วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Thief




                                                        บทสรุป Thief

BY Decibel per – oxide

ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งที่เมืองนี้สอนผมก็คือ คุณสามารถตีราคาให้กับทุกอย่างได้เสมอ 
ความลับ , ชื่อเสียง, ชีวิต หรือ แม้กระทั้ง ความเชื่อ
เพราะถึงคุณจะร้องขอให้ได้มายังไงรับรองว่าไม่มีใครหยิบยื่นให้คุณง่ายๆแน่นอน
แต่สมมุติว่า ถ้าคุณเป็นผม สิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก
ก็น๊ะ.. ผมเคยจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ว่านั้นซะที่ไหน ผมขโมย จากพวกมันต่างหาก



เสียงอรรมถบทจากชายลึกลับที่ซุ่มเงียบท่ามกลางความมืดในหน้าต่างห้องที่ไม่ใช่ของเขายามค่ำคืน เพียงเพื่อจะบอกถึงงานที่เขาทำว่าอาจเพียงเพราะความอยากได้ อยากมี หรือ การพยายามที่จะแสดงความเท่าเทียมในสังคมเน่าเหม็นผ่านการหยิบฉวยสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง สำหรับ Garrett นั้นเขาไม่ได้สนว่าสิ่งที่ทำนั้นสมควรจะเรียกว่า ขโมย หรือแค่ ความชอบธรรมในเงามืด การพิสูจน์ฝีมือที่สุดฉกาจของตัวเอง คือปรัชญาเดียวที่จอมโจรผู้นี้ยึดเหนี่ยวมานานแสนนาน  ท่ามกลางเมือง The City ที่เต็มไปด้วยการกดขี่จากผู้มีอำนาจและความทุกข์ทรมานจากโรคร้าย สิ่งที่ Garrett ทำอาจเป็นกระแทกหน้าความอยุติธรรมในสังคมเพื่อบ่งบอกให้ผู้มีอำนาจที่ฉ้อฉลรู้ว่า เขาก็สามารถแย่งชิงทุกอย่างมาจากทุกคนที่กดขี่และพรากทุกอย่างไปจากเขาได้เช่นกัน

Prologue: The Drop 
จากนั้นก็เริ่มทำการเก็บของทุกชิ้นในห้องของชายผู้โชคร้ายที่เมามายจะไม่มีวันรู้ว่ากำลังหมดตัว เก็บของทุกอย่างให้หมดจากนั้นออกทางหน้าต่างด้วยปุ่มสารพัดประโยชน์ ( LT )
** ปุ่ม LT คือทุกอย่างในการเคลื่อนไหวตั้งแต่การวิ่ง พุ่งตัว กระโดด โหนเชือก และทุกอย่างที่สุดพริ้วไหวในระหว่างหนีได้ด้วยการกดค้างไว้เท่านั้น **
เมื่อไต่คานไม้มาบ้านตรงข้าม เปิดหน้าต่างเข้าไปจะเป็นชั้นบนของบ้านที่เต็มไปด้วยกรงนก เก็บของให้หมดและเรียนรู้การค้นหาที่ซ่อนตู้เซฟด้วย



** การค้นหาที่ซ่อนตู้เซฟหลังรูปภาพนั้น ใช้แกนอนาล็อกซ้ายไล่ค้นหาตามขอบของกรอบรูปจนกว่าจุดวงกลมจะเป็นสีขาวกำการกด RT เพื่อกดสวิตซ์ที่ซ่อนอยู่หลังรูปได้เลย **
** การเดาะกุญแจประตูที่ล็อคด้วย Pick lock ก็ใช้แกนอนาล็อกซ้ายวนหาจนกว่าวงกลมจะเป็นสีขาวแล้วค่อยกด RT ทำให้ครบทุกอันก็จะเปิดประตูได้ **




เก็บของทุกอย่างมาให้หมดโดยเฉพาะของที่มีค่าที่สุดคือ Glittering plumage ในหีบใหญ่ จากนั้น Garrett จะรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนบนหลังคาทำให้รู้ว่ามีคนเข้ามาร่วมแจมงานนี้ด้วยแล้ว ออกทางหน้าต่างไปที่ระเบียงไม้ กดปุ่มทิศทางขึ้นบนเพื่อเลือกใช้ไอเทม Rope Arrow แล้วกด RT เงยหน้าไปข้างบนก็จะเห็นไม้ที่สามารถยิงไปยึดเกาะได้ กด LT โดดปีนขึ้นไปด้านบนจนถึงดาดฟ้า Garrett จะพบกับหัวขโมยสาวเพื่อนเก่า Erin เธอทักทาย Garrett ก่อนที่บอกให้ตามเธอมา ซึ่งสำหรับ Garrett แล้ว Erin ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมอาชีพแต่เป็นตัวป่วนที่หาเรื่องมาให้ตลอด จากนั้นก็วิ่งตามเธอไปด้วยปุ่ม LT หลบสิ่งกีดขวางจนถึงทางเดินในซอยก็จะเริ่มพบพวกการ์ดที่เดินไปมา หลบการ์ดแล้วตาม Erin ปีนขึ้นไปตามทางจนถึงห้องๆนึง หลังจากขโมยทุกอย่างจนหมดแล้ว Erin จะบอกข้อมูลถึงเป้าหมายของเธอที่เป็นของมีค่าที่อยู่ในโบสถ์ในเขตบ้านพักของเจ้าเมือง เธอจึงชวน Garrett ไปดูลาดลาวด้วยกันเพื่อจะได้อะไรดีๆติดไม้ติดมือมาบ้าง



เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงคฤหาสถ์เป้าหมายจะพบว่าเต็มไปด้วยการ์ดที่เข้ามาอารักขามากมาย ซึ่งทำให้ Erin ถึงกับกังวล แต่สำหรับ Garrett แล้วยิ่งมีการป้องกันเยอะแสดงว่ามีของมีค่าแน่นอน จากนั้นก็เริ่มลอบเข้าไปได้เลย ตาม Erin ไปเรียนรู้การฉกเงินจากกระเป๋าการ์ดจากด้านหลัง (กรณีที่ไม่อยากอัดมันให้เปลืองแรง) จากนั้นลอบเข้าไปถึงสะพานที่มีทหารยืนเฝ้าอยู่ ค่อยๆข้ามน้ำช้าๆ เงียบๆ ไปฝั่งด้านในเข้าไปเก็บ Water Arrow ในกล่องมา กดปุ่มทิศทางขึ้นบนเลือกใช้ แล้วกด RT ยิงธนูน้ำไปที่คบเพลิงตรงหน้าการ์ด แล้วหลบผ่านความมืดเข้าไปที่สวนด้านใน Erin ก็ได้จัดการการ์ดที่นั่นไปได้คนนึงแล้ว คนที่เหลือก็ลอบเข้าไปด้านหลังกด RB ฟาดมันให้สลบได้เลย แต่ Garrett สำรวจดูจะพบว่า ด้วยความมักง่าย Erin ได้ใช้ถุงมือกรงเล็บของเธอฆ่าการ์ดไปแล้ว ซึ่งทำให้ Garrett โกรธมากเพราะอดุมการ์ณของเขาคือขโมยไม่ใช่นักฆ่า เขาย้ำเตือน Erin อีกครั้งว่า ห้ามฆ่าใครโดยไม่จำเป็นอีก จากนั้นลอบเข้าไปต่อจนถึงทางเดิน เรียนรู้การใช้สิ่งของเบี่ยงเบนความสนใจการ์ด เมื่อเก็บไอเทมที่ใช้ในการขว้างได้ก็กด RT ขว้างสิ่งของไปที่ที่ทำให้การ์ดเป้าหมายอยู่ในตำแหน่งที่จะอัดมันด้านหลังได้ ลอบปีนข้ามรั่วไปจนถึงด้านบนจะพบ Erin ฆ่าการ์ดอีกแล้ว หลังจากบ่นยังไงก็ไม่พัง Garrett เลยฉวยโอกาสขโมย ถุงมือกรงเล็บของเธอมาซะ

เมื่อทั้งคู่ลอบขึ้นไปจนถึงดาดฟ้าของโบสถ์ จะเริ่มเห็นกลุ่มนักบวชกำลังทำพิธีบางอย่างอยู่ แต่นั้นไม่ได้น่าสนใจเท่า แหวนมรกตที่หัวหน้านักบวชเอาออกมาจากคัมภีร์เพื่อทำพิธีอยู่ตรงหน้า แต่ Garrett ที่เห็นถึงการทำพิธีที่ดูไม่ชอบมาพากลเขาจึงรู้ได้ว่าสมควรต้องหนีแล้ว แต่ Erin กลับไม่ยอมเธอยังพยายามที่จะปีนเข้าไปทางหลังคา แต่เมื่อเธอรู้ว่า Garrett ขโมยถุงมือกรงเล็บเธอไปแล้ว เธอจึงเข้ามาแย่งทันที ทั้งคู่ต่างกำลังทะเลาะกันจนการ์ดเริ่มเห็นผู้บุกรุกบนหลังคาแล้ว ในขณะที่พิธีประหลาดของนักบวชก็ยังดำเนินไป Garrett และ Erin แย่งถุงมือกรงเล็บกันไปมาจน มันกระเด็นไปตกบนกระจกกลางหลังคาโบสถ์ Erin ก็ยังไม่หยุดเธอพยายามปีนกระจกขึ้นไปเอาถุงมือกรงเล็บในขณะที่ Garrett พยายามจะห้าม แต่ก็สายเกินไปเมื่อกระจกหลังคาโบสถ์แตกออกทำให้ร่างของ Erin ตกลงไปตรงกลางลำแสงกลางกลุ่มนักบวชที่กำลังทำพิธีพอดีจนเกิดการระเบิดเป็นแสงจ้า Garrett ที่พยายามจะโดดไปช่วยด้วย ถุงมือกรงเล็บ ของ Erin ก็ไม่สามารถช่วยเธอไว้ทัน ขณะที่ยามมากมายก็บุกเข้ามาจับ Garrett ถึงแม้จะเป็นห่วง Erin แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องรีบหนีออกจากพื้นที่ทันที
    
Chapter 1: Lock Down
เป็นเวลาเกือบปีแล้วหลังจาก Erin หายสาปสูญไปท่ามกลางปริศนามากมายที่ยังดำมืด ท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยโรคร้ายี่เรียกกันว่า Gloom ทำให้ชาวเมืองล้มตายกันมากมาย แต่นั่นไม้สำคัญไปกว่าการปกครองเมืองด้วยความโหดเหี้ยมจาก Baron Northcrest เจ้าเมืองพยายามจะควบคุมทุกอย่าง Garrett เองก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขายังทุ่มเทที่จะหาเบาะแสของ Erin ให้พบให้ได้ถึงแม้การเคลื่อนไหวของเขาเองในเมืองที่เต็มไปด้วยศัตรูนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ซึ่งมีหลายสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้ก่อนเล่น
……………………………………………………………………………………………………




สิ่งที่ต้องเรียนรู้ในโลกของหัวขโมย
- จำไว้ว่า เป้าหมายในการเดินทางนั้นอาจมีหนึ่งเดียว แต่หนทางที่จะมุ่งไปสู่จุดหมายนั้นมีหลากหลาย ตามแต่คุณเห็นสมควร ซึ่งก็สามารถแบ่งเป็นสไตล์ต่างๆได้คือ
1. Ghost การสุ่มเงียบในการทำภาระกิจแบบไม่ให้ศัตรูพบตัวเลย
2. Predator เน้นการปะทะ จัดการตัวศัตรูทั้งลอบกัดและแบบซึ่งๆหน้า
3. Opportunist ใช้ทางสายกลางทำตามสถานะการ์ณทั้งซุ่มเงียบและพร้อมที่จะเข้าไปอัดศัตรูเมื่อคราวจำเป็น
- การใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัวในพื้นที่กับอุปกรณ์ที่มี รอบๆพื้นที่มีสิ่งของมากมายที่สามารถนำมาใช้สร้างความได้เปรียบให้เกิดประโยชน์กับการเดินทางผ่านอุปสรรค์ ทั้งการดับไฟ การก่อกวน การเบี่ยงเบน
- จำไว้ว่า Garrett นั้นเป็นขโมยหาใช่นักฆ่าฝีมือฉกาจ ภาระกิจหลักของเขาคือ ลับลอบ แทรกซึมโดยหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เพราะการปะทะกันซึ่งๆหน้านั้นไม่ใช่วิถีของโจร ซึ่งมันอาจจะทำให้ Garrett ตายได้ง่ายๆเลย
- การ์ดและศัตรูจะมีระยะในการมองเห็น โดยจะแสดงเป็นรูปดวงตา ซึ่งถ้าเป็นสีขาวแสดงว่าเข้ามาใกล้ เมื่อเป็นสีเหลืองแสดงว่าเริ่มทำการตรวจสอบ และเมื่อมันพบเจอผู้บุกรุกก็จะเป็นสีแดง
- ความมืด นั้นสำคัญที่สุด เพราะทุกครั้งที่ Garrett เข้าไปหลบอยู่ในที่ที่ไม่มีแสงจะทำให้ศัตรูมองเห็นได้ยากขึ้น เรียนรู้ในการดับเทียน และดับคบเพลิงเพื่อความสะดวกในการเดินทาง
- ความเงียบ ทุกย่างก้าวนั้นจะมีทั้งเสียงเดิน การเหยียบเศษสิ่งของ น้ำ และต่างๆนานาที่ว่ามาคือหายนะที่ทำให้ศัตรูรู้ตัว ต้องพยายามเคลื่อนที่ให้เบาที่สุด
- ก้มต่ำ ด้วยการกด แกนอนาล็อกซ้ายลงไปตรงๆเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการทำให้ศัตรูมองเห็นได้ยากขึ้น
- กระบอง Black Jack ที่การโจมตีจากด้านหลังด้วยปุ่ม RB ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งถ้าใช้วิธีนี้จำเป็นต้องเก็บร่างของเหยื่อไม่ให้คนอื่นมาพบด้วย นอกจากนั้นปุ่ม RB ยังสามารถใช้ในการกระโดดโจมตียามอยู่ที่สูงกับเหยื่อที่อยู่ต่ำว่าได้ด้วย และในกรณีที่ต้องต่อสู้ปุ่ม RB ก็ยังสามารถใช้กระบอกอัดศัตรูได้ด้วย (แต่การต่อสู้ก็ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายน๊ะ เพราะขโมยอย่าง Garrett ไม่ได้มีพลังการโจมตีที่รุนแรงน๊ะครับ เพราะส่วนใหญ่เมื่อเกิดการต่อสู้แบบจังๆแล้ว Garrett ก็ตายสนิททุกทีเหมือนกันครับ )
…………………………………………………………………………………………………….

การเคลื่อนไหวในแบบหัวขโมย
A – เกมนี้ไม่มีปุ่มกระโดดครับ ปุ่ม A จึงแทนที่การแดชด้วยความเงียบแทน (กินแรงความเหนื่อย)
B – ยกเลิก
X – สำรวจ เลือก เก็บสิ่งของ
Y – ใช้ตาจักรกล ซึ่ง Mechanical Eye นั้นให้ประโยชน์สูงสุดกับทุกอย่างในการทำภาระกิจครับ ตั้งแต่ทำให้มองฉากในความมืดได้ง่ายขึ้น มองเห็นกับดักและสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้ง่ายขึ้น ใช้มาร์กตำแหน่งดูความเคลื่อนไหวของศัตรู และมองเห็นทุกอย่างที่ตาเปล่ามองไม่เห็น แต่ทั้งหมดนั้นจำเป็นต้องใช้ค่า Focus ในการใช้งานด้วย โดยเกท Focus ก็คือเกทสีฟ้าที่อยู่รอบๆเกทสีเขียวพลังชีวิต ซึ่งเมื่อใช้จนแล้วจะสามารถเติมได้ด้วยไอเทม ดอกป๊อบบี้(Focus Energy) เท่านั้น และเพราะการใช้ Focus นั้นทำให้คุณสะดวกสบายในการเดินทางมากๆ Focus Energy จึงถือว่าเป็นไอเทมที่จำเป็นและทำให้มันหาเจอยากมากๆด้วย (ถ้าไม่ขยันหาก็จะไม่มีใช้) 
LB – ใช้ผ้าคลุม
RB – โจมตีด้วยกระบอง
LT – วิ่ง กระโดด โหนเชือก และ ทุกอย่างในการเคลื่อนไหว
RT – ยิงธนู ขว้างสิ่งของ
LS – บังคับทิศทาง / กดลงตรงในการย่อง
RS – บังคับมุมกล้อง / กดลงตรงๆในการซูมภาพ หรือในกรณีที่มองหาเป้าหมายไม่เจอ
ปุ่มทิศทาง D – Pad – กดขึ้นบนเพื่อเลือกใช้ไอเทมและอุปกรณ์ต่างๆ
…………………………………………………………………………………...........................

Garrett ลอบเข้าเมืองส่วนในด้วยการหลบอยู่ในรถขนศพของพวกชาวเมืองจนสามารถผ่านเข้ามาได้ เป้าหมายแรกคือการกลับไปที่รังเก่าที่หอนาฬิกา เพื่อใช้เป็นที่ซ่อนตัวและรับข่าวสารจากเพื่อนฝูง ซึ่ง Claw กงเล็บของ Erin ที่อยู่กับ Garrett ก็ทำให้เขาสามารถใช้เกาะไปตามจุดที่มีลูกกรงสีฟ้าๆอยู่ได้ จากนั้นลอบเข้าไปในเมืองจะเห็นว่าร้านค้าปิดตัวไปกันอย่างมากอันเนื่องมาจากโรค Gloom ที่ระบาดอย่างหนัก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ Garrett สนใจมากไปกว่าหนึ่งในร้านที่ปิดอยู่ตรงข้ามถนนคือร้านเพรชที่ยั่วใจเขาอย่างมาก บนถนนมีการ์ด 2 คนเดินลาดตระเวณอยู่ หาจังหวะเหมาะๆแล้วรีบข้ามไปหน้าประตูร้านแล้วรีบสะเดาะกุญเข้าไปก่อนการ์ดมันจะเดินมาเห็น ด้านในร้านมียามอยู่ด้วย ทั้งที่เดินอยู่และหลับยาม จัดการตามสมควรแล้วเก็บเครื่องเพชรในร้านมาให้หมด โดยเฉพาะของสะสมชั้นดีอย่าง Jeweled Mask ในลิ้นชักหน้าร้าน จากนั้นลอบขึ้นด้านบนระวังการ์ดที่หลับอยู่กับเจ้าของร้านในห้องด้วย เป้าหมายคือทะลุหน้าต่างชั้นบนลงไปที่ซอยด้านหลังต่อ งัดหน้าต่างบ้านตรงข้ามผานเข้าไปด้านในทะลุออกมาด้านหน้าของถนน หลบยาม 2 คนด้วยการปีนไปบนทางเดินชั้นระเบียงของบ้านทางซ้ายแล้วโดดไปที่ระเบียงบ้านฝั่งขวาก็จะเดินข้ามหัวการ์ด 2 คนบนถนนไปได้ เมื่อปีนขึ้นไปด้านบนก็จะมาถึงถนนหน้าหอนาฬิกาแล้ว 



Clock Tower หอนาฬิกา จะเป็นเสมือนฐานลับ ที่ซ่อนตัว และที่รับข่าวสารจากพันธ์มิตรของ Garrett ก่อนออกปฏิบัติการ์ณนั่นเอง ด้านล่างมีที่สะสมของที่ขโมยมาและตู้เก็บของ เมื่อขึ้นไปชั้นบน Garrett จะเห็นข้อความบางอย่างของเพื่อนเก่า Basso ที่ถูกส่งมาทางนกพิราบ ทำให้รู้ว่าได้เวลากลับไปเยี่ยมเพื่อนเก่าเพื่อหาข้อมูลเพิ่มบ้างแล้ว จากนั้นจุดกระพริบที่หน้าต่างคือจุดที่ออกไปที่โลกกว้างตามภาระกิจของเนื้อเรื่อง ซึ่งเป้าหมายต่อไปก็คือร้าน Crippled Burrick ของ Basso ที่อยู่ในตลาด Stone market นั่นเอง

จากนั้นเดินทางมายังเขต Stone market ผ่าน Plaza จะพบร้าน Crippled Burrick ของ Basso อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ลอบหลบการ์ดเข้าไปในร้านจะพบ Basso เพื่อนเก่าที่ดูเหมือนเขาจะเห็น Garrett เป็นตัวซวยมากกว่า (ซึ่งแม้ Garrett จะเคยช่วยเหลือเขาเอาไว้มากมายในเนื้อเรื่องภาคแรก) Garrett พยายามเล่าเหตุการ์ณการหายตัวไปของ Erin เมื่อ 1 ปีก่อนเพื่อขอความช่วยเหลือจาก Basso ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหลังจากกัดกันซักพัก Basso จ้าวแห่งข่าวสารก็อดไม่ได้ที่จะอยากช่วยเพื่อน Basso จึงแนะนำให้ไปพบกับ Queen of Beggars ที่ร่ำลือว่าเธอเป็นผู้รู้ที่รับรู้การเคลื่อนไหวของเมืองนี้ทุกเรื่อง ซึ่งเธอจะอยู่ที่สุสานเก่า และก่อนที่ Garrett จะออกจากร้าน Basso ก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำตัวเองอีกครั้งว่า อย่าลืมมารับงานที่เป็นเควสย่อยต่างๆจากผู้ว่าจ้างด้วย นั่นแปลว่า Basso มีงานดีๆที่เป็นภาระกิจย่อยให้เลือกทำมากมายในร้านของ Basso Jobs นั่นเอง



คุยจบออกจากร้านทางประตูหลังจะพบพ่อค้าเร่ ที่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์และมีไอเทมต่างๆขายมากมาย





 จากนั้นเดินทางต่อไปยังเขต Old Chapel ผ่านสุสานไปจนถึงโบสถ์เก่า ด้านในจะพบกับหญิงชราฉายาว่า Queen of Beggars (หรือเทพธิดาแห่งคนยากนั่นแหละ ^_^) กับผู้ดูแลของเธอ Garrett รีบเข้าไปสอบถามถึงเรื่องของเหตุการ์ณของ Erin ทันที หญิงชราก็บอกว่าเธอเองก็รู้ถึงข่าวการตายของกลุ่มบาทหลวงในเหตุการ์ณวันนั้น จึงแนะนำได้แค่ว่า ให้ Garrett ลองไปหาหลักฐานการตายจากศพพวกนักบวชดูที่โกดังเผาศพเพื่อจะได้อะไรดีๆมาบ้าง และก่อนที่ Garrett จะออกจากโบสถ์ หญิงชราก็ได้บอกกับเขาไปว่า ระวังความมืดเอาไว้ให้ดีด้วย

**************************************************************************

หลังจบภาระกิจก็จะได้ Point ที่เรียกว่า Focus Point มา 1 อัน ซึ่งสามารถนำไปอัพเกรดความสามารถต่างๆของ Garrett ได้ ซึ่งสามารถซื้อ Focus Point จาก Queen of Beggars ได้ด้วย (แพงใช่เล่นเลยล่ะครับ)

                                                         Focus update

[Intution] เพิ่มการตอบสนองในสัญชาติญาณในการหยั่งรู้เมื่อใช้ Focus Mode ในการมองหาเป้าหมายต่างๆในการขโมย
Level I
- เมื่อใช้ Focus Mode จะทำให้เห็นเป้าหมายที่จะขโมยต่างๆที่เป็นสีฟ้า ได้ไกลขึ้น
- เมื่อใช้ Focus Mode จะทำให้เห็นเป้าหมายสำคัญทั้งหมดทั้งสิ่งของที่ขโมยได้ จุดแก้ปริศนา รวมทั้งศัตรูที่อยู่ในห้องเป็นสีฟ้า
- เมื่อใช้ Focus Mode จะทำให้เห็นกับดักต่างๆที่เป็นอันตรายเป็นจุดสีแดง
Level II
- เมื่อใช้ Focus Mode จะทำให้เห็นเป้าหมาย collection items ต่างๆที่ซ่อนอยู่เป็นสีฟ้า
- เมื่อใช้ Focus Mode จะทำให้เห็นรอยนิ้วมือต่างๆได้ชัดขึ้น

[Dexterity]  ความคล่องแคล่วในการขโมย
Level I
- ล้วงกระเป๋าเป้าหมายได้มูลค่าที่เยอะขึ้น
Level II
- เมื่อใช้ Focus Mode จะทำให้ปริสิทธิภาพในการหยิบฉวยสิ่งของและล้วงกระเป๋าเป้าหมายดีมากขึ้น (ล้วงกระเป๋า 2 เป้มายที่ใกล้ๆกันได้สบายๆ)
- ล้วงกระเป๋าเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้น

[Sense] การเพิ่มความสามารถในด้านการลดการเกิดเสียงต่างที่ไม่พึงประสงค์ยามปฎิบัติภาระกิจ
Level I
-ทำให้เสียงส่งผลกับศัตรูที่อยู่ในระยะใกล้ลดน้อยลง
Level II
- ทำให้เสียงส่งผลกับศัตรูที่อยู่ไกลๆลดน้อยลง (ทำเสียงดังต่างๆแล้วมันไม่ตามมาดูนั่นแหละ)

[Combat] ความสามารถในการต่อสู้
Level I
- เมื่อใช้ธนูยิงใส่ศัตรูจะทำให้มันมึนงง
- เมื่อใช้ Focus Mode ในขณะต่อสู้จะสามารถโจมตีลำตัวได้หนักกว่าเดิม
Level II
- เมื่อใช้ธนูยิงใส่ศัตรูจะทำให้มันสลบ
-เมื่อใช้ Focus Mode ในขณะต่อสู้จะสามารถโจมตีที่หัวได้หนักกว่าเดิม

[Speed] เพิ่มประสิทธิภาพในด้านความเร็ว
Level I
- เพิ่มความเร็วในการต่อสู้ ลวงกระเป๋า สะเดาะกุญแจ เร็วขึ้นเล็กน้อย
Level II
- เพิ่มความเร็วในการต่อสู้ ลวงกระเป๋า สะเดาะกุญแจ เร็วขึ้นมากขึ้น

Efficiency การเพิ่มประสิทธิ์ภาพของการใช้โหมด Focus
Level I
- ทำให้ปริมาณการสูญเสียของค่า Focus ขณะในใช้งานลดลงช้าลงกว่าเดิมนิดหน่อย
Level II
-ทำให้ปริมาณการสูญเสียของค่า Focus ขณะใช้งานลดลงช้ามากว่าเดิมมากขึ้น

[Marksman] เพิ่มประสิทธิภาพของการใช้อาวุธ ธนู
Level I
- เพิ่มระยะการซูมยิงธนูให้ใกล้ยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้ค่า Focus
Level II
- เพิ่มความเร็วในการยิงธนูให้มากขึ้น

[Stealth] เพิ่มประสิทธิ์ภาพของการซุ่มเงียบ
Level I
-ทำให้การเคลื่อนไหวแบบซุ่มเงียบให้เงียบมากขึ้นเมื่อใช้ Focus Mode
- เพิ่มความเงียบในการกระทำทุกอย่างในขณะซุ่มเงียบให้มากขึ้น
Level II
- ทำให้การซ่อนตัวในที่มืดทำได้มิดชิดดีขึ้นเมื่อใช้โหมด Focus
ทำให้การซ่อนตัวทำได้ดีขึ้นแม้ยามอยู่กลางแสงไฟหรือที่โล่งแจ้ง

*****************************************************************************

Chapter 2: Dust to Dust
Garrett กลับมาที่หอนาฬิกาเพื่อเตรียมตัวออกไปค้นหาหลักฐานที่โกดังเผาศพตามคำแนะนำของ Queen of Beggars ต่อ จากนั้นออกจากหอนาฬิกาเดินทางออกมาที่เขตสุสาน โหนตัวลงมาที่ท่ระบายน้ำแล้วลอบปีนขึ้นไปด้านบนถนนทางฝั่งซ้ายที่เต็มไปด้วยยามมากมาย เป้าหมายคือสุดทางด้านในที่ต้องรีบเข้าไปสเดาะกุญแจประตูลุกกรงผ่านเข้าไปให้เร็วก่อนที่ยามจะเดินมา เข้ามาจนถึงลานด้านหน้าโกดังเผาศพของเมือง ขณะที่เดินเข้าไป Garrett จะรู้สึกถึงเสียงเรียกจาก Erin ที่ดังขึ้นในความรู้สึกของเขาอย่างประหลาด จากนั้นปีนขึ้นทางเสาฝั่งขวาขึ้นไปที่ทางเข้าหน้าต่างด้านซ้ายของโกดังก็จะเข้าไปด้านในได้
- เข้ามาด้านในได้แล้วก็ลอบเข้าไปตามทางในจุดหมายจนถึงห้องสายพานลำเลียงศพที่มีศพมากมายห้อยอยู่บนสายพาน โดดเกาะตะขอห้อยไปตามสายพานที่เลื่อนเข้าไปด้านใน แล้วรีบโดดลงมาด้านล่างก่อนถึงจุดที่ยามเข้ามาตรวจเช็ค
– ลอบเข้าไปต่อจนถึงห้องควบคุมซึ่งมีทางเข้า 2 ด้านและด้านในเต็มไปด้วยยาม เป้าหมายคือสะเดาะกุญแจเปิดกล่องใส่ของกลางห้องเพื่อเก็บกุญแจมาไขประตูด้านในไปต่อได้ เข้าไปต่อจนถึงห้องสายพานลำเลียงศพต่อไป โดดเกาะที่ตะขอเลื่อนไปตามรางเหมือนเดิม โดดลงล่างก่อนยามตรวจ แล้วลอบเดินใต้พื้นจนมาถึงห้องเตาเผาศพ
-
Garrett จะเห็นนายทหารคนนึงที่พวกลูกน้องมันเรียกว่า นายพล กำลังเข้ามาสั่งให้ตรวจหาศพของพวกนักบาชอย่างละเอียดจนมันได้แหวนของหัวหน้านักบวชไป ซึ่ง Garrett ต้องลอบเข้าไปขโมยกลับมาให้ได้ จากนั้นลอบออกจากห้องเตาเผาศพ ด้วยการใช้โต๊ะชำแหละศพในการหลบแล้วเคลื่อนตัวไปตามโต๊ะโดยอาศัยจังหวะการปิดเปิดของเตาเผาศพในการใช้ความมืดตอนเตาปิดผ่านไปที่ทางเข้าทางซ้ายของห้องจนถึงหน้าห้องนายพล
– หน้าห้องนายพลจะมีทหารที่หน้าห้องที่ต้องหลบลอบเข้าไป ส่องดูที่หน้าต่างจะพบนายพลกำลังเอาแหวนใส่ในเซฟ จากนั้นมองทางขวาของหน้าต่างจะมีจะแกรงสีฟ้าให้เกาะขึ้นไปที่ช่องระบายอากาศได้ ซึ่งจะเป็นทางมุดเข้าไปในห้องนายพลได้ เข้าไปเปิดเซฟก็จะเจอแหวน
Cornelius Ring แต่นายพลกลับมาพอดีจึงพยายามสั่งทหารให้พังประตูเข้ามาจับตัว
 - สะเดาะกุญแจประตูซ้ายออกไปจะพบว่ามีทหารมากมายที่ต้องทำคือลอบไปยังฝั่งขวาเพื่อโดดข้ามช่องด้านบนของประตูออกไปอีกด้านให้ได้ ปีนท่อน้ำขึ้นไปที่หน้าต่างออกมาด้านนอกก็ยังเจอทหารอีกหลายคน เป้าหมายคือลอบเข้าไปตรงโกดังทางขวาสุดเพื่อปีนหนีออกจากที่นี่

เมื่อ
Garrett  หนีออกมาจนพ้นและได้แหวนของ Cornelius มาแล้ว พอกลับมาที่หอนาฬิกาจะได้รับข้อความจากBasso ที่ส่งมาทางนกพิราบสื่อสาร เพื่อนัดให้ Garrett ไปหาเขาที่เขต Black Alley ต่อ ออกมายัง Stonemarket แล้วเดินทางอ้อมมาทางฝั่งขวาก็จะเข้ามายังที่นัดพบกับ Basso ด้านใน Basso จะแนะนำให้พบกับชายกลุ่มนึงที่ยินดีจะว่าจ้าง Garrett ให้ตามหานักสือลับเล่มนึงที่สำคัญมากโดยมันจะอยู่ใน House of Blossoms ซ่องนางโลมที่มีชื่อเสียงในเมือง (ถ้าแปลตรงตัวก็ ซ่องดอกไม้ นั่นแหละ ^_^) โดย Basso จะรู้ดีว่า Garrett คงไม่ทำตามให้ง่ายๆเขาจึงให้ข้อมูลสำคัญเพิ่มไปให้ด้วยแบบฟรีๆก็คือ ตำแหน่งของที่ซ่อนตัวของ Erin ก่อนที่เธอจะหายตัวไป Garrett จึงรีบรับงานทันที

เมื่อออกมาด้านนอกแล้วไม่ต้องบอกก็รู้ว่า
Garrett ต้องมุ่งหน้าไปที่ซ่อนตัวเก่าของ Erin ก่อนเพื่อตรวจสอบทันที จากนั้นก็ลอบหลบยามตามทางเพื่อเข้าไปที่เขต South Quarter จนถึงกังหันลมร้างซึ่งก็คือที่ซ่อนตัวของ Erin นั่นเอง สำรวจให้ทั่วแล้วมาทางฝั่งขวาดูดีๆจะพบว่าสามารถกดสำรวจที่ก้อนอิฐได้ ซึ่งก็จะเปิดทางลับให้มุดเข้าไปด้านในกังหันลมได้ 
- ด้านในต้องบอกว่าทั้งมืดและมีกับดักมากมายตามสไตล์รังโจรครับ แต่ถ้าพอมีค่า
Focus เหลือให้ใช้มองในห้องก็จะสามารถเห็นกับดักและสวิตซ์เปิดทางลับลงชั้นล่างต่อได้ แต่ถ้าไม่มีก็เรียกว่าเล่นเอามึนได้ง่ายๆ เมื่อผ่านลงมาที่ทางลับช้างใต้ได้ Garrett ก็ต้องตกใจเมื่อเขาได้พบกับ Erin อีกครั้งในสภาพตัวเรืองแสงเป็นสีฟ้าโปรงใส แถมยังชวนให้เล่นซ่อนหาในห้องใต้ดินที่มืดๆต่ออีก พยายามตามแสงจากตัว Erin ไปตามทางจนเข้าไปใกล้ตัวเธอได้ กดแกนขวา (RS) ลงไปตรงก็จะเป็นมองหาได้ด้วย เมื่อตามจนเจอแล้วเธอจะให้เล่นยินิเกมเพื่อจะได้ออกจากเวทย์มนต์ของเธอด้วยการตามสำรวจประกาศจับของ Garrett ในห้องนี้โดยตามสำรวจแต่เฉพาะรูปที่เป็นหน้าตรงเท่านั้น ก็จะทำให้ Garrett กลับมาที่โลกปกติได้ จากนั้นสำรวจที่ประกาศจับตรงหน้าที่เก็บสมบัติลับของ Erin ก็จะเปิดออก เก็บ ตราสัญลักษณ์ ด้านในมา แต่ Ern เธอก็กลับหายตัวไปก่อนที่จะบอกความลับต่างๆกับ Garrett ..
– จากนั้นก็ออกเดินทางตามหาหนังสือที่ได้รับงานมาต่อ ไปตามเป้าหมายที่ขึ้นมาจนถึงด้านหน้าซ่อง
House of Blossoms ที่มีประตูรั้วปิดอยู่ ขึ้นไปสับคันโยกที่ด้านบนขวา ประตูรั้วก็จะเปิดออกก็จะเข้าไปด้านในได้



Chapter 3: Dirty Secrets
- เข้ามายังตึกของซ่อง
House of Blossoms แล้วเป้าหมายคือลอบขึ้นไปยังห้องของ Xiao Xiao เจ้าของซ่อง House of Blossoms ที่ชั้นบน แล้วเก็บบันทึกของ Xiao Xiao บนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วสำรวจที่รูปภาพคลำหาสวิตซ์ที่ซ่อนอยู่จนพบก็จะเปิดเจอสวิตซ์ที่ซ่อนอยู่ที่จะทำให้ทางลับในห้องนี้เปิดออกให้เข้าสู่ห้องรับรองลับของซ่อง
- ด้านในห้องรับรองพิเศษชั้นใต้ดิน สำรวจดูให้ทั่วๆจะพบว่าที่กำแพงหินมีรูให้ส่องดูโสเภณีที่กำลังให้บริหารแขกอยู่  โดยจะมีรูทั้งหมด 4 รูพอส่องดูแต่ละห้องให้ใช้
Focus มองดูจะเห็น สัญลักษณ์ สีฟ้าเรืองแสงออกมา ซึ่งจะพบอยู่ 3 ห้องจาก 4 ห้อง จากนั้นเดินลงล่างไปตรงกลางทางเดินใช้ Focus มองดูจะเห็น สัญลักษณ์อันที่ 4 ที่กำแพง และตรงกลางทางเดินนี้จะมีโพเดี้ยมที่ใช้ใส่ ตราสัญลักษณ์ ที่ได้จากที่ซ่อนของ Erin อยู่ ซึ่งถ้าสำรวจพบสัญลักษณ์ครบ 4 อันแล้ว ตรงตัวอักษรที่ตราสัญลักษณ์จะเรืองแสงตัวที่ถูกต้องออกมา ให้หมุนตัวอักษรที่เรืองแสงให้เรียงกันแล้ววางลงไปที่โพเดี้ยมก็ทางลับลงใต้ดินชั้นล่างก็จะเปิดออก
- ด้านล่างจะเป็นห้องสมุดโบราณที่ค่อนข้างจะมืดใช้
Focus มองดูแล้วหาตู้หนังสือด้านในให้พบคลำสำรวจดูจนพบสวิตซ์ก็จะทำให้ประตูลับเปิดออกอีก ซึ่งจะเป็นทางลงไปยังโบราณสถานใต้ดิน ที่ส่วนแรกนั้นจะเต็มไปด้วยกับดักธนู พยายามใช้ Focus มองหาสวิตซ์ปิดมันก่อนแล้วจึงจะผ่านไปด้านในต่อได้ก็จะเข้ามายังโบราณสภานน้ำตกส่วนใน
- ที่โบราณสถานน้ำตกที่ต้องทำคือปรับสะพานให้ต่อกันจนสามารถขึ้นไปยังทางขึ้นด้านบนสุดได้ โดยเมื่อหมันสะพานอันแรกแล้ว เดินข้ามมาจนถึงทางแยกเดินอ้อมไปทางขวาก่อนเพื่อหมุนสะพานที่ 2 ขึ้นไปชั้นบนจะมีทางลงมาที่แยกทางซ้ายแล้วหมุนสะพานจุดที่ 3 เดินขึ้นไปด้านบนจะมีทางโดดลงไปที่จุดทางออกด้านบนซ้ายได้แล้ว
– เดินเข้าไปจนถึงซากโดมโบราณตรงน้ำตกด้านใน หมุนตราสัญลักษณ์ทำให้ตัวอักษรที่เรืองแสงให้เรียงกันแล้ววางลงไปที่โพเดี้ยมจะทำให้ตู้เปิดออกก็จะได้หนังสือ
Ritual Book มา จากนั้นก็ย้อนกลับออกมาตามทาง ลอบหลบยามจนขึ้นมาที่ทางออกด้านบนจะมาโผล่ที่ห้องนอนในซ่อง ที่ดันเป็นห้องที่นายพลกำลังเข้ามาใช้บริการพอดี จนเมื่อนายพลมันสังเกตเห็น Garrett ที่นอนแอบอยู่ใต้เตียงจึงเกิดการต่อสู้ขึ้นจนทำให้เกิดไฟไหม้ไปทั่ว แต่สุดท้าย Garrett ก็ใช้ไหวพริบหนีมาจนได้สร้างความแค้นให้กับนายพลขึ้นอีกหลายเท่า …




หลายวันต่อมาหลังจากที่ส่งมอบหนังสือให้
Basso ไปแล้ว เมื่อ Garrett กลับมาที่หอนาฬิกาจะพบนกสื่อสารที่บาดเจ็บของ Basso บินเข้ามา Garrett จึงรู้ทันทีว่า Basso กำลังมีปัญหาแน่นอน จากนั้นออกไปที่ร้านของ Basso ที่อยู่อีกฝากของถนนจะพบชายที่ว่าจ้างให้หาหนังสือที่กำลังเข้ามาหาหนังสือในร้านของ Basso Garrett จึงพยายามสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Basso และเสนอที่จะเอาหนังสือของ Basso เก็บไว้ให้แทน ชายผู้ว่าจ้างก็บอกมาได้แค่ว่า Basso คงไปรู้เห็นถึงแผนชั่วของใครตามประสาของมันอีกถึงโดนตามเก็บตามเคย จึงให้ลองตามหาชายที่ชื่อ Jacob ซึ่งเป็นคนที่ทำงานที่ศาลากลางเมืองดู จากนั้น Garrett ก็จะเปิดเซฟของ Basso แล้วเอาหนังสือให้มันไป และก็ทำให้รู้ว่าชายผู้ว่าจ้างเขาแท้จริงแล้วเป็นคนของ Orion ผู้นำกลุ่มต่อต้านรัฐบาล The Graven เสียด้วย

Chapter 4: A Friend in Need
ออกจากหอนาฬิกาเพื่อหาทางช่วย Basso โดยอันดับแรกต้องออกตามหาคนที่ชื่อ Jacob ก่อน มุ่งหน้ามาตามจุดหมายที่ขึ้นมาแล้วอ้อมผ่านทะลุโกดังทางขวาไปจนมาออกที่ถนนอีกฝั่ง เดินทางไปทางฝั่งซ้ายก็จะถึงทางออกมาที่พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของศาลากลางเมือง ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองตอนนี้ที่กลุ่ม The Graven ที่ต่อต้านรัฐบาลและกำลังโจมตีวางระเบิดในจุดที่สำคัญๆของรัฐไปทั่ว จึงมีตำรวจคอยดูแลศาลากลางมากเป็นพิเศษ จากนี้ก็ต้องหาทางลอบเข้าไปด้านในศาลากลางให้ได้
– พื้นที่โดยรวมมีทหารเดินลาดคระเวณรอบๆพื้นที่อย่างละเอียด ทหารอีก 2 คนที่หน้าประตูหน้า จุดอับของด้านหลังทั้ง 2 ฝั่งก็มีกรงหมาคอยเฝ้าอยู่ด้วย โดยจะไม่มีที่ไหนที่สามารถหลบซ่อนได้นานๆได้เท่าบ้านหลังเล็กที่ทางเดินฝั่งขวา เข้ามาแล้วสับคันโยกด้านใน ทหารที่ฝ้าประตูหน้า 1 คนจะเดินเข้ามาดูที่คันโยก จัดการมันซะ ก็จะเหลือ 3 คน ทำให้หมาฝั่งขวาเห่าเสียงดังจนทหารทั้ง 3 เข้ามาดู แล้วลอบอ้อมหลบมาอีกฝั่งเพื่อรีบเข้าประตูศาลากลางได้เลย (อย่าลืมปิดประตูเมื่อเข้าไปได้แล้วด้วยล่ะ)
- ด้านในศาลากลางจะมีทหารอยู่อีกหลายคน เป้าหมายคือขึ้นไปที่ห้องหัวหน้าทหารที่ด้านบน หาทางจัดการมันซะตามวิธีของคุณ แล้วสำรวจตู้หนังสือคลำหาจรพบสวิตซ์เปิดประตูลับออกได้ เข้ามาในลิฟต์กดลงล่างเพื่อไปกดสวิตซ์ด้านในก่อนแล้วค่อยกดลิฟต์ขึ้นชั้นบน แล้วมุดผ่านกรงเหล็กเข้ามาด้านในต่อ
– ด้านในจะเป็นห้องทำงานของ
Jacob แต่มันผูกคอตายไปแล้ว โดยมีทหารพยายามจะพังประตูเข้ามาช่วยอยู่ ใช้ธนูยิงเชือกให้ขาดแล้วเก็บของที่ศพก่อนปีนขึ้นไปบนชั้นหนังสือด้านบนสำรวจหาสวิตซ์ที่ภาพแผนผังของตึกธนาคาร The Keep ที่พนังจนทำให้ เมืองจำลองออกมากลางห้อง หมุนตึก The Keep จำลองให้ถูกต้องแล้วพนังจะเปิดออกให้เข้าไปหยิบกระดาษเขียนแผนการออกมา ในขณะที่ทหารมากมายก็พังประตูเข้ามาได้เลยตามไล่ล่า Garrett ทันที กด LT วิ่งไหลลื่นหนีออกมาให้พ้น เมื่อ Garrett สำรวจดูสิ่งที่ได้มาก็จะพบว่าเป็นแผนการก่อจารจลที่ตึกธนาคาร The Keep และกระดาษรายละเอียดของตู้เซฟ The Great Safe พร้อมทั้งรหัสที่เขียนว่า [ 30, 11 , 98
- จากนั้นเดินทางไปที่ ธนาคาร The Keep โดยปีนที่บ้านทางขวาขึ้นไปจะมีทางให้มุดผ่านจนผ่านมาอีกด้านของถนนซึ่งจะออกมาที่หน้าตึกธนาคาร The Keep พอดี ก็จะเห็นการระเบิดมากมายเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นก็วิ่งหลบแรงระเบิดเข้าไปในตัวตึกตามทางที่เต็มไปด้วยควันจนถึงห้องขังของ Basso ที่ด้านใน ขณะที่กำลังพาเขาหนีออกมากิเลสของ Garrett ก็บังคับให้เขาไปหาสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นด้านบนตึกก็คือ ตู้เซฟขนาดใหญ่ The Great Safe ขึ้น ลิฟต์มาชั้นบนต่อจนลิฟต์หยุดทำงาน เกาะตะแกรงฟ้าขึ้นไปบนหลังคาลิฟต์ มุดไปตามช่องระบายอากาศจนถึงห้องเก็บตู้เซฟ
- ในห้องตู้เซฟ
The Great Safe กดสวิตซ์ที่แท่นให้มันเลื่อนลงต่ำ (ดูกระดาษบอกใบ้ที่ได้มาจากศาลากลาง)  แล้วสำรวจสวิตซ์ทั้ง 2 ข้างของเซฟให้เร็วๆแบบต่อเนื่องกันทั้ง 2 ปุ่มก่อนเวลาหมด แผงใส่รหัสจะเปิดออกให้ใส่ตัวเลขรหัสเข้าไป [ 30, 11 , 98 ]  (ดูจากกระดาษบอกใบ้ที่ได้มาจากศาลากลาง) แล้วกดรหัสที่ฝั่งซ้าย [ 319 ] แต่พอกำลังจะกดอีกชุดทางขวา นายพลก็เอากำลังตำรวจมาล้อมที่นี่มากมายเพื่อตามจับ Garrett สิ่งที่ต้องทำคือ ลอบหลบหรือจัดมันยังไงก็ได้เพื่อให้กลับไปที่เซฟแล้วใส่รหัสฝั่งขวาที่เหลือ [ 018 ] ตู้เซฟก็จะเปิดออกให้เห็นผลึกสีฟ้าแปลกๆและเมื่อ Garrett เข้าไปสัมผัส Erin ก็จะเข้ามาป่วนจิตของ Garrett อีกครั้ง พยายามวิ่งตามหาเธอให้เจอแล้วจะรู้สึกตัวกลับมาอีกครั้ง เมื่อออกมาจากเซฟก็จะพบว่าตึกทั้งตึกเสียหายย่อยยับไปหมดแล้ว 


เมื่อกลับมาที่หอนาฬิกาแล้ว Garrett ตัดสินใจที่จะเข้ามาขอความช่วยเหลือกับ Basso อีกครั้งเพื่อขุดคุ้ยเรื่องของ Erin ต่อให้ถึงที่สุด ออกเดินทางจากหอนาฬิกาอ้อมไปทางขวา บนท้องถนนยังจะพบเห็นการทำร้ายประชาชนของรัฐบาลเพียงเพื่อหาตัวผู้ก่อการร้าย ลอบผ่านไปในซอยจนมุดเข้ามาที่ลานกว้างที่เต็มไปด้วยทหารมากมายรวมทั้งบนหอคอยด้วย พยายามลอบไปทางขวาด้วยการขว้างสิ่งของล่อทหารไปอีกด้านแล้วรีบเข้าแอบไในซอยทางขวาก่อนแล้วค่อยออกมาจัดการทหารที่หน้าซอยก่อนที่จะหลบทหารบนหอคอยมาที่ทางเข้าฝั่งขวาไปที่ South Quarter ลอบผ่านทหารตรงทางเดินไปจนถึงบ้านสุดซอยโดดโหนเชือกข้ามคลองไปที่ทางเข้าจะออกมาที่เขตท่าเรือ เข้าไปในร้านเหล้าริมท่าเรือ The Sirens rest จะพบ Basso นั่งดื่มเหล้าอยู่ Basso ถามย้ำอีกครั้งว่ายังจะตามเรื่อง Erin อยู่หรือเปล่า ทันทีที่ Garrett ตอบตกลง เขาก็จะตอบแทนที่ช่วยเขาด้วยการพาไปที่ที่นึงตามที่เขาได้รับข่าวลับมาว่าเคยเป็นที่ทดลองของทางรัฐบาลส่วนจะเป็นเรื่องของ Erin หรือเปล่านั้น Garrett ต้องค้นหาเอาเอง คุยจบก็ออกไปคุยเรือที่ท่าเรือได้เลย
เมื่อกลับมาที่หอนาฬิกาแล้ว Garrett ตัดสินใจที่จะเข้ามาขอความช่วยเหลือกับ Basso อีกครั้งเพื่อขุดคุ้ยเรื่องของ Erin ต่อให้ถึงที่สุด ออกเดินทางจากหอนาฬิกาอ้อมไปทางขวา บนท้องถนนยังจะพบเห็นการทำร้ายประชาชนของรัฐบาลเพียงเพื่อหาตัวผู้ก่อการร้าย ลอบผ่านไปในซอยจนมุดเข้ามาที่ลานกว้างที่เต็มไปด้วยทหารมากมายรวมทั้งบนหอคอยด้วย พยายามลอบไปทางขวาด้วยการขว้างสิ่งของล่อทหารไปอีกด้านแล้วรีบเข้าแอบไในซอยทางขวาก่อนแล้วค่อยออกมาจัดการทหารที่หน้าซอยก่อนที่จะหลบทหารบนหอคอยมาที่ทางเข้าฝั่งขวาไปที่ South Quarter ลอบผ่านทหารตรงทางเดินไปจนถึงบ้านสุดซอยโดดโหนเชือกข้ามคลองไปที่ทางเข้าจะออกมาที่เขตท่าเรือ เข้าไปในร้านเหล้าริมท่าเรือ The Sirens rest จะพบ Basso นั่งดื่มเหล้าอยู่ Basso ถามย้ำอีกครั้งว่ายังจะตามเรื่อง Erin อยู่หรือเปล่า ทันทีที่ Garrett ตอบตกลง เขาก็จะตอบแทนที่ช่วยเขาด้วยการพาไปที่ที่นึงตามที่เขาได้รับข่าวลับมาว่าเคยเป็นที่ทดลองของทางรัฐบาลส่วนจะเป็นเรื่องของ Erin หรือเปล่านั้น Garrett ต้องค้นหาเอาเอง คุยจบก็ออกไปคุยเรือที่ท่าเรือได้เลย 

Chapter 5: The Forsaken
Basso พา Garrett นั่งเรือเดินทางผ่านทะเลสาปมาท่ามกลางหมอกหนาและความกังวลของคนที่ไม่ชอบลงเรืออย่าง Garrett 
Basso - ว่าแต่ว่าจริงๆแล้ว Erin เป็นอะไรกันแน่ 
Garrett -  นายเชื่อเรื่องผีมั๊ย ? วิญญาณ สิ่งที่มองไม่เห็นน่ะ
Basso -  ไม่รู้สิ....เอาเป็นว่า บนเกาะที่ข้าจะพาไปเนี่ยเป็นโรงพยาบาลบ้าร้างที่เรียกว่าเหี้ยนที่สุดด้วย ไม่ว่าแกจะทำอะไรก็ระวังตัวด้วยอย่าให้กลายเป็นผีเสียเองก็แล้วกัน
Garrett – ที่ผ่านมาชีวิตข้าก็ไม่ต่างอะไรกับผีอยู่แล้วนี่…
หลังจากเรือเดินทางทาถึงที่เกาะร้าง เข้าไปด้านในจนถึงตึก Asylum แค่เปิดประตูหน้าเข้า Garrett ก็รู้แล้วว่าที่นี่ไม่ธรรมดาแน่นอน 
- ที่โรงพยาบาลตึกร้างแห่งนี้เคยเป็นที่ที่ทางรัฐนำคนมาทดลองบางอย่าง ซึ่งด้านในเป็นพื้นที่กว้าง ซับซ้อน และมีสิ่งของให้เก็บมากมายด้วยเช่นกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ หาแฟ้มบันทึกการรักษาที่มีอยู่ตามจุดต่างๆให้มากที่สุด ไล่เก็บของเท่าที่ห้องจะเปิดได้ ก่อนที่จะเข้าไปที่เป้าหมายคือห้องคนไข้ทางปีกขวาของตึกโดยมุดเข้าทางห้องด้านซ้ายของห้องเป้าหมาย เก็บบันทึกและขอให้หมดแล้วกลับออกมา
– เดินไล่สำรวจมาตามทางเดินมาทางปีกซ้ายก่อนจนพาห้องที่สามารถส่องดูได้ จากนั้นค่อยกลับไปที่ห้องทางปีขวาที่พึ่งออกมาจะพบกุญแจสีแดงอยู่กลางห้อง จากนั้นค่อยเดินไปที่ปีกซ้ายของตึกจะพบห้องที่ใช้กุญแจแดงไขเข้าไป แต่ห้องด้านในยังปิดอยู่ ออกมาเดินสำรวจตามมุมทางเดินฝั่งซ้ายจะพบแผงไฟที่เมื่อตัดแล้วประตูจะเปิดออก เข้าไปเก็บบันทึกด้านในให้หมดแล้วกลับออกมา
– เดินมาที่ประตูทางเข้าทางปีกขวาที่มีของกั้นทางเอาไว้จู่ๆรถคนไข้ก็เลื่อนเปิดทางออกให้ เดินเข้าไปที่นั่นจะเป็นส่วนของ Treatment center ที่เป็นส่วนของคนไข้พิเศษ ลองส่องดูแต่ละห้องจะเห็นถึงความโหดเหี้ยมของที่นี่แภมบางห้องยังมีคนบ้าที่รอดอยู่ด้วย ลงบันไดไปชั้นล่างเดินทางเข้าด้านในไปที่ห้องหมายเลข 31 แต่มันยังเปิดไม่ได้ เพราะไม่มีพลังงานไฟฟ้า เดินไปตามทางเดินฝั่งขวาจนถึงห้องพลังงานสับคันโยกจะทำให้พลังงานไฟฟ้ากลับคืนมา แต่มันก็จะทำให้ประตูห้องต่างๆของส่วนนี้เปิดออกทั้งหมดด้วย ซึ่งจะต้องระวังพวกคนบ้าที่จะออกมาด้วย 
- เมื่อย้อนมาที่ห้อง 31 จะมีลูกกรงกั้นทางเดินอยู่ แต่ห้องข้างๆห้อง 31 จะเปิดออกให้มุดเข้าไปในห้องเป้าหมายได้ เข้าไปเก็บของให้หมดแล้วสำรวจเก้าอี้คนไข้ Garrett จะได้เห็นนิมิตรของ Erin ที่เคยถูกนำมาทดลองที่นี่อย่างโหดเหี้ยมโดยฝีมือของ Baron Northcrest เพื่อต้องการพลังงานบางอย่างที่มันเรียกว่า Primal Stone จากตัวเหล่าคนที่ถูกทดลองรวมทั้งตัวเธอด้วย 
- หลังจากดูนิมิตรจบแล้วเดินย้อนกลับมาที่ลิฟต์กลางที่ตอนนี้ใช้งานได้แล้ว แต่ต้องระวังพวกคนบ้าที่ออกมาจากห้องต่างๆด้วยเพราะประตูมันเปิด สะเดาะกุญแจประตูแล้วลงลิฟต์ไปชั้นล่างต่อจนถึงคุกใต้ดินที่กักขังร่างทดลองที่ผิดพลาดของการทดลอง ซึ่งพวกมันนั้นอันตรายมากเพราะนอกจะอัดมันตรงๆไม่ไหวแล้วยังจะซุ่มลอบฆ่ามันไม่ได้ด้วย แปลว่าจะต้องหลบพวกมันอย่างเงียบที่สุดเท่านั้น เป้าหมายคือทางเดินที่อยู่ใต้บันได โดยสามารถลอบขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อเก็บธนูไฟมาใช้แล้วยิงล่อพวกอมนุษย์ให้ไปที่ท้ายห้องแล้วรีบโดดลงมาจากด้านบนจะเข้าไปในทางเดินด้านในได้ 
- เข้าไปตามทางระหว่างสับคันโยกเปิดลูกกรงตามทางเดินก็ยิงเกิดเสียงดังจนพวกอนุษย์เริ่มรู้ตัวไปทั่ว ทำให้ต้องรีบวิ่งเข้าไปด้านในจนทำให้ Garrett เข้าไปในภาพนิมิตรของ Erin อีกครั้ง แน่นอนว่าต้องมืดแทบมองไม่เห็นตามเคย พยายามมองดอกป๊อบปี้เรืองแสงตามที่ต่างๆแล้วเดิมตามเก็บตามทางซึ่งก็จะเป็นการบอกทางไปด้วย ขึ้นบันไดไปชั้นบนจะพบว่ามีคานปูนพาดให้เดินข้ามาฝั่งทางขวาจะมีทางเข้าไปที่ห้องด้านบนที่มีแสงออกมาดูภาพนิมิตรความเจ็บปวดของผู้ถูกทดลอง แล้วลงมาชั้นล่างไปที่ประตูห้องขังด้านล่างที่มีแสงออกมาเข้าไปจะพบประกาศจับของ Garrett ที่ตรงดวงตามีรูกุญแจอยู่ สะเดาะกุญแจให้เปิดออกแล้วกลับออกมา แล้วขึ้นบันไดไปที่ประตูกลางบันไดจะมีแสงออกมา เข้าไปด้านในจะเป็นห้องขังของ Erin ซึ่ง Garrett ถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมจนแทบขาดใจตายแต่ Baron เจ้าเมืองชั่วมันไม่ยอมให้ตายและพยามทำทุกอย่างให้ได้พลังงาน Primal Stone จากตัวเธอให้ได้ 

ทันทีที่ Garrett หลุดออกมาภาพนิมิตรเหตุการณ์ที่โหดเหี้ยมของ Baron ที่ Erin ส่งมอบความรู้สึกของเธอมาให้ Garrett ซึ่งเขาก็บอกกับตัวเองในใจว่า สิ่งที่เขารับรู้มานั้นเพราะตัวเขาเองบ้าไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆเขาคงต้องไปเยี่ยมเยียน Baron Northcrest เจ้าเมืองชั่วกันซักหน่อยแล้ว ….เมื่อกลับมาที่หอนาฬิกาแล้วก็ออกเดินทางมาที่หน้าต่างบ้านตรงข้ามกับหอนาฬิกาจะทะลุมาอีกด้านของถนนลอบหลบทหารเข้าไปด้านในต่อ

Chapter 6: A Man Apart
Garrett มุ่งหน้าเข้ามาจนถึงเมืองในเขตปกครองชั้นในของรัฐบาล Baron โดยเป้าหมายคือลอบเข้าไปที่คฤหาสถ์ของเจ้าเมือง Baron Northcrest  ที่เต็มไปด้วยทหารรักษาการ์ณเต็มพื้นที่
– ด้านหน้าทางตึกจะมีทหารมากมายในสวนยังไม่รวมกรงหมาอีก แต่ก็มีเสาหินให้ไปปีนขึ้นไปหลบด้านบนได้ไม่ยาก หาจังหวะโดดลงไปที่ฝั่งขวาหรือซ้ายของหน้าตึกจะมีห้องที่สามารถเข้าไปสับคันโยกทำให้น้ำพุหน้าตึกหยุดไหลได้ จากนั้นโผล่ออกมาทางช่องน้ำพุ แล้วปีนขึ้นหน้าตึกได้เลย 
- ลอบไปทางฝั่งซ้ายหลบทหารลงไปที่บันไดข้างๆตึกจะมีทางมุดเข้าไปชั้นล่างของตึกได้ ขึ้นมาที่ชั้นบนลอบหลบทหารเข้าไปที่ห้องเก็บของที่สุดทางเดินด้านในจะมีช่องให้ปีนไปมุดเข้าไปอีกห้องได้ ปีนท่อน้ำขึ้นไปด้านบนจนถึงช่องลิฟต์ เกาะช่องขึ้นไปจนถึงบันไดชั้นบนแล้วขึ้นไปต่ออีกหน่อยก็จะถึงห้องของ Baron ได้

Baron – ถ้าจะฆ่าก็รีบหน่อย ..
Garrett – แกมีแผนที่จะทำอะไรที่ Asylum  
Baron – เจ้าหนุ่ม ข้าน่ะเจ็บปวดกับทุกอย่างกว่าแกเยอะน๊ะ กับเรื่องการหาทางออกกับโรคระบาดบ้าๆในเมืองนี้ มันก็ต้องมีสูญเสียเพื่อคนส่วนใหญ่กันบ้าง แต่เรื่องการรักษามันกลับกลายเป็นเรื่องจ้อยไปเลยเมื่อรับรู้ถึงพลังของ Primal Stone ว่ามั๊ย ..แต่สุดท้าย พวกมัน ก็มาเอาทุกอย่างไปจนหมด ..
Garrett – พวกมัน ? แกเอาพวกเธอไปไว้ไหน ! 
Baron – ถามพวกของแกก่อนดีมั๊ย เจ้า Orion กับ The Graven กลุ่มต่อต้านของมันน่ะ ที่ชิงทุกอย่างไปจากข้าอย่างหน้าด้านๆ
Garrett – Orion? ไม่น่าเชื่อ ..พวกมันมีแผนอะไรกันแน่ ?
Baron ยังไม่ทันได้ตอบธนูไฟมากมายก็ถูกยิงโจมตีเข้ามา Baron รู้ทันทีว่าคนของ Orion บุกเข้ามาแล้ว ศัตรูของศัตรูข้าคือมิตรข้า มันจึงรีบส่ง Garrett ลงไปยังลิฟต์เพื่อหนีลงล่าง ก่อนไปมันบอกที่ซ่อนของชิ้นส่วนของ Primal Stone อีกชิ้นที่มันเก็บเอาไว้กับ Garrett เพื่ออย่างน้อยก็จะได้หาทางสืบเรื่องนี้ต่อเอาเอง และก็คงไม่อยากว่าเป้าหมายต่อไป Garrett จะต้องไปไล่เบี้ยกับใคร แต่นอนนี้เป้าหมายคือหนีออกจากตึกนี้ให้ได้ก่อน  
- เมื่อลิฟต์ลงมาจนถึงห้องโถงกลาง เปิดออกมาจะเต็มไปด้วยศัตรู ลอบจัดการพวกมันเพื่อเข้ามาที่ทางเดินฝั่งขวาเข้าไปด้านในต่อในห้องจะมีศัตรูอีกกลุ่มที่ต้องลอบผ่านไป จะมีทางมุดออกมาที่ด้านนอกอาคารได้ แต่พวกศัตรูก็จะเข้ามาอีกกลุ่มทันที ที่นี่มีนั่งร้านมากมายให้หลบหรือจะพุ่งโจมตีก็ยังทำได้ไม่ยาก จากนั้นสำรวจที่พนังทางขวาของพื้นที่จะพบสวิตซ์เปิดประตูลับลงมายังห้องใต้ดิน 
- ที่ห้องใต้ดินจะพบ Primal Stone ส่องแสงอยู่ในแคปซูลกระจก เก็บไอเทมให้หมดทางด้านบนขวาถ้ามีธนูติดเชือกก็สามารถยิงไต่เชือกไปเก็บสมบัติดีๆด้านล่างได้ด้วย จากนั้นเข้าไปสับคันโยกทางซ้ายเพื่อให้รางรอบๆแคปซูลเริ่มหมุนเบาๆ ที่แท่นควบคุมจะมีวาล์วอยู่ 2 อัน อันทางซ้ายหมุนเพื่อปรับระดับรางรอบๆแคปซูล ส่วนอันทางขวาหมุนเพื่อเพิ่มระดับความเร็วในการหมุน โดยหมุนวาล์วอันซ้ายปรับระดับรางรอบๆแคปซูลให้ขึ้นลงจนกว่าจะเกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง แล้วหมุนวาล์วทางขวาให้ความเร็วขึ้นไปที่ขีดแรก แรงหมุนจะทำให้กระจกของแคปซูลเริ่มแตกร้าว ทำต่อ ปรับรางให้เลื่อนไปจนเจอตำแหน่งที่มีการสั่นอีกแล้วหมุนวาล์วขวาไปที่ขีดตรงกลาง การหมุนจะทำให้กระจกร้าวไปอีก ปรับรางให้เลื่อนไปจนเจอตำแหน่งที่มีการสั่นอีกครั้งแล้วหมุนวาล์วขวาไปที่ขีดทางขวาสุด แคปซูลก็จะระเบิดจน Garrett เข้าไปเก็บ Primal Stone มาได้
- แต่เมื่อกำลังจะปีนขึ้นมาจะพบนายพลออกมาดักจับอีกแล้ว แต่อย่างน้อย Garrett ก็หาทางไหลลื่นหนีไปได้อีกตามเคย Garrett พุ่งตัวลงมาตามทางน้ำจนออกมาที่ท่าเรือสำเร็จแต่ก็พบว่า เมืองในเขตนี้กำลังจะเกิดไฟฟไหม้ใหญ่จากการจารจล รีบหนีข้ามแม่น้ำไปด้วยการเดินไปที่มุมขวาของท่าเรือจะมีเรือผูกอยู่ ใช้ประบอกทุบให้เรือหลุดออกไปกลายเป็นทางข้ามตรงกลางได้ จากนี้ก็มือให้ไวตาให้ไววิ่งหนีออกมาตามอาคารที่กำลังไฟไหม้ลุกลามจนออกมานอกเขตนี้ได้สำเร็จให้ได้  

เมื่อกลับมาถึงหอนาฬิกาจะพบกับ Queen of Beggars มารอพบเธอเฝ้าดูเหตุการ์ณอยู่นานพอที่จะรู้ว่ามันบานปลายจนอาจทำให้คนในเมืองต้องตายกันหมดพร้อมๆกับเมืองที่กำลังจะถูกทำลาย เธอจึงพยายามบอกข้อมูลกับ Garrett ว่าทางออกที่ยังพอมีอยู่ก็คือพลังจาก Primal Stone ซึ่ง Garrett ก็เอาออกมาให้เธอดูว่าเขามีเก็บไว้ 2 ผลึกมาหลอมรวมกันเป็นก้อนเดียว Queen of Beggars บอกต่อว่ามันต้องใช้ 3 ก้อนจึงจะสมบรูณ์ก่อนจะย้ำเตือนเล็กน้อยเพื่อให้ Garrett คิดต่อเอาเองว่า Primal Stone อีกก้อนจะอยู่กับใคร… Orion หัวหน้ากลุ่มต่อต้านรัฐบาล The Graven นั่นเอง
… Queen of Beggars พยายามบอกถึงหน้าที่สำคัญที่จะช่วยผู้คนและเมืองๆนี้ซึ่งตอนนี้กลายเป็นหน้าที่ของ หัวขโมย คนนึงซะแล้ว .. Garrett ครุ่นคิดอยู่นาน เส้นทางหัวขโมยที่เต็มไปด้วยการแย่งชิงไม่เคยมีซักเลยที่เขาจะคิดช่วยเหลือใคร ..แต่อย่างน้อยที่อยากจะทำก็คือ จะไม่ยอมให้ Erin เพื่อของเขาตายเปล่าแน่นอน …

Chapter 7: The Hidden City
ออกเดินทางจากหอนาฬิกาเดินทางไปยังจุดหมายระหว่างทางจะพบลานกว้างที่เป็นจุดตรวจของทหารลอบหลบพวกมันไปจนออกมาที่ฝั่งตรงข้ามไปจะออกมาที่เขต Old Quarter เข้าไปตามทางจนถึงโบสถ์เก่า ลานหน้าโบสถ์นั้นจะมีทหารมากมายแถมไม่มีทางเข้าอีกต่างหาก หาทางลอบเข้ามาทางบ้านหลังทางซ้ายจนออกมาที่ลานฝั่งซ้ายจัดการศัตรูตามสมควรแล้วเข้าไปที่ลังด้านในจะมีเชือกให้ปีนขึ้นด้านบนจะมีช่องให้มุดเข้าไปด้านในโบสถ์ได้
- ด้านในโบสถ์เก่านั้นถูกขุดให้กลายเป็นหลุมลึกลงไปด้านล่าง เมื่อ
Garrett เข้ามาก็จะพบว่าลิฟต์ใหญ่ลงไปด้านล่างก่อนแล้ว Garrett จึงต้องหาทางลงไปด้วยทางอื่น ลอบเข้าไปด้านในเก็บของตามห้องต่างให้หมดแล้วค่อยไปที่เป้าหมายคือลิฟต์ขนของที่สุดทางเดินจะมีสวิตซ์อยู่สับให้ลิฟต์ลงมาแล้วกดลงไปชั้นล่างต่อ ลิฟต์จะลงมาถึงฐานลับของพวก The Graven ลอบหลบทหารขึ้นไปด้านบนจะมีช่องให้มุดเข้าไปในถ้ำต่อ ภายในเต็มไปด้วยพวกอมนุษย์ Primal
- ลอบผ่านพวก Primal ตามทางเดินที่ค่อนข้างแคบในทางที่ดีที่สุดคือโดดอ้อมไปทางซ้ายแล้วใช้ธนูเชือกยิงเพื่อใช้โหนขึ้นไปด้านบนตรงหน้าประตูด้านในได้ ที่เหลือก็แล้วแต่คุณแล้วที่จะหาทางเข้าไปหมุนประตูทางเข้าโดยไม่ให้พวก Primal มันเข้ามาขย้ำ (แต่ถ้ามีระเบิดแสง Flash Bomb อยู่ก็ขว้างให้มันตายในครั้งเดียวได้เลย ) เปิดประตูเข้าไปตามทางจนถึงทางขึ้น ถ้าใช้ Focus มองดูจะพบว่ามันมีกับดักที่พื้น เข้าไปทางซ้ายก่อนหลบไฟจากท่อเข้าไปปิดวาลว์แล้วกลับมาที่ทางขึ้นก็จะไม่โดนกับดัก
- เมื่อปีนขึ้นไปด้านบนจะเริ่มพบพวก
The Graven มากมายป้องกันอยู่ลอบเข้าไปด้านในตามยุทธวิธีของคุณจนเจอช่องที่ให้มุดผ่านเข้าไปด้านในได้ เข้ามาที่ Graven Liar และหอคอยขนาดใหญ่ตรงหน้าก็คือหอคอย Rocunda ที่อยู่ของ Orion ผู้นำของ The Graven พาตัว Erin มาเตรียมทำพิธีอยู่ที่นี่ ซึ่ง Garrett ต้องรีบหาทางเข้าไปด้านในเพื่อหยุดมันโดยด่วน
- ห้องโถงใหญ่นี้ ช่วงแรกนั้นมีเส้นทางมากมายที่ให้คุณเล่นสนุกกับพวกยาม แต่เป้าหมายด้านในที่สุดทางเดินนั้นจะมีทางไปแค่ทางเดียว ท่ามกลางทหารที่ค่อนข้างมาในช่วงสุดท้าย พยายามลอบเข้าไปจนถึงสุดทาง เงยหน้ามองขึ้นบนจะเห็นกล่องห้อยอยู่ ใช้ธนูยิงให้เชือกขาดจนกล่องตกลงมาจะใช้ปีนขึ้นไปชั้นบนได้ เข้าไปด้านในสุดจะเข้าไปถึงห้องทำพิธี
- ในห้องจะพบ Orion กำลังเตรียมทำพิธีกับร่างกายของ Erin เพื่อดึงพลังบางอย่างออกมาทันทีที่ Garrett ลอบเข้าไปใกล้เพื่อหาทางช่วย อีกร่างของ Erin ก็ช่วยหยุดเวลาให้ Garrett ให้สามารถเดินเข้าไปหยิบชิ้นส่วนของ Primal Stone ที่อยู่ในมือ Orion ได้โดยง่าย และเมื่อเอามารวมกับอีก 2 ก้อนที่อยู่กับ Garrett ก้อนผลึกของ Primal Stone ก็จะสมบูรณ์ จนห้วงเวลากลายเป็นปกติ Orion ที่เห็น Primal Stone อยู่กับ Garrett จึงพยายามที่จะขอเพื่อแลกตัวกับ Erin ก่อนที่มันจะพาตัวเธอหนีไป Garrett พยายามที่จะตามไปทันทีก่อนที่นายพลที่มากับความแค้นคนเดิมจะเข้ามาขัดขวาง Garrett เสียก่อน



– Boss General นายพลจะเข้าโจมตีด้วยที่พ่นไฟและมีดสั้นที่รุนแรงผิดมนุษย์มนาจนตายได้ในการโดนไม่กี่ที่ วิธีจัดการมันก็คือ ยิงด้วยธนูเท่าที่มีถ้าบังเอิญติดธนุหัวระเบิดมาเยอะๆก็สวยเลย ยิงแล้วรีบหลบไปที่เสาอีกต้น นายพลมันก็จะได้แต่หันไปโจมตีในทิศทางที่เพิ่งถูกยิงไปนั่นแหละ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆก็จะจัดการมันได้ หรือจะทรงคุณธรรมตามวิธีโจรที่ไม่เคยอยากจะฆ่าใคร ก็ต้องหาทางหมุนคันโยก 2 จุดในห้องเพื่อเปิดประตูลุกกรงประตูแล้วตามด้วยเข้าไปสะเดาะกุญแจตาม Orion ที่จับตัว Erin ไปเลยก็ได้ แต่มันไม่ง่ายและจะไม่สะใจที่ไม่ได้ฆ่ามันน่ะสิ

Chapter 8: The Dawn’s Light
หลังจากผ่านนายพลมาได้แล้วเปิดประตูเข้าไปต่อตาม Orion ที่จับตัว Erin ไปจนถึงทางมุดเข้ามาในถ้ำ ด้านในนั้นเต็มไปด้วยพวกอมนุษย์แถมเส้นทางยังเป็นทางตรงอีก ถ้าไม่คิดอะไรมากก็งัดระเบิดแสง Flash Bomb มาใช้กับมันให้ไม่มาขวางทางได้เลยก็ได้ เพราะจากนี้ก็จะไม่เจอพวกมันอีกแล้ว เมื่อทะลุถ้ำออกมาได้ก็จะถึงท่าเรือและเป้าหมายคือเรือลำใหญ่ของ Orion
- ที่ท่าเรือแวะซื้อธนูเชือกมาด้วยถ้ายังไม่มี แล้วลอบเข้าไปตามทางด้านในท่าเรือจนเข้ามาใกล้เรือเงยหน้าขึ้นบนจะเห็นไม้ที่ใช้ธนูเชือกยิงไปแล้วโหนขึ้นไปบนเรือได้ ภายในเรือนั้นค่อยข้างกว้างและมีหนทางในการลักลอบมากมายที่เหลือก็สุดแล้วแต่จินตนาการและฝีมือของผู้เล่นแล้ว เป้าหมายคือประตูห้องด้านในเรือซึ่งจะมีทหารเฝ้าอยู่ถึง 3 คน และถ้าใช้
Focus มองดูจะเห็นคราบน้ำมันบนพื้นหน้าประตูที่ทหาร 2 คนยืนเฝ้าอยู่ด้วย หาอะไรโยนให้ทหารทั้ง 3 มาที่หน้าประตูแล้วใช้ธนูไฟยิงที่พื้นไฟก็จะครอกพวกมันตายด้วยกระสุนนัดเดียว จากนั้นเข้าไปด้านในห้องจะพบ Orion กำลังจับตัว Erin อยู่




หลังจากวันที่เกิดเหตุการ์ณที่ Erin เกิดอุบัติเหตุตกลงไปในพิธีของพวกนักบวชที่พยายามจะดึงพลังของผลึก Primal Stone ตามคำสั่งของเจ้าเมือง Baron เพื่อเป้าหมายในการหาทางเยียวยาโรค The Gloom ที่กำลังระบาดไปจนทั่วเมืองจนไม่มีทางแก้ไข จนระหว่างนำร่างของ Erin ที่ผสานเข้ากับผลึก Primal Stone จนทำให้ร่างกายของเธอมีพลังบางอย่างออกมาซึ่งมันเป็นได้ทั้งพลังแห่งการรักษาและผลกระทบที่เปลี่ยนมนุษย์กลายเป็น อมนุษย์ด้วย จากเป้าหมายในการหาทางรักษาโรคร้ายก็กลับกลายเป็นพยายามทดลองเพื่อพลังบางอย่างที่อาจซ่อนอยู่เพื่อตัวเอง แต่ความทุกข์ทรมานที่เกิดจากการทดลองก็ฝั่งลึกลงในจิตใจของ Erin จนกลับกลายเป็นความแค้นที่มากพอที่พลังของ Primal Stone จะสรรสร้างร่างอีกร่างของเธอออกมาเพื่อ ทำลาย ทุกคนที่ทำร้ายเธอ

ไม่นานเกมก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อ
Orion ผู้นำกลุ่มต่อต้านรัฐบาลของ Baron ก็พยายามที่จะมีชัยเหนือรัฐบาลด้วยการจะครอบครองพลังของ Primal Stone ในตัว Erin โดยการบุกชิงตัวเธอมาจาก Baron แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเมื่อความโลภทำให้ Orion เปลี่ยนบทบาทจากพวกที่ต่อต้านรัฐบาลชั่วเพื่อประชาชนกลายเป็นคนที่จะครอบครองทุกอย่างด้วยตัวเองเพียงเพราะเห็นถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของ Primal Stone หวังว่าจะครอบครองพลังแห่งการรักษาเพื่อตั้งตนเป็นใหญ่และเป็นความหวังของเมืองที่เต็มไปด้วยโรคระบาดแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว จิตวิญญาณที่ทรงพลังของ Erin พยายามทำทุกทางเพื่อบอกเล่าความเจ็บปวดของเธอให้ Garrett รับรู้เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยร่างที่เกิดจากจิตแห่งความเกลียดชังของ Erin ก็พร้อมที่จะทำลายทุกอย่างที่เธอคิดว่าจะทำร้ายเธอเช่นกัน และความหายนะก็จะมากมายเป็นทวีคูณ นั้นก็เพราะความคลั่งแค้นในใจของ Erin
ที่ระเบิดออกมาจนไม่สามารถควบคุมพลังได้อีกแล้ว
- หลังจาก
Orion พร่ำเพ้อถึงพลังสุดยิ่งใหญ่ที่เขาอยากจะได้จนคิดจะทำร้าย Erin ร่างแห่งความแค้นของเธอก็หลุดออกมา แล้วฆ่า Orion ทันทีอย่างสยดสยองก่อนที่เธอจะวิ่งหนี Garrett เข้าไปด้านใน จากนั้นพยายามย่องเข้าไปจับ Erin ให้ได้ โดยไม่ให้เธอรู้ตัว ซึ่งต้องพยายามย่องตามหาเธอและเมื่อเจอก็ย่องเข้าจากด้านหลัง เพราะถ้าเข้าไปโดยมีเสียงดังหรือเธอเห็นก่อนเธอก็จะหนีไปทันที เมื่อจับตัว Erin จนได้แล้ว Garrett จะพยายามปลอบเธอ แล้วก็จะใช้ Primal Stone ก้อนสมบูรณ์ที่มีพยายามดูดพลัง Primal ออกมาจากตัวเธอ แต่ก็ถูกกระแทกใส่จน Primal Stone กระเด็นแยกกันไป 3 ก้อนกระจายออกไปทั่วห้อง จิตแห่งความคลั่งแค้นในใจของ Erin ที่ระเบิดออกมาจนไม่สามารถควบคุมพลังได้อีกแล้วก็พุ่งที่จะเข้าโจมตี Garrett ทันที



Boss – Erin การต่อสู้นั้นจะตัดสินกันด้วยการที่ Garrett ตามเก็บชิ้นส่วนของ Primal Stone ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆในห้อง 3 จุดให้ครบ โดย Erin จะแยกร่างเข้าโจมตีด้วยการระเบิดคลื่นพลังที่รุนแรงเป็นวงกว้างแบบตายได้ทันที ซึ่งต้องพยายามหลบแบบทิ้งระยะให้ดีๆไม่ต้องรีบร้อนเข้าไปเก็บ เมื่อเก็บชิ้นส่วนของ Primal Stone จนครบแล้ว Garrett จะใช้ก้อนผลึกใส่ที่ตัวของ Erin จนเกิดแสงจ้าไปทั่วห้อง จนพลังด้านมืดของ Primal Stone ถูกผลึกเอาไว้ในหนังสืออีกครั้ง ….


….. เมื่อภาพนิมิตรในการต่อสู้หมดไปก็เหมือนกับชะตากรรมกำลังเล่นตลกเมื่อ Erin ก็อยู่ในสภาพที่กำลังตกจากดาดฟ้าเรือในขณะที่ Garrett ก็พยายามจับเธอเอาไว้อย่างสุดแรงอีกครั้ง Erin ร้องเรียกให้ Garrett หยิบตะขอเพื่อดึงตัวเธอขึ้นมา แต่สภาพของ Garrett ก็พยายามที่จะยื่นมือไปหยิบตะขอกรงเล็กที่อยู่ที่เอวในจังหวะนั้น Erin ก็สุดกำลังที่จะจับมือ Garrett เอาไว้ได้ก่อนที่ร่างของเธอจะร่วงลงไปด้านล่าง Garrett ก็ตัดสินใจที่จะหยิบฉวยสิ่งที่วางอยู่ใกล้ที่สุดก็คือขว้างหนังสือผนึกวิญญาณลงไปให้ Erin พร้อมทั้งใช้เวลาที่มากกว่เดิมหยิบตะขอกรงเล็บขว้างตามไปด้วยอีกอัน จนสุดท้าย Garrett ก็สลบไปเพราะหมดแรง .. 



Garrett ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมพระอาทิตย์ยามเช้า เขาไม่พบ Erin ที่นี่ แต่ก็พบตะขอกรงเล็บที่ปักเอาไว้ที่เสาไม้ใกล้ๆ ซึ่งบ่งบอกเป็นนัยว่า ถึงจะไม่เจอ Erin อยู่ตรงหน้าแต่ก็พอเข้าใจได้ว่า อย่างน้อยเธอก็ยังปลอดภัย แต่จะชั่วร้ายดีเลวยังไงเอาไว้ค่อยว่ากัน 


…………………………………………….
THE END …………………………………………………........................


วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Castlevania: Lord of Shadow 2

                      


                                             บทสรุป Castlevania: Lord of Shadow 2

BY Decibel per - oxide

Chapter 1 - Castle Siege



.ซากปราสาทเก่าที่ค่ราคร่ำไปด้วยคาวเลือดและอดีตที่ผ่านกาลเวลามาหลายราตรีกาลด้วยความทนทุกข์ Gabriel ชายผู้ยอมขายวิญญาณเพื่อคนรักยังคงนั่งตายซากอยู่บัลลังก์แห่งชะตากรรมที่เขาก่อลงไปอย่างโดดเดี่ยวในนามแห่ง Eu Saut Dracula จ้าวแห่งเงามืดแห่งความมืดมิดทั้งปวง เหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งที่จะมาปลดปล่อยเขาจากกรรมที่เขาก่อ ซึ่งตัวเขาเองก็รู้ดีว่า มันจะไม่มีวันเป็นจริง จนความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงกระแทกประตูเสียงดั่งสนั่นของผู้รุกราน Dracula ลุกขึ้นช้าๆอย่างเหนื่อยหน่ายที่จะจัดการผู้รุกรานที่เขาต้องเผชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีวันจบสิ้น เหล่านักรบแห่งแสง แห่งกลุ่ม Brotherhood of Light ที่เขาเองเคยเป็นอัศวินมือหนึ่งเมื่อในอดีตถูกส่งเข้ามาหมายที่จะกำจัดตัวเขาในฐานะ อสูรร้าย

Tutorial
A – กระโดด
X – โจมตีปกติ (Direct Attack)
Y – โจมตีหนัก (Area Attack)
LB – ใช้ Void Power (ดาบ Void Sword)
RB –ใช้ Chaos Power (กรงเล็บ Chaos Claws)
LT – ตั้งการ์ด สามารถใช้คู่กับปุ่มบังคับการเคลื่อนไหว(LS)ในการ แดช หลบ และ พุ่งชนศัตรูได้ด้วย
RT – ใช้ อาวุธเสริม, Skill และ ไอเทม
LS  แกนอนาล็อกซ้าย - บังคับทิศทางการเคลื่อนไหว
RS แกนอนาล็อกขวา บังคับทิศทางมุมกล้อง
ปุ่มทิศทาง D – Pad – ใช้เลือกใช้อาวุธสำรอง

หลังจัดการพวกนักรบแห่งแสงจนหมด Dracula ก็รู้ดีว่าการบุกครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนทุกครั้งเพราะจำนวนศัตรูนั้นมากมายเป็นกองทัพที่เขาสำควรที่จะต้องหลักเลี่ยง เมื่อออกจากห้อง สำรวจทางมุมซากที่มีกลุ่มค้างคาวเกาะอยู่ซึ่งมันจะแสดงแทนสัญญลลักษณ์ของจุดที่สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้นั่นเอง และสามารถกด LT ดูจุดปีนให้ชัดเจนได้ด้วย จากนั้นปีนข้ามไปจนถึงทางออกฝั่งตรงข้าม เมื่อ Dracula ออกมาที่ระเบียงหน้าปราสาทก็จะพบกองทัพของนักรบแห่งแสงมากมายที่กำลังบุกถล่มปราสาทของเขาอย่างเต็มกำลัง เศษเสี้ยวนึงของความคิดของ Dracula ที่ว่า ทำไมพวกมนุษย์ถึงรู้ที่อยู่ของเขา ก็พุดขึ้นพร้อมการโจมตีของ Siege Titan หุ่นขนาดใหญ่ที่มาพร้อม Paladin หัวหน้าอัศวินแห่งแสงในการนำทัพ Paladin ที่ทำหน้าที่กวาดล้างคนชั่วเมื่อชะตากรรมเล่นตลกเพราะหน้าที่นี้ในอดีต Gabriel ก็เคยทำแบบนี้มาแล้วเช่นกัน การต่อสู้กับ Paladin นั้นแดชหลบเท่าที่ทำได้แล้วสวนกลับด้วยการ์ดเคาท์เตอร์แบบพอเหมาะพอเจาะ แต่ไม่นานเขาก็จะออกจากการต่อสู้เพื่อให้ Siege Titan โจมตีต่อ จากนั้น Dracula ต้องใช้ความเร็วในการปีนป่ายไปตามแขนของหุ่นท่ามกลางการโจมตีของ Paladin ที่ไล่ล่ามาติดๆ ระหว่างทางจะพบจุดที่มีกำแพงกั้นซึ่งสามารถทำลายได้ด้วยการล่อให้ Paladin ยิงมาที่หมุดที่ติดอยู่ออกให้หมดก็จะผ่านไปได้ ปีน หลบกับดัก จัดการศัตรูฝ่าไปจนถึงส่วนพลังงานของหุ่น Dracula จะใช้เลือดคำสาปของเขาทำให้พลังงานแห่งแสงที่ใช้ควบคุมหุ่นหมดลง เท่านี้ Siege Titan ก็จะถล่มลงไปนอนกองกับพื้น แต่การต่อสู้ยังเพิ่งเริ่มเมื่อ Paladin ตามเข้ามาอีกครั้งเพื่อต่อสู้แบบเต็มรูปแบบ



Boss – Paladin บอสตัวแรกที่ดูเหมือนไม่ยากก็ยากขึ้นมาถนัดตาเพราะความไม่คุ้นชินการบังคับของคุณ พยายามแดชหลบแล้วโจมตีมันไปเรื่อยๆแบบไม่ต้องบวก เพราะมันจะกระแทกพลังอัดกลับมาเสมอ หาทางการ์ดเค็าท์เตอร์สลับกับหลบการขว้างอาวุธของมันก็พอที่จะจัดการมันได้





หลังสิ้นฤทธิ์ Paladin หนุ่มที่กำลังพ่ายแพ้รีบหยิบกางเขนขึ้นมาพร้อมเริ่มสวดบทปราบมาร
ข้าเคยเป็นเหมือนเจ้ามาก่อนพาราดินหนุ่มผู้โง่เขลา ซึ่งนั่นแปลว่า คาถาของเจ้ามันใช้กับข้าไม่ได้ผล
Dracula กล่าวก่อนที่จะเริ่มสวดบทปราบมารไปพร้อมๆกันไปด้วยจนเกิดความแปรปรวนของคาถาทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่จนเหล่านักรบแห่งแสงในสมรภูมิตายเรียบไม่มีเหลือ หลังกวาดล้างศัตรูจนหมด Dracula ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่เข้ามาใกล้เขาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว เมื่อหันมาด้านหลังก็พบกับชายในร่างขาวซีดผมสีขาวที่มายินปีะจันหน้ากับเขาพร้อมๆกับความเงียบ Dracula จำได้ดีว่ามันคือ Alucard นั่นเอง

อดีตที่ผันผ่านมาจนถึงปัจจุบันการต่อสู้ของ Gabriel ในฐานะ Dracula จ้าวแห่งรัตติกาลก็ไม่เคยจบสิ้นเสมือนหมอกบางยามค่ำคืนที่มืดมิดที่เขาต้องเอาตัวรอดอย่างแสนยากลำบากเพียงลำพัง ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการ์ณที่เปลี่ยนชะตากรรมเขาไปตลอดกาล 

ต้นกำเนิดของเรื่องราวเกิดขึ้นในยุค ค.1046… ในช่วงที่มีจอมปีศาจตนหนึ่งออกมาสร้างความวุ่นวายไปทั่ว ทำให้ทั่วโลกเต็มไปด้วยปีศาจออกมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด มนุษย์ถูกพวกปีศาจคุกคามจนต้องรวมตัวกันเป็น ภาคีแห่งแสง Brotherhood of Light เพื่อต่อต้านพวกปีศาจที่เข้ามารุกราน โดยมี เกเบรียล เบลมอนท์ เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย ในวันที่โลกกำลังเลวร้าย เกเบรียล ก็ยังได้พบเจอสิ่งที่สวยงามคือได้ครองรักกันกับ มาเรีย ภรรยาของเขา จนให้กำเนิดลูกชาย เทรเวอร์  ขึ้นมาในช่วงที่ เกเบรียล ออกปฏิบัติภาระกิจจนเขาไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าตัวเขามีลูกชาย จน มาเรีย ภรรยาของเขาต้องตายจากไปในระหว่างการต่อสู้ เทรเวอร์ จึงถูกชุบเลี้ยงโดยกลุ่ม Brotherhood of Light ตามคำทำนายโบราณว่า เทรเวอร์  จะเป็นความหวังของมนุษย์ชาติและความลับนี้ถูกปกปิดไม่ให้ เกเบรียล รับรู้  ทำให้ เกเบรียล ต้องออกเดินทางตามหา หน้ากากเทวะ สิ่งที่เขาเชื่อว่ามันสามารถชุบชีวิตให้ภรรยาเขาได้ แต่ชิ้นส่วนของหน้ากากอยู่ในการครอบครองของ Lord of Shadow ทั้ง 3 คือ คอร์เนล ผู้นำแห่ง ไลแคนทอร์ป , คารมิล่า ผู้นำของแวมไพร์ และ โซเบค ผู้นำแห่งโครแมนเชอร์ แต่ถึงแม้ว่า เกเบรียล จะจัดการรวบรวมชิ้นส่วนของหน้ากากจนครบแล้วก็ยังไม่สามารถชุบชีวิตของ มาเรีย ภรรยาเขาได้ แต่มันกลับไปปลุกจอมปีศาจ Forgotten One ที่แสนชั่วร้ายให้คืนชีพมาอีกครั้ง ทำให้ท้ายที่สุด เกเบรียล ต้องทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อใช้พลังของแวมไพร์ในการต่อสู้กับ Forgotten One ในฐานะเป็นคนปลุกมันขึ้นมา แต่สุดท้าย เกเบรียล ก็ต่อต้านพลังแห่งความมืดเอาไว้ไม่ได้ จนเขาต้องกลายเป็น แดร็กคูล่า ไปในที่สุด

.1067… เทรเวอร์ เบลมอนท์ และ ซิลฟา ให้กำเนิดลูกชาย ไซม่อน เบลมอนท์
.1073… เทรเวอร์ เบลมอนท์ บุกปราสาทแดร็กคูล่าโดยไม่รู้มาก่อนเลยว่า แดร็กคูล่า คือ เกเบรียล พ่อของเขาเอง การต่อสู้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ เทรเวอร์ ที่แดร็กคูล่าอัดจนบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่เทรเวอร์กำลังจะตายเขาก็ได้บอกความลับให้ แดร็กคูล่า ต้องเจ็บใจว่าเขาคือลูกที่ เกเบรียล ไม่เคยล่วงรู้ว่ามี เมื่อแดร็กคูล่ารู้ความจริงแล้ว ในฐานะพ่อแดร็กคูล่าจึงไม่สามารถปล่อยให้ลูกชายเขาตายได้จึงเอาเลือดของตัวเองให้ เทรเวอร์ ดื่มเพื่อให้ลูกชายของเขากำเนิดใหม่อีกครั้ง ก่อนนำร่าง เทรเวอร์ ลูกรักใส่ลงในโลง แล้วสลักชื่อบนฝาโลงไว้ว่า .. อูลการ์ด
.1101…ไซม่อน เบลมอนท์ ทนความเจ็บปวดในจิตใจของเขาไม่ได้ที่ต้องเสียแม่ที่ถูกปีศาจฆ่าตายหน้าปราสาทแดร็กคูล่าสวนพ่อของเขา เทรเวอร์ ก็หายสาปสูญหลังจากบุกเข้าไปกำจัดแดร็กคูล่า ไม่มีทางเลือกที่ ไซม่อน ต้องตัดสินใจบุกปราสาทแดร็กคูล่าเพื่อแก้แค้นให้แม่และตามหา เทรเวอร์ พ่อของเขา

.1126… 25 ปีต่อมา ไซม่อน เบลมอนท์ หลังจากฝึกฝนผีมืออย่างหนักจนอายุ 36 ปีก็ตัดสินใจบุกปราสาทแดร็กคูล่า ระหว่างทางเขาพบกับกางเขนพิฆาตมารอาวุธของ เทรเวอร์ พ่อของเขาตกอยู่เขาจึงมั่นใจว่าพ่อของเขาคงยังอยู่ในปราสาทจนทำให้ ไซม่อน มีแรงใจที่จะบุกเข้าไปในปราสาทที่แสนยากลำบากจนพบกับ แดร็กคูล่า ในที่สุด ในขณะที่ผีดิบนามว่า อูลการ์ด ก็ปรากฏตัวขึ้นมา อูลการ์ด หรือ เทรเวอร์ ที่กำเนิดใหม่จากสภาพเกือบตายและได้มรดกเลือดชั่วที่เขาไม่เคยต้องการจากผู้เป็นพ่อจนกลายเป็นผีดิบ จึงสาบานว่าเขาจะตามล้างแค้น แดร็กคูล่า พ่อของเขาที่ยัดเยียชีวิตผีดิบที่เขาไม่เคยต้องการมาให้ จนได้มาพบ แดร็กคูล่า พร้อมกับ ไซม่อน ในที่สุด และด้วยการร่วมมือกันของทั้ง อูลการ์ด และ ไซม่อน ก็ทำให้สามารถจัดการกับ แดร็กคูล่า ลงได้ในที่สุด โดยที่ ไซม่อน ไม่มีโอกาศล่วงรู้เลยว่า อูลการ์ด ก็คือ เทรเวอร์ พ่อของเขา หลังจบศึก อูลการ์ด เก็บเศษกางเขนพิฆาตมารของ เกเบรียล เอาไว้ ก่อนที่อูลการ์ด จะกลายร่างเป็นค้างคาวบินหายไปกับความมืดเขาได้ย้ำเตือนกับ ไซม่อน ให้จำไว้เสมอว่า แดร็กคูล่า จะคืนชีพมาอีกครั้งแน่นอน ………

…. หลายศตวรรษผ่านไป เรื่องราว เรื่องเล่า ของ แดร็กคูล่า จอมปีศาจผู้กระหายเลือด ในอดีตก็เริ่มจางหายเสมือนหมอกบางๆเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมา จนเวลาคืบคลานมาถึง ปัจจุบัน …….

Chapter 2 – Awakening



Gabriel ในนามแห่ง Dracula ยังคงซ่อนตัวอยู่ในปราสาทของเขาแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานจนโลกแปรเปลี่ยนมาจนถึงยุคใหม่ แต่ความนึกคิดและซากของร่างที่ไม่มีวันตายของ Dracula ยังคงไม่เคยเปลี่ยนแปลง และด้วยความที่เขายังมีความต้องการที่จะกลับเป็นมนุษย์อยู่ จึงพยายามที่จะไม่แตะต้องเลือดมนุษย์จนร่างกายทรุดโทรม แต่มันก็ทำให้มีเวลามากพอที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องค้างคาใจในคำพูดของ Zobek อดีตเพื่อนเก่าที่รวมชะตากรรมชั่วมาด้วยกัน เข้ามาพบทันทีที่เขาตื่นขึ้นในโลกปัจจุบันเพื่อให้เตรียมรับมือการมหัตภัยร้ายที่กำลังจะเข้ามาและหนทางที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่มีใครรู้ว่าอะไรดลใจที่ทำให้ Dracula พาซากที่ไร้ชีวิตของตัวเอกเดินโซเซออกมาด้านนอกปราสาทกับเป้าหมายจางๆในความคิด เวลาครุ่นคิดที่นานพอทำให้ Dracula รู้ว่าเขาต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อหนีจากชะตากรรมนี้ให้ได้เสียที 

ที่หน้าปราสาทท่ามกลางถนนหนทางที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เศษซากร่างกายในยุคโบราณนั้นดูจะไม่เข้ากันกับโลกในยุคใหม่แม้แต่นิด จนเด็กหญิงผู้โชคร้ายที่เดินผ่านมาทำให้ Dracula ต้องหาทางที่จะเพิ่มพลังของตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะคิดถึงดีเลว Dracula พยายามเดินตามเด็กสาวเข้ามาจนถึงซอยเปลี่ยวเพื่อหมายที่จะดูดเลือดดับกระหาย แต่กลับพบปีศาจที่เข้ามาโจมตีเด็กสาวอยู่ ก่อนที่มันจะหันเข้ามาโจมตีใส่ Dracula ทันที ซึ่งแน่นอนว่า ตอนนี้ราชาปีศาจไม่มีแรงพอจะสู้กับศัตรูตัวไหนได้เลยถ้าเขาไม่ได้เลือดเพื่อเพิ่มพลัง Dracula ถูกปีศาจเข้าโจมตีจนบาดเจ็บแบบที่ไม่สามารถรับมือมันได้เลย จนมีอัศวินชุดดำลึกลับคนนึงออกมาจัดการปีศาจเพื่อข่วยเขาไว้ก่อนที่จะหมดแรงล้มลงไป



Dracula ตื่นมาอีกครั้งในสภาพบาดเจ็บหนักและอิดโรยเต็มที่ จิตใจที่กำลังขาดสติก็มองเห็นผู้ชายและผู้หญิงคู่นึงที่อยู่ในห้องเดียวกับเขา สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของปีศาจร้ายไม่มีรอที่จะเข้าไปขย้ำเหยื่อด้วยความหิวโหย เลือดทุกหยดของเหยื่อทำให้ร่างกายของ Dracula กลับมาแข็งแรงอีกครั้งถึงแม้จะยังไม่เต็มร้อยแต่ก็มากพอต่อสู้อีกครั้ง ก่อนที่ Zobek จะเข้ามาในชุดสูทสีดำในยุคใหม่พร้อมกับอัศวินชุดดำที่เป็นบอดี้การ์ดของมันเอง Zobek เข้ามาทักทายเพื่อนเก่า พร้อมยืนข้อเสนอที่จะให้ Dracula มาร่วมงานกับเขาอีกครั้ง กับคำถามเล็กๆที่ออกจากปากของ Dracula ว่า ทำไมเขาต้องทำด้วย ก่อนที่ Zobek จะบอกถึงการกลับมาคืนชีพอีกครั้งของ Satan ที่ Dracula ในฐานะคนที่เคยส่งมันลงนรกควรรับรู้ไว้ เพราะทันทีที่มันคืนชีพมาได้คนแรกที่มันจะแก้แค้นก็คือ Dracula ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ Dracula ยอมตกลงกลับไม่ใช่เรื่องการคืนชีพของ Satan แม้แต่นิด แต่ทันทีที่ Dracula เห็นว่า Zobek มันมี “ Vampire Killer “อาวุธเก่าของเขาที่มันสามารถฆ่าแวมไพร์ให้ตายได้ เพราะสิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือ การปลดปล่อยวิญญาณร้ายของตัวเองให้ตายจริงๆเสียที ซึ่งถ้าการจัดการกับการกลับมาของ Satan เป็นส่วนนึงของแผนนั้นเขาก็เต็มใจที่จะทำ และนั้นไม่ได้แปลว่าเขาจะชื่นชอบ Zobek แน่นอน 

หลังจาก Dracula ยอมตกลง Zobek ก็อธิบายถึงรูปแบบการต่อสู้ในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ซึ่งเพื่อรับมือกับงานนี้ Zobek ได้ก่อตั้งหน่วยงานของตัวเองเพื่อรวบรวมอาวุธและกองกำลังไว้มากมากมายในนามของ Zobek Society ซึ่งมีตึกบัญชาการณ์ที่ทุกคนกำลังอยู่ที่นี่ เพื่อคอยรวบรวมข้อมูลเพื่อสืบหาตำแหน่งของ เหล่าสาวกทั้ง 3 คนของซาตาน ที่มีส่วนสำคัญในการคืนชีพของ ซาตาน โดยเหล่ากองทัพปีศาจของ Stan เองก็ทันสมัยขึ้นไม่แพ้กันด้วยการรวบรวมมนุษย์ที่ถูกสิงและกลายร่างเป็นปีศาจที่เป็นตัวแทนของกองทัพของมันในโลกปัจจุบันในชื่อของ Army of Satan และพวกมันต้องพยายามทุกทางที่จะปกป้อง สาวกทุกคน อย่างแน่นอน โดยเป้าหมายแรกที่ต้องไปสืบหาคือความผิดปกติที่โรงงาน Bioquimek    

*******************************************************************************
เมื่อออกจากตึกบัญชาการ์ณ ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปีที่ Dracula จะโลดแล่นท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนในยุคปัจจุบัน ซึ่งก็มีสิ่งที่คุณและ Dracula ต้องเรียนรู้ร่วมกันคือ

1. คำว่า Open World ในเกมนี้นั้นไม่ได้แปลว่าจะได้เดินในโลกกว้างๆแต่จะหมายถึงสามารถไปตามสถานที่ต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งจะสามารถกดปุ่ม Back ดูเป้าหมายของภาระกิจหลักที่เป็นรูปตัว X ในเป้าหมายในแผนที่และลูกศรสีเหลืองเล็กๆใน Mini Map ที่มุมขวาบนของจอได้ ซึ่งมันอาจไม่ช่วยอะไรมากนักเพราะดูค่อยข้างลำบากซึ่งมันจึงทำให้คุณต้องพยายามหาทางไปด้วยตัวเองบ้างนั่นเอง
2. ในฉากนั้นสามารถทำลายสิ่งต่างๆเพื่อเก็บสิ่งของต่างๆโดยมีของที่สำคัญๆคือ
- เหรียญกระโหลก ซึ่งนอกจากเก็บเอาตามฉากแล้วก็จะได้เป็นรางวัลหลังจัดการศัตรูและบอสต่างๆด้วย ซึ่งมันสามารถใช้ในการอัพเกรด Skill ต่างๆของอาวุธที่จะทำให้มีท่าโจมตีใหม่ๆเพิ่มขึ้นนั่นเอง 
- Relics ซึ่งก็คือ ไอเทม ที่ใช้เติมพลังหรือช่วยเหลือตามสถานะการ์ณต่างๆนั่นเอง โดยการใช้ Relics ต่างๆนั้นสามารถกดเลือกใช้ได้ด้วยปุ่มทิศทางลงล่างแล้วกดใช้งานด้วยปุ่ม RT โดย Relics ต่างๆประกอบด้วย
Tear of saint - ใช้สำหรับเติมพลังชีวิต
Seal of Alastor ทำให้ Skill ที่ทั้งหมดมีความรุนแรงมากขึ้น
Stolas Clock ทำให้ศัตรูช้าลงและได้ค่า Exp มากขึ้น
Ensnared Demon ใช้ Void Power และ Chaos Power ได้ไม่จำกัด
Dodo Egg ใช้อีกาในการเก็บไอเทมที่เข้าไม่ถึง
Talisman Dragon เปลี่ยนร่างเป็นมังกรโจมตีศัตรูรอบๆอย่างหนัก

*******************************************************************************

จากนั้นเดินทางเข้าไปในเมืองต่อเปิดประตูกลางเข้าไปโกดังเล็กๆแล้วกดปุ่มทิศทาง D – Pad ขึ้นบนเลือกใช้อาวุธเสริม Shadow Dagger แล้วกด RT ยิงไปที่เป้าหมายที่สวิตซ์ 2 อันด้านบนประตูก็จะเปิดออกไปได้ ก็จะพบ Gogoth Guard แห่งกองทัพของ Satan ที่ยืนป้องกันประตูด้านในอยู่ จากนั้นเรียนรู้ในการใช้งาน Vampiric Power โดยความสามารถของไวมไพร อันแรกคือ Plague of Rat ซึ่งจะทำให้แปลงร่างเป็นหนูที่จุดมุมมืดของฉากได้ ใช้ร่างหนูเดินผ่านการ์ดไปที่ด้านหลังมันแล้วคืนร่างที่จุดมุมมืดที่หน้าประตู จากนั้นย่องเข้าไปด้านหลังทันแล้วใช้ Vampiric Power Possession กด B จะทำการสิงเป้าหมายเพื่อบังคับมันไปเปิดประตู และระหว่างที่ทำการสิงศัตรูพลังชีวิตของ Dracula ก็จะค่อยๆลดลงตลอดด้วย เมื่อผ่านเข้ามาด้านในก็จะถึงทางเข้าของ โรงงาน Bioquimek แล้ว

โรงงาน Bioquimek …. เข้ามาด้านในจะพบ Gogoth Guard ป้องกันประตูทางเข้าถึง 2 ตัว เรียนรู้การใช้ อาวุธเสริมอันใหม่ Batswarm ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ด้วยการกดปุ่มทิศทางไปทางซ้าย แล้วกด RT ในการสั่งฝูงค้างคาวไปรบกวนเป้าหมาย โดยการยิงไปที่ Gogoth Guard ตัวทางขวาเพื่อให้ตัวทางซ้ายที่ขวางบันไดอยู่เดินมาช่วย จากนั้นก็รีบวิ่งไปปีนขึ้นบันไดข้ามไปอีกห้อง Gogoth Guard ตัวนึงจะเดินตามมาด้วย ซึ่งจะจัดการสิงมันเพื่อลงไปเก็บไอเทมหรือปีนขึ้นไปชั้นบนแล้วขึ้นไปจนถึงทางเข้าด้านบนเลยก็ได้ ทางเข้าด้านบน Dracula จะได้พบกับเด็กผู้ชายลึกลับคนนึงที่เข้ามาบอกว่า ถ้าอยากได้อาวุธคืนให้ตามเขาไป

หลังจาก Dracula ตามเด็กชายที่เขาไม่รู้จักไปจะพบว่าเขาจะพาเข้ามาที่สถานที่แห่งหนึ่งที่ Dracula คุ้นเคยว่าเป็นปราสาท Dracula ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งที่ถูกพลังของ Satan กลืนกันไปหมดแล้ว ในเขต Bernhard’s Wing เก็บไอเทมในส่วนนี้ให้หมดซึ่งจะมีไอเทมที่สำคัญๆคือ Pain Box ซึ่งถ้าสามารถตามเก็บให้ครบทุกๆ 5 ชิ้นจะได้เกทพลังชีวิตและพลังเวทย์เพิ่มขึ้น , Soldier’s Diaries พวกบันทึกความทรงจำของศพต่างๆ แล้วเข้าไปที่ฝั่งซ้ายปีนขึ้นไปด้านบนตามท่อน้ำเก่าจนออกมาที่ระเบียงชั้นบน เข้าไปที่สุดทางสับคันโยกแล้วใช้ Shadow Dagger ยิงทำลายสิ่งที่ติดอยู่ในกลไกประตูออก แล้วผ่านเข้าด้านในต่อจนถึงห้องโถงใหญ่ของปราสาท  ตามเก็บ Pain Box ตามจุดต่างๆในนี้ให้หมดแล้วโดดไปตามโคมไฟ โหนตัวไปมาเพื่อโดดต่อตามโคมไฟไปจนถึงฝั่งตรงข้าม จะพบเด็กชายลึกลับรออยู่ และทันทีที่เด็กพูดขึ้นว่า คุณจะชดใช้ยังไงกับแม่ของผมทำให้ Dracula รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้คือภาพมายาของ Trevor ลูกชายของเขาในวัยเด็กนั่นเอง จากนั้นตาม Trevor เข้าไปจนถึงด้านในจะพบห้องเก็บดาบ Void Sword อยู่ที่สุดทาง แต่พลังบางอย่างพยายามจะหยุด Dracula ด้วยการทำพื้นทางเดินถล่ม ซึ่งต้องรีบวิ่งตรงไปข้างหน้าแล้วกด LT หาที่เกาะให้ทัน เมื่อเข้าไปถึงในห้อง Dracula ก็จะได้ Void Sword พร้อมพลัง Void Power กลับคืนมา ขณะที่พลังความชั่วร้ายที่คุ้มครองดาบก็รวมตัวกับเศษรูปปั้นจนเป็นโกเลมขนาดใหญ่เข้าโจมตี Dracula ทันทีเหมือนกัน

Boss Stone Golem การจัดการกับโกเลมนั้นใช้การแดชหลบแล้วโดดโจมตีที่ส่วนบนของร่างกายจะทำให้มันเสียหายหนัก ซึ่งสิ่งที่สำคัญในการต่อสู้กับบอสตัวนี้คือการเรียนรู้การใช้อาวุธใหม่ที่เพิ่งได้มามากว่า

เรียนรู้การใช้ Void Sword
เริ่มด้วยการโจมตีปกติจนทำให้ศัตรูปล่อย Blood orbs ออกมา(ยิ่งถ้าทำคอมโบจนเกทค่า Focus เต็มแล้วจะทำให้ได้ Blood orbs ยิ่งมากขึ้น) ซึ่งเมื่อกดแกนอนาล็อกซ้ายลงไปตรงๆจะเป็นการดูด Blood orbs มาเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ของพลัง Void Power ที่เกทรูปดาบสีฟ้าด้านซ้ายของจอ ก็จะสามารถกด LB เพื่อใช้ Void Sword ในการโจมตีศัตรูได้ โดยจะสามารถใช้ได้จนกว่าเกทพลังเวทย์จะหมดนั่นเอง เมื่อจัดการมันได้แล้ว เข้าไปเก็บ Void Gem มาจากหัวของโกเลมจะทำให้ดาบ Void Sword มี Skill ใหม่เพิ่มขึ้นมาใช้คือ Void Projection ก่อนอื่นถ้าพลังเวทย์ไม่พอให้เข้าไปในห้องที่ถูกโกเลมกระแทกเปิดออกจะมีรูปปั้นที่สามารถดูด Blood orbs ได้ไม่จำกัดอยู่ จากนั้นออกมาที่น้ำตกข้างๆห้องแล้วกด LB ใช้ดาบ Void Sword แล้วกด RT เล็งเป้าไปที่น้ำตกเพื่อยิงคลื่นพลังน้ำแข็งทำให้น้ำตกแข็งตัวจนทำให้เกาะปีนป่ายขึ้นด้านบนได้ พลัง Void Projection นั้นสามารถเลือกใช้ได้โดยกดปุ่มทิศทางขึ้นบนในขณะที่กำลังใช้ ดาบ Void Sword ซึ่งนอกจากมันจะเป็นหนึ่งในพลังที่ใช้ในการแก้ปริศนาสำหรับการเดินทางที่คุณต้องใช้ประจำแล้วมันยังสามารถใช้ในการต่อสู้เพื่อยิงพลังน้ำแข็งหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ด้วย

เมื่อปีนขึ้นมาด้านบนได้แล้ว เข้าไปตามทางท่อระบายน้ำที่เป็นหมอกดำจะออกมาที่ห้องโถงใหญ่ของปราสาทต่อได้ เก็บไอเทมต่างๆให้หมดแล้วปีนขึ้นชั้น 2 เข้าไปที่ห้องด้านในจะพบ Trevor โดนพวกปีศาจที่เคยเป็นลูกน้องของ Dracula กำลังถูกพลังของ Satan ในการเข้าครอบงำจนเข้ามาโจมตีใส่ Dracula พยายามจัดการมันให้หมดแล้วคอยปกป้อง Trevor จากศัตรูที่เข้ามาจับตัวด้วย ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่ในสถานะการ์ณที่เลวร้ายแต่เสียงเรียกที่ออกจากปาก Trevor ว่า พ่อ ทำให้จิตใจของมนุษย์ที่เหลืออยู่ในร่างปีศาจอย่าง Dracula อ่อนโยนขึ้นมาจนทำให้ Dracula หลุดปากไปว่า ที่พ่อทำไปเพราะไม่มีทางเลือกแต่ Trevor ก็บอกกลับไปว่า ไม่หรอก พ่อมีทางเลือกเสมอ



พ่อผู้น้อมรับชะตาของตัวเองโดยไม่คิดจะต่อสู้กับลูกชายที่ลุกขึ้นสู้กับชะตากรรมที่รู้ว่าไม่มีวันชนะ วังวนแห่งการต่อสู้ที่ต้องมีวันจบสิ้นซักวัน

คำพูดของ Trevor ทำให้ Dracula อดคิดไม่ได้ว่านี่มัน เป็นความจริงหรือความฝัน ในขณะที่ร่างของ Trevor ก็สลายหายไปก่อนที่ความคิดคำนึงของ Dracula จะจบลงเสียอีก Dracula จะได้ตรารูปหมาป่า (White Wolf Medallion) จาก Trevor ซึ่งมันจะเป็นตัวเชื่อมในการเดินทางระหว่างโลกความจริงกับโลกต่างมิติได้โดยผ่าน ตรารูปหมาป่า (Wolf Altar) ที่อยู่ตามจุดต่างๆ จากนั้นใช้ ตรารูปหมาป่า กับ รูปหมาป่าที่พื้น จะมีหมาป่าขาวออกมานำทางที่จุดทางเข้าบนชั้น 2 เมื่อตามมันเข้าไปจะทำให้กลับมาที่โรงงานในโลกปกติได้

เมื่อกลับมาที่โรงงาน Bioquimek ในโลกปกติอีกครั้ง…… ตรงจุดวาร์ปหมาป่าจะมีที่เติมพลังและที่เติม Blood Orb ครบครันให้ใช้ ซึ่งต้องจำไว้ว่าจุดวาร์ปหมาป่าที่จุดนี้เป็นที่เดินทางไปยังปราสาทในอีกมิตินึงได้ทุกครั้งที่คุณต้องการได้
- จากนั้นเดินไปที่ประตูด้านตรงหน้า (ประตูขวาจะเป็นทางเดิมที่เข้ามา) จะมีน้ำตกอยู่ทางขวาของประตูให้ใช้ Void Projection ยิงให้มันเป็นน้ำแข็งแล้วปีนข้ามไปอีกด้าน
- เข้าไปด้านในต่อจนพบไอน้ำที่พุ่งออกมาจากพนัง ใช้ Void Projection ยิงปิดมันแล้วจะเห็นโพรงท่อระบายอากาศอยู่ด้านล่าง รีบเข้าไปที่จุดมุมมืดใกล้ๆเพื่อเปลี่ยนร่างเป็นหนูแล้วมุดเข้าไปด้านในทางระบายอากาศต่อจนทะลุออกมาที่ทางเดินอีกด้านจะพบ Gogoth Guard เฝ้าประตูห้องเก็บสารเคมีอยู่
- ใช้ร่างหนูไปมุมเข้าทางระบายอากาศด้านในต่อเพื่อเข้าไปกัดสายไฟทำให้แผงควบคุมข้างๆประตูเกิดการช๊อต Gogoth Guard มันจะเรียกช่างด้านในออกมาซ่อม
- จากนั้นเปลี่ยนร่างเป็นคนที่จุดมุมมืดแล้วใช้ Batswarm สั่งค้างคาวยิงไปก่อกวน Guard แล้วย่องไปด้านหลังช่างเพื่อสิงมันให้ไปเปิดประตูก็จะเข้าไปด้านในได้แล้ว ..

เข้ามาจนถึงห้องทดลองสารเคมี ทันทีที่ร่างที่ Dracula สิงเข้ามา คนงานมากมายที่กำลังขนถ่ายสารเคมีไม่มีใครสนใจนอกจากหัวหน้านักวิจัยที่เป็นปีศาจที่รับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา เธอจึงทำลายถังสารเคมีทั้งหมดให้รั่วไหลจนทำให้คนงานที่สูดดมเข้าไปกลายร่างเป็นปีศาจจนหมด ก่อนที่เธอจะเข้ามาโจมตีใส่จน Dracula ต้องเปิดเผยร่างออกมา Zobek แจ้งมาว่า หัวหน้านักวิจัยปีศาจนางนี้ก็คือ Ratsa Volkova ที่เป็นคนสำคัญในการทำแก๊สปีศาจตามคำสั่งของ Satan ซึ่งจำเป็นต้องจับเป็นมันมารีดเอาข้อมูลให้ได้ด้วย  

Boss - Ratsa Volkova ทันทีที่มันโจมตีด้วยการพุ่งชนด้วยความเร็วซึ่งจะไม่สามารถโจมตีมันกลับได้ ให้ใช้ Void Projection ยิงให้มันเป็นน้ำแข็งเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมัน จากนั้นมันจะเปลี่ยนวิธีโจมตีเป็นการใช้ไฟฟ้าโจมตีแทนซึ่งก็สามารถจัดการได้ตามปกติได้เลย เมื่อจัดการมันได้แล้ว Dracula จะสำรวจประตูมิติเพื่อพาจับตัว Ratsa กลับมาที่ตึกบัญชาการ์ณ

ที่ตึกบัญชาการ์ณ …. Dracula จะพบกับ Trevor ในวัยเด็กอีกครั้ง Trevor มาเพื่อให้ Dracula ตามเขาไปเพื่อเอาพลัง Chaos Power ที่สูญหายไปกลับคืนมา จากนั้น Dracula จะถูกวาร์ปกลับมาที่ส่วน Bernhard’s Wing ในปราสาทอีกครั้งทันที ..

Chapter 3 – The Three Gorgons
เมื่อวาร์ปมาที่ปราสาทแล้วเข้าไปตามทางจนถึงลิฟต์ลงมาชั้นล่างในเขต City of The Dammed ซึ่งจะเป็นถ้ำภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยลาวาเดือด ที่นี่จะพบกับ Euryale ที่เข้ามาบอกข่าวถึง อาวุธแห่ง Chaos ที่ตอนนี้เมดูซ่าเป็นคนเก็บรักษาเอาไว้ สำรวจเก็บไอเทมให้หมดแล้วเข้าไปที่ห้องโถงถ้ำด้านในต่อ จะพบพวก Dungeon Jailer เข้ามาโจมตี เจ้าตัวใหญ่จะโจมตีมันได้จากข้างหลังเท่านั้น ส่วนลูกน้องก็เอาไว้เก็บพลังเวทย์ เมื่อจัดการได้แล้วจะได้ Dungeon Key มา ซึ่งกุญแจนี้นอกจากใช้ไขเปิดเส้นทางตามเนื้อเรื่องแล้วยังสามารถตามหาเก็บเพิ่มด้วยการจัดการพวก Dungeon Jailer จนได้ Dungeon Key มาเพื่อเปิดเส้นทางอื่นๆที่อยู่นอกเส้นทางได้ด้วย เมื่อจัดการมันได้แล้วในห้องโถงจะมีทางไปอยู่ 1 ประตู ให้เข้าประตูทางขวา ออกมาที่โถงใหญ่ของถ้ำ ด้านซ้ายบนจะมีตราหมาป่าอยู่ ผ่านไปทางขวาก่อนจะพบโซ่ขนาดใหญ่ที่สามารถกระโดดเกาะขึ้นไปด้านบนแล้วไต่จนข้ามมาอีกด้านได้ โดดตามปล่องไฟข้ามเข้ามาด้านในต่อจะพบกับ Sthemo เธอจะมาส่งข่าวบอกว่า มีคนแคระเท่านั้นที่รู้ที่อยู่ของเมดูซ่า จากนั้นลุยเข้าไปต่อจนถึงห้องโถงต่อไปซึ่งจะพบ คนแคระถูกขังอยู่ในกรงบาเรียด้านบนขวา เมื่อเข้าไปคุยมันจะแนะนำตัวว่า Chupacabras และมันจะยอมพาไปหาเมดูซ่าถ้าช่วยมันออกมา

- การช่วย Chupacabras นั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือสำรวจสวิตซ์ที่แท่นเพื่อเลื่อนสะพานแสงให้ต่อตามจุดต่างๆเพื่อเก็บไอเทมแล้วเลื่อนสะพานแสงไปให้ถึงฝั่งตรงข้ามเพื่อกดสวิตซ์ทางขวาเพื่อปลดให้กรงขังลงมาด้านล่าง
- จากนั้นก็พยายามเลื่อนสะพานแสง (จากมุมขวาของถ้ำ) เพื่อให้ไปที่ตรงจุดที่กรงขังให้ได้ แล้วเลื่อนสะพานแสงพากรงขังไปที่จุดด้านซ้ายของประตูฝั่งตรงข้าม (ที่เรืองแสงให้เห็นอยู่) ต่อเพื่อทำลายบาเรีย เท่านี้ Chupacabras ก็จะเป็นอิสระแล้วมันจะเปิดประตูฝั่งข้ามให้เข้าไปด้านในต่อได้

ที่โถงถ้ำด้านในนั้นจะเห็นโดมขนาดใหญ่อยู่ไกลๆ ลุยพวกปีศาจนก Harpy ที่เข้ามาโจมตีแล้วข้ามสะพานแขวนไปต่อจนถึงโดมจัดการพวก Dungeon Jailer ที่หน้าประตูแล้วเก็บ Dungeon Key มาใช้ไขเข้าไปในโดมต่อ สำรวจที่รูปปั้นกลางห้องจะมีทางลับที่พื้นเปิดออก ลงไปชั้นล่างด้านในจะพบรูปปั้นเมดูซ่าและ Dracula ก็จะได้ Chaos Power พร้อมทั้งอาวุธ Chaos Claw มาใช้ จากนั้น Euryale และ Sthemo จะออกมาตามด้วย Medusa ที่ออกมาแล้วทั้ง 3 จะโดนพลังของ Satan ครอบงำจนกลายร่างเป็น Gorgons สามหัวขนาดใหญ่เข้าโจมตี Dracula ทันที

เรียนรู้การใช้ Chaos Claw
เริ่มด้วยการโจมตีปกติจนทำให้ศัตรูปล่อย Blood orbs ออกมา(ยิ่งถ้าทำคอมโบจนเกทค่า Focus เต็มแล้วจะทำให้ได้ Blood orbs ยิ่งมากขึ้น) ซึ่งเมื่อกดแกนอนาล็อกขวาลงไปตรงๆจะเป็นการดูด blood orbs มาเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ของพลัง Chaos Power ที่เกทรูปสนับมือสีแดงด้านวาของจอ ก็จะสามารถกด RB เพื่อใช้ Chaos Claw ในการโจมตีศัตรูได้ ซึ่ง Chaos Claw นั้นพลังโจมตีจะสูงมากจึงเหมาะในการใช้จัดการศัตรูที่มีเกราะแข็งและใช้ผ่านทางต่างๆที่ต้องทำลายเข้าไปด้วย Skill Chaos Bomb โดยจะสามารถใช้ได้จนกว่าเกทพลังเวทย์จะหมด

Boss – Gorgons การรับมือกับมันนั้นต้องใช้ ทั้ง Void Power และ Chaos Power ร่วมกันในการจัดการมัน
- ช่วงแรกนั้นสามารถสะสมเกทพลังเวทย์จากการโจมตีหนวดที่อยู่รอบๆหรือโจมตีที่ตัวมันเลยก็ได้ เมื่อโจมตีมันจนพลังลดไปครึ่งนึงแล้ว มันจะเริ่มใช้มือซ้ายต่อยลงพื้นซึ่งจังหวะนี้รีบใช้ Void Projection ยิงให้มือมันแข็งตัวแล้วจะสามารถปีนขึ้นไปจัดการตัดหัวทางขวาของมันได้
- จัดการเหมือนเดิมจนมันใช้มือซ้ายต่อยลงพื้น รีบใช้ Chaos Claw ต่อยผิวหนังแข็งๆของมันให้แตกก็จะสามารถปีนไปตัดหัวทางซ้ายของมันได้
- ส่วนหัวกลางที่เหลือนั้นโจมตีจนกว่ามันจะอ้าปากออกก็รีบยิง Void Projection แช่แข็งไปที่ปากมันก็จะสามารถจัดการมันลงได้

หลังจากจบศึก Dracula ควักหัวใจ Gorgons ออกได้สำเร็จและได้ Chaos Primordial Gem จากหัวใจของมันมาด้วย ซึ่งจะทำให้ Chaos Claw ได้ Skill Chaos Bomb มาใช้ ด้วยการกด RB ใช้ Chaos Claw แล้วกด RT ยิงไปที่เป้าหมายที่หลังคาด้านบนจนทะลุ จากนั้นปีนไปบนซาก Gorgons ขึ้นไปชั้น 2 แล้วปีนขึ้นไปที่รอยแตกจะสามารถกลับมาเขตโดมได้อีกครั้ง จัดการพวก Dungeon Jailer ที่หน้าประตูแล้วเก็บ Dungeon Key มาใช้ไขกลับออกมาที่โถงกลางของถ้ำลาวา



 ก่อนกลับ Dracula จะแวะลงลิฟต์ไปที่ที่ซ่อนตัวของ Chupacabras ซึ่งมันจะเปิดร้านขายไอเทมอยู่ ซึ่งไอเทมต่างๆตอนนี้ยังมีแค่ Relics ต่างๆ , Life Gem , Chaos Gem และ Void Gem ที่แพงเกินเอื้อมทั้งนั้น คุยจบก่อนออกจากร้าน Chupacabras จะมอบ Talisman Dragon มาซึ่งเป็น Relics ที่ทำให้แปลงร่างเป็นมังกรเพื่อโจมตีศัตรูรอบๆตัวได้ เมื่อออกมาจากร้าน สำรวจที่ Pie of Sacrifice จะได้ตรา Kleidos มาอีกอันจากนั้นใช้จุดวาร์ปหมาป่ากลับมาที่ตึกบัญชาการ์ณในโลกปัจจุบันได้เลย

Chapter 4 – The Antidote
เมื่อ Dracula กลับมาที่ตึกบัญชาการณ์ Zobec กำลังนั่งดูข่าวความหายนะของเมืองที่ถูกปีศาจที่กองทัพ Satan ผลิตขึ้นมาออกมาทำร้ายผู้คนจนบ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับ ซึ่งนั่นแปลว่า Satan นั้นมีพลังที่แข็งแกร่งใกล้จะคืนชีพทุกทีแล้ว Dracula จะถามถึงความคืบหน้าของการรีดเอาความลับจาก Ratsa หนึ่งในสาวกของ Satan แต่ดูเหมือน Zobec จะบอกว่ามันไม่คืบหน้าเพราะร่างปีศาจของ Ratsa นั้นไม่สามารถทำให้เจ็บปวดจนทำให้มันต้องยอมปริปากได้เลย Dracula จึงมีความคิดที่จะทำให้มันกลับเป็นมนุษย์อีกครั้งด้วยยาแก้พิษที่น่าจะมีอยู่ในโรงงาน ซึ่งเมื่อมันกลายเป็นมนุษย์เหมือนเดิมแล้วการทรมารจะทำให้มันยอมบอกความลับได้ไม่ยาก 

ออกจากตึกเป้าหมายคือตามหายาแก้พิษปีศาจซึ่งอยู่ที่ไหนซักแห่งแต่ที่แรกที่น่าจะเข้าไปตรวจสอบก็คือโรงงาน Bioquimek ตอนนี้ตามถนนเต็มไปด้วยปีศาจมากมาย 
- ลุยเข้าไปจนถึงทางเข้าซากตึกจะมีพบว่ามีไฟออกมาจากท่อขวางอยู่ ให้ใช้ Void Sword ที่หัวน้ำดับเพลิงที่เพดานทางขวาแล้วน้ำแข็งจะเข้าไปดับไฟได้  
- เข้าไปขึ้นลิฟต์มาที่ลานด้านบนก็จะเห็นเมืองทั้งเมื่อถูกปีศาจโจมตีทั่วไปหมด ลุยเข้าไปจนสุดถนนที่ซากตึกทางขวาจะมีร้าน ด้านในจะมีจุดแปลงร่างเป็นหนูให้เข้าช่องระบายอากาศในนั้นมุดทะลุออกมาอีกด้าน คืนร่างแล้วปีนขึ้นด้านบนจะมาที่ถนนอีกฝั่งได้ 
- ลุยศัตรูไปจนสุดทางจะมีเสาไฟที่ใช้ปีนได้แต่มันมีไฟฟ้ารั่วอยู่ ใช้มีดสั้น Shadow Dagger ขว้างทำลายหม้อแปลงทางขวาก็จะสามารถปีนผ่านขึ้นไปได้ 
- เข้ามาในซากตึกผ่านห้องฆ่าเชื้อเข้าไปตามทางเดินทางตรงจะเป็นทางไปที่ลิฟต์ซึ่งยังใช้การไม่ได้เพราะไม่มีไฟฟ้า โจมตีทำลายประตูทางขวาก่อน เข้าไปในห้องจะมีจุดปีนข้ามเข้าห้องด้านในจะมีจุดแปลงร่างเป็นหนูอยู่ มุดผ่านเข้าไปอีกห้องจะมีรูลงไปชั้นล่าง คืนร่างแล้วจัดการศัตรูในห้องให้หมด แล้วลงมานถึงชั้นล่างของตึกเปิดวาลว์น้ำและเครื่องปั่นไฟด้านในแล้วออกมาตามทางจนถึงห้องโถง จัดการศัตรูแล้วกลับขึ้นไปชั้นที่มีลิฟต์ก็จะสามารถใช้ลิฟท์ขึ้นด้านบนได้แล้ว
– โดดออกมาจากตึกที่ลานกว้างจะพบหน่วย Riot Police ตำรวจปราบมารของเมืองที่หน้าตาไม่ต่างกับปีศาจเลยซักนิด จัดการพวกมันให้หมด โดยทุกตัวมีโล่ป้องกันตัว Chaos Claw จึงจำเป็นมากที่จะใช้จัดการมันให้สะดวกขึ้น จากนั้นเข้าไปด้านในต่อจนถึงลานกว้างอีกด้าน จัดการศัตรูแล้วเข้าไปจนสุดทางจะมีท่อระบายน้ำให้มุดลงไปต่อ 
- ท่อระบายน้ำจะพากลับมาถึงในตึกโรงงาน Bioquimek อีกครั้ง ขึ้นไปด้านบนเข้าช่องทางฆ่าเชื้อจะมีน้ำแข็งขวางอยู่ ใช้ Chaos Claw ยิงทำลายมันแล้วเข้าไปด้านในต่อ (ถ้าพลังเวทย์ไม่พอก็ลงไปเก็บกับศัตรูที่ชั้นล่างเอา และไม่จำเป็นไม่ต้องเดินสำรวจเพราะส่วนนี้ของโรงงานเคยมาครั้งนึงแล้ว) ลุยเข้าไปด้านในต่อจนถึงท่อขนาดใหญ่ปีนขึ้นด้านบนจะออกมาที่ซากสะพานด้านบน
– ลุยข้ามสะพานไปที่หน้าตึก ด้านขวาใช้ Chaos Claw ยิงทำลายสวิตซ์ประตูเข้าไปที่ลิฟต์ขนาดใหญ่ขึ้นมาด้านบนจนถึงห้องลำเลียงสินค้า สิ่งที่ต้องทำคือปีนเสาขึ้นไปโดดเกาะตู้สินค้าบนรางลำเลียงอันแรกแล้วเกาะไปโดดลงที่ตู้สินค้าในรางลำเลียงที่ 2 แล้วมันจะพาผ่านช่องเข้าไปส่วนในได้ โดดลงไปด้านล่างแล้วลงท่อด้านในจะลงมาที่โรงงานใต้ดิน
– ที่ทางเข้าจะพบ Gogoth Guard 2 ตัวเฝ้าประตูอยู่ ก็ใช้วิธีเดิมปล่อยค้างคาวไปก่อกวนตัวทางขวาให้ตัวทางซ้ายไปช่วยก็รีบเข้าสิงการ์ดตัวทางซ้ายแล้วเอาตัวมันพาผ่านประตูไปด้านในได้เลย
– ที่สถานีรถไฟ จะพบนักวิจัยกำลังลำเลียงยาต่างๆเข้าไปในรถไฟ พร้อมกับมี Gogoth Guard คอยป้องกันด้วย โดยพื้นที่นี้จะมี 2 ส่วน
ส่วนแรก – ใช้ค้างความก่อกวนการ์ดด้านซ้ายแล้วรีบปีนขึ้นไปที่บันไดขวามาที่ส่วนกลาง การ์ดมันจะเปิดประตูตามมาดู หาจังหวะลงไปสิงมันจากด้านหลังแล้วเปิดประตูไปส่วนที่ 2 ต่อ
ส่วนที่สอง – ส่วนนี้จะมีการ์ด 2 ตัวเฝ้าทางขึ้นรถไฟ ย้อนกลับไปที่จุดแปลงร่างเป็นหนูที่ทางเข้าของส่วนแรก ใช้หนูมุดเข้าช่องตรงกลางระหว่างการ์ดทั้ง 2 เข้ามาในรถไฟได้แล้ว

Chapter 5 – Next Stop 
 Dracula ตามเส้นทางลำเลียงยาแก้พิษเข้ามาในรถไฟได้สำเร็จ แต่ Gogoth Guard ที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามาตรวจรถไฟทำให้ต้องหนีออกทางหน้าต่างขึ้นบนหลังคาก็จะพบศัตรูตัวใหม่ที่เข้ามาโจมตี Satan Soldier เหล่าขุนศึกของซาตานที่ทั้งเร็วและโจมตีหนัก พยายามสู้มันไปเรื่อยๆแล้วการ์ดอีกตัวจะเข้ามาพยายามยิงตัวเชื่อมโบกี้รถไฟ ใช้ค้างคาวยิงใส่การ์ดแล้วก็จะเกิดความวุ่นวายจนรถไฟส่วนหลังขาดออกไปพร้อมการ์ดก่อนรถไฟจะเข้าอุโมงค์ 
- อยู่บนหลังคาก็พยายามหลบไฟในอุโมงค์แล้วลงมาที่หน้าต่างเข้ามาที่โบกี้อีกครั้ง ใช้ค้างคาวไปก่อกวนมันแล้วรอจังหวะอยู่ใกล้เพื่อจะสิงมัน(ขณะรอจังหวะสิงร่างอย่าพยายามยืนข้างหลังเพราะมันจะหันมาเห็นให้ยืนอยู่ข้างๆมันจะได้ผลดีที่สุด) แล้วใช้ตัวมันเปิดทางเข้าออกมาด้านนอกโบกี้ จะพบทหารของซาตานที่ยังรอดอยู่เข้ามาโจมตี 

 Boss Satan Soldier วิธีโจมตีของมันไม่ได้ซับซ้อนใช้ Chaos Claw อัดหนักๆกับมันก็จัดการได้ไม่ยาก ซึ่งหลังการต่อสู้จบลง Dracula ก็จะโดดหนีจากรถไฟก่อนที่มันจะชนภูเขาระเบิดไปพร้อมกับ Satan Soldier ซึ่งจากนี้ไปเจ้านี่มันก็จะออกมาในฐานะศัตรูปกติ 
- Dracula เดินทางมาถึง Victory Plaza จู่ๆบอดี้การ์ดของ Zodec ก็เข้ามาทำให้ Dracula โจมตีใส่ทันทีเพื่อเป็นการเตือนให้มันรู้ว่าการเข้ามาจากด้านหลังครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะบอกว่ามันถูก Zodic ส่งมาให้ช่วยเหลือ ทั้งคู่จะเข้าไปด้านในตึกด้านในด้วยกัน
– จากนี้ก็ลุยไปพร้อมๆกับ บอดี้การ์ดของ Zodec เข้าไปจนถึงห้องใหญ่ด้านใน จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปสำรวจแผงไฟทางซ้ายของห้องกด Y เรียกให้ บอดี้การ์ด มาช่วยจับแผงไฟเอาไว้ทำให้ไฟฟ้าที่ช็อตขวางทางเข้าหายไป เข้าไปจนถึงทางแยกดึงสายไฟให้ขาดไฟฟ้าที่ช็อตขวางทางทั้งหมดในนี้จะหายไป 
- เมื่อทั้งคู่ลุยเข้าไปจนถึงซากตึกด้านใน บอดี้การ์ด จะขอกลับไปก่อน จากนั้นปีนขึ้นไปตามซากตึกจนถึงทางเข้าด้านบน เข้าไปตามทางจะพบ Trevor ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของประตู เขาพยายามมาบอกให้ Dracula รีบไปช่วยแม่ของเขาซึ่งก็คือ Marie เมียของ Gabriel นั่นเอง หลังจากที่ Trevor เอื้อมมาสัมผัสก็จะพาจิตของ Gabriel ไปที่อีกมิติทันที 

Chapter 6 – The Blood Curse 



Dracula เดินทางมาจนถึง Carmilla’s Lair เข้ามาด้านในก็จะพบกับ Carmilla อีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนานมากตั้งแต่ได้ฆ่าเธอไปเมื่อนานมาแล้ว ในขณะที่ Dracula กำลังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าตัวเขากำลังอยู่ในอีกมิติหรือในความฝันกันแน่ Carmilla ก็เริ่มบรรเลงบทเย้ายวนใส่ทันที ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่มก่อนที่ Carmilla จะยอมมอบกายพร้อมเลือดสดๆจากคอขาวๆของเธอ กิ๊กเก่าแบบนี้มีหรือ Dracula จะปฏิเสธ แต่เลือดที่ดุดมานั้นมันกลับเป็นเลือดต้องสาปของ Carmilla ที่พยายามจะควบคุม Dracula เพื่อให้อยู่กับเธอที่นี่ตลอดไป ก่อนที่เธอจะหนีไปแล้วทิ้ง Bloody Skeleton ทหารกระดูกมากมายออกมาแทน 
- ตอนนี้เลือดของ Dracula จะเป็นพิษจนเกทเป็นสีม่วง จะทำให้พลังโจมตีลดลง และ เลือดจะลดเร็วกว่าปกติเมื่อถูกโจมตี แต่เอาเป็นว่ามันไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการลุยของคุณเลยครับ จัดการ Bloody Skeleton ให้หมด แล้วเดินเข้าด้านในห้องสมุด Dracula เตรียมระวังและพร้อมที่จะโจมตีแต่คนที่ออกมาจากด้านในกลับเป็น Marie ภรรยาของเขาที่ตายไปนั่นเอง 



Marie โผเข้ามากอด Gabriel ด้วยความเป็นห่วง แต่ Dracula กลับยิ่งกังวลหนักว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ ในขณะที่ Marie พยายามบอกว่าเธอเป็นตัวจริงในขณะเดียวกัน Gabriel ก็จริงเช่นกัน แต่ Gabriel ก็ตัดบทว่าให้เรียกว่า Dracula เพราะ Gabriel นั้นตายไปแล้ว พร้อมกับเปลี่ยนอารมณ์เป็นดุดันเพื่อลดทอนความเชื่อของตัวเอง เพราะ Dracula นั้นคิดเสมอว่า ความชั่วที่เขาทำลงไปคงไม่มีวันได้รับรางวัลที่ดีแบบนี้จากสวรรค์แน่นอน Marie ย้ำอีกครั้งว่า เธอคือตัวจริงและถูกจับขังเอาไว้ และไม่ว่าจะยังไงเธอก็ยังเชื่อมั่นใน Gabriel สามีของเธอจนถึงวันนี้ ก่อนที่เธอจะบอกให้ดูดเลือดของเธอเพื่อล้างเลือดต้องสาปของ Carmilla Dracula จึงแข็งใจที่จะเชื่อและยอมดูดเลือดของเธอ ร่างของ Marie ก็สลายหายไปทันทีเหลือไว้แต่เสียงที่แผ่วเบาว่า “ ให้จำไว้เสมอว่าเธอจะอยู่กับ Gabriel ตลอดเวลา “

- ความหวานซึ้งต้องจบลงเมื่อ Carmilla ออกมาไล่ล่า Dracula อีกครั้งช่วงนี้เป็นการที่ต้องหนีการตามจับของ Carmilla ด้วยการใช้เลือดพ่นลงตามตรารูปกางเขนสีเหลืองบนพื้นห้องสมุดให้หมด 4 อันประตูด้านในก็จะเปิด Carmilla ก็จะกลับเข้าไปด้านใน จากนั้นตามเธอเข้าประตูไปตามทางผ่านสะพานแขวนมาจนถึงลานกว้างก็จะพบกับ Marie อีกครั้ง แต่กลับพบถึง 2 คนพร้อมๆกัน แถมทั้งคู่ก็พยายามจะบอกว่าเธอคือตัวจริง งานนี้ก็เล่นเอาจอมปีศาจงงไปเลยเหมือนกัน เลือก Marie คนทางขวา คือตัวจริง แล้วก็จะเห็นว่าอีกคนคือ Carmilla แถมยังไม่ค่อยสบอารมณ์ในการเลือกของ Dracula เสียด้วย เธอจับ Marie ขังไว้ในกรงอีกครั้งก่อนที่จะเข้ามาสู้ด้วยพร้อมทหารกระดูกของเธอ  

Boss – Carmilla การโจมตีของเธอที่ต้องรับมือจะมีดังนี้
รอบแรก - โจมตีพร้อมกับบาเรียรอบตัว ซึ่งต้องใช้ Chaos ต่อยอย่างต่อเนื่องจนแตก 
รอบ 2 – โจมตีด้วยความเร็วจนไม่สามารถโจมตีทัน ให้ใช้ Avoid Sword ยิงน้ำแข็งใส่แล้วเข้าไปโจมตี  
จากนั้น Dracula จะทำการดูดพลังของเขากลับคืนซึ่งจะทำให้ได้ความสามารถ แปลงร่างเป็นหมอก แถมมาด้วย ** Skill Mist form นั้นใช้งานโดยการกดปุ่มทิศทางไปทางขวาและกดใช้ด้วย RT หน้าที่การใช้งานก็คือ การแปลงร่างเป็นหมอกเพื่อหลบหนีการโดนจับ , ใช้หลบกับดัก , ใช้ผ่านเข้าลูกกรงต่างๆและ ปลิวไปตามพัดลมไปที่ต่างๆได้ ** 
รอบ 3 – Carmilla จะใช้อสูรรับใช้ของเธอในการโจมตี ซึ่งก็สามารถใช้ร่างหมอกหลบการจับของมันได้แมยังสามารถผ่านเข้าไปในกรงขังของ Marie เพื่อดูดเลือดเติมพลังได้ตลอดอีก ทำเอา Carmilla จนต้องโดนพิพากษาด้วยเหล็กเส้นทะลุปากจนสลายไปในที่สุด 
หลังจากชนะแล้ว เดินย้อนออกมาจะพบกับ Marie และ หมาป่าสีขาวที่เข้ามาให้กำลังใจก่อนที่จะพากลับสู่โลกปัจจุบัน ซึ่งใครจะรู้เมื่อผ่านเหตุการ์ณนี้ไม่ว่ามันคือความฝันหรือความจริงแต่มันก็ทำให้จิตใจที่เย็นยะเยือกของภูติพรายตนนึงอ่อนนุ่มลงในทันที   

Chapter 7 – The Antidote II
Dracula กลับมายังโลกปัจจุบันอีกครั้งที่ Victory Plaza เพื่อทำภาระกิจตามหายาแก้พิษต่ออีกครั้ง 
- จากนั้นก็ออกเดินทางต่อด้วยความสามารถใหม่ที่ได้มา ใช้ร่างหมอกผ่านทะลุลูกกรงไปตามทางจนกลับมาที่ลานกว้าง จัดการ Riot Police แล้วไปปีนขึ้นซากตึกที่สุดทาง ใช้ร่างหมอกผ่านตะแกรงท่อลงมาที่ชั้นจอดรถแล้วขึ้นชั้นบนอีกด้านจนถึงอาคารใหญ่ 
- ภายในอาคารจะมี 3 ชั้นที่จะต้องขึ้นลิฟต์ 3 ตัวต่อเนื่องไปชั้นบน โดยต้องไปเปิดกระแสไปที่ห้องชั้นล่างก่อน จากนั้นก็รีบลุยไปขึ้นลิฟต์ 3 ตัวรวดให้ทันก่อนไฟจะตัด (แวะเก็บไอเทมแล้วจัดการศัตรูให้หมดก่อนก็ได้แล้วค่อยขึ้นลิฟต์รวดเดียวจบแบบไม่มีอะไรขวาง) ที่ชั้น 3 ด้านในก็จะพบห้องทดลองเก็บตัวอย่างยาแก้พิษ
– ที่ห้องเก็บยาแก้พิษนั้นจะมี Gogoth Guard เฝ้าอยู่หน้าประตู ใช้ค้างคาวก่อกวนมันแล้วรีบไปแอบทางฝั่งขวา รอให้นักวิจัยออกมาจากห้องแล้วรีบเข้าไปสิงเดินเข้าห้องเก็บยาแก้พิษได้เลย จากนั้น Zobec จะส่งประตูมิติมารับตัว Dracula กลับฐานอย่างเร่งด่วนทันที 

ที่ตึกบัญชาการ์ณ Zobec รีบทำการนำยาแก้พิษปีศาจฉีดให้ Ratsa ทันที แต่ตัวยากลับไม่ได้ทำให้เธอคืนร่างมนุษยืแต่มันกลับทำให้เธอมีพลังมากขึ้นจนระเบิดพลังออกมาจนห้องแหลกเป็นจุล ก่อนที่จะเข้ามาบอก Zobec และ Dracula ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังว่า เธอไม่ใช่แค่สาวกของซาตานธรรมดาแต่เป็นถึงร่างอวตาลของธิดาซาตาน ก่อนที่จะเริ่มแสดงพลังจน Zobec ต้องพยายามใช้พลังสะกดเธอแต่มันไม่เป็นผลเพราะ Ratsa กลับกลายร่างเป็นปีศาจขนาดใหญ่ให้สมคำกล่าวอ้างของเธอให้ดูเป็นขวัญตา 


Boss - Ratsa Volkova’s Satan Daughter ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่แต่โจมตีมีช่องว่างเยอะ พยายามหลบการโจมตีแล้วจัดการแบบสวนกลับ พอมันขึ้นบินแล้วยิงพิษลงมาก็สามารถหลบแบบง่ายๆด้วยการวิ่งยาวๆก็แทบจะไม่โดนแล้ว หลังจากโดน Dracula เฉือนจนไม่มีชิ้นดีมันก็พยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายด้วยการดึงตัว Dracula ขึ้นไปบนฟ้าด้วย แต่ก็โดน Dracula เฉือนจนขาด 2 ซีกในที่สุด และระหว่างที่ Dracula กำลังจะตกลงมาจากฟ้าเขาก็ได้ยินเสียง Trevor เรียกหาทำให้ถูกดึงตัวไปที่ปราสาทอีกครั้ง …

Chapter 8 – Places of a Mirror 
Dracula กลับมาที่ปราสาทในส่วนของหอคอย Overlook Tower ข้างๆปราสาท เดินทางโดดข้ามเขาไปจนถึงหอคอย ในห้องตรงทางขึ้นจะมี Map Room ให้ใช้ในการเดินทางไปสถานที่ต่างๆอย่างรวดเร็วได้ด้วย จากนั้นก็ปีนหอคอยขึ้นมาที่ลานกว้างระหว่างเขา จะพบพวกทหาร Brotherhood of Light ที่ใช้เกราะหนักและพวกนักเวทย์ที่เป็นศัตรูแบบใหม่ออกมาเปิดตัว จัดการให้หมดโดยเฉพาะนักเวทย์ที่เรียกกำลังเสริมมาได้ตลอด จากนั้นหมุนคันโยกเปิดทางเข้าด้านในหอคอยได้เลย



ด้านในจะพบกับ Trevor ที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาจำลองอยู่ เขาบอกว่าเล่นไม่สนุกเพราะกระจกแห่งชะตากรรมของเขาแตกเสียหายและชิ้นส่วนก็กระจายไปอยู่กับคนอื่นหมด Trevor จึงอยากให้ Dracula ไปตามเอากลับมาให้เขา ซึ่งชิ้นส่วนกระจก Mirror of Fate นั้นจะมีทั้งหมด 3 ชิ้นที่หายไป 
- เดินออกมาจากหอคอยตามทางจนถึงเขตสวนของปราสาทจะพบกับซากของ Agreus ที่ถือ ชิ้นส่วนของกระจกอยู่ แต่มันกลับโยนให้นกของมันเอาไปซ่อนที่ป่าด้านในและแสดงตัวออกมาในร่างมารเพื่อดึงตัวให้ Dracula เข้าไปเล่นมินิเกมส์ของมัน โดยต้องหลบการจับตัวของมันในสวนดอกไม้เป้าหมายคือ ผ่านประตูด้านในไปโดยห้ามไม่ให้โดน Agreus จับได้ ซึ่งต้องใช้ความเงียบและระวังการเหยียบดอกไม้ที่พื้นที่ทำให้เกิดเสียง ซึ่งอาจจะใช้ร่างหมอกหรือเกาะขอบกระถางไปให้ถึงสวิตซ์ประตูด้านในสุดของสวนก็จะเปิดประตูด้านในเข้าไปที่ลานกว้างได้ ซึ่งก็จะพบนกที่เอาเศษกระจกไปรออยู่ ใช้มีดสั้นหรือ Avoid Sword ยิงจนมันตายแล้วเข้าไปเก็บ เศษกระจก มาได้เลย แต่ Agreus ก็จะตามมาพบการต่อสู้จึงเกิดขึ้น 



Boss – Agreus การโจมตีส่วนใหญ่ของมันไม่มีอะไรต้องคิดเพราะตรงไปตรงมาอยู่แล้ว พยายามหลบให้ทันและฟันให้ถึงเอาไว้ก็พอ จัดการมันได้แล้ว ย้อนกลับไปหา Trevor เพื่อเอาชิ้นส่วนของกระจกให้กับเขา จากนั้น Trevor ก็จะบอกตำแหน่งของที่อยู่ของชิ้นส่วนกระจกชั้นที่ 2 โดยมันจะอยู่กับ นักเชิดหุ่น ที่โรงละครของปราสาท

 - เดินออกจากหอคอยจากอีกด้านตามทางมาจนถึงลานกว้าง จัดการศัตรูให้หมดแล้วหมุนเสาให้ทางเดินออกมาก็จะเดินขึ้นไปที่ทางเข้าของโรงละครได้ เข้ามาด้านในโรงละครขนาดใหญ่สำรวจให้ทั่วๆจะมี คันโยกทางขวาของเวทีแต่มันยังใช้ไม่ได้เพราะไม่มีพลังงานไฟฟ้า 
- ปีนเสาเวทีทางขวาขึ้นไปชั้นคนดูด้านบนจะมีทางเข้าด้านในและมีจุดแปลงร่างเป็นหนูมุดช่องกลับออกมาที่เวทีอีกครั้งแล้วไปมุดเข้าช่องทางซ้ายของเวที มุดเข้าไปด้านในจนถึงห้องพลังงาน คืนร่างแล้วใช้ Chaos Claw ยิงจุดไฟที่เตาพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดก็จะกลับมาแล้ว 
- ใช้ร่างหนูเดินขึ้นไปด้านหลังของเตาพลังงานขั้นไปด้านบนหลบกลับดักออกมาที่เวทีแล้วกลับไปคืนร่างเดิมมาสับคันโยกทางขวาของเวที หุ่นนักเล่านิทานก็จะเริ่มบรรยายถึงการแสดงหุ่นโชว์ โดยมันจะให้จัดฉากและหุ่นให้ตรงกับเนื้อเรื่องที่มันกำลังเล่า โดยแต่ละบทจะต้องจัดฉากดังนี้

บทแรก – เลือกหุ่น Toy maker และ ฉากหลังเป็น WorkShop แล้วกด X เริ่มแสดง 
บทสอง – เลือกหุ่น Walter Bernhard แล้วกด X เริ่มแสดง
บทสาม – เลือกฉากหลังเป็น Castle แล้วกด X เริ่มแสดง
บทสี่ – เลือกหุ่น Demonแล้วกด X เริ่มแสดง
บทสุดท้าย – เลือกหุ่น Kid และ ฉากหลังเป็น Theater แล้วกด X เริ่มแสดง

หลังจากกำกับการแสดงอย่างถูกต้องแล้วก็ขึ้นไปหยิบหัวใจของ Toy maker บนเวทีได้เลย จากนั้นที่เก็บร่างของ Toy maker ก็ออกมาตรงกลางเวที เอาหัวใจใส่ลงไป Toy maker ก็จะคืนชีพอีกครั้ง ถึงแม้หน้าตาเขาจะดูแปลกๆแต่เขาเป็นคนใจดี Toy maker และคงจำ Dracula ไม่ได้เขาได้แต่บอกว่าเขาหลับไปนานตั้งแต่ จ้าวแห่งความมืดเข้ามาฆ่าลูกของเขาที่ปราสาทแห่งนี้ แต่ Dracula ไม่ได้สนว่าความจำของมันจะเป็นยังไง เขาต้องการชิ้นส่วนกระจกชิ้นที่ 2 ซึ่ง Toy maker ก็เต็มใจจะมอบให้โดยดี แต่ Satan ไม่ยอมมันส่งเลือดต้องสาปของมันขึ้นมาแล้วกลืนร่างของ Toy maker เข้าไปจนกลายร่างเป็นร่างที่ชั่วร้ายออกมาแทน 



Boss - Toy maker Puppets ส่วนใหญ่มันจะใช้หุ่นที่มันสร้างขึ้นออกมาโจมตี ก็ต้องจัดการหุ่นที่มันส่งมาก่อนซึ่งไม่ได้อึดอะไรมากแต่ที่ยากคือมันมีหลายตัว แล้วร่างจริงมันถึงจะออกมาให้จัดการ เมื่อจัดการมันได้แล้ว ในขณะที่ Dracula กำลังจะเผด็จศึกเขาก็สังเกตเห็นว่า เลือดคำสาปนั้นออกจากร่างของ Toy maker จนหมดแล้วก็เริ่มทำให้ Dracula ยั้งมือเอาไว้ (ซึ่งก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความเมตตาจากจอมปีศาจตนนี้ ) จากนั้น Toy maker ก็มอบชิ้นส่วนกระจกชิ้นที่ 2 ให้ แต่ขณะที่ยื่นเขาก็เริ่มจำได้ว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ เจ้านายเก่าของเขานั่นเอง “ รักษาใจเอาไว้ให้ดีด้วยล่ะตาแก่ “Dracula กล่าวอำลาก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ Toy maker ร้องไห้อยู่คนเดียว 

เมื่อมอบชิ้นส่วนกระจกชิ้นที่ 2 ให้กับ Trevor แล้วแต่คราวนี้เขาจะไม่ได้บอกว่าชิ้นส่วนสุดท้ายว่าอยู่กับใคร แต่บอกใบ้แค่ว่า คนๆนั้นสวมฮู๊ดและเป็นที่พ่อรู้จักดี ก่อนสัมผัสเบาๆของ Trevor จะส่งพ่อของเขากลับไปยังโลกปัจจุบันอีกครั้ง …

Chapter 9 – The Hooded man
Dracula กลับไปที่ตึกของ Zobec อีกครั้ง ในขณะที่ Zobec เองก็อดถามไม่ได้ว่าหายไปไหนมาตั้งนาน Dracula ตอบสั้นๆได้แค่ว่า “ไปเยี่ยมญาติ” ก่อนที่ Zobec มันจะสั่งให้ไปที่ตำแหน่งที่มีเบาะแสล่าสุดของสาวกคนที่ 2 ที่โบสถ์ร้างในเมืองซึ่งมันจะให้บอดี้การ์ดของมันตามไปช่วยงานด้วย แต่ Dracula ปฏิเสธเพราะ ไม่อยากให้มีหมาเดินตามให้รำคาญใจ 
- จากนั้นเข้ามาที่ซากตึกขึ้นลิฟต์ไปที่ลานกว้างชั้นบน แล้วอ้อมไปทางฝั่งขวาตรงที่มีตาข่ายกั้นนั้นสามารถใช้ร่างหมอกผ่านเข้าไปได้แล้ว ลุยเข้าไปสุดทางแล้วใช้ร่างหมอกกับพัดลมที่พื้นให้ลอยขึ้นไปชั้นบนของตึกจะออกมาด้านนอกได้ หน่วย Riot Police จะออกมาพร้อมหุ่น Riot Mech ที่ทั้งอึดและโจมตีอย่างรุนแรง โดยจะโจมตีมันเข้าก็ต้องกระโดดโจมตีที่กลางลำตัว หรือ ใช้ Void Sword ยิงใส่กระบอกปืนมันตอนมันเตรียมยิงก็ได้ จะลำบากหรือสบายก็ขึ้นอยู่กับคุณสามารถบริหารเกทเวทย์มนต์ได้ดีแค่ได้ด้วย จัดการให้หมดแล้วเข้าด้านในจนสุดทางจะเห็นชายสวมฮู๊ดเป้าหมายเดินมาพอดี พร้อมๆกับปีศาจขนาดใหญ่ที่ผ่านมาเห็นจึงวิ่งไล่มันเลยเริ่มวิ่งหนีทันที  ปล่อยปีศาจกลุ่มเล็กๆเอาไว้ให้ Dracula จัดการ จากนั้นเข้าไปด้านในสุดทางจะมีทางลงท่อระบายน้ำให้ลงต่อ
- ผ่านท่อระบายน้ำมาที่เขต Aris District จัดการศัตรูบนถนนให้หมดแล้วสังเกตดูจะมีเส้นลำแสงสีม่วงตามตึกต่างๆซึ่งก็คือทางที่ต้องตามชายสวมฮู๊ดไปนั่นเองเพียงแต่มันจะไม่ได้เดินทางตามเส้นสีม่วงแบบตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง แวะที่ตึกทางซ้ายของทางเข้าเงยหน้าจะพบจุดที่ใช้ Chaos Claw ยิงทำให้บันไดหล่นลงมา(ถ้าไม่มีเวทย์ก็ไปดูดเอาได้ที่รั้วทางด้านขวาเอา)  ปีนขึ้นไปตามทางจนเข้าไปในอาคาร สังเกตดูจะพบว่ามีกรงแขวนอยู่มากมายซึ่งสามารถโดดขึ้นยืนแล้วแกว่งตัวโดดต่อไปเกาะขึ้นไปจนถึงบนดาดฟ้าได้ 
- จัดการศัตรูบนดาดฟ้าแล้วใช้ Chaos Claw ยิงให้สะพายทอดลงมาแต่ขณะที่กำลังข้ามไปมันเกิดพังตกลงไปที่ถนนอีก แต่จะมีน้ำที่พนังให้ใช้ Void Sword ยิงจนเป็นน้ำแข็งจะสามารถโดดเกาะขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นบนได้ จัดการศัตรูให้หมดแล้วใช้ร่างหมอกผ่านลูกกรงเข้าไปด้านใน ใช้ Void Sword ยิงดับไฟที่ทางเดินเขาไปกดสวิตซ์เปิดพลังงานด้านในแล้วรีบกลับออกมาที่ห้องกลางเพื่อกดสวิตซ์พัดลมแล้วใช้ร่างหมอกลอยขึ้นไปชั้นบนต่อ ในห้องชั้นบนจะมีถังแก็สอยู่ ใช้ Chaos Claw ยิงจนมันกลายเป็นจรวดที่จะพาข้ามไปที่ตึกฝั่งทางขวาได้  
- เข้ามาที่ตึกฝั่งขวาแล้วกดสวิตซ์เปิดไฟให้ส่ว่างก่อนลุยเข้าไปด้านในจนถึงห้องโถงใหญ่ ในห้องด้านในจะพบชายที่สวมฮู๊ดที่กำลังจะหนีไป Dracula จึงโดดทะลุกระจกตามไปด้านล่าง แต่ปีศาจขนาดใหญ่ดันเข้ามาขัดจังหวะอีกทำให้ชายที่สวมฮู๊ดหนีไปได้อีกครั้งแต่สิ่งที่ Dracula ต้องกังวลคือปีศาจขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก 

Boss – Abaddon จริงๆมันก็คือ Satan Soldier ที่มีขนาดมหึมานั่นเองลักษณ์การโจมตีก็คล้ายๆกันแต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมันจึงต้องกระโดดโจมตีอยู่ตลอดเท่านั้นเอง 
- เมื่อจัดการได้แล้วเข้าประตูที่ Abaddon มันทำพังเอาไว้ ก็จะทะลุมาอีกด้านของตึกได้ซึ่งจะมาออกที่ถนนด้านหน้าของโบสถ์ร้างพอดี แต่สิ่งที่ต้องเจอคือฝูง หุ่น Riot Mech ถึง 3 ตัว พร้อมด้วย Riot Police ที่ออกมากวนอีก พยายามจัดการมันให้หมด แล้วก็เริ่มหาทางปีนขึ้นโบสถ์ได้เลย จุดที่ปีนได้คือเสาไฟที่ถนนด้านขวาของโบสถ์จะสามารถปีนเกาะขึ้นไปด้านบนขนถึงทางเข้าบนดาดฟ้าโบสถ์ได้ เมื่อเข้ามาด้านในจะพบ ชายที่สวมฮู๊ด กำลังสวดมนต์รออยู่ Dracula ถึงกลับแปลกใจที่ ชายที่สวมฮู๊ด ไม่ใช่พวกสาวกซาตานกลับเป็นคนของ Brotherhood of Light แต่ทำไมเขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ชายที่สวมฮู๊ด ไม่ได้กล่าวอะไรก่อนที่จะหยิบแส้รูปกางเขนแล้วโดดเข้าโจมตี Dracula ทันที 



Boss - The Hooded man การโจมตีช่วงแรกเป็นการโจมตีแบบปกติในแบบมนุษย์ถึงแม้ในห้องจะโดนเวลย์มนต์ศักดิ์สทธิ์ที่ทำให้ใช้อำนาจมารไม่ได้แต่แส้ปกติก็จัดการได้ไม่ยาก จนช่วงที่ 2 มันจะใช้เวทย์ขยายร่างจนใหญ่และจะโจมตีไม่เข้าด้วย ซึ่งต้องจัดการทำลายผลึกเวลย์ที่ลอยวนอยู่รอบๆให้หมดมันก็จะหมดฤิทธิ์ 

ทั้งคู่สู้กันจนตกทะลุลงไปยังถ้ำขนาดใหญ่ด้านใต้โบสถ์ซึ่งพอสังเกตดูจะพบมีชาวบ้านมากมานแอบอยู่ที่นี่ Dracula จึงยอมที่จะหยุดโจมตี ชายที่สวมฮู๊ด จะแนะนำตัวว่าเขาชื่อ Victor Belmont แม่ทัพแห่ง Brotherhood of Light มีหน้าที่พาชาวบ้านหลบหนีปีศาจลงใต้ดินเพื่อความอยู่รอด ซึ่งคงจะหนีได้ไม่นาน “ใช่ ไม่นาน “Dracula ตอบกลับเหมือนจะย้ำเตือนให้ Victor รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทุ่มเทอาจไม่มีอะไรเหลือถ้าเขาหยุดยั้งการคืนชีพของซาตานไม่ได้ คุยจบ Dracula ก็จะโยนยาแก้พิษให้ Victor เอาไปช่วยชาวบ้าน ทำให้ Victor อยากจะตอบแทนให้บ้าง Dracula จึงบอกถึงสิ่งที่เขาต้องการคือที่อยู่ของสาวกแห่งซาตานคนต่อไป Victor บอกว่าเขาไม่รู้แต่เขามีคนที่รู้ที่เขาจะถามได้ จึงอาสาที่จะพา Dracula ไปหาข้อมูลต่อ 



- จากนั้นวิ่ง ปีนป่าย ตาม Victor ไปจนถึงออกมาที่ลานกว้างหน้าตึกในเขต Victory Plaza จะพบกับ บอดี้การ์ดของ Zobec ที่ตามมาเพื่อช่วยเหลือตามคำสั่งแต่การปรากฎตัวของทันแต่ละครั้งก็ทำเอาทุกคนระแวงกันตลอดเหมือนครั้งนี้ที่เกือยจะซัดกับ Victor เข้าให้แล้ว ขณะนั้นฝูงปีศาจที่นำโดยเจ้า Horned Demon ก็บุกมา และถือว่าเป็นฝูงปีศาจที่โชคร้ายที่สุดที่ดันเข้ามาตอนที่ 3 คนนี้อยู่ด้วยกัน จัดการมันให้หมดแล้ว Victor จะเริ่มทำพิธีอัญเชิญวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อมาสิงที่รูปปั้นเพื่อเขาจะถามถึงเรื่องสาวกให้ แต่เมื่อวิญญาณมาสิงแล้วรูปปั้นเทพเจ้าก็แทงเข้าที่อกของ Victor จนตายคาทีก่อนที่จะลอยขึ้นไปที่ดาดฟ้าตึกตรงหน้า Dracula เดินไปดูที่ศพอย่างเงียบๆ เขาไม่รู้เลยว่าพันปีที่ผ่านมา ตระกูล เบลมอนท์ ของเขามีทายาทเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร์และเป็นใครบ้าง แต่ถึงยังไงเกือบทั้งหมดของสายเลือดก็เคยเข้ามาห่ำหั่นกับเขามาแล้วแทบทั้งสิ้น ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่า ชิ้นส่วนของกระจกที่เหลืออยู่กับ Victor นี่เอง 

Dracula ถูกพามาที่ปราสาทอีกครั้งเพื่อนำเอาชิ้นส่วนของกระจกชิ้นสุดท้ายมามอบให้ Trevor เพื่อประกอบเป็น Mirror of Fate จนสำเร็จในขณะที่ Trevor กำลังดีใจ เลือดมากมายก็ท่วมขึ้นมาจากพื้นห้องจนกลืนกินร่างของ Trevor ไปจนหมด ร่างที่ห่อหุ้มตัวของ Trevor สร้างรูปร่างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับ Dracula ทำให้เขาอดถามไม่ได้ว่าตกลงแกเป็นใคร ร่างที่แสนอัปลักษณ์ที่มีหน้าตาคล้าย Gabriel กล่าวว่า ข้าคือ คำสาปของเจ้า คือความชั่วร้ายของเจ้า คือความแค้นของเจ้า และคือชะตากรรมทั้งหมดของเจ้า ก่อนที่จะเข้าโจมตีใส่อย่างบ้าคลั่ง



Boss – Inner Dracula ร่างจริงของมันนั้นถูกห่อหุ้มด้วยร่างที่เกิดจากเลือดคำสาปอีกชั้นนึง จึงต้องจัดการกับร่างภายนอกให้หมดก่อนร่างจริงจึงจะออกมาให้โจมตีสลับกันแบบนี้จนกว่าร่างจริงจะพลังหมด ซึ่งขณะต่อสู้ Dracula ก็ได้ดูดพลังของเจ้าตัวคำสาปมาได้เป็นพลังใหม่ด้วยคือ Demonic Wing ที่สามารถทำให้กระโดด 2 ชั้นได้สูงขึ้นด้วยปีกมารที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งก็จะนำมาใช้โดดอัดเจ้าตัวคำสาปนี้ได้ด้วยเพราะร่างมันสูงมาก เมื่อจัดการมันได้แล้วก็จะสามารถช่วย Trevor เอาไว้ได้ จากนั้น Marie จะเข้ามากอดลูกของเธอด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ทั้ง Marie และ Trevor จะให้กำลังใจกับ Gabriel ว่าไม่ว่ายังไงก็อย่ายอมให้ซาตานมันคืนชีพได้ Dracula ให้สัญญากับลูกและเมียของเขาด้วยสายใยของความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดว่า ทุกอย่างจะจบลงในไม่ช้าแน่นอน ก่อนที่สัมผัสแห่งกำลังใจของ Trevor จะนำพาให้ Dracula กลับมาที่โลกปัจจุบันอีกครั้ง 

Chapter 10 – The Second Acolyte
หลังจากกลับมายังโลกปัจจุบันที่หน้าวิหารตรงหน้า Zobec จะแจ้งบอกว่าที่ตึกนี้เป็นที่อยู่ของสาวกคนที่ 2 ซึ่งมันจะอยู่บนสุดของอาคาร จากนั้นก็กระโดด 2 ชั้นข้ามกำแพงหน้าตึกเข้าไปได้เลย แล้วลงท่อระบายน้ำทางมุมขวาไปต่อ เข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องพลังงานใช้ร่างหมอกที่พัดลมขึ้นไปชั้นบนได้เลย 
- ห้องด้านบนจะเต็มไปด้วยการอารักขาอย่างเต็มกำลังโดยห้องด้านหน้าจะมี Gogoth Guard อยู่ 3 ตัว 2 ตัวเดินไปมากลางห้องอีกตัวเฝ้าอยู่หน้าประตูลูกกรงด้านใน ใช้ค้างคาวเข้าไปก่อกวนการ์ด 2 คนตรงกลางห้องแล้วรีบวิ่งไปฝั่งตรงข้าม จากนั้นใช้ค้างคาวเข้าไปก่อกวนการ์ด 2 คนตรงกลางอีกครั้งแล้วขยับไปใกล้ประตูลูกกรงที่สุดก่อนจะใช้ร่างหมอกผ่านทั้งการ์ดที่เฝ้าประตูอยู่และผ่านประตูลูกกรงเข้าไปด้านในได้
– ห้องด้านในจะเต็มไปด้วยเลเซอร์รักษาความปลอดภัยทั้งที่เลื่อนไปมาและที่พื้น พยายามโดดหลบไปที่พัดลมที่อยู่ทางซ้ายบนหรือขวาบนให้ได้แล้วใช้ร่างหมอกลอยตัวขึ้นไปชั้นบนต่อ เติมพลังชีวิตและพลังเวทย์ให้ดีแล้วเข้าไปด้านในต่อระหว่างทางเดินจะพบ Trevor ยืนอยู่ยังไม่ต้องเข้าไปทักเขา เข้าไปในห้องทำงานด้านในจะพบกับ Nergal Meslamsira สาวกคนที่ 2 แห่งซาตาน ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังเวทย์สูงกว่าคนอื่นเพราะยังไม่ทันที่ Dracula จะเข้าไปสู้กับมันก็โดนพลังสายฟ้าของมันสะกดจนหมดแรง พยายามคลานหนีออกจากห้องมาที่ทางเดินแล้วล่อ Nergal ที่เดินยิงสายฟ้าใส่จนแทบลุกไม่ไหวตามเข้าไปจนถึงอีกมิติ ใครว่า Nergal มันจะไม่ทางสู้โดยมันจะใช้เวทย์มนต์เรียกอสูรแห่งฤดูกาลที่เป็นรูปปั้นอยู่รอบพื้นที่ออกมาช่วยโจมตีทันที







Boss – Rider of the Storm รูปปั้นเทพปีศาจทั้ง 3 ตัวจะเข้ามาสู้พร้อมกันโดยมี Nergal บังคับอยู่ด้านในตัวของมัน แต่ถึงแม้ว่าจะสู้แบบ 3 รุมหนึ่งแต่เกทพลังชีวิตของทั้ง 3 ตัวนับรวมกันเป็นเกทเดียวกันเท่านั้น ฉะนั้นจะเลือกจะจัดการตัวไหนก่อนก็ได้ เมื่อเกทพลังชีวิตลดถึงจุดๆนึงแล้วแต่ละตัวจะตายตามลำดับอยู่ดี เมื่อจัดการ 2 ตัวแรกไปแล้วเมื่อตัวสุดท้ายมันจะใกล้ตายมันจะใช้พลังลมยิงโจมตีใส่จนต้องพยายามแดชหลบซ้ายขวาขนเข้าไปจนถึงตัวมันจนได้ เมื่อจัดการมันได้แล้ว Nergal จะหลุดออกมา มันได้แต่พยายามคลานหนีแบบไร้ทางสู้ Dracula ค่อนๆเดินตามอย่างใจเย็นก่อนที่จะกระทืบเบาๆจนหัวมันแหลกคาเท้าอย่างไม่ใยดี  

Chapter 11 – The Mirror of fate
หลังเสร็จศึกท่ามกลางหอคอยที่พังทลายจนหมด Dracula ก็จะได้ยินเสียง Trevor เป่าแตรเรียกอยู่บนอีกหอคอยนึงเขาจึงจะรีบไปหา ปีนเสาในลานนี้ขึ้นไปเกาะข้ามมาอีกห้อง แล้วไปตามทางไม่ไกลก็จะถึงที่ที่ Trevor อยู่ เขาจะยืนกระจกแห่งชะตากรรมให้ และอยากจะให้พ่อของเขาดูชะตากรรมด้วยตาตัวเอง 
Trevor – ผมอยากให้พ่อดูมันด้วยตาตัวเอง
Dracula – หึ พ่อเคยดูมันมานานมากแล้ว 
Trevor – ก็ตอนนั้นพ่ออยู่คนเดียว แต่ตอนนี้พ่อมีผมกับแม่แล้วนี่นา
Dracula – ก็จริง ..
Trevor – ไม่ว่าทุกอย่างจะจบแบบไหนผมก็อยากให้พ่อเลือกครอบครัวน๊ะ 
จากนั้น Trevor จะสัมผัสเบาๆทำให้ Dracula กลับไปโลกปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อมาถึงตึกบัญชาการ์ณ ขณะที่ Dracula จะกำลังครุ่นคิดบ้างอย่างอยู่ Zobec ก็รีบรายงานบอกตำแหน่งของสาวกคนสุดท้ายที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดก่อนที่จะออกเดินทางเขาย้ำเตือนอีกครั้งกฃถึวข้อตกลงที่มีต่อกันว่า กำจัดสาวกซาตานให้หมดแลกกันการได้ทุกอย่างกลับคืนมา จากนั้นไม่ว่า Dracula จะชอบหรือไม่มันก็จะให้บอดี้การ์ดของให้ตามไปช่วยสู้ด้วยเพราะงานนี้อาจะเจอของหนัก ..

Chapter 12 – The Revelations 
เมื่อออกจากตึกแล้วเดินทางไปตามทางลูกศรชี้โดยมีบอดี้การ์ดของ Zobec เดินทางมาด้วย เข้ามาจนถึงห้องโถงชั้นใต้ดินใช้กระจกแห่งชะตากรรมที่พื้นวงกลมแล้วต่อมันให้เรียบร้อยประตูด้านหน้าจะเปิดให้ไปต่อ 




- เข้าไปตามทางจนถึงช่วงทางเดินทางแยก ประตูทางออกสู่วิหารยังเปิดไม่ได้ ต้องไปกดสวิตซ์ที่ทางเดินทางซ้ายก่อน ซึ่งทางไปนั้นเป็นกับดักยิงลูกไฟ บอดี้การ์ดของ Zobec จะเป็นคนโดดไปสับคันโยกเปิดประตูให้ โดยจะให้ Dracula เป็นคนยิงมีดสั้น Shadow Dagger ทำทางให้ โดยต้องยิงไปที่พื้นยืนที่สลับกันออกไปมาตามที่เราเหยียบพื้น เมื่อยิงโดนอันไหนก็จะเปิดเป็นที่ยืนให้บอดี้การ์ดของ Zobecโดดไปต่อได้ โดยต้องกะจังหวะให้หลบลูกไฟที่ยิงมาจากด้านในด้วย พยายามพาเขาข้ามไปฝั่งตรงข้ามให้ได้มันก็จะสับสวิตซ์ปิดกับดักและเปิดประตูทางออกให้ได้ 
- ออกมาที่ลานด้านหน้าวิหารจะพบศัตรูแบบใหม่ Dark Monk นักบวชมารที่รวมตัวกันเป็นปีศาจ Dark Aposite ซึ่งต้องพยายามจัดการให้หมดทีละตัวมันก็จะรวมร่างกันไม่ได้ จัดการให้หมดแล้วช่วยกันโยกคันโยกเปิดประตูวิหารเข้าไปก็จะพบ Guido Szandor สาวกคนสุดท้ายที่กำลังท่องมนต์ทำพิธีของมันอยู่ Dracula ที่รอจังหวะเฝ้ามองอยู่ก็กำลังจะฉวยโอกาสที่จะบุกทันที แต่บอดี้การ์ดของ Zobec แต่ห้ามไว้ด้วยการใช้พลังตรึงเขาเอาไว้แต่ด้วยเพราะอะไรไม่มีใครรู้ที่มันกลับทำให้ Dracula หวนกลับไปที่ปราสาทอีกครั้ง  

ที่ปราสาทเดินเข้าไปตามทางของหอคอย Overlook Tower จนถึงห้องที่ต่อชิ้นส่วนของกระจกแห่งชะตากรรมเพื่อเปิดประตู เข้าไปจนถึงหอหนังสือด้านนอกปราสาท ทั้ง Trevor และ Marie ต่างก็เข้ามาให้กำลังใจเพื่อให้ Dracula เข้าไปสำรวจดูสิ่งที่เขาเคยทำลงไปผ่านหนังสือบันทึกปีศาจ Dracula เข้าสู่ภวังค์ของการย้อนคำนึงถึงอดีตในการต่อสู้ตั้งแต่เมื่อภาคีแห่งแสงนำกองทัพบุกมาหาเขาเมื่อหลายพันปีก่อน เขาผ่านการต่อสู้มามายในวันนี้นจนทุกอย่างจบลงท่ามกลางความเงียบเขาได้พบกับชายคนนึงที่เข้ามาหา 



Dracula -Trevor …
Alucard  - Trevor ตายไปนานแล้วพ่อ พ่อก็รู้เพราะพ่อเป็นคนทำกับผมแบบนี้เอง ผมอยู่ตรงนี้มาก่อนที่คุณจะกำเนิดใหม่เป็น ..แวมไพร เสียอีก ผมชื่อ Alucard … 
Dracula – ทำไมแกมาอยู่ที่นี่ แกก็รู้ว่าไม่มีใครกำจัดข้า ข้าไม่มีวันตาย แล้วเลือดคำสาปของข้าก็อยู่ในเลือดของแกด้วย 
Alucard  - แน่นอน เพราะคนที่จะจัดการ Dracula ได้มีอยู่คนเดียวก็คือพ่อของผม Gabriel Belmont เท่านั้น 
Dracula – ฮึ มันสายไปแล้วมั้งสำหรับข้า รากเหง้าแห่งความชั่วร้ายมันฝั่งลึกเข้าไปในจิตใจมนุษย์ของข้าจนกลายเป็นธรรมชาติของไปแล้ว ..มันเป็นชะตากรรม  ข้าเคยเป็นนักรบที่ซื่อสัตย์ต่อ Brotherhood of light แต่ก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนความชั่วครอบงำ จนเดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ข้าเคยหวดกลัว “ เจ้าชายแห่งรัตติกาล “ ตลกมั๊ยล่ะ แถมเจ้า Zobec ผู้ทรงพลังก็หนีหน้าข้าหยั่งกับไอ้หนูขี้ขลาด ยังจะทำให้เจ้าซาตานบ้านั่นโผล่ออกมาจากรูเพื่อมาท้าสู้ข้าอีก ถ้าข้าตายไปซะ Alucard พวกมันก็จะเอาที่ที่ข้าเคยอยู่ไปอย่าง่ายๆ “Evil will prevail” ความชั่วร้ายมีอำนาจเหนือทุกอย่างเสมอ มันเป็นกฎแห่งธรรมชาติของโลกที่กำลังจะล้มสลาย..และ Abbadon คือ ความหวัง ของเรื่องทั้งหมด 
Alucard  - ไม่จริงหรอก ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถทำลาย ความชั่วร้าย เพื่อปลดปล่อยพวกมนุษย์ที่ถูกกดขี่ได้ แต่ถ้าพวกเขาเชื่อว่าท่านตายไปแล้ว พวกเขาก็จะกล้าออกมาสู่แสงสว่างได้อีกครั้ง หรือคิดว่าพวกเขาจะไม่ทำ 
นี่  “Crissaegrim” ดาบที่ตีขึ้นจากเศษของแส้กางเขน Vampire Killer ตอนที่ท่ากำลังเข้าสู่หัวใจของ Carmilla  ข้าเจอมันในปราสาทเมื่อหลายปีก่อน และถ้าหัวใจของท่านคือส่วนหนึ่งของดาบเล่มนี้ โดนเข้าไปทีนุงก็หลับยาวกันเลยล่ะ แต่สบายใจได้เพราะมันจะไม่ทำให้ท่านตายแน่นอน แต่มันจะทำให้ท่านสูญเสียพลังทั้งหมดไปด้วย นี่อาจไม่ใช่ ความตายที่แท้จริง อย่างที่ท่านหวังเอาไว้ แต่อย่างน้อยซาตานมันก็จะคิดว่าท่าน ตายไปแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป เหล่าสาวกของมันก็จะทำการคืนชีพให้นายของมัน และแน่นอน Zodec จะเดาถูกว่า ซาตาน จะกลับมาอีกครั้ง และจะโจมตีโลกนี้จนความหวาดกลัวแพร่ไปทุกหย่อมหญ้า 



Dracula – และ Zobic เท่านั้นที่ล่วงรู้ แล้วใครล่ะที่จะต่อกรกับซาตานได้ดีที่สุด มันก็จะมองหา ข้า ใช่มั๊ย และก็หวังว่าในตอนนั้นข้าคงยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่งน๊ะ 
Alucard  - และถ้าเวลาที่เหมาะสมนั้นมาถึง ข้าก็จะปลอดปล่อยท่านออกจากดาบนี้ และข้าก็จะทำให้ Zobec รับรู้ด้วยว่า ท่านเท่านั้นที่จะสามารถกำจัดเหล่าสาวกและยับยั้งการ คืนชีพ ของซาตานได้ 
Dracula – ข้าล่ะแพ้ทางมันจริงๆเลยเจ้า Zobec ที่คอยรู้ไปซะทุกเรื่อง เกลียดจริงๆ
Alucard  - การจำศีลของท่านจะทำให้จิตใจท่านแตกออกเป็นส่วนๆ ซึ่งมันจะทำให้ Zobec สับสนและจะไม่วันรู้เรื่องที่เราคิดเอาไว้ 
Dracula – และข้า ก็จะจำไม่ได้ถึงวันที่เราเคยคุยกันวันนี้ด้วยใช่มั๊ย และ Zobec มันก็จะเห็นแต่ความดำมืดในจิตใจของข้า เท่านั้น แต่ เจ้าจะแน่ใจได้ยังไงว่า ตอนนั้นข้าจะยอมร่วมมือกับมันล่ะ 
Alucard  - เพราะว่าในข้อตกลงนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ท่านต้องการมากน่ะสิ ..ความตายอย่างแท้จริงยังไงล่ะ 
Dracula – แล้ว Zobec มันมี แส้กางเขน Vampire Killer หรอ 
Alucard  - มีสิ ตอนท่านทำลายมันทิ้งแต่ Zobec มันได้ไปพบเข้าและสร้างมันขึ้นใหม่ รับรองเลยว่า Zobec มันทำให้ท่านตายจริงๆได้แน่นอน และตอนนี้ในปัจจุบันท่านก็ต้องรีบไปจัดการกับสาวกคนสุดท้ายแล้ว ซึ่งเราจำเป็นต้องวางกับดัก Zobec มันตั้งแต่ในเวลานี้เท่านั้น และเราจะทำลายมัน ตลอดกาล ! 
Dracula – เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า นี่ข้ากำลังได้ทำหน้าที่ล้างบาปให้มนุษย์ชาติด้วยการกำจัดซาตานอีกครั้งหนึ่งอย่างงั้นหรอ อีกแล้วหรอ ?
Alucard  - ใช่เลย และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านจะได้เจอกับ Zobec ด้วย และซาตานก็จะเสร็จท่านด้วยในคราวเดียว
Dracula – เอาเลย !! งั้นก็เสียบไอ้ดาบบ้าๆนี่เข้ามาที่หัวใจข้าซะที ก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ ! ….
จากนั้น Alucard ก็ใช้ดาบแทงผ่านหัวใจ Dracula ทันที …
Dracula – ลูกรัก เราจะได้เจอกันอีกมั๊ย
Alucard  - ทุกครั้งที่ข้าวางมือบนบ่าของท่านเลยล่ะ ท่านพ่อ 



จากนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าที่นำพาทุกคนกลับมาที่โลกปัจจุบัน ทันทีที่ชายที่เป็นบอดี้การ์ดของ Zobec ก็ถอดเกราะออกก็จะพบว่าเขาคือ Alucard ที่แทรกซึมอยู่กับ Zobec นั่นเอง 
Alucard  - ..จำได้แล้วใช่มั๊ยพ่อ  
Dracula – … งั้นก็ไปจัดการกับมันกันลูกรัก 
ขณะเดียวกันที่สาวกคนสุดท้ายได้ท่องมนต์ทำพิธีของมันจนเสร็จและได้พลังไปเต็มเปี่ยมก่อนที่จะหายตัวหนีไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะตามไป Zobec ที่ตามมาดูผลงานก็รับรู้แล้วว่าพ่อลูกคู่นี้รู้ถึงแผนของมันเข้าแล้ว มันจึงไม่รอช้าที่กลายร่างเป็นปีศาจเข้ามาสู้ทันที Dracula บอกกับ Alucard เบาว่า “มันเป็นของข้า” ซึ่งแปลว่าเจ้าอย่ามายุ่ง …



Boss – Death ร่างมารของ Zobec นั้นจะโจมตีสลับกันให้ลูกน้องมากมายลุยโจมตีโดยมันจะสร้างให้รูปปั้นบนหลังคาวิหารเป็นปีศาจที่จะเรียกลูกน้องมาได้ตลอด สิ่งที่ต้องทำก็คืออัดพวกมันจนได้ค่าเวทย์มนต์มาจนพอใจก่อนแล้วค่อยใช้มีดสั้นหรือ Chaos Claw ยิงทำลายปีศาจที่สั่งการบนหลังคาให้หมดมันก็จะไม่เรียกลูกน้องมาเพิ่มอีก สลับกับการปรากฎตัวเข้าโจมตีของ Death ซึ่งจะทำให้มีพลังเวทย์ใช้อัดกับมันไม่มีขาดเหลือ  

หลังจากทวงแค้นกับ Zobec จนกำจัดมันอย่างสิ้นซากแล้ว Dracula ก็จะได้ Vampire Killer ของเขากลับมาด้วย เป้าหมายต่อไปก็คือตามล่าสาวกคนสุดท้ายก่อนที่มันจะคืนชีพให้ซาตานนายของมันได้สำเร็จ Alucard จึงขอแยกตัวไปหาที่อยู่ของตัวสาวกอย่างเร่งด่วน จากนั้นจะไม่มีเป้าหมายขึ้นให้มา จะทำอะไรก็ได้เพื่อรอให้ Alucard บอกที่อยู่มาแล้วเป้าหมายก็จะขึ้นมาหรือถ้าไม่อยากรอก็วาร์ปจากห้อง Map Room แถวๆนั้นมาที่เขต Aris district ได้เลย เป้าหมายคือซอยเล็กๆข้างตึกที่มีไฟไหม้อยู่ ซึ่งต้องเข้าทางมุมซ้ายของแผนที่โดยต้องใช้ร่างหมอกผ่านตะแกรงเข้ามาก็จะพบ Alucard รออยู่ 

Chapter 13 – The Summoning 
จากนั้นปีนขึ้นด้านบนซากตึกต่อจนถึงด้านบนจะพบทางโดดลงไปยังซากวิหารที่อยู่ข้างใต้ตัวตึกได้ เมื่อเข้ามาด้านในห้องทำพิธีของวิหารก็จะพบสาวกคนสุดท้ายที่กำลังท่องมนต์ทำพิธีของมันอยู่และที่สำคัญคือมันทำสำเร็จแล้วเสียด้วย ร่างดำทมึนของซาตานปรากฎขึ้นตรงหน้าของทุกคนอย่างเรียบง่ายแต่ก็ทำให้รู้ถึงหายนะครั้งใหฯที่ต้องเผชิญแน่นอน เมื่อซาตานตื่นขึ้นมันก็สังเวยชีวิต Guido สาวกของมันทันทีด้วยการกรีดหน้าออกจนตายคาที่อย่างเลือดเย็น 
ซาตาน – ไม่ได้เจอกันนานเลยน๊ะ Gabriel Belmont โอ้ ..โฉมใหม่หรอ แกกับข้าน่าจะมาร่วมกันครองโลกนี้ด้วยกันน๊ะ …แต่ก็ ..ลืมไปว่าแกคงอยากจะฆ่าข้ามากว่าใช่มั๊ยล่ะ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงข้าก็จะทำลายโลกนี้ให้สิ้นซากอยู่แล้วล่ะ …



จากนั้นมังกรมารขนาดมหึมาก็โผล่มาจากนรกอเวจีตามคำสั่งของซาตานเป้าหมายของมันคืน ทำลายล้างโลก Dracula และ Alucard รีบเกาะตัวมันไปด้วยทันที จากนี้ก็พยายามเกาะตัวมันไปจนถึงส่วนที่เป็นโซ่ที่ใช้บังคับมัน จัดการศัตรูที่ออกมาป้องกันให้หมดแล้วช่วยกันดึงโซ่ให้ขาด ลุยไปจัดการตัดโซ่ให้หมดทั้ง 2 เส้น ก็จะทำให้มังกรมารที่กำลังจะปล่อยลูกพลังใส่พื้นโลกต้องเสียสมดุลย์จนทำให้มันยิงไปที่ตัวเองจนร่างขาดเป็นชิ้นกระจายไปทั่วท่ามกลางการร้องตะโกนด้วยความเจ็บใจของซาตานนายของมัน ซาตาน , Dracula และ Alucard ต่างก็ร่วงลงจากฟ้าพร้อมๆกับเศษเนื้อของมังกรที่กระจายไปทั่ว ทันทีที่ซาตานสังเกตเห็น Alucard ที่บาดเจ็บจนหมดสติอยู่ มันจึงพุ่งเข้าไปหาแล้วจัดการสิงสู่ทันที และทันทีที่ Dracula ลงมาถึงซากขนาดใหญ่ของมังกรและกำลังดีใจที่ Alucard ก็ตามมาด้วย แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะซาตานมันเข้าสิง Alucard เรียบร้อยแล้วและดูเหมือนมันจะชอบร่างนี้เป็นพิเศษเสียด้วย ก่อนที่มันจะใช้ร่างของ Alucard เข้าต่อสู้กับ Dracula ทันที



Boss Alucard การต่อสู้กับซาตานในร่างของ Alucard นั้นต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีเพราะนอกจากมันจะรวดเร็วมากแล้ว การโจมตีสวนกับและความอึดทนของเกราะของ Alucard นั้นทำให้เหนื่อยไม่น้อยแน่นอน โชคดีที่มันจะไม่แปลงร่างเป็นอะไรอีกแล้ว ฉะนั้นมีอะไรก็ทุ่มมันไปให้หมดในคราวเดียวนี่แหละ 

เมื่อจัดการซาตานในร่าง Alucard พ่ายแพ้ ก็ถึงคราวยำใหญ่ของ Dracula ที่เข้าไปอัดแบบไม่เลี้ยงและปิดท้ายด้วยอาวุธแห่งแสงที่เคยคุ้นมือมาก่อน ทันทีที่ Dracula กำลังจะใช้แส้กางเขนแทงเข้าที่ร่างของ Alucard ที่มีซาตานอยู่ คำเยาะเย้ยสุดท้ายของซาตานว่า “ต้องการจะฆ่าข้าจนต้องฆ่าลูกตัวเอง อีกแล้ว หรอ ฮ่าๆ” เพื่อจะซื้อเวลา แต่เมื่อมันเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของ Dracula ที่จะเสียบเข้ามาจริงๆ ซาตานก็ถึงกับรนรานแยกตัวหนีออกจากร่างของ Alucard ทันที แต่นั่นเป็นสิ่งที่ Dracula รออยู่แล้วเขาเปลี่ยนเป้าหมายของแส้กางเขนแบบฉับพลันไปที่ร่างของซาตานจนมันแทบไม่มีโอกาศป้องกันตัว จนถูกเสียบเต็มๆและด้วยอณุภาพของอาวุธแห่งแสงก็ทำลายให้ร่างของซาตานสลายไปกับความหวังที่เล็กน้อยว่า มันจะไม่กลับมาอีก . Dracula ต้องให้ Alucard ดื่มเลือดของเขาอีกครั้งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี 

ท่ามกลางแสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ที่กำลังจะส่องมาถึง มันคงไม่ใช่เป็นฉากจบที่แสนโรแมนติกของแวมไฟร์สองพ่อลูกคู่นี้แน่นอน 
Dracula – อาทิตย์ใกล้ขึ้นแล้ว คงต้องลากันตรงนี้
Alucard – แล้ว … จะเอายังไงต่อ ? 
Dracula หยิบกระจกแห่งชะตากรรมมาส่องดูซักพักแล้วบีบมันจนแตกคามือแล้วตอบไปว่า .. 
“ใครเลยจะล่วงรู้ชะตาตัวเองง่ายๆเหมือนมันมีขายตามร้านค้ากันล่ะ” ….

***************************** THE END *********************************