วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ไซโต ฮะจิเมะ ซากาโมะโตะ เรียวมะ คาซูม่า คิริว ฟิวส์ชั่น ! เฮ็นชิน !!


บทความพิเศษเรื่อง ไซโต ฮะจิเมะ  ซากาโมะโตะ เรียวมะ คาซูม่า คิริว ฟิวส์ชั่น ! เฮ็นชิน !! 

                          บทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของ คิริว ที่คุณต้องเรียนรู้

Ryu ga Gotoku หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Yakuza นั้นเป็นเกมที่ไม่ต้องบอกก็ต้องมีหลายๆคนรู้จัก ซึ่งนอกจาก 5 ภาคของเนื้อเรื่องหลักของ คาซูม่า คิริว ยากูซ่าในตำนานแล้วยังมี ภาคแยกที่เรียกว่า Another Life ออกมาให้เล่นเพื่อให้เหล่าตัวละครต่างๆในซีรีย์ได้เปลี่ยนบทบาทและให้ผู้เล่นเปลี่ยนบรรยากาศในการเล่นอีกด้วย โดยมีทั้งได้ลุยยิงซอมบี้ในภาค OF THE END และ เป็นนักดาบในยุคซามูไรในภาค Kenzan มาแล้ว ซึ่งเรื่องราวต่างๆในภาคแยกเหล่านี้ก็แค่ เอามันส์ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเรื่องภาคหลักใดๆทั้งสิ้นครับ

โดยที่ภาค Ishin ภาคแยกล่าสุดของ Ryu ga Gotoku ก็จะนำผู้เล่นย้อนกลับมาในยุคซามูไรเหมือนกับภาค Kenzan อีกครั้ง แต่ไม่ได้เป็นภาคต่อจากภาค Kenzan น๊ะครับ โดยภาค Ishin นี้จะจับเนื้อเรื่องในสมัย บาคุมัตซึ ยุคของการแบ่งแยกชนชั้นปลายยุคเอโดะ โดยครั้งนี้ คาซูม่า คิริว จะได้เปลี่ยนมารับบทบาทของ ซากาโมะโตะ เรียวมะ ซามูไรผู้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวล้มล้างระบอบการปกครองของรัฐบาลโชกุนในยุคนั้น แถมยังได้เล่นถึง 2 บทบาทไปในคราวเดียวเพราะเนื้อเรื่องของเกมยังจับแพะผสมแกะโดยนำตัวตนของ ไซโต ฮะจิเมะ ในฐานะหัวหน้าหน่วยที่ 3 ของกลุ่มตำรวจพิเศษ "ชินเซ็นกุมิ" แห่งรัฐบาลเอะโดะบะคุฟุ ผสมเข้าไปในไปในตัวตนของ ซากาโมะโตะ เรียวมะ อีกด้วยครับ ซึ่งก็แน่นอนล่ะว่าทำให้ประวัติศาสตร์ที่มียิ่งมั่วกันสนุกกันไปอีกตามเคย

ฉะนั้นเพื่อความเข้าใจของผู้เล่นในสภาวะของเนื้อเรื่องจริงปนมั่วของเกมก็ควรมาเรียนรู้ตัวตนของตัวเอกกันก่อน



คาซูม่า คิริว จะได้เปลี่ยนมารับบทบาทของ มังกรร้ายแห่งโทสะ ซากาโมะโตะ เรียวมะ ซามูไรผู้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวล้มล้างระบอบการปกครองของรัฐบาลโชกุนในยุคนั้น แถมยังได้เล่นถึง 2 บทบาทไปในคราวเดียวเพราะเนื้อเรื่องของเกมยังจับแพะผสมแกะโดยนำตัวตนของ ไซโต ฮะจิเมะ ในฐานะหัวหน้าหน่วยที่ 3 ของกลุ่มตำรวจพิเศษ "ชินเซ็นกุมิ" แห่งรัฐบาลเอะโดะบะคุฟุ ผสมเข้าไปในไปในตัวตนของ ซากาโมะโตะ เรียวมะ อีกด้วยครับ ฉะนั้นเราจะมาเรียนรู้ถึงประวัติเล็กๆน้อยๆของตัวละคร 2 ตัวที่มาผสมปนเปอยู่ในตัวของ คาซูม่า คิริว กันครับ



ซากาโมะโตะ เรียวมะ (坂本龍馬 ) เป็นซามูไรผู้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวล้มล้างระบอบการปกครองของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะในช่วงยุคบาคุมะสึ (ประมาณปลายยุคเอโดะ) เพื่อสร้างความเสมอภาคในสังคมญี่ปุ่น และปฏิรูปประเทศให้ไปสู่ความทันสมัยตามอย่างชาติยุโรปตะวันตก ในวัยเด็กนั้นเรียวมะอ่อนแอจนมักถูกรังแกในโรงเรียนอยู่ตลอด จนกระทั่งเขาถูกย้ายไปเรียนอยู่ในสำนักดาบแห่งหนึ่งและได้เรียนรู้เพลงดาบจนพัฒนาฝีมือจนได้เป็นครูดาบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในแคว้นโทะสะ ก่อนที่จะเดินทางสู่เอโดะเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ของ จิบะ ซะดะคิจิ เจ้าสำนักดาบสาย โฮะคุชินอิตโตริว จนได้ซึมซาบสำนึกรักชาติกับแนวคิดทางการเมือง "เทิดทูนจักรพรรดิ ขับคนป่าเถื่อน" ของกลุ่มซนโนโจอิ มาด้วย ซึ่งก็พอดีกับในช่วงนั้น สหรัฐอเมริกา ได้นำกองเรือรบมาเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศค้าขายกับชาวตะวันตกอีกครั้งหลังจากโดดเดี่ยวตนเองมานานหลายร้อยปี พอดี ประกอบกับความเป็น นักคิด ของเรียวมะต่อทัศนะที่ว่าญี่ปุ่นไม่ควรย่ำอยู่กับที่ในระบบศักดินาใดๆ อีกต่อไป เขาได้อ่านและได้แรงบันดาลใจจากวลีแรกของคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาที่กล่าวว่า "All men are created equal" หรือ "มนุษย์ทุกคนล้วนถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน" หลังสำเร็จวิชาดาบเรียวมะจึงเดินทางกลับมาที่โทะสะ และเข้าร่วมกลุ่ม โทะสะคินโนโท ซึ่งเป็นกลุ่มซามูไรระดับล่างหัวรุนแรงที่ยึดมั่นในแนวคิดเดียวกันคือ เทิดทูนพระจักรพรรดิและต่อต้านรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ แต่ต่อมาก็เกิดความขัดแย้งทางความคิดของเรียวมะซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางใช้ความรุนแรงของกลุ่ม เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากแคว้นโทสะ และใช้ชีวิตร่อนเร่ไปยังที่ต่างๆ ในฐานะ โรนิน ซามูไรที่ไร้เจ้านาย จนก็ได้เป็นผู้ก่อตั้ง ไคเอ็นไต ซึ่งเป็นบริษัทพาณิชย์นาวีแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นที่วางรากฐานแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นมาตลอด

เรียวมะ จึงเป็นซามูไรผู้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวล้มล้างระบอบการปกครองของรัฐบาล เพื่อสร้างความเสมอภาคในสังคมญี่ปุ่น และปฏิรูปประเทศให้ไปสู่ความทันสมัยตามอย่างชาติยุโรปตะวันตก  ซึ่งที่น่านำมาเป็นตัวอย่างคือ เรียวมะ นั้นถึงแม้จะมีทัศนะที่ว่าญี่ปุ่นไม่ควรย่ำอยู่กับที่ในระบบศักดินาใดๆ แต่เขาเองก็ไม่เคยลืมความสำคัญของการแข่งขันด้านความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีกับโลกภายนอกด้วย ซึ่งเรียวมะมักเน้นย้ำเสมอว่า ชาวญี่ปุ่นจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้ทันสมัยเยี่ยงชาวตะวันตกให้มากขึ้นไปพร้อมๆกับอนุรักษ์วัฒนะเก่าแก่ของประเทศให้คงไว้ด้วย (ซึ่งก็ดูได้จากการแต่งตัวตามแบบธรรมเนียมของซามูไร แต่ใส่รองเท้าตามแบบชาวตะวันตกของเรียวมะเองนี่แหละ ) โดยเราก็เห็นแล้วในญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันว่าแนวคิดที่ว่าสร้างความเจริญก้าวหน้ากับประเทศญี่ปุ่นขนาดไหน

ซึ่งเรื่องราวใน Ryu ga Gotoku Ishin ของ คาซูม่า คิริว ในรูปลักษณ์ของ ซากาโมะโตะ เรียวมะ ก็จะเริ่มตั้งแต่หลังจากที่เรียวมะสำเร็จวิชาดาบและแนวคิดจากเอโดะกลับมาสู่แคว้นโทสะ ก่อนที่จะถูกอาจารย์ โยชิดะ โทโยและ ทาเคจิ เพื่อนสนิทชักชวนให้เข้าร่วมกลุ่ม โทะสะคินโนโท เพื่อต่อต้านการแบ่งแยกชนชั้น ก่อนที่ โยชิดะ โทโย อาจารย์ของเขาถูกลอบสังหาร โดยกลุ่มตำรวจพิเศษของรัฐบาล ซากาโมะโตะ เรียวมะ จึงต้องออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เกียวโต เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเป็น ไซโต ฮะจิเมะ เพื่อแทรกซึมเข้ากลุ่ม ชินเซ็นกุมิ" แห่งรัฐบาลเอะโดะบะคุฟุ เพื่อสืบหาคนที่ฆ่าอาจารย์ของเขานั่นเอง

โดยอีกตัวตนนึงที่ คาซึม่า คิริว ในบทของซากาโมะโตะ เรียวมะ ต้องปลอมตัวเพื่อแฝงตัวก็คือ ไซโต ฮาจิเมะ (斎藤一) ที่เราต้องเรียนรู้ครับ  ซึ่งไซโตก็เป็นซามูไรคนสำคัญอีกคนของยุค บาคุมัตซึ  มีชื่อเสียงในฐานะหัวหน้าหน่วยที่ 3 ของกลุ่มตำรวจพิเศษ "ชินเซ็นกุมิ" แห่งรัฐบาลเอะโดะบะคุฟุ



ไซโตเกิดที่เอโดะ จังหวัดมุซาชิ (หรือปัจจุบันก็คือ โตเกียว นั่นแหละ) ข้อมูลในวัยเด็กไซโตไม่ได้สละสำคัยอะไรจนเขาได้ไปฆ่าชายคนนึงในขณะเดินทางออกจากบ้านเกิด จนต้องหนีไปที่ เกียวโต แล้วใช้วิชาดาบที่เรียนรู้จาก มุไก ริว มาตั้งสำนักดาบสอนวิชาดาบและใช้ฝีมือสร้างชื่อจนได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มตำรวจพิเศษ ชินเซนกุมิ แห่งรัฐบาลเอะโดะบะคุฟุ ในตำแหน่ง ผู้ช่วยรองหัวหน้ากลุ่ม ในเวลาต่อมา งานของไซโตที่มุ่งเน้นงานในฐานะสายลับ และด้วยบุคลิกของไซโตที่ดู เฉยชา เงียบขรึม และลึกลับจนไม่เป็นที่ไว้วางใจกับใครแม้ดับสมาชิกในกลุ่มชินเซนด้วยกันเองเสียด้วยซึ่งก็เกิดความขัดแย้งลึกๆระหว่างไซโตกับสมาชิกของ ชินเซนกุมิ มาโดยตลอด แต่ด้วยความเป็นคนมีฝีมือของเขาก็ทำให้ได้รับมอบหมายงานสำคัญๆมากมาย จนเมื่อในปี 1865 เขาก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยที่ 3 จนถึงยุคสงครามโบชินในปี 1868 ไซโต้ก็กลายเป็นผู้บัญชาการชินเซนกุมิแห่งไอสึก่อนที่จะผ่าสมรภูมิมากมายจนถึง ยุคสมัยปฏิรูปเมจิ ที่สงครามจบสิ้น ไซโต้เดินทางไปที่แคว้นโทนามิ เพื่อพบกับ คุราซาวะ เฮจิเอมอน เพื่อนเก่ากับเขาจากเกียวโต และจากการชักนำของ คุราซาวะ ก็ทำให้ไซโต้ ได้แต่งงานกับ ยาโซะ ลูกสาวขุนนางคนหนึ่งจากแคว้นไอสึ แถมได้ร่วมงานกับสำนักงานสันติบาลกลางอีกด้วย ก่อนที่เส้นสายของคุราซาวะจะนำพาไซโต้ให้มุ่งสู่ความก้าวหน้าที่โตเกียวอีกครั้งในปี 1874 เพื่อรับตำแหน่งเป็นสันติบาลในกรมตำรวจนครหลวงโตเกียว (TMPD) ในชื่อใหม่ว่า ฟุจิตะ โกโร่ และที่นั้นโซโต้ก็ได้พบรักอีกครั้งกับ โซดะ ภรรยาใหม่  มีลูกด้วยกัน คนก่อนที่ ไซโต้ผู้ห้าวหาญจะจบชีวิตที่สุดโลดโผนลงด้วยโรคแผลในกระเพาะอาหาร อายุได้ 71 ปี 



                 ( ใช่แล้วครับ เป็นคนเดียวกับที่ฟัดกับ บัตโตไซ ในซามูไรพเนจรนั่นแหละ )





เมื่อเอา ซากาโมะโตะ เรียวมะ + ไซโต ฮะจิเมะ + คาซูม่า คิริว รวมกันจะได้ออกมาเป็น ซามูไรฝีมือดีที่ชื่อ ซากาโมะโตะ เรียวมะ ที่หน้าตาเหมือน คิริว และใช้ชีวิตในบทบาทของ ไซโต ฮะจิเมะ พระเอกของเกม Ryu ga Gotoku Ishin นั่นเองจ๊ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น