การจะได้สัมผัสเดโมตัวนี้ คุณจำเป็นต้องซื้อเกม Final Fantasy Type HD มาเสียก่อนซึ่งจะมีทั้งระบบของ PS4 – Xbox One คุณก็จะได้รับ Redeem Code ของตัว Episode Duscae แถมมาให้
จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่เขียนไว้ในใบแนะนำคือ
- ต่ออินเตอร์เน็ตกับเครื่องเกมของคุณ
- ใส่ Redeem Code ของตัว Episode Duscae เข้าไปที่ในเมนู [โค๊ตจะมีระยะของอายุการใช้งานด้วยซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 17 มีนาคม 2016]
- รอโหลด Install เกมเข้าเครื่อง ซึ่งจะใช้เวลาโดยประมาณ 1 ชั่วโมง
- จากนั้นก็จะสามารถเข้าเมนู New Game ได้เลย รอโหลด Data เกมอีกประมาณ 10 นาที ก็จะเริ่มเกมได้ทันที
เมื่อคุณใช้เวลาเกือบค่อนชีวิตมองลอดออกมาจากรั้วของเมือง Skyline ที่กำลังคั่นกลางระหว่างตัวคุณกับกลิ่นอายความอิสระที่อบอวนไปพื้นที่กว้างขวางสุดลูกหูลุกตาของดินแดน Duscae ที่ทอดยาวท้าทายให้คุณออกค้นหาอยู่ตรงหน้า มันจะทำให้คุณสูญเสียความเป็นตัวเองไปง่ายมาก ผม Noctis Lucis Caelum (ノクティス・ルシス・チェラム )และผองเพื่อนจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนั้น ลาภยศ หน้าที่ ทุกอย่างรอได้เสมอ พวกเราออกมาไกลเกินกว่าที่เราจินตนาการไว้ อย่างน้อยก็เกินกว่าครึ่งที่เราเคยบุกลุยมาถึง Regalla เมื่อครั้งที่แล้ว งานนี้เราฉีกกฎในทุกเส้นทางของถนนมาไกล ทั้ง Archaean ทั้ง Titan ผมแทบจะรอไม่ไหวที่จะเดินทางไปสำรวจถึงที่นั่น แต่งานแรกที่ผมต้องทำคือ กลับไปที่รถเราให้ได้ก่อน จะดีที่สุด
ทุกคนในเต็นท์ถูกปลุกจากเสียงของโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น Gladiolus Amicitia (グラディオラス・アミシティア) พี่บิ๊กที่ชอบให้ใครๆเรียกตัวเขาเองว่า ไททั่น ทำหน้าที่องค์รักษ์ที่ได้รับมอบหมายดูแลเจ้าชายมาตั้งแต่เด็กเป็นคนแรกที่เข้าไปปลุกเจ้าชาย Noctis ที่ตื่นคนสุดท้ายแถมยังไม่แยแสเสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ด้วยซ้ำ Ignis Stupeo Scientia (イグニス・ストゥペオ・スキエンティア) เพื่อนอัจฉะริยะที่ทีมจะขาดไม่ได้เสนอให้รีบเดินทางไปที่รถกันต่อหลังจากที่หลงทางกันมานานแล้ว และ Prompto Argentum (プロンプト・アージェンタム) เพื่อนซี้ต่างศักดิ์ดินาที่โตกันมาตั้งแต่เด็กที่พร้อมจะนำความให้ Noctis กระทำทุกความห้ามในกฎทุกข้อที่ห้ามไว้ก็เป็นคนแรกที่จะตบหัวเจ้าชาย Noctis ให้พร้อมลุกไปมองแสงตะวันของวันใหม่ว่าการผจญภัยได้เริ่มขึ้นอีกวันแล้ว
ทั้ง 4 เดินเพื่อคลายความง่วงพร้อมหาแผนที่จะกลับไปที่รถแล้วเดินทางต่อ Gladio เห็นบรรยากาศรอบๆตัวก็อดนึกถึง เบฮีมอส ซักตัวออกมาให้ล่าไม่ได้ Prompto กับชีวิตที่ไม่เคยมีปัญหาของเขาก็ไม่เห็นว่าปัญหาเรื่องรถจะแย่ตรงไหนในเมื่อเขาซ่อมมันได้ ไม่ต้องบอกว่า Ignis ในฐานะอัจฉริยะของทีมรวมถึงเจ้าชาย Noct นั้นรู้ดีว่าปัญหาที่มีตอนนี้คือ ไม่มีเงินซื้ออะไหล่มาซ่อมรถ ก็นั่นแหละ อย่างที่ Gladio บอก ก็แค่ล่าเบฮีมอสมาได้ซักตัวแล้วเอาไปขายแลกเงินปัญหานี้ก็จะจบ Objective แรกของทีมในการหาเงิน 24.000 Gill เพื่อเอามาซ่อมรถจึงเริ่มขึ้น
เรียนรู้การบังคับเบื้องต้น
แกนอนาล็อกซ้าย บังคับมุมกล้อง
แกนอนาล็อกขวา บังคับทิศทาง
R1 ค้างเพื่อโฟกัสดูสิ่งสำคัญ
X สำรวจ
-เข้าไปสำรวจที่ป้ายข้างทางจะเห็นป้ายประกาศให้ค่าหัว เบฮีมอส อยู่ในราคา 25.000 Gill เมื่อเห็นแบบนี้ก็ถูกใจ Gladio ขึ้นมาทันที แต่เขาก็ห่วงเจ้าชายของเขาเป็นอันดับต้นๆเหมือนกัน Gladio จึงถามว่าต้องการจะให้เขาสอนการต่อสู้ให้อีกหรือเปล่า ? ตอบตกลงไปได้เลยเพื่อคุ้มค่า demo ที่ได้มา
เรียนรู้ระบบการต่อสู้เบื้องต้น
ขอบเขตการต่อสู้ คือพื้นที่ในเส้นสีฟ้าที่ขึ้นมา ซึงก็ถือว่ากว้างและไม่อึดอัดอะไรเลย
Defend การป้องกันนั้นสามารถกด L1 ค้างไว้ได้เลย เสียค่า MP นิดหน่อยแต่ก็จะสามารถแดชหลบการโจมตีได้แบบออโต้
Lock On – การล็อกเป้าหมายนั้นสามารถทำได้โดยการ R1 มันจะทำการล็อกให้อย่างถาวรจนกว่าจะกด R1 ซ้ำอีกครั้งเพื่อปลดล็อกเป้า
Attack การโจมตี ใช้ปุ่มสี่เหลี่ยมและแกนอนาล็อกซ้ายในการควบคุม ซึ่ง Noct นั้นสามารถถืออาวุธได้มากกว่าหนึ่งและนำออกมาทำคอมโบร่วมได้ด้วยการกดปุ่มทิศทางลงล่าง
Warping and Techniques Noct นั้นสามารถวาร์ปไปตามจุดต่างๆได้ด้วยการขวางดาบของเขา หรือ การกด X ที่เป้าหมายสีฟ้าที่ขึ้นมาบนเสา ซึ่งประโยชน์ของมันคือถ่วงเวลาในการฟื้นฟู HP และ MP และสามารถกด R1 การพุ่งลงมาโจมตีเป้าหมายที่เป็นคู่ต่อสู้บนพื้นได้ด้วยท่า Warp Strike R1 + X และท่านี้ก็สามารถใช้โจมตีบนพื้นได้ด้วย จากนั้นการใช้ Techniques หรือ ท่า Skill ก็สามารถเลือกท่าต่างๆที่มีได้ด้วยปุ่มทิศทางซ้าย – ขวา โดยดูจากเมนูทางซ้ายล่างของจอและกดใช้ด้วยปุ่มสามเหลี่ยม แน่นอนมันต้องเสียค่า MP ด้วย และทุกครั้งที่ใช้ MP จนหมด Noct ก็จะเกิดสถานะ Stasis ที่ออกอาการหมดแรงและต่อสู้ไม่ได้ การทำให้ MP ฟื้นคืนก็คือ วิ่งให้ไกลจากศัตรูซักระยะหรือวาร์ปขึ้นไปบนที่สูงก็จะกลับมาเต็มเหมือนเดิม
Parry หรือการปัดป้องการโจมตี ในทุกครั้งที่สัตรูโจมตีเข้ามาจะมีสัญลักษณ์สีเหลืองขึ้นมานั่นจะทำให้สามารถ Parry ได้ด้วยการกด L1 เพื่อการ์ด แล้วกดสีเหลี่ยมเพื่อปัดป้องและสามารถกดสี่เหลี่ยมในการโจมตีกลับแบบเค๊าท์เตอร์แอคเทคได้อย่างรุนแรงต่อเนื่องได้ทันที
ดาบ Avenger สำหรับ Crush ไม่มี Skill Techniques
ดาบ Blood Sword สำหรับ Ravage มี Skill Techniques (Drain Blade)
หอก Partisan สำหรับ Vanquish มี Skill Techniques (Full Thrush)
หอก Wyvern สำหรับ Counter มี Skill Techniques (Dragoon Jump)
ดาบใหญ่ Zweihander สำหรับ Descend มี Skill Techniques (Tempest)
-จากนั้นก็ใช้ทุกอย่างที่เรียนรู้มาจัดการ Gladio ซะ ก็จะเป็นการจบการฝึก
[บทวิภาค]
และจากระบบการต่อสู้ที่เปิดเผยออกมาทำให้รู้ว่า เกมตัวเต็มนั้น การบริหาร MP มีส่วนสำคัญมากในการต่อสู้ เพราะการเกิดสถานะ Stasis ที่ออกอาการหมดแรงและต่อสู้ไม่ได้นั้นจะสร้างผลร้ายขึ้นมาทันทีหากเกิดขึ้นในการสู้กับศัตรูที่อยู่ในระดับสูง สิ่งที่ควรระวังคงไม่ต้องบอกว่า เมื่อ HP เหลือ 0 ก็จะเกมโอเวอร์ จะมีโอกาสให้ดิ้นรนอีกเฮือกสุดท้ายอีก 1 หลอดแดงกระพริบที่จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ คุณสามารถพา Noct ไปไกลจากพื้นที่อันตรายเพื่อฟื้น HP และสามารถกดหน้าจอทัชเพจที่จอยเพื่อใช้เมนู ไอเทม และเลือกใช้ Potion ในการฟื้นฟู HP ได้ถ้ามีน้ำยาเติมพลังตุนอยู่ และ Exp ที่ได้หลังต่อสู้นั้นนอกจากค่าที่ได้ปกติจากศัตรูแล้วยังสามารถ + เพิ่มได้ด้วย Point จาก เวลารวมในการต่อสู้ ค่าความเสียหายและจำนวน parry ที่ทำได้ ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ค่า Exp นั้น Boost up เพิ่มจำนวนจากที่ได้ปกติขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
เรียนรู้ระบบปาร์ตี้
ปาร์ตี้หรือเพื่อนร่วมทางตอนนี้จะมี Gladio ใช้ดาบใหญ่ , Prompto ใช้ปืน และ Ignis ใช้มีดสั้นคู่ ระบบการต่อสู้ในเกมนั้นค่อนข้างเร็วมากจนนัวเนียกันมั่วไปหมด และตัวของ Noct ถ้าไม่ได้ใช้ทักษะการหลบหลีกหรือ Parry ให้ถูกการละเทสะก็จะถูกทำให้เสีย HP แบบปางตายง่ายมากๆ แต่จะให้นอนตายจริงๆนั้นคงไม่ง่ายเพราะเหล่าองค์รักษ์ Gladio, Prompto และ Ignis จะทำหน้าที่เวียนเข้ามาช่วยเหลือและฉุดดึงให้ HP เต็มหลอดอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายถึง Noct ก็สำควรเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาด้วยยามเขาบาดเจ็บ การตายจะเกิดขึ้นได้น้อยมากถ้ามีสมาธิในฉากต่อสู้ให้ดีและทำสิ่งที่ควรทำให้เหมาะสม
Skill & Ability
ถ้าจะพูดถึง Noct ที่เป็นตัวเอง ในเดโมนี้เปิดเผยความสามารถในการดึง ความสามารถหรือ Skill ของอาวุธต่างๆมาใช้งาน พูดง่ายๆคือ Skill ของตัวเอกก็คืออาวุธที่เขามีติดตัวนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าในเกมตัวเต็มนั้นจะสามารถเก็บ อาวุธเพิ่มได้อีกมหาศาล ตอนนี้มีแค่นี้ก็ใช้เท่านี้ก็มากพออยู่ ในกรณีที่มีอาวุธมากก็จะสามารถเลือกสลับออกมาใช้งานของ Skill ต่างๆได้มากมายขึ้นนั่นเอง แต่น่าเสียดายที่เดโม่นี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของ Skill ของอีก 3 คนในทีมแต่อย่างใด
Behemoth Undertaking
-เป้าหมายของภาริจก็คือออกล่าเจ้า เบฮีมอส ที่ชื่อ Deadeye ที่ถ้ำของมันตามประกาศที่เขียนไว้ จากนั้นก็ออกเดินทางไปตามทุ่งกว้างได้เลย มอนสเตอร์ตัวแรก Sabertusks ที่เจอเพื่อใช้เรียนรู้การพบศัตรูในแผนที่
ซึ่งทุกครั้งที่ศัตรูอยู่ในระยะสายตาที่เห็นจะมีแถบสีแดงขึ้นด้านบนของจอและเสียงเพลงที่เปลี่ยนไป บอกถึงการมีศัตรูเข้ามาอยู่ในระยะใกล้แล้ว และเมื่อเข้าใกล้พวกศัตรูแถบนี้ก็จะยาวขึ้น ทันทีที่แถบสีแดงเต็มหน้าจอก็แปลว่าศัตรูมันเริ่มเข้ามาใกล้และการต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว จัดการมันให้หมดแล้วเข้าไปถึง ฝูง Garulas ที่กำลังเล็มหญ้าในบึง พวกมันจะไม่โจมตีก่อนถ้าคุณไม่โจมตีใส่มัน เหมือนวัวไบซั่นฝูงนึง แต่ไหนๆก็เจอแล้วก็จัดการมันซะก็ได้ เพราะบางทีหากคุณเจอมันในจำนวนมากๆ ก็จะได้เป็นการเตือนความจำให้คุณอย่าไปยุ่งกับมันโดยไม่ดูตาม้าตาเรือได้เหมือนกัน ซึ่งยุทธวิธีการหนีเมื่อคิดว่าเสียเปรียบก็คือ วิ่งออกจากวงเขตของการต่อสู้นั่นแหละครับ เพื่อน A.I ที่เหลือก็จะโกยตามมาเอง
- เดินทางต่อไปจนถึงป้ายบอกทางไป Marshland ซึ่งจะมี Objective ใหม่ขึ้นมาคือ Diamond in the Slough คือการตามหา Magicite ที่อยู่ในบึง Alstor เพื่อเรียนรู้ถึงภารกิจเสริมที่จะเป็นไอค่อนเป้าหมายสีขาวแตกต่างไปจากเป้าหมายที่เป็นสีเหลืองที่เป็นภารกิจหลัก ซึ่งจะเป็นการเข้าไปเก็บไอเทมต่างๆในจุดนั้น ที่ไม่มีความจำเป็นอะไรกับตัว เดโม่ นี่มากนัก แต่ถ้าจะไปบึง Alstor ก็จะอยู่ตรงกลางของแผนที่ ลองเข้าไปสำรวจดูหาได้เลย
- จากนั้นมาเริ่มเรียนรู้การเดินเรื่องสืบหาตาม Objective ที่ให้มา ซึ่งเป้าหมายที่เป็นจุดภารกิจของเนื้อเรื่องนั้นจะเป็นเป้าหมายสีเหลืองส้ม เมื่อเดินทางมาจนถึงจุดเป้าหมายสีเหลืองส้ม ทุกคนจะเริ่มเห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ของเจ้าเบฮีมอส Deadeye ที่เหยียบย่ำไปทั่วบึง ลองกดดูเมนูแผนที่ ด้วยปุ่ม Option จะแสดงให้เห็นจุดเป้าหมายสีส้ม ซึ่งก็คือจุดที่ต้องตามรอยของ Deadeye ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งสามารถที่จะ Set destination หรือจุดหมายที่ต้องการไปได้ และทันทีที่พวก Magitek Troop ทหารของพวก Niflheim ปรากฏตัวออกพร้อมยานลำเลียงของพวกมันก็แปลว่าในพื้นที่จะมีพวกทหารเกราะหนักของศัตรูเพิ่มมาอีกประเภทแล้ว
[บทวิภาค]
ระบบการทำเควส ภารกิจของ FFXV นั้นใช้รูปแบบที่สอดคล้องกันกับเหตุการณ์ต่างๆระหว่างทาง นั้นแปลว่าระหว่างเดินทางไปตามจุดหมายนั้นจะมีเรื่อง มี Event ให้เซอร์ไพร์มากมายที่ทำให้คุณต้องไปทำอย่างอื่นอีกมากนั่นเอง นั้นแสดงถึงความหลากหลายทางภารกิจที่ท่าทางคุณคงจะไม่มีเบื่อแน่นอน รวมทั้งในเส้นทางที่จะไปนั้นถึงแม้มันจะดูโล่งกว้างว่างเปล่า แต่ศัตรูก็พร้อมจะโจมตีคุณได้ตลอดเวลาตามจำนวนความหนาแน่นของศัตรูในพื้นที่นั้นๆ และถึงแม้ว่าระบบการเจอศัตรูของ FFXV นั้นจะไม่เดินชนกระจกแตกแล้วเจอศัตรูแบบภาคดั่งเดิมแล้ว การเจอศัตรูในแบบเป็นตัวในแบบภาคล่าสุดของ FF นั้นก็ถูกปรับใหม่ ที่นอกจากระบบเซ็นท์การรับรู้ที่เป็นขีดสีแดงด้านบนจอแล้ว การที่ศัตรูมีการแรนด้อมเข้ามาโจมตีเราได้ทั้งๆที่พื้นที่ค่อนข้างจะดูแลปลอดภัย ถือว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่าง เดินชนกระจกแตกกับศัตรูแบบเป็นตัวได้อย่างกลมกลืนและแนบเนียนใช้ได้เลยครับ
- เมื่อผจญภัยมาจนได้ระยะนึงเวลาก็จะทำให้แสงเริ่มเปลี่ยนเป็นตอนเย็นและเริ่มที่จะมืด แน่นอนว่าตอนนี้เรารู้แล้วว่า ตัวเกมมีระบบเวลากลาวันและกลางคืนด้วย Objective ใหม่ที่ขึ้นมาคือ Tent with a view เป้าหมายสีเหลืองที่ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้ระบบที่พัก หรือ Result รูปแบบใหม่ของเกมที่ตอนนี้มันจะบังคับให้ตามเพื่อต้องการให้เราเรียนรู้
เมื่อเข้าไปถึงก็จะเป็นจุดที่จะใช้ตั้งเต็นท์ที่พักได้ ที่ตั้งแค้มป์คือ Ausance Haven Spar ที่แค้มป์จะเลือกได้ระหว่าง
- พักแรม
- ซ้อมต่อสู้กับ Gladio
ประโยชน์ของการตั้งแค้มป์ก็คือ
1. เติม HP – MP
2. เติมความแข็งแกร่งจากเมนูอาหาร ซึ่งอาหารแต่ละชนิดที่เลือกทำตอนเข้าแค้มป์นั้นจะมีเอฟเฟ็คต่างๆเพิ่มเติมให้เมื่อตื่นตอนเช้า ยกตัวอย่างเช่น Potluck Stew ที่มีเอฟฟเฟ็ค Fresh ที่จะเพิ่มพลังโจมตี พลังป้องกันและ การได้รับ exp ขึ้นเล็กน้อยในการเดินทางวันต่อไป และ Immune ที่จะลบล้างความผิดปกติของสเตตัสทุกอย่างที่ติดตัวมาในวันนี้จนหมด นั่นเอง
3. นับรวมค่า Exp ที่ได้จากการต่อสู้ทั้งวันเปลี่ยนไปเป็นระดับของเลเวลที่เพิ่มขึ้น
4. Save game แบบ ออโต้เซฟ ซึ่งรูปแบบการเซฟของ FFXV นั้นมี 2 แบบคือ เซฟที่ Check point และ เซฟที่แค้มป์ที่พัก
[บทวิภาค]
เกี่ยวกับระบบกลางวัน กลางคืน ที่นำมาซึ่งการพักแรมนั้น จะเห็นจุดสำคัญคือ รูปแบบชนิด ความเก่ง ของมอนสเตอร์จะแตกต่างกัน ในตอนกลางคืนนั้นจะมีจำนวนของมอนสเตอร์ที่มากกว่า และมีตัวใหม่ๆที่เป็นนักล่าตอนกลางคืนที่ดุร้ายกว่ากลางวันเยอะมาก แถมในบางครั้งคุณอาจจะได้เจอศัตรูแบบต่อเนื่องไม่รู้จบแบบตำรวจที่ไล่ล่าอาชญากร 5 ดาวใน GTA เลยอีกต่างหาก
ระบบการพักแรมตั้งแค้มป์นั้นดูเหมือนจะเป็นระบบปลีกย่อยที่สำคัญมากไปแล้ว เพราะการที่มันเป็นจุด Result รูปแบบนึงเพื่อใช้ในการ เอาค่าประสบการณ์ที่ได้ระหว่างต่อสู้ มาเปลี่ยนให้กลายเป็น L.V นั่นแปลว่า ในการต่อสู้ใน World map ตลอดที่ผ่านมานั้น ถ้าไม่ได้พักแรม เลเวล ของเราก็จะไม่ขึ้นนั่นแหละ การหาจุดพักแรมนั้นจึงสำคัญพอๆกับการเดินทางเก็บเลเวลเลย ซึ่งไม่จำเป็นต้องพักแต่ในเวลากลางคืนเท่านั้น กลางวันก็พักได้เหมือนกัน และผมเชื่อว่าในเกมตัวเต็มนั้น จุดพักแรมคงไม่ได้มีมากมายเต็มพื้นที่เหมือนเดโม่แน่นอน แต่มันก็ทำให้ตั้งคำถามว่า มันจะเหมือน Soul fire ของ Dark Soul หรือไม่ ณ.ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่า ค่า Exp ที่เก็บมาระหว่างทางนั้นจะหายไปหมดในตอนที่เราตายหรือเปล่า ? เพราะบอกตามตรงว่า พยายามตายหลายครั้งแล้ว มันไม่ยอมตาย
- ตอนเช้าเปิดแผนที่แล้วเข้าเมนู Quest Location เพื่อออกตามจุดหมายสีส้มที่เป็นจุดที่เป็นเบาะแสในการล่าตัวเจ้า เบฮีมอส Deadeye ทำกิจกรรมของมันตามจุดต่างๆ ต่อซึ่งก็จะประกอบไปด้วยจุดต่างๆคือ
Behemoth’s pursuit site ตำแหน่งที่เจอเบาะแสล่าสุด
Behemoth’s Predation site พื้นที่ที่มันใช้ล่า
Behemoth’s Kill site พื้นที่ที่เหยื่อมันถูกฆ่า
Behemoth’s prowling site พื้นที่ที่มาใช้ออกหากิน
Behemoth’s Feeding site ที่กินอาหารของมัน
Coernix station Garage จุดที่รถจอดอยู่และต้องการเงิน 24.000 Gill ในการซ่อม
ซึ่งตอนนี้ ตัวเกมก็จะให้อิสระในการเล่นแบบเปิดกว้างแล้ว เป้าหมายของภารกิจหลักของคุณคือ ออกตามสำรวจตามจุดเบาะแสของเบฮีมอส Deadeye ให้หมดทุกจุดสีส้มที่เห็นในแผนที่ ซึ่งถ้าคุณยังไม่คิดอยากและอยากเดินชมวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนจะงดงามก็สามารถทำได้เหมือนกัน สู้ศัตรูเก็บเลเวลตามระบบเกมปกติก็ทำได้ แถมยังเป็นจำเป็นในการสู้บอสของเดโม่ตัวนี้ด้วย แถมยังมีพื้นที่มีจุดน่าสนใจอยู่ด้วย ก็ฟาร์มโจโคโปะ Wiz Chocobo post ด้านใต้ของแผนที่ไง จะไม่ยั่วยวนให้แวะไปชมหน่อยหรอ ?
- เมื่อไปตามจุดร่องรอยของเบฮีมอสจนครบ เสียงคำราม แรงสั่นสะเทือน และพื้นที่ที่เสียหาย ก็จะนำไปสู่เส้นทางใหม่คือทางเข้าป่า Mistwood จนถึงซากอาคาร ด้านในจะเริ่มได้ยินเสียงคำรามของเบฮีมอสมาเป็นระยะ และทันทีที่มุดเข้าไปด้านในซากอาคารก็จะเห็นเจ้าเบฮีมอสขนาดใหญ่กำลังกินอาหารอยู่ Gladio จะนำทางเข้าไปและชี้ให้เห็นที่มาของชื่อ Dead eye ของมันก็เพราะมันตาบอดนั่นเอง หลบมันผ่านเข้ามาที่ด้านหลังของซากอาคารได้แล้ว จากนั้นก็เข้าไปที่จุดเหลืองด้านในจะเริ่มเห็นเงาลางๆของ Dead eye ยืนทมึนอยู่กลางสายหมอก จากนี้ต้องลอบตามมันเข้าไป Objective คือ ตามเบฮีมอสไปโดยอย่าให้มันเห็นและห้ามคาดสายตาจากมัน ใช้การหลบตาก้อนหินเข้าไปตามทางจนถึงทางเข้าถ้ำที่เป็นรังของมัน
[บทวิภาค]
เมื่อถึงตรงนี้ ถ้าจะดำเนินตามเควสหลักในเกม มันก็จะดำเนินไปตามเนื้อเรื่องแบบปกติตามจุดชี้บอกเควส แต่ ตรงนี้จะมีทางลัดอยู่ด้วย ทางลัดแบบฆ่าเบฮีมอสได้ทันทีก็คือ ไปที่ถ้ำ Fociaugh Cavern ทางขวาของ Chocobo Post ก่อนเข้าไปด้านในสุดเพื่อเก็บ มนต์อสูร Ramuh มา แล้วค่อยเข้าไปในถ้ำของเบฮีมอส จากนั้นพอโดนในกระทืบจน HP 0 ก็จะเข้าหลักการเรียกมนต์อสูร Ramuh ออกมาร่ายเวทย์ถล่มเบฮีมอสจนตายได้ทันที ซึ่งหลังจากจัดการ Dead Eye ลงได้ก็จะทำให้จบเควสหลัก Behemoth Undertaking รับ Exp 4000 และ ไอเทมเควสซึ่งก็คือ Behemoth Horn หรือเขาของเบฮีมอน มา ถ้าเอาไปที่อู่ซ่อมรถ Coernix Station ก็จะสามารถจบเรื่องในเดโม่นี้ได้ทันที มันทำให้พอเชื่อได้ว่า ในเกมตัวเต็ม ทางลัดในรูปแบบทางแยกแบบนี้ จะทำให้เกมมีความลับซ่อนอยู่ในสไตล์ไพนอลมากมายแน่นอน แต่เพื่อความต่อเนืองและความเข้าใจถึงภาพรวมในการทำภารกิจในเกม ผมจึงขอทำตามภารกิจตามเนื้อเรื่องครับ
-ถ้าจะทำตามลำดับเนื้อเรื่องให้ถูกกาละเทสะก็ต้อง เข้าไปที่ถ้ำของเบฮีมอสที่จุดหมายสีเหลืองต่อ เข้าไปตามทางจนถึงจุด Check point ซึ่งแปลว่าเมื่อพลาดพลั้งเกิดตายขึ้นมาก็จะมาเริ่มใหม่จากตรงจุดนี้ เข้าไปที่ซากตึกด้านในจะเริ่มเห็น เบฮีมอส เดินอยู่อีกด้านของซากตึกแล้ว Ignis จอมวางแผนก็จะเริมแผนของเขาเพื่อล่อ เบฮีมอส ออกมา วิ่งตาม Ignis ไปที่ถังแก็สเขาจะให้ Prompto ยิงใส่เพื่อระเบิดมันเมื่อได้รับสัญญาณ อีกจุดจะให้ Gladio ซุ่มโจมตีเบฮีมอสจากจุดบอดจากตาข้างที่บอดของมัน อีกจุดด้านใน Ignis จะชี้ให้เห็น เบฮีมอส ที่นอนหลับอยู่ แผนคือให้ Noct เข้าไปปลุกมันให้ตื่นแล้วล่อมันออกมาตรงจุดที่ทุกคนซุ่มอยู่
- จากนั้นเมื่อพร้อมแล้วก็ wasp Strike เข้าใส่เบฮีมอสได้เลย เสร็จแล้วก็รีบหนีออกมา Warp ขึ้นไปบนยอดตึกที่ Prompto เรียกอยู่ ทันทีที่เบฮีมอสเข้ามา Gladio ที่ซุ่มอยู่ก็เข้าโจมตีที่จุดบอดของมัน ก่อนที่ Prompto จะยิงใส่ถึงแก็สจนระเบิดใส่ เบฮีมอส จนหมดมันล้มไป สุดยอดทีมเวริ์ค คือสิ่งที่ทุกคนที่ร่วมแรงปราบเบฮีมอสลงได้แบบง่ายดาย แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น เจ้า Dead eye มันกลับลุกขึ้นมาได้อีกครั้งแล้วเข้าโจมตีใส่ทุกคนทันที Behemoth Dead Eye นั้นตาขวามันจะบอด ซึ่งจะเป็นจุดที่จะเข้าโจมตีได้อย่างปลอดภัย แต่มันเป็นเพียงประโยคที่สวยหรูเพราะยังไงก็ยังสู้มันไม่ได้ตามเนื้อเรื่อง เมื่อโจมตีไปได้ซักพักทุกคนจะเริ่มรู้ว่าคงไม่มีทางจะสู้มันไหวในรังของมัน Ignis จอมวางแผนก็จะสั่งให้หนีออกจากที่นี่ ซึ่งการยิงหนีไปที่จุดเหลืองี่เป็นโพรงเล็กๆนั้นค่อนข้างจะยากมากเพราะเบฮีมอสมันจะเข้ามาถึงตัวเร็วมาก พยายามวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อเข้าไปที่โพรงตรงรั้วที่มีจุดเหลืองก็จะรอดพ้นอุ้งเท้าของเบฮีมอส
- พ้นรั้วออกมาแล้วจะสามารถเซฟได้ และ Ignis ก็จะบอกว่าเขารู้ที่ดีๆที่จะตั้งแค้มป์ได้โดยที่เจ้าเบฮีมอสมันตามไปไม่ได้อยู่ ทันทีที่ออกมาที่ป่า ก็จะได้เควสย่อย Smell like Chocobos ขึ้นมาให้ทำ ซึ่งถ้าจะทำก็หาดูตามป่าตอนกลางคืนนี้ได้ แต่ถ้าไม่ทำก็ไปที่จุดเหลืองต่อก็จะถึงจุดตั้งแค้มป์ นอนพักได้เลย 1 คืน
The Prince is a pauper
- จากนั้นจะมี เคสวหลักใหม่ขึ้นมา ซึ่ง Objective ให้เดินทางไปที่ Chocobo Post ที่เป็นเป้าหมายของ Objective เควสต่อไป เข้าไปที่ Chocobo Post ที่หน้าร้านขายของจะติดป้ายให้รอเจ้าของร้านซักครู่ เดินไปสำรวจที่ตัวเจ้าของร้านที่ยืนโม้อยู่ใกล้ๆเพื่อฟังเขาคุยถึงเรื่องต้นไม้ประหลาดในถ้ำ Fociaugh Cavern ที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งก็จะทำให้เควสหลัก Behemoth Undertaking นั้นมี Opjective เพิ่มขึ้นคือให้ไปสำรวจที่ถ้ำนั่นต่อ
- ทางขวาของ Chocobo Post คือถ้ำ Fociaugh Cavern ช่วงกลางของพื้นที่นั้นจะมีดาบ Armiger ปักอยู่ อย่าลืมเก็บมาด้วย ด้านในสุดของถ้ำจะเป็นที่อยู่ของต้นไม้ผลึกที่เมื่อ เข้าไปสัมผัสแล้วจะทำให้ Noct ได้พลัง Astral Power มา ซึ่งก็คือ มนต์อสูร Ramuh นั่นเอง
เงื่อนไขการใช้งานมนต์อสูร ลามู ก็คือ เมื่อโดนโจมตีจน HP เหลือ 0 ถึงจะสามารถได้รับความเมตตาได้รับพลังจาก ลามู โดยการกด X ค้างเพื่อเรียกมนต์อสูรลามูออกมาช่วย เมื่อได้พลังอันยิ่งใหญ่มาแล้ว เควสหลัก Behemoth Undertaking นั้นมี Opjective เพิ่มขึ้นคือไปเอาคืนเจ้าเบฮีมอสกันได้เลย เควส The Prince is a pauper ก็จะจบลง พร้อมค่าเหนื่อย 2000 Exp
- จากนั้นในแผนที่ก็มุ่งหน้าไปที่จุดหมายของเควสหลัก Behemoth Undertaking กลางแผนที่ได้เลย ซึ่งก็คือเข้าไปที่รังของเบฮีมอส Dead eye อีกครั้ง จากนั้นก็เข้าไปสู้กับมันแล้วยอมให้มันโจมตีจน HP เหลือ 0 ซึ่งจะสามารถกด X ค้างเพื่อใช้งานมนต์อสูร ลามู ได้ ขอเชิญพบความอลังการของมนต์อสูรลามูได้เลยครับ ซึ่งท่าไม้ตาย Judgment Bolt ของปู่สายฟ้านั้นจะสร้างความเสียหายครั้งละ 90000 Damage กว่าๆเป็นชุดๆจนสามารถทำให้เจ้า เบฮีมอส ตายได้ทันที (แต่ในเดโม่ตัวนี้การใช้ ลามู ฆ่าเบฮีมอสจะไม่ได้ทั้ง Exp และ ไอเทมต่างๆยกเว้นไอเทมเควสซึ่งก็คือ Behemoth Horn หรือเขาของเบฮีมอนที่เอาไว้ขายตามเนื้อเรื่องน๊ะครับ แต่ถ้าอยากแสดงฝีมือเพื่อความท้าทายก็สามารถเก็บเลเวลจนมากพอที่สามารถสู้กับเบฮีมอสได้อยู่เหมือนกัน แต่ก็นานชนิดข้ามวันข้ามคืนกันเลยล่ะ) เมื่อจัดการเบฮีมอส Dead Eye ลงได้ เควส Behemoth Undertaking ก็จะจบลงพร้อมค่าเหนื่อย 4000 exp
[บทวิภาค]
ว่าด้วยเรื่องมนต์อสูร หรือ Summon นั้น ในเกมตัวเต็ม คงไม่มีทางหามนต์อสูรได้ง่ายขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีแบบได้ตามเนื้อเรื่องและมนต์อสูรที่ซ่อนอยู่อีกแน่นอน หวังเอาไว้ลึกๆว่ามันจะมีหลายตัวหน่อยก็แล้วกัน ในเรื่องเงื่อนไขการใช้มนต์อสูร ผมมั่นใจว่า คงจะไมมีแบบถ้า HP 0 แล้วมนต์อสูรจะออกมาระเบิดท่าใหญ่ให้ตลอดหรอก ไม่งั้นพระเอกก็จะตายไม่เป็นเลยสิ เงื่อนไขของ มนต์อสูร Ramuh นั้นอาจง่ายที่สุดในการทดลองใช้เฉพาะในเดโม่นี้ก็ได้ ส่วนมนต์อสูรต่างๆในตัวเต็มอาจะจะมีเงื่อนไขในการเรียกใช้งานที่แตกต่างกันอย่างแน่นอน แต่เห็น Ramuh แล้ว รู้สึกขนลุกทุกทีเลยที่มโนภาพของ Bahamut หรือ Ifirt ในกมตัวเต็มเอาไว้ว่าจะอลังกาลแค่ไหน
Taking The Gil By the Horn
- มุ่งหน้ากลับไปที่ Coernix Station Garage ที่จุดหมายของ Objective ทางเหนือของแผนที่ เข้าไปที่ร้านมินิมาร์ทในปั๊ม แล้วเลือกขาย Sell Behemoth Horn ไปในราคา 25000 Gil ก็จะจบเควส Taking The Gil By the Horn
** จากนี้ เควสที่เหลืออยู่จะมีแค่ Wheeling and Dealing ซึ่งก็คือเข้าไปคุยกับช่างสาวแสนเซ็กซี่ Cindy ที่รถ แล้วเลือกคำสั่ง Drive ที่ห้องคนขับเพื่อกลับบ้านได้เลย จะเป็นการจบ Wheeling and Dealing และจบการเดินทางของเดโมนี้ด้วยทันที ฉะนั้นถ้าอยากจะเดินเล่น สำรวจสิ่งต่างๆในแผนที่ต่อก็สามารถยังทำได้อยู่ครับก่อนทีจะเข้าไปคุยกับ Cindy **
ในช่วงที่สัญญาสงบศึกระหว่างอนาจักร Lucis และ Niflheim ถูกประกาศใช้หลังจบสงครามเย็น ความสงบสุขหวนคืนสู่แผ่นดินที่ครอบครอง คริสตัล ผลึกสุดท้ายของโลกนี้เพิ่งเริ่มต้นเพียงไม่นาน อณาจักร Niflheim ก็ฉีกทุกพันธะสัญญาที่มีเพื่อเปิดสงคามครั้งใหม่กับ Lucis ทันที หมายยึดครอง คริสตัล มาเป็นของตนเอง Solheim, Tenebrae และ Accordo ถูกโจมตีจนย่อยยับ อธิปไตยและความชอบธรรมทั้งหลายที่อณาจักร Lucis มีก็พังทลายจนหมดสิ้น
เจ้าชาย Noctis และผองเพื่อนที่กลับมาจากทริปผจญภัยที่ยาวนานต้องเห็นสภาพบ้านเมืองของตัวเองถูกทำลายจนย่อยยับจากฝีมือกองทหาร Imperial Army ของ Niflheim อย่างเลือดเย็น ประกาศสำนักราชวังเรื่องพิธีสืบทอดอำนาจจากกษัตริย์ Regis ถูกระงับเพราะทุกสื่อต่างรายงานถึงการหายสาบสูญของเจ้าชาย Noctis Lucis Caelum ว่าได้เสียชีวิตแล้ว ก่อนจะมีประกาศพระราชดำรัสของ กษัตริย์ Regis ถึง Noctis ลูกชายของเขาดังก้องเศษซากของอนาจักร Lucis ว่า
“ ตั้งใจฟัง จงอย่าล้มเลิก ไม่ว่าเจ้าจะเริ่มทำอะไรก็ตาม ทำมันต่อไปให้นานที่สุด นานเท่าที่เลือดแห่งราชวงศ์มันยังที่ไหลอยู่ในกายเจ้า ให้นานเหมือนที่เจ้ายังยึดถือนามแห่งข้า …ทำหัวเจ้าให้สูงเข้าไว้อย่าก้มหัวให้ใครง่ายๆก็พอ “
ท่าลับ Phantom Blade
ต้องหาดาบ Armiger Weapon ที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆมาก่อน ซึ่งจะมีอยู่ 4 เล่มคือ
1. AQESIOR มีติดตัวแตกแรกแล้ว
2. SECACE บนเนินเขาขวาบนของแผนที่
3. GALATINE ในถ้ำ Fociaugh Cavern ทางขวาของ Chocobo Post
4. RHONGOMYNIAD ได้หลังจากชนะเบฮีมอส Dead Eye
*** การแนะนำระบบการเล่นและเนื้อเรื่องทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ ขอบพระคุณที่สละเวลามาเล่น และเตรียมพบกับความอลังการงานสร้างของเกม Final Fantasy XV ตัวเต็มได้ในเวลาต่อไปข้างหน้า (ที่น่าจะไม่นานเกินรอ) ***
**************************************************