วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Far Cry: Primal



หากเราอ้างตาม “เวลาทางธรณีวิทยา”โลกมีอายุประมาณ 4,600 ล้านปี นักธรณีวิทยาได้แบ่งเวลาของโลกในอดีตออกเป็น 3 มหายุค คือ
 1.อาร์เคียน (Archean) ยุคดึกดำบรรพ์  
 2. โพรเทอโรโซอิก (Proterozoic) ยุคสิ่งมีชีวิตยุคแรก  
 3.ฟาเนอโรโซอิก (Phanerozoic aeon) ยุคสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน



ยุคอาร์เคียน (Archaean aeon) หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า โลกในยุคดึกดำบรรพ์ นั้นนับตั้งแต่ช่วงเวลาที่โลกเริ่มก่อตัวเป็นดาวเคราะห์หลัง อุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชนโลก เปลือกโลกยังไม่เสถียร เต็มไปด้วยภูเขาไฟพ่นก๊าซร้อนออกมา บรรยากาศเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

4,200 ล้านปีก่อน โลกเย็นตัวลง ไอน้ำควบแน่นทำให้เกิดฝน
4,000 ล้านปีก่อน เกิดโมเลกุลของสิ่งมีชีวิต (RNA)
3,800 ล้านปีก่อน เกิดหินตะกอนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
3,500 ล้านปีก่อน เกิดเซลล์ชนิดไม่มีนิวเคลียส (Prokaryotic cell)
3,400 ล้านปีก่อน น้ำฝนตกขังบนแอ่งที่ต่ำกลายเป็นทะเล เกิดแบคทีเรียสังเคราะห์แสง (Cyanobacteria) และสโตรมาโทไลต์ (Stromatolites) ทำให้บรรยากาศเริ่มมีก๊าซออกซิเจน
2,600 ล้านปี เริ่มมีปริมาณน้ำในมหาสมุทรร้อยละ 90 ของโลก

 ยุคโพรเทอโรโซอิก (Proterozoic aeon) ซึ่งเป็นยุคที่เริ่มมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกยุคนับตั้งแต่ โลกเย็นตัวลง เริ่มมียุคน้ำแข็งเกิดขึ้นสลับกันไปทุกๆ หลายร้อยล้านปี การตกตะกอนของเปลือกทวีปที่ผุพัง ทำให้เกิดทะเลน้ำตื้น สิ่งมีชีวิตทั้งเซลล์เดียว และหลายเซลล์ทวีปริมาณเพิ่มขึ้น
2,500 ล้านปีก่อน เกิดเซลล์ชนิดมีนิวเคลียส (Eukayote cells)
2,000 ล้านปีก่อน ก๊าซออกซิเจนทวีปริมาณ เนื่องจากการสังเคราะห์แสงของสิ่งมีชีวิต ทำให้เกิดชั้นโอโซนหรือชั้นบรรยากาศโลกเกิดขึ้น
1,800 ล้านปีก่อน เกิดการแบ่งเพศของสิ่งมีชีวิต
1,400 ล้านปีก่อน เกิดสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์
1,000 ล้านปีก่อน ปริมาณก๊าซออกซิเจนเท่ากับร้อยละ 18 ของปัจจุบัน
  600 ล้านปีก่อน เกิดสังคมของสิ่งมีชีวิต

จนถึงยุค ฟาเนอโรโซอิก (Phanerozoic aeon) ในช่วง 500 ล้านปีก่อน เป็นช่วงเวลาที่มีสิ่งมีชีวิตเริ่มมีการพัฒนาขึ้น และเพิ่มจำนวนมากทั้งในมหาสมุทรและบนแผ่นดิน มหายุคฟาเนอโรโซอิกถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 ยุค ดังนี้
 -ยุคพาเลโอโซอิก (Palaeozoic era) อยู่ในช่วง 545 – 245 ล้านปีก่อน เป็นยุคเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตทั้งในมหาสมุทร และบนบก
-ยุคเมโสโซอิก (Mesozoic era) อยู่ในช่วง 245 – 65 ล้านปีก่อน เป็นยุคของสัตว์เลื้อยคลานจำพวก ไดโนเสาร์
-ยุคเซโนโซอิก (Cenozoic era) อยู่ในช่วง 65 ล้านปีก่อนจนถึงปัจจุบัน เป็นยุคของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยยุคเซโนโซอิกได้ถูกแบ่งย่อยอีกเป็นยุคย่อยๆ อีก 2 ยุค คือ
ยุคเทอร์เชียรี (Tertiary) อยู่ในช่วง 65 – 1.8 ล้านปีก่อน เป็นยุคเริ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ยุค ควอเทอนารี (Quaternary) คือช่วง 1.8 ล้านปีก่อนจนถึงปัจจุบัน เป็นยุคสมัยของสิ่งมีชีวิตปัจจุบัน




ในการศึกษาฟอสซิล (ซากสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์) นักวิทยาศาสตร์กำหนดคาบเวลาในมหายุคอาร์เคียนและโปรเทอโรโซอิกว่า “พรีแคมเบรียน” (Precambrian) ถือเป็นยุคที่ยังไม่มีฟอสซิลปรากฏชัดเจน และแบ่งมหายุคฟาเนอโรโซอิกออกเป็น 11 คาบ (Period) โดยถือตามการเปลี่ยนแปลงประเภทของฟอสซิล ดังนี้



1. พรีแคมเบรียน (Precambrian) เป็นช่วงเวลานับตั้งแต่โลกถือกำเนิดขึ้นมาจนถึง 545 ล้านปีก่อน เป็นช่วงเวลาที่ปรากฏฟอสซิลให้เห็นน้อยมาก หินอัคนีที่เก่าแก่ที่สุดพบที่กรีนแลนด์มีอายุ ล้านปี หินตะกอนที่เก่าแก่ที่สุดพบที่ออสเตรเลียมีอายุ 3.8 พันล้านปี ฟอสซิลที่ดึกดำบรรพ์ที่สุดคือ แบคทีเรียนโบราณอายุ 3.4 พันล้านปี

2. แคมเบรียน (Cambrian) เป็นคาบแรกของยุคพาเลโอโซอิก ในช่วง 545 – 490 ล้านปีก่อน เกิดทวีปใหญ่รวมตัวกันทางขั้วโลกใต้ เป็นยุคของแบคทีเรียสีเขียวและสัตว์มีกระดอง เป็นช่วงเวลาที่สัตว์ยังอาศัยอยู่ในทะเล บนพื้นแผ่นดินยังว่างเปล่า สัตว์มีกระดอง ได้แก่ ไทรโลไบต์ หอยสองฝา ฟองน้ำ และหอยทาก พืชส่วนใหญ่เป็นสาหร่ายทะเล เป็นต้น ไทรโลไบต์สูญพันธุ์ในช่วงปลายยุคนี้

3. ออร์โดวิเชียน (Ordovician) อยู่ในช่วง 490 – 443 ล้านปีก่อน ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สโตรมาโทไลต์ลดน้อยลง เกิดประการัง ไบรโอซัว และปลาหมึก สัตว์ทะเลแพร่พันธุ์ขึ้นสู่บริเวณน้ำตื้น เกิดสัตว์มีกระดูกสันหลังขึ้นเป็นครั้งแรกคือ ปลาไม่มีขากรรไกร เกิดสปอร์ของพืชบกขึ้นครั้งแรก

4. ไซลูเรียน (Silurian) อยู่ในช่วง 443 – 417 ล้านปีก่อน เกิดสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกซึ่งใช้พลังงานเคมีจากภูเขาไฟใต้ทะเล (Hydrothermal) เกิดปลามีขากรรไกร และสัตว์บก ขึ้นเป็นครั้งแรก บนบกมีพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยสปอร์


5. ดีโวเนียน (Devonian) อยู่ในช่วง 417 – 354 ล้านปีก่อน อเมริกาเหนือ กรีนแลนด์ สก็อตแลนด์ รวมตัวกับยุโรป ถือเป็นยุคของปลา ปลามีเหงือกแพร่พันธุ์เป็นจำนวนมาก เกิดปลามีกระดอง ปลาฉลาม หอยฝาเดียว (Ammonite) และแมลงขึ้นเป็นครั้งแรก บนบกเริ่มมีพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และมีป่าเกิดขึ้น

6. คาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous) อยู่ในช่วง 354 – 295 ล้านปีก่อน บนบกเต็มไปด้วยป่าเฟินขนาดยักษ์ปกคลุมห้วย หนอง คลองบึง ซึ่งกลายเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่สำคัญในปัจจุบัน มีการแพร่พันธุ์ของแมลง และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เริ่มมีวิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลาน กำเนิดไม้ตระกูลสน

7. เพอร์เมียน (Permian) เป็นคาบสุดท้ายของยุคพาเลโอโซอิก ในช่วง 295 – 248 ล้านปีก่อน เปลือกทวีปรวมตัวกันเป็นทวีปขนาดใหญ่ชื่อ แพงเจีย ในทะเลเกิดแนวประการังและไบโอซัวร์ บนบกเกิดการแพร่พันธุ์ของสัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงลูกด้วยนม ในปลายคาบเพอร์เมียนได้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ (Mass extinction) สิ่งมีชีวิตทั้งบนบกและในทะเลหายไปร้อยละ 96 ของสปีชีส์ นับเป็นการปิดยุคพาเลโอโซอิก

8. ไทรแอสสิก (Triassic) เป็นคาบแรกของยุคเมโสโซอิก ในช่วง 248 – 205 ล้านปีก่อน เกิดสัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ต้นตระกูลไดโนเสาร์ ป่าเต็มไปด้วยสนและเฟิร์น

9. จูแรสสิก (Jurassic) เป็นคาบกลางของยุคเมโสโซอิก ในช่วง 205 – 144 ล้านปีก่อน เป็นยุคที่ไดโนเสาร์ครองโลก เริ่มมีสัตว์ปีกจำพวกนก ไม้ในป่ายังเป็นพืชไร้ดอก ในทะเลมีหอยแอมโมไนต์ ซึ่งทุกคนจะคุ้มเคยกับยุคนี้ที่สุดในหนังเรื่อง Jurassic Park นั่นเอง



10. ครีเทเชียส (Cretaceous) เป็นคาบสุดท้ายของยุคเมโสโซอิก ในช่วง 144 – 65 ล้านปีก่อน มีงู นก และพืชมีดอก ไดโนเสาร์วิวัฒนาการให้มี นอ ครีบหลัง ผิวหนังหนาสำหรับป้องกันตัว ในปลายคาบครีเทเชียสได้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปหมดสิ้น สิ่งมีชีวิตอื่นสูญพันธุ์ไปประมาณร้อยละ 70 ของสปีชีส์

11. พาลีโอจีน (Paleogene) เป็นคาบแรกของยุคเซโนโซอิก ในช่วง 65 – 24 ล้านปี ทวีปอเมริกาเคลื่อนเข้าหากัน อินเดียเคลื่อนที่เข้าหาเอเซีย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแพร่พันธุ์แทนที่ไดโนเสาร์ มีทั้งพวกกินพืชและกินเนื้อ บนบกเต็มไปด้วยป่าและทุ่งหญ้า ในทะเลมีปลาวาฬ

12. นีโอจีน (Neogene) อยู่ในช่วง 24 – 1.8 ล้านปีก่อน เป็นช่วงเวลาของสัตว์รุ่นใหม่ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสัตว์ในปัจจุบัน รวมทั้งลิงยืนสองขาซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ (Homo erectus) พลาลีโอจีนและนีโอจีนจัดว่าอยู่ในยุคย่อยชื่อ เทอเชียรี (Tertiary) ของยุคเซโนโซอิก หลังจากนั้นจะเป็นยุคย่อยชื่อ ควอเทอนารี (Quaternary) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 สมัย (epoch) คือ

13. ไพลสโตซีน (Pleistocene) อยู่ในช่วง 1.8 ล้านปี – 1 หมื่นปี เกิดยุคน้ำแข็ง ร้อยละ 30 ของซีกโลกเหนือปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ทำให้ไซบีเรียและอล้าสกาเชื่อมต่อกัน เริ่มมีเสือเขี้ยวโค้ง ช้างแมมมอท และหมีถ้ำ บรรพบุรุษของมนุษย์ได้อุบัติขึ้นในสายพันธุ์โฮโมเซเปียนส์ (Homo sapiens) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ต้นกำเนิดของมนุษย์ในยุคแรก



และในช่วงเวลาสมัยที่บรรพบุรุษมนุษย์เริ่มมีการพัฒนา สร้างเครื่องมือจากหิน ไม้ และกระดูก หรือวัสดุอื่น ๆ เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิต โดยมีหินลักษณะเฉพาะที่ใช้ในการตัดสิ่งของต่าง ๆ ที่เรียกว่าฟลินต์ (flint) ก็จะเข้าสู่ยุคที่สำคัญที่สุดในการเจริญเติบโตทางวัฒนธรรมของมนุษย์ที่เราเรียกกันว่า ยุคหิน (Stone Age)


จุดเริ่มต้นของ ยุคหิน นั้นนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเกิดอยู่ในช่วง 2-5 ล้านปีมาแล้ว หรือสามารถเรียกช่วงเวลานี้ว่า ยุคก่อนที่พระเยซูจะประสูติ หรือ Before Christ โดยใช้ตัวย่ออย่างเป็นทางการตามหลังตัวเลขที่ระบุจำนวนปีของยุคนี้ว่า B.C โดยยุคหินนั้นยังแบ่งออกได้เป็นอีก 3 ช่วงย่อยคือ

-ยุคหินเก่า (Paleolithic age)
-ยุคหินกลาง (Mesolithic age)
-ยุคหินใหม่ (Neolithic age)




ในยุคหินเก่า  (Paleolithic age) โลกในช่วง 2,500,000 – 10,000 ปีมาแล้ว ยุคสมัยแรกซึ่งมีวัฒนธรรมที่ชัดเจนมากขึ้น เริ่มจากตัวตนของมนุษย์ในสมัยนั้นที่เรียกว่ามนุษย์นีแอนเดอธัล(Neanderthal Man) กะโหลกศีรษะแบน หน้าผากลาด เริ่มมีพัฒนาการทางสังคมหลายอย่างทั้ง รู้จักศิลปะวาดภาพสัตว์บนผนังถ้ำ เริ่มมีพิธีฝังศพ ใช้เครื่องมือหินแบบหยาบๆนำทำเป็นอาวุธล่าสัตว์ และนำสัตว์มาฆ่าแล้วนำไปทำเครื่องนุ่งห่ม



โดยยุคหินเก่าเป็นเวลาที่มีความสำคัญต่อการเริ่มต้นในการพัฒนาของมนุษย์อย่างมาก เริ่มมีระบบความสัมพันธ์ทางสังคมที่อยู่กันเป็นครอบครัว แล้ว แต่ยังไม่มีการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนอย่างแท้จริง เพราะวิถีชีวิตแบบเร่ร่อนไม่เอื้ออำนวยให้มีการตั้งหลักแหล่งถาวรขณะเดียวกันองค์กรทางการเมืองการปกครองก็ยังไม่เกิดขึ้น สังคมจึงมีสภาพเป็นอนาธิปัตยคือไม่มีผู้เป็นใหญ่แน่นอน นอกเสียจาก ผู้ที่มีอำนาจมักเป็นผู้ที่มีความแข็งแรงเหนือผู้อื่น เพื่อให้ได้การยอมรับของคนในเผ่าตัวเองและเป็นฐานอำนาจให้กลุ่มอื่นยำเกรง





อ้างอิงข้อมูลจาก 
http://portal.edu.chula.ac.th/lesa_cd/assets/document/lesa212/9/time_land/time_land/time_land.html
บทความของ อาจารย์บอม
http://arjarnbomb.blogspot.com/2009/04/jesus.html
http://www.baanjomyut.com/library/stone_age/01.html
https://yuttasin090.wordpress.com/category/การแบ่งยุคสมัยทางประวั/สมัยก่อนประวัติศาสตร์/ยุคหิน-stone-age/





                                           บทสรุป Far Cry: Primal 


ฺBy Deciebel per oxide


10,000 BC ช่วงเวลาที่บรรจบกันของยุคหินเก่า (Paleolithic age) และ ยุคหินกลาง (Mesolithic age) ช่วงเวลาที่ยุคน้ำแข็งที่โหดร้ายในยุคสร้างโลกกำลังจะจบลง ยุคที่มนุษย์เริ่มก่อร่างสร้างตัวจากวัฒนธรรมแรกเริ่มมากมายในยุคบุกเบิกเรียนรู้ ทั้งการสรรสร้างกลุ่มก้อนและภาษาเฉพาะตัวไปพร้อมๆกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่ทำให้ชีวิตอยู่รอดเหนือโชคชะตาภายใต้ดินแดนที่โหดร้ายและทุระกันดาร ในยุคที่แมมมอธ เสือเขี้ยวดาบ และสัตว์ร้ายอีกมากมายยังอยู่บนสุดของห่วงโซ่ชีวิต มนุษย์ยุคหินจึงต้องใช้ความรู้ความสามารถใหม่ๆในการดิ้นรนเอาชีวิตรอด ไปพร้อมๆกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มก้อนของตัวเองที่เป็นเสมอการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ด้วย  



ณ.ดินแดนแห่ง Oros  แดนดินที่เคยเป็นธารน้ำแข็งเก่าแก่ในยุคสุดท้ายของยุคน้ำแข็งตั้งอยู่ทางตอนเหนือที่จะกลายเป็นทวีปยุโรปในยุคปัจจุบัน โดยมีเผ่า 3 เผ่าที่อาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่คือ 



- Wenja  เผ่าแห่งนักล่าที่รักความสงบ มี Takkar สุดยอดนักล่าที่เป็นเสมือนเจ้าแห่งสรรพสัตว์ ผู้ควบคุมสัตว์ป่า Beast Master เป็นหัวหน้าเผ่า ครอบครองพื้นที่อณาเขตตอนกลางของดินแดน Oros


- Izila  เผ่าคลั่งลัทธิบูชายันต์ที่บูชาพระอาทิตย์และพระจันทร์นิยมความรุนแรง มี Batari ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของเทพเจ้า Suxli เป็นหัวหน้าเผ่า ครอบครองพื้นที่ลุ่มในอณาเขตตอนใต้ของดินแดน Oros


- Udam เผ่ากินคน ปกครองโดย Ull ผู้โหดเหี้ยมที่รายล้อมด้วยนักรบที่สุดโหดเหี้ยมของเผ่ามากมาย ครอบครองพื้นที่ในที่ราบทุนดราทางตอนเหนือของดินแดน Oros 

และทั้ง 3 เผ่าต่างก็ห้ำหั่นกันด้วยความถูกผิดที่จิตวิญญาณและเหตุผลของการอยู่รอดบ่มเพาะขึ้นมาผ่านห้วงเวลาของยุคสมัยอดีตกาลที่โหดร้าย !!! 

 เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากเปลวไฟที่เกิดจากการกะเทาะกันของหินไฟถูกจุดขึ้นที่โถงถ้ำแห่งหนึ่งพร้อมกับเรื่องเล่าของผู้เฒ่าเกี่ยวกับตำนานแห่งเผ่านักล่าที่ชื่อ Wenja




Wenja เลือดเนื้อของพวกเรา ผู้คนของพวกเรา นานมาแล้วเราต่างก็เดินทางมาจากถิ่นที่ไกลโฟ้นเพื่อหาแห่งที่อยู่ที่อุดมสมบูรณ์แห่งใหม่ จนพี่น้องของเราส่วนหนึ่งได้พบดินแดนแห่งนึงที่ชื่อ Oros จนพวกเราเรียกที่นั่นว่าบ้านสถานที่ที่เติมเต็มให้ชีวิตเร่ร่อนของพวกเราเหล่า Wenja 

                       ...... แต่เรื่องราวที่เลวร้ายก็ย่างกรายเข้ามา ....... !!





พวก Udam เผ่ากินคน และ Izila เผ่าหมอผีแม่มดบูชาไฟ พวกมันนำความมืดมิดมาสู่เหล่านักบุกเบิกเส้นทางสู่ Oros จนพวกฟ้องของเราไม่หวนส่งข่าวกลับมาอีกเลย แต่แล้ว แสงสว่างแห่งความหวังก็ส่องมาถึง เมื่อพี่น้องนักล่าผู้กล้าหาญกลุ่มหนึ่งของเราก็เริ่มออกตามหาพวกฟ้องที่หายไปพร้อมๆกับค้นหาจิตวิญญาณนักล่าที่แข็งกล้าเพื่อนำมาต่อต้านพวกศัตรูผู้รุกรานเพื่อชำระล้างวิญญาณร้ายที่กร่ำกรายพวกเราเหล่า Wenja !!  

ในทุ่งกว้างแห่งนึงไกลออกไปจากเรื่องเล่าของผู้เฒ่าที่กำลังเล่าขานตำนานของพวกเขา เหล่านักล่ากลุ่มนึงกำลังเดินทางเพื่อตามหาหนทางไปสู่ดินแดน Oros ก็ถูกขัดขวางด้วยฝูงแมมมอธขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ที่กำลังจะเดินทางผ่านไป Dalso ในฐานะหัวหน้ากลุ่มนักเดินทางก็พยายามสอน Takkar ในฐานะเด็กใหม่เพื่อเรียนรู้การเอาตัวรอดจากพวกสัตว์ร้ายที่เป็นอุปสรรคอย่างนึงในการเดินทางพร้อมกับการใช้ชั้นเชิงการล่าสัตว์เพื่อความอยู่รอด 



- กด O เพื่อก้มต่ำหลบฝูงแมมมอธ ย่องตาม Dalso ไปตามทางจนถึงด้านในก็จะเจอลูกแมมมอธตัวเป้าหมายที่พลัดหลงจากฝูง การล่าก็เริ่มขึ้น กด L2 + R2 เพื่อใช้หอกในมือขว้างจัดการลูกแมมมอธจนสามารถจัดการมันลงไปได้ แต่ในขณะที่ Dalso และคนอื่นๆกำลังจะทำการแล่เอาเนื้อมาเป็นอาหารก็จะเจอกับเสือขนาดใหญ่ตัวนึงพยายามจะเข้ามาแย่งอาหารไปเป็นของมัน ลูกทีมของ Dalso ถูกโจมตีจนตายหมด ทำให้ Dalso ไม่มีทางเลือกที่จะผลัก Takkar ให้ตกเนินเขาไปพร้อมกับเขาเพื่อให้รอดชีวิตจากเจ้าเสือร้าย


แต่โชคร้าย เมื่อ Takkar หายจากการมึนงงจากแรงกระแทกเขาก็พบร่างของ Dalso ที่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่ Takkar จะได้รับมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่จาก Dalso หัวหน้ากลุ่มที่กำลังจะล่วงลับ เพื่อให้ออกตามหาดินแดนแห่ง Oros และพวกฟ้องชนเผ่า Wenja ที่หายสาปสูบไปตามหน้าที่ที่รับมอบหมายมาให้จงได้ ......


                                                       -PATH TO OROS -

-การเดินทางของ Takkar เริ่มต้นขึ้น และการที่ต้องหาอาวุธมาใช้ป้องกันตัวจากอันตรายในระหว่างทางก็เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ ด้วยการเรียนรู้ในการเก็บไอเทมวัตถุดิบต่างๆในพื้นที่ Alder wood 5 อัน Reeds 2 อัน และ Slate 2 อันโดยใช้ความสามารถของนักล่าที่เรียกว่า Hunter Vision มองหาจุดสำคัญที่เป็นภาพสีเหลืองโดยการกดแกน R3


- เมื่อเก็บทุกอย่างในพื้นที่มาจนครบแล้ว กดหน้าจอ Touch pad ของจอยบังคับเพื่อเปิดเมนูหลักออกมา แล้วเลือกไปที่เมนุ CRAFTING เพื่อเรียนรู้การผสมของโดยใช้วัตถุดิบต่างๆที่ได้มา เลือกสร้าง Bow ก็จะได้ ธนู ซึ่งเป็นอาวุธชิ้นแรกมาใช้ ด้วยการกด L2 เตรียมยิง และ R2 ในการยิง โดยสามารถกดสี่เหลี่ยมในการยกเลิกการง้างยิงได้ด้วย



-เรื่องต่อไปที่ต้องเรียนรู้ก็คือทักษะการล่าสัตว์เพื่อเอามาเป็นอาหารซึ่งก็คือรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพลังชีวิตนั่นเอง โดยการใช้ Hunter Vision มองหาตัวสัตว์ป่าที่เป็นภาพสีเหลืองโดยการกดแกน R3 จากนั้นก็กด O เพื่อลอบเข้าไปอย่าให้มันรู้ตัว เมื่อยิงโดนแล้วในช่วงนี้มันจะยังหนีได้อยู่ แต่ก็จะสามารถใช้ Hunter Vision ตามรอยเลือดของมันไปได้จนพบซากสัตว์ก็จะสามารถเลาะเนื้อเลาะหนัง กระดูก มาใช้งานได้โดยเนื้อก็จะนำมาใช้กินรักษาอาการบาดเจ็บโดยการกดปุ่มสามเหลี่ยม
-เมื่อได้อาวุธและอาหารมาแล้วสิ่งต่อไปที่ต้องทำก็คือหาที่พักหรือที่จุดกองไฟในการป้องกันตัวจากสัตว์ เดินไปที่จุดเหลืองที่เนินเขาจะมีถ้ำอยู่ เข้าไปจุดไฟที่กองไฟโดยใช้ hardwood จากนั้น กดหน้าจอ Touch pad ของจอยบังคับเพื่อเปิดเมนูหลักออกมา แล้วเลือกไปที่เมนุ CRAFTING ก็จะสามารถผสมอาวุธอีกอันออกมาได้ นั่นคือ CLUB กระบองหรือขวานหินออกมาได้ด้วย Alder wood 14 อัน



CLUB นั้นสามารถสลับการใช้งานกับธนูได้ด้วยการกด L1 เพื่อเลือกในเมนูอาวุธ ซึ่งนอกจากมันจะใช้ปาหรือฟาดในฐานะอาวุธได้แล้วมันยังสามารถใช้จุดไฟเป็นคบเพลิงได้ด้วยโดยต้องใช้ไอเทม Animal Fat หรือไขมันสัตว์มาใช้ตรงกองไฟ 

- จากนั้น Takkar จะสังเกตเห็นลูกธนูของคนในเผ่าและรอยเท้าที่ออกจากที่นี่ไปเขาจึงรีบตามไปทันทีโดยใช้ CLUB จุดไฟทำคบเพลิงไปเผาทำลายต้นไม้หนามที่กั้นด้านหลังถ้ำออกไปต่อ ใช้ Hunter Vision ตามรอยเท้าไปตามทาง ระหว่างทางจะพบร่องรอยการพักแรมและพวกหมาป่าที่ต้องจัดการด้วย เมื่อผ่าเข้ามาในถ้ำระหว่างทางจะพบเจ้าเสือตัวร้ายอีกครั้งแต่โชคดีที่เส้นทางที่ว่ายน้ำไปนั้นไม่จำเป็นต้องสู้กับมัน


จนเมื่อปีนขึ้นไปที่ด้านบนเนินของถ้ำที่แค้มป์ของพวก Udam ก็จะพบกับผู้หญิงคนนึงที่กำลังตัดหูจากศพพวกมันอยู่ ทันทีที่เธอเห็น Takkar เข้ามาเธอก็พยายามสู้เพื่อป้องกันตัวทันทีแต่ Takkar กลับห่วงเรื่องเสือที่กำลังจะเข้ามาโจมตีเธอมากกว่า ก่อนที่เขาจะใช้คยไฟเข้าช่วยเหลือจนผู้หญิงสามารถหนีไปในซอกของถ้ำด้านในได้สำเร็จก่อนที่ Takkar ก็จำเป็นต้องมุดเข้าไปในซอกของถ้ำตามไปด้วยเพื่อหนีจากเจ้าเสือร้าย ได้เขาก็ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าทางออกของถ้ำอีกด้านมันได้นำพาเขามาถึงดินแดนแห่ง Oros โดยไม่รู้ตัว ....  



                                                          SKILL




Skill หรือความสามารถพิเศษต่างๆนั้นสามารถอัพเกรดได้ด้วยค่า Skill Point หรือ SP ที่ได้จากการกระทำต่างๆในเกมทั้งการเปิดพื้นที่ลับ การล่าสัตว์ จัดการศัตรู และรางวัลจากการจบภารกิจหลัก โดย Skill นั้นจะแบ่งเป็น Skill ที่ได้จากตัว Takkar เองและ Skill ที่ได้จากพวกฟ้องเผ่า Wenja คนอื่นที่ได้เจอในการเดินทาง


                                             Survival Skill 

เป็น Skill พื้นฐานในการเอาตัวรอดในการเดินทางต่างประกอบด้วย
Primitive Takedown – กด R3 เพื่อลอบฆ่าศัตรูจากด้านหลังและใช้แกน LS ในการลากศพศัตรู
Primitive Heal I – กดสามเหลี่ยมในการกินอาหารรักษาอาการบาดเจ็บเพิ่มเกท HP 1 ขีด สามารถกดปุ่มทิศทางซ้ายเพื่อเลือกอาหารประเภทต่างๆได้ (1SP)
Extra Health I – เพิ่มเกทพลังชิวิต 1 เกท HP เพิ่มสูงสุดได้ 6 เกท (2SP) **
Primitive Heal II – กดสามเหลี่ยมในการกินอาหารรักษาอาการบาดเจ็บเพิ่มเกท HP 3 ขีด สามารถกดปุ่มทิศทางซ้ายเพื่อเลือกอาหารประเภทต่างๆได้ (3SP) **
Extra Health II – เพิ่มเกทพลังชิวิต 1 เกท HP เพิ่มสูงสุดได้ 6 เกท (6SP) **
Hunter Vision – กด R3 จะสามารถมองเห็นจุดสำคัญต่างๆในพื้นที่ได้ทั้ง ร่องรอยสัตว์และไอเทมต่างๆ
Primitive Agility – กด L3 ในการวิ่งแล้วกด O สไลด์ตัวสามารถใช้อาวุธในขณะสไลด์ได้ด้วยการกด R1 แล้วปล่อย 
Sprint Heal - กดสามเหลี่ยมในการกินอาหารรักษาอาการบาดเจ็บได้ในขณะวิ่ง (1SP)
Crouch Sprint – เพิ่มความเร็วในการย่อง (1SP) **
Sprint Forever – สามารถวิ่งได้โดยความเร็วไม่ลดลง (3SP) **
Primitive Stealth – กดลงล่างเพื่อใช้หินขว้างล่อศัตรู
Primitive Fire – สามารถสร้างกองไฟได้
Extra Health II – เพิ่มเกทพลังชิวิต 1 เกท HP เพิ่มสูงสุดได้ 6 เกท (1SP) **
Health Regeneration – เมื่อเสียพลังชีวิตไปโดยยังไม่หมดแทบ HP จะสามารถพื้นคืนพลังชีวิตได้อย่างรวดเร็ว (3SP) **
Quiet Sprint – สามารถวิ่งโดยไม่มีเสียงดัง (4SP) **

**  คือ Skill ที่สามารถปลดล็อคได้หลังจากมีถ้ำส่วนตัวแล้ว  


                           ดินแดนแห่ง Oros ........




Sayla – เครื่องรางนั่น ท่านเป็น Wenja นี่นา ไม่ได้มาจาก Oros ใช่มั๊ย
Takkar – ข้าเดินทางรอนแรมมาจากที่ที่ไกลโพ้น ข้าชื่อ Takkar
Sayla – ชั้นชื่อ Sayla 
Takkar – เจ้ารู้มั๊ยว่ามันเสี่ยงอันตรายมากที่ต้องเข้าไปในถ้ำของเสือนั่น
Sayla – เจ้าเสือนั่นมันช่วยจัดการพวก Udam และชั้นก็ต้องหาตัดหูของพวก Udam 
Takkar – เจ้าเดินทางคนเดียวหรอ ?
Sayla – ชั้นมีที่พักหลบภัย มีอาหารให้ท่านด้วย มาสิ ตามมา !!



                                                   -DEEP WOUND-


          
     Wenja Vilage  ...........




Sayla – มาสิ กินซะ นี่ อาหาร 
Takkar – แล้ว Wenja คนอื่นไปไหนหมด ?
Sayla – ไอ้ Ull หัวหน้าเผ่า Udam มันทำลายหมู่บ้านของพวกเราจนหมด ถ้ำให้นี้เคยเป็นที่อยู่ของพวกเรา จนพวกเผ่า Udam มันบุกเข้ามาโจมตีและฆ่าพวกเราไปมากมาย ที่นี่พวกเรากลายเป็นเผ่าเร่ร่อน ไม่มีบ้านสำหรับ Wenja ใน Oros อีกต่อไปแล้ว



Takkar – แผลนี่ เจ้าบาดเจ็บ แผลลึกมากด้วย
Sayla – เจ้าเสือนั่นกัดข้านะสิ 
Takkar – ให้ข้าช่วยเจ้า บอกมาต้องทำยังไง
Sayla – ข้าต้องการสมุนไพรพืชสีเขียวที่อยู่ข้างนอกนั่น นำมันมาให้ข้าทำยารักษาแผล

-ภายในถ้ำนั้นจะมี Reward Stash  ถุงใส่ไอเทมที่จะมีไอเทมที่สามารถนำมาติดตัวได้อยู่และเตียงนอนพักที่สามารถจะเลือกตื่นตอนกลางคืนหรือตอนรุ่งเช้าได้

 Reward Stash คือ ถุงเก็บไอเทมที่เป็นรางวัลที่เป็นวัตถุดิบพื้นฐานที่เอาไว้ติดตัวไปใช้ตอนเดินทางโดยจะมีเติมให้จนเต็มเมื่อถึงเช้าของอีกวัน และสามารถเพิ่มให้มีไอเทมที่ขึ้นได่ด้วยการอัพเกรดถ้ำของตัวเองและกระท่อมของ Sayla 

-เป้าหมายคือออกไปนอกถ้ำที่จุดเป้าหมายสีเหลืองในแผนที่จะมีต้นสมุนไพร Green Leaves อยู่ โดยถ้าใช้ Hunter Vision จะมองเห็นคีย์ไอเทมเป็นสีแดง ระหว่างทางจะเจอพวกเผ่ากินคน Udam ตัวร้ายใช้วิธีซุ่มโจมตีมันจะดีที่สุด จะลอบตีด้วยกระบองหรือยิงด้วยธนูก็สุดแล้วแต่ รวมถึงเสือดาวที่คอยซุมโจมตีอยู่ในพื้นที่ด้วยที่ต้องระวัง เมื่อเก็บ ต้นสมุนไพร Green Leaves ที่อยู่บริเวรแม่น้ำมันจนครบ 4 ต้นแล้วก็นำกลับมาให้ Sayla ที่ถ้ำแล้วทำการรักษาแผลให้เธอได้เลย

ทันทีที่รักษาแผลของ Sayla จนเสร็จสิ่งแรกที่ Takkar คิดได้คือออกตามหา Wenja ที่รอดชีวิตอยู่ในดินแดนแห่ง Oros แห่งนี้  



Takkar – ข้าต้องการตามหาพวก Wenja คนอื่นๆเดี๋ยวนี้ !
Sayla – ที่นี่มันอันตรายมากทั้งพวกหมาป่าและหมี กับไอ้พวกเผ่ากินคน Udam ถ้ำแห่งนี้เป็นที่ปลอดภัยที่สุด หากท่านเจอพวกเขาให้บอกพวกเขาว่าให้รีบมาหลบซ่อนที่นี่ให้เร็วที่สุดด้วย 

- หลังจากจบภารกิจเข้าไปในเมนุ Crafting ก็จะสามารถผสมอาวุธอันใหม่ซึ่งก็คือ Spear หรือ หอก ได้โดยใช้  Alder wood 31 อัน Reeds 8 อัน และ Slate 16 อัน
-  สามารถกดปุ่มทิศทางซ้ายเพื่อเลือกเมนูอาหารอื่นๆที่ใช้กินในการกดปุ่มสามเหลี่ยมได้
-และทันทีที่ได้ Sayla มาเป็นพวกคนแรก Wenja ก็สามารถเรียนรู้ Skill ในสายของเธอได้ด้วย ซึ่งเป็นความสามารถในด้านการเดินทางและการผจญภัยเป็นหลัก


                                              Gathering Skill 

Reveal Terraint I – เพิ่มระยะในการเปิดแผนที่ระหว่างเดินทางอีก 200 feet ยกเว้นพื้นที่ที่เป็นภารกิจของเนื้อเรื่อง (1SP)
Show Resources – ทำให้เห็นจุดของวัตถุดิบต่างๆในแผนที่ (1SP)
Find Rare Resources – ทำให้เจอวัตถุดิบที่หายากในพื้นที่ได้มากขึ้น (2SP)
Reveal Terraint II – เพิ่มระยะในการเปิดแผนที่ระหว่างเดินทางอีก 400 feetยกเว้นพื้นที่ที่เป็นภารกิจของเนื้อเรื่อง (1SP)
Show Plant - ทำให้เห็นจุดของพืชสมุนไพรต่างๆในแผนที่ (1SP)
Find Resources I – ทำให้เจอวัตถุดิบต่างๆในพื้นที่ได้มากขึ้น (1SP)
Search Takedown – ได้ไอเทมจากศพศัตรูโดยอัตโนมัติ (2SP) **
Find Rare Plant – ทำให้เจอพืชสมุนไพรที่หายากในพื้นที่ได้มากขึ้น (2SP) **
Skinning I – ทำให้ได้เนื้อจากการล่าสัตว์ครั้งละ 2 ชิ้น (2SP) **
Skinning II – ทำให้ได้ไขมันสัตว์และหนังจากการล่าสัตว์ครั้งละ 2 ชิ้น (2SP) **
Beast Reviving – ทำให้สัตว์ป่าที่กล่อมได้แล้ว ใช้ใบไม้สีแดงในการชุบชีวิตน้อยลง (2SP) **
Find Resources II – ทำให้เจอวัตถุดิบต่างๆในพื้นที่ได้มากขึ้น (2SP)

** คือ Skill ที่สามารถปลดล็อคได้หลังจากที่มีกระท่อมของ Sayla แล้ว 


-เมื่อจบภารกิจแล้ว เปิดดูแผนที่จะเห็นเป้าหมายของภารกิจหลักต่อไปที่เป็นจุดเหลืองอยู่ที่ถ้ำของ Tensay the Shaman ซึ่งระหว่างทางจะต้องผ่านจุดกองไฟสีแดงซึ่งก็คือ Nakuti Bonfire โดยการจุดกองไฟขนาดใหญ่ในแผนที่นั่นก็คือ การแสดงพลังอาจของเผ่า เพื่อเปิดรายละเอียดต่างๆในพื้นที่รอบๆ เป็นที่พักและเป็นจุด Fast Travel
 -ก่อนจะเข้าไปรับภารกิจหลักควรที่จะเดินสำรวจเปิดแผนที่เพื่อเก็บค่า SP มาอัพเกรด Skill เท่าที่สามารถทำได้เสียก่อน ซึ่งในแผนที่นั้นจะมีจุดอีเวนท์ต่างๆให้ทำมากมายตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นมา



                             แผนที่และสัญลักษณ์ (World Map & Symbol)



Main Mission ภารกิจหลัก จะแสดงเป็นจุดสัญลักษณ์สีเหลืองในแผนที่
Help Wenja ภารกิจย่อย จะแสดงเป็นจุดสัญลักษณ์สีส้มในแผนที่
Wenja Event  ภารกิจเสริมที่พบเจอระหว่างทาง จะแสดงเป็นจุดรูปสี่เหลี่มข้าวหลามตัดสีขาวในแผนที่
Bonfire – จุดสำหรับจุดไฟสัญลักษณ์การครอบครองพื้นที่ จะแสดงเป็นจุดสัญลักษณ์กองไฟสีแดงในแผนที่ เมื่อเข้าไปจัดการศัตรูและจุดไฟที่กองไฟใหญ่แล้วจะทำให้กลายเป็นที่พักแรมและเป็นจุด fast Travel ด้วย
 fast Travel -  จะแสดงเป็นจุดสัญลักษณ์ลูกศรสีฟ้าในแผนที่
แค้มป์ไฟ - จุดสำหรับก่อกองไฟสำหรับพักแรมระหว่างทางมีที่พักและเป็นสถานที่ปลอดภัยตอนกลางคืน จะแสดงเป็นจุดสัญลักษณ์กองไฟเล็กๆสีขาวในแผนที่
Enemy Outpost – แค้มป์ของพวกศัตรู จะแสดงเป็นจุดสัญลักษณ์เต้นท์สีแดงในแผนที่ เมื่อเข้าไปจัดการศัตรูจนยึดมาได้แล้วก็จะได้เป็นที่พักแรมและเป็นจุด fast Travel ด้วย
Lost cave – ถ้ำลับ จะแสดงเป็นสัญลักษณ์รูปถ้ำในแผนที่ ด้านในจะเป็นที่สำหรับเข้าไปสำรวจหาไอเทมวัตถุดิบต่างๆรวมถึงภาพเขียนโบราณที่ซ่อนอยู่ด้วย
Daysha Hand ภาพเขียนโบราณ – เป็นรูปมือในแผนที่ สำหรับเก็บสะสมและได้ค่า Exp เล็กน้อย
Spirit Totems - จุดตั้งเทวรูปสำหรับเก็บสะสมและได้ค่า Exp เล็กน้อย
Wenja Bracelet จุดเก็บกำไลสีฟ้าของเผ่า สำหรับเก็บสะสมและได้ค่า Exp เล็กน้อย
Spirit Totems - จุดตั้งเทวรูปสำหรับเก็บสะสมและได้ค่า Exp เล็กน้อย

                  ** จะเพิ่มเติมจุดภารกิจต่างๆที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในภายหลัง ** 


                                ** เรียนรู้การบังคับเบื้องต้น **

X กระโดด
สี่เหลี่ยม – สำรวจ
O – ย่อง ก้มต่ำ
สามเหลี่ยม – ใช้ไอเทมอาหาร
L1 –เข้าเมนูเลือกอาวุธหลักและอาวุธเสริม
L2 – เล็ง เตรียมใช้อาวุธ กดสี่เหลี่ยมเพื่อยกเลิกการเล็ง
R1-ใช้อาวุธเสริม หรืออาวุธชนิดขว้างที่อยู่ส่วนล่างของเมนูอาวุธ เช่น หิน Shard , ระเบิดรังผึ้ง (sting Bomb)
R2 – ใช้อาวุธหลัก ธนู กระบอง หอก
แกน L3 – บังคับทิศทาง กดลงไปตรงๆค้างเพื่อวิ่ง
แกน R3 – บังคับมุมกล้อง กดลงไปตรงค้างเพื่อใช้ Hunter Vision
ปุ่มทิศทาง D – Pad
บน – ใช้มุมมองของนกฮูก
ซ้าย – Food Menu ใช้เลือกอาหารที่จะใช้กดสามเหลี่ยมกิน
ขวา – Beast Menu ใช้จัดการเรื่องสัตว์ต่างๆที่กล่อมได้
ล่าง – กดครั้งเดียวขว้างหินล่อศัตรู กดค้างใช้ Sling ขว้างศัตรู




                                        -VISION OF BEAST-

เข้ามาที่จุดเป้าหมายสีเหลืองในแผนที่ที่ถ้ำ Stone Finger จัดการพวก Udam ที่อยู่หน้าถ้ำให้หมดแล้วเข้าไปด้านในจะพบ Tensay ซึ่งเป็น Shaman หรือหมอผีประจำเผ่า Wenja ถูกขังอยู่


Tensay – จิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง เจ้ามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง เจ้าเป็นใครเจ้าหมาป่า ข้าคือ Tensay ผู้ค้นหาจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ข้าได้ทำพิธีเรียกเหล่าจิตวิญญาณแห่งสรรพสัตว์มากมายที่อยู่ที่นี่ แต่เจ้าดันมาที่นี่ 
Takkar – ข้ามีที่ที่ปลอดภัยสำหรับท่าน ให้ท่านตามข้ามาเถอะ
Tensay – ไม่ !!! เอามือของเจ้ามานี่ เลือดของเจ้า เลือดแห่งจิตภาพของจิตวิญญาณอิสระ เจ้าจงดื่มเลือดนี่ มันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตเจ้า ..



ทันทีที่ Takkar ได้ดื่มเลือดแห่งจิตวิญญาณสัตว์ป่าที่หมอผี Tensay ผสมขึ้น ทำให้ดวงตาของ Takkar มองเห็นจิตวิญญาณของเหล่าสรรพสัตว์ต่างๆเป็นสีทองเหลืองส่องส่ว่างยู่เต็มท้องทุ่ง จนเมื่อเดินเข้าไปจนสุดทางเขาก็ได้พบกับนกฮูกตัวนึง ที่ได้นำทางเขาล่องลอยไปตามเส้นทางของจิตวิญญาณศักดิสิทธิ์เพื่อได้รับรู้ถึงจิตใจและความรู้สึกของสัตว์ต่างๆ จนเมื่อจิตวิญญาณของ Takkar และสัตว์ต่างๆในประสานเข้ากันได้แล้ว Takkar ก็จะสามารถเรียกเจ้านกฮูกผู้นำทางให้ติดตามเข้าไว้ใช้งานได้ 





ก่อนที่ Takkar จะตื่นขึ้นมาจากการเดินทางทางจิตวิญญาณกลับมาที่ถ้ำของ Tensay อีกครั้ง ....



 Tensay – อ่า... เจ้าได้ทำสัญญากับนักฮูกได้แล้ว 
Takkar – มันเป็นความฝันที่ประหลาดมาก 
Tensay – มันไม่ใช่ความฝันนะ !! นกฮูกนั่นคือ เจ้าแห่งสรรพสัตว์ 
Takkar – เจ้าแห่งสรรพสัตว์ หรอ ?
Tensay – ช่ายยย เจ้าแห่งสรรพสัตว์ ที่จะเป็นตัวเชื่อมต่อเจ้ากับสัตว์ต่างๆให้มาช่วยเจ้าต่อสู้กับศัตรู เจ้าลองไปตามหาหมาป่าสีขาวที่เป็นจ่าฝูงของหมาป่าในเขตนี้ดู มีแต่เจ้าเท่านั้นที่สามารถทำให้มันเป็นเพื่อนได้  


                                       -BEAST MASTER-

เดินทางมาที่จุดสีเหลืองในแผนที่รับภารกิจหลักที่ซากของหมาป่าที่ถูกนักล่าฆ่าตาย โดยหลังจากที่ได้รับพลังจิตวิญญาณแห่งสัตว์จากหมอผี Tensay มาแล้วจะทำให้สามารถใช้ Skill ในสาย Beast Master ได้ทันที


- เรียนรู้ Skill Owl Companion และ Owl Hunter Vision ซึ่งก็คือสามารถกดปุ่มทิศทางขึ้นบนเพื่อเรียกนกฮูกที่บินอยู่บนฟ้าใช้มองจากด้านบนแทนได้ และสามารถกด R3 เพื่อใช้ Hunter Vision มองหาเป้าหมายที่ต้องการจากระยะไกลได้ด้วย จากนั้นบังคับนกฮูกให้บินค้นหาแค้มป์ของพวกนักล่าหมาป่าที่อยู่ใกล้ๆให้เจอ แล้วเข้าไปที่นั่นจัดการพวกนักล่าให้หมด Takkar  ก็จะเห็นหมาป่ามากมายถูกฆ่าที่นี่ ทำให้เขาเรียนรู้วิธีทำเหยื่อล่อสัตว์ขึ้นมาได้



- เรียนรู้ระบบ Bait & Taming Beast ซึ่งก็คือการทำเหยื่อล่อและการกล่อมสัตว์ให้เชื่องมานำมาใช้งาน โดยสามารถกด L1 เข้าเมนูอาวุธและเครื่องใช้แล้วกด X เพื่อสร้างเหยื่อ (Bait) ออกมาโดยใช้วัตถุดิบคือเนื้อที่มี โดยจะสามารถกด R1 เพื่อโยนไปให้สัตว์ที่เป็นเป้าหมายที่จะจับได้ เมื่อมันเข้ามากิยเหยือแล้วก็ค่อยๆเข้าไปใกล้อย่างช้าแล้วกดสี่เหลียมค้างเพื่อกล่อมสัตว์ให้ยอมเป็นเพื่อนได้ จากนั้นใช้ Hunter Vision ตามรอยเท้าของหมาป่าที่เป็นรอยสีแดงไปตามทางจนถึงที่อยู่ของพวกมัน จากนั้นลอบเข้าไปใกล้ๆแล้วก็กด R1 ขว้างเหยื่อล่อไปให้หมาป่าสีขาวตัวเป้าหมายกิน แล้วค่อยๆเข้าไปใกล้ๆกดสี่เหลี่ยมค้างจนสามารถกล่อมมันให้เชื่อจนยอมเป็นพวกได้


- เรียนรู้ระบบ Beast Command การควบคุมและสั่งการสัตว์ป่า โดยเมื่อกล่อมสัตว์จนเป็นพวกได้แล้ว จะสามารถสั่งมันโจมตีศัตรูได้โดยการกด L2 เพื่อเล็งเป้าหมายที่ต้องการเหมือนเตรียมอาวุธแล้วกด R1 สั่งให้มันเข้าโจมตีศัตรูเป้าหมายได้เลย เรียกมันกลับมาหาด้วยการกดปุ่มทิศทางขวาค้างเพื่อผิวาปากเรียก เมื่อสัตว์บาดเจ็บให้ใช้เนื้อให้มันกินเพื่อรักษาแผลได้ แต่ถ้ามันตายก็สามารถเข้าเมนู Beast ด้วยการกดปุ่มทิศทางไปทางขวาเข้าเมนู Beast Menu แล้วเลือกกด X ชุบชีวิตด้วยไอเทมสมุนไพรดอกไม้สีแดง (Red Leaf )  ให้ออกมารับใช้ได้อีกครั้ง

    

ซึ่งสัตว์ชนิดที่ดุร้ายมากๆก็ต้องอาศัยการอัพสกิลในสาย Beast Master ของ Tensay เสียก่อน จากนั้นเดินทางไปที่จุดเป้าหมายสีเหลืองแล้วจะพบศัตรูที่นั่น สั่งเจ้าหมาป่าขาวให้เข้าไปจัดการมันได้เลย


-------------------------------------------------------------------------------------------------



                                                           BEAST


                                   สัตว์ทั้งหมดที่สามารถจับมาเป็นพวกได้






Dhole
พละกำลัง : 1
ความเร็ว: 2
ทักษะการลอบฆ่า: 4
ความสามารถพิเศษ – สามารถเก็บวัตถุดิบที่ได้จากเหยื่อที่สั่งให้มันไปฆ่ามาให้ได้

Rare Dhole
พละกำลัง : 2
ความเร็ว: 2
ทักษะการลอบฆ่า: 4
ความสามารถพิเศษ – สามารถเก็บวัตถุดิบที่ได้จากเหยื่อที่สั่งให้มันไปฆ่ามาให้ได้ สามารถเอาชนะ Dhole ด้วยกันได้ง่ายและทนไฟได้

Wolf
พละกำลัง : 1
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ – สงเสียงคำรามเตือนเมื่อมีศัตรูที่อันตรายเข้ามาใกล้ และทำให้เปิดแผนที่รอบตัวได้ 350 feet ในขณะเดินทาง

White Wolf
พละกำลัง : 2
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ – ส่งเสียงคำรามเตือนเมื่อมีศัตรูที่อันตรายเข้ามาใกล้ และทำให้เปิดแผนที่รอบตัวได้ 350 feet ในขณะเดินทาง

Rare Stripe Wolf
พละกำลัง : 3
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ –ส่งเสียงคำรามเตือนเมื่อมีศัตรูที่อันตรายเข้ามาใกล้ และทำให้เปิดแผนที่ลอบตัวได้ 350 feet ในขณะเดินทาง

Jaguar
พละกำลัง : 2
ความเร็ว: 4
ทักษะการลอบฆ่า: 5
ความสามารถพิเศษ – สามารถลอบฆ่าศัตรูได้โดยไม่ถูกจับได้

Rare Black Jaguar
พละกำลัง : 3
ความเร็ว: 4
ทักษะการลอบฆ่า: 5
ความสามารถพิเศษ – สามารถลอบฆ่าศัตรูได้โดยไม่ถูกจับได้

Leopard
พละกำลัง : 3
ความเร็ว: 4
ทักษะการลอบฆ่า: 4
ความสามารถพิเศษ – สามารถกำหนดเป้าหมายของสัตว์ที่เข้ามาในรหัสมีใกล้ๆได้

Cave Lion
พละกำลัง : 3
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ – สามารถกำหนดเป้าหมายของสัตว์ที่เข้ามาในรหัสมีใกล้ๆได้

Rare Black Lion
พละกำลัง : 4
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ – สามารถกำหนดเป้าหมายของสัตว์ที่เข้ามาในรหัสมีใกล้ๆได้
** Rare Black Lion จะค่อนข้างหายากและจะปรากฏตัวอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ Cave Lions ในแผนที่

Brown Bear
พละกำลัง: 4
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 2
ความสามารถพิเศษ – ล่อศัตรูให้มาสู้กับตัวเองเพื่อให้เจ้านายมีจังหวะโจมตีมากขึ้น และเปิดเผยตำแหน่งวัตถุดิบต่างๆในพื้นที่ให้ในขณะยืนอยู่เฉยๆ

Sabretooth Tiger
พละกำลัง: 4
ความเร็ว: 5
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ – เป็นนักล่าที่เชี่ยวชาญและฉลาดที่สุดใน Oros

Badger
พละกำลัง: 3
ความเร็ว: 1
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ – ต่อสู้กับศัตรูโดยไร้ซึ่งความกลัวจนทำให้ศัตรูต้องหวาดกลัวและสามารถคืนชีพได้ 1 ครั้ง
.
Cave Bear
พละกำลัง: 5
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 1
ความสามารถพิเศษ –ล่อศัตรูให้มาสู้กับตัวเองเพื่อให้เจ้านายมีจังหวะโจมตีมากขึ้น

Snowblood Wolf
พละกำลัง: 4
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 4
ความสามารถพิเศษ – ส่งเสียงคำรามเตือนเมื่อมีศัตรูที่อันตรายเข้ามาใกล้ และทำให้เปิดแผนที่รอบตัวได้ 350 feet ในขณะเดินทาง

Bloodfang Sabretooth
พละกำลัง: 5
ความเร็ว: 5
ทักษะการลอบฆ่า: 3
ความสามารถพิเศษ – เป็นสัตว์นักล่าที่เร็วที่สุดใน Oros

Great Scar Bear
พละกำลัง: 5
ความเร็ว: 3
ทักษะการลอบฆ่า: 2
ความสามารถพิเศษ – ล่อศัตรูให้มาสู้กับตัวเองเพื่อให้เจ้านายมีจังหวะโจมตีมากขึ้น และมีพลังโจมตีแฝงที่หนักหน่วงที่สุด


              ตำแหน่งสัตว์ทั้งหมดที่สามารถจับมาเป็นพวกได้

http://www.gamersheroes.com/game-guides/far-cry-primal-beasts-taming-guide/
   


-----------------------------------------------------------------------------------------------


โดยเมื่อเรียนรู้การกล่อมสัตว์และควบคุมสัตว์ได้แล้ว Takkar ก็จะสามารถใช้ความสามารถในสาย Beast Master ของ Tensay ได้แล้ว


                                            BEAST MASTER SKILL 

Tame Canines – สามารถกล่อมสัตว์พื้นฐานมาเป็นพวกได้ ซึ่งก็จะเป็นพวกสุนัขจิ้งจอกและพวกหมาป่าต่างๆ
Tame Wildcat -สามารถกล่อมสัตว์ระดับกลางมาเป็นพวกได้ ซึ่งก็จะเป็นพวกเสือและสิงโตทั้งหมด (1SP) ** สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Tensay ที่หมู่บ้านได้แล้ว **
Tame Apex Predator -สามารถกล่อมสัตว์ระดับสูงมาเป็นพวกได้ ซึ่งก็จะเป็นพวกหมีและเสือเขี้ยวดาบทั้งหมด (2SP) ***สามารถปลดล็อกได้หลังจากกล่อมสัตว์เป็นพวกได้ 5ชนิด ***
Tame Cunning Beast -สามารถกล่อมสัตว์ประเภทเจ้าเหล่มาเป็นพวกได้ ซึ่งก็จะเป็นพวกหมีถ้ำ Cave Bear และพวก Badgers  (3SP) ***สามารถปลดล็อกได้หลังจากกล่อมสัตว์เป็นพวกได้ 8ชนิด ***
Owl Companion -สามารถกดปุ่มทิศทางขึ้นบนเพื่อเรียกนกฮูกที่บินอยู่บนฟ้าใช้มองจากด้านบนแทนได้
Owl Hunter Vision -สามารถกด R3 เพื่อใช้ Hunter Vision ในสายตานกฮูกมองหาเป้าหมายที่ต้องการจากระยะไกลได้
Owl Weapon Drop – สามารถสั่งให้นกฮูกบินทิ้งระเบิดใส่พวกศัตรูได้ (3SP) ** สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Tensay ที่หมู่บ้านได้แล้ว **
Owl Tagging Range – เพิ่มระยะการมองหาของนกฮูกให้กว้างขึ้น (3SP) ** สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Tensay ที่หมู่บ้านได้แล้ว **
Owl Attack I - สามารถสั่งให้นกฮูกบินโฉบโจมตีศัตรูด้วยการกด R2 ได้ โดยการสั่งโจมตีแต่ละครั้งจะต้องรอให้นกหายเหนื่อย(Cooldown) ก่อนจึงจะสั่งได้ใหม่ (1SP) ** สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Tensay ที่หมู่บ้านได้แล้ว **
Owl Cooldown I – ย่นเวลาให้นกหายเหนื่อยได้ภายใน 65 นาที (2SP) ** สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Tensay ที่หมู่บ้านได้แล้ว **
Owl Attack II – เพิ่มพลังโจมตีให้นกฮูกบินตอนบินโฉบโจมตีศัตรู (3SP) ** สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Tensay ที่หมู่บ้านได้แล้ว **
Owl Cooldown II – ย่นเวลาให้นกหายเหนื่อยได้ภายใน 45 นาที (3SP) ** สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Tensay ที่หมู่บ้านได้แล้ว **


หลังจากจบภารกิจแล้ว เดินทางกลับไปที่ถ้ำที่พักอีกครั้ง จะพบจุดเหลืองที่เป็นภารกิจหลักๆอยู่ 2 จุดก็คือที่ตัวของ Sayla และ พ่อมด Tensay

-เข้าไปคุยกับทั้งคู่แล้วพวกเขาจะว่าต้องการกระท่อมที่พักของเขา โดยสำรวจที่แท่นหินตรงพื้นที่ที่เขายืนอยู่ๆ ก็จะเห็นจำนวนและชนิดของวัตถุดิบต่างๆที่ต้องใช้สร้างกระท่อม ซึ่งถ้าคุณเก็บของต่างๆมาตลอดทางก็จะมีของครบที่จะสร้างกระท่อมของ Sayla และ พ่อมด Tensay ได้ทันที โดยเมื่อสร้างกระท่อมให้ทั้งคู่แล้ว Takkar ก็จะสามารถอัพเกรด Skill BEAST MASTER  ของ Tensay และ Skill Gathering ของ Sayla ที่ปลดล็อกออกมาได้ทั้งหมดตามที่ SP มีอยู่ได้ทันที
-เข้าไปที่หน้าถ้ำของ Takkar สำรวจแท่นหินที่หน้าถ้ำเพื่ออัพเกรดถ้ำตัวเองซะ ก็จะทำให้ปลดล็อค Skill ที่เหลืออยู่ออกมาและสามารถอัพเกรด ธนู กระบอง และ ผสมระเบิดรังผึ้ง (Sting Bomb) ได้ (ถ้าวัตถุดิบที่มีครบ)



                                      เรียนรู้ระบบ Build Your Village 

หรือการสร้างหมู่บ้าน Wenja ขึ้นมาใหม่ โดยใช้เงื่อนไขคือ
1.รวบรวมพวกชาวบ้านจากตามที่ต่างๆที่สามารถไปช่วยเหลือมาได้จากภารกิจเสริม ช่วยกลางทาง หรือ ยึดแค้มป์ของศัตรู เมื่อช่วยมาได้จำนวนคนในหมู่บ้านก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น โดยในหมู่บ้านจะสามารถนำมาอยู่ได้เต็มที่ 300 คน โดยสามารถดูได้จากเมนู Village  ซึ่งจำนวนชาวบ้านที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สามารถอัพเกรดสิ่งของและได้ไอเทมต่างๆจากถุงรางวัลในถ้ำได้ดีขึ้น
สามารถสร้างกระท่อม (Hut) ให้พวกเขาได้ โดยสำรวจที่
2.ชักชวนเหล่านักรบระดับตำนานของเผ่าที่สูญหายไปกลับคืนมาผ่านภารกิจ Lost Wenja ทำภารกิจของพวกเขาแล้วก็จะได้พวกเขามาอยู่ที่หมู่บ้าน ซึ่งก็จะทำให้ Takkar สามารถอัพเกรดเรียนรู้ Skill ในสายอาชีพของพวกเขาได้ด้วย จากนั้นก็หาวัตถุดิบมาสร้างกระท่อมให้พวกเขา ก็จะทำให้สามารถปลดล็คสกิลที่เหลือออกจนหมดและได้ภารกิจเพิ่มเติมจากพวกเขาด้วย

-จากนั้นเข้าไปคุยกับ Sayla ที่อยู่ด้านในถ้ำเธอจะเอาจะเอากระบองระดับ 2 มาให้ซึ่งเป็นกระบองของพวก Udam ที่เธอประดิษฐ์ขึ้น แล้ว Takkar ก็จะเข้าพักผ่อนจนถึงตอนเช้า
-ตื่นมาแล้วออกไปคุยกับ Sayla ที่หน้าถ้ำก็จะพบว่า เผ่ากินคน Udam คู่อริก็จะบุกเข้ามาท้าทายถึงในหมู่บ้านโดยการนำของ Ull หัวหน้าเผ่าตัวร้าย Takkar พยายามเข้าไปช่วยสู้แต่ก็ถูก Ull อัดกระเด็นออกมา


Ull – ไอ้พวก Wenja ชั้นต่ำ !! พวกแกไม่สิทธิ์มาตั้งรกรากที่นี่ ไปซะไม่งั้นตาย พวกเรา ฆ่ามันให้หมด !! 
Ull สบถเย้ยหยั้นเผ่า Wenja หลังอัดใส่หน้า Takkar จนลงไปกองก่อนที่มันจะสั่งให้พวกนักรบของเผ่าบุกเข้าโจมตีหมู่บ้านของ Wenja ทันที 


                                         -ATTACK OF THE UDAM-

-ออกไปจัดการพวก Udam ที่บุกเข้ามาให้หมด Sayla จะโกรธแค้นมากที่ยังไม่สามารถฆ่า Ull ได้ เธอจึงบอกให้ออกไปไล่ล่ามันต่อที่แค้มป์ของพวก Udam แล้วจัดการ Ull หัวหน้าเผ่าให้ได้
-จากนั้นออกเดินทางไปยังเป้าหมายจุดสีเหลืองที่แค้มป์ Torn Flesh เป้าหมายคือเข้าไปทำลายเสากระดูกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเผ่า Udam 3 จุดในแค้มป์แล้วจัดการฆ่าศัตรูที่ออกมาให้หมด ก็จะสามาถยึดแค้มป์ของมันได้



การยึดแค้มป์ของพวกเผ่า Udam ที่อยู่ในพื้นที่ได้ก็ทำให้การปกครองของพื้นที่นี้กลับเป็นของเผ่า Wenja อีกครั้ง แต่การต่อสู้ก็ทำให้เกิดการสุญเสียมากมายสำหรับคนในเผ่า Wenja เช่นกัน และ Sayla ก็ยังไม่หายแค้นเพราะเจ้า Ull ตัวร้ายมันยังไม่ตายและหนีหายกลับไปที่หมู่บ้านของพวกมันที่ทางเหนือได้ด้วยความดโกรธแค้น เพราะตราบใดที่เจ้า Ull หัวหน้าเผ่าตัวร้ายยังไม่ตายเผ่า Wenja ก็ไม่มีทางพบเจอความสงบสุขแน่นอน Takkar ก็ได้แต่เข้าไปปลอบใจว่าถึงแม้ Wenja จะสูญเสียคนไปมากแต่ทางพวก Udam ก็เสียหายไม่น้อยเหมือนกัน และที่สำคัญเขาสัญญาว่า เจ้า Ull ต้องเจอกับดาบของเขาแน่ในซักวัน ก่อนที่คำยืนยันของทุกในเผ่าจะตะโกนลั่นออกมาว่าจะยอมตายเพื่อ Wenja และการต่อสู้เพื่อไล่ล่าพวก Udam เพื่อความสันติสุขของเผ่า Wenja ก็เริ่มขึ้น ....  





และด้วยวีรกรรมนี้ของ Takkar ในครั้งนี้ก็ทำให้ Ull และเผ่า Udam ของมันที่เคยเป็นศัตรูคู้อาฆาตเก่ากันอยู่ต้องประกาศสงครามกับเผ่า Wenja ทันที ส่งผลให้มี ภารกิจหลักของสงครามอันใหม่ขึ้นมาอีกอันที่ป้อม BIG DRAWA FORT ของเผ่า Udam ที่อยู่ทางเหนือขึ้นมารอไว้ทันที 



** หลังจากจบภารกิจ ATTACK OF THE UDAM แล้ว ใครที่มี DLC Legend of Mammoth ที่แถมมาหากใส่โค๊ดไปแล้ว สามารถเข้าไปเล่นภารกิจนี้ได้ โดยในแผนที่จะแสดงจุด?ในวงกลมสีเหลืองออกมาที่หน้ากระท่อมของหมอผี Tensay เมื่อสำรวจถ้วยเลือดหน้ากระท่อม **


โดยภารกิจนี้ Takkar จะได้สวมวิญญาณเป็นลูกแมมมอธที่ต้องหาทางช่วยหัวหน้าช้างและครอบครัวของมันหนีจากพวกนักล่าของเผ่า Udam ที่ชั่วร้าย ซึ่งคุณจะได้บังคับเป็นแมมมอธในการทำภารกิจต่างๆ 3 ภารกิจคือ
-Duel of Beast – ต้องลุยต่อสู้กับพวกวิญญาณแรดที่ขัดขวางการเดินทาง
-The Tapped Elder – ต้องลุยเข้าไปช่วยหัวหน้าช้างที่ถูกจับ
-Hunt the Hunter – ลุยศัตรูคุ้มครองฝูงช้างหนีไปให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

** ซึ่งค่าตอบแทนที่ได้ก็คือค่า XP จำนวนมากไว้ใช้อัพเกรด Skill นั่นเอง **




                                              -VISION OF ICE-
 
หลังจากการเปิดสงครามกับเผ่า Udam แล้ว เข้าไปคุยกับหมอผี Tensay ในกระท่อมที่หมู่บ้านอีกครั้งหมอผี Tensay ก็จะเริ่มผสมเลือดศักดิ์สิทธิ์ Ice Blood ขึ้นมา เพื่อให้ Takkar เห็นนิมิตถึงสิ่งที่พวก Udam มันนับถือ ซึ่งสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่มันหวาดกลัวและเป็นจุดอ่อนที่จะนำมาใช้ในการเอาชนะสงครามกับพวกมันได้ง่ายขึ้น เมื่อดื่มเข้าไปในแล้วก็จะเข้าไปสู่นิมิตรที่เป็นสถานที่นึงที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งที่หนาวเย็น



- เมื่อเดินเข้าไปจนถึงที่ตั้งของ รูปปั้นน้ำแข็ง ที่พวก Udam มันเคารพ ทันทีที่พยายามจะจับมัน รูปปั้นนั้นก็ลอยตัวหนีไปในทันทีพร้อมกับพวก Udam ที่ใส่เกราะนำแข็งออกมาขัดขวางมากมายทันที จากนั้นก็ลุยพวก Udam ด้วยกระบองน้ำแข็งในมือพร้อมกับหลบการโจมตีของรูปปั้นน้ำแข็งไปให้ถึงสุดทาง จัดการศัตรูที่ขัดขวางให้หมดแล้วใช้กระบองขว้างทำลายรูปปั้นน้ำแข็งซะ Takkar ก็จะหลุดออกมาจากนิมิตร


Tensay – ดี เจ้ายังไม่ตาย ดื่มมากไปนิด แต่ยังไม่ตาย ฮ่าๆ
Takkar – ข้าเห็นพวก Udam ในถ้ำน้ำแข็ง พวกมันปกป้องรูปปั้นผู้หญิงประหลาดๆ
 Tensay – ใช่ ที่นั่น กับดักของความตายที่หนาวเย็น ที่อยู่พวกมัน แต่มันพยายามคุ้มกันปกป้องรูปปั้นนั่นทำไมกันนะ ? ข้าต้องหาคำตอบจากนิมิตของพวก Udam ต่ออีกหน่อย เอาละเจ้าไปหาอะไรกินให้อิ่มไว้แล้วกัน จ้าวแห่งสรรพสัตว์ 


-ทันทีที่ออกมาจากกระท่อมของหมอผี Tensay ก็แวะเข้าไปคุยกับ Sayla ซึ่งมีจุดเหลืองอยู่ที่ตัวของเธอ Sayla จะให้ออกไปตามหานักล่าของ Wenja ที่หายไปที่ถ้ำกระดูก Bone Cave ซึ่งก็จะได้ภารกิจ Sayla The Gatherer มา


                   ตอนนี้จะมีภารกิจเพิ่มขึ้นมาใหม่ที่ให้เลือกทำได้ทั้งหมดคือ



1. BIG DRAWA FORT ภารกิจบุกป้อมของพวก Udam ซึ่งจะเห็นเป็นจุดวงกลมสีเหลืองด้านเหนือไกลออกไปจากที่นี่
2. Sayla The Gatherer ภารกิจตามหานักล่าที่หายไปที่ถ้ำ Bone Cave
 Lost Wenja ภารกิจตามหาเหล่าผู้กล้าของ Wenja ที่หายสาบสูญไปคออิ่นๆ ซึ่งจะเห็นเป็นจุดวงกลมสีเหลือง 3 จุดรอบๆพื้นที่ ซึ่งภารกิจ Lost Wenja ตามหาเหล่าผู้กล้าของ Wenja ที่หายสาบสูญไปสามารถหาได้ 3 คนคือ
3. Jayma The Hunter หัวหน้ากลุ่มนักล่าแห่ง Wenja
4. Wogah The Crafter นายช่าง ยอดนักผสมไอเทม
5. Karoosh The Warrior หัวหน้านักรบแห่ง Wenja

ก่อนจะเข้าไปททำเควสเนื้อเรื่องหลัก BIG DRAWA FORT การตามหาบุคลากรของเผ่านั้นสำคัญกว่าในตอนนี้ เลยอยากจะให้เข้าไปทำภารกิจ Lost Wenja ภารกิจตามหาเหล่าผู้กล้าของ Wenja ที่หายสาบสูญไปก่อน ซึ่งจะเริ่มที่คนไหนก็ได้ ขอเริ่มจากคนที่อยู่ใกล้ๆก่อนเลยคือ Jayma The Hunter


                                  Lost Wenja - Jayma The Hunter

                                           -ON THE HUNT-




-เดินทางไปที่จุดหมายลับภารกิจสีเหลืองในแผนที่ ซึ่งจะเป็นที่อยู่ของนักล่าสาวนามว่า Jayma เมื่อมาถึง Takkar จะเจอ Jayma และกลุ่มฮันเตอร์ของเธอที่กำลังออกไปล่าหมีและดูเหมือนเธอและเพื่อนก็ดูถูก Takkar ในฐานะพรานหน้าใหม่อย่างมาก จนทำให้ Takkar ต้องพิสูจณ์ตัวเองให้พวกเธอเห็น
-เมื่อ Jayma และพวกเธอไปแล้ว ใช้ Hunter Vision ตามแกะรอยพวกเธอไปตามรอยเท้าสีแดงจนพบร่องรอยของหมีตัวที่กลุ่มของ Jayma กำลังตามล่า ตามรอยหมีไปเรื่อยๆจนถึงหน้าถ้ำ Cave of Hasari ก็จะพบหมีตัวเป้ามายกำลังเดินอยู่ จะจัดการมันก็ได้หรือถ้าอัพเกรด Skill สาย BEAST MASTER มาจนถึงขั้นกล่อมหมีได้แล้วก็ให้ใช้เหยื่อล่อแล้วกล่อมมันเป็นพวกจะดีกว่า จากนั้นเข้าไปที่หน้าถ้ำ กลุ่มของ Jayma ก็จะตามมาถึง Jayma จึงยอมรับในตัว Takkar และยอมตามไปอยู่ที่หมู่บ้านด้วยทันที



** เมื่อได้ Jayma มาเป็นพวกก็จัดการสร้างกระท่อมนักล่าให้เธอซะ ซึ่งเมื่อเธอมีกระท่อมนักล่าของเธอแล้วก็จะทำให้ Takkar สามารถปลดล็อคอาวุธใหม่ออกมาให้สามารถสร้างขึ้นมาได้ (ตามแต่วัตถุดิบที่มี)  เช่น Long Bow และ Sling หรือเชือกที่มัดติดกับหินที่ใช้เหวี่ยงหมุนขว้างโจมตีศัตรู โดย Sling นั้นสามารถใช้งานโดยการ กดปุ่มทิศทางลงล่างค้างเพื่อเหวี่ยงเตรียมขว้างแล้วปล่อย และก็จะทำให้ Takkar สามารถเรียนรู้ Skill สาย Hunting ของ Jayma ได้ด้วย **


                                           Hunting Skill

Hunting Vision Sack -สามารถกด R3 ใช้ Hunting Vision มองเห็นถุงไอเทมที่แขวนอยู่ในพื้นที่ได้ (1SP) 
Craft Arrow I – สร้างลูกธนูได้ 2 อันจากวัตถุดิบที่มี 1 อัน (1SP) ** 
Craft Arrow II –สร้างลูกธนูได้ 4 อันจากวัตถุดิบทีมี 2 อัน  (2SP) ** 
Craft Arrow III –สร้างลูกธนูได้ 8 อันจากวัตถุดิบที่มี 4 อัน  (4SP) ** 
Tag Enemy – เมื่อกด L2 มองดูศัตรูจะเป็นการหมายหัวกำหนดเป้าหมายเป็นจุดแดงไว้ และจะสามารถชี้เป้าหมายเอาไว้ได้ตลอด (1SP)
Reduce Fall Damage – ทำให้ได้รับบาดเจ็บน้อยลงเมื่อโดดลงมาจากที่สูง (1SP) **
Tag Animal - เมื่อกด L2 มองดูสัตว์จะเป็นการหมายหัวกำหนดเป้าหมายเป็นจุดแดงไว้ และจะสามารถชี้เป้าหมายเอาไว้ได้ตลอด (4SP) **
Animal Wound – ทำให้โจมตีสัตว์ได้รุนแรงมากขึ้น (6SP) **
Hunter Vision Plant -สามารถกด R3 ใช้ Hunting Vision มองเห็นพืชสมุนไพรในแผนที่ได้ (1SP) **
Bow Sprint Reload – สามารถรีโหลดลูกธนูในขณะกำลังวิ่งได้ (2SP) **
Bow Handing – เมื่อกด L2 เล็งธนูจะทำให้การเล็งเป้านิ่งมากขึ้น (3SP) ** 

** คือ ปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Jayma ที่หมู่บ้านแล้ว

             
                                 Lost Wenja - Wogah The Crafter

                                               -TRAPPED-

-เข้าไปที่จุดรับภารกิจสีเหลืองในด้านขวาล่างของแผนที่จะเป็นถ้ำที่ Wogah หลบซ่อนตัวอยู่ เมื่อเข้ามาจะพบกับนายช่างแขนด้วน Wogah ที่วางกับดักให้ Takkar ตกลงไปในกับดักของเขาเพราะความไม่เชื่อใจนึกว่า Takkar เป็นพวก Udam ก่อนจะเยี่ยวใส่แล้วหนีไปอย่างไม่ใยดี
- จากนั้นสิ่งที่ต้องทำคือหาทางหนีออกมาจากถ้ำนี่ก่อน เข้าไปด้านในจนสุดทางจะพบเสือดาวอยู่ในนั้นจัดการซะแล้วเข้าไปในห้องด้านในของถ้ำสำรวจตามศพด้านในจะได้ Grappling Claw ตะขอเชือกสำหรับใช้ปีกปีนขึ้น – ลงที่สูง ออกมาที่โถงหน้าห้องเงยหน้าขึ้นไปจะเจอจุดที่สมารถใช้ตะขอโหนขึ้นไปได้ เมื่อขึ้นมาด้านบนแล้วเงยหน้ามองเพดานตรงทางขาดจะมีจุดให้ใช้ตะขอโหนข้ามไปได้ เข้าไปด้านในใช้ตะขอโหนลงไปด้านล่างของถ้ำด้านใน ที่นี่จะเป็นถ้ำของเสือดาว จัดการให้หมดแล้วเข้าไปด้านในสุดของถ้ำจะเจอจุดสำหรับใช้ตะขอเชือกโหนขึ้นไปด้านบนไปจนเจอทางออกได้ ซึ่งจะมาออกข้างของถ้ำของ Wogah จากนั้นกลับไปเข้าถ้ำของ Wogah อีกครั้งก็จะเจอนายช่างแขนด้วนเพิ่งจะปีนขึ้นมาจากกับดักของเขา



Wogah นั้นเป็นนายช่างฝีมือดีของเผ่า Wenja แต่ต้องหนีเตลิดมาตอนเผ่าแตกสลายแถมยังถูกพวก Udam กินแขนเข้าไปข้างนึงด้วย จึงทำให้ Wogah แค้นเผ่า Udam และไม่เชื่อใจใครอีกเลย ทันทีที่ Takkar บอกให้กลับไปที่หมู่บ้านที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ทำให้ Wogah ดีใจมากเพราะเขาคิดว่าที่ผ่านมาเหลือเขาเป็นคนสุดท้ายของเผ่า ก่อนที่  Wogah จะอวดอาวุธที่เขาคิดค้นขึ้นที่เรียกว่า Stone Shard หรือหินที่ลับจนเป็นคม เขาจึงให้ Takkar ไปหาแร่ Blood of Oros มาให้เขาเพื่อจะไว้ทำอาวุธใหม่ก่อน แล้วเขาจึงจะยอมตามกลับไปที่หมู่บ้านด้วย 


                                              -BLOOD OF OROS-

-ภารกิจนี้คือออกไปตามหาแร่ Blood of Oros ตามคำขอของ Wogah โดยเริ่มจากออกจากถ้ำของ Wogah แล้วไปที่จุดหมายสีเหลืองแรกที่ขึ้นมาซึ่งก็คือแค้มป์บนเนินเขาตรงกันข้ามแม่น้ำหน้าถ้ำ **บริเวณนี้มีเสือเขี้ยวดาบอยู่ด้วยถ้าอัพ Skill Beast Master มาจนเต็มแล้วก็สามารถจับมาเป็นพวกได้เลย ** เข้าไปที่แค้มป์ใช้ Hunter Vision สำรวจดูจะพบว่าที่แท่นหินโบราณมีต้นไม้หนามขึ้นตรงกลางของช่องหิน ใช้ไฟเผาทำลายมันซะ แล้วมองลอดไป Takkar ก็จะเห็นเป้าหมายใหม่ที่ต้องไปเป็นแสงสะท้อนออกมา
-เข้าไปที่เหมืองริมแม่น้ำฝั่งตรงกันข้าม ที่นี่จะมีแร่ Blood of Oros อยู่แต่ก็มีเผ่าของศัตรูคอยคุ้มกันอยู่ด้วย เป้าหมายคือเข้าไปเก็บแร่ Blood of Oros ออกมาให้ได้ 4 ก้อน ใช้ Hunter Vision สำรวจดูจะพบเป็นก้อนสีแดงอยู่ตามที่ต่างๆของเหมือง เมื่อตามเก็บมาจนครบ ก็จะจบภารกิจแล้ว Wogah ก็จะตามไปอยู่ที่หมู่บ้านตามสัญญา




** เมื่อได้ Wogah มาเป็นพวกก็จัดการสร้างกระท่อมนักล่าให้เขาซะ ซึ่งเมื่อเขามีกระท่อมนักประดิษฐ์ของแล้วก็จะทำให้ Takkar สามารถปลดล็อคอุปกรณ์ใหม่ออกมาให้สามารถสร้างขึ้นมาได้ (ตามแต่วัตถุดิบที่มี)  เช่น 
-Stone Shard และ Berserk Stone Shard ซึ่งเป็นอาวุธชนิดขว้างที่อยู่ส่วนล่างของเมนูอาวุธกด L1 เพื่อเลือกใช้แล้วกด R1 ในการขว้าง
-Trap กับดัก สามารถใช้ได้ตามจุดเครื่องหมายเฟืองสีขาวในแผนที่เพื่อทำร้านศัตรูและสัตว์ 
-Pack บรรดาถุงใส่ของต่างๆทั้ง ถุงไอเทมหลัก และ Belt เข็มขัดสะพายอาวุธต่างๆเพื่อเพิ่มจำนวนการถือ
-และก็จะทำให้ Takkar สามารถเรียนรู้ Skill สาย Crafting ของ Wogah ได้ด้วย **



                                                 Crafting Skill

Double Clubs – สร้างกระบองได้ครั้งละ 2 อันจากวัตถุดิบที่มีแค่ 1 อัน (2SP)
Vicious Traps – ทำให้กับดักทำงานต่อเนื่องสร้างความเสียหายเป็น 2 เท่า(1SP) **
Precision Sling –มื่อใช้ Sling ขว้างใส่ศัตรูแบบ Head Shot จะสามารถทำลายหมวกที่ใช้ป้องกันของมันได้ (2SP) **
Double Spears – สร้างหอกได้ครั้งละ 2 อันจากวัตถุดิบที่มีแค่ 1 อัน (3SP) **
Food Boosts I – เพิ่มผลจากการกินไอเทมอาหารให้ส่งผลนานขึ้นจาก 60 เป็น 90 นาที (1SP)
Double Sting Bomb สร้างระเบิดรังผึ้งได้ครั้งละ 2 อันจากวัตถุดิบที่มีแค่ 1 อัน (2SP) **
Double Trap – สร้างกับดักได้ครั้งละ 2 อันจากวัตถุดิบที่มีแค่ 1 อัน (2SP) **
Double Shards – สร้างหินขว้างได้ครั้งละ 2 อันจากวัตถุดิบที่มีแค่ 1 อัน (3SP) **
Double Bait – สร้างหินขว้างได้ครั้งละ 2 อันจากวัตถุดิบที่มีแค่ 1 อัน (1SP)
Food Boosts II – ทำให้เอฟเฟคจากการกินไอเทมอาหารให้ส่งผลนานขึ้นจาก 90 เป็น 120 นาที (1SP) **
Food Boosts III – ทำให้เอฟเฟคจากการกินไอเทมอาหารให้ส่งผลนานขึ้นจาก 120 เป็น 150 นาที (2SP) ** 

** คือ ปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Wogah ที่หมู่บ้านแล้ว
         

                     Lost Wenja – KAROOSH THE WARRIOR 

                                     -BROTHER IN NEED-

-เข้ามาที่จุดรับภารกิจสีเหลืองของ Karoosh ที่อยู่ทางทิศเหนือติดกับเขตน้ำแข็ง เข้ามาจะเจอคนในเผ่า Wenja ที่บาดเจ็บอยู่เขาจะขอให้ช่วยไปช่วยหัวหน้าของเขาที่กำลังต่อสู้อยู่ จากนั้นเดินทางไปที่จุดหมายสีเหลืองต่อไปจะเจอ Karoosh ที่กำลังเผาร่างของพวก Udam ที่เขาเพิ่งฆ่าไปอยู่


 Karoosh ยอดนักรบตาเดียวแห่งเผ่า Wenja หลังจากที่เผ่าแตกแล้วเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะล้างแค้นกับพวก Mog นักรบในเผ่า Udam ที่ฆ่าลูกเมียของเขาแถมยังทำให้เขาตาบอดด้วย เขาไล่ล่าพวก Mog ไปทุกที ก่อนที่จะฆ่าพวกมันแล้วเอาศพไปเผาเซ่นวิญญาณครอบครัวของเขาอย่างเมามัน ด้วยความเป็นนักรบที่ตรงไปตรงมา Karoosh รับรู้ได้ทันทีจากการแต่งตัวของ Takkar ว่าเป็น Wenja เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะถูกใจมากมายเมื่อ Takkar ตัดสินใจที่จะช่วยเขาล้างแค้นหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว 

-จากนั้นตั้งรับคอยรับมือจัดการพวกเผ่า Udam ที่บุกเข้ามาให้ดี จัดการศัตรูชุดแรกที่บุกเข้ามาให้หมดแล้วแบกศพของพวกมัน 3 ศพไปใส่กองไฟ แล้วจัดการศัตรูชุดที่ 2 ที่ออกมาให้หมด Karoosh ก็จะพอใจและยอมกลับอยู่ที่หมู่บ้านด้วยแล้ว ที่เหลือก็ตามไปที่หมู่บ้านแล้วหาวัตถุดิบสร้างกระท่อมให้เขาซะด้วยเพื่อรับสิ่งตอบแทนจาก Karoosh ได้เลย

Karoosh เป็นนักรบพันธ์อึดสิ่งที่ได้จากเขาหลังจากได้เข้าเป็นพวกคือ
-สามารถสร้าง Two - Hand Clubs กระบองยาวที่ต้องจับ 2 มือได้ สลับกับกระบองปกติด้วยการกดปุ่มซ้ายขวาในการเปลี่ยนอาวุธ
-สามารถสร้าง Winter Clothing ชุดกันหนาวที่จำเป็นมากสำหรับใช้เดินทางไปยังภาคเหนือที่หนาวเย็น ซึ่งมันจะช่วยความอบอุ่นทำให้เกทความหนาวเย็นลดลงช้าลงกว่าเดินในขณะเดินทางในดินแดนน้ำแข็งได้
- สามารถเรียนรู้ Skill สาย Fighting ได้


                                                  Fighting Skill 

Shard Takedown – เมื่อกด R3 ลอบฆ่าแล้วในขณะล็อคคอศัตรูอยู่สามารถกด R2 ขว้าง Shard Stone จัดการศัตรูอีกคนนึงได้ (2SP) **
Heavy Takedown – ทำให้สามารถลอบฆ่าศัตรูขนาดใหญ่ได้ (3SP) **
Chain Takedown – ทำให้สามารถกด R3 จัดการศัตรูในระยะประชิดได้ต่อเนื่องกันด้วยการใช้แกน L ดันไปที่เป้าต่อไปหลังจากจัดการเป้าหมายแรกแล้ว (4SP) **
Death From Above – สามารถฆ่าศัตรูได้จากด้านบนและด้านล่าง (1SP)
Mammoth Rider – สามารถขี่(ลูก) ช้างแมมมอธได้ด้วยการกดสี่เหลี่ยมข้างๆตัวมัน (2SP) **
Beast  Rider – สามารถขี่เสือเขี้ยวดาบและหมีได้ ด้วยการกดสี่เหลี่ยมข้างๆตัวมัน (2SP) **
Club & Spear Handing – ทำให้เล็งกระบองและหอกได้แม่นยำมากขึ้น(1SP)
Weapon Agility – ทำให้กดสามเหลี่ยมเปลี่ยนอาวุธและกด L2 เตรียมใช้อาวุธได้อย่างรวดเร็ว (1SP) **
use Weapon While Move Bodied – สามารถใช้กระบอกหรือหอกโจมตีศัตรูได้ในขณะแบกศพ  (1SP) **
Extra Heath – เพิ่มเกท HP ให้ 1 เกท (4SP) **

** คือ ปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้  Karooshที่หมู่บ้านแล้ว


                                        -THE BONE CAVE-

-ภารกิจที่รับมาจากคุยกับ Sayla ในช่วงแรกที่เธอต้องการให้ออกไปตามหาเหล่านักล่าที่เดินทางออกไปหาอาหารแล้วหายสาบสูญไป เข้าไปที่จุดรับภารกิจของ Sayla ติดกับชายแดนด้านเหนือใกล้ๆกับภารกิจของ Karoosh เข้าไปสำรวจที่ซากกวางแล้วใช้ Hunter Vision แกะรอยตามรอยเท้าผ่านขึ้นไปที่เขตทางเหนือที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและความหนาวเย็น ซึ่งในเมื่อเข้ามาในเขตนี้จะมีเกทความหนาวขึ้นมาด้วย มันจะลดลงไปเรื่อยๆจนหมดในระหว่างเดินทางถ้าหมดก็จะตาย แก้ด้วยการหาจุดแค้มป์ไฟแล้วจุดไฟให้ทัน แต่เป้าหมายที่จะไปในภารกิจนี้คือถ้ำ Bone Cave นั้นอยู่ไม่ไกลจากชายแดนมากนักฝ่าความหนาวไม่นานก็ถึงทางเข้าถ้ำแล้ว
-ตามรอยเท้าเข้าไปในถ้ำจะพบว่าเป็นที่อยู่ของพวกสิงโตถ้ำ สะกดรอยตามรอยเท้าเข้าไปจนพบตัวนักล่าเป้าหมายที่นอนบาดเจ็บอยู่ในซอกหินด้านบนของถ้ำ ถ้ามี Green Leaf อยู่ก็เอาให้เขาไปซะ แต่ระหว่างนั้นสิงโตและเสือเขี้ยวดาบที่อยู่ในถ้ำจะออกมาโจมตี จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปคุยกับนักล่าที่บาดเจ็บ เขาจะขอบคุณที่ช่วยเหลือและจะตามกลับหมู่บ้านในภายหลังเอง ก็เป็นอันจบภารกิจของ Sayla

 ตอนนี้ สามารถรวบรวมสามาชิกระดับสูงของเผ่ามาได้แล้ว 4 คนคือ หมอผี Tensay, นางพราน Jayma , นายช่างแขนเดียว Wogah และ ยอดนักรบตาเดียว Karoosh ซึ่งหลังจากชวนมาอยู่ที่หมู่บ้านแล้วสร้างกระท่อมให้พวกเขาจนครบแล้ว ก็จะมีจุดเหลืองของภารกิจหลักที่เป็นของพวกเขาให้ทำอีกชุดใหญ่เลย 

        ** เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นก็จะทำภารกิจของแต่ละคนรวมกันเป็นชุดๆไปนะครับ **



                              ** ภารกิจของ Jayma The Hunter **





                                                -THE TALL ELK-

เมื่อเข้ามาคุยกับ Jayma ในกระท่อมของเธอ Jayma เธอจะคุยกับ Takkar ในเรื่องความสำคัญของการเป็นนักล่าอย่างแรกคือ สายตาต้องดีและการตอบรับต้องรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะโชว์สเต็ปเทพรับสิ่งของที่ Takkar ข้วางมาได้หมดโดยไม่ต้องหันมามอง แต่ก็ถูก Takkar แซวเรื่องที่เธอช้ากว่าเขาตอนไปล่าหมีตอนที่เจอกันครั้งแรก ทำให้ Jayma หงุดหงิดและเสียหน้ามากเธอจึงท้าให้ Takkarไปล่ากวาง Elk หัวหน้าฝูงที่ป่าด้านตะวันออก เพราะการจะตามรอยกวางตัวนี้ได้นั้นต้องตามรอยพวกหิ่งห้อยไปถึงจะพบตัวมันซึ่งมีแต่พรานที่สายตาดีเท่านั้นที่สามารถจะล่าพวกมันได้ ทำให้ Takkar ต้องรับคำท้าและลองไปล่าดู
- เดินทางไปที่จุดรับภารกิจสีเหลืองของ Jayma ที่แค้มป์แห่งนึงในป่าทางฝั่งตะวันออก จากนั้นนอนจนตื่นมาตอนกลางดึกถึงจะเริ่มเห็นเบาะแสขึ้นพวกหิ่งห้อยที่ส่องแสงตามทางที่กวางเดินไป โดยต้องใช้ Hunter Vision ในการตามรอยไปเรื่อยๆ ซึ่งถึงจะเรียกว่าตามหิ่งห้อยแต่ก็จะมีร่องรอยสีแดงตามพื้นให้ตามอยู่แต่จะจางกว่ารอยเท้านั่นเอง พยายามแกะรอยตามมันมาจนถึงหน้าถ้ำน้ำตกก็จะเห็นพวกUdam กำลังออกไล่ล่ากวางตัวนั้นอยู่พอดี ต้องพยายามแกะรอยให้เจอกวางก่อนที่พวก Udam มันจะล่าได้ก่อน ซึ่งการแกะรอยกวางนั้นตัวกวางจะไม่มีจุดเหลืองบอกตำแหน่งให้ต้องแกะรอยแสงหิ่งห้อยเพื่อตามแสงไปจนพบกวางที่ตัวใหญ่มากที่เด่นกว่าตัวอื่น นั่นแหละหัวหน้าฝูวกวาง Elk เป้าหมายที่ต้องล่า จัดการฆ่ามันได้เลยแล้วเลาะหนังมันมา ก็จะจบภารกิจทันที

หลังจบภารกิจ กลับไปคุยกับ Jayma เธอจะคุยกับ Takkarในเรื่องความสำคัญของการเป็นนักล่าอย่างแรกคือ บาดแผลที่เกิดจากสัตว์ร้าย ที่เป็นเสมือนร่องรอยแห่งความกล้าของพรานทุกคน แต่เมื่อเธอดูร่างกายของ Takkar ที่ไร้ร่องรอยบาดแผลให้เห็นทำให้ Jayma ได้ทีเย้ยหยั้นว่าเป็นผิวหนังของทารกมากกว่านายพราน ทำเอา Takkar ถึงกับหงุดหงิดที่โดนดูถูก ก่อนจะคุยโตต่อว่าเขาผ่านการล่าสัตว์ร้ายมากมายแล้ว จนทำให้ Jayma ต้องนำเสนองานที่แสนยากให้ว่า สัตว์ร้ายที่ควรจะคู่ควรกับนักล่านั้นไม่ใช่แค่สัตว์บ้านๆที่เดินตามป่า แต่เป็นสัตว์ดุร้ายในตำนานของท้องทุ่งนี้ที่เรียกว่าเหล่า Great Beast ซึ่งจะทำให้ได้ภารกิจ GREAT BEAST HUNT ที่ต้องไล่ล่าตามจับสัตว์ร้ายในระดับตำนานชุดใหญ่มาทันที


                                           - GREAT BEAST HUNT-



Bloodtusk Mammoth Hunt ล่าแมมมอธขนาดใหญ่ที่ทุ่งน้ำแข็งทรุนดรา ทางตอนเหนือสุดของแผนที่ เมื่อเข้าไปถึงจุดรับภารกิจสีส้ม ก็จะพบจุดร่องรอยความบ้าคลั่งของแมมมอธขนาดใหญ่ที่เกิดจากสูดกลิ่นควันสารพิษที่ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อน จากนั้นใช้ Hunter Vision ตามรอยมันไปจนเจอตัวมัน ที่เหลือก็ต้องจัดการมันให้พลังหมด ระหว่างสู้เมื่อมันเริ่มพลังลดมันจะเริ่มหนีให้รีบตามไปให้ทันจนถึงลานกว้างสุดท้ายที่มันจะสู้ ที่นี่่มีจุดสร้างกับดักให้ด้วย พยายามใช้ทุกอย่างที่มีจัดการมันลงให้ได้ เมื่อมันล้มแล้วก็เข้าไปถลกหนังมันได้เลย (เสียดายที่เลี้ยงไว้ใช้งานไม่ได้)




ตามด้วยภารกิจ Great Beast ที่สามารถตามจับเหล่า Great Beast สัตว์ร้ายในตำนาน 3 ตัวมาใช้งานด้วยคือ
1.Bloodfang Sabretooth Hunt
2.Snowblood Wolf Hunt
3. Great Scar Bear Hunt
ซึ่งต้องสามารถจับเจ้าเสือเขี้ยวดาบ Bloodfang ให้ได้ก่อนแล้ว ภารกิจให้ตามจับ Snowblood จ่าฝูงหมาป่าสีขาว ถึงจะออกมาตามด้วยสุดท้ายการไล่ล่าเจ้าหมียักษ์หน้าบาก Great Scar ก็จะออกมาปิดท้าย



                                           การตามจับตัว Great Beast   

การตามจับพวก Great Beast ทั้ง 3 ตัวนั้นแตกต่างจากการตามสัตว์ธรรมดามากมายเพราะต้องฝ่าฟันหนทางการแกะรอยตามเบาะแสต่างๆที่เจอตามเส้นทางที่ค่อนข้างไกลและอันตรายก่อนที่จบลงด้วยการต่อสู้กับมันจนพลังหมดก่อนถึงจะเข้าไปกดสี่เหลี่ยมกล่อมมันเป็นพวกได้



-Bloodfang Sabretooth ที่อยู่ของมันต้องปีนหน้าผาข้ามมาที่โซนด้านใต้ของพื้นที่ เมื่อถึงจุดรับภารกิจแล้วก็เริ่มใช้ Hunter Vision ตามแกะรอยมันไปเรื่อยๆตามจุดเบาะแสต่างๆจนถึงแคมป์แห่งนึงที่มีนักล่าของ Wenja มาช่วยล่าด้วย (แต่ไม่ช่วยอะไรมากหรอกนะ) นอนแล้วตื่นมาตอนกลางดึกแล้ว Bloodfang จะออกมาโจมตีแค้มป์ ซึ่งสามารถใช้กับดักที่มีอยู่รอบๆพื้นที่ช่วยจัดการมันได้ พยายามสู้กับมันให้พลังลดเยอะที่สุดและอย่าให้มันวิ่งหนีกลับไปถ้ำมันได้ไม่งั้นต้องนอนให้มืดใหม่เพื่อไปรอเจอมันอีกรอบ (แต่พลังจะลดเท่าเดิมจากที่เคยสู้ไว้) จัดการมันจนพลังใกล้มันแล้วมันจะหนีไปที่ถ้ำ วิ่งตามมันไปให้ทันแล้วจัดการมันให้พลังหมดซะก็จะสามารถเข้าไปกดสี่เหลี่ยมกล่อมมันเอาเป็นพวกได้



-Snowblood Wolf นี่โหดสุดเพราะระหว่างที่ตามแกะรอยมันไปนั้นจะมีแต่พวกหมาป่าลูกน้องมันอยู่เต็มไปหมดแถมมันก็ไม่กลัวสัตว์ที่เราพามาด้วยไม่ว่าจะเอาตัวอะไรมามันจะโจมตีทันที ซึ่งต้องอาศัยความเร็วในการตามเบาะแสไปจนถึงที่อยู่ของมัน จากนั้นสั่งให้สัตว์ที่พามาไล่ล่ามันไปส่วนที่เหลือเอาร่วมโจมตีไปด้วยพร้อมๆกับเอาตัวรอดจากพวกลูกน้องหมาป่าจำนวนมากที่รุมเข้ามาด้วย เน้นจัดการ Snowblood ให้พลังหมดซะก็จะสามารถเข้าไปกดสี่เหลี่ยมกล่อมมันเอาเป็นพวกได้



Great Scar Bear – ตัวโหดตัวสุดท้าย ที่อยู่มันก็ไกลสุดจนต้องฝ่าฝันทะลุถ้ำไปจนถึงฝั่งตะวันตกของแผนที่เลย ใช้ Hunter Vision ตามแกะรอยมันไปตามจุดส้มต่างๆจนเจอตัวมัน รอบแรกจัดการมันจนพลังใกล้หมดแล้วมันจะหนีเข้าไปในถ้ำของมัน รีบตามล่ามันเข้าไปจนถึงด้านในถ้ำก็จะเจอมันยืนเตรียมลุยอยู่บนยอดเนินหินกลางถ้ำแล้ว ใช้พวกสัตว์ต่างๆช่วยสู้ให้เต็มที่ แล้วใช้ทุกอย่างที่ทำให้มันพลังหมดซะก็จะสามารถเข้าไปกดสี่เหลี่ยมกล่อมมันเอาเป็นพวกได้



หลังจากที่จัดการเหล่า Great Beast ลงได้แล้วกลับไปหา Jayma ในกระท่อมจะพบว่าเธอจะขอลาวงการแล้วออกเตรียมออกเดินทางท่องโลกกว้างของเธอต่อ แล้วทิ้งหน้าที่พรานผู้ยิ่งใหญ่ไว้ให้กับ Takkar ในการปกป้องเผ่าและเธอก็ได้ยอมรับในความเป็น Great Hunter ของ Takkar ก่อนจะจากไปพร้อมคำร่ำลาที่ว่า ตะวันสุดท้ายของชีวิตขอสิงสถิตอยู่ร่วมกันสัตว์ตลอดไป ...



                                  **ภารกิจของ Wogah the Crafter **





                                     -THE PEAK OF OROS-

เข้าไปคุยกับนายช่างตาเดียว Wogah ในกระท่อมที่หมู่บ้าน จะพบว่าเขากำลังตามหาตะขอเชือกที่เขาทำให้ไปในถ้ำ ซึ่ง Takkar ก็ต้องงัดออกมาโชว์ให้ดูว่าเขาเก็บมันได้และเอามันมาใช้อยู่ Wogah ก็โม้ให้ฟังนิดหน่อยถึงอุปกรณ์ที่เขาสร้างขึ้นมา และในเมื่อ Takkar เก็บตะขอเชือกไว้ใช้ก็ดีแล้ว Wogah จึงใช้งานให้ Takkar ไปเอาไอเทมขนนกหายากที่อยู่บนยอดเขาอินทรีย์ให้เขาเพื่อจะเอามาทำวัตถุดิบในการผลิตสิ่งของซะเลย 

-เดินทางไปที่จุดวงกลมเหลืองที่เป็นจุดภารกิจของ Wogah ทางตอนเหนือของหมู่บ้านที่ Eagle Cliff จากตีนเขาต้องใช้ตะขอเชือกกดสี่เหลี่ยมเกาะปีนขึ้นไปบนเนินเขาด้านบนแล้วเก็บเอาขนนกหายากที่อยู่ในรังนกของแต่ละชั้นของเนินเขามาให้หมดจนครบ 4 ชิ้นที่ด้านบนยอดเขา จากนั้นก็โดดลงมาจากกิ่งไม้ตรงรังนกอันสุดท้ายเพื่อลงมาที่บ่อน้ำตกด้านล่างตรงจุดเหลืองก็เป็นอันจบภารกิจ


                                      -THE LOST TOTEM-

เข้าไปคุยกับนายช่างตาเดียว Wogah ในกระท่อมที่หมู่บ้าน คราวนี้ Wogah จะเล่าเรื่องตอนที่หมู่บ้านถูกทำลายโดยพวก Udam ซึ่งตอนนั้นเขาถูกพวกมันตัดแขนไปกินด้วยและที่สำคัญที่สุด พวกมันก็ได้ชิงเอา Totem หรือเสาสัญลักษณ์ที่สิงสถิตของวิญญาณของบรรพบุรุษของหมู่บ้านไปด้วย Wogah จึงต้องการให้ Takkar ไปชิงเอากลับคืนมาจากพวก Udam เพื่อแก้แค้นให้เขาและชิงเอาสิ่งสัญลักษณ์ของเผ่ากลับคืนมา 

-จากนั้นเดินทางไปที่จุดเหลืองเป้าหมายของภารกิจของ Wogah เข้าไปจะพบแค้มป์ของพวก Udam อยู่ที่นั้น ศัตรูที่มีจุดเหลืองอยู่ที่ตัว 2 คนคือคนที่มีชิ้นส่วนของ Totem อยู่ จัดการมันซะ แล้วค้นตัวมันเก็บ Totem มาให้ครบ 3 ชิ้น ส่วนศัตรูที่เหลือจะฆ่าให้หมดหรือจะหนีออกนอกพื้นที่เลยก็ได้



เมื่อกลับไปหา Wogah ที่หน้าหมู่บ้านเขาก็จะเอาชิ้นส่วนที่ถูกขโมยไปมาสร้างเป็น Totem เสาสัญลักษณ์ที่สิงสถิตของวิญญาณของบรรพบุรุษของหมู่บ้านอันใหม่ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในเผ่าได้อีกครั้ง 



                                        **ภารกิจของ Tensay the Shaman **





                                               -TAKEN WENJA-

เข้าไปคุยกับหมอผี Tensay ในกระท่อมที่หมู่บ้าน จะพบว่าเขากำลังรักษาคนในเผ่าที่โดนไฟคลอกมาจนทรมานร้องลั่นหมู่บ้าน ซึ่งหมอผี Tensay เล่าให้ฟังว่าเป็นฝีมือของพวก Sun Walkers หรือเผาบูชาไฟ Izila ที่ถือว่ามันเป็นเผ่าที่เป็นศัตรูของเผ่า Wenja มาตลอด ถึงแม้มันจะไม่โจมตีแบบเหี้ยมโหดแบบเผ่า Udam ที่เป็นศัตรูตัวร้าย แต่พวก Sun Walkers ก็จับตัวคนในเผ่า Wenja ไปทำพิธีบูชายัญด้วยการจับย่างสดทั้งเป็นมาตลอด พูดจบ หมอผี Tensay ก็ต้องหักคอคนที่โดนไฟครอกให้ตายเพื่อไม่ต้องทนต่อความเจ็บปวดต่อไป ก่อนจะบอกให้ Takkar ไปช่วยเหลือคนในเผ่าที่ถูกพวก Sun Walkers จับไปกลับมาก่อนจะถูกเผาทั้งเป็น 



-เดินทางไปที่จุดเป้าหมายสีเหลืองที่เป็นจุดภารกิจของ Tensay ทางด้านตะวันออกของแผนที่ เมื่อมาถึงแล้วจะเป็นจุดที่คนในเผ่า Wenja ถูกจับตัวไป จากนั้นใช้ Hunter Vision ตามร่องรอยของเลือดไปตามทางจนถึงทางเข้าช่องแคบ Mash Maya Rock ที่ต้องดำน้ำผ่านเข้ามาที่ถ้ำด้านในก่อนจะทะลุไปออกที่แค้มป์ของเผ่า Izila ระหว่างที่ลอบว่ายน้ำเข้ามาก็จะพบหัวหน้าเผ่าสาวจอมโหดที่กำลังฆ่าคนในเผ่า Wenja อย่างเลือดเย็นบนสะพานที่กำลังว่ายน้ำข้ามไป
-เมื่อปีนขึ้นมาในแค้มป์ด้านบนแล้วจะพบว่าที่นี่เป็นที่ทำพิธีบูชายัญและมีพวก Wenja ส่วนนึงถูกจับขังอยู่ ใช้ Hunter Vision ตามรอยเท้าไปก็จะพบพวกคนในเผ่า Wenja ถูกขังอยู่ในคุกทางฝั่งซ้ายของแค้มป์ ลอบเข้าไปปล่อยพวกเขาออกมาก่อนเพื่อให้เป็นกองหนุนในการต่อสู้ จากนั้นก็เริ่มโจมตีพวกศัตรูในแค้มป์ได้เลย เป้าหมายคือเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดจนกว่าเกทการทำลายจะเต็ม แล้วหนีออกไปที่ทางออกที่จุดเหลืองได้เลย แต่ในขณะที่ Takkar กำลังจะพาทุกคนหนีออกจากที่นี่ คนของเผ่า Izila ที่ดักซุ่มอยู่ก็ลอบโจมตีออกมาจนสามารถอัด Takkar จนสลบไปจนได้



ภาพเบลอจากสายตาที่พร่ามัวเพราะโดนฟาดหัวจนสลบไปก็เริ่มค่อยเห็นคนในเผ่าที่ Takkar ช่วยออกมากำลังโดนโยนไปในกองไฟกันทีละคน จนถึงคิวของตัวเอง แต่ Batari ราชินีแห่งเผ่า Izila ก็ออกมาห้ามคนของเธอไม่ให้ฆ่า Takkar ไว้ซะก่อน เพราะเธอรับรู้ได้ว่า Takkar เป็น Beast Master ของเผ่า Wenja ซึ่งพวก Beast Master นั้นใช้ไฟในการต่อสู้และสามารถเห็นนิมิตรในยามหลับ (ความฝัน) ได้เหมือนกันกับคนของIzila และด้วยร่างกายที่กำยำแข็งแรงของ Takkar ที่ Batari สัมผัสได้ เธอจึงให้โอกาส Takkar ที่จะต่อสู้ร่วมกับเผ่า Izila ของเธอเพื่อการครอบครองดินแดน Oros และแน่นอนว่า ทันทีที่ Batari ได้ยินคำตอบปฎิเสธเสียงแข็งจาก Takkar ว่า “ข้าไม่เอาด้วย” Batari จึงผลัก Takkar ลงไปในกองไฟให้มอดไหม้เหมือนกับ Wenja คนอื่นๆทันที 

-หลังจากตกลงมาในหลุมกองไฟแล้ว รีบโดดลงในน้ำด้านหลุมแล้วดำน้ำลอดผ่านมาที่แค้มป์อีกครั้ง ตอนนี้พวก Izila ก็กำลังออกไล่ล่าทั่วไปหมด ไม่ต้องไปสนใจ รีบว่ายน้ำมุดกลับย้อนไปจนถึงทางที่เข้ามาให้เร็วที่สุดเพื่อหนีออกจากที่นี่ให้สำเร็จ จากนั้นก็ย้อนกลับไปคุยกับหมอผี Tensay ที่หมู่บ้านอีกครั้ง


Tensay – เจ้าทำได้ดีมาก วิญญาณของผู้ที่โดนฆ่าตายจะได้ไปสู่สุขคติ
Takkar – ข้าเจอหัวหน้าของพวก Sun Walkers ด้วย มันได้ฆ่าพี่น้องเราที่อยู่ที่นั่นจนหมด 
Tensay – ที่เจ้าเจอก็คือ Batari ธิดาแห่งดวงตะวันที่มีหัวใจเป็นเปลวไฟ นางต้องการให้ Wenja ไปสร้างวิหารของนางใน Marshland 
Takkar – ข้าได้เจอ Batari ครั้งนึงแล้ว ข้าก็ต้องตามล่าจนเจอนางได้อีกแน่นอน !! 
Tensay – ว่ากันว่านางเกิดจากไฟและสามารถส่งเสียงกรีดร้องเป็นเปลวไฟเผ่าไหม้ผู้คนได้ เจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด Beast Master ก่อนที่ได้เจอกับ Batari !!


และด้วยวีรกรรมนี้ของ Takkar ในครั้งนี้ก็ทำให้ Batari และเผ่า Izila ของเธอที่เคยเป็นศัตรูเก่ากันอยู่ต้องประกาศสงครามกับเผ่า Wenja ทันที ส่งผลให้มี ภารกิจหลักของสงครามอันใหม่ขึ้นมาอีกอันที่ป้อม FIRE SCREAMING FORT ของเผ่า Izila ที่อยู่ทางใต้ขึ้นมาอีกจุด 




                                              -VISION OF FIRE-




หลังจบเหตุการณ์ของพวกเผ่า Izila เข้าไปคุยกับหมอผี Tensay ในกระท่อมที่หมู่บ้านอีกครั้งหมอผี Tensay ก็จะเริ่มผสมเลือดศักดิ์สิทธิ์ Sun Blood ขึ้นมา เพื่อให้ Takkar เห็นนิมิตในสิ่งที่พวก Izila นับถือ ซึ่งสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่มันหวาดกลัวและเป็นจุดอ่อนที่จะนำมาใช้ในการเอาชนะสงครามกับพวกมันได้ง่ายขึ้นด้วย 


- เมื่อเข้ามาในนิมิตของ Takkar ก็จะเห็นสิ่งที่พวก Izila นับถือนั่นคือ หน้ากากแห่ง Krati  นั่นเอง และในนิมิต Takkar ก็จะใช้พล้งของธนู Fire of Krati ในการยิงทำลายพวก Izila  ซึ่งธนู Fire of Krati นี้จะยิงเป็นธนูไฟและเมื่อยิงศัตรูตายมากกว่า 5 คนแล้วมันจะสามารถยิงได้ครั้งละ 3 ดอกได้ด้วย

     

-ใช้ธนูไฟยิงลุยศัตรูเข้าไปจนถึงเสาศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันแล้วยิงทำลายเสาให้พังให้หมด จากนั้นนิมิตของ Takkar ก็จะพามาสถานที่แห่งนึงที่เป็นที่ทำพิธีกรรมเปลี่ยนสภาพดวงจันทร์ของพวก Krati ใช้ธนูไฟยิงลุยศัตรูเข้าไปจนถึงลานกว้างหน้าพระจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ ยิงศัตรูจนทำให้ธนูเป็น 3 ดอกแล้วยิงทำลายดวงจันทร์ทุกจุดไปจนถึงลานกว้างสุดท้าย เมื่อทำลายพิธีของมันได้ Takkar ก็จะตื่นขึ้นจากนิมิต


Takkar – ข้าเห็นจุดจบของพวก Izila แล้ว
Tensay – ไม่ มันจะเป็นจุดจบของทุกสิ่งต่างหากถ้าพวกมันนำดวงตะวันแห่งความน่ากลัวนั่นมาแทนดวงจันทร์  แต่เจ้าได้เห็นสิ่งที่พวกมันปกปิดอยู่แล้ว Krati ... Krati นั่นไง ข้าต้องการนิมิตเพิ่มอีก แต่ตอนนี้เจ้าออกไปได้แล้ว

------------------------------------------------------------------------------------------------ หลังจบภารกิจจะมีภารกิจของ Urki the thinker ที่เป็นตัวละครในเผ่าคนใหม่โผล่ขึ้นมาทางฝั่งตะวันออก แวะเข้าไปทำความรู้จักกันก่อน 




                                                 -Urki the thinker -

Urki the thinker หรือ อูลกิยอดนักคิด ที่เป็นเสมือนนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องในเผ่า Wenja แต่ยังไม่มีผลงานอะไรที่พอจะนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงนอกจากแนวคิดอยากลองอยากรู้ในแบบวิทยาศาสตร์ และ Urki ยังอยู่ในฐานะ Easter Eggs หรือ มุกตลกที่ทีมงานผู้พัฒนาสอดแทรกเอาไว้ให้แอบฮาของเกม Far Cry Primal ด้วย มาลองเริ่มภารกิจความฮาแบบมีสาระของเขากันเลย


                                               -FLY LIKE BIRD-

เดินทางมาที่จุดรับภารกิจวงกลมเหลืองของ Urki the thinker ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน เข้ามาจะพบ Urki กำลังยุ่งอยู่กับเจ้านกน้อยที่จับมาเพราะอยากจะหาวิธีที่จะบินได้เหมือนมัน Takkar เลยตอบให้หายข้องใจว่า อาจเพราะไม่มีขนนกเหมือนมันมั้งเลยบินไม่ได้ เท่านั้นแหละ Urki ก็นึกวิธีได้โดยจะให้ Takkar ไปหาขนนกและวัตถุดิบต่างๆมาให้เขาเพื่อใช้ทดลองในการบิน

-ออกจากถ้ำของ Urki มาที่จุดสีเหลืองเป้าหมายใหม่ที่บ่อน้ำหน้าน้ำตก สิ่งที่ต้องเก็บมีดังนี้

1. Snow Bird Feather ขนนก สโนว์เบิร์ดตัวนกจะเดินอยู่ตรงเกาะกลางบ่อน้ำ



2. Raven Feather  ขนอีกาซึ่งจะบินมาเกาะที่โขดหินริมน้ำตรงทางที่เดินเข้ามา




3. Bitefish ปลาไบท์ฟิสว่ายอยู่ในบ่อน้ำ



4. Tortoise Shell กระดองเต่า ซึ่งมันจะเดินอยู่ทางขวาของน้ำตก


-เมื่อเก็บได้จนครบแล้วเอากลับไปให้ Urki ที่เนินด้านบนของหน้าผาใกล้ๆน้ำตก เพื่อให้เขาเอาขนนกและวัตถุดิบทุกอย่างไปใช้ในการบิน จากนั้นลงไปรอดูที่จุดเหลืองตรงเนินหินด้านล่าง จากนั้น Urki ก็จะถือขนนกไว้ในมือแล้วโดดลงจากหน้าผาอย่างมั่นใจ




… สุดท้าย ก็ต้องร่วงลงตกลงไปตามแรงโน้มถ่วงที่กองฟางด้านล่างอย่างน่าผิดหวัง แต่ให้จะรู้ว่า ในอีกหลายล้านปีต่อมามันจะกลายเป็นต้นกำเนิดของการโดด leap of faith ของเหล่าภาคีนักฆ่า Assassin creed ในเวลาต่อมา ฮ่าๆๆๆ พักความฮาเอาไว้ก่อนแล้วรอภารกิจ Urki ต่อไปจะออกมา .....

----------------------------------------------------------------------------------------------------

                                     **ภารกิจของ Karoosh the Warrior **





               
                                                      -STOMP UDAM-

เข้าไปคุยกับ Karoosh ยอดนักรบในกระท่อมที่หมู่บ้าน เขาจะเล่าเรื่องความกังวัลใจของเขาเรื่องที่พวก Udam ออกไล่ล่าพวกแมมมอธอย่างหนักจนทำให้พวกช้างเกิดความเครียดจนบ้าคลั่งขึ้นมาสร้างความวุ่นวายไปทั่วในเขตภาคเหนือตอนบน เขาจึงต้องการให้ Takkar ไปหยุดยั้งพวกมันและหาทางช่วยเหลือพวกแมมมอธด้วย 

**ภารกิจนี้ต้องอัพ Fighting Skill ให้ถึง Mammoth Rider ก่อน ** 

-เดินทางไปที่จุดรับภารกิจสีเหลืองของ Karoosh ที่อยู่ในดินแดนน้ำแข็งทางเหนือ เข้ามาจนถึงแค้มป์ของพวก Udam จะเห็นลูกช้างแมมมอธถูกจับอยู่ เข้าไปขึ้นขี่ช้างแมมมอธแล้วไล่ถล่มศัตรูซะ เป้าหมายคือทำลายสิ่งก่อนสร้างในแค้มปให้หมดจนเกทการทำลายเต็ม จากนั้นก็พาช้างไปหาครอบครัวของมันที่ถูกจับอยู่อีกด้านแล้วค่อยลงจากช้างเพื่อปล่อยพวกมันเป็นอิสระก็เป็นอันจบภารกิจ


                                                -EYE FOR AN EYE-

เข้าไปที่จุดรับภารกิจของ Karoosh ที่หมู่บ้าน คุยกับคนของ Karoosh ที่หน้ากระท่อมของเขา จะพบว่าตอนนี้ Karoosh รู้ที่อยู่ของ MOG ชายที่ฆ่าครอบครัวของเขาและทำให้เขาตาบอดแล้ว Karoosh จึงไม่รอช้าที่ลุยเดี่ยวไปตัดหัวมันเพื่อล้างแค้นที่แค้มป์ของพวก Udam ทันที ซึ่งการบุกเดี่ยวอย่างบ้าคลั่งนี้อาจทำให้ Karoosh ตายได้ ลูกน้องของ Karoosh จึงต้องการให้ Takkar เดินทางไปช่วย Karoosh ให้เร็วที่สุด

-เดินทางไปที่จุดรับภารกิจสีเหลืองของ Karoosh ที่ขึ้นมาทางทิศเหนือจะพบกับแค้มป์ของพวก Udam ใช้ Hunter Vision แกะรอยลอบเข้าไปจนถึงถ้ำด้านบนสุดก็จะพบ Karoosh นอนจมกองเลือดกับศพของ Mog หลังจากที่เขาฆ่ามันได้สำเร็จ แต่ก็บาดเจ็บเกินจะเดินไหวแล้ว เอาสมุนไพรหญ้าเขียว Green Leaf ให้เขา (ถ้าไม่มีก็ต้องลุยออกไปหามา) เมื่อเขาแข็งแรงแล้ว ก็ร่วมกันลุยศัตรูมากมายเพื่อจุดหมายคือหนีออกไปให้พ้นจากที่นี่


Karoosh – ฮ่าๆ วันนี้ !! จบกันทีไอ้ Mog ใช่มั๊ย Takkar เจ้าทำให้ข้าเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้งพี่น้องข้า ฮ่าๆ Mog ตายแล้ว ครอบครัวข้าจะได้นอนตายตาหลับซะที เจอกันทีหมู่บ้านนะเพื่อนข้า ฮ่าๆๆ  

       

                                           ** ภารกิจของ Sayla the Gatherer ** 





เข้ามาในกระท่อมของ Sayla ที่หมู่บ้านด้านในจะเต็มไปด้วยใบของพวก Udam ที่ Sayla ตัดมาจากศพของพวกมันเพราะความแค้น และมันเป็นสิ่งที่ทำให้ใจเธอสงบจากเสียงกรีดร้องที่วุ่นวายจากโลกภายนอก และมันจะสงบกว่านี้ถ้า Takkar สามารถฆ่าเจ้า Ull ให้ได้ซักที Takkar จึงสัญญาว่าเขาจะไปจัดการมันถึงบ้านแน่นอน ก่อนที่ Sayla จะบอกถึงสิ่งที่เธอรู้ว่า ดินแดนของ Udam นั้นมีควันพิษที่ปกคลุมอยู่เป็นเกราะป้องกันให้พวกมันไปในตัว แต่เธอรู้วิธีที่จะเอาชนะมันได้ Sayla จึงบอกให้ Takkar ไปเก็บ Yellow Leaf ใบไม้สีเหลืองหายากที่ขึ้นอยู่ทางตอนเหนือในเขตของ Udam มาให้เธอเพื่อปรุงยาแก้พิษ


                                              -INTO UDAM LAND-


-เดินทางไปที่จุดเป้าหมายสีเหลืองที่เป็นจุดภารกิจของ Sayla ที่ขึ้นมาที่ตอนเหนือของแผนที่ เมื่อเข้าไปถึงพื้นที่เป้าหมายใช้ Hunter Vision มองหา Yellow Leaf ที่เห็นเป็นสีแดงให้เจอ แต่เมื่อ Takkar เข้าไปเก็บมาเขาจะเจอควันพิษที่พุ่งออกมาใส่จนเกิดเห็นภาพหลอนมากมายออกมา จนพวก Udam เข้ามาพบเข้าจึงซัด Takkar จนสลบแล้วพาตัวกลับมาที่ถ้ำทันที

เมื่อลืมตารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเขาถูกจับมาขังอยู่ในคุกของพวก Udam ในถ้ำแห่งนึงก่อนที่ Takkar จะได้เจอกับ Ull หัวหน้าเผ่ากินคน Udam ที่เข้ามาคุยด้วย



Ull – ข้าเคยเห็นแก ที่หมู่บ้านของพวกเลือดอ่อนนั่น คราวนี้เสนอหน้ามาถึงถิ่นข้าเลยหรอ ? คนของข้าป่วยเพราะกะโหลกไฟจนตายมากมายที่นี่ และบางที เนื้อของพวกเลือดอ่อนอย่างพวกแก่จะทำให้ Udam แข็งแรงขึ้น แล้วถึงตอนนั้นข้าก็จะทำลายเผ่าของแกให้ย่อยยับให้ไม่เหลือซากอีกเลย ไอ้พวกเลือดอ่อนไร้ค่า !! 

-เมื่อ Ull คุยจบแล้วเดินจากไปแล้ว ก็เริ่มหาทางหนีออกจากคุกได้ ตอนนี้ไม่มีอาวุธอะไรติดตัวเลย เข้าไปสำรวจศพด้านในคุกจะได้ตะขอเชือกมาใช้ เอามาปีนเกาะหินด้านบนถ้ำเพื่อโหนตัวออกจากคุกได้ ย่องเข้าไปหาพวก Udam ที่นั่งเฝ้าถุงเก็บของอยู่ ลอบฆ่ามันซะแล้วเก็บอาวุธและเครื่องมือกับไอเทมต่างๆของตัวเองกลับมา
-จากนั้นก็ต้องหนีออกจากถ้ำของพวก Udam โดยการใช้ Hunter Vision แกะรอยไปตามทางระหว่างด้านนอกถ้ำที่กำลังมีพายุหิมะที่ทำให้เกทความหนาวลดลงเร็วมากกับในถ้ำที่เต็มไปด้วยเผ่า Udam มากมาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปเปิดฉากลุยแหลกเพราะงานนี้มีแต่เสียเปรียบ พยายามใช้การลอบฆ่าและใช้หินหลอกล่อศัตรูให้พ้นทางเพื่อเดินทางไปตามรอยเท้าที่แกะรอยนำทางไปเรื่อยๆตามทางในถ้ำต่อถ้ำจนถึงถ้ำสุดท้าย ที่ต้องฆ่าเป้าหมายคือหัวหน้าผู้คลุมถ้ำของพวก Udam ซึ่งสามารถลอบไปที่เนินทางซ้ายแล้วยิงธนูมาใส่เป้าหมายที่ยืนทำพิธีอยู่ที่เนินทางขวาได้เลย จากนั้นที่เหลือก็ลอบออกไปให้ถึงทางออก



เมื่อกลับมาหา Sayla ที่หมู่บ้าน Takkar ก็จะเอา Yellow Leaf ที่ต้องเกือบแลกด้วยชีวิตก่อนจะได้มาให้เธอปรุงยาถอนพิษให้ เธอจะปรุงยาให้ด้วยรอยยิ้มเพราะหมายจะให้ Tarkar ไปไล่ล่า Ull เพื่อตัดหูมากฝากเธอให้สาสมใจนั่นเอง 

**  ตอนนี้ก็จะสามารถสร้าง Antidote ในคำสั่ง Plant Menu ได้แล้ว พร้อมๆกับภารกิจการบุกดินแดนของ Udam ที่ชื่อ UDAM HOMELAND ที่โผล่ออกมาทางฝั่งตะวันออก เพื่อรอเวลาที่แข็งแกร่งพอจึงจะสามารถบุกถึงเพื่อเข้าไปตัดสินชะตากับ Ull ได้  ** 



                                     **ภารกิจของ Tensay the Shaman **
   
                                           -THE MASK OF KRATI-

เข้าไปคุยกับหมอผี Tensay ในกระท่อมที่หมู่บ้านทั้งคู่จะหารือกันเรื่องหานทางในการเอาชนะเผ่าIzila แบบเด็ดขาด



Tensay – ผิวหนังที่ไม่มีความรู้สึก ข้าสูญเสียความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดไปตั้งนานนมมาแล้ว ตั้งแต่สมัยข้าถูกจับไปเป็นทาสของพวก Izila แล้วถูกเผาทุกวันนั้นแหละ นางเผาข้าและกำลังจะเผาทุกอย่างใน Oros จนหมดถ้าเราไม่รีบหยุดนาง และสิ่งที่เราต้องการคือ Krati 
Takkar – หน้ากากที่ข้าเห็นในนิมิตหรอ ?
Tensay – มันไม่ใช่แค่หน้ากาก Batari หวงแหนมันแล้วก็กลัวเกรงและนับถือมันที่สุด ตอนนี้มันอยู่ในวิหารของพวก Sun Walker เจ้าพร้อมแล้ว Beast Master ไปขโมยมันมาให้ข้า !!

-เดินทางไปที่จุดรับภารกิจวงกลมเหลืองของ Tensay ทางฝั่งตะวันออกจะพบโถงถ้ำน้ำตกขนาดใหญ่ที่พวกเผ่า Izila เรียกว่าวิหารศักดิ์สิทธ์ของพวก Izila และเป็นที่เก็บรักษาหน้ากาก Krati ที่พวก Izila เคารพบูชาตั้งตระหง่านอยู่บนโขดหินด้านบนของถ้ำคือเป้าหมายที่ต้องไปเอา ในวิหารมีศัตรูค่อนข้างเยอะแต่ก็มีที่หลบซ่อนใช้กลยุทธในการโจมตีเยอะด้วย ทางที่ใกล้ที่สุดในการเข้าไปถึงแท่นที่วางหน้ากากคือปีนขึ้นไปทางฝั่งขวาจากนั้นก็เดินลอบเลาะริมทางซ้ายต่ออ้อมมาที่ตั้งหน้ากากได้


-ตรงนี้ถ้าจัดการศัตรูจนหมดถ้ำหรือลอบเข้าไปเอาหน้ากากแบบไม่มีศัตรูเห็นเลย ในตอนที่กำลังจะหยิบหน้ากากแล้ว Batari กำลังจะออกมา Takkar ก็จะสามารถเอาหน้ากากไปและหลบไม่ให้ Batari เห็นได้ แต่ถ้าตอนเข้ามาศัตรูเจอตัวแล้วเข้ามาหยิบหน้ากาก Batari ก็จะออกมาใช้ธนูยิงใส่จนบาดเจ็บเพื่อแย่งหน้ากากคือ แต่สุดท้าย Takkar ก็จะเอาลูกธนูทิ้งคอ Batari แล้วชิงเอาหน้ากากโดดหนีลงน้ำไปได้เหมือนกัน เมื่อได้หน้ากากมาแล้วก็ลุยหนีออกมาจนถึงทางออกของถ้ำให้ได้ Takkar ก็จะนำหน้ากากไปส่งให้ Tensay ต่อทันที


Tensay – เจ้าเอามันมาจนได้ หน้ากากแห่ง Krati ฮ่าๆ เยี่ยวใส่ซะเลยที่ผ่านมา Batari นางกลัวนางกากนี่แต่ต่อไปนางจะต้องกลัวเจ้า Beast Master เอ้า ใส่หน้ากากนี่ซะทำให้ตัวเองเป็น Krati ที่นังลูกสาวพระอาทิตย์ Batari มันหวาดกลัว จากนั้นก็ฆ่านางซะ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องมีสัตว์ขนาดใหญ่เพื่อโจมตีวิหารของมันด้วย เอาหน้ากากติดตัวไปด้วย แล้วก็ Takkar !! จงทำให้ที่นังลูกสาวพระอาทิตย์ Batari มันกรีดร้องอย่างทรมานด้วย !!!  

หลังจากจบภารกิจนี้ ก็จะมีภารกิจใหม่ในการบุกวิหารใหญ่ที่เป็นที่อยู่หลักของเผ่า Izila ที่ชื่อภากิจว่า Izila Homeland ขึ้นมาทางฝั่งตะวันออกของแผนที่แล้ว .....

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจบภารกิจจะมีภารกิจของ Urki the thinker อันที่ 2 ขึ้นมาเพิ่มในแผนที่ด้วย แวะเข้าไปเพื่อช่วยงาน Urki ยอดนักคิดกันหน่อยก็ดี ...



                                          -STRONG LIKE ROCK-        



เข้าไปที่ถ้ำของ Urki ข้างน้ำตกใหญ่จะพบว่าเขากำลังทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายเพื่อให้ทนทานต่ออาวุธของพวก Udam แต่ก็ทดลองซะหอกยังปักอยู่ที่พุงอยู่เลย จน Takkar ต้องดึงออกให้ก่อนจะเตือน Urki ว่าผิวหนังของคนไม่สามารถทนทานหอกได้เพราะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนหิน และเมื่อ Urki ได้ยินดังนั้นจึงคิดได้ว่า เขาจะหาวิธีที่จะทำให้ผิวแข็งแกร่งเหมือนหินจึงให้ Takkar ไปหาหินหายากมาให้เขาทันที
- จากนั้นเดินทางไปที่แค้มป์ของพวก Izila ที่จุดเหลืองในแผนที่ ใช้ Hunter Vision มองหาหินที่ Urki เป็นสีแดงขึ้นมาแล้วลอบหรือลุยเข้าไปเก็บเอามาให้ครบ 3 อัน แล้วเอาไปให้ Urki ที่หน้าถ้ำ

     

เมื่อได้ก้อนหินมาแล้ว Urki ก็จะให้ Takkar รอซักพักก่อนเขาจะเข้าไปเตรียมผิวหน้าหินจนพร้อมออกมายืนล่อเป้าแล้วให้ Takkar ทดลองปาหอกใส่ ...สุดท้าย Urki ที่ผิวแกร่งดุจหินก็นอนแน่นิ่งจมกองเลือดเพราะหอกทิ่มเข้าที่ท้องแบบมิดด้ามอย่างน่าสมน้ำหน้า 

------------------------------------------------------------------------------------------------------

*** สรุปภารกิจที่เหลืออยู่ในตอนนี้เป็นภารกิจหลักของเรื่องคือ ** 
1 ภารกิจทำลายป้อม BIG DRAWA FORT ของเผ่า Udam 
2. ภารกิจทำลายป้อม FIRE SCREAMING FORT ของเผ่า Izila
3  Udam Homeland  ภารกิจล่าตัว Ull หัวหน้าเผ่า Udam
4. Izila Homeland ภารกิจล่าตัว Batari หัวหน้าเผ่า Izila



                                       -BIG DRAWA FORT-


         

กลับมาที่ภารกิจที่เกิดจากการเปิดสงครามระหว่างเผ่า Wenja และเผ่า Udam ซึ่งภารกิจนี้ต้องเข้าไปตีป้อมหลักของพวก Udam ที่อยู่ในดินแดนทางเหนือ 

- เดินทางมาที่จุดภารกิจสีเหลืองด้านเหนือของพื้นที่ ที่นี่จะเป็นป้อมหน้าด่านก่อนเข้าถึงอณาจักรของพวก Udam จึงเต็มไปด้วยเหล่านักรบระดับสูงมากมายที่ป้องกันที่นี่อยู่ทั้งพวกเกราะหนักและพวกที่ใช้ระเบิดควันพิษ เป้าหมายคือฆ่าศัตรูในป้อมให้หมดทุกคนก็จะสามารถยึดป้อมได้พร้อมกับจับตัวผู้คุมป้อมของ Udam ที่ชื่อ Dah ได้ด้วย



Dah – ฝีมือดีนี่เจ้าเลือดอ่อน 
Takkar – แกรู้จักไอ้ระเบิดพิษนี่ดีมากใช่มั๊ย 
Dah – รู้สิ เอาไว้จัดการกับพวกเลือดอ่อนอย่างแกแล้วจับเอามากินไงละ !! รออะไร ฆ่าข้าซะสิ !!
Takkar – ไม่ แกต้องกลับไปที่หมู่บ้านข้าแล้วสอนข้าทั้งหมดเกี่ยวกับระเบิดควันพิษพวกนี้ 
Dah – อ๊ากกกกก !!!
Takkar – ไปซะ เดินไปเดี๋ยวนี้ !! 




จากนั้น Takkar จะนำตัว Dah กลับมาที่หมู่บ้านแล้วขังไว้ในกรงขังอย่างดีก่อนที่จะบังคับให้ Dah สอนเขาในการสร้างระเบิด Berserk จนสุดท้าน Dah ก็ต้องยอมทำตามคำสั่ง
ซึ่งจะทำให้ Takkar ได้ความรู้ของพวก Udam มาใช้คือ
-สามารถสร้างระเบิด Berserk Bomb ได้
- สามารถเรียนรู้ Udam Skill จาก Dahได้


                                                     Udam Skill



Melee Resistance I – มีความทนทานต่อการโจมตีด้วยอาวุธประเภทฟาดของศัตรูรวมทั้งการโจมตีของสัตว์และทำให้โอกาสที่ศัตรูจะทำให้ล้มลงได้น้อยลง (2SP) 
Double Berserk Bomb – สร้างระเบิดบ้าคลั่งได้ครั้งละ 2 อันจากวัตถุที่มีแค่ 1 อย่าง  (2SP) ** 
Melee Resistance II – ทำให้มีโอกาสบาดเจ็บจากการโจมตีจากทั้งศัตรูและสัตว์ป่าน้อยลง  (4SP) **
Primitive Heal III – สามารถรักษาอาการบาดเจ็บในแบบพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1 เกทพลังชีวิต (4SP) **

** คือ Skill ที่สามารถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Dah ในหมู่บ้านได้แล้ว 






                                                -FIRE SCREAMING FORT -


ภารกิจที่เกิดจากการเปิดสงครามระหว่างเผ่า Wenja และเผ่า Izila ซึ่งภารกิจนี้ต้องเข้าไปตีป้อมหลักของพวก Izila ที่อยู่ในดินแดนทางใต้

- เดินทางมาที่จุดภารกิจสีเหลืองตอนใต้ของพื้นที่ ที่นี่จะเป็นป้อมหน้าด่านก่อนเข้าถึงอณาจักรของพวก Izila จึงเต็มไปด้วยเหล่านักรบระดับสูงมากมายที่ป้องกันที่นี่ แต่พื้นที่ของป้อมนั้นโล่งแจ้งไม่ซับซ้อน นักรบของ Izila ไม่ได้ถึกเหมือนของ Udam ส่วนใหญ่จะเน้นปาระเบิดไฟจากระยะไกลการบุกจึงไม่ยากลำบากเท่าของ Udam เป้าหมายคือฆ่าศัตรูในป้อมให้หมดทุกคน ก็จะสามารถยึดป้อมได้พร้อมกับจับตัวผู้คุมป้อมของ Izila ที่ชื่อ Roshaniได้ด้วย




Takkar – พูดภาษา Wenja ได้หรือเปล่า ?
Roshani – ได้ๆ และข้าก็จะสอน Wenja ให้รู้วิถีของ Izila ของธิดาแห่งพระอาทิตย์ Batari ได้ด้วยนะ 
Takkar – วีถีของเจ้ามันเผาคนของข้า ที่ข้ามาก็เพื่อจะทำลาย Izila ฆ่าพวก Sun Walker อย่างเจ้า !!  
Roshani – เดี๋ยวๆๆๆ ระเบิดไฟ ข้าสอน Wenja ให้สร้างระเบิดไฟได้นะ 
Takkar – ดี งั้นเจ้าต้องสอนข้าทำอาวุธของเผ่าเจ้า เอาละเดิน กลับไปที่ Wenja !! 




จากนั้น Takkar จะนำตัว Roshani กลับมาที่หมู่บ้านแล้วขังไว้ในกรงขังทำให้ Roshani โวยวายขึ้นมาว่าจะสอนสร้างระเบิดให้ยังมาจับขังกรงอย่างกับสัตว์ก่อนจะยื่นระเบิดไฟให้ Takkar ไว้ใช้ Takkar ก็รับด้วยความเต็มใจแต่ยังไง Roshani ก็ต้องอยู่ในคุกเหมือนเดิม  เมื่อได้ Roshani เข้ามาจะทำให้ Takkar ได้ความรู้ของพวก Izila มาใช้คือ
-สามารถสร้างระเบิด Fire Bomb ได้
- สามารถเรียนรู้ Izila Skill จาก Roshani ได้



                                                          Izila Skill 



Fire Resistance - ลดอาการบาดเจ็บที่เกิดจากไฟไหม้ (2SP)
Double Fire Bomb – สามารถสร้างระเบิดไฟได้ 2 ลูกจากวัตถุดิบที่มี 1 อย่าง (2SP) **
Fire Takedown – กด R3 ลอบฆ่าแล้วสามารถกด R1 ขว้างระเบิดไฟไปที่ศัตรูตัวอื่นต่อเนื่องได้ (3SP) **
Fire Master I – สามารถใช้ธนูต่อไฟจากกองไฟแล้วไฟติดนานเท่าใช้ไขมันสัตว์ (6SP) **
Fire Master II – ถ้าทำให้อาวุธหลักติดไฟ อาวุธรองทั้งหมดจะติดไฟด้วยอัตโนมัติ และสามารถกดสี่เหลี่ยมเพื่อดับไฟได้ด้วย (6SP) **

** คือ Skill ที่สามาถปลดล็อกได้หลังจากสร้างกระท่อมให้ Roshani ในหมู่บ้านแล้ว 

    -------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจบภารกิจถล่มป้อมของทั้ง Udam และ Izila แล้วก็จะมีภารกิจของ Urki the thinker อันที่ 3 ขึ้นมาเพิ่มในแผนที่ด้วย แวะเข้าไปเพื่อช่วยงาน Urki ยอดนักคิดสุดเกรียนกันหน่อย

                                                   -Urki New Stink -

เมื่อเข้าไปที่ถ้ำของ Urki ข้างน้ำตก จะพบว่าเขากำลังคิดหนักเรื่องที่หมีชอบโจมตีเขาอยู่ตลอดเพราะเขากลิ่นตัวแรงมาก หลังจาก Takkar ดมพิสูจน์ดูแล้วก็ให้ความเห็นว่า Urki น่าจะเปลี่ยนกลิ่นให้เหมือนหมีจะได้ไม่ถูกหมีโจมตี เท่านั้นแหละ Urki ก็บอกให้ Takkar รีบไปหาวัตถุดิบมาให้เขาเหมือนเดิม จากนั้นออกไปที่จุดเป้าหมายสีเหลืองที่ขึ้นมา
จุดแรกนั้นจะมีแรดกลุ่มใหญ่เดินอยู่สิ่งที่ต้องเก็บคือ ขี้ของแรด (Rhino Dung) โดยต้องใช้ Hunter Vision มองหาที่พื้นเป็นจุดสีแดงๆ ไปเก็บมาให้ครบ 5 ก้อน ไปจุดเหลืองจุดต่อไปซึ่งจะมีทั้งหมีสีน้ำตาลและรังผึ้งอยู่ เข้าไปเก็บรังผึ้งมา 3 รัง (เข้าไปเก็บที่กิ่งไม้เลยไม่ใช้ยิงให้ร่วง) ส่วนอันสุดท้าย หมีสีน้ำตาล 1 ตัว ถ้ามีอยู่แล้วก็ไม่ต้องเก็บ ถ้ายังไม่มีก็จับเอาในพื้นที่นี้เอา เมื่อเก็บครบแล้วก็นำไปให้ Urki ที่น้ำตก เมื่อเขาเอากลิ่นทาตัวแล้ว ก็จัดการสั่งหมีให้ขย่ำเขาได้เลยเพื่อทดลอบว่ากลิ่นใช้ได้หรือไม่ สรุป Urki ก็ต้องโดนหมีขย่ำนอนจมกองเลือดอีกครั้งเหมือนเดิม



จากนั้นเข้าไปในหมู่บ้านจะพบ Urki มานั่งอยู่ในหมู่บ้านด้วย เข้าไปคุยกับเขาก็จะรู้ว่ารู้สึกดีใจที่ได้เจอเพื่อน Wenja เยอะๆอยู่ที่นี่ แต่ก็จะไม่ได้ไอเทมหรือ Skill อะไรจากเขานะ แค่ตัว Urki เองก็ยังเอาตัวเองไม่รอดแล้วจะไปเอาอะไรจากยอดนักคิดคนนี้

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่ได้ Dah จากเผ่า Udam และ Roshani จากเผ่า Izila เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแล้ว จากนี้ก็ต้องไปซื้อใจพวกเขาเพื่อให้ยอมเป็น Wenja เต็มตัว เพื่อจะได้ปลดล็อก Skill ที่เหลือจากทั้งคู่โดยการทำภารกิจต่างๆที่พวกเขาเรียกร้องมา 

                                        ** ภารกิจของ Dah of the Udam **

                                                -WENJA WELCOME-



เข้าไปหา Dah ที่คุกในถ้ำของหมู่บ้าน ก็จะพบว่าเกิดเรื่องขึ้นจนได้เมื่อ Sayla เข้ามาโวยวายด่าว่า Takkar ว่าแทนที่จะฆ่าพวก Udam แต่กลับพามันกลับมาที่หมู่บ้านให้เสื่อมเสียอีก แม้แต่คำอธิบายของ Takkar ที่ว่า การนำเอา Dah เข้ามาก็เพื่อต้องการความรู้จากเผ่า Udam แต่ Sayla ก็ยังโวยวายต่อว่า ที่ Udam ทำได้ก็มีแต่นำมาซึ่งเสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองเท่านั้น ก่อนที่เธอจะบอกว่า ตอนนี้คนในเผ่าได้นำ Dah ไปลงโทษในป่าน้ำตกแล้ว ถ้าอยากจะไปดูวาระสุดท้ายของมันก็คงต้องรีบหน่อย ....    

-ทันทีที่รู้ว่า Dah กำลังแย่ Takkar จึงรีบไปช่วยทันที โดยเดินทางไปที่จุดหมายสีเหลืองของภารกิจของ Dah แล้วเข้าไปที่บ่อน้ำแร่ MAZGA PIT ด้านในภูเขา ก็จะพบ Dah กำลังถูกจับมัดอยู่ที่นี่เพื่อรอให้น้ำขึ้นมาท่วมจนตาย 


ตอนนี้ต้องช่วยเขาด้วยการเอาหินไปอุดตาน้ำ 4 จุดให้หมด โดยใช้ Hunter Vision มองหาตาน้ำที่เป็นสีแดงซึ่งต้องโดดลงไปในน้ำแล้วอุดตาน้ำที่ละจุด โดยต้องว่ายน้ำไปอุด 2 อันทางฝั่งซ้ายก่อน ตามด้วยจุดทางขวา ส่วนอันที่อยู่สูงก็ต้องรอให้น้ำขึ้นสูงถึงจะขึ้นไปอุดได้ เมื่ออุดครบ 4 จุดก็จะสามารถช่วย Dah เอาไว้ได้

ทันทีที่ Takkar ช่วย Dah แล้วพามาที่หมู่บ้านก็ต้องมาตอบคำถามพวกชาวเผ่าว่าทำไมถึงต้องช่วยเผ่า Udam ซึ่ง Takkar ก็ต้องตอบออกมาจากใจว่าที่ทำเพราะต้องการความรู้เรื่องระเบิดและทักษะการต่อสู้เพื่อให้ Wenja เข้มแข็งขึ้น ฉะนั้นนับแต่นี้ Dah จะตายได้ก็ต้องเมื่อเขาอนุญาตเท่านั้น ชาวบ้านจึงแยกตัวไปซึ่งอาจจะยังไม่พอใจแต่ก็ไม่มีใครคิดกล้าจะโต้แย้ง ซึ่งท้ายที่สุด คำขอบคุณแรกจากปาก Dah ที่ได้มาก็นับว่าคุ้มกับการซื้อใจ 


และเมื่อกลับไปคุยกับเขาที่คุกอีกครั้ง Takkar ก็อนุญาตที่จะให้ที่อยู่กับ Dah โดยจะสามารถสร้างกระท่อมให้เขาได้แล้ว เมื่อมีวัตถุดิบครบก็สร้างได้เลย หลังจาก Dah ได้กระท่อมแล้ว Udam Skill ส่วนที่เหลือของเขาก็จะถูกปลดล็อกออกจนหมด



                                                      -BONE DUST-



เข้าไปคุยกับ Dah ที่กระท่อมจะพบว่าเขากำลังเจ็บปวดกับหัวของเขาที่เขาบอกว่ามันเหมือนมีไฟเผาไหม้อยู่ในกะโหลก Dah จึงอยากให้ช่วยเขาโดยเอาหินแหลมของ Takkar เจาะหัวให้เขา สุดท้าย Takkar ก็ต้องยอมทำ เมื่อเอาหินแหลมเจาะหัวของ Dah แล้วอาการปวดหัวของเขาที่เป็นมาตลอดก็จะหายไป ก่อนที่ Dah  จะเล่าว่ามันเกิดขึ้นเพราะพวก Udam ที่ทำบางอย่างกับหัวของเขาเพื่อให้ยอมภัคดีกับเผ่า แต่ตอนนี้เขาจึงสาบานว่าจะสู้เพื่อ Wenja นับแต่นี้ แต่ก็ขอร้องให้ Takkar ไปเอาผงกระดูกที่พวก Udam  มีมารักษาแผลให้เขาหน่อยจะดีมาก

-จากนั้นเดินทางไปที่จุดหมายสีเหลืองที่เป็นภารกิจของ Dah ที่นั่นจะเป็นแค้มป์ของพวก Udam ที่อยู่ในช่องเขา เป้าหมายคือ ใช้ Hunter Vision มองหาผงกะโหลก BONE DUST ที่อยู่ตามืพื้นที่สีเหลืองต่างๆจนกว่าจะเจอ เมื่อเจอแล้วก็หนีออกจากพื้นที่ แล้วเอาไปรักษาหัวของ Dah ได้เลย 



                               ** ภารกิจของ Roshani of the Izila **



                                           -SEED OF THE SUN-




เข้าไปคุยกับ Roshani ในคุกข้างหมู่บ้าน ซึ่งเขาก็ยังพยายามจะออดอ้อนขอร้องให้ปล่อยเขาออกจากกรงอยู่ตลอด จนต้องงัดไม้เด็ดมาใช้คือเขาจะยอมบอกความลับของที่เก็บเมล็ดพันธ์พืชไร่ที่มีมากมายของเผ่า Izila ที่ซ่อนเก็บไว้ที่แค้มป์แห่งนึงเพื่อแลกกับการปล่อยตัวเขาออกไป ซึ่ง Takkar ก็จะซึ้งใจที่ยอมบอกข้อมูลดีๆให้แต่ตอนนี้ Roshani ก็ต้องอยู่ในคุกต่อไปจนกว่าเขาจะไปเอาเมล็ดพันธ์ที่ว่ากลับมา   
-จากนั้น เดินทางไปยังจุดหมายสีเหลืองที่เป็นภารกิจของ Roshani สำรวจที่เสาแล้วใช้ Hunter Vision แกะรอยไปจนกว่าจะเจอเป็นแค้มป์ของพวก Izila ที่เป็นจุดเป้าหมายสีเหลืองขึ้นมา เป้าหมายคือ ใช้ Hunter Vision มองหาถุงเมล็ดพันธ์ให้เจอแล้วขโมยมา โดยต้องเข้าไปที่แค้มป์ต่างๆตามจุดเหลืองที่ขึ้นมา 3 แห่งมองหาและขโมยถุงเมล็ดพันธ์มา 3 ถุง จากนั้นก็หนีจากพื้นที่ได้เลย เมื่อได้เมล็ดพันธ์มาแล้วกลับมาคุยกับ Roshani ที่กรงขัง Takkar ก็จะยินยอมให้เขามีกระท่อมส่วนตัวได้แล้ว ถ้ามีวัตถุดิบครบแล้วก็สร้างกระท่อมให้ Roshani ได้เลย ซึ่งเมื่อเขามีกระท่อมแล้ว ก็จะสามารถปลดล็อก Izila Skill จาก Roshani ทั้งหมดออกมาได้ 



                                              -BLOOD SACRIFICE -




เข้าไปคุยกับ Roshani ในกระท่อมของเขา ซึ่งก็จะพบว่า เข้าไปคุยกับ Roshani เริ่มเครียดเมื่อรู้ข่าวว่าคนของ Izila ได้จับคนของ Wenja ไปได้ ซึ่งถ้าคนของ Wenja ที่เคยเห็น Roshani แล้วไปบอกพวก Izila เขาก็กลัวว่าตัวเองจะถูกฆ่า ในขณะที่ Takkar ถามออกไปเพราะไม่เข้าใจว่า Izila จะจับพวก Wenja ไปเพื่ออะไร Roshani ก็ตอบให้ว่าเพื่อเอาไป บูชายันต์ ซึ่งก็ยังเป็นคำที่ Takkar จะเข้าใจ 


    

“เผาทั้งเป็นไง” หมอผี Tensay ที่เดินเข้ามาสมทบกล่าวเสริมให้ Takkar เข้าใจมากขึ้น ซึ่งก็ได้โอกาสที่หมอผี Tensay จะถามต่อว่าพวก Izila ทำไปเพื่ออะไร Roshani ก็ตอบให้ว่า เลือดของ Wenja จะทำให้ Suxli  เทพแห่งดวงอาทิตย์พอใจ Tensay จึงบอกให้ Takkar รีบไปช่วยชาว Wenja ส่วนเขาจะขอใช้เวลาศึกษาภาษาของพวก Izila กับ Roshani รอไปพลางๆก็แล้วกัน 

-จากนั้นมุ่งหน้าไปยังจุดรับภารกิจสีเหลืองของ Roshani จะพบว่าที่นี่เป็นแท่นหินทรงกลมไว้ทำพิธีบูชายันต์ของพวก Izila ซึ่งจะพบคนของ Wenja ถูกจับอยู่บนแท่นหินเตรียมที่จะถูกฆ่า ทันทีที่จัดการพวกศัตรูที่อยู่ในพื้นที่พวก Izila มากมายก็จะบุกเข้ามาโจมตี  เป้าหมายคือ คุ้มกับ Wenja จากพวก Izila ไม่ให้โดนฆ่าจนกว่าจะจัดการพวกศัตรูจนหมดก็จะสามารถช่วยคนของ Wenja ไว้ได้ 



                                                        -THE BLAZE-



เข้าไปคุยกับ Roshani ที่หน้ากระท่อมของเขา ความกังวลใจของ Roshani ว่าจะถูก Izila ฆ่าตายฐานะคนทรยศนั้นยังไม่จบ เขาจึงขอให้ Takkar ไปทำลายแค้มป์ของพวก Izila ที่อยู่ใกล้ๆนี่ให้หมดและก็ยังสามารถที่จะช่วยพวก Wenja ที่ถูกจับอยู่ที่นั่นอีกด้วย

- จากนั้นมุ่งหน้าไปยังจุดรับภารกิจสีเหลืองของ Roshani จะพบว่าที่นี่เป็นแปลงปลูกข้าวของพวก Izila เป้าหมายคือ ช่วยพวก Wenja ที่ถูกจับอยู่ที่นี่แล้วเผาที่นี่ให้หมดทั้งบ้านและกองฟางต่างๆจนกว่าเกทการทำลายจะเต็มก็จะสามารถทำลายแค้มป์ของพวก Izila ไปพร้อมๆกับความกังวลใจของ Roshani 

------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากผ่านเรื่องราวการสร้างสมประสบการณ์มาทั้งหมดก็ถึงเวลาจวกหัวหน้าเผ่า
ตอนนี้มีภารกิจหลักอยู่ 2 จุดคือ 
Udam Homeland ภารกิจจัดการ Ull หัวหน้าเผ่า Udam
Izila Homeland ภารกิจจัดการ Batari หัวหน้าเผ่า Izila



                                                -IZILA HOMELAND- 


-เดินทางมาถึงจุดภารกิจทางฝั่งใต้ของแผนที่ที่หน้าด่านของทางเข้าดินแดนใต้ของ Izila ที่หน้าทางเข้าจะมีแมมมอธอยู่ ขึ้นขี่มันชนประตูเข้าไปด้านในด่านได้เลย จัดการศัตรูให้หมดแล้วทำลายกรงขังช่วยชาว Wenja ออกมา เข้าไปคุยกับเขาจะบอกว่า Wenja ถูกจับมามากมายในดินแดนแห่งนี้ เขาต้องการให้ Takkar ไปช่วยออกมาให้หมดเพื่อเอามาเป็นกองหนุนในการบุกยึดแดนใต้แห่งนี้
- เมื่อเข้ามาดินแดนของ Izila แล้วที่นี่ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยพวก Sun Walker เต็มไปหมด ตอนนี้จะมีจุดเหลืองเป้าหมายขึ้นมา 4 จุดซึ่งเป็นแค้มป์ของพวก Izila ที่จับพวก Wenja เอาไว้ ลอบเข้าไปตามแค้มป์เป้าหมายสีเหลืองที่ขึ้นมา แต่ละแค้มป์จะมีพวก Wenja ถูกจับอยู่ที่ละ 2 – 3 คน เริ่มจากแค้มป์ไหนก่อนก็ได้ เข้าไปช่วยออกมาให้หมด เมื่อช่วยออกมาจนครบแล้ว เดินทางมาถึงที่หน้าวิหารของ Batari หัวหน้าเผ่า Izila ก็จะพบ Wenja ที่ช่วยเอาไว้มารวมตัวกันที่หน้าทางเข้า ตัดเชือกที่ผูกแผ่นหินออกแล้ว Wenja ทุกคนผนึกกำลังกันดันแผ่นหินเพื่อทำเป็นสะพานข้ามไป ระหว่างที่ทุกคนกำลังดันก็ต้องช่วยจัดการศัตรูที่หน้าวิหารที่ออกมาขัดขวางด้วย จนสามารถดันแท่นหินทำสะพานข้ามไปในวิหารได้สำเร็จ


                                -TEMPLE OF BATARI-


เมื่อเริ่มเปิดฉากลุยเข้ามาด้านในวิหารของ Batari แล้ว Takkar ก็ควักหน้ากากแห่ง Krati ที่พวก Izila เคารพบูชาออกมาใส่เป็นใบเบิกทางลุยเข้าไปด้านใน ท่ามกลางชนเผ่า Izila ที่กำลังหนีกระเจิงด้วยความหวาดกลัวจึงไม่มีใครกล้าที่จะลุกขึ้นต่อต้านจนทำให้ Takkar ลุยเข้าไปตามจุดเหลืองจนถึงโถงพิธีกรรมด้านในวิหารสำเร็จโดยง่าย และศึกสุดท้ายระหว่าง Wenja กับ Izila ก็เริ่มขึ้นทันทีเมื่อ Batari หัวหน้าเผ่า Izila และคนของเธอเข้ามาสู้กับ Takkar



-การต่อสู้กับ Batari นั้นต้องใช้อาวุธระยะไกลในการโจมตีเพราะเธอไปยืนอยู่บนแท่นพิธีกรรม พยายามยิงให้โดยเยอะที่สุดเพราะการต่อสู้จะวุ่นวายมากทันทีเมื่อลูกน้องของเธอออกมาป่วน ใช้สัตว์เป็นตัวช่วยอย่างหมีถ้ำ หรือถ้ามี Great Scar Bear จะดีมากเพราะมันจะช่วยดึงศัตรูไปสู้กับมันทำให้มีจังหวะจะยิง Batari ได้ เมื่อจัดการเธอจนพลังใกล้หมด Batari จะโดดลงมาร่วมวงสู้กับลูกน้องด้วย พยายามเน้นโจมตีที่เธอคนเดียวซึ่งเธอจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย สั่งสัตว์เข้าไปขย้ำไม่กี่ทีก็หมดฤทธิ์


Batari – คืนชีพ !! เทพ Suxli ช่วยข้าด้วยยยยย !!  ช่วยเผาไอ้ Wenja กระจอกนี่ให้กลายเป็นเถ้าถ่านเลย !!  เผามันนนน !!
Takkar – เจ้าต่างหากที่กำลังจะมอดไหม้เหลือแต่เถ้าถ่าน Batari !!!
Batari – อ๊ากกกกกกกก !!! 

ร่างของ Batari มอดไหม้เหลือแต่เถ้าถ่าน ลอยฟุ้งไปอากาศเพื่อเซ่นไหว้ Wenja มากมายจากความโหดร้ายที่เธอก่อไว้



 ทันทีที่ Takkar กลับเข้ามาถึงหมู่บ้าน ข่าวการมีชัยเหนือ Batari ที่เข้าหูหมอผีและเหล่า Wenja ที่มาต้อนรับ เสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจก็ดังขึ้นก้องป่าพร้อมงานเลี้ยงฉลองรำสุราจนเมามายไปทั้งคืน  ..

       

                                                 -SISTER OF FIRE-

เมื่อจัดการ Batari และสยบเผ่า Izila ลงได้ เมื่อเข้าไปคุยกับ Dah ที่กระท่อม เขาจะแสดงความดีใจที่ Takkar สามารถทำได้สำเร็จที่นำพา Wenja จนสามารถแก้แค้น Izila เขาจึงเล่าความแค้นส่วนตัวที่เขามีต่อพวก Izila เพราะ Udam เองก็โดนพวกมันบุกเผาหมู่บ้านมาแล้วหลายครั้ง ที่เจ็บใจอยู่คือมีพวก Izila 3 คนได้ขโมยเอาเทวรูปที่เขาสักการะไป เลยอยากให้ Takkar ไปตามเอาคืนมาให้หน่อย 
-เดินทางมาที่จุดเป้าหมายสีเหลืองของภารกิจของ Dah ที่แค้มป์ของพวก Izila ส่วนภาคใต้ของพื้นที่ เมื่อเจอค่ายแล้วจะมีจุดเหลืองของคนที่เอาเทวรูปของ Dah ไปขึ้นมา 3 คน 3 จุด เข้าไปสังหารพวกมันแล้วเก็บเทวรูปกลับมาให้ครบ 3 อันก็จะแก้แค้นให้ Dah ได้เลย ซึ่งจะทำให้เขาหมดห่วงเรื่องทั้งหมดและจบภารกิจช่วยเหลือ Dah ที่ภารกิจนี้ด้วย


                                             -UDAM HOMELAND- 

-เข้าไปที่จุดทำภารกิจสีเหลืองที่เขตเหนือสุดของพื้นที่เข้าสู่ดินแดนของ Udam ที่เต็มไปด้วยแก็สพิษและศัตรูโหดๆมากมาย เส้นทางที่เดินผ่านเริ่มตั้งแต่ ช่องแคบของภูเขาทางเข้า (Udam Canyon) ยาวเข้าไปถึงแค้มป์ของพวกล่าสัตว์ Udam Raider Camp ซึ่งระหว่างทางหากไม่ต้องการปะทะเดือดกับศัตรูขนาดใหญ่มากมายก็สามารถใช้นักฮูกลอบโจมตีศัตรูไปเรื่อยๆจนหมดเพื่อทุ่นแรงก็ได้ จนผ่านออกมาที่ทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ทางตอนเหนือ เป้าหมายคือเข้าไปที่ถ้ำขนาดใหญ่ที่สุดปลายทางซึ่งเป็นบ้านของพวก Udam  เมื่อเข้าไปในถ้ำ เป้าหมายคือเข้าไปที่ที่อยู่ของ Ull ด้านในสุด ในถ้ำนั้นศัตรูเกราะหนักจำนวนมากและสถานที่แคบจึงตั้งรับลำบากแถมยังไม่สามารถใช้นกฮูกลอบกัดได้อีกด้วย ถ้าจะใช้แผนลอบเข้าไปที่นี่ก็ไม่สมควรเรียกสัตว์เดินมาด้วย ลอบเข้าไปจนถึงห้องในสุดที่ Udam Sanctum ก็จะพบ Ull กำลังสั่งลูกน้องอยู่กลางห้อง ซึ่งยืนอยู่ตรงจุดที่สามารถยิงน้ำแข็งบนเพดานให้ตกลงมากระแทกใส่มันเป็น Damage เลยก็ได้

การต่อสู้กับ ULL หัวหน้าเผ่า Udam นั้น ธนูกลายเป็นอาวุธกระจอกสำหรับผมเลยเพราะยิงที่ตัวมันไม่เข้าและถึงเข้าก็บาดเจ็บไม่มาก มันจะมาพร้อมลูกน้องจำนวนมากด้วย กระบองและหอกจึงเป็นอาวุธที่ดีและหนักที่สุดที่จะทำให้มันเสียพลังเยอะๆได้ ส่วนสัตว์ก็เป็นแค่ตัวล่อให้มันไม่โจมตีมาเท่านั้น พยายามอย่าอยู่นิ่งแล้วใช้ระเบิด Berserk กับลูกน้องมันทั้งกลุ่มมาช่วยโจมตี สามารถยิงน้ำแข็งบนเพดานให้ตกลงมาจนมันมึนงงได้ ที่เหลือมีอะไรใส่ให้หมดเพื่อเอาชนะมันให้ได้


สุดท้าย ULL ก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่ก็มีแรงที่จะเดินไปเสียงเด็กทารกที่ร้องงอแงอยู่ในถ้ำด้านใน ก่อนที่ Ull จะเอาทารกที่เป็นลูกของเขามาอุ้มและมีเมียที่แอบอยู่มาอยู่ข้างๆ เขาได้บอกกับ Takkar ว่า เผ่า Udam ของเขานั้นเป็นโรคร้ายแรงจนคร่าชีวิตคนในเผ่าไปมากมาย แต่ Wenja กลับอยู่ได้โดยไม่เป็นอะไรเลย นั่นเป็นสิ่งที่เขาอิจฉาอย่างที่สุด Ull จึงขอให้ Takkar รับทารกและเมียของเขาไปดูแลก่อนจะขาดใจตาย ปิดฉากผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่ากินคน Udam 




ทันทีที่ถึงหมู่บ้าน Takkar ก็รีบแจ้งข่าวว่าเขาได้กำจัด Ull ลงได้แล้ว สร้างความดีใจให้กับ Sayla และ หมอผี Tensay รวมถึงชาวเผ่าที่มารอฟังข่าวดี




Tensay – เหล่าวิญญาณศักดิ์กระซิบบอกข้าว่าผู้กล้าของเรากลับมาแล้ว
Takkar – Ull ตายแล้ว 
Sayla – ฮ่าๆๆๆ แล้วเจ้านำหูของมันมาหรือเปล่า ??
Takkar – ไม่มีหรอกหู มีแต่เด็กคนนี้ที่ข้าได้มา
Sayla – เจ้าพาเด็กมารึ ? เอาหูมาง่ายกว่ามั๊ย ?



Tensay – โอ๊ยๆๆ เจ้าแม่เด็กนี่เล่นงานข้าแล้ว ฮ่าๆๆๆ แข็งแรง มีวิญญาณที่แข็งแรงมากเจ้าเด็กคนนี้ ฮ่าๆๆๆ 
Sayla – เจ้าต่อสู้เพื่อ Wenja มานานมากเหลือเกิน Takkar
Takkar – ตอนนี้พวก Udam ก็ต้องกลัว Wenja แล้ว
Sayla – ฟังสิ เจ้าได้ยิมมั๊ย ?? เสียงกรีดร้อง มันหายไปหมดแล้ว มันเงียบมาก คืนนี้ Wenja ทุกคนคงนอนหลับกันเต็มตาเสียทีนะ

- หลังจบเหุการณ์แวะเข้าไปคุยกับ Dah ที่กระท่อม จะพบเขาอยู่ในชุดนักรบที่กำลังจะออกไปยินดีกับชัยชนะของ Tarkar แต่เขาก็รู้ตัวเองว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของเขาแล้วเพราะโรคร้ายของพวก Udam ซึ่ง Tarkar ได้โค่น Ull ลงได้ทำให้ Dah นับถือ เขาจึงอยากให้ Tarkar ให้เกลียดที่จะปลิดชีพของเขาเพื่อจะได้จากไปอย่างนักรบ ซึ่ง Takkar ก็ยอมทำตามที่ Dah ขอก่อนจะใช้มีดสั้นปักที่หัวใจจบชีวิตแม่ทัพใหญ่แห่ง Udam ภายใต้ชายคา Wenja
- จากนั้นออกมาที่ขุดเหลืองด้านนอกเพื่อมาคุยกับทุกคนที่กำลังทำพิธีขอบคุณวิญญาณบรรพบุรุษ


Tensay – เข้ามา มารวมเฉลิมฉลองมารวมกันที่นี่ Wenja 
Sayla – Ull กับ Batari ตายแล้ว พวกเรา Wenja ก็แข็งแกร่งขึ้น
Takkar – เจ้าเองก็โดดเดี่ยวมานานแล้ว Sayla
Sayla – จากนี่ไปทั่วทั้งดินแดน Oros ก็จะรู้จักเราเหล่า Wenja และต้องเกรงกลัวต่อนามท่าน Takkar !!
Tensay – วันนี้พวกเรามีแต่คำขอบคุณที่มีแกท่าน Takkar Beast Master วิญญาณที่แข็งแกร่งของ Wenja ยุคใหม่ !!!
Sayla –  ดูสิ วันนี้เหล่าพี่น้องของเราต่างมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง เพราะความกล้าหาญของท่านนะ Takkar 


ในยามคำคืนของคืนวันที่ผ่านไป ในถ้ำแห่งหนึ่งที่มีเด็กชายชาว Udam ที่เติบใหญ่ภายใต้ชายของ Wenja กำลังเผชิญหน้ากับหมีขนาดใหญ่มหึมาอยู่ตรงหน้า ในขณะที่เด็กน้อยเริ่มแก่วงมือไปมาไม่นานหมีตัวร้ายก็ก้มลงสยบต่อฝ่ามือน้อยของเด็กชายโดยไม่กล้าแม้จะต่อกร 



..เสียงหัวเราะอย่างพอใจของเด็กชายดังขึ้นพร้อมยุคใหม่ของเจ้าแห่งสรรพสัตว์โดยที่เขาอาจยังไม่รู้ตัว


---------------------------------------- ENDING  ---------------------------------------------


** ขอบพระคุณ คุณหมอ พิษณุ บุญประเสริฐ ที่ให้การสนับสนุนแผ่นเกมมากๆครับ **