วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

Assassin’s Creed Chronicles: India






 Arbaaz Mir  ชื่อของบุรุษผู้นึงที่แปลตามภาษา Urdu นั้น Arbaaz แปลว่า "eagle" หรือ นกอินทรีย์ ส่วน Mir เป็นภาษาที่ใช้เรียก ผู้นำ หรือ เจ้าชาย ในชนเผ่าแคชเมียร์ จากลูกชายของครอบครัวมุสลิมยากจนในแคชเมียที่อยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย หลังจากที่หมู่บ้านของเขาต้องตกเป็นเมืองขึ้นของมหาราชา Ranjit Singh ในยุคที่อณาจักร Sikh เรืองอำนาจในปี 1819 จนทำให้คนในหมู่บ้านเขาต้องตายจนหมดรวมถึงพ่อแม่เขาด้วย นั่นทำให้ Arbaaz เติบโตมาพร้อมกับความโกรธแค้นมหาราชา Ranjit Singh ตลอดมา จนทำให้เขาเข้าสู่เส้นทางนักฆ่าด้านมืดเรื่อยมาเพื่อหวังแก้แค้นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ได้ Hamid จากภาคีนักฆ่าแห่งอินเดีย (Indian Brotherhood of Assassins) มาช่วยเอาไว้ Arbaaz จึงสำนึกบุญคุณและทำงานให้กับ ภาคีนักฆ่าแห่งอินเดียมาตั้งแต่นั้น

ในศตวรรษที่ 19 (เรื่องราวปรากฎอยู่ในนิยาย Assassin's Creed: Brahman ) Arbaaz ต้องเข้าต่อสู้กับพวก British Templars ที่เข้ามารุกรานและ พยายามแย่งชิง Koh-i-Noor หรือโคตรเพชรที่เป็น “Piece of Eden” รูปแบบนึง ที่ถูกซ่อนเอาไว้ที่วิหารโบราณใต้เมือง  Amritsar จากผู้มาก่อนตั้งแต่ในยุคอดีตภายใต้การดูแลของมหาราชา Kharak Singh ซึ่ง Arbaaz ก็สามารถออกค้นหาจนพบ “Piece of Eden” ที่ถูกเก็บไว้ในหีบใต้ฐานของเทวรูปเทพเจ้าฮินดูใต้ดินของ Amritsar ก่อนที่พวก Templar จะได้มันไปได้สำเร็จด้วยการช่วยเหลือจาก Hamid  ที่เป็นคนเก็บรักษาแผนที่และ Raza ทาสคนนำทาง



 ก่อนจะถูกนายพล  Francis Cotton แห่งกองทัพอังกฤษที่เป็น Templar แอบติดตามมาพยายามจะแย่งชิง “Piece of Eden” ไป แต่ Arbaaz ก็สามารถเอามันไปซ่อนในผ้าโพกหัวของ Raza ได้ทันก่อนที่เขาจะโดนจับไป และเมื่อนายพล Cotton ก่อเหตุบุกวังของมหาราชา Kharak Singh เพื่อค้นหา “Piece of Eden” จนทำให้ มหาราชา Singh ถูกปลงพระชนม์ Raza ก็ได้มอบ “Piece of Eden” ไว้ให้กับเจ้าหญิง Pyara Kaur ลูกสาวของมหาราชา Singh เพื่อเอามันหนีออกไปที่ปลอดภัย แต่ถูกนายพล Cotton เข้ามาขัดขวางจนทำให้ Pyara จำเป็นต้องปลดปล่อยพลังของ “Piece of Eden” เพื่อจัดการกับพวกของนายพล Cotton ก่อนที่ Arbaaz จะเข้ามาช่วย Pyara หนีเพื่อให้พ้นเขตการทำลายจากพลัง “Piece of Eden” ที่จัดการนายพล Cotton และคนของมันจนตายหมด


ปี 1841 ...... 2 ปีหลังจากที่มหาราชา Singh ถูกปลงพระชนม์จักรวรรดิ Sikh กับอังกฤษก็เกิดความตรึงเครียดจนเกิดสงครามขึ้น ในขณะที่อังกฤษหมายจะยึดครองอินเดีย พวก Templar โดยการนำของ Master Templar William Sleeman ก็ออกตามค้นหาเศษชิ้นส่วนของ “Piece of Eden” ที่เหลืออยู่อย่างเต็มกำลัง ภารหนักตกอยู่กับ Arbaaz Mir ในฐานะนักฆ่าภาคีของอินเดีย ที่ต้องปกป้องบ้านเกิด ประชาชน พวกฟ้องไปพร้อมๆกับค้นและแย่งชิงชิ้นส่วนของ “Piece of Eden” กลับคืนมาด้วย แต่ก็ได้กำลังใจจาก เจ้าหญิง Pyara Kaur ลูกสาวของมหาราชา Kharak Singh ที่เกิดมีความรักต่อกันหลังจากผ่านเหตการณ์เลวร้ายกันมา


                     


-----------------------------------------------------------------------------------------------------
Cr. อ้างอิงข้อมูลจาก
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Arbaaz_Mir
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Assassin%27s_Creed:_Brahman
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Assassin%27s_Creed:_Underworld
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Assassin%27s_Creed_Chronicles:_India
Cr. ภาพประกอบจาก 
BB22Andy  www.deviantart.com
http://kantonliu.tumblr.com/post/93563956386/made-a-terrible-mistakejust-fixed-it-arbaaz-mir

-----------------------------------------------------------------------------------------------------






                                          บทสรุป Assassin’s Creed Chronicles: India 


By Decibel per oxide 


ระบบการบังคับเบื้องต้น
L – บังคับการเคลื่อนไหว
R – บังคับการมุมกล้อง / กดลงตรงๆใช้ Eagle Vision
A – กระโดด / ใช้ร่วมกับแกน L ในการเปลี่ยนที่ยึดเกาะ
X – โจมตีเบา / ลอบสังหาร / กดค้างด้านหลังศัตรูล็อกคอให้สลบ
Y – โจมตีหนัก
B – บล็อกการโจมตี / แบบศพศัตรู / ยกเลิก / กด B ค้างในการขโมย


** การขโมยไอเทม ** ไอเทมที่ได้จากศัตรูนั้นมีทั้งไอเทมทั่วไปเช่นพวกกระสุนต่างๆจนถึงคีย์ไอเทม โดยปกติจะได้ไอเทมจากพวกมันได้จากการค้นเอาจากศพหรือได้แบบอัตโนมัติหลังจากโยนร่างพวกมันใส่ที่ซ่อนแล้ว ก็ยังสามารถขโมยไอเทมจากตัวศัตรูได้ด้วยโดยการกด B ค้างจากด้านหลังของศัตรูในขณะที่พวกมันกำลังคุยกัน ในขณะเดินไปมา หรือ รัดคอให้สลบแล้วค้นเอาไอเทมเอาก็ได้ 

LB – เล็งอาวุธเสริม
RB – ใช้อาวุธเสริม / ใช้เชือกตะขอเกาะขึ้นไปบนเพดาน
LT – ย่อง / สไลด์ (กดในขณะวิ่ง)
RT – วิ่ง

ปุ่มทิศทาง – ใช้เลือกอาวุธเสริม
บน – ผิวปาก  การผิวปากนั้นจะมีรัศมีการได้ยินซึ่งสามารถกด LB เพื่อเตรียมผิวปากจากนั้นใช้แกน L ปรับรัศมีให้กว้างขึ้นได้ ใช้สำหรับล่อศัตรูเข้ามาใกล้ๆเพื่อหาจังหวะเปลี่ยนตำแหน่งหนี
ซ้าย – Noise Bomb ระเบิดเสียงติดอยู่กับมีดสั้นที่ใช้ปาไปที่จุดหมายต่างๆเพื่อล่อให้ศัตรูไปตามตำแหน่งที่ต้องการได้ ด้วยการกด LB เพื่อเตรียมเล็งใช้แกน L ปรับรัศมี  และกด RB ในการยิง
ขวา – กงจักร Chakram กงจักร์ที่ใช้สำหรับขว้างไปตัดเชือกและก่อกวนศัตรูจากระยะไกล ด้วยการกด LB เพื่อเตรียมเล็งใช้แกน L ปรับรัศมี  และกด RB ในการขว้าง
ล่าง – ระเบิดควัน ใช้สำหรับพรางตาศัตรู ด้วยการกด LB เพื่อเตรียมเล็งใช้แกน L ปรับรัศมี  และกด RB ในการขว้าง


                                                **ระบบการเล่นหลัก **




ระบบการเล่นนั้นก็คือการเดินทางด้านข้างแบบ 2D โดยต้องบังคับ Arbaaz Mir ไปตามจุดหมายกำหนดโดยใช้ความสามารถในการลอบเร้นและลอบฆ่าในการผ่านศัตรูตามทางไปให้ได้ โดยใช้จุดตัวช่วยต่างๆตามทางเช่น การหลบตามเสา หลบตามช่องประตู โหนเกาะตามพนัง และการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆเป็นตัวช่วยในการเดินทาง 

อุปสรรคตามทางก็มีทหารเทมพลาหลากหลายประเภทที่คอยขัดขวาง ซึ่งศัตรูแต่ละตัวนั้นจะมีระยะการมองแสดงให้เห็น โดยมีลักษณ์การแสดออกตามเกทความสนใจตั้งแต่ สีขาวไม่เห็นอะไร สีเหลืองเริ่มสงสัย และ สีแดงเริ่มโจมตี นอกจากนี้ยังมีอุปสรรค์ตามทางต่างๆทั้งกรงเสือ กระดิ่ง ที่สามารถทำให้ศัตรูรู้ตัวได้เมื่อเข้าใกล้ด้วย 

ถึงแม้จะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้ แต่การลักลอบซ่อนเร้นเพื่อผ่านทางไปยังเป้าหมายที่ต้องการโดยศัตรูไม่รู้ตัวนั้นเป็นทักษะหลักที่ควรต้องทำในเกมนี้ การลักลอบหรือการลอบฆ่าที่แนบเนียนนั้นนอกจากทำให้เดินทางโดยสะดวกขึ้นแล้วยังสามารถทำให้ได้แต้ม Style grades เป็นรางวัลด้วย 


                                                    ** Style grades **




สำหรับเกม Assassin Creed นั้นทักษะการลอบเร้นนั้นสำคัญกว่าการต่อสู้ ซึ่งหากระหว่างทางของแต่ละฉากนั้นสามารถลักลอบผ่านศัตรูได้อย่างมีชั้นเชิงตามอุปกรณ์ตัวช่วยตามทางที่มี หรือลอบฆ่าได้อย่างแนบเนียน โดยสามารถผ่านแต่ละช่วงของฉากได้โดยศัตรูไม่รู้ตัวก็จะได้ Style grades Point เป็นแต้มรางวัล และในแต่ละฉากจะมีคะแนนการอัพเกรดที่ใช้เพิ่ม Skill ด้านต่างๆกำหนดไว้ เช่น เพิ่มเกทพลังชีวิต เพิ่มการโจมตี เพิ่มความเร็วและกระสุนต่างๆให้มากขึ้น ซึ่งถ้าสามารถทำให้คะแนนของ Style grades Point ถึงตามจำนวนที่กำหนดไว้ก็จะได้ความสามารถต่างๆที่แต่ละฉากกำหนดไว้มาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเอง ซึ่งหากผ่านฉากแบบลุยแหลกเลอะเทอะแบบไม่มีการใช้ทักษะที่มีให้เหมาะสมก็จะไม่สามารถเพิ่มความสามารถด้านต่างๆของตัวละครได้เลยถึงแม้จะทำภารกิจผ่านแล้วก็ตาม



                     MEMORY SEQUENCE 1 -   The Assassins’s Heart 


-Upgrade- 
เพิ่มเกทพลังชีวิต – 2500 Point
เพิ่มความเร็วในการแบบศพศัตรู – 3750 point
-plus game Mode Upgrade -
 เพิ่มเกทพลังชีวิต – 7500 Point
-Secondary objective -
– ขโมยเพชรจากทหาร 3 อัน


ปี ค.ศ 1841 Amritsar  พระราชวังฤดูร้อน Ram bagh ….. 



Arbaaz – วันนี้การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดจริงๆ อาจมีใครบางคนบอกถึงการมาของเราก็ได้แฮะ จริงไม่อยากจะใช้อาวุธกับพวกทหารยามของวังเลยนะจริงๆ แต่ถ้ามันยิงมาก่อนก็คงต้องมีสวนกันบ้างละ แต่ไม่ทำเลยดีกว่า สรุป ต้องลอบเข้าไปด้านในท่ามกลางการ์ดมากมายโดยไม่ใช้อาวุธ สนุกพิลึกละ !

-ภารกิจนี้ Arbaaz Mir ต้องเดินทางไปตามจุดหมายที่บนยอดของพระราชวังที่เป็นห้องบรรทมของเจ้าหญิง Pyara Kaur ลูกสาวของมหาราชา Kharak Singh ที่รักของเขาด้วยความคิดถึง ระหว่างทางจึงไม่สามารถที่จะต่อสู้หรือฆ่าทหารได้ ทำได้ก็แค่ลอบเข้าไปโดยไม่ให้เกิดการพบเห็นโดยใช้ความสามารถในการลอบเร้นในการผ่านทหารตามทางไปให้ได้ โดยใช้จุดตัวช่วยต่างๆตามทางเช่น การหลบตามเสา หลบตามช่องประตู โหนเกาะตามพนัง และการใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆเป็นตัวช่วยในการผ่านทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางที่ใช้การเคลื่อนไหวและการลักลอบในแบบพื้นฐานที่คุ้นเคยกันดีและไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจอยู่แล้ว  



Pyara – เจ้ามาที่นี่เพื่อฆ่าข้าหรอเจ้านักฆ่า ?
Arbaaz – ข้าคงจะโง่มากเลยอ่ะถ้าบอกว่าจะทำแบบนั้น 
Pyara – แต่ข้าฆ่าเจ้าได้นะ ค้วานตับไตใส้พุงเจ้าออกมาแล้วแทงดาบทะลุเข้าหัวใจ
Arbaaz – งั้นควักเอาหัวใจข้าไปได้เลยเพราะยังไงมันเป็นของเจ้าอยู่แล้ว
Pyara – เจ้าแน่ใจว่าพร้อมแล้วนะ !



Pyara – คุณจะไปแล้วหรอ ?  ว่าจะโชว์มายากลดีๆให้ดูอยู่พอดีเลย 
Arbaaz – ชั้นก็อยากจะดูมากเหมือนกัน ต้องทำไงนะ หยิบไพ่หรอ ? นี่ไง ไพ่ราชินีของหัวใจผม 
Pyara – อย่ามาตลกน่า นี่ บอกอะไรให้ บางทีคุณอาจต้องแปลกใจว่าตอนนี้ชั้นต้องพกมีดที่ซ่อนไว้ตลอดเวลาเลยนะ 
Arbaaz – จริงดิ ? แสดงว่าเมื่อกี๊ผมค้นไม่ละเอียดพอแน่เลย 
Pyara – บางทีคุณน่าจะมาค้นดูอีกรอบนะ
Arbaaz – เฮ้อ โทษทีที่รัก ผมต้องรีบไปหาท่าน Hamid  เห็นว่าท่านกำลังกังวลว่าพวกเทมพลามันกำลังเริ่มออกค้นหาเพชร  Koh-i-Noor อีกแล้ว 
Pyara – ชั้นเคยบอกแล้วใช่มั๊ยว่าให้คุณเป็นคนเก็บมันไว้เอง ฉลาดหน่อยสิ
Arbaaz – ก็เพราะฉลาดไงผมถึงให้ Hamid เก็บรักษามันไว้น่ะ 
Pyara – ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยนะที่รัก อย่าทำอะไรบ้าๆที่มันอันตรายมากนักละ ! 


หลังจากภารกิจแรกที่ Arbaaz ต้องลอบเข้าไปหาหวานใจโดยไร้อาวุธและการต่อสู้ แต่ในภารกิจต่อไปก็เริ่มมีการปลดล็อกท่วงท่าการต่อสู้และอาวุธเสริมต่างๆให้ใช้ในการต่อสู้ในการเดินทางแล้ว

** เรียนรู้ระบบการต่อสู้ **
X – โจมตีเบา
Y – โจมตีหนัก
A- กระโดด / L + A กลิ้งตัวหลบ
B- การ์ด / B – A การ์ดแล้วกลิ้งตัวข้ามตัวศัตรูไปด้านหลัง / กด B ให้ตรงจังหวะในขณะที่ศัตรูกำลังยิงปืนเพื่อหลบกระสุน

ปลดล็อก – ท่ากลิ้งโจมตี L + A
ปลดล็อก – Jump Kill กระโดดฆ่าศัตรูจากที่สูง
ปลดล็อก – Slide Kill วิ่งแล้วกด LT เพื่อสไลด์ตัวผ่านศัตรูพร้อมๆกับกด X เพื่อโจมตี
ปลดล็อก – Chakram กงจักรสังหาร อาวุธใหม่ใช้สำหรับขว้างไปตัดเชือกและก่อกวนศัตรูจากระยะไกล ด้วยการกด LB เพื่อเตรียมเล็งใช้แกน L ปรับรัศมี  และกด RB ในการขว้าง
ปลดล็อก – Smoke Bomb ระเบิดควัน ใช้สำหรับพรางตาศัตรู ด้วยการกด LB เพื่อเตรียมเล็งใช้แกน L ปรับรัศมี  และกด RB ในการขว้าง



                         MEMORY SEQUENCE 2 -  The Absent Handler

-Upgrade- 
เพิ่มความเร็วในการย่อง – 2000 Point
เพิ่มจำนวนการพก Chakram  – 3500 point 
-plus game Mode Upgrade -
 เพิ่มความเร็วในการใช้ Lock pick ไขประตู – 7500 Point
-Secondary objective -
– ขโมยเอกสารลับจากทหารศัตรู 3 อัน 

ปี 1984 เมือง Amritsar …

สิ่งเดียวที่สามารถฉุดดึง Arbaaz ให้ออกมาจากเตียงของเจ้าหญิง Pyara ได้ก็คือความจำใจจากการที่ถูกอาจารย์เรียกไปพบเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง เพชร  Koh-i-Noor พลังที่ยิ่งใหญ่ที่เขาเก็บรักษาไว้ ความเป็นห่วงเล็กน้อยที่มีต่อ Hamid ก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ Arbaaz เข้ามาถึงตลาดในเมือง Amritsar ที่เต็มไปด้วยทหารเทมพลาอยู่เต็มไปหมด ทำให้เขารู้ทันทีว่า อาจารย์ Hamid ของเขากำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว Arbaaz จึงรีบเดินทางไปหาอาจารย์ของเขาที่บ้านพักบนตึกด้านบนของเมืองทันที

-การดำเนินเกมในภารกิจของเขตตลาดนี้ เป้าหมายคือขึ้นไปให้ถึงห้องพักของอาจารย์ Hamid ที่ชั้นบนสุดของพื้นที่ ซึ่งนอกจากการใช้เทคนิคการลักลอบแบบปกติแล้ว ยังมีไอเทมใหม่ปลดล็อกมาให้ใช้ด้วยนั่นคือกงจักร Chakram ที่สามารถเลือกใช้ได้ด้วยปุ่มทิศทางด้านขวา สามารถใช้ตัดเชือกกล่องที่ขวางทางปีน ขวางใส่จากระยะไกลเพื่อทำให้ศัตรูสับสนได้ด้วย



-เมื่อเดินทางมาจนถึงหน้าห้องของอาจารย์ Hamid ที่ชั้นบนสุดของพื้นที่แล้วจะยังเข้าไปในห้องไม่ได้ซึ่งต้องจัดการพวกทหารเทมพลาแถวๆหน้าประตูให้หมดก่อนแล้วทหารในห้องจะเปิดประตูออกมา จัดการมันซะแล้วเข้าไปสำรวจในห้อง Arbaaz จะพบว่าในห้องเต็มไปด้วยศพของทหารเทมพลามากมายกับรอยเลือดที่ไหลเป็นทางออกจากห้องนี้ Arbaaz จึงรีบเดินทางตามรอยเลือดนี้ไปทันทีเพื่อหวังว่าจะตามไปช่วยอาจารย์ของเขาได้ทัน


-เดินทางต่อไปตามทางจนถึงพื้นที่สุดท้ายที่หน้าอาคารขนาดใหญ่ Arbaaz ก็ยังไม่เจอร่องรอยของอาจารย์ของเขาแม้แต่น้อย แต่ก็พบหัวหน้าทหารของที่นี่ที่น่าจะรู้ว่า อาจารย์ Hamid ถูกจับไปที่ไหน



ที่ต้องทำก็คือต้องหลบทหารที่ยืนตาทางเพื่อเข้าไปล็อกคอหัวหน้าทหารที่กำลังเดินไปที่ประตูทางขวาสุดของพื้นที่ก่อนที่มันจะเข้าประตูไปและห้ามให้ทหารคนอื่นๆเห็นด้วย ก่อนที่ Arbaaz จะเริ่มกรรมวิธีที่จะทำให้มันเปิดเผยความจริงในสิ่งที่เขาต้องการออกมา




หัวหน้าทหาร – ได้โปรด !! ผมไม่รู้จริงๆว่าคุณพูดถึงอะไร ?
Arbaaz – ชั้นกำลังตามหาเพื่อนอยู่และรอยเลือดของเขาก็นำทางชั้นมาถึงที่นี่ 
หัวหน้าทหาร – ผมเสียใจด้วยเรื่องเพื่อนของคุณนะ แต่ๆๆว่า มันมีคนมากมายที่ผ่านมาแถวนี้ผมจำไม่ได้จริงๆว่าเพื่อนคุณคนไหน 
Arbaaz – งั้นแกก็ควรจะนึกให้ออกเร็วๆหน่อยเพราะชั้นคิดว่าเชือกที่มัดแกอยู่มันก็ใกล้จะหลุดออกทุกทีแล้วนะ 
Arbaaz – ว่า .... 
หัวหน้าทหาร – อ๊ากกกก !!  เดี๋ยวๆๆ จำได้แล้วผมจำได้แล้ว !!  เขาเคยถูกจับมาที่นี่แต่ตอนนี้ถูกพาตัวไปที่ป้อมหลักของพวกเราที่สุดเขตของเมืองแล้ว และคุณก็ไม่สามารถจะเข้าไปที่นั่นได้หรอก ปล่อยผมเถอะแล้วผมจะช่วยพาคุณเข้าไปหาเพื่อนคุณเอง นะๆๆ 
Arbaaz – หึ เสียใจด้วยนะ ชั้นชอบลุยเดี่ยวมากกว่า ..
หัวหน้าทหาร – เฮ้ เดี๋ยว อย่าทิ้งผมไว้แบบนี้ ได้โปรดดดด !!


                                          ที่ป้อมหลักของพวก Templar ...




Sleeman-  Hamid ... เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับพลังของเพชร  Koh-i-Noor นี้บ้าง บอกมาสิ ... พอแล้ว อเล็กซานเดอร์ เดี๋ยวมันจะตายก่อนที่เราจะได้ข้อมูลจากมัน
Alexander – แต่การมีชีวิตอยู่ของมันก็เป็นภัยต่อพวกเราเหมือนกันนะครับท่าน ถ้าถามผม ผมว่าน่าจะเอาไอ้เพชรเปื้อนเลือดนี่ใส่กล่องเอาไว้แล้วดูมันให้แน่นอนก่อนดีกว่า
Sleeman-   จริง อย่างเจ้าว่า 
Alexander – ดีแล้ว งั้นเราจะกลับวิหารของเรากันได้รึยัง 
Sleeman-    ได้ งั้นปล่อยตาเฒ่าปากแข็งให้มันเน่าอยู่นี่ พรุ่งนี้ค่อยมาดูมันอีกทีว่ามันจะเปลี่ยนใจยอมร่วมมือด้วยดีหรือยัง 




** จบภารกิจจะปลดล็อก Skill Multi Kill ที่สามารถลอบฆ่าทหาร 2 คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันได้พร้อมๆกันด้วยการกด X ** 



                          MEMORY SEQUENCE 3 - The Quest Begin

-Upgrade- 
เพิ่มเกทพลังชีวิต – 2000 Point
เพิ่มความเร็วในการใช้ Lock pick ไขประตู – 3250 point 
-plus game Mode Upgrade -
 เพิ่มพลังโจมตี – 7250 Point
-Secondary objective -
– จัดการทหารระดับสูง 5 คน 


ปี 1984 เมือง Amritsar, Templar Outpost 



ในขณะที่ ผู้พัน Sleeman ได้จับตัว Harmid  และชิงเอาเพชร Koh-i-Noor ไปไว้ครอบครองได้สำเร็จและถึงแม้มันจะไม่ได้ข้อมูลความลับจากปาก Hamid ไปมากนัก Arbaaz ที่เพิ่งเดินทางตามมาถึงที่ป้อมของพวก Tempar  ก็ต้องเตรียมเข้าไปช่วย Hamid อาจารย์ของเขาให้เร็วและปลอดภัยที่สุด ก่อนที่ Sleeman จะย้อนกลับมาเค้นเอาความลับในพลังที่ยิ่งใหญ่ของเพชร Koh-i-Noor จาก Hamid อีกครั้ง  

-เส้นทางเข้าไปที่คุมขังของ Hamid นั้นเต็มไปด้วยทหาร Templar มากมายที่ตรวจตราอย่างเข้มงวด แล้วยังมียูนิททหารประเภทใหม่ที่เรียกว่า East India company Highlander ซึ่งเป็นทหารระดับสูงที่มีปืนยาวติดตัว ไม่สามารถโจมตีมันแบบธรรมดาหรือลอบฆ่ามันได้เลย นอกจากจะใช้ระเบิดควันทำให้มันมึนงงก่อนจึงเข้าไปจัดการมันได้
-ในส่วนแรกที่เข้ามาใช้ Eagle Vision มองหาทหารที่ถือกุญแจแล้วย่องไปขโมยมาไขประตูออกไปส่วนต่อไป เข้ามาแล้วที่ทางออกด้านขวาจะพบด่านของทหาร Templar ที่คอยตรวจค้นผู้บุกรุกอยู่ จึงต้องไปหาชุดมาปลอมตัวเป็นชาวบ้านเพื่อผ่านด่าน โดยจะมีไอเทมที่ต้องเก็บอยู่ 3 จุดคือ
1.หมวก อยู่ในห้องด้านขวาบนของพื้นที่
2.เสื้อคลุม อยู่ในห้องฝั่งซ้ายของพื้นที่ โดยต้องลอดช่องด้านซ้ายสุดไป
3.เข็มขัด อยู่กับทหารบนนั่งร้านกลางแผนที่ต้องล็อคคอให้สลบแล้วค้นตัวเอามา
เมื่อได้ครบแล้วก็เข้าไปที่ด่านทางขวาของเมืองรอให้ชาวบ้านเดินมาก็เดินปะปนกับกลุ่มชาวบ้านผ่านด่านเข้าไปได้เลย


-เมื่อผ่านเข้ามาด้านในได้แล้ว ปีนขึ้นมาด้านบนก็จะถึงอาคารที่คุมขังของ Hamid ที่นี่จะเจอกับดักแบบใหม่คือ Linked Bell หรือกระดิ่งเชือกที่หากโดนอันเดียวจะสั่นพร้อมกันทุกอัน ซึ่งต้องใช้กงจักรตัดเชือกมันก่อน และเนื่องจากเพื่อความลอดภัยของ Hamid Arbaaz จึงต้องลอบขึ้นไปช่วยโดยห้ามให้ทหารพบเจอตัวเลย
- เมื่อขึ้นไปจนถึงห้องขังของ Hamid ได้แล้ว ในขณะที่ Arbaaz กำลังจะเข้าไปแก้มัด ทหาร Templar มากมายก็จะบุกเข้ามาขัดขวาง พลัง Helix Strike ของ Arbaaz ก็จะตื่นขึ้น


การใช้ Skill Helix Strike นั้นสามารถใช้ได้เมื่อเกท Helix เต็มจากการเก็บผลึก Helix สะสมตามทาง เมื่อกด B + Y ระเบิดพลังออกมา Arbaaz ก็จะสามารถต่อสู้ด้วยพลังที่รุนแรงมากขึ้นได้ จัดการทหารให้หมดแล้วตัดเชือกช่วย Hamid ออกมาซะ



Hamid – ขอบใจมากนะเจ้าหนุ่ม 
Arbaaz – ท่านอึดมากกว่าที่ข้าคิดเยอะเลยนะรู้มั๊ย ใครจับท่านมาแล้วพวกมันต้องการอะไรจากท่านกันแน่ ? 
Hamid – ผู้พัน Sleeman กับมือขวาของมัน Alexander มันต้องการข้อมูลเรื่อง เพชร Koh-i-Noor จากข้านะสิ และตอนนี้พวกมันก็ยึดเอาเพชร Koh-i-Noor ไปแล้วด้วย 
Arbaaz – Sleeman ฆ่าพี่น้องของเราไปเยอะมาก โชคดีที่ท่านยังไม่ตาย
Hamid – โชคไม่สามารถช่วยอะไรได้กับเรื่องนี้หรอกพ่อหนุ่ม แต่ถ้าจะนับมันเป็นเรื่องโชค ก็คงเป็นโชคไม่ดีเพราะ Sleeman เพชร Koh-i-Noor ไปแล้ว 
Arbaaz – ท่านก็แค่ทำเพชรหาย
 Hamid –  เจ้าไม่เข้าใจพอหนุ่ม เรื่องมันใหญ่โตร้ายแรงกว่านั้นเพราะ พวกมันพูดถึงกล่อง กล่องที่สามารถใช้กับเพชร Koh-i-Noor แล้วทำให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมา มันเป็นกล่องของ Ezio Auditore ที่ให้ไว้กับ Shao Jun นักฆ่าของจีน แต่ดูเหมือนเธอจะเสียให้พวกมันไปแล้ว  
Arbaaz – ซึ่งท่านก็เลยจะให้ผมไปขโมยเพชรกับกล่องนั่นคืนมา ?
Hamid –   ใช่ มันอยู่ทางนั้นป้อมของพวก Templar ด้านใต้ของมันเป็นที่ซ่อนของวิหารลับของเหล่าผู้มาก่อนกาลที่ตำนานบอกไว้ ข้าคิดว่า Sleeman ต้องเอาเพชร Koh-i-Noor ไปใช้กับกล่องของ Ezio ที่นั่นแน่นอน 
Arbaaz – น่าสนใจ ... ไว้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ท่านหลบไปซ่อนตัวก่อนเถอะ 




-เมื่อช่วย Hamid ได้แล้ว Arbaaz ก็ต้องเดินทางต่อเพื่อตาม Sleeman ไปที่ป้อมของมันเพื่อชิงเอาเพชรคืนมา เมื่อเข้ามาในพื้นที่แล้วจะเห็น Sleeman กำลังเดินไปที่ทางเข้าป้อม ที่ต้องทำก็คือลอบตามมันไปโดยอย่าให้มันห่างเกินจนตามไม่ทันจนถึงประตูทางเข้าป้อมให้ทัน ซึ่งต้องใช้ความเร็วและเทคนิคการปีนป่ายให้มากที่สุดเพื่อจัดการศัตรูตามทางไปพร้อมๆกับตามเป้าหมายให้ทันด้วย
-เมื่อตาม Sleeman มาจนมันเข้าประตูไปด้านใน เมื่อตามเข้าไปจะพบว่ามันเข้าไปในวิหารด้านในแล้วสั่งให้ทหารดูแลคันโยกสวิตซ์เปิดประตูเอาไว้อย่างดี สวิตซ์เปิดประตูนั้นอยู่ที่ชั้นกลางของพื้นที่ ประตูทางเข้าวิหารจะอยู่ชั้นล่าง


 และ ทหารที่เก็บคันโยกสวิตซ์นั้นอยู่ที่นั่งร้านทางขวาของพื้นที่ ซึ่งสามารถใช้ Eagle Vision ส่องดูได้ เมื่อเก็บคันโยกสวิตซ์มาได้แล้วก็เอามาใช้ที่ที่เปิดประตูตรงกลางพื้นที่ แต่ทันที่ประตูเปิดพวกทหารศัตรูจะรู้ตัวและยิงปืนกลเข้ามาทันที ต้องหนีด้วยความเร็วลงไปที่ประตูทางเข้าวิหารที่ชั้นล่างให้ทัน



                                  MEMORY SEQUENCE 4 -  The Secret Below 


-Upgrade-
-เพิ่มจำนวน Noise Bomb -  15.00 นาที
-เพิ่มความเงียบในการลักลอบ – 10.00 นาที


ปี 1984 เมือง Amritsar, Precursor site




-เมื่อ Arbaaz ตาม Sleeman เข้ามาจนถึงทางเข้าชั้นใต้ดินลับของป้อมได้สำเร็จ ที่เหลือก็ต้องพยายามเข้าไปด้านในจนถึงตัววิหารของผู้มาก่อนกาล ซึ่งการเดินทางในถ้ำใต้ดินในช่วงแรกนั้นจำเป็นต้องใช้ความเร็วในการปีนป่ายเพื่อผ่านทางเพราะพนังดินนั้นเปราะบางพังได้ง่าย ปีนป่ายจนเข้าไปถึงหน้าทางเข้า โหนเกาะลูกตุ้มแท่นหินทั้ง 2 ด้านเพื่อเปิดประตูเข้าไปด้านวิหารลับได้
-เมื่อเข้ามาถึงวิหารลับของผู้มาก่อนกาลแล้ว ด้านในจะเจอลำแสงสีทองประหลาดตามพื้นซึ่งหากโดนเข้าจะตายทันที ในขณะเดินทางต้องพยายามหลบหลีกพวกลำแสงที่พื้นและที่พนังไว้ให้ดีๆ หลบกับดักลำแสงตามทางไปตามทางไปเรื่อยๆก็จะเข้าไปจนถึงทางเข้า Oracle Room ที่อยู่สุดทางได้ ซึ่งก็พบว่า Sleeman กำลังจะเข้าไปด้านในพอดี




                              MEMORY SEQUENCE 5 -   The Enemy Revealed 


-Upgrade-
-เพิ่มจำนวนกงจักร Chakram  - 8.00 นาที
-เพิ่มรัศมีของระเบิดควัน – 6.00 นาที


ปี 1984 เมือง Amritsar, Precursor site




- Arbaaz ตาม Sleeman เข้ามาจนถึงห้อง Oracle Room ด้านในของวิหารแห่งผู้มาก่อนกาลสำเร็จ เส้นทางของวิหารจะต้องเกาะปีนไต่ไปมากับพื้นที่ที่เป็นพนังเลื่อนได้ที่มีกับดักแสงผสมอยู่ ซึ่งต้องอาศัยการเคลื่อนไหวที่เหมาะสมกับจังหวะการเลื่อนของพื้นที่ สลับการปีนท่ามกลางศัตรูและพนังที่พังง่าย เป้าหมายคือปีนขึ้นไปด้านบนก็จะพบ Sleeman อยู่ที่แท่นควบคุมพลังงานและกำลังจะทำบางอย่างกับเพชร Koh-i-Noor และกล่องของ Ezio จนได้เป็นแผนที่บอกตำแหน่งออกมา



Sleeman – มันได้ผล !! 
Arbaaz – ดูเหมือนคุณจะมีบางสิ่งที่เคยเป็นของพวกผมอยู่นะครับท่าน ขอคืนด้วย
 Sleeman – นักฆ่าอีกคนนึงหรอ เพื่อนของแกมาด้วยรึเปล่าละ ?
Arbaaz – อย่าห่วงเลย เราก็มีที่ของเราอยู่ ส่งเพชรกับกล่องนั่นมาซะ
Sleeman – ไม่มีทางหรอก !!




                               -------------------- ปัง !!!! -----------------------

Arbaaz – นี่แกทำบ้าอะไรเนี้ย !!
Sleeman – ไอ้นักฆ่าบ้าเอ๊ยยย !! ทำทุกอย่างพังหมด ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ววว !!
Arbaaz – ถึงเวลาต้องเผ่นแล้ว

หลังจากที่ Oracle Room เริ่มถล่มลงมาเพราะแรงสั่นสะเทือนจากการยิงปืนของ Sleeman Arbaaz ก็ต้องรีบหนีออกจากที่นี่ทันทีพร้อมกับข้อมูลแผนที่ที่เห็นจากที่เพชร Koh-i-Noor และกล่องของ Ezio แสดงออกมา ก่อนที่จะเอาข้อมูลทั้งหมดไปบอกกับอาจารย์ของเขา 




Arbaaz – ท่านหาข้าเจอได้ไงเนี้ย ?
Hamid – เสียงโครมครามจนแผ่นดินสะเทือนขนาดนี้ ดูสิ เจ้าทำวิหารโบราณนี่พังไม่เหลือชิ้นดีเลย 
Arbaaz – อุบติเหตุนิดหน่อย แล้ววิหารนี่มันก็พุพังจนหมดแล้วด้วย ที่สำคัญคือท่านควรจะสนใจเรื่องเพชร Koh-i-Noor นั่นมากกว่าไม่ใช่หรอ ข้าเห็นบางอย่างตอนมันเอาเพชรใส่ในกล่อง มีแสงออกมาเหมือนแผนที่บางอย่างนะ .. น่าจะเป็นที่อัฟกานิสถาน 
Hamid – อ่า พอเข้าใจแล้ว .. ทำไมเจ้าไม่ลองไปดูละ ตามเจ้า Burnes ไป มันคงนำกำลังพลยกไปประชิดที่ปราสาท Herat ในอัฟกานิสถานเหมือนกัน ข้าว่ากล่องอาจโชว์ให้เห็นถึงวิหารของผู้มาก่อนกาลอีกแห่งก็เป็นได้นะ ไปค้นหามันให้เจอก่อนพวกมัน เราจะยอมให้พวก Templar ได้ของล้ำค่าไปอีกไม่ได้แล้ว 



** ปลดล็อก Skill Helix Dash ** เมื่อเก็บผลึก Helix จนเกทเต็มแล้ว สามารถกด Y ในขณะที่อยู่ในจุดซ่อนตัวจะสามารถแดชผ่านระหว่างจุดซ่อนตัว 2 จุดได้ต่อหน้าศัตรูโดยมันไม่รู้ตัว ** 


---------------------------------------------------------------------------------------------------------


               




Anglo-Afghan War  หรือ สงครามอัฟกัน คือสงครามระหว่างอังกฤษกับอัฟกานิสถาน ที่เกิดขึ้นภายหลังการกบฏครั้งใหญ่ในอินเดียใน ค.ศ 1857 เหตุจากที่ประชาชนชาวอินเดียไม่พอใจในการปกครองแบบกดขี่ของอังกฤษ ที่เข้าปกครองอินเดียโดยใช้ตัวแทนเป็นบริษัทอินเดียตะวันออก (East India Company) เข้าดูแลทุกภาคส่วนของประเทศ เหตุการณ์ถึงจุดแตกหักเมื่ออังกฤษได้ทำการยุบราชวงศ์  Mughal ที่่เป็นตัวแทนของระบบกษัตริย์ที่เป็นที่เคารพของประชาชนชาวอินเดียลงโดยแต่งตั้งสมเด็จพระราชินีนาถ วิคเตอร์เรียเป็นจักรพรรดินีของอินเดียแทน ทำให้ชาวอินเดียโกรธแค้นและเริ่มต่อต้านการปกครองของอังกฤษหนักยิ่งขึ้น 

                             

จนในปี ค.ศ 1841 ในขณะที่อังกฤษปกครองอินเดียอยู่ก็เกิดต้องการจะขยายอิธิพลไปทางทิศตะวันตกของอินเดียและเริ่มเข้าบุกยึด อัฟกานิสถาน เพราะหวั่นเกรงว่าทาง รัสเซีย และ เปอร์เซียที่อยู่ติดกับชายแดนนั้นจะยึดอัฟกานิสถานไปเสียก่อน อังกฤษจึงเริ่มเข้ายึดอัฟกานิสถานทันที เมื่อยึดได้สำเร็จอังกฤษก็แต่งตั้งเจ้าชาย Shah Shujah Durrani หรือ Shah Shula - al Mulk ที่นิยมชมชอบอังกฤษเป็นผู้ปกครองอัฟกานิสถานโดยมีกองทหารของอังกฤษ

                 

               Shah Shula - al Mulk                                             Sir William Hay Macnaghten 

โดยการนำของ Sir William Hay Macnaghten ในฐานะที่ปรึกษาพร้อมกำลังทหารของอังกฤษส่วนนึงเป็นกองหนุน แต่ประชาชนชาวอัฟกันนั้นไม่ชอบในตัวเจ้าชาย Shah Shula ที่เป็นเจ้าเมืองคนใหม่อย่างมากจึงก่อกบฏขึ้นในเดือน พฤษศจิกายน ปี ค.ศ 1841 ในกรุง Ksbul ซึ่งกองทหารของอังกฤษ ก็พยายามอย่างเต็มทีที่จะปราบพวกกบฏแต่ก็ไม่สามารถที่จะยึดกรุงคาบูลที่เมืองหลวงคืนมาจากพวกกบฏได้จนต้องถอยทัพจากไป ทำให้สงครามการเข้ายึดครองอัฟกานิสถานของอังกฤษครั้งนี้ต้องยุติลง ซึ่งก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสงคราม Anglo-Afghan War  ครั้งที่ 1 จาก 3 ครั้งที่จะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา ... 

  

และในเหตุการณ์สงคราม Anglo-Afghan War ครั้งแรกนี้ได้มีตัวละครที่มีอยู่จริงอยู่ในในประวัติศาสตร์ที่อยู่ในเกม Assassin’s Creed Chronicles: India อยู่ด้วย ซึ่งก็คือตัวร้ายของเรื่อง Sir William Sleeman ในฐานะหัวหน้า Templar ที่ได้รับมอบหมายให้มาตามหา Piece of Eden Koh-i-Noor  และ Sir Alexander Burnes  ที่เป็นมือขวาที่ Arbaaz พระเอกของเราต้องไล่ล่าเพื่อชิง Piece of Eden กลับคืนมา 

                      

Sir William Sleeman ที่เป็นตัวร้ายหลักในเกมนั้นในประวัติศาสตร์ของ Anglo-Afghan War จริงนั้น เขาอยู่ในฐานะทหารที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัท British India เลยแต่การทำงานในช่วงที่อังกฤษกำลังเข้ายึดกรุง Kabul นั้น Sleeman ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสงคราม Anglo-Afghan War ในแบบตรงไปตรงมา แต่เขามีชื่อเสียงในด้านของการควบคุมเหล่าแก็งค์อัธพาลต่างๆในโลกใต้ของดินอัฟกานิสถานที่เรียกว่า Thuggee หรือ นักเลงแขก ในการหาข่าวและแทรกซึม ลอบโจมตี เพื่อสนับสนุนการทำงานของบริษัท British India ในการแทรกแซงอัฟกานิสถานอย่างลับๆมาตลอด บทบาทของ Sleeman ในประวัติศาสตร์จริงกับการหัวหน้า Templar ตัวร้ายในเกมที่เป็น จึงค่อนข้างจะเข้ากับเขาเป็นอย่างมาก 

                                      


ส่วน Sir Alexander Burnes  นั้นในประวัติศาสตร์จริงเขาเป็นตัวแทนของฝ่ายการเมืองที่ถูกแต่งตั้งจาก Queen Victoria โดยตรงให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ Lord Auckland ในการบริหารกรุง Kabul ให้สนับสนุนราชบัลลังก์ ตามประวัติศาสตร์นั้น Burnes ถูกม็อบที่เป็นชาวเมืองที่กำลังโกรธแค้น ฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม(ว่ากันว่าถูกสับเป็นชิ้นๆ)ในเหตุการณ์กบฏครั้งใหญ่ใน Anglo-Afghan War ครั้งแรกนี้ด้วย   

Cr.อ้างอิงข้อมูลจาก
http:/ http://worldhistory.50webs.com/1395.html 
/www.afghanland.com/history/anglo1.html



  


และสถานที่สำคัญที่เกี่ยวของกับ สงคราม Anglo-Afghan War นั้นก็คือ The Citadel of Herat ป้อมขนาดใหญ่ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ที่เคยเป็น Alexander the Great เคยใช้เป็นที่มั่นหลักตอนยกทัพมาบุกอัฟกานิสถานในสงคราม Battle of Gaugamela เมื่อหลายพันปีก่อน ซึ่งในสงคราม Anglo-Afghan War นั้น  Citadel of Herat ก็ยังคงต้องรับศึกหนักเพราะฝ่าย British India ของอังกฤษได้ใช้มันเป็นป้อมปราการหลักในตอนทำสงครามเพื่อยึดอัฟกานิสถานและต่อต้านพวกกบฏในตอนเกิดการปฎิวัติใหญ่ด้วย 

ซึ่งในเกม Citadel of Herat ก็ยังเป็นที่ซ่อนของวิหารโบราณของผู้มาก่อนกาลที่เก็บรักษาพลังที่ยิ่งใหญ่ของ Piece of Eden แล้วก็จะเป็นสถานที่ต่อไปที่ Arbaaz จะบุกเข้าไปด้วยนั่นเอง 





Cr. อ้างอิงข้อมูลจาก


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------




                             
Arbaaz – Herat .. วิหารโบราณอีกแห่งซ่อนอยู่ที่นี่จริงๆหรอ ?  พวกอัฟกันมีกำลังไม่พอที่จะทะลวงป้อมนี้ได้หรอก พวกอังกฤษมีกำลังเยอะกว่ามาก แถมมันได้ป้อมเป็นฐานหลักก็ได้ยิงเก็บพวกอัฟกันทีละคนจนหมดแน่ ยากที่พวกอัฟกันจะตีฝ่าเข้าไปได้ นอกเสียจากว่า ข้าจะเข้าช่วยทำเอาไรซักอย่างแล้วเปิดประตูป้อมนั่นออกซะ ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่าได้แทรกแซงสงครามเล็กให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกแล้ว




                               MEMORY SEQUENCE 6 -  The Silent Assist

-Upgrade- 
เพิ่มจำนวนระเบิดควันให้มากขึ้น – 2500 Point
เพิ่มจำนวน Noise Bomb ให้มากขึ้น – 4500 point 
-plus game Mode Upgrade -
 เพิ่มระยะเวลาการใช้ระเบิดควันให้นานขึ้น – 10000 Point
-Secondary objective -
– สำรวจหา Hidden Massage ให้ครบ 5 อัน 
** Hidden Massage คือข้อความลับที่อยู่บนกำแพงที่ต้องใช้ Eagle Vision ในการมองหาแล้วกดอนาล็อกซ้ายดันขึ้นเพื่อสำรวจอ่านมัน ** 


ปี ค.ศ 1841 …  ป้อม Heart  , อัฟกานิสถาน 

-ในป้อมจะมีทหารแบบใหม่เรียกว่า Unit Lieutenant ทหารยศสูงที่มีความสามารถในการตรวจจับศัตรูได้รวดเร็วกว่าปกติ วงรัศมีตรวจจับของมันจะเป็นสีเหลืองที่คอยระวังภัยรอบตัวตลอดแบบเข้าไปลอบฆ่าไม่ได้เลยทั้งต่อหน้าและจากจุดซ่อนตัว นอกจากจะใช้ระเบิดควันทำให้มันมองไม่เห็นก่อนเข้าไปจัดการ
-เมื่อเข้ามาในป้อมแล้ว ผ่านเข้ามาถึงหอคอยแรกที่ต้องทำคือใช้ Eagle Vision มองหาทหารที่ถือกุญแจห้องคลังแสงแล้วเอาไปไขเข้าประตูทางขวาล่างเพื่อเข้าไปจุดระเบิดแล้วรีบหนีออกจากพื้นที่หอคอยแรกก็จะถูกทำลายไป เข้าไปต่อจนถึงหอคอยที่ 2 ศัตรูที่นี่จะมีการระวังป้องกันที่เป็นสีเหลืองตลอด ต้องใช้กงจักรขว้างทำลายตะเกียงให้มืดลงรหัสมีการมองของพวกทหารศัตรูก็จะสั้นลงด้วย เข้าไปจนถึงห้องคลังแสงไขประตูเข้าไปจุดระเบิดแล้วหนีออกมาให้ทัน เข้าไปต่อจนถึงหอคอยที่ 3 ศัตรูที่นี่จะมีการระวังป้องกันเต็มที่จนรัศมีระวังภัยเป็นสีแดงตลอด และต้องลอบเข้าไปที่จุดปืนใหญ่เพื่อยิงทำลายป้อมสุดท้าย


-ทำลายหอคอยทั้งหมดแล้ว ลอบเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องโถงหลักหน้าประตูใหญ่ของป้อม คันโยกเปิดประตูจะอยู่ด้านบนประตูแต่ต้องจัดการฆ่าทหารของศัตรูที่อยู่ในห้องนี้ให้หมดทั้ง 10 คนก่อน โดยต้องจัดการมันให้หมดให้ทันเวลาก่อนเวลาจะหมด แล้วค่อยไปหมุนคันโยกเปิดประตูให้พวกกบฏชาวอัฟกันบุกเข้ามาในป้อมได้แล้ว


เมื่อ Arbaaz แทรกแซงป้อมจนทำให้พวกกบฏชาวอัฟกันบุกเข้ามาได้ ทหารอังกฤษจะมัวไปยุ่งกับการต่อต้านพวกกบฏจนไม่มีใครสนใจการลอบเข้ามาของ Arbaaz ซึ่งทำให้เขาลอบตาม Sleeman เข้าไปในวิหารโบราณที่อยู่ใต้ดินของป้อมได้ง่ายขึ้น 





                      MEMORY SEQUENCE 7 -  What Lies beneath 


-Upgrade- 
- เพิ่มความยาวของเกทพลัง Helix  - 14.00 นาที
- เพิ่มความยาวของเกทพลังชีวิต – 10.00 นาที

ปี ค.ศ 1841 …  ป้อม Heart  , อัฟกานิสถาน ,วิหารโบราณของผู้มาก่อนกาล 

-เมื่อเข้ามาด้านในป้อมได้แล้ว จะพบกับ Sleeman กับทหารประจำตัวของมันกำลังเดินไปที่ทางลงชั้นใต้ดินลับของป้อม ที่ต้องทำคือลอบตามมันไปท่ามกลางการรักษาความปลดภัยที่แน่นหนามากระหว่างทาง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ Helix Dash ในการหลบตามที่ซ่อนตัวไป ลอบตามมันไปจนถึงห้องโถงด้านในซึ่งมีลิฟต์ขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับลงไปชั้นใต้ดินของป้อมอยู่


-ทันที่ Sleeman กับทหารของมันลงลิฟต์ไปแล้ว ก็ต้องหาทางเปิดลิฟต์เพื่อตามมันลงไป เริ่มจากใช้กงจักรตัดโคมไปฝั่งขวาให้มันตกลงมากระแทกทำลายพื้นเพื่อลงไปหมุนคันโยกทางขวาล่างให้แกนไม้ทางขวาออกมา โดดโหนไปที่แกนหมุนทางขวาบนหมุนเปิดที่กั้นไม้ออก ทางฝั่งซ้ายก็ทำเหมือนกัน หมุนคันโยกให้แกนไม้ทางซ้ายออกมาเพื่อโหนไปที่แกนหมุนทางซ้ายบน หมุนให้ที่กั้นไม้ออกไปจากนั้นก็โหนเกาะเพดานไปโหนลูกตุ้มทั้งซ้ายและขวาประตูช่องลิฟต์ที่พื้นก็จะเปิดออกแล้ว
-ลงมาที่ชั้นล่างจะเป็นส่วนของวิหารโบราณของผู้มาก่อนกาลที่เต็มไปด้วยพื้นที่ที่เลื่อนไปมาและกับดักแสงและกำแพงแสงมรณะมากมาย ต้องอาศัยการปีนป่ายที่ถูกจังหวะในการผ่านทางเข้าไปจนถึงห้องโถงใหญ่ด้านในก็จะเจอ Sleeman กับทหารของมันกำลังขึ้นไปด้านบนห้อง Oracle Room ที่ด้านบน ซึ่งต้องรีบปีนขึ้นไปตามเสาที่เต็มไปด้วยกับดักแสงมรณะที่กำลังเลื่อนไปมาให้ถึงก่อนลิฟต์ของ Sleeman ให้ได้

แต่เมื่อ Arbaaz ปีนขึ้นมาถึงก่อนได้สำเร็จ เขาพยายามที่จะตรวจสอบพลังที่ซ่อนอยู่ที่นี่แต่ Sleeman กับทหารของมันพร้อมอาวุธครบมือก็ตามขึ้นมาทันติดๆจนทำให้ Arbaaz ต้องยอมเห็นแก่ชีวิตตัวเองต้องยอมจำนนและปล่อยมือจากแท่นควบคุมพลังงาน 



Arbaaz – นี่นะหรอ สิ่งที่พวกมันตามหา มันคืออะไรต้องลองดูกันหน่อยสิ
Sleeman – ไม่ว่าแกคิดจะทำอะไรก็ตาม ถอยออกมาไกลๆเลยเจ้านักฆ่า นอกจากว่าแกจะมั่นใจว่าแกเร็วกว่ากระสุนของทหารข้า ถ้าไม่งั้นก็วางอาวุธซะและก็อย่าตุกติกด้วยละ 
Arbaaz – .. เก็บชีวิตไว้สู้กับมันวันหลังดีกว่า Arbaaz .... 



ไม่มีชั่วโมงต่อมา .......     Katasraj Temple , รัฐปัญจาบ (Punjab) เมือง Chakwal 






Burnes  - อรุณสวัสดิ์ท่านนักฆ่า Katasraj ขอต้อนรับ ข้าแค่ไม่ต้องการเห็นเจ้าเข้าไปวุ่นวายในเรื่องที่เจ้ากำลังทำขึ้นเท่านั้นแหละ ข้าคือ กัปตัน  …
Arbaaz – ชั้นรู้ว่าแกเป็นใคร !
Burnes  - ดีแล้ว เพราะข้าก็รู้เรื่องแกมาเยอะเหมือนกัน อย่างเช่นเรื่องที่สายลับของข้าบอกมาเรื่องคนรักของแก เจ้าหญิง Pyara Kaur คนสวย
Arbaaz – เห้ยยย อ๊ากกกก !!! 
Burnes  - กล้าหาญดีแต่อย่าหวังเลยว่าจะหลุดไปได้ 
Arbaaz – แกต้องการอะไรจากข้า !
Burnes  - ก็จากที่แกทำไว้ที่อัฟกานิสถาน ข้าก็มีหน้าที่มอบความตายให้แกยังไงละ ! แต่ โชคดีที่ท่าน William  ต้องการจะสอบสวนอะไรแกนิดหน่อยก่อนหลังจากที่เขากลับมาจากการตกลงกับพวกอัฟกันแล้ว และจากนั้นก็จะถึงเวลาตายของแก แต่ตอนนี้ก็จงมีความสุขกับไมตรีจิตที่พวกข้ามีให้ไปพลางๆก่อนได้เลย ส่วนข้าต้องขอตัวก่อนละนะ
Arbaaz – ซาบซึ่งในไมตรีจิตของพวกแกมากนัก แต่ข้าชอบมีดที่ฉกมาจากแกมากกว่าวะ ฮ่าๆ 



                             MEMORY SEQUENCE 8 - The Thief within 

-Upgrade- 
เพิ่มความเงียบในการลอบฆ่า  – 2500 Point
เพิ่มเกทพลังชีวิตให้มากขึ้น  – 3750 point 
-plus game Mode Upgrade -
 เพิ่มเกทพลัง Helix ให้ยาวขึ้น  – 10000 Point
-Secondary objective -
– ช่วยชีวิตนักเดินทาง 3 คน (ชายชุดแดงที่ถูกจับอยู่) 

ปี ค.ศ 1841 … โบสถ์ Katasraj , รัฐปัญจาบ (Punjab) เมือง Chakwal  

-หลังจากที่ Arbaaz หนีจากการถูกมัดมาได้จากมีดที่ขโมยมาจาก Burnes สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เอาอาวุธทั้งหมดที่ถูกยึดไปกลับคืนมาก่อน และทันทีที่เริ่มเจอศัตรูกลุ่มแรก ความสามารถใน Skill Helix อันใหม่ของ Arbaaz ก็ตื่นขึ้น Skill Helix Blind หรือ การหายตัว ทำได้โดยกดปุ่ม Y ขณะที่มีเกท Helix จะหายตัวทำให้ศัตรูที่เดินไปมาไม่เห็นได้ แต่เมื่อบังคับเคลื่อนไหวหรือกด Y อีกครั้งก็จะกลับสู่สภาพเดิม จากก็ใช้ความสามารถในการหายตัวลอบเข้าไปตามทางขึ้นไปที่ห้องด้านบนสุดของตึกเพื่อเก็บตะขอเกี่ยวที่ถูกยึดไปกลับมา
-จากนั้นเดินทางไปต่อจะเริ่มพบศัตรูระดับที่เก่งที่สุดนั่นคือ Master เป็นยูนิททหารที่สามารถซ่อนตัวในช่องประตูได้ เมื่อผ่านไปโดยไม่สังเกตมันจะฆ่าตายได้ทันที แต่ก็สามารถดูได้ด้วยการใช้ Eagle Vision สำรวจดู ถ้าจะจัดการมันก็ใช้ระเบิดควันปาใส่ให้มันออกมาก็จะจัดการมันได้ ลอบเข้าไปด้านในจนถึงตึกบัญชาการณ์จะพบอาวุธที่เหลือทั้งหมดอยู่ในห้องของหัวหน้าทหารที่ชั้นบน แต่มีทหารอยู่มากมายเกินไป จึงต้องไปตามเก็บไอเทมชิ้นส่วนชุดทหาร 3 ชิ้นคือ รองเท้า เสื้อ และหมวกที่อยู่ในพื้นที่ของตึกมาให้ครบก็จะสามารถปลอมตัวผ่านทหารเข้าไปในห้องทำงานชั้นบนเพื่อเก็บอาวุธทั้งหมดคืนมาได้ เมื่อได้อาวุธกลับคืนมาแล้วก็เดินทางเข้าไปส่วนต่อไปที่หน้า Katasraj Temple 



** Katasraj Temple ** คือโบสถ์ของลัทธิฮินดูตั้งอยู่ท่ามกลางบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับไว้บูชาพระชิวะเป็นโบราณสถานเก่าแก่อายุ 1500 ปีที่เป็นที่เคารพบูชาของชาวปากีสถานอย่างมาก และในปัจจุบันก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยของที่สุดที่นึงของปากีสถานที่นักท่องเที่ยวรู้จักในนาม วัดแห่งศรัทธากลางบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 

Cr.ข้อมูลจาก 
http://www.ancient.eu/Katas_Raj/
https://en.wikipedia.org/wiki/Katasraj_temple



ที่โบสถ์ Katasraj นั้นเต็มไปด้วยทหารเทมพลามากมายเต็มทั้ง 2 หอคอย แถมบนหลังคายังเต็มไปด้วยพลแม่นปืนที่ทำให้ไม่สามารถผ่านเข้าไปใกล้ได้ง่าย Arbaaz จึงคิดได้ว่าจะใช้ปืนไรเฟิ่ลของทหารศัตรูที่ตกอยู่จัดการเก็บพวกทหารให้หมดก่อนแล้วค่อยผ่านไปเพื่อความปลอดภัยก่อนที่ Burnes จะเอาเพชรและกล่องหนีไปเสียก่อน
-เข้าไปด้านในจนพบจุดที่มีปืนไรเฟิ่ลตกอยู่ที่หน้าหอคอยฝั่งขวา ก็เอามาใช้ยิงพวกทหารศัตรูที่อยู่ที่โบสถ์ให้หมด 4 คน จากนั้นก็ลอบไปทางฝั่งซ้าย ก็ใช้ปืนจัดการยิงทหารศัตรูเป้าหมายให้หมด 9 คนและจะต้องจัดการยิงศัตรูโดยห้ามให้ศัตรูตัวอื่นเห็นศพด้วย โดยสามารถยิงล่อศัตรูอีกตัวให้หันไปที่จุดอื่นๆเพื่อไม่ให้มันเห็นตอนยิงคนอื่นได้ด้วย เมื่อจัดการจนหมดแล้ว ก็โหนเข้าไปในพื้นที่แต่ก็ต้องระวังด้วยเพราะจะมีทหาร Master ที่ซุ่มโจมตีอยู่ด้วย เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนสุดพวกทหารด้านล่างก็จะเริ่มรู้ตัวและยิงถล่มหอคอยด้วยปืนใหญ่ขึ้นมาจากด้านล่างทันที รีบใช้ไรเฟิ่ลยิงจัดการทหารที่กำลังยิงปืนใหญ่ขึ้นมาก่อนมันจะยิงให้หมดก่อนที่มันจะยิงถล่มให้เร็วที่สุดก่อนพวกมันจะยิงหอหอยพังซึ่งจะทำให้ Arbaaz ตายไปด้วย




                                   MEMORY SEQUENCE 9 - The Escape 


-Upgrade-
เพิ่มความเร็วในการใช้ตะขอเกี่ยวขึ้นเพดาน – 07.00 นาที
เพิ่มจำนวนของระเบิดควัน – 06.00 นาที

ปี ค.ศ 1841 … โบสถ์ Katasraj , รัฐปัญจาบ (Punjab) เมือง Chakwal  

-ทันทีที่พวกศัตรูรู้ว่า Arbaaz กำลังหลบหนีจึงเริ่มยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ใส่จนทำให้ต้องรีบหนีออกจากพื้นทีให้เร็วที่สุด ระหว่างทางต้องจัดการศัตรูที่ขวางทางไปพร้อมกับข้ามสิ่งกีดขวางและพื้นที่ถล่มให้ทันและเร็วที่สุด จนถึงจุดหมายคือที่อยู่ของ Burnes ที่รอจะติดสินกับ Arbaaz อยู่



  Burnes – หยุด อย่าเพิ่งยิง !!  ข้าบอกตรงๆนะข้าประทับใจในฝีมือของเจ้ามาก Arbaaz เสียดายที่เราไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน
Arbaaz – ขอบคุณมาก แปลว่าท่านจะไม่ฆ่าข้าสินะ 
  Burnes – เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าจะให้โอกาสเจ้า สู้กันตัวต่อตัว ถ้าหากเจ้ารอดจากฝีมือข้าได้ ก็ออกไปจากที่นี่ได้เลยจะไม่มีใครทำอะไรเจ้า ว่าไงละ
Arbaaz – ตัวต่อตัว ไม่มีเล่ห์เลี่ยมนะ
Burnes – ไม่มีเล่ห์เลี่ยม เจ้าชนะเจ้าไปได้ ถ้าข้าชนะเจ้าตาย 


Boss - Alexander Burnes การต่อสู้กับมันนั้นต้องตั้งการ์ดรับการโจมตีคอมโบให้ครบ 3 ครั้งแล้วค่อยสวนกลับแน่นอนที่สุด เมื่อจัดการมันได้ซักพักมันจะเริ่มใช้ระเบิดแก็สพิษและใช้วิธีหลบซ่อนตามกลุ่มฝูงชนแล้วลอบเข้ามาโจมตี พยายามดักทางมันให้ได้เพื่อโจมตีมันจากด้านหลังเรื่อยๆก็จะจัดการมันลงได้
 

Burnes – เป็นเกรียติแล้วที่ได้ตายด้วยฝีมือเจ้า เจ้านักฆ่า ..
Arbaaz – ไม่ ท่านต้องอยู่ เพื่อให้การพ่ายแพ้ต่อข้ามันติดตัวท่านไปให้นานเท่าที่ชีวิตท่านเหลืออยู่ และตอนนี้ทุกคนที่นี่ก็รับรู้แล้วว่าท่านพ่ายแพ้ต่อข้า 
Burnes – ทหาร !! ห้ามใครทำอันตรายเขา ปล่อยเขาไป ข้าสัญญาแล้ว 
Arbaaz – แล้วเจอกันใหม่คราวหน้า Burnes
 Burnes – ไม่ๆๆ เจ้าไม่มีอะไรเหลือจนถึงคราวหน้าแน่นอน ….

ทันทีที่ได้เพชร Koh-i-Noor และกล่องของ Ezio มาจาก Burnes หลังจากคว่ำมันลงได้ Arbaaz ก็รีบนำมันกลับไปให้อาจารย์ Hamid ทันที ..



Arbaaz – ท่านอาจารย์ Hamid ข้าได้เพชร Koh-i-Noor และกล่องของ Ezio กลับมาได้แล้ว 
Hamid – Arbaaz .. ตอนนี้ Sleeman มันนำกองทหารของมันมายึดที่นี่ไว้จนหมดแล้ว
Arbaaz – อะไรนะ ??  แล้ว Pyara ล่ะ 
Hamid – Sleeman มันจับนางไปแล้ว 
Arbaaz – บ้าเอ๊ยย !! ข้าจะไปช่วยนางเดี๋ยวนี้ 
Hamid – อย่าไปมันเป็นกับดัก พวกมันรู้ว่าเจ้ากำลังจะไปนะ
Arbaaz – แน่นอนมันรู้ว่าข้าจะไป แต่พวกมันจะไม่เห็นข้าเมื่อข้าไปถึงแน่นอน !!


                               MEMORY SEQUENCE 10 – The Rescue 


-Upgrade-
ใช้ Chakran ขว้างศัตรูแบบ Head Shot ได้ – 12.00 นาที
เพิ่มจำนวนของเกท Helix  – 09.00 นาที


ปี ค.ศ 1841 Amritsar  พระราชวังฤดูร้อน Ram bagh ….. 

ชะตากรรมทำให้ Arbaaz ต้องกลับมาที่พระราชวังเหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยลอบเข้ามาหาเจ้าหญิง Pyara อันเป็นที่รัก แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเขาต้องบุกเข้ามาอย่างเร่งรีบเพื่อช่วย เจ้าหญิง Pyara ที่รักของเขาจากเงื้อมมือของ Sleeman และพวก Templar สารเลว ...

- ลุยเข้ามาตามทาง ซึ่งถึงแม้ภารกิจนี้จะไม่มีเวลามากำหนดแต่สถานการณ์ในเนื้อเรื่องทำให้ต้องเร่งรีบ ระหว่างฉากจึงต้องทำความเร็วในการเดินทางหน่อยเพื่อให้ได้ Bonus ของภารกิจด้วย เมื่อลุยเข้ามาจนถึงตึกกลางของพระราชวังจะพบทหารมากมายในห้องที่ปิดอยู่ ซึ่งต้องจัดการทหารให้หมดแล้วจะมีทหารกองหนุมเปิดประตูเข้ามาเพิ่ม จัดการมันให้หมดแล้วออกประตูลุยไปต่อ เมื่อออกมาด้านนอกก็ลุยด้วยความเร็วเพื่อให้ทันกับศัตรูที่กำลังจะปิดกันสะพานและหนีปืนกลที่ยิงมาให้ทันจนถึงห้องท้องพระโรงด้านใน


-ในห้องท้องพระโรงจะพบ Sleeman จับเจ้าหญิง Pyara อยู่ด้านซึ่งการเข้าไปให้ถึงตัวมันนั้นต้องห้ามให้มันรู้ตัวโดยต้องปีนเข้าไปโดยห้ามให้วงกลมรัศมีของการตรวจจับเจอตัว ในช่วงแรกนั้นสามารถหลบตามเสาได้ไม่ยากนัก พอถึงใกล้ถึงบัลลังก์ในจุดที่ต้องปีนข้ามโคมไฟนั้นในขณะที่ห้อยเพดานอยู่ต้องกด LT เพื่อยกข้าหลบขึ้นด้วยจึงจะไม่โดนตรวจเจอ เมื่อเข้าไปจนถึงหน้าบัลลังก์ที่ Sleeman จับเจ้าหญิง Pyara อยู่ได้แล้ว ทหารมากมายจะออกมารุมโจมตี แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมันจะเข้า Helix  Mode ให้ จัดการได้อย่างไม่ยากเย็นแน่นอน


Arbaaz – ปล่อยเธอไปซะ Sleeman เธอไม่เกี่ยวด้วย 
Sleeman – เอาเพชรกับกล่องนั้นมาให้ข้าแล้วข้าจะปล่อยนางให้รอด
Arbaaz – ปล่อยเธอก่อน !!
Sleeman – ไม่ !!  เพชรกับกล่อง โยมมาเดี๋ยวนี้ !!
Pyara – ข้าเสียใจ Arbaaz
Arbaaz – ข้าก็เหมือนกัน 
Sleeman – พวกแกทั้งคู่ได้เสียใจแน่ถ้าไม่โยนเพชรกับกล่องนั้นมา เดี๋ยวนี้ !!


Pyara – นี่แนะ !!
Sleeman – อ๊ากกกก !!


Arbaaz – หนีก่อนเร็ว !!!
Sleeman – ไอ้พวกบ้าเอ๊ยยย  !!!


Arbaaz – เป็นไงบ้างที่รัก มันทำให้เธอเจ็บรึเปล่า ?
Pyara – ไม่เห็นรึไง ... ดูเหมือนชั้นจะทำให้มันเจ็บมากกว่านะ
Arbaaz – สงสัยคงต้องพาเธอเข้าเป็นนักฆ่าด้วยแล้วมั้ง
Pyara – ไม่ต้องเลย ทำไมไม่รีบตามมันไปเอาเพรชกับกล่องคืนมาละ
Arbaaz – ไม่ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าอีกแล้ว Pyara ที่นี่เต็มไปด้วยพวก Templar เรื่องกล่องนั่นเดี๋ยวทางภาคีต้องหาทางไปเอามันคืนมาจนได้แหละ ส่วนเพชรนั่น ...
Pyara – Koh-i-Noor !! เจ้าคว้ามันมาได้หรอ ? 


ไม่นานหลังจากเหตุการณ์จบลง ..........




Ethan - ขอบใจเจ้ามาก Arbaaz ข้ารู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะได้ Koh-i-Noor คืนมา
Arbaaz – ดูแลมันให้ดี Ethan เจ้านี่มันคงเป็นของพิเศษจริงๆชะตากรรมของมันถึงพยายามจะหายไปอยู่ตลอด เอามันไปเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยด้วย 
Ethan – แน่นอน ข้าสัญญา การเดินทางของเพชรนี่ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเช่นกัน .. 


ในปี 1843  Arbaaz และเจ้าหญิง Pyara  ต่อมาได้แต่งงานและให้กำเนิดลูกชาย 1 คนชื่อ Jayadeep 

ในปี 1847 ด้วยวัยแค่ 4 ขวบของ Jayadeep  Arbaaz ก็เห็นถึงความสามารถพิเศษในตัวของลูกจนมองภาพลูกชายเป็นนักรบสุดยิ่งใหญ่ขึ้นมาจึงพยายามติดต่อให้ Ethan Frye เพื่อนสนิท (พ่อของ Jacob และ Evie Frye) ที่เป็นหนึ่งในภาคีนักฆ่าของอังกฤษเพื่อฝึกฝน Jayadeep ให้เป็นนักฆ่าที่เก่งกาจต่อไป จนทำให้ Jayadeep ได้ไปฝึกกับ Ethan Frye ที่อังกฤษอยู่หลายปี แต่ ทุกอย่างก็ไม่ได้ดั่งที่ใจ Arbaaz คิดเอาไว้ เมื่อ Ethan Frye ได้ส่งจดหมายไปถึง Arbaaz ถึงเรื่องผลการฝึกว่า Jayadeep ไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นนักฆ่า ทำให้ Arbaaz โกรธมากและยังยืนยันที่จะให้ Jayadeep ทำภารกิจในฐานนักฆ่าต่อไป





 จนถึงวันที่ Jayadeep ได้รับภารกิจแรกในการลอบสังหาร Templar อินเดียที่ชื่อ Tjinder Dani ซึ่งงานนี้ Arbaaz ก็ออกทำภารกิจร่วมกับ Jayadeep ด้วยเพื่อหวังทำให้ Ethan Frye เห็นความสามารถของลูกชาย แต่แล้ว Jayadeep ก็เกิดความลังเลที่จะฆ่าเป้าหมายจนเกือบทำให้ภารกิจเสียหายทำให้ Arbaaz ต้องลงมือสังหารเป้าหมายแทน ความใจอ่อนของ Jayadeep นั้นทำให้เขาถึงกับโดนลงโทษจากภาคีด้วยการถูกสั่งประหารชีวิต ด้วยความภัคดีต่อองค์กร Arbaaz ก็จำเป็นต้องยินยอมพร้อมใจดูลูกชายตัวเองตายในขณะที่ Pyara ก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ แต่ก็โชคดีที่ Ethan Frye มีคำสั่งใหม่ออกมาโดยเปลี่ยนจากประหารเป็น นรเทศ จากอินเดียไปทำงานใต้ดินในฐานะ สายลับ ให้กับ มหาราชา Duleep singh  ที่อังกฤษแทน




ก่อนที่บทของ Jayadeep ลูกชายของ Arbaaz Mir จะได้โลดแล่นต่อในนิยาย Assassin's Creed: Underworld ในยุคปฎิวัติอุตสาหกรรมในลอนดอนในปี 1862 ที่พวก Templar เริ่มมีแผนเข้ายึดครองลอนดอนที่เป็นเสมือนใจกลางของอำนาจการปกครองของโลกไปพร้อมๆกับค้นหาขุมพลัง Piece of Eden ที่ซ่อนอยู่ แต่ลึกลงไปภายใต้เงามืดของซอกหลืบใต้ดินของลอนดอน ที่ปฏิบัติการณ์ของเหล่าภาคีนักฆ่าแห่งลอนดอนไม่อาจเอื้อมถึง สายลับแห่งมหาราชา Duleep singh ก็เริ่มแผนต่อต้านอย่างลับๆเพื่อกู้ประเทศชาติกลับคืนมา สายลับของกษัตริย์วัย 19 ปี ตอนนี้ ไม่มีใครจดจำเขาได้ในนามของ  Jayadeep บุตรแห่ง Arbaaz Mir ได้อีกต่อไป แต่เหล่าเพื่อนฟ้องแห่งโลกใต้ดินรู้จักเขาในนาม Henry Green สายลับที่ไร้ตัวตนสมญานาม โกสท์ ออฟ ลอนดอน ก่อนที่ในปี 1868 Green จะได้เป็นครูของ Jacob and Evie Frye 2 นักฆ่าอินดี้ที่ผ่านทางมาแต่เจตนาเดียวกัน ตามเนื้อเรื่องในภาค Syndicate ที่เริ่มขึ้น นั่นเอง





Cr. อ้างอิงข้อมูลจาก
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Arbaaz_Mir
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Assassin%27s_Creed:_Brahman
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Assassin%27s_Creed:_Underworld




----------------------------------------------------------------------------------------------------


Jot Soora กับเครื่องสิงร่างผ่านเวลา "Brahman V.R." จากนิยายภาพ Assassin’s Creed Brahman สู่ Assassin’s Creed Chronicles: India

     


Jot Soora ทายาทที่สืบเชื้อสายมาจาก Raza Soora ทาสใบ้คนสนิทของ Hamid ผู้นำภาคีนักฆ่าแห่งอินเดียที่เคยเป็นคนนำทาง Arbaaz Mir ไปค้นหา “Piece of Eden”  Koh-i-Noor จนพบ เขาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ MysoreTech ได้ทำงานร่วมกับ Ajay Rana ในการสร้างเครื่องสร้างภาพเสมือนจริงจากความทรงจำ (virtual reality device) ที่ชื่อว่า "Brahman V.R." ขึ้นมาได้สำเร็จในปี 2013 เครื่องที่สามารถย้อนเวลาไปดูความทรงจำของบรรพบุรุษของผู้ใช้เพื่อใช้สร้างความบันเทิงที่มีนัยแอบแฝงภายใต้พื้นฐาน Animus technology ของบริษัท Abstergo




แน่นอนว่า ผู้ทดสอบคนแรกก็คือตัวเขาเองและเครื่องก็ย้อนความทรงไปที่บรรพบุรษของเขา Raza Soora ทาสใบ้คนสนิทของ Hamid และเขาก็ค้นพบว่า บรรพบุรุษของคู่หมั่นของเขา Monima Das ก็สืบสายเลือดมาจากเจ้าหญิง Pyara Kaur ลูกสาวของมหาราชา Ranjit Singh และคนรักของ Arbaaz Mir เข้าไปอีก ก่อนที่เขาจะให้ Siobhan Dhami เพื่อนร่วมงานของเขามาร่วมทดสอบเครื่องจนรู้ความจริงว่าบรรพบุรุษของเธอก็คือ  Arbaaz Mir



เมื่อ Siobhan รู้เรื่องราวของบรรพบุรุษของเธอและแน่นอนว่าเรื่องราวของพลังมหาศาลของ “Piece of Eden”  Koh-i-Noor เธอกับพี่ชายจึงวางแผนลักพาตัว Monima คู่หมั่นของ Jot เพื่อบังคับให้เขาพาเดินทางผ่านเวลาด้วย "Brahman V.R." เพื่อตามหา “Piece of Eden”  Koh-i-Noor ที่ซ่อนอยู่ในอดีต  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวก Templar ได้ส่ง Otso Berg เข้ามาเก็บข้อมูลจาก Jot และเครื่อง "Brahman V.R." ของเขา จน Siobhan และ Monima คู่หมั้นของ Jot ถูกฆ่าตายแต่ Jot ก็เอาตัวรอดหนีมาได้ในที่สุด

 จนได้รับการช่วยเหลือจากคนของภาคีนักฆ่าที่ชื่อ Dinesh พามาหลบซ่อนตัวที่ที่ซ่อนลับของภาคีใน Chor Bazaar ก่อนที่ Jot จะเริ่มเอาคืนพวก Templar ด้วยการใช้ข้อมูลความทรงจำของ Monima คู่หมั้นของเขา ใช้เจ้าหญิง Pyara ในการตามหาที่ซ่อนของ  “Piece of Eden”  Koh-i-Noor โดยการช่วยเหลือของ Dinesh จนสามารถได้ข้อมูลทุกอย่างมาและทำการดาวโหลดเก็บไว้ในมือถือของ Jot ไม่นาน Otso Berg และพวก Templar ก็ตามมาจนพบที่ซ่อนลับ Dinesh ถูกฆ่าตาย ส่วน Jot Soora หนีหายไปพร้อมข้อมูลที่ซ่อนของ “Piece of Eden”  Koh-i-Noor ที่อยู่ในมือถือของเขา

Cr. ข้อมูลจาก 
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Jot_Soora
http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Brahman_V.R.



---------------------------------------  THE END ---------------------------------------------------