วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Uncharted 4: A Thief's End





                                             The Journeys of Nathan Drake 



ปี1982-1997  เด็กชาย Nate เด็กกำพร้าที่ไม่เคยมีแม้ชื่อสกุลของตัวเอง นอกจากสกุล  "Drake" ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นจากนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่นาม francis Drake ขวัญใจของตัวเอง หลังจากแม่ฆ่าตัวตายในโรงพยาบาลบ้าและพ่อก็หนีหาย Nate ก็ถูกดูแลโดยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า Saint Francis Boys มาตั้งแต่ 5 ขวบ


จนอายุ 15 ก็ได้พบกับ Victor "Sully" Sullivan ในงานนิทัศน์การชีวประวัติ Francis Drake และได้เรียนรู้การเอาตัวรอดในฐานะสิบแปดมงกุฎ ขโมย หรือนักล่าสมบัติจากงานแรกในชีวิตที่ Nate ต้องการได้มาเป็นของตนนั่นก็คือ แหวนของกัปตัน francis Drake ไอดอลที่เขานับถือ ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วมโชคชะตาวิ่งหนีดงกระสุนในเหตุการณ์ร้ายกันมาจน Sully กลายเป็นอาจารย์และพ่อของ Nate มาตั้งแต่นั้น



ปี 1991-1992  เป็นช่วงเวลาที่ Nate และ Sully ใช้เวลาในการเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปกับการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและการเอาตัวรอดในฐานะนักล่าสมบัติของ Nate ที่เติบใหญ่ขึ้นไปพร้อมกับความรู้สึกห่วงใยที่ Sully มีต่อ Nate เสมือนลูกแท้ๆมากขึ้นทุกวัน

ปี 2000-2001 Nate และ Sully เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจาก Valparaiso เมืองท่าในชิลีมุ่งสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อเป้าหมายคือลักลอบเอาของผิดกฎหมายเข้าอเมริกาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นช่วงที่ Nate นั้นยอมทำตามที่ Sully สั่งทุกอย่างแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ก่อนที่ทั้งคู่จะหลบไปพักอย่างสบายใจที่ Costa Rica



ก่อนที่การผจญภัยของ Nate และ Sully จะเริ่มขึ้นอีกครั้งใน Uncharted เวอร์ชั่น comic เมื่อทั้งคู่ถูกว่าจ้างจาก Michael และ Rose 2 พี่น้องตระกูล Ludlow ให้ไปขโมยหนังสือโบราณเล่มนึง โดย Nate ต้องร่วมงานกับ Harry Flynn เพื่อทำงานนี้ จนได้ของมาอย่างราบรื่นก่อนที่ Nate จะเอาเงินที่ขโมยมาพร้อมหนังสือให้กับ Flynn ก่อนที่มันจะหนีหายเชิดเงินไปคนเดียว แต่หนังสือที่ Nate ได้มากับมีค่ามากกว่าเพราะหลังจากที่เขาลองแก้รหัสปริศนาในหนังสือจนสำเร็จก็พบว่ามันเป็นบันทึกของ Sir Richard Byrd ที่กล่าวถึงสมบัติล้ำค่ามากมายที่เขาซ่อนเอาไว้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งที่ซ่อนของมันก็คือห้องใต้ดินแห่งนึงในเมือง Agartha ที่ขั่วโลกเหนือ ในขณะที่ตระกูล Ludlow ที่เป็นนายจ้างก็ต้องสมบัติที่ว่านั่น Sully กับ Nate ก็ตกลงใจแล้วว่าพวกเขาก็จะต้องไปพลาดสมบัติที่ล่อตาล่อใจนั่นด้วยเช่นกัน และ


เมื่อทั้งคู่พยายามเดินทางไปตัดหน้าเพื่อเอาสมบัติก็พบว่า ตราอำพันที่ว่านั้นถูกพวกแก็งค์มาเฟียรัสเซียที่ชื่อ Mykola Rusnak เป็นคนขโมยมันไปก่อนและกำลังจะไปขายทอดตลาดในไม่ช้า ซึ่งทั้งคู่ก็สามารถบุกเข้าไปชิงมาได้ในที่สุดก่อนที่เรื่องจะลุกลามเมื่อ Chloe นายหน้าคนกลางที่จะช่วยเอา ตราอำพันไปขายเกิดวางแผนร้ายขโมยอำพันจาก Nate ไปเสียก่อนในขณะที่ ตระกูล Ludlow ก็จับตัว Sully เพื่อหวังให้ Nate เอาตราอำพันมาแลกตัว ทำให้ Nate ต้องหาทางช่วยโดยมี  Rusnak มาเฟียรัสเซียตามขัดขวางแต่ Nate และ Sully ก็โชคดีที่ได้ Chloe ที่กลับใจมาช่วยเอาไว้ได้ทัน แต่เมื่อตราอำพันกลับมาอยู่กับ Nate และ Sully ได้ไม่นานตระกูล Ludlow ก็จับตัว Chloe ไปได้อีกก่อนที่จะขอแลกตัวเธอกับอำพันที่ถ้ำใต้เมือง Agartha ก่อนความวุ่นวายจะเกิดขึ้นในห้องเก็บสมบัติในถ้ำจากฝีมือของผู้พิทักษ์โบราณ  Smoking Gods แต่ Nate และ Sully ก็สามารถเอาตัวรอดและพา Chloe หนีมาได้สำเร็จ โดยไม่ได้สมบัติอะไรติดมือมาเลยนอกจากประสบการณ์การผจญภัยกับมิตรภาพของ Chloe เพื่อนใหม่ที่งอกเงย


ปี 2003-2004  ในนิยายที่ชื่อว่า The Fourth Labyrinth เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ Nathan ในขณะอยู่ที่ Ecuador หลังจากจบภารกิจขโมยไม้เท้า Ayr Mancoจากพ่อค้ายาชาวเอกวาดอร์ Ramón Valdez และสามารถช่วยเหลือ Alex Munozลูกสาวของนายกรัฐมันตรีของ Guayaquil ที่ต่อต้านพวกค้ายามาตลอดได้ด้วยก่อนที่ Nathan จะถูกเรียกตัวจาก Sully ไปที่ New York เพื่อไปช่วยแก้ปริศนาของคดีฆาตกรรม Luka Hzujak นักโบราณคดีที่เป็นเพื่อนรักของ Sully โดยมี Jada Hzujak ลูกสาวของ Luka เป็นคนนำทาง จนสุดท้ายบันทึกของ Luka ก็นำทาง Nathan ไปพบสาเหตุการตายของ Luka นั้นมาจากการค้นพบเมืองโบราณ 3 แห่งคือใน Egypt ,Greece และ Santorini จากการขัดพลประโยชน์ของ Henriksen เพื่อนร่วมงานที่หวังจะหาประโยชน์จากเมืองโบราณอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเมื่อถึงท้ายสุดของการผจญภัยที่ทำให้  Nathan ต้องเจอกับมอนสเตอร์ประหลาดจากใต้ดินมากมายจนสุดท้ายก็สามารถช่วย Jada แก้แค้นให้พ่อเธอได้สำเร็จ ก่อนที่ Nathan จะได้เป้าหมายใหม่จากบันทึกของ Andres Lopez เพื่อออกตามหาร่องรอยของเมือง Paititi ที่สาบสูญต่อไปทันที



ปี 2004-2005 ซึ่งเป็นการเริ่มผจญภัยในภาค Uncharted: The Golden Abyss ของ PSVITA  ในขณะที่ Nate และ Sully ออกตามหาหน้ากากปีศาจโบราณที่ฏูฐาน ได้ไม่กี่อาทิตย์ก็ได้รับการติดต่อจาก Jason Dante เพื่อนเก่าให้มาสำรวจจุดค้าหาวัตถุโบราณที่ใจกลางปานามาเกี่ยวกับการค้นหา ความลับในการสังหารหมู่คณะสำรวจชาวสเปนที่ถูกปิดเป็นความลับเอาไว้เป็นเวลากว่า 400 ปีมาแล้ว



ซึ่งการผจญภัยของ Drake ในครั้งนี้คือการเดินทางตามรอย Fray Marcos de Niza นักสำรวจชาวสเปนที่อพยพมาอเมริกาในปี 1540 เพื่อสำรวจหาดินแดนใหม่จากคำสั่งของแมกซิโกจนสามารถทะลุมาจนถึงพื้นที่ตอนเหนือของแมกซิโกจนกลายเป็น New-Mexico ในปัจจุบัน




 ก่อนจะได้สำรวจไปจนถึงพื้นที่ที่เป็นเมืองอาริโซน่าของอเมริกาในปัจจุบันได้และก็ยังมีบทบาทในการสร้างโรงเรียน Marcos de Niza High School ที่ตกทอดมาให้เห็นถึงปัจจุบันอีกด้วย

 


 แต่หนึ่งในความลับที่ซ่อนอยู่ของตำนานนี้ว่ากันว่า ในระหว่างเดินทางมีการสังหารหมู่ทาสลูกหาบมากมายและสมบัติส่วนนึงก็ถูกซ่อนเอาไว้ในสถานที่แห่งนึงที่ไม่มีใครพบเจอ ซึ่งการเดินทางของ Drake จากปานามามุ่งหน้าไปยังแมกซิโกเพื่อตามค้นหา Golden Abyss นั่นเอง

http://www.psi.edu/about/staff/hartmann/coronado/journeyofmarcosdeniza.html


โดยเป้าหมายของ Drake ก็คือสิ่งที่เรียกกันว่า ขอบนรกสีทอง Golden Abyss ซึ่งระหว่างทางจะเจอกับ มาริสา หลานสาวของนักโบราณคดีเพื่อนของเขาที่กำลังออกตามหาลุงของเธอที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีกด้วย Marisa จะเล่าให้ Drake ฟังเรื่องที่ลุงของเธอที่เป็นนักโบราณคดีได้หายตัวไปจนทำให้เธอต้องออกเดินทางมาตามหา เธอเองก็เป็นคู่แข่งของ Jason ในเรื่องการหาสมบัติ ก่อนที่ทั้งหมดจะเจอกับตัวร้ายคือฝ่าย กองทัพของ นายพล Roberto Guerro ที่พยายามเข้ามาเพื่อแย่งชิงสมบัติทั้งหมดไปครอบครอง จนท้ายที่สุด Nate ก็สามารถจัดการกับ นายพล Guerro ลงได้พร้อทกับช่วย Marisa เอาไว้ได้อย่างปลอดภัยก่อนที่ Nate จะเอา Amulet ที่เขาเก็บเอาไว้มาให้กับ Marisa ตามที่ลุงของเธอได้ตั้งความหวังเอาไว้ก่อนตาย แต่ Marisa ตัดสินใจขว้างมันทิ้งไปเพื่อยุติเรื่องทุกอย่างของนครทองคำที่สาปสูญ Golden Abyss ให้กลายเป็นความลับต่อไป

http://www.gconhub.com/gconfaqs/cgi-bin2/show.php?page=walkthrough&id=548



ปี 2007 การผจญภัยของ Nathan Drake เริ่มต้นในรูปแบบของ Motion Comic ในชื่อตอนว่า Uncharted: Eye of Indra ซึ่งงานนี้ Nate ที่อยู่ในสภาพร้อนเงินอย่างหนักถึงขนาดหน้ามืดรับการว่าจ้างจาก Daniel Pinkerton มาเฟียชาวอเมริกันที่อยู่อินโดนิเซียให้ออกตามหาเบาะแสของสมบัติที่ชื่อ Eye of Indra ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เขาต้องการสะสมให้ครบชุดจากที่สะสมไว้คือ Path of Indra และ Wrath of Indra ก่อนจะเริ่มการค้นหาที่ต้องพบอุปสรรค์จากพวกตัวร้ายที่คอยขัดขวางและแย่งชิงโดยมี Rika เจ้าของบาร์ที่ Nate ช่วยเอาไว้เป็นคนนำทางให้ แต่สุดท้าย Nate ก็เริ่มคิดได้ว่า การผจญภัยครั้งนี้ของเขากำลังมาผิดทาง เขาจึงหาทางที่จะชิงเอา Eye of Indra จาก Pinkerton มาเป็นของตนเอง ซึ่งในตอนสุดท้ายนั้น Elena Fisher ตัวละครสำคัญที่จะมีบทบาทในเรื่องชีวิตรักของ Nate ก็มีบทบาทให้เห็นเล็กๆในฐานะนักข่าว TV ที่ Nate กำลังดูข่าวอยู่ด้วย โดย Motion Comic นั้นจะมีทั้งหมด 4 ตอนที่สามารถหาดูได้ที่นี่



Episode 1
https://www.youtube.com/watch?v=vQ4F2D69tYo
Episode 2
https://www.youtube.com/watch?v=SorvQnMbMTw
Episode 3
https://www.youtube.com/watch?v=l7uerA5NoQE
Episode 4
https://www.youtube.com/watch?v=THc6xOMaK3s



ปี 2007 Nathan Drake เริ่มต้นการผจญภัยที่ทำให้รู้จักตัวตนของเขาเต็มตัวใน Uncharted: Drake's Fortune ภาคแรกของซีรีย์ ในภารกิจที่เป็นจุดเริ่มชะตากรรมของ Nate ซึ่งก็คือการออกตามหา El Dorado จากบันทึกการเดินเรือของ Francis Drake ผู้เป็นแรงบัลดาลใจในการผจญภัยของ Nate มาตลอด โดยมี Sully ตามติดเป็นคู่หูเหมือนเดิม ซึ่งการผจญภัยครั้งนี้จะเป็นการพบกันครั้งที่ 2 ของ Nate กับ Elena Fisher ในฐานะนักข่าวสาวที่ตามเรื่องราวเดียวกันอยู่หลังจากที่ Nate เคยเห็นเธอรายงานข่าวใน TV ใน Motion Comic Uncharted: Eye of Indra ท่ามกลางการต่อสู้แย่งชิงจาก Gabriel Roman นักล่าสมบัติคู่แข่งตัวร้ายที่มาพร้อมกองกำลังทหารรับจ้างของ Atoq Navarro ที่มันจ้างมา เรื่องราวจบลงเหมือนทุกครั้งที่ความลับของสิ่งที่ Nate ค้นพบได้ถูกฝังให้กลายเป็นตำนานเล่าขานกันต่อไป แต่ Nate ก็ได้ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ Elena มาแทน



ปี 2009 ใน Uncharted 2: Among Thieves Nate ได้รับการว่าจ้างจาก Harry Flynn และ Chloe Frazer ในภารกิจเข้าไปขโมยตะเกียงน้ำมันโบราณในงานนิทัศการของ Marco Poloใน  Istanbul

ในปี ค.ศ. 1271 มาร์โค โปโล นักสำรวจจาก จากเวนิส และคณะของเขาเดินทางผ่านเปอร์เซีย อัฟกานิสถาน และภาคเหนือของทิเบต ผ่านประเทศที่ชาวยุโรปไม่รู้จักจนถึงปักกิ่ง สู่ราชสำนักกุบไลข่านเลยไปไกลจนถึงพม่า แล้ก็เดินทางกลับบ้านเกิดโดยเรือ แล่นอ้อมปลายใต้สุดของอินเดียไป แล้วเดินทางทางบก ผ่านเปอร์เซีย เขาได้จากประเทศของเขาไปนานถึง 24 ปี



3 ปี ต่อมา มาร์โค โปโลได้ถูกจับเป็นเชลยในการรบทางทะเล ระหว่างเวนิสกับเจนัว เขาได้เล่าเรื่องราว ของเขาให้เพื่อนนักโทษฟัง ซึ่งได้บันทึกไว้เป็นหนังสือชื่อ การเดินทางของ มาร์โค โปโล.

http://pilaiwan-dpu02.blogspot.com/2012/05/blog-post.html


โดยบันทึกของมาร์โค โปโล ที่ Drake ได้มานั้นเป็นบันทึกลับที่มาร์โค โปโรไม่เคยกล่าวถึงไว้ในบันทึกการเดินทางที่เผยแพร่ไป ซึ่ง เรือ 14 ลำและลูกเรืออีกกว่า 600 ชีวิตที่เดินทางออกจากแผ่นดินจีนมาพร้อมกับเขาเมื่อปี ค.ศ. 1292 ได้หายสาปสูญไปเพราะในการเดินทางครั้งนั้น Marco Polo กลับมาถึงที่หมายคือบ้านเกิดในกรุงเวนิส ประเทศอิตาลี ด้วยเรือเพียงลำเดียวและลูกเรืออีกราวสิบกว่าชีวิตเท่านั้น จึงว่ากันว่า มาร์โค โปโร อาจขโมยสมบัติส่วนนึงที่เขาหามาได้เอาไว้ และจากการลงลึกไปในข้อความในบันทึกมันก็ได้ ระบุถึงสถานที่ลึกลับที่มาร์โค โปโล เคยเหยียบย่างไปคือ Shambhala ที่เป็นเส้นทางลับไปยังเมืองลับแล แชงกรีร่า ที่ว่ากันว่าเป็นที่ซ่อนของสมบัติล้ำค่ามากมายรวมถึงน้ำแห่งความเยาว์ที่ทำให้เป็นอมตะด้วย ซึ่งการเดินทางของ Drake ก็จะลากยาวจากโรมาเนียไปจนถึงภูเขาหิมาลัยในเนปาล ไปจนพบ Shambhala ที่เป็นเส้นทางลับไปยังเมืองลับแล แชงกรีร่าในตำนาน ที่ว่ากันว่าเป็นที่ซ่อนของจินดามณี อัญมณีล้ำค่าที่สามารถทำให้ความปรารถนาแห่งความอมตะเป็นจริงได้ โดยมีการขัดขวางจาก Lazarevic ตัวร้ายที่พยายามจะแย่งชิงสมบัติเป็นของตัวเอง



ปี 2010 ในขณะที่ Nate กำลังคิดจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการแต่งงานกับ Elena แต่ความคิดที่ยังค้างคาใจที่พร้อมจะหักล้างความรู้สึกทั้งหมดที่ว่ามาของ Nate ก็คือ ความชื่นชอบในการผจญภัยที่เสี่ยงอันตรายที่อาจต้องแยกจากมาเมื่อมีครอบครัว ทำให้ Nate ต้องตีตัวออกห่างจาก Elena แล้วฝากแหวนแต่งงานที่เขาตั้งใจที่จะมอบให้ Elena ไว้กับ Sullivan ก่อนที่จะเก็บความคิดในการสร้างครอบครัวเอาไว้คิดใหม่อีกครั้งเมื่อเวลาทำให้ Nate เข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นอีกครั้ง



ปี 2011 ใน Uncharted 3: Drake's Deception 
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ Nate และ Sullivan เดินทางมาที่ลอนดอนเพื่อนับพบกับ Charlie Cutter และ Talbot ที่ผับในโรงแรม Pelican Inn เพื่อทำข้อตกลงในการขายแหวนโบราณของ Francis Drake ก่อนที่ทั้งคู่จจะจับได้ว่าเงินของ Talbot ที่ใช้ในการซื้อขายเป็นเงินปลอมจนเกิดการต่อสู้ขึ้นมาในขณะที่ Kathrine Marlowe ปรากฏตัวขึ้นก่อนที่จะฉกเอาแหวนของ Francis Drake จาก Nate ไป ทำให้ทั้งคู่รู้ว่า Cutter และ Talbot ทำงานให้ Marlowe ก่อนที่ Nate และ Sullivan จะออกตามหาเบาะแสของ
Marlowe โดยมี Chloe Frazer ที่ตามมาสมทบให้การช่วยเหลือจนไปพบกับห้องสมุดลับที่ซ่อนอยู่ในโกดังของพวก Marlowe ที่นี่ Nate ได้พบบันทึกการเดินทางของ Thomas Edward Lawrence หรือ ลอเรนท์ ออฟ อาราเบีย



Thomas Edward Lawrence หรือ Lawrence of Arabia ทหาร นักเดินทางชาวอังกฤษที่มีความรู้ด้านวัฒนธรรมต่างๆดีกรี เกียรตินิยมจาก Oxford งานในการปฏิบัติการณ์ทหารในต่างแดนของเขา ได้มีส่วนช่วยชนชาติอาหรับปลดปล่อยจากจักวรรดิออตโตมันของตุรกีในสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้ทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองของอังกฤษ โดยมีกลุ่มประเทศในอาหรับให้การสนับสนุนฝ่ายพันธมิตรในการต่อสู้กับตุรกีที่เป็นฝ่ายอักษะเช่นเดียวกับเยอรมัน เขาใช้ความรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรมของอาหรับที่เรียนมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าชาย Emir Faisal แห่งอิรัก ในการวางแผนซุ่มโจมตีรถไฟของตุรกีจนได้รับชัยชนะ


อีกหนึ่งวีรกรรมที่สำคัญของเขาคือการเข้ายึดท่าเรือทะเลแดงในเมือง Aqaba ในประเทศจอร์แดน โดยการนำกองกำลังอ้อมทะเลทรายสุดโหดเพื่อโจมตีท่าเรือของตุรกีที่หันปืนใหญ่ออกไปทางทะเลหมด ไม่ได้ป้องกันทางด้านหลัง จนได้รับชัยชนะ แต่ในภายหลัง หลังจากที่ Lawrence ใช้ความรู้ความสามารถช่วยอิรักจนบุกเข้ายึดกรุง Damascus ในประเทศซีเรียได้สำเร็จ เจ้าชาย Faisal ได้คุยกับนายพล Edmund Allenby ปรากฏว่าชาติอาหรับได้ถูกอังกฤษและฝรั่งเศสหักหลัง! โดนที่ทั้งสองประเทศนี้แอบทำสัญญาลับในเรื่องแบ่งดินแดนการปกครองอาหรับไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งเจ้าชาย Faisal ก็คิดว่า Lawrence เองมีส่วนรู้เห็นด้วย จึงทรงพิโรธมาก ทั้งๆที่ Lawrence เองก็รู้สึกผิดอย่างมาก จึงทำให้เขาปฏิเสธเกียรติยศชื่อเสียงทั้งหมด และได้หลบหนีสังคมไป Lawrence ใช้ชื่อปลอมไปสมัครเป็นทหารในกองทัพและในช่วงนี้เองก็มีงานเขียนของเขาออกมาชื่อเรื่อง "Seven Pillars of Wisdom" แล้วก็ยังมีอีก 2 เรื่องที่เป็นงานคลาสสิกของเขาคือ "A Triumph" กับ "Revolt in the Desert"



https://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20100510063624AAyxpmR


นอกจากบันทึกของ Lawrence  แล้ว Drake ยังพบ cipher disc และแผนที่อีกฉบับของ Francis Drake อีกด้วย หนึ่งในบันทึกลับของ Lawrence ที่ Drake ค้นพบมันระบุถึงสถานที่ลับที่เรียกกันว่า แอตแลนติสแห่งทราย หรือเมืองโบราณ Iram of the Pillars ที่ว่ากันว่าฝังสมบัติมากมายเอาไว้ และมันก็เป็นสถานที่เดียวกับที่บันทึกแผนทีของ Sir Francis Drake นักเดินเรือในตำนานที่ Nate คลั่งไคล้ระบุเอาไว้ว่ามันเป็นสถานที่สุดท้ายก่อนที่เขาจะหายสาบสูญไปอีกด้วย Nate จึงเชื่อว่าเขาจะได้พบเบาแสของศพของ Sir Francis Drake อยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน ซึ่งการเดินทางของ Nate นั้นจะเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษลากยาวมาจนถึงซุอดิอาระเบียและวิหารใต้ทะเลทรายในเยเมน  โดยมี Kathrine Marlowe เป็นตัวร้ายภายใต้การหนุนหลังจาก The Hermetic Order องค์กรเก่าแก่ลึกลับที่มีอายุเก่าแก่ถึง 400 ปีตั้งแต่ในสมัย Queen Elizabeth พยายามขัดขวางและแย่งชิงสมบัตินี้ไปจากพวกของ Nate



หลังจากที่ Nate จัดการกับ Marlowe ลงได้เขากับ Elena ก็สำรวจลึกต่อลงไปในโบราณสถานใต้ดินของเยเมนจนพบศพของ Francis Drake ที่นอนตายเป็นซากศพอยู่มาหลายร้อยปี ก่อนจะได้รู้ถึงปริศนาสุดท้ายที่ Drake ทิ้งเอาไว้นั่นคือ หลังจากที่ Francis Drake ได้รับคำสั่งจาก Queen Elizabeth ให้ออกเดินทางค้นหา El Dorado ที่เชื่อว่าเป็นสถานที่ซ่อนสมบัติที่พวกสเปนทิ้งเอาไว้ในซากวิหารอเมซอนใต้ดิน แต่ดูเหมือนมันจะเป็นสมบัติต้องสาปเมื่อกองทหารที่ติดตามมากลายเป็นปีศาจกันหมดเหลือตัวเขาที่ติดอยู่ที่นี่คนเดียว ท่ามกลางหนทางที่เต็มไปด้วยความมืดและปีศาจและไร้เรือที่จะเดินทางออกจากที่นี่  ก่อนที่ Francis Drake จะสิ้นลมหายใจกับคำเตือนครั้งสุดท้ายว่าอย่าให้ใครมาเหยียบย่างดินแดนต้องสาปแห่งนี้เด็ดขาด ภารกิจของ Francis Drake นั้นล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าโดยที่ไม่เคยมีใครได้รับรู้แต่อย่างน้อยศพของเขาก็ถูกค้นพบเพื่อให้เป็นเกรียติกับ Nate และ Elena และหลังจากที่ Nate ได้เรียบเรียงประวัติความเป็นมาทั้งหมดของ Francis Drake ทำให้ Nate เชื่อโดยสุจริตใจว่า Francis Drake นักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่เป็นบรรพบุรุษของเขานั่นเอง 





“ไม่สำคัญหรอกว่าทุกการกระทำจะต้องเริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามเสมอไป แต่มันอยู่ที่การกระทำนั้นจะต่อเนื่องอย่างแน่วแน่จนถึงที่สุดหรือไม่ต่างหากที่จะเป็นคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”


Sir francis Drake นักเดินเรือชาวอังกฤษอดีตโจรสลัดคนแรกที่เดินเรือรอบโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก และเป็นแบบอย่างของ Nate เด็กกำพร้าไร้สกุลที่รักการผจญภัยนำนามสกุลของ francis Drake มาใช้เพื่อเป็นแรงบัลดาลใจจนกลายเป็น Nathan Drake  


**หลายคนบอกว่า Sir francis Drake คือบรรพบุรุษของ Nathan Drake ซึ่งทุกคนก็เชื่อตามที่เขาคิดมาตลอด แต่จริงๆแล้วก็ยังยืนยันตามข้อมูลที่ได้มานะครับว่า เด็กชาย Nate นั้นไม่เคยรับรู้เรื่องนามสกุลที่แท้จริงของตัวเองเลยตั้งแต่จำความได้ แต่เขาก็ใช้ความชื่นชอบในตัว Sir francis Drake โดยเอานามสกุล Drake มาใช้เป็นนามสกุลของตัวเองมาตลอด

                  

 แถมเมื่อโตขึ้นในภาคที่ 3 Nate ก็ยังโดนอำจาก Marlowe ตัวร้ายที่ค้นคว้าเรื่อง Sir francis Drake มาตลอดหลายสิบปีเพื่อค้นหา El Dorado สมบัติล้ำค้าที่เขากำลังตามหา ตอกหน้าความจริงเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของ Nate ว่าแม่ฆ่าตัวตายในโรงพยาบาลบ้าและพ่อหนีหายไปตั้งแต่จำความยังไม่ได้ และไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้เลยว่า Nate มีเชื้อสายมาจาก Sir francis Drake จริงๆ Marlowe แหวะต่อหน้า Nate ว่าก็แค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีชาติตระกูลแต่อยากหานามสกุลอื่นมาแทนสิ่งที่ตัวเองอับอายว่าไม่มี ก็เลยเลือกที่นามสกุลของฮีโร่ที่ตัวเองยกย่อง ซึ่งตอนนั้น Nate กลับนิ่งเงียบและไม่ได้แก้ตัวอะไรตอบกลับมาแม้แต่คำเดียว  ** 


หลังเรื่องราวการผจญภัยที่เยเมนจบลงทันทีที่ Nate และ Sully เดินทางกลับมาถึงสนามบิน Sully ก็ได้พูดให้ข้อคิดกับ Nate เกี่ยวกับทางเลือกทางเดินชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่ Nate ยังค้างคาใจกับ Elena อยู่ว่า “เราไม่จำเป็นต้องเลือกว่าเมื่อไหร่ที่เราต้องเริ่มชีวิตคู่ เพราะความจริงที่ยิ่งใหญ่นี้จะบอกเราเองว่า เมื่อถึงเวลาเราจะตกลงใจที่จะลงมือเริ่มทำมันด้วยตัวเอง” ก่อนที่ Sully จะมอบแหวนแต่งงานคืนให้ Nate ก่อนจะบอกเป็นนัยๆว่า อย่าเก็บมันเอาไว้นานเกินไป ทันทีที่ Elena จะมารับ Nate ที่สนามบินเขาได้บอกกับ Elena ไปว่า เขาทำแหวนของ Francis Drake หายไปแล้ว แต่ก็ได้แหวนวงใหม่คือ แหวนแต่งงานที่จะสวมไปนิ้วของ Elena พร้อมคำมั่นว่าจะหยุดเดินทางไกลเพื่อใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับ Elena ในแบบจริงจังเสียที



Cr.อ้างอิงข้อมูลจาก 
http://uncharted.wikia.com/wiki/Nathan_Drake
http://uncharted.wikia.com/wiki/Uncharted:_Eye_of_Indra





        -----------------------------------------------------------------------------------------------------





                                            บทสรุป Uncharted 4: A Thief's End


By Decibel per - oxide


เรื่องราวเริ่มขึ้นที่ท้องทะเลที่กำลังบ้าคลั่งด้วยเกลียวคลื่นจากพายุและการผจญภัยของ Nate และ Sam พี่ชายก็ปะปนไปกับความวุ่นวายไม่ต่างจากท้องทะเล 



Nate – โอ แมร่งเอ๊ย !! แบบนี้มัน ไม่ดีแน่  จับให้แน่นนน !!
Sam – นาธาน ! พวกมันจี้มาติดๆกำลังจะทันเราแล้ว 
Nate – เออ ก้อรู้ๆ รู้แล้วๆ นี่ก็ขับเร็วสุดแล้วนะเว้ย 
Sam – ดี งั้นชนมันเลย ขับตรงไปอะไรขวางหน้าชนให้หมดไปให้ถึงเกาะนั่น เดี๋ยวยิงต้านให้เอง ขับไป !!

-กด R2 ขับเรือลุยไปเพื่อหนีการไล่ล่าของฝูงเรือของศัตรูที่ไล่มาตามหลัง สามารถที่จะชนเพื่อเอาตัวรอดกับเรือที่ขวางทางได้ ทันทีที่เรือโดนชนจน Nate กระเด็นตกน้ำ ดำน้ำหลบเรือที่เข้ามาชนแล้ว่ายกลับไปที่เรืออีกครั้ง จัดการยิงต้านศัตรูเอาไว้ L2 เล็ง R2 ยิง สามเหลี่ยมรีโหลดกระสุนและกด O หลบเข้าที่กำบัง รอให้ Sam ซ่อมเรือจนเสร็จแล้วขับเรือหนีต่อจนเริ่มเห็นเกาะขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า Sam พยายามบอกให้ Nate เริ่งเครื่องไปที่ถึงที่เกาะให้เร็วที่สุดก่อนที่เรือของทั้งคู่จะโดนเรือขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาชนจน Nate กระเด็นตกน้ำไปพร้อมเสียงตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วงของ Sam …..



                                   Chapter 1 - The Lure of Adventure


ปี1982-1997 สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า Saint Francis Boys เด็กชาย Nate วัย 13 ปีถูกเรียกให้ตื่นจากความหม่อลอยโดยซิสเตอร์ แคทเธอรีน ที่กำลังเข้ามาตักเตือนถึงสิ่งที่ Nate ได้ทำลงไป  



ซิสเตอร์ แคทเธอรีน  – Nathan .. ชั้นจะทำยังไงกับเธอดี เธอคงเบื่อที่ต้องมาฟังชั้นบน แต่ชั้นเองก็เบื่อเต็มทนที่ต้องมาบ่นเรื่องเดิมให้เธอฟังเหมือนกัน ตอนนี้เธอเลือกที่จะมาอยู่ที่นี่ในช่วงวันหยุดแทนที่จะออกไปพบปะผู้คนบ้าง ไม่อยากเจอเพื่อนฝูงบ้างรึไง ?
Nate – ผมไม่สนหรอก !
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน  – ใช่ นั่นแหละปัญหาสำคัญของเธอละ 
Nate – ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงโดนลงโทษอยู่คนเดียว
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน  – เพราะเธอไปทำร้ายคนอื่นก่อนไง !
Nate – ก็มันไม่ยอมคืนหนังสือให้ผม 
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน  – ชั้นเคยบอกเธอแล้วนะว่าอย่าทิ้งหนังสือนั่นไว้ในห้องเวลาเธอไม่อยู่ มันก็คงต้องโทษตัวเธอเองด้วยนะ
Nate – เลิกพูดว่ามันเป็นฝ่ายถูกทั้งๆที่มันขโมยของๆผมซะทีได้มั๊ย
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน  – แต่เธอเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปฟาดปากคนอื่นเขาก่อนเหมือนกันนะ
Nate – มัน ..ไม่ใช่แค่เรื่องหนังสือหรอกที่ผมต่อยมันนะ
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน  – แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ละ ?
Nate –  ไม่มีอะไร ช่างมันเถอะครับ เอาเป็นว่าผมผิดเองก็แล้วกัน 
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน  – ไม่ว่าชั้นจะพยายามช่วยเธอแค่ไหน เธอก็ยังพยายามที่จะเอาตัวเองออกห่างไปตามสิ่งที่เธอชอบที่จะทำอยู่ตลอด โดดเดี่ยวและอยู่คนเดียวกับความเศร้าของเธอเอง เหมือนพี่ชายของเธอ .. ทั้งที่ทำแบบนั้นไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย 

หลังจากเสร็จสิ้นการฟังเทศน์จนหูชา Nate เลือกที่จะไม่แสดงความรู้สึกที่บ่งบอกเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องทำและทำเหมือนกับทุกครั้งที่เคยทำคือเก็บงำความรู้สึกเอาไว้กับตัวเอง แต่ความเศร้าและความเบื่อหน่ายของ Nate ก็หมดไปเมื่อไฟกระพริบจากนอกหน้าต่างทำให้ต้องลุกขึ้นไปมองดูและรู้ว่า Sam พี่ชายของเขากำลังส่งสัญญาณให้เขาออกไปหาที่นอกตึก
-ปีนออกนอกหน้าต่างไปตามหลังคาจนมาถึงทางเข้าประตูของห้องพยาบาล เมื่อออกประตูไปที่ทางเดินจะพบกับซิสเตอร์กำลังเข้ามาคุยกับบาทหลวง Ryan Puffy ที่ทางเดิน



บาทหลวง ไรอั้น – มันไม่ใช่หน้าที่ของเราหรอกหรือที่ต้องช่วยเด็กที่มีปัญหาแบบเขานะ
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน – แต่ชั้นก็มีเด็กคนอื่นที่ต้องดูแลเหมือนกันนะคะท่าน
บาทหลวง ไรอั้น – แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ?
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน – ท่านรู้ในสิ่งที่ชั้นเคยเสนอไปดีแล้วนี่คะ
บาทหลวง ไรอั้น – โอ้ พ่อยังไม่ยอมแพ้กับเขาตอนนี้หรอกนะ
ซิสเตอร์ แคทเธอรีน – แต่ท่านจะทำเป็นไม่รับรู้ปัญหานี้ไม่ได้นะคะ 
บาทหลวง ไรอั้น – เฮ้ออ เอาละพ่อจะลองพูดกัยเขาดูตอนเช้าแล้วกันนะ 


-กด O เพื่อเข้าที่กำบังกับโต๊ะรอจนกว่าบาทหลวงจะได้ไปและซิสเตอร์จะเข้าไปในห้องทางฝั่งซ้าย ออกจากที่หลบไปสำรวจที่ห้องทำงานของบาทหลวงทางขวาจะพบบันทึกรายงงานของ Nate ที่ซิสเตอร์ แคทเธอรีน มายื่นให้บาทหลวง ไรอั้นพิจารณาเรื่องการย้ายตัว Nate เพราะเหตุการทะเลาะวิวาทกับเด็กคนอื่นบ่อยครั้ง จากนั้นออกไปที่ห้องทางซ้ายที่ซิสเตอร์ แคทเธอรีน อยู่หลบไปตามโต๊ะเข้าไปด้านในจนบาทหลวงมาเรียกซิสเตอร์ออกไปหานอกห้องก็รีบโดดออกทางหน้าต่างได้เลย ปีนไปตามทางจนถึงด้านบนหลังคาที่มีไฟฉายที่ส่องไฟตกอยู่ก็จะพบ Sam รออยู่ที่นี่


Sam – โอ้ววว ไม่เคยเรียนรู้เรื่องระวังหลังเลย ดีใจที่ได้เจอนะไอ้น้องชาย
หน้านายไปโดยอะไรมา จริงดิ อีกแล้วหรอ ? นายรับปากชั้นแล้วนะว่าจะทำตัวให้อยู่ไกลปัญหานะ 
Nate – ก็ไอ้นั่นมันพูดไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องของเรานี่ 
Sam – แล้วไง ?
Nate – มันบอกว่าที่พ่อเราเอามาทิ้งที่นี่เพราะพวกเรามันไร้ค่า และที่แม่ตายก็เพราะ ...
Sam – เฮ้ๆ เนธาน ไม่เอาน่าพวกมันพูดแบบนั้นมันอยากให้นายมีเรื่องเข้าใจมั๊ย นายต้องเรียนรู้ที่จะหัวเราะใส่หน้าพวกมันอย่างไม่ใยดีบ้าง
Nate – เป็นนายก็คงไม่ทำแน่
Sam – ทำอย่างที่ชั้นสอนไม่ต้องมาทำแบบที่ชั้นทำสิ เอ้า เอาเสื้อไปใส่ซะข้างนอกมันหนาว  
Nate – ว่าแต่ นายมาทำอะไรที่นี่ละ ถ้าซิสเตอร์จับนายได้พวกเขาแจ้งตำรวจมาจับนายแน่ 
Sam – ชั้นแค่มีของขวัญบางอย่างจะให้นาย ขี้เกียจรอให้ถึงวันคริสมาสนะ มาตามมามันอยู่ข้างนอก 
Nate – ไหนบอกให้ชั้นอยู่ห่างจากปัญหาไง 
Sam – แหม่ ก็นี่กรณีนี้มันเรื่องยกเว้น .. ตามมา !

-เรียนรู้การปีนป่ายโดยการตาม sam ไปตามทางระหว่างทาง Sam จะสอนให้ Nate ปีนเชือกตะขอขึ้นที่สูงเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะให้เชือกตะขอกับ Nate ไว้ให้ใช้ จากนั้นก็โหนเชือกไปจนถึงบันไดทางลงที่ตึกตรงข้ามก็จะลงมาที่ถนนด้านหน้าของบ้านเด็กกำพร้าได้


Sam – นี่ไง แล้วเราก็ออกมาข้างนอกจนได้ มานี่มีไรให้ดู
Nate- โว้ มอไซด์ 250 CC ได้ป่ะเนี้ย 
Sam – 250CC นายล้อเล่นหรอ นี่ 500CC เว้ย   
Nate- สุดยอด นายไปเอามาจากไหนเนี้ย ?
Sam – ไม่ต้องสนใจหรอกน่า แต่ก็อยากจะบอกให้นายรู้นะ ชั้นนะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วนะ ยากหน่อยแต่ก็เก็บเงินซื้อมาจนได้นะ มาสิ มาลองนั่งดู … ทำไม เป็นไรอีกละ ?
Nate- ทุกครั้งที่นายทำตัวดีแบบนี้มันชอบมีอะไรไม่ชอบมาพากลตามมาตลอดเลยนะสิ 
Sam – นายรู้มั๊ย นายนี่มันฉลาดเกินวัยจริงๆ ก็ได้ .. ชั้นกำลังได้งานใหม่ จ่ายงามด้วย แต่มันเอ่อ มันต้องไปจากเมืองนี้ซักพัก 
Nate – ซักพักคือนานแค่ไหน ?
 Sam – ก็เอ่อ .. ซักปีนึงมั้ง แต่ยังไงก็เหอะ ชั้นจะกลับมาหานายก่อนนายจะคิดถึงเสียอีกนะ 
Nate – นายจะทิ้งชั้นไว้ในที่แบบนั้นคนเดียวหรอ? นายทำแบบนี้กับชั้นได้ไงเนี้ยแซม
Sam – อย่ามาดราม่าน่า ชั้นก็บอกอยู่นี่ไงว่าที่ทำไปก็เพื่อนาย เงินสำคัญสำหรับเราทั้งคู่นะ ถ้าเรามีเงินมากพอก็ไม่ต้องมาอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้านี่อีกต่อไป มันแค่ไม่กี่ปีเอง



Nate – ไม่กี่ปี ฟังนายพูด .. พาชั้นไปด้วยไม่ได้หรอ ? 
Sam – ก็อยากอยู่หรอกนะ แต่ตัวชั้นยังเอาไม่รอดเลย 
Nate – ชั้นอยากไปด้วย 
Sam – ชั้นรู้ว่านายคิดว่าบ้านเด็กกำพร้านี่มันห่วย 
Nate – ไม่ นายไม่รู้หรอก
Sam – แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีทีสุดสำหรับนายตอนนี้ เข้าใจนะ เชื่อใจชั้นซักครั้งเถอะ 
Nate – มันไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ
Sam – ในชีวิตเราไม่มีอะไรยุติธรรมนายก็รู้ แต่เราจะผ่านมันไปให้ได้ จริงมั๊ย ..
Nate – เออ แน่นอน 
 Sam – ว่าแต่ นายรู้มั๊ย มอไซด์นี่ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพร์เรื่องเดียวนะ 
Nate – อะไรอีกละ
Sam – ชั้นเจอของบางอย่างของแม่ด้วย ทุกอย่างที่พ่อขายไปชั้นตามหาไปจนเจอผู้ซื้อ
Nate – ถ้าทั้งหมดที่พูดมาเพื่อทำให้ชั้นดีใจ ..
Sam – สาบานต่อพระเจ้าเลยเอ้า 
Nate – จริงหรอ .. ที่ไหน ?
Sam – ที่แห่งนึง ใกล้ๆเมืองนี่เอง นายจะว่าไงถ้าเราจะไปเอามันกลับมาอ่ะ
Nate – นายหมายถึงไปขโมยมาหรอ 
Sam – อืมม มันก็ไม่เชิงขโมยนะ เพราะมันเคยเป็นของเรามาก่อนนี่ 
Nate – ชั้นว่าตำรวจเค้าคงไม่คิดเหมือนเราหรอกนะ ฮ่าๆ 
Sam – งั้นโดดขึ้นมา นายพร้อมนะสำหรับงานนี้ 
Nate – โคตรจะพร้อมเลยละ ! 







                                                        ** รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บาแบกหาม **

                        




The Lure of Adventure ชื่อตอนของบทแรกนั้นนำมาจากประโยคนึงในหนังสือชื่อ the Cruise of the Snark จากประโยคที่ว่า

"Then The Lure of Adventure began to Grip us
Why not start at Once we'd never be any younger any of us"

"เมื่อสิ่งเย้ายวนของการผจญภัยเกาะกุมจริงใจทำให้เราออกเดินทาง ทำไมไม่ลองเริ่มต้นดูซักครั้งละ แล้วมันจะทำให้เราไม่ต้องเป็นเด็กน้อยในสายตาใครอีกเลยแม้แต่กับตัวเอง"

                          


โดย The Cruise of the Snark นั้นเขียนโดย Jack London นักเขียนแนวโซเชียลลิสต์สายหัวรุนแรงชาวอมเริกันโดยมองว่าสังคมจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยการปฏิวัติและการใช้กำลัง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางผจญภัยของเขาโดยแล่นเรือใบเล็กชื่อ the Snark ผ่านทะเลเปซิฟิคใต้ไปพร้อมกับภรรยาของเขาเพื่อป้าหมายที่เกาะฮาวายในปี 1907 ซึ่งเป็นหนังสือแนวบันทึกความทรงจำเพียง 3 เล่มท่ามกลางหนังสือในแนวการเมืองและการปฎิวัติหนักๆของเขา 

Cr. ข้อมูลจาก 
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Cruise_of_the_Snark
https://en.wikipedia.org/wiki/Jack_London



                                                Chapter 2: Infernal Place 

อีกช่วงเวลาในความทรงจำ ....  หมัดของนักโทษชาย Gustavo ก็อัดเข้ามาที่ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของ Nate แต่จะให้ดีต้องหนักกว่านี้ Nate บ่นปนส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นมาสู้ต่อในลานต่อสู้ในคุกแห่งหนึ่งในประเทศปานามา 




-โจมตีด้วยปุ่มสี่เหลี่ยม เค๊าท์และดิ้นจากการถูกล็อกด้วยปุ่มสามเหลี่ยม สู้ไปจนกว่าจะสามารถอัดมันลงกระหน่ำต่อยที่พื้นได้แล้วผู้คุม Vargas จะเข้ามาห้ามก่อนที่ Nate จะถูกคุมตัวไปลงโทษด้วยการขังเดี่ยว แต่ถูกขังได้ไม่นาน ผู้คุม Vargas ก็เข้ามาคุมตัว Nate ไปที่พื้นที่ป่าริมชายทะเลด้านข้างของคุก


Vargas – เอาละ ที่นี่แหละ 
Nate – โอเค เอากุญแจมือที่ติดอยู่นี่ออกได้ยัง
Vargas – ชั้นต้องการร่วมด้วย 
Nate – ร่วมด้วย ?? 
 Vargas – อะไรก็ตามที่นายกำลังหาอยู่ที่นี่ไง ชั้นขอร่วมด้วย
Nate – ตอนเนี้ย ไม่เอาน่า Vargas นายเพิ่งจะมาบอกตอนนี้ ข้อตกลงมันไม่ได้จะมาเข้าๆออกๆง่ายๆแบบนั้นหรอกนะ 
Vargas – เพิ่ง ..หรอ ?? ..งานนี้ชั้นยอมเอาคอขึ้นเขียงเพราะพวกแกเลยนะไอ้ต่าวด่าว
Nate – แต่ Rafe ก็จ่ายให้นายหนักมากแล้วนะกับปัญหาที่นายต้องเจอ
Vargas – ก็รู้ แต่มันไม่มากพอวะ 
Nate – ไหนนายเคยบอกว่าจะไม่เปิดจดหมายนั่นไง
Vargas – ใช่  ชั้นก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะไม่รับสินบน ไม่ใช่อยากพาทุกคนมาที่นี่ และก็ไม่ได้ต้องการเอาเปรียบกับนักโทษของชั้นด้วย เราถึงมาอยู่ที่นี่ไง
Nate – โอเคๆ แต่ระวังหน่อยแล้วกัน จดหมายนั่นอายุเกือบ 300 ปีแล้วนะ



Vargas – จดหมายเขียนว่า ผมเคยเป็นลูกเรือของกัปตัน Henry Avery นายรู้ใช่มั๊ยเขาเป็นใคร 
Nate – โจรสลัดไง
Vargas –โจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติการปล้น ชั้นค้นคว้าเรื่องนี้มาตลอด กว่า 4 พันล้านดอลลาร์หรืออาจจะมากว่ายังไม่รวมทองและเพชรนิลจินดาต่างๆอีกเพียบ ทั้งหมดถูกเก็บอยู่ในเรือแค่ลำเดียว เอ่อ เรือ The Gunsway 
Nate – เออๆ ฟังมาจนเบื่อแล้วเรื่องนี้นะ เข้าประเด็นซะที 
Vargas – ชั้นใช้เวลาอยู่นานกว่าจนค้นพบคุกโบราณอยู่ในพื้นที่เดียวกับคุกแห่งนี้ อ่อ นี่ตรงนี้ ในจดหมาย ผมหวังว่าคุณจะเจอหนทางเข้าสู่นรกบนดินแห่งนี้ ค้นหากางเขนของผมมันจะไปสู่สรวงสวรรค์ของความร่ำรวย 
Nate – อะไร ? นายต้องการอะไร ? 
Vargas – สรวงสวรรค์ของความร่ำรวยนี่ไงละ ไม่เข้าใจหรอ ?
Nate – โธ่ให้ตายเหอะมันก็แค่คำอุปมาอุปมัยแค่นั้นเอง
Vargas – ม่ายๆๆ อย่าๆๆ นายกับเพื่อนของนายก็พยายามจะเข้ามาที่นี่ เพื่อค้นหาอะไรที่เป็นอุปมาอุปมัยอยู่รึไง ไม่รู้ ชั้นต้องการร่วมด้วย
 Nate – ฟังนะชั้นจะบอกอะไรให้ งั้นลองให้ชั้นเข้าไปค้นหาดูมั๊ยว่ามีอะไรที่มากกว่าคุกเน่าๆที่มีอายุ 300 ปีหรือเปล่า ถ้าเจอสิ่งที่นายว่าจริงก็เอาไปให้ Rafe มันได้เลย เอาน่าแก้มัดให้ชั้นเร็วๆ 
Vargas – ก็ได้ ลองดู แล้วนายจะขึ้นไปบนนั้นยังไง ? 
Nate – ก็ปีนไง หรือนายอยากจะลองทำเอง นายว่า เอาด้วย ไม่ใช่รึไง ? 




ข้อความในจดหมายอายุ 300 ปีนั้นเป็นจดหมายของชายที่ชื่อ Joseph Burnes ที่อ้างว่าตนเองเคยเป็นลูกเรือของกัปตัน Henry Avery เขียนถึงลูกชายคือนาย Richard ซึ่ง Burnes ได้บอกถึงที่ซ่อนของสมบัติมากมายของ กัปตัน Henry Avery ที่ถูกนำไปซ่อนไว้จากคำบอกเล่าของผู้ช่วยกัปตันที่ถูกขังคุกสเปนอยู่ด้วยกัน โดย Burnes ได้ทำการค้นคว้าอย่างหนักจนสามารถค้นพบที่ซ่อนสมบัติก่อนจะทำลายแทงไว้ที่ไม้กางเขนของเขาที่ซ่อนอยู่ในคุกสเปนเพื่อรอให้ลูกชายมาค้นหานั่นเอง 




ประวัติของ กัปตัน Henry Avery ราชาโจรสลัดเจ้าของสมบัติมูลค่ามหาศาลที่เป็นเป้าหมายของ Nate ในครั้งนี้นั้น เริ่มจากชายหนุ่มจากอังกฤษ เฮนรี่ เอวอรี่ ที่ได้เข้าสมัครเป็นทหารเรืออังกฤษจนได้ยศเรือตรีก่อนจะเข้าร่วมสงครามกับฝรั่งเศสจนเมื่อกองเรืออังกฤษต้องแตกพ่ายทำให้ทหารเรือส่วนใหญ่ถูกปลดประจำการ 

จนในปี ค.ศ 1693 เฮนรี่เข้าเป็นลูกเรือเพื่อทำงานในกองเรือของนายพล O'Byrme เพื่อทำงานในการกู้ซากเรือของสเปน แต่เมื่อถูกเอารัดเอาเปรียบจากการถูกโกงค่าจ้างและความยากลำบากในความเป็นอยู่ทำให้ลูกเรือรวมตัวกันก่อกบฏเพื่อยึดเรือโดยมี เฮนรี่เป็นแกนนำ 

  


ในปี ค.ศ 1694 เฮนรี่เริ่มเข้าสู่เส้นทางโจรสลัดเต็มตัวโดยประเดิมภารกิจแรกในการเข้ายึดเรือของ นายพล O'Byrme จนสามารถมีเรือปืนมาเป็นของตัวเองในชื่อ Fancy ก่อนที่ Henry จะเดินทางไปที่ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาดากัสก้า และได้ชักชวนกัปตันโจรสลัดอีก 5 คนประกอบด้วย กัปตัน Thomas Tew กัปตัน Joseph Farrell กัปตัน Richard Want กัปตัน William Mayes และ กัปตัน Thomas Wakw พร้อมลูกเรือที่มีกำลังพลกว่า 400 กว่าคน ก่อนจะวางแผนปล้นกองเรือของราชวงศ์อินเดีย 25 ลำ จนสามารถกวาดเพรชนิลจินดารวมน้ำหนักกว่า 1600 ตันและทองคำกับเงินอีก 5 แสนชิ้น จนทำให้กัปตัน Henry เป็นที่จดจำว่าเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของยุคศตวรรษที่17 เนื่องจากสามารถปล้นครั้งเดียวได้เงินสูงสุด 10000 ล้านบาทหากเทียบกับเงินปัจจุบัน

ในปี 1965 หลังแบ่งสมบัติที่ได้จากการปล้นแล้วกัปตันเฮนรี่เดินทางไปยัง บาฮามาส เพื่อฉลองความสำเร็จและขายสมบัติบางส่วนที่ปล้นมา ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Benjamin Bridgeman และใช้ฉายาว่า Long Ben แต่ก็มีอีกหลายฉายาที่ได้มาจากชื่อเสียงในการปล้นในครั้งประวัติศาสตร์นั้นทั้ง 
"The Arch Pirate" หรือ "The King of Pirates"

เมื่อแยกย้ายกับลูกเรือบางส่วนแล้ว กัปตันเฮนรี่เดินเรือต่อไปยังไอซ์แลนด์พร้อมสมบัติอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้ขายก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางกลับอังกฤษอีกครั้งเพื่อขายสมบัติทั้งหมดในตลาดมืด ว่ากันว่าที่กัปตันเฮนรี่ถูกโกงจนหมดตัวจนต้องตายอยู่ข้างถนนในบั้นปลายชีวิต แต่ตำนานอีกบทนึงของเขาก็ว่ากันว่าเขาเก็บสมบัติมากมายมหาศาลอีกส่วนนึงไว้ในสถานที่ที่ยังไม่มีใครพบเจอ  




ชื่อเสียงของ กัปตัน Henry Avery นั้นไม่ใช่โจรสลัดที่รวยที่สุดในโลกแต่เป็นการปล้นเพียงครั้งเดียวก็ได้ทรัพย์สมบัติไปมากที่สุด มหาศาลถึงเกือบหมื่นล้านบาทและก็ไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่นอนด้วย ต่างกับชื่อเสียงของกัปตัน Francis Drake ไอดอลของ Nate ที่อยู่ในฐานะโจรสลัดที่รวยเป็นอันดับ 2 ของโลกโดยมีทรัพย์สินรวม 115 ล้านดอลลาร์ รองจากเจ้าชายโจรสลัดซามูเอล เบลลามี่ ที่ครองตำแหน่งโจรสลัดที่มีทรัพย์รวมสูงที่สุดคือ 120 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากในการ์ตูน One Piece ราชาโจรสลัด คือ โกล ดี. โรเจอร์  แต่ในโลกความจริง Henry Avery คือ ราชาโจรสลัดตัวจริง 

https://en.wikipedia.org/wiki/Henry_Every
http://pirateonepiece.blogspot.com/2010/03/wented-benn-beckman.html
http://www.golden-age-of-piracy.com/infamous-pirates/henry-every.php


-จากนั้นไถลตัวลงไปด้านล่างเพื่อโดดเกาะไปบนเนินตรงกลางพื้นที่ สำรวจด้านในชั้นเก็บของที่เพิงจะได้เชือกตะขอมาใช้ วิธีใช้ก็แค่กด L1 เป็นที่จุดห้อยโหนที่มีสัญลักษณ์รูปจะขอขึ้นมาก็จะสามารถโหนตัวไปตามที่ต่างๆที่มีจุดโหนตัวได้ ลงไปสำรวจช่องตรงกลางพื้นที่ลงไปเก็บ Panamanian cat pendant ซึ่งเป็นสมบัติชิ้นแรกมา กลับขึ้นมาดันกล่องไปที่เนินทางขวาเพื่อใช้ปีนขึ้นไปด้านบน ใช้เชือกตะขอโหนเกาะปีนไปตามจุดโหนตัวเพื่อขึ้นไปจนถึงหอคอยด้านบน เดินไปที่แผ่นไม้ที่ยืนไปที่ทะเลแล้วมองที่พนังด้านนอกหอคอยจะพบจุดที่เกาะปีนขึ้นไปบนหลังคาหอคอยได้ ซึ่งก็จะพบแผ่นไม้ที่สามารถเดินไปโดดเกาะตัวตึกซากอาคารคุกที่อยู่ด้านบนต่อได้
-ปีนขึ้นไปตามพนังของอาคารจนถึงช่องหน้าต่างด้านซ้ายก็จะเข้าไปด้านในซากตึกได้ ลงไปชั้นล่างเก็บสมบัติ Navaja Folding Knife มาแล้วขึ้นชั้นบน ใช้ตะขอเชือกเกี่ยวดึงแผ่นไม้ที่พนังให้หลุดออกแล้วโหนคานไปออกที่หน้าต่างนั่นจะมีสามารถปีนพนังตึกขึ้นไปต่อจากอีกด้าน ปีนต่อจนถึงทางเข้าหน้าต่างห้องขังด้านบนซึ่งจะเป็นห้องขังของ Burnes เจ้าของจดหมาย
-สำรวจที่เสาทางขวาของประตูจะพบสัญลักษณ์ Sun & Moon จากนั้นกด Touch pad ที่จอยเพื่อเอาจดหมายของ Burnes มาตรวจสอบ


จะพบว่าทั้งด้านหน้าและหลังจดหมายมีตราสัญลักษณ์ Sun & Moon อยู่ กด X พับมันเข้าหากันจะทำให้ สัญลักษณ์ Sun & Moon สมบรูณ์ซึ่งก็จะพบตัวอักษรบอกใบ้ทางมุมขวาของจดหมายออกมาให้เห็นด้วย จากนั้นมองที่พนังจะพบตัวอักษรต่างๆที่แทนค่าเป็นตัวเลขโรมันเขียนอยู่มากมาย แต่ถ้าดูในสัญลักษณ์ที่เห็นตรงมุมขวา 2 ตัวอักษรจะแทนค่าด้วยตัวเลขโรมัน X (10) และ II (2) สำรวจที่พนังด้านล่างรอบๆห้องจะมีปุ่มตัวเลขโรมันมากมายให้กด ดูที่พนังที่มีรูปนาฬิกาจะมีปุ่มหมายเลย XII หรือ 12 ที่เป็นตัวเลขที่แทนค่ามาจากการนำเอาตัวอักษรที่เห็นในจดหมายมาตีค่าแล้วรวมกันคือ X (10) + II (2)  = XII (12) นั่นเอง เมื่อกดดูก็จะพบช่องเก็บของลับด้านใน Nate ก็จะพบกางเขนโบราณที่ Burnes บอกไว้ในจดหมาย สำรวจดูด้านหลังจะเขียนว่า Digna Fact Recipimus 




-จากนั้นก็ออกจากห้องขังทางประตูหน้าได้เลย ใช้ตะขอเกี่ยวโรยตัวกลับลงมาชั้นล่างไถลตัวเกาะไปตามทางจนออกมาที่ประตูทางออกด้านบนของซากตึกคุกอีกด้านกลับมาที่ลานด้านหน้าตึกอีกครั้ง ซึ่งก็จะเริ่มเห็น Vargas รออยู่ตรงจุดแรก ที่เหลือก็โหน เกาะปีน กลับมาที่หลังคาเพื่อโดดลงมาหา Vargas อีกครั้ง



Vargas – เห็นมั๊ย แกทำได้ ว่าไงพบอะไรบ้าง
Nate – ไม่มีอะไรเลย ที่นั่นถูกเก็บกวาดเรียบไม่มีอะไรเหลือเลย ถ้าหลักฐานตามจดหมายนั่นบอกมาชั้นก็ไม่เจออะไรเลย 
Vargas – แน่ใจหรอ แกดูจนทั่วรึเปล่า 
Nate – ชั้นก็ไม่รู้ ข้อความในจดหมายอาจผิดพลาดก็ได้ หรือมันอาจจะเป็นอีกตึกนึง มันก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้วด้วย ว่าแต่นายพอจะหาแผนที่บลูปริ๊นอย่างระเอียดของที่นี่ได้ป่ะละจะได้ตรวจสอบให้ชัดเจนทุกซอกทุกมุมไปเลย 
Vargas – ถ้าลองหาไฟล์บันทึกเก่าๆดูก็น่าจะพอหาได้นะ 
Nate – ดีๆ งั้นนายไปจัดการหามา ชั้นจะไปปรึกษากับ Sam เขาเซียนเรื่องของ กัปตัน Avery อยู่บางทีเขาอาจมองเห็นจุดที่ชั้นไม่เห็นก็ได้ 
Vargas – ก็ได้ ชั้นจะลองไปค้นหาดู ตอนนี้ต้องพาแกกลับเข้าด้านในก่อนจะมีคนอื่นมาเห็น 

ทันทีที่ Nate ถูกพากลับเข้ามาในเรือนจำอีกครั้งหลังจากได้ซุกซ่อนเบะแสสำคัญไว้ในมือโดยไม่ยอมบอกผู้คุม Vargas ให้เสียของ เขาก็รีบตรงเข้าไปคุยกับ Sam ที่กำลังเล่นพนันอยู่ในลานของคุกทันทีเพื่อปรึกษาถึงสิ่งที่เขาได้มา 



Nate – เอ่อ Sam ขอคุยด้วยแปบดิ
Sam – พระเจ้า ดูมันใช้งานนายดิ ไหวป่ะเนี้ย มีไรคืบหน้าก็รีบพูดๆมาเลยชั้นใจร้อนวะ 
Nate – เรื่องที่เราตามหาอยู่นะ นายคิดถูกแล้ว
Sam – เราคิดถูกต่างหาก ฮ่าๆ 
Nate – เราตามไปคุยกับ Rafe แล้วก็ …
Sam – ไม่ต้องเลยก็อย่างที่บอกที่เป็นความสำเร็จของเรา นายคิดสิเราพยายามกันนานแค่ไหนถึงจะเข้ามาในนี้ได้ 
Nate – แต่เราต้องคนนำ
Sam – ไม่ต้อง ถ้าเราช่วยกัน ไม่ต้องมี Rafe ไม่ต้องมี Vargas 
Nate – ถ้า Vargas มันรู้เรามีปัญหาแน่ 



Rafe – ปัญหาแบบไหนหรอ ? ไอ้เจ้า Vargas มันช่วยพาไปที่คุกเก่าได้ป่ะ
Nate – ได้ๆ เขาช่วยแล้ว แต่มันก็อ่านจดหมายนั่นไปแล้วด้วย 
Rafe – ให้ตายเหอะ แล้วมันรู้มากแค่ไหน 
Nate – ก็มากพอที่จะขอมีเอี่ยวด้วยเลยละ
Rafe – บอกไว้ก่อนเลยนะถ้า Vargas มันปากโป้งไปบอกใหคนอื่นรู้อีกละก็ชั้นไม่เอามันไว้แน่ แต่ตอนนี้มีอะไรที่สำคัญมากกว่าต้องทำกันก่อน ไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่า 




Rafe – เอาละปลอดคนแล้ว เอามาดูสินายได้อะไรมา 
Nate – นี่ไง กางเขนโบราณ ระวังด้วยละ 
Rafe – ว้าว ทอง เงิน และไม้ ประสานกันอยางสวยงาม ดูน่าบูชามากๆ แล้วทำไมคนของกัปตัน Avery ที่ตัวเองกำลังเจอปัญหาถึงต้องซ่อนกางเขนนี้เอาไว้ละ ?
Nate – มันไม่ใช่กางเขน คือตามเทคนิคแล้วกาเขนต้องเป็นสิ่งแทนตัวพระเจ้า แต่สิ่งที่อยู่ในกางเขนนี่ไม่ใช่พระเจ้า 
 Rafe – นายพูดถูกบนหัวมันไม่มีมงกุฎหนามด้วย แล้วเขามาถูกตรงกางเขนทำไมละถ้าไม่ใช่พระเจ้า  
Nate – อ่านคำจำรึกด้านหลังสิ มันเขียนว่า Digna Fact Recipimus
Sam – ไหนดูสิ ... พวกเราจะได้รับรางวัลตามความเหมาะสมจากสิ่งที่เราทำลงไป 
Rafe – ดูน่าซะก่อน อ่านออกเฉยเลย
Sam – ข้อดีของการอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าที่เป็นโบสถ์แคธอลิค นี่มัน saint Dismas ขโมยผู้สำนึกบาปไง 
Nate – แล้วมันเชื่อมโยงไปถึงอะไรได้ ?
Rafe – เอ่อ เดี๋ยวๆพอดีตกวิชาประวัติศาสตร์นะ อธิบายหน่อยดิ
Sam – ในระหว่างที่มีการตรึงการเขน ในที่ที่พระเยซูถูกตรงกางเขนมีขโมยอยู่ 2 คนที่ถูกประหารพร้อมๆกันไปด้วย คนนึงได้ทำการเยาะเย้ยพระเจ้า อีกคนก็คือเจ้าหมอนี่ที่เป็นผู้สำนึกผิด 
Nate – แล้วพระเจ้าก็พาเขาขึ้นสวรรค์ไปด้วย 
Sam – พวกนายเข้าใจจุดเชื่อมโยงกันยัง ฮ่าๆ ก็วิหารของ saint Dismas ไง ในสก็อตแลนด์ 
Nate – เดี๋ยวนะ ตามประวัติของกัปตัน Avery เบาะแสสุดท้ายของเขาก็อยู่ที่สก็อตแลนด์เหมือนกันด้วย  
Sam – ชั้นว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ 
Rafe – เหม่ ชั้นทึ่งกับพวกนายจริงๆ เอาละไปตามหา Vargas แล้วออกจากคุกเน่าๆนี่กันได้แล้วพวก ! 



                                         ** รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม **


เรื่องราวของ โจรผู้สำนึกต่อบาปจนได้เป็น Saint Dismas  Penitent thief ที่เป็นเบาะแสที่จะนำพา Nate ไปยังที่ซ่อนสมบัติของกัปตัน Avery



ในวันตรึงกางเขนพระเยซูที่เรียกว่า Crucifixion ที่โกลโกธา (Golgotha) ในขณะที่พวกทหารโรมันได้จับพระเยซูขึ้นตรึงกับไม้กางเขน เพื่อเป็นการประจาน เอาตะปูตอกมือที่มือเหยียดยาวทั้งสองข้าง ส่วนเท้าทั้งสองข้างไขว้ติดกันแล้วเอาตะปูตอก โดยในการประหารในครั้งนั้นมีนักโทษที่เป็นโจรที่ถูกนำมาตรึงกางเขนในลักษณะเดียวกันพร้อมกันด้วย ข้างซ้ายคนหนึ่ง และข้างขวาอีกคนหนึ่ง โดยต้องการให้พระเยซูถูกประหารชีวิตด้วยวิธีที่เหยี้มโหดและเหยียดหยามไปต่างจากพวกโจรในระหว่างที่ถูกตรึงนั้นพระเยซู ได้รับการทรมานอย่างแสนสาหัส โจรคนนึงที่ถูกตรึงกางเขนทางด้านขวาที่ชื่อ Gestas ได้เห็นดั่งนั้นก็เยาะเย้ยถากถางความทุกข์ทรมานของพระเยซู ส่วนโจรอีกคนนึงที่ชื่อ Dismas กลับนิ่งเฉยและสำนึกผิดต่อบาปที่ตัวเองได้ทำลงไป ก่อนจะกล่าวกับพระเยซูว่า “We Receive the due reward of our deed  พวกเราจะได้รับรางวัลตามความเหมาะสมจากสิ่งที่เราทำลงไป “ พระเยซูตอบกลับว่า Today you will Join me in paradise





หลังจากพระเยซูสิ้นพระชนม์แล้ว Dismas โจรที่ได้สำนึกผิดในบาปที่ตัวเองก่อก็ถูกพระเจ้าพาขึ้นสวรรค์ไปทำหน้าที่ฐานะเซ็นต์ ซึ่ง Dismas โจรผู้สำนึกผิดก็ได้นามใหม่ว่า saint Dismas  Penitent thief หรือ Good Thief ส่วน Gestas ผู้ที่เยาะเย้ยต่อความเจ็บปวดของพระเยซูก็ไม่ได้ไปผุดไปเกิดและรู้จักการในนาม Jerk  Thief  ผู้ไม่เชื่อมั่นในพระเป็นเจ้า 


** เซ็นต์ หรือ นักบุญ นั้นศาสนาคริสนิกายคาทอลิค ใช้ยกบุคคลที่ขณะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ได้ดำเนินชีวิต ที่แสดงออกถึงความเชื่อในพระศาสนา อย่างสมบูรณ์ ด้วยการปฏิบัติคุณงามความดีต่างๆ และเมื่อท่านจากโลกนี้ไปแล้ว พระศาสนจักรก็ได้ยกย่อง สดุดีคุณงามความดีต่างๆ ที่ท่านเหล่านั้นได้กระทำไว้ โดยถือว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่เราสามารถเคารพ นับถือ และสวดวิงวอนขอพรจากพระเจ้า ผ่านท่านได้ เพราะเชื่อว่าท่านมีชีวิตนิรันดร อยู่ร่วมกับพระคริสตเจ้า ในสรวงสวรรค์แล้วนั่นเอง ** 

http://www.baanjomyut.com/library/christianity/08.html
http://sawangpattaya.org/sawangschool/index.php?topic=801.0



ในขณะที่ Nate , Sam และ Rafe คิดการใหญ่เสร็จสิ้นก็เตรียมนำความไปปรึกษา Vargas เพื่อให้ช่วยพาออกจากที่นี่เพื่อเดินทางไปตามหาเบาะแสต่อไปของสมบัติ แต่ Gustavo และพวกก็ดันเข้ามาขวางทางเสียก่อน คงเหตุเพราะ Gustavo โกรธแค้นที่ Nate มันตอนเมื่อครั้งวิวาทกันเมื่อวันก่อนแม้พวกของมันจะมากกว่า แต่ Sam ผู้เก๋าเกมก็ชิงเปิดเกมก่อนด้วยการซัดไปที่หน้าของ Gustavo ก่อนทั้ง 2 ฝ่ายจะเปิดฉากเข้าซัดกัน

-ช่วยกันอัดพวก Gustavo ไปจนกว่าพวกผู้คุมจะเข้ามาห้าม Vargas จะเข้ามาซัด Gustavo จนหมอบก่อนจะสั่งให้ลูกน้องค้นตัวทุกคนจนพบกางเขนโบราณจากตัวของ Nate ทำให้ Vargas รู้ทันทีว่าเขาเสียรู้ให้ Nate ไปแล้วจึงสั่งคุมตัวทั้ง 3 คนไปที่ห้องทำงานทันที



Rafe- นายมาช้ามาก พวกเราเกือบตายเลยนะ
Vargas- แต่ก็ยังไม่ตายนี่  
Rafe-  Vargas เฮ้ย ซีเรียสหรอ ?
Vargas- โอ้ ชั้นหาอะไรไม่เจอซักอย่าง ผิดที่หรือเปล่าเนี้ย ว่าไง ห๊า
Nate – ก็แบบ ชั้นนับถือคาทอลิคนี่ก็เลยอยากเก็บไว้ 
 Vargas- ตลกหรอ ยิงทิ้งแมร่ง
Sam – เฮ้ๆๆ ใจเย็น แค่เข้าใจผิดกันนะ โอเค๊ 
Vargas- พวกแกคิดว่าชั้นโง่รึไง !!
Rafe-   โอเคๆ เรามาเจรจากันใหม่ เอาปืนลงก่อนนะเลิกทำตัวเป็นพวกนักเลงป่าเถื่อนได้แล้ว ..ดีมาก ขอบคุณ โอเค เราจะให้นาย 10%
Vargas- ฮ่าๆๆๆ คิดใหม่ซิ 
Rafe-  ไม่เอาน่าเราก็ทำงานกันมาหนักมากนะ เอาเป็น 20% แล้วกัน นายไม่มีทางหามันเจอถ้าไม่มีพวกเราแน่นอน 
Vargas- 25 ขาดตัว 
Rafe-   25 % โอเคมั๊ยพวกเรา
Sam – ก็โอเค 
Nate – ชัวร์ 4 พันล้านหาร 4 มันคงไม่น่าเกลียดนะหรอก 
Rafe-  เหมือนเราจะได้ข้อตกลงกันแล้วนะ
Vargas- ช่าย แต่ถ้านายล้ำเส้นชั้นอีกละก็ .... อ๊าก !!!!!

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย Rafe ก็จ้วงแทงใส่ Vargas ไม่ยั้งขณะที่เข้าไปจับมือทำสัญญากัน Vargas พยายามจะสู้จนยิงปืนออกไปหนึ่งนัดก่อนจะล้มลง Nate กับ Sam ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะ Rafe เล่นแรงเกินแผนไปเยอะ เสียงปืนทำให้พวกผู้คุมรู้ตัวว่าเกิดเหตุร้ายจึงพยายามบุกเข้ามาแม้ว่า Nate จะไม่เห็นด้วยกับการที่ Rafe ฆ่า Vargas แต่ก็จำต้องหนีออกจากที่นี่แบบเลยตามเลย
-จากนั้นวิ่งหนีออกจากคุกตาม Rafe ไปตามทางระหว่างทาง Nate จะโดดพลาดจนตกลงด้านล่างก่อนที่พวกผู้คุมจะเข้ามาล้อมจับ แต่ก็ได้ Sam ที่โดดตามลงไปช่วยสู้จนสามารถจัดการผู้คุมได้หมดจนหนีต่อได้อีกครั้ง เมื่อทั้ง 3 หนีไปตามทางอย่างเร่งรีบโดยมีเป้าหมายคือประภาคารที่อยู่ริมทะเลที่มีเรือจอดอยู่ แต่ในขณะที่ทั้ง 3 กำลังโดดข้ามช่องว่างของตึกใกล้ถึงรั้วของเรือนจำ Sam ที่กระโดดมาไม่ทันก็ได้ Nate ช่วยดึงขึ้นมาได้ทันท่วงที



แต่โชคร้ายที่ปืนจากผู้คุมที่ยิงเข้ามาโดนตัว Sam อย่างจังทำให้เขาหมดแรงร่วงลงไปด้านล่างทันทีแม้ Nate จะพยายามคว้าเอาไว้อย่างสุดแรง ในขณะที่ Nate กำลังตะโกนร้องเรียกพี่ชาย กระสุนปืนจำนวนมากก็ยิงสาดเข้ามาแบบที่ทำให้รู้ว่าพวกมันคงไม่ได้มาจับเป็น 



Rafe บอก Nate ให้ตัดใจจากพี่ชายเพื่อหนีต่อก่อนจะไม่ทันการ ทำให้ Nate ไม่มีทางเลือกต้องหันลังวิ่งหนีไปตามป่าหลังเรือนจำก่อนจะโดดตาม Rafe ไปที่เรือที่จอดอยู่ ร่างของ Nate กระแทกน้ำแตกกระจายไปพร้อมคราบน้ำตาในวันเวลาที่เขาจะไม่มีวันลืมได้ลง ...................



                                                             15 ปีต่อมา ........





ไม่เพียงแค่โชคชะตาที่พลัดพรากในวันนั้นที่ Nate ต้องผ่านมา ยังมีอีกมากมายการผจญภัยที่ก่อร่างสร้างความเติบใหญ่ให้ Nathan ได้ผ่านวันเวลาพบเจอทั้งเหตุการณ์ที่ต้องเอาตัวรอด ศัตรูที่หมายแย่งชิงสิ่งที่ Nate หมายตาและเพื่อนร่วมโชคชะตาอีกมากมายที่พร้อมจะเป็นตายร่วมกัน จนสุดท้ายชะตากรรมก็ทำให้ Nate พบกับ Elena Fisher ที่กำลังถ่ายทอดวีรกรรมของ Sir Francis Drake ผ่านรายการโทรทัศน์ของเธอ จนเมื่อทั้งคู่ผ่านการเสี่ยงชีวิตผ่านการผจญภัยร่วมกันมามากมายหลายครั้งหลายครา รอยเท้าที่เคยทิ้งไว้ตามเส้นทางที่ผ่านมาก็มาหยุดลงตรงหน้าเธอผู้ร่วมศรัทธราของการผจญภัย ....






                                                    Chapter 3 – Malaysia Job 


งานธรรมดาของ Nate หลังจากร่วมชายคากับ Elena เพื่อหาเลี้ยงชีพในฐานะหัวหน้าครอบครัวก็คือนักประดาน้ำในงานรับจ้างเก็บกู้ซากสิ่งของใต้น้ำกับบริษัท JMI Jameson Marine Inc ในประเทศมาเลเซีย 



Nate – เอาละ ตอนนี้มาถึงก้นมหาสมุทรแล้ว
Jameson – โอเค นายเห็นร่องรอยของคอนเทรนเนอร์เป้าหมายรึยัง ส่งสัญญาณระบุตำแหน่งบอกเราได้เลย  
Nate – ยังๆ เดี๋ยวจะลองดำลงไปเรื่อยๆดูก่อนแล้วกัน 
Jameson – ถังออกซิเจนนายมีไม่ถึงขึ้นแล้วไม่ขึ้นมาเปลี่ยนก่อนหรอ?
Nate – ไม่ละ ไว้ก่อนตอนนี้ผมยังโอเคอยู่ยังไงก็คงไปอีกไม่ไกลหรอก 
Jameson – ให้อีกแปบเดียวนะถ้าไม่เจออะไรชั้นต้องดึงนายกลับขึ้นมาก่อน 
Nate – บอกว่ายังไงไหวก็ไหวสิ

-ดำน้ำไปตามทางเรื่อยๆกด X เพื่อลอยตัวกด O เพื่อดำลงล่าง ว่ายเลาะมาทางฝั่งซ้ายจะพบสมบัติ Chirigui Shark Trinket ให้เก็บ ว่ายเข้าไปต่อเรื่อยๆก็จะพบซากรถบรรทุกสินค้าที่จมอยู่ สำรวจรอบๆเพื่อตรวจดูว่ามีจุดที่แข็งแรงพอจะใช้ลวดเกี่ยวยึดเพื่อยกไปที่เรือได้ จากนั้นเข้าไปสำรวจเปิดประตูท้ายรถเข้าไปจะพบสินค้าเป้าหมายที่ต้องเก็บกู้ แต่จะมีอีก 2 กล่องที่หายไปโดยกล่องนึงจะถูกซากรถทับไว้กกับอีกกล่องที่ต้องว่ายน้ำออกไปทางขวาเพื่อเก็บมันมาแล้วเอามาใส่ในรถ แล้วออกมาจากรถรอให้เครนลงมายกรถให้พ้นจากพื้นก่อนแล้วค่อยเข้าไปยกกล่องสินค้าใต้รถมาเก็บในรถแล้วเกาะเครนขึ้นไปด้านบนจนพ้นจากน้ำ เมื่อขึ้นมาบนเรือแล้วเข้าไปเก็บสมบัติ Antigue Arcade Token ที่ชั้นเก็บของกลางเรือ แล้วเข้าไปคุยกับ
Jameson ที่ท้ายเรือได้เลย



Jameson – สวยงามมาก ตอนนี้รูสึกไงบ้าง
Nate – ดีกว่าอยู่ใต้แม่น้ำเยอะเลย ถ้าทำงานแบบนี้นานๆชั้นคงคิดว่าตัวเองเป็นปลาแน่เลย 
Jameson – ไง ฮีโร่ของชั้น ฮ่าๆ ไปดูของที่ได้กัน แล้วเมื่อไหร่นายจะให้คนอื่นเขาได้ทำงานบ้างละเหมาคนเดียวหมดเลย อยากพักบ้างมั๊ยละ
Nate – ไม่ละขอบคุณผมเบื่อที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิตมากๆ
Jameson – จริงๆมันก็ เอ่อ คงอีกนานกว่านายจะได้ดำน้ำอีกนะ 
Nate – ทำไม ? แล้วงานวันพฤหัสละ 
Jameson – มีเจ้าอื่นประมูลได้ต่ำกว่าอ่ะสิ 
Nate – ล้อกันเล่นใช่มั๊ย
Jameson – วงการนี้การแข่งขันมันสูงนายก็รู้ เอาละมาดูของที่งมขึ้นมาดีกว่า อ่ะแชลงให้เกรียตินายเปิดเลย 
Nate – ว้าว ดูซะก่อน ลวดทองแดง เยี่ยม 
Jameson – นายต้องตกใจแน่ๆที่รู้ราคาขายของมันในตลาดที่นี่ ขายง่าย แถมค้าจ่ายเต็มจำนวนสดๆซะด้วย 
Nate – นายแน่ใจนะว่าไม่อยากเอามันมาหลอมเป็นเหรียญเพนนีมาใช้อ่ะ 
Jameson – ฮ่าๆ เอาเหะน่า เดี๋ยวเรามาฉลองกันดีกว่า 
Nate – ที่บาร์กับพวกนายอ่ะนะ หะ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวผมไปจัดการงานเอกสารให้เสร็จแล้วกลับบ้านหาเมียดีกว่า เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะ
Jameson – แล้วแต่นาย ไปเปลี่ยนชุดแล้วจัดการเอกสารให้เรียบร้อยแล้วกัน .. อ่อ เกือบลืม  วันนี้ทำงานได้ดีมาก



Jameson – เฮ้ๆ Nate Nate เดี๋ยวก่อนๆ 
Nate – มีอะไรอีกครับ
Jameson – มีไรให้นายดู .. งานใหม่ เกี่ยวกับการค้นหาซากเรือโบราณแถบชายฝั่งมาเลเซีย เรือจมสินค้าในนั้นเพียบเลย 
Nate – ผมบอกไปแล้วนะว่าจะลาพัก ...
Jameson – และ ...เงินที่ได้ทั้งหมดก็จะเอามาซื้ออุปกรณ์หรูๆสำหรับบริษัทเรา และงานนี้จะทำไม่ได้ถ้าไม่ใช่สุดยอดมือดีเพื่อนรักของชั้นอย่างนายไงละ 
Nate – ไม่เอาดีกว่า ถามจริงถ้าทำงานนี้ชั้นจะได้ใบอนุญาตทำงานที่นี่จริงๆรึยัง ? 
Jameson – ไม่นายยังไม่ได้ใบอนุญาตและก็ไม่มีใครได้ใบอนุญาตการทำงานที่นี่ง่ายๆด้วย นายก็รู้ว่าเราทำงานนี้กันมาก็เพราะความชอบส่วนตัว การทำแบบไม่มีใบอนุญาตมันก็จะทำให้ไม่มีคู่แข่งไปในตัว เรือนั่นก็เป็นของเราทั้งหมด
Nate – ถ้าไม่มีใบอนุญาตผมก็ไม่ทำหรอกนะ
 Jameson – เฮ้อ Nate นี่เป็นเงินสำหรับเกษียรของเรา 2 คนนะเว้ย ชั้นไม่รู้นายคิดไงแต่ชั้นไม่อยากทำงานกู้เรือนี่จนอายุ 60 หรอกนะ 
Nate – เสียใจวะเพื่อนงานนี้คงต้องขอผ่าน เชื่อดินายทำเองได้แน่นอน
Jameson – นายเก็บเอาไปคิดดูก่อนแล้วกันนะ 
Nate – นายคิดว่าชั้นจะเปลี่ยนใจง่ายๆรึไง ฝากทักทาย Karla กับลูกนายแทนชั้นด้วยแล้วกัน 
Jameson – ไม่ได้จะกดดันนะ แต่นายลองกลับไปคิดดูอีกทีก็แล้วกันนะ




                                                   Chapter 4 – Normal Life





บนห้องใต้หลังคาของบ้านของ Nate ที่เป็นเสมือนฐานบัญชาการแห่งความทรงจำของ Nate ตั้งแต่เมื่อครั้งเริ่มผจญภัยก่อนถึงวันที่ทุกอย่างได้จบลงด้วยสถานภาพที่เปลี่ยนไป แต่ใครจะรู้ว่าไฟแห่งนักผจญภัยของ Nate ยังไม่เคยมอดหมดไป นั่นทำให้ทุกครั้งที่ว่างห้องเก็บความทรงจำนี้จึงเป็นที่ที่ Nate ดื่มด่ำความทรงจำเก่าๆเหมือนกับว่าอยากให้เวลาแห่งการผจญภัยที่มันเคยหยุดนิ่งได้เริ่มเดินหน้าอีกซักครั้ง



Nate – ข้อมูลแน่นใช้ได้เลยแฮะ แต่ขอบเขตการค้นหาแคบแบบงบน้อยอย่างนี้จะเจออะไรได้ไง ..งี่เง่าเอ๊ย .. ไม่ๆ ไม่มีทาง ไม่เอาด้วยแน่นอน

Nate วิจารณ์งานที่ Jameson เสนอมาอย่างดุดันก่อนจะเก็บมันลงลิ้นชักไปกองรวมกับแฟ้มงานที่งานที่เขาคิดว่ามันไม่น่าสนใจ จากนั้นก็สำรวจห้องให้ทั่วๆสิ่งต่างที่สามารถสำรวจได้คือบันทึกการผจญภัยจากทุกครั้งจากทุกครั้งที่ผ่านมาที่ Nate เคยเหยียบย่างไปจากทุกดินแดน การได้หยิบจับลูกคลำสิ่งของต่างๆที่เป็นเสมือนบันทึกของการผจญภัยก็เหมือนได้ซึมซับความรู้สึกเก่าทั้งเรื่องราวที่เคยเป็นไปและผู้คนที่เคยอยู่เคียงข้างกัน แม้จะมีบันทึกนึงที่ Nate ไม่กล้าเปิดดูมันเพราะเป็นเรื่องราวที่เป็นส่วนหนึ่งของการสูญเสียพี่ชายไป 



ในช่วงความทรงจำที่กำลังพรั่งพรู Nate ก็ไปสะดุดอยู่ที่ปืนของเด็กเล่นหลังจากที่สำรวจมัน ความทรงจำในแบบแอ็คชั่นของ nate ก็ทำให้อดไม่ได้ที่ต้องยิงมันให้สะใจ หลังจากยิงเป้าด้วยปืนปลอมเล่นเพื่อดึงจิตวิญญาณของการผจญภัยให้กลับมาและได้สำรวจทุกอย่างในห้องจนพอใจ ก็เปิดช่องลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อกลับสู่ชีวิตที่แสนธรรมดาของชีวิตจริง 

ลงมาชั้นล่างสำรวจสิ่งต่างๆให้ทั่วจนเข้าไปถึงห้องรับแขกที่ Elena นั่งอยู่ที่โซฟาก่อนที่เธอจะบอกให้หยิบจานอาหารบนโต๊ะมาเพื่อกินด้วยกัน 



Nate – ไง งานเสร็จแล้วหรอ ?
Elena – ใช่ แต่รู้มั๊ยว่านานมากกว่าจะทำหมด มีคำที่สะกดผิดเยอะมาก แต่ก็นะ นั่นแหละที่เขาถึงมี บ.ก ต้องตรวจทาน มาเถอะ กินกัน
Nate – อะไร แค่เนี้ย 
Elena – อ่า โทษที แล้ว งานคุณเป็นไงบ้างวันนี้
Nate – ก็ดี ผมก็ดี งานเดิมๆเก็บขยะขึ้นจากแม่น้ำ 
Elena – แต่ก็นานแล้วนะที่คุณไม่ได้ว่ายน้ำ แล้วขยะที่ว่ามีอะไรน่าสนใจมั๊ยละ
Nate – ก็แค่ รถบรรทุกเก่าๆซัก 2 ศตวรรษได้มั้งนั่นแหละที่เราเจอ ภาษาท้องถิ่นเขาเรียก “Semi” แต่ผมก็ว่ามันแค่ของห่วยแตก ว่าแต่เรื่องบทความคุณเป็นไงบ้างละ
Elena – เพิ่งแค่เริ่มๆหาข้อมูลนู้นนี่นั่นมาประกอบกันน่ะ เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ชั้นไม่รู้ว่าทางหนังสือจะต้องการความเห็นชั้นมั๊ย แต่ชั้นคิดว่า ทุกๆคนมีสิทธิที่จะออกความคิดเห็นเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นนะ ......... บลาๆๆ 

แม้แต่เสียงชวนสนทนาของ Elena หญิงที่เป็นที่รักก็เหมือนจะเบาลงเมื่อสายตา Nate เพ็งสมาธิไปที่รูปภาพป่าเขาลำเนาไพรที่มันทำให้ส่วนลึกของจิตใจของเขาโหยหาการผจญภัยที่ขาดหายไปโดยไม่รู้ตัว 




Nate – โอ๊ย !!
Elena – ล่องลอยไปไหนมา ?
Nate – จะไปไหน? ก็นั่งให้คุณเอาซ้อมจิ้มอยู่นี่ไง ฮ่าๆ 
Elena – จริงอ่ะ 
Nate – จริงงงง เอาสิว่าต่อกำลังน่าสนใจเลย 
Elena – โอ้น่าสนใจด้วย แล้วบทความชั้นเกี่ยวกับเรื่องอะไรละ
Nate – อะไร ? บทความหรอ ? ก็เกี่ยวกับ .....(เลือกให้ Nate หน่อย)
- การขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพ
- ผู้คนในกรุงเทพ
- เมืองที่สาบสูญในกรุงเทพ 
Elena – ว้าว กล้ามากเนอะตอบมาได้มั่วๆ ... Jameson บอกคุณเรื่องมีงานในมาเลเซียเพิ่มใช่มั๊ย ?
Nate – โอ้ Jameson มีงานในมาเลเซียมาให้ตลอดแหละ 
Elena – ฟังนะ นาธาน ชั้นว่าคุณน่าจะรับงานนั่นนะ 
Nate – คุณรู้มั๊ย ผมไม่ต้องการอะ ไม่อยากทำ จริงๆ พวกเขาไม่ได้คิดจากทำสัญญาจ้างงานผมจริงจังด้วยซ้ำ ทั้งที่เขาก็เอางานมาให้ผมทำตลอดผมว่ามันไม่ถูกนะ
Elena – แต่มันก็ดูแล้วเป็นงานที่ไม่มีอันตรายอะไรเลยนี่นา มันก็แค่สัญญาจ้าง หรือจะลองโทรหา Sully ให้ช่วยดูละ ไม่ได้เจอลุงแกมา 2 ปีแล้วนะ
Nate – Elena ผมว่าเราควรเลิกยุ่งกับเรื่องในอดีตให้หมดจะดีกว่า 
Elena – โอเค ชั้นไม่อยากให้คุณทำแบบนั้นเพราะชั้นเป็นต้นเหตุหรอกนะ!
Nate – และผมก็จะไม่ทำอะไรก็ตามถ้าผมไม่ชอบเหมือนกัน ผมยินดีและพอใจที่เลือกอยู่กับคุณ มันก็แค่ 
Elena – ชั้นว่าชั้นไปล้างจานดีกว่า 
Nate – ไม่ต้องๆเดี๋ยวผมทำเอง
Elena – เมื่อคืนคุณล้างไปแล้วนะวันนี้ชั้นล้างเอง
Nate – คุณทำอาหารแล้ว ผมล้างจานเอง .. ผมว่า เอ่อ ผมก็แค่ อยากหาอะไรทำหนุกๆกับคุณบ้าง เล่นเกมกันก็ได้
Elena – คุณชวนชั้นเล่นเกมหรอ ?
Nate – ใช่ๆ เกมที่เรามีเนี้ย มาแข่งกันใครได้แต้มสูงกว่ากันไง 
Elena – คุณจะบอกว่าสามารถเล่นเกมที่ชั้นเล่นทุกวันชนะชั้นได้งั้นหรอ ? คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันชื่อเกมอะไร ฮ่าๆ
Nate – ผมไม่สนว่ามันชื่อเกมอะไร ผมเห็นคุณเล่นแล้วน่ามีโดดหมุนตัวแบบนั้นง่ายๆ นอกจากว่าคุณกลัวแพ้ กระต๊ากๆๆ กุ๊กๆๆ ไก่ อ่อนๆ 
Elena – งั้นได้เลยคาวบอยจัดให้ 





Nate – ทำไมมันนานจัง
Elena – มันกำลังโหลดอยู่ 
Nate – มันนานแบบนี้ตลอดเลยหรอ?
Elena – คุณต้องรู้จักอดทนบ้างนะ
Nate – มาแล้ว เกมไรเนี้ย Crash Bandicoot โอเค เริ่มเลยนะ !! … 
Elena – เป็นไรทำไมไม่เล่นละ
Nate – เอ่อ .. ทำไมมันไม่ไป ล่ะ
Elena – กดปุ่ม Start ก่อนสิคะคนเก่ง 
Nate – รู้น่า โอเค มาแล้ว มันเหมือนหมาป่านุ่งเกงยืนนะ 
Elena – กดกระโดดสิ แล้วก็หมุนตัวทำลายกล่อง 
Nate – อ้าว ตกตายเลย ทำไมมันไม่ปีนขึ้นมาฟะ การปีนเป็นไรที่ผมใช้เอาตัวรอดมาตลอดเลยนะ แล้วไอ้ผลไม้นี่มันคืออะไร 
Elena – เก็บครบ 1000 ลูกได้เพิ่ม 1 ชีวิตไง
Nate – 1000 ลูก ใครจะมีเวลามานั่งเก็บขนาดนั้น โอเค ถึงเส้นชัยแล้ว อะไรแค่เนี้ย 
Elena – ชั้นทำไว้ 3500 แต้มนะ จริงๆมันก็มีโหมดง่ายให้พวกมือไม่ถึงอยู่นะ คุณจะเล่นอีกรอบก็ได้นะเพราะชั้นยังมีรถที่ยังไม่ได้ล้างเป็นเดิมพันอีก
Nate – โห ได้เวลาแขวะแล้วใช่มั๊ย เอาเลยๆเอาตามที่สบายใจนะ เตือนแล้วนะ เตือนแล้วนะ 
Elena – จะทำไมๆ คุณจะทำอะไรได้ในโลกความจริง 
Nate – ก็ปล้ำคุณได้นี่ไง ฮ่าๆๆ 



Elena – ฮ่าๆ ถามจิงนะคุณอยู่กับชั้นแล้วมีความสุขมั๊ย
Nate – แน่นอน มีความสุขสิ แล้วคุณละ ?
Elena – อืมมม 
Nate – อืมมม เอาจริงดิ 
Elena – ฮ่าๆ มานี่มา ….


เวลาแห่งความสุขที่ Nate ผ่านไปจนถึงตอนเช้าในวันทำงานของอีกวัน ขณะที่ Nate กำลังเคลียร์สะสางงานเอกสารเหมือนทุกครั้ง ชะตากรรมก็นำมาสิ่งที่ Nate ไม่คาดฝันและโหยหามาให้ถึงหน้าประตู ... 




ก็อกๆๆๆๆ

Nate – เรายังไม่เปิดทำการนะครับ

ก็อกๆๆๆๆๆๆๆๆ

Nate – เราปิดทำการแล้ว !! 

ก็อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Nate – โอเค !! รู้แล้วแปบนึง ... งี่เง่าเอ๊ย  ... ว่าไงครับมีไรให้ช่วย
Sam – มีครับ คือ ผมกำลังตามหาน้องชายผมอยู่น่ะ รูปร่างก็ สูงประมาณคุณ ผอมกว่านี้หน่อย และไม่มีผมหงอกๆขึ้นแบบนี้แน่นอน 
Nate –  SAM !!! 



Sam – โว้ๆๆๆ ใจเย็นๆๆ ฮ่าๆ
Nate –  มันยังไงกันเนี้ย ก็ผมเห็นพี่ถูกยิง ..
Sam – นายพูดถูกนี่ไงเต็มๆที่ท้องแผลเป็นยังอยู่เลย พวกหมอในเรือนจำช่วยรักษาชั้นแล้วก็จับเข้าไปขังใหม่อีกรอบ 
Nate –  แต่ผมก็ลองติดต่อไปหาที่เรือจำแล้วนะ ส่วนใหญ่บอกว่าพี่ตายแล้ว 
Sam – นี่นาธาน เราฆ่าเจ้าหน้าที่เรือนจำจนตายเรียบแบบนั้น พวกมันกะขังลืมไปตลอดชีวิตแบบไม่ต้องมีใครรับรู้ไง อย่างน้อยๆก็เกือบละ  
Nate –  พระเจ้า Sam ถ้าผมรู้ผมไม่มีวันปล่อยพี่ให้อยู่ในนั้นแน่ 
Sam – พี่ก็กลับมาแล้วนี่ไงละ นั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด เฮ้ๆ ยืนไหวมั๊ยเนี้ยใจเย็นๆน้องพี่
Nate – ผมต้องการอากาศหน่อย ไปคุยข้างนอกกัน 
Sam – นายคงไม่เป็นลมต่อหน้าชั้นใช่มั๊ย ? 
Nate – ผมดีขึ้นหน่อยแล้ว แต่ก็ยังงงและมึนตืบอยู่ดี ตกลงพี่ออกมาได้ยังไง ? ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วรู้ที่อยู่ผมได้ไง 
Sam – เฮ้ยๆ ช้าๆใจเย็นๆ นั่งก่อน พี่อยากได้ยินเรื่องของแกมากกว่า มีอะไรมันเล่าให้ฟังมั่งสิ พี่ได้ยินจากคนเก่าๆของพี่ถึงเรื่องบ้าๆของนายมาเยอะเลยวะ ไอ้ระเบิดภูเขาเผากระท่อมดิ่งจากภูเขาหิมาลัยอะไรนั่นไง มาเล่ามาว่าพี่พลาดอะไรไปบ้างเร็วๆๆ 
Nate – ก็นั่นแหละ .. พระเจ้า Sam  ผมไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดีวะ
Sam – เริ่มตรงส่วนที่นายชอบที่สุดไง 
Nate – ตกลง ก็ได้ .. พี่จำตำนานของ Francis Drakef ได้ป่ะ ....... 





และ 2 พี่น้องก็เม๊าท์มอยกันจนไปถึงเช้าของอีกวัน ....




Sam – ฟังแล้วแทบไม่อยากจะเชื่อจริงๆเลย 
Nate – เหมือนกัน ... ผมอยากให้พี่ไปด้วยกันจัง
Sam – คือที่พี่บอกไม่น่าเชื่อเนี้ย หมายความว่า คือนายบอกได้ลุยเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจจนเจอขุนทรัพย์เป็นขุมทองมากมาย นายจะเรียกมันว่าหลักฐานทางโบราณคดีอะไรก็ช่างเหอะ แต่นายก็ดันเลือกที่จะเดินจากมันมาโดยไม่หยิบอะไรเลยเนี้ยแหละที่พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยวะ ! 
Nate – คงเป็นเพราะมันเป็นเรื่องเล่าของผมละมั้ง พี่เชื่อมั๊ย ผมต้องหาทางรอดด้วยการใช้ไหวพริบเฉพาะด้นสดจนนี่มาชนนั้นเยอะมาก แต่ก็แทบไม่เหลืออะไรติดตัวเลย สุดท้ายก็ขายหมด บ้าน รถ เกือบจะขายแม้กระทั้งแหวนแต่ง .... เฮ้ย ผมลืมไปได้ไงเนี้ย ผมแต่งงานแล้วนะลืมเล่าเลย ก็ Elena ผู้หญิงในเรื่องที่เล่านั่นแหละภรรยาผม พี่มาเจอเธอได้นะ พรุ่งนี้กินดินเนอร์กันมั๊ย จะได้ทำความรู้จักกันด้วย ให้ตายเหอะ ผมต้องเล่าเรื่องที่พี่ยังไม่ตายให้เธอฟังด้วยสิ 



Sam – นาธาน ที่พี่มานี่เพราะมีปัญหาเรื่องนึงที่ใหญ่มาก
Nate – อะไรพี่ ปัญหาแบบไหน ?
Sam - Hector Alcazar นายเก็ตชื่อนี้บ้างมั๊ย 
Nate – รู้สิ เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ ฉายาจอมเชือดแห่งปานามา ใช่มั๊ย? ทำไมหรอ 
Sam – เรื่องตลกของชีวิตชั้นมั้ง เพราะเมื่อปีที่แล้วมันเป็นรูมเมทในห้องขังเดียวกับพี่ ...นี่แหละเหตุผลที่ว่าเพราะอะไรพี่ถึงออกมาจากคุกได้ !



                                              Chapter 5 - Hector Alcazar


คุกแห่งนึงในปานามา 1 ปีก่อนหน้านี้ ... หลังจาก Sam รอดชีวิตจากการได้รับการรักษาจากหมอของเรือจำหลังจากโดนยิงจากการแหกคุกพร้อมกับ Nate เมื่อ 15 ปีก่อน เขาถูกจับเข้าคุกอีกครั้งแถมยังถูกจับขังลืมและปิดข่าวการรอดชีวิตของเขาให้ Sam กลายเป็นคนตายที่ไร้ตัวตนเพื่อรับโทษในฐานะร่วมกันฆ่าผู้คุมตามให้สาสม และที่นี่ Sam ก็ได้รู้จักกับ Hector Alcazar เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ ฉายาจอมเชือดแห่งปานามาในฐานะเพื่อนร่วมห้องขังที่จะทำให้ชะตากรรมเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป



Sam –คืนนี้ไม่อ่านหนังสือหรอ ?
Alcazar – แซมมวล มานี่สิ ฟังสิ เสียงพวกผู้คุมกำลังร้องเพลง 
Sam – พวกมันคงเมาละมั้ง 
Alcazar – บางทีมันอาจมีความหมายกับเรามากนะ แต่มันจะสำคัญกับพวกมันหรือเปล่านี่สิ ชีวิตกระจอกๆกับงานเงินเดือนต่ำของพวกมัน
Sam – ก็นะ ชั้นว่าพวกผู้คุมมันก็คงอยากกลับบ้านไม่ต่างกับเราหรอก แต่เราจะทำอะไรพวกมันได้ละ ในเมื่อเราโจมตีมันไม่ได้ 
Alcazar – ที่เรามีคือความทะเยอทะยาน และเมื่อเราออกจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ความทะเยอทะยานของเราก็จะนำพาเราไปยังสถานที่ที่ไอ้พวกงี่เง่าที่นี่จินตนาการไม่ออกเลยละ 
Sam – เออๆ เอเมนกับมุขโลกสวยของแกแล้วกันพวก
Alcazar – แกจะทำอะไรก่อนถ้าแกออกจากที่นี่ได้ แซมมวล
Sam – สมมุติว่าชั้นออกไปจากที่นี่ได้ใช่มั๊ย  เชื่อเหอะแกนึกไม่ถึงเลยละ
Alcazar – ลองว่ามาสิ ชั้นอยากได้ยินนายพูดออกมา
 Sam – แกฟังแล้วอาจจะบอกว่าชั้นเพ้อเจ้อแต่อยากบอกว่าชั้นกำลังคิดตามหาสมบัติของโจรสลัดคนนึงอยู่ตลอดเวลาเลยวะ 
Alcazar – ไม่ๆ เรื่องเล่าของ กัปตัน Henry Avery กับสมบัติ 4 พันล้านทีมีแต่เพชรกับทอง มันก็เป็นเพลงกล่อมนอนที่หวานหูของชั้นเหมือนกัน ถามจริงๆว่านายจะสามารถหามันเจอได้จริงๆหรอ
Sam – แน่นอน ถ้าทุกอย่างมันลงตัวนะ 
Alcazar – มันคือความทะเยอทะยานของนายสินะ คำพูดของกัปตัน Avery ว่าไงนะ
Sam – ข้าคือชายแห่งโชคชะตาที่ต้องมองหาโชคลาภของตัวเอง 
Alcazar – ชั้นรู้นะว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น 
Sam – เฮ้ยๆ เสียงโวยวายนั่นมันเกิดอะไรขึ้น !




Alcazar – เสียงของโอกาสดีๆในชีวิตไง ...
Sam – โว้ๆ พวกนี้มัน ..
Alcazar –  แซมมวลแกพร้อมจะออกตามหาโชคชะตาของแกรึยัง ? 
Sam – พร้อมสิ ! 

-จากนั้นก็ตามกองกำลังของ Alcazar ออกไปตามทางจนระหว่างทาง Alcazar จะฆ่าผู้คุมแล้วเอาปืนมาให้ Sam ที่เหลือก็ลุยตามกองกำลังของ Alcazar ไปจนถึงทางออกด้านหน้าของเรือนจำ ลูกน้องของ Alcazar ก็จะขับรถตู้ฝ่าดงกระสุนมารับพาหนีออกจากที่นี่


Alcazar –  เอ้าแซมมวล ดื่มน้ำนี่ซะก่อนจะได้หายเหนื่อย .. แล้วว่าไง จากนี้เอาไงต่อ 
Sam – เอาไงต่อหรอ ? คงอาบน้ำ นอนหลับบนเตียงจริงๆซะที หาเสื้อผ้าดีๆมาใส่ เอ่อ ตามหาน้องชายของชั้น น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว 
Alcazar –  แล้วเอ่อ นานแค่ไหนกว่านายจะหาสมบัติทั้งหมดของกัปตัน Avery เจอ  
Sam – ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องกลับไปที่ห้องแล้วรวบรวมหลักฐานต่างๆที่เก็บไว้แล้วก็ ...
Alcazar –  นานแค่ไหน !! 
Sam – คือมันก็ยังบอกไม่ได้จนกว่าจะได้เริ่มต้นอ่ะนะพวก
Alcazar –  ก็แกบอกเองนี่ว่าแกรู้ว่าสมบัตินั่นอยู่ที่ไหน 
Sam – คือมันก็เอ่อ อย่างกับกัปตัน Avery มันจะเขียนตัว X สีแดงขนาดใหญ่บอกไว้บนแผนที่งั้นแหละ ชั้นก็ต้องการเวลาเชื่อมโยงหลักฐานทุกอย่างที่มีก่อนด้วยไง
Alcazar –  จอดรถ !! 



Sam – เฮ้ เดี๋ยวๆ ใจเย็นพวก !!
Alcazar –  ชั้นชอบแกนะแซมมวล พูดให้ถูกต้องบอกว่าชั้นเชื่อแกนะ นั่นทำให้แกออกมาอยู่ที่นี่ได้ไง
Sam – ชั้นไม่ได้บอกว่าไม่ได้แต่แค่ขอเวลาหน่อยไง !!
Alcazar – ปัญหาคือ ชั้นคิดอยู่ในใจตลอดเลยกลัวว่าแกจะพูดแบบนี้
Sam – ฟังนะ ชั้นสาบานเลย ชั้นจะหามาให้แกให้ได้ จริงๆนะ 




Alcazar – เมื่อไหร่ !!
Sam – ไม่เกิน 6 เดือน 
Alcazar – ฮ่าๆๆ มันเป็นเวลาที่นานเกินกว่าที่แกสมควรต้องมี 3 เดือน สำหรับครึ่งนึงของสมบัติ ทำได้มั๊ย พูดออกมา !
Sam – มี 3 เดือน สำหรับครึ่งนึงของสมบัติ
Alcazar – ที่นี้จำไว้ ถ้าแกคิดหนีหรือเอาสมบัติไปซ่อนหรือทำอะไรโง่อย่างเอาเรื่องนี้ไปบอกเจ้าหน้าที่ แกจะเจอชั้นในที่ที่แกไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอแน่นอน และประเด็นคือ ความตายจะไม่ใช่ความเมตตาที่ชั้นจะมอบให้แก จำไว้
Sam – แล้วถ้าชั้นเจอมันแล้วละ ยังไงต่อ ?
Alcazar – ไม่ต้องห่วงไปถ้าเวลานั้นมาถึง ชั้นจะไปเอามันมาจากแกเอง 



Sam – นั่นละเรื่องทั้งหมด
Nate – นี่มันโคตรจะเลวร้ายเลย 
Sam – ไม่หรอก ก็แค่ตามร่องรอยจากสิ่งที่เราเคยเริ่วไว้ต่อแค่นั้นเอง
Nate – ร่องรอยหรอ ? มันไม่มีร่องรอยอะไรแล้ว ตั้งแต่ Rafe กับผมหนีมาได้เราก็ตามรอยไปจนถึงที่ดินแดนแห่งเซนต์ Dismas Cathedral มาแล้ว แต่มันไม่พบสมบัติของ Avery ที่นั่นเลยแต่ Rafe ก็ลุยหาเบาะแสต่ออีกเป็นปีก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
Sam – ก็ไม่ได้เซอร์ไพร์อะไรนี่ ..ก็ถ้าพี่เป็นคนขุดลึกและค้นหาข้อมูลมาด้วยตัวเองละ รับประกันเลยว่าไอ้เจ้า Rafe มันต้องไม่มีสิ่งนี้ ก็เพิ่งจะทึ่งสิ่งที่เรียกว่าอินเตอร์เนตก็วันนี้แหละ



Nate – ในรูปนี่มันเหมือนกับกางเขนของ Dismas เลยนี่  
Sam – อ่อหรอ จำได้มั๊ยไอ้อันที่เราเจอมันแตกหักและน่าเกลียดแค่ไหน 
Nate – พระเจ้า มันสมบรูณ์มากๆเลยนะ หรือ Avery สร้างมันขึ้นมาหลายอัน 
Sam – ซึ่งอันนึงนายกับ Rafe พลาดมาแล้วในปานามา 
Nate – เบาะแสลายแทงของสมบัติก็น่าต้องอยู่กับกางเขนอีกอัน แล้วมันอยู่ที่ไหนละ ?
Sam – ภาพนี้คือสิ่งของที่จะเข้าร่วมประมูลในงานประมูลที่จัดขึ้นใน Rossi Estate อีก 3 วันข้างหน้า  
Nate – Rossi Estate โอเค แล้วนายมีแผนยังไงกับพวกการ์ดของงานประมูลนั่นละ 
Sam – จริงๆนายไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเชิญในการเข้างานนั้นด้วยละ 
Nate – แล้วนายจะเอาของนั่นมายังไง .. จริงสิ นายจะขโมยมันมา  
Sam – ไม่ๆ ไม่ใช่ชั้นจะขโมย เราจะขโมย 
Nate – ระ เราหรอ โอ้ ไม่ๆ ผมเลิกสายนี้แล้ว เราจะใช้คนที่มีทักษะและอุปกรณ์ดีๆมาช่วยทำงานนี้ได้นะ
Sam – อย่างเช่นใคร?
Nate- ไม่รู้สิ เอ่อ เอาเป็น Charlie Cutter มั๊ย ? ทางเขาเลยนะ
Sam – ไม่ๆ ชั้นไม่เชื่อใจ Charlie หรือใครทั้งนั้น นี่มันเรื่องความเป็นความตายของชั้นเลยนะ ชั้นอยากให้เป็นนายมากกว่าที่จะมาช่วยทำงานให้เสร็จ 
Nate- มันน่าจะมีทางเลือกอื่นบ้างสิ
Sam – เวลาที่เหลืออยู่ของชั้นสิที่มันมีไม่พอ และก็ไม่ใช่กับเจ้า Alcazar ด้วย 
Nate - .. เฮ้อ .... ผมขอโทรบอกเมียแปบ ....



....  Elena นี่ผมเองนะ เออ มีข่าวดีมาบอกคือ Jameson ยอมทำสัญญาว่าจ้างทำงานกับผมแล้วนะ แต่เอ่อ ผมคงต้องไปทำงานที่มาเลเซียไปอีกซักพักนึงเลยละจ๊ะ …



                                  Chapter 6 – One a Thief 


Rossi Estate ประเทศ อิตาลี …… สถานที่ที่เป็นตลาดมืดที่กำลังมีการลักลอบประมูลของที่ผิดกฎหมายของพวกเหล่ามิจฉาชีพ





Nate – เห็นอะไรบ้าง
Sam – ทุกอย่างปกติดี หรูหราและสโลว์ไลฟ์ไร้ความรุนแรง และ ยังไม่เห็นเงาตาลุง Sullivan ของนาย  
Nate – ยังพอมีเวลาเหลือเยอะน่า 
Sam – ดูเหมือนห้องเก็บของที่เราจะเข้าไปจะอยู่หลังตึกใหญ่นะ เหมือนห้องเก็บของในการประมูลจะอยู่บนโดมสูงสุดของตึกเลยด้วย ถ้าย่องเข้าไปในนั้นได้ก็แจ่มเลย
Nate – สนใจแต่กางเขนของ Avery ที่เราต้องการดีกว่าน่า
Sam – ก็ไม่รู้สินะ พี่ก็แค่ว่านายน่าจะหาของฝากสวยๆกลับไปให้เมียที่บ้านบ้างก็แค่นั้นเอง 
Nate – ทำอะไรที่มันง่ายๆไม่ยุ่งยากไว้ดีกว่า
Sam – ใช่ ง่ายๆไม่ยุ่งยาก แต่ดูเหมือนจะมีแค่เรา  2 คนนี่แหละที่พยายามจะทำให้มันไม่ยุ่งยากอยู่นะ เราควรจะเข้าไปในนั้นได้ตั้งนานแล้วนะ นายไม่คิดว่าแผนสำรองของนายที่จะใช้ตาลุง Sully เนี้ยเวิร์คหรอ ไม่ใช่แกปอดแหกไม่ยอมมานะ แกไม่กังวลบ้างไง ?
Nate – ไม่นี่ เพราะลุงจะไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ Sam นายก็เห็นว่าคนในงานประมูลมันพลุกพล่านไปหมด เขาก็แค่ผ่านปาร์ตี้ชั้นล่างขึ้นชั้น 2 ไปเปิดหน้าต่างรอพวกเราไว้ แล้วเราก็เข้าไป เป็นแผนที่เยี่ยมแล้วละน่า โอเค พูดมานายคิดอะไรกันแน่ 
Sam – ก็แล้วถ้าตาลุงนั่นขโมยกางเขนไปเองละ Victor Sullivan ไม่เคยเปลี่ยนหรอก !
Nate – ไม่ๆๆ อีกล้านปีก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ๆ ก็จริงลุงแกโกงมาสารพัดกับคนอื่นๆในอดีต แต่แกไม่ทำกับเราหรอกน่า 
Sam – ไม่เฉพาะแต่กับนายนะสิ !
Nate – ผมรู้ว่าพี่กับลุงไม่เคยเจอตัวจริงกันเลย แต่ชั้นเชื่อใจเขาเหมือนไม่ต่างกับคนเลยครอบครัวเลย ผมก็อยากให้พี่เชื่อใจเขาด้วย เชื่อเหอะลุงแกทำตามแผนได้แน่ 
Sam – ก็ได้ ..... แต่ ถ้าช้าไปซักนาทีอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปได้หมดนะ 
Nate – นั่น .. นั่นไง ! ลุงส่งสัญญาณมาแล้ว เห็นมั๊ย .. เชื่อใจ 

-จากนั้นเดินตาม Sam เข้าไปในป่าข้างๆตึกแวะทางซ้ายริมหน้าผาเก็บสมบัติ Mughal Water Container มา เดินต่อเข้าไปจนถึงสะพาน Sam จะให้เชือกตะขอเพื่อใช้ในการปีน กด L1 ใช้เกาะที่สะพานเพื่อโหนต่อไปที่ตัวตึกทางซ้ายปีนขึ้นไปด้านบน แวะเก็บสมบัติ Nephrite Brass cup ที่ขอบหน้าต่างของบ้านทางมุมขวาแล้วเข้าประตูทางด้านซ้ายไปในบ้าน ใช้เชือกตะขอโหนออกหน้าต่างทิ้งตัวโหนลงล่างแล้วโหนมาทางซ้ายเพื่อโดดมาที่หน้าผา เดินเข้าไปสุดทางแล้วหันมองที่เสาหินจะมีที่ปีนขึ้นด้านบนไปโดดเกาะปีนป่ายต่อขึ้นบนจนถึงด้านบน รอให้ Sam ตามขึ้นมาใช้เชือกตะขอทำที่ปีนต่อไปได้จนถึงหน้าต่างของห้องที่ Sully เปิดไว้ให้ได้


Nate – Sully ?
Sullivan – รู้มั๊ยว่าทำไมชั้นถึงชอบมาร่วมงานปาร์ตี้ของพวกโจร?
Nate – เพราะ ?
Sullivan – เพราะไม่มีใครสนที่ชั้นจะสูบบุหรี่ในตึกไงละ ฮ่าๆ ไม่ได้เจอกันนานเลยไอ้หนู ฮ่าๆ 
Nate – คุณจำ เอ่อ พี่ชายที่ตายไปแล้วของผมได้มั๊ย 
Sam – Victor 
Sullivan – ชั้นละโคตรจะทึ่งกับแกเลยวะไอ้หนุ่ม ตั้ง 15 ปีเลยนะ ดีใจที่เธอยังมีชีวิตอยู่นะแซม 
Nate – งั้นก็ เออ ช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ให้นานกว่านี้ด้วยการไปฉกเอากางเขนแล้วหนีออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า
Sullivan – เอ่อ เรื่องนั่น ..
Sam – เรื่องนั้นคือ ? อะไร 
Sullivan – มานี่มาชั้นจะให้ดูอะไร .. นั่นดูสิที่งานประมูล




Nate – นั่น กางเขนของ Avery นี่ 
Sullivan – พวกเขาเอามันออกมาจากห้องเก็บของก่อนที่พวกนายจะเข้ามา
Sam – พวกเข้าเปลี่ยนตำแหน่งของออเดอร์ลำดับการประมูล
Sullivan – คนที่ทำได้ต้องใช้งานมหาศาลเลยละ 
Nate – ไม่เป็นไร เรายังพอมีเวลาก่อนจะเริ่มประมูล 
Sullivan – 10 – 15 นาทีเต็มที่ 
Nate – มันน่าจะมีทางขโมยมันมาได้สิน่า
Sullivan – นี่แกไม่เห็นสายตาแขกในงานที่จับจ้องมาเป็นร้อยคู่นั่นรึไง
Nate – โอเคๆ แต่เราแค่ต้องการการเบี่ยงเบนความสนใจคนพวกนั้นนิดหน่อยแค่นั้นเอง .. อย่างเช่น เอ่อ ไม่รู้สิ มันต้องมีอะไรที่ใช้ได้บ้างสิ
Sullivan – ถ้าพวกการ์ดเห็นเข้ามันเอาเราตายแน่นอน
Sam – ก็อย่าให้พวกมันเห็นสิ ให้ตาย นาย 2 คนคงไม่เคยติดคุกใช่มั๊ยเนี้ย คนคุกมีคำพูดนึงบอกว่า ถ้าคุณอยากจะเอาของคนอื่นมาเป็นของเราก็จงปิดไฟให้มืดไว้มันจะได้ไม่เห็นเราตอนเอามา
Sullivan – เยี่ยม ห้องควบคุมไฟฟ้าอยู่ตรงไหนของที่นี่ละ ดูจากแผนที่สิ
Nate – นี่ไง หอคอยควบคุมพลังงานของตึก เราต้องไปปีนขึ้นไปที่นี่ตัดกระแสไฟให้ไฟดับ 
Sam – แล้วก็ฉกกางเขนนั้นหายไปในความมืด 
Sullivan – ปัญหาคือเราจะเข้าไปใกล้พอที่จะฉกมันได้ไงโดยไม่มีใครสงสัย 
Sam – พนักงานเสริฟ์ไง ไม่มีใครสงสัย 
Nate – โอเค น่าจะเวิร์ค เอางี้ ผมจะไปตัดกระแสไฟ 
Sam – แปลว่าชั้นต้องปลอมเป็นเด็กเสริฟ์
Nate – ก็นายเก่งเรื่องล้วงกระเป๋านี่ 
Nate – ส่วนคุณ Sully ลงไปปะปนกับฝูงคนแล้วคอยส่งข่าวบอกเราถึงเหตุการณ์ต่างๆในพื้นที่ .. ทุกคนโอเค ตามนี้นะ 
Sam – โอเค ได้ 
Sullivan – โอเค งั้นตามชั้นมาจะพบไปทางลัดผ่านห้องเก็บของ 

-ออกจากห้องด้านบนลงมาที่งานประมูลด้านล่าง เดินเข้าไปหา Sully ที่ประตูทางเข้าห้องเก็บของด้านในเมื่อสำรวจดูจะพบว่ามันล็อกด้วยคีย์การ์ด จนพนักงานเสิร์ฟออกมาจากด้านในเดินสวนออกมา Sam จะชี้ให้ดูว่ามันมีคีย์การ์ดติดตัวอยู่ Nate จึงอาสาที่จะไปฉกมันมาให้เอง
-เดินตามพนักงานเสิร์ฟไปใกล้แล้วกด L2 จากด้านหลังปรับมุมมองที่มีรูปวงกลมให้ไปตรงกับกระเป๋ากางเกงแล้วกดค้างไว้จนกว่าแถบจะเต็มวง แต่รอบแรกนั้นพยายามยังไงก็ไม่สำเร็จเพราะพนักงานเสิร์ฟมันจะเดินไปมาตลอดไม่อยู่ที่นาน ต้องใช้ความแม่นหน่อยถึงจะล้วงเอาบัตรมาได้ แต่ถ้าพลาดบ่อยๆ Sam จะเข้ามาช่วยด้วยการไปชวนพนักงานเสิร์ฟคุยจนมันยืนนิ่งอยู่กับที่ก็จะง่ายในการฉกสำหรับ Nate มากขึ้น เมื่อได้คีย์การ์ดมาแล้ว เข้าไปเปิดประตูตรงที่ Sully อยู่ Nate กับ Sam ก็จะเข้าไปในห้องเก็บของได้ ในขณะที่ Sully ต้องรับหน้ากับเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ


Nadine – ยกมือขึ้นบนหัวเดี๋ยวนี้ .... ไงวิคเตอร์ 
Sullivan – อ้าว นาดีน ดีใจที่เจอคุณอีกนะคนสวย
Nadine – พูดตรงว่าชั้นอยากจะยิงคุณทิ้งซะตอนนี้เลยจริงๆนะ
Sullivan – แหมคุณไม่รู้หรอว่าปืนที่ผมใช้ตอนนั้นมันก็แค่ปืนปลอมนะ แต่ตอนที่คุณไม่ได้ลุยๆเนี้ยผมก็แทบจำคุณไม่ได้เลยนะ
Nadine – ก็พอดีงานนี้เขาขอร้องมาว่าต้องการผู้หญิงสวยๆนะ ก็เลยต้องทำตัวให้สวยขึ้น 
Sullivan – คุณทำได้ไม่เลวเลยละจะบอกให้
Nadine – แต่บอกตรงๆชั้นว่าตัวชั้นมันผิดที่ผิดทางไม่เหมาะกับที่นี่ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากบอกเลยว่าชั้นอึดอัดจนต้องพุ่งไปคุยกับใครก็ได้ที่พูดอังกฤษได้แม้คุณจะเป็นอเมริกันก็เถอะนะ ฮ่าๆ ว่าแต่ ชั้นกำลังจะไปหาอะไรดื่มที่บาร์พอดี คุณจะเอาอะไรรึเปล่า ?
 Sullivan – สก็อต ออนเดอะร็อค 
Nadine – ได้ เดี๋ยวชั้นมา



Sullivan – Nate Sam นายได้ยินมั๊ย
Nate – ได้ยิน เหมือนมีผู้หญิงมาเลี้ยงดริ๊งคุณไง 
Sullivan – แต่หญิงนั่นดันเป็นยัย Nadine Ross นี่สิ 
Nate – เดี๋ยวนะ เธอเป็นทหารรับจ้างนี่ 
 Sullivan – ใช่ พวก shoreline 
Nate – เธอคิดว่าคุณมาร่วมกับพวกนี้ด้วยมั้ง
Sullivan – เหมือนเธอจะยังนิ่งๆอยู่ เอาเป็นว่าโชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใครหรืออะไรที่ไปทำให้เธอหงุดหงิดอะนะ 
Nate – เราจะเข้าไปแล้วนะ ถ้าทุกอย่างพร้อมผมจะบอก อยู่ห่างๆเรื่องยุ่งๆไว้ด้วยละ
Sullivan – จะพยายามนะ

-เข้าไปจนถึงห้องเก็บไวน์ ด้านในจะพบถังไวน์ขนาดใหญ่ที่สามารถดันให้มันเลื่อนเข้าไปด้านในได้ก็จะมีทางเข้าไปด้านในต่อ เข้าไปตามทางจนเจอถังไวน์ขนาดใหญ่อันที่ 2 ให้ดึงมันออกมาให้พ้นทางก็จะเข้าไปในช่องทางด้านในได้ เข้าไปด้านในต่อจนพบช่องทางข้ามด้านซ้ายของห้องที่มีถึงไวน์ขวางอยู่ เดินอ้อมมาทางขวาเพื่อดึงถังไวน์ขนาดใหญ่อันที่ 3 ออกมาจนสุดแล้วอ้อมกลับมาที่ช่องด้านซ้ายที่ถังไวน์เคยขวางช่องอยู่ก็จะปีนข้ามไปได้ เข้าไปด้านในต่ออีกจนพบถังไวน์ขนาดใหญ่อันที่ 4 ดึงมันให้ถอยหลังมาจนสุดเพื่อใช้ในการปีนขึ้นไปบนช่องระบายอากาศด้านบนได้
-เมื่อออกมาถึงสวนในส่วนนอกตึกจะพบเสาสื่อสารของห้องควบคุมที่อยู่ด้านบนจากที่นี่แต่ในขณะที่ Nate กำลังปีนบันไดขึ้นไปพนักงานเสิร์ฟจอมซวยจะออกมาเจอทำให้ Sam ต้องอัดมันจนสลบแล้วลากมันเข้าไปด้านในเพื่อเอาชุดพนักงานเสิร์ฟมาใช้ปลอมตัว Nate จึงต้องเดินทางต่อคนเดียวเพื่อไปที่ห้องควบคุมต่อ ปีนต่อไปตามตึกขึ้นไปด้านบนจนถึงหลังคาจะเริ่มเห็นเสาสื่อสารอยู่ที่ตึกอีกด้าน แต่ในขณะที่ Nate กำลังโหนตัวเพื่อพยายามจะโดดไปจับขอบระเบียงที่อยู่ไกลๆทำให้ Nate พลาดจนตกไปด้านล่างทันที


Nadine – เอ่อ ตอนชั้นได้พบคู่หูของคุณนะ ชื่ออะไรนะ Drake ? หรอ
Sullivan – อดีตคู่หูนะ ตอนนี้ผมบินเดี่ยวแล้ว Drake ไปแล้ว
Nadine – โอ้ ไปแล้ว Drake เค้าตายแล้วหรอ? 
Sullivan – เปล่าๆผมหมายถึงเค้าวางมือนะ ตอนนี้ได้ข่าวว่าตกต่ำยิ่งกว่าเดิมคือค้าแต่งงานแล้วด้วยน่ะ ฮ่าๆ 



Rafe – อย่างน้อยๆก็ดีกว่าตาย ใช่มั๊ย ? ฮ่าๆ Victor Sullivan สบายดีเปล่า ไม่ได้เจอนานมาก 10 หรือ 20 ปีนะ 
Sullivan – 15 ปี Rafe 
Rafe – ฮ่าๆ เยี่ยม เวลาผ่านไปเร็วมากแต่สุดท้ายเราก็มาอยู่รวมกันกับพวกคนห่วยๆพวกนี้ ฮ่าๆ 
Sullivan – แล้ว เอ่อ นายยังทำงานในธุรกิจครอบครัวอยู่หรือเปล่า
Rafe – ตอนนี้มันเป็นธุรกิจของชั้นแล้ว ซึ่งก็ใช่ ชั้นก็ยังทำงานอยู่
Sullivan – แล้วยังไง คือนี้กะเหมาของดีๆไปจนหมดเลยละสิ
Rafe – แน่นอนถ้าเป็นวันอื่นนะ แต่วันนี้ชั้นเล็งของดีชิ้นนึงอยู่ แล้วคุณละมีอะไรอยากได้หรือให้ช่วยอะไรมั๊ยคืนนี้ 
Sullivan – ก็มี อย่างเช่นประมูลชนะนายไง ฮ่าๆ คือ เอ่อ รู้แค่นายกับชั้นนะ มันเหมือนมีคนพยายามใช้เส้นสายในการเปลี่ยนแปลงลำดับการประมูลด้วย ชั้นว่ามีบางคนกำลังจัดฉากเพื่อชนะการประมูลแน่นอน 
Rafe – อย่าลืมสิว่าเราอยู่ที่ไหน พวกนี้ไม่เล่นตามกติกาอยู่แล้วนี่ 
Nadine – นั่นเปนสิ่งจำเป็นที่คุณต้องมีคนระวังหลังให้อยู่ตลอดในเวลาที่อยู่ที่นี่ยังไงละ




Sullivan – อ่า ไม่อยากพูดตรงๆแบบนี้เลยนะ ไหนว่าไม่อยากทำงานกับพวกอเมริกันไงละ 
Nadine – เปล่าทำงาน แต่เราเป็นหุ้นส่วนกัน 
Sullivan – เข้าใจละ ร่วมพลัง 2 ประสาน โอเค งานจะเริ่มแล้ว หวังว่าคืนนี้คงได้อะไรสมใจนะเด็กๆ
Rafe – แปบนึง Sully ... ลุงหามันเจอได้ไง 



Sullivan – แล้ว มัน น่ะคืออะไรละ .. Nadine ชั้นคิดว่าหุ้นส่วนเธอคงดื่มมากไปหน่อยแล้วนะ 
Rafe – อย่ามาเล่นมุข ไอ้แก่ !! ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าพวกแกเข้ามาที่นี่ได้ไง แต่ถ้าแกคิดจะมาเอากางเขนของ Avery ชั้นจะบอกแกให้ชัดๆเลยนะว่า ทางเดียวที่แกจะออกไปจากที่นี่ได้คือถุงใส่ศพ
Nadine – Rafe พอ !!
Rafe – จำที่ชั้นพูดไว้ให้ดีละ
Sullivan – ดีใจที่ได้เจอทั้งคู่นะ ..... นาธาน นาธาน ได้ยินมั๊ย โธ่ให้ตายสินายไปมัวทำอะไรอยู่วะ 

-ทางด้านนาธานหลังจากตกจากขอบระเบียงบนก็โชคดีที่เกาะขอบปูนด้านล่างได้ ปีนขึ้นมาแล้วโหนคานกลับขึ้นมาด้านบน จากนั้นปีนขึ้นไปบนตึกเรื่อยๆจนถึงทางเข้าช่องใต้หลังคา เข้ามาก็จะมาถึงห้องควบคุมพลังงานไฟฟ้าของอาคาร แต่ก็ต้องเจอประตูที่ล็อกปิดกันแผงควบคุมอยู่อีกชั้น ในขณะที่ Sully ที่อยู่ในงานประมูลก็พยายามเร่งให้ Nate ตัดไฟก่อนที่ Rafe จะประมูลได้กางเขนไป รีบหาชแรงตามจุดเก็บของต่างๆรอบๆจนกว่าจะเจอ(แรนด้อม) แล้วเอาไปงัดเปิดแผงควบคุมไฟฟ้าก็จะสามารถตัดไฟทำให้ห้องจัดการประมูลและพื้นที่ทั้งหมดไฟดับ ทำให้ Sam ฉวยโอกาสฉกเอากางเขนของ Avery หนีออกประตูไปได้สำเร็จโดยที่แม้ Rafe จะเห็นก็ไม่สามารถตามทัน



                                                Chapter 7 – Light Out 


ในขณะที่ไฟฟ้าทั่วทั้งบริเวณดับจนมืดหมด พวกของ Nate ก็จะเริ่มหนีออกจากพื้นที่ ทางด้าน Sam ที่ได้กางเขนมาแล้วก็จะหนีไปทางห้องบอลลูม Sully จะไปคนไปเอารถมารับทุกคนจากทางด้านหน้าทางเข้า ส่วน Nate ก็ต้องหาทางไปเจอทุกคนที่หน้าทางเข้าเพื่อขึ้นรถหนีออกจากที่นี่

-เริ่มต้นการหนีท่ามกลางความมืดที่ต้องหลบแสงไฟสปอร์ตไลท์และพวกการ์ดที่ออกตามหา ซึ่งพวกมันจะไม่โจมตีก่อนจึงสามารถใช้การลอบเร้นในการหลบการไล่ล่าของมันไปที่จุดหมายและสามารถลอบจัดการพวกศัตรูด้วยการกดสี่เหลี่ยมจัดการจากด้านหลังหรือตามพงหญ้าที่ใช้ซ่อนตัวได้ด้วย โดยจะสามารถลอบจัดการยามตามทางได้โดยไม่ต้องมีการยิงต่อสู้เลยก็ได้ และเมื่อเดินทางมาถึงทางเข้าที่ห้องๆนึง ในขณะที่ Nate กำลังออกจากห้องก็ได้พบกับ Nadine ที่มาดักรออยู่


Nadine – นายไม่น่าจะกลับมาที่นี่อีกเลยนะ
Nate – ก็ไม่กะว่าจะมาเจอคุณนี่ เออ ผมบอกอะไรอย่างสิ ผมจะไม่บอกใครถ้าคุณไม่บอกนะ 
Nadine – แต่คุณมีบางสิ่งที่ชั้นต้องการ และคุณต้องเอามันคืนมาให้ชั้น
Nate – เอ่อคือไม่ได้อยากเล่นตัวนะแต่ คือผมแต่งงานแล้วอ่ะนะ 
Nadine – ตอนนี้ชั้นไม่มีอารมณ์ยะ !! เอากางเขนนั่นมาให้ชั้น 
Nate – เธอโชคดีนะที่ชั้นเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำร้ายผู้หญิงนะ 



แน่นอนว่าถึงแม้งานนี้ Nate ก็ถึงกับต้องลงไม่ลงมือกับผู้หญิงแต่มันก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดเพราะระดับฝีมือของ Nate นั้นไม่สามารถทำอะไร Nadine ที่เป็นทหารรับจ้างที่ถนัดการต่อสู้ได้เลย แต่ Nate ก็มีบางอย่างที่เหนือกว่ากำลังของ Nadine นั้นก็คือไหวพริบที่เขาหลอกล่อให้เธอค้นไปที่กระเป๋าหลังเพื่อหากางเขนตามที่ Nate บอกเอาไว้ จนทำให้ Nate สามารถหาจังหวะฟาดหน้า Nadine จนทำให้เธอโกรธจนเหวี่ยง Nate ทะลุออกทางหน้าต่างด้วยความโมโหแต่มันก็ทำให้ Nate สามารถหาทางหนีต่อได้ด้วยเหมือนกัน 


-เมื่อหนีรอดมาจากน้ำมือของ Nadine ได้แล้วก็เริ่มปีนป่ายและหลบหนีการตามล่าของพวกการ์ดพร้อมอาวุธมากมายต่อ โดยการลอบเร้นลอบจัดการหรือเปิดฉากยิงถล่มก็ได้ตามสะดวก จนมาถึงสวนหย่อมที่มีกล่องไม้ เลื่อนกล่องไปใช้ปีนขึ้นไปบนเสาหินแล้วปีนต่อไปที่บนหลังคาเพื่อโหนลวดสลิงไปต่อ จนแรงเหวี่ยงพาทะลุกระจกเข้ามาในห้องบอลลูมที่ Sam กำลังโดนศัตรูล้อมอยู่พอดี
-ช่วยกันกับ Sam ยิงจัดการศัตรูในห้องให้หมดแล้วลุยออกมาทางด้านหน้าของตึก ตามเส้นทางหน้าตึกไปจนถึงประตูใหญ่จะมีศัตรูมากมายบุกเข้ามาเรื่อยๆไม่มีหมด ลุยออกไปจนถึงด้านหน้าประตูแล้วรอจน Sully ขับรถมารับแล้วบีบแตรส่งเสียงสัญญาณบอกก็ให้รีบวิ่งลุยไปขึ้นรถหนีออกจากที่นี่ได้เลย

เมื่อทั้ง 3 หนีออกมาได้สำเร็จก็มารวมตัวกันตรวจสอบไม้กางเขนของกางเขนของ Avery เพื่อหาเบาะแสที่จะนำพาไปหาสมบัติของกัปตัน Avery ทันที




Nate – ลองดูข้างในสิว่ามันมีอะไรบ้าง
Sam – แมร่งเอ๊ย !! มันว่างเปล่า 
Nate – อะไรนะ ?? 
Sam – ล้อเล่น ฮ่าๆนี่ไงแผนที่
Nate – โธ่ไอ้บ้าเอ๊ย !!
Sullivan – นั่นแหละพี่ชายนายไอ้หนู ฮ่าๆ 
Sam – โอเค เจอตราหัวกะโหลกแปะไว้ถือเป็นลางดี ข้างในมันเขียนว่า เอ่อ Hodle mecum eris in Paradiso
Nate – วันนี้เจ้าจะได้มาร่วมกับข้าในสวรรค์
Sam – มันเป็นคำพูดที่พระเยซูพูดกับ Saint Dismas  ตอนถูกตรึงกางเขน แล้วตัวเลบพวกนี้หมายถึงอะไร ?
Sullivan – รหัสบางอย่าง ไม่ก็เบอร์โทรมั้ง ฮ่าๆ
Nate – ไม่เอาน่า นี่มันคือจำนวนปี.. นี่ 1659 ปีที่ กัปตัน Avery เกิด ปี 1699 วันตายของกัปตัน Avery 
Sam – ก็โอเค เราได้ปีเกิด ปีที่ตายและ สวรรค์ ที่เขียนไว้มันคืออะไร ? หรือเราควรไปดูที่หลุมศพของ กัปตัน Avery 
Nate – ที่ Dismas’s Catherdral
Sullivan – แต่พวกนายบอกว่า Rafe มันค้นหาที่นั่นไปจนหมดทุกตารางนิ้วก็ไม่เจออะไรเลยไม่ใช่หรอ 
Sam – ใช่ แต่ดูที่สัญลักษณ์นี้นะ ที่พวกนั้นพบเป็นสุสานของพวกสก็อตจริงมั๊ย แล้วดูนี่มาดูแผนที่อันจริงมันไม่เหมือนกันเลย วิหารอยู่นี่ สุสานไปอยู่ที่นั่น  สก็อตแลนด์
Sam – ฮ่าๆ Rafe มันหาผิดที่มาตลอด พวกเรา ตรงไปสก็อตแลนด์กันได้เลย 
Sullivan – เดี๋ยวๆนี่พวกนายไม่คิดหรอว่า Rafe รู้ว่าเรากำลังจะไปที่นั่น 
Nate – เดี๋ยวถึงตอนนั้นค่อยว่ากันก็ได้ 
Sullivan – คนบ้ายังไม่กล้าคิดแบบที่พวกนายจะทำเลยรู้มั๊ย ลืมไปแล้วหรอว่า Rafe มันมีกองทัพทหารรับจ้างของ Nadine หนุนหลังอย่นะ
Nate – ใช่ แต่มันไม่มีแผนที่นี้ สมบัติมหาศาลของโจรสลัดในตำนานอยู่ในกำมือเราตลอดนี่ไง 
Sullivan – ชั้นคิดว่าไอ้ลายแทงนี่เราหามันเพื่อช่วยชีวิต Sam ซะอีก
Nate – ก็นี่ไง เรากำลังทำมันทั้ง 2 อย่างนี่แหละ เราได้สมบัติมาก็ช่วย Sam ได้อยู่แล้ว
Sullivan – ชั้นไม่รู้ว่า Elena จะคิดไงเมื่อรู้เรื่องนี้นะ ไม่เอาน่าไอ้หนู 
Nate – คือ เอ่อ การจะบอกเธอมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นหรอกนะ 
Sullivan – แต่แกแต่งงานอยู่กินกับเธอมานานแล้วนะ แกยังไม่เชื่อใจเธออีกหรอ 
Nate – ผมไม่สามารถทิ้งโอกาสแบบนี้ได้เหมือนกันนะ 
Sam – Nate ลุงแกพูดถูกนะ อะไรๆมันเปลี่ยนไปแล้ว Rafe มันมีอำนาจครอบคลุมไปทั่ว ชั้น ชั้น ทำคนเดียวก็พอไหวอยู่ 
Nate – โอเค พอเลยสำหรับความเห็นของทั้งคู่เนี้ย ผมจะไปโทรหา Elena ก่อน 



Sam –  มีอะไรในใจก็ว่ามาได้นะลุง
 Sullivan – ชั้นรู้ว่านายก็ผ่านอะไรมาเยอะ ไม่ได้มาถึงจุดนี้ง่ายๆเลย ทั้งหมดที่นายเจอมา ชั้นเสียใจด้วยกับทุกอย่างที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับนาย แต่ไม่ใช่ความผิดของน้องแก 
Sam –  ผมก็ไม่เคยบอกนี่ว่าโทษน้องผม
Sullivan – เขาใช้เวลานานมากเลยนะกว่าจะออกห่างจากเรื่องพวกนี้ได้ 
Sam – มันเป็นตัวตนของเขาต่างหาก
Sullivan – นายเชื่อแบบนั้นหรอ 
Sam – แล้วนายมาที่นี่ทำไมวิคเตอร์ ? 
Sullivan – เพราะต้องมีใครซักคนคอยระวังหลังให้ Nate ไงละ



Nate – โอเค คุยกับ Elena แล้ว บอกเธอว่างานที่นี่คงต้องทำนานกว่าที่คิดหน่อย ก็ถือว่าผมไม่ได้โกหกนะ แล้วเราว่าไง ตกลงลุงเอาด้วยมั๊ยเนี้ย ?
Sullivan – ก็นะ ได้ยินมาว่าช่วงนี้ที่สก็อตแลนด์อากาศดี แวะไปเที่ยวหน่อยก็ดีเหมือนกัน ..  




                                      Chapter 8 : The Grave of Herry Avery




Nate – ที่นี่ Rafe มันเคยมาขุดหาจนเกลี้ยงแล้วใช่มั๊ยเนี้ย 
Sam – พวกมันขุดสำรวจรอบๆพื้นที่จะหมดแล้ว
Nate – ก็ดีแล้ว ส่วนของสุสานของเราจะได้ไม่มีใครมากวน .. Sully พวกผมพร้อมจะเข้าไปแล้วนะ ..เปลี่ยนใจไปด้วยกันมั๊ย โอกาสสุดท้ายแล้วนะ
Sullivan – ไม่ละ ชั้นของนั่งรอสบายๆที่เครื่องบินนี่ดีแล้ว 
Nate – โอเค งั้นผมไปก่อนนะ อีกแปบเดียวเจอกันลุง
Sullivan – เอ่อ . Nate อย่าลืมเอาอะไรที่มันระยิบระยับมาฝากด้วยนะ 
Nate – ฮ่าๆ นั่นแหละคือแผนที่เราจะมาเอาละ 



-จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไปตามชายฝั่งโดยมีเป้าหมายคือซากวิหาร Dismas’s Catherdral ที่อยู่บนเนินเขาด้านบน ปีนป่ายเข้าไปตามทางจนถึงจุดที่เริ่มเห็นแค้มป์ในการขุดค้นของพวกทหารรับจ้าง Shoreline ทำให้ Nate กับ Sam รู้ว่า Rafe และพวกของมันยังคงกำลังขดค้นหาอยู่ที่กันอยู่ จนพวก Shoreline เข้ามาที่แค้มป์จึงเริ่มมีการยิงต่อสู้กันขึ้น จัดการให้หมดแล้วเข้าไปด้านในต่อ จนถึงแค้มป์ใหญ่หน้าซากอาคารโบราณ ลงไปที่ลานด้านล่างจะพบกล่องระเบิดไดนาไมน์ ให้เก็บ กด R2 ในการขว้างระเบิดไปทำลายประตูไม้ที่ซากอาคารตรงหน้าจะทำให้เข้าไปด้านในได้ แต่เสียงระเบิดก็ทำให้พวก Shoreline กลุ่มใหญ่เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ทันที จัดการพวกมันให้มันโดยจะลอบฆ่าพวกมันทีละคนหรือยิงถล่มกันไปเลยก็ทำได้ จากนั้นเอาระเบิดไปทำลายประตูไม้ของซากอาคารด้านบนเพื่อเข็นเอากล่องสีเหลืองด้านบนลงมาที่ซากอาคารที่ระเบิดระตูไว้ด้านล่างเพื่อใช้เป็นที่ปีนขึ้นไปบนเนินด้านบนซากอาคารต่อได้
- ใช้เชือกโหนตัวต่อเนื่องเกาะปีนจนไปถึงขอบหน้าผาด้านบนสุด รอให้ sam ขึ้นมาแล้วดันเขาขึ้นไปด้านบนเพื่อให้ช่วยดึงขึ้นไปด้านบนต่อได้ บนเนินเขาจะเห็นซากวิหาร Dismas’s Catherdral อยู่ไกลๆ โดดไถลตัวลงไปตามทางลาดโดดเกาะหน้าผาไปที่ลานกว้างที่มีซากสะพานและพวก Shoreline กลุ่มใหญ่คุมอยู่ เป้าหมายคือข้ามซากสะพานนั่นไปโดยจะลอบจัดการพวกศัตรูเท่าที่พอจะผ่านทางไปหรือยิงถล่มจัดการให้หมดก็ได้



-เมื่อผ่านซากสะพานไปได้ โหนเชือกไปเกาะปีนตามหน้าผาไปด้านบนจะเข้ามาถึงพื้นที่รอบนอกของกำแพงซากวิหาร ไถลตัวลงไปที่พื้นด้านล่างจะพบศัตรูอีกกลุ่ม จัดการให้หมดแล้วขึ้นบนเนินด้านบนสุด แล้วมองไปทางขวาที่ทางลาดโดดไปที่เสาหินตรงกลางแล้วไถลตัวลงไปที่เสาหิน 2 เสาใกล้ๆเพื่อโดดเกาะปีนขึ้นไปด้านบน โดดต่อตามซากเสาหินไปจนถึงเนินด้านบน หันมองทางซ้ายที่เนินลาดโดดไถลตัวไปโดดเกาะที่เนินเขาทางฝั่งซ้ายด้านบนสุดต่อ
-ผ่านเนินด้านไปจะพบทางลาดกว้างที่เต็มไปด้วยเสาหิน ให้ไถลตัวเฉียงลงไปที่พื้นที่ยืนตรงริมหน้าผาต่อ แล้วปีนไปตามซากเสาหินขึ้นไปด้านบนสุด โดดไปที่ลางลาดไถลตัวไปเกาะซากเสาหินตรงกลางปีนขึ้นด้านบนแล้ว โดดไปที่ลางลาดไถลตัวไปเกาะซากเสาหินทางฝั่งขวาต่อ เข้าไปตามซากซุ้มประตูหินจนถึงด้านใน มองไปที่ด้านนอกริมผาจะมีบาร์ให้โหนต่อเนื่องเกาะปีนขึ้นไปจนถึงด้านบนต่อ ที่ด้านบนสุดของทางลาดจะมองเห็นกิ่งไม้ที่ใช้เชือกโหนตัวอยู่ไกลๆ โดนไถลตัวไปแล้วกด L1 ใช้เชือกตะขอข้ามไปก็จะถึงประตูทางเข้าเขตสุสานของซากวิหาร Dismas’s Catherdral



-เมื่อเข้ามาในสุสานแล้วที่ต้องทำคือค้นหาหลุมศพของกัปตัน Henry Avery โดยกดทัชเพดของจอยเปิดดูสมุดบันทึกเพื่อดูสัญลักษณ์ของหลุมศพและปีเกิด – ตายคือ 1659 – 1699 ซึ่งหลุมศพของ Avery นั้นจะอยู่ด้านในสุดติดหน้าผาโดยจะใช้ชื่อว่า Benjamin Bridgeman ซึ่งเป็นชื่อที่เขาเปลี่ยนมาใช้หลังจากการปล้นครั้งใหญ่แล้วนั่นเอง หลังจากพบแล้ว Nate และ Sam จะเริ่มสำรวจป้ายหลุมศพจนพบหัวกระโหลกที่สามารถหมุนเป็นสวิตซ์เพื่อเปิดทางลับลงไปที่สุสานลับใต้ดินได้



-ลงมาที่สุสานใต้ดินเข้าไปด้านในสุดจะพบแท่นบูชาของ Saint Dismas  Penitent thief เข้าไปสำรวจด้านหลังจะพบศัตรูที่มีช่องกลมมากมายและปิดตายอยู่ สำรวจด้านหลังรูปปั้นพระเยซูเพื่อจุดไฟจะเห็นแสงส่องผ่านจากรูปปั้นไปที่ประตู มาด้านหน้ารูปปั้นสำรวจทีละรูปปั้น Dimas , Jesus และ Gestas เพื่อปรับลำแสงที่ส่องผ่านจากรูปปั้นไปทับรูปที่ประตูให้ตรงกันทุกจุดก็จะสามารถเปิดประตูด้านหลังได้ ด้านในจะเป็นกระจกใสที่ส่องผ่านไปที่ถ้ำตรงกลางระหว่างที่ตั้งของ 3 กางเขน ซึ่งเป็นสถานที่เบาะแสต่อไปของ Nate และ Sam


-จากนั้นย้อนกลับมาออกมาจากสุสานใต้ดินมาด้านบนจะพบพวกShoreline กลุ่มใหญ่เข้ามาในพื้นที่ จัดการพวกมันให้หมดแล้วเปิดประตูทางออกเดินทางต่อ เข้ามาจนถึงริมหน้าผาก็จะเริ่มเห็นกางเขนขนาดใหญ่ทั้ง 3 และถ้ำที่จะไปอยู่ด้านบนแล้ว เกาะโหนปีนป่านขึ้นไปตามทางของหน้าผา จนถึงจุดที่เจอบันไดขาดที่ต้องส่ง Sam ขึ้นไปด้านบน เขาจะขึ้นไปใช้ไม้ทำที่เกาะโหนให้ Nate ใช้เชือกตะขอไต่ขึ้นด้านบนได้ จากนั้นใช้จุดโหนอันเดิมกับหน้าผาด้านในเพื่อโหนไปทางฝั่งซ้ายเพื่อเกาะหน้าผาปีนขึ้นไปด้านบนต่อ ไถลตัวไปโหนเชือกเหวี่ยงไปเกาะปีนขึ้นไปบนหน้าผาต่อจนถึงช่องทางด้านใน ไถลตัวไปเกาะโหนปีนต่อจนถึงเนินเขาด้านบนก็จะเห็นถ้ำเป้าหมายอีกไม่ไกล
-เข้าไปทางช่องเขาด้านซ้ายโดดเกาะปีนไปตามหน้าผาต่อไปจนถึงลานทางฝั่งขวา ทิ้งตัวลงมาที่พื้นล่างจะพบศัตรูกลุ่มนึงอยู่ จัดการให้หมดแล้วเข้าไปทางลอดถ้ำที่สุดทางด้านทะลุไปอีกด้านของชายฝั่งที่เป็นเขตของสุสานเรือแตก จากนั้นโหนปีนไต่ขึ้นไปตามทางจนสามารถทะลุขึ้นมาจนถึงปากถ้ำเป้าหมายที่เห็นในแผนที่ได้สำเร็จ



                                            Chapter 9 - those who prove worthy




Nate - "For those who prove worthy Paradise awaits to those who prove false, behold your grim face" สำหรับคนผู้นั้นที่พิสูจน์แล้วว่ามีค่าคู่ควร สรวงสวรรค์รอคอยอยู่ แต่หากพิสูจน์แล้วว่ามันผู้นั้นไม่ซื่อสัตย์พอก็จงเตรียมเผชิญหน้ากับความน่าสะพรึงกลัว ....
Sam – หรอ แต่ชั้นคิดว่า กัปตัน Avery เป็นโจรสลัดที่ดีแต่สำบัดสำนวนมากกว่านะ 
Nate – เอ่อ .. นี่ไม่ใช่ กัปตัน Avery ดูสิ 
Sam – นี่มันโจรสลัด Rhode island
Nate – Thomas Tew 
Sam – ไม่น่าจะใช่เขานะ ชั้นหมายถึง เอ่อ ถึงแม้สัญลักษณ์จะเป็นของเขาแน่นอนก็เถอะ แต่ Tew ทำไมมาใช้สมบัติร่วมกับ Avery ละ 
Nate – ก็ใช่ แต่นั่นเป็นเรื่องที่เรารู้จากตำนาน 
Sam – ถ้ามันเป็นสัญลักษณ์ของ Tew ก็แปลว่าเขามีส่วนกับเรื่องสมบัติทั้งหมดนี่ด้วย ยังไงล่ะ? 
Nate – นั่นนะสิ เป็นคำถามที่ดีมาก Tew เขามาทำไมที่ Scotland ?

-เดินทางเข้าด้านในถ้ำ เกาะปีนป่ายไปตามทางจนถึงซุ้มประตูหินด้านใน เมื่อเข้ามาในห้องจะถูกปิดตายเอาไว้และมีปริศนาวงล้อกางเขนให้แก้เพื่อออกจากห้องนี้


สำรวจที่สวิตซ์ประตูทางออกจะพบศพของผู้โชคร้ายที่แก้ปริศนาผิดนอนตายเป็นโครงกระดูกอยู่ เมื่อเอามือของมันออกมาทำให้วงล้มหมุนให้ช่องที่ว่าถังน้ำหมุนลงมาด้านล่าง หยิบเอาถังน้ำไปตักน้ำที่บ่อน้ำด้านล่างขึ้นมาใส่ไว้ที่ช่องของวงล้อ ลองเปิดสมุดบันทึกดูจะเห็นคำใบ้ที่ Nate คิดเอาไว้ การแก้ปริศนวงล้อนี้ก็คือ รูปกางเขนสีขาวใหญ่ของพระเยซูอยู่ช่องบน กางเขนเล็กสีขาวขาง Dismas อยู่ด้านซ้ายและ กางเขนเล็กสีดำของ Gestas อยู่ทางขวา และให้ช่องถังน้ำไปอยู่ช่องบนสูงสุด แล้วไปสำรวจเปิดสวิตซ์ประตูก็จะเปิดออกไปนอกห้องได้ 



-ออกจากห้องได้แล้ว โหนเกาะปีนป่ายเข้าไปด้านในจนถึงสะพานขาด ต้องดันให้ Sam ขึ้นไปด้านบนเพื่อให้เขาดันกล่องมาให้ใช้ปีนขึ้นไปเกาะกำแพงไปจนถึงช่องด้านบนได้ มุดผ่านเข้าไปในสุสานโบราณทะลุออกมาปีนพนังอีกด้านระหว่างทาง Nate จะได้ยินเสียงคุยกันดังผ่านออกมาจากช่องกำแพง



Nadine – พบอะไรเพิ่มเติมจากทึมค้นหาบ้างมั๊ย ?
ทหารรับจ้าง –ทางตอนเหนือเราค้นหาและเปิดพื้นที่จนหมดแล้วไม่พบอะไร ตอนนี้กำลังค้นหาทางส่วนใต้คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกวันนึงครับ 
Rafe – ขอเวลาคุยด้วยแปบนึง  
Nadine – ได้ยินแล้วนะ ทีมค้นหาบอกค้นหาจากทุกที่แล้วยังไม่พบอะไร 
Rafe – ที่ตั้งใจไว้คือ ชั้นอยากจะให้ค้นหาให้เจอก่อนที่พวกเขาจะเลิกค้นหา 
Nadine – ตอนนี้คนของชั้นระเบิดไดนาไมท์ก็ใกล้จะหมดแล้วด้วย 
Rafe – นี่ใช่ทีมเดียวกับที่บุกถล่มในร้านของคนจีนวันนั้นรึเปล่าเนี้ย
Nadine – นั่นเป็นงานเล็กๆเราทำเสร็จแค่ 2 วัน แต่นี่เราทำกันมาเป็นเดือนแล้ว 
Rafe – ชั้นอยากให้ค้นหาให้ละเอียดจากทุกเศษอิฐเศษหินจนกว่าจะเจอ
Nadine – โอเคๆ ชั้นจะบอกให้พวกเขาเดินหน้าลุยหาต่อให้คุณ ก่อนที่พวกเขาจะหัวเสียมากกว่านี้ 
Rafe – หรือคุณจะบอกพวกเขาให้รอซักพักแล้วให้ผมวิเคราะห์ให้ชัดเจนก่อนค้นหาอีกครั้งก็ได้ 
Nadine – ไม่ๆ พวกเราจะไม่รอนานกว่านี้อีกแล้ว 
Rafe – ถ้าพวกเขาไม่อยากทำงานโดยใช้แต่ความคาดคะเน ก็คงต้องให้เวลาผมอีกหน่อย 
Nadine – เราเองก็พยายามทำตามแผนของคุณ 
Rafe – ตอแหล พวกคุณก็อยากรับค่าจ้างและออกจากที่นี่ให้มันจบๆไปมากกว่า 
Nadine – ชั้นต้องการไอ้กางเขนอันแรกนั่นตั้งแต่มันยังไม่ได้เข้างานประมูลบ้านั่น แล้วเป็นไงต้องเจอเซอร์ไฟรอะไรบ้าง !! 
Rafe – การประมูลนั่นจะทำให้เราได้กางเขนนั่นมาอย่างถูกต้อง 
Nadine – ก็น่าจะลองวิธีของชั้น แต่ชั้นก็ต้องฟังคุณ ทีนี้ก็ต้องมาดิ้นรนกันแทบตาย 
Rafe – ใครจะไปรู้ว่าไอ้พวกบ้านั่นมันจะสอดเข้ามายุ่งนี่หว่า
Nadine – หรือไม่คุณก็น่าจะไปตกลงกับพวกมันซะ 
Rafe – แล้วทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยวะ ?
Nadine – เพราะว่าบางทีคุณอาจต้องการพึ่งพวกเขาไง เอางี้ ฟังนะ ประเด็นคือ ตอนนี้คนของชั้นกำลังพยายามค้นหาที่จุดนี้ ซึ่งถ้าสมบัตินั่นมันอยู่ตรงนี้ เราก็จะเจอมัน แต่ถ้าไม่เจอ ชั้นว่าเราก็ถือเวลาต้องหยุดค้นหาที่นี่ซะที เฮ้ ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวนะ แล้วชั้นจะแจ้งทันทีหากเจออะไรคืบหน้านะ ..



Sam– เรารีบไปก่อนที่พวกมันจะระเบิดจนขุมทรัพย์เราเป็นจุลดีกว่า 
Nate – หรือไม่ก็ไม่เจออะไรเลยแล้วร้องไห้กลับบ้านไป ฮ่าๆ
Sam– แล้ว เอ่อ นายว่าเธอพูดถูกมั๊ย เรื่องถ้า Rafe จะมาตกลงกับนาย ชั้นว่ามันก็ไม่ได้เจ๋งอะไรเหนือนายซะหน่อย
Nate – ใครสนละ มันไม่สำคัญหรอก 

-จากนั้นเกาะปีนต่อจนถึงจุดที่ใช้เชือกโหนข้ามเข้าไปอีกฝั่งจะพบพื้นที่ที่มีเนินสูงที่ไม่สามารถโดดขึ้นไปถึง โหนเชือกอีกครั้งแล้วโรยตัวลงล่างทางซ้ายจะมีช่องทางให้โหนลอดช่องระหว่างพื้นที่ไปเกาะพนังถ้ำฝั่งซ้ายจะมีที่มุดเข้าไปด้านในจะทะลุมาที่เนินทางซ้ายของพื้นที่ที่มีเนินสูงกั้น ดันกล่องให้ตกลงมาเพื่อใช้ปีนขึ้นไปที่เนินสูงได้ เข้าไปตามทางจนถึงทางเดินยาวที่มีเหวตรงกลาง สุดทางจะเป็นสะพานขาด ใช้เชือกจะขอกับกล่องเหล็กที่วางอยู่บนทางเดินฝั่งขวาเพื่อโหนข้ามไปทางขวาแล้วดันกล่องเหล็กไปสุดทางเดินด้านขวาแล้วใช้ตะขอเชือกไต่ลงล่างแล้วโหนไปเกาะทางซ้ายต่อจนถึงทางทางเข้าด้านในต่อได้
-เข้ามาในโถงถ้ำใหญ่ที่ติดกับชายฝั่งทะเล หาทางเกาะลงมาด้านล่างเก็บจดหมายจากศพแล้วเข้าไปด้านในต่อจนเจอคานไม้ถ่วงน้ำหนัก เมื่อเดินไปที่ปลายไม้ใกล้กับจุดดกระโดดขึ้นไปที่เนินตรงข้ามจะทำให้ปลายไม้ต่ำลงโดดขึ้นไม่ถึงต้องให้ Sam โดดลงมายืนถ่วงน้ำหนักที่ปลายไม้อีกด้านทำให้ Nate สามารถโดดไปเกาะพนังถ้ำตรงหนาได้ เกาะพนังทางขวาปีนขึ้นไปบนเนินด้านบนของปลายไม้ จะพบกล่องเหล็ก เข็นมันทิ้งลงมาที่ปลายไม้จะทำให้ปลายอีกด้านกระเด้งสูงขึ้นจน Sam ลอยขึ้นไปที่เนินด้านบนได้เลย ส่วนเน็ตก็โดดลงไปตรงกล่องเหล็กแล้วเดินตามคานไม้ไปโดดที่ปลายให้ไปที่เนินด้านบนที่ Sam อยู่ด้านเลย เข้ามาตามทางด้านในจนถึงประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่ที่เป็นที่เก็บ ไม้กางเขนของ Avery อีกอัน


Sam – นี่ไง ไม้กางเขนอีกอันนึง ว้าว อย่างน้อยๆอันนี้ก็เริ่มมีเพชรประดับแล้วละวะ 
Nate – โว้ๆ อย่าแตะมันพี่
Sam – ทำไม ?
Nate – ดูรอบๆสิ ของมีค่าชิ้นเดียวที่อยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ มันต้องมีกับดักการทดสอบอะไรซักอย่างแน่นอน 
Sam – ความโลภ 
Nate – ใช่เลย หรือไม่ก็ความขาดแคลน 
Sam – แล้วเหรียญพวกนี้มัน ...นายแน่ใจนะ
Nate – โคตรจะแน่ใจเลย .... เอาแค่ เหรียญเดียว
Sam – ความโลภ เข้าใจแล้ว ..ขออย่าให้เป็นกับดัก อย่าเป็นกับดัก เพี้ยง



Nate – โว้ ฮ่าๆ แผนที่ ฮ่าๆ ดูคุ้นๆบ้างมั๊ยพี่ 
Sam – นี่มัน มาดากัสการ์ 
Nate – ดูที่ตำแหน่งดวงดาวที่พื้นสิ
Sam – อ่าว King Bay .. ไอ้บ้าเอ๊ย เขากำลังปั่นหัวเรา Avery กำลังหลอกเราอยู่
Nate – หมายความว่าไง ?
Sam – Avery เขากำลังหลอกเราอยู่ ก็ที่นี่มันก็เป็นสถานที่ในพิกัดของเบาะแสที่เขาให้มาแล้วไหนละสมบัติบ้านั่นอยู่ที่ไหน ชั้นหมายถึง King Bay แล้วที่ไหนต่อไปอีก ?? North Pole หรอ หรือ นอกอวกาศ
 Nate –For those who prove worthy สำหรับคนผู้นั้นที่พิสูจน์แล้วว่ามีค่าคู่ควร Paradise awaits สรวงสวรรค์รอคอยอยู่ .. เขากำลังสรรหา คนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมอยู่ 
Sam – ใครเป็นเลือก 
Nate – Avery ไง 
Sam – เขาจะเลือกใครไปทำอะไร ??



Nadine – ท่านสุภาพบุรุษทั้ง 2 ส่งเสียงโครมครามกันเกินไปแล้ว ทิ้งปืนซะ ช้าๆ เหมือนเราเพิ่งจะเคยเจอกันไปแล้วนะ
Nate – เธอโยนชั้นออกจากหน้าต่างไง จำไม่ได้หรอ ?
Nadine – Rafe ตอบด้วย 
Rafe – ตอนนี้ชั้นอยู่ที่สุสาน พวกมันมาที่นี่
Nadine – รู้ ก็ชั้นกำลังมองพวกมันอยู่เนี้ย คุณรีบมาที่ซากวิหารตรงหลุมด้านล่างสุดเดี๋ยวนี้เลย 
Rafe – ไปเดี๋ยวนี้แหละ แล้วก็อย่าเพิ่งรีบยิงพวกมันซะละ
Nadine – งั้นคุณก็ต้องรีบหน่อยแล้วละ .... King bay หรอ ? 
Sam – ก็ใช่ แต่ ที่ไหนใน King bay ละ ? แกจำเป็นต้องใช้ไม้กางเขนอันนั้นด้วยนะ แต่ มีแค่ชั้น 2 คนเท่านั้นแหละที่รู้ว่ามันใช้ยังไง 
Nate – และถ้าเธอเอาไปให้ Rafe ก็เตรียมคว้าน้ำเหลวกันต่อไปอีกยาวเลย 
Nadine – เสียใจนะหนุ่มๆตอนนี้ไม่ใช่การเปิดเจรจา .. ไปเอากางเขนมา !
Nate – จริงๆแล้วมันไม่ใช่กางเขนอ่ะนะ เพราะตามเทคนิคแล้วมันต้องเชื่อมโยงไปที่เรื่องศาสนา แต่ ก็ช่างเถอะ 
Nadine – อย่าไปแตะต้องมัน !!! 



สายเกินไป ทหารรับจ้างคนของ Nadine ได้ไปทำตามเงื่อนไขของ ความโลภ อันเป็นกับดักของกัปตัน Avery เข้าให้แล้ว ห้องเก็บกางเขนจึงเริ่มถล่มลงทันที ซึ่งนั่นเป็นแผนที่ Nate และ Sam ต้องการให้มันเป็นเพื่อพวกเขาจะหนีตายออกจากที่นี่ได้ง่ายกว่าเดิม ที่เหลือก็ต้องเดินหน้าลุยศัตรูที่ขวางหน้าไปพร้อมๆกับหนีออกจากซากวิหารที่กำลังจะถล่ม เกาะโหนปีนป่ายยิงถล่มศัตรูที่ขวางทางเพื่อออกมาด้านนอกซากวิหารมาจนถึงชายฝั่งให้ได้แล้วโดดลงน้ำว่ายไปขึ้นเครื่องบินของ Sully ที่จอดรออยู่




Nate – เกือบแย่แล้วนะนั่น   
Sullivan – แต่พวกมันยิงเครื่องบินชั้นไม่เห็นหรอ !
Sam – โอ้ เราสบายดีไม่เป็นไร ขอบคุณมากกก 
Nate – จากนี่ไกลแค่ไหนกว่าจะถึงมาดากัสการ์
Sullivan – ไม่เจอสมบัติอีกแล้วใช่มั๊ย
Nate – ตอนนี้ยัง
Sam – พูดมากน่า อย่าน้อยๆก็ได้มาเหรียญนึง เรารวยแล้ว 
Sullivan – พระเจ้า ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี นายคิดว่าที่เหลืออยู่ที่ มาดากัสการ์หรอ ? 
Nate – ไม้กางเขนอันที่เจอมันบอกเบาะแสออกมาเป็นแผนที่ของมาดากัสการ์ออกมาที่พื้น ฉะนั้น  ใช่ มันน่าจะเป็นที่นั่น ซึ่งจริงๆมันไม่ได้อยู่ในสก็อตแลนด์ 
Sam – แล้วประเด็นของไม้กางเขนของ St Dismas มันคืออะไรกันแน่ 
Nate – ก็อย่าที่ผมบอกมันเหมือนกับ Avery กำลังคัดเลือกผู้คนอยู่ ไม้กางเขนของเขาก็เหมือน การ์ดเชิญ ถ้ำที่เราเพิ่งหนีมาเหมือนทำขึ้นเพื่อเลียนแบบของจริง
Sam – งั้นก็แสดงว่าเราผ่านการคัดเลือดใช่ป่ะ วิคเตอร์ไปหาผ้าคาดตากับนกแก้วมาให้ครบเซ็ทหน่อยนะ 
Sullivan – ชั้นไม่เข้าใจวะ เขาจะรวบรวมคัดเลือกคนไปทำไม? 
Nate – เพื่อปกป้องตัวเขาเองไง อย่าลืมสิ ตอนนั้น Avery เป็นชายที่ถูกตามจับอันดับหนึ่งของโลกเลยนะ เขาต้องการรวบรวมคนมาปกป้องความลับจากความเชื่อในสมบัติของพวกเขาไง
Sam – นายหมายความว่าไง “ของพวกเขา”
Nate – คิดดูสิ Thomas Tew ประสบความสำเร็จในฐานะโจรสลัดมากๆคนนึงใช่มั๊ยเป็นไปได้มั๊ยถ้าหากอำนาจนั่นได้มากจากการที่เขาตามสนับสนุน Avery ผมคิดว่า Avery ส่งไม้กางเขนของเขาไปให้เฉพาะโจรสลัดที่ร่ำรวยเหมือนเขาเพื่อซ่อมสมบัติของพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ด้วยกันในที่ที่เดียวกัน 
Sam – งั้นก็หมายความว่าสมบัติในเรื่อง Gunway ของ Avery นี่ก็แค่เศษเงินละสิ 
Sullivan – พระเจ้าแบบนี้ชักจะมันแล้วสิ แล้วที่เราจะไปนี่มันส่วนไหนของ มาดากัสการ์ละ?
Sam – อ่าว King Bay แหล่งรวมพลของโจรสลัดในยุคดั่งเดิมไงละ 
Sullivan – ชั้นรู้จักที่นั่นดีน่า หมายถึงมันมีอะไรที่เฉพาะเจาะจงเป็นิเศษรึเปล่าละ
Sam – ก็แผนที่ในถ้ำนั่นมันก็บอกถึง .. คุณก็รู้นี่ เราไม่รู้ 
Nate – ใครที่รอดจากถ้ำนั่นก็เหมือนได้เข้าเป็นสมาชิกใหม่ แล้วก็อย่าลืมสิว่าเขาทิ้งอะไรไว้ให้เป็นเบาะแสอีก เหรียญที่เราหยิบมาไง ดูที่ด้านหลังเหรียญสิ
Sam – ภูเขาไฟหรอ ?
Sullivan – ภูเขาไฟที่ อ่าว King Bay ที่นี่เราก็ควรจะรีบไปกันได้แล้วละ ..



Elena – เฮ้ไง Nate คุณปลอดภัยดีหรือเปล่า ?
Nate – ผมโอเค มีไรหรอ ?
Elena – อ๋อ พอดีชั้นได้ข่าวเรื่องน้ำท่วมนะ เลยเป็นห่วง ชั้นว่าเดี๋ยวชั้นตามคุณไปที่มาเลเซียด้วยเลยดีมั๊ย
Nate – หรอ อ่อ ก็ดีนะ เอ่อ แต่ตอนนี้อะไรๆก็กำลังวุ่นเลยมีอุปกรณ์เสียหายหลายอย่าง 
Elena – อย่างน้อยๆคุณก็ปลอดภัย แล้วพรุ่งนี้คุณจะทำงานได้มั๊ยละ 
Nate – ทำสิ แต่หมายกำหนดการต่างๆมันก็คงต้องเลื่อนไปอีกอย่างน้อยๆก็ เอ่อ 10 วันได้
Elena – 10 วันเลยหรอ อย่างนั้นชั้นควรจองตัวเดินทางไปหาคุณเลยดีกว่า 
Nate – เอ่อ คุณไม่ต้องทำแบบนั้นหรอ ผมหมายถึง เอ่อ พวกเขาที่นี่ก็พูดเวอร์เผื่อไปงั้นแหละ จริงๆเราใช้เวลาทำงานกันไม่นานขนาดนั้นหรอก
Elena – โอเค ก็ดีแล้ว ทำอะไรระวังๆละ ดูแลตัวเองด้วยนะ 
Nate – ก็พยายามทำอยู่แหละ เอ่อผมเสียใจนะคงต้องไปแล้ว Jameson เรียกผมแล้วละ ผมรักคุณนะ 
 Elena – โอเค รักเหมือนกันคะ 





                                    Chapter 10 – The Twelve towers 



มาดากัสการ์ , อ่าว King Bay 





Sam – ไม่ต้องไปหาหรอกสัญญาณคลื่นมือถืออ่ะ วิคเตอร์ 
Sullivan – แม่งไม่มีอะไรแย่เท่านี้อีกแล้ว 
Nate – เฮ้ พวกนายรู้มั๊ยว่าอะไรที่ไม่ต้องหาสัญญาณ กระดาษไง
โอเค ถ้าเราตรงไปทางนี้ก็จะไปถึงภูเขาไฟ แต่เส้นทางขรุขระหน่อยนะ 
Sam – นำทางไปเลยน้อง




-ขับรถไปตามพื้นที่กว้างๆพยายามขับไปตามเส้นทางของรอยล้อรถและก้อนหินที่ถูกตั้งเป็นชั้น ๆข้างทาง ระหว่างทางจะมีซากสิ่งปรักหักพังต่างๆที่แวะสำรวจเก็บสมบัติสะสมได้ จุดแรกที่เป็นจุดสำรวจหลักคือซากอณานิคมของพวกโจรสลัดคือ Sigil Tower หอคอยสังเกตการณ์ที่พบบนยอดเขา

ซากหอคอย Sigil Tower นี้เป็นจุดสัญลักษณ์ของกัปตัน Christopher Condent แห่งเรือ Fiery Dragon หากินรอบนอกมาดากัสการ์ ในช่วงเวลาของ Avery ซึ่งเป็นหนึ่งในกัปตันโจรสลัดในตัวเลือกของ Avery เพื่อมาทำการปกป้องสมบัติของเขา 







Christopher Condent กัปตันโจรสลัดชาวอังกฤษที่ใช้สัญลักณ์กระโหลกไขว้เรียงกัน 3 อัน แต่ทั้งชื่อและนามสกุลจริงนั้นยังไม่มีใครทราบแน่นอนซึ่งนามสกุลนั้นก็มีการเรียกขานต่างกันตั้งแต่ Condent, Congdon, Connor หรือCondell ส่วนชื่อก็มากมายทั้ง William, Christopher, Edmond หรือ John มากมายตามแต่พื้นถิ่นที่เรียกขานแต่ชื่อที่รู้จักกันดีทั่วๆไปก็คือ กัปตัน Christopher Condent ฉายา "Billy One-Hand เป็นที่เล่าขานถึงการระเบิดทำลายเรือของเหยื่อรวมทั้งการทรมานเหยื่อด้วยการตัดจมูก ก่อนจะสร้างชื่อด้วยการโจมตีกองเรือเล็ก 20 ลำของพวกดัชแถวๆ Cape Verde ทำให้กัปตัน Christopher สามารถยึดเรือรบที่ทรงอณุภาพที่ชื่อ The Fiery Dragon มาเป็นของตัวเองได้ เขาและลูกเรือสร้างผลงานการปล้นไว้มากมายก่อนจะเดินทางมาที่มาดากัสการ์ในปี 1719 และสร้างฐานของตัวเองที่ Sainte-Marie

http://www.golden-age-of-piracy.com/infamous-pirates/adam-baldridge.php
https://en.wikipedia.org/wiki/Christopher_Condent

-จากนั้นเรียนรู้การใช้กว้านตะขอสลิงหน้ารถ โดยสามารถดึงจากหน้ารถขึ้นไปบนบันไดเพื่อไปผูกกับต้นไม้ด้านบนเนิน (เอาสลิงวนรอบต้นไม้แล้วมาล็อกที่ตัวลวดสลิง) แล้วกลับมาขับรถจะสามารถขับขึ้นเนินดินสูงโดยใช้กว้านเป็นตัวช่วยดึงได้ ซึ่งการใช้กว้านในการดึงสิ่งต่างๆสามารถใช้ในการทำทางและแก้ปริศนาต่างๆในการเก็บไอเทมสมบัติในพื้นนี้ได้ด้วย ดึงรถขึ้นมาตามทางลาดจนถึงด้านบนแล้ว ขับเดินทางต่อตามทางและรอยล้อแวะเก็บสมบัติตามซากโบราณระหว่างทางไปจนพบซากหอคอย Sigil Tower ที่มีพวกทหารรับจ้าง Shoreline กำลังระเบิดพื้นที่หาสมบัติกันเต็มไปหมด ซึ่งเป็นข่าวดีเพราะพวกมันกำลังขุดผิดที่แต่ข่าวร้ายคือการจะขับไปที่เขตภูเขาไฟได้ต้องผ่านพวกมันไปก่อนด้วย จัดการพวกทหารรับจ้าง Shoreline ในเขตซากหอคอยให้หมด แล้วระเบิดประตูทางเข้าด้านในหอคอยจะสำรวจพบตราสัญลักษณ์ของกัปตัน Adam Baidridge



         

กัปตัน Adam Baidridge เป็นโจรสลัดอีกคนที่โด่งในยุคทองของโจรสลัด ผู้เป็นพ่อค้าทาสที่แสนโหดเหี้ยมที่สุดในน่านน้ำมาดากัสการ์ ในปี 1685  Baidridge เป็นพันธมิตรที่ดีกับ Frederick Philipse พ่อค้าชาวอเมริกันที่เข้ามาในช่วงล่าอณานิคมจากชนเผ่าในพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่า Baidridge ก็มีหน้าที่จับคนเผ่าพื้นถิ่นเป็นทาสเพื่อแลกกับสินค้าจากอเมริกา ซึ่งทำให้อณานิคมของพวกโจรสลัดเติบโตมากที่มาดากัสการ์ในยุคล่าอณานิคม ฐานปฏิบัติการณ์ของ Baidridge อยู่ที่ Ile Saint-Marie หลายคนเชื่อว่าสมบัติมากมายของเขาอาจซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่งที่ยังไม่มีใครรู้ 

http://www.golden-age-of-piracy.com/infamous-pirates/adam-baldridge.php
https://en.wikipedia.org/wiki/Adam_Baldridge

-เมื่อจัดการศัตรูจนหมดแล้วสำรวจจนทั่วแล้ว ขับรถมาออกที่สะพานด้านหลังซากอณานิคมแต่สะพานจะหักเพราะรับน้ำหนักไม่ไหว ต้องใช้กว้านหน้ารถไปยึดกับเสาสะพานที่ฝั่งทางออกเพื่อดึงให้ทั้ง 2 เสาสะพานหักลงทำให้สะพานลงมาทอดเอียงให้ขับรถขึ้นไปต่อได้ ขับรถมาตามทางเรื่อยๆจนพบรถของพวกทหารรับจ้าง Shoreline กำลังขับรถมุ่งหน้าตรงไปที่ภูเขาไฟ ขับเดินทางตามรอยล้อรถไปต่อระหว่างจะเจอซากสิ่งปลูกสร้างที่มีสมบัติให้เก็บอยู่ รวมทั้งบ่อน้ำบาดาลเก่าที่ด้านล่างจะต้องใช้กว้านหน้ารถลงไปเพื่อดึงเสาให้พังเพื่อเข้าไปเก็บสมบัติด้านในได้
-ขับรถเดินทางต่อจนถึงทางเข้าถ้ำ เมื่อทะลุไปอีกด้านจะเจอซากอณานิคมที่เต็มไปด้วยทหารรับจ้าง Shoreline ที่กำลังขุดค้นพื้นที่อยู่ จัดการศัตรูให้หมดแล้วขับรถผ่านพื้นที่ไปจนถึงซากหอสังเกตการณ์ที่อยู่บนเนินด้านบน
ที่น่าจะเป็นหอคอย Sigil Tower อีกจุดแต่กลับไม่มีสัญลักษณ์อะไรเลยนอกจากสมบัติ Scottish two pence coin ให้เก็บบนยอดหอคอย และเมื่อปีนขึ้นไปยืนบนยอดหอคอย Nate จะเห็นหอคอยอีกที่นึงที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เมื่อขับรถต่อไปอีกหน่อยก็จะถึงซากอณานิคมและซากหอคอย Sigil Tower ที่ยังไม่มีพวกทหารรับจ้างมาขุดค้น
-ที่ซากอณานิคมนี้จะมีสะพานเชื่อมพื้นที่ที่ถูกยกเอาไว้ทำให้รถไม่สามารถผ่านไปได้ ต้องลงรถแล้วโหนข้ามไปอีกฝั่ง ปีนขึ้นหอคอยไปดันเอากล่องลงมาด้านล่างเพื่อใช้ปีนขึ้นไปด้านบนตรงแกนควบคุมสะพาน แต่ในขณะที่ Nate กำลังหมุนแกนหมุนเอาสะพานให้ทอดลง พวกพวกทหารรับจ้าง Shoreline ก็เข้ามาในพื้นที่ทันที สามารถลอบจัดการศัตรูทีละคนได้แต่เมื่อมีการเปิดฉากยิงกันเมื่อไหร่กำลังเสริมของศัตรูก็จะขับรถมาสมทบอีกชุดใหญ่ทันที จัดการศัตรูให้หมดแล้วหมุนแกนหมุนทอดสะพานลง ขับรถผ่านเข้ามาในพื้นที่เพื่อผ่านไปตามทางต่อจะเห็นหอคอยขนาดใหญ่ตรงตีนภูเขาไฟอยู่ไม่ไกลจากนี่ เมื่อขับรถมาถึงเนินดินสูงตรงซากหอคอย ต้องใช้กว้านตะขอหน้ารถดึงไปผูกกับต้นไม้บนเนินเพื่อช่วยในการดึงรถขึ้นเนิน แต่ระหว่างขึ้นเนินสายสลิงจะไปเกี่ยวกับก้อนหินจนมาถูกรถทำให้รถเกือบตกหน้าผา เมื่อทั้ง 3 สามารถขับรถขึ้นมาได้สำเร็จลงรถพังประตูเข้าไปในหอคอย สำรวจทั่วๆจะพบตู้ที่สามารถดันออกจนพบช่องกำแพงชำรุด เอาถังน้ำมันในพื้นที่โยนไปที่ที่ช่องกำแพงแล้วยิงมันให้ระเบิดก็จะผ่านออกไปด้านในต่อได้ เข้าไปตามทางด้านในจนถึงห้องโถงขนาดใหญที่มีแผ่นจารึกรูปภาพปริศนาอยู่ในห้อง



Nate – St.Dismas เจอกันอีกแล้ว ..สัญลักษณ์เพียบเลย นี่สัญลักษณ์ของ Avery ..นี่ของ Thomas Tew  
Sam – นั่นสัญลักษณ์ของ Adam Baidridge ของ Joseph Farrell และนั่นของ Richard Want
Nate – พวกกัปตันโจรสลัดล้วนๆ 
Sam – เอาละที่นี่ทฤษฎีโจรสลัดของนายก็ไม่ใช่เรื่องตลกอีกต่อไปแล้วนะ 
Nate – โอเค ไหนมาดูสิว่าเราได้อะไรจากภาพนี้บ้าง ไหนลองกดรูปปั้นของ St.Dismas ดูสิ ที่แขนมั๊ย หรือลำตัว ที่เข่า ที่ขามั๊ย ? 
Sullivan – ไอ้หนู ถ้าทำทุเรศกับรูปปั้น St.Dismas เสร็จแล้วก็ช่วยมาดูตรงนี้กันหน่อยนะ ดูรูปสี่เหลี่ยมคล้ายๆหนังสือนี่อยู่ตรงภูเขาไฟนี่สิ รูปมงกุฎคือ King bay นี่มันคือแผนที่ 
Sam – ลุงนี่มันอัจฉริยะชัดๆ 
Sullivan – ได้ยินมั๊ย Nate อัจฉริยะ ฮ่าๆ
Nate – เออๆ คร๊าบๆ.. ไหนดูสิ ถ้าเราอยู่ตรงนี้ ที่นี่ก็ตรงกับหอคอยของ Avery 
Sam – มันต้องมีที่อื่นอีกสิ แสดงว่าสมบัติมันต้องอยู่ในหอคอยที่ใดที่นึงแน่นอน 
Sullivan – อันไหนละ ชั้นนับได้ 12 หอคอยนะ 
Sam – เออ วิตเตอร์ ลุงสูบบุหรี่แบบนี้หรือเปล่า 
Sullivan – ไม่ใช่แล้วละ แย่แล้วมีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย 

-พวก Shoreline มากมายจะบุกเข้ามาพร้อมอาวุธหนัก จัดการพวกมันให้หมดแล้ว Sam จะเก็บแผนที่การสำรวจจากศพหัวหน้าทหารได้ ก่อนที่ทั้ง 3 จะเริ่มตรวจสอบภาพแผนที่ปริศนาที่พนังอีกครั้ง


Nate – นี่มันแผนที่ตำแหน่งของหอคอยทั้งหมดนี่
Sullivan – แล้วตกลงเอาไงต่อ
Sam – เอาไงต่อ เราก็โดน Avery ปั่นหัวเล่นอีกแล้วไง เรามีกันแค่ 3 ใครจะไปหาเจอจากหอคอยมากมายขนาดนั้นได้หมด 
Nate – ก็ใช่ แต่พวกมันก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่หอคอยไหนเหมือนกัน
Sam – ก็แล้วเราจะรู้ได้ไงละนั่นละที่ชั้นถาม
Nate – รู้สิ ฮ่าๆ ดูจากเหรียญนี่สิ สัญลักษณ์นี่มันตรงกันกับจุดหอคอยนี้เห็นมั๊ย 
Sam – นายแน่ใจนะ เพราะชั้นก็เห็นอีกหอคอยนึงที่มีสัญลักษณ์ตรงกับในเหรียญ 
Nate – อ้าว ฉิบหายแล้วสิที่นี้

   

Sullivan – แต่ชั้นว่า 2 มันดีกว่า 12 เยอะเลยนะ 
Sam – เอาละ งั้นชั้นจะไปตรวจสอบที่หอคอยนี่ ส่วนนายกับลุงไปตรวจทีนี่
Nate – ไม่ๆ พวก Shoreline คนของ Rafe มันอยู่เต็มไปหมดนะ 
Sam – ไม่เอาน่า นี่เป็นโอกาสเดียวของเราที่จะเข้าถึงสมบัตินั่นก่อนพวกมันนะ 
Nate – เดี๋ยวๆ Sam มันอันตรายนะถ้าเราแยกกัน มันต้องมีทางอื่นสิ 
Sullivan – Nate Sam พูดถูกนะ หอคอยทั้ง 2 จุดอยู่คนละฝั่งของ King Bay เลยนะ เวลาเรามีไม่พอ 
Nate – ฟังนะถ้านายเจอกับพวก Shoreline เมื่อไหร่นายต้องติดต่อเราให้ไปช่วยนะโอเคมั๊ยพี่ ? 
Sam – แล้วเจอกันพวก
Sullivan – ไปเถอะ เราต้องรีบกันแล้ว 





สาธารณรัฐมาดากัสการ์ Republic of Madagascar นั้นในอดีตเป็นเกาะที่มีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์กับพวกโจรรสลัดในยุคทองของโจรสลัดมาก พื้นที่โดยรอบของทะเลที่นี่เป็นทั้งแหล่งทำมาหากินของทั้งกัปตัน Avery เองและเหล่าโจรสลัดที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย ไม่แปลกที่เกาะแห่งนี้จะมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับที่ซ่อนของขุมทรัพย์ที่โจรสลัดแต่ละคนได้ฝังเอาไว้ รวมถึงเรื่องการที่ทางพ่อค้าของสหรัฐมาร่วมมือกับพวกโจรสลัดในการจัดการกับชนเผ่าพื้นเมืองแลกกับสินค้าชั้นดีในยุคล่าอณานิคมด้วย ซึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ อ่าว King Bay หรืออ่าวโจรสลัด ในปัจจจบันเรียกว่า อ่าว Antongila 







โดยเฉพาะเกาะ St Mary หรือ ile sainte Marie ที่ว่ากันว่าเป็นฐานรวมพลของโจรสลัดที่มีชื่อเสียงหลายคน ซึ่งหอคอยทั้ง 2 หอคอยที่กล่าวถึงในบทที่ 10ก็คือหอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของ กัปตัน Henry Avery และหอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของ กัปตัน Thomas Tew ที่อยู่คนละฝากของอ่าวที่ทำให้ Nate และ Sam ต้องแยกกันตามหาเบาะแสที่ซ่อนอยู่ในหอคอยใดหอคอยหนึ่งระหว่าง 2 อันนี้ แต่หอคอยนี้ไม่พบหลักฐานว่าในปัจจุบันนั้นมีอยู่จริง
---------------------------------------------
https://thesebonesofmine.wordpress.com/2015/05/03/guest-post-an-archaeologist-an-anthropologist-and-an-anarchist-walk-into-a-bar-by-stuart-rathbone/





                                            Chapter 11 – Hidden in Plain sight 



เมือง Maroantsetra  อ่าว Antongila madagascar 




Nate – เอาละ เราถึงแล้ว นั่นไงหอคอยนั่น 
Sullivan – นายคิดจริงๆหรือว่าสมบัติมหาศาลของโจรสลัดในตำนานจะซ่อนอยู่ในกลางตลาดเน่าๆนี่ ฟังดูบ้ามากๆเลยนะ
Nate – แต่เราก็เจอเรื่องบ้าๆแบบนี้กันมาตลอดไม่ใช่หรอลุง 
Sullivan – พูดอีกก็ถูกอีกไอ้หนู 

-เข้ามาด้านในตลาดสำรวจให้ทั่วๆด้านในสุดทางเดินด้านซ้ายในของตลาดจะมีทางเดินไปในซอยตันมีสมบัติ Earthenware Mug และ เข็มทิศ Antigua Compass ที่วางขายในร้านทางขวาของตลอด เข้าไปด้านในตลาดจนถึงประตูทางเข้าหอคอยซึ่งมันจะล็อกอยู่เข้าไปไม่ได้ เดินไปสำรวจทางระเบียงทางเดินด้านซ้ายของประตูจะพบช่องที่สามารถเดินเลาะเข้าไปเกาะปีนกำแพงขึ้นไปเข้าหน้าต่างชั้นบนของหอคอยได้
- เข้ามาด้านในจนถึงห้องโถงแรกจะพบสัญลักษณ์ของกัปตัน Edward England ที่กลางห้อง ด้านในสุดจะมีสมบัติ Nephrite and jade Bowl ให้เก็บ เสร็จแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องโถงของหอคอยซึ่งเป็นหอนาฬิกาของเมือง เมื่อ Nate เอาเหรียญของกัปตัน Avery ใส่ไปที่แท่นกลางห้องจะทำให้กลไกในห้องทำงานทำให้แทนสวิตซ์ราศี 4 ด้านออกมาพร้อมซากบันไดวน

-ปริศนาที่ต้องแก้ก็คือให้ปีนขึ้นไปเพื่อสับคันโยกตีระฆังเรียงตามราศีคือ Scorpio (ราศีพิจิก) , Aquarius (ราศีกุมภ์) , Leo (ราศีสิงห์) และTaurus (ราศีพฤษก) ตามลำดับ 




โดยเริ่มจากปีนไปตามซากบันไดวนแล้วโดดไปเกาะลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักสองอันสลับกันไปมาจนสามารถขึ้นไปเกาะที่ชั้นของสวิตซ์ระฆังรูปสิงห์โต Leo (ราศีสิงห์) ได้ แต่ยังไม่ต้องยุ่งกับอันนี้ ปีนไปตามฟันเฟืองจนถึงชั้นของสวิตซ์รูปแมงป่อง Scorpio (ราศีพิจิก) ให้หมุนสวิตซ์ตีระฆังราศีนี้เป็นอันแรก จากนั้นโดดลงไปที่ชั้นสวิตซ์รูปคนถือคนโทน้ำ Aquarius (ราศีกุมภ์) ที่เห็นอยู่ด้านล่างใกล้ๆ ให้หมุนสวิตซ์ตีระฆังราศีนี้เป็นอันที่ 2 แล้วโดดข้ามช่องฟันเฟือนเพื่อไปเกาะลูกตุ้มถ่วงน้ำหนักเพื่อปีนกลับมาชั้นของสวิตซ์ระฆังรูปสิงห์โต Leo (ราศีสิงห์) ตีระฆังราศีนี้เป็นอันที่ 3 แล้วเกาะฟันเฟืองขึ้นไปถึงชั้นสวิตซ์รูปสิงห์โต Leo แล้วโดดไปเกาะฟันเฟืองตรงทางโดดลงไปที่ชั้นสวิตซ์รูปคนถือคนโทน้ำ Aquarius เพื่อปีนไปตามฟันเฟืองต่อจนเจอลูกตุ้มที่แกว่งไปมาโดดเกาะแล้วรอให้มันแกว่งเข้าไปใกล้ชั้นสวิตซ์รูปวัวกระทิง Taurus (ราศีพฤษก) แล้วโดดไปหมุนสวิตซ์ราศีนี้เป็นอันสุดท้ายได้เลย 

-เมื่อตีระฆังเล็กจนครบ 4 อันแล้วสัญลักษณ์ของกัปตัน Avery ก็จะหมุนมาต่อกันอย่างถูกต้อง จากนั้นปีนซากบันไดไปต่อโหนไปฝั่งตรงข้ามโดดเกาะคันโยกให้ฟันเฟืองหยุดหมุนแล้วรีบเกาะฟันเฟืองขึ้นไปชั้นบนต่อก่อนมันจะหมุน จะมาอยู่ด้านหลังของหน้าปัดนาฬิกา โหนเฟืองให้เข็มยาวสีไปที่เลข 3 และเข็มสั้นชี้ไปเลย 9 แล้วโดดออกนอกหน้าต่างไปจะพบว่าเข้มที่หน้าปัดนาฬิกาของหอนาฬิกาจะอยู่ในตำแหน่งที่เกาะข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้แล้ว โหนเชือกตะขอเกาะปีนขึ้นไปจนถึงชั้นของระฆังใหญ่ของหอด้านบนสุด ปีนขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อเก็บสมบัติ Ivory Handle Dagger แล้วค่อยกลับลงมาหมุนสวิตซ์เพื่อตีระฆังใหญ่ แต่คันโยกสวิตซ์เก่าจนหักไปซะก่อนทำให้ต้องโหนแล้วใช้การแก่วงตัวจนตีระฆังใหญ่ได้สำเร็จ
-แต่เมื่อตีระฆังดังขึ้นก็ทำให้ระฆังขนาดใหญ่ตกลงไปด้านล่างต้องเกาะโหนไต่ปีนเพื่อเอาตัวรอดจนสามารถโดดลงมาด้านล่างได้อย่างปลอดภัย และระฆังก็จะตกลงมาทำให้พื้นของห้องเป็นโพรงทำให้เห็นช่องทางลับไปห้องใต้ดินที่ซ่อนอยู่ได้


ด้านในห้องลับจะพบแท่นรหัสที่ต้องแก้ด้วยการเรียงสัญลักษณ์ของกัปตันโจรสลัดที่ร่วมมีเอี่ยวกับสมบัติของ กัปตัน Avery ให้ถูกต้องด้วย โดยในห้องโถงแรกจะเป็นสัญลักษณ์ของ กัปตัน Avery และ กัปตัน Thomas Tew โดยต้องหมุนสัญลักษณ์ของทั้งคู่ให้รูปสามเหลี่ยมเล็กๆที่ขอบของกรอบสัญลักษณ์ให้ตรงกัน ซึ่งก็คือหมุนสัญลักษณ์รูปกระโหลกของ กัปตัน Avery ไปด้านซ้าย หมุนสัญลักษณ์รูปแขนถือดาบของกัปตัน Thomas Tew ไปทางขวา  นั่นเอง




เมื่อแก้รหัสชุดแรกได้แล้ว รหัสของสัญลักษณ์ชุดที่ 2 จะออกมาแต่ยังไม่สามารถหมุนได้ถูกต้องเพราะยังไม่รู้จุดเชื่อมต่อของแต่ละสัญลักษณ์ ประตูห้องทางซ้ายจะเปิดออก เข้าไปจะเห็นรูปภาพของกัปตันโจรสลัดอีก 3 คนที่มีเอี่ยวกับสมบัติของ กัปตัน Avery ประกอบด้วย กัปตัน Adam Baidridge กัปตัน Christopher Condent และกัปตันโจรสลัดสาว Anne Bonny จากนั้นสำรวจที่ละรูปแล้วมองหารูปสีเหลี่ยมที่แฝงอยู่ในภาพให้เจอแล้วกดสามเหลี่ยมตรงนั้น Nate ก็จะพบจุดเชื่อมต่อของสัญลักษณ์แล้วจดลงสมุดบันทึกก็จะสามารถลองจับเอาสัญลักษณ์ที่เขียนมาลองเชื่อมต่อกันได้ก็คือทำให้รูปสามเหลี่ยมเล็กๆที่ขอบของกรอบสัญลักษณ์ให้ตรงกัน เมื่อเห็นจุดเชื่อมโยงของแต่ละสัญลักษณ์ทั้ง 3 ได้แล้วเมื่อกลับมาที่แท่นแก้ถอดรหัสก็หมุนแก้รหัสชุดที่ 2 ได้เลยโดยให้หมุน อันซ้ายหันมาทางซ้าย อันกลางหันหัวลงล่าง และอันทางขวาหันหัวลงล่าง 



เมื่อแก้รหัสชุดที่ 2 ได้แล้ว รหัสของสัญลักษณ์ชุดที่ 3 จะออกมาพร้อมอีก ประตูห้องทางขวาจะเปิดออก เข้าไปจะเห็นรูปภาพของกัปตันโจรสลัดอีก 3 คนที่มีเอี่ยวกับสมบัติของ กัปตัน Avery ประกอบด้วย กัปตัน Richard want กัปตัน Joseph Farrel และ กัปตัน William Mayes สำรวจที่ละรูปแล้วมองหารูปสีเหลี่ยมที่แฝงอยู่ในภาพให้เจอแล้วกดสามเหลี่ยมตรงนั้น Nate ก็จะพบจุดเชื่อมต่อของสัญลักษณ์แล้วจดลงสมุดบันทึกก็จะสามารถมองเห็นจุดเชื่อมโยงของแต่ละสัญลักษณ์ได้ กลับมาที่แท่นแก้ถอดรหัสก็หมุนแก้รหัสชุดที่ 3 ได้เลยโดยให้หมุน อันซ้ายหันลงล่าง อันกลางหันปลายสามง่ามไปทางขวา และอันทางขวาหันหัวกะโหลกลงล่าง 



เมื่อแก้รหัสชุดที่ 3 ได้แล้ว รหัสของสัญลักษณ์ชุดที่ 4 จะออกมาพร้อมอีก ประตูห้องตรงกลางจะเปิดออก เข้าไปจะเห็นรูปภาพของกัปตันโจรสลัดอีก 4 คนที่มีเอี่ยวกับสมบัติของ กัปตัน Avery ประกอบด้วย กัปตัน Edward England , กัปตัน Yazid Al – Basra ชาวมองโกล , กัปตัน Tariq bin Malik  และกัปตันที่ไม่มีใครรู้จักชื่อที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปลิง สำรวจที่ละรูปแล้วมองหารูปสีเหลี่ยมที่แฝงอยู่ในภาพให้เจอแล้วกดสามเหลี่ยมตรงนั้น Nate ก็จะพบจุดเชื่อมต่อของสัญลักษณ์แล้วจดลงสมุดบันทึกแล้วลองเรียงจุดเชื่อมโยงก็คือรูปสามเหลี่ยมเล็กๆที่ขอบของกรอบสัญลักษณ์ให้ตรงกัน  กลับมาที่แท่นแก้ถอดรหัสก็หมุนแก้รหัสชุดที่  ได้เลยโดยให้หมุน อันแรกทางซ้ายหันหัวรูปตาชั่งลงล่าง อันที่ 2 กลางหันปลายสามง่ามไปทางขวา อันที่ 3 หันรูปลงลงล่าง และอันที่4 หันรูปเสือลงล่าง 




เมื่อแก้ปริศนาสำเร็จแท่นรหัสก็จะผลิกนำเอาพิกัดแผนที่ออกมา



Sullivan – ดูนั่นสิ ฮ่าๆ เอาแล้วไง สรุปมันคืออะไร ?
Nate – เอ่อ ยังไม่แน่ใจ เดี๋ยวลองถ่ายรูปไปให้ Sam ดูก่อน
Sullivan – แน่นอนเขาเป็นเจ้าแห่งกูรูเรื่องโจรสลัดนี่ 
Nate – โอเค ถ่ายไปครบ 4 ภาพแล้ว
Sullivan – นายรู้มั๊ย ชั้นว่ามันเหมือนกับ ..






Nate – อืมม . ลองเอากระดาษคัดลองภาพของแต่ละภาพมาทั้ง 4 ภาพ .. ลุงรู้มั๊ยพันธมิตรของกัปตัน Avery ไม่มีสมาร์ทโฟน จริงมั๊ย ฉะนั้นพวกเขาจึงมีวิธีเดียวที่จะค้นหาเบาะแสต่อไปได้ ลอกภาพจากภาพทั้ง 4 ด้วยกระดาษกับดินสอแล้วเอาภาพมาทับกัน จากนั้นส่องกับแสงไฟ บิงโก !!
 Sullivan – ว้าวว ฮ่าๆ มองแบบนี้ เหมือนเป็นลัดติจูด อืมมๆๆ โอเคเรา น่าจะหาพิกัดได้ไม่ยาก คงต้องเตรียมเก็บกระเป๋าไปต่อไปแล้วละไอ้หนู ฮ่าๆ 
Nate – เดี๋ยวนะ Pro Deus Quod Licentia โอ้ไม่ๆ เป็นไปไม่ได้
Sullivan – อะไร ? 
Nate - พระเจ้า มันเห็นได้ชัดเจนมากเลย ทำไมผมไม่เคยเห็นมันมากก่อนนะ แปบๆ โทรหา Sam ก่อน ฮัลโหล Sam …



Rafe – ฮ่าๆ นี่ชั้นเอง ชั้นโทรไปหาเอง โทษทีนึกว่าโทรศัพท์ตาลุง Sully นะเนี้ย แต่ดูซะก่อนใครรับสาย นายเป็นไงบ้าง Nate 
Nate – หวัดดี Rafe ไม่ได้คุยกันนานเลย นายรู้เบอร์นี้ได้ไงเนี้ย ? ลุงแกเมาหลับที่บาร์จนนายมาเอาเบอร์ไปรึไง 
Rafe – ฮ่าๆแน่นอน ชั้นไม่ยอมเสียค่าเหล้าไปฟรีๆหรอกนะพวก ตลกหรอ ชั้นจ่ายไปอื้อเลยกว่าจะได้เบอร์นายมา 
Nate – ชั้นว่านายจ่ายเพื่อเรื่องกัปตัน Avery มากเกินไปแล้วนะ ชั้นได้ยินมาว่าเดี่ยวนี้นายยอมทำทุกอย่างเพื่อชนะเสียด้วย
Rafe – ทำไงได้ก็นายมันฉลาดนี่หว่าเลยนำหน้าก้าวนึงอยู่ตลอด แต่ไงก็เหอะสุดท้ายแล้วประเด็นมันอยู่ที่ใครจะได้สมบัติของกัปตัน Avery มาก่อนต่างหาก   
Nate – ฟังดูเหมือนนายกำลังจะพนันกับชั้นเลยนี่หว่า 
Rafe – Nate นายก็รู้ว่าชั้นเห็นทุกอย่างเป็นการพนันแต่หุ้นส่วนของชั้นนี่สิ เธอกลับชอบอะไรที่มันตรงไปตรงมามากกว่าความเสี่ยง
Nate – ว้าว คนอย่าง Rafe Adler ยอมฟังคำสั่งคนอื่นด้วยหรอเนี้ย เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนจริงๆ
Rafe – นี่ Nate ชั้นจะบอกไรนายอย่างนะ ถ้านายยกเลิกทุกอย่างที่นายทำอยู่ กลับบ้านใช้ชีวิตไปตามปกติ ชั้นจะทำเป็นลืมเรื่องที่นายทำไว้ทั้งหมดเลยก็ได้นะ เห็นแก่วันเก่าๆเพื่อน 
Nate – พูดล่อใจก็เป็นหรอ Rafe นายก็รู้ว่าชั้นไม่ใช่คนจะล้มเลิกสิ่งที่ตัดสินใจจะทำง่ายนี่หว่า 
Rafe – โอเค Pro Deus Quod Licentia For God and Liberty เพื่อพระเจ้าและอิสรภาพ ภาพที่ส่งมาสวยมาก Nate  องค์ประกอบภาพดีมากๆอ่ะ
Nate – แก แฮกโทรศัพท์ของพวกเราหรอ ?
Rafe – นายขโมยไม้กางเขนชั้นก่อนนี่ ! 
Nate – ฟังนะ Nate ถ้านายคิดว่านายฉลาดจริงๆนายคงจะยอมรับขอเสนอชั้นไปแล้วละ อ่ออีกอย่างนึง นายรู้ใช่มั๊ยว่าสมาร์ทโฟนมันมี GPS ระบุตำแหน่งด้วยอ่ะ แล้วเจอกันนะพวก ..
Sullivan – พวกมันส่งคนมาเก็บเรา ต้องรีบเผ่นแล้ว
Sam – ฮัลโหล Nate Pro Deus Quod Licentia นายรู้มั๊ยว่ามันหมายความว่าไง 
Nate – Sam ทิ้งโทรศัพท์แล้วหนีออกจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ !!  


- ทันทีที่คุยจบพวกทหารรับจ้าง Shoreline จะบุกเข้ามาโจมตีทั้งกับ Nate และ Sam เพราะ Rafe มันส่งตำแหน่งไปให้ หนีออกจากหอคอยมาด้านหน้า Sully จะชี้ตำแหน่งของหอคอยอีกอันที่ Sam อยู่ แล้วเป้าหมายก็คือหาทางไปช่วย Sam ให้เร็วที่สุด แต่เมื่อผ่านตลอดมาทั้ง Nate และ Sully ก็ต้องเจอกับ ทหารรับจ้าง Shoreline จำนวนมากและรถหุ้มเกราะติดปืนกลเข้ามาขัดขวางตลอดเส้นทาง หนีออกจากตลาดหลบเข้าไปในตึกออกทางหลังคาไปโดดขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าตลาดเพื่อขับหนีการไล่ล่าของรถหุ้มเกราะไปตามทางลงเขาจนถึงหอคอยอีกฝั่งของอ่าวจะพบว่า Sam กำลังขี่มอไซด์หนีการไล่ล่าของพวกศัตรูออกไปพอดี ขับรถไล่ตามขนานไปกับถนนด้านบนจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ รอจังหวะตอนที่มีจุด L1 ให้ใช้เชือกตะขอเกาะโหนกับรถเครนบนถนน Nate ก็จะถูกลากขึ้นไปด้านบนตามขบวนรถศัตรูที่กำลังไล่ล่า Sam



-เมื่อโหนเชือกจนมาเกาะรถได้แล้วจัดการศัตรูบนรถให้หมดและในขณะที่ฝูงมอไซด์และรถจิ๊ปมากมายที่ตามมาประกบ อย่ามัวแต่ยิงถล่มจนหมด ต้องหาทางโดดไปที่รถจิ๊ปที่เพื่อใช้มันขับตาม Sam ที่อยู่หัวขบวนด้วย เป้าหมายขับไล่ไปชนศัตรูที่ตามประกบรถของ Sam ให้หมด ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเถียงกันว่าใครควรจะโดดขึ้นมาบนรถใครดี รถหุ้มเกราะก็เข้ามาชนรถของ Nate อย่างแรงจนพลิกคว่ำจนสลบไปชั่วขณะ ทันทีที่ Nate รู้สึกตัวอีกทีเขาก็พยายามจะหนีออกจากซากรถที่กำลังจะไฟไหม้ท่ามกลางศัตรูที่รอดักยิงอยู่ด้านนอก Nate พยายามดิ้นรนสู้จนจัดการศัตรูที่รอจัดการเขาอยู่ได้ แต่รถหุ้มเกราะที่กำลังจะแล่นเข้ามาหาคือเรื่องใหญ่ โชคดีที่ Sam ควบมอไซด์มารับเอาไว้ได้ทัน




 จากนั้นก็ยิงถล่มใส่เครื่องยนต์ของรถหุ้มเกราะที่ไล่บี้มาเรื่อยๆจนกว่ามันจะระเบิดและหมดสภาพไม่สามารถตามได้อีก ก่อนที่ 2 พี่นอกจากขับจากไปพร้อมทิ้งรอยยิ้มแห่งความสนุกปนอันตราที่ทั้งคู่โหยหาและห่างหายไปหลายปี



Nate และ Sam หลังจากหนีตายมาได้อย่างเมามันก็ขี่รถมาที่จุดนัดพบกับ Sullivan ที่หน้าโรงแรม Ikopa Motel



Nate – เอาละมาดูเบาะแสที่ได้มากัน Pro Deus Quod Licentia
Sam – มันเป็นรหัสลับที่เบสิคมากๆเลยนะจะบอกให้ For God and Liberty เพื่อพระเจ้าและอิสรภาพ แล้วก็ไอ้ สวรรค์ ที่เขาอ้างถึง
Sullivan – ดีใจที่เจอพวกนายแบบเป็นๆอยู่นะ ยังโอเคกันอยู่นะ
Sam – ยิ่งกว่าโคตรโอเคอีกครับลุง เราเจอ Libertalia แล้ว ฮ่าๆ
Sullivan – Liber อะไรนะ !! 
Nate- Libertalia เหมือนกับ กัปตัน Avery เจออณานิคมของพวกโจรสลัดในตำนานนั่นแหละ 
Sam – คือมันยิ่งใหญ่กว่าเมืองหรือดินแดนในฝันของพวกโจรสลัดที่ผ่านมามากๆนะ 
Sullivan – แล้วเอ่อ สมบัติละ 
Sam – ตอนนี้เรื่องมันไปไกลกว่านั้นเยอะแล้วลุง สถานที่ที่ว่าเนี้ยมันเป็นศูนย์กลางของพวกโจรสลัดเป็นร้อยๆ ไม่สิ เป็นพันๆที่มาอยู่รวมกัน พวกเขาจะแชร์ทุกสิ่งต่อกันและกัน ทั้งทรัพย์สิน เครื่องไม้เครื่องมือวัตถุดิบ และเงินทองมากมาย และที่สำคัญพวกเขาจะเก็บสมบัติของพวกเขาเอาไว้รวมกันอยู่ที่เดียว 
Sullivan – สุดยอด !! แล้วไอ้แดนสวรรค์ของพวกโจรสลัดพวกนี้มันอยู่ที่ไหนละ 
Nate – อยู่ตรงนี้ ที่เกาะนั่น อยู่ทางเหนือของอ่าว King Bay 
Sullivan – แล้วไอ้เจ้า Rafe มันจะไม่ก็อปปี้เอาไว้หมดแล้วหรอ 
Nate – จริงๆแล้วพวกมันได้ไปก็แค่ภาพๆนึงเท่านั้นแหละ แต่เรากำลังจะไปค้นหา Libertalia ของพวกเรา และสมบัติพวกนั้นก็จะเป็นของ .... ฉิบหายแล้วว




Elena – งานที่มาเลเซียเป็นไงบ้าง Nate ?
Nate – Elena เอ่อ มันไม่ใช่อยากที่คุณเห็นนะ 
Elena – งั้นหรอ แล้วจริงๆมันควรจะเป็นยังไงละ เป็นการตามหาสมบัติของ กัปตัน Henry Avery รึเปล่า หรือพวกทหารรับจ้าง Shoreline ที่ไล่ล่าอยู่ทั่วเมือง พนันได้เลยว่าไม่ใช่พวกคุณเท่านั้นแน่นอนที่ตามหาสมบัตินั่น 
Sam-  เอ่อ ก็ได้ๆ มันก็เป็นแบบนั้นแหละ แฮะๆ แต่ผมอธิบายได้นะ มันอาจฟังดูบ้านะ เอ่อ จะเริ่มยังไงดี เอ่อ นี่คือ Sam Drake พี่ชายของผม ผมนึกว่าเขาตายในคุกที่ปานามาไปแล้ว แต่ผมคิดผิด ผิดมากๆ มันทำให้เขาติดอยู่ที่นั่นถึง 15 ปี นั่นเป็นเพราะผม แล้วไอ้พวกบ้าที่ปล่อยเขาออกมาก็ต้องการเงินก้อนใหญ่ในการตอบแทน ซึ่งทางเดียวที่จะหาเงินขนาดนั้นมาได้พวกเราก็ต้องตามหาขุมทรัพย์ และๆ เอ่อ เราก็พบมันแล้วด้วยนะ 
Elena – เอาละหยุดๆ สรุปที่นั่นไม่ใช่ที่คุณไปทำงานที่มาเลเซียใช่มั๊ย ? ชั้นไม่เคยได้คุณมาเป็นของชั้นจริงๆ 
Nate – เดี๋ยวๆ ผมเองก็พยายามจะบอกคุณอยู่นะ แต่ไม่รู้จะบอกยังไงนี่ !
Elena – ชั้นไม่รู้ !! ก็แค่พูดออกมา แค่นั้น !  
Nate – ผมแค่อยากจะปกป้องคุณนะ
Elena – เลอะเทอะน่านาธาน !  คุณจะไม่เห็นหน้าชั้นให้รำคาญเกะกะสายตาอีก
  Nate – ก็นี่ไง เพราะถ้าคุณรู้คุณก็จะแสดงออกแบบนี้ไง !
Elena – ห้า แล้วเป็นคุณจะแสดงออกยังไง ? คุณโกหกชั้นเป็นอาทิตย์ๆ และถ้าคุณโดนฆ่าตาย ชั้นก็อาจไม่ได้รับรู้ด้วยซ้ำ ! แล้วตอนนี้คุณก็มี พี่ชาย แล้วด้วย คุณเป็นใครกันแน่ ??
Nate – ไม่เอาน่าที่รัก นี่ผมเองนะ มันก็แค่ช่วงเวลาที่เกิดแต่เรื่องแปลกๆเท่านั้นเอง ผมพยายามจะช่วยพี่ชายผม ไม่ได้สนเรื่องสมบัตินั่นเลยซักนิดเดียว
Elena – ได้เห็นหน้าตัวเองตอนเดินโม้เข้ามาในห้องนี้รึเปล่า ?  คุณอาจโกหกชั้นได้ แต่คุณโกหกตัวเองไม่ได้หรอก .. ชั้นจะขึ้นเครื่องกลับคืนนี้เลย  คุณอยากจะทำอะไรก็เอาที่สบายใจแล้วกัน 



Sullivan – เฮ้ย นี่แกจะทำไรเนี้ย ? ไปง้อเธอสิ !!
Nate – งานเรายังไม่จบ
Sullivan – เราจัดการกันเองได้น่า หรือไม่ก็ๆ ปลอมตัวให้ Sam หาตัวตนใหม่ไปซ่อนที่ไหนซักทีเอา 
Nate – เขาติดคุกมา 15 ปี เขาจะไม่ต้องไปซ่อนตัวที่ไหนทั้งนั้นแหละ
Sullivan – โอเค เอางี้ นายไปเคลียร์เรื่องเมียนาย ชั้นกับ Sam จะไปเอาหา Libertalia กันเอง
Nate – โดยไม่มีผมหรอ โธ่ให้ตายเดี่ยวก็ได้ตายกันทั้งคู่พอดี
Sullivan – จริงดิ ไอ้หนู ชั้นนี่ลุยเดี่ยวมานานมากนะกว่าจะมาเจอนาย
Nate – ถ้าคุณอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์นัก Sullivan ไปช่วยดูแล Elena น่าจะมีประโยชน์มากกว่านะ ! 
Sullivan – แล้วแต่นายก็แล้วกัน ...
Sam – มีอะไรให้พี่ช่วยมั๊ย ?
Nate – ผมเอาอยู่น่า พี่ไปเก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางเถอะ




                         


                                                 Chapter 12 – At Sea 





Nate และ Sam ขับเรือมายังหมู่เกาะเล็กแห่งนึงทางตะวันออกเฉียงเหนือของอ่าว King Bay  ตามพิกัดที่ได้จากแผนที่ของห้องลับในหอคอยโจรสลัด หมู่เกาะไม่กว้างมากถ้าอยากสำรวจก็ขับเรือวนรอบๆดูจากนั้นค่อยเข้าไปที่เกาะใหญ่ตรงกลางที่มีซากหอคอยตั้งอยู่ อ้อมไปทางขวาของเนินจะมีทางขึ้นไปด้านบน เข้าไปด้านในแล้วขึ้นไปบนหอคอยจนสุดแล้วปีนออกหน้าต่างไปปีนพนังด้านนอกต่อจนถึงชั้นบนจะพบ สัญลักษณ์รูปลูกศรที่พนัง เมื่อ Sam กดดูมันจะเปิดออกให้เห็นวิวด้านนอก ทำให้เห็น สัญลักษณ์รูปลูกศรอีกอันที่เนินทรายหน้าเกาะตรงที่เรือจอดอยู่ ความหมายก็คือ ต้องเดินทางตามทิศทางที่หัวลูกศรที่ชี้บอกทางไปจนพบอันอื่นๆที่ละอัน ตามเกาะ ใต้น้ำ จนถึงเป้าหมายที่ลูกศรชี้ไปคือถ้ำใจกลางเกาะแห่งนึง



-ขับเรือเข้าไปในถ้ำแล้วจอดเทียบที่เสาหินกลางเกาะแล้วปีนหลังเรือไปโดดเกาะเสาหินปีนขึ้นมาด้านบนแล้วโหนเชือกไปทางขวาเพื่อลงไปที่พื้นที่ด้านใน เข้าไปตามทางจะพบทางเขาวิหารโบราณในช่องเขาขนาดใหญ่แต่ทางเข้าด้านหน้าถูกหินถล่มปิดอยู่เข้าไม่ได้


สำรวจทางฝั่งซ้ายจะมีที่เกาะปีนขึ้นด้านบนได้ ขึ้นมาถึงเนินด้านบนจะพบสะพานแขวนอยู่เหนือขึ้นไป เข้ามาทางขวาจะพบจุดส่งตัว Sam ขึ้นไปแต่ Sam จะเดินข้ามสะพานแขวนจนขาดทำให้เขาต้องไปหาทางเอาลังด้านบนมาให้ Nate ปีนขึ้นมา แต่ Sam หายไปนานจนต้องปีนเองทางสะพานที่ขาดอยู่ทางฝั่งขวาขึ้นไปด้านบนแล้วโหนเขือกไปที่เสาหินด้านหน้าก่อนที่จะโดดไปที่จุดที่ Sam อยู่ได้ ที่บนเนินใหญ่จะมีเสาเหล็กสำหรับเกี่ยวเชือกตะขออยู่ ใช้เชือกโรยตัวลงด้านล่างแล้วโหนลอดเนินนี้ไปเกาะที่พนังอีกด้านของเนินเพื่อปีนขึ้นด้านบนต่อเรื่อยๆจนพบซากหอคอย ปีนซากหอคอยขึ้นไปบนหลังคาจะมีแผ่นไม้ยืนไว้สำหรับโดดโหนเชือกเข้าไปด้านในต่อจนถึงทางลาดที่เมื่อไถลตัวลงมาจะพบถ้ำขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นโจรสลัดอยู่ด้านหน้า




- เมื่อโหนตัวเข้ามาด้านในจะพบว่าเป็นวิหารโจรสลัด สำรวจในห้องให้ทั่วๆ จะพบว่าที่นี่มีทั้งแปลของเมืองและอาคารต่างๆที่เตรียมจะสร้าง



นอกจากนี้ยังพบบันทึกภาพศิลาโบราณที่แสดงให้เห็นถึงรายชื่อพันธมิตรทั้ง 11 กัปตันโจรสลัดที่เข้าร่วมกับ กัปตัน Henry Avery เพื่อสร้างชุมชนโจรสลัดขนาดใหญ่ ที่เป็นชุมชนในฝันเพื่ออุทิศให้ความเป็นอิสระชนของกลุ่มก้อนตัวเอง โดยกัปตันทั้ง 11 คนประกอบด้วย 
กัปตัน Thomas Tew
กัปตัน Adam Baidridge
กัปตัน Christopher Condent
กัปตัน Anne Bonny 
กัปตัน Richard want 
กัปตัน Joseph Farrel 
กัปตัน William Mayes
กัปตัน Edward England  
กัปตัน Yazid Al – Basra ชาวมองโกล 
กัปตัน Tariq bin Malik
และกัปตันที่มีสัญลักษณ์ของธงเป็นรูปลิงที่แม้แต่ Sam ที่เป็นกูรูด้านโจรสลัดชนิดที่แม้แต่ Nate ยังต้องยอมใจก็ยังจำชื่อไม่ได้เลยว่าเขาเป็นใคร ? 



สรุปรวมกับ กัปตัน Henry Avery ที่เป็นผู้นำด้วยก็จะเป็น 12 สุดยอดกัปตันโจรสลัดชื่อดังที่พร้อมจะลงนามสนับสนุน CODE ที่เป็นเสมือนบัญญัติรัฐธรรมนูญของเหล่าโจรสลัดสำหรับปกครองตนเองด้วยอิสระต่ออำนาจรัฐอื่นใด ดังคำขวัญที่ว่า “Pro Deus Quod Licentia”  For God and Liberty เพื่อพระเจ้าและอิสรภาพ ให้เป็น Libertalia ดินแดนแห่งอิสระชนโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ต่อไป 

จากนั้นเข้าไปในช่องทางที่มีรูปปั้นตั้งอยู่ด้านใน จะพบสัญลักษณ์ของกัปตัน Henry Avery ที่หน้าประตูทางเข้าห้องด้านในซึ่งเมื่อเหยียบตราสัญลักษณ์ที่พื้นแล้วมันไม่เปิดออก Sam จึงชวน Nate ในการงัดประตูเข้าด้านในแทน



ในห้องโถงใหญ่ด้านในจะพบพวงมาลัยเรือโจรสลัดอยู่กลางห้องและมีลูกกลมสัญลักษณ์บนพนังกับแสงสว่างที่ส่องเข้ามา 2 จุด การแก้ปริศนาคือ ต้องหมุนลูกกลม 2 ลูกด้วยการกดสี่เหลี่ยมให้มีตราสัญลักษณ์เหมือนตรงที่จุดแสงแสดงเป็นเงาออกมาจากนั้นก็หมุนปรับให้ลูกกลมที่มีสัญลักษณ์ตรงกับเงาในช่องแสงทั้ง 2 อันก็จะทำให้ปลดล็อกได้ ซึ่งต้องทำทั้งหมด 3 ล็อค โดยต้องหมุนให้ลูกกลมตรงกับสัญลักษณ์ตามรูปภาพ







เมื่อแก้ปริศนาจนครบปลดล็อกได้ทั้งหมดแล้ว รุปปั้นของกัปตันโจรสลัดที่เป็นพันธมิตรของกัปตัน Henry Avery ก็จะเลื่อนออกมาจนครบทั้ง 11 คน ขาดก็แค่รูปปั้นของ กัปตัน Henry Avery คนเดียวที่ไม่อยู่ในห้องนี้ แต่เมื่อเข้าไปในประตูที่เปิดออกหลังจากแก้ปริศนาได้ เมื่อปีนขึ้นไปบนด้านบนของซากวิหารก็จะเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่ของ กัปตัน Henry Avery ตั้งตระหง่านใช้กล้องส่องจ้องมองบางอย่างอยู่ที่หน้าเกาะ จากนั้นกลับลงไปที่เรือโดยปีนอ้อมขึ้นไปด้านบนโหนสลิงกลับมาด้านล่างเพื่อกลับมาที่ถ้ำกลางเกาะแล้วขับเรือมาที่หน้าเกาะเข้าไปสำรวจที่รูปปั้นกัปตัน Henry Avery ได้เลย



Nate – นี่ไงละรูปปั้นกัปตัน Avery ที่นายตามหา
Sam – รู้ป่ะชั้นเริ่มจะรู้สึกหลงตัวเองขึ้นมาทุกทีแล้ววะ ฮ่าๆ มาๆให้เกรียตินายเป็นคนขึ้นไปดูเองเลย
Nate – ไหนดูสิคุณกำลังมองอะไรอยู่กัปตัน ... นั่นไงละ !
Sam – ไง เจออะไรบ้าง เกาะใหญ่รูปหัวกะโหลกอะไรเทือกนั่นรึเปล่า
Nate – เกาะใหญ่ แต่ไม่ใช่ทรงหัวกะโหลก 

     

Sam – นั่นใช่มั๊ย Libertalia ? ฮ่าๆ
Nate – นั่นก็มองโลกแง่ดีเกินไปพี่ ต้องไปดูให้มันแน่ก่อน 
Sam – นายรู้มั๊ยที่เรามาอยู่กันที่นี่ มันต้องมีซักนิดละที่นายต้องกำลังสนุกตื่นเต้นบ้างละ ใช่มั๊ย 
Nate – อ๋อ เดี่ยวได้ตื่นเต้นแน่นอนถ้าไอ้พ่อค้ายานั้นตามมาเชือดคอพี่น่ะ
Sam –  โอเค ฮ่าๆ
Nate –  อะไร ?
Sam – ชั้นบอกว่า โอเค ไง
Nate – ม่ายๆๆๆ ทุกครั้งที่นายบอกว่าโอเค มันต้องมีอะไรไม่โอเคแน่ๆ เผลอๆมันจะตกข้ามกับโอเคด้วยซ้ำ !
Sam – โว้ๆ เดี๋ยวๆ ดูนั่น !
Nate – คนของ Rafe แห่กันมาเพียบเลย 
Sam – จะมีใครอีกละ เผ่นกันได้แล้วเรา ! 


แล้วจากนั้นก็ตัดไปถึงตอนที่พวกทหารรับจ้างคนของ Rafe ขับเรือไล่ยิงท่ามกลางพายุที่กำลังโหมกระหน่ำในตอนที่เคยเกริ่นนำไว้ในตอนต้นเรื่อง



 ซึ่งก็คือตอนที่ Nate และ Sam กำลังขับเรือหนีการไล่ตามเพื่อไปให้ถึงเกาะมหาสมบัติให้ทันก่อนที่เรือของทั้งคู่จะโดนเรือขนาดใหญ่เข้าอย่างจังทำให้ Nate กระเด็นตกทะเลไปท่ามกลางเสียงร้องเรียกของพี่ชาย ..!! 




                                          Chapter 13 - Marooned  

ทันทีที่ Nate รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากเรือถูกชนโครมใหญ่จนกระเด็นตกทะเล ตัวเขาก็มาอยู่บนเกาะใหญ่ที่เป็นเป้าหมายที่เขาและ Sam ต้องการจะมา ท่ามกลางพายุและความเหนื่อยล้า ก่อนอื่น Nate ต้องตามหา Sam ที่พลัดกันให้เจอก่อน



- เข้าไปด้านในตามทางปีนป่ายไปในสภาพที่ร่างกายค่อนข้างสะบักสบอมทำให้ระหว่างทาง Nate หมดแรงกลิ้งตกลงไปที่พื้นจนสลบไป แต่เมื่อตื่นมาตอนพายุสงบและได้พักได้เต็มที่แล้ว เมื่อออกไปนอกถ้ำจะพบกับแสงไฟกระพริบจากระยะไกลส่งมาซึ่ง Nate รู้ทันทีว่า Sam เป็นคนส่งมาแน่นอน

-จากนั้นก็เริ่มเกาะโหนปีนป่ายไปจนถึงด้านบนสุดก็จะเริ่มเห็นพวกทหารรับจ้างนั่งเรือเข้ามาที่นี่แล้ว เดินทางเข้าไปในถ้ำหลังน้ำตกเกาะปีนป่ายขึ้นด้านบนจนออกมาอีกด้านได้ ระหว่างทางจะพบศพของผู้ที่เข้ามาค้นหาสมบัติที่ตายอยู่หลายศพ เดินเข้ามาจนถึงทางเดินช่องเขาจะพบศพของนักเดินทางที่ตายคาเชือกในขณะปีนเขาอยู่ ปีนขึ้นไปเก็บแท่งเหล็กสำหรับปีนเขามาจากศพ ตอนนี้จะทำให้สามารถโดดเกาะตรงพนังที่มีรูพรุนได้แล้วด้วยการกดปุ่มสี่เหลี่ยมในการใช้แท่งเหล็กสำหรับปีนเขาเกาะพนัง จากนั้นเกาะปีนขึ้นไปด้านบนจนพบพื้นที่ที่มีพวกทหารรับจ้างอยู่เต็มไปหมด ลอบจัดการมันให้หมดแล้วผ่านเข้าไปด้านในปีนป่ายขึ้นไปด้านบนก็จะพบ Sam รออยู่ที่นี่


Sam – ชั้นเกือบจะยิงหัวนายแล้วนะรู้มั๊ย 
Nate – แซม นายโอเคนะ
Sam – ใช่ โอเค บอกไว้เลยนะอะไรก็ทำให้ชั้นหันหลังไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก ดีใจที่นายไม่เป็นไรนะน้อง มาสิ เรามีสมบัติต้องหานะ 
Nate – แปบนึง .. นี่เรากำลังทำอะไรกันอยู่เนี่ยพี่
Sam – หมายความว่าไง ?
Nate – ผมหมายถึง ตอนนี้ข้าวของเราทุกอย่างจมอยู่ใต้ทะเลหหมด
Sam – เดี๋ยวเราไปจิ๊กมาจากพวกทหารรับจ้างนั้นก็ได้นี่
Nate – ก็ใช่ เดี๋ยวเราก็ต้องไปบู๊กับพวกมันอีก  
Sam – แต่เราก็ทำแบบนี้กันมาตลอดนี่ ไม่เอาน่า เรามากันไกลมากแล้วนะ 
Nate – แล้วเราก็มาติดเกาะอยู่ท่ามกลางป่าที่ไหนซักแห่งเนี้ยนะ 
Sam – เราพยายามที่จะมาที่นี่ไง นายจำไม่ได้หรอ ?
Nate – จนทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามแผนไง โอเค ฟังขอเสนอมผมหน่อยนะ คือเราลงไปที่ชายหาดขโมยเรือของพวกศัตรูซักลำแล้วหนีออกจากที่นี่กัน 
Sam – ยังไม่ถึงเวลาที่จะทำแบบนั้น นายอยากรู้หรอเรามาทำอะไรที่นี่ ชั้นมาหาเงินซื้อชีวิตชั้นคืนไง !!  และเราจะทำแบบนี้ไปทีละขั้น ฝ่าเข้าป่าไปและตามหา Libertalia นั่นให้เจอ 
Nate – หรอ แล้วตั้งแต่ที่ขึ้นมาพี่เห็นสัญลักษณ์หรืออะไรที่มันชี้ทางไปอณานิคมโจรสลัดนั่นรึยังละ ก็เพราะมันไม่มีไง !
Sam – ชั้นว่ามันเลยเวลาที่นายจะมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้แล้วนะ 
Nate – อย่างน้อยๆเราก็ควรจะยอมรับความจริงเรื่องไปอณานิคมโจรสลัดของกัปตัน Avery มันเลอะเทอะออกทะเลเกินไปไง หรือเราจะเลิกมโนถึงเรื่องแฟนตาซีพวกนี้แล้วมาตั้งใจจะหาทางออกที่เราต้องทำกันจริงๆอย่าง หาทางช่วยพี่ กันดีกว่ามั๊ย 
Sam – ชั้นจะค้นหาทุกตารางนิ้วของเกาะนี้จนกว่าจะเจอสมบัตินั่น และถ้าหากนายสับสนหรือไม่อยากทำก็ขอให้นายหันหลังแล้วไปจากที่นี่ได้เลย กลับบ้านไปซะ
Nate – จะให้ชั้นกลับบ้านงั้นหรอ ? นายล้อเล่นใช่มั๊ย นายมีปัญญาหรอถ้าไม่ใช่ชั้นที่ลากนายมาถึงนี่ 
Sam – แล้วจะเป็นไงถ้าชั้นจะทำคนเดียว ?  15 ปีนะที่ชั้นอยู่คนเดียวทำคนเดียวมาตลอด ! 
Nate – แต่พี่ก็ไม่ต้องถึงกับต้องทำขนาดนี้ก็ได้ 
Sam – เพราะมันเป็นทุกอย่างไงชั้นถึงต้องทำขนาดนี้ 
Nate – เดี๋ยวนะ ...
Sam –  อะไร ??
Nate – นี่สัญลักษณ์ของ กัปตัน Avery ซ่อนอยู่ในพงป่านี่ไง 
Sam – ฮ่าๆ จริงด้วย ไง ยังอยากจะกลับบ้านอีกมั๊ย ? 
Nate – ตามเส้นทางนี้ไปเถอะดูสิมันจะนำเราไปเจออะไรบ้าง 

-จากนั้นเดินทางเข้าไปตามทางในป่าร่วมกับ Sam เข้าไปตามทางจนถึงซากของที่อยู่อาศัย มุดผ่านทะลุไปอีกด้านจนพบประตูทางออกที่ด้านบนเนินสูง เข้าไปที่บ้านทางฝั่งซ้ายขึ้นไปชั้นบนดันกล่องลงมาให้ Sam เพื่อใช้ปีนขึ้นไปเข้าซุ้มประตูบนเนิน และเมื่อผ่านซากประตูไป ภาพที่ทั้งคู่เห็นตรงหน้าก็คือ บ้านเรือนที่อยู่อาศัยมากมายที่อยู่รวมกันเป็นอณานิคมขนาดใหญ่ที่มากพอที่จะทำให้ Sam และ Nate รู้อยู่แก่ใจว่าที่นี่มันคือ Libertalia ! อณานิคมในฝันของเหล่าโจรสลัดที่พวกเขากำลังตามหากันอยู่นั่นเอง



Sam – บอกสิ นายเห็นอะไร ?
Nate – อืมม เห็นได้ชัดเลยว่า เป็นตลาดของแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ 
Sam – ไม่เอาน่า เร็วๆๆ นายเห็นอะไร
Nate- อยากได้ยินที่ผมพูดออกมาว่างั้น 
Sam – โคตรอยากได้ยินเลยครับน้อง
Nate – โอเค .. ที่นี่มัน Libertalia
Sam – ฮ่าๆๆๆๆ Libertalia !!   เมืองในฝันของโจรสลัดในตำนานที่หายสาบสูญไป 300 ปีถูกค้นพบโดย Samuel Drake 
Nate – และ 
Sam –  และๆๆ น้องชายขี้เหร่ๆของเขาที่ตามมาระหว่างเดินทาง เอาน่าวันนึงนายก็จะทำได้อย่างพี่ชายนายเองแหละ 
Nate – พี่รู้มั๊ยว่านี่ไม่ใช่เมืองที่สาปสุญเมืองแรกที่ผมเจอน่ะ 
Sam – ชูววว เงียบๆ จงมีความสุขกับช่วงเวลานี้ซะน้อง  ... เอ่อ แล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนกันดี 
Nate – ตึกใหญ่ทรงสูงด้านในนั่นเลย 
Sam – นายหมายถึง หอคอยรักษาความปลอดภัยหนึ่งเดียวนั่นหรอ ?
Nate – ใช่ เราถึงกำลังไปดูกันไงว่ามันมีไว้คุ้มกันอะไรไง
Sam – เป็นคำที่กำลังจะพูดพอดีเลย ฮ่าๆ ไปดูกัน 




                                       Chapter 14 – Join me in Paradise


-ภายในหมู่บ้านด้านหน้าจะมีสิ่งที่ให้สำรวจมากมาย ทั้งสมบัติ บันทึกเก่าแก่ หรือแม้กระทั่งของบางอย่างก็อาจสื่อให้รู้ถึงความรู้สึกของพวกโจรสลัดที่อาศัยอยู่ในตอนนั้น ทั้งข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงป้ายกลางเมืองที่ระบุถึงกฎเหล็ก ที่ว่า “He who deserts in time of Battle shall be Punished By Death”
 ใครที่อาศัยอยู่ที่นี่หากหนีจากการต่อสู้จะมีโทษถึงประหารทันที ทำให้รู้ว่า ที่นี่กำลังอยู่ในช่วงที่มีการต่อสู้อยู่กับฝ่ายใดฝ่ายนึงอยู่ แต่กฎแบบนี้จะใช้ได้กับพวก โจร ปล้นฆ่า ข่มขื่น อย่างพวกโจรสลัดนี่ได้ด้วยหรือ นั่นคือสิ่งที่ Nate สงสัยและเขียนลงไปในสมุดของเขา  สำรวจให้ทั่วทางอาคารฝั่งซ้ายจะมีเก้าอี้ให้นั่งอยู่ เป็นที่ที่ทั้ง 2 พี่น้องจะได้นั่งคุยสัพเพเหระด้วยกัน


Sam – วิวสวยไม่เลวเลยว่ามั๊ย ?
Nate – ชนแก้ว ฮ่าๆ … พวกเขามาทำอะไรกันที่นี่ ?
Sam – ใคร พวกคนในอณานิคมหรอ 
Nate – ใช่ คือชั้นหมายถึงพวกโจรสลัดที่ทำตัวเลวทรามนอกกฎหมายกันขนาดนั้นแล้ว แล้วยังไงต่อ
Sam – พักผ่อนไง เอนหลังสบายๆ พักบ้างอะไรบ้าง หาที่สงบปลอดภัย ดื่มด่ำกับสุรานิดหน่อย ให้พอได้ห่างไกลจากชะตากรรมที่ผิดพลาดและเลวร้าย 
Nate – ก็จริง ใช่ว่าจะได้มีโอกาสเห็นรูปปั้น กัปตัน Avery ได้ทุกวันที่ไหนละ ฮ่าๆ ... เอ่อ คือ พี่เคยคิดถึงทางเลือกที่มันแตกต่างออกไปมั๊ย การใช้ชีวิตน่ะ คิดมั๊ยว่ามันจะจบลงยังไง 
Sam – นายหมายถึง ถ้ามีพรวิเศษน่ะหรอ ฮ่าๆ ชั้นคิดว่าตัวชั้นคงไม่มีทางเลือกมากมายอะไรให้เลือกได้หรอกนะ
Nate- ผมว่าพี่แมร่งเอาแต่ใจตัวเองวะ ชอบคิดเข้าข้างสิ่งที่ตัวเองจะทำตลอด พี่คิดมั๊ยว่าชีวิตเราจะเป็นไงถ้าเราไม่ได้ต้องมาคลุกโคลนขุดสมบัติตามศพคนตายหลายร้อยปีเนี้ย เคยคิดว่าเราจะใช้ชีวิตแบบ เอ่อ ชีวิตปกติธรรมดา ได้มั๊ย ?
Sam – อืมม ธรรมดาหรอ ? นายอยากได้แบบ ทุกคนมานั่งล้อมวงที่โต๊ะกินข้าวพร้อมหน้าในวันขอบคุณพระเจ้า นั่งดูรูปในวัยเด็ก อะไรแบบนั้นใช่มั๊ย? ม่ายๆ ขอบคุณ ไม่เอาด้วยละ ไม่ใช่แบบของพี่หรอก ชั้นชอบที่เราร่วมมือกันทำอะไรแบบนี้มากกว่า 
Nate – ใช่ ผมก็ได้ยินพี่พูดแบบนี้มาแล้วละ 
Sam – ไม่เอาน่า ถือว่าเราเป็นคนที่โคตรจะโชคดีเลยนะ 
Nate – พี่คิดว่าทุกอย่างที่เราผ่านมาได้เป็นเพราะเราโขคดีหรอ 
Sam – ที่ชั้นว่าโชคดีก็เพราะชั้นถูกขัง 15 ปีโดยไม่มีญาติพี่น้องมาดูแลแล้วรอดออกมาได้นี่ไง 
Nate – เรื่องนี้ผมยอมแพ้ ฮ่าๆ ยังไงที่นี่มันก็ดีกว่าคุกเยอะเลย 

-หลังจากคุยจบสำรวจจนทั่วจนพอใจแล้ว เข้าไปด้านในจนสุดทางเข้าบ้านทางซ้ายหลังสุดท้ายไป เข้าไปที่ห้องเก็บของด้านในจะมีหน้าต่างให้มุดออกไปด้านใน จากนั้นมุดเข้าใต้พื้นปูนที่พังเกยกันอยู่ไปจะเป็นทางเข้าช่องทางลับที่เป็นเสมือนที่หลบภัย มุดเข้าไปจนถึงซากโบสถ์แล้วโหนตัวลงไปในซากของบ่อน้ำบาดาลจะเข้ามาที่อีกอณานิคมนึงได้


-ที่อณานิคมด้านล่างนั้นจะเริ่มมีพวกทหารรับจ้างยึดพื้นที่อยู่ ลอบจัดการพวกมันเพื่อนผ่านทางเข้าไปด้านในต่อจนสุดทางแล้วเกาะปีนขึ้นด้านบนไป จนถึงตึกขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมาย โหนเชือกเข้าไปด้านใน สำรวจเก็บของให้ทั่วๆแล้วเข้าไปที่ช่องทางด้านล่างของตึกเพื่อมุดเข้าไปด้านในจนมาออกที่ลานกว้างหน้าตึกโดมขนาดใหญ่ที่ Nate และ Sam เชื่อว่ามันเป็นเซฟที่เก็บสมบัติทั้งหมดของพวกโจรสลัดเอาไว้ในนั้น


ที่ด้านหน้าของตึกนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ที่เหี้ยมโหด ศพของทั้งโจรสลัดและศพของพวกทหารรัฐบาลตายกันเกลื่อน เมื่อประกอบกับร่องรอยปลีกย่อยที่ด้านหน้าทางเข้า ทั้งเรื่องกฎที่ไม่ให้พวกโจรสลัดหนีจากการต่อสู้ รวมถึงหลุมหลบภัยที่ถุกขุดขึ้นใต้ฐานรากของพื้นที่ ทั้งหมดเพียงแค่นี้ก็พอรู้แล้วว่า Libertalia ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ที่พักพิงสุดท้ายและที่เก็บสมบัติมากมายของกลุ่มโจรสลัด The Founder นั้นถูกทำลายลงก็เพราะความโลภของอำนาจรัฐที่พยายามบุกเข้ามาเปิดสงครามแย่งชิงสมบัติไปครอบครองนั่นเอง 



                                         Chapter 15 -  The Thieves of Libertalia  





-เมื่อ Nate และ Sam ผ่านตัวตึกเข้ามาถึงหน้าห้องเก็บสมบัติได้ แต่เมื่อเปิดเข้ามาด้านในแล้วจะพบว่าสภาพภายในห้องนั้นถูกรื้อค้นจนพังยับเยินไปหมด เมื่อเข้าไปสำหรวจทุกซอกทุกมุมแล้วจะพบว่าไม่มีของมีค่าใดเหลืออยู่เลย เมื่อสำรวจจนทั่วแล้ว Sam จะเรียกให้ไปหาเพราะเขาพบเบาะแสบางอย่างตกอยู่ที่กลางห้อง



Nate – ไงเจออะไรบ้าง ?
Sam – เงินของ Libertalia 
Nate – มีสัญลักษณ์ของกัปตัน Avery ด้วย ...เขาน่าจะหลอมมันด้วยทองคำสิ เขามีโรงกษาปณ์ของตัวเองอยู่แล้วนี่ 
Sam – ก็ที่มันเป็นแบบนั้นแปลว่าสมบัติทั้งหมดเคยอยู่ที่นี่  
Nate – คำถามคือ ตอนนี้มันอยู่ไหน ?
Sam – โอเค จากที่เราเห็นจากร่องรอย ด้านนอกมีการต่อสู้กันอย่างหนัก 
Nate – แล้วข้างในละ ?
Sam – นายคิดว่าคนในอณานิคมเป็นคนขโมยมันไปหรอ ?
Nate – เปล่า ผมคิดว่าพวกเขาพยายามจะเอาของพวกเขาคืนต่างหาก ดูสินี่ ตามรูปต่างของกัปตันทุกคน เหล่า Founder แห่ง Libertalia เต็มไปด้วยตัวอักษรที่เขียนด่าว่า ขโมย ไม่ใช่ฆาตกรหรือทรราชย์ 
Sam – ขโมยหรอ แสดงว่าพออยู่รวมกันนานๆความเชื่อใจต่อกันก็จะค่อยๆหมดไปละสิ สมบัติถึงเอาไปจนหมด 
Nate – ใช่ เพราะคนพวกนี้ตั้งใจอยากได้ทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง โจรสลัดก็ยังคงเป็นโจรสลัดอยู่วันยังค่ำ ว่ามั๊ย 
Sam – เฮ้อ โจรสลัดก็ย่อมเป็นโจรสลัดอ่ะนะ .... อ่า .. ชั้นรู้แล้วพวกเขาเอาสมบัติไปไว้ที่ไหน ดูสิ รูปบนเพดานนั่น  แผนที่ และตรงนั้นคือ สมบัติของพวกเรา 



Nate- มันเป็นแผนที่ใน Libertalia นี่ 
Sam – ดูสิ ตามรอยนั่นไป อีกด้านของเกาะ 
Nate – New Devon  .... เดี๋ยวนะ กัปตัน Avery ก็มาจาก Devon ประเทศอังกฤษนี่  พระเจ้า มันเป็นตึกที่โคตรจะใหญ่มากเลย และพวกเขาก็ทำสัญลักษณ์ของพวกเขาขึ้นมาด้วย 
Sam – เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่นด้วยไงละ ฮ่าๆ  .. ช่องทางด้านบนนั้นปีนออกได้ New Devon  พวกเรากำลังจะไปหาแล้ว ! 

-จากนั้น Sam จะเดินไปเจอสวิตซ์ปรับโคมไฟที่ถูกตู้ล้มทับอยู่ ช่วยกันดันตู้จนหมุนคันโยกให้โคมไฟลอยขึ้นด้านบนได้ ปีนไปบนตู้ใต้โคมไฟเพื่อใช้เชือกตะขอปีนขึ้นไปแล้วโหนไปที่โซ่โคมไฟทางด้านซ้ายก่อนจะโหนไปเกาะมารูปภาพตรงพนังตรวด้านซ้ายก็จะสามารถเกาะรูปภาพปีนพนังขึ้นไปที่ช่องด้านบนได้
-ปีนขึ้นไปบนซากตึกขนาดใหญ่ต่อ เกาะโหนปีนไต่ขึ้นไปจนถึงด้านบนสุดของดาดฟ้าตึกก็จะเห็นตึกขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายที่ต้องไปอยู่อีกฝากนึงของแม่น้ำ จากนั้นปีนลงมาทางอีกด้านของโดม ในขณะที่กำลังปีนลงมาศัตรูจะยิง RPG เข้ามาถล่มใส่จากทุกทิศทาง ทำให้ Sam และ Nate ต้องพยายามเอาตัวรอดจากการโดนโหนป่ายปีนไปตามซากตึกที่กำลังถล่มพระแรงระเบิดที่พวกศัตรูระดมยิงเข้ามา เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนในขณะที่กำลังจะพังห้องเข้าไปในตึกทั้งคู่จะถูกระเบิดขว้างสวนมา แรงระเบิดทำให้ Nate ตกลงไปด้านล่างไถลไปตามพื้นจนไปโดดเกาะที่พนังของตึกอีกด้านไว้ได้ทัน แต่เมื่อปีนขึ้นมาเข้าหน้าต่างชั้นบน Nate ก็ต้องเจอกับหมัดของ Nadine อัดเข้าที่หน้าก่อนจะถูกยำใหญ่ด้วยบาทาอีกครั้ง



Nate – เดี๋ยวๆ !!  อ็อค !! ... เฮ้ๆ นาดีน ดีใจที่เจอกันอีกนะ ..โอเคๆ ใจเย็น น้องสาว
Nadine – นายพูดอะไรของนายวะ 
Nate – ภาษาส่วนตัวนะ 
Nadine – แกคิดว่าที่ทำแบบนี้มันฉลาดแล้วหรอ ?
Nate – ก็แล้วแต่โอกาสจะอำนวยอะนะ
Nadine – ใช่ แกกับพี่ชายพิสูจณ์แล้วว่าเป็นสุดยอดนักล่าสมบัติของเกาะนี้จริงๆ เสียดายที่เราไม่ได้อยู่ข้างเดียวกัน 
Nate – เปลี่ยนใจได้นะ
Nadine – ให้เชื่อใจ Drake นะหรอ ?  ชั้นไม่ตกหลุมพรางแบบนั้นอีกแล้วละนะ 
Nate – เดี๋ยวๆ เรามาคุยกันก่อนได้มั๊ย 
 Nadine –  หลังจากที่แกทำเรื่องต่างๆมาทั้งหมดแกคิดว่าชั้นจะยอมปล่อยให้ลอยนวลไปได้งั้นหรอ    
Sam – ถ้าฉลาดพอแกก็ควรจะทำแบบนั้นซะนะ 
Nate – โธ่ ไม่เอาน่า Nadine เธอจะสู้จิงดิ ก็รู้ว่าเธอโคตรเก่งแต่นี่ 2 รุมหนึ่งกับผู้ชายนะ
Nadine –  แล้วแกไม่คิดหรอว่าคนของชั้นก็กำลังจะมาที่นี่แล้วเหมือนกัน ยังไงชั้นก็อาจพอซื้อเวลาไปได้บ้างแหละน่า นั่นหมายถึงว่าถ้าชั้นยังไม่ได้ตืบแกสองคนให้จบดินก่อนอ่ะนะ 



จากนั้นก็จัดการเข้าไปฟัดกับ Nadine อีกครั้งซึ่งถึงแม้ว่าครั้งนี้จะมี Sam มาช่วยรุมแบบ 2 – 1 ก็ไม่ได้แปลว่าจะสู้กับ Nadine ได้จนชนะอย่างที่คิด 2 หนุ่มยังโดนความพลิ้วขอเธอตอบกับด้วยหมดจนลงไปนอนกับพื้นหลายครั้ง แต่สุดท้ายการต่อสู้ก็ต้องหยุดชะงักเพราะพื้นที่ยืนอยู่พังจนทั้ง 3 คนกลิ้งตกลงมาที่เนินผาด้านล่าง ท่ามกลางวุ่นวาย Sam เป็นฝ่ายเก็บปืนที่ตกได้ก่อนจนสามารถทำให้ Nadine ต้องยอมหยุด แต่ไม่นาน Rafe และพวกทหารรับจ้างก็ตามมาถึง ทำให้ Sam ต้องดึง Nadine มาใช้ปีนจี้ไส้เป็นตัวประกันเพื่อความปลอดภัย



Sam – เอาเลย ถ้าคิดว่าเร็วกว่ากระสุนปืน
Nate – เฮ้ ปล่อยเธอไปเถอะ เรารีบไปจากที่นี่กันดีกว่า 
Sam – แมร่ง !! พวกมันตามมาทันแล้ว
Nate – โว้ๆ ทุกคน ใจเย็นกันก่อนดีมั๊ย ?



Rafe – โอ้ น่าสนใจ Nate .. Samuel  
Sam – ทิ้งปืนลงให้หมดทุกคนไม่งั้นยัยนี่ตาย 
Rafe –  ไม่ ดีกว่า
Nadine –   Rafe ! พวกมันเหมือนหมาจนตรอก มันเอาจริงนะ
Rafe –   ไม่ต้องกลัวไอ้หมอนี่หรอกน่า Nadine มันฆ่าใครอยากเลือดเย็นไม่เป็นหรอก ไม่ใช่สไตล์มัน
Sam – นายกล้าเอาชีวิตเธอมาเสี่ยงกับความคิดนายหรอ ? 
Rafe –    เอาสิ งั้นยิงเธอเลย !
Nate – แซม ไม่เอาน่า 
Nadine –   ถ้าชั้นตายแกสองคนก็ไม่รอดแน่นอน 
Nate – แซม เอาปืนลงเหอะน่าพี่ 
Sam – เตือนแล้วนะ !
Rafe –    ยิงเลย ยิง !!
Nate – อย่า แซม     ...................... ปัง !!!!!!! ……………..

Nate – เอาละ พอ เราทิ้งปืนแล้ว 
Nadine – อย่ากังวลเลยนาดีนไม่ใช่สไตล์มัน ลั่นเปรี้ยงมานั่นไง Rafe !!
Rafe – ก็พูดไปงั้นแหละ ชั้นจะไปรู้ได้ไงว่ามันคิดยังไง ..... Samuel  ว่าไง นายก็รู้อยู่แล้วว่าช่วงเวลานี้มันต้องมาถึง  นี่แนะ !!!
Nate – เฮ้ย ไม่เอาน่า เราก็ยอมแพ้แล้วนี่ไง ใจเย็นดิวะ ... นายเป็นนักธุรกิจไม่ใช่หรอ งั้นเราก็มาตกลงกันได้ 
Rafe –  อ่อ หรอ ตกลงกัน หรอ ? อยากได้ยินจังว่านายจะตกลงว่าไง แต่เอาสิ พูดเลย ว่ามา ชั้นรอฟังอยู่
Nate – นายต้องการสมบัติของกัปตัน Avery ใช่มั๊ย เราช่วยหาให้ได้ 
Rafe – แลกกับการไว้ชีวิตนายหรอ ?
Nate – ใช่ ข้อตกลงง่ายๆ แค่ปล่อยพี่ชายผมไป 
Rafe – ปล่อยพี่ชายนายเป็นอิสระหรอ ?
Nate – ใช่ แล้วทุกอย่างปล่อยเป็นเรื่องระหว่างนายกับชั้น ขอละ เขาเจอมาหนักแล้วตั้งแต่แหกคุกมากับไอ้เจ้า Hector Alcazar นั่น ต้องทำแบบนี้ก็เพราะพี่ไปติดเงินมันไว้เยอะเลย 



Rafe – นี่นายพล่ามเรื่องบ้าอะไรของนายวะ Nate  Hector Alcazar โดนยิงตาห่าในอเจนติน่าตั้งแต่ 6 เดือนก่อนแล้วนะ ชั้นต่างหากที่ช่วย Samuel ออกมา .... อ่อ โอ้ยยย ตายแล้ววว นี่นายโม้อะไรให้น้องนายฟังวะ Sam ฮ่าๆ Alcazar หรอ โม้แล้ว โกหกได้แม้กระทั้งน้องแกเนี้ยนะ
Nadine –  เราเสียเวลามาเยอะแล้วนะ 
Rafe – แปบนึง ... นายคิดดูนะ Nate ชั้นไม่เคยหยุดตามหาสมบัติของกัปตัน Avery ใช่มั๊ย แต่หาทางยังไงก็เจอทางตันตลอด และทันใดนั้นชั้นก็ได้รับขอเสนอจากยอดชายนาย  Samuel Drake เพื่อนเก่า กูรูแห่งเรื่องราวของ Avery ..แล้วเขาก็เดินสบายๆออกมาจากคุกเพราะชั้นยัดเงินให้พัสดีคุก พี่นายได้ไปห่งไปแหกคุกตอนไหน จากนั้นก็ใช้เวลาอีก 2 ปีจนเจอ ไม้กางเขนของ St Dismas อันที่ 2 และรู้อะไรมั๊ย ... พี่นายร่วมมือกันชั้นมาตลอด
Nate – ไม่ๆๆ ไม่จริงนี่มันเรื่องเลอะเทอะแล้ว
Rafe – เอ้า Sam แก้ตัวหน่อย 
Sam – Nate คือพี่ ....
Nate – โอ้ ไม่ๆๆ Sam พระเจ้า ไม่จริงใช่มั๊ย 
Sam – นี่ฟังนะ สมบัติของ Avery มันเคยเป็นของเรา เป็นของพวกเรามาตลอด
Nate – ผมทิ้งชีวิตทั้งหมดของผมเพื่อพี่เลยนะ 
Rafe – ฮ่าๆๆ เฮ้ๆ Nate เอางี้เพื่อความสบายใจ ชั้นเองก็โดนมันหลอกใช้ไม่ต่างกับนายหรอกนะ  เขาเล่นบทฮูดินี่นักมายากลหายตัวกับชั้น เขาหลอกนาย จริงๆชั้นไม่ได้โกหกเลยนะ มันเขี่ยชั้นทิ้งเฉยเลย แต่เอาเหอะ ไงชั้นก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว 
Sam – แกไม่สมควรได้รับมัน 
Rafe – แล้วแกควรได้งั้นดิ ชั้นว่าเท่าที่ดูเรามันก็โจรเหมือนกันหมดนั่นแหละที่มาขุดหาสมบัติที่นี่น่ะ  
Nadine –  Rafe นายต้องจบเรื่องนี้ซะที ไม่งั้นชั้นจะจบให้เอง 
Rafe – เอาละ ได้ยินคุณผู้หญิงบอกแล้วนะ 
Nate – เฮ้ ถ้านายพลาดเบาะแสสุดท้ายจากชั้นนายจูบลาสมบัตินายได้เลย นายก็บอกเองว่าถ้านายหาเองก็เจอแต่ทางตัน ทำไมจะทิ้งมันซะละ นายต้องการมันมากไม่ใช่หรอ 
Rafe – เออ นายพูดถูก ..แต่ถูกครึ่งเดียววะ  เพราะชั้นต้องการแค่ Sam 
Nate – เดี๋ยวๆ นายพลาดแล้ว นายจะไม่ได้ ...
Sam – เฮ้ๆ อย่าๆ เดี๋ยวๆ ...



------ ปัง !!!!! ------  Rafe ยิงเข้าใส่ Nate แต่ Sam เข้ามาบังกระสุนไว้ให้จนทำให้ Nate ตกหน้าผาไปหัวกระแทกหินและตกลงไปในแม่น้ำทันที .. โชคยังดีที่มีผู้หญิงคนนึงมาเจอร่างของ Nate ที่มาเกยฝั่ง และโชคดีกว่านั้นที่ผู้หญิงคนนั้นคือ Elena นั่นเอง ...





                                LIBERTATIA, THE UTOPIAN PIRATE ISLAND





เรื่องเล่าใหม่จากตำนานเก่า อีกสถานที่ลึกลับที่ Naughty Dog สร้างสรรค์ให้เป็นตำนานในแบบของตัวเอง  

หลังจากในทุกภาคของ Uncharted ที่ Naughty Dog ได้สรรสร้างออกแบบบทที่อ้างอิงสถานที่ลึกลับในตำนานมาให้พ่อหนุ่ม Nathan ได้เข้าไปค้นหาสมบัติกันอยู่ตลอดตั้งแต่  El Dorado, Shambala และ Iram of the Pillars โดยในภาคที่ 4 นี้จับประเด็นไปที่ LIBERTATIA สรวงสวรรค์ของพวกโจรสลัดในยุคศตวรรษที่ 17 -18 มาเล่าใหม่ โดยทาง Naughty Dog ได้อ้างอิงจากเรื่องเล่า

                          
คำว่า Libertatia หรือ Libertalia  มาจากหนังสือ A General History of the Robberies and Murders of the Most Notorious Pirates ที่เขียนโดย กัปตัน Charles Johnson ใช้นามปากกาว่า Daniel Defoe ในปี 1726 บรรยายถึงเรื่องราวของกลุ่มโจรสลัดโดยการนำของกัปตัน James Misson ในยุคปลายศตวรรษที่ 17 ที่ได้ค้นพบสถานที่แห่งนึงในเกาะมาดากัสการ์ ที่เหล่าโจรสลัดมารวมตัวกันและใช้ชีวิตกันอย่างอิสระ ไร้กฎเกณฑ์และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามความหมายของคำว่า Libertalia อิสระและเสรีภาพ แต่สถานที่นี้ยังคงเป็นความลับ ซึ่งอาจจะมีอยู่จริงหรือไม่จริงก็ได้ ว่ากันว่าอาจจะเป็นเมืองๆนึงที่อยู่รอบๆอ่าว Antongil หรือเกาะ Île Sainte-Marie ที่เป็นสถานที่ที่อยู่คู่ตำนานแห่งโจรสลัดมาตลอด

            

แต่ตามความจริง LIBERTATIA นั้นสถานที่จริงๆอยู่ที่เกาะ Nassau ใน Bahamas เรียกได้ว่าเป็น The Real Libertalia ของจริง โดยในปี 1696 หลังจากที่กัปตัน Henry Avery ได้สร้างตำนานการปล้นครั้งใหญ่เสร็จแล้ว เขาก็ได้เดินทางมาที่ Bahamas และด้วยจำนวนค่าหัว £1,000 ของตัวเองเขาจึงต้องหาทางเอาตัวรอดจากทางการ ด้วยการใช้ตำนานของเขาในการปล้นครั้งยิ่งใหญ่ที่ผ่านมาเป็นตัวเรียกศรัทธราจากโจรสลัดกลุ่มอื่นๆสร้างเป็นพันธมิตรโจรสลัดกลุ่มใหญ่ ซึ่งนอกจากที่มีชื่อในเกม Uncharted 4 แล้วยังจะมีโจรสัดเด่นที่เข้าร่วมกับกัปตัน Avery อีกเช่น Benjamin Hornigold, Edward “Blackbeard” Teach, Stede Bonnet, Charles Vane, and Jack Rackham ก่อนที่จะโจมตีเกาะ Nassau เพื่อยึดมาเป็นของพวกโจรสลัดของเขาสำเร็จในปี 1706 และที่นี่ก็กลายเป็น LIBERTATIA ที่พักพิงของเหล่าโจรสลัดที่ยึดหลัก อิสระไม่ขึ้นต่ออำนาจรัฐ เสมอภาคและเท่าเทียม และไม่ชิงดีชิงเด่นแก่งแย่งแข่งขันเอง  



จนในปี 1713 ทางอังกฤษต้องเกาะ Nassau คืนมาจึงตกลงทำสัญญาอภัยโทษกับโจรสลัดคนใดก็ตามที่มาทำงานให้สหราชอณาจักรจนทำให้ความคิดและความสามัคคีของเหล่าโจรสลัดแตกเป็นเสี่ยงๆทันที สุดท้ายเมื่อพันธมิตรโจรสลัดกลุ่มใหญ่เริ่มแตกคอและแยกย้ายไปทำงานกับอังกฤษเพื่อหวังเงินทางและไม่ต้องการจะมีค่าหัวกับทางการอีก เมื่อกองกำลังโจรสลัดเริ่มเหลือน้อยลงในปี 1718 กองเรือของอังกฤษก็ได้ปิดล้อมจนสามารถยึดเกาะ Nassau กลับมาได้สำเร็จ ครั้งนั้นกัปตัน Benjamin Hornigold คือคนสุดท้ายที่อยู่บนเกาะ และเขาเลือกที่จะยอมแพ้กับทางรัฐบาลอังกฤษ แต่สุดท้าย Hornigold ก็กลายเป็นนักล่าโจรสลัดทำงานให้กับทางการอังกฤษในเวลาต่อมา

       

ฉะนั้น Libertalia ในมาดากัสการ์ที่ว่าด้วยกลุ่มพันธมิตรโจรสลัดในนาม The Founder ที่มีการสร้างตัวบทกฎหมายของตัวเองและรวบรวมสมบัติทุกอย่างของโจรสลัดทุกกลุ่มเป็นหนึ่งเดียวกันตามบทที่ Naughty Dog เขียนขึ้นใน Uncharted 4 จึงไม่เป็นความจริงตามประวัติศาสตร์ แต่ก็ลึกล้ำจนสามารถสนุกได้ด้วยตัวของเกมเองได้อย่างไม่น่าเกลียด อย่างน้อยๆก็ทำให้คนเล่นเกมได้ขุดคุ้นเรื่องราวความรู้ในเรื่องเล่าในตำนานเพื่อให้ได้เล่นเกมได้สนุกไม่มากก็น้อย

Cr. อ้างอิงข้อมูลจาก 
http://http://www.faena.com/aleph/articles/libertatia-the-utopian-pirate-island/www.zam.com/article/539/the-pirate-republics-that-inspired-uncharted-4s-libertalia




                                Chapter 16 – The Brother Drake


ตัดมาที่เรื่องราวในความทรงจำในวัยเด็กของ Nate .. ที่ต่อเนื่องจากในช่วงที่ทั้งเขาและ Sam พี่ชายกำลังเดินทางมาที่บ้านหนังหนึ่งที่ Sam ได้ตามรอยหลังจากที่เจ้าของบ้านหลังนี้ได้ซื้อสมุดบันทึกที่เคยเป็นของแม่พวกเขาไป และมันเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันได้ว่า แม่ของเขาเป็นใครและอาจไม่ได้ชื่อเสียงเสียหายเหมือนอย่างเสียงร่ำลือ 



-เมื่อปีนเข้าไปในบ้านได้แล้ว ก็สำรวจพื้นที่สวนหน้าบ้านให้พอใจแล้วค่อยเข้าไปที่ส่วนข้างบ้านทางฝั่งซ้าย Sam จะนำทางปีนหลังคาขึ้นไปยังหน้าต่างชั้นบนที่เปิดทิ้งไว้ เข้ามาด้านในแล้วจะพบสิ่งของต่างๆถูกเก็บไว้ในบ้านมากมาย เมื่อสำรวจดูดีๆจะพบว่า ส่วนใหญ่เป็นของโบราณเก่าแก่หายาก บรรดาเอกสารที่ทางมหาวิทยาลัยต่างๆส่งมาเพื่อขอให้เจ้าของบ้านไปทำการสำรวจตรวจสอบให้ ไม่เว้นแม้กระทั้งจดหมายหย่าที่สามีเก่าส่งมาเพื่อขอแยกทางจากเหตุเพราะเจ้าของบ้านนั้นทำงานมากเกินไปจนไม่เวลาให้ครอบครัว ซึ่งหลังจากได้ตรวจดูตามหลักฐานต่างๆที่เจอในห้องแล้วก็จะพบว่าเจ้าของบ้านก็คือ Miss Evelyn นักโบราณคดี นักวิชาการและนักสะสมชื่อดังนั่นเอง


- สำรวจกล่องต่างๆเพื่อหาสมุดบันทึกของแม่ที่ Sam อ้างว่าเจ้าของบ้านเป็นคนซื้อมาแล้วเก็บไว้ที่นี่ เมื่อสำรวจเข้าไปจนถึงห้องโถงบันไดในสุด สำรวจห้องให้ทั่วๆจนถึงชั้นบนก่อนจะรู้ว่าประตูห้องด้านบน 2 ห้องล็อกหมด แล้วค่อยเข้าไปสำรวจที่ตู้หนังสือที่ริมหน้าต่างๆข้างๆบันไดด้านในของชั้นล่าง ช่วยกันดันจนมันเลื่อนออกมาทำให้กล้องโพรารอยด์ตกลงมา 2 พี่น้องเลยไม่รอช้าที่จะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก


จากนั้นปีนขึ้นไปที่ตู้หนังสือไปยืนบนของพนังด้านบน ถ้าจะเอาสมบัติก็โดนไปเกาะระเบียงบันไดใกล้เพื่อไปเก็บมาก่อน จากนั้นก็เกาะพนังตรงตู้หนังสือเลาะมาทางซ้ายเรื่อยๆจนพบช่องระบายอากาศที่สามารถมุดเข้าไปด้านในได้ ซึ่งจะทำให้เข้ามาในห้องนอนของ Miss Evelyn ที่ปิดอยู่ได้ จะพบว่าเธอกำลังป่วยเพราะมีที่นอนรักษาคนป่วยอยู่ เก็บกุญแจบนโต๊ะด้านในแล้วไขออกมาหน้าห้องแล้วเอาไปไขเปิดประตูถัดไปซึ่งเป็นห้องทำงานของ Miss Evelyn ต่อ เข้าไปสำรวจให้ทั่วๆก็จะพบกับหนังสือบันทึกที่เขียนที่หน้าปกว่า Cassandra M ซึ่งเป็นสมุดที่เป็นสมบัติของแม่ที่ Sam ตั้งใจมาหา แต่ Nate กลับสะดุดตาไปที่หนังสือเล่มหน้าอีกเล่มในกล่องเดียวกันที่เขียนที่หน้าปกว่า CSM 


ในสมุดบันทึกนี้มีเรื่องราวมากมายที่ Cassandra Morgan แม่ของ Nathan และ Sam ได้บันทึกเอาไว้นั้นเป็นเรื่องราวของการค้นหาสมบัติของกัปตันโจรสลัดที่ชื่อ Henry Avery ที่สืบเนื่องมาจากที่เคยมีหลักฐานบันทึกเอาไว้ในหนังสือที่ชื่อ A General History of the Robberies and Murders of the Most Notorious Pirates ที่เขียนโดย กัปตัน Charles Johnson ใช้นามปากกาว่า Daniel Defoe ในปี 1726 เป็นเรื่องราวที่ Nate ยังไม่เข้าใจและไม่รู้เลยว่ามันจะชักพาให้พวกเขามาสู่การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต 



Nate – อะไรเนี้ย Riches of Paradise สรวงสวรรค์แห่งความร่ำรวยหรอ  โห นี่ กัปตัน Avery โจรสลัดในตำนานที่ปล้นเรือ Gun way 
Sam – นายดูอะไรอ่ะ  
Nate – ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย 
Sam – ใช่ .. แต่นี่เป็นลายมือของแม่แน่นอนพี่จำได้




Miss Evelyn – เอาละเจ้าหนู ยกมือขึ้นทั้ง 2 คน ช้าๆนะ
Sam – เฮ้ๆ ป้า ไม่ต้องถึงกับเล่นปืนก็ได้ 
Miss Evelyn – เธอกำลังถืออะไรอยู่น่ะ …. เอามา เอาสมุดบันทึกนั่นมา 
Sam – ได้ๆ เสียใจนะนาธาน คืนป้าแกไปเถอะ .... เราคืนให้แล้ว ป้าเอาไงต่อ
Miss Evelyn – จากนั้นก็รอ รอให้ตำรวจมาถึง และ จงอย่าขยับเพราะชั้นไม่อยากจะยิงพวกเธอ 
Sam – ไม่เอาน่าคุณผู้หญิง ..เรายังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรือเรื่องร้ายแรงเลยนะ 
Miss Evelyn – เราต้องยอมรับผลของการกระทำที่เราทำลงไปว่ามั๊ย ?
Sam – โอเค งั้นปล่อยน้องผมไปเถอะ จับผมแทน ผมเป็นคนลากเข้ามาก็เพราะแค่อยากมาเอาของๆแม่เราคืนแค่นั้นแหละ ไม่ได้ต้องการมาขโมยอะไรเลย
Miss Evelyn – เธอว่าอะไรนะ ?
Sam – ผมบอกว่ามันเป็นความผิดของผมเอง 
Miss Evelyn – ไม่ๆๆ ที่ว่า อะไรที่เป็นของแม่ของเธอที่อยู่กับชั้น 
Sam – ก็สมุดบันทึกในมือคุณไง ของๆแม่เรา
Miss Evelyn – พระเจ้า พวกเธอคือลูกๆของ Cassandra Morgan นี่เอง ชั้นเกือบยิงหัวเธอตายไปแล้วนะ 
Nate – คุณรู้จักแม่ของผมหรอครับ ?






Miss Evelyn – แม่เธอทำงานให้ชั้น ชั้นเป็นนักสะสม 
Sam – ดูจากของที่คุณเก็บไว้คำว่านักสะสมมันฟังดูน้อยไปนะ
Nate – แม่เป็นคนเอาของมาขายให้คุณหรอ 
Miss Evelyn – แม่ของเธอน่ะ เป็นนักโบราณคดีที่เก่งที่สุดเท่าที่ชั้นเคยเจอมาเลยละ เราร่วมงานกับจนประสบความสำเร็จกับการค้นคว้าสิ่งต่างๆไว้มากมายเลยละ แต่หลังจากที่เธอไม่สบายเจ็บป่วย ... โทษทีนะ .  
Sam – ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันนานมากแล้ว
Miss Evelyn – แต่สิ่งที่แม่เธอค้นพบ มันเป็นผลงานชิ้นเอกที่ดีที่สุดก็ว่าได้ .. Sic parvis magna ... 
Nate – สิ่งที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากก้าวที่เล็กๆเสมอ
Sam – คำพูดของ Sir francis Drake นะครับ ..ผมเคยร่วมโต๊ะอาหารกับพวกนักโบราณคดีสายลาตินมาบ้างนะ ครอบครัวเราก็พิลึกแบบนี้แหละ ฮ่าๆ
Miss Evelyn – แม่เธอเคยเราทฤษฎีพวกนี้ให้เธอฟังบ้างมั๊ย เกี่ยวกับ  Sir francis Drake และทายาทของเขานะ
Nate – เท่าที่ผมรู้ Sir francis Drake ไม่มีทายาทนี่ครับ
Miss Evelyn – อ่า นั่นมันเป็นเรื่องที่คนเขาพูดต่อๆกันมา แต่แม่เธอกับชั้นเชื่ออีกแบบนึง .. การศึกษาประวัติและความลับของพวกโจรสลัดในประวัติศาสตร์เป็นการผจญภัยที่ชั้นพุ่งเข้าหาอยู่ตลอด ... และบางทีมันก็หมกมุ่นกับมันจนเกินไป  หึหึ โทษทีนะที่ต้องให้มานั่งฟังคนแก่บ่นเนี้ย



 ... เอานี่ สมุดของแม่เธอมันควรเป็นของเธอไม่ใช่ชั้น ใครจะรู้ วันนึงพวกเธออาจสานต่อสิ่งที่แม่เธอเริ่มไว้จนสำเร็จก็ได้ 
Sam – เอออ นั่นเสียงไซเรนรถตำรวจใช่มั๊ย ??
Miss Evelyn – ชั้นโทรแจ้งไปตั้งแต่แรกแล้ว .. เอาเถอะ ถ้าเธอหาทางเข้ามาได้ก็ต้องหาทางออกไปได้ว่ามั๊ย …… อ่า อ็อก ๆ ...
Nate – คุณเป็นอะไรครับ โอเคมั๊ย 
Sam – เฮ้ๆ ป้าๆ เป็นอะไร ไม่เอาน่าอย่ามาตายตอนนี้นะ เราซวยกันแน่เลย ฉิบหายแล้วตำรวจมาแล้ว 
Nate – เราต้องทำอะไรซักอย่านะพี่
Sam – ใช่ อย่างเช่นรีบหนีออกจากที่นี่ไง ด่วนเลย 
Nate – เราจะไม่ช่วยอะไรเธอเลยหรอ ?
Sam – เราช่วยไม่ได้ เธอตายแล้ว แล้วถ้าตำรวจเข้ามาเจอเราจะซวย เราต้องออกจากที่นี่กันก่อน !!  นาธานนน เราต้องไป เดี๋ยวนี้ !! 



-จากนั้นปีนหน้ต่างตามแซมไปเพื่อหนีไปด้านล่าง ในสนามจะเต็มไปด้วยตำรวจมากมายที่เข้ามาล้อมจับ พยายามวิ่งหลบหลีกตามแซมให้ทันจนถึงที่ปีนรั้วเพื่อไปที่มอเตอร์ไซด์ขับหนีออกจาที่นี่ .... จนถึงจุดปลอดภัยที่ใต้สะพานแห่งนึง


Sam – ก็แค่อีกคืนนึงว่ามั๊ย
Nate – แค่คืนๆนึง ใช่ ... แต่.. ป้านั่น
Sam – นายฟังชั้นนะ มันไม่ใช่ความผิดของเรานะ ชั้นหมายถึงป้านั่นเธอ เอ่อ ไม่สบายอยู่แล้ว ก็รู้ว่านายรู้สึกแย่ แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ 
Nate – แล้วเราเอาไงกันต่อ ผมคงกลับไปบ้านเด็กกำพร้าไม่ได้แล้ว พี่ก็กลับไปทำงานต่อไม่ได้ด้วย 
Sam – ก็ไม่ต้องไป เอาจิงๆนะเว้ย  เราจะไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุดเท่าที่เราจะทำได้เลย 
Nate – นานแค่ไหนละที่ตำรวจจะเลิกตามจับ
Sam – ชั้นคิดว่าตำรวจกำลังตามหา Nathan กับ Samuel Morgan มากกว่านะ  
Nate – เออ ก็นั่นแหละเราละ
Sam – ไม่ใช่ซักหน่อย ..นายคิดดูนะที่เราเข้าไปในบ้านป้านั่นจนได้สมุดบันทึกมามันเป็นโชคชะตาทีไม่ได้บังเอิญนะ มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ชั้นไม่เคยเข้าใจมันเลยจนถึงตอนนี้ แม่ ยังทำงานของเธอไม่เสร็จ นี่เป็นโอกาสในการเริ่มชีวิตใหม่ของเรา ตัวตนใหม่ .. แม่เราเชื่อว่า  Sir francis Drake นั้นมีทายาท แล้วใครว่าเขาไม่มีละ 
Nate- นี่พี่ซีเรียสใช่มั๊ย หรือล้อเล่น 
Sam – นาธาน ทั้งหมดมันมีความหมายต่อเรานะ และชั้นสัญญาเลย ถ้าเรา 2 คนร่วมมือกัน เราไปได้ไกลแน่นอน คิดว่าไงละ Nathan Drake ..! 






                                              Chapter 17 – For Better or Worse 



    


Nate – และทุกอย่างก็เปลี่ยนนับแต่นั้น .... เรากลายเป็นนักสำรวจ นักผจญภัย จนถึงหัวขโมย คุณรู้มั๊ย บางทีผมก็อยากลองย้อนกลับไปติดคุกอีกนะ อย่างน้อยเราก็จะได้อยู่ด้วยกันในคุก ฮ่าๆ แต่หลังจากที่ผมสูญเสียพี่ไป เอ่อ หมายถึง ผมนึกว่าสูญเสียเขาไปน่ะ 
Elena – คุณเลยไม่อยากดึงเค้ากลับมาอีกใช่มั๊ย ?
Nate – บางทีผมก็คิดแบบนั้นนะ .. ก็อย่างที่เล่าไปทั้งหมดนั่นแหละ ที่นี่คุณก็รู้หมดทุกอย่างแล้วนะ 
Elena – กับคุณชั้นว่าคงจะไม่หมดทุกอย่างหรอกนะ แต่ก็ถือว่ารู้เยอะมากอยู่
Nate – ที่รัก คุณคิดอะไรอยู่ตอนนี้ 
Elena – ชั้นคิดว่าคุณโชคดีที่ชั้นมาเจอคุณ ตอนที่ชั้นสามารถทำได้นะสิ และก็ดีใจด้วยที่ทุกอย่างของคุณยังครบ 32 เพราะไม่งั้นมันคงเป็นแผลเกรีตยศที่จะติดตัวคุณไปตลอดหลังออกจากที่นี่ก็ได้ 
Nate – ว่าแต่คุณตามหาผมเจอได้ไงเนี้ย
Elena – โห ง่ายจะตาย ชั้นก็แค่ตามเสียงปืนยิงกันมาแค่นั้นเอง 
Nate – ฮ่าๆ ผมหมายถึงคุณมาที่นี่ได้ยังไง ? … เสียงเครื่องบิน . อ่อ ไม่ต้องบอกก็รู้ 



Elena – Sully ตอบด้วย
Sullivan – ไงที่รัก เขาเป็นไงบ้างละ 
Elena – สะบักสะบอม แต่ยังไม่ตาย และยังมุ่งมั่นเกินร้อยเหมือนเดิม และตอนนี้เขาก็พร้อมแล้วที่จะไปช่วย Drake อีกคน 
Sullivan – หมายความว่าไง ?
Elena – ให้เขาบอกคุณเองแล้วกันนะ
Nate – ไง ลุง ดีใจนะที่ลุงกลับมา
Sullivan – ชั้นไม่ยอมพลาดอยู่แล้วน่า แล้วตกลงเกิดอะไรขึ้นกับ Sam ?
Nate – Rafe ได้ตัวเขาไป



Sullivan – แย่ฉิบ แล้วนายรู้มั้ยมันจับเขาไปที่ไหน
Nate – อ่อ รู้ ทางเหนือของเกาะ  ถ้าลุงเห็นที่แถวนั้นแล้วก็หาทางลงจอดไว้แล้วกัน เพราะถ้าเราได้ตัวแซมมาแล้วเราจะได้โกยกันได้เลย 
Sullivan – โอเค ทราบ .. เออ เดี๋ยวๆ แล้วเรื่องสมบัติละ
Nate – ลืมไม่ไปเถอะ เราไม่ต้องการมันอีกแล้ว
Sullivan – แล้วไอ้เจ้าพ่อค้ายาที่พสพี่นายแหกคุกนั่นละ
Nate – เอ่อ จริงๆแล้วมันไม่มี Alcazar หรอก แซมมันโม้ทังนั้น มันงี่เง่าใช่มั๊ย เอาไว้เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังอีกทีตอนเจอกันแล้วกันนะ 
Sullivan – อดใจรอไม่ไหวเลยละ เธอ 2 คนเดินทางปลอดภัยละ
Elena – เอ้า ปืนของนาย 
Nate – ขอบคุณ 
Elena – ไม่เป็นไร 
Nate – ผมหมายถึง ขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตผม .. อีกแล้ว 
Elena – ครั้งนี้ชั้นเกือบจะช่วยไม่ได้ด้วยสิ .. เอาละไปกันเถอะ ทางเหนือของเกาะใช่มั๊ย ?
Nate – ใช่  New Devon เมืองของ Founder of Libertalia ที่นั่นน่าจะเป็นที่เก็บสมบัติ แล้วเราต้องช่วยแซมให้ทันก่อนที่พวกมันจะพบสมบัติแล้วไม่ต้องใช้แซม 

- เดินทางเข้าไปในป่าพร้อม Elena จนถึงเนินทางลาดจะเห็นกระท่อมที่มีธงโจรสลัดอยู่ด้านบนและมีรถจอดอยู่ที่นั่นด้วย ทางซ้ายส่งตัว Elena ให้ขึ้นเนินไปด้านบนเพื่อเอาบันไดลงมาให้ ขึ้นไปแล้วไปตามทางต่อ จนเจอกับลิฟต์ไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป เข้าไปโดดปีนเกาะเนินหินตรงน้ำตกด้านขวาไปจนถึงน้ำตกชั้นบน เสาหินตรงกลางน้ำจะมีที่เกาะปีนอยู่แต่มันสูงเกินไป ต้องส่งตัว Elena ขึ้นไปที่เนินด้านบนเพื่อให้เธอดันลังลงมาให้ในน้ำ ใช้เชือกลากลังมาที่เสาหินตรงกลางเพื่อใช้ปีนเกาะไปด้านบน เดินต่อไปจนถึงสะพานไม้ขาด ขณะกำลังเดินข้ามไปสะพานไม้ก็พังลงจนต้องไถลตัวไปน้ำทางน้ำไหลแล้วใช้เชือกเกี่ยวโหนขึ้นมาที่ลิฟต์ไม่ขนาดใหญ่ที่เห็นตอนแรก แล้วรอให้ Elena สับคันโยกลิฟต์ให้ลงมารับเพื่อใช้เกาะปีนต่อไปขึ้นไปหาเธอด้านบน ถ้าจะกลับลงไปเอาสมบัติที่เห็นตรงสะพานขาดก็มองหาจุดลงตรงข้างๆลิฟต์โดดลงไปเก็บมาซะ แล้วเกาะปีนต่อขึ้นไปจนถึงเนินเขาด้านบน ขณะที่กำลังห้อยกับกิ่งไม้จะพบทหารรับจ้าง 2 คนที่เข้ามาเห็นระดมยิงเข้ามา จัดมันให้หมดแล้วโดดขึ้นไปบนฝั่ง เข้าไปด้านในปีนขึ้นไปบนเนินด้านบนสุดจะเป็นพื้นที่ด้านหน้าซากกระท่อมที่มีรถจิ๊ปจอดอยู่ ซึ่งก็มีพวกทหารรับจ้าง  Shoreline เฝ้าอยู่ในพื้นที่ด้วย จัดการพวกมันให้หมดแล้วจะเข้าไปเอารถจิ๊ปขับเดินทางต่อได้


-ขับรถไปตามเส้นทางป่าน้ำตกตามทางจนเจอลิฟต์ขนส่งอีกแห่ง เป้าหมายคือเอารถขนขึ้นลิฟต์ไปด้านบน แต่แน่นอนว่าคันโยกสวิตซ์ที่ชั้นล่างใช้ไม่ได้แน่นอน ขับรถไปทางซ้ายแล้วลงไปเอากว้านตะขอโดดข้ามทางขาดด้านซ้ายไปมัดเสาไม้แล้ว Elena จะถอยรถดึงเสาและซากบ้านไม้พังลงมาจนเห็นที่เกาะปีนพนังออกมา ปีนขึ้นด้านบนแล้วเข็นลังไม้มาใช้ปีนขึ้นด้านบนต่อ จนถึงนั่งร้านใกล้กังหันวิดน้ำขนาดใหญ่ รอให้ Elena สับคันโยกให้กังหันวิดน้ำหยุดจะสามารถปีนมันข้ามมาทางขวาต่อได้ ดันแกนสวิตซ์ที่แท่นควบคุมทำให้ลิฟต์ไม่ลงไปรับ Elena พร้อมรถขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆ ระหว่างนั้นพวกศัตรูจะยิงถล่มเข้ามาทันที จากนั้นก็ต้องยิงสู้ศัตรูมากมายไปพร้อมๆกับปีนป่ายจนขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดของลิฟต์ให้ได้ Elena ก็จะขับรถออกมาจากลิฟต์ทับพวกศัตรูจนหมดเอง


- จากนั้นขับรถต่อไปตามน้ำตกจนถึงประตูใหญ่ที่ปิดอยู่ ปีนโขดหินใหญ่กลางพื้นที่โหนไปเกาะปีนที่เนินหินฝั่งซ้ายเพื่อเข้าไปหมุนแกนสวิตซ์แต่มันจะไม่มีตัวล็อคเปิดไม่ได้ โดดเกาะขอบประตูไปทางขวาหมุนสวิตซ์ด้านความประตูก็จะเปิดได้ ขับรถผ่านประตูไปต่อเรื่อยๆก็จะถึงลิฟต์ไม้ตัวสูงที่เป็นเป้าหมายที่จะมา ปีนซากอาคารตรงกังหันขึ้นไปเก็บสมบัติ 2 อันมาก่อนแล้วค่อยไปช่วย Elena ยกประตูลิฟต์เอารถเข้าไปเพื่อยกมันขึ้นไปชั้นบนต่อ


Nate – ชอบจริงๆเลยวิศวกรโจรสลัดเนี้ย
Elena – ว้าว ดูวิวสิ อย่างกับภาพโปสการ์ด
Nate - Libertalia วิวงดงามแต่ก็ต้องหาที่หลบกระสุนบ้างเป็นประปราย .. เอ่อ อะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนใจมานี่น่ะ ก็คุณเคยบอกว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว
Elena – ชั้นคงทำใจไปตอนที่คุณยังมีเรื่องวุ่นวายแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ แล้วก็ คุณก็รู้ คำสาบานที่ให้ไว้ตอนแต่งงาน 
Nate – “ไม่ว่าจะดีหรือร้ายยังไง” ใช่มั๊ย
Elena – ใช่ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายยังไงเราก็จะ ไม่ทิ้งกัน 



Elena – ก็รู้ว่าคุณอยากที่จะปกป้องชั้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีสิทธิ์ปิดกั้นชั้นไว้ที่นั่นคนเดียวแบบนั้น คุณก็รู้ว่าไม่ว่ามันจะเรื่องอะไร ถ้าคุณมาบอกชั้นเราจะร่วมกันรับมือมัน เราเป็นทีมเดียวกันนะ 
Nate – เรื่องนั้นผมรู้ แต่ผม ผม เอ่อ ...
Elena – ฟังนะ ตอนนี้เราต้องมีสมาธิกับเรื่องที่ต้องทำ เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังนะ  

-จากนั้นขับรถต่อไปตามเส้นทางในป่าจนถึงสะพานหิน แต่แรงกระแทกจากรถที่ลงมาทำให้สะพานพังลงทันทีพร้อมๆกับรถจิ๊ปของ Nate และ Elena ตกลงไปในทางน้ำที่ไหลเชี่ยว สุดท้ายทั้งคู่ก็เอาตัวรอดมาได้จากการเกาะโหนปีนขึ้นมาบนฝั่งได้ทันแต่ก็ต้องเสียรถไปต้องเดินทางด้วยเท้าต่อไปแทน


Elena – โว้ เกือบไป ก็ดีเหมือนกันนั่งรถมากไปมันเมื่อย .. ไป เดินต่อ
Nate –  ผมไม่ได้พยายามที่จะปกป้องคุณ ผม ผม เอ่อ ได้สัญญาไว้แล้วซึ่งผมจะทำตามด้วยชีวิตเลย 
Elena – เราก็กำลังทำอยู่ไม่ใช่หรอ ?
Nate – ใช่ แต่ผมทำมันพัง ..ที่ผมไม่ได้บอกคุณก็เพราะ ผมกลัว 
Elena – กลัวอะไร ?
Nate  - กลัวสูญเสียคุณไง ผมคิดว่าผมเห็นแก่ตัวและปกป้องตัวเองมากไป
Elena - … เรามีที่กำบังรอบตัวเยอะแยะเลย ... ไปต่อกันเถอะ 

-จากนั้นเดินทางปีนป่ายขึ้นไปด้านบน ทะลุถ้ำผ่านป่าไปตามทางก็จะถึงประตูหน้าของเมือง New Devon เศษซากอารยะธรรมของเหล่าโจรสลัดที่หลงเหลือจากดินแดนแห่ง Libertalia  ....




                                            Chapter 18 - New Devon




Nate และ Elena เดินทางมาถึงหน้าทางเข้าเมือง New Devon ที่ถือว่าเป็นเมืองชั้นในของ Libertalia ที่เหล่าผู้นำของกลุ่มโจรสลัดในนาม Founder of Libertalia อาศัยอยู่ โดยกัปตัน Henry Avery สร้างไว้โดยใช้ชื่อจากเมือง Devon ในประเทสอังกฤษที่เป็นบ้านเกิดของเขาเอง ซึ่งตอนนี้มันได้กลายเป็นเศษซากของความรุ่งเรืองและเป็นเสมือนสิ่งที่ย้ำเตือนถึงสันดานมนุษย์ที่ชอบทรยศหักหลัง โดยดูจากร่องรอยการต่อสู้และศพที่ถูกแขวนเพื่อลงโทษในข้อหาทรยศมากมายจนเกลื่อนไปหมด เข้ามาด้านในปีนขึ้นไปบนเสาโหนตามกรงเหล็กขึ้นไปเดินตามเสาด้านบนโดดต่อกันจนไปโดดเกาะข้ามกำแพงเมืองด้านหน้าไปได้ 



Nate – ว้าว ขอต้อนรับสู่หมู่บ้านของเพื่อนบ้านกัปตัน Avery
Elena – งดงามมาก ถ้าไม่ถือสาเรืองความแตกหักพุพังและน้ำท่วมขังอะนะ
Nate – ดูแล้วเหมือนน้ำถูกปล่อยออกมาทำลายเมืองมากกว่า
Elena – หรือไม่ก็อยากหาโอกาสซ่อมแซมครั้งใหญ่ก็ได้ ฮ่าๆ ... ไหนดูสิ ดูเหมือนจะมีคนระเบิดเขื่อนให้น้ำเข้ามาท่วมเมือง ...แล้วคุณเดาได้มั๊ยหลังไหนเป็นบ้านของกัปตัน Avery
Nate – อ่า ดูแลน่าจะตึกใหญ่ด้านในที่ไม่มีความเสียหายนั่นแหละ 
Elena – เฮ้ย ดูนั่นสิ ที่ประตูหน้า !!
Nate – แซม !  
Elena – ดีจังที่เขายังไม่ตาย
Nate – ก็แค่ตอนนี้ ไปเถอะรีบเข้าไปด้านในกัน 

-โดดลงไปในน้ำด้านหน้าทางเข้าว่ายไปขึ้นบกที่พื้นที่ซากเมืองทางฝั่งซ้าย ปีนป่ายเข้าไปด้านในจนถึงกลางพื้นที่จะเริ่มพบทหารรับจ้าง  Shoreline อยู่เต็มไปหมด ลอบจัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปด้านในพื้นที่ มุดเข้าไปตามทางในถ้ำทะลุออกมาที่พื้นที่เมืองส่วนใน เข้าไปในซากอาคารตรงหน้า ด้านในจะมีทางปีนขึ้นชั้นบนอยู่แต่มันสูงเกินที่จะปีนถึง ต้องไปหาอะไรมาใช้ปีนขึ้นไป เดินเข้าไปตามทางน้ำจนสุดทางจะพบกิ่งไม้ที่มีจุดโหนตัวอยู่และกล่องไม้ที่อยู่บนเนินสูง ใช้เชือกเกาะโหนขึ้นไปด้านบนแล้วดันกล่องให้ตกลงมาในน้ำให้มันไหลเข้าไปในซากตึกจนสุดแล้วไปเอาเชือกตะขอดึงมาตรงที่ปีนจะปีนขึ้นด้านบนต่อได้


- โดดลงน้ำว่ายเข้าไปขึ้นฝั่งที่ซากตึกด้านในต่อ เข้าไปสำรวจด้านในซากอาคารให้ทั่วๆแล้วออกมาที่สุดทางจะมาออกที่หน้าตึกใหญ่ที่มีปืนใหญ่ป้องกันอยู่มากมาย เข้าไปในซากตึกทางหน้าต่าง ที่ชั้นล่างจะมีที่ปีนขึ้นชั้นบนอยู่ตรงทางน้ำที่ไหลเชี่ยวไม่สามารถว่ายไปปีนขึ้นได้ เดินไปทางฝั่งขวาของน้ำที่ไม้ถ่วงน้ำหนัก ไปยืนตรงปลายรอให้ Elena มาจับปลายไม้อีกด้านไว้ก็จะสามารถโดดเกาะขึ้นไปด้านบนขวาแล้วทิ้งตัวลงตรงต้นทางน้ำเชี่ยวเพื่อโดดเกาะปีนขึ้นพนังทางซ้ายให้ทัน ขึ้นมาด้านบนแล้วไปดันตู้ตรงสุดทางเดินให้ Elena ใช้ปีนขึ้นมาได้ ช่วยกันยกตู้ที่ล้มขวางประตูเพื่อเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องอาหารที่เต็มไปด้วยศพของราชาโจรสลัด


Nate – ว้าว ดูเหมือนเราจะเจอที่จัดงานเลี้ยงมือสุดท้ายเข้าให้แล้วนะ
Elena – ดูเหมือนเราจะมาไม่ทันงานซะด้วยสิ เฮ้ Nate ดูป้ายสัญลักษณ์พวกนี้สิ 
Nate – สัญลักษณ์ของพวกผู้นำโจรสลัด โอ้ พระเจ้า ทั้งหมดนี่คือศพของพวกราชาโจรสลัดในกลุ่ม Founder of Libertalia มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย ?
Elena – ไม่ต้องใช้ผ้เชี่ยวชาญมาชันสูตรก็รู้ว่า โดนวางยาพิษในเครื่องดื่ม 
Nate – แจ่มแจ้งเลยละ
Elena – แล้วราชาโจรสลัดผู้มั่งคลั่งจะมาฆ่าตัวตายหมู่ทำไม ? คลั่งลัทธิหรอ ?  อืมม ดูนี่กระดาษนี้เขียนว่า ในนามของตัวแทนของกัปตัน Avery ข้าของเชิญมาร่วมทานอาหารที่ตึกใหญ่ตอนค่ำพรุ่งนี้ ถึงเวลาที่เราต้องเลิกเกลียดชังกันแล้วกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเพื่อพระเจ้าและเสรีภาพของพวกเรา ลงนาม Thomas Tew   ...  มันน่าจะเป็นการ์ดเชิญนะ



Nate – เดี๋ยวนะ กล้าพนันกับผมมั๊ยนี่โต๊ะของ Henry Avery และ Thomas Tew …พวกโจรสลัดที่เป็นสมาชิกที่นอนตายอยู่นี่กำลังต้องการจะตีตัวออกห่างและอ้างสิทธิ์ขอคืนในสมบัติที่เป็นส่วนของตัวเอง Henry Avery และ Thomas Tew ก็เลยเรียกตัวทุกคนมาที่นี่ แล้วก็บอกว่า “ถึงเวลาที่เราต้องเลิกเกลียดชังกันแล้วกลับมารวมกันเป็นหนึ่ง” จากนั้น Avery ก็เริ่มยกแก้วให้ทุกคนดื่มฉลอง “เพื่อพระเจ้าและอิสรภาพของเรา” !!! ทุกคนก็ดื่ม .. แล้วพวกนี้ก็ม่องเท่ง ยกเว้น 2 นี่ จากนั้นสมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของคนแค่ 2 คน Henry Avery และ Thomas Tew ... มันเป็นประวัติศาสตร์ของโจรสลัดที่ย่อยยับไปในเวลาไม่กี่นาที ในโต๊ะเจรจานี้
Elena – มันแทบไม่น่าเชื่อเลยนะ
Nate – ผม ผม เอ่อ เสียใจ 
Elena – แล้วเราจะเอาไงกับแขก 2 คนที่หายไปละ
Nate – เราก็พุ่งเป้าไปที่ Avery !!

-จากนั้นออกจากห้องแล้วโดดไปที่ปลายทางเดินที่พังไปเกาะที่พนังหินปีนขึ้นไปด้านบนต่อจนมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของ Henry Avery เข้ามาด้านในสำรวจทั่วไป เพื่อแกะตามรอยเท้าของพวกทหารรับจ้างไป จนถึงห้องโถงใหญ่ ที่ชั้น 2 สุดทางด้านในรอยเท้าจะหายไปที่ประตูๆนึงที่ปิดตายอยู่ ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพังประตูเข้าไปพวกทหารรับจ้าง Shoreline มากมายก็บุกเข้ามา จัดการพวกมันให้หมดแล้วพังประตูเข้าไปด้านในจะเจอศพของโจรสลัดที่โต๊ะเมื่อสำรวจดู Elena จะพบจดหมายฉบับนึงที่ลงชื่อไว้โดย Avery ซ่อนอยู่กับศพ



Elena – ถึงเหล่าผู้จงรักภัคดีของข้า เมื่อถึงวันที่แสงแห่งเกรียติยศในดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ของเราจำต้องดับลง เราต้องพยายามคุ้มครองปกป้องความมั่งคั่งของพวกเรา Tew คนทรยศมันรู้ความลับของเราทุกอย่าง เราต้องรีบดำเนินการให้เร็วกว่ามัน จัดการระเบิดเขื่อนเพื่อชำระล้าง New Devon จากนั้นก็จงนำทรัพย์สินทั้งหมดผ่านไปยังทางลับเพื่อนำไปที่เรือของข้า 
Nate – Avery กับ Tew แตกขอกันแล้วหรอเนี้ย
Elena – คุณแปลกใจด้วยหรอ ?
Nate – ก็ไม่แปลกใจหรอก โจรสลัดก็คือโจรสลัดอ่ะนะ 



-เข้าไปด้านในจนถึงห้องทำงานใหญ่ สำรวจให้ทั่วๆที่โต๊ะด้านในจะเจอไฟแช็คของ Sam ตกอยู่ Nate จึงเดาว่าในห้องทำงานของ Avery น่าจะมีทางลับที่นำไปยังช่องทางลับไปที่เรือได้เหมือนกันในจดหมายบอกไว้ และพวกศัตรูคงจับ Sam เดินทางไปทางนั้น จึงพยายามาหาสวิตซ์ลับที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆที่สำรวจได้ แต่สุดท้าย Elena ก็จะเป็นคนเจอสวิตซ์ลับที่ซ่อนอยู่ในลูกโลกตรงโต๊ะทำงานเพราะมีรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดติดอยู่เลยทำให้สามารถเปิดทางลับในห้องออกจนได้สำเร็จ



                                            Chapter 19 – Avery’s Descent





- ลงมาตามทางลับสู่อุโมงค์ใต้ดิน ระหว่างทางจะพบความเหี้ยมโหดของกัปตัน Avery ที่ทำกับใครก็ตามที่พยามยามจะขโมยหรือแย่งชิงสมบัติของเขา ด้วยการตัดมือตัดหัว และอีกมากมายที่ถูกทิ้งเป็นศพให้เป็นหลักฐานมากมายระหว่างทาง เข้ามาตามทางจะพบรอยเท้าของพวกศัตรูมากมายที่เดินเข้าไปด้านใน ตามรอยเท้าไปเรื่อยๆจนถึงห้องพื้นกับดักระเบิด ซึ่งถ้ามองดูจากพื้นที่แตกจะพบว่ามีระเบิดอยู่ด้านใต้ ให้เดินไปตามรอยเท้าที่เดินผ่านไปก็จะไม่โดนระเบิด


- เข้ามาตามทางไฟฉายของ Nate ก็เริ่มจะถ่านหมดจนต้องเขย่า(จอย)ให้ไฟติดตลอดทางจนถึงห้องโถงถ้ำด้านในที่มีโพรงบนเพดาน ไฟฉายก็จะดับสนิทนำความมืดมิดมาให้ แต่โชคดีที่ Elena พกไม้ขีดมาด้วยเธอจึงจุดคบไฟให้ใช้เพิ่มความสว่างในการเดินทางต่อได้


     

 จากนั้นสำรวจตรงโพรงที่เพดานเพื่อส่งตัว Elena ให้ปีนขึ้นไปแล้วให้ดึงตัว Nate ตามไปด้านบน จากนั้นเข้าไปตามทางด้านในถ้ำจนพบกับกับดักระเบิดมัมมี่ที่ระเบิดทันทีเพื่อเดินเข้ามาใกล้ศพ ทำได้ก็แคกด O กลิ่นตัวหลบให้ทันเท่านั้น เข้าไปตามทางที่ต้องระเบิดมัมมี่ลงไปจนถึงทางลาดผ่านไปถึงทางแยกที่มีศพมัมมี่มัดไว้ตรงกลางทางแยก เก็บสมบัติที่แยกซ้ายแล้วเดินต่อไปทางแยกขวาจะเริ่มพวก Shoreline ที่เริ่มโจมตีเข้ามา จัดการพวกมันให้หมดจนถึงศัตรูเกราะหนักตัวสุดท้ายที่ทำให้กับดักมัมมี่ระเบิดจนทำให้ตกลงไปที่พื้นด้านล่าง



-เข้าไปตามทางต่อจนถึงประตูเหล็กเมื่อออกจะพบว่าในศพที่ตายข้างๆประตูมีจดหมายจาก Thomas Tew ที่สั่งให้ลูกน้องไปตามเอาสมบัติที่เรือ Avery คืนมาก่อนมันจะหนีไปด้านหลังของจดหมายจะมีแผนที่บอกจุดระเบิดของห้องพื้นกับดักห้องต่อไปให้ด้วย เก็บกุญแจมาจากศพแล้วเดินเข้าประตูไปต่อ เดินเข้าไปด้านในต่อตามทางจนถึงห้องพื้นกับดักห้องต่อไปที่จะไม่มีรอยเท้าของศัตรูนำทางให้เหมือนห้องแรก แต่ในจดหมายจะมีด้านหลังจะมีเขียนแผนที่จุดที่มีระเบิดที่พื้นไว้ พยายามมองให้ตรงกับที่พื้นว่าจุดไหนไม่มีระเบิดก็ให้เดินเข้ามาตามพื้นนั้นจนถึงทางเข้าฝั่งตรงข้าม


-ผ่านห้องกับดักมาแล้ว เข้าไปตามทางต่อจนถึงห้องโถงสุดทางที่มีศพมัมมี่ระเบิดมากมาย ซึ่งโชคดีที่มันไม่ระเบิดออกมา และสุดทางก็คือประตูเหล็กที่ต้องใช้กุญแจที่เก็บได้จากศพไขเข้าไป Elena ค่อนข้างกังวลว่ามันจะเป็นกับดัก


แต่เมื่อ Nate ยอมเสี่ยงที่จะไขเปิดประตูกับดักก็เริ่มทำงานจริงๆ โดยทั้งคู่จะโดนแหจับตัวขึ้นไปด้านบนพร้อมๆกับพวกมัมมี่ระเบิดที่เริ่มจุดระเบิดตูมตามขึ้นมาที่ละตัว พยายามแกว่งตัวไปที่ศพที่แขวนอยู่ข้างเพื่อเอาดาบที่ตัวมันมาตัดเชือกตาข่ายให้หยุดออก แล้วรีบหนีจากมัมมี่ระเบิดมากมายตามทางที่วิ่งผ่านเพื่อเอาตัวรอดออกมาให้ถึงทางออกที่สุดทาง



Nate – วู้ ขอบคุณมาก Avery … เหมือนกับตอนที่เคยลุยกันมาเลยว่ามั๊ยที่รัก ฮ่าๆ  Elena Elena !! เป็นอะไรไป พระเจ้าไม่เอาน่า Elena ฟื้นสิ 
Elena – หืมม ฮีโร่ของชั้น ..ฮ่าๆๆๆๆๆ 



Nate – ไม่ๆ ม่ายๆๆ ไม่ตลกนะ เล่นแบบนี้ หัวใจจะวายนะ
Elena – คุณทำได้ไม่เลวเลยน้า .... โอ๋ๆๆ ไหนมาฟังสิหัวใจน่ะ ก็ยังเต้นอยู่นี่  มันเป็นเสียงที่ชั้นรู้สึกดีมากเลยละ 



Nate – เราอยู่ด้วยกันตรงนี้มันก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าต้องฉุดกระชากลากถูกันยังไงผมก็ต้องพาคุณมาด้วยให้ได้ตลอดนั่นแหละ ใช่ และก็จะทำแบบนี้ทุกครั้งๆตลอดไปเลยด้วยนะ 
Elena – ไม่เลย ไม่ถึงกับฉุดกระชากลากถูอะไรนี่ คุณทำได้ดีกว่าที่ว่ามาเยอะ แต่ตัวมีโคลนเยอะไปหน่อยนะ ฮ่าๆ


Nate – มีใครเคยบอกคุณบ้างมั๊ยว่า คุณมีมุขโรแมนติกที่โคตรจะฮาเอาเรื่องเลยนะ
Elena – มีสิ เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนซักที่มาก่อนนี่แหละ  ..

     





                                             Chapter 20 – No Escape 



ขณะที่ทั้ง Nate และ Elena กำลังพลอดรักจากการที่กลับมาคืนดีกันใหม่ได้ไม่นานเสียงปืนก็ดังขึ้นมาจากที่ไกลเลยทำให้ทั้งคู่ต้องรีบเดินทางไปดูเพื่อเข้าไปช่วย Sam ต่อทันที เข้าไปด้านที่ฝั่งทะเลด้านหลังของเกาะจะพบว่าที่เป็นสุสานเรือโจรสลัดที่มีเรือมากมายจมอยู่ที่นี่ และทันทีที่ตามเสียงปืนไปก็จะพบ Sam กำลังหนีการไล่ล่าจากศัตรูอยู่ไกลๆ 


-จากนั้นปีนเกาะโหนลงไปด้านล่างเรื่อยๆจนถึงซากเรือก็จะเจอกับพวก Shoreline กำลังไล่ยิง Sam เข้ามาใกล้ ทั้ง Nate และ Elena จึงร่วมวงเข้ายิงต่อสู้ด้วยทันที ลุยจัดการศัตรูที่ส่วนแรกให้หมด แล้วลุยตาม Elena เข้ามาถึงซากเรือด้านในต่อ จนถึงด้านบนของซากเรือด้านในก็จะได้พบ Sam อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีเวลาได้ทักทายกันเพราะทั้ง 3 ก็มัวแต่จับปืนยิงสนั่นซากเรืออย่างเมามัน



 ในขณะที่ทั้ง 3 ลุยผ่านฝูงศัตรูเข้าไปที่เรืออีกลำก็ต้องถูก RPG ยิงถล่มจนทำให้ Nate แยกออกมาจากกลุ่ม ซ้ำยังต้องเจอรถหุ้มเกราะขับมาไล่ยิงใส่จนทำให้ Nate ต้องโกยหนีเอาตัวรอดจนสุดทาง โชคดีที่ Sully เพื่อเก่าจะมาช่วยไว้ทัน ก่อนทั้งคู่จะใช้ RPG ยิงใส่รถหุ้มเกราะจนพังในที่สุด จากนั้น Nate ก็ได้เข้าไปทักทายกับเพื่อนแบบพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง



Sullivan – ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะไอ้หนู 
Nate – ทันเวลาพอดีด้วยละลุง 
Sullivan – เออๆ ชั้นก็นั่งรออยู่ที่เครื่องบินแบบกังวลๆด้วยแหละพอได้ยินเสียงปืนก็เลยรีบมา
Nate – ไม่ 2 แล้วละครับตอนนี้ผมเจอตัว Sam แล้ว Elena ก็อยู่ด้วย 
Elena – เฮ้ ที่รัก คุณโอเคนะ เราได้ยินเสียงระเบิดเลยรีบมาสมทบคิดว่าคุณคงแย่แล้ว
Nate –  ใช่เกือบแย่แต่ก็ต้องยกเครดิตให้คนนี้เลย ฮ่าๆ
Elena – คุณช่วยพวกเราไว้อีกแล้ว ฮ่าๆ
Sullivan – เรื่องปกติอยู่แล้วนี่ . ..แล้วเธอโอเคนะ
Elena  - ก็นะ เกือบแย่เหมือนกันแหละ โชคดีที่เขาคุ้มกันชั้นไว้



Nate – ว่าไง พี่ แขนไปโดนไรมา
Sam – ไง ก็กระสุนมันถากไปนิดหน่อยน่ะ แล้วหัวนายละ
Nate – ขอบหน้าผาเต็มๆ ถากเลยไปโดนหน้าอีกหน่อยด้วย พี่หนีจาก Rafe มาได้ไง
Sam – ฮ่าๆ ชั้นแหล้งนำคนของมันไปโดนกัปดักของ Avery น่ะสิ  
Nate – ฉลาดมากพี่
Sam – เอ่อ คือ เรื่อง Alcazar ทั้งหมดมัน ...
Nate – เฮ้ๆ ตอนนี้เราไปหาที่ปลอดภัยกันก่อนเถอะเรื่องนั้นไว้ที่หลัง เครื่องบินอยู่ไหน Sully 
Sullivan – บนชายหาดอีกฝั่งของเกาะ
Elena – ล่อซะโครมครามซะขนาดนี้หวังว่ากำลังเสริมมันคงไม่ตามมาสมทบนะ 
Sam – โว้ๆๆ เดี๋ยวๆ นี่จะไปไหนกันเนี้ย
Sullivan – แล้วจะคิดว่าไปไหนละ ก็ออกจากไอ้เกาะบ้านี่ให้เร็วที่สุดไงละถามได้
Sam – เออ รู้ เราควรทำแบบนั้นแน่นอน แต่ๆ เออ หรือเราควรจะไปทางนั้นกันดี มันเป็นทางลัดด้วยนะ
Sullivan – ทางลัดไปไหน ?



Sam – สมบัติของ Avery ไง ชั้นหมายถึง พวก Rafe มันก็ตระเวนไปทั่ว แต่ถ้าเราไปทางนี้ละก็ 
Sullivan – เลิกยุ่งกับ Rafe ซะที !! 
Sam – เฮ้ ด้วยความเคารพนะ วิคเตอร์ บางทีเราควรจะ
Sullivan – นี่นายไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะเลิกเลยใช่มั๊ย ?
Sam – แต่เรามาที่ก็เพราะเหตุผลเดียวกันไม่ใช่หรอ ? ใช่มั๊ย ? 
Elena – เราไม่ได้มาหาสมบัติ เรามาช่วยคุณต่างหาก
Sam – เรื่องนั้นผมขอบคุณมากนะแต่ตอนนี้ผมโอเคแล้ว และตอนนี้เราก็ควรไปทางนั้นกันต่อไง เราทำได้น่า Nathan เอาน่า ดูรอบๆสิ Avery เอาเรือของเขามาทิ้งที่นี่ รู้มั๊ยเพราะอะไร 
Elena – เพราะเขาไม่ยอมลดละที่จะเก็บซ่อนสมบัติเขานะสิ
Sam – ใช่เลย 
Elena – ไม่ว่าจะสร้างความฉิบหายกับทุกสิ่งรอบตัวเขายังไงก็ตาม
Sam – เฮ้ออ.... เพราะเขาไม่อยากให้ใครคนไหนตามเขาไปไงละ ดูนี่สิชั้นเจอแผนที่ของเกาะนี้ แล้วเรือเขาก็มุ่งหน้าไปที่ภูเขานั่น สมบัติของเราอยู่ที่นั่น ในขณะที่พวกของ Rafe กำลังหาทางไปที่นั่นกันแล้วตอนนี้ แต่เรากลับมายืนเป็นไอ้โง่กันอยู่ที่นี่ได้   
Sullivan – แล้วถ้า Avery เขาหนีไปจากเกาะนี้แล้วละ ไปที่ไหนซักที่ในมหาสมุทรที่กว้างขวางนั่น
Sam – อย่างงั้นเราก็เจอเบาะแสว่าเรือของเขาไปจมอยู่ตรงไหนไงละ 
Sullivan – โอ่ย ไม่พูดด้วยแล้ว



Sam - เราตามหามันมานานแค่ไหนแล้ว Nate ห๊า นายกันชั้น ไม่ต้องให้พวกนี้มายุ่งเกี่ยวด้วยก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ส่วนแบ่งนะ
Nate – อันที่จะพวกเขาต้องเกี่ยวนะ โคตรเกี่ยวเลยด้วย ฟังนะ พวกเราเคยถูกครอบงำจากสมบัตินี่มาก่อนก็จริง แต่ตอนนี้เราไม่ใช่เด็กอีกแล้วนะ เราไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว 
Sam ... โอเค .....ได้ ได้ .. วิคเตอร์เครื่องบินคุณอยู่ทางไหน นำทางไปกันได้เลย 

-จากนั้นตามเข้าไปตามทางของซากเมืองเรื่อยๆจนถึงทางขาดที่มีลิฟต์เลื่อนข้ามทางอยู่.ใต้พื้นลิฟต์จะมีที่เกี่ยวเชือกจะขออยู่ ช่วยกันดันแท่นเหล็กกับแซมเพื่อใช้มันโหนโดดไปฝั่งตรงข้ามแล้วใช้เชือกตะขอเกี่ยวใต้ลิฟต์แล้วดึงให้ทุกคนบนลิฟต์ข้ามมาอีกฝั่งได้แล้ว จากนั้นโหนเชือกไปที่ลิฟต์เลื่อนเพื่อให้ Sam ช่วยดึงขึ้นไปด้านบนแต่เชือกลิฟต์ขาดทำให้ทั้งคู่เกือบตกลงไปด้านล่าง แต่เมื่อปีนขึ้นมาแล้วทั้งคู่กลับโดดไปคนละฝั่ง ซึ่ง Nate จะอยู่ที่ฝั่งของ Sully กับ Elena ส่วน Sam เลือกที่จะโดดไปทางขวาฝั่งที่จะไปยังภูเขาที่เขาเชื่อว่าเป็นที่ซ่อนสมบัติของ Avery



 

Nate – Sam โดดมาเลย เดี๋ยวผมจับเอง !!  ไม่ๆๆๆ อย่าได้คิดอย่างที่กำลังจะคิดอยู่นะ
Sam – พี่เสียใจนะที่ลากนายมายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย .. ทุกๆเรื่องเลย
Nate – มันไม่สำคัญอะไรแล้วพี่  โดดมาเถอะ!!
Sam – ชั้นอยากจะเห็นสมบัตินั่นด้วยตาตัวเองนาธาน 
Nate – เฮ้ๆ ฟังนะ พี่ ถ้าพี่เลือกที่จะไปผมจะไปกับพี่แน่นอน ได้ยินมั๊ย !!
Sam – พี่เสียใจ ยังไงก็ต้องไป 
Nate – แซมมมม !! งี่เง่าเอ๊ยยย
Elena – ทำแบบนั้นมันฆ่าตัวตายชัดๆ .. ไปกันเถอะ 

-เข้าไปตามทางต่อจนถึงกำแพงสูงที่สุดทางท้ายหมู่บ้าน เข้าไปเข็นรถบรรทุกของไปที่กำแพงเพื่อใช้ปีนเข้าไป แต่ในขณะที่กำลังจะปีนรถที่มีน้ำหนักมาเลยกำลังจะไหลลงเนิน ทุกคนจึงบอกให้ Nate ข้ามไปก่อนแล้วค่อยหาทางมาช่วยทีหลัง


Sullivan – ยุ่งแล้ว รถพังซะด้วย แล้วเราจะข้ามกำแพงนั่นกันยังไงทีนี้
Elena – เราเหลือเวลาอีกไม่มากด้วย 
Sullivan – Nate นายทำอะไรไม่ได้แล้ว เดี๋ยวเราหาทางกันเอง 
Nate – เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยนะ
 Sullivan – ฟังนะ Sam ไปที่นั่นไม่มีทางที่เลี่ยงการต่อสู้ได้หรอกนะ
Nate – ถ้าต้องก็สู้ก็สู้ละ ยังไงซะผมก็จะต้องพาพี่กลับมาให้ได้ คุณไปเตรียมเครื่องบินเอามาจอดใกล้ๆภูเขานั่นไว้แล้วกันนะ แล้วติดเครื่องรอไว้เพื่อเตรียมหนีไว้ด้วยเลย
Sullivan – เหมือนทุกครั้งใช่มั๊ยละ




Elena – มันไม่แฟร์เลยนะ กวาดเรียบคนเดียวหมดในขณะที่ให้เราไปรอที่เครื่องบินน่ะ แล้วก็ ห้ามคิดด้วยว่าไปลุยแล้วจะไม่ได้กลับมาด้วยนะ 
Nate –  หึหึ ..  ผมรักคุณนะ 
Elena – เช่นกัน คาวบอย 




                                            Chapter 21 – Brother’s Keeper  





หลังจากแยกทางจาก Elena และ Sullivan แล้วเข้าไปตามทางในป่าต่อ จากนั้นก็ต้องเกาะโหนปีนป่ายไปตามเนินเขาด้านบนไปเรื่อยๆตามทางจนถึงทางเข้าถ้ำขนาดใหญ่ใต้ภูเขา


เมื่อโหนโรยตัวลงมาที่ถ้ำก็จะพบเรือของกัปตัน Avery ที่จอดอยู่น้ำ เดินเลาะหน้าผาจนถึงทางลาดที่ต้องกระโดดเอาตัวรอดระหว่างทางลาดกับเหวจนตกลงไปในน้ำด้านล่าง จากนั้นว่ายน้ำเข้าไปจนถึงซากเรือ ดำลงมุดเข้าใต้ท้องเรือจะพบกับ Nadine กำลังสั่งพวกทหารรับจ้างขนสมบัติออกจากที่นี่


Nadine – ตรงนี้ใกล้เสร็จรึยัง 
ทหาร – ลังสุดท้ายแล้วครับ 
Nadine – ถ้าเรารีบกันหน่อยเราจะได้พอเอาที่อื่นได้อีก
Rafe – ไอ้แซมมันพึ่งขโมยเรื่อของเราไป !! มันกำลังจะไปที่เรือของ Avery ตามมันไปกันเร็ว !!
Nadine – ช่างมันดิ เราเสร็จเรื่องเราแล้วนี่ 
Rafe – เสร็จเรื่องหรอ ?
Nadine – คนของชั้นตายไปเยอะแล้ว Rafe  ที่เหลือก็ไม่พร้อมจะลุยแล้ว
Rafe – เธอเห็นนั่นมั๊ย จะเสร็จเรื่องมันต้องที่เรือนั่น !! เราจะเอามันไปหมดนั่นแหละ
Nadine – ช่วยไม่ได้ ก็ไอ้โจรสลัดบ้าของนายดันเอาเรือมาจอดในถ้ำนี่เองนี่ ชั้นไม่มีวันไปเข้าไปในนั้นแน่ๆ 
Rafe – นี่ Nadine ถ้าเธอเลิกตอนนี้ ชีวิตคนของเธอที่เสียไปกับทุกอย่างที่เราลงทุนลงแรงไป จะไม่เหลืออะไรเลย
Nadine – เรามีเป็นล้านนี่ ทองในหีบเหล็กนั่นไม่เห็นหรอ คุ้มค่าไปกับสิ่งที่เราเสียไปเยอะแล้ว 
Rafe – ไม่แปลกที่คนของเธอหลายคนคิดที่จะไปจากเธอ
Nadine – ว่าไงนะ 
Rafe – เรากำลังจะเริ่มทำบางอย่างเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ที่นี่ เธอจะมาเดินหนีไปพร้อมเงินยังชีพเล็กๆน้อยนี่ ในขณะที่ไอ้แซมมันจะไปเอาสมบัติกองใหญ่บนเรือนั่นได้ไง ! 
Nadine – โดยที่เขาจะเดินออกมาจากเรือนั่นแบบชิวๆแล้วไม่ตายได้อ่ะหรอ ถ้าได้ก็เอาสมบัติไปเลย ถ้ามันทำได้ ชั้นก็ว่าแมร่งก็ควรได้รับรางวัลไปบ้างไม่ใช่หรอ แต่พระเจ้าก็รู้ว่า นายไม่ได้หามันเจอด้วยตัวเอง 
Rafe – ฮืยยย !!  เราจะมายืนด่ากันเองกันทั้งวันแบบนี้หรือจะไปจบเรื่อง ..  อ็อคคค !!
Nadine – ชั้นบอกจบมันก็คือจบเข้าใจ๊ !! 



ทหาร – โทษที่ครับ ..
Rafe –  ก็นะ เธอลืมแล้วหรอ ทหารรับจ้างเขาไม่ได้ทำเพราะความจงรักภัคดี แต่มันทำเพราะเงิน ชั้นมีเงินเยอะกว่าก็จ้างคนของเธอได้เหมือนกัน ไม่เอาน่า เรามาจบเรื่องนี้ด้วยกัน หรือ เธอจะจบชีวิตตัวเองที่นี่ละ
Nadine – ก็ได้ .. เราไปสร้างประวัติศาสตร์กัน 




                                          Chapter 22 - A Thief's End





เมื่อ Rafe และ Nadine กับทหารรับจ้างบางส่วนนั่งเรือมุ่งหน้าไปที่เรือของ Avery แล้ว จากนั้นดำน้ำมาขึ้นฝั่งแล้วว่ายน้ำต่อไปยังซากเรือของ Avery ได้เลย เมื่อปีนขึ้นมาบนเรือได้แล้วระหว่างทางจะพบสมบัติที่ถูกขนมาไว้บนเรือมากมายเต็มไปหมด และเมื่อเข้าไปจนถึงห้องด้านในของท้องเรือก็จะพบสมบัติกองเป็นภูเขาท่ามกลางไฟที่กำลังลุกไหม้ไปทั่วควันไฟปกคลุมแทบจะหายใจไม่ได้ แต่ร่างที่ปรากฏออกมาก็คือ  Rafe ในสภาพบาดเจ็บสะบักสะบอมก็ออกมาพร้อมปืนในมือ ก่อนที่มันจะชี้ให้ Nate เห็นร่างของแซมที่ถูกเสาไม้ทับนอนบาดเจ็บอยู่ข้างๆห้องด้วยฝีมือของเขา




Nate – SAM !!!
Rafe – ใจเย็นน่า เขายังไม่ตายซะหน่อย ดีนะที่มันไม่ทำเอาตายกันหมด
Nate – ชั้นจะพาเขาออกไปจากที่นี่  นายจะเอาสมบัติบ้าอะไรนี่ก็เอาไป แค่ปล่อยให้ชั้นช่วยพี่ชั้นก็พอ
Rafe – ไม่ๆๆ หลังจากที่มันทำทุกอย่างมาทั้งหมดอ่ะนะ ฮ่าๆ ทำไมประเสริฐแท้พอคุณ แต่ไม่ดีกว่า 
Nate – ยิ่งอยู่ที่นานเราจะตายกันหมดนะ แกอยากให้เป็นงั้นหรอ



Rafe – ก็ไม่ได้บอกงั้นซะหน่อย ... เธอคิดว่าไง Nadine ?  เอาปืนมาจากมันด้วยก็ดีนะ 
Nadine – เอาละ เอาปืนมา 
Nate – เธอแน่ใจหรอว่าไว้ใจมันได้น่ะ ?
Nadine – แกไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกน่า 
Rafe – ทำไมแกชอบยุยงปลุกปั่นแท้วะ Nate ห๊า Nadine กับชั้นเป็นหุ้นส่วนกันนะ เธอไม่หลงกลแกหรอกเว้ย เอาละไปยินตรงนู้น แกกับพี่แกเนี้ยตักตวงผลประโยชน์จากความใจดีของชั้นมาตั้งแต่แรกเลยนะ พยายามจะตัดชั้นออกจากเรื่องนี้หนักขึ้นๆมาตลอด .... เธอทำอะไรน่ะ Nadine ..



Nadine – เอาละที่นี้เอาปืนของแกมาด้วย ชั้นจะไม่ถามซ้ำนะ
Rafe – เธอนี่มันเก่งแต่เรื่องทำอะไรงงี่เง่าจังนะ
Nadine – หันไปดูที่กองสมบัตินั่นสิ เร็วๆ !!
Rafe – โอเค มันก็มีซากกระดูกแล้วไง
Nadine – ชั้นไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์เหมือนแกหรอกนะหนุ่มน้อย แต่ชั้นมีความคิดเจ๋งๆที่จะทำให้นายคนเป็นเหมือนในประวัติศาสตร์อ่ะนะ 
Rafe – เสนอหน้าทำมาเป็นสอน 
Nate – Avery กับ Tew  พวกมันฆ่ากันเองจนตายคาสมบัติ
Rafe – ประเด็นคืออะไรวะ 
Nadine – ทุกคนถูกสมบัตินี่ครอบงำ ..ได้รับในสิ่งที่พวกเขาสำควรได้รับ 
Nate – เธอจะทิ้งให้ตายกันที่นี่จริงๆหรอ ? 
Nadine – พอดีชั้นต้องรีบไปด้วยสิเลยไม่มีเวลามาสนว่าแกจะอยู่หรือตายนี่ ลาก่อน Rafe
Rafe – Nadine !!! เปิดไอ้ประตูบ้านี่เดี๋ยวนี้นะ !!! 




Nate – Rafe เธอไปแล้วน่า มาช่วยยกเสาออกจากแซมกันก่อนแล้วชั้นจะช่วยนายหาทางเปิดประตูนั่นกัน 
Rafe – ไม่ๆๆ มันไม่เวิร์คอ่ะวะ  รู้สึกไม่เอ็นจอยวะถ้าไม่ได้ทองพวกนี้ไปคนเดียว และตราบใดที่แกกับพี่ชายแกยังหายใจอยู่ ยิ่งไม่สบายใจ 
Nate – ใจเย็นน่า แกอยากได้อะไรก็เอาไป แล้วรีบออกจากที่นี่กันดีกว่า 
Rafe –  หุบปาก !!!
Nate – เอาแบบนี้จริงๆหรอวะ มันดูบ้ามากเกินไปสำหรับแกแล้วนะ ไม่มีเหตุผลเลยนี่หว่า
Rafe – แล้วแกอยากได้ยินอะไรมันถึงจะสมเหตุผลวะ อย่าง Nathan Drake ถล่มพวกศัตรูจนสามารถเข้าสู่ Shambhala หรือ Nathan Drake ค้นพบนครที่สาปสูญใต้พื้นทะเลทราย Rub' al Khali …. Nathan Drake ค้นพบ El Dorado ... Nathan Drake คือ ตำนาน และชั้นยิงลูกน้องชั้นทุกคนที่บอกแบบนี้ไปหมดแล้ว ฮ่าๆ แต่แกรู้มัย แกมันกระจอก ไม่มีอะไรเลย และชั้นจะจัดการแกให้พ้นทางให้ได้ซะที 



การต่อสู้กับ Rafe นั้นต้องอาศัยการกะจังหวะกดปุ่มเพื่อหลบหารโจมตี โดยถ้ามันโจมตีมาทางซ้ายให้กดสามเหลี่ยม ถ้าโจมตีมาทางขวาให้กดวงกลมให้ทัน จนเมื่อหลบไปได้ซักพัก Nate ก็จะได้ดาบโจรสลัดที่ปักอยู่มาใช้ในการต่อสู้ โดยผสมการหลบด้วยปุ่มสามเหลี่ยมและวงกลมและโจมตีด้วยสี่เหลี่ยมในจังหวะที่ Rafe มันชะงัก จน Nate สามารถไล่มันจนมุมที่กำแพงได้



Nate – เราจบกันซะที ทีนี้ชั้นจะพาพี่ชั้นไปจากที่นี่ส่วนแกจะอยู่เฝ้าสมบัติของแกในเรือที่กำลังไฟไหม้นี้ก็เชิญตามสบาย 
Rafe – แกเสร็จชั้นละ !!





Rafe – แกรู้อะไรมั๊ย Nate สิ่งที่ซ่อนอยู่ในความโอหังของแกก็คือเด็กน้องขี้แงคนนึงเท่านั้นกับภาพมายาที่แกสร้างขึ้นว่าแกมันสูงส่ง ทั้งๆที่แกมันก็แค่พวกขี้ขโมยธรรมดาแค่นั้นเอง ..... ลาก่อน  Nathan Drake !!
Rafe – เฮ้ Rafe แกอยากได้สมบัติมากนักใช่มั๊ย .. เอาไปให้หมดเลยพวก !!!



ก่อนที่ Rafe จะลงมือ Nate ก็เหลือบให้สมบัติมากมายที่แขวนไว้ในถุงตาข่ายเหนือหัว Rafe ซึ่งมากพอที่ Nate จะฉวยโอกาสทองหยิบมีดที่หักตัดเชือกที่ผูกถุงสมบัติให้ลงมาทับ Rafe อย่างจังตามที่เขาตั้งใจจะได้สมบัติไว้ทุกประการ .. เมื่อจัดการ Rafe ได้แล้ว Nate ไม่มีเวลาที่จะสะใจเพราะต้องรีบไปช่วย Sam ออกมาจากที่นี่ แต่ไม้ที่ทับตัว Sam อยู่ก็หนักเกินจะยกไหว 

      

ท่ามกลางไฟที่กำลังไหม้และหัวใจของพี่ชายที่รักน้อง Sam จึงบอกให้ Nate ทิ้งเขาไว้ที่นี่แล้วหนีเอาตัวรอดไปก่อนจะตายกันทั้งคู่ แต่ Nate ไม่มีแม้คำว่าสองจิตสองใจ สิ่งที่เขาต้องทำให้ได้คือทางอื่นที่จะช่วยพี่ชายให้รอดไปพร้อมกัน จนสุดท้าย Nate ก็คิดได้ว่าต้องเอาปืนใหญ่ในห้องมาจุดชนวนยิงระเบิดท้องเรือให้น้ำเข้ามา จึ่งสามารถยกไม้ที่ทับตัว Sam ออกได้ ก่อนทั้งคู่จะว่ายน้ำหนีออกจากถ้ำพร้อมๆกัน ทิ้งความฝันที่กลายเป็นความจริงของตำนานโจรสลัดให้ระเบิดเป็นจุลมอดไหม้จมทะเลไปแบบไม่มีหวนคืน ...



หลังจากที่ Sam และ Nate หนีออกมาจากถ้ำได้โดยมี Elena ที่ช่วยพายกขึ้นจากน้ำก่อนจะวิทยุเรียก Sully ให้ขับเครื่องบืนมารับ หนีออกจากตำนานโจรสลัดผู้กักขระได้แบบปลอดภัยกันทุกคน






                                    ที่ท่าเรือแห่งนังในประเทศสิงคโปร์ .....






Sullivan – เอาทุกอย่างมาครบแล้วนะ
Nate – คิดว่าครบนะ จริงๆมันก็รู้สึกอิสระดีนะที่ขายทุกอย่างที่มีจนหมดแล้วเนี้ย ฮ่าๆ
Sullivan – แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ชั้นช่วยยกบ้านให้ซักหลังน่ะ
Nate – เครื่องบินลุงน่ะหรอ ? ตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก็รู้แล้วว่าเครื่องบินน่าจะเหมาะไว้นั่งเอนหลังดื่มเบียร์ชิวๆมากกว่านะ และอีกอย่าง ผมกับเธอมีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย
Sullivan – ช่ายๆ นายสำควรต้องทำ ...หวังว่าคงไม่มีโทรศัพท์มาชั้นตอนดึกๆว่า ให้ช่วยเป็นครั้งสุดท้ายอีกนะ ฮ่าๆ ... ดูแลตัวเองนะไอ้หนู อย่าลืมกันละ 
Nate – ขอบคุณป๋า ครั้งหน้าถ้าลุงเข้าเมืองมา เรามาดื่มกันนะ 




Nate – เฮ้ๆ นี่พี่เล่าเรื่องตอนเด็กอะไรให้เมียผมฟังอีกเนี้ย 
Elena – เกี่ยวกับเวทย์มนต์เล็กๆน้อยๆของคุณไง ละครเรื่องอะไรนะ 
Nate – Sam ชั้นอยากฆ่าพี่จัง 
Sam – เอาสิ บอกเธอไป
Nate – Nate the Great  เนท ผู้ยิ่งใหญ่ 
Sam – ฮ่าๆๆๆ  ก็รู้ว่าตอนเด็กแกทำเพราะอยากจะหนีจากโลกความจริง ซึ่งก็เจ๋งนะ
Elena – อืมม Sam ขอบคุณสำหรับประสบการณ์หลายๆอย่างและดีใจที่ได้รู้จักนะคะ 
Sam – ด้วยการจับมือเนี้ยนะ ไม่เอาน่า มาขอกอดที น้องสาว .. ฝากดูแลไอ้กะโหลกหนานั่นด้วยนะ 
Nate – ไปรอที่รถก่อนะที่รักผมของแปบนึง



Sam – ชั้นชอบเธอนะ บอกได้เลยว่าเธอรักแกจริงๆไอ้น้องชาย 
Nate – เรื่องนั่นชั้นรู้ ... เอ่อคือ ขอเสนอเรายังเหมือนเดิมนะ 
Sam – ชั้นซึ้งน้ำใจหลายไอ้น้อง แต่ไม่ละ ชั้นไหวน่า
Nate – ชั้นรู้ แต่หมายถึงถ้าพี่เกิดเปลี่ยนใจชอบขึ้นมาก็มาคุยกันนะ 
Sam – ม่ายๆ มันไม่ใช่เรื่องนั้น ไม่ใช่ๆ คือพี่ รู้สึกขึ้นมาหลังจากเราเจอสมบัติของ Avery ชั้นรู้สึก พึ่งพอใจมาก แต่มันก็มี ความรู้สึกแบบว่า .... 
Nate – ว่างเปล่า
Sam – ใช่ๆ  มันวางเปล่า 
Nate – รู้มั๊ย ถึงแม้การผจญภัยครั้งใหม่มันจะตื่นเต้นเร้าใจ พอท้ายที่สุดแล้ว ความรู้สึกนั้นมันก็จะไม่เหลืออยู่เหมือนทุกๆความรู้สึกนั่นแหละ บางทีพี่ต้องเลือกที่จะเลือกเก็บแค่บางอย่างและปล่อยวางกับทุกอย่างไปบ้าง 
Sam – ก็นะ แต่ชั้นก็ยังรู้สึกไม่พร้อมที่จะอยู่แบบนี้อยู่ดี นอกจากนายจะอยากไปหาเมืองโบราณกับพี่ต่อ
Nate – ผมคงพอแล้วละพี่ ฮ่าๆ .... โอเค ผมต้องไปแล้วนะ ... Sam เรามาไกลกันมากเลยนะ
Sam – ของมันแน่อยู่แล้วไอ้น้องชาย มากอดที 
Nate – แล้วก็อย่าลืมละ อย่าไปทำอะไรบ้าๆที่ชั้นไม่คิดจะทำอีก โอเคนะ 
Sam – รีบไปให้เร็วเลย ไป๊ 



Sullivan – มีไฟมั๊ย ?
Sam – มีสิ .. เอ่อ วิคเตอร์ ลุงจะไปไหนต่อเนี้ย ถามหน่อย 
Sullivan – ชั้นมีการติดต่อธุรกิจอยู่อีกหลายอย่างน่ะ
Sam – หลายอย่างหรอ ? .. อันตรายมั๊ย ?
  Sullivan – กับคนพวกนี้หรอ ใช่ แน่นอน 
Sam – แล้วผมอยากรู้ว่างานนี้มันเหมาะกับใครซักคนที่เพิ่งจะออกจากคุกมารึเปล่า 
  Sullivan –  อืมมม ไม่รู้สินะ เขาไว้ใจได้รึเปล่าละ 
Sam – ไม่มากก็น้อยละ
  Sullivan –  เขาพูดภาษาโปรตุเกสได้มั๊ยละ 
Sam - Quanto sea marido volta para casa ?
  Sullivan – แปลว่าอะไรวะ ?
Sam - ภาษาโปรตุเกสแปลว่า วันนี้ผัวกลับบ้านมั๊ยจ๊ะ ฮ่าๆ
  Sullivan – ฮ่าๆๆ ไปกันเถอะ 




                    บริษัท JMI Jameson Marine Inc ในประเทศมาเลเซีย 






Nate – ไง อรุณสวัสดิ์ครับ
Jameson – มันเป็นจริงหรือเนี้ย เป็นจริงหรืออออ ฮ่าๆ 
Nate – ฮ่าๆ ผมถามเองก็ได้ มันเกิดอะไรขึ้นครับ มีสัญญาบริษัทใหญ่เข้ามาหรอครับ
Jameson – โอ้ ดีกว่าเยอะเลย ... ชั้นตัดสินใจที่จะขายบริษัทนี้แล้วละ
Nate – คุณล้อเล่นหรอ .. ว้าว ผมดีใจด้วยจริงๆนะ เราต้องย้ายออกเลยมั๊ย
Jameson – อ๋อ ยังๆ ต้องมีการต่อรองราคากันหน่อย แต่ชั้นมั่นใจว่ามันต้องไปได้สวยแน่นอน แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องตกลงกันให้ประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายอ่ะนะ
Nate – เยี่ยมเลย เอ่อ แล้วคุณจะยังทำงานต่อด้วยมั๊ย
Jameson – โอ้ ไม่ๆๆ ชั้นอยากจะพักซักหน่อย พักผ่อนกับครอบครัว ไปตกปลาในที่ที่อยากไป 
Nate – มันดีแล้วสำหรับคุณลยละ เอ่อ ว่าแต่ใครมันมาโง่ซื้อที่นี่ไปบอกหน่อยสิ 
Jameson – โอ้ ... นายไง ฮ่าๆๆๆๆๆ 
Nate – ตลกหรอ Jameson เดี่ยวก่อนๆ



Elena – อ้าวไง อรุณสวัสดิ์หนุ่มๆ 
Nate – คุณมาทำอะไรที่นี่เนี้ยที่รัก
Elena – มาบอกอะไรให้คุณรับรู้ไว้ไง 
Jameson – ผมให้กุญแจสามีคุณไว้แล้วนะครับ 
Nate – นี่เรื่องจริงหรอเนี้ย 
Jameson – เนทๆ ทั้งหมดที่นายต้องรู้ก็คือ มันเป็นการลงทุนที่ฉลาดแล้ว ทำทุกอย่างที่ควรทำที่นี่ก็แล้วกัน




Elena – ไง
Nate – เอออ ไง คุณซื้อบริษัท Jameson Marine เนี้ยนะ 
Elena – เปล่า เราต่างหากที่ซื้อ บริษัท Jameson Marine
Nate – โอ้ โอเค ยังไง และ เพราอะไรอ่ะ ?
Elena – ชั้นได้ยินข่าวลือมาว่าจะมีงานกู้เรือครั้งใหญ่ที่นอกชายฝั่งมาเลเซีย 
Nate – ไม่ๆ ฟังนะที่รัก เราเพิ่งจะเกือบไม่รอดจาก Libertalia กันมานะ ถ้าเรารับงานผิดกฎหมายรู้มั๊ยมันจะนำเราไปสู่อะไร ? 
Elena – คุณว่ามันเป็นงานผิดกฎหมายหรอ ? ดูนี่ มันส่งมาถึงเมื่อเช้า
Nate – มันถูกกฎหมายหรอ ?
Elena – ได้เพื่อนเก่าช่วยร่ายเวทย์มนต์กับกรมเจ้าท่ามาเลเซียนิดหน่อย  ชั้นว่ามันเยี่ยมมากเลย ไม่ได้ตั้งใจจะติดสินบนอะไรหรอกนะ ฮ่าๆ
Nate – มันก็ดีนะ แต่เราก็ไม่รู้จะมีความสามารถและความพร้อมจะทำงานนี้แค่ไหน
Elena – ไหนยื่นมือมาสิ เร็วๆๆ
Nate – โอ้ให้ตายเถอะ นี่เหรียญทองของ Avery คุณเอามาได้ไงเนี้ย 
Elena – ชั้นลืมเอาไว้ในกระเป๋าน่ะสิ และเอ่อ ยังมีเพียบเลยนะ
Nate – อีกเพียบเลยด้วย ? โอ้พระเจ้า Sam 
Elena – หมอนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆนะ ฮ่าๆ มันถึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนมาเป็นอุปกรณ์ต่างๆของบริษัทเราในการพผจญภัยกันที่นี่ไง รวมถึงกล้องใหม่ของชั้นด้วยนะ
Nate – กล้องหรอ ?
Elena – ก็ไม่รู้สิภาพการนำสินค้าขึ้นจากน้ำจากฝีมือทีมงานเล็กๆของชั้นที่เพิ่งจ้างมาอาจคืนชีพให้โปรเจตเก่าของชั้นก็ได้
Nate – มันเกิดอะไรขึ้นกับ ชีวิตปกติ ของเรากันเนี้ย ฮ่าๆๆ
Elena – ชั้นก็แค่พยายามนำพาให้ ชีวิตปกติ ของเราให้มันเข้ากับร่องกับรอยในแบบของเราไงก็เท่านั้นเอง  ฟังนะ ตอนที่ชั้นอยู่บนเกาะสมบัตินั่น ชั้นคิดถึงตอนที่เคยผจญภัย ชั้นคิดถึงเรื่องของเราตอนผจญภัยร่วมกัน และตอนนี้แหละที่เราจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งเรารักด้วยกัน แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น สิ่งที่เราต้องทำก่อนคือพยายามเข้มงวดในเรื่องข้อกฎหมายต่างๆให้ถูกต้องแม่นยำให้เป็นพื้นฐานของเรากันก่อน เข้าใจนะ แล้วชั้นก็จะทำมันทั้งหมดแบบยิงสดทุกช็อตด้วยกล้องราคาแพงของชั้นนี่แหละ 
Nate – คุณแน่ใจแล้วนะว่านี่มันออกมาจากความคิดของคุณจริงๆไม่ใช่ทำเพื่อผม
Elena – ไม่มากก็น้อยแหละน่า ... แต่ ฟังนะ ก็แค่บอกกับชั้นว่าไม่ชอบชั้นก็พร้อมจะยุติเรื่องที่จะทำทั้งหมดนะ 
Nate – อะไรนะ ไม่ๆๆๆ ผมก็แค่ไม่อยากเกษียรก่อนกำหนดแล้วกลายเป็นโบราณวัตถุแบบตาแก่ Jamesons นั่นก็แค่นั้นแหละ มันเป็นอะไรที่โหดร้ายมากเลยนะ  แต่เรื่องที่เราจะลุยมันจะไม่ง่ายคุณรู้ใช่มั๊ย ?



Elena – ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆหรอกคะ  งั้น ตกลงคุณจะว่าไงคะ นาธาน เดรก 
Nate- แน่นอน ทำไมจะไม่ละที่รัก … ตราบใดที่ผมไม่ต้องนั่งทำงานเอกสารอีกอ่ะนะ 
Elena – ฮ่าๆ ชั้นก็ไม่ทำหรอกนะจะบอกให้ เพราะแค่กล้องที่ต้องถือก็แทบจะล้นมืออยู่มืออยู่แล้ว
Nate- ผมก็ต้องยุ่งกับอุปกรณ์ดำน้ำเต็มไม้เต็มมือเหมือนกัน 
Elena – ฮ่าๆ โอเคงั้นผลัดกันทำ
Nate- หรือออ มาพนันกันใครเล่นเกมแพ้เป็นคนทำ เอาป่ะ
Elena – เอาจิงดิ
Nate – ไม่ต้องกลัว ผมมีพื้นฐานแล้วน่า 
Elena – บ้า ไม่เอา
Nate – ความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือของผมนี่เป็นหนึ่งเลยนะจริงๆ ฮ่าๆ 
Elena – จริงหรอ แต่ชั้นไม่อยากทำแบบนั้นกับคุณอีกเลยนะ ฮ่าๆ
Nate – นี่คุณกลัวที่จะเล่นเกมแข่งกับผมหรอ กลัวอะดิ 
Elena – ชั้นไม่กลัวที่จะเล่นเกมแข่งกับคุณหรอกนะ ฮ่าๆ
Nate – ถ้าให้ระดับ 1 – 10 ความน่ากลัวของผมอยู่ระดับไหน Elena – น่าจะ 3 นะ 
Nate –  อย่างผมนะระดับ 11 เดี๋ยวเจอผมแน่ กะต๊ากๆๆ 
Elena – โอ้ไม่ๆๆ ฮ่าๆ โอเค มา แข่งก็แข่ง 





                                                    Epilogue


เกม Crash Bandicoot ถูกเปิดเล่นอย่างสนุกเสมือนว่ามันเป็นการแข่งขันที่ Nate และ Elena ท้าทายกันไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งนั้น แต่จริงๆแล้วมันได้ผ่านวันเวลามาเนินนานหลายปีแล้ว



สาวน้อยแว่นหนากับหมาของเธอบนเตียงในห้อง ขณะที่เล่นเกมแล้วไม่สมปรารถนาเธอจึงเริ่มออกตามหาพ่อแม่ที่หายไป
บ้านหลังไม่ใหญ่แต่เน้นพื้นที่ใช้งาน สิ่งของประดับบ้านต่างๆก็สื่อให้รู้ถึงเจ้าบ้านว่าเป็นคนรักการผจญภัย




หลายอย่างที่สาวน้อยแว่นหน้าจับต้องได้ล้วนมีที่มาที่ไป ทั้งสิ่งของมากมายและรูปภาพที่บอกเล่าเรื่องราว



ตอนนี้ลุง Sam กับลุง Sully นั่งดื่มเบียร์อยู่ริมถนน Havana ใน Cuba เป็นเรื่องราวประกอบรูปที่แนบมาจดหมายที่ส่งมาว่า ลุงๆจะกลับมาหาในเร็ววัน

เมื่อเดินออกจากห้องในบ้านหลังใหญ่สำรวจเท่าไหร่ก็ไม่เจอเงาพ่อแม่ มีแต่เจ้าหมาคู่ใจที่ร้องเรียกขออาหารว่างที่วางอยู่ในห้องซักผ้า ออกจากบ้านใหญ่ไปด้านหน้าคลื่นลมทะเลมาปะทะหน้าก็รู้ว่าบ้านนี้ไม่พ้นเกาะใดเกาะนึงในมาดากัสการ์แน่นอน

เมื่อเดินผ่านพื้นทรายกว้างไปเข้าบ้านหลังเล็ก ที่ดูเหมือนมันจะเป็นทั้ง Work Shop และที่เก็บสิ่งของผ่านความทรงจำมากมายทั้งของพ่อและแม่



แต่ที่แย่คือความทรงจำของตัวน้องแว่นเองเป็นเพียงภาพล้อในหนังสือผจญภัยที่ทำผ่านโฟโต้ช็อป แต่เหมือนโชคชะตาที่เล่นตลกเพราะเธอพบกุญแจถูกซ่อนอยู่ใต้หนังสือ ที่ง่ายกว่านั้นคือ การผจญภัยแรกของเธอก็คือเปิดตู้ที่อยู่ข้างซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ในตู้นั้นมันกลับเก็บไว้ซึ่งความทรงจำมากมายที่ถ่ายทอดไว้เป็นสิ่งของแทนความทรงจำ แน่นอนว่าน้องแว่นที่ไม่เคยออกโลกกว้างย่อมไม่เข้าใจถึงสิ่งของมีค่าทางจิตใจมากมายที่เธอหยิบขึ้นมาดู




แต่ชะตากรรมก็เหมือนตอกย้ำโชคชะตาที่พาน้องแว่นมาหยุดที่สมุดบันทึกเล่มหน้าปกเหลืองที่นำพาเธอไปรู้จักตำนานโจรสลัดเมื่อเธอได้เปิดออกดู ภายวัยเด็กของพ่อกับรูปการผจญภัยของแม่และลุงพรั่งพรูออกมาให้เห็นเต็มสายตา ใจของน้องแว่นถึงกับสะดุดหยุดอยู่ตรงคำถามในใจว่าพ่อแม่เธอเคยทำอะไรมาก่อนกันแน่ ก่อนที่ นาธานและเอเลน่า เดรก ผู้เป็นพ่อแม่จะเข้ามาถามว่า แคสซี่ ลูกสาวแว่นหนาเข้ามาทำอะไรในห้องเก็บของส่วนตัว


Nate – อ้าวไง ยัยหนู มาอยู่นี่เอง เราตามหากันแทบแย่ แล้ว มาอยู่ทำไมที่นี่ละ 
Cassie – ก็มาตามหาพ่อกับแม่ไง
Elena – มาเถอะเราเตรียมเรือพร้อมแล้ว
Cassie – เยี่ยมเลย แต่เดี๋ยวหนูตามไปนะแปบนึง
Elena – เพราะ ...
Cassie – เอ่อ คือหนูต้อง เอ่อออ 
Nate – มีอะไรแคสซี่ 
Cassie – เอ่อ โอเค พ่ออย่าประสาทเสียนะ หนูเอาหนังสือในตู้มาดู .....เฮ้ ก็บอกว่าอย่าประสารทเสียงไงคะ
Nate – เอากุญแจมา ... แล้ว ลูกเห็นอะไรบ้างละ
Cassie – มันไม่จริงใช่มั๊ย รูปพ่อกับลุง Sully กับขุมทรัพย์สเปนนั่นน่ะ .. แล้วก็ปืนช็อตกัน 
Elena – มันเป็นที่ที่เราเคยไปมาครั้งนึงน่ะ .. บางทีเราควรจะเล่าให้ลูกฟังบ้างนะเนท
Nate – ลูกอาจยังไม่พร้อมก็ได้ 
Cassie – พร้อมเรื่องอะไรคะ ไอ้เรื่องเชี้ยๆในนั้นอ่ะหรอ
Nate – ระวังภาษาด้วย
Elena – ใช่ระวังภาษาด้วยลูก 



Cassie – แต่พ่อกับแม่เก็บหัวกะโหลกไว้ในตู้เก็บของเนี้ยนะ แถมยังเป็นกะโหลกเงินด้วยนะ 
Nate – คือพ่อคิดว่ายังไม่อยากจะเล่าให้หนูฟังตอนนี้อ่ะนะ
Elena – เนท ถึงเวลาต้องเล่าแล้วละ 
Cassie – ใช่คะ เวลานี้แหละเหมาะ  แต่เดี๋ยวนะพ่อจะเล่าที่นี่เลยอ่ะหรอ
Nate – แต่ลูกยังเด็กนะ
Elena – ลูกโตกว่าคุณตอนสมัยที่ Sam ลากคุณไปผจญภัยครั้งแรกอีกนะ 
Nate – มันต่างกันคุณก็รู้ 
Cassie – นี่ฟังนะคะ หนูรู้ว่าเรื่องที่พ่อกับแม่เจอมามันออกจะลึกลับซับซ้อนผิดศีลธรรมอะไรก็เถอะ แต่หนูว่ามันเจ๋ง แล้วหนูก็โตพอจะรู้เรื่องพวกนี้แล้วด้วย 
Nate – โตพอแล้วหรอ อายุเท่าไหร่แล้วเราอ่ะ บอกซิ
Cassie – ฮามากคะพ่อ ....แม่คะ นะคะ
Nate – ก้อ ด้าย 
Elena – ไหนมาดูสิ อืมม เรื่องราวของแม่เริ่มต้นขึ้นตอนพวกของพ่อหนูเรียกให้ไปทำสกู๊ปสารคดีเกี่ยวกับโบราณคดีนะ พ่อหนูเหมือนพวกนักต้มตุ๋น 
Nate – เป็นนักต้มตุ๋นที่หน้าตาดีด้วย  
Elena – แต่แม่ก็ยังไม่ไดเจอพ่อของลูกในช่วงแรกหรอกนะ แต่แล้ว นักต้มตุ๋นคนนั้นก็พูดขึ้นว่า ถ้าคุณออกเงินสนับสนุนการเดินทาง เขาจะให้โลงศพของ Sir Francis Drake เป็นการแลกเปลี่ยน 
Nate – และการบันทึกการผจญภัยที่สมบรูณ์แบบ
Elena – ช่าย ด้วยการพาไปถึงถิ่นของโจรสลัดอินโดนีเซีย
Nate – โธ่ คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจมันเป็นแบบนั้น



Cassie – เดี๋ยวๆคะ ขอเวลานอกก่อน พ่อบอกพ่อถูกพวกโจรสลัดโจมตีหรอ หลังจากนั้นพ่อก็ค้นพบโลงศพของ Sir Francis Drake  ใช่มั๊ยคะ
Nate – ช่ายๆๆ ประมาณนั้น
Cassie – แมร่งเลอะเทอะ 
Nate + Elena – ระวังคำพูดด้วย !!!
Cassie – Crap !
Nate – ดีขึ้น 
Cassie – อ้าว เล่าต่อสิคะ
Nate – โอเค ก่อนจะมืด เรือพร้อม ลมพร้อม หนูอยากฟังต่อใช่มั๊ย ไปฟังต่อในระหว่างล่องเรือกัน
Cassie – เดี๋ยวๆพ่อแล้ว Sir Francis Drake  หน้าตาเป็นไงน่ากลัวมั๊ย 
Cassie – ตามความจริงเขาไม่ได้อยู่ในโลงศพหรอกนะ แต่มันมีแผนที่นำไปสู่ El dorado ต่อ 
Cassie – นครทองคำอ่ะหรอ
Nate – เออสิ มันเป็นตำนาน เกี่ยวกับรูปปั้น รูปปั้นต้องสาปด้วยนะ
Cassie – จิงดิ 
Nate – จิงสิ แล้วหลังจากนั้นพ่อก็ออกจากที่นั่น เพราะแผนที่มันพาเราไปที่ใจกลางป่าอเมซอนต่ออีก ......



และแล้วเรื่องเล่าถึงการผจญภัยของวันวานก็เริ่มต้นส่งตำนานสานตอเรื่องราวแบบปากต่อปากจนถึงวันนี้ จากรุ่นพ่อถึงทายาทชาติเชื้อปีนป่าย เป็นตัวล่อ เป็นเชื้อไฟ สู่การผจญภัยของวันใหม่ เพื่อทำให้ภาพแห่งความทรงจำเก่าๆถูกเก็บไว้ในใจในฐานะตำนานให้ลูกหลานได้จดจำ ...   






----------------------------------------  THE END  -------------------------------------------------------------