วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

The Order: 1886

 "ผู้ใดที่สามารถชักดาบขึ้นจากแท่งหินนี้ได้ เขาผู้นั้นจะได้ ครอบครองแผ่นดินทั้งปวงบนเกาะอังกฤษ"
กษัตริย์อาเธอร์  อัศวินโต๊ะกลม และ เซอร์กาลาแฮด บุคคลที่คุณควรรู้จักก่อนจะสัมผัส The Order: 1886





King Arthur กษัตริย์แห่งอังกฤษผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในตำนานเล่าขานในฐานะวีรบุรุษในยุคกลาง ซึ่งได้ปกป้องเกาะบริเตนจากการรุกรานของชาวแซกซันในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6 แต่ รายละเอียดส่วนใหญ่เกี่ยวกับกษัตริย์อาเธอร์ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าขาน ตำนานพื้นบ้าน และวรรณกรรมที่แต่งขึ้น นักประวัติศาสตร์ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ากษัตริย์อาเธอร์มีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริงหรือไม่กันอยู่ตลอด




และจากตำนาน กษัตริย์อาเธอร์ ที่เล่ากันปากต่อปากกลับได้รับการสนใจและเป็นที่รู้จักก็เพราะ ผลงานเขียนอันเปี่ยมด้วยจินตนาการและความเหนือจริงของ เจฟฟรีย์ แห่ง มอนมัท ในคริสต์ศตวรรษที่ 12 เรื่อง Historia Regum Britanniae (ประวัติกษัตริย์แห่งบริเตน) โดยใช้พื้นฐานของนิทานและกวีนิพนธ์ของเวลส์และไบรตันหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์อาเธอร์ ที่มักว่ากันว่า อาเธอร์เป็นทั้งนักรบผู้ยิ่งใหญ่ผู้ปกป้องบริเตนไว้จากศัตรูทั้งที่เป็นมนุษย์และบางสิ่งที่เหนือมนุษย์ ซึ่งก็แน่นอนว่า ผลงานของเจฟฟรีย์ ได้ดัดแปลงมาจากตำนานเก่าแก่ดั้งเดิมไปเยอะอยู่ แต่งานเขียนฉบับของเจฟฟรีย์ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการของตำนานในยุคต่อ ๆ มา

จนเวลาผ่านไปในวรรณกรรมของแต่ละยุคเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์ก็ถูกเสริมเติมแต่งมากขึ้นทั้ง พ่อมดเมอร์ลิน ดาบเอกซ์แคลิเบอร์ ทั้งโครงเรื่องใหม่ เหตุการณ์ใหม่ บุคคลที่เกี่ยวของต่าง ๆ จนถึงยุคของนักเขียนชาวฝรั่งเศสในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชื่อ เครเตียง เดอ ทรัว เป็นผู้เพิ่มบทบาทของเซอร์ ลานเซลอต และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม ที่ออกตามหา จอกศักดิ์สิทธิ์ เข้าไปอีก ซึ่งก็กลับกลายเป็นพื้นฐานของเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์จนถึงทุกวันนี้

และในเกม The Order: 1886 เรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์ก็ได้ถูกดัดแปลงเข้าไปอีก เมื่อโลกถูกรุกรานจากพวกที่เกิดจากสสารมืด Bestial traits ที่ทำให้คนกลายเป็น Half Breeds  มนุษย์ครึ่งสัตว์ที่ดุร้าย   กษัตริย์อาเธอร์ได้ใช้ อัศวินโต๊ะกลม ของเขากับของเหลวเวทย์มนต์ที่ค้นพบที่เรียกว่า Black Water มันทำให้คนที่ใช้มันมีอายุยืนยาวและรักษาอากาศบาดเจ็บของตัวเองได้ เพื่อสร้างเป็น The Order นักรบอมตะกลุ่มแรกเพื่อเข้าต่อกรกับเหล่า Half Breeds นั่นเอง





                                                                อัศวินโต๊ะกลม คืออะไร ?

อัศวินโต๊ะกลม หรือ  Knights of the Round Table  เป็นชื่อกลุ่มคนที่ได้รับแต่งตั้งเกียรติยศอย่างสูงสุดในราชสำนักของกษัตริย์อาเธอร์ สร้างขึ้นโดยพ่อมดเมอร์ลินโดยใช้รูปแบบเดียวกับโต๊ะอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู อีกนัยนึงโต๊ะกลมนี้สร้างขึ้นเพื่อสื่อถึงความเท่าเทียมกันของสมาชิกทุกคน เพราะไม่มีด้านหัวหรือด้านท้าย โดยวรรณกรรมเกี่ยวกับกษัตริย์อาร์เทอร์แต่ละเรื่องอาจจะกล่าวถึงจำนวนอัศวินที่ไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 12-150 คน หรือมากกว่านั้น แต่บันทึกในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1270 มีรายชื่ออัศวินที่สำคัญๆทั้งสิ้น 25 คน คือ
กษัตริย์ลีโอดิแกรนซ์ ผู้พิทักษ์โต๊ะกลม / เซอร์แอแกรเวน /เซอร์แดโกนิต /เซอร์แอนเซล์ม /กษัตริย์แบกเดแมกัส / เซอร์เบดิเวียร์ /เซอร์บอร์ส /เซอร์แคราด็อก/ เซอร์คอนสแตนติน / เซอร์วอริก /เซอร์เอกเตอร์ / เซอร์เอเรก /เซอร์กาเฮริส /เซอร์กาเลโฮต์ /เซอร์แกเรท /เซอร์กาเวน /เซอร์กินกาไลน์ /เซอร์กริฟลิต/เซอร์เคย์ /เซอร์ไลโอเนล /เซอร์มอร์เดร็ด /เซอร์ทริสทัน /กษัตริย์ยูเรียน/เซอร์ลาโมรัก/เซอร์อิเวน และ

เซอร์ลานเซลอต อัศวินที่เก่งกาจที่สุด โด่งดังที่สุด คนรู้จักเยอะที่สุด 
เซอร์เพอร์ซิวัล  1ในผู้อัญเชิญจอกศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเซอร์กาลาฮัด ในเกมผู้ที่ใช้นามนี้คือ Sebastian Malory ผู้ที่เปรียบเหมือนเป็นอาจารย์ของ Grayson ตัวเอกของเกม The Order: 1886 

  


และคนสุดท้ายที่สำคัญกับเราที่สุดคือ เซอร์กาลาแฮด บุตรของเซอร์ลานเซลอต อัศวินคนสุดท้ายผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องหนึ่งเดียวที่สามารถนั่งเก้าอี้สุดอันตราย The Siege Perilous ที่ว่างอยู่ได้จนทำให้อัศวินโต๊ะกลมครบองค์ประชุม และท้ายที่สุดเขายังเป็นผู้อัญเชิญจอกศักดิ์สิทธิ์จนได้สมญานาม อัศวินศักดิ์สิทธิ์ ด้วย ซึ่ง Grayson พระเอกใน The Order: 1886 ก็คือ ผู้ได้รับเกรียติในการใช้ชื่อ Sir Galahad นี้ตกทอดเป็นรุ่นที่ 3 นั่นเองครับ  





เครดิตข้อมูลจาก  
th.wikipedia.org/wiki/กษัตริย์อาเธอร์
th.wikipedia.org/wiki/อัศวินโต๊ะกลม
http://www.gmcities.com/board/index.php?topic=1822.10;wap2



                   *******************************************************







                                                     บทสรุป The Order: 1886

BY Decibel per - oxide


ในยุคอดีต สมัยศตวรรษที่ 7 ว่ากันว่ามีคนกลุ่มนึงที่ค้นพบ Bestial traits จนทำให้เกิดการติดเชื้อจนทำให้มนุษย์จำนวนมากกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายที่เรียกว่า สัตว์มนุษย์ (Half breeds) ที่สามารถใช้ร่างมนุษย์ปะปนกับคนทั่วไปและก็สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายที่ฆ่าชีวิตมนุษย์ไปมากมายได้ทันที และด้วยเทคโนโลยี่ในยุคนั้นจึงไม่มีใครที่สามารถต้านทานพวกมันได้เลย ทำให้พวกสัตว์มนุษย์ Half breeds สร้างความน่าสะพรึงกลัวและเป็นภัยร้ายต่อมนุษย์มาตลอดหลายศตวรรษ  จนในยุคของ King Arthur มนุษย์ก็เริ่มมีความหวังเมื่อได้ค้นพบของเหลวลึกลับที่เรียกว่า Black Water ที่มาพน้อมกับจอกศักดิ์สิทธิ์ สสารนี้แฝงไปด้วยพลังเวทย์มนต์ที่สามารถทำให้มนุษย์ธรรมดาอายุยืนยาวและมีพลังในการรักษาอาการบาดเจ็บได้เอง King Arthur จึงออกคำสั่งให้ทดลองใช้ Black Water กับเหล่าอัศวินโต๊ะกลมของเขาเพื่อให้ได้รับพลังพิเศษ และจัดตั้งกลุ่ม The Order of Her Majesty Royal Knight ขึ้นมา เรียกสั้นๆว่า The Order และนักรบพลังพิเศษกลุ่มแรกถูกเรียกว่า Knight พวกเขามีพลังมากพอที่จะเข้าต่อกรกับพวก half breeds จนสามารถต่อต้านการรุกรานของพวกมันและสร้างสมดุยระหว่างมนุษย์และ half breeds มาได้นานหลายศตวรรษ จากนั้นภาคี The Order ก็ถูกสืบสายเลือดตกทอดมาตามกาลเวลาเพื่อต่อต้านพวก half breeds มานับแต่นั้น แต่สงครามต่อต้าน half breeds ก็ยังไม่เคยจบสิ้น เรื่องราวการต่อสู้ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์กับอสูรร้ายครึ่งสัตว์ครึ่งคนก็ยังคงดำเนินต่อไป จน ในปี ค.ศ. 1886

                                                             ONCE A KINGHT

20 พฤศจิกายน 1886 คุกใต้ดินแห่งเวสมินสเตอร์ (Catacombs of Westminster) ลอนดอน ประเทศอังกฤษ 




ชายคนนึงถูกทหารอังกฤษกดน้ำเพื่อทรมานให้เขายอมปริปากพูดบางอย่างออกมาดำเนินไปในชั้นใต้ดินของปราสาทแห่งนึงอย่างเหี้ยมโหดคืนแล้วคืนเล่า จนวันนึงเขาก็สามารถฉวยโอกาสดิ้นหลุดจากโซ่ที่เก่าสนิมเกรอะได้ [กดปุ่มสามเหลี่ยมและ X ให้ตรงจังหวะ] เขาฆ่าทหาร 2 คนอย่างรวดเร็วทันทีที่สบโอกาส ก่อนที่จะพยายามเอื้อมหยิบกุญแจที่หล่นอยู่ไกลตัวได้สำเร็จ [กดปุ่มสามเหลี่ยมค้าง] ทันทีที่ปลดโซ่ตรวนออกได้ เขาก็พยายามหนีออกจากที่นี่ทันที [แกนอนาล็อกขวาบังคับมุมกล้อง] [แกนอนาล็อกซ้ายบังคับทิศทาง] [กดแกนอนาล็อกซ้ายลงไปตรงๆ (L3) เพื่อวิ่ง] ก่อนที่ชายคนนี้จะเก็บปืนของทหารที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะมาได้ [ใช้แกนอนาล็อกซ้ายหมุนไปมาในการตรวจสอบไอเทมที่ถืออยู่] โชคร้ายที่ปืนไม่มีกระสุน แต่อย่างน้อยมันก็กลายเป็นท่อนเหล็กเพื่อใช้ทุบกุยแจที่ปิดช่องที่พนังเพื่อมุดผ่านเข้าไปได้ [ดันแกนอนาล็อกซ้ายกับปุ่ม X เพื่อข้ามสิ่งกีดขวาง] จนทะลุเข้ามาในท่อระบายน้ำได้ จะเห็นพวกทหารพยายามจัดการกับพวก Half breeds อยู่ เขาจึงฉวยโอกาสที่จะหลบออกไปต่อโดยที่ทหารไม่ทันสังเกตได้ [ดันแกนอนาล็อกซ้ายกับปุ่ม O เพื่อเข้าที่กำบังและเปลี่ยนที่กำบัง ] เขาพยายามทรงตัวไปจนถึงลิฟต์และโชคดีที่มีทหารที่โชคร้ายลงมาคนเดียว เขาจึงใช้ปืนจี้ทหารเพื่อให้มันเป็นตัวประกันในการพาขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนต่อ [เล็งอาวุธด้วยปุ่ม L2] แต่ระหว่างที่ขึ้นไปชั้นบนทหารอีกกลุ่มจะเข้ามาเห็นจึงเกิดยิงต่อสู้ขึ้น ทหารที่ถูกจับรีบแย่งปืนมาแต่ปืนไม่มีลูกจึงถูกชายคนนี้จึงฉวยโอกาสเข้าไปอัดมันทันที [ ใช้แกนอนาล็อกซ้ายดันเป้าหมายไปที่จุดวงกลมที่อยู่ตรงหัวแล้วกดสี่เหลี่ยมให้ทัน ] ในขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษคนนึงเข้ามาถึง เขาพยายามจะหยุดชายคนนี้แต่ดูเหมือนเขาจะรู้จักกันดีจึงยอมไปให้เข้าไปในลิฟต์ต่อ  เมื่อหนีขึ้นมาจนถึงดาดฟ้าได้ แต่สุดท้ายชายคนนี้ก็จนมุมกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษในนาม The Order ที่มาล้อมเอาไว้ ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายคนพยายามกล่อมเขาให้วางอาวุธ พวกเขาเรียกชายคนนี้ว่า Gray 





Lord Chancellor – คุณทรยศพวกเรา ทรยศ The Order และไม่มีใครสามารถหนีการลงทัณฑ์ได้ โทษของเจ้าคือตายสถานเดียว Galahad ! 
Galahad – ท่านลืมไปอย่างน๊ะ Lord Chancellor ว่าข้าน่ะ ตายไปตั้งนานแล้ว 

...... ทันทีที่ Galahad พูดจบเขาก็ฉวยโอกาสทิ้งตัวข้ามระเบียงโดดลงน้ำไปได้สำเร็จ.......


                                    CHAPTER 1: ALWAYS A KNIGHT 

20 ตุลาคม 1886 The Waverton House, Mayfair 





Galahad ถูก Sir Percival ในฐานะผู้ควบคุมภารกิจสั่งให้เข้าพื้นที่พร้อมกับหมอกยามเช้าของลอนดอน แต่ดูเหมือนบรรกาศยามชาวของกรุงลอนดอนจะตราตรึงใจของ Galahad จนมีค่าเกินกว่าที่จะเกี่ยงงอลเรื่องงาน ก่อนที่ Percival จะแจ้งว่ามีการตรวจพบการก่อความวุ่นวายขึ้นที่ Grosvenor Square โดยให้ไปพบ Igraine และ Lafayette เพื่อนร่วมงานอีก 2 คนที่จุดนัดพบที่ United India House ก่อนแล้วเตรียมตัวเข้ายับยั้งสิ่งที่จะเข้ามาคุกคามได้ทันที

- เรียนรู้การจ้องมองจุดที่สำคัญ [กด L2 พร้อมกับโยกแกนอนาล็กขวาไปตามทิศทางหรือสิ่งที่จะสำรวจ] ซึ่งก็คือเพ็งมองลงไปที่ลานบนถนนด้านล่าง ก่อนไป Sir Percival ก็ไม่ลืมสอบถามถึงเรื่องความพร้อมในเรื่องอาวุธของ  Galahad แน่นอนในมือของเขามี Essex M2 Falchion ติดตัวเอาไว้แล้ว จากนั้นก็สำรวจตึกให้พอใจแล้วลงมาที่ระเบียงของชั้น 2 แล้วโดดข้ามระเบียงไปยังบันไดหนีไฟของตึกตรงข้ามเพื่อลงมาที่ซอยด้านล่าง เดินออกมาจากซอยที่รั้วจะเจอ  Igraine ที่จะร่วมงานด้วย



ถึงแม้ Lady Igraine จะอยู่ในฐานะลูกศิษย์ของ Galahad แต่เขาก็ถูกเธอจิกกันบ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องอายุ ทำให้ทั้งคู่มักจะดวลวาทะกันถากถางอย่างผู้ดีกันอยู่บ่อยๆ Igraine มักพูดเสมอว่า Galahad จะฝึกเธอมาเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มากฝีมือ แต่เธอนั้นเก่งกว่านแน่นอน แสดงให้เห็นทันทีว่า Igraine เป็นหญิงแกร่งที่หยิ่งยะโสในตัวเองค่อนข้างสูงมาก ก่อนที่ Igraine จะแจ้งถึงเป้าหมายในครั้งนี้ว่าเป็นคนบ้าที่พยายามจะฆ่าผู้บริสุทธิ์ และยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นพวกกบฏหรือ half breeds ขณะเดินทาง Sir Percival แจ้งความคืบหน้าเพิ่มว่า เป้าหมายกำลังเคลื่อนที่ไปทางประตูฝั่งตะวันออกของ United India Underground Station ให้รีบตามไปตรวจสอบโดยด่วน 


United India Underground Station
- วิ่งตาม Igraine ผ่าน United India Square ไปจนถึงทางลงไปยัง United India Underground Station ทันทีที่ลงมาที่สถานีรถไฟใต้ดินก็จะเริ่มเห็นผู้คนแตกตื่นทันที ตาม Igraine เข้าไปด้านในต่อจนพบคนร้ายที่แย่งปืนเจ้าหน้าที่มายิงต่อสู้ ทำให้ Igraine และ Galahad ต้องยิงต่อสู้ทันที [กด O เข้าที่กำบัง กด X ออกจากที่กำบัง] [กดปุ่มทิศทางด้านซ้าย ติดตั้งอาวุธสำรอง Secondary Weapon] ใช้ปืนสั้น C-78 Autoloading ยิงต่อสู้กับพวกมัน [กด L2 เล็งเป้าหมาย กด R2 ยิงปืน] [รีโหลดกระสุนกด สี่เหลี่ยม] จัดการศัตรูกลุ่มแรกแล้วข้ามสิ่งกีดขวางเข้าไปที่ลานกว้างจะพบว่าพวกที่ก่อความวุ่นวายคือพวกกบฎที่เข้ามาสร้างความวุ่นวาย พวกมันพยายามตรึงพื้นที่ไว้ด้วยคนที่เหลือ [กดปุ่มทิศทางด้านขวา เลือกติดตั้งอาวุธหลักPrimary Weapon]ใช้ปืน Essex M2 Falchion ยิงต่อสู้กับพวกมัน [กดสามเหลี่ยมเก็บอาวุธหรือกระสุนจากศพ] จัดการศัตรูในพื้นที่ให้หมด แล้วเข้าไปด้านในตึกจะพบคนร้ายคนนึงพยายามจะจับตัวประกันอยู่ เลือกใช้ปืน Essex M2 Falchion แล้วกด R1 ใช้กระสุนอัดลมยิงใส่ให้มันมึนงงจนมันปล่อยตัวประกันแล้วค่อยฆ่ามันซะ
- เมื่อเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ของตึกโรงแรมจะเห็นว่าเต็มไปด้วยคนร้ายมากมาย แถม Igraine ยังถูกลอบยิงจนบาดเจ็บ ซึ่งก็จะเริ่มเห็นเธอควักขวดน้ำอมฤทธิ์ Black Water มากินแล้ว จากนั้นเธอจะเสนอไอเดียให้ใช้ระเบิดควันในการอำพรางตัว [กดปุ่มทิศทางขึ้นบนเลือกใช้ระเบิดควัน MK IV –S Smoke Grenade กด L2 ในการเล็งและกด R2 ในการขว้างระเบิด จัดการศัตรูให้หมดในโถงกลางแล้วตาม Igraine ไปขึ้นลิฟต์ด้านในตึกไปชั้นบนต่อ
- ที่ชั้น 2 ห้องจัดดินเนอร์ เมื่อเข้าไปพบศัตรูกลุ่มแรกมันยังไม่ทันรู้ตัว Galahad จึงจัดการลอบฆ่ามันจากด้านหลัง [Melee Attack กดสามเหลี่ยมใกล้ๆศัตรูจากด้านหลัง] จากนั้นก็จัดการศัตรูที่ปีกด้านตะวันออกของตึกให้หมด เมื่อพังประตูเข้าไปในห้องเล่นบิลเลียดจะได้เรียนรู้การยิงแบบ



**  Blacksight ** ก็คือการยิงแบบ หน่วงเวลา (Slow time) นั่นแหละครับ ซึ่งจะทำให้มีการล็อกเป้าหมายให้อันโนมัติ [กด R2 ยิงและใช้แกนอนาล็อกขวาในการเปลี่ยนเป้าหมาย] โดยการยิงแบบ Blacksight นี้สามารถใช้ได้โดยการกด L1 เมื่อแถบพลังด้านขวาล่างเต็ม ซึ่งจะยิงได้จนแถบพลังหมดและสามารถทำให้มันเต็มอีกครั้งได้ด้วยการจัดการศัตรูไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะเต็ม 



จัดการศัตรูในห้องให้หมดแล้วจะพบกับทหาร 2 คนที่เป็นกำลังเสริมเข้ามาเพื่ออพยพแขกในโรงแรมออกจากพื้นที่ พวกเขาจะบอกว่าผู้พัน Lafayette รออยู่ในห้องถัดไป ทันทีที่ Galahad และ Igraine เข้าไปในห้องโถงด้านในก็จะพบ Marquis de Lafayette กำลังหลีสาวอยู่พอดี ทำให้ Igraine ถึงกับหงุดหงิดจนเดินออกไปอีกที่ทันที ซึ่งก็ทำเอา Galahad เสียหน้านิดหน่อย ก่อนที่ Galahad จะเรียกให้ Lafayette ตามเขาไปเคลียร์ชั้นล่างต่อ 

   

แน่นอนว่า Lafayette มักจะแสดงให้เพื่อนร่วมงานเห็นถึงความไม่จริงจังในการทำงานของเขากับความเจ้าชู้ไม่เลือกหน้าอยู่ตลอด แต่ประวัติของเขาในฐานะ อดีตทหารฝรั่งเศสสมัยปฎิวัติ อเมริกา – ฝรั่งเศส นั้นทำให้เขามีฝีมือระดับต้นๆของ The Order เหมือนกัน



 ความขี้คุยและความไม่จริงจังในการทำงานของ Lafayette ทำให้ Galahad ต้องคอยเตือนเสมอว่าสิ่งที่ The order เผชิญอยู่นั่นไม่ใช่แค่พวกมนุษย์ แต่เป็นพวก half breeds ที่ร้ายกาจ แต่สำหรับ Lafayette แน่นอนว่าเขาไม่ได้แคร์ว่าจะเป็นแค่คนบ้ากวนเมืองหรือ half breeds ก็ไม่ต่างอะไรกันจนทำให้เขาต้องกังวล แต่นั่นแหละเป็นสิ่งที่ Galahad กังวลที่สุด หลังคุยจบเขาก็สังเกตเห็น Sir Percival กำลังคุยกับใครบางคนอยู่ในอีกฝากของถนน Galahad รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง แต่ก็จำต้องทำเป็นมองข้ามไปก่อนเพราะยังมีภารกิจที่ค้างคาอยู่ ก่อนที่จะเดินลงไปสมทบกับ Lady Igraine และ Lafayette ที่ทางลงไปในสถานีรถไฟใต้ดินของลอนดอน 




ที่ทางเข้า London Underground Galahad จะสั่งให้ Lady Igraine และ Lafayette ลุยเข้าไปอีกทางเพื่อสกัดกั้นพวกศัตรูที่หลบหนี ส่วนเขาจะลงไปในส่วนในของสถานีรถไฟใต้ดินอีกด้านนึง เป็นการแยกกันทำงานซึ่งแปลว่าคราวนี้ Galahad จะต้องลุยเดี่ยวแล้ว 

London Underground, Mayfair
- เข้าไปตามทางจนถึงห้อง Generator Room ผ่านเข้าไปจนถึงทางเดินที่มีที่กั้นทางอยู่ ตรงนี้สามารถปีนขอบพนังทางซ้ายได้ด้วยการดันแกนอนาล็อกพร้อมกับกด X เพื่อปีนขึ้นไปเกาะเพื่อไต่มาอีกทางได้ เมื่อปีนขึ้นมาที่ทางเดินชั้นบน โดดเข้ามาในห้อง Galahad ก็จะพบคนร้ายที่หนีเข้ามาในนี้ แต่ดูเหมือนพวกมันจะเป็นพวก Half breeds และทันทีที่มันกลายร่างเป็นสัตว์มนุษย์พร้อมกับเสียงหอนที่ดังไปทั่ว Galahad จึงรีบแจ้งเตือนภัยไปยัง Lady Igraine และ Lafayette ทันทีว่าคนร้ายที่เหลือเป็น Half breeds และพวกมันมีมากกว่าหนึ่งตัว Half breeds ที่พบนั้นเป็นพวก Lycans มนุษย์ครึ่งคนครึ่งหมาป่าที่ทั้งดุร้าย อึดและรวดเร็ว การยิงใส่มันในเวลาอันสั้นไม่มีทางจัดการมันได้ง่ายๆเหมือนยิงคนปกติ ตอนที่มันพุ่งเข้าโจมตีจะสามารถกด X เพื่อหลบหรือเค๊าท์เตอร์แอคแทคมันได้ด้วย และควรจะทำให้ชำนาญเพราะเป็นจังหวะการหลบที่ต้องใช้บ่อยที่สุด เมื่อยิงมันจนมันเริ่มอ่อนแอแล้วก็ต้องอย่าลืมเข้าไปกดสามเหลี่ยมที่ตัวมันเพื่อสังหารมันให้สิ้นซากด้วย
- ในห้องจะมี Lycans อยู่ 3 ตัวเมื่อจัดการ 2 ตัวแรกเสร็จทันทีที่จะปลิดชีพตัวที่ 3 มันจะพยายามดิ้นจนหนีไปได้ วิ่งตามมันไปตามทางที่มันพังประตูหนีไปจนถึงบันไดทางขึ้นด้านบนถนน จะพบ Lady Igraine และ Lafayette ที่ตามมาสมทบ Galahad จะขอปืน Arc Gun จาก Igraine แล้วเขาจะรีบปีนตามไล่ล่ามันไปบนถนน ก่อนที่จะสั่งให้  Lady Igraine และ Lafayette ไล่ตามมันไปทางใต้ดินต่อ


ปืน TS -23 ARC INDUCTION LANCE ปืนเลเซอร์พลังสูงที่ต้องใช้การกด R2 ชาร์จพลังงานก่อนที่ปล่อยปุ่ม R2 เพื่อยิงออกไป อาจต้องใช้จังหวะในการชาร์จพลังก่อนยิงค่อนข้างนานแต่ก็สามารถยิง Lycans ให้ได้ในนัดเดียว


พยายามไล่ล่ามันไปให้ทันแล้วหาจังหวะยิงมันให้ได้ก็จะจัดการมันได้ เมื่อเสร็จภารกิจกับ Lycans แล้ว Percival ก็จะสั่งให้ Galahad นำลูกทีมออกจากพื้นที่ ส่วนซาก Lycans นั้นปล่อยเป็นหน้าที่ของเขาเอง



ที่ถนน Regent Street ในเขต Mayfair หน่วยของ Percival ก็จัดการพวกกบฏได้จนหมดเรียบร้อยเช่นกัน เขาสั่งให้ควบคุมตัวพวกคนร้ายที่จับตัวได้ไปขังไว้ในคุกใต้ดินแห่งเวสมินสเตอร์ ก่อนที่ Doyle ผู้ตรวจการณ์ของราชวังจะเข้ามาพบ เขาได้รับคำสั่งจาก The Order of Her Majesty’s Royal Knight  ให้หน่วยงานของ Percival รวบรวมหลักฐานเพื่อค้นหาข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายครั้งนี้ให้ได้ ผู้ตรวจการณ์มอบหลักฐานบางอย่างที่ได้มากับ Percival มันคือปลอกคอสัตว์ที่ระบุชื่อไว้ว่า “ Whitechapel”  แน่นอนว่า Doyle ไม่ได้เห็นว่ามันควรเป็นหลักฐานอะไรสำคัญซักนิด แต่ Percival กลับคิดว่ามันเป็นหลักฐานสำคัญสำหรับเขา  Doyle จึงบอกถึงข้อกังวลของเขาถึงเหตุการณ์นี้ เขาเห็นว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก่อกบฏ จากนั้นก็ฆาตกร Jack the Ripper ที่ยังจับตัวไม่ได้ ตอนนี้ก็ความวุ่นวายจากพวก Half breeds ทั้งหมดมันกลับสอดคล้องกับเจ้า “ Whitechapel” ที่ว่านี้เหมือนมันจะเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด ฉะนั้นจึงต้องรีบตรวจสอบหลังฐานที่มีทั้งหมดให้เร็วที่สุด Percival จึงบอกว่าจะเอาเรื่องนี้ไปเสนอสภาในอีก 2 วัน ก่อนไป Doyle ได้กำชับกับ Percival ว่าเรื่องนี้คงต้องปล่อยให้ตำรวจเป็นฝ่ายสืบสวนต่อ 

      

ก่อนที่ Galahad , Lady Igraine และ Lafayette จะตามมาสมทบ Lafayette ถามถึงพวก Half breeds อีกกลุ่มที่หนีไปทาง Hyde park ว่าควรจะจัดการยังไง แต่ Percival กลับสั่งให้ยุติปฏิบัติการณ์ทั้งหมดทันที Galahad จะขอออกความเห็นถึงความรู้สึกผิดปกติกับบางอย่าง เรารู้กันดีว่าแหล่งกับดานของพวกกบฏนั้นอยู่ใต้ดินของ Whitechapel แต่ทำไมถึงพบพวก Half breeds มากมายที่โรงพยาบาลบ้า Percival บอกว่านั่นเป็นส่วนที่เราต้องค้นหาต่อของเราเอง Igraine จึงแย้งขึ้นมาทันทีว่า ผู้ตรวจการณ์ Doyle ได้กำชับไว้แล้วว่าเรืองนี้ต้องปล่อยให้เป็นการสืบสวนให้ตำรวจ Percival บอกกลับไปด้วยเสียงที่กร้าวแข็งทันทีว่า ภารกิจอัศวินไม่จำเป็นต้องขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐ  Galahad รีบเสริมความคิดของ Percival ทันที เขาคิดว่า The Order ต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่คดีจะถูกส่งถึงสภา 



                                      CHAPTER II : AMONGST EQUALS 


14 ตุลาคม 1886 สภาแห่งอัศวิน (The Council of Knight Palace of Westminster) 

Lord Chancellor ในฐานะประธานสูงสุดแห่งภาคี The order กล่าวสุนทรพจณ์ในการประชุมถึงเรื่องวิกฤติจากพวก Half breeds ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น 





Lord Chancellor - นานหลายศตวรรษแล้วที่พวกเรา The Order ได้รับภารกิจศักดิ์สิทธิ์ในการปกป้องและรักษาสมดุลระหว่างมนุษย์และเหล่า Half breeds ที่ตกทอดมาจากผู้ก่อตั้ง King Arthur พระนามของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของเรา บัดนี้สมดุลได้ถูกคุกคามด้วยการติดเชื้อรูปแบบใหม่ พวกกบฏ และภาวะที่ไม่มีขื่อไม่มีแปรแบบนี้มันก็เกิดมานานมากพอแล้ว มันใช้พวก Lycans มารุกรานและแพร่เชื้อชั่วของพวกมันจนจะทั่วเมืองเราอยู่แล้ว ซึ่งมันถึงจุดที่เราเกินจะทนไหว  
Sir Percival – แล้วเรื่องที่ Whitechapel ล่ะ
Lord Chancellor – Whitechapel ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเค้าทำคดีไปสิ 
Sir Percival – ตั้งแต่ยุคโบราณก็ไม่เคยเห็นผู้นำคนไหนมีปัญหาในอำนาจการตัดสินใจของตัวเองซักที
Lord Chancellor – นี่เจ้ากล้ามาสอนเรื่องประวัติศาสตร์กับข้าหรอ Percival ข้าเห็นประวัติศาสตร์มาเยอะกว่าที่เจ้าเคยเห็นก็แล้วกัน ข้าถึงได้มาเตือนพวกเจ้าที่นี่ยังไงล่ะ การรุกรานครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลกระทบกับสังคมภายนอกอย่างเดียว แต่มันส่งผลกระทบกับพวกเราโดยตรง ฉะนั้นพวกเราต้องเตรียมตัวป้องกันตัวเองให้พร้อมเสมอ และห้ามให้ผู้ใดคัดค้านอำนาจของสภานี้ 
Lady Igraine – แต่ก็ใช่ว่าท่านจะละเลยความเห็นแย้งของ Sir Percival ที่แสดงออกมาอย่างจงรักรักภัคดีเหมือนกัน
Lord Chancellor – สภาไม่ได้ละเลยต่อความสำคัญของข้อติดเห็นของ Sir Percival แต่ในสถานการณ์ที่เรายังประเมินไม่ได้นี้ การระวังป้องกัน จึงต้องมาก่อนที่จะใจร้อนหุนหันพลันแล่นไป 
Lord Darwin - ข้อโต้แย้งของ Sir Percival ก็ฟังขึ้น Lord Chancellor สถานการณ์ที่ Whitechapel ก็สำคัญมากพอที่ควรจะหยิบกมาพูดถึงเหมือนกัน  
Lord Chancellor – มีใครมีความเห็นเหมือนกับ Lord Darwin กรุณายืนแสดงตนด้วย ... lord Hasting กับ Lord Dunglass อีก 2 คนน๊ะ งั้นก็จำเป็นต้องโหวตกันด้วยเสียงของสภาก็แล้วกัน สภาจะว่ายังไงเรื่องการบุกที่ Whitechapel ใช่ หรือ ไม่ใช่  ... “ ไม่ “ เป็นเสียงเอกฉันท์ คำแย้งเรื่องการบุกที่ Whitechapel จึงเป็นอันตกไป 




Sir Percival – ป้องกันหรอ ? ภาคีเราปอดแหกไปแล้ว Grayson มันจะน่าอายมากถ้าเรายอมอยู่เฉยๆ 
Galahad – ช่างมันเถอะน่า Sebastian 
Sir Percival –ตั้งรับหรอ..  ให้ตายเถอะ !!
Lafayette – ทำไม Percival ดูกระตืนรือล้นเรื่อง Whitechapel มากจัง 
Galahad – แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามสิ่งที่คนอย่าง Percival ให้ความสนใจเหมือนกันน๊ะ ลองตามดูค่อยหน่อยก็ดีเหมือนกัน Marquis





หลังจากเดินออกจากห้องประชุมจะพบว่า Percival พยายามดึงตัว Alastair มาพูดคุยเพื่อพยายามเกลี้ยกล่อมเขาให้หาทางช่วยในการอนุมัติภารกิจเข้าไปตรวจสอบที่ Whitechapel เพราะเขาคิดว่ามันจะเป็นกุญแจของต้นเหตุความวุ่นวายทั้งหมด ซึ่ง Alastair ในฐานะ Sir Lucan หัวหน้าขอเหล่า Knight น่าจะพอพูดให้ประธานสภาเปลี่ยนใจได้ไม่ยาก Alastair ดึงดันและอ้างคำตัดสินของสภาอยู่ได้ไม่นานก็ต้องยอมเพราะเกรียติและความรับผิดชอบในฐานะของหัวหน้าแห่งอัศวินจากคำพูดแดกดันของ Percival ในที่สุด Sir Lucan ยอมที่จะช่วยให้คนของ Percival เข้าไปตรวจสอบได้ในฐานะเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในคดีได้ 


   

ทันทีที่ได้ไฟเขียว Sir Percival ก็เข้าไปบอกกับทีมของ Sir Galahad ทันทีถึงแผนการเข้าไปยัง Whitechapel แม้แต่ Igraine จะค่อนข้างกังวลกับการไม่ทำตามคำสั่งศาลแต่ Sir Percival ก็ยังยืนยันว่าทุกอย่างปลอดภัยไร้กังวล ก่อนที่จะพา Lafayette และ Igraine ไปเตรียมการณ์อย่างเร่งรีบ ขณะที่ Galahad กำลังจะตามไป Sir Lucan รีบเข้ามาดักเพื่อคุยด้วย 





เขาคิดว่าการที่ Sir Percival เร่งรีบที่จะทำภารกิจที่ Whitechapel เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหน้าสงสัย จึงพยายามให้ Galahad เป็นคนคอยสอดส่องให้ แน่นอนว่า Galahad คงไม่ค่อยพอใจนักเพราะเขาทำงานร่วมกับ Sir Percival มานานมากพอจะเชื่อใจกันได้อยู่ แต่ด้วยความที่ Sir Lucan เป็นพี่ชายของ Igraine เขาก็มีสิทธิ์ที่จะให้ Galahad ลองสอดส่องภารกิจที่จะทำไว้บ้างไม่ว่าจะน่าเชื่อใจหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า Galahad คิดบางอย่างไว้ในใจและไม่ได้ตอบอะไรออกไปเลย

- จากนั้นเดินตาม Tesla ที่นำทางไปลงลิฟต์ไปยังห้องแล็ปของเขาที่ชั้นใต้ดินของ Catacombs of Westminster เข้ามาแล้วสำรวจในห้องทดลองนี้ให้ทั่วๆก็จะเจออุปกรณ์เจ๋งที่กำลังถูกสร้างหลายอย่าง ที่สำรวจก็จะเห็นเครื่องช็อตไฟฟ้า TS – 27 Inverter Rectifier ที่สามารถระเบิดหม้อแปลงไฟได้ แน่นอนสถานะของ Nikola Tesla ก็ไม่ต่างอะไรกับ Q นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องของสายลับ 007 นั่นแหละ เขามีหน้าที่คิดค้นและประดิษฐอุปกรณ์และอาวุธที่ล้ำไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆให้ทาง The Order อยู่ตลอด



ด้านใน Tesla จะให้ Sir Galahad ทดสอบปืนรุ่นใหม่ที่เขาสร้างขึ้น M84 Maskman Carbine ก็คือปืนไรเฟิ่ลที่ใช้ยิงจากระยะไกล โดยสามารถกดแกนอนาล็อกขวาเพื่อใช้เลนส์ซูมได้ด้วย หลังจากเพลิดเพลินกับอาวุธใหม่แล้ว Galahad ก็จะขอตัวไปทำงานต่อ ก่อนไป Tesla จะให้ช่วยเอากล้องส่องทางไกลไปให้ผู้พัน Lafayette ที่สั่งทำเอาไว้ด้วย 



                      *********************************************

   



                                             รู้ไว้ใช่ว่า Nikola Tesla คือใคร?

ในเกมนั้นสถานะของ Nikola Tesla นักประดิษฐ์ที่มีห้องทดลองในชั้นใต้ดินของฐาน The order ก็ไม่ต่างอะไรกับ Q นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องของสายลับ 007 มีหน้าที่คิดค้นและประดิษฐ์อุปกรณ์และอาวุธที่ล้ำไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆให้ทาง The Order แต่รู้หรือไม่ว่า Nikola Tesla นั้นมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกันครับ

                                

Nikola Tesla ก็คือนักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้าอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงมากคนนึงในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผลงานเชิงทฤษฎีของเขากลายเป็นพื้นฐานของระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ได้แก่ ระบบจ่ายกำลังหลายเฟส , มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ , ขดลวดเทสลา (Tesla coil) เครื่องวัดความเร็วติดรถยนต์ การกระจายเสียงผ่านวิทยุ และวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า อันเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลาซึ่งวิศวกรรุ่นหลังตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ซึ่งเขามีส่วนผลักดันเป็นอย่างมากในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม (industrial Revolution) ครั้งที่สองอย่างมาก พูดง่ายๆว่าชีวิตเราอาจไม่ได้สะดวกสบายเท่านี้ถ้าไม่มีผลงานของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องอย่าง  Tesla เพราะอย่าลืมว่าการใช้ไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องพึ่งสายไฟ เป็นที่มาของ เทคโนโลยี wireless ที่เราใช้กันในปัจจุบันด้วยนั่นเอง




แต่ชีวิตพี่แกน่าสงสารครับ เพราะถึงแม้ Tesla จะถูกวางให้เป็นคู่แข่งอันดับต้นๆของ โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ระบบกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีชื่อเสียงก้องโลกอีกคน ใครเก่งกว่ากันไม่รู้แต่เอดิสันน่ะไม่เข้าใจหลักการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับของเทสล่าซักนิด นี่ไม่รวมที่พี่แกไปหักล้างแนวคิดของไอน์สไตน์คลื่นแรงโน้มถ่วงด้วยน๊ะ แต่ด้วยความเพี้ยน ไม่มีระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์และชอบเก็บเนื้อเก็บตัวของเขา ทำให้มีคนมองเขาด้วยความเพี้ยนต่างๆนานา จนได้ฉายา "นักประดิษฐ์ที่โลกลืม" ขนาดในปัจจุบันยังมีคนเอาชื่อพี่แกไปตั้งเป็นตัวร้ายใน ซูเปอร์แมน ด้วย ใช่ครับ  นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องชื่อ " เทสลา " ที่พยายามทำลายล้างโลกด้วยอาวุธลำแสง Death Ray คนนั้นแหละ แถมอีกร้อยปีต่อมาก็ถูกเปิดเผยจากรัฐบาลสหรัฐว่า ลำแสง Death Ray นั่นมีจริงๆซะด้วย ซึ่งก็คือเทคโนโลยี่เรียกว่า teleforce ที่เขากำลังจะเผยแพร่สู่สาธารณะชนตั้งแต่ปี 1940 จนรัฐบาลสหรัฐต้องปิดผนึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Tesla เอาไว้จนหมด บ้าไม่บ้าไม่รู้แต่รอบๆตัวเราก็เต็มไปด้วยมรดกจากนักวิทยาศาสตร์สุดเพี้ยนคนนี้เต็มไปหมดเลยไม่ใช่หรือ



เรียบเรียงเรื่องราวและภาพ จาก :
http://www.sarakadee.com/2012/03/01/tesla/
http://www.clipmass.com/movie/383496855256429
trueplookpanya 
http://app.eduzones.com/portal/health/41183/


                      **********************************************



                                         CHAPTER III: INEQUALITIES  


15 ตุลาคม 1886 … เขต Whitechapel



ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินทางในรถม้า Lafayette ก็จะได้รับกล้องส่องทางไกลที่สั่งไว้ไปเรียนร้อย ก่อนที่ Sir Percival จะอธิบายแผนการลอบเข้าไปด้านในพื้นทีเป้าหมายให้ทุกคนฟัง โดยจะปฎิบัติการณ์ครั้งนี้ต้องแยกกันทำงานโดยเขาจะให้ Isabeau และ Lafayette เข้าไปตามถนนทางทิศใต้ ส่วนเขาและ Galahad จะเข้าไปทางทิศเหนือ ซึ่งแน่นอนว่า Isabeau ไม่ยอมร่วมงานกับเจ้าฝรั่งเศสขี้หลีแน่นอน Percival จะต้องเปลี่ยนให้ Lafayette ทำงานคู่กับ Galahad แทน และย้ำเตือนว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของพวกกบฏฉะนั้นต้องเตรียมรับมือกับการโจมตีของพวกมันเอาไว้ตลอดด้วย เป้าหมายคือผ่านเข้าไปจนถึงโรงพยาบาลลอนดอนที่เป็นจุดหมายหลักเท่านั้น เพื่อพิสูจน์สิ่งที่ Lord Chancellor พยายามบอกกับสภาว่า พวกกบฏนั้นร่วมมือกับ Half breeds นั้นเป็นความคิดที่ผิด

- จากนั้นเดินตาม Lafayette เข้าไปตามทางด้านในเมืองจนเจอพวกกบฏที่ยืนขวางทางอยู่ Galahad จะใช้แอปเปิ้ลขว้างใส่(กด R2) เพื่อล่อมันเข้ามาในจุดที่ Lafayette แอบซุ่มรออัดอยู่ ผ่านเข้าไปด้านในจะใช้ทางขึ้นบันไดหรือลงบันไดผ่านที่อยู่ของพวกคนจนทะลุมาจนถึงลานที่พวกกบฏกำลังมีการปราศรัยล้มล้างอำนาจราชินีและราชอาจักรอยู่ เมื่อมีคนเริ่มสังเกตเห็นทั้งคู่จึงต้องหลบไปเข้าซอยทางขวาไปต่อ ระหว่างทางจะเจอพวกกบฏที่ต้องสั่งสอนมันฐานะรังแกผู้หญิง ไปจนถึงด้านหลังของบาร์ที่ Lafayette รออยู่ ซึ่งต้องสะเดาะกุญแจไขเข้าไปด้วย Lock pick




** การใช้ Stamford Lockpick ไขประตูนั้นทำได้โดยกดปุ่ม L2 ให้กลอนขึ้นมา พยายามบังคับให้อยู่ในตำแหน่งที่แคบที่สุดของแท่นเหล็กกลไกแล้วกด R2 เพื่อตัดมันให้หมดทั้ง 3 กลไกก็จะเปิดประตูได้ ** 
 - ทั้งคู่จะเข้ามาที่บาร์ Aux Belles Muses และจำเป็นต้องฝากอาวุธไว้กับคนดูแลบาร์ทั้งหมดด้วย เข้าไปสำรวจบาร์ให้ทั่วๆจนเจอ Lafayette กำลังหลีสาวๆอยู่ตรงทางขึ้นชั้นบน Galahad ต้องรีบไปเตือนเค้าว่าไม่ใช่เวลามาเที่ยวเพราะพวกกบฎเริ่มรู้ว่ามีคนแปลกปลอมเข้ามาแล้ว Lafayette จึงต้องควักกระเป๋าในการเหมาสาวๆเพื่อให้ได้ขึ้นไปหลบที่ชั้นบน แต่ดูเหมือนก็ต้องเจอพวกกบฎอีกรายที่กำลังหาความสุขอยู่จนเกิดการต่อสู้กันแต่ก็สามารถจัดการและผ่านมาออกที่ระเบียงด้านหลังห้องได้
- จากนั้นปีนขึ้นหลังคาไปเกาะขอบพนังไต่ไปตามกำแพงจนมาขึ้นหลังคาของอาคารอีกฝั่งได้ เดินเข้าไปจนถึงจุดที่มีลังสิ่งของขวางอยู่ โดดเข้าไปในห้องตรงข้ามเพื่อหมุนคันโยกยกลังขึ้นให้พ้นทางก็จะสามารถเกาะขอบพนังไปต่อไปถึงหน้าต่างของอาคารทางขวาได้ ปีนเข้าหน้าต่างไปแล้วลงมาชั้นล่างของบ้านจะมีพวกกบฏ 2 คนคุยกันอยู่ จัดการมันซะแล้วเข้าไปที่ห้องด้านใน Lafayette จะเปิดหน้าต่างให้ออกไปอีกฝั่งของอาคารต่อจะมีทางลงจากหลังคาไปที่ถนนด้านล่างได้ ซึ่งก็คือซอยตรงที่มีเวทีแขวนคอตุ๊กตาราชินี ขณะที่ Lafayette กำลังจะยิงมุขตลกฝืดของเขาพวกกบฏก็ยงโจมตีเข้ามาทันที
- จัดการสไนเปอร์และพวกกบฏที่ตึกด้านหน้าให้หมด แล้วผ่านเข้าไปด้านในต่อจนถึงลานกว้าง ที่นี่จะต้องปะทะกับศัตรูมากมายทั้งที่มีช็อตกันและสไนเปอร์แบบชุดใหญ่และพวกมันก็สามารถรุกไล่บี้จนถึงตัวคุณได้ถ้ามัวแต่ช้า ต้องอาศัยชั้นเชิงความชำนาญแความแม่นยำหน่อยเพราะกระสุนไมได้มีจำนวนมากมายนัก จัดการพวกศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปที่ถนนฝั่งตรงข้ามที่ Lafayette ยืนรออยู่ ช่วยเขาดันรถเพื่อใช้เป็นที่ปีนขึ้นไปด้านบนอาคารแล้วเกาะขอบพนังขึ้นไปจนถึงบนหลังคาต่อ





ที่ดาดฟ้า Galahad พยายามหาทางติดต่อไปหา Percival แต่ดูเหมือนที่นี่จะถูกบล็อกสัญญาณสื่อสารเอาไว้จนหมด ทำให้ต้องขอยืมกล้องส่องทางไกลจาก Lafayette มาใช้ส่องหาตำแหน่งของ Percival ซึ่งจะอยู่มุมขวาของจอตรงที่มีไฟฟ้าช็อตอยู่ ด้วยความเป็นห่วง Galahad จึงพยายามติดต่อหน่วยควบคุมทางอากาศให้เรือเหาะ Sentinel 5 เพื่อขอกำลังเข้าตรวจสอบ แต่ Lafayette ต้องรีบเตือนว่าภารกิจที่ทำอยู่นั้นเป็นภารกิจลับไม่สามารถให้สภารู้เห็น แต่ดูเหมือน Galahad จะไม่ได้ห่วงเรื่องนั่นมากไปกว่าความปลอดภัยของเพื่อน จน Sentinel 5 ติดต่อมา ให้ส่องกล้องทางไกลไปทางขวาจะเห็นเรือสีชาว Sentinel 7 ที่ต้องกดหน้าจอ Touch Pad ที่จอยเป็นรหัสมอส [ จุด ขีด ขีด ขีด ขีด จุด] เพื่อส่งสัญญาณมอทไฟที่กล้องส่องทางไกลไปให้ เพื่อให้เรือเหาะเตรียมพร้อมเป็นกำลังหนุนทันทีที่ได้รับคำสั่ง จากนั้นทั้งคู่ก็จะลุยเข้าพื้นที่ไปยังจุดที่ Percival และ Isabeau อยู่ต่อ 

- จากนั้นเข้าไปตามทางของบ้านจนมาออกที่ถนนด้านล่างซึ่งจะเป็นอีกด้านของแนวข้าศึกที่กำลังระดมยิงกับพวก Percival และ Isabeau อยู่ ลุยจัดการศัตรูเข้าไปจนสุดซอยแล้วโดดลงไปอัดศัตรูที่ซอยด้านล่างต่อ ในขณะที่กำลังเสียท่า Percival ก็จะเข้ามาช่วยเอาไว้

Percival ชี้ให้ Galahad เห็นอาวุธที่พวกกบฏใช้ที่ตกเกลื่อนไปหมดว่าเป็นอาวุธของภาคี The Order ทั้งนั้น จากนั้น Percival จะพาเข้าไปที่ห้องใต้ดินของบ้านหลังนึงที่ตำรวจยึดเอาไว้ได้ ด้านในเป็นคลังอาวุธที่พวกกบฏเก็บเอาไว้ แถมอาวุธทั้งหมดก็เป็นอาวุธของภาคี The Order ทั้งหมดอีกด้วย Isabeau ก็เพิ่งเข้ามาพบ Arc Gun จากที่คลังนี้เหมือนกัน  ยังไม่รวมปืน M – 80 Thermite Rifle ที่เป็นรุ่นใหม่ยังไม่เคยมีใครได้ลองใช้อีกด้วย ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ Percival เห็นแล้วต้องรีบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้ จากนั้นตำรวจจะเข้ามาตามให้ขึ้นมาดูสถานการณ์ที่ด้านบน ซึ่งก็จะพบว่าพวกกบฏกำลังบุกเข้ามาจากทางหน้าบ้านมากมาย Isabeau ที่กำลังยิงต้านพวกมันอยู่ถึงกับบ่น Galahad ว่ามาช้าตามเคย 




- จัดการศัตรูที่หน้าบ้านซะ ด้วยอณุภาพของปืน M – 80 Thermite Rifle ที่ Galahad ได้ติดมือมาก็คือ การยิงพลุไฟด้วยการกด R1 ใส่ศัตรูแล้วยิงปืนด้วยกระสุนที่เป็นละอองน้ำมันของมันเข้าไปต่อจะทำให้เกิดการระเบิดที่รุนแรงทันที จัดการศัตรูที่ชั้นบนของอาคารตรงข้ามให้หมด แล้วออกไปช่วยตำรวจที่ถูกยิงบาดเจ็บกลับเข้ามาด้วยการยิงต้านศัตรูด้วยปืนสั้นจนเข้ามาในบ้านสำเร็จ เนื่องจากพวกกบฏนั้นมีกองหนุนเข้ามามากมายจนทำให้ทุกคนต้องหาทางถอยไปที่อื่นก่อน ในบ้านสำรวจที่ถังไอน้ำที่ขวางประตูหลัง Galahad จะใช้กระสุนพลุของปืน Thermite Rifle เอาไปแปะไว้ก่อนยิงมันให้ระเบิดเปิดทางออกหลังบ้านไปต่อได้
- ระหว่างทางเดินจะเริ่มเห็นโรงพยาบาลเป้าหมายอยู่ไม่ใกล้จากนี้มากนัก ลุยเข้าไปในซอยต่อจนถึงลานกว้างก็จะเป็นจุดที่พวกกฏบกันทางเป็นทางตันเอาไว้อีก ในขณะที่พวกมันโจมตีเข้ามา Galahad จะใช้กล้องส่องทางไกลมองดูซากอาคารทางขวาที่มีโครงเหล็กที่น่าจะทำให้มันถล่มจนเปิดทางได้ ตรงตึกด้านขวาจะมีศัตรูที่ใช้ Thermite Rifle ยิงถล่มเข้ามาด้วย รีบจัดการมันก่อนเลย แล้วไปสำรวจที่รถเข็นทางขวาเพื่อให้ Percival มาช่วยดันรถทำทางปีนขึ้นไปบนตึกได้ เข้าห้องด้านขวาเพื่อออกมาที่ระเบียงแล้วใช้กระสุนพลุแปะไว้ตรงเสาจะสามารถยิงมันจนระเบิดทำให้โครงเหล็กพังลงไปทำให้มีทางไปต่อ โดดข้ามระเบียงไปที่ตึกใกล้ๆต่อจนลงมาที่ชั้นล่างกลับมาที่ถนนได้



เมื่อทุกคนมาสมทบกันที่จุดรวมพลของพวกตำรวจที่เข้ามาทำหน้าที่ที่นี่ จ่าตำรวจคนควบคุมทีมแปลกใจที่ The Order เข้ามาปฏิบัติงานในเขตนี้  Percival ก็แปลกใจที่พวกตำรวจมาตั้งรับป้องกันทำไมที่หน้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่ามีสิ่งที่น่ากลัวอยู่ด้านในจนไม่สามารถบุกได้ เมื่อ Percival เข้าไปสังเกตที่รั้วก็จะพบว่าที่เต็มไปด้วย Half – breeds มากมาย ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดว่า พวกกบฏนั้นร่วมมือกับพวก Half – breeds จริงๆ Galahad จึงเรียกกำลังสนับสนุนทางอากาศที่ขอไว้ก่อนหน้านี้ เรือเหาะ Sentinel 5 จะเข้ามาปล่อยตัวโซนาร์อัดกระแทกลงมาทำให้ Half – breeds มากมายที่อยู่บนหลังคาถอยไปจนหมด Percival จะสั่งให้ Galahad และ Isabeau รีบฉวยโอกาสใช้เส้นทางรถไฟใต้ดินเพื่อเข้าไปให้ถึงด้านในตึกโรงพยาบาลต่อ ส่วน Percival และ Lafayette จะอยู่ที่นี่เพื่อหาแหล่งที่มาของพวก Half – breeds



                                  CHAPTER IV: AN ENDLESS BATTLE  


15 ตุลาคม 1886 … London underground เขต Whitechapel

- Galahad และ Isabeau เข้ามาด้านในสถานทีรถไฟใต้ดินลอนดอนในเขต Whitechapel เป้าหมายคือหาทางลอบเข้าไปจนถึงด้านในโรงพยาบาลให้ได้ ตอนนี้จะได้ตะเกียงมาจาก Lafayette เพื่อเอาไว้ส่องนำทางในความมืดด้วยการกด L2 จากนั้นเดินฝ่าความมืดลงบันไดที่สุดทางลงมาชั้นล่าง สำรวจประตูเหล็กดูเมื่อพบว่ามันเปิดไม่ออกจึงต้องลองหาทางอื่นไปต่อ ย้อนกลับขึ้นบันไดไปจะเจอพวกกบฏคนนึงเปิดประตูตรงทางเดินออกมาโจมตี จัดการมันซะแล้วเข้าประตูที่มันออกมาไปต่อ ลุยต่อไปจนถึงห้องพลังงานไอน้ำ จัดการศัตรูให้หมดผ่านไปถึงสถานีรถไฟด้านในก็จะมาถึงทางออกแล้ว

ขณะที่ทั้งคู่กำลังออกจากสถานทีรถไฟใต้ดินเพื่อเข้าไปที่ตึกของโรงพยาบาลต่อ  Galahad จะเห็น Percival กำลังคุยกับใครคนนึงอยู่ซึ่งเขาเคยเห็นในตอนที่ Half – breeds บุกมาในช่วงแรก แต่เมื่อ Isabeau ทำทางจะสอบถามด้วยความสนใจ Galahad กลับทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร เพราะนิสัยของ Galahad เป็นคนให้เกรียติเพื่อร่วมงานยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Percival ที่เป็นเสมือนอาจารย์ของเขา แต่จริงๆ Galahad ก็เริ่มมองเห็นอะไรที่ผิดปกติขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกันเพียงแต่เลือกที่จะนิ่งเฉยและเก็บไว้ในใจแทน 

London Hospital เขต Whitechapel
- ด้านหน้าทางเข้าชั้นล่างนั้นเต็มไปด้วยศพมากมาย และทันทีที่เข้าไปด้านในทางเดินก็จะเริ่มพบพวกกบฏที่เข้ามาโจมตี ลุยเข้าไปจนสุดทางเดิน Isabeau จะบอกให้ Galahad แยกไปสำรวจที่ชั้นล่างส่วนเธอจะไปทางด้านบน ลงบันไดไปแล้วโดดลงไปที่ตรงระเบียงพังไปชั้นล่างต่อ ยิ่งลงไปจนถึงชั้นคนไข้โรคจิตยิ่งสยดสยองมากขึ้นอีกเพราะมีทั้งซากศพและเสียงควรครางจากคนบ้าที่ถูกขังอยู่ในห้อง ในขณะที่ Isabeau ก็ติดต่อมาว่าเธอพบอะไรบางอย่างก่อนที่เสียงจะขาดหายไป
สำรวจต่อเข้าไปจนสุดทางเดิน Galahad ก็จะเริ่มได้ยินเสียงฟันแทะเนื้อดังมาจากด้านใน และทันทีที่แสงจากตะเกียงส่องไปถึงก็จะพบพวก Half – breeds กำลังแทะกินศพ ก่อนที่มันจะกลายร่างเป็น Elder ซึ่งเป็น Half – breeds ที่พลังพลังและมีปัญญามากกว่า  Lycans เข้าโจมตีทันที ด้วยความที่พื้นที่นั้นค่อนข้างมืดจึงทำให้แม้แต่ Galahad เองก็รับมือมันลำบาก


- Galahad พยายามยิงต่อต้านการโจมตีของ Elder ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแต่ก็ถุกมันฟาดจนกระเด็นทะลุหน้าต่างเข้าไปด้านในทำให้ทั้งอาวุธและตะเกียงกระเด็นหายจนหมด Galahad บาดเจ็บหนักจนต้องควัก Black Water น้ำอมฤทธิ์ของเหล่า Knight ที่หอยคออยู่มาดื่มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ระหว่างทางที่พยายามเดินไปโชคดีที่เจอปืนอีกกระบอกตกอยู่แต่ก็โชคร้ายที่เจ้า Elder มันตามกลิ่นมาทัน ทันทีที่มันพุ่งโจมตีเข้ามารีบกด R1 เพื่อใช้กระสุนลมกระแทกมันออกไปจะทำให้มันหนีไปได้ Galahad พยายามติดต่อไปหา Isabeau แต่ไม่มีการตอบกลับมา ทำให้เขาต้องรีบไปตามหาเธอทันที




- ในขณะที่เข้าไปด้านในจนหนีเจ้า Half - breeds ผ่านเข้าประตูห้องไปก็จะเห็น Isabeau อยู่อีกด้านของประตูที่มีสิ่งกีดขวางกั้นอยู่ Galahad พยายามรีบยกสิ่งกีดชวางออกอย่างเร็วเพราะกลัวเจ้า Half – breeds จะตามกลิ่นมาทัน แต่ Half – breeds ที่ดักรออยู่ก็พุ่งเข้ามาโจมตีจนปืนของ Galahad หล่นทันที  ทำให้เขาต้องควักมีดมาสู้กับมัน การต่อสู้ด้วยมีดนั้นใช้ปุ่ม L2 สำหรับการโจมตีเร็วและ R2 สำหรับการโจมตหนัก โดยต้องกดแกนอนาล็อกขวาตามทิศทางที่ขึ้นมาเพื่อหลบได้ และมีดก็สามารถใช้ท่า Blacksight ด้วยการกด L1 ได้ด้วย แต่สุดท้าย Galahad ก็เสียท่า Half – breeds เขาโดนอัดติดกับแพงอย่างแรงจนกำลังจะสลบไป




โชคดีที่ Isabeau เข้ามาช่วยเอาขวานจาม Half – breeds แต่ก็ทำให้มันหันไปเล่นงานเธอแทน เธอพยายามสู้ไปพรางเรียกสติของ Galahad ให้กลับมาด้วย จนสุดท้ายเธอก็ต้าน Half – breeds ไม่ไหวจนถูกกอดรัดอย่างแรงจนนิ่งไป Galahad ที่เห็นเหตุการณ์แต่ไม่มีสติพอจะลุกขึ้น ก็พยายามรวบรวมสติลุกขึ้นเอาขวานมาฟันใส่ Half – breeds จนตายด้วยความโกรธ ก่อนจะรีบเข้าไปเอา Black Water ให้ Isabeau ดื่มจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้ง แต่ดูเหมือนอาการเธอยังไม่ดีขึ้นทำให้ Galahad ต้องรีบอุ้มเธอออกจากที่นี่ ขณะที่กำลังเดินออกมา Galahad ก็พบผู้หญิงคนนึงที่วิ่งหนีไป ซึ่งเป็นคนเดียวที่เขาเห็นมาเกือบตลอดทาง แต่ Isabeau จะบอกให้ Galahad ไปที่ห้องนึงก่อนเพราะเธอมีอะไรที่จะให้เขาดู 

- ทันทีที่เข้ามาจนถึงห้อง psychiatric Ward ซึ่งจะพบว่าเป็นห้องวางแผนปฏิบัติการณ์ของพวกกบฏ  Galahad จะให้ Isabeau นอนพักที่เตียงก่อนที่เขาจะสำรวจในห้อง ซึ่งก็จะพบเอกสารสำคัญหลายอย่าง รูปของ Lord Hasting และ ใบส่งสินค้าหลายรายการที่ถูกเตรียมส่งไปอเมริกาของเรือเหาะ Agamemnon จากที่ห้องด้านนอก และเมื่อสะเดาะกุญแจประตูห้องด้านในไปก็จะพบชุดเจ้าหน้าที่ของ United India แขวนอยู่ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว กลับไปหา Isabeau ที่เตียงได้เลย เมื่อ Black Water เริ่มออกฤทธิ์การรักษาทันทีที่ Isabeau ตื่นขึ้นเธอก็จะสามารถลุกขึ้นเดินได้แล้ว Galahad จึงพยุงเธอออกจากที่นี่ทันที
 


ขณะที่เดินออกมา Sir Percival จะติดต่อมาถามถึงสถานการณ์ ซึ่ง Galahad ก็รายงานไปว่าจากนี้ไปคงได้เหนื่อยกันหน่อยแน่ ก่อนอื่นเขาบอกให้สั่ง Tesla ให้เอาอาวุธยุทโธปกรณ์มาเพิ่ม และข้อมูลที่ได้พวกกบฏใช้โรงพยาบาลเป็นที่ซ่อนตัวจริง และมีหลักฐานเชื่อได้ว่ามีพวกกบฏแฝงตัวอยู่ในบริษัท United India และ Lord Hasting ทันทีที่ออกมาด้านนอกก็จะพบ Lafayette ที่รอต้อนรับและ Tesla ที่นำเอาอาวุธต่างๆมาเสริมให้ตามคำสั่ง 



จากนั้น Sir Percival จะให้ Lafayette รายงายถึงข้อมูลของเรือเหาะ Agamemnon ซึ่งตอนนี้มันกำลังเดินทางที่เมืองท่า Portsmouth เป็นที่สุดท้ายก่อนเดินทางไปยังอเมริกา ซึ่ง Sir Percival จะบอกถึงแผนที่จะลอบขึ้นเรือเหาะนั่นเพื่อตรวจสอบ Isabeau เองก็ยังไม่อดกังวลเรื่องการฝืนคำสั่งสภาของทุกคน แต่ Percival ก็ยังยืนยันตามแผนเดิมว่างานนี้ก็ให้สภารับรู้ไม่ได้เช่นเคย ส่วน Lafayette นั้นค่อยข้างคาใจว่า Percival จะมีแผนยังไงที่จะลอบขึ้นไปที่ยานเหาะนั่นด้วยวิธีไหน แต่ดูเหมือนทั้ง  Sir Percival และ Galahad จะมีแผนในใจที่แสนง่ายดายตรงกัน 


     



                            CHAPTER V: AGAMEMNON RISING  

  15 ตุลาคม 1886 … เรือเหาะ Agamemnon เหนือน่านฟ้าของกรุงลอนดอน



    


   
แน่นอนแผนง่ายๆที่ Sir Percival และ Galahad คิดก็คือใช้กำลังสนับสนุนทางอากาศจากเรือเหาะ Sentinel 5 ในการขึ้นไปที่เรือเหาะ Agamemnon นั่นเอง และทันทีที่ โดดลงไปบนหลังคาเรือเหาะเป้าหมายได้แล้ว ทุกคนก็เริ่มโรยตัวลงไปด้วยเชือกไปตามพนังเรือเหาะทันที [ใช้แกนอนาล็อกและปุ่ม X ในการโรยตัวด้วยเชือก] โรยตัวลงไปถึงโครงเหล็กด้านล่างก็จะเจอประตูทางเข้าเรือเหาะ




ทันทีที่เข้ามาถึงด้านในเรือเหาะ Percival จะสั่งให้ Lafayette และ Galahad เข้าไปยึดห้องคนขับให้ไวและเงียบที่สุดส่วนตัวเขาและ Isabeau จะคอยลาดตระเวนระวังป้องกันรอบนอกให้ ก่อนแยกกันไปทำงาน Galahad ตัดสินใจถามกับ Percival ตรงๆว่า ชายแก่ที่คุยกันทั้งที่ Mayfair และ Whitechapel เป็นใคร Percival ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบออกไปว่า เขาขอเวลาทบทวนความรู้สึกของตัวเองและตรวจสอบเรื่องบางอย่างให้แน่ใจก่อนแล้วถึงจะบอกเรื่องนี้กับ Galahad ซึ่ง Galahad ก็ย้ำเตือนกับอาจาร์ยเขาว่าของให้คิดให้ดีก่อนที่จะลงมือทำอะไรลงไปด้วย เพราะถ้าสภามองเรื่องนี้ว่าเป็นการท้าทายอำนาจพวกเขาแล้วจะลำบาก เรื่องนี้ Percival รู้ดีทั้งหมด เขายังคงเชื่อว่า The Order นั้นไม่ได้หมายถึงอำนาจของสภานั่นอย่างเดียวเสมอไป และอยากให้ Galahad อดทนและเชื่อใจเขาจนกว่าเวลาจะมาถึงก็พอ



- จากนั้นต้องลอบเข้าไปด้านในเรือเหาะโดยใช้ Stealth Mode หรือเข้าไปโดยห้ามให้ศัตรูพบเห็น ทันทีที่แยกกับ Percival ก็ตาม Lafayette ไปที่ทางเดินอีกด้านแวะสำรวจแผงไฟทางด้านซ้ายแล้วใช้ เครื่องช็อตไฟฟ้า TS – 27 Inverter Rectifier ที่ได้มาจาก Tesla โดยกดกดแกนอนาล็อกซ้ายและขวาให้ลูกเหล็กที่เลื่อนขึ้นลงเข้าไปอยู่ไปอยู่ในช่องสีแดงของทั้ง 2 ด้านเพื่อระเบิดแผงไฟทำให้ดับ แล้วตาม Lafayette ลงไปที่ทางเดินด้านล่างได้เลย เข้าไปลอบฆ่าการ์ดที่กำลังดูแผงไฟอยู่ซะด้วยการกดสามเหลี่ยมจากด้านหลัง แล้วเข้าไปตามทางเดินด้านขวาต่อจนถึงห้องพักด้านในจะมีบันไดลงไปชั้นล่างต่อจนถึงห้องผู้โดยสารซึ่งจะเห็นไปถึงห้องคนขับที่มีทหารอยู่ถึง 3 คน ทั้งคู่จึงตัดสินใจใช้ระเบิดควันขว้างใส่เข้าไปแล้วตามเขาไปอัด กดปุ่มตามที่ขึ้นมาให้ทันเพื่อจัดการทหารให้หมดก็จะยึดห้องคนขับเอาไว้ได้



ทันทีที่ยึดเรือเหาะได้ Galahad จะติดต่อไปหา Percival เพื่อสอบถามสถานการณ์ ได้ความกลับมาว่า ตอนนี้เป้าหมายสำคัญ Lord Hasting นั้นอยู่ในห้อง Ballroom ที่อยู่ด้านท้ายเรือเหาะ Galahad จึงต้องรีบเดินทางไปที่นั่นทันทีโดยปล่อยให้ Lafayette เป็นคนควบคุมเรือเหาะ 

- ลอบกลับออกไปด้วยการใช้ Stealth Mode ลอบฆ่าเหมือนเดิม ผ่านห้องผู้โดยสารขึ้นมาก็จะเริ่มพบทหารกลุ่มใหม่เข้ามาตรวจการณ์ ลอบจัดการมันซะแล้วสะเดาะกุญแจประตูด้านในสุดของห้องผ่านเข้าไปที่ส่วนกลางของยานเหาะ ซึ่งจะทหารในนี้แค่ 2 คน ลอบจัดการมันซะเป้าหมายอยู่ที่ประตูทางเข้า Ballroom ที่อยู่ด้านขวาของทางเดินชั้นบน
- ที่ห้อง Ballroom Galahad จะเข้าไปเห็นเป้าหมายคือ Lord Hasting ที่เดินออกมาจากห้องตรวจตราความเรียบร้อยแต่กลับมี  Sir Lucan ติดสอยห้อยตามมาด้วย ทำให้แผนที่วางไว้ยากขึ้นอีกเพราะไม่มีใครรู้เป้าหมายของ Sir Lucan ซึ่ง



แม้แต่ Isabeau เองที่เป็นน้องสาวก็ยังแปลกใจ Percival มันใจว่า Sir Lucan จะอยู่คุ้มกัน Lord Hasting ไปจนถึงชายแดนแน่นอน ทำให้ Galahad ค่อนข้างกังวลว่า Sir Lucan จะเปิดโปงแผนให้พวกกบฏรู้เพราะเขาเป็นอนุญาตให้มาทำภารกิจนี้ แต่ Percival ก็เชื่อว่า Sir Lucan ยังไม่รู้เรื่องการแทรกซึมขึ้นมาบนเรือเหาะแน่นอนเพราะภารกิจที่เขาอนุมัตินั้นอยู่แค่ที่ Whitechapel เท่านั้น เขาจึงบอกให้ทุกคนพยายามทำตามแผนต่อไป








 Galahad จะลอบขึ้นไปที่ชั้นบนของห้อง Ballroom แล้วใช้ปืนไรเฟิ่ลตรวจหาเป้าหมายที่เป็นพวกกบฏปลอมตัวเป็นการ์ดซึ่งพวกมันจะใช้ชุดเจ้าหน้าที่ที่มันขโมยมาจาก Whitechapel ซึ่งชุดที่นั่นจะไม่อาร์มแปะที่แขนข้างขวา Galahad ส่องหาการ์ดที่ใส่ชุดแล้วไม่มีตราที่แขนข้างขวา ซึ่งหลังจากตรวจสอบการ์ดชั้นล่างจนถึงชั้นบนแล้ว ก็จะพบการ์ดที่อยู่ชั้นล่างฝั่งประตูซ้าย 1 คนและที่ยืนอยู่บนระเบียงด้านบนตรงกลางอีกคน จากนั้น Percival จะสั่งให้กำจัดพวกกบฏซะ ระหว่างคนชั้นบนและชั้นล่างจัดการยิงคนไหนก็ได้ แล้วจะเกิดเหตุแตกตื่น Galahad ก็จะตะโกนบอก Sir Lucan ให้รู้ตัวจนพา Lord Hasting หนีเข้าไปด้านใน 

- จัดการพวกกบฏที่ออกมาในห้องให้หมด ซึ่งมันจะบุกมาทั้งด้านล่างและระเบียงชั้นบน แถมกว่าที่ Percival จะนำทีมมาช่วย Galahad ก็ต้องบู๊คนเดียวแบบยาวๆ

เมื่อจัดการพวกศัตรูจนหมดห้อง จะเกิดแรงสั่นสะเทื่อนอย่างแรงขึ้นบนเรือเหาะ ซึงก็จะได้รับแจ้งข่าวกลับมาจาก Percival ว่าห้องเครื่องถูกพวกกบฏวางระเบิดไปแล้ว ในขณะที่ Galahad ก็จะเห็นผู้หญิงที่เคยเห็นที่ฐานลับของพวกกบฏเข้ามาสั่งให้ลูกน้องที่เหลือหนีออกมา ทำให้ Galahad มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้คือหน้าของพวกกบฏ เขาติดต่อกลับไปบอก Percival ว่าเขาจะพยายามตามจับเธอมาให้ได้ แต่ก็ถูกปฏิเสธจาก Percival ว่าห้ามตามเธอไป แต่ดูเหมือน Galahad จะไม่สนใจและพยายามจะวิ่งตามไปทันที

- ลุยออกมาจากห้อง Ballroom มาที่ทางเดินด้านนอกลงบันไดสุดทางไปจะเจอพบกบฏใช้ระเบิดควันพรางตัวหนีไปได้ Percival จะติดต่อกลับมาให้ทุกคนไปรวมกลุ่มกันที่ยานลำเลียงเพื่อหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเพราะพวกกบฎอีกกลุ่มกำลังบุกเข้ามาทำให้ Galahad ต้องเลิกตามหัวหน้ากลุ่มกบฏแล้วกลับไปรวมกลุ่มตามที่ Percival บอก



ทันทีที่ทุกคนมารวมกลุ่มที่ Emergency Dock ก็จะเห็น Sir Lucan พยายามเร่งอพยพผู้คนมากมายให้ลงไปที่ยานหนีภัย ก่อนที่ Sir Lucan จะฉุนขาดบ่นกับ Percival ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะตามที่เขาตกลงยอมให้ไปทำจนต้องยอมเสี่ยงกับคำสั่งสภาก็เพราะจะให้ลอบเข้าไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่มีใครรู้เห็น แต่สุดท้ายก็อย่างที่เห็นเละไปหมด Lucan กังวลมากเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันใหญ่เกินที่จะปกป้อง Percival ทั้งจากสภาหรือแม้กระทั้งจากองค์กร The Order ด้วยซ้ำ ก่อนที่Percival จะให้ Lucan รีบพาตัว Lord Hasting หนีออกจากเรือเหาะนี้ก่อน โดยที่พวกเขาจะหาทางหนีตามไปทีหลัง Galahad สั่งให้ Isabeau คอยคุมการลำเลียงคนให้หมดให้เร็วที่สุดแล้วรีบไปหา Lafayette แล้วเขาจะตามไปรวมกลุ่มที่ห้องควบคุมเรือทีหลัง ก่อนที่ Percival จะบอกให้ไปเอาอาวุธที่คลังอาวุธของการ์ดที่นี่มามาเสริมก่อนเพื่อจัดการพวกกบฏที่กำลังทำลายห้องเครื่องให้หมด

- จากนั้นตาม Percival เข้าไปจนถึงห้องอาวุธไม่ไกลจากนี่ เข้าไปสำรวจแผงไฟแล้วใช้เครื่องช็อตระเบิดมันซะก็จะเปิดประตูเข้าไปในคลังอาวุธได้ มีอาวุธมากมายให้ใช้ เลือกที่ชอบมาติดตัวจนพอใจแล้วเข้าไปหา Percival แล้วเขาจะเปิดประตูพาลุยเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องเครื่องยนต์ก็จะพบพวกกบฏกำลังถอนกำลังออกไปที่ห้องครัว ตามมันเข้าไปแล้วจัดการมันให้หมด แล้วระหว่างทางที่จะเข้าไปด้านหลังครัวทั้งคู่จะถูกที่กีดขวางที่กั้นทางอยู่ถล่มจนต้องแยกกัน ทำให้ Galahad ต้องลุยเข้าไปตามกำจัดเป้าหมายต่อคนเดียว
- เข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องอาหารก็จะพบศัตรูอีกกลุ่มที่รออยู่ ขณะที่เสียงระเบิดระลอกใหม่ดังขึ้น Lafayette ก็แจ้งมาจากห้องควบคุมว่าแรงระเบิดทำให้ยานเสียมากขึ้นอาจจะควบคุมไว้ได้อีกไม่นาน จัดการศัตรูที่ห้องอาหารชั้นบนให้หมดแล้วลงบันไดกลางห้องไปชั้นล่างสุด ระหว่างทางเดินจะเกิดการระเบิดขึ้นอีก Lafayette จะแจ้งทุกคนว่าเขาไม่สามารถคุมยานเหาะได้ต่อแล้ว Percival จึงให้ทุกคนมารวมกลุ่มกันที่ Lifeboat ให้เร็วที่สุด ลุยเข้าไปจนถึงประตูสุดทางเดินจะมาออกที่ด้านนอกของเรือเหาะ



Galahad จะออกมาดักหน้าเด็กหนุ่มคนนึงจากอีกด้านพอดีกับที่ Percival ก็เข้ามาอีกทางทำให้มันหนีไม่รอด แต่ Percival กลับสั่งให้ Galahad ห้ามยิงพวกกบฏคนนี้ทั้งๆที่มันมีระเบิดอยู่เต็มไปตัวและพร้อมจะระเบิดทุกคนได้ แต่ Percival พยายามเจรจากับมัน ในขณะที่เด็กหนุ่มคนนี้พยายามจะบอกว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรู  ไม่ว่า Percival จะพยายามพูดเกี่ยกล่อมยังไง เด็กหนุ่มจากกลุ่มกบฏก็กดชนวนระเบิดที่ตัวเขาจนระเบิดทำลายเรือเหาะทันที  


                                   CHAPTER VI: IN THE DARKEST HOUR  


15 ตุลาคม 1886 … Crystal Palace , Hyde Park  




หลังจากเรือเหาะ Agamemnon ตกลงพื้นเพราะถูกระเบิด Galahad รู้สึกตัวขึ้นมาในซากของเรือเหาะก่อนจะใช้ Black water ดื่มเพื่อให้รักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะพยายามทรงตัวเดินสำรวจหาผู้รอดชีวิตคนอื่นต่อ ตามทางมีแต่ซากปรักหักพังของเรือเหาะและศพของผู้โชคร้ายที่ตายเพราะไฟครอกมากมาย แต่เสียงของ Isabeau ก็ดัวขึ้นมาจากวิทยุก่อนที่มันจะดับไปเพราะวิทยุเสียง ซึ่งก็ยังโชคดีที่อย่างน้อยก็รู้ว่าเธอยังไม่ตาย ระหว่างทาง Galahad เจอวิทยุอีกเครื่องตกอยู่เขาจึงพอจะติดต่อไปหา Isabeau ได้ว่าเค้ายังรอดชีวิต ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นร่างของ  Percival ที่ถูกเศษเหล็กทับอยู่  Galahad พยายามยกเหล็กออกให้พ้นทางแล้วรีบเข้าไปดูอาการ Percival ทันที ซึ่งก็จะพบว่า Percival ได้ตายซะแล้ว Galahad ตะโกนลั่นด้วยความเสียใจกับการจากไปของเพื่อนร่วมรบที่เป็นเสมือนอาจารย์ของเขา 

    


17 ตุลาคม 1886 … ห้องทดลองของ Teala ที่ Catacombs of Westminster

2 วันหลังการตายของ Percival Isabeau และ Lafayette ลงมาที่ห้องทดลองของ Tesla พร้อมกับ Galahad เพื่อมาดูของใช้ส่วนตัวของ Percival ที่ Tesla เป็นคนเก็บเอาไว้ ก่อนที่ Galahad จะขอเข้าไปดูเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเขาพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมงานเป็นห่วง ทั้งๆที่เขาแทบที่จะก้มหน้าดูข้าวของของ Percival ที่กองอยู่บนโต๊ะไม่ได้ด้วยซ้ำ Galahad ได้แต่หยิบนาฬิกาพกมาดูพร้อมเสียงถอนหายใจก่อนที่จะเก็บเข้ากระเป๋าเอาไว้เป็นที่ระลึกให้คิดถึง 





ก่อนที่  Sir Lucan จะเข้ามาพูดกับ Galahad เขาพยายามพูดปลอบใจว่าอย่าโทษตัวเองเรื่องการตายของ Percival มันอาจจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องเสียคนที่เป็นทั้งพี่น้อง เพื่อน อาจารย์ ไป แต่ก็แค่พักแล้วรอให้เวลามันช่วยทำให้หายดี แต่สิ่งที่ Galahad คิดมากไม่แพ้ความเสียใจก็คือ คำถามคาใจมากมายที่ Percival ทิ้งเอาไว้ เขาเคยช่วยพวกกบฏ ทำไม ? เขามีแผนอะไรซ่อนอยู่ ? ทั้งหมดคือสิ่งที่เขาต้องหาคำตอบไปพร้อมๆกับแก้แค้นให้กับ Percival Galahad บอกกับ Lucan ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แน่นอนคำพูดแบบนี้ย่อมทำให้ Sir Lucan ในฐานะหัวหน้าของเหล่า Knight ไม่ค่อยพอใจนักเพราะการล้างแค้นถือเป็นพลังด้านมืด เป็นบาปอย่างนึงที่ Knight ไม่พึงกระทำ ก่อนที่ Lucan จะบอกให้ Galahad ตามเขาไปที่ห้องประชุมสภาเพื่อร่วมพิธีสดุดีศพของ Ser Percival และ อย่างน้อยๆ Sir Lucan ก็บอกกับ Galahad ว่า Lord Hasting และผู้รอดชีวิตทุกคนของบริษัท United India ต่างก็ขอบคุณที่ Galahad มีส่วนในการช่วยชีวิตพวกเขาจากเรือเหาะ น้ำเสียงเย็นชาของ Sir Lucan ทำให้ Galahad พอรู้ว่ามันเป็นคำพูดประชดเท่านั้น  



                                       CHAPTER VII: THE KNIGHTHOOD  


17 ตุลาคม 1886 … สภาแห่งอัศวิน (The Council of Knight Palace of Westminster)





Lord Chancellor –  เกือบ 6 ศตวรรษแล้วที่เหล่า Knight เรียก Ser Percival ว่า พี่น้อง เขาผ่ายุคสมัยมาอย่างยาวนานจากหลายอณาจักรที่ผ่านพ้น ตั้งแต่เริ่มต้นการก่อเกิดมหัตภัยร้ายจาก Half – breeds ก่อนที่เขาจะรุกขึ้นต่อสู้และกำจัดพวกมันตัวแล้วตัวเล่าอย่างไม่ปราณี แต่เขาไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยวเพราะเขามีสิ่งที่เขายึดถือเป็นพลังเสมอมานั่นก็คือ จอกศักดิสิทธิ์ และพลังจาก Black Water ที่เป็นดั่งสายเลือดที่นำพาเขาและพวกเราผ่านพ้นความเลวร้ายและเกาะกลุ่มกลมเกลียวกันจนกลายเป็น The order มาจนถึงทุกวนนี้  น้ำอมฤทธิ์ที่ช่วยสมานแผลจากการบาดเจ็บและทำให้มีชีวิตยืนยาวกว่าคนปกติ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราเป็นอมตะไม่มีวันตาย และในวันนี้ Sebastian Malory หรือรุ่นที่ 3 แห่งนาม Sir Percival ได้สิ้นชีวิตลงแล้ว 

และตามธรรมเนียมแห่งผองเราเหล่าอัศวินแห่ง The Order คนที่จะต้องแบกรับเกรียติยศในวันสุดท้ายของเขา จากรุ่นถึงอีกรุ่นเพื่อสานต่อ นามแห่งเกรียติยศและศักดิ์ศรี จากสายเลือดในยุคบรรพชน จอกศักดิ์สิทธ์จะมอบชีวิตใหม่ เจ้า Marquis de Lafayette จะสาบานมั๊ยว่า จะยืนหยัดคำจุลด้วยเกรียติยศและศักดิ์ศรีต่อกฎของ The Order ของพวกเรา เจ้าจะสาบานมั๊ยว่าเจ้าจะยินดีมอบชีวิตและยอมสละมันได้เพื่อความถูกต้องยุติธรรม    







Marquis de Lafayette – ข้ายอมรับด้วยหัวใจและวิญญาณของข้า 
Lord Chancellor – จงดื่ม ด้วยอำนาจแห่งจอกศักดิสิทธิ์จำนำพาชีวิตเจ้าอยู่เหนือกาลเวลา ให้นำพาเจ้าเข้าร่วมในขอบเขตของภารกิจกันศักดิ์สิทธ์ นับแต่นี้ต่อไปเลือดของเจ้าเท่านั้นที่จะไหลเวียนและเติมเต็มอยู่ในขวดน้ำอมฤทธิ์นี้ และจากนี้อำนาจแห่ง Black water จะเป็นทาสรับใช้เจ้าตลอดไปตราบใดที่เจ้าใช้มันในทางที่ถูกต้อง ด้วยนามใหม่ของเจ้า 
Sir Percival นามแห่งเกรียติยศแห่งอัศวินโต๊ะกลม ยืนขึ้น Sir Percival แล้วกลับไปยังที่นั่งของเจ้า  การ์ด นำร่างของ Sebastian Malory ออกไปจากสภาแห่งนี้ไปสู่สุสานของเขา 





Lord Chancellor – แต่ สภาแห่งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องหาลือกันต่อ เนื่องจากการสูญเสีย Sebastian ไป เป็นการตายที่ไม่ได้เกิดจาก Half – breeds แต่เขาตายเพราะทำภารกิจด้วยความไม่ระมัดระวัง ละเลยต่อคำสัตย์ที่เขายึดถือมาตลอด เพื่ออะไร ?
Ser Galahad - Lord Chancellor ข้าอธิบาย....
Lord Chancellor – บ้านเรือนพังย่อยยับ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับอันตราย บริษัท United India ได้รับความเสียหายยับเยิน กับแค่พวกกบฏเพียงแค่หยิบมือเดียว ในถิ่นของเรา ในบ้านของเรา ก็ต้องมีคำถามว่าแล้ว Knight มัวทำอะไรกันอยู่ 
Sir Lucan - Lord Chancellor ท่านก็พูดจาเกินไป Sir Percival และคนของเขาทำดีที่สุดแล้วโดยไม่มีกำลังสนับสนุนเลยLord Chancellor – หลักฐานทั้งหมดก็เห็นกันอย่างโจ่งแจ้งไปหมด มันคือความเศร้าโศกของทุกฝ่าย มันเป็นหายนะ พอทีข้าไม่อยากฟังเรื่องนี้แล้ว    
Ser Galahad – ด้วยความเคารพ Lord Chancellor
Lord Chancellor – นั่งลงเดี๋ยวนี้ Ser Galahad !
Ser Galahad – ด้วยความเคารพครับ !! ข้าเองก็สูญเสียเพื่อน หรือ แม้กระทั้งพี่น้อง แล้วมันถูกแล้วหรอที่ท่านจะกล่าวถึงผู้ตายด้วยการเสียมารยาทแบบนี้ 
Lord Chancellor – กริยาของเจ้าก็ไม่ได้แสดถึงการนอบน้อมต่อข้าเช่นกัน 
Ser Galahad – เรื่องทั้งหมดข้าพร้อมที่จะรับผิดชอบด้วยตัวข้าเอง แต่ถ้าอะไรที่มันดูผิดแปลกออกไป ข้าก็จะตามหาคำตอยจากมันอย่างเต็มที่เหมือนกัน ตามเจตนารมณ์ของ Malory!!
ในขณะที่กำลังโต้เถียงกันยังไม่จบทหารก็เข้ามารายงานว่า ขบวนรถของ Lord Hasting นั้นถูกลอบโจมตีโดยพวกกบฎตอนนี้ติดอยู่กลางสะพาน Westminster Sir Lucan จึงรีบส่งให้ Knight ทั้งหมดเตรียมพร้อมออกไปป้องกัน Lord Hasting และกำจัดพวกกบฏทันที ...

Lord Chancellor – Ser Galahad การสนทนาของเรายังไม่จบ เพราะบางคนยังไม่มีคำตอบถึงสาเหตุการณ์ตายของ Malory !! 
Ser Galahad – เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ....



                                           CHAPTER VIII: UNDER SIEGE



17 ตุลาคม 1886 … สะพาน Westminster


- ทันทีที่ Ser Galahad นำทีม Sir Lucan , Isabeau และ Lafayette (ที่ตอนนี้ได้รับนาม Sir Percival ไปแล้ว) เข้ามาที่หน้าทางข้าสะพานก่อนที่ทหารจะมารายงานว่า รถของ Lord Hasting อยู่ที่กลางสะพานและยังไม่มีข่าวแน่ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จากนั้นลุยพวกศัตรูเข้ามาจนถึงจุดที่รถของ Lord Hasting คว่ำอยู่ที่กลางสะพาน หลังจากช่วย Lord Hasting ออกมาได้ ในขณะที่ทุกคนกำลังจะถอนกำลังกลับ แต่ Galahad จะเข้าไปจัดการพวกกบฏต่อด้วยเพราะอยากแก้แค้นให้ Malory โดยไม่สนใจคำสั่ง ลุยเดี่ยวจัดการศัตรูไปจนถึงสุดทางแล้วโดดปีนข้ามรั้วทางฝั่งซ้ายไปอีกฝั่งของสะพาน ด้านในเต็มไปด้วยพวกกบฏมากมาย ทำให้ Galahad ต้องเรียกกำลังเสริมทางอากาศให้เตรียมช่วยเหลือ
- จากนั้นลุยต่อไปจนถึงจุดที่มีพวกกบฏที่ใช้ปืนใหญ่ TS – 29 Cannon ยิงโจมตีเข้ามา จัดการมันซะแล้วปีนรถม้าขึ้นไปเอาปืนของมันมาแล้วยิงถล่มใส่ศัตรูที่อยู่อีกฝากต่อ แม้วิทยุจะพยายามติดต่อมาว่าให้ Galahad กลับฐานแล้วปล่อยให้ทหารเข้าพื้นที่มาจัดการเขาก็ไม่สนจะฟัง ยังคงยิงถล่มพวกกบฏต่อด้วยความแค้น จนจัดการศัตรูจนหมด เหลือพวกกบฏแต่คนเดียวที่กำลังคลานหนีด้วยความหวดกลัว Galahad ตามเข้าไปต่อยมันอย่างโหดเหี้ยมเพื่อถามที่ซ่อนตัวของผู้หญิงอินเดีย คนที่เป็นหัวหน้ากบฏ และก่อนที่มันจะโดนต่อยจนตายสุดท้ายมันก็ต้องยอมบอกว่าหัวหน้าของมันกบดานอยู่ที่ซ่องโสเภณีในเขต Whitechapel







 - ไม่มีกี่ชั่วโมงต่อมา Galahad เดินทางที่บาร์ Aux belles Muses ในเขต Whitechapel ทันที ด้วยความโกรธแค้น Galahad ซัดคนเฝ้าประตูจนคว่ำก่อนที่จะควงปืนเข้าไปขอเหล้าบาร์เทนเดอร์มาดื่มดับอารมณ์ ไม่นานผู้หญิงที่เป็นพวกกบฏก็ออกมาคุยด้วย 
Devi - อยากดื่มเพื่อนดับความเศร้าหรือดับความโง่กันแน่ 
Ser Galahad –  ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ และข้าก็รอให้เจ้าบอกข้าอยู่เหมือนกัน
 Devi – ว่า ?
Ser Galahad –  คำตอบ !
Devi – หลังจากฆ่าคนของชั้นจนเกลี้ยงแล้วเนี้ยน๊ะ ศพนี่เกลื่อนตามทางที่ท่านเดินมาเต็มไปหมด
Ser Galahad – และเธออาจเป็นรายต่อไปถ้าข้าไม่ได้ในสิ่งที่ข้าต้องการ
Devi – โทษทีน๊ะที่ชั้นก็ไม่สามารถตอบสนองคำขอที่คุกคามของคุณได้เหมือนกัน
หัวหน้าพวกกบฏ – เอาล่ะ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เหมือนท่านก็จะเคยใช้ของแบบนี้ใช่มั๊ย ท่านอัศวิน
Ser Galahad – น้ำอมฤทธิ์ Black Water  
หัวหน้าพวกกบฏ – แต่เราเรียกมันว่า สัญญาสงบศึก เอาล่ะลอดอาวุธลงเถอะ เธอไม่ใช่เป้าหมายของท่านหรอก ข้าเองต่างหาก ข้า Rani Lakshmibai หรือ Rani of Jhansi ราขินีผู้นำกลุ่มนักรบอิสระหรือที่พวกคุณเรียกว่า กบฏ นั่นแหละ และเราคงต้องคุยกันหน่อย...  

     





Lakshmi - ท่านมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้ Malory เพื่อนของท่านละสิ
Ser Galahad – เจ้าไม่มีสิทธิ์เอ่ยนามของเขา 
Lakshmi - เขาโดนทรยศ พวกท่านทั้งหมดกำลังโดนทรยศ !
Ser Galahad – ทรยศ ใครทรยศ ? 
Lakshmi - คนที่พวกท่านเรียกว่าหัวหน้า 
Ser Galahad – ในองค์กร The Order ของเราไม่มีใครเป็นหัวหน้าใคร ไม่แม้กระทั้งราชินี
Lakshmi - ฮ่าๆๆ ประเทศนี้อยู่แบเท้าของบริษัท United India Company ท่านไม่รุ้หรอ ? เกรียติยศหรอ มันก็กลุ่มคนที่แพร่ความหายนะให้ประเทศนี้มาตลอดก็เท่านั้น การต่อสู้ของท่านมันช่างมีเกรียศซะยิ่งกระไร
Ser Galahad – หุบปากของเจ้าไปเลย พวกเจ้ามันก็คุยโตด้วยความคิดที่บ้าคลั่งแบบนี้มาตลอด
Lakshmi - ท่านกำลังสู้กับศัตรูผิดคน เรากำลังต่อสู้กับปีศาจร้ายตัวเดียวกันต่างหาก
Ser Galahad – แล้วทำไมข้าต้องเชื่อคำพูดจากปากพวกกบฏอย่างเจ้า 
Lakshmi - มีอีกมากที่ท่านไม่รู้เกี่ยวกับพวกเรา 
Ser Galahad – พอ ข้าไม่อยากฟังคำพูดของเจ้าแล้ว
Lakshmi - ท่านจะยอมให้เพื่อนของท่านตายอย่างไร้ค่างั้นหรอ !!
Ser Galahad – หุบปาก !! บอกสิว่าเพราะข้าถึงไม่ฆ่าเจ้าซะที่นี่ตอนนี้ 
Lakshmi - มันมีอะไรอีกมากมายที่น่ากลัวกว่าความตาย ท่านอัศวิน ถ้าข้าผิดจริงก็ฆ่าได้เลย 
Ser Galahad – แต่พวกแกกำลังเพิ่งพยายามฆ่า Lord Hasting
Lakshmi - เพราะมันสมควรตายไงล่ะ ตายไปพร้อมกับพวกที่สมรู้ร่วมคิดกับมันด้วย 
Ser Galahad – งั้นเจ้าต้องการอะไรจากพวกเรากันแน่ 
Lakshmi - บริษัทปิดบางความจริงกับองค์กรของท่านอยู่ และข้ามีเวลาน้อยมากที่จะเปลี่ยนความคิดของท่าน แต่ข้ามีบางอย่างจะให้ท่านดูให้เห็นกับตาเองดีกว่า ... ที่ท่าเรือของบริษัท ใน Blackwall Yard ข้าจะพาท่านไปทางอุโมงค์ใต้ดิน ซึ่งอาจจะต้องเจอศึกหนักกับการด์ของ United India บ้าง 
Ser Galahad – จนกว่าจะรู้ความจริงข้าไม่อณูญาติให้เจ้าฆ่าคนบริสุทธิ์อีก
Lakshmi - พวกมันไม่ใช่คนบริสุทธิ์ ..
Ser Galahad – ยังไงก็ช่าง ถ้าจะให้ข้าตามเจ้าไป เจ้าต้องทำตามกฎของข้า และข้าต้องเปลี่ยนชุดออกก่อนเพราะ The Order จะต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ 




ในขณะที่ Galahad ตัดสินใจตาม Lakshmi ออกไปทางด้านหลังบาร์ Isabeau ที่กำลังตรวจตราอยู่แถวนั้นก็เข้ามาเห็นพอดี เธอแอบเข้าไปสำรวจที่บาร์และเห็นชุดเกราะของ Galahad ที่ถอดเอาไว้ที่เค๊าท์เตอร์ มันทำให้ Isabeau กังวลเป็นอย่างมากว่า Galahad กำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่ ...


                          *************************************


                                            รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบก Arc Rifle 



ถ้าจำกันได้ Rani Lakshmibai ตัวละครเด่นคนนึงในเกม The Order 1886 บทบาทของเธอก็คือหัวหน้ากลุ่มกบฏที่ต่อต้านบริษัท United India และเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่า Knight แห่ง Order ด้วย จริงๆแล้วเธอก็เป็นอีกตัวละครนึงที่เคยมีชีวิตอยู่จริงๆในหน้าประวัติศาสตร์แห่งการปฏิวัติแห่งชาติอินเดียด้วยครับ



ซึ่ง Lakshmibai ก็คือราชินีผู้นำกลุ่มกบฏต่อต้านการกลืนชาติ จากบริษัท  British East India Company บริษัทข้ามชาติจากอังกฤษที่ตอนแรกเข้ามาอย่างผู้ดีเพื่อช่วยส่งเสริมและพัฒนาประเทศ สร้างงานสร้างโอกาสให้กับคนอินเดีย จากนั้นก็เริ่มออกลาย จากสร้างกิจการก็เปลี่ยนเป็นควบคุมกิจการหลักของประเทศ แทรกแซงทางศาสนาด้วยการกดดันและเผยแพร่ศาสนาของตัวเอง ลุกลามไปถึงพยายามล้มล้างเปลี่ยนการปกครองกันเลย  จนสุดท้ายก็กลายเป็นพยายามที่จะ กลืนชาติ หรือที่เรียกกันว่า Westernization จนทำให้เกิดความขัดแย้งกับประชาชนชาวพื้นเมืองอินเดียอย่างหนัก

บทบาทของ Lakshmibai นั้นเป็นที่รู้จักดีในเหตุการณ์ที่เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มต่อต้าน (ที่ฝ่ายรัฐบาลมักชอบเรียกว่ากบฏ) ที่นำประชาชนรุกฮือออกมาปกป้องเมือง Jhansi วีรีกรรมของเธอนั้นอาจจะเป็นจุดเหตุการณ์น้อยนิดในภาพรวมของการต่อสู้ที่ลุกฮือกันทั้งประเทศ แต่ราชินีที่ลุกจากบัลลังย์มาต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองเคียงข้างประชาชนที่มันได้ใจคนเหลือหลาย จนราชินีผู้กล้าได้ฉายาว่า Rani of Jhansi แต่ผมอยากเรียกเธอว่า โจน ออฟ อาร์ค แห่งอินเดียครับ แต่ทุนนิยมน่ะหรอจะคิดล้มศักดินา แน่นอนว่าสุดท้ายการลุกฮือต่อต้านของอินเดียจะไม่ได้รับชัยชนะขั้นเด็ดขาด แต่ก็ทำให้ บริษัท  British East India Company ต้องขยาดเพราะถูกอังกฤษยกเลิกสัปทานเพราะถูกกดดันอย่างหนักในปี 1858

จนในปี 1886 ก็ได้ลุกขึ้นมาต่อต้านบริษัท United India อีกครั้งในข้อหาบังอาจแผ่พันธ์มนุษย์หมาป่าตามที่ท่านๆเจอเธอในเกม The Order นั่นแหละจ้า






                           *****************************************




                                 CHAPTER IX: AN UNEASY ALLIANCE  

  
18 ตุลาคม 1886 … อุโมงค์ใต้ดินที่เชื่อมต่อไปยัง Blackwall 

- Galahad ตาม Lakshmi เข้าไปในอุโมงค์รถไฟใต้ดินทะลุผ่านออกไปจนถึงปลายทางจะเจอการ์ดของ United India ดูแลอยู่ Galahad จะแกล้งทำเป็นหลงทางแล้วให้ Lakshmi ลอบเข้ามาอัดด้านหลัง จากนั้นเข้าไปทางซ้ายของรางรถไฟสับคันโยกสลับรางแล้วช่วยกันดันรถรางไปด้านในจนสุดเพื่อใช้ปีนขึ้นไปต่อจนถึงถนนด้านบนได้
- ที่ท่าเรือของบริษัท United India ตาม Lakshmi ไปที่ประตูเหล็กทางขวา Galahad จะดัน Lakshmi ข้ามรั้วเข้าไปงัดกุญแจจากด้านในแต่ยังไม่ทันได้เปิดสำเร็จก็ถูกสไนเปอร์ยิงสกัดออกมาซะก่อน ทำให้ Lakshmi  ติดอยู่ด้านใน เธอจะสั่งให้ไปจัดการศัตรูที่ซุ่มยิงสไนเปอร์ก่อน จากนั้นขึ้นบันไดไปบนตึกทางซ้ายจะมีทางเชื่อมต่อเข้าไปอีกตึกที่เต็มไปด้วยศัตรู ลุยเข้าไปจนถึงระเบียงด้านนอก จัดการศัตรูบนถนนด้านล่างให้หมดแล้วศัตรูจะเปิดระตูอีกด้านออกมา ลุยเข้าไปจนถึงชั้นล่างจัดการศัตรูที่บุกเข้ามาให้หมดแล้วออกมาด้านนอกอาคาร แล้วลุยออกมาตามซอยจนถึงถนนด้านหน้า ขึ้นบันไดอาคารทางขวาเพื่อโดดข้ามทาที่อาคารตรงข้ามจะมีที่ปีนเข้าไปที่หน้าต่างด้านบนก็จะเข้ามาถึงตัวทหารที่ซุ้มยิงสไนเปอร์อยู่ได้ Galahad ก็จะสั่งให้  Lakshmi ที่อยู่บนถนนด้านล่างลุยไปต่อโดยเขาจะคอยยิงคุ้มกันให้ ใช้สไนเปอร์ที่ได้มายิงจัดการศัตรูบนถนนให้หมดเพื่อคุ้มกัน Lakshmi จากนั้นออกประตูไปที่ระเบียงต่อไปจะเห็น Lakshmi  เรียกให้เข้าไปที่โกดังด้านล่าง แต่ Galahad  จะถูกศัตรูลอบยิงจนตกมาด้านล่าง Galahad รีบดื่ม Black Water เพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บ จนสามารถหลบศัตรูเข้าไปที่โกดังโดยมี Lakshmi คอยยิงคุ้มกันให้สำเร็จ
- เข้ามาในโกดังโรงเหล็กแล้วจะมีประตูเหล็กด้านหลังที่ปิดอยู่จากด้านใน ไปดึงโซ่ตรงกลางห้องให้พื้นด้านบนเลื่อนไปใกล้ระเบียงทางเดินแล้วขึ้นไปบนระเบียงด้านบนแล้วโดดมาที่พื้นเลื่อน รอให้ Lakshmi  ดึงโซ่ให้พื้นเลื่อนขยับมาตรงกลางจนสามารถโดดข้ามไปที่ระเบียงอีกฝั่งได้ ลงไปด้านล่างก็จะเป็นประตูเหล็กให้ Lakshmi ตามเข้ามา เมื่อทั้งคู่พังประตูเข้าไปยังดกดังส่วนในจะเจอทหารสุมยิงโจมตีมา เลื่อนอนาล็อกให้ไปที่จุดสีขวาตรงตัว Lakshmi กดสามเหลียมให้ทันเพื่อช่วยเธอให้พ้นจากกระสุน จัดการศัตรูให้หมดก็จะผ่านออกมาหลังโกดังได้



ที่หน้าทางเข้าทางเรือด้านใน ขณะที่ Galahad และ Rani กำลังซุ้มดูสถานการณ์อยู่ Devi ก็จะเข้ามาคุยด้วย
Devi – ชั้นตรวจสอบแล้วว่างานนี้คงไม่ต่างจากที่บนเรือเหาะ สินค้าเต็มลำเรือจะถูกส่งไปที่อเมริกากับทางตะวันตกของอินเดียเหมือนเดิม แถมมีจำนวนมากกว่าบนเรือเหาะนั่นอีก การรักษาความปลอดภัยแน่นหนามากและคนที่คุณเคยพูดถึงก็เคยอยู่ที่นี่ด้วย 
Sir Galahad – ใครคือคนที่เธอพูดถึง
Rani – หนึ่งในบรรดา Lord ของพวกคุณนั่นแหละ งานนี้มันมาที่นี่ก็ดีแล้วคุณจะได้เห็นกับตาตัวเองด้วย 
Sir Galahad – ที่เห็นนั่นมัน Lord Hasting เค้ามีอำนาจเต็มในการจัดส่งสินค้าอยู่แล้ว มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย เธออาจมโนเยอะไปเองก็ได้ 
Rani – นั่นแหละที่ทำให้มันทำอะไรง่ายขึ้น คุณลองไปดูในโกดังก่อนแล้วค่อยมาโลกสวย 

-ตาม Rani และ Devi เข้าไปด้านในอาคารด้านซ้ายขึ้นไปชั้นบน Rani จะชี้ให้ดูสินค้ามากมายที่อยู่บนเรือที่กำลังจะออกจากท่า ตามลงไปชั้นล่างแล้วออกมาที่หน้าท่าเรือ Rani จะให้ Devi แยกไปเพื่อล่อการ์ดไปอีกทาง จากนั้นปีนข้ามรั้วเข้าไปที่ท่าเรือ เข้าไปที่นั่งร้านหมุนมันให้เลื่อนขึ้นด้านบน แล้วปีนแผ่นไม้ต่อจนถึงบนดาดฟ้าเรือ ทันทีที่ขึ้นมาพวกการ์ดจะเริ่มเห็นถึงการบุกรุกทันที จัดการศัตรูที่ยิงมาจากข้างเรือและบนเรือให้หมดปิดท้ายด้วยตัวสไนเปอร์ที่อยู่บนเครนท้ายเรือ แล้วเข้าไปช่วย Rani หมุนคันโยกลงลิฟต์ไปด้านในเรือต่อ
- อ้อมออกมาด้านนอก ตัดเชือกเอาแผ่นไม้ที่กั้นข้างเรือออกจะปีนเข้าไปที่ห้องด้านในเรืออีกด้านได้ ลุยเข้าไปที่โกดังสินค้าที่ท้องเรือ จัดการศัตรูให้หมด แล้วผ่านข้ามมาที่โกดังบนฝั่งอีกด้านของเรือจนทะลุมาถึงโกดังสินค้าหลักของ United India ได้ ด้านในสำรวจหาลังไม้ที่มีตราประทับสีแดง ซึ่งจะอยู่ด้านหลังของชั้นวางสินค้า







เมื่อเปิดลังออกดู  Galahad ถึงกับต้องตะลึงที่เห็นร่างของผีดูดเลือดที่นอนอยู่ในลัง 
Sir Galahad – Vampires ! เป็นไปได้ยังไง ?
Rani  - มันเป็นร่างที่พัฒนาแล้วของพวก Half – breeds พวกมันถูกพวก Lycans คุ้มครองเอาไว้อย่างดีในตอนกลางวัน ตอนกลางคืนก็ออกล่า และ Lord Hasting กับพวกก็นำมันมาแพร่เชื้อร้ายที่เมืองนี้ มีผู้หญิงมากมายที่ถูกฆ่าตายที่ Whitechapel และกลบเกลื่อนด้วยข่าวของฆาตกร Jack the Ripper นั่นเป็นเหตุผลที่ยังไม่มีใครสามารถจับได้ซักที 
Sir Galahad – พระเจ้า .. แล้วมันมีมากแค่ไหน 
Rani  - มากพอให้ติดเชื้อกันได้ทั้งเมือง
Sir Galahad – ทำต้องทำลายมันให้หมด เดี๋ยวนี้ !!

- จากนั้นทั้งคู่จะเข้าไปที่โกดังด้านในที่มีโลง Vampires อีกเพียบวางอยู่ Rani จะเริ่มเอาถังน้ำมันราดแล้วตามไปจุดไฟเผามันให้หมด เผา 2 จุดที่ด้านล่างแล้วไปดันตัว Rani ขึ้นไปเอาบันไดมาให้ปีนขึ้นไปชั้นบน เผาอีกจุดให้หมด จากนั้นพวกศัตรูจะเริ่มบุกเข้ามา จัดการศัตรูที่ระเบียงด้านบนให้หมด แล้วลงลิฟต์มาลุยชั้นล่างต่อ จัดการศัตรูให้หมดแล้ว Rani จะเผาโลงส่วนที่เหลือจนหมด แต่ Lycans จะเริ่มเข้าพื้นที่ ทั้งคู่จะพังประตูโกดังหนีเข้าไปด้านในต่อ ที่เหลือก็ต้องจัดการฝูง Lycans ให้หมด แล้ว Devi จะพังประตูเข้ามาพร้อมกับ Lycans อีกด้วย แต่สุดท้ายทุกคนก็สามารถช่วยกันจัดการมันได้



Rani - โทษทีที่ทำให้ความเชื่อของท่านพังทลายจนหมด ท่านอัศวิน แต่งานของเราที่นี่จบแล้ว
Sir Galahad – เรื่องสยองที่นี่จะต้องถึงสภาแน่นอน
Rani – ระวังตัวด้วย ท่านอัศวิน บริษัทรู้จักเพื่อนบิ๊กมากมายในรัฐบาลไม่งั้นมันคงไม่ได้ทำงานชั่วของมันได้สำเร็จมาถึงตอนี้หรอก ตอนนี้สงครามระหว่างท่านกับ Half – breeds มันถูกยกระดับขึ้นแล้ว มันยืมมือ United India ขยายความสยองของมันให้โลกได้ตะลึงแล้ว ช่วยเราหยุดมัยเถอะท่านอัศวิน
Sir Galahad – ข้าเป็นอัศวินสาบานว่าจะปกป้องอณาจักรไม่ใช่ทำลายมัน 
Rani – งั้นตอนนี้ท่านก็เชื่อใจใครไม่ได้อีกแล้ว โชคดีแล้วกันท่านอัศวิน
Sir Galahad – แล้วข้าจะเจอเจ้าอีกได้ยังไง
Rani – กระซิบชื่อของที่ Whitechapel เดี๋ยวก็เจอข้าเองแหละ



                                         CHAPTER X : CONFRONTATION 

18 ตุลาคม 1886 … สภาแห่งอัศวิน (The Council of Knight Palace of Westminster)



Isabeau – โลกจะแตกหรือไง ?
Sir Galahad – ไม่ใช่ตอนนี้ Isi 
Isabeau – อย่า ! เดินหนีจากข้า ข้าเห็นท่านที่ Whitechapel ท่านอย่างกับคนบ้าที่สะพานนั่น
Sir Galahad – ตอนนี้เจ้ายังไม่รู้อะไรเลย
Isabeau – ตั้งแต่ Malory ท่านทำตัวเหมือนกับ ..
Sir Galahad – เหมือนอะไร ข้าดูเหมือนอะไร !
Isabeau – ไม่รู้สิ คนแปลกหน้ามั้ง ตอนนี้ข้าเชื่อถือใครไม่ได้อีกแล้ว พระเจ้า Grayson บอกข้ามาเถอะ
Sir Galahad – ข้าบอกเจ้าตอนนี้ไม่ได้ แต่จำไว้ว่าเจ้าเชื่อใจข้าได้เสมอ Isi ..





Sir Galahad ไม่รอช้าเขารีบนำเรื่องเข้าไปหารือกับ Lord Chancellor และ Sir Lucan ที่สภาทันที แน่นอนอย่างไม่ต้องเดาว่า Lord Chancellor ไม่ยอมรับคำกล่าวอ้างที่น่าขยะแขยงนี้ ก่อนที่จะเดินเข้าห้องอย่างไม่ใยดีทันที
Ser Lucan – เจ้าเองก็รู้ดีว่าเรื่องที่ว่ามันเหมือนเป็นการตีแสกหน้าอนาจักร์แห่งนี้อย่างตรงไปตรงมาเกินไป และที่สำคัญที่สุดเรื่องที่เจ้ากล่าวอ้างมาทั้งหมดเป็นแค่คำพูดที่ไม่มีแม้หลักฐานมาอ้างอิงด้วย และเจ้าก็รู้ว่าสภาในตอนนี้ด้วยก็คงยากที่จะถูกนำมาหารือ เจ้ามีแผนยังไงหรอ ?
Sir Galahad – ข้าจะเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ United India ตอนกลางคืนแล้วค้นหาหลักฐานที่มีมายืนยันกับสภา มั่นใจว่าสินค้าต่างๆเพิ่งเข้ามาไม่กี่วันหลักฐานน่าจะยังไม่ถูกทำลาย 
Sir Lucan -นี่มันแผนฆ่าตัวตายสไตล์ Malory แท้ๆเลย แล้วจะให้ข้าช่วยอะไร
Sir Galahad - เส้นทางโล่งๆในการไปที่สำนักงานใหญ่ United India ถ้าข้าได้หลักฐานมาก็จะทำให้มีน้ำหนักพอที่จะอ้างต่อสภาได้แน่นอน
Sir Lucan – ถ้าเรื่องที่เจ้าพูดเป็นความจริง เราจะเชื่อใจใครได้มั๊ย น้องสาวข้า หรือ Lafayette ล่ะ ?
Sir Galahad – ข้าคงอธิบายให้ทุกคนฟังยาก เอาไว้ได้หลักฐานมาก่อนค่อยว่ากัน เสียใจพี่ชายงานนี้มีแค่ท่านกับข้าแค่นั้น



                                           CHAPTER XI: BROTHER IN ARM

18 ตุลาคม 1886 … สำนักงานใหญ่ United India Company ถนน Duke เขต Mayfair 

-Sir Lucan พร้อม Galahad นั่งรถมาเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ United India Company ในเขต Mayfair ตอนหัวค่ำก่อนที่จะลงไปเคาะประตูที่บ้านใกล้ๆกับสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านของ Francis อดีตทหารคนสนิทของเขา เพื่อเตรียมแผนที่ของสำนักงานใหญ่การลอบเข้าไป สำรวจบ้านให้ทั่วแล้วเข้าไปสำรวจโต๊ะในห้องด้านในจะพบ Crossbow ปืนหน้าไม้ ซึ่ง Lucan ก็จะตามมาบอกว่าให้เอาติดตัวไปด้วยเลยเพราะมันจะเป็นอาวุธในการลอบเข้าไปในงานนี้ด้วย
- จากนั้นตาม Lucan ไปตามระเบียงจนปีนขึ้นไปถึงบนหลังคา จากนั้นใช้หน้าไม้เล็งหาจุดที่จะยิงเชือกไปที่โดมกลางสวน แล้วยิงเชือกไปที่นั่นเพื่อไต่ข้ามไปที่โดม Galahad จะให้ Lucan คอยระวังหลังให้ก่อนแล้วเขาจะไต่ข้ามไปที่โดม ทหารโชคร้ายที่เหมือนจะเข้ามาเห็น Galahad ก็รีบเก็บมันทันที ทำให้ Lucan ต้องเตือนว่าให้หาข้อพิสูจน์ก่อนที่จะลงมือฆ่าใคร ลอบเข้าไปในสวนจนถึงประตูที่ส่วนล่างของสวนที่ถูกล็อกอยู่ จะต้องหากุญแจมาเปิด จากนั้นก็ต้องสุ่มฆ่าการ์ดที่เดินไปมาในสวนจนกว่าจะเจอกุญแจ (จะหากุญแจก่อนมาถึงประตูก็ได้) เอากุญแจไปไขประตูเข้าไปส่วนในของสวน จัดการการ์ดให้หมดแล้ว Lucan ถึงจะตามมา เข้าไปเจอเขาที่กำแพงด้านในแล้ว Lucan จะส่งให้ข้ามกำแพงไปที่ตกฝั่งตะวันตกต่อ
- ใช้ Lock pick ไขประตูเข้าไปในสวนหน้าตึกฝั่งตะวันตกจัดการการ์ดให้หมดแล้วเข้าไปที่ทางระบายน้ำกลางสวนเพื่อผ่านเข้ามาอีกด้านของสวนแต่ด้านนอกจะเห็น Rani กำลังลอบฆ่าการ์ดแต่กำลังเสียท่าเพราะมีการ์ดอีกคนมาเห็น รีบยิงจากในท่อไปที่การ์ดคนทางขวาได้เลยก็จะช่วยเธอไว้ได้ จากนั้นลอบจัดการการ์ดเข้าไปในสวนด้านหน้าตึก ตาม Rani ไปพบกับ Devi กับ Finley ที่ซุ่มอยู่ที่รถม้า ช่วยพวกเขาดันรถม้าเพื่อใช้ปีนขึ้นไปที่ระเบียงหน้าประตูใหญ่ด้านบน แต่มีการ์ดเข้ามาเจอจึงเกิดแตกตื่นไปทั่วทำให้เกิดการยิงต่อสู้ขึ้น
- จัดการศัตรูที่สวนหน้าทางเข้าให้หมดแล้ว Finley จะเปิดหน้าต่างให้เข้าไปด้านในต่อ ด้านในตึกการ์ดมากมายก็เข้ามาขัดขวางไม่น้อย จัดการพวกมันให้หมดแล้วตาม Rani เข้าไปจนถึงประตูด้านใน งัดแผงไฟที่พนังแล้วใช้เครื่องช็อตระเบิดหม้อแปลงเพื่อเข้าไปเอาอาวุธต่างๆในห้องคลังอาวุธมาใช้ก่อนแล้วค่อยเปิดประตูใหญ่เข้าไปที่โถงด้านใน




และทันทีที่เข้าในห้อง Lobby Galahad ก็งานเข้าเมื่อ Sir Lucan หัวหน้ากลุ่มอัศวินกับ Lakshmi Bai หัวหน้ากลุ่มกบฏมาเจอกันก็ต้องเรียกว่าบรรลัย ทำให้ Galahad ต้องอ้างเหตุผลมากมายที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเชื่อใจเขาจนถึงกับต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อให้ทั้งฝ่ายร่วมค้นหาความจริงให้ได้ก่อน จนสุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ยอมลดอาวุธของตัวเองลงเพราะความอยากพิสูจน์ความจริงกับเรื่องนี้ให้หมดจบๆไป ในขณะคุยกันพวกการ์ดอีกชุดก็บุกเข้ามาถึงห้องโถงจึงเกิดการยิงต่อสู้กัน

- จัดการศัตรูในห้องโถงให้หมดแล้วตามทุกคนออกประตูไปที่ระเบียงทางเชื่อมระหว่างตึกก็จะเจอการ์ดกลุ่มใหญ่เข้ามายิงขัดขวาง จัดการมันให้หมดแล้วช่วย Lucan พังประตูทางขวาเข้าไปที่ห้องรับรอง เข้าไปด้านในก็จะเจอห้องเก็บเอกสารของทางบริษัท Galahad สั่งให้ทุกคนช่วยกันค้นหาหลักฐานทันที
ไม่นาน Rani ก็เป็นคนพบบันทึกการเดินเรือในลิ้นชักตู้ มันบอกถึงเส้นทางเดินเรือที่จะส่งของไปยังทั่วประเทศอินเดีย แสดงให้เห็นว่าทางบริษัทตั้งใจจะตั้งฐานที่มั่นทั่วทั้งประเทศอินเดียเลย จากนั้น Galahad จะดูจากจุดที่ เรือเหาะ Agamemnon กำลังจะเดินทางไปยังเป้าหมายคือชายฝั่งด้านตะวันออกของอเมริกา และยังมีเรืออีกอย่างน้อย 3 ลำที่เตรียมตัวเดินทางในเส้นทางเดิม เรือ RMS Oceanic คือเรือลำต่อไปที่จะออกเดินทาง ในอีก 6 อาทิตย์



แต่ Rani กลับเริ่มรู้สึกแปลกที่ทุกคนหายเงียบกันไปหมด จน Galahad เดินเข้าไปสำรวจในห้องก็พบ Wesley กำลังโดน Half – breeds ขย่ำกินอย่างสยดสยอง ก่อนที่มันค่อยๆกลายร่างเป็นมนุษย์ บรรจงสวมเสื้อคลุมมานั่งที่โต๊ะอย่างสง่างาม และมันก็เป็นคนที่รู้จักกันดี Lord Hasting นั่นเอง 
Sir Galahad – ฆาตกรรมที่ Whitechapel การแพร่กระจายเชื้อของพวก Half – breeds และ แวมไพร์ที่ United India แกอยู่เบื้องหลังทั้งหมด !






 Lord Hasting – Jacob Van Neck และก็คนทั้งถนน Pamphleteer ทุกคนรู้จัก Jack The Ripper ก็ข้าเอง แล้วก็ต้องขอบคุณ Ser Lucan ที่ส่งมอบสินค้าชั้นดีมาให้ถึงที่ด้วยน๊ะ
Ser Lucan – ยอมเป็นพวกเขาซะ Galahad รับรองจะไม่ผิดหวัง
Sir Galahad – เจ้า !!
Lord Hasting – มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่โชคเข้าข้างจริงๆ หัวหน้ากบฏก็ถูกจับ คนทรยศในองค์กรก็ถูกเปิดเผยแล้ว โชค 2 ชั้นเลยว่ามั๊ย  และคนทรยศที่ว่าก็คือเจ้าไงล่ะ Galahad 
Sir Galahad – Lucan ทำไมท่านถึงเป็นแบบนี้
Ser Lucan – โทษทีไอ้น้อง ข้าก็ต้องเพื่อพวกฟ้องข้าก่อนสิ
Sir Galahad – พวกฟ้องเจ้าหรอ !

จากนั้น Ser Lucan จะให้ Lord Hasting จัดการเก็บ Rani ซะแต่ Galahad จะใช้มีดปาสกัดช่วยให้ Rani หนีออกทางหน้าต่างไปจนได้ แต่ Galahad ก็ต้องอัดกับ Ser Lucan จนตกลงไปยังห้องโถงด้านล่างก่อนที่ Galahad จะฉวยโอกาศใช้มีดโจมตีใส่ Lucan จนมันบาดเจ็บต้องหนีไป 

- วิ่งตาม Lucan เข้าไปจนถึงห้องเก็บของด้านในจะพบ Lycan มากมายเข้ามาโจมตี จัดการพวกมันให้หมดแล้วลุยตาม Lucan ออกไปที่โถงด้านหน้า แต่ Galahad จะโดน Lucan ลอบโจมตีจนต้องต่อสู้กันก่อนที่ Galahad จะเสียบมีดเข้าร่าง Lucan ไปเต็มๆ แต่มันกลับกลายร่างเป็น Half – breeds เข้ามาสู้จน Galahad ต้องโดนอัดไปกองกับพื้น แต่โชคดีที่พวกอัศวินที่ได้รับแจ้งเหตุวุ่นวายพยายามจะพังประตูเข้ามาทำให้ Lucan ต้องโดดหนีไปก่อน




อัศวินที่บุกเข้ามาก็คือพวกของ Isabeau และ Lafayette ก่อนที่ Lord Hasting จะตามมาใส่ความว่า Galahad ทรยศ เป็นคนพาพวกกบฏเข้ามาโจมตีที่นี่ และด้วยหลักฐานที่เข้าข้าง Lord Hasting มากมายรวมทั้งความแคลงใจที่ Isabeau และ Lafayette มีต่อการกรทำแปลกของ Sir Galahad เธอจึงปักใจเชื่อตามคำให้การของ Lord Hasting ก่อนที่จะจับ Galahad ไปสอบสวนทันที 


                         CHAPTER XII: THE TRAITOR AMONGST US


20 ตุลาคม 1886 …สภาแห่งอัศวิน (The Council of Knight Palace of Westminster)






แน่นอนว่า Sir Galahad ถูกจับมาที่สภาสูงเพื่อนตัดสินโทษ และไม่ต้องสงสัยว่าโทษมากมายที่เขาไม่ได้ก่อจะกลายเป็นโซ่ตรวณผูกมัดเขาด้วยความผิดหลายข้อหา ทั้งพยายามฆาตกรรม Lord Hasting ร่วมมือกับพวกกบฏทำลายชาติ และที่หนักที่สุดก็คือ ทรยศต่อคำสาบานอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์กร The order และด้วยคำให้การของ Isabeau ที่เคยเห็นตำตาว่า Galahad อยู่กับหัวหน้ากลุ่มกบฏและชุดของอัศวินที่ถูกพบในที่ซ่อนของพวกกบฏ กับพยายานก็คือ Sir Lucan และ Lord Hasting ที่ถูกเบิกตัวออกมาพร้อมคำโป้ปดมดเท็จมากมาย ทำให้ทุกความเห็นของคณะลูกขุนในห้องลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่า Galahad นั้นผิดจริงตามข้อกล่าวหา พิพากษาให้ ประหารชีวิต ...






                         CHAPTER XIII: BETWEEN LIFE AND DEATH 

20 พฤศจิกายน 1886 … Embankment Blackwall 

หลังจากที่ Galahad ถูกตัดสินประหารชีวิตและสามารถหนีออกจากคุกจนโดดลงน้ำมาได้สำเร็จตามเหตุการณ์ในช่วงแรก ร่างของเขาก็มาถูกช่วยเอาไว้ที่เขื่อนในเขต Blackwall คนที่ช่วยเขาไว้ที่เห็นด้วยสายตาที่พร่ามัวก็คือ Nikola Tesla และชายปริศนาในชุดผ้าคลุม 




แม้จะได้น้ำอมฤทธิ์ Black Water จาก Tesla อาการบาดเจ็บหนักของ Galahad ก็ยังไม่ได้บรรเทาเร็วอย่างที่คิด 2 วันผ่านไปชายในชุดผ้าคลุมจำต้องทิ้งเขาเอาไว้กับ Tesla เพื่อดำเนินแผนการของเขาต่อ Tesla จึงต้องไปขอความช่วยเหลือจาก Rani หัวหน้าพวกกบฏมาช่วย ผ่านไป 10 วัน Tesla ก็ต้องขอตัวไปทำภารกิจของเขา จนผ่านไปถึง 12 วันในวันที่ 2 ของเดือน ธันวาคม ร่างกายของ Galahad ก็แข็งแรงจนสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง ทันทีที่ Galahad ตื่นขึ้นมา Rani บอกแค่เพียงคนที่ช่วยเขาไว้คือ Tesla ส่วนตอนนี้เขาไปทำภารกิจอะไรเธอขอให้เขากลับมาเล่าเองจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัย เธอจะให้ Galahad รีบแต่งตัวเพื่อนออกเดินทางกลับไปยัง Whitechapel ที่เป็นฐานที่มั่น




ทันที Galahad เดินเข้าไปที่โต๊ะที่มีเสื้อผ้าของเขากองอยู่ ตอนนี้เขาจำต้องทิ้งนามแห่งเกรียติยศ  Sir Galahad เอาไว้ในประวัติศาสตร์ แล้วเดินต่อในนาม  Grayson เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเอง ก่อนจะเตรียมพร้อมกับอาวุธที่คุ้นเคย คล้องห้อย Black Water พร้อมทั้งปอกแขนสีแดงของกบฏที่สวมที่แขน การต่อสู้ในบทบาทใหม่ของ Grayson ก็พร้อมจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง 



                                 CHAPTER XIV: A KNIGHT OF OLD 

2 ธันวาคม 1886 … อุโมงค์ใต้ดินทางเชื่อมสู่ Blackwall 


ขณะที่เดินทางในอุโมงค์ใต้ดิน Grayson อดถามไม่ได้ว่า Rani ได้น้ำอมฤทธิ์ Black Water มาจากไหน ซึ่ง Rani ก็บอกว่าเธอได้เป็นของขวัญจาก Knight ที่ชื่อ Sir Bors de Ganis แน่นอนว่า Grayson นั่นรู้ดีว่าเป็นนามของหนึ่งในอัศวินที่อัญเชิญจอกศักด์สิทธิ์พร้อมๆกับ Sir Galahad ในอดีตประวัติศาสตร์นั่นเอง 

- เข้าไปตามทางของอุโมงค์จนเริ่มเจอศัตรูที่ดักอยู่ด้านใน ซึ่งก็อย่าลืมว่าศัตรูที่ว่านั้นตอนนี้จะเป็นคนของบริษัท United India และ เหล่า Knight ด้วย ลุยเข้าไปจนทะลุปลายอุโมงค์ก็จะมาถึงที่ Whitechapel

ไล่หลังไปไม่นาน Isabeau นำกำลังทหารเข้ามาไล่ล่าจนถึงที่ซ่อนตัวที่เขื่อน Blackwall แต่ก็ไม่ทันได้พบ Grayson แล้ว ตอนนี้ Isabeau แทบจะไม่เหลือใยดีกับ Grayson แล้วเพราะด้วยความที่เธอปักใจเชื่อว่า Grayson เป็นกบฏเต็มตัวไปแล้ว

ที่บาร์ Aux belles Muses ในเขต Whitechapel Rani ไล่ทุกคนออกจากบาร์เพื่อเตรียมรับมือกับพวก Knight ที่กำลังบุกเข้ามาตามล่าในไม่ช้านี้ แต่ Grayson ตัดสินใจว่าจะกลับไปเคลียร์ปัญหาที่ปราสาทอีกครั้งและช่วย Tesla ออกมาจากที่นั่น Rani รู้ดีว่าถ้า Grayson กลับไปที่นั่นต้องเสร็จเจ้า Lucan แน่นอนเธอจึงตัดสินใจจะไปด้วย แต่ Grayson ห้ามไว้เพราะศึกสุดท้ายนี่คงต้องเป็นการต่อสู้ของเขาคนเดียวเท่านั้น และถ้าพรุ่งยังรอดก็คงได้เจอกันอีก 




ที่ชั้นล่างของบาร์ Grayson เจอแขกที่ไม่ได้คิดว่าจะเจอรอพบอยู่ Lafayette อดีตเพื่อนเก่ายืนรอเขาอยู่นานแล้ว Lafayette นั้นยังเชื่อมันบางอย่างในสิ่งที่ Grayson นั้นตัดสินใจทำลงไป อย่างน้อยชีวิตทหารของเขาก็ผ่านศึกของการปฎิวัติมาถึงสองครั้งแล้วในชีวิต เขาจะรอดูในสิ่งที่ Grayson ทำจนกว่าผลมันจะออกมา แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ Grayson ผิดจริง ก็คงต้องได้ Lafayette อยู่ในรายชื่อไปตลอดกาลแน่นอน 

 
                                      CHAPTER XV: TO SAVE A LIFE 

3 ธันวาคม 1886 …สะพาน Westminster

Grayson ลอบเข้ามาที่ สะพาน Westminster เพื่อลงมาทางเชื่อมด้านล่างสะพาน ซึ่งก็จะพบว่า Devi ตามมาด้วยเธอเอาปืนมาให้กับ Grayson เพื่อนเป็นการขอบคุณที่เคยช่วยชีวิตเธอ (ก็พี่แกดันพกปืนสั้นมากระบอกเดียว) และบอกข่าวดีว่าถ้ากลับมาครบ 32 ก็อาจจะได้มีอะไรดีๆกับราชินีของเธอก็ได้ ทันที่ Grayson ลงไปที่ช่องทางใต้ดินของสะพานก็จะลงมาที่สุสานใต้ดินแห่ง Westminster ก่อนที่จะติดต่อไปยัง Tesla ว่าให้รออยู่ที่ห้องทดลองจนกว่าเขาจะเข้าไปช่วยออกมา

- เข้ามาตามทางของอุโมงค์ของสุสานใต้ดินก็เริ่มพบทหารเข้ามาขัดขวาง ระหว่างทางที่ลุยเข้าไปด้านใน Tesla จะติดต่อมาเตือนว่าตอนนี้ Ser Lucan ได้ออกมาปฏิบัติการณ์แล้ว Grayson จึงขอร้องให้ Tesla รีบหนีออกจากที่นี่ทันที จากนั้นลุยเข้าไปด้านในต่อ วิทยุที่ Tesla เปิดการติดต่อไว้ก็จะได้ยินเสียของ Lucan ที่เข้ามาจับตัว Tesla ไปแล้ว ลุยยาวเข้าไปต่อจนถึงที่ปีนขึ้นด้านบน ใช้ที่ช็อตไฟฟ้าทำลายแผงวงจรหน้าประตูเข้าไปในห้องก็จะพบ Tesla นอนบาดเจ็บอยู่ โชคดีที่เขายังไม่ตายแต่หลังจากโดน Lucan อัดจนน่วม Tesla ก็รู้แล้วว่าทั้ง Grayson และ Rani นั้นพูดความจริงมาตลอด Grayson จึงรีบพา Tesla หนีออกจากที่นี่ทันที แต่ Tesla บอกว่าตอนนี้ Lucan อยู่ที่นี่แล้ว ในห้องทดลองด้านใน Grayson จึงให้ Tesla พักอยู่ที่นี่แล้วก็รีบเข้าไปรีบเคลียร์กับ Lucan ทันที



 

               CHAPTER XVI: BROTHER, LET US EMBRACE  


Alastair !! … Grayson ตะโกนลั่นพร้อมทั้งหยิบปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่ที่ตกอยู่มาใช้เป็นอาวุธ เสียงของ Lucan เล็ดลอดทักทายออกมาจากเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนที่จะออกมาท้าสู้กับ Grayson แบบตัวต่อตัวอย่างลูกผู้ชาย แต่พอดวลมีดยกแรกแพ้ไปหลายแผล มันก็จะกลายร่างเป็น Lycan เข้ามาสู้แทน



การต่อสู้กับ Lucan ในร่าง Elder นั้นก็เหมือนเดิมกดปุ่ม L2 – R2 ในการโจมตี แกนอนาล็อกขวาตามที่ขึ้นมาเพื่อหลบ และปุ่มต่างๆที่ขึ้นเพื่อเอาตัวรอด หลังจากต่อสู้โรมรัยกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่นานสุดท้าย Lucan ก็จำนนด้วยบาดแผลจนต้องคืนร่างมานอนจมกองเลือดในที่สุด



Lucan – ข้าอยู่มานานจนลืมไปเลยว่าวันแบบนี้จะมาถึง
Grayson – ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ Alastair ท่านสู้เคียงข้างพวกเรามันหลายศตวรรษ 
Lucan – คงเพราะข้าเห็นอะไรที่มันแย่ๆมาจนขี้เกียจจำด้วยมั้ง อารยะธรรมเกิดและดับสูญด้วยความโลภของพวกมนุษย์ ความภูมิใจของมวลมนุษยชาติที่ต่างรบราฆ่าฟันกัน แต่ดันสรรเสริญสิ่งที่เดียวกันที่เรียกว่า พระเจ้า 
Grayson – คนเราถึงต้องมีบาปที่ต้องขดใช้ไง  แล้วท่านจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าการกระทำที่ชั่วร้ายของพันธ์ท่านมันเชื่อถือได้   
Lucan – เผ่าพันธุ์ข้าเรอะ? เผ่าพันธุ์ข้าก็ไม่ได้ชั่วร้ายไปกว่าพวกเจ้าหรอก
Grayson – แล้วน้องสาวท่านล่ะ ? พ่อของท่านล่ะ มันเป็นเรื่องโกหกด้วยรึเปล่า !
Lucan – Isi น้องสาวข้า พ่อของข้า ข้ารักพวกเขาไม่ต่างจากสายเลือดแท้ๆหรอก พวกเค้าแค่ไม่รู้เรื่องคำสาปที่ติดตัวข้ามาก็เท่านั้นเอง 







Lord Chancellor – ลูกพ่อ..
Lucan – พ่อ ยกโทษให้ข้าด้วย
Lord Chancellor – ไม่ๆๆ ข้าต่างหากที่ต้องให้เจ้ายกโทษให้ ข้าไม่เคยตั้งใจที่จะให้ชีวิตแบบนี้กับเจ้าเลยลูกรัก
Grayson – ท่านรู้แล้วหรอ?
Lord Chancellor – ข้ารู้มาตลอด ตั้งแต่ช่วยเขามาจากการเหตุฆาตกรรมหมู่ของครอบครัวเขานั่นแหละ พ่อเจ้าตายด้วยคมดาบข้า แต่เจ้า เด็กน้อย เจ้าไม่ควรจะได้รับชะตากรรมแบบนั้น ถ้าข้าสามารถหยิบยื่นชีวิตใหม่อันบริสุทธ์ให้ได้ 
Grayson – ยอมสารผิดกับสภาเถอะ Lord Chancellor มันเป็นทางเดียวที่จะชดเชยหายน๊ะที่เกิดขึ้นได้ ทุกอย่างมันจะได้คลี่คลายขึ้น มันดีกับทุกฝ่าย
  Lord Chancellor – ข้าทำไม่ได้ ! มันจะเป็นการสั่นคลอนองค์กรของเราอย่างมาก
Grayson – ท่านก็เลยจะให้ข้าเป็นผู้เสียสละสังเวยชีวิตแทนใช่มั๊ย ! แล้วมีคนอีกเท่าไหร์ที่ต้องตายไปเพื่อเป็นหลักประกันให้ความลับของเจ้ายังคงเป็นความลับตลอดกาล
Lord Chancellor – เพราะเขาเป็นลูกข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาพรากชีวิตเขาแน่นอน .. เอาปืนข้าไป  แต่ Isabeau ลูกสาวข้าและสภาจะต้องไม่รู้ความจริงนี้ จะต้องให้มันสูญสลายไปด้วยมือเจ้า 
Grayson – อย่า อย่าขอให้ข้าทำแบบนี้
Lord Chancellor – จัดการซะเดี๋ยวนี้ ขาด Knight ไปคนนึงแต่ The Order จะต้องคงอยู่ต่อไป จบเรื่องที่เจ้าเริ่มเอาไว้ แล้วไปซะ !
Lucan – ยังไงมันก็ต้องมีซักวันที่เราต้องปลดสัมภาระที่หนักอึ้งของเราออก น้องเอ๋ย ก็ขอแค่ให้มันเป็นที่สงบจริงๆแค่นั้นก็พอแล้ว 





                                                  …. ปังงงงง !!!! ……



                                            NO MORE KNIGHT 


21 ธันวาคม 1886   ลอนดอน ภายใต้กฎอัยการศึก 





Nikola Tesla - Sir Galahad ได้ยินแล้วตอบด้วย 
Grayson – ปลอดภัยไร้กังวล นิโคล่า ข้ายังอยู่ดี
Nikola Tesla – ตอนนี้ทางสภาได้ประกาศภาวะฉุกเฉินภายใต้กฎอัยการศึกทั่วทั้งเมืองลอนดอนแล้ว แต่ยังไม่ได้ตกลงใจว่าจะส่งเจ้าหน้าที่พิเศษออกปฏิบัติการณ์ตอนไหน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาของฮีโร่อีกแล้ว ผมกำลังขอคำปรึกษา Lady Lakshmi เพื่อให้นำทางในการหนีออกนอกเมืองอยู่
Grayson – ข้าคงไปร่วมกับเจ้าด้วยในไม่ช้า อ่อ เจ้าคงยังไม่รู้   ตอนนี้ข้าไม่ใช่ Sir Galahad อีกแล้ว ..



  ***************************** THE END **********************************