BATMAN ARKHAM SAGA รวมบทสรุปตระกูล ARKHAM ที่เคยทำเอาไว้
- Batman: Arkham Origins
- Batman: Arkham Origins ‘Cold, Cold Heart’ [DLC]
- Batman : Arkham Asylum
- Batman: Arkham City
- Batman: Arkham City Harley Quinn’s Revenge + Catwoman [DLC]
บทสรุป Batman : Arkham Knight
ฺBy Decibel per - oxide
ฺBy Decibel per - oxide
9 เดือนหลังจากการเสียชีวิตของ JOKER วายร้ายระดับวิปลาสมหาประลัยแห่ง Gotham City หลังจากผ่านความเชี่ยวกราดบดขยี้ทางความคิดกับ Batman จนถูกพิชิตได้ในที่สุด ไฟที่แผดเผาร่างของ JOKER ที่กำลังลุกโชนขึ้นในเตาเผากำลังมอดลงไปจนหลงเหลือแต่เศษเถ้าธุรีของอดีตวายร้ายสุดยิ่งใหญ่ในไม่ช้า หลายฝ่ายต่างเฝ้ารอดูถึงความเปลี่ยนแปลงของ Gotham City ถึงความสุขสงบที่กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่ความเงียบสงบในเมืองแห่งอาชญากรรมเช่นนี้มีบางคนเท่านั้นที่รับรู้ได้ว่า มันเป็นความเงียบสงบก่อนพายุใหญ่จะมาถึง สงครามครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้น มันแค่รอเวลาคนที่กล้าพอที่จะเหนี่ยวไกก่อนเท่านั้น
จนในคืนหนึ่ง ในร้าน Pauli Dinner ที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน ได้เกิดเหตุนร้ายคนนึงพ่นแก็สหลอนประสาทใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเกิดความคลุ้มคลั่งทำร้ายกันเองขึ้นจากภาพหลอนจนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ที่สุดนองเลือดจากการฆ่ากันเองขึ้นในเวลาไม่กี่นาที ก่อนที่จะมีเสียงประกาศจากสื่อโทรทัศน์จากผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้รับผิดชอบกับการกระทำที่โหดร้ายนี้ขึ้นมา
Scarecrow – ความวุ่นวายที่เพิ่งเกิดขึ้นเกิดจากพิษจากยาหลอนประสาทของข้าแค่เพียง 5 ออนซ์เท่านั้น มันน้อยนิดมาก แต่พรุ่งนี้ข้าจะทำให้ทั้งเหมือนเป็นสนามเด็กเล่นของข้า ชาวเมือง Gotham นี่เป็นคำเตือนแรกของข้า!!!
Character Bio – Scarecrow ชื่อจริง Dr. Jonathan Crane แพทย์ด้านจิตวิทยาสาขาเคมีบำบัด ผู้คิดค้นการบำบัดด้วยสารที่ก่อให้คนไข้เกิดความกลัว และแน่นอนว่าหลังจานำสารมาทดลองกับตัวเอง Dr. Crane ก็ไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไป ร่างกายที่เกือบเน่าสลายจากพิษไม่ต่างจากสภาพของหุ่นไล่กา ไม่นานจิตใจของ Dr. Crane ก็เริ่มวิปลาศรุนแรงและโหดร้ายจนกลายเป็นวายร้าย Scarecrow ในที่สุด เขาปรากฏตัวครั้งแรกในคอมมิค World‘s finest # 3 กันยายน ปี 1941
Character Bio – Scarecrow ชื่อจริง Dr. Jonathan Crane แพทย์ด้านจิตวิทยาสาขาเคมีบำบัด ผู้คิดค้นการบำบัดด้วยสารที่ก่อให้คนไข้เกิดความกลัว และแน่นอนว่าหลังจานำสารมาทดลองกับตัวเอง Dr. Crane ก็ไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไป ร่างกายที่เกือบเน่าสลายจากพิษไม่ต่างจากสภาพของหุ่นไล่กา ไม่นานจิตใจของ Dr. Crane ก็เริ่มวิปลาศรุนแรงและโหดร้ายจนกลายเป็นวายร้าย Scarecrow ในที่สุด เขาปรากฏตัวครั้งแรกในคอมมิค World‘s finest # 3 กันยายน ปี 1941
และแล้วความสงบสุขที่ทุกฝ่ายเฝ้าค้นหาในเมืองแห่งอาชญากรรมแห่งนี้กลับไม่ได้หมดไปอย่างที่หลายฝ่ายจินตนาการไว้ มันกำลังลุกโชนขึ้นอีกครั้งด้วยความวิปลาสครั้งใหม่ภายใต้หน้ากากที่เต็มไปด้วยพิษร้ายแห่งความบ้าคลั่งนามว่า Scarecrow! แถมมันยังทำสำเร็จอีกด้วย ความวุ่นวายเกิดขึ้นทั้งเมืองทันที ทางการสั่งอพยพประชาชน 6 ล้าน 5 แสนคนเพื่อให้พ้นจากอันตรายตามคำขู่ของ Scarecrow ทำให้ภายในเวลาไม่กี่วัน Gotham City ที่เคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คนกลายเป็นเมืองร้างไปทันที และแล้วเหล่าวายร้ายที่แฝงตัวอยู่ในทุกซอกเหลือบของเงามืดของ Gotham ก็ออกมาเชิดฉายร่วมสนุกท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้น ยากนักทีคนดีคนไหนจะกล้าลุกขึ้นมาต่อกร
พวกวายร้ายให้คำขาดสุดท้ายให้ทุกคนทิ้งเมือง Gotham ในเวลา 24 ชั่วโมงก่อนจะฆ่าทุกคนด้วยก๊าซพิษของพวกมัน และคืนนี้ หนึ่งเดียว ที่ Gotham ไว้วางใจว่าจะสามารถช่วยเหลือทุกคนในเมืองนี้ได้ก็คงเหลืออยู่คนเดียวเท่านั้น!!
Chapter 1: It's Going To Be A Long Night
-และเมื่อ Batman รับรู้สถานการณ์วุ่นวายทั้งหมดแล้ว ก็รีบมุ่งหน้าไปที่จุดเป้าหมายแรกคือที่ยอดตึกของกรมตำรวจ GCPD ทันที เพื่อเข้าไปปรึกษาสารวัตร Jim Gordon พันธมิตรตำรวจคนเดียวที่ไว้ใจได้ในเมืองแห่งนี้
Gordon – แค่นี้ก่อนนะ Barbara พ่อหวังว่าลูกจะปลอดภัย ไง แบทแมน หวังว่าคุณคงพอมีทางออกกับเรื่องนี้นะ
Batman – เรื่องการอพยพเป็นยังไงบ้าง?
Gordon – รถบัสคันสุดท้ายขนคนออกนอกเมืองตามลิมิทของพวกมันตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแล้ว และผมหวังว่ายัยหนูของผมคงออกไปกับรถด้วยนะ
Batman – ทางตำรวจทีเบาะแสะอะไรของ Scarecrow มั๊ย ?
Gordon – ล่าสุดเราตามรอยรถของคนของมันที่มุ่งหน้าไปยังไชน่าทาวน์ นั่นเป็นเบาะแสเดียวที่เราได้มาตั้งแต่พวกมันยืนข้อเสนอให้เราอพยพคน ตอนนี้ผมเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยงานต่างๆน้อยมากแล้วด้วย
Batman – บอกคนของคุณให้ถอนตัวจากพวกมันซะ เดี๋ยวผมจัดการเอง
Gordon – คุณคิดว่าเจ้า Scarecrow มันคิดที่จะระเบิดเมืองนี้ด้วยระเบิดเคมีของมันจริงๆมั๊ย?
Batman – ผมไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่ คืนนี้อีกยาว จิม
.... [ทุกหน่วยโปรดทราบตอนนี้ Unit – 2-47 ของเรากำลังถูกโจมตี ย้ำขอความช่วยเหลือด่วน!] ……
Gordon – เออ Batman ... อ้าวไปไม่บอกอีกแล้ว อย่างนี้ทั้งปี ...
- จากนั้น Batman จึงติดต่อขอตำแหน่งของ Unit – 2-47 จาก Oracle เพื่อไปทำการช่วยเหลือทันที โดยการมุ่งหน้าไปที่ตามเป้าหมายรูป! สีเขียวที่ขึ้นบนเนวิเกเตอร์นำทางได้เลย (ตำแหน่งที่มีไฟสัญลักษณ์ค้างคาวขึ้นมาท้องฟ้า)
Character Bio - Oracle หรือ Barbara Gordon ซึ่งก็คือลูกสาวของสารวัตร James Gordon นั่นเองครับ เธอปรากฏตัวครั้งแรกในเวอร์ชั่นคอมมิค Suicide Squad # 23 ซึ่งเธอเคยช่วยเหลือ Batman ในฐานะ Batgirl มาช่วงนึงจนเกิดอุบัติเหตุจนทำให้เธอกลายเป็นอัมพาตต้องนั่งรถเข็น แต่เธอยังไม่ยอมแพ้ที่จะสู้กับเหล่าร้ายต่อในฐานะ Oracle โอเปอร์เรเตอร์ส่วนตัวของ Batman ในเรื่องการติดต่อสื่อสารและการค้นหาข้อมูลต่างๆเพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของ Batman อยู่เหมือนเดิม ซึ่งเรื่องพวกนี้ สารวัตร Gordon ไมได้รับรู้ในสิ่งที่เธอทำเลยซักนิด
-เข้าไปที่จดหมายแล้วจัดการพวกศัตรูให้หมดเพื่อช่วยตำรวจนายนึงที่กำลังถูกทำร้าย ก่อนที่รถของศัตรูจะพุ่งเข้าชนจน Batman ต้องช่วยเข้าไปอยู่บนยอดตึกแล้วเรียกกำลังเสริมเพื่อสร้างความเป็นต่อมาทันที นั่นก็คือ Batmobile คู่ใจ Batman จะประสานให้ Oracle ตามสัญญาณของรถศัตรูคันที่พุ่งชนก่อนที่เขาจะรีบขับตามไล่ล่ารถของลูกน้องของ Scarecrow ทันที
-จากนั้นก็ขับรถไล่ล่ารถเป้าหมายไปโดยไม่ให้สัญญาณติดตามที่เป็นแถมสีเขียวทางขวาหมดแล้วจัดการยิงถล่มเพื่อหยุดรถเป้าหมายให้ได้ Batman ก็จะลงไปเค้นเอาข้อมูลของ Scarecrow มาจนพวกศัตรูในรถ มันพยายามใช้สารบางอย่างฉีดใส่ Batman แต่ก็ไม่สำเร็จก่อนจะถูกหักกระดูกจนคายข้อมูลออกมาว่า ที่อยู่ของ Scarecrow นั้นอยู่ที่ตึกเพนเฮ้าท์แห่งหนึ่งที่ไชน่าทาวน์ batman ส่งตัวอย่างของสารพิษที่ได้จากลูกน้อง Scarecrow ไปให้ Oracleวิเคราะห์ทันที
-เดินทางต่อไปยังเป้าหมายต่อไปใกล้ๆที่ตึกแห่งนึงย่านไชน่าทาวน์ดึงตัวขึ้นไปที่ดาดฟ้าตึกจะพบลูกน้องของ Scarecrow กำลังตรึงกำลังอยู่ที่นี่ จากนั้นโดดลงไปจัดการพวกศัตรูให้หมดจะพบพวกศัตรูกำลังมาจับตัว Poison Ivyมาขังเอาไว้
Poison Ivy – คุณมาทำอะไรที่นี่ห๊า แบทแมน ?
Batman – ทำไมพวกของ Scarecrow ถึงมาจับตัวเธอ
Poison Ivy – มันคิดจะทักทายกันก่อนเลยรึไง ? แล้วถ้าชั้นไม่บอกละ
Batman – ผมจะเผาต้นไม้ทุกต้น Gotham ให้หมดเลยคอยดู
Poison Ivy – ตอนแรกทุกคนจะมาพบปะกันที่นี่ วายร้ายมากมายมาที่นี่ Penguin , Two-Face , Killer Corc , Riddler หรือแม้แต่ยัยโง่ Harley Quinnทันทีที่ Scarecrow ประกาศว่ามันมีแผนเด็ดที่จะถล่ม Gotham และยึดเมืองมาเป็นของเรา
Batman – ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ
Poison Ivy – ใช่ ชั้นก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน และพอชั้นมาถึงที่นี่ก็ถูกจับขังอย่างที่เห็นนั่นแหละ ก็รู้ทั้งรู้ว่าสารพิษอะไรของมันทำอะไรชั้นไม่ได้ หึหึ ธรรมชาติชนะเสมอว่ามั๊ย
Poison Ivy พยายามเล่นตลกเพื่อพยายามจะหนีอย่างเนียนๆด้วยการใช้กิ่งเถาวัลย์ดึงตัว Batmanไปนอกตึก แต่ Batman ก็รู้ทันกลับมาดักที่หน้าทางออกได้อีกครั้งเหมือนกัน Batman พยายามจับตัว Poison Ivy ไปเพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆต่อ แต่ที่หน้าตึกจะพบพวกศัตรูบุกเข้ามาล้อมพร้อมอาวุธครบมือ ในขณะที่ Alfred แจ้งมาว่าโหมดรถถังพร้อมแล้ว กดลงล่างเพื่อเรียก Batmobile มาได้เลย
-ตอนนี้ Batmobile สามารถเปลี่ยนโหมดเป็น Battle Mode ได้แล้วโดยจะปืนใหญ่ในแบบรถถังไว้ใช้ยิงถล่มรถศัตรูได้ จากนั้นก็บังคับ Batmobile ยิงถล่มรถติดอาวุธของศัตรูที่อยู่รอบๆพื้นที่ให้หมดแล้ว Batman ก็จะจับ Poison Ivy ขึ้นรถเพื่อไปสอบสวนเอาข้อมูลต่อ
Character Bio - Poison Ivy
หรือ Pamela Lillian Isley เมื่อ Pamela นักพันธ์พืชวิทยาถูกการทดลองที่ผิดพลาดจนกลายพันธ์เป็นลูกผสมระหว่างคนและพืชแถมต้านทานพิษได้ทุกชนิดด้วย เธอถูกจับโดย Night Wing และหนีออกมาได้ตอนที่ Harley Quinnบุกยึดคุกนั่นเอง
ปรากฏตัวครั้งแรกใน Comic Batman # 181 June 1966
หรือ Pamela Lillian Isley เมื่อ Pamela นักพันธ์พืชวิทยาถูกการทดลองที่ผิดพลาดจนกลายพันธ์เป็นลูกผสมระหว่างคนและพืชแถมต้านทานพิษได้ทุกชนิดด้วย เธอถูกจับโดย Night Wing และหนีออกมาได้ตอนที่ Harley Quinnบุกยึดคุกนั่นเอง
ปรากฏตัวครั้งแรกใน Comic Batman # 181 June 1966
-จากนั้น Batman จะให้ Oracle อัพเดทระบบอาวุธของ Batmobile ให้พร้อมก่อนออกรบครั้งใหญ่ เดินทางไปที่จุดหมายจะพบจุด Weapon Energy system Diagnostic ซึ่งก็คือจุดทดสอบอาวุธของ Batmobile
1.เริ่มจากใช้ปืนใหญ่ยิงใส่รถศัตรูจนเกทพลังงาน Missile ฝั่งซ้ายเต็มก็จัดการยิง Missile Level 1 ใส่เป้าหมายเดี่ยว
2.ใช้ปืนใหญ่ยิงใส่รถศัตรูจนเกทพลังงาน Missile ฝั่งซ้ายและขวาเต็มก็จัดการยิง Missile Level 2 ใส่เป้าหมายทั้งกลุ่ม
3. จากนั้นใช้ระบบอาวุธที่เรียนรู้มาถล่มรถศัตรูทั้ง 4 คันให้หมด เพื่อจบกระบวนการทดสอบ
เมื่อจบการทดสอบก็จะได้ W Tech มา จากนั้นเข้าเมนู WAYNE TECH เพื่อใช้ XP Point ที่ได้มาทำการอัพเกรดสิ่งต่างๆที่ต้องการได้แล้ว ทั้ง Batsuit , Batmobile และ Skill ต่างๆที่ใช้ในการต่อสู้ สามารถอัพเกรดได้ที่นี่ทั้งหมด
WAYNE TECH UPGRADE
Combat Upgrade
Critical Strikes [1] – เพิ่มพลังโจมตีเป็น 2 เท่าในแบบแรนด้อม
Aerial Juggle [1] – ทำให้ศัตรูที่ถูกโจมตีก็อาการมึนงง
Weapon Steal mk 2 [2] – สามารถแย่งอาวุธจากศัตรูได้เร็วมากขึ้น
Special Combo Batarang [4] ขว้าง Batarang ระเบิด 3 อันเข้าโจมตีศัตรู (ในขณะที่เกทคอมโบเต็ม)
Batclaw Super Stun [2]– เมื่อใช้ Batclaw จัดการศัตรูจะทำให้เกิดการมึนงง
Blade Dodge Takedown [3]– ท่าเค๊าท์เตอร์สำหรับศัตรูที่ใช้ดาบเข้ามาโจมตี
Special Combo Multi Ground Takedown [4]– จัดการน็อคศัตรูในทันทีเมื่อใช้ Batarang โจมตีขณะอยู่กลางอากาศ (ในขณะที่เกทคอมโบเต็ม)
Freeflow Focus Mk 2 [8]– เพิ่มพลังโจมตีมากขึ้นในขณะที่เกทคอมโบเต็ม
Special Combo Boost [4]– ท่าขว้าง Batarang แบบคอมโบที่สามารถล้มศัตรูได้ 5 จาก 8 คน
Special Combo Explosive Gel [4]– ทำให้ระเบิดเจลใช้ในพื้นที่ได้กว้างขึ้น และทำให้ศัตรูที่อยู่ในรัศมีระเบิดเกิดความมึนงง (ในขณะที่เกทคอมโบเต็ม)
Special Combo Batclaw [8]– ขว้าง Batarang ใส่ศัตรูจะทำให้เป้าหมายKO (น็อกดาวน์) และทำให้ศัตรูที่อยู่รอบๆรัศมีการโจมีเกิดความมึนงง (ในขณะที่เกทคอมโบเต็ม)
Special Combo Remote Electrical Charge [5]– ขว้าง Batarang แบบช็อตไฟฟ้าโจมตีศัตรูไฟฟ้าในวงกว้าง (ในขณะที่เกทคอมโบเต็ม)
Special Combo Freeze Blast [6]– ขว้าง Batarang แบบพลังความเย็นโจมตีศัตรูด้วยน้ำแข็งในวงกว้าง (ในขณะที่เกทคอมโบเต็ม)
Batmobile Assisted Takedown Boost [3]– เรียก Batmobile มาสนับสนุนการต่อสู้สามารถจัดการศัตรูได้ 6 จาก 9 ตัว
Charged Super Stun [3]– สามารถจัดการศัตรูให้เกิดความมึนงงได้ทันที โดยกดปุ่มใช้ท่า Stun
Special Combo Disarm and Destroy [6]– ท่าปลดและทำลายอาวุธโดยที่ศัตรูจะไม่สามารถเก็บมาใช้ได้อีก (ในขณะที่เกทคอมโบเต็ม)
Batsuit Upgrade
Grapple Takedown [1] – ใช้ตะขอดึงพื้นที่ศัตรูยืนอยู่สามารถจัดการศัตรูได้หลายเป้าหมายพร้อมๆกัน
Melee Armor Level 1[1] – เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 25 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธประเภทตี
Ballistic Armor Level 1[1] – เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 25 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธปืน
Shockwave Attack [3] – ใช้ท่า Dive bomb พุ่งตัวมาจากด้านบนเพื่ออัดกระแทกจัดการศัตรูเป็นกลุ่ม
Grapnel Boost Mk3 [6] – ยืดระยะของตะขอจับให้ไปจัดการศัตรูได้ไกลขึ้น
Fear Multi-Takedown x4 [6] – ล็อกเป้าหมายศัตรูระดับพิเศษแล้วจัดการลูกน้องรอบๆอีก 4 ตัวให้เกิดความหวาดกลัวได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
Melee Armor Level 2 [2]– เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 50 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธประเภทตี
Ballistic Armor Level 2 [2]– เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 50 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธปืน
Glide Boost Attack [3]– ใช้ท่าเตะโจมตีต่อเนื่องจากท่า Shockwave Attack กับศัตรูที่เป็นเป้าหมายจำนวนมาก
Grapnel Boost Mk4 [8]– ทำให้ใช้ตะขอดึงตัว Batman ไปยังพื้นที่เป้าหมายที่อยู่สูงที่สุดได้
Fear Multi-Takedown x5 [8]– จัดการศัตรูแล้วทำให้เกิดความหวาดกลัวได้สูงสุด 5 ตัว
Melee Armor Level 3 [3]– เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 75 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธประเภทตี
Ballistic Armor Level 3[3]– เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 75 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธปืน
Melee Armor Level 4 [4]– เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 100 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธประเภทตี
Ballistic Armor Level 4 [4]– เพิ่มพลังป้องกันให้กับชุดอีก 100 % จากการโจมตีด้วยการโจมตีจากอาวุธปืน
Gadget Tech Upgrade
Explosive Gel Instant Takedown [1] – ระเบิดเจลทำให้ศัตรูเป้าหมาย K.O และส่งผลให้เกิดความมึนงงกับศัตรูใกล้เคียง
Smoke Pellet Duration [2] – เพิ่มผลของระเบิดควันให้ยาวนานมากขึ้น
Disruptor Sabotage Boa Drone Controller [2] – แฮกให้ Drone ของศัตรูยิงผู้บังคับมันและระเบิดทำลายตัวเอง
Disruptor Sabotage Medic [4] ทำลายหน่วยช่วยเหลือของศัตรูให้อยู่ในสถานภาพ K.O
Disruptor Sabotage Detective Mode Scan [3] ใช้โหมดสแกนค้นหาศัตรูที่บังคับ Drone ที่สั่งโจมตีแบทแมน
Freeze Blast Proximity Mine [2] ทุ่นระเบิดพลังความเย็นที่จะแช่แข็งศัตรูที่เข้ามาในรัศมีทำลาย
Explosive Gel Increased Range [2] เพิ่มรัศมีทำลายของระเบิดเจลให้กว้าง
Explosive Gel Stun Duration [2] – เพิ่มผลของความมึนงงของระเบิดเจลที่ส่งผลต่อศัตรูให้นานขึ้น
Smoke Pellet Area of Effect [2] เพิ่มรัศมีของระเบิดควันให้กว้างขึ้น
Disruptor Increase Sabotage Ammo [8] เพิ่มกระสุน Sabotage + 4
Disruptor Sabotage Sentry Gun Dispenser [2] ระเบิดทำลายกล่องอาวุธของศัตรูทันทีที่มันจะใช้
Disruptor Sabotage Stun Sticks [4] เมื่อใช้ Sabotage Stun Sticks ติดตัวศัตรูจะส่งผลให้ศัตรูมึนงงขณะที่จะโจมตี
Disruptor Sabotage Mine [3] ทุ่นระเบิดสร้างความวุ่นวายระเบิดทำลายเป้าหมายที่เข้าใกล้และทำศัตรูใกล้เคียง K.O
Remote Hacking Device Drone Hack Mk2 [1] เพิ่มระยะเวลาที่แฮกทำให้ Drone ศัตรูมองไม่เห็นนานขึ้น
Disruptor Sabotage Drone [8] ระเบิดทำลาย Drone ศัตรูได้ทันที
Disruptor Sabotage Detective Mode Jammer [3] ก่อกวนสัญญาณโหมดสแกนค้นหาของศัตรูให้ใช้งานไม่ได้
Freeze Cluster [4] เพิ่มความรุนแรงและระยะรัศมีการทำลายของระเบิดน้ำแข็งให้กว้างขึ้น
Freeze Blast Freeze Duration [4] เพิ่มประสิทธิภาพของระเบิดน้ำแข็งให้แช่แข็งศัตรูได้นานขึ้น
Disruptor Optic Deflection Armor [3] ทำให้ทัศนีย์ภาพการมองเห็นของศัตรูแย่ลงให้มองเห็นได้แต่ในโหมดสแกนค้นหาเท่านั้น
Freeze Cluster Proximity Mine [4] ทำให้ระเบิดน้ำแข็งกลายสภาพเป็นทุ่นระเบิดเวลา รัศมีแคบลงแต่รุนแรงมากขึ้น
Gadget Skill Upgrade
Batarang Stun Duration [1] – เพิ่มระยะเวลาที่ทำให้ศัตรูมึนงงเมื่อโดน Batarang Stun ให้นานขึ้น
Batclaw Disarm Firearm [1] – เพิ่มความเร็วในการใช้ตะขอ Batclaw ในการปลดอาวุธของศัตรู
Twin Aimed Batarangs [2] – สามารถใช้ Batarangs เล็งเป้าหมายกับศัตรูพร้อมๆกับ 2 ตัว
Gadgets While Gliding Batarang [2] ทำให้ใช้ Batarang ล็อกเป้าและขว้างได้เร็วมากขึ้น
Remote Controlled Reverse Batarang [2] สามารถบังคับ Batarangs ไปยังเป้าหมายในขณะขว้างได้
Batarang Combat Duration [4] เพิ่มความรุนแรงของ Batarang ให้มากขึ้น
Triple Aimed Batarangs [3] สามารถใช้ Batarangs เล็งเป้าหมายกับศัตรูพร้อมๆกับ 3 ตัวพร้อมๆกัน
Gadgets While Gliding Explosive Gel [2] เพิ่มความเร็วในการใช้ระเบิดเจล
Gadgets While Gliding Batclaw [2] เพิ่มความเร็วในการใช้ตะขอ Batclaw
Gadgets While Gliding Four Gadgets [3] เพิ่มความเร็วในการใช้งานของอุปกรณ์ที่มีอยู่ทั้ง 4 ชิ้น
Gadgets Wile Gliding Remote Electrical Charge [2] สามารถบังคับ Batarangs ไฟฟ้าไปยังเป้าหมายในขณะขว้างได้
Gadgets While Gliding Freeze Blast [2] เพิ่มความเร็วในการใช้ Freeze Blast
Gadgets While Gliding Five Gadgets [5] เพิ่มความเร็วในการใช้งานของอุปกรณ์ที่มีอยู่ทุกชนิดสูงสุด
Batmobile Upgrade
Armor Level 1[1] เพิ่มเกราะป้องกันรถอีก 25%
Afterburner Recharge Level 2 [2] เพิ่มระยะเวลารีชาร์ทกระสุนให้เร็วขึ้น
Ram Charge [4] ทำให้รถสามารถอัดกระแทกทำลาย Drone ได้
Super Eject Level 1[4] ทำให้เวลาดีดตัวออกจากห้องคนขับแบทแมนจะทะยานบินขึ้นฟ้าได้
Armor Level 2 [2] เพิ่มเกราะป้องกันรถอีก 50%
Afterburner Recharge Level 3 [4] เพิ่มระยะเวลารีชาร์ทกระสุนให้เร็วขึ้นสูงสุด
Dodge Thruster Boost [8] ทำให้แดชหลบได้ 2 จังหวะในโหมดรถถัง
Super Eject Level 2 [8] ทำให้เวลาดีดตัวออกจากห้องคนขับแบทแมนจะทะยานบินขึ้นฟ้าได้สูงสุด
Armor Level 3 [3] เพิ่มเกราะป้องกันรถอีก 75%
Armor Level 4 [4] เพิ่มเกราะป้องกันรถ 100 %
Batmobile Weapon Upgrade
Vulcan Gun Accuracy [1] ทำให้ปืนกลยิงได้ต่อเนื่องและแม่นยำมากขึ้น
60mm Cannon Reload Speed [2] ทำให้ปืน 60mm โหลดได้เร็วขึ้นและมีระยะการยิงที่ไกลขึ้น
Emergency Weapon Energy [2] เบี่ยงเบนการโจมตีของศัตรูในขณะที่รถใกล้จะพัง และเลเวลอัพอาวุธสำรองให้เป็นเลเวล 2 ทันที
Energy Absorption Efficiency [4] เมื่อใช้ secondary weapon จนทำให้เกทพลังงานของมิซไซด์เต็มเร็วยิ่งขึ้น
60mm Cannon Cobra Lure [3] สามารถใช้ตัวล่อยิงล่อ Drone ให้ไปโจมตีผิดตำแหน่งได้
60mm Cannon Reload Speed 2 [4] ทำให้ปืน 60mm โหลดได้เร็วสูงสุด
60mm Cannon Chassis Shot Damage [4] เพิ่มพลังโจมตีของปืน 60mm ในการยิงพวก Drone หากโดนที่ลำตัวของมัน
60mm Cannon Turret Shot Damage [4] พลังโจมตีของปืน 60mm ในการยิงพวก Drone หากโดนที่ป้อมปืนของมัน
Energy Storage Protection [8] เมื่อเกทพลังงาน secondary weapon เต็ม หากโดนโจมตีจะลดลงน้อยมาก
-เมื่อจัดการกับการอัพเกรดต่างๆแล้ว Oracle จะติดต่อมาบอก Batman ถึงรถศัตรูจนมากที่บริเวณ Panessa Studio ซึ่ง Batman ก็จะต้องไปมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อทำลายพวกมัน โดยมี Poison Ivy ถูกจับอยู่ท้ายรถด้วย เมื่อขับรถมาถึงที่หมายจะพบรถติดอาวุธของศัตรูจำนวนมากอยู่ ทำลายมันให้หมดซะ แล้ว Batman จะรายงานให้ Gordon เตรียมล้างคุกเอาไว้ให้พร้อมเพราะเขากำลังจะเอาตัวไป Poison Ivy ขัง
- ขับรถมุ่งหน้าไปที่เป้าหมายคือคุกของกรมตำรวจ เพื่อเอา Poison Ivy ไปขัง ทันทีที่มาถึง Batman จะรีบถามความคืบหน้าของการวิเคราะห์สารพิษจาก Oracle ทันที ซึ่ง Oracle จะนัด Batman ให้ไปที่หอนาฬิกาของเมืองเพื่อรับข้อมูล
-เมื่อขัง Poison Ivy เรียบร้อยแล้ว เข้าไปคุยกับ Gordon ตรงบอร์ดสถานการณ์ ซึ่งเขาจะสรุปสถานการณ์โดยรวมของเมืองให้ฟัง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นทั้งเควสหลักของเนื้อเรื่องและเควสย่อยต่างๆในเมืองนั่นเอง โดยเควสต่างๆจะประกอบด้วย
Main Quest (ภารกิจหลัก)
1. Main Quest City of Fear ในการหยุดเจ้าScarecrow ในการทำลายเมือง ซึ่งจะปรากฏในแผนที่เป็นรูปเครื่องหมาย ! สีเขียว
Most wanted Mission (ภารกิจย่อย)
2. Riddle Revenge เควสย่อย Most wanted Mission ในการแก้ปริศนาตามที่ต่างเพื่อตามจับตัวเจ้าจอมปริศนา ริดเลอร์ เพื่อช่วย Catwomen ซึ่งจะปรากฏในแผนที่เป็นรูปเครื่องหมาย ?
3. The Line of City เควสย่อย ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงที่ถูกจับไปตามที่ต่างๆของเมือง
4.The Perfect Crime เควสย่อย ในการสืบคดีฆาตกรรมปริศนาตามจุดพบศพ
5.Heir to the Cowl ภารกิจทดสอบ Azrael
6. Gotham on Fire ช่วยเหลือจุดที่เกิดไฟไหม้และตามจับ Firefly
7.Own the Road ภารกิจในการทำลายรถถังของศัตรูตามที่ต่างๆ
8. Occupy Gotham ภารกิจในการทำลายหอตรวจการณ์ของศัตรูตามที่ต่างๆ
9. Campaign for Disarmament ภารกิจทำลายทุ่นระเบิดตามมถนน
** หลังจากผ่าน Chapter 7 เมื่อ Cloudburst tank ถูกทำลายไปแล้ว Deathstroke ก็จะเข้ามาคุมกองยานรถถังด้วยตัวเองและเมื่อเก็บระเบิดหมดในเควสย่อย Campaign for Disarmament จนหมดใน Mission ที่ 9 และเคลียร์ Most Wanted Missions Occupy Gotham และ Own The Roads หมดแล้วก็จะได้สู้กับ Deathstroke ที่มากับรถถังขนาดใหญ่ของมัน **
10 Creature of the Night ภารกิจไล่ล่า Man – Bat (Dr. Kirk Langstrom)
11. GUNNER ภารกิจในการทำลายคลังอาวุธของ Penguin ที่ซ่อนอยู่ทั่วเมืองซึ่งจะเป็นภารกิจร่วมกับ Night wing ด้วย
12 - Two Face Bandits ภารกิจตามจับ Two Face ที่กำลังส่งลูกน้องออกปล้นธนาคารไปทั่วเมือง
13. Friend in Need ภารกิจในการตามไปช่วย Lucius fox ที่ตึก Wayne Tower
14. Lamb to the Slaughter ภารกิจช่วยเหลือ Jack Ryder และจับกุม Blackfire
1. Main Quest City of Fear ในการหยุดเจ้าScarecrow ในการทำลายเมือง ซึ่งจะปรากฏในแผนที่เป็นรูปเครื่องหมาย ! สีเขียว
Most wanted Mission (ภารกิจย่อย)
2. Riddle Revenge เควสย่อย Most wanted Mission ในการแก้ปริศนาตามที่ต่างเพื่อตามจับตัวเจ้าจอมปริศนา ริดเลอร์ เพื่อช่วย Catwomen ซึ่งจะปรากฏในแผนที่เป็นรูปเครื่องหมาย ?
3. The Line of City เควสย่อย ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงที่ถูกจับไปตามที่ต่างๆของเมือง
4.The Perfect Crime เควสย่อย ในการสืบคดีฆาตกรรมปริศนาตามจุดพบศพ
5.Heir to the Cowl ภารกิจทดสอบ Azrael
6. Gotham on Fire ช่วยเหลือจุดที่เกิดไฟไหม้และตามจับ Firefly
7.Own the Road ภารกิจในการทำลายรถถังของศัตรูตามที่ต่างๆ
8. Occupy Gotham ภารกิจในการทำลายหอตรวจการณ์ของศัตรูตามที่ต่างๆ
9. Campaign for Disarmament ภารกิจทำลายทุ่นระเบิดตามมถนน
** หลังจากผ่าน Chapter 7 เมื่อ Cloudburst tank ถูกทำลายไปแล้ว Deathstroke ก็จะเข้ามาคุมกองยานรถถังด้วยตัวเองและเมื่อเก็บระเบิดหมดในเควสย่อย Campaign for Disarmament จนหมดใน Mission ที่ 9 และเคลียร์ Most Wanted Missions Occupy Gotham และ Own The Roads หมดแล้วก็จะได้สู้กับ Deathstroke ที่มากับรถถังขนาดใหญ่ของมัน **
10 Creature of the Night ภารกิจไล่ล่า Man – Bat (Dr. Kirk Langstrom)
11. GUNNER ภารกิจในการทำลายคลังอาวุธของ Penguin ที่ซ่อนอยู่ทั่วเมืองซึ่งจะเป็นภารกิจร่วมกับ Night wing ด้วย
12 - Two Face Bandits ภารกิจตามจับ Two Face ที่กำลังส่งลูกน้องออกปล้นธนาคารไปทั่วเมือง
13. Friend in Need ภารกิจในการตามไปช่วย Lucius fox ที่ตึก Wayne Tower
14. Lamb to the Slaughter ภารกิจช่วยเหลือ Jack Ryder และจับกุม Blackfire
โดยสามารถกำหนด Quest ที่จะทำได้ในวงล้อภารกิจนี้ได้เลยแล้วจุดหมายของภารกิจที่เลือกไว้ก็จะแสดงขึ้นมาที่เกทนำทางให้เห็น
มนุษย์เจ้าปัญหา ชื่อจริง Eddie Nashton เซียนคอมพิวเตอร์ระดับอัจฉริยะฉายา Edward Nigma ที่คลั่งไคล้การก่ออาชญากรรมในแนวสืบสวนที่ตำรวจต้องแก้ปริศนาจนหัวแตกเพื่อจับตัวมัน Riddle ไม่ได้เน้นการฆ่าคนเป็นว่าเล่นแต่เน้นที่จะลากทุกคนให้มาตกลงในตารางเกมปริศนาที่มันเตรียมไว้เพื่อความสนุกและความท้าทายของมันซึ่งก็ทำให้ Batman ต้องปวดหัวในการตามจับมันมาตลอด Riddle
ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมมิค Detective Comic # 140 ตุลาคม 1948
- แวะไปทำภารกิจของ The Riddler ก่อนก็ได้ กำหนดภารกิจแล้วมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายรูป ? ก็จะถึงสถานที่ทดสอบ ซึ่งก็คือสนามแข่งรถสุดวิปลาสของมันนั่นเอง
บททดสอบของ The Riddle ครั้งที่ 1 - Mental Blocked ขับรถแข่งกับเวลาผ่านเครื่องกีดขวาง 3 รอบให้ครบก่อนเวลาหมด
- จากนั้นตามเบาะแสของ Scarecrow ในเนื้อเรื่องหลัก Batman ต้องไปที่หอนาฬิกาเพื่อนัดรับข้อมูลของสารพิษที่ Oracle กำลังวิเคราะห์แล้วจะส่งมาให้ จากนั้นก็ออกจากกรมตำรวจได้เลย ทันทีที่ขึ้นรถ Lucius Fox จะติดต่อมาสอบถามถึงเรื่องสมถะนะของ Batmobile ก่อนที่บอกว่ากำลังส่งระบบ Afterburner Function มาติดตั้งให้ ซึ่งก็คือการกดปุ่มสามเหลี่ยม หรือ Y เพื่อเร่งเครื่องด้วยความเร็วสูงโดยต้องอาศัยเกทพลังงานทางซ้ายของจอเป็นตัวขับเคลื่อน จากนั้นก็เดินทางมาจนถึงตึกหอนาฬิกาเป้าหมายแล้วปีนขึ้นไปบนยอดตึกได้เลย
- ที่ยอดของหลังคาจะมีทางเปิดลงไปที่ห้องทำงานใต้หลังคาของ Oracle ได้ จากนั้นกดขึ้นบนเพื่อใช้การสแกน Detective Vision ตรวจสอบดู จะเห็นหัวรูปปั้นบนชั้นวางของเป็นสีเหลือง สำรวจดูจะเป็นเครื่องสแกนดวงตาและห้องก็ถูกปิดผนึกและ Oracle ก็จะออกมาพบ
Oracle – คุณจะให้ชั้นไปที่ถ้ำค้างคาวเพื่อตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติมหรือเปล่าละ ?
Batman – ผมว่าคุณตรวจสอบจากสะสารเล็กน้อยพวกนี้ก็น่าจะรู้ไปถึงสสารตัวหลักของมันได้อยู่นะ
Oracle – แต่ร่องรอยที่ชั้นขุดหาได้มันก็มีเท่านี้แหละ
Batman – แล้วถ้าเรามาผิดทางละ เราเลิกสนใจที่ชนิดของสารพิษแต่มุ่งประเด็นไปที่กระบวนการผลิตของมันละ
Oracle – เออ ทำไมชั้นถึงมองข้ามตรงจุดนี้ไปนะ ปฎิกริยาทางเคมีของมันที่แสดงออกมาทำให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของมันได้ชัดเจนเลย มันเป็นแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เป็นกัมมันตรังสี
Batman – จัดการสแกนให้ทั่วเมืองหาคลื่นแม่เหล็กที่ตรงกับของมันก็จะรู้ที่ผลิตสารพิษของเจ้า Scarecrow แน่นอน
Oracle – น่าจะใช้เวลาค้นหาซักชั่วโมงได้ ชั้นจะลองดูนะ
Batman – เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวผมจะลองใช้เสาอากาศของตึกโรงถ่ายหนังในการค้นหามันดูก่อนแล้วกัน
Oracle – บรู๊ซ ชั้นว่าจะบอกความจริงกับพ่อนะ ชั้นเกลียดมากที่ต้องโกหกเขานะ ถ้าเขารู้ที่หลังคงจะฆ่าชั้นแน่ถ้ารู้ว่าชั้นยังไม่หนีออกจากเมือง เพราะทุกวันนี้เพ่อก็ยังโทษตัวเองอยู่ตลอดเรื่องขาของชั้นเนี้ย
Batman – ห่วงเรื่องหายนะของเมืองก่อนเถอะ เราต้องช่วยกันหยุด Scarecrow ให้เร็วที่สุดก่อน
- จากนั้นใช้ Batclaw ดึงตัวขึ้นไปบนหลังคา Batman จะแจ้งข่าวให้ Gordon เตรียมคนของเขาไว้ให้พร้อมบุกทันทีเมืองรู้ตำแหน่งของ Scarecrow จากนั้นเดินทางไปตามเป้าหมาย! เพื่อไปที่ Panessa Studio แล้วลงไปที่เครื่องปั่นไฟด้านล่างแต่เครื่องปั่นไฟกับเสียหายจนต้องหาทางเปิดพลังงานด้วยการบายพาส Batman รีบติดต่อไปหา Lucius Fox ฝ่ายเทคนิคของเวยน์ เอ็นเตอร์ไพร์ ซึ่งเขาจะแนะให้ใช้รถ Batmobile เป็นตัวเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า
-มาที่จุดหมายเพื่อขึ้นรถ Batmobile แล้ว Fox จะส่ง Batwing มาติดตั้งกว้านขนาดใหญ่ให้ที่หน้ารถ จากนั้นเปลี่ยนเป็น Battle Mode แล้วกดใช้ Power winch ใช้ฉมวกยิงไปที่ป้ายโฆษณาที่ตึกแล้วกด LS ถอยหลังเพื่อดึงป้ายให้ถล่มจนพ้นทาง แล้วกดใช้ Afterburner พุ่งข้ามหลังคาไปอีกฝั่งนึง หลังคาที่ 2 ใช้ฉมวกดึงงัดหลังคาออกให้เป็นเนินให้เหินข้ามไปหลังคาต่อไป จากนั้นก็ขับไปตามหลังคาต่อจนถึงหน้าตึกตรงข้าม ใช้ฉมวกกว้านดึงตัวรถให้เกาะข้ามไปที่ตึกตรงข้ามได้ ไปตามหลังคาฝั่งซ้ายต่อก็จะถึงเครื่องกำเนิดพลังงานที่เสียแล้ว ใช้ฉมวกยิงไปที่แผงควบคุมแล้วกดคันเร่งให้เข็มไมล์ตรงกับขีดแดงให้ตลอดก็จะสามารถชาร์ทไฟให้หอคอยสื่อสารของโรงถ่ายได้แล้ว
-เมื่อทำให้หอคอยสื่อสารทำงานได้แล้ว Batman จะติดต่อไปให้ Oracle เชื่อมต่อสัญญาณเพื่อเริ่มการค้นหาทันที ซึ่ง Oracle จะให้ Batman คุยกับ Robin ที่ติดต่อเข้ามาด้วย
Tim – บรู๊ซ คุณต้องการผมให้ช่วยสิ เราช่วยกันจะตามหา Scarecrow ได้เร็วกว่าเดิมนะ
Batman – งานที่นายทำอยู่ตอนนี้นั่นก็สำคัญนะ Tim
Tim – เว้นซักคืนคงไม่เป็นไรหรอก ให้ผมช่วยเถอะน่า
Batman – ที่นี่ผมควบคุมทุกอย่างได้อยู่
Tim – เฮ้อ โอเค แต่เราเป็นคู่หูกันนะจำไม่ได้รึไง ?
Oracle – เขาก็แค่อยากจะช่วย คุณก็
Batman – การสื่อสารว่าไง ? ใช้ได้ยัง
Oracle – เออ เราต้องใช้หอคอยที่จะส่งคลื่นสัญญาณ Microwave เพื่อระบุตำแหน่งของ Scarecrow มีอยู่ที่นึงที่ท่าเรือ Falcon Shipping ไม่ไกลจากที่นี่มาก เดี๋ยวจะส่งพิกัดไปให้
Character Bio – Robin
Tim Drake เด็กกำพร้าที่แบทแมนรับมาอุปการะและได้เป็นโรบินคนที่ 3 ที่เข้ามาเป็นคู่หูของแบทแมนต่อจาก Dick Grayson โรบินคนแรกที่ผันตัวเองไปเดินตามทางฮีโร่ในแบบตนเองในฐานะ Night Wing และ Jason Todd โรบินหัวรุนแรงคนที่ 2 ที่กลายเป็นฮีโร่สายแอนตีฮีโร่นาม เรดฮู๊ด Drake นั้นแตกต่างจากโรบินที่ผ่านมาเพราะความฉลาดและความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ แต่ไม่นานเขาก็ต้องไปฉายเดี่ยวเป็นเรด โรบิ้น อีกเพราะ เดเมี่ยน ลูกชายของบรู๊ซมารับหน้าที่โรบินแทน ซึ่ง Drake ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมมิค Batman # 436 สิงหาคม 1989
-เดินทางต่อไปยังท่าเรือ Falcon Shipping ตามตำแหน่งที่ขึ้นมาที่หน้าทางเข้าห้องควบคุมหอคอยสื่อสาร กด Detective Mode สแกนดูด้านในจะพบว่ามีลูกน้องของ Scarecrow พร้อมอาวุธอยู่ 5 ตัวกับตัวประกันที่ถูกจับอยู่ จากนนี้ก็ต้องวางแผนที่จะจัดการพวกมันให้ได้เปรียบที่สุด หาที่เกาะปีนขึ้นไปที่หน้าประตู ใช้ Batarang ขวางที่ประตูให้ศัตรู 2 ตัวเปิดประตูออกมาดู ลอบจัดการพวกมันซะ ที่เหลืออีก 3 ด้านในนั้นยังมีอาวุธครบมือ Batman จึงติดต่อไปหา Fox เพื่อให้ส่งชุดเกราะใหม่มาให้ เข้าไปที่จุดรับของสวมใส่ชุดเกราะ BATSUIT V8.03
- ด้วยสมถะนะของ BATSUIT V8.03 จะทำให้ Batman มีความสามารถต่างๆเพิ่มเข้ามาคือ
Armor Mobility Upgrade Tri Wave เกราะเสริมเกราะไททาเนียมสุดแกร่ง 3 ชั้นเพิ่มพลังป้องกันมากกว่าเดิม
Responsive Shock Absorption การเคลื่อนไหวที่เร็วกว่าเดิมเพราะเกราะอ่อนด้านในที่ยืดหยุ่นได้ สามารถใช้ท่าเค๊าท์เตอร์การโจมตีของอาวุธได้
Batmobile Eject Mechanism ฟังก์ชั่นเสริมที่สำหรับใช้ดีดตัวออกจาก Batmobile อย่างรวดเร็วเหมือนกับกระสุนปืน
Grapnel Boost MK2 ปืนตะขอที่มีระบบฉุดกระชากหนักหน่วงกว่าเดิม
- Skill ใหม่ Fear Multi – Takedown เท่านี้ก็ทำให้ศัตรูที่เจอต้องขยาดจนมีเกทความกลัว (Fear) ขึ้นมา
-จากนั้นก็เริ่มทดสอบเกราะใหม่กันเลย เข้าไปที่ทางขวาของอาคารจะมีตะแกรงให้มุดเข้าไปได้พื้นเพื่อเข้าไปใต้พื้นห้องได้แล้วกดสี่เหลี่ยมหรือ X ในการใช้ท่า Fear Multi – Takedown พุ่งขึ้นมาโจมตีศัตรูตัวแรก อัดตัวที่ 2 ใกล้ๆแล้วหันมุมกล้องด้วยแกน RS ไปอัดเป้าหมายที่ 3 ก็จะจัดการศัตรูทั้ง 3 พร้อมๆกันจนหมดอย่างรวดเร็ว
-จัดการศัตรูหมดแล้วเข้าไปช่วยตำรวจที่โดนจับ เปิดเครื่องกำเนิดพลังงานของ Microwave Tower แล้ว Oracle ก็จะทำการลิงค์สัญญาณของทั้ง 2 หอคอยได้สำเร็จ batman ก็จะเริ่มใช้ Batarang เป็นตัวรับสัญญาณในการค้นหาจากความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ตรงกับตัวอย่างสารพิษที่เก็บมาได้ จากนั้นก็หมุนคลื่นสัญญาณที่เห็นในแผนที่ไปทางขวาสุดก็จะพบตำแหน่งของสถานที่ที่ Scarecrow ใช้ในการผลิตอาวุธเคมีของมันซึ่งก็คือโรงงานผลิตสารเคมี ACE นั่นเอง
-เดินทางไปยังเป้าหมายรูป ! ที่โรงงานผลิตสารเคมี ACE ด้านหน้าจะมีหน่วยตำรวจของ Gordon มารอสมทบอยู่ แต่เมื่อทุกคนกำลังจะเข้าไปด้านในโรงงาน เฮลิคอปเตอร์ปริศนาจะบินเข้ามายิงถล่มใส่จน Gordon ต้องสั่งให้พวกตำรวจถอยไปหาที่กำบังแต่ Batman ยังคงเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับเฮลิคอปเตอร์ปริศนาอย่างไม่กลัวเกรง
???? – ถึงเวลาตายแล้วไอ้แก่ !
Scarecrow – ความตายนะไม่ทำให้มันหวั่นหรอก ทำให้มันออกห่างจากโรงงานข้าเอาไว้ก็พอ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาชำระแค้นของแกหรอก
???? – ชิ ..ค่ำคืนนี้จบลงแล้ว !!
บุคคลปริศนาที่ขับเอลิคอปเตอร์สบถใส่ Batman อย่างเครียดแค้นมันเตรียมที่จะเหนี่ยวไกยิงปืนถล่มใส่ก่อนที่ Scarecrow จะห้ามไว้มันจึงยอมถอยไปแล้วเรียกให้รถติดอาวุธของพวกลูกน้องจากในโรงงานเข้ามายิงถล่มแทน batman จึงบอกให้ Gordon และคนของเขารออยู่ข้างนอกแล้วเขาจะเข้าไปตรวจสอบด้านในเพื่อค้นหาข้อมูลและช่วยพวกคนงานในโรงงานที่ถูกจับออกมา
เมื่อดึงตัวผ่านกำแพงโรงงานเข้าไป ด้านในรั้วจะพบกองกำลังทหารรับจ้างของ Scarecrow จำนวนมากกำลังเตรียมการเคลื่อนย้ายกำลังพลจน Batman ต้องรีบให้ Oracle ตรวจสอบถึงที่มาของกองกำลังทหารเหล่านี้ทันที ไม่นาน Oracle ก็รายงานถึงกองกำลังเหล่านี้ที่กำลังกระจายไปประจำทั่วเมือง เธอไม่รู้ชื่อและที่มาของพวกมันแต่รู้ข้อมูลของหัวหน้าของพวกมันที่ขนานนามตัวเองออกมาว่า “ The Arkham Knight “Batman ไม่รอช้าจึงรีบให้ Oracle แฮกเข้าไปตรวจสอบในคอมพิวเตอร์ของพวกมันเพื่อหาว่าแผนที่แท้จริงของมันคืออะไร
-เปิดใช้ Detective Mode เพื่อนสแกนค้นหาจุดหมายซึ่งคือเครื่องมือสแกนพนักงานที่อยู่ทางซ้ายของอาคาร ที่หน้าเครื่องจะมีทหาร 2 คนยืนอยู่ สามารถหลบเข้าไปใต้พื้นเพื่อ Double Takedown จัดการมันพร้อมๆกันได้ ส่วนทหารที่เหลือรอบๆอีก 3 ตัวก็ลอบจัดการเอาตอนมันเข้ามาตรวจสอบเอา จากนั้นก็เข้าไปสำรวจแท่นคอมเพื่อโหลด ID ของพนักงานทั้ง 5 คนมา แล้วดึงตัวขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารโรงงาน Batman จะใช้ Batscaner ขว้างเพื่อค้นหาตำแหน่งของคนงานทั้ง 5 คนที่ถูกจับอยู่
ระหว่าง Scan หา Oracle จะเปิดเสียงบันทึกการสนทนาระหว่าง Scarecrow กับ Arkham Knight ให้ Batman ฟัง ทำให้รู้ว่า Scarecrow เองมันก็ไม่รู้ว่า Arkham Knight นั้นเป็นใครแต่ที่ร่วมงานด้วยกันเพราะ Arkham Knight นั้นเครียดแค้น batman อย่างมาก และต้องการให้คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของ Batman ด้วยเจตนารมณ์เดียวกันเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ Oracle ต้องถามย้ำกับ Batman ถึงความสัมพันธ์ของ Batman และเจ้า Arkham Knight แล้วคนที่มีศัตรูอยู่ทั่วไปหมดอย่าง Batman ก็คงหาคำตอบให้ไม่ได้เหมือนกันว่าไปทำความแค้นให้ Arkham Knight ตอนไหนเหมือนกัน
-หลังจากสแกนหาจนพบตำแหน่งของคนงานทั้ง 5 คนแล้ว ก็เริ่มจัดการไปช่วยเหลือคนงานทั้ง 5 จุดได้เลย จุดแรกใกล้สุดคืออาคารไม้ตรงหน้าที่ Batman ยืนอยู่บนดาดฟ้าโรงงาน ลงมาจากหลังคาแล้วจัดการศัตรูให้หมดแล้ว Batman จะพบว่าคนงานคนแรกที่เขาพบนั้นถูกฆ่าตายไปแล้ว ทำให้ Batman โกรธมาก สำรวจแผงควบคุมเปิดประตูใหญ่แล้วเลือกเมนูบังคับ Batmoblie ให้ใช้ฉมวกกว้านดึงพื้นหน้าทางเข้าให้สามารถพุ่งข้ามมาด้านในได้ด้วย Afterburner แล้ว Batman จะโดดเข้าไปบังคับ จากนั้นก็จัดการรถติดอาวุธของศัตรูที่หน้าทางเข้าให้หมด
- ใช้ฉมวกดึงกำแพงทางขวาเพื่อเปิดทางไปที่จุดตัวประกันที่ 2 ทางขวา ขับรถไปดึงประตูอาคารเป้าหมาย จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปช่วยตัวประกันที่ถูกจับอยู่ในห้องกระจกด้านใน ทันใดนั้น Arkham Knight กับคนของมันก็เข้ามาล้อม batman ที่อยู่ในห้องกระจกเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกอย่างเป็นทางการของ Batman กับ Arkham Knight ศัตรูลึกลับของเขา
Arkham Knight – ทุกคนเล็งปืนทุกกระบอกไปที่มันและถ้ามันคิดจะตุกติกก็ให้ยิงได้เลย แล้วก็นะอย่าไปมัวหลงกลกัเกราะสุดเท่ของมันละ จะยิงก็ยิงไปท่จุดอ่อนของมันที่คางกับที่ไหล่ได้เลย จะๆ ...ไม่พูดอะไรหน่อยหรอ ?
Batman – ปล่อยคนงานออกไปก่อน !
Arkham Knight – ก็การช่วยคนอื่นมันเป็นจุดอ่อนของเกมเสมอไง ข้าถึงชอบแกไง เดาทางง่าย ชนะง่ายๆ พวกเรารู้ในสิ่งที่แกจะทำก่อนที่แกคิดจะทำ รู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยซ้ำ แบทแมน
Batman – แล้วตอนนี้รู้มั๊ยว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่
Arkham Knight – ฮ่าๆ แน่นอน รู้สิ แกคิดว่า “ ไอ้พวกนี้มันพวกบ้าที่ไหนวะ “ ใช่มั๊ย ?
Batman – ผิด ข้ากำลังคิดว่าจะทำอะไรกับแกดีทันทีที่ข้าออกไปได้
Arkham Knight – เราทั้งคู่มาอยู่ในที่นี่ด้วยกันต่างก็มีความมุ่งมั่นเหมือนกัน ข้ามุ่งมั่นที่จะฆ่าแก แต่ก่อนอื่นต้องทำให้แกเจ็บปวดแสนสาหัสก่อน
------ [Scarecrow ติดต่อวิทยุเข้ามา ] -------
Arkham Knight – ข้าจะจบเรื่องนี้ซะที เมืองนี้ก็จะตกเป็นของพวกเราแล้ว ..... นายไม่เข้าใจ เราไม่มีโอกาสที่สองที่จะจัดการมันแล้วนะ !
-ในขณะที่ Arkham Knight กำลังคุยวิทยุกดเข้าเมนูสั่งรถ Batmobile ที่จอดอยู่ด้านนอกให้ยิงเข้ามาใส่พวกศัตรูได้แล้ว Arkham Knight จะรีบหนีไป จากนั้นก็ออกไปจัดการพวกลูกสมุนมันให้หมดแล้วช่วยเจ้าหน้าที่ของโรงงานได้เลย
คนงานที่ถูกจับเล่าว่า เขาไม่รู้ว่า Scarecrow มันรู้งานมาก มันบุกเข้ามาที่โรงานเมื่อหลายชั่วโมงก่อนพร้อมกองทารและอาวุธมากมายก่อนที่จะขนเอาสารเคมีอันตรายที่สำคัญๆไปจนหมดแล้วก็หนีไปทางฝั่งตะวันออกของเมือง Batman จึงรีบติดต่อไปบอกกับ Gordon ให้อพยพตำรวจทุกนายกลับเข้าไปที่สถานีตำรวจแล้วปิดทางเข้าออกไว้ให้ดีก่อน แต่ดูเหมือน Gordon จะไม่ยอมถอนคนของเขาออกจากภารกิจช่วยเหลือคนงานก่อนที่ทุกคนจะปลอดภัย ทั้งที่อาจจะเจอกับอันตรายก็เพราะเขาไว้ใจว่า Batman จะหยุดความบ้าคลั่งของ Scarecrow ได้อย่างแน่นอน
-จากนั้นพาคนงานคนที่ 2 นั่งรถไปส่งให้ Gordon ที่หน้าทางเข้าโรงงานก่อนแล้วขับรถเข้าไปที่จุดช่วยเหลือต่อไป ทางไปจะเป็นสะพานที่ถูกยกคาไว้ ต้องลงจากรถดึงตัวขึ้นไปบนเครนแล้วกดสวิตว์ให้พื้นทางลงมาให้รถผ่านไปได้ ขับเข้าไปในช่องทาง Loading Dock ทำลายรถติดอาวุธของศัตรูแล้วเข้าไปจนสุดทางใช้ฉมวกดึงท่อแก็สให้แตก แล้วค่อยเข้าไปจุดช่วยเหลือที่ 3 ในอาคารเข้าไปจัดการพวกศัตรูให้หมด ทำลายกำแพงด้วยระเบิดเจล (ถ้ายังไม่ทำลายท่อแก็สจะมีแก็สพุ่งออกมาขวางทาง ) เข้าไปด้านในก็จะพบคนงานคนที่ 3 ที่ตายไปแล้ว
Batman ได้รับการติดต่อจาก Oracle ว่าเธอได้บอกกับโรบินให้ช่วยงานนี้แล้วเพราะสิ่งที่เจออยู่ กับศัตรูทั้งกองทัพคงยากที่ Batman จะรับมือคนเดียวได้ ในขณะที่โรบินก็อยู่ร่วมในสายด้วยก็พยายามขอให้แบทแมนอนุญาตให้เขามาช่วยงานนี้ แต่ดูเหมือนแบทแมนจะยังยืนยันคำเดิมที่จะให้โรบินทำงานที่เขาทำอยู่ต่อไป แน่นอนว่า Oracle ก็ยังกลัวว่าโรบินจะเสียความรู้สึกกับเรื่องนี้ แต่แบทแมนยังคงมั่นใจว่างานที่โรบินทำอยู่คือช่วยเหลือชาวเมืองที่ยังติดอยู่ที่นี่ออกไปให้หมดนั้นสำคัญที่สุดมากกว่าซึ่งเป็นเหตุผลที่เขายังคงบอกให้โรบินทำหน้าที่ต่อไปนั่นเอง
-เข้าไปด้านในต่อใช้ระเบิดเจลทำลายพื้นลงไปชั้นล่างจะพบแก็สกั้นทางในช่องทางเดินด้านในทางเชื่อมอาคาร ใช้โหมดสแกนหากำแพงที่ทำลายได้ในห้องแล้วใช้ระเบิดเจลทำลายพนังนั้นจนเห็นท่อแก็สในพนัง สำรวจสวิตซ์ที่แผงควบคุมในห้องนี้เพื่อเปิดหน้าต่างชัตเตอร์ขึ้น แล้วเปลี่ยนไปควบคุม Batmobile ให้ใช้ฉมวกกว้านดึงทำลายท่อแก็สจากด้านนอกซะก็จะผ่านเข้าไปตามช่องทางด้านในที่มีแก็สรั่วได้แล้ว เข้าไปจนพบศพของคนงานรายที่ 4 ที่ตายเป็นศพที่ 3 แล้ว
-กดสวิตซ์เพื่อเปิดประตูช่องลิฟต์แล้วโดดออกไปด้านนอกใช้รถ Batmobile ยิงทำลายพนังในช่องลิฟต์แล้วดึงตัวถ่วงน้ำหนักด้านในเพื่อเอาลิฟต์ขึ้นมาด้านบน ให้รถดึงลิฟต์ค้างไว้แล้วออกจากรถไปเข้าลิฟต์แล้วค่อยสั่งรถให้ปล่อยลิฟต์ลงไปชั้นล่างต่อ ลงมาจะเห็นศัตรูกับตัวประกันอยู่ด้านในห้องที่ปิดอยู่ ดึงตัวขึ้นบนทางเดินบนเพดานไปตามช่องระบายอากาศก็จะเข้ามาที่ด้านบนของห้องที่ศัตรูอยู่ได้ โดดลงไปจัดการพวกมันซะแล้วเข้าไปช่วยคนงานตัวประกันคนสุดท้าย
คนงานจะบอกถึงเรื่องระเบิดที่ Scarecrow มันติดตั้งไว้ที่นี่ ในตึกของโรงงานในส่วนของห้องผสมสารเคมี (Central Mixing Chamber) ก่อนที่ Batman จะติดต่อไปหา Gordon ถึงเรื่องการช่วยเหลือคนงานที่เหลือและข่าวร้ายเกี่ยวกับระเบิดที่ Scarecrow มันติดตั้งไว้ที่นี่เพื่อหวังจะระเบิดทำลายให้สารเคมีกระจายไปทั่วเมือง ฟังดูเลวร้ายแต่แบทแมนก็สัญญาว่าจะจัดการมันให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นแน่นอน
-ตามคนงานไปที่ลิฟต์ที่ลงมา แล้วเปลี่ยนไปบังคับรถ Batmobile ให้ดึงลิฟต์ขึ้นไปด้านบน แต่ในขณะที่ Batman พาคนงานขึ้นรถเจ้า Arkham Knight ก็บุกมาพร้อมเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธและกองรถถังมากมายทันที จัดการมันให้หมดแต่จะพบว่าเฮลิคอปเตอร์ที่บุกเข้ามานั้นถูก Arkham Knight บังคับจากระยะไกล จากนั้นขับรถออกจากที่นี่ โดยใช้ลิฟต์พื้นยกไปพื้นที่ด้านบนต่อ (เอารถไปจอดบนพื้นเลื่อนแล้วลงรถไปกดสวิตซ์) แล้วขับไปส่งให้ Gordon ที่ทางเข้าโรงงาน จาก 5 ตาย 3 เหลือแค่ 2 Batman ยืนยันว่าจะทำให้ Scarecrow ชดใช้กับเรื่องนี้ให้ได้แน่นอน
-จากนั้น Batman จะกลับเข้าไปในโรงงานเพื่อทำการหยุดยั้งระเบิดของ Scarecrow ต่อทันที Oracle พยายามหาทางที่จะส่งแผนที่ทางเข้าไปยังห้องผสมสารเคมีแต่ทางเข้าหลักนั้นถูกปิดผนึกจากด้านในและท่อลำเลียงก็ฝังลึกอยู่ในพนัง ซึ่งก็แน่นอนว่า Batman ก็ต้องด้นสดตามสัญชาติญาณเอาเองเหมือนเดิม โดยการใช้ รถ Batmobile ยิงทำลายพนังตึกตรงหน้าทางเข้า แล้วดึงตัวไปที่เครนด้านบนเพื่อใช้แผงควบคุมปรับแผ่นเหล็กที่ใช้เป็นทางผ่านของรถก่อนหน้านี้มาวางให้ตรงจุดที่รถสามารถพุ่งตัวเข้าไปในกำแพงได้
-ขับรถลุยทำลายรถถังศัตรูเข้าไปจนถึงประตูเหล็กที่กันทางอยู่ ออกจากรถดึงตัวไปด้านบนจะเห็นว่าด้านหลังประตูจะมีทหารศัตรูอยู่พร้อมปืนกลอัตโนมัติที่หมุนค้นหาเป้าหมายอยู่ ซึ่งต้องจัดการกับทหารโดยที่ปืนมันยังไม่เห็นและยิงใส่ โดยเกาะไปที่จุดเกาะทางขวาจะมีทางสไลด์ลงมาที่ใต้พื้นทางเดินในห้องได้ รอจังหวะให้ปืนกลหมุนไปด้านหลังแล้วมุดไปจัดการ Double Takedown มันแล้วรีบลงพื้นก่อนปืนจะหันมาเห็นแล้วค่อยหาจังหวะไปทำลายมันจากด้านหลัง สำรวจแผงควบคุมในห้องก็จะเปิดประตูเหล็กให้รถเข้ามาได้แล้ว
-ขับรถเข้าด้านในต่อจนถึงประตูเหล็กต่อไป โดดเกาะตัวข้ามไปดูจะพบว่าทหารศัตรูมากมายที่กำลังประชุมอยู่ในห้อง มีโคมไฟที่สามารถใช้เป็นตัวช่วยสร้างความวุ่นวายได้ พวกมันมีจำนวนมากก็จริงๆแต่ Batman เอาอยู่ลงไปลุยกับพวกมันได้เลย Exp มหาศาลเลยละ จัดการหมดแล้วเข้าไปสำรวจแผงควบคุมเพื่อให้รถเข้าไปด้านในต่อ
-ขับรถต่อมาจนถึงประตูที่ 3 โดดขึ้นไปดูด้านบนจะพบว่าเป็นห้องผสมสารเคมี (Central Mixing Chamber) เป้าหมายในการวางระเบิดของพวกศัตรูนั่นเองด้านในจึงเต็มไปด้วยการคุ้มกันอย่างดี โดดลงมาทำลายปืนกลอัตโนมัติที่รอยิงอยู่หน้าประตูซะก่อน ในห้องทำงานกลางห้องจะเห็นมีเงาของ Scarecrow กำลังสั่งการอยู่ด้านใน จากนั้นก็ต้องออกแบบการจัดการศัตรูของคุณเองได้เลย ลอบจัดการศัตรูในห้องให้หมดแล้ว Scarecrow จะเชื้อเชิญให้ Batman เข้าไปพบกับในห้องทำงานอย่างใจเย็น
Scarecrow – นี่แกคิดว่าแกกำลังชนะและจริงๆหรอ? ความกลัวในตัวแกมันทำให้แกคิดไปเอง ตอนนี้ข้าควบคุมทุกอย่างได้หมดแล้ว
Batman – จะปิดระบบนี่ยังไง !!
Scarecrow – ปล่อยข้าไปซะ ไม่งั้นเธอตาย !
Batman – หมายความว่ายังไง !
Scarecrow – Barbara Gordon ไง
- [batman จับ Scarecrow มาอัดก่อนที่จะรีบติดต่อบอก Oracle ให้เธอรีบหนี ก่อนที่สัญญาณการติดต่อจะขาดหายไป แต่ Scarecrow ก็จะฉวยโอกาสหนีออกไปจากห้องได้และขัง Batman ไว้ด้านใน]-
Scarecrow – ไม่มีอะไรเจ็บปวดมากไปกว่าการสูยเสียครอบครัวว่ามั๊ย เพราะไม่มีใครที่จะโทษได้นอกจากตัวเอง
-สำรวจคอมที่แท่นควบคุมเพื่อเอาแกนระเบิดทั้ง 4 อันออกมาแล้วงัดเอาแกนระเบิดแต่ละอันย้ายที่ไปที่ช่องใส่อีกด้านโดยต้องใช้ความเบามืออย่าให้สะเทือนมากจนเกทขึ้นไปถึงสีแดง ยกแกนระเบิดแยกไปใส่ที่ช่องตรงกันข้ามอย่างละ 2 แกน
จนถึงแกนสุดท้ายก่อนที่จะใส่เข้าไป Batman ก็เหลือไปเห็นกระบอกปืนที่เล็งมาที่เขาในระยะประชิดแถมคนที่กำลังจะเหนี่ยวไกคือเจ้า Joker ที่น่าจะตายไปแล้วซะด้วย !
JOKER – คิดถึงกันมั๊ย ?
หลายเดือนก่อนหน้านี้ ........
สารวัตร Gordon ถูกเชื้อเชิญมาที่อาคารร้างแห่งหนึ่ง ที่ Batman ได้ทำเป็นห้องทดลองลับเพื่อสืบหาเรื่องสำคัญบางอย่างอยู่ เมื่อ Gordon ลงลิฟต์มาชั้นล่างสุดก็ต้องตกใจเพราะเห็นคนมากมายถูกขังอยู่ในกรงขังโปรงแสง เมื่อสำรวจดูจะพบคน 4 คนจาก 5 กรงขัง คือ Christina bell, Johnny Charisma, Albert King และ Henry Adam ถูกขังอยู่ ไม่นาน Batman ก็โผล่ออกมาโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวเหมือนเคยเพื่ออธิบายถึงเรื่องที่เขากำลังทดลองอยู่
Gordon – ที่นี่มันยังไงกันแน่เนี้ย ? แล้วคนพวกนี้เป็นใคร ?
Batman – ก่อนที่โจ๊กเกอร์จะตาย มันได้ส่งเลือดติดเชื้อของมันไปตามโรงพยาบาลต่างๆทั่วทั้งเขตของเมือง
Gordon – ใช่ ผมรู้ ก็เราตามเก็บมาทำลายจนหมดแล้วนี่
Batman – เราพลาดไปนะสิ เกิดจากการตกสำรวจของทางโรงพยาบาลที่มีคนไข้ 5 คนที่ได้รับการถ่ายเลือดไปแล้วไม่ได้ลงบันทึก แถมกว่าที่ผมจะรู้มันก็นานเกินไป เลือดมันทำปฎิกริยากับร่างของผู้ถูกถ่ายเลือดไปแล้ว จนทำให้พวกเขากลายเป็น
Gordon – โจ๊กเกอร์ ! โอ้ พระเจ้าช่วย .. แล้วอีกคนละทำไมเขาถึงแตกต่างไม่เห็นเหมือนโจ๊กเกอร์
Batman – Henry Adam เขาได้รับการถ่ายเลือดของโจ๊กเกอร์นานกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แต่กลับไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรกับเขาเลย ผมกำลังให้โรบินตามสืบหาข้อมูลของเขาอยู่ Henry คือกุญแจของคำตอบทั้งหมด
Gordon – แต่คุณจะจับคนบริสุทธ์มาขังแบบนี้ไม่ได้นะ
Batman – เราใกล้ได้เรื่องแล้วจิม เราปล่อยเข้าไปไม่ได้จนกว่าจะช่วยคนที่เหลือได้ก่อน
Gordon – แต่ เดี๋ยวนะ คุณบอกว่าผู้ติดเชื้อมี 5 คนแต่ทำไมในกรงขังผมเห็นแค่ 4 ละ อีกคนหายไปไหน ?
Batman – ผมจะได้ตัวเขามาในไม่ช้านี่แหละ
ปัจจุบัน ...........
ท่ามกลางสายตาที่เลือนรางของ Batman กำลังปรับสภาพการรับู่ที่เกิดจากสมองกระทบกระเทือนจากการถูกฟาดด้วยปืนหรือจิตใจสกปรกดวงหนึ่งกำลังลุกขึ้นมาแสดงพื้นที่แห่งตัวตนที่แฝงอยู่ของมัน
Joker – บรู๊ซซซซซซซซ ได้ยินชั้นป่ะ บรู๊ซ .. โธ่ อย่ามาทำว่าแปลกใจน่า นายก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วก็นายมีชั้นติดอยู่ด้วยตลอดนี่ ช่าย และเรา 2 คนก็จะช่วยกันมอบในสิ่งที่เมืองนี้สมควรที่จะได้รับมาตลอด แบทแมนคนใหม่ไง แบทแมนที่ดีกว่าเดิม มืดมนกว่าเดิม 555+ เอาเถอะๆไว้คุยกันเรื่องนี้ทีหลังก็ได้นะ เพราะตอนนี้นายต้องช่วยเมืองนี่นา ถึงลดรัศมีการระเบิดแต่มันก็ต้องระเบิด นายก็ต้องหาหนีละสิ ว่าแต่นายมีที่ว่างให้สำหรับ 2 คนปะ ฮี่ ฮี่ ฮ่าๆๆๆๆๆ
-ไม่ต้องรอให้มันคุยจบ พอลุกขึ้นมายืนได้ก็เปลี่ยนไปบังคับรถ Batmobile แล้วใช้ฉมวกกว้านดึงกระจกให้แตก แล้วรีบขึ้นรถขับหนีออกจากที่นี่ได้เลย
ทันทีที่ Batmobile พุ่งพ้นแรงระเบิดออกมาจากซากตึกของอาคารโรงงานได้สำเร็จ Batman ก็ได้ยืนมองความสำเร็จที่เขาช่วยเมืองเอาไว้ได้โดยหวุดหวิดเอาชีวิตไม่รอดอีกครั้ง ก่อนที่ Batman จะติดต่อหา Alfred เพื่อคลายความเป็นห่วงให้กับเขา และถึงแม้จะช่วยเมืองจากระเบิดสารพิษเอาไว้ได้แต่เจ้า Scarecrow และ Arkham Knight กับกองทัพติดอาวุธของมันยังอยู่เต็มเมือง กับสิ่งที่ Alfred ยังแอบห่วงอยู่อย่างมากคืออาการผิดปกติของบรู๊ซตั้งแต่เหตุการณ์ที่ Asylum มากกว่า และในขณะที่คุยกับ Alfred เจ้า Joker ก็โผล่ออกมาจากจิตใต้สำนึกของบรู๊ซอีกครั้ง
จิตของ Joker ที่แทรกเข้ามาทำให้ Batman แทบไม่ทันได้ฟังที่อัลเฟรดพูดถึงเรื่อง Gordon เลยว่าเขาพยายามติดต่อกับ Batman อยู่ เขาจึงรีบติดต่อไปหา Gordon เพื่อนัดพบพูดคุยที่หน้าคุกของกรมตำรวจทันที
Chapter 2: Patience Is a Virtue
-มุ่งหน้าไปที่เป้าหมายคือที่หน้าคุกของกรมตำรวจ จะพบ Gordon รออยู่กับจิตใจของ Joker ที่ออกมาป่วนว่า Batman ทีทำให้ Barbara ลูกสาวของ Gordon ถูกจับตัวไป
Gordon – ว่าไง Batman มีอะไรจะปรึกษาผม ?
Batman – จิม ..
Gordon – ไม่เอาน่าอย่าทำให้ผมใจไม่ดีสิ มีอะไร
Batman – เอ่อ Barbara เธอ ..เธอถูกลักพาตัวไป
Gordon – ไม่ๆๆ เธอเพิ่งคุยกับผมว่าเธอออกจากเมืองไปแล้วนี่ !
Batman – ใจเย็นๆเราจะช่วยกันหาตัวเธอจนพบแน่ๆ
Gordon – ไอ้หน้าไหนที่มันจับลูกสาวผมไป !!
Batman – Scarecrow มันจับเธอจากที่ซ่อนที่หอนาฬิกา
Gordon – งั้นเราต้องรีบไปที่นั่น มันต้องมีเบาะแสอะไรที่หาตัวเธอได้แน่
Batman – ผมจัดการเอง คอยฟังข่าวไว้แล้วกัน
Joker – ไม่เอาน่า นายไม่บอกเขาไปว้า ว่าเรื่องของเรื่องมันความผิดนายอ่ะแบท เอาเถอะสู้ๆช่วยสาวให้ได้ละชั้นจะเอาใจช่วยด้วยการยืนดูอยู่เฉยๆแล้วกันนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
-จากนั้นขับรถไปพร้อมกับรถตำรวจของ Gordon ไปตามทางโดยระหว่างทาง Arkham Knight จะสั่งคนของมันบุกเข้าโจมตีโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ Gordon ภารกิจนี้ไม่ใช่ปกป้องรถของ Gordon แต่ต้องพยายามขับตามรถของ Gordon ให้ทัน ไปพร้อมกับยิงทำลายรถของศัตรูโดยอย่าให้ทิ้งระยะจากรถ Gordon จนสัญญาณขาดหาย เมื่อจัดการรถศัตรูจนหมด Batman ก็จะสั่งให้ Gordon ขึ้นรถ Batmobile ไปกับเขาจะดีกว่าเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นอีก
ขณะจอดรถรับ Gordon ที่จุดเป้าหมาย Alfred จะติดต่อมาให้ข้อมูลรูปแบบและตำแหน่งของกองกำลังของ Arkham Knight ซึ่งจะพบว่ากองกำลังของมันแยกเป็นสามส่วนเพื่อไปตรึงกำลังอยู่ที่จุดสำคัญ 3 จุดของเมือง โดยที่เกาะ Miagani จะมีรถเกราะ Light Drone ยึดถนนในเมืองอยู่ถึง 38 คัน , ที่เกาะ Founder นั้นเป็นฐานบัญชาการณ์ของมันที่มีทั้ง รถถึงขนาดใหญ่ Drone บิน ฐานยิงจรวดมิดไซด์และหอคอยตรวจการณ์ และที่เกราะ Bleake นั้นมี Light Drone แค่ 12 คันที่คุ้มกันหอนาฬิกาอยู่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ Batman กำลังจะพา Gordon ไปที่นั่นพอดี และแน่นอนว่า Arkham Knight มันก็เตรียมลูกน้องของมันรอต้อนรับการมาของ Batman เอาไว้อยู่แล้ว
-จากนั้นขับรถเดินทางมายังเป้าหมายที่จุด ! ซึ่งก็คือบริเวณถนนรอบๆหอนาฬิกาซึ่งก็จะพบรถเกราะ Light Drone 12 คันอยู่ตรงตามที่อัลเฟรดวิเคราะห์ จัดการพวกมันให้หมดแล้ว Batman จะให้ Gordon รออยู่ในรถ จากนั้นก็ดึงตัวขึ้นไปที่ยอดของหอนาฬิกาเข้าไปในห้องลับของ Barbara ต่อแต่เมื่อ Batman ได้ยินวิทยุของ Arkham Knight ที่กำลังสั่งลูกน้องให้มาตรึงกำลังที่นี่เพิ่ม เขาจึงจะยังเข้าไปในห้องลับไม่ได้จนกว่าจะจัดการศัตรูรอบๆให้หมดก่อน จากนั้นลอบจัดการศัตรูรอบๆดาดฟ้าของหอนาฬิกาให้หมดแล้ว batman จะวิทยุบอก Gordon ให้ตามเข้าไปด้านในได้
Batman ที่เข้ามาในห้องก่อนก็ไม่วายโดนจิตใต้สำนึกของ Joker ออกมาป่วนอีกตามเคย มันแสดงภาพล้อเลียนให้ Batman เห็นว่า Barbara ถูกยิงตายไปแล้วแต่จริงๆเธอแค่ถูกจับไปเท่านั้น ก่อนที่ Gordon จะตามเข้ามา
Gordon – โอ้ พระเจ้า เธอไม่อยู่ที่นี่แล้วเราต้องหาทางตามเธอไปอย่างเร็วเลย เพราะเธอไม่ได้แกร่งแบบเรานะ
Batman – เดี๋ยวจิม ผมมีอะไรให้ดู
-- [ แบทแมนสแกนม่านตาตัวเองเพื่อเปิดเผยห้องทำงานสุดไฮเทคของห้อง Barbara ออกมา] --
Batman – เธอแข็งแกร่งจิม แกร่งกว่าที่คุณคิดเอาไว้นะ
Gordon – พระเจ้า เธอทำงานให้คุณหรอ ? งั้นทั้งหมดมันก็เป็นความผิดของคุณ !!
Batman – ผมจะหาเธอให้พบจิม
Gordon – เธอเป็นครอบครัวของผม เป็นลูกสาวคนเดียวของผม เป็นทั้งหมดที่ผมมี !! ผมไม่ควรเชื่อใจคุณเลย ไม่ควร !
เอาเครื่องมือติดต่อของคุณคืนไป เราจบกันแค่นี้ ผมจะหาลูกสาวของผมด้วยตัวเอง แล้วคุณก็ไปให้ห่างครอบครัวผมซะด้วย !!
หลังจาก Gordon จากไปด้วยความเสียใจแล้ว Batman ก็ไม่รอช้าที่จะหาเบาะแสของ Barbara ต่อโดยไม่ฟังเสียงกวนประสาทของโจ๊กเกอร์ที่พล่ามอยู่ในหัวสมองเขาว่า “บอกแล้วว่าให้เงียบไว้ก็ไม่เชื่อ “
-กลับไปที่รถ Batmobile แล้วใช้โหมดสแกน Forensics Scanner โดยเปลี่ยนเข้าสู่ Battle Mode แล้วกดขึ้นบนเพื่อใช้โหมดสแกนตามรอยล้อรถยนต์ไป ระหว่างทาง Batman จะติดต่อให้ Alfred ค้นหาชื่อจริงของเจ้า Arkham Knight มาให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันขาดคำ Arkham Knight ก็ส่งเครื่องบินมาติดตั้งกับระเบิดรถถังเอาไว้ขัดขวาง Batman ตามถนนทันที แต่ Batman ก็จัดการอัพโหลดไวรัสใส่มันเอาไว้เพื่อรอการทำลายทันทีเหมือนกัน จากนั้นก็ทำลายรถถังศัตรูที่ออกมาให้หมด แล้วใช้รถกดชาร์ทไฟใส่แล้วเร่งเครื่องให้ตรงแถบแดงไปเรื่อยๆจนกว่าจะระเบิดจะถูกทำลาย ซึ่งการทำลายกับระเบิดนี้ก็จะกลายเป็น Campaign for Disarmament ของภารกิจเสริมอยู่ในวงล้อภารกิจเพื่อทำลายระเบิดตามจุดต่างๆต่อไป
-สแกนตามรอยล้อรถต่อไปจนสุดทางที่สะพาน Mercy ที่เชื่อมไปยังเกาะ Miagani ที่ถูกพวกศัตรูยกขึ้นเอาไว้ไม่สามารถไปต่อได้ batman พยายามให้ Alfred แฮกระบบเพื่อปล่อยสะพานลงก็ไม่เป็นผลจน Batman ต้องหาทางไปเปิดระบบด้วยตัวเองที่ห้องควบคุมหลักของสะพานซึ่ง Alfred จะช่วยค้นหาที่อยู่ให้จนพบว่าอยู่ที่ Grand Avenue Station
-จากนั้นทิ้งรถไว้ที่ตีนสะพานลัวเดินทางต่อไปยังจุดหมายใหม่คือ Grand Avenue Station แล้วลอบจัดการศัตรูที่นี่ให้หมด แล้วเข้าไปที่แผงควบคุมเพื่อปลดล็อกให้ Alfred จัดการเข้าระบบเพื่อยกสะพานลงได้เลย
แต่ทันที่ที่กำลังเสร็จงาน The Riddler มนุษย์เจ้าปัญหาก็ไม่ปล่อยให้ Batman วางงานทันที ภาพของ Nigma ถูกถ่ายทอดออกมาบนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อยิงปริศนาใส่ Batman ทันทีว่า “เพราะอะไรแบทแมนถึงไม่ยอมกลับไปเยี่ยมบ้านเด็กกำพร้าเก่าบ้างเลยละ ?” ก่อนทีมันจะฉายภาพ Catwomen ที่ถูกมันจับเอาไว้ให้ดู ก่อนที่จะเฉลยปริศนาต่อว่า “เพราะถ้าไม่รีบมาช่วยเพื่อนให้ทันละก็แย่แน่เลย “ ซึ่งแน่นอนว่า Batman ต้องรีบไปช่วย Catwomen ให้เร็วที่สุดเพราะเขายังมี Barbara ที่ต้องตามไปช่วยอย่างเร่งด่วนอีกคน
- ขณะที่เดินทางไปจะเจอกับสัตว์ประหลาดค้างคาวดูดเลือดยักษ์สุดน่าเกลียดบนยอดตึก ซึ่งก็จะเป็นการปลดล็อกภารกิจย่อย Creature of the Night ซึ่งจะเป็นภารกิจเสริมอยู่ในวงล้อภารกิจให้ตามเบาะแสของมันต่อไป
***************************************************************
** ภารกิจย่อย Creature of the Night **
– กำหนดภารกิจแล้วไล่ตามค้างคาวกลายพันธ์ไปจนจับมันได้แล้ว Batman จะเอาตัวอย่างเลือดของมันส่งไปให้ Alfred ตรวจสอบซึ่งจะได้ผลออกมาเป็นเลือดกลายพันธ์ที่ตรงกับ DNA ของ Dr. Kirk Langstrom ซึ่ง Alfred ก็จะค้นหาต่อจนพบห้องทดลองของ Dr. Kirk ที่อยู่ในไชน่าทาวน์พร้อมส่งที่อยู่ให้ Batman ไปตามหาเบาะแสต่อ จากนั้นเดินทางต่อไปยังเป้าหมายต่อไปคือห้องทดลองของ Dr. Kirk ซึ่งก็จะพบภาพตอนที่ Dr. Kirk และ Francine ภรรยาที่ช่วยกันทดลองเปลี่ยนร่างคนให้กลายเป็นแวมไพรแต่เมื่อเอาตัวเองไปทดลองก็ทำให้ Dr. Kirk กลายเป็นแวมไพรไปในที่สุด สำรวจที่คอมในห้องเพื่อเอาตัวอย่างเลือดที่ได้มาไปวิเคราะห์จนสามารถผลิตวัคซีนออกมาได้สำเร็จ แต่นอนนี้ยังไม่สามารถจะหาตัว แวมไพรกลายพันธ์เจอ ภารกิจนี้จึงต้องพักเอาไว้ก่อน
Character Bio – Dr. Kirk & Francine Langstrom 2 สามีภรรยานักวิทยาศาสตร์ที่มุ่งมั่นในเรื่องการทดลองข้ามสายพันธ์เพื่อให้มนุษย์แข็งแกร่งขึ้นและเอาชนะโรคภัยได้ทุกโรค แต่เอาตัวเองไปทดลองยาจนกลายร่างเป็นแวมไพร์กลายพันธ์ในนามของ MAN - BAT ในที่สุด ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมมิค Detective Comic # 400 June 1970
ภารกิจ Creature of the Night จะไม่มีเป้าหมายขึ้นมาให้แต่จะเริ่มทำได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อคุณเจอ Man – Bat บินไปมาในเมืองอยู่แล้วเข้าไปจับตัวมันเพื่อใช้ยาแก้พิษกับมัน ซึ่งแน่นอนว่ามันจะหนีไปอีกจนต้องตามจับอีก 3 ครั้งก็จะสามารถฉีดเซรุ่มจนได้ผลก็จะสามารถจับตัว Man - Bat ไปขังได้
- จากนั้นมุ่งหน้าต่อไปยังจุดหมายต่อไปคือบ้านเด็กกำพร้า Pinkney Orphanageที่เจ้า The Riddler มันจับ Catwomen เอาไว้ จัดการกลุ่มศัตรูที่ด้านหน้าแล้วเข้าไปด้านใน จะพบ Catwomen ถูกจับมัดอยู่ Batman จะเข้าไปแก้มัดให้อย่างง่ายดาย
-แต่ The Riddler คงไม่ยอมให้ทุกอย่างง่ายแน่ๆก่อนที่มันจะส่งปัญหากองใหญ่มาให้ด้วยการปล่อยหุ่นยนต์ Riddler Robot มากมายออกมารุมทั้งคู่ เข้าไปจัดการพวกมันให้หมดโดยจะสามารถสลับตัวบังคับเป็น Catwomen และใช้ท่าประสานจัดการศัตรูร่วมกันได้ด้วย
จัดการศัตรูให้หมดแล้ว The Riddler จะออกมาบอกข่าวร้ายกับทั้งคู่ว่า ที่คอของ Catwomen นั้นมีปลอกคอระเบิดที่มันติดตั้งเอาไว้ และทางที่จะปลดออกได้ก็คือตามแก้ปริศนาของมันในแต่ละสถานที่ซึ่งก็จะได้กุญแจมาปลดล็อกชนวนระเบิดที่ละอัน เมื่อปลอดครบทุกอันก็จะรอดจากระเบิด แต่ถ้ามัวช้าคอของ Catwomen ก็จะถูกระเบิดจนหลุดออกจากคอ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเริ่มเปิดตัวกับภารกิจแก้ปริศนาของ The Riddler แบบเต็มๆแล้ว
Character Bio – CATWOMEN ชื่อจริง Selina Kyle เด็กกำพร้าสาวที่ต้องต่อสู้แบบปากกัดตีนถีบบนความโหดร้ายของท้องถนนใน Gothem City มาตั้งแต่เด็กจึงสั่งสมความสามารถในการย่องเบาและบ่มเพาะฝีมือการต่อสู้จากการขโมยทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด และเธอก็แอบชื่นชอบในตัว Batman อยู่จนพยายามที่จะโรแมนติกด้วยอยู่หลายครั้ง ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมมิค Batman # 1 ปี 1940
-ไปทำภารกิจเสริมของ The Riddler ต่อก่อนก็ได้เพื่อความต่อเนื่อง กำหนดภารกิจของ The Riddler แล้วมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายตามเครื่องหมาย? ก็จะพบสนามทดสอบแห่งที่ 2
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 2 คือการแก้ปริศนาในการเปิดเส้นทางต่างๆให้รถไปถึงจุดหมายโดยต้องผสานงานกันระหว่าง Batman และ Batmobile ในการแก้ปริศนา เมื่อขับรถขึ้นไปจนถึงสีเขียวสวิตซ์แรก ลงจากรถมาเหยียบสวิตซ์เขียวแรกแล้วบังคับให้รถผ่านสวิตซ์แดงที่ 2 ไปก็จะมีทางให้รถไปต่อได้ บังคับรถพุ่งข้ามทางขาดไปฝั่งตรงข้ามจนถึงที่ชาร์จไฟ ใช้รถชาร์จไฟโดยเหยียบคันเร่งให้เข็มไมล์อยู่ในแถบสีแดงจนชาร์จสำเร็จลิฟต์จะพารถลงไปด้านล่าง แล้วขับไปจอดทับสวิตซ์สีเขียวเพื่อให้ไฟเขียวติด 1 อันที่ไฟแดง ซึ่งก็คือตำแหน่งของกุญแจที่ถูกต้อง จากนั้นเปลี่ยนมาบังคับ Catwomen
ให้ Catwomen ขึ้นที่สูงเพื่อมองตำแหน่งของแท่นเก็บกุญแจให้ตรงกับไฟที่พนังที่รถ Batman ทับอยู่ ถ้าจำไม่ได้ก็สลับดูก็ได้ ดูให้ตำแหน่งตรงกันแล้วเข้าไปเก็บมาได้เลย เมื่อได้กุญแจที่ถูกต้องมาไขปลอกคอระเบิดก็จะทำให้ตัวเลขจาก 9 เหลือ 7 แล้ว
-จากนั้นให้ Batman กลับไปที่บ้านเด็กกำพร้า Pinkney Orphanage อีกครั้งคราวนี้เจ้า Riddler มันจะไม่ให้ผ่านเข้าไปด้านในจนกว่าจะแก้ปริศนาออกว่า “คำถามอะไรเอ่ยเวลาที่ถามไปแล้วมันจะย้อนถามกลับมา” ซึ่งก็คือต้องใช้ Batarang ขวางไปที่ไฟรูปเครื่องหมาย ? เพื่อหมุนพื้นวงกลมให้รูป ? ต่อกันให้ถูกต้อง Riddler มันถึงจะให้เข้าไปหา Catwomen ด้านในห้องโถงได้ จากนั้นเข้าไปยังประตูที่มีไฟสีเขียวเปิดอยู่ได้เลย
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 3 - ในห้อง Numeracy 101 ให้ Catwomen ไปใหญ่สวิตซ์สีแดงที่พื้นแล้วให้ Batman เหยียบสวิตซ์สีน้ำเงินอีกฝั่ง ทั้งคู่จะถูกกรงลงมาขังแยกกันเป็น 2 ฝั่ง
-โดยในฟังของ Catwomen จะมีไฟรูป ? สีแดงติดอยู่ 4 อันจาก 5 (ดับ 1 อัน) และจะมีตัวเลขขึ้นมาให้เห็นเรียงกันคือ 3 – 1 – 4 – 5 - 2 จากนั้นก็ให้ Catwomen ใช้แส้ฟาดไฟรูป ? เรียงตามเลขที่ขึ้นมาโดยให้รับรูป ? อันทางขวาสุดเป็นอันที่ 1 ฟาดเรียงตามเลข 3 – 1 – 4 - 2 ข้ามเลข 5 ไปเพราะอันที่ 5 ไฟรูป ? มันดับอยู่
-ทางฝั่ง Batman จะมีไฟรูป? สีน้ำเงินติดอยู่ 5 อัน ส่วนตัวเลขที่ขึ้นมาคือ 3 – 5 – 2 - 1- 4 ก็ให้ใช้ Batarang ขว้างไฟให้ดับเรียงตามหมายเลขที่ขึ้นมาโดยนับจากอันทางขวาคืออันที่ 1 เมื่อขว้างเรียงกันถูกต้องแล้ว กรงขังก็จะถูกยกขึ้นแต่พวก Riddler Robot ก็จะออกมาด้วย จัดการพวกมันให้หมด แล้วก็ไปเก็บกุญแจจากตู้มาได้เลย ซึ่งก็จะปลดล็อกชนวนจาก 7 เหลือ 6 แล้ว และเมื่อกลับออกมาที่ห้องโถง The Riddler ก็จะบอกสถานที่ทดสอบครั้งที่ 4 ของมันคือที่ Beneath Elliot Memorial Hospital
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 4 Crushonator – ไปที่ Beneath Elliot Memorial Hospital ขับรถแข่งกับเวลาผ่านเครื่องกีดขวาง 3 รอบให้ครบก่อนเวลาหมด แล้วขับรถไปจอดทับตรงตำแหน่งไฟสีเขียวบอกใบ้ที่ซ่อนกุญแจ
แล้วสลับไปเป็น Catwomen ที่บ้านเด็กกำพร้าเพื่อเก็บกุญแจในกล่องให้ตรงกับตำแหน่งไฟสีเขียวตรงที่ Batman อยู่ ก็จะสามารถเอากุญแจไปไขปลดชนวนจาก 6 เป็นเหลือ 5 แล้ว จากนั้นทางด้าน Batman ก็ขับรถขึ้นลิฟต์กลับมาด้านบนได้เลย แล้ว The Riddler จะบอกถึงสถานที่สำหรับการทดสอบครั้งต่อไปที่ Gotham Casino
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 5 – เดินทางมาที่สนามทดสอบชั้นใต้ดินในเขต Kingston สนามนี้ที่ต้องแก้ปริศนาร่วมกันกับรถ Batmobile ในการเปิดทางเข้าไปด้านใน
- เข้ามาที่ด้านหน้าตรงถ้ำน้ำตกที่มีแผงกันและมีไฟวงกลมขนาดใหญ่ที่พนังตรงข้าม ขับรถเข้ามาเต็มแรวแล้วโดดออกจากรถไปกระแทกที่ไฟที่พนังถ้ำให้มันดับประตูช่องทางด้านในก็จะเปิดให้เห็นไฟดวงใหญ่ที่ 2 สุดทางด้านใน
-กลับไปที่รถแล้วขับมาพุ่งตัวออกมาอีกครั้ง คราวนี้ต้องร่อนเลี้ยวขวาเข้าไปจนชนไฟดวงที่ 2 ด้านในให้ช่องทางขวาเปิด แล้วรีบเกาะเข้าไปต่อ หรือถ้าตกน้ำก็ไปพุ่งตัวจากรถมาใหม่ แล้วพยายามร่อนเข้าไปในช่องทางที่เปิดไปให้ถึงดวงไฟที่ 3 ก็เป็นอันจบการทดสอบ เอารถไปจอดทับที่ดวงไฟเฉลยตำแหน่งกุญแจได้เลย
จำตำแหน่งไฟไว้แล้วสลับให้ Catwomen ไปเก็บกุญแจที่แท่นตามตำแหน่งเดียวกับไฟเพื่อเอากุญแจดอกที่ 3 มาไขปลดชนวนระเบิดจาก 5 ให้เหลือ 4 ได้
-จากนั้นประตูห้องปริศนา Intro to Physics ในห้องโถงที่ Catwomen อยู่ก็จะไฟเขียวเปิดออก แล้วสลับให้ Batman เดินทางกลับมาที่บ้านเด็กกำพร้า Pinkney Orphanage อีกครั้ง เพื่อร่วมกันแก้ปริศนา
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 6
ซึ่งปริศนาของห้อง Intro to Physics ก็คือ การลำเลียงกระแสไฟฟ้า ด้านบนของห้องจะมีพื้นเหยียบรูป ? 3 อัน ที่ต้องทำก็คือ ลำเลียงไฟฟ้าด้วยท่อจากซ้ายอ้อมไปขวาแล้วกลับมาที่หม้อแปลงซ้ายบนให้ได้ โดยจะต้องทำดังนี้
1.เหยียบอันทางซ้ายสุดแล้วใช้ Batarang ขว้างไปที่รูป ? ที่พนังทางซ้ายให้กระแสไฟออกมาเข้าท่อทางฝั่งซ้าย แล้วให้แคทวูแมนมาเหยียบอันกลางเพื่อต่อท่อตรงกลางให้ไฟฟ้าผ่านช่องกลางมา
2.เมื่อไฟฟ้าผ่านช่องการมาแล้วให้ทั้งคู่ไปเหยียบปุ่มทางขวาพร้อมกันเพื่อให้ท่อไปรับไฟฟ้าด้านบน ให้แคทเหยียบอันขวาค้างไว้แล้วให้แบทแมนไปเหยียบอันกลาง รอให้ไฟฟ้าไหลย้อนผ่านจากช่องขวามายังช่องกลาง
3.เมื่อไฟฟ้าผ่านช่องกลางมาแล้วให้ทั้งคู่ไปเหยียบที่ปุ่มทางซ้ายพร้อมกันเพื่อให้ท่อไปรับไฟฟ้าที่ด้านบน ไฟฟ้าก็จะไปเข้าหม้อแปลงด้านบนซ้ายได้สำเร็จ
4. ให้แบทแมนไปเหยียบสวิตซ์ที่โผล่ออกมาเพื่อให้ไฟฟ้าที่พื้นด้านล่างหายไปแล้วให้แคทลงไปจัดการจัดการหุ่นยนต์ที่ออกมา โดย Batman ต้องจัดการตัวสีฟ้าและ Cat ต้องจัดการตัวสีแดงเท่านั้น จัดการให้หมดแล้วให้แคทเข้าไปเอากุญแจมาไขปลดชนวนจาก 4 ให้เหลือ 3 ได้เลย
เมื่อออกมาที่ห้องโถง The Riddler จะบอกถึงสถานที่สำหรับการทดสอบครั้งต่อไปคือที่ Divinity Church
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 7 – เข้ามาที่สนามทดสอบที่ Divinity Church ขับรถมาด้านในจนพบบ่อขนาดใหญ่ตรงกลางห้องและตัวยึดบนเพดานใกล้ๆ
1.ให้หันหัวรถออกแล้วใช้ตะขอกว้านเกาะตัวยึดที่เพดานแล้วถอยหลังรถลงไปในช่องที่ 1 ลงไปจนถึงด้านล่างจนล้อไปหมุนฟันเฟืองทำให้พนังบ่อหมุนได้ พยายามหมุนให้กับดักพ้นจากช่องทางเข้าโดยรถจะไปตรงช่องจอดสีเขียวที่พนังแล้ววงกลมสีเขียวก็จะหมุนมาตรงกับช่องทางเข้าตรงกันข้ามกับรถ แล้วให้ Batman ดึงตัวขึ้นไปเกาะด้านบนก่อนจะร่อนตัวเข้าไปในช่อง เข้าไปเหยียบสวิตซ์ให้น้ำในบ่อลดจนทำให้เห็นช่องทางเข้าที่ 2
2.จากนั้นเกาะตะขอถอยหลังรถลงไปที่จากช่องที่ 2 จากด้านบนปากบ่อลงมาหมุนพนังบ่อจนรถมาจอดทับในช่องเขียวก็จะทำให้วงกลมเขียวมาทับที่พนังร้าว ใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายพนังก็จะพบทางเข้า ให้ batman โดดเข้าไปในช่องที่ 2 เข้าไปเหยียบสสวิตซ์ให้น้ำในบ่อลดลงไปอีกจนเห็นช่องทางเข้าที่ 3
3 เกาะตะขอถอยหลังรถลงไปที่จากช่องที่ 3 จากด้านบนปากบ่อลงมาหมุนพนังให้รถไปจอดทับที่พนังที่มีกรอบสีเขียวก็จะทำให้ช่องวงกลมไปทับที่ทางเข้า batman ก็จะสามารถโดดเข้าไปในช่องที่ 3 ได้ เข้าไปเหยียบสวิตซ์ด้านในแล้วน้ำจะลดลงจนหมดบ่อให้สวิตซ์ใหญ่ใต้บ่อ แต่ตรงช่องทางออกก็จะมีปืนกลออกมารอดักยิงอยู่ บังคับรถที่เกาะอยู่ที่พนังยิงทำลายป้อมปืนให้หมด
แล้วให้ Batman ร่อนลงมาเหยียบสวิตซ์ที่พื้นบ่อ ก็จะเห็นคำเฉลยตำแหน่งของกุญแจออกมาบนเพดานด้านบน สลับเป็น Catwomen ทีบ้านเด็กกำพร้าแล้วไปเอากุญแจให้ตรงแท่นก็จะสามารถปลดล็อกชนวนระเบิดจาก 3 เหลือ 2 ได้แล้ว พร้อมๆกับห้องปริศนา Advance Deathtraps ในห้องโถงก็จะเป็นสีเขียวและเปิดออกแล้ว
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 8
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 9 - เข้ามาที่สนามทดสอบที่ Ranelagh Ferry terminal ขับรถแข่งกับเวลาผ่านเครื่องกีดขวาง 3 รอบให้ครบก่อนเวลาหมด
แล้วขับรถไปทับแท่นไฟเชลยตำแหน่งของกุญแจ จำตำแหน่งไฟไว้แล้วสลับไปให้ Catwomen ที่บ้านเด็กกพร้าให้เข้าไปเอาที่แท่นให้ถูกต้องก็จะสามารถหยิบกุญแจมาปลดล็อกชนวนจาก 1 ให้เหลือ F ได้แล้ว พร้อมกับประตูห้องปริศนาสุดท้าย Final Exam ก็จะเปิดออกด้วย เปลี่ยนเป็น Batman แล้วเดินทางกลับมายังบ้านเด็กกำพร้าได้เลย
** การจะเข้าห้องปริศนาสุดท้าย Final Exam ได้นั้นต้องมีปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge มาก่อน โดยต้องไปที่กรมตำรวจ GCPD แล้วเข้าไปที่ห้องเก็บหลักฐาน (Evidence Room) ต่อยทำลายกระจกตู้เก็บปืนซ็อตไฟฟ้าของเดิมของ batman มา **
บททดสอบของ The Riddler ครั้งที่ 10
ห้องปริศนาสุดท้าย (Final Exam) – เข้าไปด้านในจนถึงห้องที่มีตารางอยู่กลางห้อง ซึ่งจะมีเลเซอร์ยิงมาจากเพดานมาที่ตรารูป ? ที่พื้นห้อง ให้ใช้ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงไปที่หม้อแปลงไฟด้านริมห้องเพื่อดันพื้นรูป ? ทำให้มันเป็นช่องให้เลเซอร์ผ่านไปด้านล่างได้ ไฟที่พนังก็จะติด โดยบางครั้งต้องให้ Catwomen เกาะเพดานแล้วโดดลงไปเหยียบช่วยไม่ให้มันขยับเพื่อจะได้จัดให้พื้นรูป ? เลื่อนไปตามที่ต้องการได้ด้วย แต่ก็ต้องให้ Catwomen โดดไปเกาะเพดานเพื่อหลบกับดักในห้องด้วย เมื่อทำให้ไฟติด 4 ดวงก็จะผ่านการทดสอบ เข้าไปเอากุญดอกสุดท้ายมาไขปลอดชนวนออกจากคอ Catwomen ได้เลย
แต่เมื่อ Catwomen กำลังจะออกจากตึก Riddler ก็ขับหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ทำลายประตูเข้ามาแล้วเข้าโจมตีทั้งคู่ทันที จัดการ Riddler Robot ตัวเล็กๆที่ออกมาให้หมด แล้วหุ่นของ Riddler มันก็จะหนีไปได้
https://www.youtube.com/watch?list=PLRr5L69yg_kGj9roh6fYVG49GbPKMYb20&v=Rx50Lvg8F5U
แต่ถ้าอยากจะกำจัดมันให้ได้ก็ต้อง เก็บของสะสมของมันทั้ง 315 Collectibles (179 Trophies, 40 Riddles, 6 Bomb Rioters, 90 Breakable Objects) มาให้ครบถึงจะสามารถสู้กับมันจนชนะและจับมันเข้ากรงขังได้
ยังไงคืนนี้ Catwomen ก็รอดตาย เป็นอิสระภายใต้อากาศบริสุทธิในยามคำคืนอีกครั้ง หลังจากที่ Batman ทำเธอหมดมู๊ดจากการยั่วที่จะชวนไปถอดชุดรับรางวัลจากเธอไม่สำเร็จ Catwomen ก็จากไปโดยไม่ขอบคุณตามเคย ...
-กลับมาที่ภารกิจหลัก ที่ต้องกลับไปเอารถ batmobile ข้ามสะพานมาที่เกาะ Miagani เพื่อสแกนตามหาร่องรอยของ Barbara ที่ถูกจับตัวไปต่อ
-เมื่อสะพานถูกยกลงแล้วจะพบการต้อนรับของกองทัพรถถังศัตรูมากมายถึง 40 กว่าคันในเกาะนี้ ยังไงก็ต้องทำลายมันอยู่แล้วก็ทำลายมันให้หมดซะ จากนั้นก็ใช้รถ Batmobile สแกนหารอยยางรถของศัตรูไปต่อ ไปตามทางจนพบซากรถเป้าหมายชนกับแท่นปูนอยู่ริมถนน
Batman เข้าไปตรวจสอบเบาะแสทันทีโดยใช้ Detective Mode ในการสแกนหาสาเหตุว่าทำไมรถถึงเกิดอุบติเหตุ
-สแกนที่ตัวรถย้อนเวลาดูจะพบว่าคนขับเสียการควบคุมเพราะอะไรบางอย่างจนทำให้รถชนแท่นปูนข้างทาง
- มองหาศพของคนขับและสแกนตรวจสอบจะพบว่าใบหน้าของมันมีร่องรอยของสเปรย์พริกไทยอยู่
-ย้อนเวลาดูตอนที่ Oracle พยายามคลานหนีจะพบว่ามีกระสุนยิงมาที่เธอจนเธอต้องหยุด ย้อนเวลาดูจะพบว่าเป็นกระสุนของ Arkham Knight ที่ยิงเพื่อขู่เธอให้หยุดหนี ก่อนที่มันจะจับตัว Oracle ไป
- แต่ Batman สังเกตเห็นว่า Oracle ไม่ได้พยายามหนีแต่เหมือนเธอพยายามจะคลานไปซ่อนอะไรบางอย่าง ย้อนเวลาดูที่ตัวเธอจนเห็นว่าเธอกำลังขว้างอะไรบางอย่างไปซ่อนใต้กล่องข้างทางก่อนที่ Arkham Knight จะจับตัวไป สแกนที่กล่องนั้นก็จะเจอ Chip ข้อมูลที่ Oracle ทิ้งเอาไว้ให้
Batman ส่งตัวอย่างให้ Fox ช่วยตรวจสอบข้อมูลที่ได้มาโดยด่วน ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบซักพัก และระหว่างรอ Fox Batman จะติดต่อไปยัง Alfred เพื่อให้ค้นหาว่ามีเรื่องร้ายแรงอะไรที่สำคัญที่เขาควรจะเข้าไปช่วยตรวจสอบหรือเปล่า ซึ่งก็จะทำให้ได้เควสย่อยมาเพิ่มอีก 2 อย่างเพิ่มเข้าไปในวงล้อภารกิจคือ
1.Heir to the Cowl ชายลึกลับที่สวมฮู๊ดที่กำลังออกมาจุดไฟเป็นรูปสัญลักษณ์ Batman บนยอดตึก Grand Avenue ซึ่งจะเป็นภารกิจที่จะได้พบกับ Azrael พันธมิตรสุดโหดอีกคนที่มาเสนอตัวช่วย Batmanในการทวงเมืองคืนจากพวกวายร้ายด้วย Batman จึงต้องการจะทดสอบฝีมือก่อน ซึ่งจะได้บังคับ Azrael ไปต่อสู้ตามจุดทดสอบต่างๆของ Batman โดยเป็นแผนของ Batman ที่จะซื้อเวลาให้ Azrael ได้มีอะไรทำจะได้ไม่เสียน้ำใจหากโดนปฏิเสธ
Character Bio – Azrael
Jean Paul Valley Jr. หรือ Azrael เป็นเด็กเนิรด์ที่วันๆเ อาแต่เรียนจนมาวันนึงได้รู้ความลับว่าพ่อตัวเองเป็น Azrael หรืออัศวินแห่งลัทธิ Saint of Dumas เขาต้องรับช่วงต่อและได้รู้ว่าตัวเองโดนฝึกเข้าระบบ The System ของ ลัทธิซึ่งจะทำให้บุคลิกจากเด็กเนิร์ด กลายเป็น นักรบอัศวิน ทุกครั้งที่ได้สวมชุด Azrael
ตอนที่ Bruce โดนหักหลังเขาไม่ได้เรียก Dick(โรบิน คนแรกเปลี่ยนชื่อเป็น Nightwing) มาเป็นรวมทั้งไม่ได้ติดต่อกับ Dick เลยเพราะเขาเชื่อว่า Dick ต้องการออกจากเงาของ Batman เลยมอบตำแหน่ง Batman ให้ JPV ชั่วคราว ในขณะที่ Bruce เองต้องออกตามหาพ่อของ Tim ที่โดนลักพาตัวไป แต่เมื่อ JPV ใส่ชุด Batman ระบบ System ในตัวทำงานเขามองเห็นจุดด้อยจุดเสียในชุดและการจัดการศัตรูหลายอย่าง จนปรับเปลี่ยนออกแบบชุดใหม่ เราจะเห็นได้ว่าช่วง Knight Quest JPV จะใส่ชุดหลายแบบมาก แต่ System เข้าครอบงำร่างจนกู่ไม่กลับ JPV เผลอปล่อยให้ผู้ร้ายตายไปคน(ไม่ได้ฆ่า) ซึ่งตอนนั้นถือเป็นการผิดอุดมการณ์ของ Batman อย่างมาก Bruce ที่ตอนนั้นรักษาหลังกลับมาจากพลังวิเศษของหมอประจำตัว(จำชื่อไม่ได้) เลยต้องฝึกกับ Lady Shiva เพื่อให้เขากลับมาเป็น Batman อีกครั้ง
ท้ายที่สุด Batman สามารถจัดการกับ JPV ได้โดยการมุดเข้าที่แคบของถ้ำ ซึ่งชุดของ JPV มันใหญ่คลานเข้าไปไม่ได้ เขาเลยต้องถอดชุดออกมาจนหมด แล้วจึงเห็นว่าที่ตัวเองทำมาทุกอย่างเป็นความผิดพลาดของเขาเอง จากนั้น Bruce จึงให้เงินสนับสนุนให้ JPV ออกเดินทางค้นหาตัวเอง
JPV มารู้ความลับกำเนิดของตัวเองช่วงต้นๆของซีรีส์ว่าเขาเป็นเด็กที่เกิดจากการทดลองมี DNA ของมนุษย์และสัตว์รวมกัน ซึ่งทำให้ JPV ถึงกับเสียสติไปเลยไม่พูดไม่คุยกับใคร เขามีบทบาทสำคัญในอีเวนท์ Contagion ที่โรคลึกลับจากอดีตเกิดแพร่กระจายไปทั่วเมืองและสิ่งที่สามารถรักษาโรคนี้ได้คือเลือดของ JPV จาก DNA ของสัตว์ที่อยู่ในตัวทำให้เขามีภูมิคุ้มกันโรคนี้ด้วย ชุดของ JPV ถูกเปลี่ยนไป 2-3 ครั้ง ครั้งแรกจากตอนต้นๆ ของ No Man's Land เพราะดันโดนผู้ร้ายใส่ร้ายว่าเขาไปฆ่า ส.ว. ครั้งที่สองรู้สึกว่าจะเป็นตอนที่ JPV สู้กับ Azrael ของ Dumas อีกคนจากเมืองจีน Harold ผู้ช่วยใบ้ของ Bruce ทำมาให้อีกอัน ตอนสุดท้ายที่ตายกลับไปใส่ชุดเดิม
Azrael คนที่สอง Michael Lane
Michael Lane คือหนึ่งในสามตำรวจที่เข้าโครงการตัวตายตัวแทน Batman ของ Dr. Hurt เขาเป็น Batman ในเวอร์ชั่น Anti-Christ ใส่หน้ากาก หลังจบเหตุการณ์ Batman R.I.P. เขาคือคนที่รอดคนเดียว Michael Lane สำนึกผิดที่เป็นส่วนทำให้ Batman ตาย(จริงๆไม่ได้ตาย) จึงไปสารภาพให้กับหลวงพ่อ Day โบสถ์เล็กๆใน Gotham แท้จริงแล้วหลวงพ่อ Day คือหนึ่งในตัวแทนลัทธิ Saint of Purity ซึ่งเป็นลัทธิแยกจาก Dumas อีกทีในช่วงนั้นเอง Azrael ของลัทธิเสียสติจากชุด Suit of Sorrow
ชุดเกราะโบราณที่ทำให้กำลังฮึกเหิมแต่มีผลข้างเคียงผู้ใส่ถ้าใส่นานๆ และไม่แกร่งพอจะเสียสติ Purity กำลังมองหาคนที่จะมาเป็น Azrael คนใหม่หลังจากได้ฟังเรื่องราวของ Lane ทุกคนลงมติว่าเขาคือผู้เหมาะสม เมื่อ Lane ได้รับขอเสนอเขาจึงไม่ลังเล ยอมรับแบบง่ายๆ เพราะมองว่านี่อาจจะเป็นหนทางไถ่บาปของเขาได้
Cr. ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.comics66.com/forumpress?vasthtmlaction=viewtopic&t=190.0
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.243029479238455.1073741881.178295089045228&type=3
2. Gotham on Fire ช่วยเหลือจุดที่เกิดไฟไหม้ ที่จะต้องไปหาสาเหตุของเพลิงไหม้ซึ่งจะได้พบกับเจ้าวายร้ายคนสำคัญอีกคนคือ Firefly ที่กำลังออกมาเผาสถานที่ต่างๆเพื่อก่อความวุ่นวาย และก็เป็นหน้าที่ของ Batman ที่ต้องตามจับตัวมัน
Character Bio – Firefly ชื่อจริง Garfield Lynns นักสร้างสเปเชียลเอฟเฟคระดับสุดยอดฝีมือ ที่ร้อนวิชาอยากพิสูจน์ฝีมือของตัวเองจนผันตัวเองมาเป็นอาชญากรนักวางเพลิงที่ชอบลอบวางเพลิงไปทั่วทั้งเมืองจนกระทั้งเกิดอุบัติเหตุโดนไฟครอกทำให้ร่างกายถูกไฟเผาไปถึง 90 % จนต้องใช้ชุดเกราะในการปกปิดความน่าเกลียดของบาดแผลซึ่งทำให้ Lynns กลายเป็นอาชญากรตัวร้ายนามว่า Firefly ไปในที่สุด ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ Detective Comic# 184 June 1952
-กลับมาที่เนื้อเรื่องหลักต่อ ... เดินทางไปที่ Wayne Tower เพื่อไปเอาข้อมูลของ Oracle ที่ฝากให้ Fox วิเคราะห์เอาไว้
ซึ่งก็ได้ความว่า ข้อมูลที่ Oracle ทิ้งเอาไว้คือบันทึกดักฟังวิทยุสื่อสารของ Arkham Knight จากนั้นเดินเข้าไปใช้ Batcomputer ที่โต๊ะทำงาน Batman จะเอาคลื่นเสียงของ Arkham Knight จนสามารถรู้ตำแหน่งล่าสุดที่มันเคยอยู่ได้ ซึ่งก็จะได้ตำแหน่งออกมาที่ อุโมงค์ใต้ดินของเกาะ Miagani นั่นเอง เสร็จแล้ว Fox จะให้ Batman เลือกฟังก์ชั่นในการอัพเกรด Batmobile ระหว่าง Weapon Generator MKIII กับ CPU Virus
**สำรวจในห้องทั่วๆจะมีทั้งที่ฝาข้อความโทรศัพท์ที่มี Lex Luther จอมวายร้ายคู่ปรับของซุปเปอร์แมนที่พยายามจะติดต่อทำธุรกิจกับบรู๊ซ และ Kate Kane Batgirl คนใหม่ต่อจาก Barbara และแน่นอนเจ้าโจ๊กเกอร์ที่กวนประสาทมาทำเป็นเสียงฝากข้อความของพ่อบรู๊ซมาตำหนิว่าให้ปรับปรุงเรื่องชุดที่ใส่หน่อย สำรวจที่หัวรูปปั้นที่ตู้วางของจะเป็นที่เปิดเอาช่องเก็บ Batsuit และอาวุธต่างๆของ Batman ออกมา ซึ่ง Fox จะทำท่าสนใจอาวุธปืนของ Batman แล้วว่าจะปรับปรุงอัพเกรดให้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดไปอย่างงั้นรึเปล่านะ **
-ออกจากตึกแล้วมุ่งหน้าไปที่จุดเป้าหมายที่หน้าทางเข้าอุโมงค์ จัดการรถถังของศัตรูให้หมดแล้ว Alfred จะเปิดทางเข้าอุโมงค์ให้เข้าไป ขับรถเข้าไปด้านในจนถึงประตูที่ 2 Alfred จะเปิดให้ไม่ได้ Batman จึงต้องหาทางด้นสดตามเคย มองด้านบนอุโมงค์จะเห็นพัดลมระบายอากาศอยู่ ใช้ Batmobile ดึงให้มันหลุดออกแล้วดึงตัวขึ้นไปที่นั่น แล้วใช้ระเบิดเจลทำลายพนังเข้าไปมุดทางระบายอากาศต่อจนถึงห้องที่มีพัดลมระบายอากาศตัวใหญ่อยู่
ใช้ Line Launcher ข้ามไปฝั่งตรงข้าม ใช้ Detective Mode สำรวจดูจะพบ ประตูลูกกรงทางขวาที่ปิดอยู่และสวิตซ์เปิดจะอยู่ในพนังฝั่งซ้ายที่ต้องใช้ Remote Control Batarang ขว้างอ้อมไปด้านให้โดนมันประตูทางขวาก็จะเปิด
-ใช้ Line Launcher ข้ามไปเข้าประตูทางขวาเข้าไปตามทางจนถึงพัดลมระบายอากาศขนาดใหญ่อันที่ 2 ใช้ Detective Mode สำรวจดูจะพบ สวิตซ์ที่พนังทางซ้าย ใช้ Remote Control Batarang ขว้างผ่านช่องกำแพงอ้อมไปโดนมันประตูลูกกรงฝั่งซ้ายก็จะเปิดออก ใช้ Line Launcher ข้ามไปเข้าประตูนั่นได้เลย ด้านในจะเต็มไปด้วยกองกำลังของศัตรูมากมายที่อยู่ในอุโมงค์ตรงหน้าประตูใหญ่ที่ต้องเปิด ตามตำแหน่งของ Arkham Knight ไปด้วยการโหนไปตามขื่อด้านบนจนสุดทางก่อนถึงห้องเป้าหมาย มองทางขวาจะเห็นช่องระบายอากาศที่สามารถโหนเข้าไปทะลุลงมาที่ช่องใต้ทางเดินได้
-มุดผ่านใต้ทางเดินมาตามทางก็จะเข้ามาในห้องด้านในได้ โดยพวกทหารมากมายไม่เห็น แต่หลังจากเข้ามาในห้องได้แล้วก็จะพบกับ Arkham Knight ที่ดักรออยู่พุ่งเข้ามาโจมตีโดยที่ Batman ไม่ทันระวังตัว
Arkham Knight – ไม่ๆๆ ไม่ต้องไปไหนเลยไอ้แก่ คิดหรอว่าไอ้เกราะไทเทเนี่ยม 3 ชั้นเนี้ยมันจะช่วยแกได้ มันไม่มีประโยชน์หรอกลุง ถ้ายิงถูกจุดนะ แกเคยเจ๋งกว่านี้นี่เท่าที่จำได้นะ และมันจะไม่ดีพอเหมือนเดิมจนข้าได้ฆ่าแก แล้วก็ไม่ต้องห่วง Barbara ข้าดูแลเธอดีกว่าแกเยอะ ตอนนี้เธออยู่ในห้องควบคุมและกำลังจะโชว์ให้แกเห็นว่าจะเป็นยังไงที่ชอบมาวุ่นวายกับเมืองของข้า
- Arkham Knight ยิง Batman จนบาดเจ็บก่อนที่จะเดินจากไปแล้วปล่อยให้ลูกน้องมากมายเข้ามารุม จัดการพวกมันให้หมดแล้วรถถังศัตรูจะเข้ามายิงถล่มที่หน้าประตูทางเข้า มองหาแผงควบคุมในห้องสำรวจเปิดแผงกันออกจะเห็น Batmobile จอดอยู่ด้านนอก บังคับมันยิงถล่มรถถังศัตรูที่ด้านนอกให้หมดรวมทั้งระเบิดคันที่ขวางประตูอยู่ด้วย ขึ้นรถแล้วขับเข้าไปด้านในจนถึงประตูใหญ่ที่ 3 ทางขวาจะมีสวิตซ์ให้เปิดเข้าไปได้ ซึ่งก็จะพบ Arkham Knight กำลังขับรถหนีไปโดยมีกองยานติดอาวุธคอยคุ้มกันอยู่
-จากนั้นก็ไล่ล่ารถของ Arkham Knight ไปและทำลายมันให้ได้ แต่ก็จะพบว่าคนขับกลับเป็นทหารตัวล่อที่ใช้เครื่องปลอมเสียงทำให้ Batman หลงกล
ก่อนที่ Arkham Knight จะติดต่อมาเยาะเย้ยว่า Batman ไม่มีทางจับตัวมันได้เพราะมันเดาทางได้ตลอดว่า Batman คิดยังไงและจะลงมือยังไง ทำให้มันจะจัดการ Batman เมื่อไหร่ได้ไม่ใช่เรื่องยากเย็น Batman หันไปอัดลูกน้องมันที่ปลอมตัวมาต่อทันทีที่ Arkham Knight ตัดการติดต่อไปเพื่อถามที่อยู่ของ Barbara ทหารจะบอกว่าตอนนี้ Barbara นั้นเป็นพวกเดียวกับพวกมันแล้ว และ Batman ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่า Arkham Knight ทำอะไรกับเธอไปบ้าง Batman จึงไม่มีทางเลือกที่ต้องบทโหดโดยใช้ Batmobile เข้ามาทับหัวถ้ามันไม่ยอมบอก สุดท้ายลูกน้องที่กลัวตายก็ยอมคายมาว่า Arkham Knight พา Barbara ไปหาเจ้า Penguin ในที่สุด และยังรู้จากมันอีกว่าแผนการบางอย่างที่ Arkham Knight กำลังจะดำเนินการณ์ร่วมกับ Penguin ที่มันเรียกว่า .. North Refrigeration!
Character Bio – Penguin
ชื่อจริงว่า Oswald Chesterfield Cobblepot ที่เกิดในตระกูลร่ำรวยของลอนดอน Cobblepot Family แต่เนื่องจากคลอดออกมาพิกลพิการจึงถูกตัดหางปล่อยวัดต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในท่อระบายน้ำจนเติบใหญ่มาพร้อมความแค้นและผันตัวเองมาเป็นวายร้ายนามว่า The Penguin ตามรูปร่างที่พิกลพิการของมัน Penguin ในวงการของผู้ร้ายมันคือพ่อค้าอาวุธที่พร้อมจะจัดหาอาวุธร้ายแรงนานาชนิดตามที่ลูกค้าต้องการมาใช้ในการกระทำผิดทุกรูปแบบ
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ Detective Comic # 58 December 1941
Character Bio – Richard Dick Grayson
หนุ่มน้อยวัย 12 ปีจากครอบครัวนักแสดงกายกรรมในคณะละครสัตว์ “Flying Graysons” ผู้มีพรสวรรค์ในการแสดงเหินหาว จนกระทั่งวันหนึ่งเเก๊งค์มาเฟียได้เเอบทำให้เชือกที่ใช้แสดงมีปัญหาเพื่อสั่งสอนเจ้าของคณะละครสัตว์ที่ไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง ในการแสดงในคืนนั้นพ่อแม่ของเขาต้องสังเวยชีวิตลง
ในขณะที่ Dickหมดสิ้นทุกอย่างก็ยังโชคดีที่ในคืนนั้น บรูซ เวย์น ได้มาชมการแสดงด้วย จึงรับเอา Dick ไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม จนต่อมา Dick ได้มารับรู้โดยบังเอิญว่า บรู๊ซคือ “Batman” ที่ลุกขึ้นสู้กับอาชญากรรมมาตลอด ท่ามกลางความแค้นในใจที่มีต่อพวกนอกฎหมาย Dick จึงขอให้แบทแมนฝึกฝนทักษะต่างๆให้ทั้งการต่อสู้เเละการสืบสวนจนกระทั่งผ่านการทดสอบและได้ต่อสู้เคียงข้างเเบทเเมนในฐานะคู่หูของแบทแมนนามว่า “Robin”
เขาต่อสู้เคียงข้างแบทแมนมาเป็นเวลานานจนกระทั่งยุติการเป็นโรบิ้นเมื่ออายุ 17 ปีเพราะถูกโจ๊กเกอร์ยิงที่หัวไหล่ บาดเเผลดังกล่าวทำให้เค้าถูกสั่งห้ามต่อสู้จากเเบทเเมน เค้าจึงรู้สึกได้ว่าตัวเองโตเกินกว่าจะเป็นโรบิ้น ทั้งยังได้รับข้อคิดจากซุปเปอร์เเมนจึงตัดสินใจไปเป็นฮีโร่ฉายเดี่ยวในนามของ “Nightwing” ปกป้องเมือง “Bludhaven” เเต่ยังคงร่วมมือกับเเบทเเมนมาตลอดในทุกครั้งที่มีโอกาส
ถึงแม้ต่อมาแบทแมนจะมีโรบิ้นคนอื่นๆอีก 4 คนแต่ Dick ถือว่าคือพี่ใหญ่สุดในบรรดาโรบิ้นทั้งหมด มีความคิดที่เฉียบคมและประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าโรบิ้นคนอื่นๆ มีทักษะจากในสมัยที่อยู่คณะละครสัตว์คือการผาดโผนกายกรรม ทักษะการต่อสู้เเละการสืบสวนที่ถูกฝึกฝนมาจากแบทแมน ถึงจะมีตัวตนที่แตกต่างแต่มีจิตใจที่รักความยุติธรรมเหมือนกันนั่นก็พอแล้วที่ทำให้ Nightwing มีวีรกรรมปราบปรามเหล่าร้ายที่น่าจดจำไม่ต่างอะไรกับ Batman
เปิดตัวครั้งแรกในคอมมิค Tale of the teen titans # 44 ปี 1984
Credit : http://dc.wikia.com/wiki/Richard_Grayson_(New_Earth)
https://comicsguide.wordpress.com/2013/04/18/nightwing
Chapter 3: It is Dangerous Out There
ทันทีที่ Batman รู้ถึงแผนการของ Arkham Knight กับ Penguin เขาก็รีบติดต่อไปหา Alfred ให้ค้นหาทุกความหมายของคำว่า North Refrigeration มาให้ได้ ในขณะที่ Fox ก็ติดต่อมาว่าอุปกรณ์อัพเกรด batmobile มาถึงแล้วให้ไปรับที่จุดหมายที่ Batwing นำส่งโดยด่วน ซึ่งก็คืออุปกรณ์คุณที่เลือกจะอัพเกรดไว้เมื่อตอนที่เจอกับ Fox บนห้องทำงานบนตึก Wayne Tower และเมื่อเข้าไปที่จุดรับของแล้วอัพเกรดและทดลองใช้กับฝูงรถศัตรูเรียบร้อยแล้ว Alfred จะติดต่อมาถึงความคืบหน้าของแผนการที่เรียกว่า North Refrigeration ตามที่ batman ให้ค้นหา ซึ่งก็ได้ความว่าสิ่งที่ว่านั้น Dick Grayson นั้นเคยสืบเรื่องนี้มาก่อน และ Dick Grayson ก็คือ Robin คนแรกที่ตอนนี้ผันตัวเองไปฉายเดี่ยวในฐานฮีโร่นามว่า Night Wing นั่นเอง Batman ไม่รอช้าจึงให้ Alfred ติดต่อนัดพบกับ Night Wing ทันที ซึ่ง Night Wing ก็ตอบรับกลับมาว่าให้ Batman ไปพบเขาที่ดาดฟ้าตึกที่ Ranelagh Ferry Terminal ได้เลย
-เดินทางมาที่ดาดฟ้าตึกเป้าหมายก็จะพบ Night Wing เข้ามาหาตามที่นัดไว้
Night Wing – ยังชอบดักซุ่มตามดาดฟ้าเหมือนเดิมนะบรู๊ซ
Batman – นายไม่ควรมาที่นี่ตอนนี้นะ ไม่ใช่คืนนี้
Night Wing – นี่ล้อเล่นใช่มั๊ย ทันทีที่ผมรู้ข่าว Barbara …
Batman – North Refrigeration นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างบอกมา
Night Wing – เจ้าเพนกวินมันลอบขนอาวุธจำนวนมากใส่ในรถแช่เย็นออกมาจากเมือง Bludhaven มากมาย ผมคาดว่ามันเอามาเก็บไว้ที่ Gotham มันตั้งใจจะเอามาทำอะไรตอนนี้เราคงรู้กันแล้วแต่คำถามคือมันเอาอาวุธมากมายของมันไปเก็บไว้ที่ไหนมากกว่า
Batman – Cobblepot จะทำให้เราไปถึงตัว Barbara ได้ เราต้องหาที่ซ่อนอาวุธ แต่อย่างแรกเราควรจัดการยึดรถขนส่งของมันได้ซักคนก่อนแล้วมันก็จะพาเราไปหาเจ้าเพนกวินเอง
Night Wing – และถ้าคุณลอบตามไปโดยที่พวกมันไม่รู้ตัวก็จะถึงตัวเพนกวินได้ง่ายขึ้น ... ดูรถข้างล่างนี่สิรถขนส่งคันนึงของพวกมัน ทำไม ? คิดว่าผมพามาที่นี่เพราะบังเอิญแล้วไม่ได้เตรียมแผนอะไรมาเลยหรอ
Batman – เดี๋ยวจัดการเอง นายกลับไปที่ Bludhaven ถิ่นของนายได้แล้ว
Night Wing – ไม่เอาน่าบรู๊ซคุณต้องให้ผมช่วยนะ คุณทำคนเดียวไม่ไหวหรอกงานนี้
Batman – มันอันตรายมาก ผมไม่อยากเสียใครไปอีก ที่ Bludhaven ยังต้องการนายมากกว่าที่นี่
Night Wing – ก็ได้ งั้นคุณเอาอาวุธนี่ไปใช้ช่วยยึดรถบรรทุกพวกนั้นแล้วกัน DISRUPTOR ตัวต้นแบบที่ FOX เอาไปปรับปรุงมาให้ใหม่ โชคดีบรู๊ซแล้วเจอกัน ...
** ปืน DISRUPTOR นั้นใช้สำหรับ ก่อกวนสัญญาณไฟฟ้อาวุธปืนของศัตรูทำให้มันใช้การไม่ได้โดยการเล็งยิงไปที่ปืนที่ศัตรูถืออยู่หรือที่กล่องอาวุธสำรองของมัน ก็จะทำให้ปืนยิงไม่ได้และมันก็ไม่สามารถหยิบปืนใหม่มาจากกล่องอาวุธได้ด้วย แต่กระสุนของมันมีแค่ 3 นัดเท่านั้น ซึ่งก็ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมด้วย **
-ลงไปจัดการศัตรูที่รถตู้ให้หมด แล้วใช้ Detective Mode สแกนดูด้านในจะพบว่ามีทั้งอาวุธและระเบิดมากมายแถมพวกศัตรูด้านในรถก็ยังไม่รู้ตัวด้วยว่าคนด้านนอกถูกกำจัดจนหมดแล้ว Batman เลยจะลอบติดสัญญาณติดตามรถไปโดยไม่ให้พวกมันรู้ตัว จากนั้นใช้ปืน DISRUPTOR กับกระสุนติดตาม Tracker Ammo ยิงใส่ตัวรถแล้วเข้าไปเคาะประตูให้ศัตรูด้านในรู้ตัวจนมันรีบขับรถหนีไป จากนั้นก็ตามรถของมันไปโดยการร่อนจะใช้รถไม่ได้เพราะจะทำให้มันรู้ตัว ร่อนตามมันไปเรื่อยๆจนหมดคิดว่าหนีพ้นแล้ว พวกมันก็จะขับกลับไปที่ซ่อนตามแผน ซึ่งก็จะทำให้ Batman รู้ที่ซ่อนคลังอาวุธของเพนกวินในที่สุดว่าอยู่ที่อู่รถเก่าในเขต Kingston
-เข้าไปลอบจัดการศัตรูที่อยู่รอบๆตัวตึกให้หมดแล้วเข้าไปในตัวตึกจะพบทางลับไปชั้นใต้ดิน แล้วมุมเข้าช่องอากาศที่พนังเมื่อลงมาที่ใต้พื้นห้องในขณะที่เพนกวินมันยังไม่ทันตั้งตัวเพราะกำลังคุยกับลูกน้องของมัน
ในห้องเพนกวินและคนของมันอยู่หน้าเซฟขนาดใหญ่ที่เก็บทั้งอาวุธและเงินมากมาย แผนของเพนกวินนั้นไม่ได้ซับซ้อน มันขนอาวุธมากมายมาเพื่อขายกับใครก็ตามที่ให้ราคาสูงสุด โกยกำลังจากสงครามกลางเมือง Gotham แล้วรีโกยหนีออกจากที่นี่เท่านั้นเอง ทันทีที่ ฟังมันพล่ามจบ Batman ก็ฉวยโอกาสโผล่ขึ้นไปจับตัวเจ้าเพนกวินได้พอดิบพอดี
Batman - Arkham Knight , Barbara Gordon ทั้งคู่อยู่ที่ไหนบอกมา !!
Penguin – อ่า แล้วใครเนี้ยที่ถาม ผู้รับมอบหน้าที่เลี้ยงเด็กหรอ ?
Batman – อยากให้หักกระดูกแกหมดตัวเลยมั๊ย Cobblepot !
Penguin – ได้ๆๆพวกมันกำลังไปตามหาตาแก่คนนึงที่ชื่อ Simon stagg คงจะไปขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องปรุงยาหรืออะไรเนี้ยแหละ
Batman – อย่าได้ริอาจโกหกข้า Cobblepot !
Penguin – เปล่าๆ ข้าไม่โกหกหรอก สาบานเลยพวกมันพูดถึงเรื่องการหนีจากเมืองนี้โดยทางยานเหาะอะไรซักอย่างทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำนะ จริงๆ !
ไม่นานลูกน้องของเจ้าเพนกวินก็พยายามจะช่วยนายของมันโดยจะไปควักเอาปืนมาจากลังเพื่อโจมตีใส่ Batman เขาจึงต้องยอมโยนเพนกวินทิ้งแต่ก็ต้องถูกพวกมันจับได้ก่อนที่เพนกวินจะรีบหนีไป ในขณะที่พวกลูกน้องเพนกวินจะเข้ามารุมอัดสั่งสอน Batman กระบอกสีน้ำเงินก็ถูกขว้างเข้ามาอัดพวกมันจนล้มละเนละนาดเสียก่อน
Night Wing – มือไม่ว่างรึไง ? เอาไว้ขอบคุณผลที่หลังก็ได้นะบรู๊ซ
โชคดีที่ Night Wing แวะเข้ามาช่วย Batman เอาไว้จนเมื่อ batman หลุดจากการจับกุมไปได้ทั้งคู่ก็เริ่มบรรเลงเพลงหมัดอัดศัตรูด้วยกันอย่างเมามันจนไม่เหลือคนสุดท้าย
Batman – อาวุธทั้งหมดนี่เราจะยอมให้มันหลุดไปยังท้องถนนไม่ได้เด็ดขาด ต้องทำลายให้หมด
Night Wing – ไม่อาน่าบรู๊ซงานนี้คุณต้องให้ผมช่วยนะ
Batman – ก็บอกแล้วผมเอาอยู่ ! ผมต้องการให้กลับไป Bludhaven ตามนั้น ..!
Night Wing – ลืมแล้วรึไง Scarecrow เอย อาวุธร้ายแรงพวกนี้เอย ยังไงมันก็ต้องไปถึงเมือง Bludhaven อยู่ดีนั่นแหละ ผมสมควรต้องอยู่ที่นี่นะถูกแล้ว
Batman – เจ้าเพนกวินมันไม่ได้มีแค่คลังอาวุธที่นี่ที่เดียวหรอก มันต้องมีซ่อนตามที่ต่างๆในเมืองนี้อีกแน่ งั้นนายก็ช่วยไปตามหาตำแหน่งคลังอาวุธของมันมาให้หน่อยก็แล้วกันแล้วผมจะไปทำลายมันเอง
-จากนั้นก็เข้าไปในเซฟแล้วใช้ระเบิดเจลที่ลังระเบิดด้านใน ออกมาปิดเซฟแล้วค่อยกดระเบิดทำลายคลังอาวุธให้หมด แต่คลังอาวุธของเพนกวินมันยังมีอีกหลายที่ที่ต้องทำลายก็จึงกลายเป็นเควสย่อย GUNNER เพิ่มมาให้ทำในวงล้อภารกิจ
-ในขณะที่กลับออกมาด้านนอกที่หน้าทางออกจะเจอพวกลูกน้องของเพนกวินเอาป้อมปืนมารอยิงถล่มอยู่จนออกไปด้านนอกไม่ได้ ให้บังคับ Batbobile จากระยะไกลให้มันขับมายิงถล่มป้อมปืนศัตรูจากด้านหลังจนหมดก็จะออกจากที่นี่ได้
Batman ให้ Alfred หาข้อมูลของ Simon Stagg จนรู้ได้ว่า Simon Stagg นั้นเป็นถึง CEO ของบริษัทยาขนาดใหญ่ STAGG Enterprise (Stagg เป็นตัวร้ายตัวในซีรีย์ Arrow กับ The Flash ครับ)
ที่ได้รับสิทธิ์พิเศษจากรัฐบาลให้ทดลองด้านชีวภาพเพื่อผลิตยาตัวใหม่ออกมาได้ ตึกบัญชาการณ์อยู่ที่ Central City บนเกาะ Founder ซึ่งจะมีเรือเหาะที่เป็นห้องแล็ปลอยฟ้าขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือตึก และก็เป็นยานเหาะตามที่เพนกวินมันบอกเอาไว้ว่าทุกคนเตรียมจะหนีออกจากเมืองด้วยยาเหาะนี้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่ Batman ต้องเข้าไปตรวจสอบต่อไป
Chapter 4: Prey That No Longer Fears You
Batman เดินทางมาที่ ตึกของบริษัทยา STAGG Enterprise เพื่อเข้ามาตรวจสอบ Simon Stagg CEO ของบริษัทตามที่ Penguin มันกล่าวถึงว่า Arkham Knight มันมีเป้าหมายที่เรือเหาะขนาดใหญ่ของบริษัทเพื่อไว้ใช้ในการหนีของมัน และเมื่อเดินทางมาถึงที่จุดหมายที่ท่าจอดยานเหาะก็จะพบว่าคนของ Arkham Knight ได้ยึดเรือเหาะของ Stagg เอาไว้ได้แล้ว
-จากนั้นเป้าหมายคือเข้าไปที่แท่นควบคุมเชือกที่มันยานเหาะอยู่ แต่ก่อนอื่นต้องลอบจัดการศัตรูให้หมดก่อน แล้วเข้าไปที่เครื่องคุมกลางหอคอย ใช้เจลระเบิดทำลายมันซะเพื่อทำลายระบบรักษาความปลอดภัยที่พวกศัตรูมันติดตั้งเอาไว้ ซึ่งก็นับเป็นการเคลียร์ภารกิจย่อย Occupy Gotham ไปในตัวด้วยเหมือนกัน
batman ติดต่อไปหา Alfred เพื่อให้ตรวจสอบว่า Arkham Knight นั้นต้องการอะไรจาก Simon Stagg ซึ่งก็ได้ความว่าน่าจะเป็นการทดลองลับที่ถูกเก็บอยู่บนชั้นบนสุดของยานเหาะ ก่อนที่ Batman จะติดต่อไปหา Fox เพื่อขออุปกรณ์ใหม่ที่สั่งทำเอาไว้นั่นก็คือ Remote Hacking Device ซึ่ง Fox ก็จะนัดให้ Batman ไปรับการอัพโหลดโปรแกรมที่ตึกเป้าหมาย
- ไปที่ยอดตึกเป้าหมายที่ขึ้นมาเพื่อรับ Remote Hacking Device อุปกรณ์ใหม่มาใช้ จากนั้นร่อนมาที่ด้านบนของยานห้องสำรวจที่ทางเข้ามันจะล็อก ใช้ Remote Hacking Device ที่เพิ่งได้มาใหม่เล็งสแกนไปที่ตัวควบคุมทางขวาของประตู แล้วใช้อนาล็อกทั้ง 2 ข้างหมุนหารหัสคำที่ถูกต้องก็จะสามารถ Hack เปิดประตูที่ล็อกอยู่เข้าไปได้แล้ว
-เข้ามายานเหาะ มุดลงไปตามช่องระบายอากาศด้านล่างจะเห็นพวกศัตรูคุยกันอยู่ด้านล่างและมี Drone ตรวจไปมาด้วย ให้ใช้ Remote Hacking Device ทำการ Hack Drone ให้โจมตีพวกเดียวกันให้ตายมันแล้วมันก็จะระเบิดตัวเองตามไป ลงไปชั้นล่างต่อแล้ว Hack เปิดประตูเข้าไปในห้องโถงจะพบพวกลูกเรือของบริษัทถูกฆ่าตายจนหมด เข้าไปสำรวจที่ห้องควบคุมด้านใน Batman จะทำการควบคุมระบบทั้งหมดของยานเหาะตรงแผงควบคุม
-จากนั้นมองไปฝั่งตรงข้ามใช้ Remote Hacking Device ขยับยานไปทางซ้ายจะเห็นตู้สินค้าถูกเลื่อนเข้าไปด้านใน ตามเข้าไปดูด้านในมุดลงบันไดไปด้านล่างแล้วใช้ Remote Hacking Device ขยับยานให้ตู้เลื่อนพ้นทาง ลงไปด้านล่างต่อจนถึงห้องสินค้าจะเห็นตู้สินค้า 3 ตู้ขว้างทางเข้าอยู่ ใช้ Remote Hacking Device ปลดล็อก 2 ตู้ทางซ้ายให้เป็นสีเขียวแล้วขยับยานให้ 2 ตูซ้ายเลื่อนมารวมกันตู้ทางขวา จากนั้นล็อกตู้กลางเอาไว้แล้วเลื่อนให้ตู้ซ้ายไปทางซ้ายตู้เดียวก็จะเห็นทางเข้าไปด้านในต่อได้
-เข้าไปตามทางออกฉุกเฉินแล้วดึงตัวขึ้นไปด้านบน จัดการศัตรูที่ลอบโจมตีเข้ามาซะแล้ว Hack เปิดประตูเข้าไปในห้องสินค้าจะพบศัตรูมากมายและ Simon Stagg ก็ถูกพวกมันจับอยู่ที่นี่ด้วย ลงไปจัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปช่วย Stagg ออกมาซะ
Stagg – ขอบคุณมากๆนะ พวกมันกะจะฆ่าผมให้ตายแน่ๆเลย
Batman – รู้มั๊ยมันต้องการอะไรจากคุณ
Stagg – ไม่มีนะ ก็เห็นมันเข้ามาถึงก็ฆ่าทุกคนตายจนหมด
Batman – ผมรู้มาว่ามันต้องการสิ่งที่คุณทดลองอยู่มันคืออะไร ?
Stagg – Nimbus Generator เครื่องทำฝนเทียมของผม มันเป็นเทคโนโลยีสะอาดนะผมรับรองเลย
Batman – รู้มั๊ยว่า Scarecrow มันอยู่ที่ไหน ?
Stagg – เอ่อ ในยานอีกลำนึงนะ
Batman – แล้วคุณเห็นใครที่มากับมันมั๊ย
Stagg – Barbara Girdon อ่ะหรอ
Joker – เราสองคนก็รู้ดีว่าเธอตายไปแล้วนี่นา ฮิๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ
เจ้า Joker มันดันเข้ามาป่วนสมองของ Batman แบบไม่ดูตาม้าตาเรือจนทำให้ Batman ต้องไล่อัดตัว Joker มากมายที่เข้ามาพยายามจะบีบคอเขา แต่พอสิ้นเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของมัน Batman รู้สึกตัวอีกทีพสกศัตรูก็จับตัว Stagg ไปที่ยานอีกลำจนได้
-จากนั้น Hack เปิดประตูทางลำเลียงแต่จะโดดร่อนไปที่ยานอีกลำไม่ได้เพราะจะโดนป้อมปืนของมันสอยเอาซะก่อน batman จึงจะหาวิธีทำลายอาวุธของยานอีกลำก่อน เขาจะติดต่อไปหา Alfred เพื่อให้หาทางแก้ไข Alfred จะบอกว่าควบคุมปืนของยานอีกไม่ได้แต่ยานลำนี้เราควบคุมได้ แล้วเขาก็จะให้ลองมุดเข้าไปด้านใต้จนถึงห้องทดลองด้านในจะมีทางไปที่ห้องควบคุมหลักของยานลำนี้อยู่ เข้าไปสำรวจที่แท่นควบคุมยานในห้องโถงนี้ Batman จะเข้าควบคุมระบบการบังคับยาน
แล้วมองที่พื้นด้านล่างจะมีตู้สินค้ามากมายขวางทางเดินอยู่ พยายามใช้ Remote Hacking Device ขยับยานแล้วเลื่อนปรับตู้สินค้าให้สามารถเดินผ่านได้แล้วค่อยมุดลงไปตามทางเดินด้านล่าง แล้วเข้าไปตามทางจนถึงทางขึ้นด้านบนของอีกฝั่ง Hack เปิดประตูแล้วดึงตัวขึ้นไปชั้นบนอีกทีก็จะถกประตูทางเข้าห้องทดลอง ประตูจะถูกปิดด้วยลายนิ้วมือของ Stagg แต่ช่องระบายอากาศด้านบนสามารถดึงตัวเข้าไปด้านในจนถึงห้องทดลองได้
-ด้านในห้องทดลองจะเต็มไปด้วยทหารศัตรูมากมาย เป้าหมายคือจัดการศัตรูในห้องให้หมดแล้วเข้าไปสำรวจที่แผงควบคุมที่อยู่ฝั่งขวาของห้อง
- Batman จะพยายามที่จะปิดระบบอาวุธของยานอีกลำแต่มันจะต้องใช้ลายนิ้วมือของ Stagg ในการสแกนระบบก่อน จากนั้น Batman จะใช้กล้องวงจรปิดค้นหาตำแหน่งที่ Stagg ทิ้งรอยนิ้วมือเอาไว้ตอนที่เขาถูกจับมาที่นี่จากกล้องทั้ง 4 ตัว พยายามมองหาจุดที่มือสัมผัสกับพื้นหรือพนังทั้ง 4 จุดแล้ว เดินสำรวจหาโดยใช้ detective Mode ในการค้นหาลายนิ้วมือตามจุดต่างๆในห้องจนครบ 100% แล้วกลับไปที่แผงควบคุม Batman จะใช้ลายนิ้วมือที่ได้มาเปิดระบบปืนของยานแล้วยิงทำลายป้อมปืนของยานอีกลำจนหมดได้
-จากนั้นสแกนมือกลับออกมาทางประตูหน้าของห้องทดลองได้เลย แล้ว Hack เปิดประตูกลับมาที่ห้องสินค้าอีกครั้งก็จะพบพวกทหารที่กลับมาเต็มห้องพร้อมชุดแบบใหม่ที่ติดกระแสไฟฟ้าป้องกันชุดด้วย ลงไปจัดการพวกมันให้หมดแล้ว Fox จะติดต่อมาเพื่อให้เลือกการอัพเกรดระบบของ Batmobile อีกครั้ง เลือกอัพเกรดตามที่ต้องการแล้วเข้าไป Hack ประตูช่องทางลำเลียงสินค้าของยานให้เปิดออก ก็จะร่อนออกไปที่ยานอีกลำได้แล้ว
-ทันทีที่เข้ามาในยานอีกลำจัดการศัตรูในห้องแรกให้หมด แล้วใช้เจลระเบิดเปิดทางเข้าไปด้านในผ่านห้องกักกันเชื้อที่มีกล่องสินค้าอยู่ไปห้องด้านในเพื่อ Hack ควบคุมระบบของยานก่อน แล้วกลับมาที่ห้องแรกอีกครั้ง ขยับยานให้เอียงไปทางขวาให้กล่องสินค้าในห้องกักกันเชื้อกระแทกกระจกออกมาแล้วเข้าไปด้านในนั้นต่อ
ระหว่างทาง Batman จะพบตัวอย่างทดลองและบันทึกการวิจัยของ Stagg ได้เคยทำโปรเจคร่วมกับ Dr. Crane ก่อนที่มันจะเป็น Scarecrow ในโปรเจคที่ชื่อว่า “Cloudburst” นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม Scarecrow ถึงเข้ามาเล่นงาน Stagg นั่นเพราะ Stagg พยายามที่จะทรยศ Scarecrow นั่นเอง ก่อนที่ Batman จะส่งผลการวิจัยทั้งหมดให้ Alfred วิเคราะห์ต่อ
-เข้าไปตามทางเดินด้านในต่อจนประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่จะพบพวกทหารกำลังจับ Stagg มาขังอยู่ที่นี่ พื้นที่เป็นห้องโถงกว้างและศัตรูจำนวนมากแต่ก็ต้องจัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปคุยกับ Stagg กรงขัง
Stagg – แบทแมน คุณต้องพาผมหนีออกไปจากที่นี่นะ พวกมันบ้ากันไปหมดแล้ว
Batman – คุณโกหกผม Stagg และคุณเหลือโอกาสแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียว !
Stagg – โอเคๆ ฟังนะ เอ่อ Crane มาที่นี่มาขอให้ผมช่วยเรื่องโปรเจค Cloudburst
Batman – แล้วไอ้โปรเจคบ้านี่มันทำอะไรได้บ้าง !!
Stagg – อ๊าๆๆๆ ไม่ๆๆๆ แก็สพิษ ช่วยด้วยแบทแมน อย่าให้มันทำแบบนี้กับผมมมม !!
Batman – บอกมา Stagg !! Cloudburst มันคืออะไร !
Stagg – ผมไม่รู้ !! โอ๊ยย หน้าผมมม !!
Batman – งันผมคงต้องทำให้คุณฝันร้ายไปพลางๆก่อนนะ
Batman ใช้ Batclaw อัด Stagg จนสลบคาห้องขัง จากนั้นเดินไปเข้าประตูทางขวาของกรงขังไปต่อ จนถึงห้องควบคุมหลักของเรือเหาะที่มีแผงพลังงานของเครื่องทำฝนเทียมอยู่ Batman รู้ดีว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการร้ายที่พวกมันเรียกว่า “Cloudburst” นั่นเอง เมื่อเข้าไปด้านในที่ Batman เห็นคือร่างของ Scarecrow มี 2 ร่างทำให้เขาสับสนซึ่งจริงๆมันเป็นจิตที่สุดกวนประสาทของ Joker พยายามก่อกวนเขาอย่างไม่ถูกกาละเทสะอีกแล้ว นั่นเลยทำให้ Batman โจมตีผิดคนทำให้ถูกแก็สพิษของ Scarecrow เข้าไปเต็มๆจนล้มลง
Scarecrow – ใจเย็น มันไม่ทำให้แกตายหรอก แต่เมื่อมันเข้าไปเต็มปอดเมื่อไหร่แกจะตกอยู่ในความกลัวที่แกไม่เคยเจอมาก่อน แล้วแกเห็นอะไรบ้างละ ทุกๆที่ปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัว มันขัดกับความเชื่อที่แกมีมาใช่มั๊ยละ แต่เดี๋ยวมันก็จะแสดงออกมา ด้านมืดในใจแกไง มนุษย์ทุกคนย่อมแสดงด้านมืดของตัวเองยามกลัวสุดขีด แล้วก็เสียใจด้วยที่ข้าจะบอกว่า ข้าจะฉีกหน้ากากแกออกแล้วประจานให้เมืองนี้เห็น และให้โลกทั้งโลกเห็นว่า ฮีโร่ของเขากำลังกลัวจนขี้หดตดหายอยู่ ให้เห็นถึงความกลัวที่ซ่อนอยู่ในตัวผ่านออกมาทางดวงตาของแก แล้วที่นี้ทุกคนก็จะเข้าใจเสียทีว่า ที่นี่จะไม่มีใครมาช่วยเหลือพวกเขาอีกแล้ว ไม่มีความหวัง ... ไม่มี แบทแมน !!
Batman ? – บางทีมันกำลังเกิดขึ้นอยู่นะ !!
-จัดการศัตรูในห้องให้หมดแล้วเข้าไปจับตัว Scarecrow ได้เลย
Joker – เอาเลยจัดการมันซะสิ ไอ้พวกวายร้ายนี่แหละที่ฆ่าครอบครัวของแกไง แกต้องทำอะไรบ้างสิ ก่อนที่มันจะทำแบบนี้กับคนอื่นอีก เอาเลย เอาเลย หยุดมัน ดีมากกก ดี !!
แต่ โชคดีที่ Batman ตื่นขึ้นก่อนและพบว่าทั้งหมดเป็นแค่ภาพลวงตาที่ Joker มันพยายามจะป่วนสมองเขาตอนที่หมดสิติไป Scarecrow ยังคงยืนงงอยู่ตรงหน้ากับท่าที่ของ Batman ที่แปลกไป
Scarecrow – ดูเหมือนแกจะดูแปลกๆไปนะ ..
Joker – แค่อยากโชว์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของเราที่แนบแน่นขึ้นก็เท่านั้น ไม่ได้คิดไรมากเลยบอกตงๆ
Batman – แกไปไหนไม่รอดแล้ว Scarecrow ไม่มีทางที่แกจะหนีได้แล้ว !
Scarecrow – ใครบอกแกว่าข้าจะหนี !
ไม่หนีก็เหมือนหนี สิ้นราคาคุยของ Scarecrow มันก็กดระเบิดสายไฟที่ยึดตัวเครื่องจักร “Cloudburst” ออก ก่อนที่ Arkham Knight จะเอาเครื่องบินมาดึง “Cloudburst” ไปพร้อมกับ Scarecrow แล้วหันมายิงบาซูก้าลูกใหญ่เข้าใส่ Batman เพื่อให้ตามมันไปไม่ทัน ....
Chapter 5: Tonight Ends With Gotham's fall
หลังจากที่ Scarecrow หนีไปได้พร้อม “Cloudburst” มันก็ส่งข้อความภาพมาให้ Batman ทันที
Scarecrow – รู้สึกยังไงบ้างที่กำลังเห็นภาพเมืองของแกกำลังกลายเป็นเมืองร้างท่ามกลางซากปรักหักพัง เห็นภาพเพื่อนแกกำลังจะตายบนรถเข็น แกพาตัวเองมาไกลจนกำลังเห็นแล้วว่าที่แกทำมามันล้มเหลวทั้งหมด และในลมหายใจสุดท้ายก่อนวิญญาณจะออกจากร่างของเธอ แล้วเธอก็จะพบว่าเธอผิดหวังในตัวแกที่ไม่มีปัญญาช่วยเธอไว้ได้ !
-เดินทางไปที่เซฟเฮ้าส์ที่ไชน่าทาวน์ เข้าไปด้านในจะพบ Barbara นอนพับอยู่บนรถเช็นของเธอภายใต้จอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่ฉายภาพ Scarecrow อยู่ด้านหลัง
Scarecrow – สิ่งที่เราทั้งคู่กลัวกันก็คือ Batman จะยอมให้ข้าปล่อยตัวปล่อยใจทำตามความรู้สึกชั่วร้ายของตัวเองกับโชว์ในครั้งนี้
ก่อนที่ละอองไอน้ำที่ผสมแก็สแห่งความกลัวจะถูกโปรยออกมาจากด้านบนหลังคาห้อง โชคดีที่ Barbara เธอตกใจตื่นขึ้นเพราะแค่สลบไปเท่านั้น แต่โชคร้ายมีมากกว่านั้น !!
Scarecrow – ช่าย ๆๆ เธอฟื้นแล้ว แต่ที่เธอเห็นนอกกระจกนะ คือมอนสเตอร์ที่สุดแสนน่ากลัวกำลังเข้ามาทำร้ายเธอ แต่ข้าก็ไม่ได้ใจดับเลยนะ ข้าเตรียมปืนไว้เธอบนโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้ว
Batman – อย่า Barbara นี่ผมเอง !!
แต่แก็สความกลัวสร้างภาพหลอนให้ Barbara เห็น Batman ที่อยู่ด้านนอกเป็นปีศาจที่น่ากลัวกำลังจะเข้ามาทำร้ายเธอ Barbara คว้าปืนบนโต๊ะมากระหน่ำยิงใส่กระจกด้วยความหวาดกลัว
Barbara – ไม่นะ ไม่อย่า !!
Batman – Barbara นี่ผมเอง เพื่อนคุณไง !
Barbara – อย่าหวังว่าจะได้ตัวชั้นไปง่ายๆ ชั้นไม่ยอมให้ง่ายขนาดนั้นหรอก!
หลังจากสารพิษแห่งความกลัวสั่งสมขึ้นสู่สมองไม่นาน Barbara ตัดสินใจลั่นไกปืนยิงจ่อขมับตัวเองเพื่อหวังที่จะพาตัวเองหนีจากปีศาจร้ายที่จะมาเอาตัวเธอ แน่นอนเธอคิดผิด....
ภาพของ Barbara นอนตายอยู่บนรถเข็นสร้างความเจ็บปวดให้ บรู๊ซ มากมายนะ และมันทำให้ร่างของ Batman ในฐานะอัศวินแห่งรัตติกาลตั้งทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเสียใจไม่ต่างกัน
Scarecrow – แกนี่มันช่างนำความตายมาสู่ทุกคนที่อยู่ข้างกายแกจริงๆเลย !
เสียงของ Scarecrow ตอกย้ำครั้งสุดท้ายก่อนจะขาดการติดต่อไป ปล่อยให้ความเงียบถูกแทนที่ด้วยคำแก้ตัวจากปาก Batman ที่พยายามจะบอกกับ Alfred ถึงเรื่องการจากไปของ Barbara ที่เกิดจากการแรงแค้นของ Scarecrow ที่พยายามส่งมาถึงตัวเขา
Batman พร่ำบ่นความเก็บกดผ่านไปที่ Alfred ถึงความเสียใจที่เขาควรจะปกป้องเธอเอาไว้แต่แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้อย่างที่พยายามจะทำ ก่อนที่ Alfred จะพยายามพูดปลุกใจให้ Batman ไม่ลืมอีกหลายชีวิตที่เขาต้องช่วยในเมืองที่กำลังใกล้ล่มสลายนี้
Alfred – นายท่านบรู๊ซ คุณต้องมีสมาธิกับมันนะ คนอีกหลายล้านต้องงพึ่งคุณ และที่สำคัญข้อมูลของ “Cloudburst” กุญแจสำคัญของพวกศัตรูมันก็คือ เครื่องแพร่กระจายสารพิษ ตามแผนที่ Scarecrow มันบอกแต่แรก มันจะนำความกลัวให้กระจายไปจนทั่วเมืองนี้ ถ้าคุณจะหยุดพวกมันเราก็มีเป้าหมายที่ดีที่สุดที่จะทำแล้ว และการจะยอมแพ้ตอนนี้ก็เหมือนทำให้ทุกอย่างที่ทำมาสูญเปล่า และการตายของ Barbara ก็จะสูญเปล่าเช่นกันนะครับ
Batman – IVY …!! อัลเฟรดใช้ดาวเทียมสแกนให้ทั่วเมืองหากเจอตำแหน่งของ “Cloudburst” แล้วแจ้งผมทันที
Alfred – ได้เลยครับนายท่าน ว่าแต่คุณมีแผนยังไงต่อหรอ ?
Batman – ที่สถานีตำรวจ GCPD IVY เธอมีภูมิคุ้มกันสารพิษของ Scarecrow มันถึงพยายามจะขังเธอไว้ไง
Alfred – แล้วเธอจะยอมช่วยหรอ ?
Batman – ไม่ อัลเฟรด.. เธอไม่มีทางเลือกหรอก !
ทันที่ออกมาด้านนอกก็จะเห็นการถ่ายทอด TV ของ Scarecrow ที่ออกมาประกาศกร้าวเพื่อตอกย้ำความผิดพลาดของ Batman ทันที
Scarecrow – เกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนั้นหรอ Batman แกจงจำความรู้สึกนั้นเอาไว้ให้ดีๆ เพราะในคืนนี้ Gotham ก็จะประสบพบเจอในสิ่งเดียวกับในห้องนั่น ความล้มเหลวของฮีโร่อย่างแกไง และนั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการให้โลกเห็น
-เป้าหมายต่อไปคือที่สถานีตำรวจ GCPD Batman จำเป็นต้องแจ้งกับ Aaron Cashหัวหน้าหน่วยสวาทของกรมตำรวจ ถึงการสูญเสียลูกสาวของสารวัตร Gordon ไปซึ่งแน่นอนว่า Cash เองก็เป็นคนนึงที่ไม่อยากได้ยินข่าวที่เขารับไม่ได้นี้เพราะตอนนี้ Gordon ก็ออกไปตามหาลูกสาวของเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเหมือนกัน คุยจบ Batman รีบขอให้ปล่อยตัว IVY ไปทันทีเพราะเอเป็นกุญแจสำคัญในการทำยาแก้พิษของ Scarecrow
Batman – ผมต้องการให้คุณช่วย
Poison IVY – ไม่เห็นหรอว่าชั้นกำลังอยู่ที่ไหน ? ชั้นว่าสิ่งที่คุณต้องการคือปาฏิหาริย์มากกว่านะ
Batman – ทำไมแก็สแห่งความกลัวของ Scarecrow ถึงไม่มีผลกับคุณ
Poison IVY – โอ้ คุณกำลังกลัวนี่น่า
Batman – เดี่ยวเธอเองก็ต้องกลัวหากรู้ว่า Scarecrow มันมีแผนจะทำอะไร
Poison IVY – แล้วชั้นจะเชื่อคุณเพื่อ ?
Batman – เพราะถ้าคุณไม่ช่วยพืชทุกต้นในเมืองนี้จะตายหมด เอาละเรามาคุยถึงปาฏิหาริย์ที่คุณว่ากัน
Poison IVY – ชั้นสามารถสร้างสปอร์ที่จะปกป้องสารพิษแห่งความกลัวของ Scarecrow ได้ และมันง่ายมากจนคุณนึกไม่ถึงเลยละถ้าคุณรู้จักหาโมเลกุลของพืชที่เหมาะสมมาใช้
Batman – แล้วมันสามารถปกป้องทั้งเมืองได้มั๊ย ?
Poison IVY – ตามหลักมันก็ได้นะ แต่ชั้นคงไม่มีปัญญาสร้างมันบริมาณมากขนาดนั้นทันหรอก
Batman – งั้นเราไปหาตัวช่วยที่จะทำให้คุณทำได้กัน !
Poison IVY – ไปที่สวน The Botanical Garden แหล่งที่อยู่ของพันธ์พืชที่เก่าแก่ของเมือง พืชเหล่านั้นจะบอกเราเองว่าควรทำยังไง
-จากนั้น Batman จะพา IVY ขึ้นรถแล้วออกเดินทางจากที่นี่ แต่เมื่อขับมาถึงทางออกก็พบว่าประตูทางออกถูกปิด ก่อนที่ Cash จะแจ้งว่ามีรถถังขนาดใหญ่ที่ดูไม่น่าไว้ใจอยู่ด้านนอก Batman จึงต้องออกมาลองตรวจสอบดู จากนั้นลงจากรถแล้วมุดประตูออกไปด้านหน้าตึกจะพบ Cobra Drone ขนาดใหญ่กำลังสแกนหาศัตรูของมันอยู่ซึ่งก็แน่นอนว่าคือ Batman โดดโหนตัวเข้าไปใกล้ๆมันแล้วกดสแกนตามมุมต่างๆรอบๆตัวถังมันเพื่อหาจุดอ่อนของมัน เมื่อสแกนครบทุกด้านก็จะพบจุดอ่อนที่จุดกลางด้านหลังของตัวถังมัน กลับไปเอารถมาแล้วพยายามลอบเข้าไปด้านหลังแล้วล็อกเป้าใช้ 60mm Cannon ยิงตูมเดียวจอด
-หลังจากทำลายลำแรกได้แล้วพวกศัตรูจะรายงานทางวิทยุถึง Arkham Knight เพื่อเตรียมแผนตอบโต้ด้วย Cobra Drone ทั้งกลุ่มให้มันรู้กันไปเลย แต่ Fox ก็จะติดต่อมาเพื่อเตรียมส่งมอบอุปกรณ์อัพเกรด Batmobile ตามที่เคยเลือกทำเอาไว้ เดินทางไปที่จุดรับของอัพเกรดแล้วปรับแต่งให้เรียบร้อยแล้วเดินทางไปตามเป้าหมายหลักต่อ ระหว่างทางก็จะเจอฝูง Cobra Drone 3 คันออกมาไล่ล่า ซึ่งก็ต้องพยายามลอบจัดการมันจากการยิงที่จุดอ่อนด้านหลังเท่านั้น จากนั้นก็ขับพา IVY ต่อไปยังจุดหมายที่ Botanical Garden ได้เลย
Batman – เรามาถึงแล้ว IVY เอาไงต่อ ?
IVY – ดูเธอสิ เธออยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยังไม่มีมนุษย์บนโลกด้วยซ้ำ และก็ยังทรงพลังอยู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้เธอถูกทำให้อ่อนแอด้วยพวกมนุษย์ ทั้งสารพิษในดิน ตัดกิ่งก้านเธอ และยังจะสร้างตึกบดบังแสงอาทิตย์อีก เธอคงไม่แกร่งพอจะสู้กับสารพิษของ Scarecrow โดยลำพังแน่
Batman – งั้นไปหาต้นอื่น
IVY – ต้นอื่นหรอ ? ไม่มีอะไรที่จะเหมือนเธออีกแล้ว ไม่มี
Batman – แล้วถ้าเราลงลึกไปถึงราก คุณจะคืนชีวิตให้เธอได้มั๊ย
IVY – ยังไง ? อาจโดนทำลายไปแล้ว คอนกรีตก็ปกคลุมไปทั่วจนแทบไม่เห็นดินเลยด้วยซ้ำ
Batman – ต้นใหญ่ รากก็ต้องลึกมาก เอาเถอะ คุณรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวผมหาทางปลดปล่อยเธอเอง
ก่อนออกเดินทาง Batman ติดต่อไปยัง Fox เพื่อขอความช่วยเหลือในการเจาะลึกลงไปในระบบรากของพืชยุคโบราณที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน Fox ตอบรับคำขอและให้ Batman มาพบเขาที่ตึก Wayne Tower เมื่อพร้อม จากนั้น Batman จะติดต่อไปหา Alfred เพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ Most Wanted ของเมือง ซึ่งก็พบว่า Night Wing ได้ส่งที่ซ่อนของคลังอาวุธของ Penguin ในจุดต่อไปมาให้ ซึ่งก็คือการอัพเดทของเควสย่อย GUNNER นั่นเอง ส่วนอีกเรื่องก็คือ การปรากฎตัวของวายร้ายอีกตัวที่กำลังบุกเข้าปล้นธนาคารในเขตไชน่าทาวน์อยู่ ซึ่งมันก็คือ เจ้ามนุษย์ 2 หน้า Two - Face นั่นเอง ซึ่งก็จะปลดล็อกภารกิจเสริม Two - Face Banditsให้ทำในวงล้อภารกิจด้วย
Character Bio – Two - Face
ชื่อจริง Harvey Dent อดีตอัยการเขตของ Gotham ที่เคยเป็นพันธมิตรสำคัญในการไล่ล่าผู้ร้ายในเมือง บุคคลที่แม้ Batman ยังเคยตั้งความหวังไว้ว่าจะให้ Dent ใช้การต่อสู้ตามหลักกฎหมายแทนศาลเตี้ยในแบบเขาด้วยซ้ำ ก่อนที่ Dent จะเกิดอุบัติเหตุกับสารเคมีจนใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งไหม้ไม่เหลือ ทำให้สภาพจิตใจของ Dent โหดเหี้ยมคิด เพราะเขาโกรธแค้นสังคมที่พูดถึงโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นกับเขาว่าเป็นแค่เรื่องโชคร้าย เขาจึงมักใช้เหรียญในการโยนเพื่อตัดสินชะตากรรมของผู้โชคร้ายที่เขากำลังจะทำร้าย และนั้นมันได้เปลี่ยน Dent ไปเป็นอาชญากรที่สุดโฉดนามว่า Two – Face ไปในทันที
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ Detective Comic # 66 ปี 1942
-จากนั้นมุ่งหน้ามาที่ตึก Wayne Tower โดยทางชั้นจอดรถใต้ตึก ก่อนที่ Fox จะรายงานว่ามีแขกที่ไม่รับเชิญกำลังเข้าไปหาซึ่งก็คือพวกรถถังของศัตรูนั่นเอง จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปที่จุดอัพเกรด สิ่งที่ Fox นำมาติดรถตามคำขอของ Batman ก็คือ ตัวปล่อยสัญญาณ Sonar สแกนใต้พื้นดินเพื่อใช้ในการหาตำแหน่งของรากพืชโบราณนั่นเอง ซึ่งการใช้โซน่าสแกนนั้นก็คือการกดแกนอนาล็อกซ้าย (L3) ระหว่างทางก็เริ่มสแกนหารากได้เลย
-สังเกตดูในจอเรดาร์ทางขวาล่างจะเริ่มเห็นรากพืชให้เห็นแล้ว แต่ระหว่างสแกนก็จะโดนพวกรถของศัตรูเข้ามาขัดขวางด้วย ลุยศัตรูไปพร้อมกับสแกนหาจุดแกนกลางของรากจนพบ เมื่อเข้าไปใกล้จุดแกนกลางแล้วกิ่งก้านของต้นไม้โบราณของ IVY ก็จะงอกออกมา ท่ามกลางการบุกโจมตีของศัตรูที่หวังจะทำลายต้นไม้ Batman ต้องเข้าไปจัดการพวกมันเพื่อปกป้องต้นไม้ของ IVY
- จัดการศัตรูให้หมดแล้ว IVY จะติดต่อมาว่าตอนนี้ต้นไม้โบราณของเธอแข็งแกร่งพอที่จะสู้กับสารพิษของ Scarecrow ได้แล้ว Batman จะบอกให้ IVY และต้นไม้ของเธอเตรียมความพร้อมอยู่ในสวนจนกว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะติดต่อไปหา Alfred เพื่อสอบถามเกี่ยวกับการค้นหาตำแหน่งของ “Cloudburst” Alfred บอกได้แค่ว่าเขากำลังค้นหาอย่างเต็มที่ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกซักหน่อยเพราะสัญญาณของ“Cloudburst”นั้นเคลื่อนที่ไปมาอยู่ตลอดจนหาตำแหน่งไม่เสถียร Batman จึงบอกให้เน้นค้นหาไปที่ตำแหน่งความหน้าแน่นของพวกลูกน้องของ Arkham Knight แทนเพราะเมื่อพบตัวมันก็จะพบ “Cloudburst” ด้วยแน่นอน และให้แจ้งเขาทันทีที่มีความคืบหน้า จากนั้นระหว่างที่รอก็หาเควสย่อยต่างๆที่ค้างทำไปก่อนได้เลย
Chapter 6: Some Kind of Bat Trick
กลับมาที่ภารกิจหลัก เดินทางมาที่เป้าหมายที่สตูดิโอ Panessa ที่เป็นห้องทดลองลับในการกักกันเชื้อโรคเลือดของ Joker ระหว่างที่จะเข้าไป Alfred ค่อนข้างกังวลว่าควรจะบอก Robin เรื่องการตายของ Barbara ซึ่ง Batman จะยังไม่ต้องการจะบอก Robin จนกว่างานการรักษาจะลุล่วงแต่ Alfred จะเตือน Batman ว่าหากหลอก Robin ถึงเรื่องการตายของ Barbara จนเขามารู้ในภายหลังจะทำให้ Batman สูญเสีย Robin ไปตลอด
เมื่อเข้ามาในห้องทดลองลับก็จะพบ Robin กำลังวุ่นกับการวิเคราะห์เลือดของลุง Henry อยู่ ทันทีที่ Robin ถามถึงเหตุการณ์ด้านนอก Batman ก็ยังเลี่ยงที่จะบอกความจริงเรื่อง Barbara โดยบอกสั้นแค่ว่า “ แย่ “ เท่านั้น ก่อนที่จะตัดบทไปสำรวจแบทคอมพิวเตอร์เพื่อดูผลการสแกนตามหา Arkham Knight ซึ่งทำได้ไม่ดีนักเพราะ Alfred แจ้งว่าผลการสแกนค้นหาจาก Batwing นั้นไม่มีระสิทธิ์ภาพเพราะไม่สามารถร่อนลงต่ำเพื่อสแกนพื้นที่ได้อย่างเต็มที่เพราะในพื้นที่รอบ Founder Island นั้นยังมี Radar Tower หอตรวจการณ์ขนาดใหญ่ 2 แห่งซึ่งมันจะพ่วงสัญญาณสั่งให้แท่นยิงจรวด Missile ระยะไกลยิงโจมตีทันทีที่มีสิ่งปิดปกติเข้าใกล้ ยังไม่รวมพวก Drone ที่คุ้มกันป้องกันอยู่ในพื้นที่ Alfred แนะลองหาทางไปเอาชิ้นส่วนของ Drone ตัวหลักเอามาสร้างเป็นเครื่อง Hack Drone ตัวอื่นๆ Batman ก็จะเข้าไปในพื้นที่รอบๆหอตรวจการณ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
Robin ไม่รอช้าที่จะถามถึง Barbara อีกครั้ง Batman ก็ยังพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะตอบและบอกแค่ว่า Barbara เธอยังไม่เป็นไร Robin ก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้อนรนของเข้าไปช่วย Batman แต่ Batman ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าให้ Robin ตั้งหน้าตั้งตาหาทางวิเคราะห์ผลเลือดของลุง Henry เพื่อทำยากแก้พิษของโจ๊กเกอร์มาให้ได้ ส่วนงานหลักที่เมืองด้านบนนั้น Batman ก็ยังยืนยันว่าเขาเอาอยู่เหมือนเดิม
-มุ่งหน้าไปที่ตำแหน่งของหอตรวจการณ์ในบริเวณเกาะ Founder Island แล้วร่อนไปที่ Drone ตัวเป้าหมายที่กำลังินสังเกตการณ์อยู่ Batman จะเข้าไปดึงตัวเซนเซอร์ของมันมาแล้วเอามาทำเป็น RHD – Drone Hacker มาใช้
-จากนั้นก็เหลือแท่นยิง Missile ระยะไกลอีกตัวที่ต้องทำลาย เข้าไปที่จุดหมายที่แท่นยิงจรวดตั้งอยู่ แน่นอนว่าจะมีศัตรูคุ้มกันอยู่มากมาย โดดลงไปลอบจัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปทีแท่นยิงจรวด Batman จะพบว่ามันหนาเกินกว่าที่เขาจะทำลายด้วยตัวเองได้ จึงต้องพึ่ง Batmobile มาทำลายมัน ขึ้นไปที่ห้องควบคุมใกล้ๆ เพื่อเข้าไปกดสวิตซ์ลดแผงป้องกันแท่นยิงจรวดลง แล้วให้ Alfred ลดสะพานเชื่อมทางเข้าเกาะ Founder Island ลงเพื่อจะได้บังคับ Batmobile เข้ามาที่นี่ได้
บังคับ Batmobile ลุยจัดการพวกรถถัง Cobra Drone ระหว่างทางให้หมด แล้วขับเข้ามาตามทางจนถึงสะพาน ใช้กว้านดึงสะพานให้ยกเป็นทางโดดเอาไว้ ในขณะนั้น Arkham Knight และคนของมันก็รู้ตัวและเตรียมรับมือเต็มพื้นที่เอาไว้แล้วเช่นกัน
-Arkham Knight กับคนของมันเข้ามาสำรวจที่ห้องควบคุมที่ batman อยู่ทันทีก่อนที่มันจะสั่งให้ปิดแผงป้องกันของแท่นยิงจรวดอีกครั้ง จังหวะที่ Arkham Knight กำลังวิทยุรายงานสถานการณ์กับ Scarecrow ก็หาจังหวะ Takedown พวกมันได้เลย
และทันทีที่ batman เข้าถึงตัวของ Arkham Knight ทั้งคู่ต่างตรงเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างสุดแรง Batman บีบคอมันได้อย่างเต็มมือก่อนที่จะเปิดฉากยิงคำถามคาใจไปทันทีว่า แกเป็นใคร ? แต่ Arkham Knight ก็ฉวยโอกาสใช้ระเบิดควันในการอำพรางตัวหนีไปได้แล้วปล่อยให้ batman อยู่ท่ามกลางดงลูกน้องของมัน จัดการพวกมันให้หมด แล้ว Batman จะติดต่อไปยัง Alfred เพื่อให้หาคำตอบว่า Arkham Knight มันเป็นใครมาให้เร็วที่สุดโดยมุ่งประเด็นไปที่ใครที่เข้ามาที่วันที่เกิดเหตุที่ Asylum เพราะต้องการจัดการเขา
-กดสวิตซ์ควบคุมลดแผงป้องกันแท่นยิงจรวดลงอีกครั้งแล้วบังคับรถให้ดึงสะพานใช้เป็นตัวกระโดดขึ้นมาด้านบนต่อ แล้วยิงต่อสู้กับแท่นยิงจรวดจนทำลายมันได้
จากนั้น Batman จะสั่งให้ Alfred ส่ง Batwing มาสแกนพื้นที่เพื่อค้นหาตำแหน่งของ“Cloudburst”ให้เจอ ก่อนที่ batman จะเดินทางไปรอวิเคราะห์ที่ห้องทำงานของ Oracle ที่หอนาฬิกาต่อทันที
กลับมาที่ภารกิจหลัก - เดินทางไปยังเป้าหมายหลักที่หอนาฬิกาห้องทำงานของ Oracle
ในขณะที่ Batman กำลังสแกนม่านตาที่รูปปั้นเพื่อเปิดการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เขาอดไม่ได้ที่จะจับรูปของ Barbara ที่ถ่ายคู่กับ Tim มาดูด้วยความสลดใจ บรู๊ซอาจกำลังโทษตัวเองมาอยู่ทั้งเรื่องที่ไม่สามารถช่วย Barbara ได้และเรื่องที่เขาจำเป็นต้องปิดบัง Jim เรื่องการตายของเธอ แต่ทั้งหมดที่ บรู๊ซ จำยอมต้องปิดเงียบก็เพียงเพราะต้องการให้การทำงานเพื่อช่วยเหลือเมืองยังคงดำเนินต่อไปในฐานะ Batman
ก่อนที่ Batman จะเริ่มทำการติดต่อกับ Alfred เพื่อดูผลการค้นหาจาก Batwing ในขณะที่กำลังพบข่าวไม่ดีว่า Batwing ไม่สามารถค้นหาสัญญาณใดๆของ “Cloudburst” ได้เลยในรัศมีรอบๆเกาะ Founder Island ก็กลับมีสายด่วนจากห้องทดลองลับที่โรงถ่ายเก่า ลุง Henry จะติดต่อมาว่าที่ห้องทดลองกำลังมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ไม่ทันขาดคำลุง Henry ก็ถูกฟาดจนสลบด้วยกระบองในมือของสาวซ่าขาประจำ Harley Quinn !
Harley Quinn – พอเลยไอ้แก่ ! แหมดูสิใครน้าวันนี้มาช้าตลอด สมองค้างคาวไม่ทันละสิจ๊ะ
Batman – Harley Quinn !
Harley Quinn – จำชั้นได้ด้วยหรอ แปลกจังทำไมนะ แกฆ่าหวานใจคนเดียวของชั้นไปแต่กลับเก็บพวก Joker รุ่นใหม่นี่ไว้เอง ชั้นรู้ว่าทำไม
Batman – อย่ายุ่งกับพวกติดเชื้อนะพวกมันยังไม่สมบรูณ์
Harley Quinn – โอ้ หรอ พวกเขาไม่สมบูรณ์หรอ หัดมองกระจบบ้างนะพระเอก
ทันทีที่ Harley Quinn เลิกการติดต่อไปสิ่งแรกที่ Batman คิดได้และรีบแจ้ง Alfred ไปก็คือต้องรีบไปช่วย Robin ที่ห้องทดลองลับในโรงถ่ายหนังโดยด่วน
Character Bio – Harley Quinn
หรือ Dr. Harleen Quinzel จิตแพทย์สาวเนิร์ดประจำคุกที่คุมขังเหล่าผู้ร้ายโรคจิต Arkham Asylum ในช่วงที่ Joker ถูกจับเข้ามาใน Arkham Asylum ในช่วงแรก จิตแพทย์ผู้เป็นครับผิดชอบ Joker ก็คือ HARLEEN QUINZEL คนนี้แหละแต่ในระหว่างพูดคุยเพื่อรักษา เรื่องราวเส้นทางชีวิตของ Joker ที่ถูกถ่ายทอดมากลับโดนใจจิตแพทย์ผู้โดดเดี่ยวและแปลกแยกจากสังคมอย่าง QUINZEL ขนาดถึงกับหลงใหลได้ปลื้มกับเส้นทางชีวิตในคำบอกเล่าของผู้ร้ายสติแตกคนนี้ขึ้นมาทันที
Joker - กระซิบถามเบาๆว่า “เธอมีเพื่อนบางหรือเปล่า ? “
Harley Quinn – ไม่มีค่ะ
Joker – ไม่ต้องกลัว ตอนนี้เธอมีคนนึงแล้ว …..
ใครเล่าจะรู้ว่า HARLEEN QUINZEL จะกลายเป็น Harley Quinn คู่แท้โรคจิตที่อยู่ข้างกายวายร้ายอย่าง Joker ในเวลาต่อมา
Harley Quinn ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ Batman Adventure #12 กันยายน ปี 1993
-เดินทางมาที่เป้าหมายที่สตูดิโอ Panessa ที่เป็นห้องทดลองลับในการกักกันเชื้อโรคเลือดของ Joker ที่หน้าทางเข้าจะเต็มไปด้วยลูกน้องของ Harley Quinn เข้าไปจัดการมันให้หมดแล้วเข้าไปด้านในโรงถ่ายหนัง แต่ตอนนี้ Harley Quinn จะเปลี่ยนรหัสเสียงในการเปิดประตูทางเขาซะแล้ว ทำให้ Batman ต้องใช้อุปกรณ์ Voice Synthesizer โดยใช้เสียงของ Harley ที่บันทึกได้ตอนมันติดต่อมาเอามาตกแต่งปลอมแปลงใช้เป็นเสียงในการเปิดประตูเข้าไปได้สำเร็จ
-เข้าไปด้านในโรงถ่าย จัดการพวกลูกน้องของ Harley ที่ออกมาให้หมดโดยสามารถใช้ Voice Synthesizer ในการใช้เสียงของ Harley ในการสั่งการป่วนพวกมันเพื่อความได้เปรียบในการจัดการพวกมันได้ด้วย จัดการให้หมดแล้วเข้าไปที่ประตูลิฟต์ลงไปที่ห้องทดลองด้านล่าง ใช้ Voice Synthesizer เปิดประตูในเข้าไปจะพบว่า Robin กำลังสู้กับลูกน้องของ Harley อยู่ในห้องทดลอง ช่วยกันจัดการศัตรูในห้องให้หมด
Batman และ Robin จะเค้นเอาข้อมูลจากศัตรูที่เหลืออยู่ว่า Harley มีแผนจะจับผู้ติดเชื้อไปเพื่อเตรียมการสำหรับ new Joker ที่กำลังจะกำเนิดใหม่อีกครั้ง และเมื่อเช็คข้อมูลที่คอมพิวเตอร์จะพบว่า Harley แต่ปล่อยตัวพวกผู้ติดเชื้อทั้งหมดและได้ช่วยกันยึดพื้นที่ตามจุดต่างๆของโรงถ่ายหนังด้านในเอาไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ Batman และ Robin จะต้องทำต่อไปคือตามไปจับตัวผู้ติดเชื้อทั้ง 3 คน Christina bell, Johnny Charisma และ Albert King ที่อยู่ตามจุดต่างของโรงถ่ายกลับมาขังอีกครั้งและแน่นอนว่าต้องจัดการอัด Harley Quinn ให้สาสมด้วย
-จากนั้นเข้าไปที่ด้านหลังโรงถ่ายที่ห้องโถงกลางจะมีทางแยก 3 ทางคือ Stage A – B และ C ซึ่งจะมีจุดเป้าหมายขึ้นมา 3 จุดที่ต้องไปจัดการจับตัวเป้าหมายทั้ง 3 คือ Christina bell, Johnny Charisma และ Albert King ที่อยู่ตามจุดต่างๆของโรงถ่ายและแน่นอนพวกมันแต่ละคนก็ไม่ธรรมดาเพราะอย่างน้อยๆก็ได้ชื่อว่าเป็น New Joker และยังมีพวกลูกสมุนของ Harley Quinn คอยคุ้มกันอีกด้วย โดยจะเลือกไปทางไหนก่อนก็ได้
-ทางไป Stage B เข้าไปลุยเข้าไปด้านในจัดการศัตรูให้หมดแล้วจับ Christina bell โดย Robin จะเป็นคนแบกเธอกลับมาขังเองเลย
-ทางไป Stage C จะเจอศัตรูที่ใช้ปืนกลหนักยิงดักอยู่ ซึ่งต้องปีนช่องระบายอากาศด้านบนเพื่อลงไปข้างพนังแล้วใช้ระเบิดเจลไว้ที่พนังแล้วใช้ Voice Synthesizer สั่งมันมาใกล้พนังก็จะระเบิดพนังจัดการมันได้
และระหว่างทางไปด้านใน Stage C เจ้า Joker ก็เล่นตลกจนเลยเถิดอีกครั้งเมื่อเขาขุดลึกไปถึงเรื่องราวอีก 1 ปมทางใจของ Batman ซึ่งก็คือเรื่องราวของ Jason Todd นักเลงข้างถนนอดีตลูกของพวกค้ายาที่กำพร้าเพราะพ่อแม่ถูกฆ่าตายจนหมด
ก่อนที่เด็กหนุ่มคนนี้จะพยายามขโมยล้อรถของ Batman เลยถูกจับมาอบรบสั่งสอนจนกลายเป็น Robin คนที่ 2 แทนที่ Dick Grayson ที่ถอนตัวไปเดินตามเส้นทางตัวเองในนามของ Night wing
(Jason Todd ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ batman # 357 June 1983)
-หน้าประตูห้อง Stage C นั้นเจ้า Johnny Charisma จะล็อกรหัสไว้ก่อนจะหนีเข้าไปด้านใน Batman จึงขอให้ลุง Henry ย้อนดูกล้องวงจรปิดที่ Johnny มันตั้งรหัสก่อนเข้าไป ย้อนภาพในกล้องดูตามนิ้วที่มันกดหมายเลขจะได้รหัสมาคือ [ 0539 ] เข้าไปด้านในจะเจอ Johnny ที่มาพร้อมชุดร้องเพลงเต็มพิกัดด้วยระเบิดที่มันนำมาติดตั้งทั่วห้องรวมทั้งที่ตัวมันเองด้วย มันขู่ว่าจะระเบิดที่นี่ให้เป็นจุลทันทีที่มันร้องเพลงจบ ก็ปล่อยให้มันร้องไปพร้อมกับเจ้าโจ๊กเกอร์ที่เข้ามาป่วนร้องด้วย รอให้ Robin ไปปลดชนวนระเบิดรอบๆห้องและที่ตัวมันให้หมดแล้วก็อัดมันให้สลบแล้วพากลับห้องขังได้เลย
-ทางไป Stage A นั้น Albert King จะสั่งให้ลูกน้องเฝ้าหน้าประตูที่ปิดทางเอาไว้อย่างแน่นหนา ที่หน้าทางเข้าจะมีช่องให้มุลงไปใต้พื้น มุดผ่านประตูลูกกรงเข้ามาแล้วใช้ Voice Synthesizer สั่งให้ศัตรูด้านในมาเปิดประตูลูกกรงออก ก็โดดออกไปจัดการพวกศัตรูให้หมดได้เลย
ระหว่างทางเข้าไปด้านใน Stage A โจ๊กเกอร์ก็บดขยี้หวัใจ Batman อีกครั้งด้วยภาพการทรมาน Todd เพื่อหวังจะเอาเขามาเป็นคู่หูเหมือนกัน batman ภาพของ Todd ที่ถูกแขวนห้อยอยู่ในสภาพยับเยินและจบลงด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่กำลังถูกโจ๊กเกอร์ใช้เหล็กร้อนที่มีเครื่องหมาย J ประทับลงที่ร่างกายเขา ทำให้ Batman เจ็บปวดใจอยู่ข้างในมากมายนัก
-เข้าไปด้านในห้อง Stage A ก็จะพบ Albert King ที่ออกมาท้าสู้กับ Batman และ Robin แบบตรงไปตรงมากันเลย เข้าไปจัดการ King และลูกน้องมันให้หมด ก็จะจับตัว King กลับมาขังได้
- ขากลับมาห้องทดลองหลักนั้น Harley ได้ส่งลูกน้องมากมายมาสกัดกั้นที่หน้าประตูทางเข้า ให้มองหาที่มุดลงใต้พื้นห้องโดยจะมุดลงตรงช่องที่หน้าประตูไม่ได้เพราะศัตรูจะเห็นต้องเดินย้อนมาอีกหน่อยก็จะเจอทางมุดลงพื้นอีกอัน มุดลอดใต้พื้นเข้าไปที่หน้าประตูอีกครั้งแล้วใช้ Voice Synthesizer สั่งให้ศัตรูด้านในมาเปิดประตูลูกกรงออก แต่ Harley เธอรู้ทันเลยออกมาแสดงตัวก่อนที่ลูกน้องจะโดนหลอกซ้ำ 2 ก่อนที่จะประกาศกร้าวโชว์ Batman ที่ซ่อนตัวอยู่ว่าไม่มีทางได้แอ้มเธอง่ายๆแน่นอน แต่ Robin แผนสูงกว่านั้น เขาออกมาคุยกับ Harley เพื่อเจรจากับเธออย่างมีชั้นเชิง
Harley – โถๆ ดูสิ Batman ส่งลูกน้องละอ่อนมาจัดการพวกเราด้วย ฮ่าๆๆ
Robin – ก็ไม่รู้สินะ ก็ Batman ดันบอกให้ผมมาคนเดียวซะเดียวบอกว่าแค่ผมคนเดียวก็เอาอยู่
Harley – ตลกหรอยะ ห๊า เปิดประตูเดี๋ยวนี้ !! คิดว่าระดับอย่างนายจะทำอะไรชั้นได้ คิดใหม่นะยะ Batman มันพราก Mr.J ที่รักไปจากชั้นแล้วที่นี้จะมาพรากพวกที่จะมาแทนเขาอีก แล้วยังจะดูถูกชั้นด้วยการส่งระดับลูกน้องมาจัดการชั้นอีก ได้ยินมั๊ย ชั้นรู้แกอยู่ที่นี่ ออกมาสิ Batman อย่ามาดูถูกชั้นนะยะ
- ในระหว่างที่ Harley เดินพล่ามไปมาอยู่ก็รอจังหวะให้เธอเข้ามาในระยะที่สามารถ Takedown ได้ก็โดดขึ้นไปจัดการเธอได้เลยเปรี้ยงเดียวนอน จากนั้นก็จัดการพวกลูกน้องให้หมด แล้วจับตัว Harley กลับมาที่ห้องทดลองได้เลย
แต่ขณะที่กำลังจะเอา Johnny และ Harley ที่เพิ่งจับมาได้เข้าไปขัง batman ก็ต้องตกใจเมื่อผู้ติดเชื้อทุกคนถูกฆ่าตายจนหมดและคนที่ถือปืนเข้ามาเล็งเขาจากด้านหลังกลับกลายเป็นลุง Henry !
Batman – แกเป็นคนฆ่าพวกเขาใช่มั๊ย Henry !
Henry – ฮ่าๆๆๆๆ อู้วว Batman แกนี่มันหลอกง่ายจริงๆ ชอบช่วยเหลือคนดีก็แบบนี้แหละเพราะถ้าเกิดเขากลายเป็นคนเลวขึ้นมาละ แกจะทำไง ฮ่าๆๆๆ ที่รักจ๋า ชั้นกลับมาแล้ววววว เปิดประตูกรงขังออก !! อุ๊ย ลืมไปละสิว่าใครเป็นสร้างโปรแกรมที่นี่ และถ้าไม่ว่าอะไรก็เชิญทั้ง 2 คนเข้าไปข้างในด้วยนะ Evolution ไอ้การวิวัฒนาการเนี้ย มันก็แปลกนะ เพราะไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวางหน้าซักเท่าไหร่มันก็กลับหาทางเติบโตแข็งแกร่งเพื่ออยู่รอดได้เสมอ ว่าแต่แล้วนายเข้าใจเรื่อง วิวัฒนาการที่ชั้นพูดหรือเปล่าเนี้ย ? ชั้นถึงกำจัดไอ้พวกยีนต์ผิดพลาดทั้งหมดนี่ไง ฮ่าๆๆๆๆ เอาละ หมดเวลาเรียนรู้แล้วละนะ Batman ! ……… อ่ะ ไม่น่าเชื่อเลย .. แกกำลังจะได้เป็น ตัวจริง !! งั้นข้าจะอยู่ทำไม ไร้ค่า
.............................ปัง !!! ……………………
Robin – ตาของคุณ batman ..คุณป็นคนสุดท้ายที่ได้รับเชื้อจากโจ๊กเกอร์ .. กรงที่เหลือนั่นเพื่อตัวคุณเอง
Batman – ผมต้องการแค่จะหยุด Scarecrow แล้วก็จะขังตัวเองไว้ในนั้น
Robin – แต่ถ้าคุณพลาด มันก็จะอันตรายเป็น 2 เท่า และผมก็คงไม่มีปัญญาหยุดคุณได้ด้วย ผมคงต้องให้คุณเข้าไปอยู่ในห้องขังก่อน ส่วน Scarecrow ผมจะจัดการเอง ผมเสียใจบรู๊ซแต่มันจำเป็นจริงๆ
Batman – ผมเข้าใจ จิม ....
Joker เล่นตลกบดขยี้กับปมชวิตของ Batman อีกครั้งกับเรื่องราวตอนสุดท้ายในโศกนาฏกรรมของ Jason Todd หลังจากที่โดนทรมานอย่างหนักปิดท้ายด้วยโดนประทับตรารูปตัว J บนใบหน้า เขาถูก Joker บังคับให้พูดว่า “ ผมชื่อ Jason Todd และคุณมาช้า Batman ก่อนที่ Joker มันจะยิง Todd ตายไปอย่างเลือดเย็น ....
จากนั้นก็จะกลับมาสู่ช่วงที่ Robin พยายามจะเอาตัว Batman ขังไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ Batman ฉวยโอกาศพลักตัว Robin เข้าไปในกรงขังแทน
Robin – เฮ้ย คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ คุณยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย ให้ผมช่วยคุณเถอะน่า !!
Batman – แบบนี้ดีแล้วละ เชื่อผมเถอะ ...
ในขณะที่ Batman กำลังเอาตัวรอดกับความไม่ไหวใจของคนใกล้ตัว ทางด้านความวุ่นวายในเมืองก็ลุกลามสุกงอมเริ่มจะได้ที่เมื่อ Alfred ติดต่อมารายงายถึงกองยานติดอาวุธของ Scarecrow มากมายเช้ายึดตามสถานที่สำคัญของเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็จขาดทั้งหมดแล้ว ก่อนที่ Alfred จะบอกให้ไปอัพเกรด Batmobile ติดตั้งอาวุธใหม่ที่จุดอัพเกรดด้วย
-ขับรถเดินทางไปยังจุดหมายหลักเพื่อรับการอัพเกรดรถติดอาวุธแบบใหม่เรียบร้อยแล้ว Batman ก็รีบสอบถามถึงเรื่องความคืบหน้าของเรื่องการค้นหาตำแหน่ง “Cloudburst” ของ Batwing ซึ่ง Alfred ก็บอกได้แค่ว่าตอนนี้ Batwing กำลังค้นหาอยู่อย่างเต็มที่แต่ยังไม่มีสัญญาณใดๆตอบกลับมา Alfred จึงให้ไปทำภารกิจ Most Wanted ต่างๆรอไปก่อนโดยมีภารกิจดับไฟตามล่า Firefly เพิ่มขึ้นมากับ เรื่องข่าวร้ายเกี่ยวกับการหายตัวไปของ Lucius fox จากตึก Wayne Tower ซึ่งจะกลายภารกิจเสริมอันใหม่ที่ชื่อว่า Friend in Need เพิ่มเข้ามาในวงล้อภารกิจด้วย
** Most wanted - Friend in Need **
Batman ต้องตามช่วยเหลือ Lucius fox ที่กำลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่ตึก Wayne Tower ซึ่งเป็นฝีมือของ Thomas Elliot จอมโจรพันหน้านามว่า The Surgeon HUSH ที่ปลอมเป็น บรู๊ซ เวยน์ จนสามารถเข้าไปจนถึงห้องทำงานของ บรู๊ซ เพื่อค้นหาบางอย่างแต่ Lucius fox เขามาพบเข้าเสียก่อนมันจึงใช้ตัว Fox ในการขอแลกตัวกับ บรู๊ซ เวยน์ เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ตัวมันโทษว่าครอบครัว Wayne นั้นมีส่วนในการตายของพ่อมัน แต่บรู๊ซก็กล้าพอที่จะถอดหน้ากากเพื่อเปิดเผยใบหน้าของตัวเองให้ Elliot เห็นว่าตัว Batman เองคือ บรู๊ซ เวยน์ ทำให้ Elliot ตกใจอย่างมาก ซึ่ง Batman จึงใช้จังหวะนี้ในการโจมตีใส่มันจนสามารถจับตัวมันได้ไม่ยากนัก เป็นภารกิจม้วนเดียวจบที่ Thomas Elliot ก็จะถูกจับเข้าคุกอย่างง่ายดาย
Character Bio – Thomas Elliot
Thomas Elliot เป็นหมอผ่าตัดศัลยกรรมที่เลื่องชื่อ แถมเคยเป็นเพื่อนกับ Bruce Wayne สมัยเด็กด้วย ทั้งคู่มีชีวิตที่เหมือนกัน คือรวยนั่นแหละ ที่ต่างกันคือพ่อของ Thomas โหดร้ายและคอทองแดงตัวพ่อเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เมาหยำเปก็จะกลับมากระทืบลูกชายอยู่ร่ำไป เมื่อไปขอความช่วยเหลือจากแม่ แม่ก็บอกแต่ว่าให้อดทนเสียอีก เนื่องจากเธอทำอะไรไม่ได้เพราะฐานะดั้งเดิมเธอจนมากกระทั่งเจอกับพ่อของ Thomas เลยกลัวว่าการห้ามไม่ให้ทำร้ายลูกอาจจะทำให้พ่อ Thomas โกรธและเกิดการหย่าร้างกันก็เป็นได้ และแน่นอน ไม่มีใครทนได้ตลอดไป Thomas จึงกระทำเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด เขาตัดสายเบรกในรถของพ่อเขาทิ้ง ฟ้าเป็นใจให้กับ Thomas วันที่พ่อเขาขับรถกับแม่ไปข้างนอกนั้นฝนตกพอดี แน่นอน สายเบรกขาด ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พ่อเขาเบรกไม่อยู่ รถคว่ำ ถูกส่งโรงพยาบาล พ่อของ Bruce ได้ช่วยยื้อชีวิตพ่อและแม่ของ Thomas ไว้สุดความสามารถ แต่สุดท้าย พ่อ Thomas ก็จากไป แต่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ต้องทนทุกทรมานกับโรคมะเร็งของเธอต่อไป Thomas รู้สึกเคียดแค้นมากที่พ่อของ Bruce Wayne ช่วยแม่ของเขาเอาไว้ จนกลายเป็นปมที่ว่าเขาจะต้องสังหาร Bruce Wayne ให้ได้ ในฐานะจอมโจรพันหน้า The Surgeon HUSH
https://en.wikipedia.org/wiki/Batman:_Hush
http://www.juropy.com/2014/03/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81-arkham-knight-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99/
Chapter 7: Nature Always Wins
กลับมาที่ภารกิจหลัก – Alfred จะติดต่อมาให้ batman ไปสำรวจแรงสั่นสะเทือนประหลาดที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่เกาะ Miagani Island และเมื่อเดินทางมาถึงที่จุดเป้าหมายของแรงสั่นสะเทือนก็พบว่า บรรดารถถังของศัตรูถูกกิ่งของต้นไม้โบราณที่ตอนนี้ถูก IVY ควบคุมออกมาจากใต้ดินและทำลายกองยานของศัตรูจนราบคาบ แน่นอนมันอาจจะฟังดูดี แต่แผนที่ Batman วางไว้มันยังไม่ได้เริ่มต้น แต่ IVY กลับลุแก่พลังมหาศาลที่ตัวเองได้มาจึงเริ่มโจมตีคนของ Scarecrow เพราะต้องการแก้แค้นในสิ่งที่พวกมันทำกับเธอ ในขณะที่พวกศัตรูที่รู้ตำแหน่งของ IVY ก็ส่งกองรถถังไปบุกโจมตีที่ Botanical Garden นั่นทำให้ Batman ต้องปรับแผนเดินหน้าลุยไปพร้อมกับ IVY และต้นไม้โบราณของเธอทันที
-จากนั้นลุยไปทำลายรถถังศัตรูรอบๆส่วนทั้ง 34 คันกับอีก 4 Cobra Drone ที่บุกเข้ามาในตอนหลังให้หมด Arkham Knight ประกาศกร้าวว่าจะฆ่าทุกคนที่อยู่รอบตัว Batman ทิ้งให้หมดไม่ต่างกับ Barbara ทำให้ Batman ต้องรีบเดินทางไปรับตัว IVY ที่ต้นไม้โบราณเพื่อพาตัวกลับไปที่สถานีตำรวจในทันทีเพื่อความปลอดภัยของเธอ แต่ IVY ไม่ยอมที่จะทิ้งต้นไม้โบราณให้ตายได้ เธอจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อขออยู่สู้ต่อเพื่อปกป้องต้นไม้ของเธอพร้อมกับ Batman
ในขณะที่ข่าวดีในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ถูกแจ้งมาจาก Alfred ว่า ตอนนี้ Batwing ได้ค้นพบสัญญาณตำแหน่งของ “Cloudburst” แล้ว ซึ่งตอนนี้มันถูกสร้างใหม่ให้ติดตั้งอยู่ในรถถังขนาดใหญ่โดยการควบคุมของ Arkham Knight และไม่ทันขาดคำ Arkham Knight ก็เริ่มทำการระเบิดแก็สออกจากรถถังของมันทันที
แรงระเบิดที่เต็มไปด้วยไอ้สารพิษหลอนประสาท Fear Toxic ของ Scarecrow ก็ฟุ้งกระจายไปทั่วเมืองพร้อมแรงระเบิดด้วยศักยภาพของเครื่องกระจายสสาร “Cloudburst” และด้วยความรุนแรงของระเบิดก็ทำให้รถ Batmobile ใช้การไม่ได้ไปพร้อมกับ ต้นไม้โบราณที่เป็นเสมือนทางออกสุดท้ายของ Batman กำลังจะตายลงภายในไม่กี่นาที
IVY ตัดสินใจครั้งสุดท้ายที่จะใช้พลังทั้งหมดของเธอเพื่อฟื้นพลังของต้นไม้โบราณในการปล่อยสปอร์แก้พิษของ Fear Toxic ออกมาเพื่อสู้กับ Scarecrow เป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางเมือง Gotham City ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีแดงฉานของ Fear Toxic จนกลายเป็นเมืองแห่งความหวาดกลัวไปในทันที
- Batman ตัดสินใจที่จะไปปรึกษา Stagg อีกครั้งในฐานะผู้สร้าง “Cloudburst” เพราะถ้าเขาสร้างมันขึ้นมาได้ก็น่าจะรู้วิธีที่จะทำลายมันด้วย เป้าหมายของ Batman ต่อไปคือกลับไปที่ยานเหาะของ Stagg อีกครั้ง ซึ่งการเดินทางตอนนี้ก็ต้องใช้การร่อนไปตามยอดตึกเพราะรถ Batmobile ก็พังแถมท้องถนนก็ยังเต็มไปด้วยแก๊สพิษจนไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้อีกด้วย
- ร่อนเข้ามาจนถึงยานห้อง เข้าไปจัดการศัตรูที่คุมพื้นที่อยู่ในห้องบังคับการณ์ให้หมด แล้วเข้าไปด้านในต่อ แต่แน่นอนว่า Stagg มันต้องเปลี่ยนรหัสเสียงของมันในการปิดล็อกประตูเอาไว้ใหม่ทั้งหมดด้วย Batman จึงใช้เครื่องเลียนเสียง Voice Synthesizer กับเสียงของ Stagg ที่บันทึกเอาไว้ในการเปิดประตูเข้าไปด้านในได้ ในห้อง Engineer Batman ทำการดาวโหลดคลื่นเสียงของ Arkham Knight จากวิทยุสื่อสารของพวกศัตรูเพื่อเอาใช้กับเครื่องเลียนเสียง Voice Synthesizer ในการใช้เสียงของ Arkham Knight หลอกพวกศัตรูเพื่อความได้เปรียบในการจัดการพวกมัน จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปที่คุกที่เคยขัง Stagg เอาไว้แต่ปรากฏว่าตอนนี้ไม่เจอมันอยู่ที่นี่แล้ว จากนั้นเปิดโหมด Detective Mode เพื่อเริ่มการสแกนค้นหาร่องรอยของ Stagg แล้วตามรอยไปจนเจอมันเข้าไปแอบอยู่ในใต้พื้นของห้องเก็บสัตว์ทดลอง
Batman – บอกมาว่าจะหยุดไอ้เครื่อง “Cloudburst” บ้านั่นยังไง ! ถ้าคุณไม่ช่วยผม คุณต้องเป็นคนรับผิดชอบร่วมกับ Scarecrow ที่ฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายในเมืองนี้
Stagg – รอบๆคลื่นพลังงาน Nimbus จะเป็นพื้นที่ที่ช่วยกระจายสารพิษให้ฟุ้งกระจายและเพิ่มประสิทธิ์ภาพของสารพิษให้มากขึ้น และในอาณาเขตของ Nimbus นั้นเครื่องยนต์ต่างๆของรถก็จะถูกทำลายไปด้วย
Batman – แล้วจะมาพล่ามทำไมก็รถผมก็โดนทำลายไปคันนึงแล้ว !!
Stagg – ไม่ๆผมหมายความว่า หากใช้ประจุพลังงาน Nimbus Cell เหมือนกันยานเหาะของผมใช้เครื่องยนต์ก็จะสามารถใช้ได้ในอาณาเขต Nimbus ต่างหาก นี่ เนี่ยๆ อยู่ในเครื่องนี่ไง
-หลังจาก Batman ได้ประจุพลังงาน Nimbus Cell ที่จะทำให้รถสามารถเข้าไปในอาณาเขตของ Nimbus มาจาก Stagg แล้ว ก็ต้องรีบเดินทางกลับมาที่ Batmobile ทันที แต่เมื่อเดินทางมาที่ตำแหน่งที่ Batmobile จอดอยู่ก็พบว่าพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยแก็สพิษไปจนหมดแล้ว ท่ามกลางความเป็นห่วงของ Alfred ที่ไม่อยากให้ Batman โดดลงไปในพื้นที่นั้น แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกที่ต้องโดดลงไป ท่ามกลางแก๊สพิษความบ้าคลั่งของผู้คนตามท้องถนน Batman ก็ต้องเข้าไปที่รถเพื่อพยายามเปลี่ยน Power Cell อย่างเบามือ จนสามารถทำให้ Batmobile กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
แต่ระหว่างที่ขับรถไปสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยแก็สพิษนั้นระบบสแกนก็ไม่สามารถค้นหาตำแหน่งของ Cloudburst Tank ได้อีก จน Batman ต้องขอความช่วยเหลือจาก IVY เพื่อใช่สปอร์เคลียร์บรรยากาศให้ แต่ดูเหมือนต้นไม้ของ IVY จะอ่อนแอมากเกินจะทำได้ แต่ IVY ก็แนะนำให้สแกนหาพืชโบราณที่ฝังตัวอยู่ใต้เกาะ Founder ที่เรียกว่า Aiyana เพื่อช่วยเหลือแทน
-จากนั้นใช้ Sonar ขับสแกนหาจนพบจุดแกนกลางของรากพืชใต้ที่อยู่ใต้ดินจนพบ แล้ว Batman จะหาทางลงไปชั้นใต้ดินโดยจะให้ Alfred ส่งแผนที่ทางลงไปที่ Subway มาให้ ขับตามเนวิเกเตอร์นำทางไปท่ามกลางรถถังศัตรูมากมายที่เข้ามาขัดขวาง ลุยเข้าไปจนถึงลิฟต์เป้าหมายแล้วใช้ตะขอกว้านชาร์ทพลังงานของลิฟต์เพื่อเอารถลงไปที่ทางอุโมงค์ใต้ดินต่อ
-ขับ Batmobile ไปตามอุโมงค์ใต้ดินด้วยการหลบสิ่งกีดขวางตามทางไปจนถึงประตูเหล็กที่ปิดกั้นทางอยู่ ลงจากรถแล้วมุดเข้าช่องใต้พื้นไปอีกด้านจะพบรถถังมากมายตรวจการณ์อยู่ ให้ใช้ Remote Hacking ทำให้มันตาบอดกับการโหนไปตามเหล็กด้านบนเพื่อหลบมันไปที่ห้องควบคุมด้านในเพื่อสับคันโยกสวิตซ์เปิดประตูเหล็กออกแล้วบังคับให้ Batmobile เข้ามาจัดการทำลายมันให้หมดแล้วเข้าไปด้านในต่อ โดยให้ batman ลงมาคอยสับคันโยกที่ห้องควบคุมเพื่อเปิดทางให้ batmobile ขับเข้าไปด้านในต่อเรื่อยๆจนถึง Phase 6 ที่มีทางขาดอยู่ ให้ใช้การพุ่งตัวออกจากรถเพื่อให้ Batman ข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วเข้าไปกดสวิตซ์ในห้องควบคุมให้สะพานอีกฝั่งทิ้งตัวลงมา จากนั้นบังคับรถให้ปรับสะพานเพื่อใช้พุ่งตัวโดดข้ามาอีกฝั่งได้ ขับต่อไปจนถึงทางทะลุเข้าไปในถ้ำ สแกนหาจนพบจุดแกนกลางของรากแล้วอัดกระแทกโซน่าไปที่จุดนั้นจะทำให้รากพืชกลับมีชีวิตขึ้นอีกครั้งแล้วมันก็จะพบ Batman พร้อมรถขึ้นไปที่ถนนด้านบนได้
- Batman สามารถทำให้พืชโบราณอีกต้นฟื้นคืนชีพจน IVY สามารถใช้มันได้สำเร็จ และเธอกำลังสั่งให้มันขจัดสารพิษออกให้หมด ท่ามกลางการขัดขวางจากรถถังของศัตรู ซึ่ง batman ต้องเข้าไปช่วยจัดการมันเพื่อป้องกันต้นไม้ของ IVY
หลังจากทำลายรถถังศัตรูจนหมด IVY บอกให้ batman รีบหา “Cloudburst” ให้เจอเร็วที่สุดก่อนที่เธอกับพืชจะหมดพลัง Batman แจ้ง Alfred ให้ยกสะพานขึ้นจากฝั่ง Bleake Island เพื่อสกัดกั้นการหนีของรถถังของ Arkham Knight ทันที และให้สแกนหาจุดอ่อนของ “Cloudburst” ให้เจอในขณะที่ batman จะเข้าไปจัดการพวก Cobra Drone ที่คอยปกป้องรอบๆตัวมันก่อน
-เข้าไปจัดการทำลาย Cobra Drone ที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 7 คันให้หมดแล้วเข้าไปที่เป้าหมายที่ Cloudburst Tank ได้เลยโดย Alfred จะส่งแผนผังจุดอ่อนของมันมาให้โดยเมื่อสแกนแล้วก็จะพบจุดอ่อนที่จุดหล่อเย็นของเครื่องยนต์ทั้ง 4 จุดรอบตัวถังรถมัน ซึ่งต้องใช้วิธีซุ่มยิงด้วย 60mm ในจุดที่มันมองไม่เห็นเพื่อซูมยิงเพื่อทำลายจุดหล่อเย็นที่ละจุด และการยิงแต่ครั้งเมื่อมันรู้ตัวมันจะเข้าโจมตีทันที ช่วงนี้ก็ต้องหาที่หลบจนกว่ามันจะหยุดแล้วเข้าไปลอบยิงจุดหล่อเย็นที่เหลือต่อจนพลังของมันหมดก็จะทำลายมันลงได้
Batman รีบกระชากตัว Arkham Knight ออกมาจากรถแล้วทั้งคู่ก็มาสู้กันต่อบนยอดตึกจน Batman รู้ตัวอีกทีเขาก็เพิ่งรู้ว่าทั้งหมดเป็นการป่วนความคิดของ Joker เท่านั้นซึ่งจริงๆ Arkham Knight นั้นหนีไปได้นานแล้ว ก่อนที่ Batman จะติดต่อกลับไปหา IVY เพื่อแจ้งข่าวว่าเขาทำลาย Cloudburst ลงได้แล้ว ไม่นานสารพิษก็จะถูกดูดซึมได้จนหมด แต่ เขากลับติดต่อไปยัง IVY ไม่ได้ Batman จึงต้องรีบไปดู IVY ในทันที
ทันที่เดินทางกลับไปที่สวน Botanical Garden Batman ก็จะพบว่า IVY นั้นอยู่ในสภาพย่ำแย่พลังพลังชิวิตของเธอก็หมดไปกับการควบคุมต้นไม้โบราณในการดูดสารพิษทั้งหมดในเมือง “ ธรรมชาติย่อมชนะเสมอ “ คือคำบอกลั้นๆของอาชญากรผู้รักต้นไม้ ก่อนที่ร่างจากแหลกสลายไปภายใต้อ้อมกอดของ Batman
สปอร์มากมายที่ต้นไม้โบราณปล่อยออกมาด้วยพลังของ IVY มันได้สร้างปาฏิหาริย์ทีสุดยิ่งใหญ่ เพราะมันได้ทำการฟอกอากาศให้เมืองทั้งเมืองจนขจัดสิ้นซึ่งสารพิษแห่งความกลัวของ Scarecrow หายไปจนหมดสิ้น
Chapter 8: Crippled by Fear
Batman ให้ Alfred ตามสัญญาณของ Arkham Knight ต่อแต่ก็เหมือนเดิมคือตามสัญญาณมันไม่ได้ แต่ Alfred ก็พบข่าวสารในวิทยุตำรวจที่ถูกสั่งให้ไปที่ตึกห้าง Killinger Department store นึงจำนวนมาก และข่าวจากตำรวจตอนที่ Batman แวะไปเอาปืนไฟฟ้าที่สถานีตำรวจก็พบว่า Cash กำลังกังวลเกี่ยวับการหายตัวไปของ Gordon อย่างมาก ทำให้ Batman ประเมินว่าตำรวจจำนวนมากกำลังไปที่ตึกนั้นคงกำลังออกค้นหาตัวของสารวัตร Gordon ที่หายตัวไปแน่นอน Batman จึงต้องรีบไปตรวจสอบดูทันที
-เดินทางมาที่เป้าหมายหลักที่ตึกห้าง Killinger Department store ด้านหน้าจะเต็มไปด้วยศัตรูเฝ้าทางเข้าอยู่มากมาย ให้มุดลงไปในท่อด้านหน้าตึกได้เลย ลงมาแล้วจะพบจุดน้ำขังที่เป็นไฟช็อต ใช้ ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงที่หม้อแปลงไฟที่อย่ในน้ำเพื่อปิดมันก็จะเดินข้ามไปได้จากนั้นก็ยิงอีกครั้งเพื่อเปิดไฟ ประตูที่กั้นอยูก็จะถูกยกขึ้น มุดเข้าช่องด้านบนก็จะมาอยู่ที่ใต้พื้นห้องโถงใต้ห้องลิฟต์ ซึ่งก็จะพบพวกศัตรูกำลังจับ Gordon อยู่ตามที่ Batman คาดไว้ เมื่อ Gordon ถูกพาขึ้นลิฟต์ไปแล้ว ใช้เครื่องเลียนเสียง Voice Synthesizer กับศัตรูที่ยืนอยู่ใกล้สวิตซ์เพื่อใช้เสียงของ Arkham Knight สั่งให้มันกดสวิตซ์เปิดประตูของชั้นโถงลิฟต์ทั้งหมด จากนั้นก็บังคับ Batmobie ที่จอดอยู่ด้านนอกยิงถล่มเข้ามาได้เลย
- จัดการศัตรูจนหมดแล้วเข้าไปสำรวจแผงควบคุมด้านในเพื่อเปิดช่องระบายอากาศหลักของตึกออก แล้วให้ Batmobile ยิงพนังตรงเลข 02 ให้เปิดออกแล้วร่อนเข้าไปด้านในเพื่อสับคันโยกเอที่กั้นทางหน้าทางเข้าออก รถก็จะเข้ามาด้านในได้แล้ว เอารถเข้ามาแล้วใช้ฉมวกกว้านของรถยิงที่ตะขอที่เพดานเพื่อหย่อนรถลงไปในช่องระบายอากาศซึ่งจะยังมีพัดลมขนาดใหญ่หมุนอยู่ด้านใต้ระหว่างชั้น 02 – 03 มองขึ้นด้านบนใช้ปืนใหญ่ของรถยิงใส่พื้นปูนแล้วโหนขึ้นไปที่ห้องด้านบน จะเห็นแกนพลังงานหมุนอยู่ ใช้ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงใส่จนมันระเบิด พัดลมระหว่างชั้น 02 – 03 ก็จะหยุดหมุน หย่อนรถผ่านพัดลมลงไปต่อจนถึงพัดลมชั้น 04 ที่หมุนอยู่ ใช้ปืนใหญ่ยิงพนังระหว่างชั้นให้เปิดออกแล้วโหนตัวเข้าไปด้านใน จัดการศัตรูให้หมดแล้วโดดเข้าไปบนลิฟต์ที่ค้างอยู่ ใช้ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงใส่มอเตอร์ลิฟต์จมันลงไปชั้นล่าง แล้วใช้เจลระเบิดทำลายพนังออกไปจัดการศัตรูให้หมดแล้วสับสวิตซ์เปิดประตูออกมาด้านนอกจะออกมาที่ใต้พัดลมในช่องระบายอากาศของชั้น 04
- จากนั้นวิ่งเข้าไปด้านในโดดข้ามอีกด้านจะพบศัตรูกลุ่มนึงยืนคุยตรงจุดน้ำขังและมีหม้อแปลงไฟอยู่ด้านบน ใช้ ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงหม้อแปลงจะช็อตพวกมันตายได้ทั้งหมด แล้วเข้าไปกดสวิตซ์เปิดประตูลิฟต์เข้าไปใช้ ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงใส่มอเตอร์ที่พื้นลิฟต์ให้มันเลื่อนลงไปชั้นล่าง ออกมาจากลิฟต์จากด้านบนเข้าไปยืนในช่องระบายอากาศแล้วใช้ปืนไฟฟ้ายิงมอเตอร์ให้ลิฟต์กลับขึ้นไปด้านบนแล้วโดดเข้าไปในช่องตรงหน้าที่มีตะแกรงระบายอากาศ งัดมันเข้าไปด้านในต่อจะพบศัตรูกลุ่มใหญ่อยู่ในห้อง โดดลงไปจัดการมันให้หมด สำรวจแผงควบคุม แล้วเข้าไปตามทางด้านในจนถึงพนังที่อยู่ใต้พัดลมระบายอากาศของชั้น 4 ที่อีกฝากของพนังคือห้องที่ Gordon ถูกจับอยู่
- เข้าไปด้านในต่อจนพบปืนกลที่หน้าช่องลิฟต์ ใช้ Remote hack ทำให้ปืนตาบอกซะแล้วรีบเข้าไปที่ช่องลิฟต์ด้านในโหนตัวขึ้นไปที่ห้องระหว่างช่องลิฟต์จะพบแกนพลังงานหมุนอยู่ ใช้ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงใส่จนมันระเบิดพัดลมระบายอากาศของชั้น 04 ก็จะดับ บังคับให้ Batmobile หย่อนตัวลงมาที่ใต้พัดลมได้เลย แล้วใช้ฉมวกกว้านดึงที่ตะขอข้างๆพนังเพื่อให้พื้นหมุนลงไปชั้นล่างสุด แล้วใช้ปืนใหญ่ของรถยิงทำลายปืนกลหน้าช่องลิฟต์ซะ Batman ก็จะโดดกลับลงมาที่รถได้ จากนั้นก็ใช้ปืนยิงพนังร้าวให้แตกออกแล้วดึงตะขอข้างๆพนังให้พื้นหมุนขึ้นด้านบนเพื่อให้ขับรถเข้าไปในช่องทางในพนังได้
-ขับรถเข้าไปตามท่อขนาดใหญ่หลบที่กั้นที่กีดขวางไปตามทางจนโดดข้ามมาอีกฝั่งของท่อ แรงสั่นสะเทือนมาอย่างที่โผล่พ้นพนังออกมาคือรถสว่านขนาดใหญ่ที่คนขับคือ Arkham Knight ที่พร้อมที่จะตามบดขยี้จนกว่า Batmobile จะแหลกไปพร้อม Batman ขับหนีมันไปจนถึงจุดที่มีหม้อไฟจะเกิดการระเบิดจนพนังถล่มนั่นจะทำให้รถสว่านเกิดความเสียหายได้ แต่มันก็จะหลุดออกมาไล่ตามได้ใหม่ จากนั้นก็ขับวนไปมาตามท่อเพื่อล่อให้รถสว่านขับไปโดนระเบิดที่พนังจนพลังหมด Alfred ก็จะเปิดทางออกให้ขับออกไป ใช้ฉมวกกว้านดึงพัดลมระบายอากาศด้านบนออก ในขณะที่ Batman กำลังจะหนีขึ้นไป Arkham Knight ก็ขับรถสว่านเข้ามาบุกประชิดอีกครั้ง
Arkham Knight – ไม่มีทางหนีอีกแล้ว ข้าทำได้ ทำให้แกจนตรอก ไม่มีศัตรูหน้าไหนที่ทำแบบนี้กับแกได้มาตลอดหลายปี แต่ข้าทำได้เพราะข้ารู้ใส้รู้พุงแกดี แกคิดว่า Scarecrow มันเจอ Oracle ด้วยตัวเองหรอ ? ข้านี่แหละที่บอกมัน แล้วใครละที่บอกทุกความเคลื่อนไหวของแกกับพวกมัน ก็ข้าอีกแหละ ! แต่ไม่ต้องห่วงบรู๊ซข้ายังจะเก็บความลับบางอย่างของแกเอาไว้อย่างดีอยู่
- และทันทีที่ Arkham Knight เดินหน้ารถสว่านบดขยี้เข้ามาต่อก็รีบดึงตัวเองขึ้นไปด้านบนช่องระบายอากาศได้เลย รถส่วนของ Arkham Knight ก็จะบดขยี้ Batmobile จนเป็นจุลไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นเข้าไปด้านในต่อจนถึงที่มุดเข้าไปที่พื้นของห้องชั้นบนก็จะเป็นห้องที่ Gordon ถูกสอบสวนอยู่พอดี โดดขึ้นไปจัดการศัตรูให้หมดเพื่อช่วย Gordon ได้เลย
เมื่อเข้าไปช่วย Gordon ไว้ได้ Arkham Knight ก็เข้ามาเล็งปืนใส่จากด้านหลังโดยที่ batman ยังไม่ทันตั้งตัว
Arkham Knight – ดูรอบๆตัวหน่อยสิ บรู๊ซ !
Batman – แกเป็นใครกันแน่ !
Arkham Knight – แกนึกไม่ถึงเลยละ !
Batman – Jason …! นายตายไปแล้วไม่ใช่หรอ ?
Jason Todd – แล้วไง มันสำคัญตรงไหน ผิดหวังหรอ ? ผมเจ็บปวดยิ่งกว่าตายเสียอีก
Batman – โจ๊กเกอร์ส่งภาพมา ผมก็เห็นคุณถูกฆ่าไปแล้ว
Jason Todd – อย่ามาตอแหล แล้วมันนานแค่ไหนละที่คุณถึงคิดจะไปช่วยผม เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือ เป็นปี !! ผมเชื่อใจคุณมาตลอดแต่คุณก็กลับปล่อยให้ผมตาย คุณสอนผมเสมอบรู๊ซว่า ไม่ว่าจะต้องการอะไรก็จงจริงจังกับมันแล้วมันจะสัมฤทธิ์ผล ซึ่งมันก็จริง แล้วรู้มั๊ยอะไรที่ผมต้องการตอนนี้ ผมต้องการให้คุณตายยังไงละ !
Jason ยังไม่ทันพูดขาดคำ Batman ก็อัดจนกนะเด็นแล้วรีบโดดหนีไปซ่อนตัว ในขณะที่ Jason ส่วมหน้ากากอันใหม่สีแดงฉานพร้อมใช้ปืนสั้น 2 กระบอกของมันมารวมกันกลายเป็นปืนไรเฟิ่ลแล้วดึงตัวไปเองไปที่จุดซ่อนตัวเพื่อรอสอยตอนที่ Batman ปรากฏตัวออกมา
Boss - Jason Todd จุดแรกดึงตัวขึ้นไปจากใต้บันไดไปที่ชั้นบนจะเห็นมันเล็งปืนเป็ชนรหัศมีสีแดงๆอยู่ โดดเกาะไปโจมตีใส่มันได้เลย 1 ครั้ง จากนั้นมันจะหนีเข้าไปด้านในพร้อมเรียก Drone พร้อมทหารจำนวนนึงออกมาช่วย จัดการศัตรูให้หมดแล้วหาจังหะเข้าไปถึงตัวมันจัดการมันครั้งที่ 2 ได้มันจะหนีเข้าไปด้านในต่อ โดดโหนทะลุกำแพงเข้าไปอีกด้านที่ห้องโถงยาว ก็จะพบกับทหารและ Drone ที่มากขึ้นบุกเข้ามาส่วน Jason จะอยู่ส่วนในสุด ที่ต้องลอบเข้าไปดึงตัวเข้าไปจัดการมันครั้งที่ 3 แล้วมันจะหนีไปห้องด้านในต่อ ห้องที่มี Drone และปืนกลอัตโนมัติที่พื้นห้อง ลอบเข้าไปจัดการมันครั้งสุดท้าย Batman ก็จะเข้าปัดมันจนปืนหลุดจากมือได้สำเร็จ
Batman – นายยังคงเป็นโรบิ้นเสมอ Jason อย่าให้โจ๊กเกอร์มันเปลี่ยนนายเป็นอย่างอื่น !
Jason – หยุดพลามซะที คุณปล่อยให้ผมอยู่กับมัน โดนมันมานเป็นปีๆ คุณนะแหละทำให้ผมเป็นแบบนี้
batman – ผมเสียใจ Jason .. แต่มันยังไม่สายไปหรอก เราช่วยกันแก้ไข้มันได้นะ
Jason ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปหา Batman แต่อย่างน้อยเขาก็ยอมลดปืนลง แต่ในขณะที่ batman กำลังแจ้งไปหา Alfred ว่าพบตับ Jason Todd แล้ว Jason ก็ฉวยโอกาสหนีไปทิ้งไว้แค่หน้ากาก Arkham Knight ที่พังยับเยิน ...
- หลังจากที่จัดการปิดฉาก Arkham Knight ลงได้แล้ว จากนั้นเดินไปช่วย Gordon ที่ถูกมัด เขาจะบอกว่าตอนนี้ Scarecrow อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึกนี้ และเขาต้องการจับมันโดยยังไม่ต้องมาขอโทษเรื่อง Barbara ในตอนนี้ ขณะที่จะเข้าไปที่ลิฟต์ศัตรูกลุ่มนึงก็ออกมา จัดการพวกมันให้หมดแล้วขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนต่อได้เลย
Batman – คุกเข่าลง Crane นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย !
Scarecrow - คุณทำได้ ..มันก็ไม่แปลก เพราะข้าก็คิดว่ามันต้องลงเอ่ยแบบนี้อยู่แล้ว
Batman – ผมจะไม่พูดซ้ำแล้วนะ !
Scarecrow - ข้าไม่ได้พูดกับแก batman … เอาละ ได้เวลาแล้ว
Batman – เวลาอะไร ?
Gordon – ผมเสียใจ .. มันไม่มีทางเลือก เอาลูกสาวผมออกมา Crane !
Barbara – พ่อ ! Batman นี่มันอะไรกันเนี้ย
Scarecrow - ถึงเวลาที่ Gotham จะได้เห็น ฮีโร่สุดโปรดของพวกเขาทั้ง 2 คนว่าใครจะแน่กว่ากัน ระหว่างชายคนนึงที่ปราศจากความหวัง ต้องถูกทรยศจากเพื่อนของเขาเอง ทุพพลภาพจากความหวาดกลัวที่จะสูญเสียคนที่เขารักไป
Gordon – ปล่อยเธอไป เราต้องลงกันแล้วนี่ !
Scarecrow - ครั้งนึงก็คิดว่าแกทำไปเพราะความกลัว และเพราะโทษตัวเองที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ แกอยากจะปกป้องเธอ ทั้งที่ลึกๆแกก็รู้ว่าไม่มีปัญญาทำได้ และความกลัวนั่นแหละทำให้แกเป็นของข้า คิดดีๆก่อนจะทำนะ กอร์ดอน ชีวิตลูกแกอยู่ในกำมือข้านะ
--- ปัง !! Gordon ตัดสินใจหันปืนไปทาง Batman แล้วยิงเข้าไปเต็มๆจน Batman กระเด็นตกตึกไป ---
Barbara – พ่อ ! ไม่ !!
Scarecrow - แกคิดว่าข้าอยากให้ไอ้แบทแมนมันตายหรอ ? แล้วแกคิดว่าแกจะช่วยลูกสาวแกได้จริงๆหรอ ? แกรู้รึยังว่าคนที่ตกอยู่ในความกลัวนะมันทำอะไรไม่ได้ซักออย่างหรอกนะ เขาต้องเผชิญหน้ากับมัน !!
Barbara – ชั้นไม่กลัวแกหรอก !!
Scarecrow - จุๆๆ กลัวหน่อยเถอะนะ ….
Scarecrow ทิ้งร่างของ Barbara ที่นั่งบนรถเข็นลงมาจากดาดฟ้าตึกดื้อๆ แต่โชคดีที่ Batman ที่ดักซุ่มอยู่พุ่งตัวเข้ามาช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน ส่วน Scarecrow รีบนั่ง ฮ. หนีออกจากพื้นที่พร้อมส่งรถถังมากมายเข้ามาระดมยิงใส่ Batman กับ Barbara ที่กำลังจนมุมอยู่ที่ซากตึก
แต่ทาง Alfred ก็ส่ง Batmobile คันใหม่มาให้ใช้ทันใจพร้อมอัพเกรดอาวุธให้เป็นระดับ 4 ด้วย จัดการรถถังศัตรูให้หมด แล้วขับรถพา Barbara ไปส่งที่สถานีตำรวจ Batman ก็จะช่วย Barbara เอาไว้ได้สำเร็จก่อนที่จะหาทางตามหาตัว Gordon และจับตัว Scarecrow ให้ได้ต่อไป ..
Chapter 9: The Die is cast
ทันทีที่ได้ตัว Barbara Gordon กลับมาอย่างปลอดภัยเธอก็เริ่มงานในฐานะ Oracle ต่อทันที งานต่อไปคือ ค้นหาตัวสารวัตร Jim Gordon และอีกเป้าหมายนึงคือไล่ล่า Scarecrow แต่ดูเหมือน Oracle จะเชื่อมต่อไปยัง Server ของคอมพิวเตอร์ค้างคาวที่หอนาฬิกาไม่ได้เพราะพวกลูกน้องของ Scarecrow กำลังบุกไปทำลายที่นั่นอยู่ ก่อนที่พวกมันจะตัดการเชื่อมต่อทั้งหมด Batman จึงต้องรีบไปจัดการพวกมันก่อนทันทีเพื่อชิงเอาตัว Server มาเพราะมันจำเป็นในการสแกนค้นหา Gordon เป็นอย่างมาก
-เดินทางไปยังเป้าหมายหลักที่หอนาฬิกาจะพบศัตรูมากมายอยู่รอบๆพื้นที่ ลอบจัดการพวกมันให้หมดแล้ว่อยขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อเข้าไปที่ห้องทำงานใต้หลังคาได้ Batman จะเข้าไปเปิดระบบรักษาความปลอดภัยหลักของห้องข้อมูลแล้วโดดร่อนลงไปที่ห้องด้านล่างเพื่อส่งข้อมูลให้ Oracle ทำให้ระบบฐานข้อมูลของเธอกลับมาออนไลน์ได้อีกครั้ง แต่คงต้องใช้เวลาซักหน่อยซึ่งจะเสร็จทันพอดีเมื่อ Batman กลับมาที่สถานีตำรวจ Oracle ยังบ่นถึงเรื่องของ Jack Ryder นักข่าวจอมจุ้นจ้านที่พยายามจะออกไปทำข่าวคดีลัทธิประหลาดของ Deacon Blackfire ด้วยตัวเอง ล่าสุดเขาไปที่รูปปั้น Lady of Gotham จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเธอจึงอยากให้ batman ช่วยแวะไปตรวจสอบที่นั่นให้หน่อย ซึ่งก็จะเป็น เควสย่อย Lamb to the Slaughter ของ Jack Ryder และเป็นเควสย่อยสุดท้ายของเกมด้วย เข้าไปช่วยเขาหน่อยเพราะเป็นภารกิจแบบม้วนเดียวจบ
Most wanted - Lamb to the Slaughter
เดินทางไปที่บริเวณรูปปั้น Lady of Gotham ก็จะพบ Deacon Blackfire กำลังทำพิธีจับตัว Jack Ryder มาบูชายันต์อยู่ในกรงที่ล้อมรอบด้วยกระแสไฟฟ้าท่ามกลางสาวกมากมายที่มาร่วมพิธี เข้าไปจัดการพวกสาวกมันให้หมดแล้วใช้ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงไปที่หม้อแปลงไฟฟ้าด้านใต้ของกรงเพื่อทำลายมันให้หมดก็จะสามารถเข้าไปอัด Blackfire และช่วย Jack ออกมาได้แล้ว
Character Bio – Jack Ryder
พิธีกรรายการทอร์คโชว์และนักข่าวจอมแคะแกะเกาสุดป่วนและน่ารำคาญที่ทำทุกวิถีทางที่จะได้ข่าวมา (คอยรายงานข่าวสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาค Arkham Asylum ด้วย) จนได้จับข่าวใหญ่ในเรื่องราวของผลการทดลองเรื่อง "Nanocells" ของ Dr. Vincent Yatz ที่กำลังศึกษาเรื่องเซลที่รักษาตัวเองได้ แต่ก็พบกับคนร้ายกลุ่มนึงที่พยายามจะเข้ามาขโมยงานทดลองนี้ไป Dr. Vincent จึงไม่มีทางเลือกที่ต้องฉีด Nanocells ที่เขาค้นพบใส่ไว้กับตัวของ Jack ในขณะที่พวกคนร้ายยิง Jack ที่หัวจนตายคาที่แต่ด้วยความสามารถการรักษาตัวเองของ Nanocells ที่ Dr. Vincent ฉีดเอาไว้จนถึงทำให้ Jack เกิดใหม่อีกครั้งในนามของ The Creeper
ฮีโร่มาดกวนที่ไม่ต่างอะไรกับ deadpool ผสมกับหน้าตาที่คล้ายโจ๊กเกอร์ และภาระหน้าที่ในแบบฮีโร่ศาลเตี้ยที่ออกจัดการผู้ร้ายช่วยเหลือผู้คนตามแนวทางของเขา เห็นสติสตังไม่ค่อยสมประกอบแบบนี้ก็เคยช่วยงาน batman และ Justice League มาบ้างแล้วเหมือนกันนะ แถมยังได้ร่วมงานกับกลุ่มฮีโร่ในชื่อ Outsiders ที่จัดตั้งขึ้นโดย Alfred ด้วย
Character Bio – Deacon Blackfire
ฉายา The Cult เป็นผู้นำลัทธิคลั่งศาสนาที่ว่ากันว่าเขามีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วแต่ที่ยังดูยังเยาว์วัยอยู่ก็เพราะไปค้นพบศาสตร์แห่งความเยาว์วัยโดยใช้การอาบเลือดมนุษย์ มีกองกำลัง Caped Crusader ที่เป็นเหล่าคนจรจัดมากมายที่อาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำใต้เมือง Gotham และมีความพยายามอย่างมากที่จะจับ Batman มาล้างสมองเพื่อให้มาเป็น Caped Crusader เพื่อทำงานให้เขา
กลับมาที่ภารกิจหลัก – เดินทางมาที่สถานีตำรวจ GCPD เข้าไปคุยกับ Oracle ทันทีคอมพิวเตอร์เริ่มใช้งานได้เธอก็เริ่มสแกนหาตำแหน่งเฮลิคอปเตอร์ของ Scarecrow ทันที แต่ก็ทำได้แค่รู้ว่ามันมุ่งหน้าไปที่อ่าวถ้าเหนือของเมืองก่อนที่สัญญาณจะถูกตัดหายไป แต่แล้วจู่ๆก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นพร้อมข้อความภาพที่ส่งมาจาก Scarecrow
Scarecrow – เหล่าตำรวจผู้รักษาสันติราษฎรแห่งเมือง Gotham ทุกท่าน ข้ามีข้อความถึงพวกท่าน ตอนนี้พวกท่านจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป พวกท่านจะไม่สามารถปกป้องตัวเองหรือใครจากภัยครั้งนี้ได้ และ Batman ก็ไม่มีทางช่วยพวกท่านได้อีกด้วย นี่คือการเริ่มต้นสู่จนจบของแก อัศวินรัตติกาล
-จากนั้นออกมาที่หน้าตึกจะมีศัตรูกลุ่มนึงที่บุกฝ่าประตูเข้ามาได้ ใช้ Batmobile จัดการมันให้หมด แล้ว Batman จะติดให้ Cash เปิดประตูทางออกเพื่อที่เขาจะออกไปลุยด้านนอกแต่ Oracle จะบอกว่าตึกทั้งตึกถูกแฮกตัดระบบทั้งหมดซึ่งต้องไปชาร์ทระบบที่ด้านนอกตึก ใช้ Batmobile ดึงพัดลมระบายอากาศตรงทางเข้าออกแล้วเข้าไปที่นั่น มุดเข้าไปทะลุอีกด้านแล้วดึงตัวไปตามช่องลิฟต์ส่งของไปมุดช่องระบายอากาศด้านบนก็จะออกมาที่ดาดฟ้าด้านนอกตึกได้
ด้านหน้าตึกจะพบว่าพวกของ Scarecrow นั้นนำกองรถถังมาบุกมาล้อมยิงลถ่มตึกเต็มไปหมดแล้ว รถ Batmobile ก็เอาออกมาจากด้านในตึกไม่ได้เพราะประตูปิด ส่วนตัว generator ก็ถูกศัตรูทำลายไปแล้ว Oracle สั่งให้รอไปเปิดพลังสำรองที่อยู่ในชั้นจอดรถดูเพื่อให้ generator ทำงานอีกครั้ง
-โดดลงไปเข้าที่ชั้นจอดรถใต้ตึกเข้าไปจัดการศัตรูให้หมด แล้วใช้ปืนไฟฟ้า Remote Electrical Charge ยิงไปที่หม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อให้ระบบพลังงานสำรองกลับมาใช้ได้อีกครั้ง Oracle ก็จะสามารถสั่งเปิดประตูตึกให้ได้แล้ว แถมเธอยังบอกว่าสามารถ Hack Drone ของศัตรูได้อีกด้วย จากนั้นก็ขับ batmobile ออกไปลุยกับฝูงรถถังศัตรูที่หน้าตึกซึ่งมีทั้งหมด 60 คัน แต่ Oracle ก็จะช่วย hack ปิดระบบของมันจนทำให้รถถังมันหยุดนิ่งได้ซึ่งจะขึ้นเป็นเป้าหมายสีเหลือให้เข้าไปยิงได้เลยตูมเดียวจอด
-หลังจากจัดการกองรถถังหน้าตึกจนหมดแล้ว คอปเตอร์ของศัตรูจะนำกำลังพลบุกเข้าไปทางดาดฟ้าของตึกต่อ โดดตามขึ้นไปจัดการศัตรูชุดแรกให้หมด ชุดที่ 2 ที่เป็นทหารเกราะหนักก็จะตามมา จัดการพวกมันให้หมดก็จะสามารถหยุดการโจมตีของพวก Scarecrow ได้ Cash จะเข้ามาขอบคุณ Oracle และ Batman แทนเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เข้ามาช่วยเคลียร์สถานการณ์ แต่ ดูเหมือน Oracle จะพบตำแหน่งของ Scarecrow ขึ้นมาอีกครั้งที่โรงถ่ายเก่าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใช้กักกันโรคของ batman ที่ Robin ถูกขังอยู่ที่นั่นด้วย batman จึงต้องรีบไปช่วยทันที
-เดินทางไปตามเป้าหมายหลักต่อที่ โรงถ่ายหนัง Panessa Studio เมื่อเข้ามาถึงห้องกักกันโรคก็จะไม่พบตัว Robin อยู่ในกรงขังแล้วนอกจากสัญลักษณ์ของ Scarecrow ที่ทิ้งเอาไว้ให้เข้าใจว่ามันได้ตัว Robin ไปแล้ว แต่ไม่นาน Scarecrow ก็จะติดต่อกลับมาหา Batman อย่างใจเย็น
Scarecrow - มองหาใครอยู่หรอ ? ก็รู้อยู่ว่าตอนนี้ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยอีกแล้วนี่ แถมคนเราก็อาจโดนทรยศกันง่ายๆอีกเหมือนเพื่อนสารวัตรของแกไง และตอนนี้ข้าได้ตัว Gordon เพื่อนจอมทรยศและ Robin คู่หูของแกไปแล้ว เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรง ด้วยความกลัวของแกถึงขนาดต้องจับคนใกล้ตัวขังเลยหรอ และก็อีกแหละด้วยความกลัวนี้จะทำให้แกยอมทำตามที่ข้าพูดทุกอย่าง แกจงไปที่โกดังสินค้าที่ Kingston คนเดียวแล้วถอดหน้ากากออกไม่งั้นเพื่อนแกตาย !!
-จากนั้นเดินทางไปยังเป้าหมายหลักที่โกดังร้างในเขต Kingston เข้าไปในห้องด้านในก็จะพบ Scarecrow ติดต่อมาทางจอมอนิเตอร์
Scarecrow - ภายใต้ความแข็งแกร่งของคนเราทุกคนย่อมซ่อนจุดอ่อนที่ไม่มีใครรู้ไว้ในส่วนลึกเสมอ และแกก็ไม่ต่างกัน ข้าได้จุดอ่อนของแกอยู่ในมือข้าแล้ว และข้ารู้ว่าแกก็กลัว แล้วมาดูกันว่าใต้หน้ากากนั่นจะเหลืออะไรอีกนอกจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันจะพิสูจน์ตัวตนของแกไงว่าหากไม่มีหน้ากากแกก็ไม่มีอะไรเหลือ ไร้ซึ่งพลังและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ..ทิ้งของทุกอย่างของแกไว้บนโต๊ะนั่นแล้วค่อยมาเจอกัน .
-เอาเข็มขัดอุปกรณ์ทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะแล้วเข้าไปยังท้ายรถบรรทุกด้านใน รถก็จะออกเดินทางพาตัว Batman ออกจากโกดัง
จนรถมาถูกชนจนคว่ำที่ซอยแห่งหนึ่งด้านหลังโรงละครโอเปร่าซึ่งเป็นซอยที่พ่อแม่ของ บรู๊ซ ถูกยิงตายตั้งแต่ในสมัยเด็ก แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องราวที่ Joker พยายามป่วนสมองของ batman เท่านั้นเพราะ รถบรรทุกยังคงเดินหน้าต่อไปจนถึงที่หมายที่ Scarecrow รออยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวช Arkham Asylum !!
ที่ด้านในตึกโรงพยาบาลจิตเวช Arkham Asylum batman ถูก Scarecrow จับมันกับเตียงไม่ต่างกับคนไข้โรคจิตขณะที่ Robin นั่งหมดสภาพโดยมี Gordon เป็นคนคุมเชิงอยู่ตาม Scarecrow สั่ง
Scarecrow – พร้อมรึยังละ ?
Batman – ถ้าแกคิดว่ามันจะจบแค่นี้ละก็ไม่มีทางหรอก Crane
Scarecrow – หยุดวางก้ามโอหังได้แล้ว ข้าไม่สนหรอกว่าแกเป็นใคร แต่นักข่าวและผู้คนด้านนอกนั่นสิอยากรู้ ข้าเพิ่งชิงความหวังของพวกเขามา พวกเขาจะจ้องเข้ามาในตาของแก โทษแกที่แกทำผิดพลาด ด้วยหน้าตาและตัวตนจริงๆของแก ได้เวลาแล้ว ท่านสารวัตร Gordon ข้าให้เกรียติเจ้าในการเปิดงานนี้
Gordon – ฝันไปเถอะ ขอตกลงระหว่างคุณกับผมมันจบลงไปแล้ว
------------ ปัง !! Scarecrow ยิงใส่ Robin จนลงไปนอนกองกับพื้น] ---------------
Scarecrow – นัดแรกที่โรบิ้นคู่นาย .. ถ้าแกไม่ถอดหน้ากากออกนัดต่อไปคือ Gordon !
Batman – เขา OK มั๊ย ?
Gordon – เขาไม่โอเค !! พอกันที ไม่ว่าพวกเขาจะรู้คุณเป็นใคร Batman คุณจะได้ไม่ต้องซ่อนอีกแล้ว
Batman – อย่าจิมคุณต้องไว้ใจผม
Scarecrow – โอ้ บรู๊ซ เวยน์ ! เองเรอะ ที่นี่โลกทั้งโลกก็จะเห็นแล้วว่าแกมันก็แค่คนธรรมดาที่ไม่มีพลังอำนาจอะไรเลย
Scarecrow ตรงเข้าไปใช้หลอดสารแห่งความกลัวที่นิ้วของมันทิ่มเข้าที่หน้าอกของ Batman จนหมดหลอด ตัวยาทำให้ตัวตนของ Batman นั้นอ่อนแอจนทำให้ Joker ออกมาครอบครองร่างไปได้เกือบทั้งหมด ก่อนที่มันจะบันดาลแค้นมากมายออกมาทางห้วงอารมรร์จนเหมือนกับกำลังเผาเมืองให้มอบไหม้เป็นจุลด้วยความบ้าคลั่ง เสียงของ Alfred ที่พยายามติดต่อเข้ามาเพื่อดึงสติของบรู๊ซก็ดูท่าว่าจะเบาบางจนเกินไปเสียแล้ว
แม้แต่ Scarecrow ยังต้องตกใจที่เห็นร่างของ Batman กลายเป็น Joker ไปต่อหน้าต่อตา จนทำให้ Scarecrow ต้องปกเข็มยาชุดที่ 2 เข้าไปให้เต็มหลอดมากขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าข้างในจิตวิญญาณของ Joker ที่กำลังบ้าคลั่งกับเริ่มหลงทางที่จะหาทางออกมาที่โลกภายนอก โลกในจิตสำนึกของ Joker กลับเห็นแต่ภาพสิ่งของและเรื่องราวที่เริ่มจะเลือนรางของตัวเองกับสิ่งต่างๆที่แทนความแข็งแกร่งจนยากที่จะทำลายของ Batman อยู่ทุกทีของซอกหลืบแห่งจิตใต้สำนึก ทางออกที่ Joker กำลังค้นหาที่ว่าจะนำพาเขาออกมาจากจิตใต้สำนึกของ บรู๊ซ เวยน์ เพื่อหมายจะเอามาเป็นของตนเองนั้นกลับพาเขาไปพบกับจิตใจที่แข็แกร่งกว่าที่ซ่อนอยู่ด้านใน มันคือจิตใจของ Batman สัญลักษณ์ที่ยากจะทำลายที่ฝั่งแน่นดุจรูปปั้นหินอยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกของชายที่ชื่อ บรู๊ซ เวยน์
Batman – แกก็แคกลัวที่จะเหลือแค่เถ้าถ่าน กลัวที่จะถูกลืม แต่แกก็จะถูกลืม เพราะข้านี่แหละ โจ๊กเกอร์ แกทำลายข้าไม่ได้หรอก ข้าคือความแค้นแห่งรัตติกาล ข้าคือ BATMAN !!
ฉากดวลหมัดเพื่อยืนหยัดในจิตวิญญาณจบลงด้วยการพ่ายแพ้ของ Joker จนจิตใต้สำนึกของมันถูกขังลืมไปพร้อมกับเชื้อร้ายในร่างกาย batman ....
Scarecrow – เข้าใจรึยังประชาชนแห่ง Gotham ว่าพวกเจ้าไม่ผู้ไถ่บาปให้เจ้าอีกแล้ว ไร้ซึ่งความหวัง ไม่มีแบทแมน และแล้วข้าก็ชนะ !
Batman – ข้าไม่กลัวหรอก Crane !
Scarecrow – เป็นไปไม่ได้ ทำไมยาข้าไม่ได้ผล ไม่มีความกลัวหรอ แล้วชีวิตมันจะมีความหมายอะไร
- [ จู่ๆกระสุนปริศนาก็ยิงมาใส่ปืนในมือของ Scarecrow ให้กระเด็นออกพร้อมกับที่ล็อกแขนของ batman ก็ถูกทำลายโดยฝีมือการยิงของ Jason ที่กลับมาช่วย Batman ]-
ในขณะที่ Batman ก็ตรงเข้าไปจนถึงตัว Scarecrow ได้สำเร็จ ก่อนที่จะจับถุงมือเข็มฉีดสารแห่งความกลัวแทงใส่ไปที่คอของมันจนฉีดยาเข้าไปจนหมดหลอด...
Batman – เป็นอะไร ? กลัวหรอ ?
สารพิษแห่งความกลัวพุ่งเข้าสู่กระแสโลหิตของผู้สรรสร้างมันและนำมาซึ่งความหวาดกลัวด้วยมโนคติของภาพค้างคาวยักษ์ที่กำลังเดินเข้ามาหมายจะเอาชีวิต
Scarecrow ตัวแทนสัญลักษณ์ของหุ่นไล่กาผู้สรรสร้างความกลัวหลงเหลือแค่เพียง Dr. Jonathan Crane ผู้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของตัวเอง
Batman – โรบินเขาแข็งแกร่งพอ ฝากคุณดูแลเขาด้วย ดูแลทุกคนคนด้วย คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม เพื่อนที่หายากในเมืองนี้ คุณมาอยู่ตรงนี้ตรงจุดที่เรื่องราวมันเริ่มขึ้นแล้ว ก็ขอให้คุณอยู่ดูให้ถึงตอนจบของมันด้วย
หลังจากส่ง Dr. Jonathan Crane เข้าคุกไปเรียบร้อยแล้ว Batman ก็ติดต่อถึง Alfred ถึงแผนต่อไป แผนสุดท้ายในโลกที่ Batman ถูกเปิดเผยตัวจริง
Alfred – แล้วยังไงต่อละครับนายท่าน ตอนนี้โลกทั้งโลกก็รับรู้หมดแล้ว
Batman – Gotham ยังต้องการ Batman อยู่ อย่างน้อยๆก็คืนนี้
Alfred – แล้วจากนั้นละครับ ?
Batman – เตรียมการเรื่อง “Knightfall Protocol” เอาไว้ก็แล้วกัน
Alfred – แน่ใจแล้วหรอครับนายท่าน ?
Batman – ผมไม่มีทางเลือก Alfred
Alfred – มันต้องใช้เสียงในการยืนยันด้วยนะครับ
Batman – Martha ..
Batman – ภารกิจเสร็จสิ้น Gotham ปลอดภัยแล้ว
Gordon – ขอบคุณมากบรู๊ซ สำหรับทุกอย่าง
Batman – ลาก่อน จิม
สถานการณ์ของเมือง Gotham กำลังเข้าสู่ภาวะปกติ ตำรวจหลายร้อยนายออกปฏิบัติหน้าที่เพื่อเก็บกวาดเมืองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทุกอย่างกลับสู่สภพปกติ หน้าคฤหาสน์ Wayne ก็คร่าคร่ำไปด้วยนักข่าวมากมายที่หมายเข้ามาทำข่าว บรู๊ซ เวยน์ เศรษฐีหนุ่มภายใต้หน้ากาก batman
ไม่กี่อึดใจ Batman ก็เดินทางมาถึงพร้อม batwing Alfred ถามย้ำกับบรู๊ซในเรื่องสิ่งที่เขาตัดสินใจจะทำ บรู๊ซตอบไปว่า ต้องการปกป้องพวกเขาถึงต้องยอมลงมือทำแบบนี้ และหลังจากที่ทั้ง Batman และ Alfred หายเข้าไปในบ้านได้พักใหญ่ปล่อยให้นักข่าวต่างก็เอะอะโวยวายต่อไปอยู่ด้านนอก ไม่นานคฤหาสน์ Wayne ก็ระเบิดเป็นจุลไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เงื่อนไขฉากจบที่แท้จริง KNIGHTFALL PROTOCOL ENDING
- เคลียร์เควสย่อย Gotham's Most Wanted ให้หมด 100 %
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Gordon – นี่คือสิ่งที่มันกำลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่เราเฝ้าถามกันมานานว่าจะเป็นยังไงในวันที่ Batman ตายจากพวกเราไป มีเพื่อนเก่าคนนึงเคยบอกผมว่า อาชญากรส่วนใหญ่นั้นขี้ขลาดและมีความกลัวซ่อนอยู่ในจิตใจแทบทุกคน เราก็แค่ต้องหาทางจัดการมันด้วยสิ่งที่น่ากลัวกว่าพวกมัน ผมก็เพิ่งเข้าใจวันนี้เอง วันที่โลกของเขาดำมืดไปเพราะฝีมือของพวกเรา และเมื่อสงครามของเขาจบลง ชีวิตของพวกเราก็เริ่มต้นขึ้น เขาช่วยปลดปล่อยพวกเรา ให้ได้ใช้ชีวิต ให้ได้รักใครซักคน แต่มันก็ยังมีคำถามตามมาเป็นร้อยเป็นพันว่า ใครกันที่ฆ่าบรู๊ซเวยน์ ? แล้วไงต่อ อาชญากรส่วนใหญ่นั้นขี้ขลาดและมีความกลัวซ่อนอยู่ในจิตใจแทบทุกคน นั่นแปลว่าเราไม่ต้องหวาดกลัวอะไรกันแล้วหรอ ? ใครจะปกป้อง Gotham หลังจากที่ batman ตายแล้ว ?
เสียงตั้งคำถามในใจของชายวัยกลางคนอย่าง James Gordon ที่กำลังจะเดินทางไปเป็นทั้งพ่อตางานแต่งงานของ Barbara ลูกสาวกับเจ้าบ่าว Tim Drake และในฐานนายกเทศมนตรีคนใหม่แห่งเมือง Gotham …..
ภายใต้ซอยเปลี่ยวในยามคำคืนที่ครอบครัวพ่อแม่ลูกคู่นึงกำลังเดินผ่านไป .........
เหล่าอาชญากรผู้ผยองในอำนาจเริ่มออกจี้ปล้นผู้คนตามอำเภอใจ แต่บางอย่างทำให้พวกมันต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นเงาดำทะมึนยืนมองอยู่บนยอดตึก
สิ้นเสียงสบถของผู้ร้ายข้างถนนที่กำลังจะคิดปล้นสะดมผู้คน เงาดำบนยอดตึกก็สยายปีกเข้าจู่โจม ด้วยร่างกายที่ขยายใหญ่พุ่งโจมตีด้วยเปลวไฟภายใต้เงาปีกที่คล้าย ค้างคาว !!!! …
--------------------------------------------- THE END -------------------------------------------
เป็นเวลาแรมปีที่ Jason Todd ในฐานะ Robin คนที่ 2 ถูกบดขยี้ทางจิตใจและประทุษร้ายทางร้ายการจากวายร้ายที่ชื่อ โจ๊กเกอร์ ถูกทรมาน ขังลืม และถูกหยามเกรียติด้วยกระประทับอักษรรูปตัว J ไว้ที่หน้าเพื่อประชดว่าเอ็งจะเป็นของข้าตลอดไป Jason ผ่านวันคืนที่เลวร้ายและรอดมาได้ภายใต้จิตใจที่บอบช้ำกับแผลที่ใบหน้าที่ตอกย้ำเหยียดหยามย่ำยี มันได้เปลี่ยนจิตใจที่ชอบธรรมของ Jason ให้กลายเป็นกึ่งอธรรมโดยไม่รู้ตัว หน้ากากแดงคือสิ่งที่เขาใช้เฉกเช่นกลุ่มแก็งค์ที่เคยทรยศต่อโจ๊กเกอร์บุคคลที่เขาคลั่งแค้นและเกลียดชัง .. ใช่ ! มันเปลี่ยนเขาให้ Jason เป็น Red Hood ผู้ชิงชัง Joker ไปตลอดกาล
สัญลักษณ์รูปค้างคาวสีแดงที่หน้าอกเสื้อคือแถบสีเลือดที่ Jason แสดงออกด้วยความชิงชังต่อ Batman คนที่ปล่อยให้เขาถูกทรมานเป็นแรมปีโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ เขากบฏทุกกฎเกณฑ์ที่ บร๊ซ เวยน์ เคยสอนสั่งแล้วระเบิดมันออกมากกับการต่อสู้กับเหล่าร้ายในแบบของเขาเอง รุนแรงและไร้ปราณีคือสิ่งที่ Jason Todd แสดงออกผ่านหน้ากากสีแดง รูปลักษณ์ในแนว Anti – Hero ของ Red Hood นั้นไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเป็นปรปักษ์ต่อ batman แต่เป็นความพยายามที่จะทำตามแนวทางของตัวเองในการหยุดพวกวายร้ายด้วยความโหดร้ายที่มากกว่าด้วยความรุนแรงที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
DLC ของ Red Hood นั้นเป็นภารกิจที่ Jason พยายามเข้าไปหยุดยั้งการขายอาวุธระหว่างคนของ Penguin กับกลุ่มของ Black Mask และจบลงด้วยการส่งให้วายร้ายอย่าง Black Mask ไปพบยมบาลอย่างง่ายดาย ซึ่งเสียใจด้วยที่ความหมายที่ Jason สื่อออกมาใน DLC ของเขานั้นก็แค่ความรุนแรงที่แฝงอยู่ในอิสรภาพของชีวิตที่ก็แค่คิดอยากจะทำ แต่ด้วยเพลย์เกมในรูปแบบที่แปลกตาด้วยอาวุธปืนคู่ที่ดูคล้าย ดันเต้ กับคอมโบและการเคลื่อนไหวที่จบลงด้วยคำว่าไร้ปราณี เป็นการเดินทางที่แสนสั้น ฉาบฉวย แต่หน้าจดจำมากๆ นึกภาพ Red Hood มีเกมแยกเป็นของตัวเองออกมาแล้วเพิ่มอัตราความโหดและลูกเล่นไปอีกหน่อยนี่รับรองขายได้ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกันนะ
----------------------------------------
หลังจากหวานใจของตัวเองต้องตายด้วยความชั่วร้ายของตัวเอง Harley Huinn ในฐานะคนรักของโจ๊กเกอร์ก็เริ่มแผนในการคืนชีพโจ๊กเกอร์กลับมาอีกครั้งด้วยเชื้อไวรัสร้ายของโจ๊กเกอร์ที่หลงเหลืออยู่ในกระแสเลือดของคนกลุ่มนึ่ง และที่ขวางระหว่างเธอกับเป้าหมายก็คือ Batman และนั่นทำให้ Harley ต้องหันมาร่วมมือกับ Scarecrow และตัวร้ายทั้งหมดเพื่อทำลาย Batman และเส้นทางของ Harley Huinn หวานใจโจ๊กเกอร์ใน DLC ของเธอคือการทำภารกิจเข้าไปช่วยเหลือ Poison Ivy ที่ถูกกักขังไว้ที่เมือง Bludhaven เพื่อเอามาควบคุมต่อที่ Gotham ต่อตามแผนของ Scarecrow นั่นทำให้เธอต้องปะทะกับตำรวจ BPD และฮีโร่ผู้ปกป้องเมือง Bludhaven ที่ชื่อ Nightwing
เพลย์เกมของ Harley Huinn นั้นทำออกมาได้โรคจิตพอตัว การต่อสู้ที่รวดเร็ว รุนแรงและตลกร้ายด้วยของเล่นต่างๆของนางทำเอามาได้โหดมันฮามาก โดยเฉพาะ Mayhem Mode โหมดโหดบ้าพลังเฉพาะสำหรับ Harley และภาพผ่านสายตาของเธอผ่านโหมดสแกนนั้นบ่งบอกความโรคจิตของเธอได้ดีมาก ทั้งหมดทำให้ DLC ของเธอสนุกในแบบของ Harley Huinn พอได้อยู่ ไม่นับเสียงพากย์ของเธอนะที่ทั้งแสบแก้วหูและสร้างความหงุดหงิด(สำหรับผม) ไม่น้อยเหมือนกัน
เส้นทางของ Batgirl ใน DLC ของเธอที่ชื่อ A Matter of Family ความสำคัญของคำว่า ครอบครัว ตามนั้นครับ เป็นเหตุการณ์ก่อนเรื่องราวในภาค Arkham Asylum ตามคอนเซปต์ today is all about earning your wing ที่เป็นภารกิจของ Barbra Gordon ในคราบของ Batgirl ในเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตสมัยก่อนที่ Barbara จะโดน Joker ยิงจนขาเสียแล้วผันตัวเองมารับบท Oracle ฝ่าย IT ในการช่วยเหลือภารกิจของ Batman งานนี้สำคัญยิ่งเพราะเธอต้องเข้าไปยังรังของ Joker ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันที่ถูกเปลี่ยนเป็นสวนสนุกนรกเพื่อช่วยสารวัตร James Gordon พ่อของเธอเอง ซึ่งงานนี้จะได้ลุยร่วมกับ Robin Tim Drake ด้วย เพลย์เกมของเธอนั้นเหมือน Batman เป๊ะในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ อาจจะมีงงหน่อยตรงที่ ทำไม Barbara เธอถึงเก่งได้ขนาดนั้น 55+ แต่เอาเถอะยังไง DLC ของ Batgirl ทรงคุณค่าทางอารมณ์มากกว่า ยาวและเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า Red hood กับ Harley Huinn
รู้ไว้ใช่ว่า .. เรื่องฟาร์มเด็กกำพร้าของป๋าบรู๊ซ เวยน์
Dick Grayson
เด็กป๋าคนแรกที่บรู๊ซเก็บมาชุบเลี้ยงเพราะครอบครัวที่เป็นนักกายกรรมในละครสัตว์ของเขาถูกฆ่าจนหมดจนได้มาเป็นคู่หูของ Batman ในฐาน Robin คนแรก ก่อนที่จะดังแล้วแยกวงไปเป็นฮีโร่ในแบบของตัวเองในนามว่า Night Wing แต่ก็มาช่วยสวมบทบาทเป็น Batman อยู่ช่วงนึงในตอนที่ บรู๊ซ เวยน์ หายสาบสูญไปในเหตุการณ์ R.I.P ซึ่งก็จะได้ Damian ลูกชายของบรู๊ซมาช่วยทำหน้าที่โรบินให้ด้วย
** เหตุการณ์ในตอน R.I.P นั้นอยู่ในคอมมิค Batman #676 กับบรรดาตัวแปรอย่างแฟนสาวคนใหม่ที่เป็นนางแบบชื่อ เจซีเบล เจ็ท และ Dr. ไซม่อน เฮิร์ทผู้นำกลุ่มผู้ร้าย Club of Villains ที่ทำให้บรู๊ซ เวยน์ต้องอำลาจากการเป็นแบทแมนไปตลอดกาล (ไม่นานหรอก) **
Jason Todd
กำพร้าที่ 2 นักเลงข้างถนน ที่พยายามจะขโมยล้อรถของ Batman เลยถูกจับมาอบรบสั่งสอนจนกลายเป็น โรบินหัวรุนแรงคนที่ 2 แต่เจ้านี่ทันเลือดร้อนและโหดเหี้ยมกว่าฮีโร่ผู้ดีควรจะเป็น ทั้งมุทะลุ บ้าคลั่ง หยิ่งยโส อวดดี ไม่ค่อยเชื่อฟัง Batman จนสุดท้าย Todd ก็ถูกโจ๊กเกอร์จับได้และซัดเอาปางตาย ทำให้ Todd แค้น Batman มากที่ไม่ยอมช่วยฆ่าโจ๊กเกอร์ให้เขา จึงแยกตัวไปเป็นฮีโร่สายแอนตีฮีโร่นาม Redhood (ใน DLC ที่ได้มาจาก Season Pass นั่นไง) ที่นอกจากจะตามล้างแค้นโจ๊กเกอร์แล้ว Redhood ก็ยังตามป่วน Batman อยู่ตลอดด้วยเช่นกัน
Tim Drake
เด็กกำพร้าที่แบทแมนรับมาอุปการะและได้เป็นโรบินคนที่ 3 ที่เข้ามาเป็นคู่หูของแบทแมนต่อจาก Todd ซึ่งก็คือ โรบินที่เห็นในเกมนั่นเอง Drake นั้นแตกต่างจากโรบินที่ผ่านมาเพราะความฉลาดและความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เขาจึงเป็นโรบินที่มีปัญหาน้อยที่สุด แต่ไม่นานเขาก็ต้องไปฉายเดี่ยวเป็น Red Robin หรือ Red Bird อีกเพราะ เดเมี่ยน ลูกชายของบรู๊ซมารับหน้าที่โรบินแทน
Damian Wayne
เขาเป็นลูกชายของบรู๊ซที่เกิดจาก ทาเลีย อัล กูล ลูกสาว ราช อัลกูล ที่เติบโตมาท่ามกลางคาวเลือดของ League of Assassins ที่ทั้งก้าวร้าวและเลือดเย็นสุดขั้วแต่ก็ได้บรู๊ซ และ Drake ช่วยกันขัดเกลาสั่งสอนจนได้สวมชุด โรบิน แทน Drake ในที่สุด ซึ่งนั่นก็ต้องทำให้ Drake ออกไปฉายเดี่ยวช่วยเหลือผู้คนในนาม Red Robin แทนนั่นเอง
และใน The Dark Knight Rises Joseph Gordon-Levitt ในบท John Blake ก็กำลังจะได้เป็น Robin อยู่แล้วแต่ดันจบไตรมาสของโนแลนไปซะก่อน