วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

FFXV Multiplayer Expansion Comrades




Multiplayer Expansion Comrades คือโหมดการเล่นแบบใหม่ของ FFXV ที่แพ็ครวมให้ไว้แล้วสำหรับผู้ที่ซื้อ season pass และขายแยกที่ PlayStation Store ในราคา 635 บาท ขนาด 7.5GB โหมด


 Comrades คือโหมดออนไลน์จำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตและจำเป็นต้องมี Plus ในการเล่นกับผู้เล่นอื่นๆ แต่ก็สามารถเล่นกับ A.I ในโหมด single player โดยไม่ต้องใช้ Plus ก็ได้เช่นกัน โดยจำเป็นต้องมีแผ่น FFXV หลักในการเล่นด้วย สามารถเข้าไปเล่นโหมด Multiplayer Expansion Comrades ที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ในเมนู download content ในหน้าแรกหลังจากการดาวโหลดเสร็จสิ้น



                         FFXV Multiplayer Expansion Comrades

 ฺ                                                 BY Decibel per - oxide


** สัญลักษณ์ที่ด้านซ้ายบนที่เป็นรูปลูกโลกหมุนอยู่แสดงถึงสถานภาพในการ Online 
** การเซฟเกมจะเป็นแบบ Auto Save ซึ่งจะเซฟอัตโนมัติในช่วงเวลาสำคัญและก่อนที่จะเลือกออกจากเกม


ครึ่งปีหลังการจากไปของ Noctis และเหล่าสหายผู้ติดตาม ข่าวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายก็แพร่กระจายไปตามสื่อของพวกจักรวรรดิ Niflheim อย่างรวดเร็ว เมื่อสิ้นเจ้าชายที่เป็นที่มุ่งหมายให้เป็นรัชทายาทครองบัลลังก์ก็เหมือนสิ้นแสงที่จะนำทางเหล่าประชาชน ผู้อพยพมากมายจาก Crown city และอีกส่วนที่กระจัดกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของ Lucis ต่างมุ่งหน้าไปยัง Lestallum เมืองแห่งความหวัง ที่ที่จะนำพาชาวประชาแห่ง Lucis ให้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกันด้วยใจที่เป็นหนึ่งเดียว



ได้ยินข้ามั๊ย เหล่าสหายผู้ปักปักษ์กษัตรา 
พลังแห่งราชาจะติดตามเจ้าไปพร้อมภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ต่อราชอาณาจักร
ร่างกายของพวกเจ้าสิ่งที่ใช้เชื่อต่อพรอันศักดิ์สิทธิ์จากหินอันทรงอธิฤทธิ์แห่ง Lucis 
 ดาบของเจ้าจะแวววาวด้วยแสงแห่งความหวังที่พร้อมจะฝ่าฟันแผ่วทางเส้นทางที่อันตรายเพื่อองค์ราชาในอนาคต
แต่จงรู้ไว้ถึงกฎที่ห้ามละเมิดหรือทำผิดมิให้หลงลืม ก่อนราชาที่แท้จริงจะตื่นขึ้นและนำแสงสว่างคืนสู่แผ่นดิน
จนกว่าจะถึงวันนั้น จงอย่าลืมภาระที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเจ้าแบกเอาไว้
เหล่าสมาชิกแห่งกลุ่ม ดาบแห่งราชาที่แสนยิ่งใหญ่ “คิงส์เกลฟ”



            Libertus – ตื่นต้อนรับวันใหม่ได้แล้ว แปลกใจมากเลยละสิว่าทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?




                  ** เริ่มการสร้าง Avatar ซึ่งจะเป็นตัวละครแทนตัวผู้เล่นในเกมได้เลย **



                                                    ตัวละครที่ผมสร้างชื่อ   Decibel Oxide



               ไอค่อนสเตตัสของตัวละครในเมนูสเตตัสนั้นประกอบด้วย




HP (พลังชีวิต)
MP (พลังเวทย์)
Strength (ความแข็งแกร่ง /ส่งผลกับการโจมตีทางกายภาพ)
Vitality (กำลังกาย / ส่งผลกับพลังป้องกันทางกายภาพ)
Magic (พลังเวทย์ / ส่งผลกับพลังโจมตีด้วยเวทย์มนต์)
Spirit (จิตวิญญาณ หรือ ธาตุแสง / ส่งผลกับพลังป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์)
FIRE (ธาตุไฟ)
ICE (ธาตุน้ำแข็ง)
Thunder (ธาตุสายฟ้า)
Dark (ธาตุความมืด)

Bulletproof (ความทนทานต่อกระสุน)



Libertus – ไง จำอะไรไม่ได้เลยหรอ ช่างเถอะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก นายอาจกำลังหนีบางสิ่งที่ชีวิตนี้นายไม่อยากจะจำมันเลยก็ได้ อย่างแรกเลยที่นายควรจะรับรู้ไว้ นายคือ เกลฟ เหมือนกับชั้น องค์ราชาให้พวกเรายืมพลังเพื่อปกปักษ์พระองค์ ก็นะ เราก็สู้ไป แม้พระองค์จะจากไปนานแล้ว แต่พลังของท่านยังหลงเหลืออยู่ ชั้นก็คิดว่าเราควรใช้มันในทางที่ดี เห็นนั่นมั๊ย นั่นเป็นปราการด่านสุดท้ายของมนุษย์ชาติ เป็นงานสุดท้ายของเราเหล่า “คิงส์เกลฟ” ที่ต้องคอยปกปักษ์เมืองนี้เอาไว้จากทุกภัยอันตรายที่จะเข้ามา 


จงมีความสุขกับแสงสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ บางที่มันอาจจะหายไปก่อนที่นายจะรู้ตัวก็ได้ เพราะงั้น ตราบใดที่ยังมีแสงสว่างเหลืออยู่บนโลกนี้ เราก็มีสิทธิ์ที่จะใช้มันตามแบบของเราเอง และไม่ว่านายจะจำอะไรได้หรือไม่ได้ เราก็มีวิถีปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่แบบนี้แหละ ถือว่าเป็นกระตุ้นความทรงจำของนายเบาๆก็แล้วกัน เพราะทุกๆอย่างที่ Lestallum นั้นมีความสำคัญต่อ “เกลฟ”อย่างพวกเราเป็นอย่างมาก 

ก่อนที่การสนทนาถูกขัดจังหวะจากเสียงตะโกนของคนขับรถจนต้องจบลง สัตว์ประหลาด !! พวกมันอยู่ข้างหน้า !! ทำให้ทุกคนต้องลงไปจัดการพวกมัน


                                     Quest : Warriors of Light  


** การบังคับในฉากต่อสู้โดยรวมจะเหมือนกับการบังคับตัวละครในภาคหลัก จะต่างกันตรงที่ Avatar ของคุณที่ใช้เล่นจะไม่สามารถใช้ไอเทมเติม HP ได้นอกจากใช้เวทย์และจากการให้เพื่อนในทีม Heal หรือชุบชีวิตให้เท่านั้น **


                                              เรียนรู้ระบบการต่อสู้เบื้องต้น

O – โจมตีปกติ
สี่เหลี่ยม - การ์ด / กลิ้งตัวหลบ
L2 + สามเหลี่ยม- การใช้เวทย์ฟื้นพลังชีวิต 
L2 + วงกลม –การใช้เวทย์โจมตี 
R1 + สามเหลี่ยม -Warp strike 

จากนั้นจัดการศัตรูที่ออกมาตามทางไปพร้อมๆกับเรียนรู้ระบบการต่อสู้ไปจนถึงหน้าทางเข้าเมือง Lestallum จะพบ Daemon ขนาดใหญ่ Mutant Iron Giant ออกมาขวางทาง พร้อมๆกับแม่ทัพ Cor ที่ออกมาช่วยเป็นกำลังเสริมให้สูสีขึ้น


Cor – ต้องการให้ช่วยมั๊ย?
Libertus – ท่านแม่ทัพ !
Cor – ไม่ต้องมาพิธีรีตองตอนนี้หรอก เรามีเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการกันก่อน 
Libertus – รับทราบครับ ทุกคน มีสมาธิกับการต่อสู้กันด้วย !!

หลังจากช่วยกันจัดการ Mutant Iron Giant ลงได้สำเร็จก็ตามแม่ทัพ Cor เข้าไปในเมือง Lestallum ได้เลย


                                     Quest: Descent into Darkness



                                              เมือง Lestallum






Cor – นายเป็นนักสู้มีฝีมือเหมือนกันนะ ทุกคนใน Lestallum คงจะยกย่องนายที่ช่วยให้พวกเขาปลอดภัย


     

Liberlus – นี่ครับ ได้มาแล้ว
Holly – โอ้ ชั้นไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี

** Meteoshards คือ ชินส่วนที่เก็บสะสมมาเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อคืนพลังงานให้กับเมือง *

Liberlus – นายพักผ่อนตามสบายนะ บางทีนายอาจจะขอบคุณใครก็ตามที่ช่วยพานายมาที่นี่ก็ได้ ส่วนชั้นคงต้องขอตัวไปทำงานก่อนนะ ไม่อยากจะให้หน้าบูดๆของแม่ทำ Cor ตอนด่าว่าชั้นอู่งานน่ะ ..อ่อ เกือบลืม ชั้นมีอะไรจะให้นายด้วย มือสั้นคู้นี่ เพื่อนายจะใช้ประโยชน์ได้ จัดการเซ็นชื่อเอาไว้ที่ด้ามมันด้วยล่ะ  

ตอนนี้จะต้องเลือกเมืองเกิดของคุณจาก 4 เมืองคือ
Galahd
Isomnia
Lestallum
Altissia

สเตตัสของตัวละครที่สร้างขึ้นมานั้น สถานะแรกเริ่มจะแตกต่างกันตามการเลือกเมืองเกิด ดังนี้

 Altissia 
504 HP (พลังชีวิต)
55 MP (พลังเวทย์)
22 STR (ความแข็งแกร่ง / การโจมตีทางกายภาพ)
24 VIT (กำลังกาย / พลังป้องกันทางกายภาพ)
47 MAG (พลังเวทย์ / พลังโจมตีด้วยเวทย์มนต์)
44 SPI (จิตวิญญาณ / พลังป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์)

Galahd 
480 HP (พลังชีวิต)
55 MP (พลังเวทย์)
24 STR (ความแข็งแกร่ง / การโจมตีทางกายภาพ)
22 VIT (กำลังกาย / พลังป้องกันทางกายภาพ)
53 MAG (พลังเวทย์ / พลังโจมตีด้วยเวทย์มนต์)
40 SPI (จิตวิญญาณ / พลังป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์)

Insomnia 
432 HP (พลังชีวิต)
60 MP (พลังเวทย์)
19 STR (ความแข็งแกร่ง / การโจมตีทางกายภาพ)
22 VIT (กำลังกาย / พลังป้องกันทางกายภาพ)
57 MAG (พลังเวทย์ / พลังโจมตีด้วยเวทย์มนต์)
40 SPI (จิตวิญญาณ / พลังป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์)

Lestallum 
528 HP (พลังเวทย์)
49 MP (พลังเวทย์)
26 STR (ความแข็งแกร่ง / การโจมตีทางกายภาพ)
22 VIT (กำลังกาย / พลังป้องกันทางกายภาพ)
38 MAG (พลังเวทย์ / พลังโจมตีด้วยเวทย์มนต์)
40 SPI (จิตวิญญาณ / พลังป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์)


Liberlus –เอานี่แถมมือถือให้อีกอันด้วย นายจะไม่ขอบคุณ  Liberlus คนนี้หน่อยเรอะ? หรือนายลืมชื่อชั้นแล้ว นายต้องพยายามจำทุกอย่างให้ได้มากกว่านี้อ่ะนะ



ในเมืองตอนนี้นั้นยังไม่มีพลังงานไฟฟ้าสะสมมากพอที่จะทำให้ร้านค้าต่างๆเปิดได้มาก จะมีแค่ไม่กี่ร้านที่เปิดคือ

- ร้านขายอาวุธ

         

         

- ที่รับเปลี่ยนแปลง Avatar และ สามารถสร้าง Avatar ใหม่เพิ่มได้อีก 8 ตัวโดยใช้ไอเทมที่เป็นพื้นฐานเดียวกัน (เต้นท์ด้านหลังสามารถเข้าไปอาบน้ำทำให้เสื้อผ้าหายเรอะได้)
ส่วนร้านอัพเกรดอาวุธของ Cid และร้านขายเสื้อผ้าของไอริสยังเปิดไม่ได้ในตอนนี้

ตอนนี้จะมีเครื่องหมาย ? สีเหลืองในแผนที่อยู่ 2 จุดคือ ที่ทหารที่ยืนอยู่หน้าเมือง เขาจะแสดงความยินดีในการเข้าเป็นสมาชิกใหม่และที่ได้ช่วยเมืองไว้ด้วยเงิน 1000 Gil สำหรับไว้ใช้งาน



อีกจุดคือสำนักงานข่าวท้องถิ่นของ Vyv ที่จะให้สัญญาว่าจ้างในการถ่ายรูปเพื่อให้เขามาใช้ทำข่าว ซึ่งจะทำให้สามารถถ่ายรูปได้แล้ว แต่จะเป็นการถ่ายแบบอัตโนมัติหรือกดสี่เหลี่ยมในช่วงเวลาที่กำหนดไม่สามารถถ่ายเองตามจุดต่างๆได้อย่างอิสระ




            Quest หลักสามารถทำได้ที่โต๊ะรับภารกิจของ Jeanne ตรงจุดสัญลักษณ์  !  สีส้ม




Jeanne – นายคือ Glaive คนใหม่ที่เค้าพูดถึงกันใช่มั๊ย? ชั้นชื่อ Jeanne ทำงานให้กับ โรงไฟฟ้า EXINERIS เรานำเอาผลึก Meteoshards มาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับเมืองนี้และพื้นที่ต่างๆใกล้เคียง เจ๋งใช่มั๊ยล่ะ เราทำให้เกิดแสงให้มากที่สุดเพื่อไล่พวก daemons ไม่ให้มาวุ่นวาย ถ้านายมีไอเดียว่าจะให้เราส่งไฟฟ้าไปที่ไหนก็บอกข้อมูลมาได้เลยนะ



จากนั้นทำการเลือกจุดที่จะส่งกำลังไฟฟ้าไปยังจุดแรกที่ใกล้ที่สุดไป 200 kW จากที่ทั้งโรงไฟฟ้ามีสะสมอยู่ 500 kW การส่งกำลังไฟฟ้าไปที่จุดนั่นทำให้พื้นที่ในการทำเควสย่อยในบริวเณใกล้เคียงถูกปลดล็อกออกมา

ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าไปคุยกับ Monica ที่โต๊ะรับภารกิจ Side Mission HQ  เพื่อรับภารกิจย่อยที่ออกมาใหม่ได้แล้ว


เมนูก่อนเข้าภารกิจจะมี 3 อย่างคือ
- Quick Play คือ การทำภารกิจร่วมกับ Player ผู้เล่นอื่นๆในเซิร์ฟเวอร์ (จำเป็นต้องใช้ Plus ในการเล่น)
- Custom ปรับแต่งตัวละครให้พร้อมในการทำภารกิจ
- Recruit AI คือ การทำภารกิจร่วมกับ A.I  (ไม่จำเป็นต้องใช้ Plus ในการเล่น)


เมื่อเลือกการเล่นแล้วตัวละครจะออกเดินทางไปยังจุดเตรียมตัว ก่อนเข้าภารกิจ ในเต้นท์รวมตัว คุณสามารถเก็บอาหารที่วางอยู่ในเต็นท์เอามาติดตัว (ในช่องท้ายแถบ HP) เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับการคืนชีพในตอนที่ตายในภารกิจ


ซึ่งในขณะต่อสู้หากใช้ไอเทมอาหารในการคืนชีพไปแล้วก็สามารถเก็บไอเทมอาหารหรือเนื้อของมอนสเตอร์ที่ตกในพื้นที่ต่อสู้เพื่อนำมาใช้คืนชีพครั้งต่อไปได้ด้วย มันทำให้คุณสามารถคืนชีพตัวละครได้เรื่อยๆต่อเมื่อยังสามารถเก็บไอเทมเนื้อหรืออาหารเอามาติดตัวไว้ได้ เมื่อไม่มีเนื้อหรืออาหารติดตัวแล้วก็จะต้องตายจริงๆ



ส่วนเพื่อนร่วมทีมที่จะเข้ามาก็แล้วแต่ว่าเราเล่นในโหมดที่เป็น Player หรือ A.I แต่จะมีเพื่อนร่วมทีมในการเข้าร่วมได้ 3 คน เมื่อพร้อมแล้วก็สำรวจที่จุดเริ่มภารกิจแล้วเลือกคำสั่ง Depart ได้เลย

                           Side Quest – Hunt: Garulessa Gone wild 

Power – 1.120 kW
Bounty – 680 gil
Reward – ไม่มี 



เป้าหมายคือจัดการพวก Garulet ที่ออกมาเรื่อยๆจนกว่าจะครบตามจำนวนที่กำหนด จากนั้นตัวบอส Garula จะออกมาก็เข้าไปจัดการมันซะก็เป็นอันเสร็จภารกิจ


หลังจบภารกิจก็จะมีการปันผลคะแนนจาก Score ที่ได้จากการต่อสู้ และหากได้เก็บวัตถุดิบจากพื้นที่มาตามที่ Monica ต้องการเธอก็จะทำให้อาหารให้กินเพื่อเพิ่มสเตตัส (ชั่วคราว) สำหรับใช้ในการต่อสู้ครั้งต่อไป แล้วก็จะรอรับ กำลังไฟฟ้า เงิน และค่าประสบการณ์ เป็นรางวัลหลังการกินอาหารได้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำภารกิจแต่ละครั้ง



มาถึงตรงนี้ เราจะได้เรียนรู้ระบบของเกมแล้วว่า ภารกิจหลักที่สำคัญที่สุดคือ การกระจายพลังงานไฟฟ้าที่ โรงไฟฟ้า EXINERIS จากเมือง Lestallum ไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อขับไล่ความมืดไม่ให้ Deamon มีพลังอำนาจเข้ามาทำร้ายผู้คน 



การจัดการ กำลังไฟฟ้า เพื่อนำมาป้อนโรงไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะ กระแสไฟฟ้าที่จ่ายไปจะเกิดภารกิจใหม่ๆและปลดล็อคสินค้าใหม่ๆทั้งเสื้อผ้าและอาวุธใหม่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากการที่ได้รางวัลจากการปลดล็อกพื้นที่นั้น และการจะได้กำลังไฟฟ้ามาเพื่อซับพอร์ทโรงไฟฟ้าในภารกิจหลัก การทำภารกิจย่อยต่างเพื่อเก็บ กำลังไฟฟ้า เงิน ระดับเลเวล จึงเป็นสิ่งสำคัญรองลงมาที่ต้องทำเพื่อสนับสนุนกัน โดยประเภทของภารกิจต่างๆจะประกอบด้วย



Hunt Quest - ภารกิจล่ามอนสเตอร์ตามปกติ ยากง่ายตามระดับเลเวล
Defense – ภารกิจป้องกันพื้นที่จากการบุกทำลายของมอนสเตอร์ เป้าหมายคือจัดการมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตีพื้นที่เป้าหมายอย่าให้เป้าหมายเสียหายก่อนจัดการศัตรูหมด
Escort – ภารกิจคุ้มกันเป้าหมายจากมอนสเตอร์ที่มาโจมตี  เป้าหมายคือจัดการมอนสเตอร์ที่เข้ามาโจมตีเป้าหมายอย่าให้เป้าหมายถูกทำล่ยก่อนจัดการศัตรูหมด

Urgent – ภารกิจฉุกเฉิน ที่มีเป้าหมายเข้าจัดการมอนสเตอร์ระดับสูงเพื่อเคลียร์พื้นที่และเมื่อทำภารกิจสำเร็จแล้วจะสามารถ ปลดล็อกรูปกุญแจสีม่วงในแผนที่เพื่อเดินไฟฟ้าไปจุดต่างๆต่อได้ (หาก ดูรายละเอียดในจุดรูปกุญแจสีม่วงในแผนที่จะเห็นว่าต้องผ่าน Urgent Quest อันไหนก่อนถึงจะปลดล็อก)


เมื่อเข้าไปที่ Mission HQ ของ Jeanne เพื่อภารกิจหลักต่อ จะเห็นแผนที่ในการเดินกระแสไฟฟ้าที่มีจุดต่างๆเพิ่มเติมขึ้นมา โดยแต่ละจุดที่มีเครื่องหมาย  !  สีฟ้าจะต้องใช้กำลังไฟฟ้าจำนวน kW ต่างๆที่ไม่เท่ากัน ดังนี้



- Apparel shop ร้านขายอุปกรณ์แต่งกายของ Iris ใช้กำลังไฟ 150 kW ร้านของ Iris จะขายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ทรงผม และคำสนทนาสำหรับใช้ทักทาย



- Remodeling Station ร้านอัพเกรดอาวุธของ Cid ใช้กำลังไฟ 300 kW ร้านอัพเกรดอาวุธของ Cid นั้นสำหรับใช้อัพเกรดอาวุธด้วยวัตถุดิบที่เก็บได้ตามที่ต่างๆ ซึ่งวัตถุดิบที่นำมาอัพเกรดอาวุธนั้นจะส่งผลให้สถานะต่างๆของอาวุธเปลี่ยนแปลงไปต่างกัน


และการอัพเกรดอาวุธแต่ละครั้งในการใส่วัตถุดิบผสมลงไปนั้นจะทำให้ระดับเลเวลของอาวุธเพิ่มขึ้น ระดับเลเวลของอาวุธต่าง ๆนั้นจะมีระดับขั้นอยู่ซึ่งเมื่ออัพเกรดจนระดับเลเวลเต็มแต่ละขั้น ตามเงื่อนไข จะทำให้อาวุธเปลี่ยนแปลงรูปแบบและสถานะที่สูงขึ้นไปอีก


การพัฒนาให้สเตตัสของตัวละครแข็งแกร่งขึ้นก็สามารถทำได้ 2 ทางคือ
1. ระบบเลเวล ตามพื้นฐานของเกม RPG ทั่วไป ที่สามารถสะสมค่าประสบการณ์ที่ได้จากการกำจัดมอนสเตอร์จากการรับภารกิจต่างๆ
2. การแต่งเติมสเตตัสตัวละครด้วยการเลือกสวมใส่อาวุธ โดยเมื่อนำอาวุธต่างๆมาสวมใส่เพื่อใช้งานก็จะทำให้สตัสของอาวุธนั้นๆเข้ามาผสมกับสเตตัสของตัวละครให้เพิ่มขึ้นด้วย และยิ่งอาวุธได้ผ่านการตีและอัพเกรดจนเป็นขั้นสูงแล้ว เมื่อนำมาสวมใส่ใช้งานก็จำทำให้สเตตัสของตัวละครเพิ่มขึ้นไปได้อีกหลายเท่า

                            การอัพเกรดอาวุธและการเปลี่ยนรูปร่าง


อาวุธทุกชนิดนั้นจะสามารถอัพเกรดได้ ที่ร้านของ Cid ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดนั้น นอกจากจะอัพเกรดเพื่อเพิ่มสถานะให้สูงขึ้นด้วยวัตถุดิบต่างๆตามปกติแล้ว ก็ยังมีอาวุธบางชนิดที่สามารถอัพเกรดให้เปลี่ยนรูปร่างและระดับขั้นให้สูงกว่าเดิมไปอีกได้ด้วยการอัพเกรดสเตตัสตามเงื่อนไข โดยอาวุธที่สามารถอัพเกรดให้เปลี่ยนระดับและรูปร่างได้นั้น ให้สังเกตที่สเตตัสของอาวุธ อาวุธไหนมีแถบบาร์ด้านล่างของสเตตัสของอาวุธนั้นๆแปลว่ามันสามารถ เปลี่ยนรูปร่างและระดับขั้นได้อีก



วิธีการตีอาวุธเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขนั้น ยกตัวอย่างเช่น หากอาวุธนั้นมีแถบบารขึ้นที่ธาตุไฟ ก็ต้องหาวัตถุดิบที่เพิ่มสถานะของธาตุไฟเข้ามาตีเพิ่มให้แถบบาร์เต็มจนเป็นสีขาว หรือได้ตัวเลข % ตรงตามเงื่อนไข บางอาวุธจะมีแถบบาร์ขึ้นที่สตัสของอาวุธมากกว่า 1 อัน ก็จำเป็นต้องหา วัตถุดิบที่เพิ่มค่าที่สเตตัสนั้นมาตีเพิ่มให้ค่าของแถบบาร์นั้นๆกลายเต็มและกลายเป็นสีขาว โดยมีข้อแม้ว่าต้องตีให้สเตตัสตามเงื่อนไขก่อนที่จะตีให้เลเวลของอาวุธนั้นๆเต็ม (ไม่งั้นก็ต้องเสียอาวุธนั้นไปเลย) ฉะนั้นการหาวัตถุดิบที่จะเพิ่มสเตตัสตามเงื่อนไขนั้นๆให้เต็มตามเงื่อนไขพร้อมๆกันทุกแถบบาร์นั้นจึงต้องอาศัยการจัดการวัตถุดิบให้ดี


                                   Weapon Remodeling Guide

        รายชื่ออาวุธและรายละเอียดเงื่อนไขการ Craft เพื่อปลดล็อกเปลี่ยนสภาพอาวุธ





                                           ประเภท ดาบยาว (Katana)

1.  Katana เลเวลเต็มที่ 30 สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Warblade เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด strength ของ Katana ให้ได้ 30 %ขึ้นไป
ability - Charge Strike: Savage Swipe
- Tayodashi เลเวลเต็มที่ 60 รูปแบบสุดท้ายของ Katana
พัฒนาจากการอัพเกรด  Warblade ให้ Vitality ได้ 25 % และ Spirit ได้ 25 %
ability - Charge Strike: Savage Swipe

2. Onikiri เลเวลเต็มที่ 30 ซื้อได้ที่เมือง Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Ashura เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Onikiri ให้ได้ค่า FIRE  50 % ขึ้นไป
ability – Combosmosis พร้อมเวทย์ Fira

3. Chizuru เลเวลเต็มที่ 30 ซื้อได้ที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Raikiri เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Chizuru ให้ได้ค่า Thunder  60 % ขึ้นไป
ability –  เวทย์ Thundara

4. Mythril Katana เลเวลเต็มที่ 30 ซื้อได้ที่เมือง Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Osafune เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Mythril Katana ให้ได้ค่า Magic  30 % ขึ้นไป  และ Spirit 30 % ขึ้นไป
ability –  Lightbound
- Mukademaru เลเวลเต็มที่ 70 รูปร่างสุดท้ายของ Mythril Katana
พัฒนาจากการอัพเกรด  Osafune ให้ได้ค่า Magic  60 %  และ Spirit 60 % ขึ้นไป
ability –  Esuna และ Lightbound

5. Yoshimitsu เลเวลเต็มที่ 50 ซื้อได้ที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Honebami เลเวลเต็มที่ 99
พัฒนาจากการอัพเกรด  Yoshimitsu ให้ได้ค่า Magic  30 %  และ Strength 30 % ขึ้นไป
ability –  Flesh of Steel

6. Nameless Blade เลเวลเต็มที่ 30 ซื้อได้ที่ Cauthess สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
-Sennin-Giri เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Nameless Blade ให้ได้ค่า Spirit 30 %  และ Strength 30 % ขึ้นไป
- Infinity Blade เลเวลเต็มที่ 99 รูปร่างสุดท้ายของ Nameless Blade
พัฒนาจากการอัพเกรด  Sennin-Giri ให้ได้ค่า Spirit 60 %  และ Strength 60 % ขึ้นไป

7. Besmirched Blade (ver 1) เลเวลเต็มที่ 20 ดอร์ปจากบอส Malboro (แบบแรนด้อม) ใน Quest: The Malevolent Malboro สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Hotarumaru เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด  Besmirched Blade (ver 1) แบบไม่ต้องไปสนใจสเตตัส เลือกตียังไงก็ได้ให้เลเวลเต็ม 20 ก็พอ (อยากจะใส่ของไหนเพิ่มสเตตัสอะไรก็ตามสบาย)
ability –  Lifedrain X

8. Besmirched Blade (ver 2) –เลเวลเต็มที่ 30 ดอร์ปจากบอสใน Quest: Havoc Befalls the Hunt again สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Yoshimitsu เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Besmirched Blade (ver 2) แบบไม่ต้องไปสนใจสเตตัส เลือกตียังไงก็ได้ให้เลเวลเต็ม 30 ก็พอ (อยากจะใส่ของไหนเพิ่มสเตตัสอะไรก็ตามสบาย)
- Honebami เลเวลเต็มที่ 99 รูปร่างสุดท้ายของ Besmirched Blade (ver 2)
พัฒนาจากการอัพเกรด  Honebami ให้ได้ค่า Magic 30 %  และ Strength 30 % ขึ้นไป
Ability - Flash of Steel




                                      อาวุธประเภท กระบอง (Maces / Clubs)

1. Mace เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธทั่วไป สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- War Hammer เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Mace  ให้ได้ค่า Vitality 30 %  และ Strength 30 % ขึ้นไป
- Ogre Hammer Hammer เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  War Hammer ให้ได้ค่า Vitality 60 %  และ Strength 60 % ขึ้นไป

2. Morning Star เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Old Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Sabertusk Slayer เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Morning Star  ให้ได้ค่า Vitality 30 %  และ Magic 30 % ขึ้นไป
- Gneisenau เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Sabertusk Slayer ให้ได้ค่า Vitality 60 %  และ Strength 60 % ขึ้นไป

3. Imperial Axe เลเวลเต็มที่ 40 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Golden Axe พัฒนาจากการอัพเกรด  Imperial Axe ให้ได้ค่า HP 120 %

4. Mythril Hammer เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Cambanteinn เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Mythril Hammer ให้ได้ค่า Vitality 30 %  และ Spirit 30 % ขึ้นไป
- Nehushtan เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด  Cambanteinn ให้ได้ค่า Magic 50 %  และ Spirit 55 % ขึ้นไป
Ability - Lightbound

5. Battle Mace เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Behemoth Masher เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Battle Mace ให้ได้ค่า Vitality 30 %  และ Spirit 30 % ขึ้นไป
Ability - Undaunted II
- Scharnhorst เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด  Behemoth Masher ให้ได้ค่า Strength 60 %  % ขึ้นไป
Ability - Undaunted X และ Sidestep

6. Tainted Club เลเวลเต็มที่ 40 รางวัลจากการต่อสู้กับ Gladio ครั้งที่ 2 สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Seismic Shaker เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด  Tainted Club ให้ได้ค่า Vitality 30 %  และ Strength 30 % Spirit  30 %  ขึ้น ไป
Ability - Charge Strike: Clearout

7. Tainted Club (Durbost) เลเวลเต็มที่ 50 ดร็อปจากบอสในเควส Burbost Daemon Emporium สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Thor's Hammer เลเวลเต็มที่ 99
พัฒนาจากการอัพเกรด  Tainted Club (Durbost) ให้ได้ค่า Magic 60 %  และ Strength 60 % ขึ้น ไป

8. Tainted Club (Hut) เลเวลเต็มที่ 30 ดร็อปจากบอสในเควส the Havoc Befalls the Hut สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Vesper Mace เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Tainted Club (Hut) ให้ได้ค่า Spirit 40 % ขึ้น ไป
Ability - Curative Spell: Cura
- Vitanova เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Vesper Mace ให้ได้ค่า Spirit 90 % ขึ้น ไป
Ability - Curative Spell: Curaga skill.



                                           อาวุธประเภทหอก (Polearms)

1. Javelin เลเวลเต็มที่ 20 หาซื้อได้ในร้านอาวุธทั่วไป สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Heavy Lance เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Javelin ให้ได้ค่า Vitality 25 %  ขึ้นไป
Ability - Crusher
- Knight's Lance เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Heavy Lance ให้ได้ค่า Vitality 55 %  และ Strength 55 % ขึ้นไป

2. Storm Lance เลเวลเต็มที่ 20  ได้จากการต่อสู้กับ Ignis สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Partisan เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด  Storm Lance ให้ได้ค่า Vitality 40 %  ขึ้นไป
- Precision Lance เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Partisan ให้ได้ค่า Vitality 50 %  และ Spirit 50 % ขึ้นไป

3. Rhomphaia เลเวลเต็มที่ 20 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Rebel Lance เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด  Rhomphaia ให้ได้ค่า HP ให้ได้ 75 

4. Corsesca เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Cauthess สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Harpoon เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Corsesca ให้ได้ค่า Vitality 20 %  และ Strength 20 % Magic 20 % Spirit  20 %

ขึ้นไป
Ability - Penetrator II
- Dragon Whisker เลเวลเต็มที่ 99
พัฒนาจากการอัพเกรด Harpoon ให้ได้ค่า Vitality 100 %  และ Strength 100 % ขึ้นไป
Ability -Penetrator X

5. Dulled Spear เลเวลเต็มที่ 30 ดร็อปจากบอส BRAINDRAINER ในเควส 'Shields for Meldacio สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- ICE SPEAR เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Dulled Spear
- BRIONAC  เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด ICE SPEAR
Ability - blizzaga warp strike.
** รอเพิ่มเติมความชัดเจนอีกครั้ง ** 

6. Halberd เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Chariot เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด Halberd ให้ได้ค่า Spirit 40 %  และ Strength 40 % ขึ้นไป
Ability - Undaunted X

7. Mythril Lance เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Rapier Lance เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Mythril Lance ให้ได้ค่า Spirit 30 %  ขึ้นไป
- Radiant Lance เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Rapier Lance ให้ได้ค่า Spirit 50 % Vitality 50 %   ขึ้นไป
Ability - Lightbound และ Critical Boost X

8.  Dulled Spear (King) เลเวลเต็มที่ 20  ดร็อปจากหักเขาของบอส Behemoth King ในเควส  'New King in Town' สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Dragoon Lance เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Dulled Spear (King) ให้ได้ค่า Strength 50 % Vitality 50 %  Magic 50 %  ขึ้นไป
Ability - Air Supremacy II
- Wyvern Lance เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด Dragoon Lance ให้ได้ค่า Strength 50 % Vitality 50 %  Magic 50 %  ขึ้นไป
Ability - Air Supremacy X




                                            ประเภท ดาวกระจาย (Shurikens)

1. Shuriken เลเวลเต็มที่ 20 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Mythril Cross เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด  Shuriken ให้ได้ค่า Spirit 20 %  ขึ้นไป
- Rising Sun เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Mythril Cross ให้ได้ค่า Spirit 50 %  และ Strength 50 % ขึ้นไป
Ability - Lightbound

2. Shiranui  เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Katon Shuriken เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Shiranui ให้ได้ค่า FIRE 50 %  ขึ้นไป
Ability - Flamebound และ Offensive Spell: Fira
- Rising Sun เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Mythril Cross ให้ได้ค่า Spirit 50 %  และ Strength 50 % ขึ้นไป
Ability - Lightbound

3. Fubuki เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Suiton Shuriken เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Fubuki ให้ได้ค่า ICE 50 %  ขึ้นไป
Ability - Stormbound และ Offensive Spell: Blizzara

4. Pinwheel เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Old Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Raiton Shuriken เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Pinwheel ให้ได้ค่า Thunder 50 %  ขึ้นไป
Ability - Stormbound และ Offensive Spell: Thundara

5. Kagenui เลเวลเต็มที่ 20 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Kagenui II เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด  Fubuki ให้ได้ค่า Spirit 20 %  ขึ้นไป
- Blurry Moon
พัฒนาจากการอัพเกรด  Kagenui II ให้ได้ค่า Spirit 40 % Strength 40 % Vitality 40 % ขึ้นไป
Ability - Stoptouch X

6. Koga Shuriken เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Koga Shuriken II เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Koga Shuriken ให้ได้ค่า Vitality 30 % Magic 30 %  ขึ้นไป
Ability - Charge Strike: Clearout และ Turnabout Boost X

7. Iga Shuriken เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Iga Shuriken II เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Iga Shuriken ให้ได้ค่า Strength 30 % Spirit 30 %  ขึ้นไป
Ability - Charge Strike: Savage Swipe และ Turnabout Boost X

8. Petrified Disc เลเวลเต็มที่ 30 ดร็อปจากบอส ในเควส Smog on the Water สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Cornflower เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาอัตโนมัติหลังจากการอัพเกรด  Petrified Disc ให้เลเวลเต็ม 30
Ability - Soulsiphon X และ Lifedrain X




                                                  อาวุธ มีดสั้น (Daggers)

1. Daggers เลเวลเต็มที่ 20 มีติดตัวให้ตั้งแต่เริ่มเกม สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Delta Daggers เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด Daggers ให้ได้ค่า Spirit 25 % ขึ้นไป
- Parrying Daggers เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Delta Daggers ให้ได้ค่า Vitality 55 % Spirit 30 %  ขึ้นไป

2. Imperial Blades เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Imperial X-Blades เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Imperial Blades ให้ได้ค่าสเตตัส 100 HP ขึ้นไป
Ability - Lifedrain II

3. Kitchen Knives เลเวลเต็มที่ 30  ดร็อปจากบอสในเควส  Everybody's Groan ' สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Kitchen Knives II เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Kitchen Knives ให้ได้ค่า DARK 30 % ขึ้นไป
Ability – Rancor
- Kitchen Knives III เลเวลเต็มที่ 99
พัฒนาจากการอัพเกรด Kitchen Knives II ให้ได้ค่า DARK 100 % ขึ้นไป
Ability - Emnity

4. Cutlasses เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Stingers เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Cutlasses ให้ได้ค่า Spirit 30 % ขึ้นไป
Ability - Brink Boost II
- Avengers เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Cutlasses ให้ได้ค่า Spirit 40 % Strength 40 % ขึ้นไป
Ability - Brink Boost X

5. Befouled Blades เลเวลเต็มที่ 20  ดร็อปจากบอส Bandersnatch ในเควส  The Baleful Bandersnatch  สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Scarlet Blades เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Befouled Blades ให้ได้ค่า FIRE 25 % ขึ้นไป
Ability - Warp Combo: Fira
- Crimson Flashes เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด Scarlet Blades ให้ได้ค่า FIRE 100 % ขึ้นไป
Ability - Warp Combo: Firaga skill

6.Mythril Knives เลเวลเต็มที่ 30  หาซื้อได้ตามร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Organyxes
พัฒนาจากการอัพเกรด Mythril Knives ให้ได้ค่า Strange 20% , Vitality 20%  , Magic 20%  , Spirit 20%  ขึ้นไป
- Cassandra's Daggers
** รอรายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง ** 





                                           ประเภท ธนู (Crossbows)

1. Crossbow เลเวลเต็มที่ 20  หาซื้อได้ตามร้านอาวุธทั่วไป สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Twin Bow เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด Crossbow ให้ได้ค่า Vitality 20 % ขึ้นไป
- Arbalest เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Twin Bow ให้ได้ค่า Vitality 40 % Magic 40 % ขึ้นไป

2. Piercing Bow  เลเวลเต็มที่ 30  ได้จากการต่อสู้กับ Prompto สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Penetrator Bow เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Piercing Bow  ให้ได้ค่า Strength 30 % Magic 30 % ขึ้นไป
Ability - Helmsplitter II

3. Jahrk เลเวลเต็มที่ 30  ดร็อปจากบอสในเควส Phantom in the Frame - Chadarnook สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Mythril Bow เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Jahrk ให้ได้ค่าสเตตัสของ Magic 30
Ability - Manastike II
- Elder Bow เลเวลเต็มที่ 99
พัฒนาจากการอัพเกรด Mythril Bow ให้ได้ค่า FIRE 30% ICE 30% Thunder 30 %
Ability - Manastrike X

4. Hunter's Bow เลเวลเต็มที่ 30 หาซื้อได้ในร้านอาวุธที่ Meldacio Hunter HQ สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Great Bow เลเวลเต็มที่ 45
พัฒนาจากการอัพเกรด Hunter's Bow ให้ได้ค่า Strength 30 % Vitality 30 % ขึ้นไป
Ability - Charge Boost II
- Gastrophetes เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Great Bow ให้ได้ค่า Magic 30 % Spirit 30 % ขึ้นไป
Ability - Charge Boost X




                                                   ประเภท โล่ (Shields)

1.Kite Shield เลเวลเต็มที่ 30  หาซื้อได้ตามร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Power Shield เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Kite Shield ให้ได้ค่า Vitality 20 % Spirit 20 % ขึ้นไป
Ability - Charge Strike: Savage Strike
- Black Prince เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด Power Shield ให้ได้ค่า Strength 50% Vitality 50% Spirit 50 % ขึ้นไป

2.Panacea Shield เลเวลเต็มที่ 50  หาซื้อได้ตามร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Holy Shield เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Panacea Shield ให้ได้ค่า Magic 70 % Spirit 70 % ขึ้นไป
Ability - Esuna และ Curaga

3. Mythril Shield เลเวลเต็มที่ 30  หาซื้อได้ตามร้านอาวุธที่ Lestallum สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Elemental Shield เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด Mythril Shield ให้ได้ค่า FIRE 20 % ICE 20 % Thunder 20 %  ขึ้นไป
Ability - Barrier Saver II
- Magic Shield โล่ของนักรบแห่งแสงของซีรีย์ FF เลเวลเต็มที่ 99
พัฒนาจากการอัพเกรด Elemental Shield ให้ได้ค่า Magic 50 % Spirit 50 % ขึ้นไป
Ability - Barrier Saver X





                                          อาวุธของ Crown Guard ในตำนาน


เมื่อดำเนินเรื่องมาจนถึงช่วงที่ Gladiolus , Prompto และ Ignis เดินทางมาถึงเมือง หากเข้าไปคุยกับพวกเขาที่หน้าโรงไฟฟ้าจะสามารถประลองกับพวกเขาได้ หากชนะก็จะได้อาวุธใหม่ๆมาครอบครอง


ดาบ Samoji  ได้จากการต่อสู้ชนะ Gladiolus
เลเวลเต็มที่ 50
พลังโจมตีเมื่อเลเวลสูงสุด 162
Skill ที่ติดมากับอาวุธคือ
-Last Chance – เมื่อพลังชีวิตลดลงเหลือ 30% จะทำให้โอกาสที่จะโจมตีแบบ Critical เกิดมากขึ้น 10%
-Face off Boost X
พลังโจมตีของดาบจะเพิ่มขึ้นอีก 30% เมื่อสู้กับศัตรูที่มีจำนวนน้อย


 ธนู Piercing Bow ได้จากการต่อสู้ชนะ Prompto
เลเวลเต็มที่ 30
พลังโจมตีเมื่อเลเวลสูงสุด 83
สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Penetrator Bow เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด Piercing Bow  ให้ได้ค่า Strength 30 % Magic 30 % ขึ้นไป
Skill ที่ติดมากับอาวุธคือ
-Barrier Saver – ทำให้ใช้ค่า MP ในการสร้างบาเรียน้อยลง 20%
- Helmsplitter – เมื่อใช้การโจมตีแบบธรรมดา (กด O) จะทำให้พลังป้องกันของศัตรูลดลง 10%


หอก  Storm Lance ได้จากการต่อสู้ชนะ Ignis
เลเวลเต็มที่ 20
พลังโจมตีเมื่อเลเวลสูงสุด 110
สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Partisan เลเวลเต็มที่ 40
พัฒนาจากการอัพเกรด  Storm Lance ให้ได้ค่า Vitality 40 %  ขึ้นไป
- Precision Lance เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Partisan ให้ได้ค่า Vitality 50 %  และ Spirit 50 % ขึ้นไป



       ** หากมีรายละเอียดของอาวุธต่างๆเพิ่มเติมจะลงข้อมูลเพิ่มเติมในโอกาศต่อไปครับ ** 
       



                            Weapon Effects - Combat Effects

                                          Ability ติดอาวุธ – สายโจมตี 

Air Supremacy & Air Supremacy II – สร้างความได้เปรียบในการโจมตีกลางอากาศให้มากขึ้น
Confusionproof – ป้องกันสถานะ สับสน
Deathproof - ป้องกันสถานะ เดธ
Poisonproof - ป้องกันสถานะ ติดพิษ
Stoneproof - ป้องกันสถานะ กลายเป็นหิน
Stopproof – ป้องกันสถานะหยุดนิ่ง
Barrier Saver & Barrier Saver II
Bonecrusher – “ท่าหักกระดูก” เมื่อโจมตีแบบธรรมดาใส่ศัตรูจะมีโอกาสทำให้พลังโจมตีของศัตรูลดลง 10%
Bonecrusher II - “ท่าหักกระดูก” เมื่อโจมตีแบบธรรมดาใส่ศัตรูจะมีโอกาสทำให้พลังโจมตีของศัตรูลดลง 20%
Brink Boost – เมื่อ HP ลดต่ำลงกว่า 30% จะทำให้พลังโจมตีสูงขึ้น 70%
Charge Strike: Savage Swipe –ทำให้การโจมตีแบบชาร์จพลังโจมตีเปลี่ยนเป็นการโจมตีแบบ critical
Charge Strike: Clearout - ทำให้การโจมตีแบบชาร์จพลังโจมตีเปลี่ยนเป็นการโจมตีที่กว้างและไกลมากขึ้น
Combosmosis – เพิ่มค่า MP 10 หน่วยทุกๆการโจมตีต่อเนื่องติดต่อกัน 6 Hit (ระหว่างการทำคอมโบจะเห็นเลข 10 สีฟ้าขึ้นมาเรื่อยๆ)
Critical Boost – เพิ่มโอกาสที่จะทำให้เกิดการโจมตีแบบ Critical Hit 10%.
Critical Boost II –  เพิ่มโอกาสที่จะทำให้เกิดการโจมตีแบบ Critical Hit 20%
Crusher – เพิ่มพลังโจมตี 10% เมื่อโจมตีเป้าหมายที่อวัยวะของศัตรู (ส่วนต่างๆที่ไม่ใช่ลำตัว)
Deathtouch – ทำให้การโจมตีแบบธรรมดามีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะภาพ Death
Face-off Boost –เพิ่มพลังโจมตี 10% เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่น้อยกว่า
Face-Off Boost II - เพิ่มพลังโจมตี 10% เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่น้อยกว่า
Flamebound - ทำให้การโจมตีแบบปกติติดสถานะธาตุไฟ
Frostbound – ทำให้การโจมตีแบบปกติติดสถานะธาตุน้ำแข็ง
Stormbound – ทำให้การโจมตีแบบธรรมดาติดสถานะธาตุสายฟ้า
Helmsplitter  - การโจมตีแบบธรรมดาจะมีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้ศัตรูที่อ่อนแอพลังป้องกันลดลง 10%
Intimidator – เพิ่มพลังโจมตี 10% เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตัวเล็กกว่า
Jitterbug – เมื่อกดท่าเวทย์เยียวยา  Curative Spell (L2 + สามเหลี่ยม) จะกลายเป็นการเต้นเชียร์สำหรับบัฟเพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกัน
Curative Spell: Protect ทำให้ใช้เวทย์เยียวยา (L2 + สามเหลี่ยม) กลายเป็นเวทย์ Protect สำหรับสร้างบาเรียลดแรงโจมตี
Last Chance– เมื่อ HP ลดต่ำว่า 30% จะทำให้มีโอกาสโจมตีแบบ Critical มากขึ้นอีก 30%
Lifedrain - โจมตีศัตรูแล้วได้พลังชีวิตกลับคืนมา (เล็กน้อย)
Lightbound - ทำให้การโจมตีแบบธรรมดาติดสถานะธาตุแสง
Manastrike –เพิ่มพลังโจมตีอีก 30% แลกกับการเสีย MP 5 หน่วยต่อครั้ง
Poisontouch –มีโอกาสเล็กน้อยที่จะโจมตีศัตรูให้ติดพิษ (เป็นเวลา 20วินาที)
Prime Boost – เพิ่มพลังโจมตี 30% ในขณะที่ HP เต็ม
Punisher –.เพิ่มพลังโจมตี 10% เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่อ่อนแอกว่า (เลเวลต่ำกว่า)
Rush Boost – เพิ่มพลังโจมตีให้ครั้งละ 1 % เมื่อโจมตีแบบคอมโบต่อเนื่อง เพิ่มต่อเนื่องสูงสุด 100%
Stoptouch - การโจมตีแบบธรรมดาจะมีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้ศัตรูหยุดโจมตีขณะต่อสู้ 1 วินาที
Undaunted - เพิ่มพลังโจมตี 10% เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตัวใหญ่กว่า
Warp Combo + เวทย์ธาตุ – จะทำให้ศัตรูเสียหายต่อด้วยเวทย์ธาตุต่างๆหลังโจมตีด้วย Warp Strike
Everyone’s Grudge – เพิ่มพลังโจมตีให้กับเพื่อนๆในทีมอีก 30% เมื่อเพื่อนๆ HP ลดต่ำว่า 30%
Soulsiphon – ทำให้การโจมตีแบบธรรมดามีโอกาสเล็กน้อยที่จะดูด MP มาจากศัตรู 5% ต่อความเสียหาย



                          Weapon Effects - Spell Changing Effects             

                                              Ability ติดอาวุธ – สายเวทย์


Offensive Spell: Fire – ทำให้โจมตีด้วยท่าเวทย์ Fire เมื่อกด L2 +O
Offensive Spell: Fira - ทำให้โจมตีด้วยท่าเวทย์ Fira เมื่อกด L2 +O
Offensive Spell: Thunder - ทำให้โจมตีด้วยท่าเวทย์ Thunder เมื่อกด L2 +O
Offensive Spell: Thundera - ทำให้โจมตีด้วยท่าเวทย์ Thundera เมื่อกด L2 +O
Offensive Spell: Blizzard - ทำให้โจมตีด้วยท่าเวทย์ Blizzard เมื่อกด L2 +O
Offensive Spell: Blizzara - ทำให้โจมตีด้วยท่าเวทย์ Blizzara เมื่อกด L2 +O
Curative Spell: Poisona - ทำให้ใช้เวทย์เยียวยา (L2 + สามเหลี่ยม) กลายเป็นเวทย์ Poisona สำหรับฟื้นฟู HP และรักษาการติดพิษไปพร้อมๆกัน
Curative Spell: Cure - ทำให้ใช้เวทย์เยียวยา (L2 + สามเหลี่ยม) กลายเป็นเวทย์ Cure ฟื้นฟู HP ระดับปานกลาง
Curative Spell: Cura - ทำให้ใช้เวทย์เยียวยา (L2 + สามเหลี่ยม) กลายเป็นเวทย์ Cura ฟื้นฟู HP ระดับปานกลาง
Curative Spell: Esuna - ทำให้ใช้เวทย์เยียวยา (L2 + สามเหลี่ยม) กลายเป็นเวทย์ Esuna สำหรับ เพิ่มพลังโจมตี
Curative Spell: Protect ทำให้ใช้เวทย์เยียวยา (L2 + สามเหลี่ยม) กลายเป็นเวทย์ Protect สำหรับสร้างบาเรียลดแรงโจมตี




                     ** หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมจะลงข้อมูลในโอกาสต่อไปครับ **


                                      Materials Guide

                                   รายชื่อไอเทมวัตถุดิบ พร้อมสถานที่เก็บ 

Behemoth Horn: ได้จากเควส 'New King in Town'
Behemoth Incisor: ได้จากเควส Double Deadeyes
Laser Sensor: ได้จากเควส Ghost in the Machine Catoblepas Fang: ได้จากเควส 'The All-Seeing Eye' Reaper Funnybone:ได้จากเควส 'Havoc Befalls the Hut' และ 'Havoc Befalls the Hut Again'
Scorpion Stinger:ได้จากเควส 'The Wicked Wyvern' Griffon Claw: ได้จากเควส 'The Gastly Griffon' mission Colorful Griffon Claw:ได้จากเควส 'The Gastly Griffon' Behemoth Horn: ได้จากเควส 'Double Deadeyes' และ 'New King in Town'
Insect Stinger: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Dragon Horn: ได้จากเควส 'The Injurios Jabberwock' Hecteyes Eye:ได้จากเควส 'Snakes on a Downed Plane' , 'Ghost in the Machine' และ 'Lighting the Way'
Garula Tusk: ได้จากเควส 'Garulessa Gone Wild' และ 'The BArefood Garulessa'
Rough Scale: ได้จากเควส 'The Calamitous Karlabos' และ 'A New Hope for Old Lestallum'
Laser Sensor: ได้จากเควส Ghost in the Machine
Spiked Armor: ได้จาก 'The All-Seeing Eye'
Monster Sharpscale: ได้จากเควส 'The Baleful Bandersnatch'
Heavy Scale: ได้จากเควส 'Quezalslaughter'
Hardened Hide: ได้จากเควส 'The Injurios Jabberwock' Cockatrice Crest: ได้จากเควส 'Cockatrice Crest'
Wyvern Wing: ได้จากเควส 'The Wicked Wyvern'l
Large Dreadvern Scale: ได้จากเควส 'The Injurios Jabberwock'
Monster Jaw: ได้จากเควส 'The Baleful Bandersnatch'
Octolegs: ได้จากเควส 'The Baleful Bandersnatch' และ 'Lighting the Way'
Thick Hide (Rare): ได้จากเควส 'Quadrupedal Plateau' Wicked Claws: ได้จากเควส 'New King in Town'
Tattered Rag: ได้จากเควส 'Everybody's Groan'
Beautiful Plumage: ได้จากเควส 'Shields for Meldacio'
Cockatrice Tail Feather:ได้จากเควส 'Arms for Meldacio' Naga Scale: ได้จากเควส 'Snakes on a Downed Plane'
Strong Whiskers: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move' Occult Charm:ได้จากเควส 'Everybody's Groan'
Colorful Griffon Claw: ได้จากเควส The Gastly Griffon' Ghastly Left Arm:ได้จากเควส 'Phantom in the Frame' Dragon Horn: ได้จากเควส 'The Injurios Jabberwock' Malboro Mucilage: ได้จากเควส 'Smog on the Water' Hecteyes Eye:ได้จากเควส 'Snakes on a Downed Plane' , 'Ghost in the Machine' และ 'Lighting the Way'
Ancient Cloth: ได้จากเควส 'Lighting the way', 'Havoc Befalls the Hut', 'Havoc Befalls the Hut Again'และ 'Ghost in the Machine'
Coeurl Whiskers: ได้จากเควส 'A Cursed Coeurl'

Behemoth Tears:ได้จากเควส 'Double Deadeyes'
Small Beak: ได้จากเควส 'Arms for Meldacio' และ 'Shields for Meldacio'
Treant Sap: ได้จากเควส 'The Terrible Treant'
Treant Trunk: ได้จากเควส 'The Terrible Treant'

Beautiful Hide: ได้จากเควส Double Deadeyes
Tattered Rag: ได้จากเควส 'Everybody's Groan'
Catoblepas Eyeball: ได้จากเควส 'The All-Seeing Eye'
Strong Whiskers:ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Mandrake Root: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Hardened Hide: ได้จากเควส 'The Injurios Jabberwock'
Ghastly Left Arm: ได้จากเควส 'Phantom in the
Insect Stinger: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Dragon Horn: ได้จากเควส 'The Injurios Jabberwock'
Malboro Mucilage: ได้จากเควส 'Smog on the Water'
Thick Hide (Regular Version): ได้จากเควส 'Quadrupedal Plateau'
Electrolytic Condenser: ได้จากเควส Ghost in the Machine
Octolegs: ได้จากเควส 'The Baleful Bandersnatch' และ 'Lighting the Way'
Arachne Sickleclaw: ได้จากเควส 'A Tangled Web they Weave'

Platinum Ingot: ขุดเอาจากเหมืองใน Meldacio Hunter HQ และรางวัลจากเควส
Cactuar Blossom: หาได้จากร้านแลกไอเทมและรางวัลจากเควส
Watchman's Building Stone: ได้จากเควส 'Burbost Daemon Emporium'
Large Dreadvern Scale: ได้จากเควส 'The Injurios Jabberwock'
Rough Shell: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Heavy Scale: ได้จากเควส 'Quezalslaughter'และ The All-Seeing Eye'

Flame Shard: ได้จากเควส 'Hunters' Hideaway'
Gem of Disorder: ได้จากเควส 'A Secret Experiment'
Majestic Mane: ได้จากเควส 'Save the Souvenirs'
Monster Claw: ได้จากเควส 'The Baleful Bandersnatch'
Grenade Fragment: ได้จากทุกเควสที่มีมอนสเตอร์ ลูกไฟระเบิด
Crimson Tongue: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Occult Charm: ได้จากเควส 'Everybody's Groan'
Bomb Fragment: ได้จากทุกเควสที่มีมอนสเตอร์ ลูกไฟระเบิด
Colorful Griffon Claw: ได้จากเควส 'The Gastly Griffon'

Frost Shard: ได้จากเควส 'Save the Souvenirs'
Griffon Feather: ได้จากเควส 'The Gastly Griffon'
Greatsnake Crest: ได้จากเควส 'The Marauding Midgardsormr'
Greatsnake Scale: ได้จากเควส 'The Marauding Midgardsormr'
Downy Feathers: ได้จากเควส 'Shields for Meldacio'
Wicked Claws: ได้จากเควส 'New King in Town'
Sharp Head Fin: ได้จากเควส 'Quezalslaughter'และ 'The All-Seeing Eye'


Storm Shard: ได้จากเควส 'Driving Miss Cindy' , 'Mechanic on the Move' , 'Pylon of Light' และ 'The Cursed Coeurl'
Skyserpent Talon: ได้จากเควส 'Quezalslaughter'
Thunderoc Feather: ได้จากเควส 'The Wicked Wyvern'
Coeurl Whiskers: ได้จากเควส 'A Cursed Coeurl'
Galvande Fragment: ได้จากเควส 'Pylon of Light'
Translucent Skin: ได้จากเควส 'Quezalslaughter'
Treant Branch: ได้จากเควส 'The Terrable Treant'
Griffon Feather: ได้จากเควส 'The Gastly Griffon'
Gorgeous Pelt: ได้จากเควส 'Driving Miss Cindy'
Occult Charm: ได้จากเควส 'Everybody's Groan'
Thunder Bomb Fragment: ได้จากเควส 'Pylon of Light' mission in Old Lestallum
Barbed Scythe: ได้จากเควส 'The Terrable Treant'
Arachne Sickleclaw: ได้จากเควส 'A Tangled Web they Weave'
Flan Ooze: ได้จากเควส 'Hunters Hideaway'
, 'Pylon of Light' , 'Save the Souvenirs', 'Burbost Daemon Emporium','Havoc Befalls the Hut' และ 'Havoc Befalls the Hut Again'
Supple Tail: ได้จากเควส 'Too Tough to Tame'
Reflex Enhancer: ได้จากเควส 'Roboresurrection'

Gator Liver: ได้จากเควส 'The Calamitous Karlabos' , 'A New Hope for Old Lestallum' , 'Quezalslaughter' และ'The All-Seeing Eye'
Black Flan Ooze: ได้จากเควส 'Havoc Befalls the Hunt'
Mandrake Flower: ได้จากเควส 'The Terrible Treant'
Mandrake Root: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Beetle Shell: ได้จากเควส'The Wicked Wyvern'
Marlboro Hair: ได้จากเควส 'The Malevolent Malboro'
Forbidden Draught: 'The Marauding Midgardsormr'
Accursed Coin: ได้จากเควส 'The Marauding Midgardsormr'
, 'Burbost Daemon Emporium' ,'Lighting the Way' และ 'Ghost in the Machine'
Behemoth Tears: ได้จากเควส 'Double Deadeyes'
Greatsnake Crest: ได้จากเควส 'The Marauding Midgardsormr'


Strong Pincers: ได้จากเควส 'A New Hope for Old Lestallum'
Bulette Carapace: ได้จากเควส 'Driving Miss Cindy'
Translucent Skin: ได้จากเควส 'Quezalslaughter'
Watchman's Building Stone: ได้จากเควส 'Burbost Daemon Emporium'
Black Flan Ooze: ได้จากเควส 'Havoc Befalls the Hunt'
Large Dreadfern Scale: ได้จากเควส 'The Injurious Jabberwock'
Spiked Armor: ได้จากเควส 'Mechanic on the Move'
Miasmal Particle: ได้จากเควส 'Garulessa Gone Wild', 'Too Tough to Tame', 'Snakes on a Downed Plane', 'Quadrupedal Plateau', 'The Barefoot Garulessa' , 'Phantom in the Frame','The Marauding Midgardsormr' 'Roboresurrection', 'Lighting the Way', 'Havoc Befalls the Hut', 'Havoc Befalls the Hut Again' และ 'Ghost in the Machine'
Sahagin Scale: ได้จากเควส 'A New Hope for Old Lestallum'
Cryonade Fragment: หาได้จากเควส Roboresurrection, Burbost Daemon Emporium และทุกเควสที่มีมอนระเบิดน้ำแข็ง
Ice Bomb Fragment: หาได้จากเควส Roboresurrection, Burbost Daemon Emporium และทุกเควสที่มีมอนระเบิดน้ำแข็ง
Crooked Helixhorn ได้จากเควส Too Tough to Tame
Sharp Scythe ได้จากเควส The Terrible Treant
Treant Branch: ได้จากเควส The Terrible Treant
Octolegs ได้จากเควส The Baleful Bandersnatch
Scaled Skin: ได้จากเควส The Terrible Treant และ  New King in Town
Prawn Antennae: ได้จากการบริจาคของ Hunter
Cactuar Blossom: รอให้เจ้ากระบองเพชร Cactuar ออกมาแจมในเควสต่างๆก็จัดการมันซึ่งก็จะแรนด้อมดร็อปเหมือนกัน


อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.rpgsite.net/feature/6360-final-fantasy-xv-comrades-material-guide-the-best-items-for-upgrading-weapons


                       ** หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมจะลงข้อมูลในโอกาสต่อไปครับ **





- Supply Station ใช้กำลังไฟ 500 kW จะทำให้มีร้านขายไอเทมเปิดขึ้นที่ทางด้านหน้าเมือง
- Treasure Spot ใช้กำลังไฟ 200 kW เปิดไฟที่ตลาด Partellum Market ได้เงิน 1200 gil
- Leville Square ใช้กำลังไฟ 600 kW ปลดล็อกเควสย่อย A Tangled web they Weave ออกมาให้ทำ


                                        Hunt Quest - A Tangled web they Weave

Power – 2460 kW
Bounty – 720 gil 

เมื่อแจกจ่ายกระแสไฟฟ้าไปจนทั่วทุกจุดของเมืองแล้วจะปลดล็อก Solo Quest ของ Holly ออกมาให้ทำ จากนั้นก็เดินไปหา Holly ที่รออยู่ที่หน้าโรงไฟฟ้าด้านในได้เลย


                            Solo Quest – Ropeway Under Renovation                 




Holly – ไงๆ ขอต้อนรับสู่ Glaive นะพ่อหนุ่ม ชั้นยังไม่ค่อยเชื่อฝีมือเธอเท่าไหร่หรอกนะ แต่มันช่วยไม่ได้เพราะชั้นมีบางอย่างที่ต้องให้เธอช่วยหน่อยก่อนที่จะวุ่นกันไปทั้งเมือง  ที่ Libertus บอกว่าเชื่อฝีมือเธอได้จริงเปล่า เราทำงานกันได้ใช่มั๊ย?

Holly – ทดสอบๆ เธอได้ยินชั้นมั๊ยพ่อหนุ่ม? ขอบคุณอีกครั้งนะที่ยอมช่วย
** กด R2 จะสามารถเปิดเมนูเลือกข้อความแชทพูดคุยกับ Player อื่นได้ ***



Holly – โอเค เธอเห็น รางรถกระเช้าด้านบนทางซ้ายของเธอมั๊ย? มันมีอีกรางนึงทางขวา แต่ตอนนี้มันไม่ทำงาน ชั้นหวังว่าเธอคงพอซ่อมมันได้นะ ปกติเราจะใช้มันในการลำเลียงผลึกดาวตก meteorshard ไปยังเตาเผาตามจุดต่างๆทั้ง 2 รางต้องทำงานพร้อมๆกันถึงจะเติมเชื้อเพลิงให้โรงไฟฟ้าได้เต็มที่ เพราะถ้าโรงไฟฟ้าพลังตกลงไป ไอ้พวกปีศาจมันแห่เข้ามาในเมืองเราแน่นอน ระวังตัวด้วยนะ ยังมีพวกปีศาจตัวเล็กตัวน้อยที่จะออกมารังควาญเธอระหว่างทางอยู่เหมือนกัน 

จากนั้นลุยศัตรูไปคนเดียว (เพราะเป็นงานลุยเดี่ยว) เข้าไปตามทางด้านใน ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนแล้ววาร์ปขึ้นไปตามจุด Piont-warp ขึ้นไปด้านบนของรถกระเช้า วิ่งไปตามแกนเหล็กทางฝั่งขวาจนสุดแล้ววาร์ปไปที่กระเช้าด้านล่าง


 เรียนรู้การใช้ท่า Blade- warp โดยการกด L1 + สามเหลี่ยมเพื่อการวาร์ปไปในจุดที่เพื่อนอยู่เพื่อชุบชีวิตเพื่อนที่บาดเจ็บ ซึ่งจะต่างจากการกด R1 ล็อกเป้าศัตรูแล้วกดสามเหลี่ยมเพื่อใช้ท่า Warp – Strike 

เมื่อรักษาอาการบาดเจ็บของช่างแล้ว กดปุ่มต่างๆตามที่ขึ้นมาให้ทันก็จะสามารถซ่อมรถกระเช้าสำเร็จ ก็จะจบภารกิจ



Holly – วันนี้ทำได้ดีมากพ่อหนุ่ม เธอกำลังให้คนทั้งเมืองประทับใจ โรงไฟฟ้ากลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้งแล้ว และถ้าเราผลิตไฟฟ้าได้มากพอเราคงแจกจ่ายไปยังเมืองต่างๆได้ทั้งอาณาจักรแน่นอน

ทันทีที่โรงไฟฟ้าทำงานได้อย่างเต็มกำลังแล้ว จากนั้นภารกิจต่อไปก็คือ การแจกจ่ายไฟไปตาม Major Outposts  หลักทั้ง 4 รอบๆเมืองให้หมด

      

เมื่อเข้าไปที่ Mission HQ ของ Jeanne เพื่อภารกิจหลักต่อ จะเห็นแผนที่ในการเดินกระแสไฟฟ้าเส้นทางด้านเหนือที่ต้องการกระแสไฟเชื่อมต่อกัน 2 จุด 500 kW และ 2000 kW ก่อนจะถึง Power Supply ที่ Pylon จัดการหากระแสไฟฟ้ามาเดินสายพลังงานเข้าไปให้ถึงให้สำเร็จ ก็จะได้ meteorshard มา 2 ก้อนได้พลังงานไฟฟ้ารวม 400 + 500 kW แต่ในขณะเดียวกันก็มีภารกิจช่วยเหลือเร่งด่วนเข้ามาเพราะ หลังจากที่มีข้อความขอบคุณเข้ามาก็มีข่าวร้ายเพิ่มเติมว่า ทางฝ่ายขุดเจาะได้ค้นพบ โลงศพของราชวงศ์ ได้และกำลังขนส่งมาทางรถแต่ถูกพวกปีศาจรุมทำลาย จนต้องขอให้ออกไปช่วยที่หน้าประตูเมือง


                             Side Quest – Let Sleeping King Lie 


         ทันที่ที่รถเข้ามาถึงหน้าเมืองก็ช่วยจัดการฝูง Goblin ที่ตามมาให้หมดก็จะจบภารกิจ


Hunter – แมร่ง งานนี้ กว่าจะขนสิ่งนี้มาถึงที่นี่ได้ไม่ง่ายเลยนะ ทำงานได้ดีมาก Glaive เอาละที่นี้ชั้นขอถามหน่อยนะ ได้ที่เราขุดมาได้นี่มันคืออะไรกันฟ่ะ !! โอ้ เดี๋ยวนะ เราขุดเจอมันที่ห้องใต้ดินของ Leville ใช่ป่ะ เดาว่าต้องมีกษัตริย์องค์ใดองค์นึงนอนพักอยู่ในนี้แน่นอน พูดถึงเรื่องนอนพัก ดูจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้านายนี้แล้ว บางทีนายอาจจะต้องหาคำตอบกับมันทั้งคืนแน่นอน 



The Oracle  –  ดาบแห่ง Lusic เจ้าพร้อมจะปลดปล่อยจิตวิญญาณของเจ้าแล้วหรือไม่ ไม่งั้นข้าคงมิอาจก้าวข้ามไปยกระดับจิตใจที่เจ้าแบบรับไว้ได้ ข้าจะมอบการปกป้องของข้าเพื่อแบ่งเบาภาระของเจ้า


                                ** ได้รับ The Oracle’s Sigil: Healing Light x 1 ** 


   

                                                 Royal Sigil

Royal Sigil คือพลังเทพพิทักษ์ที่ได้จากเหล่ากษัตริย์ในอดีต เมื่อสวมใส่แล้วจะทำให้สเตตัสของผู้สวมใส่เปลี่ยนไปและจะช่วยเสริม Skill บางอย่างของตัวละครให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามแต่พลังของเทพพิทักษ์แต่ละองค์ สามารถได้จากสุสานของราชวงศ์ที่อยู่ตามจุดต่างๆของแผนที่เมื่อเปิดทางไปถึง 


                                           The Oracle Sigil: Healing Light

สเตตัส : + เวทย์ธาตุแสง 20% , - กำลัง 20% และ - พลังโจมตี 20%
Skill เสริม : กด L2 + สามเหลี่ยม ทำให้การใช้เวทย์ Heal มีรหัศมีที่กว้างขึ้น สามารถฮีลได้หลายคนพร้อมๆกัน 




                                              The wanderer Sigil: Cheer  
                                             
อยู่ที่ Tomb of the Wanderer
สเตตัสเมื่อสวมใส่ :  + HP 40% , + MP 20%  , พลังโจมตี 10%
Skill เสริม – กด L2 + วงกลม ทำให้การใช้เวทย์บัฟเพิ่มสเตตัสให้เพื่อร่วมทีมให้มีรหัศมีที่กว้างขึ้น สามารถบัฟได้หลายคนพร้อมๆกัน




                                             The Warriors Sigil: Untouchable 


อยู่ที่ Power Station Pylon
สเตตัสเมื่อสวมใส่ :  + HP 30%  , พลังโจมตี -30%
Skill เสริม – กดสี่เหลี่ยมค้างจะสามารถปรบมือล่อศัตรูมาหาตัวเองได้ ในจังหวะที่ศัตรูพุ่งโจมตี กดสี่เหลี่ยมอีกครั้งจะสามารถหลบระยะประชิดพร้อมทิ้งเงาสุญญากาศล่อเป้าไว้ด้วย 

การใช้งาน Skill Untouchable เมื่อสวมใส่ The Warriors Sigil
กดสี่เหลี่ยมค้างจะสามารถปรบมือล่อศัตรูมาหาตัวเองได้ ในจังหวะที่ศัตรูพุ่งโจมตี กดสี่เหลี่ยมอีกครั้งจะสามารถหลบระยะประชิดพร้อมทิ้งเงาสุญญากาศล่อเป้าไว้แทนการกางบาเรียและจะโจมตีสวนกลับที่ง่ายต่อการติด Critical ได้ ความพิเศษอีกอย่างของ Skill Untouchable คือง่ายต่อการทำให้ติดท่า Chain-warp หรือแพทฟอร์มที่ 2 ของ Warp strike จะสามารถทำ Chain attack ต่อทำความรุนแรง X 3.0 - 5.0ได้





                                                  The Justs Sigil: Omniguard 

อยู่ที่ Tomb of the Just 
สเตตัสเมื่อสวมใส่ :  + HP 30%  , MP 50%  พลังโจมตี -30%
Skill เสริม – กดสี่เหลี่ยมจะสามารถสร้างบาเรียขนาดกว้างสองชั้นที่มีพลังป้องกันสูงขึ้นค่อยเพิ่งพลังป้องกันและเพิ่ม HP ให้คนที่อยู่ในรัศมีที่ละนิด และค่อยๆกิน MP ไปทีละนิดอย่างช้าๆทำให้กางบาเรียได้นานขึ้น (ตราบใดที่ไม่มีศัตรูเข้ามาโจมตีโดนตัว) 




                                                  The Rogue Sigil: Aerial Ace

 อยู่ที่ Tomb of the Rogue 
สเตตัสเมื่อสวมใส่ : + MP20%  + กำลัง 30% , + ธาตุแสง  30%
Skill เสริม – สามารถแดชต่อเนื่องในอากาศขณะโจมตีกลางอากาศด้วยการกดแกนอนาล็อกซ้ายไปตามทิศทางที่ต้องการและปุ่ม O (เสีย MP) 




                                             The Pious’s Sigil: Multicast 

อยู่ที่ Tomb of the Pious
สเตตัสเมื่อสวมใส่ : - MP30%  - HP30% + Magic 70%
Skill เสริม –สามารถใช้ท่า Multicast L2 + O เพิ่มความรุนแรงของเวทย์เป็น 2 เท่า (ใช้ท่ายิงเวทย์ 2 มือ) เสีย MP แต่ละครั้งมากขึ้น แต่ก็จะฟื้นค่า MP ได้เร็วมากขึ้นเช่นกัน




                                               The Tall’s Sigil: Aura 

อยู่ที่ Tomb of the Tall 
สเตตัสเมื่อสวมใส่ : + HP20% + Vitality 70%   - Magic 50% 
Skill เสริม –สามารถใช้เวทย์ Aura L2 + สามเหลี่ยม เพิ่มพลังโจมตีเป็น 2 เท่า ทำให้โจมตีรุนแรงมาก แต่เวทย์จะส่งผลได้ไม่นาน และเมื่อสวมใส่ Sigil นี้ จะไม่สามารถใช้ท่า Heal ได้ 


ภารกิจที่จะต้องทำในตอนนี้คือ การเดินกระแสไฟไปตาม Major Outposts  หลักทั้ง 4 รอบๆเมืองให้หมด ประกอบด้วย

Old Lestallum
Meldacio Hunter HQ 
Cauthess Depot 
Galdin Quay 

แต่การเดินกระแสไฟไปตามจุด Outpost หลักทั้ง 4 นั้นจำเป็นต้องใช้ กำลังไฟฟ้าจำนวนมาก และมีหลายเส้นทางให้เลือกเดินกระแสไฟฟ้าทั้งในเรื่องทิศทางและลำดับก่อนหลังตามใจที่ผู้เล่นเลือกดำเนิน แตกแยกเป็นเรื่องราวมากมาย การเตรียมพร้อมระดับเลเวลของผู้เล่นในการดำเนินภารกิจให้ลุล่วงจึงเป็นเรื่องสำคัญประกอบการตัดสินใจ 


                                            แผนที่เส้นทางการเดินทางไฟฟ้า




เมื่อสามารถเดินกระแสไฟไปจนถึงเมืองนั้นๆแล้วก็จะสามารถเดินทางไปมาระหว่างเมืองนั้นๆได้โดยใช้รถทีจอดอยู่หน้าทางออกของแต่ละเมือง





Old Lestallum เมืองเก่าของ Lestallum และยุคแรก มีของขายทั้งไอเทมและอาวุธ รวมทั้งยังมีของลิมิทเตทคือ สินค้าเกี่ยวกับ Kenny Crow ด้วย


CLEIGNE : Meldacio Hunter HQ ฐานหลักของพวกฮันเตอร์ เป็นที่ลี้ภัยของผู้อพยพอีกจุดที่แข็งแกร่งและปลอดภัยที่สุดเพราะนอกจากจะมีฮันเตอร์เก่งๆมากมายแล้วยังมีกองกำลังของพวกจักรวรรดิบางส่วนมาประจำการอยู่ที่นี่ด้วย ที่นี่มีของขายที่เน้นพวกอาวุธ , ชุดฮันเตอร์ , ชุดของพวกจักรวรรดิ รวมทั้งยังมีพื้นที่ขุดค้นหาไอเทมด้วย ราคา 3000 Gil ต่อการขุด 7 ครั้งภายในเวลาที่กำหนด



Cauthess Depot สถานที่ปลอดภัยอีกแห่งที่เป็นอดีตเคยเป็นปั้มน้ำมันแต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่โกดังขายสินค้า ที่นี่จะเน้นการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบกับไอเทมและอาวุธต่างๆมากกว่าการซื้อขายของด้วยเงิน





  

                             การเลือกผู้นำของผู้อพยพในแต่ละเมือง


เมื่อรวบรวมเหล่าผู้อพยพที่อยู่ตามจุดต่างๆในแผนที่ (จุดที่เป็นรูปคนเป็นกลุ่ม) จนได้จำนวนคนมาจำนวนนึง และ สามารถช่วยหัวหน้าของกลุ่มผู้อพยพต่างๆมาได้ 3 คนคือ Marcia Lythe , Finnegon Parton และ Torben talum มารวมกันที่ Lestallum จนครบแล้วก็จะสามารถเริ่มการเลือกตั้งผู้นำของผู้อพยพใน Lestallum ได้ และในเมืองอื่นๆก็เช่นกัน หากทำการรวบรวมและค้นหาคนตามเงื่อนไขมาจนครบก็จะสามารถทำการเลือกตั้งผู้นำของกลุ่มผู้อพยพในแต่ละเมืองได้ด้วย การเลือกผู้นำแต่ละคนนั้นจะส่งผลต่อรางวัลที่เมืองและผู้เล่นจะได้รับการสนันสนุนต่างกันด้วย




                                 การ เลือกตั้ง หัวหน้าของกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ที่เมือง Lestallum 

การ เลือกตั้ง หัวหน้าของกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ที่เมือง Lestallum โดยคุณผู้เล่นต้องเป็นคนเลือก 1 ใน 3 คนให้เป็นหัวหน้า โดยการเลือกหัวหน้าจากผู้ที่เป็นตัวแทนทั้ง 3 คนนั้น แต่ละคนจะส่งผลต่อเมืองและรางวัลที่ได้ต่างกันคือ



                 ผู้เข้ารับการเลือกตั้งผู้นำผู้อพยพที่  Lestallum ประกอบด้วย

1.Marcia Lythe
ฮันเตอร์ ที่เป็นที่รู้จัก Risorath Basin ที่มีความสามารถในเรื่องการค้นหารวบรวมและจัดหาทรัพยากรและเสบียงต่างๆมาขายทำกำไร รางวัลที่เมืองจะได้หากเลือกเธอก็คือ เธอจะบริจาคไอเทมต่างๆให้กับคุณผู้เล่นจำนวนนึงโดยสามารถเข้าไปรับได้ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum เป็นระยะ

2.Finnegon Parton
พ่อค้าเร่ที่เป็นที่รู้จักดีใน pegglor outlook เป็นหนึ่งเรื่องการจัดหาเงินทุนเพื่อช่วยในการค้นหาทรัพยากรและเสบียงใหม่ๆ รางวัลที่เมืองจะได้หากเลือกลุงก็คือ เขาจะบริจาคเงินให้กับคุณผู้เล่นจำนวนนึงโดยสามารถเข้าไปรับได้ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum เป็นระยะ

3.Torben talum

หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาอดีตหน่วยรบของ Lucis เจ้าของร้านขายอาวุธ Culless Munitions ดูแลด้านการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆเพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ รางวัลที่เมืองจะได้หากเลือกเขาก็คือ สามารถซื้ออาวุธใน Lestallum ด้วยราคาที่ลดลง 20 %



                  การ เลือกตั้ง หัวหน้าของกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ที่เมือง Old Lestallum   

                 
การเลือกตั้งผู้นำผู้อพยพที่ Old Lestallum จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
กลุ่มแรกประกอบด้วย



1.Comila Mescall สาวน้อยผู้รักสัตว์และวัตถุแวววาวอดีตพนักงานดูแลนกที่ Wiz Chocobo post รางวัลที่ได้หากเลือกเธอเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาคเงินให้ เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)
2. Ernie Sypert อดีตเจ้าของร้านขายของใน Lestallum ที่ยอมปิดร้านมาช่วยการจัดหาสิ่งต่างๆให้เมืองที่ตอนนี้กลายเป็นค่ายผู้อพยพไปแล้ว  รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับการบริจาคสมบัติและไอเทมต่างๆที่เขาหามาได้ให้ เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)
3. Russell Springs ชายผู้รักการขับรถเป็นชีวิตจิตใจ แต่รถสุดรักของเขาก็ต้องมาพังเพราะพวก Deamon สุดท้ายก็เลยผันตัวเองมาเป็นคนขับรถขนเสบียงเพื่อช่วยเหลือเมืองที่กำลังขาดแคลน
รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาค Meteorshard เพื่อนำมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)


กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วย
1.Harper Flint  สุดยอดนักขุดค้นผู้เชี่ยวชาญ ที่ออกค้นหาไอเทมต่างๆมาแล้วทั่วโลกและส่งกลับมาเพื่อช่วยเหลือเมืองที่ขาดแคลน รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาค Meteorshard ที่เขาขุดมาได้เพื่อนำมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)
2.Elyria Ostis ฮันเตอร์สาวที่ทำงานในเขตชายทะเลเพื่อเก็บรวบรวมไอเทมต่างๆและทำความสะอาดชายทะเลจากสิ่งของต่างๆที่ถูกน้ำพัดมาเกยตื้นไปพร้อมๆกัน รางวัลที่ได้หากเลือกเธอเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาคไอเทมวัตถุดิบต่างๆจากที่เธอหามาได้ เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)
3.Matteo Marchesi อดีตผู้จัดหาสิ่งของให้กับคนรวยและคนมีชื่อเสียงในเมือง Altissia เขามีทั้งเสบียงอาหารและสินค้าดีๆที่ผ่านการคัดสรรแล้วเก็บไว้มากมาย รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาคเงินให้ เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)



               การ เลือกตั้ง หัวหน้าของกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ที่เมือง Meldacio Hunter HQ 

                                 ผู้เข้ารับการเลือกตั้งผู้นำผู้อพยพประกอบด้วย




1.Biggs Collux หนึ่งในทหารคู่หูประจำซีรีย์ไฟนอล อดีตทหารรับจ้างที่เคยทำงานให้กับ Aranea Highwind และจักรวรรดิ ชอบเล่นการพนันแต่ก็ยังแบ่งปันเงินกำไรที่เล่นได้เพื่อช่วยเหลือเมืองที่กำลังขาดแคลน รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาคเงินจากเขา เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)
2. Wedge Kincaid หนึ่งในทหารคู่หูประจำซีรีย์ไฟนอลกับ Biggs อดีตทหารรับจ้างที่เคยทำงานให้กับ Aranea Highwind และจักรวรรดิที่มาเปิดร้านขายอาวุธในเมือง แถมยังใจดีขายให้ในราคาถูกเนื่องจากอยากสนับสนุนเมืองที่กำลังขดแคลน รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ เมื่อซื้ออาวุธใน Meldacio Hunter HQ จะได้รับส่วนลด 20%
3.Devon Elkton ชายหนุ่มที่เรียนรู้การในสายช่างโลหะด้วยตัวเองจนเชี่ยวชาญ สินค้าของเขานั้นไม่เหมือนใคร จนทำให้สินค้าของเขาเป็นที่นิยมของพวกฮันเตอร์เป็นอย่างมาก  รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ เขาจะเปิดร้านรับแลกไอเทมขึ้นใน Meldacio Hunter HQ



              การ เลือกตั้ง หัวหน้าของกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ที่เมือง Cauthess Depot 

                              ผู้เข้ารับการเลือกตั้งผู้นำผู้อพยพประกอบด้วย




1.Paddy Mulins ฮันเตอร์ผู้ชื่นชอบการติดตามและค้นหาเหล่าสัตว์ร้ายในตำนาน เพื่อล่ามันเอามาแลกกับเงินสิ่งของตามเมืองต่างๆ รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาคไอเทมวัตถุดิบต่างๆจากที่เขาหามาได้ เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)
2.KURT ชายแก่ที่ผู้คนในเมืองไม่ค่อยจะมีใครอยากจะพูดถึงลุงแกมากนัก รู้แต่ว่าแกเป็นคนที่มีสินค้าดีๆมาให้แลกมากมาย หากเลือกลุงแกเป็นผู้นำกลุ่ม ลุงก็จะเปิดร้านรับแลกไอเทมต่างๆใน Cauthess Depot
3.Lawrence The “Comel” Corgan อดีตคนขับรถขนส่งน้ำมันผู้มากประสบการณ์ของบริษัท Coernix Oil เรียกได้ว่าเขาเป็นคู่แข่งตัวยงกับ Cindy จาก Hammerhead เลยก็ว่าได้ รางวัลที่ได้หากเลือกเขาเป็นผู้นำก็คือ คุณจะได้รับบริจาค Meteorshard ที่เขาหามาได้เพื่อนำมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า เป็นระยะ (ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum)



** รางวัลจากการบริจาคจากกลุ่มผู้อพยพแต่ละพื้นที่จะถูกส่งไปให้ที่ร้านค้าหน้าเมือง Lestallum เป็นระยะๆโดยสามารถตรวจเช็คและรับได้เมื่อหน้าร้านค้ามีไอค่อนการบริจาคขึ้นมา **
                                        

หลังจากที่เดินกระแสไฟฟ้าไปยัง Outpost ทั้ง 4 จนครบแล้ว เสียงปริศนาก็จะแว่วเข้ามาในโสตประสาทของตัวละครของผู้เล่นในฐาน เหล่า “เกลฟ” ที่ยังหลงเหลือ



???? – ลูกหลานของข้า ...ความมืดกำลังคุกคามโลกนี้ด้วยความมืดมิดตลอดกาล แต่ ความหวัง ก็ยังไม่ได้สูญหาย ....  ตราบใดที่ราชาผู้ถูกเลือกยังมีพระชนม์ชีพอยู่ จงไปหาเขา  บุตรแห่งลูซิส ถึงเวลาที่ “เกลฟ” ต้องปกป้องราชาแล้ว 



Talcott – คุณจำได้ป่ะ ที่ผมเคยบอกเรื่องเรือของราชา Regis อ่ะ? มีข่าวว่าฮันเตอร์คนนึงพบมันจอดอยู่ที่แถวๆชายหาดใกล้ๆกับ  Galdin Quay แล้ว Dino เพื่อนของผมก็ยังโทรมาบอกอีกด้วยนะว่าพวก Kingglaive เป็นคนซ่อมแซมมันแล้วพยายามลากมาจอดไว้ที่ท่าเรือ แล้วหลังจากที่พวกเขาเริ่มสำรวจเรือนั่นก็พบ บางสิ่ง ที่จะสามารถบอกได้ว่า เจ้าชาย Noctis อยู่ที่ไหน !
พวกเขาบอกผมว่าหลังจากที่สำรวจเรือนั่นก็เกิดอาการปวดหัวอยู่ตลอดแถมยังภาพของเกาะ angelgard ขึ้นมาให้เห็นเป็นภาพในความคิดของพวกเขาอยู่บ่อยๆด้วย และเรือของราชวงศ์ที่หายไปก็ถูกพบอยู่นอกชายฝั่ง ผมคิดเล่นๆนะว่า บางทีมันอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่เกาะ angelgard ก็ได้นะ




จากนั้น เมื่อทำทุกอย่างจนหมดแล้ว จัดการเดินไฟฟ้าจาก Galdin Quay  ไปที่จุดท่าเรืออีกครั้งเพื่อทำให้ท่าเรือใช้การได้ จากนั้นก็เดินทางออกไปที่ Galdin Quay ได้เลย



Libertus – ไง ดูสิใครมา นายพร้อมจะสร้างชื่อให้ตัวเองรึยัง เรื่อนี่มันมีชื่อเสียงมากนะ เมื่อก่อนมันเคยเป็รราชพาหนะของราชา Regis และเจ้าชาย Noctis กับเพื่อนก็เคยเอาไปขับท่องทะเลอยู่เหมือนกัน ชั้นไปเจอเขาก็เลยลากกลับมาซ่อมแซม ตอนนี้เหมือนใหม่แล้ว




Libertus – เห็นเกาะที่อยู่ตรงหน้านั่นมั๊ย ? นั้นคือเกาะ Umbral แห่ง Angelgard บางทีนายอาจเคยมองเห็นมันมาก่อนจากที่ไกลมาแล้วมั้ง คนของชั้นหลายคนบอกว่าเคยเห็นแสงสว่างที่นั่น แถมจู่ๆก็มีแสงมาซะอย่างงั้น บางคนก็บอกว่า ที่เกาะนั่นอาจเป็นที่สำหรับเชื่อมต่อกับเหล่าทวยเทพของ Lucis ก็ได้ ชั้นเองก็คนนึงละที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ ไสยศาสตร์อะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้บางทีก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันนะ อย่างแรกก็จากที่มีคนเห็นและอย่างที่ 2 คือเรื่องที่จู่ๆเราเจอเรือขององค์ราชาในตอนนี้ บางทีที่ชั้นออกมาที่นี่มันก็เสี่ยงเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้จะบอกไงดี มันรู้สึกเหมือนมีอะไรดลใจให้มางั้นแหละ
       







                                          The Bladekeeper’s Trial 





Bahamut – ตอบข้ามา Glavie ! เจ้าอยากอยู่แบบผู้จงรักษ์หรือตายเยี่ยงคนทรยศ? ชั่วโมงแห่งการคิดบัญชีและการทดสอบกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยผู้ดาบที่ถือดาบอยู่ในมือจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของเจ้าต่อแต่นี้ !!



Boss Bahamut  LV50 การต่อสู้กับบาฮามุธนั้นขึ้นอยู่กับเลเวลล้วนๆ หากเก็บเลเวลหรือทำการอัพระดับอาวุธมาดีพอการเผชิญหน้ากับบาฮามุธ ครั้งนี้ก็แทบไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากนัก เลเวล 45 พร้อมเวทย์ไฟหนักๆยิงจากระยะไกลก็เอาอยู่


 Bahamut – พลังของเจ้าได้รับการพิสูจน์แล้ว ด้วยเหตุนี้  คำบัญชาข้าจึงถือเป็นประกาศิต
นับตั้งแต่นี้ ในนามของกษัตริย์แห่ง Lucis ข้าจะยอมยกโทษให้กับทุกบาปของเจ้า 



Bahamut – เจ้าจงออกไป Glaive ออกเดินทางไปพร้อมเกรียติยศนี้และอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่เจ้าได้รับไปอย่างชอบธรรม 






Gentiana – พวกเขากลับไปยังพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่ง มันเคยอยู่ที่นี่เมื่อครั้ง Oracle เริ่มทำสัญญากับ stormsender  Ramuh และยังคงอยู่ที่นี่เมื่อครั้งที่ราชาที่ถูกเลือกได้ตอนรับการมาของBladekeeper Bahamut แม้เขาจะยังไม่สามารถปลุกพลังที่หลังไหลอยู่ข้างในได้ จนความมืดมิดเริ่มนำความหายนะมาคุกคามความบริสุทธิ์ของดินแดนนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้คมดาบของเขาในการทำลายสิ่งที่จะนำมาซึ่งความหายนะและเป็นผู้พิทักษ์แสงสว่างไปพร้อมๆกัน   




                                      Choosing Hope  เลือกที่จะหวัง ...

                                                    "Choosing Hope"
                                        Composed by Nobuo Uematsu 
                                               performed by Emiko Suzuki
                                 https://www.youtube.com/watch?v=qpbOrXf9zV0


                                  แผลจากการสู้รบมันฝังลึกลงไปในกระดูก
                                  มันล้มเหลว ล้มเหลวอย่างไม่น่าเชื่่อ
                                  ต้องอยู่บนความสิ้นหวังอันมากล้น
                                   ด้วยความหวังที่ยังไม่ถูกปลดปล่อย



                                         Battle-scarred down to the bone
                                            Falling, failing to believe
                                           Living in so much despair
                                            With no hope of release


                                    ฉันเกิดมาเพื่อเป็นคนทรยศงั้นหรอ?
                                     หรือฉันเกิดมาเพื่อตายง่ายๆเช่นนี้
                       ฉันจะสามารถอดทนเพื่อออกค้นหาความจริงได้หรือเปล่า 
                                     ในเมื่อมันรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกโกหก



                                         Was I born to be betrayed?
                                         Was I born to simply die?
                                        Can I bear to seek the truth
                                            When it feels like a lie?




                                     แม้ในความมืดมิดเราก็ยังจะโผบิน
                                 ทะยานขึ้นไปให้พ้นความหวาดกลัว
                                     เฝ้าแต่ภาวนาให้โลกนี้พ้นภัย
                        และยังต่อสู้ไปอย่างมุ่งมั่นเพื่อนำแสงสว่างให้หวนคืน
                                     ดำเนินชีวิตทั้งที่รู้ว่าจะต้องตาย
                                 ด้วยใจรักจนถึงวันที่ทุกอย่างจบสิ้นลง
                            ยังเลือกที่จะหวังแม้ความหวังกำลังพังทลาย
                        และยังเชื่อในพลังของเพื่อนรอบกายจนวายชีวา



                                           Into the darkness we will fly
                                             Soaring above our fears
                                       Praying this world will survive
                                     Fighting and striving for the light
                                   Living life knowing that we must die
                                                 Loving until the end
                             Choosing hope when all hope has seemed lost
                                And believing in the strength of our friends



                                      แม้หาก ออราเคิ่ล ช่วยรักษา
                                       ขจัดโรคาให้พ่ายพ้น  
                               ความมืดมิดถูกพิชิตจนหมดสิ้นลง
                                  ง้้นฉันก็จะคงดำเนินตนสืบต่อไป

                                           If the Oracle can heal
                                    If the plague can be removed
                                    And the darkness overcome
                                         Then I'll carry on, too



                              ฉันต้องยอมมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นผู้ถูกสังเวยงั้นหรอ?
                                 ฉันจะต้องตายในสิ่งที่ถูกต้องใช้หรือเปล่า ?
                                ฉันยังกล้าที่จะเชื่อในความหวังอยู่อีกหรอ 
                                เมื่อยังอยู่รายรอบด้วยค่ำคืนที่ไม่มีวันจบลง 

                                           Must I live to sacrifice?
                                     Must I die to make things right?
                                          Do I dare believe in hope
                                          When surrounded by night?



                               เรายังคงสู้แม้กระทั่งกับศัตรูที่โหดร้ายอำมหิต
                          ต้องแข็งแกร่งยืนหยัดเพื่อโอกาสที่ไม่มีวันเป็นไปได้
                         ให้ทั้งหมด ทุกอย่าง กับผองเราเท่าที่พวกเขาต้องการ
                                         โดยไร้ซึ่งราคาและค่าต่อรอง 
                            ยังเลือกที่จะหวังแม้ความหวังกำลังพังทลาย
                             และยังเชื่อในพลังของเพื่อนรอบกายจนวายชีวา



                                    We fought even the fiercest of foes
                                          Strong against all the odds
                          Giving our all when friends needed us most
                                         Without ever counting the cost
                          I chose hope when all hope had seemed lost
                            And I believed in the strength of my friends

            


                                                   [Noctis]-   ไง Umbra ……






                                         [Noctis]-   จะรออยูที่ Hammerhead งั้นหรอ ..




                                           Libertus – ผมดีใจมากที่คุณยังปลอดภัย




Noctis – พวกคุณทำทั้งหมดนี่เพื่อผมงั้นหรอ?
Gentiana – ทั้งหมดนี้เพื่อราชาแห่งราชา มันไม่ใช่การเสียสละอย่างไร้ค่าหรอก พวกเขาต้องรีบทำมันเพื่อปูทางไปยังบัลลงย์หินสำหรับทายาทผู้ชอบธรรม เส้นทางของเราคงจะต้องไม่ได้มาบรรจบกันอีกแล้ว 
Noctis – ขอบคุณมาก ชั้นหวังว่าพวกเขาจะทำเหมือนกัน 


       

                     

    -------------------------------------- THE END OF LIGHT ------------------------------------------



                                            เรื่องราวหลังจบเนื้อเรื่องหลัก

หลังจบโหมดเนื้อเรื่อง เมื่อโหลดเข้ามาในเมืองอีกครั้งจะพบว่า Gladio , Prompto และ Ignis กำลังเดินทางด้วยรถกระเช้าเข้ามาในเมืองอีกครั้งพร้อมๆกัน


Gladiolus – สงสัยว่าชั้นคงต้องเห็นพวกแกไปตลอดชีวิตแน่ๆเลย
Ignis – ครั้งสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน คงเป็นตอนที่คุยกับ Gentiana ล่ะมั้ง?
Prompto – ใช่เลย ดูเหมือนชั้นจะคิดถึงพวกนายทุกครั้งที่เข้ามาในเมืองเลย
Gladiolus – ก็ดี นอกจากจุดประสงค์ที่จะมาหาเสบียงแล้วเนี้ย ชั้นยังตั้งใจมาหาใครคนนึงด้วย
Prompto – ดะ เดี๋ยวๆ ชั้นก็เหมือนกัน หมายถึงเขาคนนั้นป่ะ?
Ignis – เหมือนเรา 3 คนจะมีจุดประสงค์เดียวกันเลยนะคราวนี้ 
Gladiolus – ชั้นเดาว่าเจ้า Glaive หนุ่มคนั้นคงอยากจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองอ่ะนะ ซึ่งถ้าได้เขามาช่วยเราฝึก Glaive คนอื่นๆเราต้องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากแน่ๆเลย 
Prompto – งั้นหรอ? จะไปหาที่ฝึกทำไมในเมืองเราสามารถนำการฝึกเข้ามาหาเราเองได้ ?




แมทช์การต่อสู้แบบขอแก้มือจึงเริ่มต้นอีกครั้งที่หน้าโรงไฟฟ้า โดยสามารถเลือกสู้ได้กับทั้ง 3 คนที่ละคนหรือทั้ง 3 คนพร้อมกันเลยก็ได้

Rematch: Shattering the Shield การประลองกับ Gladio เมื่อเอาชนะเขาได้จะได้ Tainted Club เป็นรางวัล


Tainted Club เลเวลเต็มที่ 40 สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
- Seismic Shaker เลเวลเต็มที่ 70
พัฒนาจากการอัพเกรด  Tainted Club ให้ได้ค่า Vitality 30 %  และ Strength 30 % Spirit  30 %  ขึ้น ไป
Ability - Charge Strike: Clearout

Rematch: Handing it to the Hand  ประลองกับ ignis เมื่อเอาชนะเขาได้จะได้ Hammerhead เป็นรางวัล


-Hammerhead เลเวลเต็มที่ 30 สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
Ironskull Hammer เลเวลเต็มที่ 60
พัฒนาจากการอัพเกรด  Hammerhead  ให้ได้ค่า Vitality 20 %  และ Strength 20 % Magic 20 %  Spirit  20 %  ขึ้น ไป
Ability – Supercharge Strike (เพิ่มพลังโจมตีให้ท่าชาร์จพลังตีสูงสุด)
Dreadnought เลเวลเต็มที่ 99
พัฒนาจากการอัพเกรด  Ironskull Hammer  ให้ได้ค่า Vitality 50 %  และ Strength 50 % Magic 50 %  Spirit  50 %  ขึ้น ไป

Rematch: Besting the Buddy ประลองกับ Prompto เมื่อเอาชนะเขาได้จะได้ Wing Edge เป็นรางวัล


- Wing Edge เลเวลเต็มที่ 30 สามารถพัฒนาเปลี่ยนรูปร่างเป็น
Yagyu Darkrood เลเวลเต็มที่ 50
พัฒนาจากการอัพเกรด  Ironskull Hammer  ให้ได้ค่า Vitality 20 %  และ Strength 20 % Magic 20 %  Spirit  20 %  ขึ้น ไป

Trouncing the Royal Retinue การประลองกับ gladiolus , Ignis และ Prompto พร้อมๆกัน เมื่อชนจะได้คีย์ไอเทม Crownguard Sigil ตราสัญลักษณ์ยืนยันความเป็น Glaive อย่างเป็นทางการมาครอบครอง




เควสใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในเมนูเควสของ Galdin Quay  คือ Rematch The Bladekeeper’s Trial [LV50]


การต่อสู้กับ Bahamut อีกรอบในระดับเลเวล 70 ที่มีความยากมากกว่าเดิม เลเวลที่จะเข้าต่อสู้ให้ได้ผลนั้นก็สำคัญที่ต้องใกล้เคียงกัน Bahamut นั้นจะมีทางโจมตีหนักมากมายแถมยังมีการแบ่งภาคการต่อสู้โดยเมื่อพลังลดมากกว่าครึ่งมันจะระเบิดพลังเพิ่มการโจมตีให้หนักมากขึ้นอีก


เทคนิคการต่อสู้กับ Bahamut ให้ได้ผลนั้น จำเป็นต้องสวมใส่ The Justs Sigil เพื่อใช้ Skill Omniguard ที่สามารถกดสี่เหลี่ยมสร้างบาเรียขนาดกว้างสองชั้นที่มีพลังป้องกันสูง เพิ่มพลังป้องกันและเพิ่ม HP ให้คนที่อยู่ในรัศมี และค่อยๆกิน MP ไปทีละนิด จะทำให้สามารถป้องกันการโจมตีของมันให้ตัวเองและเพื่อนให้อยู่รอดนานขึ้นมาก ส่วนการโจมตีที่ได้ผลจำเป็นต้องใช้ท่า Chain-warp โจมตีอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่จะใช้ท่านี้ ต้องรอให้ Bahamut ใช้การโจมตีโดยการพุ่งขึ้นฟ้าแล้วอัดกระแทกดาบลงมาที่พื้น ในช่วงนี้จะมีจังหวะที่ปุ่มสี่เหลี่ยมรอสวนขึ้นมาให้กด กะจังหวะกดให้ทันเพื่อใช้ท่า Chain-warp โจมตีจะสร้างความเสียหายให้มันได้มากกว่าโจมตีปกติ


พยายามใช้บาเรียป้องกันการโจมตีแบบปกติของมันแล้วรอสวนกลับด้วยท่า Chain-warp ตอนมันพุ่งขึ้นฟ้าอัดกระแทกลงพื้นไปเรื่อยๆก็จะสามารถจัดการมันได้ เมื่อจัดการมันได้ก็จะได้คีย์ไอเทมตราสัญลักษณ์ The Bladekeeper’s Sigil มาครอบครอง



Prompto - เหล่า Glaives พวกนั้นพวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อพวกเราแท้ๆเลย ถ้าไม่ได้พวกเขาเราคงไม่ได้มีโอกาสมาอยู่ด้วยกันตรงนี้หรอก
Noctis - ชั้นรู้ ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็อยากจะขอบคุณพวกเขาด้วยตัวเองซักครั้งเหมือนกัน แม้กระทั้งยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความมืดมิด พวกเขาก็ยังจะสู้เพื่อแสงสว่าง 
Gladiolus - พวกเขาไม่ได้สู้เพื่อแสงสว่าง พวกเขาสู้เพื่อให้ความหวังยังคงอยู่ ถ้านายอยากจะขอบคุณพวกเขาจริงๆนายก็จงเป็นความหวังนั้นให้พวกเขาจะดีกว่า
Ignis - และถึงที่สุดแล้วเราก็ให้คำมั่นสัญญากับนายเลยว่า เราในฐานะ Glaives ก็จะช่วยกันปกป้องราชาของเราอย่างเต็มกำลังเช่นกัน จริงมั๊ย?
Noctis - ขอบคุณนะ ...... เราคงต้องลุยกันอีกไกล ไปเตรียมตัวกันให้พร้อมไว้จะดีกว่า 





--------------------------------------------- THE END ----------------------------------------------------



                                                       UPDATE 4 / 12 / 17




ไม่มีความคิดเห็น: