลูกที่อยู่รอบๆลานให้กลายเป็นพลังสีฟ้าของ Osiris จากนั้น Osiris ก็จะได้รับพลังและสามารถตรึงร่างของ Seth เอาไว้ได้ ซึ่งถ้าเข้าไปช่วยยิงร่างมันก็จะทำให้พลังของมันลดมากขึ้น แต่ละหว่างที่พลังมันเริ่มลดลง ศัตรูที่ออกมาจากลูกพลังสีส้มก็จะยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆทั้งเจ้า Ammit เองในฐานะปีศาจสัตว์เลี้ยงของเทพอานูบิส  ก็จะออกมาช่วยด้วยการสร้างลูกพลังสีส้มขึ้นมาใหม่ ถ้ามัวแต่ขักช้าก็จะฆ่า Seth ได้ยากขึ้นเพราะในลานจะวุ่นวายมาก ที่ต้องทำก็คือพยายามเน้นทำลายลูกพลังสีส้มทั้ง 3 และโจมตีร่างของ Seth ให้เร็วที่สุดในแต่ละรอบโดยไม่ต้องไปสนใจศัตรูอื่นที่ออกมาเพื่อให้พลังมันหมดให้เร็วที่สุด

 

หลังจากจัดการ Seth ลงได้ Osiris จะยังพอมีเวลาที่จะสั่งเสียเมียและลูกของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะแม้เขาจะเป็นเทพแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะโภงความตายได้นานนัก เขายังคงต้องกลับไปยังโลกโลกแห่งความตายตามกฎของธรรมชาติ ซึ่งมันก็เป็นข้อเท็จจริงจากพื้นฐานของเหตุผลเดียวกันกับ Seth เองก็คงไม่โดนกักขังในยมโลกได้นานเช่นกัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของ Horus ลูกชายของเขาที่ต้องเตรียมรับมือกับ Seth ไปตลอดชั่วกัปชั่วกัลย์เช่นกัน 



Osiris ไม่ลืมที่จะขอบคุณ 2 มนุษย์ที่มาร่วมในงานของพระเจ้า ก่อนที่เขาจะถอนคำสาปทั้งหมดที่ติดตัว Lara และCarter ออกจนหมดสิ้น เขาจะเฝ้าดูครอบครัวของเขาจากที่ที่เขาอยู่ และจงเก็บเขาไว้ในใจเสมอเพื่อรอวันเขากลับมา ในสักวัน ...



ทันทีที่ Lara และ Carter ก้าวข้ามพ้นเขตของปีรามิด Carter ก็ไม่ลืมที่ทั้งขอบคุณและขอโทษในเรื่องความใจเร็วด่วนได้ของเขาที่เข้าไปแตะคทานั่น น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า Lara บอกกับ Carter ได้เท่านั้น และยินดีจะเก็บความลับในเรื่องความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเพราะฝีมือของ Carter ด้วย





การต่อสู้ยังไม่จบ หรือมันอาจเพิ่งเริ่มต้น Isis พยายามบอกกับ Lara และ Carter ไปพร้อมกับกล่าวขอบคุณที่ช่วยเหลือ Seth ติดอยู่โลกแก่งความตายไม่นานนักตามที่ Osiris เตือนเอาไว้ แต่ทุกครั้งที่มันกลับมาทุกคนอาจได้ร่วมสู้กันอีกครั้ง ขอให้ทั้งคู่จงจากไปพร้อมพรแห่ง Osiris

    

เมื่อคำสาปถูกทำลาย เราก็ได้กลับมาเดินตามทางเลือกของชีวิตเราเองอีกครั้ง ก็ทำไปแล้ว ไม่คิดจะหวนกลับ เส้นทางจากนี้อาจจะมีเรื่องมากมายที่จะเกิดขึ้นที่เราต้องเลือก แต่ชั้นเลือกทางที่ง่ายกว่านั้น 
ถ้าวันใดที่ Seth มันกลับมาแล้วเหล่าทวยเทพต้องการความช่วยเหลือ ก็ถ้าเขาร้องขอมา ชั้นก็จะทำ อยู่แล้ว!


********************************  THE END ********************************

วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Styx: Master of Shadows

                                   
           



                                               บทสรุป - Styx: Master of Shadows 


By - Decibel per - oxide



The Atrium of Akenash โลกที่ปิดล้อมตัวเองจากภายใน สิ่งที่พวกมนุษย์ทำทุกครั้งที่พวกเขาไม่เข้าใจในอะไรซักอย่าง พวกเขาสร้างกำแพงขนาดใหญ่เพื่อปิดล้อมมัน ล็อกด้วยกุญแจที่แข็งแกร่งพร้อมทั้งทหารมากมายที่คอยปกป้องมัน ความลับที่ยิ่งใหญ่ กับการปิดล็อกครั้งใหญ่ พวกมันบ้ากันไปใหญ่แล้ว ใครที่ไหนมันจะเดินเข้าไปหยิบออกมากันล่ะ แต่ก็อยากจะบอกว่าข้าก็อาจเป็นหนึ่งในใครพวกนั้นก็ได้ เพราะเสียงบ้าๆที่มันพยายามสั่งการอยู่ในหัวข้า กับ เจ้า Amber โคลนสีเหลืองทองที่ข้าปารถนาที่กำลังหล่อเลี้ยงอยู่ในก้นบึ้งของ World tree  ต้นไม่แห่งโลกามันคือ The Heart of World tree  





        


เจ้าพวกมนุษย์กับ Elves พยายามจะปิดให้มันเป็นความลับ พวกมนุษย์กักขังพวก Elves ไว้กับต้นไม้นั่นโดยอ้างคำสัญญา และพวกหน้าโง่นี่ก็กำลังนำ Amber มาทดลองผสมเป็นน้ำซุปสุดน่าเกลียด ยาพิษ หรือ ยาเสพติด อะไรของมันอยู่ โอ้ แผนการชั่วของข้ามันหลั่งไหลเข้าสู่สมองแทบไม่หยุด ข้าค้นหาที่นี่มานานเป็นแรมปี ตอนนี้ข้าเข้าใกล้มันเข้าไปอีกนิดแล้ว เหมือนกับเสียงในหัวของข้าที่มักจะเร่งเร้าอยู่เสมอๆ อีกนิด ใกล้เข้าไปอีกซักนิด ที่ผ่านมาข้าเหนื่อยเหลือเกิน ถึงเวลาต้องจบเรื่องนี้กันซักทีแล้ว The Heart of World tree ที่นำข้ามาที่นี่ อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็มีเป้าหมายในความปรารถนาของข้า  ยึดมันมาเป็นของข้าซะ พลังความหยั่งรู้ที่ว่ากันว่าไม่มีจำกัดของมัน ถึงเวลาเริ่มแผนแรกกันได้แล้ว เริ่มต้นกันได้ นับแต่นี้เลย ...! ... ถ้าข้าไม่ถูกจับซะก่อนน๊ะ .. 

  



ในห้องสอบสวนหลังจาก Styx ถูกจับกุมตัวในขณะนั่งคิดฟุ้งเฟ้อถึงแผนการร้ายของมันพร้อมๆไปกับสายตาที่เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเมือง มันเสียเชิงง่ายขนาดนั้นเลยรึ หรือว่ามันเป็นส่วนนึงของแผนร้ายที่ว่าของมันกันแน่ ?




Aarron - เอาล่ะเจ้าตัวประหลาด จงตอบเมื่อท่าน Lord Barimen เอ่ยถามต่อเจ้าซะ
Lord Barimen - เจ้าเป็นใคร บอกมา !
Styx - ชื่อของข้าคือ สติ๊ก ..
Aarron - แหม ช่างน่าตื่นเต้น พวก Elves ตั้งชื่อให้ตัวประหลาดของพวกมันด้วยแฮะ
Lord Barimen - แล้วเจ้ามาจากไหน ข้าไม่เคยเห็นตัวอะไรแบบเจ้ามาก่อนเลย 
Styx - เพราะข้าคือ หนึ่งเดียว ยังไงล่ะ
Aarron - มันเป็นตัวประหลาดของพวก Elves ทีส่งมาเป็นสปายในเมืองของแน่นอนท่านพ่อ !
Lord Barimen - พวก Elves ส่งเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร บอกมา !
Styx - ฮ่าๆๆ พวก Elves .. เจ้าก็รู้ของเจ้าอยู่แค่นี้แหละ พวกนั้นเขาไมจำเป็นต้องมาสืบอะไรในหอคอยนี้หรอก 
Lord Barimen - ก็แสดงว่าเจ้าทำงานให้กับพวก Elves สิน๊ะ แล้วเจ้าต้องการอะไรจากเมืองของข้า
Styx - แน่นอนข้ามาเพื่อ The Heart of World tree
Aarron - ข้าพอจะรู้ท่านพ่อ ..พวกมันต้องการโคลนสีทองที่เรียกว่า Amber ที่ไหลอยู่ใน World tree ข้าว่าควรจะสั่งเพิ่มกำลังแล้วโจมตีพวก Elves ทันทีน่ะท่านพ่อ
Lord Barimen - พอแล้ว Aarron !! ...พวก Elves เป็นพันธมิตรของเรา อย่างน้อยๆก็ตอนนี้ พวกเรายังต้องการพวกเขาอยู่ เจ้าเองก็รู้ดีนี่
Styx - อ่อ ช่าย พวกเจ้าต้องการพวก Elves ..พวกมนุษย์ต้องตายไปมากมายแค่ไหนกันน๊ะตอนที่พวกเจ้าพยายามสกัด Amber กันด้วยตัวเอง ห๊า ตายกันมากแค่ไหน ? เป็นพัน เป็นหมื่น อ๋อแน่ละ เจ้าต้องการพวก Elves แต่พวกเขาไม่ได้ต้องการพวกเจ้า นานแค่ไหนแล้วที่เจ้ากักขังพวกเขาเอาไว้ในโลกของพวกเจ้า อย่าลืมสิ World tree อยู่ที่นี่ Amber ทั้งหมดก็อยู่ที่นี่ The Heart of World tree ก็อยู่ที่นี่ ...ข้าก็แค่ยื่นมือเข้าไปฉกมันมาเป็นของข้าแล้วหนีออกจากที่นี่ซะ  
Lord Barimen - พวก Elves จะตายกันหมดถ้านำต้นไม้กลับไปพวกเขาถึงไม่คิดจะทำไง  พวกเรามีสัญญาร่วมกันอยู่ 
Styx - มีสัญญากันเรอะ เราไม่เคยทำสัญญากับพวกที่กำลังกักเก็บน้ำ Amber นั่นซักหน่อย หลงประเด็นแล้วท่านผู้ว่า  
Lord Barimen - ฮ่าๆๆ เจ้าก็ช่างกล้าข้ามั่นใจว่าเจ้ายังไม่เคยเห็น  Heart of World tree ซักครั้งด้วยซ้ำ
 Styx -โอ้ เหมือนข้าจะเคยเห็นแว๊บๆน๊ะ เจ้าเก็บมันไว้ที่ส่วนในของ The Atrium ข้าเห็นมันทั้งกลางวันและกลางคืน แม้กระทั้งในความฝัน และ ข้าก็มักจะพูดกับตัวเองอยู่ทุกวันว่า " เฮ้ยเจ้าหัวขโมย Heart of World tree ก็อยู่ตรงหน้าแกแล้ว ทำไมไม่หาทางที่จะเข้าไปฉกมันมาเป็นของแกซะทีล่ะ หรือสุดยอดหัวขโมยอย่างเจ้า จะยอมกลับบ้านมือเปล่า ? "

    

อธิบายไปก็คงจะเปลืองน้ำลาย Styx เองก็คงจะคิดแบบนั้น สู้เล่าให้พวกมนุษย์หน้าโง่สองคนนี้เห็นถึงอัจฉริยะภาพในการวางแผนของมันเป็นฉากๆเลยจะง่ายกว่า เริ่มจากวันที่ ก็อย่างที่บอก หลังจากเฝ้ามอง World tree ที่อยู่นอกลูกกรงคุกอยู่นาน ก็ถึงเวลาที่ Styx ต้องทำตามเสียงสังการของจิตใต้สำนึกของเขาเสียที  

 - Intro - REMINSCENCES

- หลังจากเฝ้ามอง World tree ที่อยู่นอกลูกกรงคุกอยู่นาน ก็ถึงเวลาที่ Styx ต้องทำตามเสียงสังการของจิตใต้สำนึกของเขาเสียที  เรียนรู้ระบบการบังคับขั้นพื้นฐาน กด B ย่อตัว / RB กลิ้งหลบ / A กระโดด เพื่อเข้าไปด้านใน จะได้ยินเสียงทหารยามคุยกันถึงเรื่องมีดสั้นที่ถูกเก็บเอาไว้ห้องด้านบนหอคอย ซึ่งนั้นเป็นเป้าหมายแรกที่ Styx ต้องไปเอามันมาเพราะมันคือ มีดสั้นคู่กายของเขานั่นเอง ลอบเข้าไปจนถึงโต๊ะด้านใน กด Y เก็บไอเทม Vail of Life ซึ่งก็คือไอเกมเติมพลังชีวิตของเกมนี้ ใช้ไอเทมโดยการกด LB และสลับไอเทมที่ต้องการด้วยปุ่มทิศทางซ้าย - ขวา

เรียนรู้ Skill ในการลักลอบของ Styx 
- ตลอดเส้นทางของทางเดินนี้ ต้องเรียนรู้สิ่งสำคัญพื้นฐานแต่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การลักลอบ (Stealth) การซุ่มเงียบ คือแนวทางหลักของ Styx อีกอย่างที่เขาเชี่ยวชาญเพราะถึงจะมี Skill ด้านการสังหารอยู่แต่เจอกับศัตรูจำนวนมากนั้นไม่เกิดผลดีกับ Styx แน่นอน หลักสัมพันธ์ที่ดีกับการลักลอบข้อแรกก็คือ เสียง เพราะในเกมนี้เสียงทุกเสียงคือตัวแปรที่จะทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยากทันที ซึ่งการจะทำให้มันได้ผลดีนั้นต้องอาศัย ความเงียบในการเคลื่อนที่ก็คือ การย่อง (กด B ) และและข้อสำคัญอย่างที่ 2 ก็คือ ความมืด การพรางตัวให้ศัตรูเห็นได้ยากนั้นก็คือการเข้าไปดับจุดคบเพลิงตามทาง (กด Y ) นั่นเอง ซึ่งความสำคัญทั้ง 2 ที่ว่ามานั้นจะทำให้ศัตรูรู้ตัวได้ยากขึ้น สุดท้ายที่ต้องระวังคือ สภาพแวดล้อม สิ่งของต่างๆวางอยู่ตามทางนั้นบางอย่างที่เมื่อเดินชนแล้วจะเกิดเสียงดังขึ้นมาทำให้ศัตรูรู้ตัวทันที ซึ่งสามารถสังเกตปฏิกิริยาของศัตรูได้ด้วยเกทความสนใจที่ขึ้นมาบนหัวของศัตรูเป็นสีต่างๆก็คือ  สีเหลือง - เริ่มสงสัย  / สีส้ม - เข้าตรวจสอบที่หมาย และ สีแดง เข้าโจมตีนั่นเอง 

- ลอบผ่านจนออกมาที่ระเบียงด้านนอก Styx จะเห็น World Tree เป้าหมายของเขาอย่างเต็มตาแต่มันก็ยังอยู่อีกไกลแต่คงไม่ไกลเกินเอื้อม มุดเข้าไปที่ช่องเล็กที่ระเบียงเข้ามาในห้องด้านใน จะมีทหารอยู่ 3 คน เรียนรู้การหลบใต้โต๊ะ ที่ทันทีที่เข้าไปมุมกล้องจะถกปรับให้เป็นมุมมองบุคคลที่ 1 เพื่อสะดวกในการมองทันที รอจังหวะให้ทหาร 2 คนที่กลางห้องกับโต๊ะด้านขวาหันหน้าไปทางอื่นก็รีบลอบเข้าไปที่ใต้โต๊ะอีกตัว แล้วรีบเข้าไปมุดเข้าช่องเล็กๆใต้โต๊ะด้านในที่ทหารคนที่ 3 ยืนพิงอยู่ได้เลยเพราะมันจะหันไปทางซ้ายตลอด
- เข้าไปในห้อง เก็บแผนที่และมีดสั้นคู่ใจมา จากนั้นเข้าไปปลดล็อกประตูซึ่งต้องใช้เวลาในการกด X ค้างจนเกทสีน้ำเงินเต็มวงกลม แต่ก่อนออกประตูไปก็ควรจะกด Y เพื่อมองผ่านรูกุญแจเพื่อเช็คสภาพด้านนอกประตูด้วย ออกมาแล้วปีนไปตามเหล็กรูปกากบาทบนพนังขึ้นไปด้านบน ซึ่งเจ้าเหล็กรูปกากบาทที่พนังนั้นมองค่อนข้างยาก แต่หลังจากที่ได้พลัง Amber แล้วจะมีวิธีที่จะมองเห็นมันชัดขึ้นกว่านี้ ปีนขึ้นไปบนขื่นไม้ด้านบน มุดเข้าไปในห้องจะพบทหารยามอยู่



 เรียนรู้ Skill ในการฆ่าของ Styx 
ตามกฎของแรกของนักฆ่าที่เขาท่องจำอยู่เป็นประจำในหัว " จงลอบโจมตีจากด้านหลังเสมอ โดยเฉพาะศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าเรา 2 เท่า " ซึ่งในช่วงแรกจะมีแค่ 2 รูปแบบคือ สังหารอย่างรวดเร็วด้วยการกด X ที่ด้านหลังเป้าหมายแต่การสังหารแบบนี้จะเกิดเสียงดังจนอาจทำให้ศัตรูที่อยู่ใกล้ๆได้ยิน ส่วนอีกแบบคือการ สังหารแบบ Muffled Kill โดยการกด X ค้างที่ด้านหลังเป้าหมายจนเกทสีน้ำเงินเต็มวงกลม ซึ่งอาจจะใช้เวลานานหน่อยแต่เสียงจะเงียบกว่าเยอะ ส่วนการเข้าปะทะแบบซึ่งหน้านั้น Styx ก็พอได้อยู่ถ้าจำเป็น โดยการกด X ในจังหวะศัตรูโจมตีเข้ามาเพื่อให้เกิดท่า Parry หลายๆครั้งจนศัตรูเริ่มมึนงงก็จะเข้าไปกด X สังหารศัตรูได้ ซึ่ง Styx ก็สู้ได้ดีและสมศักดิ์ศรีของเขาอยู่ตราบใดที่คุณผู้เล่นสามารถกด X ตรงจังหวะ ในกรณีที่มีศัตรูมากกว่าหนึ่งก็สามารถกด RB ในการกลิ้งตัวหลบได้ด้วย แต่ ก็อย่างที่บอก Styx นั้นไม่ถนัดแนวบู๊ล้างผลาญแบบนี้ เพราะรับรองถ้าปล่อยให้สู้ไปไม่นาน Styx ก็ต้องตายแน่นอน ฉะนั้นการต่อสู้แบบซึ่งหน้าและมีศัตรูจำนวนมากกว่าหนึ่งจึงควรหลีกเลี่ยงเป็นที่สุด และ หลังจากสังหารศัตรูแล้วศพของมันก็จำเป็นที่ต้องแบกไปหลบซ่อนเหมือนเกมแนวลอบฆ่าทั่วไปด้วย แต่บอกตามตรงว่า ถ้ามันไม่มีที่ให้ซ่อนก็ไม่จำเป็นต้องไปดิ้นรนเพราะถึงศัตรูตัวอื่นมาเห็นก็ไม่ส่งผลต่อตัว Styx มากนักตราบใดที่ยังอยู่ในที่ซ่อนตัวที่เหมาะสม 

- จากนั้นเปิดประตูมาตรงทางเดินจะพบถุงทรายอยู่ เมื่อเข้าไปเก็บมามันก็จะเป็นหนึ่งในไอเทมที่ Styx สามารถนำไปใช้ปาใส่คบเพลิงเพื่อดับมันจากระยะไกลได้ ด้วยการกด LB และเลือกใช้จากปุ่มทิศทางซ้าย - ขวาเหมือนไอเทมทั่วๆไป จากนั้นใช้มันดับคบเพลิงหลบทหารในห้องผ่านเข้าไปมุดเข้าช่องที่สุดทางเดินต่อ เมื่อเข้ามาถึงด้านในจะพบทหารที่อยู่เต็มทางเดิน เรียนรู้การเข้าที่กำบังด้วยการกด RT ที่ลังไม้เพื่อรอให้ทหารเดินผ่านไปก่อน ค่อยเข้าไปที่ห้องด้านใน ใช้การกด RT กำบังตัวสลับกับกด Y ในการเปลี่ยนที่กำบัง หลบพวกทหารแล้วเข้าไปยังประตูทางฝั่งขวาของห้องแล้วเข้าไปที่ประตูสุดทางเดินเพื่อเข้าสู่ส่วนต่อไป

- ส่วนที่ 2 เข้ามาตามทางเดินด้านในจะพบคน 2 คนอยู่ระหว่างทาง ไม่ต้องตกใจเพราะมันไม่ใช่ทหารจึงสามารถฆ่ามันได้พร้อมกันทั้ง 2 คนถ้าต้องการ เมื่อผ่านเข้าประตูมาในห้องด้านใน Styx ก็ได้พบกับสิ่งที่เขาโหยหามานานซึ่งก็คือ Amber น้ำจากแหล่งกำเนิดของเขา ซึ่งเป็นทั้งยาเสพติดที่เขาขาดไม่ได้และยาเพิ่มลังพิเศษให้กับเขาด้วย ทันทีที่ Styx กระดก Amber จนหมดขวด พลังแฝงในตัวเขาก็เริ่มแสดงพลังออกมา





 ** Amber Skill ** 

พลังที่ว่าก็คือ Skill ของ Styx ที่เรียกว่า Amber Skill ประกอบด้วยความสามารถ 3 ชนิดคือ
- Clone การสร้างร่างโคลนมาเพื่อใช้งาน โดยการกด LT + A สร้างและสลับกับตัว Styx และ กด LT + B ในการทำลายร่างโคลน ซึ่งจะกินเกทค่า Amber ในระดับปานกลาง
- Amber Vision การใช้สายตาแบบพิเศษที่ทำให้เห็นสิ่งต่างๆที่มองเห็นยากในพื้นที่ ทั้ง เส้นทางที่สามารถเกาะปีนได้ ที่หลบซ่อน ศัตรู โดยการกด LT + Y ซึ่งจะกินเกทค่า Amber ในระดับต่ำ  
- Invisibility ความสามารถในการล่องหนในระยะสั้นๆ โดยการกด LT + X ซึ่งจะกินเกท Amber ในระดับสูงมาก 

** ซึ่ง Amber Skill นั้นจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีเกทพลัง Amber ซึ่งเป็นแทบสีเหลืองๆใต้แถบพลังชีวิตทางซ้ายล่างตามที่กำหนด โดยแต่ละ Skill ก็จะใช้ค่าพลัง Amber ไม่เท่ากัน และเกทพลัง Amber นั้นก็สามารถเติบได้ด้วยการดื่ม Vail of Amber ซึ่งมีค่าเท่ากับน้ำยาเติม MP โดยจะสามารถหาเก็บได้ตามที่ต่างๆระหว่างทาง ** 

- จากนั้นเข้ามาที่ประตูลูกรงสุดทางก็เริ่มเรียนรู้การใช้งาน Amber Skill อันแรกคือ การโคลนนิ่ง ได้เลย โดยการกด LT + A เพื่อสร้างร่างโคลนขึ้นมา จากนั้นกด LT + A เพื่อสลับให้ Styx สามารถบังคับร่างโคลนได้ จากนั้นบังคับร่างโคลนมุมดผ่านเข้าประตูลูกรงไปแล้วสับคันโยกเปิดประตูให้ เข้าไปที่สุดทางจะพบทหารเฝ้าอยู่ ใช้ร่างโคลนล่อมันให้เข้าไปสู้ จากนั้นสลับเป็น Styx แล้วเข้าไปแทงมันจากด้านหลังได้เลย สับคันโยกแล้วออกประตูไปต่อ
- เข้ามาจนถึงห้องโถงใหญ่ที่ใช้ผลิตสารสีเหลือง เป้าหมายคือลอบเข้าไปที่ส่วนขวาล่างของพื้นที่ ซึ่งเส้นทางไปนั้นมีทางเดียวแต่วิธีการที่ใช้ในการไปนั้นมีมากมาย ท่ามกลางพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพวกทหารศัตรูนั้นสามารถใช้การเปิดสารสีเหลิงที่เครื่องจักรด้านหน้าทางเข้าให้ปล่อยสารสีเหลืองออกมาจนทหารบางส่วนที่อยู่ใกล้ๆตายให้ หรือ จะใช้การขึ้นไปปลดกรงเหล็กที่แขวนอยู่ให้ตกลงมาเพื่อเบี่ยงเบนทหารศัตรู พยายามใช้ Amber Vision ในการมองหาที่ปีนดีๆ เพื่อลอบเข้าไปที่ ส่วนทางขวาล่างของพื้นที่ เพื่อเข้าไปจนถึงเป้าหมายคือทางออกของพื้นที่นี้

- ส่วนที่ 3  เข้ามาแล้วเมื่อเกาะลงไปที่ประตูด้านล่างจะพบว่ามันถูกปิดล็อกเอาไว้ทำให้พื้นที่นี้ถูกปิดตายทันที ขณะที่ Styx กำลังพยายามมองหาทางออก ก็ได้ยินเสียงของชายคนนึงเรียกชื่อเขา สำรวจด้านซ้ายของห้องจะพบชายคนนึงที่เรียกตัวเองว่า Ozkan ที่เปิดทางลับให้ Styx เข้าไปคุยกับเขาด้านใน

 

และไม่รู้เพราะอะไรที่เสียงในหัวของ Styx ก็รู้สึกได้ว่าเขาคุ้นกับชื่อของ Ozkan อย่างมากแต่ก็ปวดหัวจนคิดอะไรไม่ออก Ozkan บอกว่าเขาหาที่ซ่อนเหมาะให้ตามที่ Styx ขอให้ทำแล้ว ซึ่ง Styx เองกลับจำอะไรไม่ได้เลย ในเมื่อจำไม่ได้แล้ว Styx จึงจำเป็นต้องถามทางไปยัง Hideout นั่นใหม่อีกครั้ง Ozkan จึงบอกให้มองหาสัญลักษณ์ที่เขาไว้ตามทาง มันจะนำทางไปยังที่ซ่อนตัวที่เขาหาไว้ให้ แต่ก่อนจะไปก็ต้องไปหาที่เปิดท่อระบายน้ำ (Sewer pry bar) เอาไว้ใช้ในการเปิดท่อระบายน้ำด้วย เพราะที่ซ่อนที่ Ozkan หามาให้มันคือ ท่อระบายน้ำ นั่นเอง

** เรียนรู้การล้วงกระเป๋า เข้าไปกด Y เพื่อล้วงกระเป๋าศัตรูที่มีขวดไอเทมแขวนให้เห็นได้ ทดลองฉกจากกระเป๋า Ozkan ก่อนได้เลยเมื่อเขาหันหลัง ** 

-  จากนั้นใช้ Amber Vision ในการมองหาสัญลักษณ์ Amber mark  ตรงที่ปีนแล้วปีนขึ้นไปที่ชั้นบนจะพบกับชายที่มีแผลเป็นที่เรียกตัวเองว่า Amber Scar ซึ่งเขาจะแนะนำให้ Styx รู้จักถึง Relic ที่ซ่อนอยู่ตามจุดลับในหอคอย ซึ่งมันก็คือภารกิจย่อย (Secondary Objective ) ในการเก็บสมบัติลับที่ซ่อนอยู่นั่นเอง

ภารกิจย่อย (Secondary Objective )
ภารกิจย่อยนั้นจะมีให้ทำควบคู่ไปกับภารกิจหลักในทุก Chapter แต่จะอยู่คนละสถานที่กันโดยดูจากตำแหน่งที่ชี้บอกจุดหมายที่ต้องไปที่จะแยกออกเป็น 2 ทาง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภารกิจตามหา Relic ที่ซ่อนอยู่ โดยสามารถดูตำแหน่งของมันในภาพบอกใบ้จากเมนู Relic และ ภารกิจที่ให้ทำตามเงื่อนไขต่างๆที่แตกต่างกันไป เช่น ฆ่าเป้าหมาย ขโมยไอเทมเป้าหมาย ซึ่ง ภารกิจย่อย บางงานอาจจะยุ่งยากกว่าเส้นทางในภารกิจหลักด้วยซ้ำ แต่รางวัลที่ได้จากมันนั้นคือค่า SP ที่ใช้สำหรับอัพเกรด Skill นั้นก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะแต่ละ ภารกิจย่อย นั้นจะให้ค่า SP เป็นรางวัลที่ค่อนข้างสูง และ บางทีอาจสูงกว่า SP ที่ได้จากภรกิจหลักด้วยซ้ำ ภารกิจย่อย จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามครับ 
** ชี้ทางของภารกิจย่อยนั้นจะมีเฉพาะการเล่นในโหมด Easy และ Normal เท่านั้นน๊ะครับ ถ้าระดับ hard หรือ Goblin จะไม่มีเป้าหมายชี้ทางบอก ** 

- จากนั้น ใช้ Amber Vision ในการมองหาที่ปีนแล้วปีนขึ้นไปที่ชั้นบนต่อก็จะพบทางออกจากทีนี่ ลงมาแล้วจะพบไอเทมอาวุธแบบใหม่ซึ่งก็คือ มีดขวาง ที่สามารถเลือกใช้ด้วยปุ่มทิศทางซ้าย - ขวา และกด LB ในการขวาง ศัตรูโดนไปทีเดียวจอด จากนั้นลอบเข้าไปจนถึงจุดหมายด้านใน สำรวจที่พนัง Styx จะเช้ามาที่ห้องลับ เข้าไปเก็บ Sewer pry bar หรือที่เปิดฝ่าท่อระบายน้ำนั่นเอง แต่เมื่อได้ของมาแล้วด้านนอกประตูจะเต็มไปด้วยทหารมากมาย ให้ใช้ Skill Invisibilityด้วยการกด LT + X เพื่อหายตัวหลบทหารออกจากห้องนี้ หลบทหารขึ้นบันไดทางขวาไปต่อ ซึ่งการหายตัวนั้นจำเป็นต้องใช้น้ำ Amber หลายขวดในการหลบทหารออกมาจากห้อง เมื่อผ่านบันไดมาชั้นบนแล้ว จากนั้นก็ลอบหลบทางตามทางเดินเข้ามาจนถึงชั้นเก็บของสุดทางเดินเพื่อปีนขึ้นไปชั้นบนต่อก็จะพบทางเข้าท่อระบายน้ำ ซึ่ง Ozkan เป็นคนแนะนำให้รู้จักที่ที่จะเป็นที่ซ่อนของ Styx เป็นที่ซ่อนตัวลับในการเตรียมตัวก่อนสู้กับศัตรู

                    ************************************************************************





** Hideout **
ท่อระบายน้ำแห่งนี้จะเป็นทั้ง ที่ซ่อนตัวจากศัตรู ที่อัพเกรด Skill โดยใช้ค่า SP ที่ได้จากหลังจบภารกิจต่างๆ (ซึ่งเก็บมาตั้งแต่ต้นเกมก็สามารถใช้ได้ที่นี่นั่นแหละ) ที่เตรียมไอเทม และ สามารถเข้าไปในเล่นใน Chapter ก่อนหน้านี้ได้อีกครั้งด้วย 


                                               ** Ability Skill ** 

ความสามารถต่างๆของ Styx นั้นสามารถปลดล็อกมาใช้ได้ด้วยค่า SP โดยการค่า SP นั้นก็ได้มาจากรางวัลของการทำ Objective ต่างๆทั้งในภารกิจหลักและในภารกิจเสริมนั่นเอง 

  




STEATH
1. Sixth Sense สัมผัสที่ 6 ที่จะแจ้งเตือนทุกครั้งที่ศัตรูเข้ามาในระยะใกล้รวมทั้งเมื่อศัตรูที่ใช้ธนูเล็งมาที่ตัว Styx ด้วย
2.Light Footsteps ไม่ว่าเวลาเดินหรือจะวิ่งในขณะหายตัวจะไม่ทำให้เกิดเสียงดัง
3.Rapid Recovery ทุกครั้งหลังจากคืนสภาพจากการหายตัวจะทำให้เกท Amber คืนสภาพให้ 50 %
4. Master of invisibility อยู่ในสภาพหายตัวได้นานขึ้นโดยที่เกท Amber ไม่ลดถ้าไม่เคลื่อนที่

 

AGILITY
1.Silent Landing ทำให้สามารถโดดลงจากที่สู้ลงสู่พื้นได้แบบไม่มีเสียง
2.Mastery of Escape ทำให้การกลิ้นตัวนั้นเป็นการกลิ้งโจมตีศัตรูในยามที่ต้องหนี
3.Expert Duelist ในยามดวลกับศัตรูจะทำให้กด Parry ได้ดีขึ้นและทำให้ศัตรูมึนงงจากการ Parry ได้เร็วขึ้น
4. Elite Thrower สามารถปาอาวุธชนิดขว้างได้ไกลมากขึ้น 






CLONING
1.Bind สามารถใช้ร่างโคลนเข้าไปเกาะศัตรูทำให้มันมองไม่เห็นทำให้สามารถเข้าไปฆ่ามันได้โดยง่าย
2.Pounce สามารถใช้ร่างโคลนเข้าไปในกล่องเพื่อดักโจมตีศัตรูได้
3.Superior smoke bomb สามารถใช้ร่างโคลนทำระเบิดควันได้ 2 ครั้งและมีระยะของควันกว้างขึ้น 
4.Invisible Clone ทำให้ร่างโคลนสามารถหายตัวได้โดยไม่เสียค่า Amber 






Amber Vision
1.Expert Collector เมื่อใช้ Amber Vision จะสามารถเห็นตำแหน่งของไอเทมสะสมได้ทั้งหมดอย่างชัดเจน
2. Superior Amber Vision สามารถใช้ Amber Vision ได้นานขึ้น 2 เท่า
3.Mercing Gaze ทำให้สามารถเห็นทิศทางการมองของศัตรูว่ากำลังมองไปทางไหน
4.Awakeness ขยายพื้นที่การมองเห็นของ Amber Visiong เพิ่มขึ้น 50 %






Equipment 
1.Master Healer สามารถพกยาเติมพลัง Vail of Life ได้ในจำนวนที่มากขึ้น
2.Stock of Acid ทำให้ไอเทมขวดยาพิษในที่ซ่อนลับนั้นมีให้ใช้ทุกครั้งแม้จะเข้ามาเอาในระหว่างภารกิจ
3.Master Cutler สามารถพกมีดขว้างได้ในจำนวนมากขึ้น
4.Master Amber สามารถพก Vail of Amber ได้ในจำนวนที่มากขึ้น




KILL
1.Corverd Kill สามารถฆ่าศัตรูได้ในขณะอยู่ในที่กำบังได้ (ไม่ว่าจะเล่นสายไหน Skill นี้ก็เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก) 
2.Aerial kill สามารถโดดลงมาสังหารศัตรูที่อยู่ด้านล่างจากด้านบนได้
3.Hanging kill สามารถสังหารศัตรูที่อยู่ด้านบนในขณะที่เกาะอยู่ที่ขอบระเบียงได้
4.Murderous impulse ความสามารถในการพุ่งเข้าโจมตีศัตรูจากระยะไกลได้   


** หลังจากอัพเกรด Skill สายใดสายนึงให้เต็มทั้ง 4 Skill แล้ว Skill สุดท้ายก็จะปลดล็อกออกมา **

PREDATOR
1. Manipulator of Shadows - ทุกครั้งที่เริ่มใช้งานโคลนจะทำให้อยู่ในสภาพล่องหนโดยอัตโนมัติ
2.Born to killer การฆ่าแบบโดดลงจากที่สูงและแบบฆ่าจากมุมที่ซ่อนตัวจะไม่มีเสียงให้ศัตรูได้ยิน 
3.Omniscience สามารถใช้ Amber Vision มองศัตรูแบบเห็นทะลุกำแพงได้

4.Master of Vials คื่มไอเทมเตืมพลังทุกอย่าง 1 ขวดเต็มหลอดทันที  



และหลังจบภารกิจหลักนั้น ค่า SP ที่ได้นอกจากจะได้ ภารกิจหลักและภารกิจรอง แล้วยังจะหาได้จากการทำเงื่อนไขต่างๆในภารกิจด้วย เช่น
Shadow - ผ่านภารกิจโดยไม่มีการ Alert เลย  [20 SP]
Mercy -  ผ่านภารกิจโดยไม่มีการฆ่าศัตรูเลย [20 SP]
Swiftness - ผ่านภารกิจโดยทำเวลาเร็วที่สุด [20 SP] 
Thief - ผ่านภารกิจโดยเก็บไอเทมทุกชนิดที่มีอยู่ในภารกิจ [20 SP]

               *******************************************************************************


   

                                                                  " ข้อควรจำ "

* การเซฟแบบได้เปรียบ *
การเซฟเกมหลักๆนั้นคือ Auto Save แบบอัตโนมัติตามจุดสำคัญๆอยู่แล้ว แต่การเซฟที่เราสามารถใช้เอาเปรียบเกมได้ก็มีคือ การกดเข้าเมนูเซฟเพื่อสร้างเซฟหลักขึ้นมา และเซฟหลักที่สร้างนี้จะทำให้เราสามารถโหลดขึ้นมาใหม่ในคำสั่ง Continue ได้จากทุกที่ที่เราเซฟเอาไว้เลยครับ ยืนค้างตรงไหนโผล่มาตรงนั้น ซึ่งอาจจะดูไม่มีศักดิ์ศรีหน่อย แต่มันสะดวกสบายมาก แต่ ก็มีจุดที่ควรระวังเพราะก่อนเซฟแบบนี้ควรดูรอบๆตัวก่อนว่า อยู่ในสภาพที่ได้เปรียบอยู่หรือเปล่า เพราะถ้าเผลอเซฟในขณะที่โดนศัตรูพบเห็นหรือถูกโจมตีอยู่มันก็จะโหลดขึ้นมาตรงจุดที่โดนโจมตีทุกครั้งทันทีที่คุณ Continue 

* หลักของการ Stealth  * 

การลักลอบ หลักของการลักลอบที่ดีและควรทำนั้นก็คือ การสังเกตทิศทางและการกระทำของศัตรู แต่การแอบอยู่นิ่งๆอย่างเดียว อยู่ที่เดียวนานๆ บางครั้งมันก็ทำให้ศัตรูไม่เคลื่อนไหวตามไปด้วย การลักลอบจึงเกิดขึ้นไม่ได้ ฉะนั้นการลักลอบที่ดีที่สุดคือการเคลื่อนที่ตลอดเวลาตามศัตรูที่กำลังเคลื่อนที่ไปตามทิศทางของพวกมัน เราสามารถเดินตามหลังมันได้เพื่อหาที่ซ่อนใหม่  การเดินทางก็สามารถดำเนินคืบหน้าไปช้างหน้าได้เรื่อยๆโดยไม่ตีบตันอยู่กับที่ คิดไว ทำไว พร้อมแก้ไขสถานการณ์ไปตลอดจะทำให้ดำเนินเกมอย่างสนุกมากขึ้นครับ 



               ********************************************************


การสอบสวนของ Lord Barimen กับเจ้า Styx ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางความขุนข้องหมองใจ ....





Lord Barimen - เจ้าซ่อนตัวอยู่ใน Atrium มานานแค่ไหนแล้ว
Styx - ข้าเลิกที่จะจำมานานแล้ว นานพอๆกับการที่ข้าเดินทางมาที่นี่ คิดแล้วสมองจะระเบิดให้ได้ทุกที
Lord Barimen - ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้เกิดจากฝีมือพวก Elves แล้วใครเป็นคนสร้างเจ้าขึ้นมา ?
Styx - เปล่า ข้าไม่ได้กำเนิดจาก Amber Lake ของพวก Elves จริงๆแล้วเจ้าควรห่วงว่าข้ากำลังจะทำอะไรมากกว่าทีที่ข้าจากมาน๊ะ 
Lord Barimen - จริงๆเพราะข้าก็นึกภาพที่ที่เน่าเห็นที่เจ้ามาไม่ออกน่ะสิ ก็แค่อยากให้ความสงสัยมันหมดไปเท่านั้นเอง
ฟังน๊ะ เจ้าจะไม่ได้เข้าไปถึงที่สถานทูตแห่ง Akenash เพราะที่ข้าเชิญตัวเจ้ามานี่ก็ไม่ได้พามาเพื่อเลี้ยงน้ำชากับความเห็นใจ เพราะเจ้าอยู่ในคุกของข้า สิ่งที่จะต้องทำมีอย่างเดียวคือ ตอบคำถามข้าว่าแผนในการขโมย Heart of World tree มันคืออะไร ? ก่อนที่ฆ่าจะเรียกเพชฌฆาตมาสับเจ้าเป็นชิ้นเพื่อไปใส่โหลเก็บไว้ทดลองต่อไป   
Styx - ก็ด้าย แผนมันง่ายยิ่งกว่าง่าย สิ่งแรกก็ต้องรู้ลู่ทางทั้งหมดของหอคอยของเจ้าก่อน และคนที่รู้ลู่ทางที่ดีที่สุดก็คือ คนสร้างที่นี่ เพื่อนเก่าของเจ้า สถาปันนิกในตำนาน " Querberus " ยังไงล่ะ 
Lord Barimen - โอ้ เป็นแผนที่ดีมากเลยน๊ะ แต่เท่าที่ข้าจำได้ Querberus หายสาปสูญก่อนจะสร้างที่นี่เสร็จไม่ใช่หรอ ?
Styx - อ่อ เขาหายตัวไปอย่างงั้นหรอ งั้นก็โชคร้ายจัง เพราะข้าก็รู้มาว่า Querberus ที่หายสาบสูญไปได้ทิ้งข้อมูลสำคัญ ของแบบแปลนหอคอยที่เขาทำจนเสร็จแล้วซ่อนไว้ที่ห้องสมุดของที่นี่ด้วยเหมือนกัน และใครก็ตามที่พบมันก็จะรู้ทุกอย่างที่เขาอยากรู้ในทุกซิกมุมของหอคอยนี้ ที่พูดเนี้ย ข้าหมายถึงตัวข้าเองน๊ะ ....

  

 เจ้าคงไม่เชื่อ งั้นข้าจะอธิบายอย่างละเอียดเสมือนได้เห็นเป็นภาพกันต่อแล้วกัน ....... 


  


                                                        ** Hideout **



ด้านในท่อระบายน้ำจะพบกับ Ozkan อีกครั้ง Styx เข้าไปสอบถามถึงเรื่องเส้นทางที่จะไปยัง Akenash  Archives ทีทีห้องสมุดขนาดใหญ่อยู่ ตามแผนที่ดังก้องอยู่ในหัวของเขา ที่ต้องการจะหาแบบแปลนที่ สถาปันนิกในตำนาน " Querberus " ผู้สร้างหอคอยนี้เก็บซ่อนเอาไว้ Ozkan จึงแนะนำให้ Styx ไปตามหาคนของเขาที่ชื่อ " Ector " ที่เป็นเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลของหอคอย ก่อนไป Ozkan จะบอกให้ Styx แวะไปเอาของบางอย่างให้เขาหน่อยเพื่อแทนคำขอบคุณ สิ่งที่เขาต้องการคือหนังสือที่ซ่อนอยู่ในห้องลับของห้องสมุด ซึ่งมันจะเป็น ภารกิจย่อย (Secondary Objective ) ให้ Styx ทำนั่นเอง 



- Chapter I - AKENASH' ATRIUM




- เข้ามาที่ทางเดินด้านหน้าของทางเข้าเขตอากาศยาน ทหาร 3 ตัวแรกที่ท่าเดิน คนแรกสามารถผลักมันตกลงไปตาย ส่วนอีก 2 คนที่หน้าประตู ถ้าอัพ Skill Corverd Kill มาแล้วก็สามารถจัดการเสียบทหารที่หลับที่มุมกล่องได้จากนั้นก็ค่อยจัดการทหารคนสุดที่เข้ามาดูซะ จากนั้นที่หน้าประทางเข้าที่ปิดอยู่จะมีทางไปหลายทางให้เลือก จะปีนขึ้นไปทางกำแพงฝั่งขวาขึ้นไปด้านบนแล้วโดดลงมาที่พื้นที่ฝั่งขวาจากด้านบนก็ได้ หรือ จะโดดมาทางฝั่งซ้ายของกำแพงเพื่อข้ามมาทางด้านล่างก็ได้ แต่ ทางฝั่งซ้ายจะค่อนข้างสะดวกกว่าถ้าไม่คิดจะเก็บไอเทมต่างๆที่ด้านบน
- เมื่อเข้ามาถึงพื้นที่ฝั่งขวาแล้ว จะปีนลังขึ้นไปด้านบนเพื่อไปต่อก็ได้แต่มีทางที่ง่ายกว่านั้น ตรงมุมด้านขวาจะมีทางเดินเข้าไปด้านในอยู่ เข้าไปทางนั้นได้เลย ถ้าเล่นสายที่ไม่ฆ่าใครก็ปีนขึ้นไปบนขื่นด้านบนเอาได้ เข้ามาจนถึงห้องด้านในก็จะถึงคลังสินค้าของท่าอากาศยาน ใช้การหลบใต้พื้นไม้ไปด้านในจะเจอเจ้า Godebert ซึ่งเป็นเป้าหมายของ Secondary Objective ที่ให้ฆ่ามันแล้วเอาศพไปซ่อน รอมันคุยกับทหารจนจบแล้วปีนกล่องขึ้นไปด้านบนตามมันไปจนถึงกล่องที่ใช้ซ่อนศพก็ใช้มีดขว้างฆ่ามันแล้วซ่อนศพในกล่องได้เลย รับ 30 SP
- จากนั้นปีนไปทางที่ปีนด้านซ้ายตรงทหารหลับขึ้นไปจนถึงระเบียงชั้นบนต่อ เป้าหมายคือลอบเข้าไปที่บันไดทางขึ้นด้านใน ซึ่งสามารถใช้การหายตัวช่วงสั้นๆในการมุดเข้าใต้บันไดกลางข้ามไปด้านในได้ ขึ้นบันไดแผ่นไม้ไปด้านบนจนถึงที่ปีนให้โดดเกาะปีนขึ้นไปชั้นบนที่มีทหารคุยกันอยู่ รอมันเดินขึ้นบันไดไปก็ลอบตามไปได้เลย
- ชั้นบนในห้องโถงจะมีทหารอยู่เพียบ จำเป็นต้องใช้การหายตัวแล้วรีบเข้าไปปีนที่ปีนด้านซ้ายของทางเข้าขึ้นไปที่ขื่นด้านบนจะมีช่องมุดเข้าไปที่ห้องด้านในได้ ที่หน้าประตูห้องด้านในจะมีทหารคุ้มอยู่ 1 คน เจ้านี่มันจะหลับทุกมุมของห้องเลย รอให้มันตื่นตรงประตูด้านในแล้วเริ่มย้ายที่หลับมาด้านซ้ายของห้องก็รีบลงไปไขประตูออกจากพื้นที่ได้เลย



- ส่วนที่ 2 ในอาคารของสถานทูต เป้าหมายหลักคือ ตารางการบินของยานเหาะ ส่วนเป้าหมายของ Secondary Objective ก็คือ ห้อง Strong Room ซึ่งถ้าจะเก็บภารกิจย่อยก็มุดเข้าช่องที่พนังตรงข้ามทางที่เข้ามาตอนแรกเลย จะทะลุออกมาทีห้องโถงกลางที่มีห้อง Strong Room ที่ปิดล็อกอย่างดีพร้อมทหารดูหนาแน่น การเปิดประตูก็คือปีนขึ้นไปบนระเบียงชั้นบนของโถงนี้จะพบว่ามันมีสวิตซ์อยู่ 2 ด้าน ซ้าย - ขวา ซึ่งต้องใช้ร่างโคลนในการปีนข้ามไปอีกด้านเพื่อสับสวิตซ์ให้พร้อมกัน (หมายถึงสับคนละครั้งให้ต่อเนื่องกันครับ) เมื่อประตูห้อง Strong Room ชั้นล่างเปิด ทหารที่เฝ้าประอยู่จะขึ้นมาตรวจสอบด้านบน ให้หายตัวแล้วรีบโดดลงไปเข้าไปเก็บไอเทมต่างๆในห้อง รับ 30 SP

   

- แล้วรีบปีนขึ้นมาทางระเบียงซ้ายโดดไปตามขื่นตามทางเดินขวาต่อก็จะพบบันไดทางขึ้นชั้นบน หลบทหารเข้าประตูซ้ายไปปีนพนังเข้าไปที่ช่องกำแพงด้านบนก็จะพบ หนังสือบันทึกตารางการบินของยานเหาะ วางอยู่บนโต๊ะในห้อง มีทหาร 2 คนเฝ้าอยู่ ดูแค่ทหารที่เดินในห้องก็พอเพราะอีกคนมันหลับอยู่หน้าห้อง โดดลงไปหยิบบันทึกมาแล้วมุดออกช่องกำแพงทางซ้ายได้เลย
- เป้าหมายต่อไปคือห้องสมุดที่ชั้นล่างซึ่งต้องลอบผ่านห้องโถงด้านล่างที่มีทหารมากมายอยู่ ลอบเกาะที่ปีนลงไปแล้วหาจังหวะหลบทหารเข้าไปจนถึงประตูใหญ่ด้านในที่มีทหาร 2 คนเดินวนไปมาสลับกัน ถ้าไม่ลอบฆ่ามันซะคนนึงก็ให้ใช้การหายตัวแล้วรีบเข้าไปปลดล็อกประตูเข้าไปส่วนในต่อ




- ส่วนที่ 3 ทางเข้าห้องสมุด ที่นี่มีข้อแม้ว่าห้ามให้ศัตรูเจอตัวเด็ดขาด รวมทั้งพบศพที่ถูกฆ่าด้วย แถมเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างยาวจึงต้องลอบเข้าไปอย่างใจเย็น ทางเดินตรงทางเข้าแรกที่มีทหารคุ้มอยู่สามารถเกาะกำแพงทางขวาขึ้นบนขื่นด้านบนจะเดินเข้าไปที่ช่องด้านบนประตูได้เลย
- ห้องด้านในทหาร 2 คน รอให้อีกคนเดินลงไปชั้นล่างก่อนแล้วรอให้ทหารที่โต๊ะหันหลังก็ลงไปจัดการมันได้เลย หรือ จะหลบลงบันไดก็สุดแล้วแต่ ลงมาแล้วหลบเจ้าหน้าที่ 2 คนไปที่บันไดสุดทาง ขึ้นไปแล้วโดดปีนไปที่ช่องกำแพงด้านบนตรงเพลิงเข้าไปด้านบนของทางเดินที่มีประตูปิดและทหารคุมอยู่เพื่อผ่านเข้าไปที่บันไดทางลงส่วนในได้เลย

  

- จากนั้นก็ลงบันไดไปจนถึงห้องใต้ดินชั้นล่างสุดจะพบห้องของ Ector คนของ Ozkan ที่ต้องเข้าไปหาเขาทางช่องประตูตรงระเบียงชั้นบนของห้อง เข้าไปคุยกับ Ector แล้วเข้าจะออกจากห้องนำทางไปยังที่เก็บแผนที่ของ Atrium จากนั้นก็ต้องตามเข้าไปด้านในโดยห้ามให้มีใครพบเจอเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องกลัวเพราะเส้นทางของทหารที่นี่ค่อนข้างเป็นใจให้ผ่านไปโดยง่ายอยู่แล้ว ยกเว้นช่วงที่มีทหาร 2 คนยืนคุยที่ประตูที่ต้องอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อปีนข้ามตู้หนังสือไป
- เมื่อตาม Ector เข้ามาจนถึงจุดที่มีเป้าหมายของ Secondary Objective ชี้ลงไปที่ชั้นล่างก็ปล่อยให้ Ector มันเดินขึ้นไปก่อน ลงมาชั้นล่างของห้องสมุด เข้าไปที่ตู้หนังสือเป้าหมาย เปืดเข้าไปจะพบหนังสือลับที่เป็น Secondary Objective ของ Ozkan ขอให้หยิบมาให้เขา รับ 30 SP
- จากนั้นค่อยตาม Ector ไปชั้นบนต่อจน Ector สอนวิธีจัดการศพด้วยไอเทม Vial of Acid โดยต้องทดลองไปจัดการศัตรูเป้าหมาย 2 คนในชั้นนี้แล้วใช้ Vial of Acid ที่ได้มา 2 ขวดละลายศพให้หมด (เป็นมุขที่สยองพอดูเลยจริงๆ) เสร็จแล้วตาม Ector ขึ้นไปถึงประตูใหญ่ชั้นบนของห้องสมุดเขาก็จะเปิดทางให้ขึ้นไปต่อ ที่ห้องสมุดที่มีรูปปั้น จะปีนกำแพงขึ้นไปที่ช่องกำแพงชั้นบนเพื่อโดดลงอีกห้องเลย หรือจะใช้ร่างโคลนมุดประตูลูกกรงไปสับคันโยกเปิดประตูในชั้นนี้ออกไปก็ได้
- ที่ห้องด้านใน หลบทหารที่เฝ้าอยู่ 2 คนเข้าไปสับคันโยกเปิดประตูไปก็จะออกมาที่ทางเดินด้านนอกได้สำเร็จ เข้าไปเปิดประตูที่วิหารสุดทางก็จะเข้ามาที่  Akenash  Archives ได้สำเร็จ ในห้องสมุดด้านในจะมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของ Querberus ผู้สร้าง Akenash ซึ่งจะต้องทำการสับคันโยกทั้ง  4 อันรอบๆรูปปั้นให้ถูกต้อง โดยรหัสนั้นสามารถดูได้ตามที่เขียนไว้ที่พนังในห้องนี้ คือ

พนังด้านบนหลังรูปปั้น (1) 
พนังทางขวารอบนอก (2) 
พนังทางซ้ายรอบนอก (3) 
พนังทางซ้ายด้านใน (4) 

จากนั้นก็จำรหัสที่เขียนไว้ที่พนังมาสับสวิตซ์รอบรูปปั้นให้ตรงกับรหัสที่เขียนเรียงไว้โดยให้สับคันโยกเรียงตามนี้

 

                           (จากด้านหน้ารูปปั้น ซ้ายบน - ขวาล่าง - ซ้ายล่าง - ขวาบน )


  

-  เท่านี้แผนที่แบบแปลนของ Tower of Akenash ก็จะเปิดเผยให้เห็นตามพนังห้อง หลังจากได้ทุกอย่างมาแล้วก็เปิดประตูด้านหลังรูปปั้น ลงมาที่ทางลงชั้นใต้ดินเพื่อออกไปส่วนต่อไปได้เลย





- ส่วนที่ 4 ห้องเตาหลอม เป้าหมายคือหาทางกลับไปยัง Hide out และ Secondary Objective ของที่นี่ก็คือ Relic ที่ซ่อนอยู่ทีนี่ จากทางที่ลงมาเปิดประตูที่เดินเข้าไปจะมีทางลงมายังชั้นล่างเพื่อสะดวกในการลักลอบเข้าไปสับคันโยกที่ประตูสุดทางของโถงนี้  จากนั้นเส้นทางคือลงอย่างเดียวแทบไม่มีอะไรซับซ้อน ลอบลงมาจนถึงชั้นล่างจะเริ่มกับศัตรูแบบใหม่ซึ่งก็คือ แมลง Roabies ที่มีความไวต่อเสียงและพร้อมจะเข้ากัดกินทุกอย่างที่ทำให้มันรู้ว่าเข้ามาในเขตหากินของมัน แต่โชคดีที่มันไม่มีตามันจึงมองไม่เห็นเหมือนพวกทหาร จึงสามารถเข้าใกล้มันได้ในระยะที่ไม่ส่งเสียงมากนัก และถ้าจะเอา Relic จากจุดที่เข้ามาเจอแมลง ก็หลบมาทางขวาของเตาเผา แล้วโดดไปที่เสาที่มีไอน้ำ เดินเลาะอ้อมไปอีกด้านก็จะถึงทางเข้าห้องด้านใน ที่เต็มไปด้วยพวกแมลง ต้องใช้ร่างโคลนล่อแมลงออกจากห้องถึงจะเข้าไปเก็บ Relic บนโต๊ะออกมาได้ จากนั้นค่อยเข้าด้านใน พยายามขึ้นไปบนขื่อไม้ด้านบนแล้วใช้การตัดโซ่ให้กล่องตกลงไปทำให้พวกแมลงเข้ามารุมที่กล่องจากนั้นก็รีบเข้าไปด้านในได้เลย ใช้ Amber Vision มองหา ตามสัญลักษณ์นำทางกลับ Hide Out ไปก็จะถึงได้โดยไม่ไกลนัก

ในห้องสอบสวน Lord Barimen ยังคงยิงปัญหากับเจ้า Styx อย่างตรึงเครียด ......





Lord Barimen - หลับอยู่รึไง ..อย่าเพิ่งตายจนกว่าข้าจะเป็นคนมอบให้เจ้าเอง ใครเป็นบอกเจ้าถึงเรื่องแบบแปลนของ Querberus บอกมา !!
Styx - ใครหรอ ? ก็ทุกคนน่ะแหละ บางทีเจ้าควรจะหัดฟังเสียงของความนึกคิดของผู้คนรอบๆตัวบ้างน๊ะ แต่ก็คงจะเป็นเรื่องยากของเจ้าน๊ะ เพราะมนุษย์ก็มักจะงี่เง่าไปวันกับสมองน้อยๆของพวกเจ้าเท่านั้น 
Lord Barimen - ฟังเสียงผู้คนหรอ ? ก่อนหน้านี้เจ้าติดคุกอยู่เจ้าจะออกไปฟังเสียงผู้คนได้ยังไง ?
Styx - นี่ยังไม่เข้าใจอีกหรอ ก็ทุกคนที่เสพ Amber เข้าไปนั่นแหละ ข้าได้ยินความคิดของพวกมันทุกคน และ พวก Elves ก็เหมือนข้า พวกเขาได้ยินความคิดของทหารทุกคน พวกเขากำลังคิดจะใช้ Amber มอมเมาพวกเจ้าที่ละนิด จนสุดท้ายพวก Elves ก็จะควบคุมพวกเจ้าได้ทั้งหมด Barimen !
Lord Barimen - โกหก เจ้ากรุเรื่องขึ้นทางนั้น !
Styx - เอาจิงดิ๊ จะให้ข้าเล่ามั๊ยว่า เมื่อเช้ามีทหารคนนึงของเจ้ายอมช่วยนักโทษเพื่อแลกกับ Amber ที่พวกมันมี 
Lord Barimen - Aaron เจ้านำคนของเจ้าไปตรวจสอบส่วนล่างของหอคอยโดยด่วน ข้าต้องการรู้ความจริง บางทีพวก Elves อาจต้องชดใช้ในการทรยศครั้งนี้ ส่วนเจ้า Styx แล้วแบบแปลนที่เจ้าได้ไป เจ้ามีแผนจะใช้มันยังไง ให้พวก Elves หรอ ?... ก็เอาเถอะแบบแปลนนั่นมีแค่ Querberus คนเดียวเท่านั้นที่จะถอดรหัสมันได้ 
Styx - หรอ .. แล้วทำไมข้าถึงรู้ล่ะว่า การจะเข้าถึง Heart of World Tree ต้องผ่านสะพานที่มีการปิดล็อกอย่างแน่นหนาซึ่งก็ต้องใช้กุญแจในการผ่านเข้าไป และกุญแจนั่นก็อยู่ในที่พักของเจ้า ที่ข้าพูดนี่...จริงมั๊ย ?

                                                        ** Hideout **





** Hideout **     
                                                                                                     
ทันทีที่กลับมายัง Hideout...  Styx จะเข้าไปสอบถามถึงเส้นทางและความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปยังที่พักของ Lord Barimen กับ Ozkan ทันที ซึ่ง Ozkan ก็ยอมที่จะบอกข้อมูลต่างๆให้ว่า ทุกๆวันของใช้ส่วนตัวทุกๆอย่างของ Lord Barimen ทั้งเสื้อผ้า อาหาร และเอกสารสำคัญนั้นถูกส่งผ่านไปทางห้องสมุดด้วยลังขนาดใหญ่ ซึ่งถ้า Styx สามารถแอบเข้าไปในลังชองใช้นั้นได้ก็จะเข้าไปที่บ้านของ Lord Barimen ได้แน่นอน และข้อมูลทั้งหมดที่ว่ามาก็ต้องแลกกับต้องไปเอาไอเทมที่ Ozkan มันต้องการที่ซ่อนอยู่ในห้องลับใน Apartment ของ Lord Barimen กับ ให้ไปจัดการกับ Owin หัวหน้าหน่วยกองกำลังเสริมที่มีปัญหากับเขา ฆ่ามันแล้วนำศพกลับมาให้เขา ซึ่งก็คือ Secondary Objective ทั้ง 2 อย่างของภารกิจต่อไป นั่นเอง ... 


- Chapter 2 - MASTER KEY





- Styx เข้ามาถึงเขตท่อระบายน้ำที่เชื่อมต่อถึงห้องสมุด เป้าหมายแรกคือ ลอบออกจากที่นี่เพื่อขึ้นไปที่ท่าเรือก่อน  พอออกมาจากท่อระบายน้ำแล้ว ปีนตู้ทางขวาขึ้นไปชั้น 2 ทันที ที่พนังมีสวิตซ์ให้เปิดเข้าไปในห้องลับเพื่อเก็บไอเทม จากนั้นขึ้นชั้น 3 ต่อไปจนถึงประตูชั้นบนไขปลดล็อกเข้าไป (ส่องดูก่อนก็ดีเพราะจะมีทหารเดินไปมาหน้าประตูด้วย เข้ามาแล้วประตูลูกรงซ้ายด้านในมีไอเทมให้เก็บถ้าจะเอาก็ใช้ร่างโคลนมุดเข้าไปเปิดประตูให้แล้วกลับออกมา ลอบเข้าไปด้านในต่อ ทหารในห้องเพียบแต่สามารถเลาะฝั่งซ้ายมุดใต้โต๊ะเข้าไปสับคันโยกที่ประตูฝั่งซ้ายได้
- เข้ามาแล้วจะพบทางเดินยาวไปทางซ้ายที่เต็มไปด้วยทหาร ถ้าจะเอา Secondary Objective ของที่นี่ก็คือFind Smuggles hide ก็ต้องเสี่ยงโดดลงไปที่พื้นไม้ทางขวาล่างที่เต็มไปด้วยแมลง Roabies ลอบไปทางซ้ายจนพบทางโดดลงด้านล่างก็จะพบห้องเก็บสินค้าผิดกฎหมาย รับ 30 SP
- ออกมาจากห้องชั้นล่างขึ้นบันไดกลับมาทางเดินยางอีกครั้ง แล้วขึ้นบันไดหลักกลางห้องขึ้นไปด้านบน ขึ้นมาแล้วเป้าหมายคือประตูออกจากพื้นที่ที่อยู่สุดทางฝั่งซ้ายเลย โดยสามารถปีนเสาทางซ้ายของมุมบันไดที่ขึ้นมาแล้วเดินตามท่อด้านบนไปทางฝั่งซ้ายแล้วลงไปที่หน้าประตูได้ ประตูต้องใช้เวลาในการปลดล็อกด้วย ดูจังหวะยามที่หน้าประตูให้ดีๆ ถ้าไม่ทันจริงๆก็ใช้การหายตัวร่วมไปด้วยก็จะออกจากพื้นที่นี้ได้




- ส่วนที่ 2 เป้าหมายหลักคือ ไปให้ถึงลังใส่สัมภาระของ Lord Barimen ที่ท่าเรือ ส่วน Secondary Objective ของที่นี่ก็คือ Relic ในพื้นที่ ตรงทางเดินกลางจะมีรถไฟขนสินค้าให้มุดหลบใต้ตู้เข้าไปจนถึงฝั่งซ้ายได้แล้วค่อยลอบขึ้นบันไดไปที่โถงส่วนทางซ้ายต่อ ดูจังหวะทหาร 2 คนตรงทางเดินแล้วลอบเข้าไปปีนพนังที่สุดทางขึ้นไปที่ระเบียงชั้นบน ที่เสาแรกด้านขวาสุดจะมีสวิตซ์ให้กดเปิดช่องทางลับที่พื้นเพื่อเก็บ Relic ซึ่งเป็นSecondary Objective ของที่นี่ รับ 25 SP
- จากนั้นเดินไปตามขื่อไม้ยาวไปทางซ้ายจนถึงระเบียงของตึกที่ฝั่งซ้าย ตรงทางเข้ามีทหารกับพนักงานที่พร้อมจะแหกปากทันทีที่ผ่านเข้าประตูไป ถ้าไม่ใจร้ายที่ต้องฆ่าทั้งคู่ก็ใช้การหายตัวผ่านเข้าไปได้เลย ด้านไปตามทางเดินไปด้านใน ทางซ้ายจะมีช่องมองไปด้านล่างนั้นโดดลงให้อยู่บนลังสินค้าเพราะตกตรงจุดอื่นนั้นตายแน่นอน หรือจะหลบพลธนู 2 คนที่เดินตรงนั้นไปด้านในต่อก็จะมีที่เกาะลงไปยังช่องด้านล่างก็สามารถไปได้
- ลงมาตรงทางเดินหลักแล้ว ใช้การหายตัวและความเร็วหลบไปเข้าไปที่มุมซ้ายกลางทางเดินให้เร็ว ตรงนั้นจะมีช่องให้มุดทะลุเข้าไปยังโกดังสินค้าอยู่ เข้ามาแล้วใช้สินค้าและรถรางด้านซายของพื้นที่เป็นที่กำบัง เข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอลังใส่สัมภาระของ Lord Barimen แล้ว มีทหารที่ยืนพิงเสาจ้องไม่ไปไหนกับทหารที่เดินไปมาอีกคน ไม่ต้องคิดมากหายตัวเข้าลังเพื่อออกจากที่นี่ได้เลย


- ส่วนที่ 3 ใน Apartment ของ Lord Barimen เป้าหมายหลักคือที่ซ่อนของกุญแจ Master Key ส่วน Secondary Objective ของที่นี่ก็คือสมบัติในที่ซ่อนลับที่ Ozkan ขอเอาไว้ เมื่อออกมาจากลังแล้ว ปลดล็อกประตูซ้ายออกมาจะเจอห้องโถงที่มีทหารเกราะหนักหรือพวก Knight อยู่ซึ่งเจ้าพวกนี้นั้นไม่สามารถที่จะลอบฆ่ามันได้แถมยังอัดหนักชนิดที่ Styx ไม่สามารถสู้มันได้แน่นอน ( นอกจากจะใช้โคมไฟลงมาทับมันถึงจะตาย) เป้าหมายคือ ประตูใหญ่ที่จะออกไปยังทางเดินด้านซ้าย ซึ่งถ้าจะเสี่ยงเข้าไปปลดล็อกคงจะยากหน่อยเพราะกลางห้องมี Knight อยู่ ปีนขึ้นบนขื่นจากทางขวาของประตู เดินข้ามมายังประตูฝั่งซ้ายจะมีหน้าต่างให้ลอดออกไปยังทางเดินแบบไม่ต้องเสี่ยงเปิดประตูได้
- ทางเดินฝั่งซ้ายมีทหาร 2 คนกับคนใช้ทำงานอยู่ ปีนกรงนกขึ้นไปเดินบนขื่อด้านบนได้ เข้ามาทางหน้าต่างของห้องสุดทางซึ่งเป็นห้องนอนของ Lord Barimen โดดข้ามเตียงเข้าไปที่ตู้หนังสือในห้อง สำรวจจะเป็นทางลับเข้าไปในห้องทำงานลับได้




 ด้านในจะมีทางเดินสัญลักษณ์ซึ่งเป็นกับดักถ้าเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า วิธีที่จะผ่านไปให้ปลอดภัยคือ เดินไปบนตราสัญลักษณ์ที่พื้นให้ตรงกับสัญลักษณ์บนธงที่พนัง ถ้าไม่ตรงกันก็โดนกับดักธนูยิงตายทันที ด้านในเก็บเอกสารและ Master Key มา ทันทีที่เก็บกุญแจ จะมีระฆังเตือนดังขึ้นที่ด้านนอก กับประตูทางที่ทางเดินทางซ้ายจะเปิดออก
 - เมื่อได้กุญแจที่ต้องการมาแล้ว เป้าหมายจากนี้คือหาทางลงท่อระบายน้ำเพื่อกลับไปยัง Hideout จากนั้นย้อนกลับไปตามทางเดินที่เข้ามาสุดทางจะมีประตูทางซ้ายที่เปิดออกให้ออกไปส่วนนอกได้ เข้ามาจะมีทางลงไปที่โถงด้านล่างกับ ประตูทาขวาที่เปิดออกมายังโดมด้านนอก เปิดประตูออกไปทางขวาก่อนในโดมด้านนอกจะมีสมบัติที่ Ozkan ขอเอาไว้เป็น Secondary Objective ของที่นี่ 



ด้านในนั้นมี Knight และ พลธนูเฝ้าอยู่ ไม่ต้องเปิดเข้าไป ให้ปีนขึ้นไปตามที่เกาจนถึงด้านบน ถ้าใจบุญก็หายตัวลงไปเก็ยสมบัติแล้วปีนหนีขึ้นมา ถ้าใจร้ายก็ตัดโซ่ให้โคมไฟลงไปทับทหาร 2 คนตายแล้วลงไปเก็บสมบัติได้เลย รับ 30 SP
- กลับออกมาเดินทางต่อไปยังโถงด้านล่างต่อ ห้องโถงแรกเป้าหมายคือลงไปที่บันไดด้านใน ซึ่งเต็มไปดวยทหารที่เดินไปมาตามเส้นทางต่างๆมากมาย จะอ้อมโถงไปทางซ้ายแล้วลงบันไดหรือจะโดดลงระเบียงเลยก็ได้แต่ต้องเลือกจุดที่ไม่สูงเกินไปด้วยซึ่งก็คือฝั่งซ้ายสุดของระเบียง ลงมาโถงชั้นล่าง หลบทหารตรงบันไดทางลงรีบมุดเข้าช่องเล็กที่มีไม่ถูบ้านตั้งอยู่ ชนล้มหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะศัตรูไม่ตามเข้ามาอยู่แล้ว
- ทะลุลงมาที่ระเบียงชั้นล่าง หลบทหารธนูลงไปทางบันไดขวาที่ประตู จะออกทางประตูหรือมุดช่องทางซ้ายของประตูออกไปที่ทางเดินด้านนอกก็ได้ หลบทหารที่ระเบียงแล้วโดดไปที่ระเบียงฝั่งขวาล่างต่อ หลบทหารธนูจากทางริมระเบียงด้านล่างแล้วเข้าไปสับคันโยกที่ประตูที่สุดทางได้เลย
- เข้ามาตามทางเดินยาวที่เป็นตู้รถไฟสินค้า หลบใต้ตู้รถไฟตามรางเข้ามาจนสุดทางก็จะเจอทางลงท่อระบายน้ำด้านล่างซึ่งเป็นทางออกของส่วนนี้




- ส่วนที่ 4 เป็นส่วนของท่อระบายน้ำ เป้าหมายหลักคือ หาทางกลับไปยัง Hideout ส่วน Secondary Objective ของที่นี่ก็คือสังหาร Owin แล้วนำศพกลับมาให้ Ozkan เมื่อเข้ามาแล้วก่อเข้าไปด้านในทางพนังด้านซ้ายจะมีสวิตซ์เปิดทางลับเข้าไปด้านใน แล้วใช้ร่างโคลนมุดผ่านลูกกรงเข้าไปแบกศพไปวางบนพื้นสวิตซ์ด้านในพร้อมกับให้ร่างโคลนยืนทับสวิตซ์อีกอัน ประตูลูกกรงก็จะเปิดออก ก็จะสามารถเข้ามาเก็บไอเทมต่างๆในห้องได้แล้ว
- จากนั้นลอบเข้าด้านในต่อ โถงแรกที่มีทหารและคนงานทำงานอยู่ เลาะทางฝั่งขวาไปจนถึงช่องทางเดินด้านขวา จะผ่านเข้าไปยังบันไดส่วนใน รีบไปปีนขึ้นพนังสุดทาง แล้วโดดลงไปตามช่องทางฝั่งซ้ายจะมาบรรจบที่หน้าต่างห้องของ Owin ที่เป็นเป้าหมายของ Secondary Objective ใช้มีดสั้นสังหารมันซะ หรือ จะปีนเข้าทางเพดานห้องด้านบนก็ได้ แล้วจากนี้ก็ต้องแบกศพของมันไปด้วย



-  การแบบศพของ Owin มานั้นทำให้กระโดดไม่ได้ เมื่อแบกมันมาถึงทางที่ต้องลงด้านล่าง ด้านซ้ายจะมีประตูลูกกรงอยู่ วางศพเอาไว้แล้วหลบทหาร หรือ หายตัว ลอบเข้าไปอีกด้านของประตูเพื่อสับคันโยกให้เปิดเพื่อจะได้แบกศพเข้าไปด้านในต่อได้ จากนั้นก็ต้องแบบศพหลบทหารไปที่ทางเดินไม้ด้านล่าง สุดทางจะมีประตูที่ต้องใช้โคลนมุดเข้าไปเปิด มองจังหวะการเดินของทหารคนนึงที่เฝ้าอยู่ให้ดี ใช้ลังหน้าประตูเป็นที่กำบัง จนโคลนสับคันโยกเปิดประตูเสร็จก็เข้าไปด้านในทางออกท่อระบายน้ำได้ เอาศพโยนเข้าไปในท่อ รับ SP 60 แล้วก็กลับไปยัง Hideout ได้เลย

ห้องสอบสวนการเค้นความจริงของ Lord Barimen กับ Styx ก็ยังคงดำเนินต่อไป ......

Lord Barimen - เป็นไปไม่ได้ !!  บ้านข้ามีการระวังป้องกันขั้นสูงสุด ทหารของข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าให้ผ่านเข้าไปได้แน่ เจ้าโกหก ! ไม่ว่าเจ้าจะเล่นเกมอะไรมันไม่เวิร์คหรอก 
Styx - ก็จริง เจ้าพุดถูก ข้าไม่ได้ลอบเข้าไป และไม่ได้ขโมยเอกสารลับในห้องลับในห้องนอนเจ้ามาด้วย 
Lord Barimen - เจ้า.. !! ก็ได้ สมมุติว่า เจ้าได้มันไปจริงๆ แล้วเจ้าจะทำยังไงกับมัน คนของข้าก็ไม่พบกุญแจนั่นในตัวเจ้าด้วยซ้ำ 
Styx - อย่าห่วงไปเลย ข้าเอาไปฝากไว้กับคนๆนึง มันปลอดภัยดี
Lord Barimen - เจ้าบ้า !! มันจะเป็นไปได้ไง ? ข้าต้องไปเช็คดูให้แน่ใจก่อน Aaron มาสอบสวนมันแทนข้าให้จบ !
Aaron - เจ้าอาจจะทำให้พ่อข้ากลัวกำลังเรื่องกุญแจที่เจ้าเล่ามา ซึ่งมันจะจริงหรือโม้ก็เถอะ ยังไงข้าก็จะขัดขวางพวกที่หวังจะขโมย Heart of World tree ให้ได้อยู่ดี ทหาร !! เจ้าจงทำลายสะพานที่จะมุ่งไปสู่ Heart of World tree   




Styx - จิงดิ ...เจ้ารู้หรือเปล่าว่าที่จะทำมันจะเป็นยังไง ?
Aaron - ยังไงก็เถอะ อย่างน้อยๆมันก็ขัดขวางพวกของ Elves ไม่ให้เข้าใกล้ World tree ได้เหมือนกัน 
Styx - เจ้าไม่ได้โง่เหมือนหน้าตาเลยน๊ะ แต่ถีงเจ้าพยายามตัดขาดระหว่าง World tree กับหอคอยทั้งหมด ยังไงซะไม่ช้าก็เร็วธรรมชาติมันก็จะหาทางของมันเองได้อยู่ดี  
Aaron - เจ้าปีศาจชั่ว ถ้าเจ้ายังไม่ยอมบอกว่าพวก Elves มันกำลังมีแผนอะไรกันแน่ ข้าสาบานว่าข้าจะจับเจ้าทรมานฉักแขนขาจนยอมพูดให้ได้คอยดู แผนต่อไปของแกคืออะไร ? แล้วใคร? ที่แกเคยบอกว่า แกกำลังจะไปช่วยปล่อยตัวมัน
 Styx - ช่าย ..ใครคนนึงที่ข้าต้องการจะปล่อยตัวเขา ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญต่อแผนของข้าเลยล่ะ
Aaron - เจ้าพูดเรื่องบ้าอะไร ไม่มีนักโทษคนไหนของข้าที่หนีไปได้ทั้งนั้น !!
Styx - โอ้ พวกเจ้าทำงานกันยังไงเนี้ย ลองไปดูที่ห้องขังหมายเลข 5 รึยังเนี้ย ?
Aaron - ห้องขังหมายเลข 5 หรอ ? ... นี่เจ้าคงไม่ได้หมายถึง .... !!



                                                             ** Hideout **





ทันทีที่กลับมายัง Hideout Styx ก็เข้าไปบอกข้อมูลที่เขาได้มาจากห้องลับของ Lord Barimen กับ Ozkan ซึ่งในเอกสารระบุว่าคนของมันได้รู้ที่ซ่อนลับทีท่าเรือของ Ozkan แล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนที่ Styx จะถามข้อมูลถึงสถานที่ต่อไปที่เขาต้องการจะไปก็คือ คุก ซึ่งทำให้ Ozkan ต้องเตือนว่า Styx กำลังจะไปเหยียบถ้ำเสือ แต่คำขวัญของ Styx ที่ว่า ถ้าจะไปเหยียบถ้ำเสือก็ช่างหัวเสือมันประไรเพราะเป้าหมายของเขาคือ ช่วยใครคนนึงออกมา Ozkan บอกต่อว่า คุกที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นเพราะใครที่เข้าไปแล้วยากที่จะได้ออกมาเป็นๆ แต่  Styx ยังยืนยันว่าใช่ คุกหมายเลข 5 ซึ่งถ้าใครที่อยู่รอดในที่แห่งนั่นได้ก็ต้องเป็นเพื่อเขาคนนี้นี่แหละ ซึ่งก็อีกนั่นแหละ Ozkan ก็วานให้ช่วยไปเอา bulb condenser ที่ห้องทดลองให้เขาด้วยเป็นของตอบแทนและเป็น Secondary Objective ด้วยในตัว  



- Chapter 3 - DELIVERANCE 




- Styx เดินทางเข้ามาจนถึงโถงลิฟต์ขนส่งขนาดใหญ่ เป้าหมายคือ ลงไปที่ชั้นของคุกใต้ดิน แต่ก่อนอื่นสื่งแรกที่ต้องทำก็คือ เอาลิฟต์ขึ้นมาจากชั้นล่างก่อน โดยสวิตซ์ลิฟต์นั้นจะอยู่บนหอคอยทางทิศเหนือจากที่เข้ามา ซึ่งก็เห็นอยู่ไกลๆแต่มันไม่สามารถไปทางตรงๆได้เพราะมีเหวขวางอยู่จึงต้องหาทางอ้อมไปตามทางเดินฝั่งซ้ายแทน เส้นทางที่ง่ายที่สุดก็คือ ลอบผ่านทหารไปตามทางเดินทางซ้าย เพื่ออ้อมขึ้นด้านแล้วลงมาที่โถงลิฟต์ชั้นล่าง มองที่ช่องลิฟต์ที่เป็นโดมเหล็กเป็นหลัก  ที่นี่จะมีที่ปีนขึ้นด้านบนไปที่สวิตซ์ลิฟต์ได้

                               

- เมื่อสับคันโยกสวิตซ์แล้วลิฟต์ใหญ่จะขึ้นมาจากชั้นล่างตรงโถงลิฟต์ที่เป็นโดมเหล็กที่เพิ่งขึ้นมาเมื่อกี๊ พร้อมทหารที่กำลังจะเดินลงมาดูที่สวิตซ์ และ ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าลิฟต์ที่เพิ่มเข้ามาด้วย สิ่งที่ต้องทำก็คือกลับลงไปแล้วเข้าไปที่ลิฟต์ เอาที่ง่ายที่สุดก็คือ โดดลงจากระเบียงทางขวาของสวิตซ์มาที่ทางเดินไม้เลย มองลงล่างจะเห็นปั่นจั่นที่เป็นแกนไม้ที่ใช้แขวนกรงเหล็กอยู่ โดดลงไปตรงนั้นได้เลย เพราะมันจะลงมาใกล้ๆลิฟต์ด้านหลังของทหาร 2 คนที่เฝ้าอยู่พอดี ก็จะสามารถเข้าลิฟต์ไปแอบในกล่องลงลิฟต์ไปชั้นของคุกใต้ดินได้แล้ว formidable





- ส่วนที่ 2 เป้าหมายหลักของที่นี่คือ ลอบเข้าไปยังส่วนที่จะลงไปที่คุกใต้ดินต่อ ส่วน Secondary Objective ของที่นี่ก็คือ ไอเทม Guard Kitty เมื่อเข้ามาจะเริ่มเห็นความโหลดของผู้คุมนักเวทย์ Inquisitors ที่สามารถยิงเวทย์จากระยะไกลได้ แถมมีดสั้นยังทำอะไรมันไม่ได้อีกด้วย ตรงทางเข้าจะเจอ Knight Guard เจ้าของ Kitty ที่เป็น Secondary Objective ทันทีมันจะยืนคุยกับทางขวาของบันไดทางขึ้น ลอบตามมันขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของคุก ลอบผ่านเข้าไปจนถึงห้องของมันแล้วเก็บไอเทม Kitty บนโต๊ะ รับ 30 SP
- จากนั้นก็กลับมาทำ Main Objective ที่ขั้นมาทั้ง 2 จุดต่อ สิ่งที่ต้องทำก็คือเข้าไปสับคันโยกเปิดประตูคุกจากทั้ง 2 ฝั่งของระเบียง จากที่เก็บไอเทม Kitty ลงมาทางโถงบันไดที่คุกชั้น 2  ด้านในจะมีทหารสองคนคุมประตูทางเข้าส่วนในอยู่ มีวิธีทำ 2 อย่างคือ เข้าไปสับคันโยกที่เสาตรงกลางพื้นที่เพื่อเปิดประตูคุกให้นักโทษออกมาให้หมด แล้วทหารที่เฝ้าประตูมันก็จะเข้าไปจับนักโทษ ก็จะเข้าไปสับคันโยกเปิดประตูเข้าไปสับคันโยกอันแรกด้านในได้  หรือ อีกทางก็คือ ใช้ร่างโคลนที่มี Skill หายตัวแล้ว หายตัวผ่านทหาร 2 คน มุดผ่านเข้าประตูไปสับคันโยกด้านในก็ได้ ประตูคุกฝั่งตะวันออกก็จะถูกเปิด
- สับคันโยกแรกแล้ว โดดเกาะข้ามไปอีกฝั่งจนถึงโถงด้านใน พนังทางซ้ายจะมีที่เกาะขึ้นไปโดดตามขื่นไม้อ้อมไปที่ช่องที่พนังอีกด้าน มุดเข้าไปก็จะเจอสวิตซ์อันที่ 2 ของฝั่งตะวันตก สับมันซะแล้วประตูทางเชื่อมทั้ง 2 ด้านของทางเดินด้านล่างก็จะเปิดออก
- จากนั้น ถ้าบ้าบิ่นพอ ทางที่ใกล้ที่สุดนั้นสามารถโดดลงจากระเบียงสวิตซ์นี้ไปที่บนหัวของรูปปั้นที่อยู่ตรงทางเดินชั้นล่างแล้วหายตัวหลบทหารเข้าไปส่วนในของทางที่เปิดออกได้เลย (หรือจะย้อนกลับมาแล้วลอบหลบลงมาจนถึงทางเดินหลังด้านล่างเอาก็สุดแล้วแต่ครับ ) สุดทางของทางที่ผ่านประตูเข้ามาจะมีที่เกาะขึ้นไปที่ช่องพนังด้านบน ซึ่งก็มีทหารทื่ยืนเฝ้าอยู่แบบไม่เดินไปไหน 1 คน ถ้าเล่นสายเสียบก็ฆ่ามันได้เลย แต่ถ้าเล่นสายปราณีก็ หายตัวผ่านมันแล้วปีนขึ้นไปที่ช่องกำแพงไปยังพื้นที่ต่อไปได้เลย




- ส่วนที่ 3 Styx ลงมาจนถึงห้องทดลองลับได้สำเร็จ ที่นี่จะเป็นส่วนรากของ World Tree ที่มีคนงานและนักวิจัยกำลังสกัดสาร Amber ออกมาจากต้นไม้อยู่ เป้าหมายหลักของที่นี่คือ ลอบเข้าไปยังส่วนที่จะลงไปที่ Security Section ส่วน Secondary Objective ของที่นี่ก็คือไอเทม bulb condenser ที่ Ozkan ขอเอาไว้
- ช่วงแรกไม่ต้องลงมาตามส่วนราก ให้โดดเกาะที่ปีนที่พนังซ้ายล่างของรากลงมาจนถึงโถงด้านล่างทิ้งตัวลงมาที่บันไดแล้วปีนไปที่ระเบียงไม้ทางขวาซ้ายต่อ ในห้องมีทหารยืนนิ่ง 2 คนที่ไม่เป็นภัยกับอีก 2 คนที่เดินวนไปมา ใช้ร่างโคลนลอบเข้าไปมุดเข้าประตูกลางสับคันโยกเปิดประตู แล้วลอบเข้าไปที่ประตูนั้นไปต่อ ลงไปจนถึงโถงชั้นล่าง ทหารจับกลุ่มคุยกัน 3 คนที่ทางเข้า รอให้พวกมันแยกกลุ่มกันไป แล้วเดินไปตามทางเดินด้านขวาที่มีทหารหลับอยู่ ตู้ทางขวาของทางเดินปีนขึ้นไปจะมีช่องให้มุดเข้าไป จะทะลุมาที่ห้องทำงานด้านขวาที่มี bulb condenser ที่เป็นไอเทม Secondary Objective วางบนโต๊ะ หยิบมาเอามาฝาก Ozkan ซะ รับ 30 SP
- จากนั้นหลบทหารมายังทางเดินกลางที่มีแคปซูลสาร Amber ตั้งอยู่ ลอบหลบไปทางบันไดฝั่งซ้าย เข้าไปจนถึงทางเข้าสุดทางเดินที่มีทหาร 2 คนเฝ้าอยู่ ค่อยๆหลบไปทางซ้ายแบบติดกำแพงซึ่งมันจะไม่เห็น เข้ามาถึงห้องทรมานนักโทษ หลบทหาร 2 คนไปที่ทางเดินด้านใน จะเข้ามาจนถึงส่วนของคุกที่ใช้ขังพวก ORCS ซึ่งมันสามารถคว้าตัวไปกระทืบตายได้เฉียดเข้าไปใกลกรงของมัน แถมที่นี่ยังเต็มไปด้วยแมลง Roabies ด้วย ใช้การโดดไปบนขื่อไม้ทางฝั่งซ้ายไปตามทางเดินจะปลอดภัยที่สุด ปลายทางที่ท่อซึ่งเป็นทางออกจากที่นี่นั้นดันมี ORCS หลับอยู่แถมยังมีไม้กวาดกับถังวางดักทางอยู่อีก ต้องค่อยย่องเข้าไปใกล้ๆแล้วกลิ้งตัวชนไม้กวาดเข้าท่อไปเลย ซึ่งถึงเจ้า ORCS มันจะตื่นแต่ก็คงตามมาทุบไม่ทันแล้ว




- ส่วนที่ 4 ทันทีที่ Styx เข้ามาถึง Security Section คุกที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด เสียงในสมองก็เริ่มสั่งการให้ตามหาห้องขังหมายเลข 5 ทันที โดดลงมาที่โถงแรก ซึ่งเป็นทางเดินตรงๆและมีทางแอบเพียบ ลอบเข้าไปที่บันไดทางขวาเพื่อขึ้นไปชั้นบนต่อ จากนั้นลงไปตามทางเดินจนถึงระเบียงไม้ด้านล่าง มีทหารศัตรูคุมอยู่ค่อนข้างมาก ใช้กล่องในการหลบพวกมันเอา แต่ถ้ามี Amber เหลือก็หายตัวผ่านเข้าไปที่ทางเดินด้านในได้เลย
- ที่โถงด้านในหน้าคุกหมายเลข 5 จะมีทหารเฝ้าหน้าโถง 2 คนกับอีกคนที่หลัยยามอยู่หน้าประตูด้านใน พร้อม ORCS 2 ตัวที่ถูกจับล่ามให้นอนขวางทางอยู่ด้วย ใช้การหายตัวโดดข้ามลังที่วางระหว่างกลางทางเดินระหว่าง ORSC ไปได้เลยแล้วค่อยย่องผ่านยามที่หลบเข้าไปด้านใน สับสวิตซ์เปิดสะพานแล้วก็จะเข้าไปถึงคุกหมายเลข 5 ได้สำเร็จพร้อมอาการปวดหัวของ Styx ที่ครั้งนี้มันเหมือนจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง

และทันทีที่ Styx เปิดเข้าไปในประตูคุกหมายเลข 5 ตามเสียงในหัวที่สั่งเขามาตลอด ทันทีที่เห็นร่างคนที่อยู่ด้านใน Styx ก็ไม่แน่ใจในตัวตนของตัวเองทันที ....




... ได้เวลาเสียที .. Rakash !! ....
.. นี่แกเป็นใครกันแน่ ทำไมหน้าจึงเหมือนกับข้า ..
..แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันล่ะ Rakash !!
.. แต่ ข้ามาช่วยเจ้า ตามแผนของข้าอย่างที่ข้าต้องการน๊ะ ..
..แผนของเจ้า ? เจ้าต้องการงั้นหรอ ? เจ้าคิดว่าเจ้ามาปล่อยข้าเพราะข้าเป็น เพื่อน ของเจ้าหรอ ? เจ้าทำตามคำสั่งข้าต่างหาก ...
...นี่แก แก ..!!

  


.. ใช่ ข้านี่แหละ Styx ตัวจริงเสียงจริง หนึ่งเดียวคนนี้ ส่วนเจ้าก็ตัวก๊อบปี้ที่ไร้ค่า ที่ถูกข้าสะกดจิต ก็อปปี๊ความคิดให้ทำตามแผนของข้า ไปนู้นมานี่ตามที่ข้าสั่ง แกมันก็แค่หุ่นเชิดเนื่อสดดีๆนี่แหละ  แต่ช่างเหอะ ทุกอย่างมันจบแล้ว ถึงเวลาตายของแกแล้ว 

   

... ไม่ ไม่จริง !! เป็นไปไม่ได้ !! ...

.. ช่าย แหกปากร้องไปได้เลย มันจะได้ช่วยให้ข้าเพลิดเพลินขึ้นอีกหน่อย แล้ว ต่อไป อ่อ ข้าต้องโดน Aaron จับตัวสิน๊ะ ให้มันทำลายสะพานซะ เพราะข้ายังมีทางอื่นที่จะเข้าถึง World tree ที่ดีกว่านั้นเยอะ ..










- Chapter 4 - THE CREATOR 

 

- ทันทีที่ก็อปลินนรินามที่คิดมาตลอดว่าเขาคือ Styx รู้สึกตัวว่าเขายังไม่ตายหลังถูก Styx ผู้สร้างเขาแทงเข้าเต็มที่เพื่อหวังจะโละทิ้งเขาหลังเสร็จงาน เสมือนเป็นแค่หุ่นเชิดที่ไร้ค่า ทางเดียวที่ก็อปลินนิรนามตัวนี้จะยืนยันในตัวตนของเขาว่าเขามีเลือดเนื้อ และ จิตใจ และตัวตนที่มีทางเดินเป็นของตัวเองก็คือ ตามฆ่า Styx ผู้สร้างของเขาซะ ด้วยแผน ที่มาจากจิตใต้สำนึกของเขาเองโดยไม่มีใครมาควบคุม ในฐานะ ก็อปลินไร้นาม หรือ Rakash ชื่อสุดแดกดันที่ถูกเรียกมาตลอด 





(จริงๆแล้วเจ้าตัวโคลนตัวนี้มันไม่มีชื่อเสียงเรียงนามหรอกครับ แต่ผมจะขอเรียกเจ้าก็อปลินนิรนามตัวนี้ว่า "Rakash" เพื่อสะดวกในการกล่าวถึงและกันความสบสนเพราะมันไม่ใช่ Styx อย่างที่ตัวมันแบะเราเคยเข้าใจอีกต่อไป )

- เป้าหมายแรกก่อนที่จะตามไปไล่ล่าใครก็ต้องไปหาอาวุธทั้งหมดที่ถูกยึดไปกลับมาก่อน ซึ่งแปลว่าตั้งแต่ตอนนี้จนถึงได้มีดกลับมาจะยังไม่สามารถฆ่าศัตรูได้เลย จากนั้นออกจากคุกได้โดยใช้ร่างโคลนมุดประตูออกไปสับคันโยกทอดสะพานไม้ลงกับประตูที่เปิดออก ออกมาในห้องที่มี ORCS นอนขวางอยู่ แต่ไม่ต้องกลัวมันตายหมดแล้วด้วยมือของ Styx ที่ผ่านออกไป ซึ่งห้องที่เก็บมีดสั้นนั้นอยู่ที่ทางเดินฝั่งซ้าย
- ออกจากคุกหลบทหารมาทางมุมขวา โดดข้ามห้องไปที่ทางขึ้นบันไดไม้ด้านนอกมาที่ชั้นบน  ตรงทางที่มี ORCS นอนขวางทางอยู่นั่นแหละ ตรงทางเดินหน้าห้องมีทหารเฝ้าอยู่ที่มุมทางเดินและหน้าห้องด้วย ดับไฟที่พนังตรงหน้าทหารที่ยืนตรงมุมทางเดินแล้วหายตัวปีนขึ้นไปตรงขอบพนังบนคบไฟ ไปจะมีช่องเล็กให้มุดเข้ามาในห้องเก็บมีดสั้นได้ หลบทหาร 1 คนด้านในลงไปเก็บมีดบนโต๊ะแล้วโดดขึ้นไปเกาะพนังไปมุดที่ช่องด้านบนทะลุผ่านห้องอีกด้านไปจนมาโผล่ที่ทางเดินฝั่งซ้าย
- โดดไปที่ขื่อไม้ด้านบน เดินเข้าไปด้านในแล้วโดดไปที่ทางเดินด้านล่าง หลบทหารเดินไปที่ระเบียงทางซ้าย ในห้องมีทหารถึง 3คน หายตัวรีบโดดเกาะที่กำแพงฝั่งขวาขึ้นไปที่ขื่อไม่ด้านบน โดดไปตามขื่อไม้ไปก็จะพบทางออกจากที่นี่ตรงช่องด้านบนหลังคา

- ส่วนที่ 2 จะกลับมาที่ห้องทดลองอีกครั้ง ซึ่งก็จะมาออกที่ปากท่อตรงที่ ORCS นอนเฝ้าอยู่ แต่ไม่ต้องกลัวตอนนี้มันตายไปแล้ว และจะพบว่าที่นี่ส่วนของห้องขัง ORCS นั้นเต็มไปด้วยพวกโคลนที่ Styx มันสร้างขึ้นแทนพวกแมลง ซึ่งเสียใจด้วยที่พวกมันถึงจะน่าตาเหมือนแต่มันไม่ใช่มิตร พวกโคลนก็เหมือนพวกทหารที่สามารถดินตรวจหาและเข้าโจมตีได้ทันทีที่มันเจอตัว แต่ก็จะสามารถลอบฆ่ามันได้และง่ายกว่าพวกทหารเยอะ ซึ่งถ้าใครจะเล่นแนวปราณีไม่ฆ่าศัตรูเลยก็ต้องลำบากกันหน่อย เมื่อลอบออกมาจากห้องขัง ORCS จนถึงโถงแรกจะทีโคลนอยู่ตัวเดียวที่อยู่ที่นี่ ลอบจัดการมันแล้วปีนขึ้นไปที่พนังทางมุมซ้ายของห้อง ขึ้นไปบนขื่นจนถึงช่องเล็กๆด้านบน ที่นี่ Rakash จะเห็น Styx กำลังจับแม่ทัพ Aaron มาทรมานและพยายามใช้สาร Amber ในการเค้นความจริงจากเขา ซึ่งก็ทำให้ความจริงจากหัวสมองของ Aaron ไหลเข้ามาสู่การรับรู้ของ Styx ทันที



Styx - ข้ายอมรับที่การที่เจ้าทำลายสะพานนี่จะเข้าไปยัง World Tree นั้นมันเป็นปัญหาสำหรับข้าอยู่เล็กน้อยเหมือนกัน แต่ปัญหาคือ ทำไมเจ้าถึงระเบิดมันโดยไม่ลังเลแต่นิดเดียว แสดงว่ามันยังมีทางลับอื่นที่จะเข้าถึง World Tree ได้อีกใช่มั๊ยล่ะ Querberus ใช่ป่ะ เขายังไม่ตาย เขารู้เส้นทางนั้น และเจ้าก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ในคุก เจ้าขังเขาไว้ที่ไหน ไม่เอาน่า บอกช้ามา
Aaron - ไอ้ปีศาจร้าย Amber มันกำลังเผาสมองข้า อ๊ากกกก !!
Styx - ก็ข้าตังใจทำอย่างนั้นนี่ เจ้าโง่ ข้าไม่สนหรอกว่าจะแหกปากยังไงก่อนตายน่ะ !!
Aaron - ปล่อยข้าสิ ไอ้หนูสกปรก ข้าจะทำให้เห็นว่าใครสำควรต้องกลัวมากกว่า !! อ๊ากกก ตาข้า !!





Styx - อ่า มาแล้วความทรงจำ ... ในห้องแล็ป กำลังศึกษาสาร Amber โอ้ เจ้าบังคับให้ Querberus เป็นคนสกัด Amber ให้กลายเป็น ยาเสพติด ..เจ้าก็คือหนึ่งในผู้ร่วมแผนการนี่ Aaron .. ฮ่าๆๆๆ นี่ถ้าไอ้แก่ Barimen พ่อเจ้ารู้มันจะทำหน้ายังไงกันน๊ะ  อืมมม แล้ว ห้องแล็ปที่เจ้าซ่อนตัว Querberus ไว้มันอยู่ไหนน๊ะ ที่ไหนซักแห่งในหอคอยนี่ บอกมา เจ้าจำได้อยู่แล้ว
อ่า... ช่าย ในท่อระบายน้ำ ที่ Bowels of Atrium ใช่มั๊ย ?
Rakash - อ๊ากก !! หัวข้า สิ่งที่เจ้า Styx รับรู้มันกำลังไหลเข้าสู่สมองข้า ที่นั่น Bowels of Atrium มันอยู่ไม่ไกลจาก Hideout เลยนี่นา มันต้องการตัวนักเล่นแร่แปรธาตุนั่น Querberus ..ข้าต้องไปตัวเขาก่อนมัน อย่างเร็วด้วย ..!




- จากนั้นมุดออกมาอีกด้านจะถึงห้องที่มีแคปซูลสาร Amber ขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง โดดลงมาที่ฝั่งทางเดินซ้ายของห้อง หลบใต้โต๊ะรอจนทหาร 3 คนเดินออกไปก่อน แล้วค่อยๆเดินตามมันไป 2 คนจะไปอีกทางเดินนึง ส่วน Knight จะเดินเข้าไปอีกทาง หลบพวกมันเข้าไปในโถงต่อไปแล้วรีบปีนพนังทางฝั่งขวาขึ้นด้านบน ทิ้งตัวลงมาที่โถงอีกด้านแล้วขึ้นบันไดทางซ้ายไปสับคันโยกเข้าประตู
- ตอนนี้จะเข้ามาที่ห้องทดลองที่อยู่ใต้รากต้นไม้ที่ตอนเข้ามามันเต็มไปด้วยแมลง หลบทหารเข้าไปที่ตู้หนังสือทางขวา แล้วหายตัวหลบนักเวทย์ตรงระเบียงทางเดินไปที่ทางออกจากห้องนี้
- ถึงตรงนี้จะมีทางแยกของ Secondary Objective ให้ทำซึ่งจะเป็นการมุ่งหน้าไปคุยหาข่าวกับพวกโคลนของ Styx ถ้าจะไปทำก็ขึ้นบันไดตรงโคนรากไม้ ผ่านห้องทดลองไปทางซ้ายของชั้นวางของจะมีตะแกรงเหล็กที่พื้น เข้าไปยืนในสร้างโคลนขึ้นมาเพื่อให้มันไปสับคันโยกตรงเสาให้พื้นตะแกรงเหล็กลงไปที่ห้องขังชั้นล่างก็จะเข้าไปคุยกับโคลนตัวเป้าหมายของ Secondary Objective ได้ รับ 30 SP 
- จากนั้นกลับขึ้นไปตรงบันไดที่รากไม้อีกครั้ง แล้วปีนรากไม้สีแดงๆขึ้นไปด้านบนจนถึงช่องทางออกจากที่นาเพื่อไปที่ส่วนของคุกต่อ

- ส่วนที่ 3 ที่คุกใต้ดิน ซึ่งจะเป็นเส้นทางตรงยาวๆไปจนถึงลิฟต์เป้าหมายที่สุดทางเดินของพื้นที่ ซึ่งถ้าจะหลบเข้าไปตรงๆเลยก็ได้แต่ต้องใช้ความใจเย็นเพราะทหารตามทางหลักค่อนข้างมาก แต่ก็มี Secondary Objective ให้ทำอยู่ 2 อย่างคือ หา Relic และคุยกับโคลนอีกตัว เมื่อเข้ามาแล้วโดดลงมาที่โถงทางเดินด้านล่างหลบทหารเข้าไปยังทางเดินกลาง แล้วหายตัวปีนพนังทางขวาขึ้นไปที่ชั้นบน โดดต่อไปยังระเบียงกลางของชั้นบน ออกประตูซ้ายเข้าไปปีนพนังตรงคบไฟที่มุมขวาของทางขึ้นไปชั้นบน เข้าไปที่ห้องทางขวา ใต้พื้นไม้ที่วางของจะทีช่องให้มุดผ่านเข้าไปที่โถงอีกห้อง หลบทหารเข้าประตูฝั่งซ้าย แล้วโดดลงมายังบันไดทางลงด้านล่าง ออกมาก็จะพบห้องขังของโคลนอีกตัว




ทุกครั้งที่ Rakash เห็นอะไรก็ตามที่หน้าเหมือนเขากำลังจะตายก็เหมือนจะสร้างความเจ็บปวดเหมือนตัวเขาเองกำลังตายด้วยทุกครั้ง โคลนในคุกจะคิดว่า Rakash ก็คือโคลนอีกตัวที่ถูกใช้ทดลองแต่ทำไมถึงหนีออกไปได้ แต่ Rakash ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า เขาไม่ได้เป็นตัวก็อปปี้ของใคร เขามีเส้นทางชีวิตและแผนในแบบของเขาเอง และจะไม่มีวันทำตามคำสั่งใครอีก และเป้าหมายที่เขามีก็คือเข้าไปให้ถึงตัวเจ้า Styx เพื่อจัดการกับมัน ความคิดของ Rakash ที่พูดออกมาทำให้ ตัวโคลนในคุกถึงกับรู้สึกได้ถึงตัวตนที่แตกต่างของ Rakash ขึ้นมาเหมือนกัน ทั้งเรื่องความสามารถในการสร้างร่างโคลนและชีวิตที่อยู่นานกว่าโคลนตัวอื่นๆ แต่ไม่นานก็ต้องตายแน่นอนเพราะ จะไม่มีใครสามารถเอาชนะ Styx ได้แน่นอน เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดมาก แต่ Rakash ก็ยินยันว่า เขาแข็งแกร่งมากพอแน่นอน ...คุยจบรับ 30 SP 

- จากนั้นเข้าไปด้านในห้องลิฟต์จะพบ Styx มันขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนก่อนแล้ว โดดปีนขึ้นไปที่ตู้เพื่อทะลุช่องพนังเข้าไปส่วนในของลิฟต์ลงไปตามช่องลิฟต์ตามกรงเหล็กลงไปชั้นล่างจนถึงพื้นไม้ที่เป็นรูปกากบาท สังเกตดูด้วย Amber Vision จะเห็นที่ปีนเข้าไปอีกฝั่ง ปีนขึ้นไปบนระเบียงด้านบนก็จะพบ Relic ให้เก็บรับ 25 SP จากนั้นก็โดดลงไปตามช่องลิฟต์ด้านล่างต่อจนถึงทางกลับไปยัง Hideout ได้เลย

                                                            ** Hideout **




ทันทีที่กลับมาที่ Hideout Rakash ก็จะเข้าไปหา Ozkan ทันที แถมยังไม่ทันที่มันจะหันมาดู เจ้า Ozkan ก็ดันคิดว่าเป็น Styx เสียด้วยจนแสดงความดีใจออกมาทันทีที่แผนยุยงมนุษย์กับ Elves ให้แตกคอกันสำเร็จ แต่มันคงโชคร้ายกว่านั้นที่กลับกลายเป็น Rakash และทันทีที่เจอ Rakash ก็เอ่ยถามกับ Ozkan ถึงแผนที่แท้จริงของ Styx ในการชิง World Tree แต่ดูเหมือน Ozkan จะไม่รู้เรื่องอะไรเลยมากไปกว่าถูก Styx ใช้ให้คอยช่วยเหลือและจับตาดูตัวโคลนของเขาให้อยู่ในแผนเท่านั้น แต่  Rakash กับมีดในมือไม่คิดแบบนั้น เขายังจำได้ดีว่า คนที่ส่งเขาเข้าไปที่กับดักในคุกหมายเลข 5 จนถึง Styx ก็คือเจ้า Ozkan คนนี้นี่แหละ ซึ่งก็ทำเอาตาเฒ่าตาบอด Ozkan ถึงกับร้องขอชีวิตเมื่อ Rakash เริ่มลับมีดสั้นคูใจ ก่อนที่จะตัดสินใจว่า ถ้าโชคดีเขาก็จะฆ่าให้จบๆ แต่ถ้าโชคร้ายเขาก็สนุกกับการเฉือนที่ละนิดให้สะใจ และนั่นคุณก็มีส่วนในการตัดสินใจเช่นกัน .....



    - Chapter 5 - THE ARCHITECT  






- Rakash พุ่งเป้าหมายในการเข้าถึงตัวของ Querberus ให้ได้ก่อน Styx แต่ทันทีที่เข้ามายังส่วนในของท่อระบายน้ำก็พบทหารจำนวนมากบุกเข้ามาตรวจคั้นที่นี่ตามคำสั่งของ Lord Barimen ซึ่งเป้าหมายตอนนี้ก็ไม่ยุ่งยากมากแค่ออกไปให้ถึงทางออกของท่อระบายน้ำที่อยู่ชั้น 2 ของพื้นที่ซึ่งมันไม่ใกล้เลย นอกจากคุณจะอยากเก็บ Secondary Objective ของที่นี่ซึ่งก็คือต้องจัดการทหารที่บุกเข้ามาให้หมดเท่านั้น แต่มันมีพวก Knight เข้ามาด้วยถึง 3 ตัวซึ่งแน่นอนจัดการมันไม่ได้ด้วยมีด ที่นี่ก็มีกรงที่แขวนอยู่ 2 จุดที่สามารถปีนไปตัดโซ่ให้มันตกลงไปทับมันตายได้เหมือนกัน ส่วนอีกตัวที่เหลือให้ใช้การพลักมันตกลงไปตายในขณะที่มันกำลังเข้าไปยืนริมขอบทางเดินเอา เท่านี้ก็จะจัดการทหารได้จนหมดรับ 30 SP แล้วค่อยออกจากพื้นที่

 

ส่วนที่ 2 - เข้ามาถึงท่อระบายน้ำด้านในจะพบว่ามันเริ่มเต็มไปด้วนทหารทำให้รู้ว่า Querberus ถูกขังเอาไว้ที่นี่แน่นอน Rakash แอบฟังทหาร 2 คนคุยกันที่ทางเข้าก่อนที่เขาจะจัดการเค้นความจริงจากทหารคนนึงมาได้ว่า Querberus ถูกขังอยู่ในห้องลับหลังกำแพง (Murals Room) Rakash จึงม่งหน้าไปที่นั่นทันที
- เข้ามาตามทางเดินแรกก่อนถึงโถงแรกโดดลงไปยังพื้นที่ด้านล่างซ้ายลอดผ่านไปได้เลย เข้าไปตามทางฝั่งทางเดินไม้ทางซ้าย หลบแมลงขึ้นไปตามบันไดไม้ถึงชั้นบน ใช้ Amber Vision มองหาที่ปีนที่เสาของชั้นนี้ขึ้นไประเบียงชั้นบนต่อใช้  Amber Vision มองดูจะเห็นที่เกาะบนพนังที่มีสัญลักษณ์อยู่ ปีนขึ้นไปจนถึงระเบียงไม้ที่พนัง เดินเลาะไปจนถึงสวิตว์เปิดห้องลับในกำแพงเข้าไป ก่อนเข้าเตรียมร่างโคลนรอไว้ที่คันโยกหน้าห้องด้วยเลย เพราะเมื่อเข้าไปสับคันโยกเปิดประตูด้านในแล้วมันจะมีกับดักเพดานหนามลงมาทับ ให้ร่างโคลนรีบสับคันโยกด้านนอกก็จะเข้าไปด้านได้ ซึ่งก็พบว่ามันเป็นข้อมูลหลอกของพวกทหารนั่นเอง เก็บไอเทมให้หมดแล้วออกมาจากห้อง
- ออกจากห้องแล้วหลบทหารและแมลงลงมาตามทางจนถึงส่วนล่างฝั่งซ้าย ตามลูกศร จนถึงทางเดินใต้พื้น จะได้ยินทหารคุยกันถึงเรื่องห้อง Work Shop ซึ่งจะทำให้มีลูกศรออกมา 2 เส้นทางคือทางซ้ายไปยังเก็บไอเทม Secondary Objective ในห้อง Work Shop และลูกศรทางขวาทางไปที่ทางออกจากที่นี่ แวะไปทางห้องฝั่งซ้ายที่มี ORCS นอนอยู่ย่องไปเก็บไอเทมบนโต๊ะมาซะ รับ 30 SP จากนั้นค่อยลอบไปที่ฝั่งขวาของห้องก็จะพบประตูทางออกที่ต้องปลดล็อกเพื่อออกจากที่นี่



ส่วนที่ 3 - เข้ามาแล้วออกทางช่องทางซ้ายได้เลย โดดลงที่ทางเดินล่างซ้าย สุดทางด้านในมีช่องให้มุดทะลุตกลงมาชั้นล่าง เข้าไปด้านในจะได้ยินทหารคุยกันในห้องโถงด้านล่าง ฟังจบแล้วย้อนออกมาปีนพนังทางซ้ายจะแอบฟังทหารคุยกันอีกจุดจะทำให้รู้ว่าหนึ่งในนั้นคือ Bodwyn คนที่มีหน้าที่นำอาหารไปส่งให้ Querberus จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะตามมันไป
- เริ่มตาม Bodwyn ไปจนมันขึ้นบันได มีทหารหนึ่งคนอยู่ที่บันไดด้วย โดดเกาะทางกำแพงซ้ายขึ้นไปด้านบนแล้วรอให้ Bodwyn มันเดินมาถึงตรงทางเดินใกล้ๆ ดูจังหวะทหารแถวนั้นแล้วโดดตามมันลงไปขึ้นไปชั้นบน พยายามเดินตามมันติดๆแล้วจังหวะการเดินของทหารมันจะค่อนข้างอำนวยให้อยู่ ผ่านห้องโถงไปจนมันเข้าไปเปิดทางลับที่พนังด้านใน ก็ถึงที่คุมขัง Querberus แล้ว จะฆ่าคนส่งอาหารแล้วสับคันโยกเปิดประตูเข้าไปหรือ รอให้มันไปแล้วเกาะกำแพงไปเข้าที่ช่องด้านบนประตูก็ได้ทั้งนั้น



- เข้าไปคุยกับ Querberus ด้านในจะพบว่านอกจากจะพบว่าเขาเป็นคนสร้างสิ่งไฮเทคหลายๆอย่างของที่ The Atrium นี่แล้ว Querberus ก็ยังเลอะเลือนๆ เพราะโดนขังมานานอีกด้วย หลังจากฟังเขาพูดวกวนอยู่นาน ก็ต้องช่วยเขาออกจากที่นี่ก่อนที่ Styx จะได้ตัวเขาไป แต่ขณะกำลังจะพาหนี ทหารคนนึงเข้ามาพบจึงเปิดกับดักของห้องนี้ทันที กับดักพื้นไฟเริ่มทำงานตรงพื้นทางเดินตรงทางเข้า ใช้ร่างโคลนมุดประตูออกไป โดดหลบไฟที่พื้นเข้าไปสับคันโยกปิดกับดักและเปิดประตูทางออกได้เลย 

- จากนี้ต้องคุมครองและนำทางพา Querberus กลับไปยัง Hideout โดยต้องดูลาดเลาทิศทางศัตรูให้เขา เมื่อคิดว่าปลอดภัยแล้วคุยกับเขาเพื่อให้ Querberus วิ่งไปหลบยังจุดซ่อนตัวต่อไปให้ปลอดภัย แต่ออกจากห้องขังแล้วก่อนไปแวะทำ Secondary Objective ก่อน โดยมองไปทางด้านล่างของโถงจะมีคนงานคุยกันอยู่ โดดไปตามขื่อไปจนถึงด้านล่าง รอให้พวกมันคุยกันจนจบแล้วตามนายช่างเสื้อสีขาวไปตามทางจนถึงห้องลับของมันเก็บไอเทมออกมาให้หมด รับ 30 SP แล้วกลับขึ้นไปหา Querberus ที่ชั้นบนอีกครั้ง แล้วนำทางเขาเข้าไปที่ทางเข้าท่อระบายน้ำที่อยู่ด้านหลังกำแพงของโถงด้านในได้เลย

                                                               ** Hideout **

ทันทีที่กลับมาที่ Hideout Rakash ก็เริ่มจะภูมิใจในแผนการที่ตัวเองทำสำเร็จที่ดูเหมือนจะดีกว่า Styx ด้วยซ้ำ แต่จู่เขาก็รู้สึกแปลกๆเหมือนว่าจะโดน Styx ครอบงำและสั่งการอีกครั้ง 
." เอาล่ะ ทีนี้ก็ถามมันสิว่า ทางที่จะไปถึง Heart of Tree คือที่ไหน ทำให้มันพูด เดี๋ยวนี้ "
Rakash - เฮ้ย อะไรฟ่ะ เสียงในหัวข้า อีกแล้ว ข้าไม่ได้จะอยากทำแบบนั้นซะหน่อย ข้าไม่สน World Tree ข้าต้องการตามหา Styx แล้วชำแหละสมองดูแผนการของมันต่างหาก มันจะเป็นของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่ามากสำหรับข้าเลยล่ะ ข้าก็เหมือนเกิดใหม่เมื่อวาน และวันนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้น และตอนนี้ข้าจะเขียนชะตากรรมใหม่ของข้าเองด้วยเลือดของ Styx 




" แหม ..สุขสันต์วันเกิดน๊ะ Rakash " เสียง Styx ทักทายเข้ามาในหัวสมองอีกครั้งพร้อมความทรงจำบางอย่าง ความทรงจำที่ดูเหมือนจะเป็นของเขา แต่ไม่ใช่





" สุขสันต์วันเกิดน๊ะ Styx ข้าตีมันด้วยมือข้าเองเลยน๊ะ "
" มีดสั้นเล่มนี้ มันสุดยอดมาครับ "
" 30 หนาวแล้วที่แม่เจ้าส่งเจ้ามาเกิดบนโลกนี้ และมันก็นานเกินไปแล้วที่เจ้าจะอยู่ใต้คำสั่งข้า เจ้าต้องการมีชีวิตของตัวเอง เจ้าแน่ใจแล้วรึว่าอยากที่จะไป "
" ข้ามั่นใจแล้ว ท่านพ่อ ข้าอยากสร้างการเดินทางของตัวเอง เพื่อความเป็น Shaman อย่างแท้จริง "
 "ทำไมเจ้าถึงไปไกลนัก ?"
- ข้าต้องการจะเห็น World Tree ด้วยตาข้าเอง ศึกษา Amber จากมัน ข้ารู้สึกถึงพลังที่ไร้ขอบเขตของมัน 
" เจ้าต้องกลับมาในซักวัน ลูกรัก "
" ข้าสัญญาท่านพ่อ "

Rakash - อ๊ากกก นี่มันไม่ใช่ความทรงจำข้า พ่อ มีดสั้น อะไร ? ข้าไม่เคยมีอดีต !! Styx แกมายุ่งกับความคิดชองข้าอีกแล้ว
Styx - ไม่ดีรึไง เจ้าจะได้แชร์ความทรงจำสุดล้ำค่าของข้าเชียวน๊ะ ฟังน๊ะ พา Querberus มาหาข้า ความกบฏเล็กๆในตัวเจ้ามันช่างมีประโยชน์สำหรับข้าในตอนนี้จริงๆ เจ้าเป็นคนรับใช้ข้ามานานแล้ว แต่ตอนนี้ข้าจะไม่สั่งเจ้า ข้าถามเจ้าว่า นำตัว Querberus มาหาข้า แลกกับ อดีตของเจ้า ชื่อของเจ้า ทุกอย่างที่เจ้าต้องการรู้ในอดีตของเจ้า เจ้าจะเอาหรือเปล่า ? นำมันมาให้ข้าที่ห้องทดลองของข้า เจ้ารู้ดีว่ามันอยู่ทีไหน ?

- จากนั้นเดินทางลึกเข้าไปในท่อระบายน้ำจาก Hideout เข้าไปด้านในต่อ Rakash ตัดสินใจจะลองไปที่ห้องทดลองลับของ Styx ตามที่มันเสนอมา แต่ไปในแบบของเขาในแผนของเขาเอง ... ทันทีที่เข้าช่วงแรกจะเริ่มศัตรูแบบใหม่ที่เรียกว่า Doomed หัวกระโหลกเรืองแสงสีเหลืองที่ลอยไปมาและโจมตีศัตรูด้วยการพุ่งชนแล้วระเบิด ซึ่งไม่สามารถข้ามันได้ต้องล่อให้มันพุ่งโจมตีเข้ามาแล้วหลบในตอนที่มันระเบิดเท่านั้น ที่กว้างๆมันกระจอกมากแต่ที่แคบๆโดนทีก็แยเหมือนกัน ปีนพนังหลบมันไปตามทางจนถึงช่องเล็กให้มุดเข้าไปด้านใน ใช้โคลนไปสับคันโยกบนประตูให้มันเปิดออกก็จะเข้ามาถึงห้องทดลองลับของ Styx ได้สำเร็จ



- Rakash พยายามพูดต่อรองกับ Styx ทางความคิด จริงบ้างกวนบ้างเป้าหมายคือให้มันตายใจว่าเขากำลังจะทำตามคำสั่งมันแต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้ Rakash นั่งลับมีดอยู่ด้านบนหัวของ Styx เพื่อรอเสียบอยู่แล้ว เมื่อการคุยแบบน้ำลายแตกฟองจบลง Rakash ก็โดดลงไปหา Styx เพื่อหมายฆ่ามันทันที แต่ดูเหมือนร่างของ Styx จะไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะโจตีได้ไม่ว่าจะเข้ามาในรูปแบบไหนร่างของมันก็จะกลายเป็นควันทุกครั้งที่มีดจะถูกตัวมัน 





สุดท้ายผลการต่อสู้จบลงด้วยมีดของ Styx ทิ่มลงบนร่าง Rakash พร้อมการจบลงของการต่อสู้ที่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของ Rakash ความทรงจำบางส่วนของ Styx .. ความทรงจำที่เจ็บปวดของ Shaman หนุ่มผู้กระหายความหยั่งรู้จนชะตากรรมแปรเปลี่ยนให้เขาเป็น ตัวประหลาด พร้อมกับ การมาของชายคนนึง Elves ปริศนาคนนึงที่เข้ามาเพื่อช่วยเหลือ

 


               " Emet " โชคดีที่เจ้ายังไม่ตาย ข้ากลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะมาช่วยเจ้าช้าเกินไป .. 




                                                            ** Hideout **






Rakash กลับมาที่ Hideout พร้อมอาการบาดเจ็บปนกับความแปลกใจกับการช่วยเหลือของ Elves แปลกหน้าที่เรียกเขาว่า เอเม็ท (Emet) ( ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเรียกชื่อเขาเต็มๆได้เสียที) Elves ปริศนาคนนี้แนะนำตัวว่าเขาเป็นเอกราชฑูตแห่งเอลฟ์ เป็นตัวแทนโดยตรงที่มีหน้าที่สร้างความเข้าใจระหว่างมนุษย์กับเอลฟ์ และรู้ถึงแผนร้ายของ Styx ในการมุ่งหมาย Heart of World Tree มาตลอด และพยายามที่จะหยุดยั้งมันเพราะ World Tree ถ้าขาดซึ่งหัวใจของมันก็ต้องสูญสลายไป และเมื่อ World Tree สูญสลายไป ดินแดนแห่ง Akenash ก็จะอยู่ไม่ได้เช่นกัน  เจ้า Styx จึงพยายามวางยาและทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเอลฟ์เพื่อให้เกิดสงคราม ซึ่ง Emet หลังจากปะทะกับมันหลายครั้งดูเหมือนก็เริ่มจะถอดใจเพราะรู้ว่า Styx มันแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ 
แต่ความมั่นใจก็กลับมาเมื่อ Elves บอกเจตนารมณ์ว่าพวกเขาต้องหารจะช่วย ด้วยสติปัญญาของเอลฟ์และจิตที่ยังผูกติดกับของ Emet และ Styx ที่เหลือก็ให้พลังแห่งความหยั่งรู้ของ Amber ชี้ทางให้ และ Emet ก็ยินดีทำตามทันทีถ้ามันทำให้เขาได้เฉือนคอเจ้า Styx ในตอนสุดท้ายได้จริงๆ 

  

Elves นำเสนอแผนมาว่า การจะจัดการ Styx ได้นั้นก่อนอื่น Elves ต้องการให้ Emet ไปสร้างร่างกลายของตัวเองให้สมบูรณ์เสียก่อน ด้วย Cocoon ของพวกเขาเพื่อให้กำเนิดใหม่เป็นสุดยอดสัตว์ประหลาดแห่ง Amber ที่ทรงพลัง Emet ฟังแล้วแทบจะทนรอไม่ไหว แต่ Elves ต้องการให้เขาไปทำภารกิจอื่นที่สำคัญว่าก่อน เพราะตอนนี้ Aaron ได้ทำลายสะพานเชื่อมไปแล้ว สงครามกำลังใกล้จะเกิดซึ่งมันจะเป็นไปตามแผนของ Styx  แต่ตอนนี้เราได้ตัว  Querberus มาแล้ว เราต้องพาเขาหนีออกจากที่นี่เพื่อ Styx จะไม่มีวันเข้าไปถึง Heart of World Tree ได้ และจากนั้นก็ค่อยกำจัดมันซึ่งข้าจะช่วยเจ้าเอง  แต่ตอนนี้เราต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเอลฟ์ให้ดีดั่งเดิมก่อน ซึ่งเราต้องบอกให้ Lord Barimen รู้ถึงแผนชั่วของ Aaron ลูกชายของเขา แล้ว Lord Barimen ก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง อย่างแรกข้าต้องการให้เจ้าไปเอาเอกสารสำคัญอย่างนึงที่ห้องสมุดมาก่อน ...   


- Chapter 6 - CONFLAGRATION 





ยังไม่ทันหลุดพ้นจากการถูกเจ้า Styx จอมชั่วร้ายควบคุม Emet ก็ต้องถูก Elves ผู้หวังดีแทรกแซงสมองเพื่อสั่งการอีกแล้วทำไมทุกคนมันถึงอยากจะพูดเข้ามาในหัวมันจัง มันกำลังคิดแบบนั้น เป้าหายคือ ออกจากท่อระบายน้ำนี้กลับไปยังห้องสมุด 

- โถงแรกทหารไม่มากเดินเลาะทางซ้ายข้ามมาได้เลย หลบหลังกล่องเข้าไปในห้องด้านในสับคันโยกเปิดประตูไปจะเจอทางเดินที่เต็มไปด้วยแมลงและ Doomed ไปที่โถงในที่มีทหาร 2 คน เลาะทางขวาติดพนังไป ย่องผ่านทหารหลับและทหารที่เดินมาอ๊วกตรงบันไดขึ้นไปด้านบนต่อ
- ขึ้นไปถึงประตูชั้นบน ใช้โคลนเข้าไปสับคันโยกเปิดประตูเข้าไปที่โถงใน ห้องนี้ทหารเยอะมาก จะให้ชัวร์หายตัวไปที่ใต้รถรางแล้วหายตัวผ่านทหารที่เฝ้าทางออกที่โถงบันไดไป 2 ต่อเลยจะดีที่สุด ขึ้นมาจนถึงระเบียงด้านบนที่มีทหารยืนคุมอยู่ หลบมันแล้วสับคันโยกประตูทางขวาเข้าไปในโถงด้านใน เข้ามาแล้วปีนตู้ไม้ตรงทางเข้า มุดเข้าช่องเล็กเข้ามาโผล่ด้านขวาในของห้อง ใช้กล่องทางขวาบังเพื่อขึ้นบันไดทางขวาต่อ
- ขึ้นบันไดไป หายตัวผ่านกลางบันไดที่มีทหารอยู่ 2 คนไปชั้นบนต่อ ที่โถงชั้นบนเลาะหลบทหาร 2 คนไปทางพนังด้านขวา เกาะพนังที่ประตูด้านในขึ้นไปที่ทางเดินเล็กที่ขอบน โดดขึ้นไปชั้นบนต่อ เดินไปตามทางเดินไม้ทางซ้ายตรงเตาเผาจะมีช่องให้เข้า ซึ่งต้องหลบแมลงตัวนึงในนั้น แค่รอให้มันเดินเข้าไปทางขวาของช่องก็รีบเข้าไปแล้วโดดขึ้นด้านบนของช่องนี้จะเป็นทางออกไปพื้นที่ต่อไป



ส่วนที่ 2 - เข้ามาแล้วปีนขึ้นไปด้านบนตามที่เกาะจนถึงประตูหลังของโดมห้องสมุดที่มีรูปปั้น Querberus ปีนที่ปีนข้างประตูขึ้นไปเข้าที่ช่องบนประตู ตอนนี้ใช้ความเร็วและเงียบโดดไปตามขื่นไม้ด้านบนและตูหนังสือไปทางฝั่งซ้ายเรื่อยๆจนพบทางออกที่มี ORCS นอนขวางอยู่ ย่องผ่านออกประตูไปที่ทางเข้าห้องสมุดกลางได้เลย
- ใช้ร่างโคลนมุมเข้าไปเปิดประตูเข้าไปแล้วจะพบนักวิจัย 2 คนคุยกัน รอมันคุยจบแล้วลอบตามนักวิจัยชุดดำไป แล้วหาจังหวะเข้าไปฉกเอกสารมาจากตัวมัน ตอนไหนสบโอกาสก็ตอนนั้น มันจะเดินลงไปถึงชั้นล่างนั่นแหละ จากนั้นหลบใต้โต๊ะขวาแล้วหายตัวไปลงบันไดทีโถงด้านในไปชั้นล่างต่อ
- ระหว่างทางจากนี้จะมี Secondary Objective ที่ต้องเก็บ Ledgers 4 ชิ้น แต่ไม่ต้องกลัวเพราะทั้ง 4 ชิ้นนั้นอยู่ตามทางในห้องสมุดที่ต้องลงไปชั้นล่างอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องแวะเข้าไปเก็บเท่านั้นถ้าต้องการ โดยหลังจากลงบันไดที่มีพรมสีน้ำเงินจากโถงใหญ่แล้ว ไม่ต้องเข้าไปที่ประตูเล็กด้านล่าง ให้โดดทิ้งตัวมาที่บันไดที่มีพรมสีน้ำเงินด้านล่างเลย แวะเข้าไปที่ห้องสมุดทางขวาเก็บ Ledgers ชิ้นที่ 1 บนโต๊ะที่อยู่ชั้นบนของห้องมา แล้วโดดลงมาทางฝั่งขวาเข้าไปตามทางเดินขวาถึงโถงบันไดด้านใน ขึ้นบันไดขวาไป หลบทหารเข้าไปเก็บ Ledgers ชิ้นที่ 2 ที่มุมโต๊ะสุดทางเดินทางด้านในฝั่งซ้าย จากนั้นทิ้งตัวลงมาด้านล่างจากตรงนั้น มาขึ้นบันไดอีกฝั่ง ขึ้นมาจนถึงทางเข้าห้องโถงใหญ่ ปีนเข้าไปทางช่องประตูด้านบน จะมี Ledgers ชิ้นที่ 3 ให้เก็บ ซึ่งสามารถใช้การตัดโซ่โคมไฟก่อความวุ่นวายให้ทหารช่วยได้ เก็บแล้วออกมาจากห้องขึ้นบันไดหลักไปชั้นบนต่อจนถึงบันไดที่มีพรมน้ำเงินของชั้นบน มีทหารคนนึงที่ยืนเฝ้าบันไดอยู่แบบไม่ไปไหนเลย จะฆ่ามันหรือหายตัวผ่านไปก็แล้วแต่แนวของคุณ เข้าไปสับคันโยกเปิดประตูเช้าห้องทำงานด้านในเก็บ Ledgers ชิ้นที่ 4 ที่โต๊ะหน้าห้อง แล้วหลบทหารไปเปิดประตูด้านในห้องไปต่อ หลบทหารในห้องเข้าไปขึ้นบันไดด้านในจนถึงชั้นบน จะพบทหาร 2 คนคุยกัน เดี๋ยว Knight จะเดินลงมายาวตามบันได จะหายตัวไปหลบใต้โต๊ะทำงานก่อนหรือจะลงไปหลบที่ชั้นล่างก่อนก็ได้ จากนั้นเข้าไปที่ประตูในที่ทหารหลับอยู่ ปีนที่เกาะทางขวาของประตูเข้าไปทางช่องด้านบน เดินเลาะฝั่งซ้ายของระเบียงบนไปที่ทางเข้าโถงด้านใน รอให้นักวิจัย 2 คนมันคุยจบ แล้วเข้าไปปีนหัวรุปปั้นทางขวาขึ้นไปที่หน้าต่างขวาบน เก็บ Ledgers ชิ้นที่ 5 บนโต๊ะริมหน้าต่าง ครบ รับ 30 SP 
- จากนั้นไปที่ทางประตูทางออกด้านในที่มี Knight 2 คนเฝ้าอยู่ จะเมตตามันด้วยการหายตัวเข้าไปเสี่ยงเปิดประตูด้านหลังมันเข้าไปหรือหาที่ปีนขึ้นไปด้านบนของห้องนี้แล้วตัดโซ่โคมไฟจากด้านบนมาทับมันให้ตายก็ได้ แล้วเปิดประตูออกไปจากที่นี่ได้เลย



ส่วนที่ 3  - ในป้อมด้านในนั้น เป้าหมายคือลอบเอาเอกสารลับที่ได้มาไปให้ท่านทูตเอลฟ์ที่อยู่ในห้องทางปีกขวาของตึก โดยต้องทำอย่างเป็นความลับ โดยห้ามไม่ให้ Lord Barimen รู้ นั่นแปลว่าต้องห้ามให้ทหาร Alert หรือฆ่าศัตรูในพื้นที่นี่เด็ดขาด
- เข้ามาแล้วในโถงแรกเข้าไปทางพนังซ้ายที่มีที่เกาะอยู่ ปีนมาที่ระเบียงชั้น 2 แล้วมาปีนต่อที่พนังกลางใหญ่เพื่อขึ้นไปที่ขื่อด้านบนแล้วเดินเลาะตามขื่อมาทางฝั่งปีกขวาของตึก กระโดดไปตามทางเดินเล็กด้านบนพนังของทางปีกขวาของตึกไปต่อ จนถึงห้องโถงด้านใน ทิ้งตัวมาที่ห้องด้านล่างที่มี ORCS นอนขวางทางเดินอยู่ โดดข้ามระเบียงทางขวาที่มันนอนลงไปด้านล่าง เกาะไปที่ขื่อบนพนังทางขวา ที่ทางเดินจะมีทหารเฝ้าอยู่ ถ้ามี Amber ก็หายตัวโดดลงไปตรงหน้ามันแล้วมุดเข้าช่องเล็กตรงหน้ามันไปผ่านห้องด้านในทางมุมขวาบนของห้องจะมีช่องให้มุดเข้าไปต่อจะออกมาที่ห้องฝั่งซ้ายของห้องโถงกลางที่มีทหารเฝ้าประตูใหญ่อยู่ ถ้ามี Amber เหลือก็หายตัวผ่านทหารทางซ้ายไปปีนที่เกาะด้านขวาประตูขึ้นไป ถ้าไม่มี Amber ก็ลอบหลบมาทางฝั่งขวาเพื่อหลบทหารเอา ปีนเข้ามาแล้วก็จะพบท่านฑูตอยู่ด้านใน




ทันทีที่ท่านทูตเอลฟ์ได้เอกสารที่ให้ Emet ไปขโมยมาจึงพบว่าเป็นเอกสารประกาศสงครามปลอมที่เซ็นโดนตัวตัวเขาเอง โดยเป็นฝีมือของ Styx ที่จะทำให้มนุษย์มีเงื่อนไขจะทำสงครามเพื่อตอบโต้ แน่นอนว่า Aaron นั้นต้องการแตกหักกับพวก Elves อยู่แล้ว ท่านฑูตจึงจะลองหาทางคุยกับ Lord Barimen ดูถึงเรื่องความจริงที่ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังโดนปั่นหัวให้ทำสงครามกัน โดยให้ Emet ไปแอบอยู่ในตู้คอยสังเกตการณ์ก่อน แต่ทันทีที่ Lord Barimen เข้ามาคุย ท่านฑูตยังไม่ได้ทันเอยปากถึงเรื่องที่เกิดขึ้น Styx ก็เข้าลอบฆ่า Lord Barimen ตายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้เรื่องราวเริ่มยุ่งยากขึ้นไปอีก ท่านทูตไม่มีทางเลือกที่จะต้องรีบหนีออกจากที่นี่โดยด่วน 




- ถ้าจะเก็บ Relic ซึ่งเป็น Secondary Objective ก็ปีนตู้ไปบนระเบียงของห้องนี้กดสวิตซ์ที่ตู้ไม้ที่เรียงกันที่พนัง กดสวิตซ์ที่เปิดออกทางซ้ายและขวาให้ถูกต้องช่องเก็บสมบัติก็จะเปิดออก รับ 25 SP 
- จากนั้นจะมี Secondary Objective ให้สร้างสถานการณ์ให้ท่านทูตหนีอีก 2 อันขึ้นมา อันที่ใกล้ที่สุดก็คือ ให้ลอบออกจากห้องท่านทูตกลับไปยังห้องโถงแรกที่เข้ามาขึ้นไปที่ระเบียงฝั่งซ้ายทำลายโซ่ให้โคมไฟให้ตกลงไปด้านล่างทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ก็จะทำให้ท่านทูตสามารถฉวยโอกาสหนีไปที่ลานจอดยานเหาะได้ รับ 25 SP
 - ลอบลงมาที่ชั้นล่างเข้าไปที่ทางเดินฝั่งขวาก็จะออกมาที่ลานจอดยานเหาะที่ท่านทูตรออยู่ ก่อนที่จะหนีออกจากที่นี่ด้วยกันสำเร็จ

ส่วนที่ 4  - เมื่อแผนเจรจาไม่สำเร็จท่านทูตจึงรีบสั่งให้ Emet รีบไปพาตัว Querberus ที่อยู่ในห้องที่ท่าเรือเหาะหนีไปด้วยกันโดยเร็วที่สุด ที่ท่าเรือเหาะนั้นเป้าหมายคือที่ห้องของ Querberus ที่อยู่ด้านบนสุด ซึ่งพื้นที่นี้นั้นค่อยข้างแคบมากจึงมีทางปีนขึ้นนั้นมีจุดเดียวคือตรงอาคารด้านในที่มีปั้นจั่นยกกรงเหล็กอยู่ตรงนั้นมีที่มีและที่เกาะปั้นจั่นขึ้นไปถึงระเบียงชั้นบนที่มีห้องของ Querberus ได้ ตรงนั้นมี Knight อยู่ตัวเดียว เกาะปีนพนังขึ้นไปที่ช่องด้านบนของห้อง Querberus ได้เลย

 

เมื่อปีนเข้ามาในห้องของ Querberus แล้วจะพบ Styx ที่มาไวกว่าเพราะมันเข้ามาลอบแทง Querberus เสียก่อนเรียบร้อยแล้ว แถมยังได้ความลับในเส้นทางที่จะเข้าถึง Heart of World Tree จาก Querberus ไปแล้วเสียด้วย ก่อนมันจะลบความทรงจำของ  Querberus จำให้ไม่สามารถบอกข้อมูลอะไรให้กับ Emet ได้อีกด้วย หลังจากปู่ Querberus ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนต้องกล่าวคำอำลาแบบเลอะๆเลือนๆกับ Emet ก่อนตายจากไป Emet จึงต้องรีบเดินทางกลับไปยัง Hideout เพื่อบอกกับท่านฑูตโดยด่วน 

- จากนั้นก็หาทางกลับไปยังทางเข้าท่อระบายน้ำไปยัง Hideout โดยการทิ้งตัวกลับลงมาด้านล่างของท่าเรือเหาะ ทางออกท่อระบายน้ำนั้นต้องผ่านสะพานทางเดินยาวไปสุดทางด้านในแบบตรงๆเลย ซึงเส้นทางนี้เป็นเส้นทางปราบเซียนครับ เพราะทางตรงๆแคบๆเต็มไปด้วยทหารเพียบแบบติดๆกันแถมมีที่ซ่อนแค่ไหกับฝ่าท่อ ซึ่งถ้าไม่มี Amber พอจะหายตัวผ่านไปละก็ค่อยข้างจะเหนื่อยครับ ถ้ามี Amber พอจะหายตัวได้ ก็หายตัวสลับกับหลบตามไหกับท่อไปจนถึงอีกฝั่งได้อยู่ แต่ถ้าไม่สามารถหายตัวได้เลยนั้นคงต้องพยายามดูจังหวะเดินของทหารแล้วหลบตามไหกับท่อไปจนถึงที่สุด เมื่อถูกจับได้จริงๆก็โกยกลิ้งเข้าไปปีนเข้าท่อระบายน้ำอีกฝั่งให้ไว้ได้เลย เส้นทางนี้ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ครับ

                                                           ** Hideout **





ทันที่กลับมารายงานกับท่านทูต Elves ถึงเรื่องที่ต้องเสีย Querberus ที่เป็นไฟ่ตายไปแถม Styx ยังรู้ข้อมูลทั้งหมดของเส้นทางที่จะไปยังที่ซ่อน Heart of World Tree แล้วด้วย ท่านทูต Elves จึงต้องใช้แผนสุดท้ายในการทำให้ Emet กำเนิดใหม่ในร่างที่สมบูรณ์แบบให้มีพลังทัดเทียมกับ Styx เพื่อกำจัดมันก่อนที่แผนของมันจะสำเร็จจนสงครามบานปลายยากจะควบคุม แต่รังไหมหรือ Cocoon อุปกรณ์ในการกำเนิดใหม่นั้นถูก Aaron เก็บเอาไว้ กุญแจอยู่ที่ Aaron แย่งมันมาปลอดปล่อยชาวเอลฟ์ที่ถูกกักขัง เสริมสร้างพลังให้ตัวเอง และยับยั้งกำจัด Styx ตอนนี้ดูเหมือน Emet คือแผนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในการยับยั้ง Styx ไปเสียแล้ว 


- Chapter 7 - RENAISSENCE 




- เมื่อ Emet เข้ามาถึงในป้อมของพวกทหารก็จะพบ Aaron ที่ตอนนี้ถูกสาร Amber ครอบงำเขาพยายามใช้หารตายของ Lord Barimen พ่อของเขาเป็นชนวนในการเปิดสงครามกับพวก Elves โดยเริ่มจากขังพวก Elves เอาไว้ในชั้นใต้ดินทั้งหมดและสั่งทหารคุมเข้มทุกจุด ห้องขังของพวก Elves ถูกสั่งให้ปิดตายโดยคนถือกุญแจคือ Henchman คนที่ได้รับมอบหมายจาก Aaron คนเดียวเท่านั้น เมื่อ Emet ได้ยินตามนั้นเขาจึงมีเป้าหมายที่จะลอบตาม Aaron ไปจนถึงจุดที่มันมอบกุญแจให้ Henchman

- จากจุดเริ่มโดดลงมาที่ประตูทางซ้ายเลยเพื่อหลบทหารไปทางด้านซ้าย จะพบ Aaron กำลังเดินลงไปชั้นล่างพร้อมทหารคุ้มกันอยู่ ตรงนี้จะห้ามไม่ให้ Aaron รู้ตัวเป็นอันขาด (ทหารจุดอื่นไม่เป็นไร) ตรงนี้ต้องใช้ Amber ในหารหายตัวให้คุ้มค่าหน่อย ทันทีที่ Aaron พ้นบันไดแรกมันจะเลี้ยวซ้าย หายตัวแล้วตรงไปจากแยกนี้ ฉก Amber จากทหารที่ยืนอยู่แล้วลงบันไดไปชั้นล่างต่อแล้วโดดที่ระเบียงทางขวาลงมาชั้นล่างก็จะถึงหน้าป้อมของ Aaron พอดี จริงๆแล้วต้องรอให้ Aaron เดินมาแล้วมันจะมอบกุญแจให้กับ Henchman คนของมันเป็นผู้ดูแล เกมจะให้ปีนที่ปีนทาขวาของประตูขึ้นไปที่จุดซ่อนตัวเพื่อแอบฟัง แต่เพื่อย่นเวลาในช่วงที่ Aaron ยังเดินมาไม่ถึง ลัดไปเป็นขั้นต่อไปเลยก็ได้ ซึ่งก็คือโดดเกาะไปที่ระเบียงด้านซ้ายของบันไดฝั่งประตูใหญ่ สับคันโยกด้านในประตูใหญ่ก็จะเปิด แล้วค่อยโดดข้ามไปที่ป้อมตรงข้ามเพื่อเข้าไปที่จุดแอบฟังเมื่อ Henchman มันได้รับคำสั่งจาก Aaron ให้ทำการคุมขังพวก Elves ทั้งหมดเอาไว้ในห้องใต้ดินที่เก็บ Cocoon ของมัน เมื่อมันได้กุญแจมาแล้วมันก็จะออกทางประตูใหญ่ไป ให้หายตัวโดดลงไปที่ประตูใหญ่ผ่านทหารยาม 2 คนตามมันไป ย่องผ่าน ORCS ไปปีนขึ้นไปที่ทางออกด้านบนต่อได้เลยไม่ต้องเสียเวลาไปปีนไปสับคันโยก



ส่วนที่ 2 - เข้ามาส่วนของห้องทดลองสาร Amber เป้าหมายคือลอบฉกหรือฆ่าเพื่อชิงกุญแจมาจาก Henchman แต่ถ้าจะเอาให้ไวหน่อย จากจุดเริ่มโดดลงมาที่ทางเดินหายตัวหลบทหารไปขึ้นบันไดซ้ายจะมีช่องเตาผิงให้มุดเข้าไปในห้องเก็บ Amber หลบตามตู้เลาะมาทางขวาที่มุมทางเดินรอแปบให้ Henchmanมันเดินมา หายตัวเข้าไปฉกกุญแจมาจากมัน (กด Y ) ได้เลย จากนั้นก็หาที่มุดหลบแถวนั้นเอา
- หลังจากได้กุญแจมากแล้วเป้าหมายต่อไปคือย้อนกลับออกไป ที่ประตูลูกกรงทางออกทางด้านล่างด้วยการหลบทหารเอา หรือ จะหาทางปีนขึ้นมาด้านบนทางเดินไม้บนเพดานของห้องแล้วมองไปทางมุมขวาใต้ทางเดินไม้ตรงที่มีปั้นจั่นให้โดดไปจะมีขอบให้โดดไปยืนและจะมีช่องเล็กให้มุดเข้าไปจนถึงประตูทางออกได้เหมือนกัน ใช้ร่างโคลนหายตัวหลบทหารมุดเข้าประตูทางออกไปสับคันโยกด้านนอกเพื่อเปิดประตู จากนั้นก็หายตัวโดดผ่านทหารยามที่เฝ้าอยู่เข้าไปได้เลย จากนั้นมุมช่องเล็กทางซ้ายของ ORCS ที่นอนขวางทางอยู่ผ่านเข้าไปสับคันโยกเปิดประตูเข้าไป ใช้กุญแจกับลูกกรงเหล็กให้เปิดออกแล้วเข้าไปสับคันโยกปล่อยพวก Elves ออกมาจากที่คุมขังได้เลย




แต่ ทันที่ราชาแห่ง Elves ออกมาพร้อมกองทัพของเขา เขาก็กลับสั่งทหารจับกุมตัว Emet ซึ่ง Emet พยายามอธิบายว่าเขามาช่วยตามคำสั่งของท่านทูต แต่ดูเหมือนกับราชาแห่ง Elves มองว่าการกระทำของท่าทูตนั่นผิดธรรมเนียมและอาจก่อให้เกิดอันตรายเพราะไปร่วมมือกับตัวประหลาดอย่าง Emet อีกทั้ง ราชาแห่ง Elves หลังจากมนุษย์ทรยศเขาจึงมีแผนที่จะกำจัดมนุษย์ทุกคนที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องสาร Amber ทิ้งเพื่อปกปิดความลับของ World Tree ให้เป็นความลับตลอดไป 

Emet ถูกยัดเข้าไปในที่คุมขังใต้ดินก่อนที่ ราชาแห่ง Elves จะนำกองทัพของ Elves ทั้งหมดบุกยึด The Atrium ทันที Emet ที่ถูกจับขังรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที เขาโกรธแค้นทั้งมนุษย์รวมถึงพวก Elves จนหมายที่จะฆ่าทิ้งให้หมด แต่ท่านทูตจะติดต่อมาว่าเขาไม่รู้กับเรื่องการตัดสินใจของราชาแห่ง Elves แต่ตอนนี้แผนการหยุดยั้ง Styx ยังคงดำเนินอยู่เพราะห้องใต้ดินที่ Emet ถูกขังอยู่นี้นั้นด้านใต้ของมันก็คือที่เก็บ Cocoon รังไหมเปลี่ยนสภาพนั่นเอง 




ทันทีที่เดินลงไปข้างล่างของที่นี่ก็จะพบ Cocoon หรือรังไหมสีเหลืองทางที่ก่อขึ้นจาก Amber อยู่มากมาย Emet ตัดสินใจเข้าไปในรังไหมเพื่อซึมซับพลังทั้งหมดจนกำเนิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ร่างของ Emet เป็นร่างที่สมบูรณ์ที่ไม่มีรอยประทับตราใดๆที่จะให้ใครมาควบคุมความคิดและจิตใจได้อีก และร่างนี้ก็มีพลังไม่แตกต่างจาก Styx เพราะมันก็ก่อกำเนิดจาก Cocoon นี้เช่นเดียวกัน (เพียงแต่คุณผู้เล่นคงจะไม่ได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งนี้เพราะการบังคับและเพลย์เกมของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม ) 

- เมื่อได้ร่างสมบูรณ์มาแล้ว ก็กลับขึ้นไปที่อาคารด้านบนได้เลยจะพบว่าที่นี่ถูกทำลายจนย่อยยับมีศพของทหารตายกันเกลื่อนไปหมด ทั้งหมดก็เกิดจากฝีมือของพวก Elves และในตอนนี้ Elves คือศัตรูและพวกมันก็อยู่เต็มพื้นที่อีกด้วย โดยพวก Elves นั้นเป็นศัตรูที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมากเพราะ Emet ไม่สามารถเข้าใกล้พวกมันได้เพราะมันจะได้กลิ่นของ Amber ในตัว เมื่อเข้าใกล้ไม่ได้ก็ไม่สามารถลอบฆ่าจากด้านหลังหรือมุมต่างๆได้ และไม่สามารถที่จะหายตัวหรือหลบซ่อนตามที่ซ่อนต่างๆได้ด้วยเพราะเกทการรับร้ของพวกมันนั้นกว้างและจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเข้าโจมตีทันที ทางคุณไม่ได้เบ่นสายปราณีที่ต้องหลบพวกมัน ก็สามารถที่จะฆ่ามันได้โดยการโดดโจมตีจากที่สูง หรือ ใข้โคมไฟและกล่องลงมาทับให้ตาย
- ในขณะที่ Emet กำลังมืดแปดด้านที่จะเข้าไปถึง Heart of Tree  มันสมองอันปราชเปรื่องของร่างใหม่ก็บอกเชาถึงที่ซ่อนของ World Tree ว่ามันน่าจะอยู่ในห้องลับที่ตู้หนังสือในห้องของ Lord Barimen แต่ก่อนแนต้องหาทางออกจากห้องทดลอง Amber ที่ชั้นใต้ดินนี้ก่อน เส้นทางก็ไม่ได้ง่ายเหมือนทุกครั้งเพราะมี พวก Elves  อยู่เต็มพื้นที่ โดยสำหรับคนที่เล่นสายปราณีไม่ฆ่าเลยอาจต้องลำบากหน่อย ส่วนคนที่เล่นสายฆ่านั้นก็สามารถหาที่สูงโดดลงมาปาดคอมันได้เลย จากนั้นลอบไปในห้องทดลอง Amber นี้จนถึงลิฟต์ตัวใหญ่ด้านใน ซึ่งจะเห็นราชา Elves นำคนของมันขึ้นลิฟต์ใหญ่ไปแล้ว
- จากนั้นปีนไปตามช่องลิฟต์ขนาดใหญ่ตามที่ปีนขึ้นไปด้านบน ระหว่างทางลิฟต์ก็ดันกลับลงมาอีก หลบมันมาที่ขื่อไม้ข้างๆแล้วกลับขึ้นไปใหม่จนถึงด้านบนสุดก็จะพบทางออกจากที่นี่

ส่วนที่ 3 - ในตึกบัญชาการณ์ เป้าหมายที่ขึ้นมาก็คือเข้าไปให้ถึงห้องของ Lord Barimen ในตึกด้านในตามทางเดิมนั่นเอง เส้นทางของตึกไม่ได้ซับซ้อนแต่ที่ลำบากคือพวก Elves ที่เฝ้าอยู่นั่นแหละ ซึ่งก็ทำให้ต้องเล่นเกมเร็วเดินทางเร็วเพราะไม่ว่ายังไงผ่านไปใกล้มัน มันก็จะเริ่มรู้ตัวทันทีอยู่แล้ว พยายามหาที่สูงเกาะไปแล้วผ่านประตูใหญ่จากช่องด้านบน เมื่อเข้ามาถึงโถงบันไดใหญ่ก็จะพบพวก Elves บุกมาโจมตีพวกมนุษย์จนตายหมด ลอบหลบพวกมันออกจากห้องโถงนี้เพื่อออกไปยังทางเดินด้านนอกตรงโดมใหญ่ พื้นที่นี้ยังคงเป็นของทหารมนุษย์ที่คุมพื้นที่อยู่ จึงไม่ต้องกลัวที่จะมีพวก Elves มากวนใจ เข้าไปตามทางเดินทางซ้ายของตึกด้วยการโดดไปตามขื่อด้านบนจนถึงห้องนอนของ Lord Barimen เหมือนที่เคยเข้ามาในครั้งแรกๆ แล้วลอบเข้าไปกดสวิตซ์ที่ตู้หนังสือเข้าไปยังห้องลับ หลบกับดักพื้นสัญลักษณ์เข้าไปในห้องทำงานด้านใน จะพบท่อขนาดใหญ่ที่มีพลังของ Amber ที่มีสีเหลืองทองอร่ามออกมา  Emet จึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปในนั้นทันที



ส่วนที 4 -  Emet เข้ามาถึงหัวใจของต้นไม้แห่งโลกาสำเร็จ ด้านในเขาพบ Styx กำลังพยายามตัดขั้วทั้ง 3 ของ Heart of World Tree ออกเพื่อพยายามจะครอบครองมัน และมันก็ทำสำเร็จไปแล้ว 1 ขั้วที่ถูกตัดไป ทันทีที่ Emet แสดงตัวออกมามันก็ต้องตกใจที่ Emet เข้ามาถึงที่นี่ได้แถมยังไม่มีรอยสักควบคุมที่มันทำเอาไว้เสียด้วย





ท่ามกลางการเผชิญหน้ากันของ Emet ร่างโคลนและ Styx ที่เป็นผู้สร้าง ตอนนี้สำหรับ Emet สรครามระหว่างมนุษย์และเอลฟ์หรือแม้กระทั้ง World Tree และพลังที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของมัน ไม่มีประโยชน์และความสำคัญกับเขามากไปกว่าการได้เฉือนคอ Styx แล้วเริ่มชีวิตใหม่ของเขาอีกครั้ง Emet ประกาศกร้าวว่าถ้าทุกอย่างมันไม่ได้ดั่งใจเขาก็จะทำลาย Heart of World Tree ทิ้งซะให้มันจบเรื่องจบราว และนั้นกลับเป็นเรื่องที่ทำให้ Styx หวั่นเกรงจนมันต้องพยายามหาทางขัดขวาง Emet อย่างสุดกำลังเช่นกัน 

- การต่อสู้กับ Styx นั้นก็ต้องรับมือกับ Vermin ทาสที่มันสร้างขึ้นที่เข้ามาโจมตี ชุดแรกนั้นออกมา 3 ตัวซึ่งจะจัดการมันยังไงรูปแบบไหนก็ได้ หายตัวลอบฆ่า ขว้างมีดสั้น หรือ ดวลกับแบบตรงๆ เมื่อจัดารชุดแรกจนหมด เจ้า Styx ก็ฉวยโอกาศในการตัดขั้วหัวใจที่ 2 ของ World Tree ไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะส่ง Vermin อีกชุดที่สามารถหายตัวได้ออกมาจัดการ Emet ซึ่งถึงมันจะหายตัวก็สามารถใช้ Amber Vision มองหาตำแหน่งมันได้ ลอบจัดการมันให้หมดซะ



ทันทีที่จัดการ Vermin ชุดสุดท้ายหมด  Styx ก็ฉวยโอกาศในการตัดขั้วหัวใจที่ 3 จน Heart of World Tree หลุดออกจากขั้วเรียบร้อย แต่มันกลับโดน Doomed หัวกระโหลก Amber ที่พวกเอลฟ์สร้างขึ้นเข้ามารุมโจมตีทันทีในขณะที่ Styx กำลังต่อสู้กับพวก Doomed ทาง Emet ก็ฉวยโอกาสใช้มีดสั้นของเขาปาใส่ Heart of World Tree จนหลุดออกจากขั้วก่อนที่จะรีบพุ่งตัวไปขว้างมาครอบครองได้สำเร็จ





Styx - Rakash ! ส่งหัวใจนั่นมาให้ข้า ! เจ้าสิ่งนี้มันทำลายข้า ข้าต้องการปลดปล่อยศักดิ์ศรีแห่ง Orcs เผ่าพันธุ์ข้าให้เป็นอิสระจากพันธนาการของ Amber นี่เสียที มันเปลี่ยนข้าจาก Orcs ที่มีเกรียติให้เป็นสิ่งที่น่าเกลียดและเผาสมองข้าทุกวันตลอดมา ถ้าข้าได้ครอบครองมัน ข้าจะศึกษามันเพื่อเปลี่ยนให้ข้ากลับเป็นเหมือนเดิม 
 Emet - แกบ้าหรือเปล่า ร่างกายแบบเรามันเหมาะกับไอ้ที่แบบนี้จะตายทั้งเล็ก คล่องแคล่วและรวดเร็ว แถมข้าก็รู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดใหม่ ถึงแม้จะต้องลืมตามาก็เห็นความพินาศย่อยยับของที่นี่ข้าก็รู้สึกดีน๊ะ 
Styx - หุบปาก ! ..ถึงเจ้าได้หัวใจไปก็สู้ข้าไม่ได้อยู่ดี ส่งมันมาให้ข้าแล้วข้าจะยกโทษให้เจ้า
Emet - ฮ่าๆ เข้ามาเอาเองไม่ได้หรอ ? ตอนนี้สำหรับข้าอยู่หรือตายไม่สำคัญแล้วถ้าเทียบกับตลอดเวลาที่เจ้าควบคุมข้ามา ดูข้าให้ดี Styx !! และจดจำว่าข้าได้เลือกชะตากรรมของข้ายังไง !
Styx - อย่า !! ถ้าเจ้าทำลายหัวใจ ทุกอยากจะพินาศไม่เหลือ !!
Emet - ก็ทำอยู่เนี้ย ...
Styx - หัวใจ...โธ่ข้าเกือบจะได้มันแล้วแท้ๆ เจ้าทำอะไรลงไปเจ้าโง่ !! ข้าจะฆ่าเจ้า !!
Emet - โอ้ ไม่เลย Styx ข้าเลือกทางตายของข้าเองได้ 
Styx - Rakash !!!!





หลังจากทำลาย Heart of World Tree ไปด้วยความสะใจ Emet ก็ตัดสินใจทิ้งร่างของตัวเองลงไปยังบ่อ Amber เบื้องล่างที่โคนต้นไม้แห่งโลกา เพื่อปลิดชะตาตัวเองก่อนที่ Styx จะเข้ามายัดเยียดให้เขา 






แต่มันกลับเกิดปาฏิหาริย์ที่ทำให้ก่อเกิดชีวิตใหม่จำนวนมากโผล่ผุดขึ้นมาจากบ่อ Amber ก่อนที่พวกมันจะปีนขึ้นต้นไม้แล้วเข้ารุมกัดกินร่างของ Styx อย่างบ้าคลั่งจนไม่เหลือแม้แต่เศษซากไปพร้อมกับการล้มสลายของหอคอย The Atrium แห่ง Akenash ที่เคยเรืองอำอาจ ... 



นั่นแหละที่ข้าจำได้ ข้าเกิดมาจากความตายใต้บึงแห่ง Amber ก่อนที่ต้นไม้แห่งโลกาจะเหลือเพียงแค่ซาก ข้าเคยๆคืบคลานออกมาในร่างใหม่ ที่ไม่ได้ดีไปกว่าเดิม แต่มันก็แตกต่างออกไปจากทุกเผ่าพันธ์ที่มีบนโลก ในหัวข้าวางเปล่า ความทรงจำหมดสิ้น ข้าไม่รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่กลับจำสิ่งหนึ่งได้ ชื่อที่ข้าไม่มีวันลืม Styx และมันเป็นสิ่งเดียวที่ข้าคิดออกว่า มันคือชื่อของข้า ข้าเห็นตัวข้ามากมายในที่เห็นนี้ พวกมันอยู่ทุกหนทุกแห่งทั่วไปหมด พวกมันเหมือนข้า แต่ไม่ใช่ข้า พวกมันต่างเรียกข้า Styx ..Styx และยังพร้อมที่จะทำตามคำสั่งข้า ข้ารู้สึกเหมือนตกนรกอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะเป็นนรกที่น่าดูชมไม่น้อย ข้าเป็นผู้กุมอำนาจแห่งชะตากรรมใหม่ เผ่าพันธุ์ใหม่ มันช่างเป็นความภูมิใจที่ทำให้ข้ารู้สึกปั่นป่วนท้องใส้สิ้นดี ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกข้าคืออะไร แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเหยื่อของพวกข้าเรียกกองทัพที่สยดสยองของพวกพ้องแห่งข้าว่า .... Goblin  ....!!  


****************************   THE END   *********************************