วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557

Bayonetta 2






เมื่อนานมาแล้วในจักรวาลที่กว้างใหญ่ที่ถูกแบ่งแยกด้วยแสงสว่างและความมืดเฉกเช่นทุกสัจธรรม มีเผ่าพันธ์โบราณอยู่สองกลุ่ม คือ Umbra Witch ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความมืด และ Lumen Sage ตัวแทนแห่งแสงสว่าง ทั้งสองตระกูลจะครอบครอง Eye of the world คนละดวงเพื่อรักษาสมดุลย์ ในพลังอำนาจของแต่ละฝ่ายไปพร้อมกัน แต่แล้ววันหนึ่ง ก็เกิดความรักข้ามเผ่าพันธ์จนให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกครึ่งระหว่าง Umbra Witch และ Lumen Sage สมดุลย์แห่งอำนาจของทั้ง 2 เผ่าพันธ์จึงถูกทำลายลง จนเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดสงครามล้างเผ่าพันธ์ครั้งใหญ่ขั้นบนโลก Lumen Sage เปิดศึกการไล่ล่าล้างแม่มดจนได้ชัยชนะทำให้ Umbra Witch หายสาปสูญไป เหลือเพียงแค่ บาโยเนตต้า เด็กสาวลูกครึ่งตราบาปเล็กของ Umbra Witch และ Lumen Sage ผู้ไม่เคยรับรู้ถึงชะตากรรมตัวเองถูกผนึกไว้ให้หลับใหลอยู่ใต้ก้นบึ้งอันมืดมิดและเหน็บหนาวของทะเลสาปเท่านั้น ….








500 ปีผ่านไป .. Bayonetta ตื่นจากการหลับไหลและพบว่าตนเองได้สูญเสียความทรงจำไป เธอจึงออกเดินทางไล่ล่าหาความทรงจำของเธอท่ามกลางสงครามระหว่างแสงสว่างและความมืดที่ยังดำเนินอยู่พร้อมกับ Jeanne เพื่อนแม่มดของเธอที่ได้พบเจอกันอีกครั้ง โดยมี Cereza เด็กสาวปริศนาที่เรียกเธอว่า แม่ และ Luka ชายปริศนาที่อ้างว่าล่วงรู้เกี่ยวกับอดีตของเธอเป็นตัวแปรสำคัญ จนการต่อสู้นำพา Bayonetta ไปพบกับ บาทหลวง Balder ตัวการใหญ่ที่ Cereza เรียกเขาว่าพ่อ Balder มันจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังจนความทรงจำของ Bayonetta กลับมา แท้จริง Bayonetta นั้นคือลูกครึ่งระหว่าง Umbra Witches และ Lumen Sages และ Balder ต้องการใช้ Bayonetta มาเป็น Left Eye และตัวของ Balder คือ Right Eye เพื่อสร้าง Eye of the world ที่สมบูรณ์ ส่วน Cereza ก็คือ Bayonetta ในวัยเด็กที่ถูก Balder พามาจากอดีตเพื่อมาปลุกพลัง Left Eye ในตัวของ Bayonetta เพื่อเป้าหมายในการปลุก Jubileus เทพผู้สร้างออกมายึดครองจักรวาล แต่ในอดีต Jeanne ได้เข้ามาขัดขวางพิธีบูชายัญน์และได้ผนึก Bayonetta เอาไว้ใต้น้ำเพื่อไม่ให้ Balder ได้พลังทั้งหมดไป ซึ่ง Bayonetta ก็ถูกปลุกขึ้นมาโดยพ่อของ Luka ที่เป็นนักโบราณคดีแต่ก็โดนพวก Lumen Sages ฆ่าในขณะที่ Bayonetta ตื่นขึ้นมา Luka ในวัยเด็กก็มาเห็นพอดีแต่เขาไม่เห็นพวกเทวดาที่ฆ่าพ่อของเขาจึงคิดว่า พ่อเขาตายเพราะ Bayonetta นั่นเอง 

หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบการต่อสู้กับ Balder ก็เริ่มขึ้น เมื่อจัดการมันลงได้ Bayonetta ก็จะพา Cereza ซึ่งคือตัวเธอเองในวัยเด็กกลับไปส่งที่อดีตด้วยพลังของนาฬิกาเวทย์มนต์ แต่พลัง Left Eye ในตัวของ Bayonetta นั้นเริ่มก่อตัวขึ้นเสียก่อนในขณะที่ Balder นั้นยังไม่ตายและพาร่างของ Bayonetta เข้าไปที่ตาซ้ายของรูปปั้นเทพ Jubileus ที่ถูกมันอัญเชิญออกมา Jeanne ที่รอดตายจากแรงระเบิดเพราะได้พลังจากพลอยของ Bayonetta เธอจึงเอามอเตอร์ไซด์ขี่ตามจรวดที่กำลังนำเอารูปปั้นเทพ Jubileus ออกไปนอกโลก จากนั้น Jeanne จะใช้พลังทั้งหมดในการปลุก Bayonetta ที่ถูกฝังอยู่ในตาซ้ายของ Jubileus  ให้ตื่นขึ้นในขณะที่เทพ Jubileus ได้พลังเต็มเปี่ยมแล้วมันได้ดูดกลืน Balder เข้าไปแล้วขยายตัวออกจากรูปปั้นทันที ท้ายที่สุด Bayonetta กับ Jeanne ก็ช่วยกันจัดการ Jubileus ลงได้ก่อนจะช่วยกันทำลายซากรูปปั้นที่เหลืออยู่ให้ย่อยยับไม่เหลือซาก ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วงลงมาบนพื้นโลกพร้อมกันอีกครั้ง….


         


                                          บทสรุป  Bayonetta 2  [ベヨネッタ2]

By Decibel per – oxide



                                     Chapter I – Noatun, The City of Genesis 






Enzo -  หุบเขาแห่งทวยเทพ Fimbulventr ขนาดของมันนั้นกินพื้นที่ระหว่างเขตพรหมแดน inferno ไปจนถึง Paradiso เชื่อกันว่า ที่นี่มีประตูนรกซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่งในหุบเขาที่อยู่ในเขต inferno แต่น่าเสียดายที่ความลับในความลือนี้ไม่มีใครได้ล่วงรู้เลยว่ามันอยู่ที่ไหน หรือ มันเป็นความจริงหรือเปล่า ? ด้วยซ้ำ  แต่ความใหญ่โตมโหราฬราวกลับมันถูกสร้างโดยพระเจ้าในยุคสร้างโลกเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ความเชื่อที่ว่ามาทั้งหมดน่าเชื่อถือ  แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนเคยเฉียดเข้าไปใกล้แล้วได้กลับมาเล่าได้เลยซักคนเดียว ฉันถึงไม่อยากให้เธอเดินทางมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เอาเถอะถึงพูดไปก็คงมีใครหวังว่าจะห้ามเธอได้หรอกน๊ะ แล้วก็อย่าแม้จะคิดว่าจะบินเข้าไปเฉียดใกล้ภูเขานั่นได้ง่าย แต่ก็เอาเถอะใครจะห้ามเธอได้ว่ามั๊ย ยังไงซะ ให้ฉันรออยู่ที่เมือง Noatun ที่ตีนเขาก็น่าจะพอแล้ว “บาโยเน๊ตต้า“ รีบๆหน่อยแล้วกัน จะได้จบเรื่องของเธอแล้วกลับจากที่นี่กันซะที อยากเหล้าเต็มทีแล้ว …


  



      

    

Bayonetta - ที่พล่ามมานี่ชั้นไม่เชื่อเลยซักนิด Enzo เงียบปากแล้วเล่นบทนักบินอิตาเลี่ยนอ้วนของแกต่อไปเถอะน่า ! 
Enzo – โว้ !.. นั่นยังไง ภูเขา Fimbulventr ของเธอล่ะ ดูจากจรงนี้มันก็เหมือนจะดีน๊ะ แต่เข้าไปอีกหน่อยก็คิดว่าเดี๋ยวคงได้ตายกันยกลำ !

ยังไม่ทันขาดคำทันทีที่เฉียดเข้าน่านฟ้าของเมือง Noatun เครื่องบินของ Enzo และ Bayonetta ก็เจอกับสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่เข้าโจมตีจน Bayonetta ต้องโดดลงจากเครื่องจากบนฟ้าแล้วให้ Enzo รีบหันหัวเครื่องบินกลับทันทีเพื่อความปลอดภัย ฟังดูเหมือนจะเป็นกุลสตรี แต่จริงๆแล้วเรียกว่า ทิ้งกันกลางอากาศ ในขณะที่เครื่องบินของ Enzo คนขายข่าวดวงซวยกำลังใกล้จะหลุดเป็นชิ้นๆนั่นเอง ในขณะที่ Bayonetta ทิ้งตัวลงที่เมือง Noatun อย่างสวยงาม ถึงแม้จะเกือบเหยียบกระรอกประหลาดๆตัวนึงก็เถอะแต่ก็ยังถือว่า เท่ 


  
    

Bayonetta – อึดให้นานที่สุดน๊ะ Jeanne ชั้นกำลังจะไป 

- ในเมืองจะเห็นร่างของชาวบ้านนั้นดูโปร่งใสก็เพราะพวกเขาอยู่ละมิติและมองไม่เห็น Bayonetta แต่สามารถกด กด Y สำรวจตรวจสอบผู้คนต่างๆได้  เรียนรู้การเคลื่อนที่เร็วด้วยการเลื่อนแกน L พร้อมกดปุ่ม ZR 2 ครั้งเพื่อใช้ร่าง Panther Within ในการวิ่งไปตามที่ต่างๆอย่างรวดเร็ว จากนั้นโดดลงบ่อน้ำที่สุดทางด้านในเมืองจะมีประมิติให้วาร์ปเข้าไปด้านใน ในขณะที่เจ้ากระรอกประหลาดตัวเดิมกำลังแอบเฝ้ามองอยู่ เดินเข้าไปตามทางเดินเก็บสมุด Fragment of memory มาแล้วทะลุผ่านเข้าไปจนถึงเมืองที่อยู่ใต้น้ำ ลุยจัดการศัตรูเปิดทางไปจนถึงทางเข้าด้านใน อย่าลืมเทคนิคการใช้ Witch Time เพื่อสะสมเกทพลังเวทย์ให้เต็มแล้วกด L ใช้ Umbran Climax ท่าใหญ่ด้วย เมื่อผ่านศัตรูขึ้นมาที่ทางขึ้นของบ่ออีกด้านก็จะเข้ามาในเขตเมืองด้านในได้ และทันทีที่พบจุดแดงที่พื้นซึ่งก็แน่นอนว่าต้องพบกับ Rodin พ่อค้าอาวุธ เจ้าของบาร์ The Gates of Hell เจ้าเดิมนั่นเอง ซึ่งหลังจากพูดคุยทักทายกับ Rodin ที่อ้างตัวว่า Gates of Hell ได้เชื่อมต่อกับ ภูเขา Fimbulventr ด้วยซึ่งก็แปลว่าที่นี่ข้าก็ขายได้นั่นแหละ หลังจากคุยจบก็เข้าไปสำรวจจุดแดงเพื่อเข้าไปในร้าน The Gates of Hell ของเขาได้เลย




บาร์ The Gates of Hell ของ Rodin นั้นสามารถซื้อได้ทั้ง Weapon , Accessories เครื่องประดับที่ใช้เพิ่มอบิลิตี้ในการต่อสู้ , item อมยิ้มเติมพลังชีวิต และ Techniques ในการต่อสู้ต่างได้ โดยใช้ Halos ซึ่งก็คือวงแหวนสีทองเล็กๆที่ได้จากการต่อสู้มาใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอาวุธขาย  Accessories ก็ราคาเหยียบหลักแสนทุกอัน ไอเทมเติมพลังต่างๆก็สำคัญก็ 3000 – 8000  Techniques ท่วงท่าในการต่อสู้ใหม่ก็ไม่ควรลืมซื้อก็ประมาณ 20000 – 30000 
ส่วน Rodin’s Treasures นั้นยังไม่มีโผล่ออกมาให้เลือก ใช้เงินให้คุ้มค่าเพื่อสร้างความแข็งแกร่งตามใจชอบแล้วออกจากร้านได้เลย 

- ออกจากร้าน Rodin แล้วลุยเข้าไปในเมืองต่อระหว่างทางจะเจอตัวประหลาดขนาดใหญ่เข้าโจมตีอีกรอบ เข้ามาจนถึงเขตน้ำพุใหญ่กลางเมือง Cascade Foreground Bayonetta จะพบกับพวกเทวดาบ้าคลั่งเริ่มปรากฏตัวออกมา แต่พวกมันกลับไม่สนใจเธอแล้วพุ่งไปโจมตีเด็กคนนึงแทน เด็กผิวสีแทนใส่เสื้อมีฮู๊ดสีเหลืองกับเครื่องรางที่แสนจะคุ้นตาที่ห้อยอยู่ที่คอ แถมยังมีฝีมือในการใช้ไพ่ในการต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วด้วยฝีมือที่เกินเด็กจน Bayonetta ต้องปรบมือให้ หลังจากจัดการกับพวกเทวดาจนหมดภายในเวลาไม่กี่นาที



เด็กหนุ่มลึกลับ – เฮ้อ ฝีมือยังไม่ได้เรื่องเลยแฮะ หยั่งงี้ไม่มีหวังขึ้นเขา Fimbulventr ได้แน่เรา
Bayonetta – แหม ก็ไม่ถึงกับแย่หรอกน่า 
เด็กหนุ่มลึกลับ – ห๊า เห็นชั้นด้วยหรอ ?
Bayonetta – ก็เล่นโชว์พาวขนาดนั้นใครจะไม่เห็นล่ะ 
เด็กหนุ่มลึกลับ – อ๋อ หรอ แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่เห็นตอนไคลแม็กซ์น๊ะ 
------  ปัง ! Bayonetta ยิงใส่เด็กหนุ่มลึกลับแบบเฉี่ยวไปไม่กี่เซ็นต์ -----
เด็กหนุ่มลึกลับ – อ้าว นังนี่ !
----- แค่กระสุนนัดนั้นไปโดนพวกเทวดาที่กำลังเข้ามาด้านหลังของเด็กหนุ่มแทน ----
Bayonetta – ก็บอกแล้วไงว่าฝีมือแค่นี้ก็ถือว่าเจ๋งแล้วล่ะเจ้าหนูน้อย 
เด็กหนุ่มลึกลับ – นี่เธอเป็นใครกันแน่เนี้ย ?
Bayonetta – ก็แค่ สาวน้อยไร้เดียงสาที่หลงทาง ที่มือสั่นปืนลั่นใส่เทวดาบ้านั้นแค่นั้นแหละ 
เด็กหนุ่มลึกลับ – ก็น่ารักดี เอาล่ะ หยุดตลกได้แล้ว เห็นชั้นได้ยังไง ? 
Bayonetta – เพราะว่า เราทั้งคู่เกิดที่ Purgatorio ไงล่ะ 
เด็กหนุ่มลึกลับ – Pur..ga..torio ?
Bayonetta – เอาล่ะ เราไปหามามี๊เธอที่อยู่บนเขา Fimbulventr กันได้ยัง ? 
เด็กหนุ่มลึกลับ – ไม่ล่ะ แม่สอนไม่ให้คุยกันคนแปลกหน้า เอาล่ะ ไปให้พ้นทางชั้นได้แล้วนังบ้า เอางี้ดีกว่าชั้นจะทำให้เธอไม่มายุ่งกับชั้นอีกเลยดีกว่า ด้วยไพ่ของชั้น !! 
Bayonetta – อุ๊ย กลัวจัง แต่ไพ่มันเป็นรูแล้วน๊ะ จะใช้ได้หรอ ?
เด็กหนุ่มลึกลับ – บ้า เอ๊ย ! …พวกมันมาตามล่าชั้นอีกแล้ว แล้วค่อยเจอกัน ..

– ทันที เด็กหนุ่มลึกลับ หนีไปฝูง ฑูตสวรรค์ระดับ 3  “Accolade” มากมายจะบุกเข้ามาทันที  จัดการพวกมันให้หมดแล้วเก็บแผ่นเสียง Angelic Hymns Gold LP แล้วโดดปีนไปที่แท่นกลางน้ำไปที่กระจกด้านบนจะวาร์ปเข้ามาที่พื้นที่บนพนังด้านหน้าของโบสถ์ได้ จะได้พบกับ  First Sphere Cherubim Valiance

  

Valiance - ข้ารู้สึกได้ถึงพลัง พลังที่คุ้ยเคยมานาน เจ้าเด็กนั่นมันหนีไปได้อย่างงั้นหรอ ?
Bayonetta – ถ้าแกหมายถึงเจ้าเด็กนั่นล่ะก็ มันหนีไปนานแล้วล่ะ 
Valiance - ฮือ .? เจ้า ยัยแม่มดตัวดี พระเจ้ายังอวยพรให้เจ้ายังมีลมหายใจดีอยู่หรอ ? ดังนั้น เนตรแห่งโลกา จึงเชื่อมโยง..
 ------ ปัง ! กระสุน 1 นัดถูกยิงเข้าแซกหน้า Valiance  -------------- 
Bayonetta – โทษน๊ะ ขอนอกเรื่องแปบ 
Valiance - เจ้าไม่ควรหนีจากการจับกุมของพวกเราได้ 
Bayonetta – อา ..ตอนนี้คงไม่มีเวลาที่จะมาเต้นรำเป็นเพื่อนหรอกน๊ะ พอดีเพื่อนชั้นกำลังรออยู่น่ะ





Boss – Valiance จะเรียกเทพหน้าหวานที่หาญกล้าก็เกรงจะหมดความน่ากลัวไป เจ้า Valiance นั้นมีดีแค่อึดเพราะตัวใหญ่แต่เคลื่อนไหวช้า แถมท่าเกร็งพลังก่อนเหวี่ยงดาบและโปรยลูกดอกระเบิดก็เห็นได้อย่างโจ่งแจ้งสามารถวิ่งหลบได้ไม่ยาก พยายามโจมตีตอดเก็บพลังท่าใหญ่แล้วใช้ Umbran Climax โจมตีไปเรื่อยๆ ก็จะจัดการมันลงได้ 

- หลังจาก Valiance ถูกพลัง Climax อัดกระแทกจนตกลงมาตายที่โบสถ์ด้านใน ฝูงเทวะฑูต Cachet & Compassion จะออกมาต้อนรับ Bayonetta ต่อทันที จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปในโบสถ์ด้านในสำรวจซากของ Valiance จะพบ เด็กหนุ่มลึกลับ อยู่ด้านใน




Bayonetta – แล้วไงต่อ เล่นซนอยู่ได้ไอ้หนู พยายามจะรักษาความลับของแม่อยู่รึไง 
เด็กหนุ่มลึกลับ – ถามจิงเถอะทำไมถึงอยากจะขึ้นไปบนเขา Fimbulventr นักหนา 
Bayonetta – เฮ้ออ ไม่มีเวลามาพูดเจ๊าะแจ๊ะเป็นเด็กผู้หญิงกันหรอกน๊ะ เห็นว่าเป็นถึงระดับ เทพผู้คุ้มครอง หรอกน๊ะถึงพูดดีด้วยเนี้ย 
เด็กหนุ่มลึกลับ – ไม่เอาน่าที่พี่ พร้อมจะตามผมขึ้นเขาไปรึยังล่ะ จะได้มาตกลงกันไง ผมจะยอมพาพี่ไปตามที่เคยขอแล้วไงเล่า 
Bayonetta – วิชาการเจรจาเข้าขั้นเด็กอนุบาลมากๆไอ้หนู แถมยังเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองอยู่ในสถานะภาพที่จะเป็นฝ่ายเจรจาได้อีกน๊ะเด็กน้อย แล้วก้อ ไอ้กลไพ่กระจอกเนี้ย เคยพยามยามแอบขว้างมันใส่ชั้นแบบนี้มาแล้วมันไม่ได้ผลก็ยังพยายามอยู่อีกเนอะ 
เด็กหนุ่มลึกลับ – อ่อ กลเม็ดนั่นน่ะหรอ บางทีมันอาจจะช่วยเธอได้ก็ได้น๊ะ 
----ปังๆๆๆ !! บาโยเน็ตต้ากระหน่ำยิงซากของ Valiance รอบๆตัวเด็กหนุ่มลึกลับจนแตกออกมาหมด ---
Bayonetta – เอาล่ะ ชั้นไม่มีเวลามาตั้งคำถามงี่เง่าหรอกน๊ะ ไม่ว่าหนูเป็นใคร ? จะอยากขึ้นเขาไปเพื่ออะไร ? พาชั้นขึ้นไปที่ Fimbulventr และให้เร็ว ! แล้วอยู่ใกล้ๆกันเอาไว้ ชั้นสัญญาว่าชิ้นส่วนหนูจะครบตลอดการเดินทางแน่นอน 
เด็กหนุ่มลึกลับ – โอเค ๆๆ ผมจะพาไป แต่ก่อนไปผมมีเงื่อนไขอยู่ขอนึง เลิกเรียกผมไอ้หนูได้แล้ว ผมชื่อ “ Loki “
แล้วจะให้เรียกพี่ว่ายังไงคะ ครับ คุณผู้หญิง 
Bayonetta – เริ่มพูดจากับผู้หญิงดีขึ้นแล้วนี่ เรียกชั้น บาโยเน็ตตา หรือ เซเลสซ่า เลือกเอา  
Loki – เซเลสซ่า หรอ ? มันดูไม่เข้ากับพี่ซักนิด 
Bayonetta – งั้นก็เรียก บาโยเน็ตตา และ ไปกันได้แล้ว ! ไอ้หนู 
Loki – ก็บอกว่าชื่อ …
Bayonetta – นายน่ะจะถูกเรียกชื่อก็ต่อเมื่อเป็นชายสมชายแล้วเท่านั้น ไอ้หนู ….

- จากนั้นกลับขึ้นมาด้านบนของโบสถ์ที่ลานกว้างกลางโบสถ์ศัตรูจะเริ่มบุกเข้ามา ตอนนี้ Loki จะเข้าร่วมเดินทางด้วย ก็จะมีเพื่อนเข้าร่วมสู้ด้วยแต่ Loki ก็แค่สู้ไปในฐานะตัวประกอบที่ออกท่าทางเตะๆต่อยๆไปอย่างงั้นแต่เขาไม่ได้สู้จนจัดการศัตรูได้จนแบ่งเบาภาระ Bayonetta ได้หรอกน๊ะ แถมยังไม่ได้เป็นตัวล่อที่ดีด้วยเพราะศัตรูก็ยังเน้นเข้ามาโจมตีที่ตัวบาโยอย่างเดียวเหมือนเดิม เกทพลังชีวิตของเขาจะเป็นเกทสีน้ำเงินเข้มอยู่ด้านล่างของพลังชีวิตบาโยเน็ตต้า ซึ่งก็ไม่ต้องไปสนใจมากเพราะถึงมันจะลดแต่ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าเขาจะตายซักนิด แถมเพิ่มจนเต็มได้เองอีกต่างหาก จากนั้นจัดการศัตรูฝูงแรกที่ออกมาให้หมดแล้วจะพบ Boss Urbane




เจ้านี้มีมือลูกตุ้ม อัดหนักเป็นวงกว้าง รอจังหวะมันทุบลงพื้นแล้วหลบไปโจมตีด้านข้าง ตอดด้วย Umbran Climax โจมตีไปเรื่อยๆ ก็จะจัดการมันลงได้ และตอนนี้คุณก็จะเริ่มรู้แล้วว่าเจ้าโลกิมันช่างเป็นเพื่อนร่วมต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์เสียจริงๆ

  

- เมื่อจัดการมันได้แล้ว ตาม Loki เข้าไปตามทางในเมืองต่อ ระหว่างจะพบกับนกหัวรูปปั้นที่ตามโจมตีมาตั้งแต่ตอนแรก เข้ามาขวางทางเอาไว้ ก่อนที่จะพยายามบอกให้ Loki ที่มันเรียกว่า ท่านผู้นำ ตามมันไปพบกับคนที่มันเรียกว่า ศาสดา
แต่ Bayonetta ไม่ยอมและเข้าขัดขวางจึงเกิดการต่อสู้ขึ้น เจ้านกหัวรูปปั้นที่ยังไม่มีการถูกแนะนำตัว เป็นบอสขว้างทางที่ไม่ใช่กระจอกๆเลย เพราะนอกจากพลังชีวิตมันจะมากมายหลายหลอดแล้ว การต่อสู้กับมันก็ยังยาวนานไม่น้อยเลย อาวุธมันคือแขนสองข้างขนาดใหญ่ที่ใช้ฟาดโจมตีลงพื้น พยายามหลบไปจนกว่ามันจะใช้ปากงับเข้ามาหรือแขนที่มันโจมตีมาจะติดพื้นก็ค่อยใช้ Umbran Climax อัดมันแบบเต็มๆไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย Bayonetta ก็จะใช้ร่าง Climax กระทืบมันจะร่วงตกน้ำไปได้ในที่สุด จากนั้นจึงค่อยมาเคลียร์กับ Loki ต่อ



Bayonetta - ตกลงมันมีธุระอะไรหรือค่ะ ..ท่านผู้นำ ? ถ้าไม่เล่ามาให้หมด ข้อตกลง ของเราก็เป็นอันจบ และถ้านายไปเจอกับไอ้พวกที่ตามจับนายอีกก็ดูแลตัวเองแล้วกันน๊ะ 
Loki – เออ เลิกก็เลิก ผมก็มีทางไปของผมเองฟ่ะ 
----- ก่อนที่ Loki จะแปลงร่างเป็นกระรอกหนีไปแต่ Bayonetta ก็ใช้ร่างเสือดำไปตามงับกลับมาได้ ------
Bayonetta – โอ้ เจ้ากระรอกที่เกือบเหยียบตอนแรกนั่นเอง กลแบบใหม่หรอ เกือบตามไม่ทันเลย แต่ก็ถือว่าเกินความคาดหมายของพี่น๊ะ เอาล่ะ มีข้อเสนอใหม่ ตอนนี้เธออยู่กับพี่แบบนี้ไปก่อนแล้วกัน อย่าซนให้มากนักล่ะ 




  

เหตุการณ์ทั้งหมดถูกบุคคลลึกลับ 2 คนเฝ้ามองอยู่จากที่แห่งหนึ่งอย่างเงียบๆ
นั่นใช่คนที่เจ้าตามหา ใช่หรือไม่ ?
ใช่ ..ยังไงข้าก็ไม่มีวันลืมใบหน้าของมันแน่นอน …



                                  Chapter II – A Remembrance of Time

ท่ามกลางการต่อสู้ที่ไร้ซึ่งอัตลักษณ์และตัวตนระหว่างเทวดาและแม่มดยังคงดำเนินไปในเมือง Noatun แต่ชายคนนึงที่กำลังแอบดูอยู่บนยอดตึกรับรู้ถึงสิ่งปกติและเห็นภาพของบาโยเน็ตต้ากำลังต่อสู้กับเหล่าเทวาศัตรูของเธอได้จากแว่นพิเศษของเขา “ และแล้วชะตาก็พาเรามาพบกันอีกครั้ง “ ประโยคเจ้าชู้แสนน้ำเน่านี้ “ 






ไม่มีทางออกจากปากใครได้นอกจากLuka ชายผู้มีอดีตที่ก่อตัวจากความเครียดแค้นต่อแม่มดจนมันแปรเปลี่ยนมาเป็น ความรัก และทันทีที่เขาสังเกตเห็น บาโยเน็ตต้าแม่มดสุดเลิฟของเขากำลังเพลี้ยงพล้ำต่อศัตรู Luka จึงโผร่างลงไปช่วยทันที แต่ขณะที่แขนของเขาจะทอดลงไปที่ร่างของบาโยเน็ตต้าเพื่อหวังจะช่วยเหลือแต่เขาก็ลืมไปว่าเขาไม่สามารถสัมผัสโดนตัวตนของเธอได้แม้แต้เพียงน้อยนิดจนคว้าลมร่างไปกระแทกกับตึกลงไปนอนกับพื้นถนนด้านล่าง แต่ก็สามารถลุกขึ้นมาเก็กหล่อหน้าหม้อได้ทันทีเพื่อเขาพบกับ บาโยเน็ตต้า ที่กำลังเดินเข้ามาทักทาย 



Luka -  ไง สบายดีมั๊ยครับ 
Bayonetta – ก็รู้อยู่ว่าไม่ว่าจะกำลังเจออยู่กับอะไรชั้นก็หาทางออกได้ทุกครั้งอยู่แล้วนี่ ..แว่นสวยนี่ 
Luka – อ่อ เนี้ยหรอ ได้มาจาก Rodin ส่งตรงจากญี่ปุ่นเชียวน๊ะ เขาว่ามันมีพลังอำนาจเหมือนแว่นของเธอไง กว่าจะขอซื้อขายแลกเปลี่ยนมาจาก Rodin ได้ไม่ง่ายเธอก็รู้ .. อะ อ่อ แล้วผม เออ ไม่ได้สะกดรอยตามคุณเลยน๊ะ อย่างน้อยๆก็ครั้งนี้อ่ะ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้คุณกำลังคว้าน้ำเหลวอยู่ใช่ป่ะ และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม ถ้าพบคุณเมื่อไหร์ก็จะพบเรื่องราวอะไรซักอย่างเสมอ 
Bayonetta – แล้วรู้มั๊ยล่ะว่าตอนนี้โลกกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ ?
Luka – ไม่เอาน่า อย่ามาทำซื่อกับผมดีกว่า คุณก็รู้แก่ใจดีกว่าใครทั้งหมดนี่ Umbra Witch และ Lumen Sage ต่อสู้กันมาตั้งเกือบ 500 ปีแล้ว ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของกลุ่มผู้ตรวจสอบโดยใช้ Eye of the world พลังที่บังคับได้ทั้งพลังแห่งแสงและพลังของความมืด และที่ผมรู้มา 1 ในกลุ่มผู้ตรวจสอบมีแผนที่จะสร้าง Eye of the world เพื่อมนุษย์ชาติ ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของคนในกลุ่ม ว่ากันว่าผู้ตรวจสอบนั่นมีพลังของ ผู้สร้างที่แท้จริง พระเจ้าแห่งมวลมนุษย์ชาติ “The God of Chaos” 
Bayonetta – เทพเจ้าแห่งความวุ่นวาย หรอ ? 
Luka – อืมม และจากการศึกษาค้นคว้าของผม เจ้านี่ก็กำลังจะตื่นขึ้นที่เมือง Noatun ในไม่ช้านี้ด้วย ซึ่งก็ตอบคำถามตามความเชื่อต่างๆได้ดีเลิศว่าทำไมที่นี่ถึงเรียกว่า “ดินแดนแห่งพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามแห่งความเป็นจริง” La Porta del paradiso ประตูแห่งสวรรค์ La Porta dell’inferno ประตูแห่งนรก ที่แท้จริง !  นี่ฟังน๊ะ ผมก็ได้ยินข่าวของ Jeanne มาเหมือนกัน โว้ๆๆ เจ้ากระรอกน้อยนั่นมันอะไรอ่ะ ตัวนำโชคของคุณหรอ ไม่นึกเลยน้าว่าคุณจะเป็นคนรักสัตว์เหมือนกันบาโยเน็ตต้า 
Bayonetta – พอดีได้มาจากคนในเมืองใจดีคนนึงน่ะ 
Luka – เอาล่ะๆ นี่ไม่ใช่เวลามาคุยเล่น ไหนดูสิ ผมจะทำอะไรเพื่อช่วยคุณบางก็ได้น๊ะ 
Bayonetta – ชั้นว่าคุณอย่าตามกลิ่นอะไรไปตามที่ทีคุณไม่ควรไปจะดีกว่าน๊ะ 
Luka – ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า จมูกผมไงกับพวกอันตรายน๊ะ ผมเอาตัวรอดของผมได้อยู่แล้ว 
---  Luka รีบโชว์พาวโหนตัวให้ดูก่อนจะพลาดตกน้ำไปท่ามกลางความระอาของบาโยเน็ตต้า -------

  

- คุยกับ Luka จบก็เดินทางต่อไปตามทางเดินสู่สวนหย่อมกลางเมืองจะพบกับเทวฑูตระดับสาม ENTRPTURE ออกมาโจมตี จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปที่ท่าเรือจะพบ Loki เดินอยู่ที่นั่น บาโยเน็ตต้าจะเห็น Loki กำลังคลั่งจนแสดงภาพเหตุการณ์ในอดีตออกมาซึ่งในภาพจะเห็นมีเขาอยู่ด้วยและดูเหมือน Loki จะกำลังโกรธและสับสนอยู่มากๆ ยังไม่ทันที่บาโยเน็ตต้าจะเข้าไปคุย จู่ๆคลื่นน้ำขนาดใหญ่ก็ถาโถมเข้ามา รีบกด ZR เพื่อหลบแล้วใช้ร่างเสือดำวิ่งข้ามคลื่นน้ำไปอีกฝั่ง




Bayonetta – มายากลแบบใหม่อีกแล้วหรอเจ้าหนู ? ชั้นไม่เคยเห็นทั้ง Witch และ Sage ใช้กันมาก่อนเลย 
Loki – ไม่เอาน่า พี่ก็รู้ว่าผมจะบอกความลับสุดยอดของผมง่ายๆได้ไง ทั้งๆที่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เป็นมิตรหรือศัตรู
โอเค ก็ด้าย ดูเหมือนว่าผมจะมีพลังที่แบบว่า ระลึกชาติ ได้อยู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับที่นี่ในตอนนี้ซะด้วย 
Bayonetta – ดูเหมือนว่าหรอ ?
Loki – โธ่ พี่ ผมเองไม่รู้อะไรนอกจากที่บอกไปแล้วล่ะ 
Bayonetta – เดี๋ยวน๊ะ ระลึกชาติ หรอ ? 
Loki – นาฬิกาพกของพี่นั่น ? มันหมายถึงอะไรหรอ 
Bayonetta – ใช่ ! .. ชั้นยังมีพวกฟ้อง และ ไม่มีวันยอมให้ทุกอย่างสายเกินแก้แน่นอน 

  

- เปิดประตูลุยเข้าไปในซากวิหารตรงหน้า ที่กลางพื้นที่จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมดแล้ว Loki จะใช้พลัง ระลึกชาติ ที่นี่จนเห็นตัวเองชัดเจนขึ้นอีกครั้งแล้ว Loki จะสร้างสะพานแสงเพื่อขึ้นไปชั้นบนของซากอาคารต่อ ก่อนขึ้นแวะร้านของ Rodin ที่จุดวาร์ปแดงตรงทางขึ้นก่อน Rodin จะเข้าไปฉกอาวุธจากนรก ซึ่งจะเป็นอาวุธใหม่คือ ดาบ Rakshasa มาขายให้ในราคา 29800 ถ้าเงินพอก็ซื้อเก็บไว้ใช้ได้เลย ตาม Loki ขึ้นไปชั้นบนแล้วเข้าไปในกระจกวาร์ปที่เขาสร้างขึ้นมา ลุยศัตรูเข้าไปตามทางของพนังวิหารจนถึงประตูทางเข้าบนยอดวิหารก็จะสามารถทะลุออกมาถึงพื้นที่ด้านหลังของซากวิหารได้

                                         Chapter III – Paradiso Gate of Paradise 

เมื่อทั้งคู่พ้นจากซากวิหารมาได้ก็จะเห็นทางขึ้นภูเขา Fimbulventr อยู่ตรงหน้า แต่มันก็ยังคงไกลเกินเอื้อมอยู่ดี เป้าหมายแรกที่ต้องไปคือวิหาร Cascades ซึ่ง Loki จะบอกว่ามันคือสถานที่ทำพิธีกรรมเพื่อสร้าง สะพานแห่งสวรรค์ เป็นเส้นทางรัดในการขึ้นสู่ Fimbulventr ได้เร็วที่สุด แต่เป้าหมายที่ต้องไปนั้นตอนนี้มันมี La Porta dell’inferno หรือ ประตูแห่งนรก ตามที่ Luka บอกอีกแห่ง ขึ้นบนหรือลงล่าง Bayonetta จึงให้ Loki เลือกว่าจะไปเส้นทางไหน จนสุดท้าย Loki ก็คลั่งอีกครั้งLoki ระเบิดอารมณ์ว่าเขาต้องไปขึ้นเขา Fimbulventr แน่นอนก่อนที่จะใช้พลังสร้างเสาน้ำวนขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นทางรัดขึ้นสู่ภูเขาทันที แต่ Loki ก็ต้องชงักเมื่อถูกเจ้านกปีศาจหัวรูปปั้น หรือ ตอนนี้รู้ชื่อแล้วว่า Clamor พุ่งเข้ามางับ Loki เอาไว้ได้เสียก่อน แต่ Bayonetta ไม่ยอมง่ายๆเธอจึงใช้แผ่นไม้แทนกระดานโต้คลื่นไล่ตามไปตามแท่งเสาน้ำวนทันที



- ช่วงแรกของการต่อสู้กับ Clamor ในช่วงแรกบนแท่งเสาน้ำวนนั้น พยายามเน้นหลบเอาตัวรอดสลับกับโจมตีจนกว่าจะถึงชั้นบนสุดให้ได้ก็จะเข้าสู่ทางเข้า paradiso ประตูแห่งสวรรค์ ถึงจะได้บินซัดกับมันแบบเต็มๆอีกครั้ง ซึ่งต้องสู้กับ Clamor ถึง 3 ตัวด้วยกัน ซึ่งก็ต้องพยายามใช้การหลบแล้วโจมตีกลับให้ถูกจังหวะในการตอดโจมตีมันไปเรื่อยๆ สลับกับการใช้ท่าใหญ่ Umbran Climax ซึ่งกว่าจะกินเรียบทั้ง 3 ตัวก็ใช้เวลา 1 Chapter ไปเลยเต็มๆ จากนั้นบาโยเน็ตต้าจะเข้าไปถึงที่อยู่ของ ผู้ตรวจสอบแห่งแสง

    

ผู้ตรวจสอบแห่งแสง  - ไม่ !! ยัยแม่มด Umbra Witch ผู้ตรวจสอบแห่งความมืด แก ปกป้อง ท่านผู้นำ ข้าไม่อณุญาติให้มันขึ้นมาที่นี่ !
Bayonetta – ก็ชั้นก็ขี้เกียจมารอให้แกอณุญาติไง อ่อ แล้วชั้นก็คิดว่า บางทีไอ้จุดจบของชะตากรรมของคนเราบางที่มันก็เปลี่ยนแปลงได้น๊ะ ลาก่อนน๊ะเจ้าตัวน่าเกลียด .. อ้าว เกือบลืมเจ้าหนูนั่นไปเลย
--  บาโยเน็ตต้า พูดจบก็ระดมยิงใส่ผู้ตรวจสอบแห่งแสงจนร่างของ Loki กระเด็นหลุดออกมาด้านนอก ก่อนที่เธอจะรีบบินไปรับอย่างสุดกำลังทันที ท่ามกลางเสียหัวเราะของ ผู้ตรวจสอบแห่งแสง ที่ดังไล่หลังมาก่อนจะสลายร่างไปในรอยแยกแห่งความมืด ---







                                                           Chapter IV – The two meet






ร่างของ Loki ทิ้งดิ่งอย่างไร้การควบคุมลงมาสู่เมืองด้านหลังด้านความเร็วสูง ก่อนที่ Loki จะพยายามเอาตัวรอดด้วยการใช้ร่างกระรอกบินเพื่อชะลอความเร็ว แต่ก็ดวงซวยที่ไปชนกับ Luca ที่กำลังโหนไปมาอยู่ในเมืองจนทั้งคู่ตกลงไปในหลังคาบ้านหลังหนึ่งด้วยกัน Loki จำ Luca ได้ตอนที่เขาเข้ามาคุยกับ Bayonetta แถมยังแซวว่าจะสอนวิธีขึ้นกับสาวๆให้ถ้ามีเวลามากพอ ซึ่งตอนนี้เขารีบยังมากที่จะต้องเดินทางต่อไปภูเขา Fimbulventr ให้เร็วที่สุดทันที พูดไม่ทันขาดคำ Loki ก็เดินทางไปทันที ทำให้ Luca ไม่มีทางเลือกที่จะตามเข้าไปด้วย ซึ่งใครจะรู้ว่าเขาไม่ได้อยากช่วยเจ้าเด็กนี่เลยซักนิด เขาแค่พยายามหาทางช่วยบาโยเน็ตต้าสุดเลิฟของเขามากกว่า 

บนหลังคาไม่ไกลจากกันนักชายผู้สวมหน้ากากลึกลับกำลังแอบสังเกตการณ์อยู่ ขณะที่บาโยเน็ตต้าที่บินตาม Loki มาติดๆก็ลงมาตรงนี้พอดีเหมือนกัน แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่เห็นจนพลั้งมือทำหินหล่นใส่ แต่เป็นหินที่ใหญ่กว่าปกติเท่านั้นเอง ทันทีที่ชายหน้ากากใช้หอกของมันทำลายแผ่นหินแล้วที่พุ่งมาใส่มันแล้ว มันก็หายตัวไปทันที การหยอกล้อพร้อมรอยยิ้มของบาโยเน็ตต้าแบบนี้ บางทีเธออาจจะรู้จักตัวจริงของบุคคลที่อยู่ใต้หน้ากากนั่นแล้วก็ได้ 

   

- จากนั้นลุยไปบนหลังคาบ้านจะพบกับเทวฑูตอันดับสาม Fidelity ออกมาขวางทาง จัดการมันซะ แล้วไปต่อจนถึงตึกสูงที่สุดทางเดินบนหลังคา เข้าไปสำรวจเพื่อถีบตึกให้ล้มลงเป็นสะพานข้ามไปยังซากหอคอนที่จมอยู่กลางน้ำต่อ จากนั้นใช้เท้าแรงดึงดูดลุยไปตามพนังตึกจนถึงประตูด้านบนแต่ก็โดน Archangel ขนาดใหญ่เข้ามาโจมตีจนตึกถล่มลงไปจนหมด จัดการมันซะแล้วเข้าประตูตรงหน้าเพื่อเข้าไปในเขตเมืองส่วนในต่อ

ขณะที่อีกด้าน Loki ก็พยายามเร่งรีบเดินทางไปยังภูเขา Fimbulventr ให้เร็วที่สุด แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกขึ้นได้ว่า ทำไมเขาต้องไปที่ภูเขานั่นด้วย มันมีอะไรอยู่กันแน่ ก่อนที่ Loki จะปวดหัวหนักขึ้นอีกครั้งเสมือนกับโดนพลังบางอย่างควบคุมให้เขาต้องไปที่นั่นโดยที่ตัวเองก็ยังไม่รู้เหตุผลเลยซักนิดว่าทำไม  แต่จู่ Loki ก็ได้พบชายหน้ากากที่เข้ามาขวางทางโดยไม่ทันได้ตั้งตัว 



 Loki – โว้ หน้ากากสวยเพื่อน เอ่อ แต่ตัวแบบนี้ พวกไหนเนี้ย แม่มดป่ะ ?  ชั้นไม่เกี่ยวอะไรด้วยหรอกน๊ะ อย่าขวางทางกันแบบนี่สิเพื่อน 
ชายหน้ากาก – เธออยู่ที่ไหน ?
Loki – แกอยากจะไปร่วมกลุ่มกับเธอด้วยหรอ แหมดังไม่ใช่เล่นเลยน๊ะยัยนั่น เสียใจด้วยน๊ะเพื่อน ผมไม่ได้สนใจอะไรยัยนั่นจนต้องรู้ที่อยู่ของหล่อนหรอกน๊ะ นอกจากเสียแต่ว่า นอกจากเสียแต่ว่า ผมไม่รู้มาก่อนว่า ผมกับยัยนั่นมีความสัมพันธ์อะไรกันมาก่อน รึเปล่า ? 
ชายหน้ากาก – ถ้าอย่างงั้นอะไรๆมันก็จะง่ายขึ้นเยอะ 
--- หลังพูดจบ ชายหน้ากาก เริ่มเปิดฉากเตรียมต่อสู้ทันที Loki จึงพยายามใช้ไพ่ของต้านเอาไว้แต่ก็สู้พลังอาวุธลับที่เป็นขนนกสีขาวของมันไม่ได้เลย ------ 

- ทางด้านบาโยเน็ตต้า เดินทางต่อไปตามหลังคาของซากตึกจนถึงที่โดดลงมาที่ถนนด้านล่างจะพบกับจุดวาร์ปเข้าร้านของ Rodin จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมดแล้วเข้าประตูใหญ่ที่สุดทางเดินไปต่อ ในขณะที่ ทางด้าน Loki ก็พยายามสู้กับชายหน้ากากอย่างสุดฝีมือซึ่งก็ดูเหมือนเขาจะเริ่มจนแต้มเข้าไปทุกทีอยู่เหมือนกัน จนสุดท้าย Loki พลาดท้าโดนโจมตีล้มลง แต่บาโยเน็ตต้าที่เข้าประตูมาก็เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทันพอดี

   

Bayonetta – อ้า รสนิยมชอบเด็กเหมือนกันสิน๊ะ ..หึหึ หน้ากากหรอ ? ขอเดาก่อนน๊ะ อืมม สงสัยต้องหาตัวช่วย ว่าไงเจ้าหนู ? 
Loki – ก็บอกแล้วว่าผมไม่ใช่เด็กแล้วน๊ะ ! แล้วอีกอย่าง เจ้าหน้ากากนั่นไม่มีอะไรอยู่ในสมองผมด้วย ผมว่าบางทีเธอน่าจะบอกผมได้ดีกว่าก็ได้น๊ะ 
Bayonetta – เชื่อเถอะเจ้าหนู แบบนี้ไม่ใช่สเปคของชั้นแน่นอน 

จากนั้นชายหน้ากากก็เปิดฉากโจมตีใส่ Bayonetta ทันที ระหว่างการปะทะกัน Bayonetta ก็รับรู้ถึงความเร็วและฝีมือของชายหน้ากากที่ดูถ้าจะไม่ใช่กระจอกเลย และทันทีที่เธอพยายามจะยิงปืนจากส้นเท้าใส่จนหมดแม็กซ์แต่มันก็รับกระสุนมาปัดทิ้งได้ทั้งหมดอย่างง่ายดาย พวกที่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้กับเวทย์แม่มดของเธอก็คือ Lumen Sage อย่างไม่ต้องสงสัย ใช่แล้วเจ้าคนสวมหน้ากากนี่คือพวกของ Lumen Sage แน่นอน …. 





Boss - Masked Lumen การต่อสู้กับมันเป็นอะไรที่สูสีที่สุดเพราะมันก็มีพลังต่างๆคล้ายกับบาโยเน็ตต้า ทั้งการกลายร่างเป็นหมาป่าเงินเพื่อเพิ่มความเร็ว มีร่างเทวดาที่ใช้ในการบินต่อสู้ และ เรียกสัตว์อสูรเวทย์ Climax มาช่วยต่อสู้ พลังโจมตีของมันไม่มากมาย และไม่ได้อึดจนอัดไม่เข้าแต่สำคัญคือมันเร็วกว่าหลายขุม และหลังจากห่ำหั่นกันในทุกแพล็ตฟอร์มแล้วการต่อสู้ก็จบลงเมื่อพลังชีวิตของ Masked Lumen ที่หมดหลอดไปพร้อมกับการประสานงากันของอาวุธของทั้งคู่จนเกิดแสงสว่างจ้าไปทั่ว

                                       Chapter V - The Cathedral of Cascades 





หลังจบการต่อสู้ที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงผลแพ้ชนะ ร่างที่ไร้สติของบาโยเน็ตต้ากระเด็นมาที่บ่อน้ำและกำลังจะจมลงไป แต่ก็ได้ Loki ที่ตามดำน้ำลงมาช่วยผายปอดเอาไว้จนตัวเอกหมดสติจมน้ำลงไปด้วยอีกคน แต่ใครจะรู้ว่าการผายปอดของ Loki จะทำให้บาโยเน็ตต้าฟื้นคืนสติขึ้นมาภายในเวลาไม่นานแถมยังได้พลังกลายร่างแบบใหม่มาอีกด้วย ซึ่งก็กดเหมือนกับการใช้ร่างของเสือดำในการวิ่ง (ดันแกนอนาล็อกซ้าย + ZR 2 ครั้ง) แต่ถ้าใช้ในน้ำจะทำให้กลายร่างเป็น งูน้ำ ซึ่งจะสามารถกดปุ่ม B แดชให้เคลื่อนที่ในน้ำได้เร็วยิ่งขึ้น จากนั้นใช้ร่างงูช่วยพาร่างของ Loki ขึ้นจากน้ำได้เลย ทันทีที่ขึ้นจากน้ำบาโยเน็ตต้าก็ยังทำใจเย็นเพราะคิดว่าคนอย่าง Loki จะไม่เป็นไรอะไรง่ายๆ หลังจากพยายามเรียกอยู่นาน Loki ก็ไม่ตอบสนองทำให้บาโยเน็ตต้าเริ่มใจไม่ดีและพยายามเขย่าตัว Loki อย่างรนรานจน Loki ที่แกล้งสลบอยู่เผลอตัวหันเราะออกมาที่สามารถแกล้งบาโยเน็ตต้าได้ ก่อนจะโดนเธอเตะกระเด็นเป็นการสั่งสอน แต่ดูเหมือนทั้งคู่กำลังเริ่มสนิทกันจนโดยไม่รู้ตัว 



แต่ทันทีที่ Loki ได้สติขึ้นมา สมองเขาก็เริ่มสั่งการให้เดินทางไปยัง ภูเขา Fimbulventr ให้เร็วที่สุดเหมือนเดิม แต่ก่อนอื่นทั้งคู่จะต้องผ่านวิหาร Cascades ที่อยู่ตรงหน้าไปให้ได้เสียก่อน

- ที่หน้าวิหาร Cascades จะมีประตูปิดตายอยู่ ต้องโดดลงไปในตูน้ำด้านหน้า ใช้ร่างงูน้ำว่ายน้ำเข้าไปที่ทางเข้าใต้ปราสาทที่อยู่ใต้น้ำ ลุยเข้าไปตามทางจนถึงช่องทางที่ทะลุเข้ามาด้านในวิหารได้ เข้ามาถึงที่ส่วนสุสานใต้ดินของวิหาร
แวะเข้าร้านของ Rodin ตรงทางเข้า ถ้าเก็บแผ่นเสียงมาให้เขาในจำนวนที่มากพอเขาก็ยอมบุกฝ่านรกลงไปเอาอาวุธใหม่มาให้ Undine ราคา 49800 จากนั้นค่อยเข้าไปด้านในสุสานต่อจนถึงกลางพื้นที่ Loki จะใช้พลังสร้างเสารูปทรงแปลกๆขึ้นมา เข้าไปสำรวจแล้วบาโยเน็ตต้าจะโดดขึ้นไปเกาะเสา หมุนแกนอนาล็อกชวยเธอเพื่อโยกหมุนเสาไปเรื่อยๆจนทำให้ซากสะพานขนาดใหญ่บนยอดวิหารที่พังอยู่ให้กลับคืนสภาพเดิมอีกครั้งจนมันทอดยาวไปที่ภูเขาได้สำเร็จ  จากนั้นหุ่นขนาดใหญ่จะปรากฎตัวออกมา ซึ่งมันเป็นมอนสเตอร์สาย Infernal ที่เป็นสายมืดจึงไม่น่าที่จะเข้ามาทำร้ายบ่โยเน็ตต้าได้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นมิตรสักเท่าไหร์แล้วในตอนนี้

  

– Boss Pain เจ้าหุ่นที่เคลื่อนไหวช้า โจมตีในวงแคบ เจอคอมโบชุดใหญ่ๆขึ้นไปก็มึนงงได้อย่าง่ายๆ สามารถจัดการได้ไม่ยากนัก เมื่อจัดการมันได้แล้วจะทำให้น้ำทะเลด้านบนทะลักเข้ามาท่วมห้องสุสานจนหมด ซึ่งก็จะทำให้ใช้ร่างงูน้ำว่ายน้ำลอยตัวขึ้นไปที่โผล่บนเพดานขึ้นไปที่ส่วน Grand Hall ของวิหารได้ จากนั้นตาม Loki ขึ้นบันไดไปชั้นบนจะพบลูกเหล็กขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง Loki จะจำอะไรได้บางอย่างเกี่ยวกับเจ้านี่ก่อนที่เขาจะเข้าไปใช้พลังบังคับมันให้ลอยขึ้นมาจากพื้น แต่ขณะนั้น Luka ที่แอบดูอยู่ก็โผล่ออกมา





Luka – ผมมาทั้งทีก็เพราะมีของดีๆมาฝากเหมือนเดิมครับ แต่ก่อนจะเล่าถึงการบ้านที่ไปหาข้อมูลมาก็อยากจะให้เรียกผมว่า Luka สุดยอดอัฉริยะให้ฟังหน่อยจะขอบคุณมากๆเลย ที่ผมไปปะติดปะต่อมานี่มันเป็นเรื่องราวของตำนานในยุคโบราณของเมือง Noatun เชียวน๊ะ 
Bayonetta – แล้ว ? มันสำคัญตรงไหน 
Luca – ใครบอกล่ะครับมันเกี่ยวกับคุณบาโยเน็ตต้าโดยตรงเลยล่ะ  เรื่องเล่าของ Noatun ในยุคโบราณที่เรียกกันว่า ตำนานแห่ง Aesir ซึ่งเป็นเรื่องราวในยุคแรกเริ่ม ยุคที่ยังไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนว่าโลกมาจากไหน ความพยายามที่จะหาเหตุผลดังกล่าวทำให้เกิดความเชื่อที่เรียกว่า Trinity of Reality หรือ  “พระผู้เป็นเจ้าทั้งสามแห่งความเป็นจริง” ซึ่งความเชื่อนี้กลับทำให้เกิดความแตกแยกของทั้ง 3 อณาจักร อันประกอบด้วย แสง (Light) ความมืด (Darkness)  และ ความวุ่นวาย (Chaos)  ซึ่งก็แน่นอนว่าโลกของเรานั้นเกิดจาก ความวุ่นวาย ตามตำนาน และทั้ง 3 โลกก็ต้องการ ผู้ปกครองที่แตกต่างกัน เทพที่ปกครองโลกแห่งความวุ่นวายคือ Aesir และ Aesir ใช้ความเป็นนิรันดร์ของมันอย่างเงียบๆแล้วมองลงมาที่โลกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มันอยู่ ก็อย่างว่า อะไรก็ตามที่เราเห็นว่ามันเป็นความจริงแท้ก็อยากที่จะนำมาตั้งเป็นกฎของโลกของเราเอง แต่ Aesir เห็นความจริงที่แตกต่างออกไปและนำมันมาใช้กับกฎของโลกเรา จนทำให้เกิดพลังแห่งดวงตา Aesir ดวงตาแห่งความเป็นจริง ขึ้นมา แถม Aesir ก็ยังอยากให้มนุษย์มีเจตจำนงค์อิสระที่เป็นของตนเอง Aesir จึงแบ่งแยกดวงตาแห่งความจริงออกเป็น 2 ส่วน ตาซ้าย ดวงตาแห่งแสง ตาขวา ดวงตาแห่งความมืด  และส่งมอบให้มนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบตามสัญชาติญาณของพวกเขา แต่พลังแห่งดวงตาของ Aesir ยิ่งทำให้เจตจำนงค์อิสระของมนุษย์แข็งแกร่งขึ้นจนพวกเขาสามารถมีทางเลือกได้มากขึ้น พวกมนุษย์เลือกที่จะควบคุมพลังที่ยิ่งใหญ่ของดวงแห่ง Aesir ทั้ง 2 ให้เป็นหนึ่งเสียเลย แล้วเรียกมันว่า Eyes of the World เพื่อกำหนดชะตากรรมด้วยตัวเอง ใช่ แล้ว Eyes of the World ก็คือดวงตาทั้ง 2 ที่ปัจจุบันถูก Umbra Witch และ Lumen Sage ครอบตรองอยู่ตอนนี้นั่นแหละ  ตาขวาอยู่กับ Sage และเธอก็เพิ่งจัดการหลวงพ่อ Balder ที่เป็น Lumen Sage คนสุดท้ายไปใช่มั๊ย ซึ่งถ้าตอนนี้มีใครได้ครอบครองตาขวาไปแล้วจัดการ Umbra Witch ที่เหลือให้หมดแล้วยึดตาซ้ายมาอีกจนครบซะ พลังแห่ง Eyes of the World ก็จะตกเป็นของผู้นั้นทันที ส่วนคำตอบที่เหลือทั้งหมดเชื่อว่าอยู่ที่ ภูเขา Fimbulventr นั่นแหละ เอาล่ะยาหยีผมทำการบ้านให้จนเสร็จแล้วน๊ะครับ ว่าแต่มีอะไรจะให้เป็นรางวัลกับ ชายที่สุดยอดเยี่ยมกระเทียมดองแบบไม่ธรรมที่แสนจะใจบุญอย่าง Lu kaaaaaaa ……!




- หลังจากอุตสาหะแปลสาระแก่นสารที่ Luka มันค้นคว้ามาเสียยืดยาวก็ถูกบ่โยเน็ตต้าถีบวะกระเด็นเป็นรางวัลฐานะสร้างความหน่าหมั่นใส้จนเกิดพอดีไปแล้ว พวกศัตรูก็จะเริ่มบุกเข้ามาทันที ก็คิดเสียว่าบาโยเน็ตต้าช่วยพลักให้พ้นไปจากอันตรายที่กำลังเข้ามาแล้วกันน๊ะ Luka .. จากนั้น Loki จะเรียกให้บาโยเน็ตต้าขึ้นมาบนลูกเหล็กก่อนที่เขาจะใช้พลังทำให้มันลอยขึ้นไปด้านบน ขึ้นไปจัดการพวกศัตรูบนลูกเหล็กที่กำลังลอยขึ้นด้านบนให้หมด แต่ Archangel ขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาโจมตีใส่บาโยเน็ตตาจนเธอไปห้อยอยู่ที่กลางปล่องในขณะที่ Loki ปีนขึ้นไปจนถึงบันไดของชั้นบนได้ จากนี้ก็ต้องบังคับ Loki วีงหนีการไล่ล่าของ Archangel ขนาดใหญ่ที่ไล่ตามมา วิ่งไปจนเกทเวทย์เต็มหลอดก็กด L ยิงพลังไปใส่ศัตรูให้มันตามไม่ทัน จนถึงชั้นบนสุดของหอคอย Loki ก็จะเปิดช่องให้บาโยเน็ตต้าที่ติดอยู่ขึ้นมาได้ พร้อมกับ Archangel ขนาดใหญ่ที่ตามขึ้นมาอีก 2 ตัว จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปหา Loki ที่รออยู่ที่ทางออก




จู่ Loki ก็ปวดหัวและเปิดพลังระลึกชาติของเขาออกมาเป็นภาพมายาขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือตัวเขาเองแถมยังยิงพลังใส่จนกระเด็นเกือบตกหอคอย แต่สะพานที่ทอดยาวขึ้นไปถึงยอดเขา Fimbulventr นั้นก็อยู่ตรงหน้านี่แล้ว 

                                    Chapter VI – The Bridge to the Heavens 

ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวขึ้นบันไดสู่สวรรค์เพื่อมุ่งสู่ยอดเขา Cherubim Valor ก็พุ่งออกมาขัดขวางพร้อมย้ำคำสั่งของศาสาดาว่าห้ามให้ ท่านผู้นำ ขึ้นไปยังยอดเขา Fimbulventr โดยเด็ดขาด




 แล้วมันจะใช้ดาบขนาดใหญ่ทำลายพื้นจนทั้งคู่ต้องกระเด็กตกลงไปในหอคอยอีกครั้ง ก่อนที่มันจะไล่ตามมาโจมตีต่อจนถึงด้านในหอคอย






 ซึ่งบาโยเน๊ตต้าต้องดวลเดือดกับมันจนตกลงไปถึงสุสานใต้ดินที่น้ำท่วมกันเลย ฉากต่อสู้กลางอากาศมีแต่หลบกับบวกครับ แถมมีจังหวะหลบที่ตายตัวเสียด้วย รอจังหวะสะสมพลังเวทย์ใช้ท่า Climax จัดการมันไปเรื่อยๆ ยังไงเกทเลือดของศัตรูก็ลดไปตามเหตุการณ์การต่อสู้อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องไปตายที่ห้องสุสานที่น้ำท่วมอยู่ดี เป็นบอสเหตุการณ์ที่กินเวลาต่อสู้ยาวนานถึงขั้นหมด Chapter กันเลยทีเดียว

                                                            Chapter VII – The Ark 

ณ.สถานที่แห่งนึง ชายลึกลับในชุดผ้าคลุมปกปิดใบหน้ากำลังนั่งรำพึงรำพันถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในแผนของมัน





ล้มเหลวอีกแล้ว ….
หมากที่มีก็ไม่สามารถอยู่ได้นานพอที่จะใช้งานให้ประสบผลสำเร็จตามที่ข้าต้องการซะที …..
ถ้าอยากจะให้บรรลุเป้าหมาย ข้าคงจะต้องเหนื่อยแรงลงมือด้วยตัวเองเสียแล้ว ….. 
-- ก่อนที่ชายในชุดเสื้อคลุมจะวาร์ปผ่านลูกแก้วในห้องลงมาด้านล่างของหอคอย เพื่อจบปัญหาต่างๆด้วยตัวของมันเอง แต่หารู้ไม่ว่า ตาที่เป็นประกายในเรื่องลึกลับของ Luka ได้แอบสังเกตการณ์ชายในชุดผ้าคลุมที่ลึกลับคนนี้เอาไว้ได้จนหมดแล้ว --  

ถ้าด้าน bayonetta และ Loki หลังจากจัดการ Valor องค์รักษ์พิทักษ์สะพานสวรรค์และโดนไล่ล่าจนตกลงมาที่ห้องสุสานน้ำท่วม ทั้งคู่ก็ไหลลงมาตามน้ำมาที่ชั้นล่างของวิหารต่อ ซึ่งไม่ว่ามันเป็นที่ไหนแต่ทันทำให้ทั้คู่ห่างจากภูเขาเป้ามายมาไกลขึ้นอีกเยออะเลย แต่ Loki จะเริ่มจำได้ถึงสถานที่นี้ขึ้นมา อาการปวดหัวและภาพนิมิตรจะความสมารถระลึกชาติของเขาก็เริ่มทำงาน ภาพของตัวเขาเองในอดีตปรากฎขึนอีกครั้งแล้วครั้งนี้มันส่งข้อความมาถึง Loki ด้วย








“ และแล้วนายก็ลุกขึ้นมาก่อนชั้นจนได้ แถมยังไม่คิดจะหนีอีกด้วย นี่ไม่ใช่โลกของนายและนายไม่ควรมีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เพราะ ผู้นำหนึ่งเดียว ก็สมควรมีหนึ่งเดียวอย่างที่มันควรจะเป็นอีกครั้ง นายเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก “ 





Loki – ถ้าเธออยากที่จะลงนรกมากนักน่ะบาโยเน็ตต้าเดี๋ยวผมจะจัดทางรัดให้ ผมว่าผมจำได้ทั้งหมดแล้วว่า ผมเป็นใคร 



ในอีกด้านของขุมนรก Rodin ที่กำลังขะมักเขม้นในการหาอาวุธจากขุมนรกไปขาย เขาก็ได้พบกับร่างของผู้หญิงนางนึงที่กำลังจะตื่นขึ้นจากหลุมศพใต้นรก “ เวลาใกล้จะหมดแล้ว บาโยเน็ตต้า เธอคงต้องรีบสร้างปาฎิหารขึ้นมาอย่างเร็วเลยล่ะ” 

- ทางด้าน bayonetta นั้น Loki ก็ใช้พลังบังคับแผ่นหินที่อยู่ใต้น้ำในการพาทั้งคู่เดินทางมาตามทางใต้น้ำอย่างเร่งด่วน ระหว่างทางจะพบปลากระเบนปีศาจ insidious เข้ามาขัดขวาง



 เนื่องจากเป็นการต่อสู้ใต้น้ำกับบอสขนาดใหญ่จึงต้องใช้ร่างงูน้ำในการเคลื่อนที่ไปให้ใกล้จุดที่จะโจมตีด้วย โดยจุดอ่อนของมันจะอยู่ที่ตาขนาดใหญ่ที่ใต้ท้องของมัน โดยจะสามารถโจมตีได้ก็ต้องรอให้มันเปิดตาออกมาก่อน ส่วนที่เหลือก็ต้องใช้ความสามารถของงูน้ำหลบการโจมตีของมันไปเรื่อยๆเพื่อรอจังหวะ หลังจาก bayonetta และ Loki ประสานงานกันสู้จนจัดการเจ้า insidious ให้ร่วงลงใต้น้ำได้สำเร็จ แต่ในขณะที่ทั้งคู่ไม่ทันระวังตัวมันก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งแล้วงับทั้งคู่ลงท้องไปในทันที

- เมื่อบาโยเน็ตต้ารู้สึกตัวอีกครั้งก็รู้ว่ามาอยู่ในท้องขนาดใหญ่ของปลากระเบนปีศาจซะแล้ว แถมยังแยกทางกับ Loki ด้วย ลุยเข้าไปด้านในท้องของมันระหว่างทางจะพบกับพวก Hacreo ที่ออกมาขัดขวาง จัดการมันให้หมดแล้วใช้ร่างเสือดำวิ่งเข้าไปตามทางของท้องมันจนถึงห้องหัวใจของมันจะพบ Loki ถูกขังอยู่ในหัวใจ  แต่ก็จะพบ Masked Lumen อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน มันพยายามเข้ามาชิงตัว Loki ในขณะที่ Bayonetta พยายามจะช่วย การต่อสู้ของทั้งคู่จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง



Boss - Masked Lumen การต่อสู้กับชายหน้ากากในครั้งนี้ต่างกับครั้งแรกที่ทั้งคู่งัดกลเม็ดมันซัดกันแบบเต็มๆ แต่เนื่องจากอยู่ในท้องปลากระเบนยักษ์ที่มีเนื้อที่จำกัด จึงเสมือนเป็นกาวัดกันแบบตัวต่อตัวด้วยอาวุธและชั้นเชิงมากกว่า แต่อสูรเวทย์ของทั้งคู่ก็ทำเอาท้องปลากระเบนยักษ์ปั่นป่วนใช้น้อยเหมือนกัน หลังจบการต่อสู้บาโยเน็ตต้าสังเกตเห็นสร้อยประหลาดที่สวมที่คอมันที่ทำให้เธอนึกถึงบางคนขึ้นมาได้ และยังสามารถโจมตีจนทำให้หน้ากากของมันแตกเผยให้เห็นตาขวาที่เรืองแสงของมันด้วย ทำให้บาโยเน็ตต้ารู้ทันทีว่ามันเป็น The Right Eyes แน่นอน



 แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ท้องของปลากระเบนนรกก็รับความเสียหายจากการต่อสู้ที่ดุเดือดไม่ไหวจนทำให้ตัวมันระเบิดเป็นจุลทันที


                                             Chapter VIII – An Ancient Civilization  


   

หลังจากที่ทั้งคู่รอดมาจากแรงระเบิดจากท้องปลากระเบนนรกมาได้ Bayonetta และ Loki ก็จมดิ่งลงสู่ก้นทะเลลึกจนทะลุมาจนถึงสถานทีนึงที่อยู่ลึกยิ่งกว่าก้นทะเล




bayonetta – ที่นี่มัน ?
Loki – ขอต้อนรับสู่นรกจ๊ะคนสวย ถึงจะไม่ชอบยังไงก็หันหลังกลับไม่ทันแล้วล่ะเพราะมันคือ ประตูนรก ที่เธอถามหาไงล่ะ
ผมก็ไม่รู้ว่าเพื่อนพี่ผ่านมาถึงที่นี่จากทางไหนหรือยังไงซึ่งหวังว่าเพื่อนพี่คงยังอยู่ดีหรอกน๊ะ 
bayonetta – ไม่หรอกเธอยังอยู่ดีแน่นอน
Loki – มั่นใจขนาดนี้แสดงว่าเป็นเพื่อนที่ดีมากแน่ๆ เอาละ ยอดเขา Fimbulventr รอได้เสมอ ผมจะเปิดประตูล่ะน๊ะ 
bayonetta – ไหนตอนแรกว่าไม่อยากไปด้วยไงล่ะ
Loki – ก็ผมไม่อยากให้พี่ถูกปิดตายอยู่ในนั้นนี่ แล้วใครจะช่วยพี่เปิดประตูขากลับล่ะจริงมั๊ย แล้วอีกอย่างถ้าเจ้าหน้ากากบ้านั่นโผล่มาใครจะช่วยพี่ล่ะ …เอาละไปกัน !

- Ruin of Lost memory โดดตาม Loki ไปตามทางเดินขาดจนถึงหน้าทางเข้าด้านในจะพบ Boss Greed ออกมาขวางทาง จัดการมันซะแล้วตาม Loki เข้าไปตามทางซึ่งเขาจะใช้พลังในการสร้างบันไดให้สามารถโดดขึ้นไปที่ชั้นบนได้ ลุยขึ้นไปต่อจนถึงลานกว้างชั้นบนจะพบกระจกวาร์ปที่ไม่มีพลังงานอยู่ ซึ่ง Loki ก็จะเริ่มปวดหัวแล้วจำอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาเขาจึงรีบไปหาทางเปิดการทำงานของกระจกทันที ส่วน Bayonetta ที่รออยู่ก็ต้องพบกับ Boss Golem ที่โผล่ออกมา จัดการมันซะแล้วเดินมาหา Loki ที่อยู่ตรงทางเดินด้านในจะพบว่าเขาทำจุดวาร์ปสีเหลืองเอาไว้ โดดเข้าไปได้เลย



– วาร์ปเข้ามาที่ Eternal Square ต่อ เข้ามาจนถึงลานกว้างจะพบผลึกสี่เหลี่ยมสีฟ้าลอยอยู่ ทำลายมันซะแล้วจัดการศัตรูที่ออกมาให้หมด แล้วนำเอาเศษของผลึกที่ได้มาย้อนกลับมาที่ Ruin of Lost memory  โดย Loki จะเปิดจุดวาร์ปให้ จากนั้นเอาผลึกมาใส่ที่กระจกก็จะทำให้มันสามารถใช้งานได้แล้ว จากนั้นก็โดดเหาะผ่านเข้ากระจกต่อเนื่องไปจนบาโยเน็ตต้าสามารถถีบทะลุกำแพงเข้ามาด้านในได้สำเร็จ เข้าไปด้านในจนถึงลานกว้าง Loki จะใช้พลังสร้างแกนหมุนขึ้นมา โดดเกาะแกนแล้วโยกแกนอนาล็อกให้แกนหมุนจนทางเชื่อมไปยังหอคอยปรากฎออกมา ลุยขึ้นไปจนสุดทางเดินด้านบน Loki จะสร้างจุดวาร์ปให้วาร์ปเข้าไปต่อ
- วาร์ปเข้ามาในเขต Twilight Courtyard ลุยศัตรูเข้าไปด้านในที่เป็นเขตน้ำท่วม ดำน้ำลงไปด้านใต้จนพบผลึกกระจก จัดการศัตรูให้หมดแล้วเก็บผลึกกระจกมา จากนั้นจะเห็น Loki สร้างจุดวาร์ปอยู่ที่ชั้นบนให้ ว่ายน้ำขึ้นไปที่จุดวาร์ปนั่นเพื่อกลับมายังเขต Ruin of Lost memory อีกครั้ง จากนั้นขึ้นไปตามบันไดไปชั้นบนซึ่งก็ต้องโดน Golem แขนยาวออกมาขัดขวางตลอดทางขึ้น ลุยขึ้นมาจนถึงลานกว้างชั้นบน จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมดแล้วนำเศษกระจกผลึกไปใส่ที่กระจกวาร์ป โดดเหาะพุ่งตัวเข้าไปด้านในจนบาโยเน็ตต้าสามารถถีบก้อนผลึกจากอีกด้านทำให้มันแตกออกจนเห็นประตูอยู่ด้านใน

Chapter IX – The Gate of Hell
– ที่ Ruin of Lost memory เมื่อทำลายผลึกที่ครอบคลุมประตูนรกได้ 2 ครั้งแรก Loki จะสร้างแกนหมุนขึ้นมาให้บาโยเน็ตต้าหมุนอีกครั้ง เพื่อสร้างทางเชื่อมขึ้นมา จากนั้นลุยเข้าไปตามทางระหว่างทางจะพบกับ Boss Malicious ออกมาขวางทางจัดการมันซะแล้วเข้าไปจนสุดทาง Loki จะสร้างจุดวาร์ปสีเหลืองขึ้นมาให้วาร์ปเข้าไปที่ Glittering Passage เพื่อเข้าไปเก็บเศษกระจกผลึกกลับมาที่ Ruin of Lost memory แล้วลุยตาม Loki ไปต่อจนถึงลานกว้างที่ตั้งของกรอบช่องกระจก จะพบกับ Golem ออกมาขัดขวางอีกครั้งจัดการมันซะแล้วบาโยเน็ตต้าจะใช้ร่าง Climax จัดการขวางก้อนผลึกของเจ้า Golem ไปใส่ประตูนรกจนผลึกที่ปกคลุมมันอยู่ถูกทำลายไปจนหมด




Loki – นี่รู้มั๊ย ผมว่าคนอย่างพี่เนี้ยมีคนเดียวในโลกแน่ ก็มีใครบ้างที่มีคนช่วยไปนรกแล้วบอก “เอาสิชั้นไปด้วย” กันบ้างล่ะ เอาละ งานของผมตรงนี้คงจบแค่นี้แหละ ถึงเวลาที่ผมต้องไปทำเรื่องของผมบ้างแล้วล่ะ 
bayonetta – โลกสมัยนี้มันมีแต่คนชั่วๆรู้มั๊ย ไม่มีที่ไหนที่เราจะอยู่คนเดียวในโลกได้หรอก
Loki – ที่พูดเนี้ย ดูตัวเองรึยังพี่ เอาเถอะ ดูพี่จะชอบให้ผมช่วยแบบนี้ใช่ป่ะ แต่มันนานไปแล้วล่ะ ผมยังมีธุระที่ต้องที่ Fimbulventr อีกแล้วก็ต้องรีบซะด้วยสิ 
bayonetta – ไม่ ! ยังไงเธอก็ต้องอยู่ที่นี่ !! … เอ่อ ชั้น ชั้นยังไม่รู้เลยว่าจะไปที่ไหนต่อในนรกนี่ บางทีอาจต้องพึ่งนายน๊ะเจ้าหนู เรื่อง Fimbulventr น่ะเอาไว้จบเรื่องจากที่นี่แล้วชั้นจะพาไปเอง ดีมั๊ย 
Loki – โอเคๆๆ เข้าท่ามากเลย พี่โดดลงมาที่นรกนี่แต่จะมาบอกว่าไม่รู้จะไงต่อเนี้ยน๊ะ ? เถอะน่า ไปช่วยเพื่อพี่เหอะผมไปล่ะ ! 



Loki – แกอีกแล้ว ! …หน้ากากแกมันทุเรศมากรู้มั๊ยเพื่อน เอาล่ะ ไปให้พ้นทางได้แล้ว Lumen Sage !
Prophet – เจ้าต้องชดใช้บาปทั้งหมดของเจ้า Loki !
Loki – อะไรน๊ะ ! …แกเป็นใคร ? 
Prophet – นี่เจ้าแกล้งจำข้าไม่ได้อย่างงั้นหรอ ถึงแม้ตอนนี้เจ้าอาจจะยังจำอะไรไม่ได้ แต่ถาวะ การระลึกชาติ ก็ยังคงมีอยู่ตลอดไปอยู่ดี ใช่ มั๊ย … Lumen Sage 
Loki – เดี๋ยวๆ เฮ้ๆ อะไรเจอหน้าก็จะฆ่ากันตลอด ! ไหนว่าชั้นเป็น ท่านผู้นำ หนึ่งเดียวอะไรของพวกแกไง ?
Prophet – Umbra Witch ข้าควรเป็นคนที่เจ้าต้องหันกระบอกปืนใส่หรอ ? เจ้าฟื้นคืนมาอีกครั้ง มันยุติธรรมสำหรับข้าแล้วหรอ ? ไม่เคยมีซักครั้งที่ข้าคิดว่าข้าได้สูญเสีย The Eyes ไปเลยซักครั้ง 
bayonetta – The Eyes หรอ ?
Masked Lumen – จะเป็นเด็กหรืออะไรก็ช่าง เจ้าจะไม่ได้รับการปราณี ท่านผู้นำ บาปของเจ้ามันไม่มีวันหมดอายุสำหรับข้าแน่นอน !…. เอาล่ะ บางทีเจ้าอาจจะจำ พวกเขา ได้เมื่อเจ้าได้มองเห็นใบหน้าของข้า !
Loki – เสียใจ หน้าเจ้าก็ไม่เคยอยู่ในหัวข้าเหมือนกัน แต่จะบอกให้ ไอ้ความปากดีของแกเนี้ยมันะเริ่มจะกระตุ้นต่อมความทรงจำของชั้นอยู่บ้างเหมือนกันน๊ะ 







- เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องทั้ง 4 คนก็ต้องต่อสู้กัน Loki กับ Masked Lumen ก็สู้กันไป แต่บาโยเน็ตต้า จะต้องสู้กับ Boss – Prophet ชายผ้าคลุมลึกลับที่เรียกตัวเองว่า ศาสดา ซึ่งการต่อสู้นั้นจะเน้นการร่อนไปมาเป็นส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องเน้นที่การหลบและการโจมตีตอบโต้เอาในจังหวะที่ 2 เอา เมื่อจัดการมันจนพลังหมดหลอดแล้วมันจะใช้ลำแสงยิงใส่ บาโยเน็ตต้าจนบาดเจ็บ ส่วน Loki เองก็ไม่สามารถสู้ Masked Lumen หรือไม่แม้กระทั้งมีใจจะสู้ด้วยซ้ำ



Prophet – หมดแรงแล้วหรอ Umbra Witch ? เจ้ามีแรงเท่านี้สิน๊ะ นี่เจ้าไม่เคยใช้ The Eyes ของเจ้าในการเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้ของเจ้าเลยล่ะสิ 
bayonetta – ส่วนเจ้าไม่มีอัไรเลยแต่ก็อยากได้ ขี้อิจฉาอย่างกับเด็กผู้หญิง
Prophet – เอาล่ะ ถ้าเจ้าฟังไม่เข้าใจ ก็จะดู ..พลังที่เหนือกาลเวลา !!

ภาพเหตุการณ์ในอดีต เมื่อหลายร้อยปีก่อน  Jubileus ที่อ้างตัวว่าเป็น ผู้สร้าง ได้พยายามแย่งชิง พลังแห่ง Trinity of Reality จากน้ำมือมนุษย์ เพื่อหมายที่จะสร้าง The Eyes of the World และ The eyes of the Overseer ขึ้นมาใหม่  
แต่ Balder บาทหลวงหนุ่ม Lumen Sage กลับไม่ยอมรับชะตากรรม 



  
       


เขาพยายามลุกขึ้นปกป้องพลังของเทพเจ้าให้อยู่ในมือของมวลมนุษย์ชาติต่อไปท่ามกลางความคัดค้านของ Rosa ภรรยาที่เป็น Umbra Witch ที่คิดว่าสงครามครั้งนี้เกินกว่าที่มนุษย์จะต่อกรได้ แต่ Balder คิดว่าเขาพอมีทาง 

  




แต่ในขณะนั้นเองเด็กหนุ่มใส่เสื้อมีฮู๊ดก็ลอบเข้ามาพยายามใช้พลังยิงใส่ Balder แต่ Rosa ยอมเอาตัวเธอบังให้สามีเธอ จนบาดเจ็บสาหัส

  

ก่อนตายเธอพยายามสั่งเสียกับ Balder ให้ดูแล Cereza ลูกสาวให้ดีจนกว่าเธอจะโต Rosa ได้มอบแท่งใส่ของบางอย่างไว้ให้แล้วบอกว่าวันนึงเมื่อถึงเวลา Cereza ลูกสาวของเรา พลังของเธอจะตื่นขึ้นเพื่อสืบทอดพลังแห่ง The Eyes of the World ทันทีที่ Rosa สิ้นใจ Balder ก็ถูกพลังของ Jubileus ดูดกลืนไปพร้อมกับความแค้นที่มีต่อเด็กหนุ่มใส่ฮู๊ดที่ฆ่าภรรยาของเขา …หลังจากนั้น Bayonetta และ Jeanne ก็เคยย้อนอดีตมาช่วงเวลานี้ แต่ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว


  

Bayonetta – มัน นั่นมันอะไรกัน ?
Prophet – ภาพความจริง , การระลึกชาติ หรือ โกหก ไม่รู้สิ เจ้าเป็นผู้ครอบครอง Left Eyes หรือเปล่าล่ะ ? เจ้าเป็น ผู้ตรวจสอบ รึเปล่าล่ะ ? งั้นมาดูความจริงกัน  ด้วย Left eyes of darkness ของเจ้านั่นไงล่ะ !  




ในขณะที่ Prophet กำลังจะใช้พลังบางอย่างกับ Bayonetta Loki ก็ฉวยโอกาศซัดไพ่ของเขาอัดกระแทกไปที่ประตูนรกจนมันเปิดออก แต่พลังด้านในก็ทรงพลังมากพอที่อยู่หน้าประตูให้ลงนรกไปจนหมดสิ้นได้เหมือนกัน แรงดึงดูดจากประตูนรกแรงจน Loki เกาะเอาไว้ต่อไปไม่ไหวจนต้องปล่อยมีจนถูกดูดเข้าประตูไป Bayonetta ไม่รอช้าเธอจึงโดดตามไปเช่นกัน ในขณะที่ Masked Lumen เองเมื่อเห็นทั้งคู่ถูกดูดไป เขากลับพร้อมที่จะปล่อยมือแล้วโดดตามไปในประตูนรกด้วยอย่างไม่ลังเล …


                                                      Chapter X – The Depths





- Bayonetta รู้สึกอีกทีก็เข้ามาอยู่ในขุมนรกแล้ว แต่ดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับเธอที่จะได้เข้าไปช่วยเหลือ Jeanne เพื่อนของเธอ ทันทีที่เริ่มออกเดินทางไปตามโขดหินที่ขั้นระหว่างหุบเหวมากมายก็จะพบตะขาบนรกที่คอยบินวนเวียนไปมาจนแทบจะรู้ว่าไม่นานเดี๋ยวคงได้ฟัดกับมันแน่นอน ลุยเข้าไปตามทาง โดดแดชไปตามแท่นหินที่ลอยอยู่ ไม่นานก็จะถูกตะขาบนรกพุ่งโจมตีสมใจ แถมพุ่งมาเป็นฝูงซะด้วย เมื่อพื้นยินถูกำทลายจนหมด ก็ต้องบินแดชหลบพวกมันไปเรื่อยๆ จนเข้าไปด้านในแท่งเสาที่รูปร่างเเหมือนตะขาบมาพันรวมๆกันสุดขยะแขยงตรงกลางพื้นที่




- เมื่อเข้ามาแล้วจะพบกับการตอนรับของ Boss แมงมุมลาวานรก Phantasmaraneae ที่โผล่ออกมาทันที วิธีโจมตีหลักของมันคือมุดลงมุดขึ้นไปมาบนพื้นดิน แถมโจมตีได้เร็ว หนัก และหลบค่อนข้างลำบาก สิ่งแรกคือห้ามบวกเพราะก้ามของมันจะเร็วๆมาก จังหวะที่พอเข้าไปอัดมันได้ก็ตอนที่กำลังจะมุดลงดินหรือช่วงที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากพื้นซึ่งถ้าเก็บท่า Climax เอาไว้เล่นงานในช่วงนั้นก็จะลดพลังชีวิตมันไปได้เร็วขึ้น พอมันเริ่มเปลี่ยนเป็นกลยุทธเกาะใยแล้วพ่นระเบิดออกมา ก็พยายามอย่าทิ้งระยะมากให้แดชเข้าไปโจมตีมันระยะใกล้จะเสียพลังน้อยกว่า

  

- เมื่อจัดการแมงมุมปีศาจลงได้แล้ว โคนของต้นตะขาบจะเปิดออกให้เห็นตาของมัน โจมตีให้แตกแล้วมันจะคลายตัวออกกลายเป็นสะพานให้เข้าไปต่อ วิ่งไปตามตะขาบจนถึงด้านใน จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมดแล้วจะพบ Boss Resentment เจ้านี่มีอาวุธอย่างเดียวคือมือที่ยืดหนโจมตีได้เหมือนแส้ ซึ่งใช้การโจมตีระยะประชิดแล้วแดชหลบไปรอบๆเอาก็พอเอาชนะได้ไม่ยาก เมื่อจัดการศัตรูจนหมดตาตรงโคนต้นตะขาบก็จะเปิดออก เข้าไปทำลายมันซะตะขาบก็จะคลายตัวทำทางให้วิ่งขึ้นด้านบนต่อ

  

- วิ่งไปตามตะขาบขึ้นไปด้านบนจนถึงตาของตะขาบต้นต่อไปก็จะพบ Boss – Sloth เจ้านี่ 4 มือ 2 ดาบ 2 กงเล็บ แต่ท่าเยอะจนเชื่องช้าและมีการโจมตีแค่โดดลงมาทิ่มพื้นซึ่งมีจังหวะเข้าไปอัดมันได้บานเบอะ จัดการมันได้แล้วก็เข้าไปทำลายตาของต้นตะขาบซะ แล้วมันจะคลายตัวทางให้วิ่งเข้าไปจนถึงด้านในได้ต่อ
 


Rodin – ตื่นเต้นจัง ไม่เคยแม่มดมาในที่แบบนี้มาก่อน
 Bayonetta – Rodin ? อย่าบอกน๊ะว่าลงมาที่นี่เพราะอยากจะเป็นอัศวินม้าขาวมาช่วยชั้นน่ะ 
Rodin – ช่วยเรอะ ? หึ ดูสารรูปผมมันเหมือนพระเอกนักรึไง ถ้าเธอคิดจะมาบู๊ที่นี่ผมว่ามีกี่ชีวิตก็ไม่น่าจะพอน๊ะ วิญญาณชั่วมากมายที่นี่มันพร้อมจะรุมทึ้งขึ้นอย่างกับหมาหิวเลยล่ะ ให้ผมไปส่งดีกว่ามั๊ย ?
---- ก่อนที่ Rodin จะเรียก insidious กระเบนนรกมาเป็นพาหนะในการเดินทางต่อ ------
Bayonetta – ไปกับนายนี่ง่ายขึ้นเยอะเลยสิ มาหาอะไรหนุกๆทำกันเหอะ 

   

- จากนั้นก็ช่วยกันลุยกับ Rodin จัดการพวกปีศาจที่บินโจมตีเข้ามามากมายให้หมดทั้งคู่ก็จะถึงที่หมายที่หอคอยนรก


   

Rodin – เรามาถึงกันซะที เป้าหมายของเธอ ลองเข้าไปหาดูแล้วกัน 
Bayonetta – Jeanne …
Rodin – เดี๋ยว.. ไม่ว่ากันน๊ะถ้าจะบอกอะไรอย่างนึง ว่างๆก็ช่วยคิดถึงชายคนนี้กับค่าจ้างที่เขาควรได้รับบ้างก็ดีน๊ะ
.. อีกอย่าง อย่าไปสอยเป้าหมายที่ผมจองไว้เข้าล่ะ ก็แค่ไม่อยากให้มันบุบสลายก่อนถึงมือผม …

  




                                               Chapter XI – Inferno and it Ruler 


ทันทีที่ Bayonetta เหยียบย่างเข้ามาในเขตหอคอยนรก ผู้ครอบครองสาวสวยที่สุดในนรกที่ดูแลที่นี่อยู่ก็เริ่มทักทายทันที





Alraune -  อะไรน่ะ มนุษย์หรอ ? ใครบังอาจนำมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อเข้ามายังที่แห่งนี้ ….
Bayonetta – พอดีเพื่อนมาส่งน่ะ เกินเวลาเคอร์ฟิวของเธอไปรึไง 
Alraune - เป็นเพื่อนยัยแม่มดนั่นล่ะสิ เธอกำลังจะถูกรุมกินโต๊ะพอดีเลย วิญญาณชั้นเลิศ และ เนื้อสดๆที่น่าอร่อย 
ไปซะ มนุษย์เอ๋ย แล้วข้าจะทำเป็นไม่เห็นกับเรื่องที่เจ้าบังอาจบุกรุกและทำลายข้าวของในที่ของข้าซะ ไปซะให้เร็ว ก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ …มันก็ไม่เลวร้ายน๊ะหรอกถ้าบอกใครๆว่า หนีมาจากนรกน่ะ 
Bayonetta – โครม !! …. เป็นไง ยังอภัยให้การบุกรุกของดิฉันได้อยู่มั๊ย ?
Alraune – กลัวจนต้องเรียกยัยมาดามผีเสื้อนั่นมายืนข้างๆเลยหรอ Umbra Witch ? ก็ดี ไม่มีสาวๆมาปาร์ตี้ที่นี่มานานหลายล้านปีแล้ว ฮ่าๆๆ จะได้ตบกันให้สนั่นเลย พวกเธอสะอึกสะอื้นที่หลังแล้วกันน๊ะ 
Bayonetta – ชั้นก็ไม่รู้น๊ะว่าเธอจะทำให้อสูรชั้นกลัวจนฉี่ราดยังไง ..มาลองกันซักตั้งแล้วกัน

  



Boss - Alraune อาวุธของ Alraune คือแขนขาที่เปลี่ยนเป็นอาวุธ โดยจะใช้กรงเล็บเวลาโจมตีระยะไกล และเปลี่ยนเป็น แส้หนาม ในการโจมตีระยะไกล ซึ่งจะปิดช่องโหว่ของเธอได้เกือบหมดและยังเรียกตันไม้ปีศาจมาช่วยสู้ได้ด้วย แต่การโจมตีโดยการโดดโจมตีลงมาจากด้านบนนั้นสามารถรอจังหวะและเข้าไปโจมตีตอนมันลงมาที่พื้นได้แบบจะๆเช่นกัน

   


   


- แต่เมื่อจัดการมันจนพลังชุดแรก 2 หลอดหมดแล้ว Alraune จะกลายร่างเป็นร่าง 2 Queen Alraune ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว และที่เรียกว่าร่างราชินีนั้นก็เพราะในท้องของ Alraune มันมีร่างวิญญาณของ Jeanne ถูกขังอยู่ด้านในด้วย ซึ่งมันทำให้ Bayonetta โกรธมากขึ้นหลายเท่าตัว ตัวใหญ่เชื่องช้า ถ้าใช้คอมโบแบบต่อเนื่องมันก็แทบไม่ได้ออกอาวุธอะไรเลย แถมยังไม่มีเงื่อนไขในการช่วย Jeanne ที่อยู่ในท้องมันด้วย เพราะทุกครั้งที่โจมตีจนมันมึนงง Bayonetta ก็จะเข้าไปแหกท้องช่วยเพื่อนออกมาอยู่แล้ว ฉะนั้นมีอะไรใส่ให้หมดอัดมันให้เต็มที่ได้เลย

เมื่อจัดการ Alraune ลงได้ Bayonetta ก็จะเข้าไปช่วยดึงร่างวิญญาณของ Jeanne ออกมาได้สำเร็จแต่ปลุกเท่าไหร์เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว พอ Bayonetta เหลือบไปเห็น Alraune ที่กำลังบาดเจ็บแต่ยังไม่ตายเอจึงใช้ร่างอสูรเตรียมอัดซ้ำทันที แต่ Rodin กลับตามมาห้ามเธอเอาไว้เสียก่อน .. 




Rodin – ก็เตือนก่อนเข้ามาแล้วน๊ะ ไม่เคยฟังกันบ้างเลย มาทำกับคนสำคัญของผมอย่างโหดร้ายอย่างงี้ได้ไง 


Bayonetta แทบไม่ได้สนใจอะไร Rodin มากไปกว่าพยายามปลุกวิญญาณของ Jeanne ให้รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง สุดท้ายในขณะที่ Bayonetta คิด ว่าทุกอย่างอาจสายเกินไปเธอก็ใช้นาฬิกาพกของ Jeanne วางไว้บนร่างของ Jeanne เพื่อหวังปาฎิหารสุดท้าย ถึงแม้อาจจะต้องรอลุ้นกันนานหน่อยแต่ปาฎิหารก็ยังพอเหลืออยู่  นาฬิกาพกทำให้ร่างของ Jeanne เกิดแสงจ้าขึ้นมาก่อนที่เธอจะเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง 

 

Jeanne – Cereza หรอ ? 
Bayonetta – จะเล่นตัวอะไรเนี้ยถึงกว่าจะตื่น อยากได้จุ๊บหรอ หรือมากกว่านั้น อย่าให้เป็นแบบนี้ทุกเช้าแล้วกันล่ะยะ 
Jeanne – ที่นี่มัน ? ….นี่เธอบุกมาถึงนี่เพื่อช่วยชั้นหรอ ?
Bayonetta – ทำไม เยอะไปหรอ ก็บอกแล้วว่าจะมาช่วยก็ต้องมา 
Jeanne – ชั้น เป็นอะไรอีกเนี้ย ทำไมรู้สึกว่าจะกำลังลอยไปไหน 
Bayonetta – ก็แค่วิญญาณมันอยากจะกลับร่างน่ะ แล้วก็พักผ่อนให้มากๆด้วย
Jeanne – ระวังตัวด้วยน๊ะ Cereza มีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดกับโลกของเรา
Bayonetta – รู้แล้วล่ะน่า กลับบ้านไป๊ 

  



หลังจากส่งวิญญาณ Jeanne กลับไปยังร่างของเธอแล้ว Bayonetta ถึงมาสังเกตถึง Rodin ที่กำลังตบ เตะ กระทืบ Alraune เพื่อดูดพลังทั้งหมดของมันมาเพื่อเอามาใส่อาวุธใหม่ที่เขากำลังสร้างขึ้นมานั่นเอง ไม่มีอะไรโรแมนติกเหมือนที่ Bayonetta คิดๆไว้ซักหน่อย 

  

   


จากนั้นพลังแห่งตาซ้ายของ Bayonetta ก็มองเห็น Loki ที่กำลังต่อสู้กับ Masked Lumen อยู่ที่อีกฝากของนรกแห่งนี้ เธอจึงไม่รอช้าที่จะเรียกอสูรม้าออกมาเพื่อรีบเดินทางไปช่วยทันที ก่อนไป Rodin ก็โยนอาวุธใหม่ แส้ Alruna ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆจากการดูดพลังมาจาก Alraune ให้กับ Bayonetta ติดตัวเอาไปใช้ด้วย 


                                    


                                             Chapter XII – The Lumen Sage

Bayonetta ควบอสูรยูนิคอร์นนรกของเธอมุ่งหน้าไปหา Loki อย่างรวดเร็ว (เร็วจนแทบจำไม่ได้เลยว่าโจมตีอะไรหรือโดนอะไรโจมตีบ้างระหว่างทาง) จนเมื่อมาถึงที่หมายก็ทันเวลาในขณะที่ Loki กำลังเพลี้งพล้ำต่อ Masked Lumen พอดี 





         


Bayonetta ต้องพยายามรับมือกับการโจมตีและไล่ล่าของ Masked Lumen ไปพร้อมๆกับช่วยให้ Loki ปลอดภัยจนในที่สุดก็สามารถให้ Loki หนีไปพร้อมกับอสูรยูนิคอร์นนรกของเธอได้สำเร็จ  จนเหลือแค่ระหว่างเธอและ Masked Lumen จนสุดท้ายมันก็ยอมที่จะถอดหน้ากากที่แตกหักของมันออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงออกมา แน่นอน Lumen ภายใต้หน้ากากนี่ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Balder Lumen Sage หนึ่งเดียวที่ยังเหลือรอด พ่อของ Cereza หรือ Bayonetta นั่นเอง 

  

Balder – ทำไมเจ้าต้องคอยเข้ามาก้าวก่ายกับเจ้าเด็กนั่นอยู่ตลอดด้วย 
Bayonetta – ก็เขายังติดค้างคำตอบบางอย่างกับชั้นอยู่นี่ 
Balder – ความยะโสโอหัง คงเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าทำได้ดีที่สุดในชีวิตสิน๊ะ นังแม่มด
Bayonetta – เจ้าเองก็พูดให้เข้าหูคนไม่ค่อยได้เรื่องเหมือนกัน ยอมจำนนซะเถอะ ก่อนที่เจ้าจะเสียอะไรที่มากไปกว่าหน้ากากของเจ้า 
Balder – Umbra Witch … ไม่สิ หรือจะให้เรียกว่า ..บาโยเน็ตต้า 
Bayonetta – ถ้าเป็นชื่อที่คนรู้จักชั้นดีในยุคนี้ละก็ ..ใช่ ! 
Balder – งั้นก็ดี …บาโยเน็ตต้า เพราะเจ้าจะเป็น Umbra Witch ตัวแรกที่ตายด้วยมือข้าในยุคนี้เช่นกัน ! ข้าขอสาบาด้วยเกรียติของ Lumen Sage !!

   

Boss – Balder การโจมตีของมันก็คือ หางนกยุงมากมายที่อยู่กลางหลังที่โจมตีได้จากทุกทิศทาง พลังแสงแห่งกาลเวลาที่โดยแล้วจะทำให้เคลื่อนไหวช้าลง ผสมกับการแดชเคลื่อนที่ที่รวดเร็ว และ พลังชีวิตอีก 4 หลอดของมัน ก็ไม่ง่ายนักที่จะเอาชนะ แต่ถ้าเข้าโจมตีระยะประชิดจากด้านหลังเอาก็พอจะเข้าถึงตัวมันได้ไม่ยากเช่นกัน

         



      




Balder – ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้มัน !!  ด้วยจิตวิญญาณของ Lumen ของข้า ข้าจะไม่วันยอมให้มันถูกใครดับลมหายใจก่อนถึงมือข้า!!


    


ถึงแม้ Bayonetta จะจัดการ Balder ลงได้แต่ดูเหมือนแรงแค้นของมันจะเป็นแรงส่งให้มันบุกเข้ามาได้อีกครั้งในขณะที่ Bayonetta แรงกำลังจะหมดยิ่งเธอมองไปที่เครื่องรางของแม่ที่ให้ไว้กับ Balder เธอยิ่งมีแต่ความลังเลใจมากขึ้นทุกที แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังประลองกำลังกัน ก็เกิดบางอย่างกับร่างกายของ Loki ที่จู่ๆก็มีแสงสว่างออกมาจากร่างกายของเขามากขึ้น มากขึ้นจนเกิดการระเบิดเป็นแสงสว่างจ้าไปทั่ว และทำให้ร่างของทั้ง 3 คนถูกดูดกลืนหายไปในแสงจ้าทันที



                                        Chapter XIII – Vigrid, City of Déjà vu 

แสงสว่างจ้าที่ว่าคือ Remembrance of Time พลังแห่งการระลึกชาติ ที่ Loki ระเบิดมันออกมาเพราะไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป ทำให้ Bayonetta เมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกนำพามาที่ Vigrid เมืองแห่งชะตากรรมของครอบครัวเธอเ เมื่อ 500 ปีก่อน นั่นเอง ..

  - ลุยเข้าไปในตัวตึกจนทะลุอออกมาถึงตึกอีกด้านระหว่างทางเดินระหว่างตึก บาโยเน็ตต้า จะเห็น Umbra Witch นางนึงกำลังกระหน่ำยิงพวกเทวดาร่วงระนาวด้วยห่ากระสุนของเธอด้วยความเมามัน



 Umbra Witch – พวกเราคงบุกยึดที่นี่สำเร็จอีกไม่นาน จากนั้นก็ไปรวมตัวกันที่หอนาฬิกา 
 Bayonetta – คุณคือ ? …
Umbra Witch – เธอ…คือ.. ?

- ใช่ ทั้งคู่รู้ตัวตนซึ่งกันและกันดีโดยไม่ต้องพูดออกมา Umbra Witch คนนี้ก็คือ Rosa แม่ของ Bayonetta นั่นเอง จากนั้นกองทัพเทวดาผู้บ้าคลั่งก็บุกเข้ามาอีกระลอก ทำให้ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับมัน ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ทันรู้ตัวว่ามันช่างเข้าขาเสมือนรู้จักกันมานานแสนนาน . หลังจากจัดการฝูงเทวดาชุดแรกหมดไปแล้ว ก็พอดีกับกองทัพหลักของ Jubileus ก็บุกเข้ามาถึงน่านฟ้าของ Vigrid และทันทีที่มันหันมาเห็นทั้งคู่มันก็เปิดฉากโจมตีทันที





Boss – Jubileus การต่อสู้กับ Jubileus ก็เหมือนกับที่ต้องสู้กับบอสตัวใหญ่ๆทั่วไป คือรอจังหวะให้มันโจมตีลงพื้นแล้วก็ค่อยเข้าไปทำคอมโบตามด้วย Climax ที่มีไปเรื่อยๆก็จะจัดการมันได้

- หลังจากแม่มดปืนโหด 2 แม่ลูกจัดการกับ Jubileus จนกระเด็นไปแล้ว ก็พากันลุยเข้าไปข้างในต่อ จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปที่สุดทางด้านในจะเจอประตูที่ปิดอยู่ รอให้ Rosa เริ่มฟันประตูก็ค่อยเข้าไปช่วยโจมตีใส่ประตูจนมันเปิดออก ที่ทางเดินด้านนอก Umbra Witch ทั้งหน่วยกำลังเจอยานบินของศัตรูออกมาไล่ยิง ซึ่งก็แปลว่ามันกำลังยิงใส่ บาโยเน็ตต้า ด้วย รีบใช้ร่างเสือวิ่งเอาตัวรอด หลบเลเซอร์เข้าไปจนถึงกำแพงที่ทีแสงสีเหลืองสุดทางเดิน ช่วยกันโจมตีใส่จนมันพังจะเข้าไปจนถึงถ้ำใต้ดินได้
- ลุยจัดการศัตรูเข้าไปจนถึงด้านในที่มีธารน้ำตกขวางอยู่


  


 ตรงนี้จะมีรูปปั้น 2 อันวางอยู่ ซึ่งก็ทำเหมือนที่เคยทำในภาคแรก กด Y สำรวจที่รูปปั้นเพื่อยกมันให้ลอยขึ้น รอจนเลขนับถอยหลังหมดแสงเลเซอร์จะยิงลงมาให้กด ZR หลบให้พ้นก็จะเข้าสู่สภานะหยุดเวลาชั่วคราว ให้รีบวิ่งข้ามน้ำไปอีกฝั่งให้ทันได้เลย ข้ามไปจัดการศัตรูให้หมดแล้วช่วยกันทำลายเสาที่มีจุดเหลืองให้กลายเป็นสะพานข้ามลงไปชั้นล่างต่อ
- เข้ามาตามโพรงจนถึงทางเข้าถ้ำลาวาจะพบโกเลมยักษ์ Valiance ออกมาขวางทาง จัดการมันจนพลังหมดครึ่งหลอดมันก็จะหนีไป แล้วเข้าไปในถ้ำลาวาจนพบกับสะพานขาด ใช้การหยุดเวลาด้วยรูปปั้นแล้ววิ่งข้ามลาวาไปตามซากสะพาน โดดไปตามก้อนหินตามธารลาวาไปจนถึงอีกฝั่ง ลุยเข้าไปในทางเดินของวิหารจะเจอ Valiance ตัวเดิมออกมาพยายามจะทำลายเสาสะพาน จัดการโจมตีที่มือมันจนพลังที่เหลืออีกครึ่งหลอดหมดไปซะ จากนั้นก็ลุยขึ้นไปจนถึงอาคารด้านบนสุดของถ้ำ ช่วยกันทำลายกำแพงเข้าไปด้านในต่อ

 


- ลุยเข้าไปในอาคารจนถึงห้องโถงด้านใน พื้นจะถูกทำลายทำให้ทุกคู่ตกลงไปด้านล่างและพบกับ Valiance ตัวเดิมที่ยังรอดอยู่พร้อมกับลาวาเหลวที่ครอกอยู่เต็มตัว จัดการกับพลังที่เหลืออีกแค่ 1 หลอดของมันเพื่อเป็นอาหารของ 2 อสูรเส้นผมไปซะ คิดก่อนสู้หรือเปล่าว่า อสูรเวทย์ผมของ 2 Umbra Witch รวมกันมันจะมีแรงอัดรวมได้เท่ากับกี่ Gigaton ?

    





                                           Chapter XIV – The Witch Hunt 

เมื่อทั้งคู่ผ่านเข้ามาจนถึงด้านในสุดของอาคาร บาโยเน็ตต้า ก็ต้องยิ้มหวานเพราะเธอเจอของดีอยู่ตรงหน้า Lumen Armor ที่ถูกจอดทิ้งเอาไว้ 2 ตัว ก่อนที่ Umbra Witch ทั้ง 2 จะควบ Lumen Armor ออกไปด้านนอก ท่ามกลางไฟสงคราม Great War ในยุคอดีตเมื่อ 500 ปีก่อน บางทีอาจะไม่มีใครหยุด Umbra Witch คู่นี้อยู่อีกแล้วก็ได้ …
  
  


- เมื่อยามขับ Lumen Armor ลุยออกศึกไม่ว่าตัวอะไรมันจะมาขว้างหน้า มันก็จะกลายเป็นขนมหวานให้ขบเคี้ยวเล่นไปทันที ลุยเข้าไปตามทางจนถึงกำแพงด้านใน ทั้งคู่จะพบป้อมปืนขนาดใหญ่ที่เข้ามาขัดขวาง ก่อจะถูก Umbra Witch โดดเตะจนกระเด็นพ้นทาง ลุยเข้าไปต่อจนถึงลานกว้างจะพบ ป้อมปืนยักษ์ตามมาอีกรอบ คราวนี้ต้องสู้กับจริงๆซะที


     


– Boss ป้อมปืนยักษ์นั้นเป็นศัตรูขนาดมหึมาอีกตัวที่น่าเกรงขามและโจมตีได้หนักหน่วงที่สุดอีกตัว แต่ในกรณีที่ขับ Lumen Armor เข้าต่อสู้แบบ 2 รุม 1 ก็ต้องบอกว่ามันจะกลายเรื่องสนุกมากกว่า เมื่อจัดการมันได้แล้ว ร่าง Climax ของบาโยเน็ตต้าจะจับมันเหวี่ยงขึ้นไปอัดกระแทกกับยานแม่ของพวกมันที่จอดอยู่ด้านบน จนมันยิงเลเซอร์ขนาดใหญ่ลงมาตอบโต้จนเมืองทั้งเมืองกลายเป็นทะเลเพลิง บาโยเน็ตต้า รีบขับ Lumen Armor บินขึ้นไปตามไปอัดยานแม่ของพวกมันเพื่อเอาคืนเช่นกัน
– Boss ยานรบปีศาจด้านแรกที่ต้องเจอนั้นมีบาเรียคุ้มกันอยู่ที่ส่วนหัวสุดซึ่งต้องจัดการทำลายจุดพลังงานของมันที่เป็นรูปหัวเทวดาที่อยู่ข้างๆยานทั้ง 2 ด้านก่อน


            

         
         




 โดยมันก็จะมีระบบป้องกันทั้งแส้หนามและจรวดมิตไซด์มากมายออกมารบกวน เมื่อทำลายจุดกำเนิดพลังบาเรียทั้ง 2 ด้านแล้วซึ่งก็คือ ครึ่งหลอดของพลังชีวิตมัน บาเรียด้านหน้าก็จะหายไป จากนี้ก็บินเข้าไปอัดหน้ายานมันได้แบบเต็มๆได้เลย
– จากนั้นยานแม่ของมันจะส่งยานรบปีศาจลำที่ 2 ออกมา เจ้านี้มีอาวุธคือหนวดที่คล้ายงูที่มีหัวเทวดาอยู่รอบตัว ด้านหน้าของยานมีหน้าที่แค่คอยโจมตีป้องกันหัวหลักของมัน ซึ่งก็คือหัวที่อยู่ด้านบนของยานนั่นเอง พยายามต้านหนวดงูปีศาจที่ด้านหน้าจนสามารถบินขึ้นไปด้านบนได้ก็จะเจอหัวหลักของมัน ที่มีทั้งงูปีศาจมากมายที่คอยออกมาป้องกันและไม้ตายของมันก็คือปล่อยแสงเลเซอร์ขนาดใหญ่เข้าโจมตี หลังจากจัดการมันได้ บาโยเน็ตต้า ก็ใช้แผนล่อให้มันจับตัวหุ่นเอาไว้ก่อนที่เธอจะจุดระเบิดทำลายตัวเองของหุ่นให้ระเบิดมันไปจุลไปพร้อมกับยานแม่ของมันแล้วบินหนีออกมาทันที

                                                           Chapter XV – Truth 



  




หลังจาก Umbra Witch 2 แม่ลูกคู่ระห่ำเสร๋จสิ้นภาระกิจทำลายกองยานของศัตรูบนน่านฟ้าเมืองจนหมดสิน้แล้ว ทั้งคู่ก็ร่อนลงมาที่หน้าหอนาฬิกาซึ่งเป็นจุดนัดหมายรวมพลของเหล่า Umbra Witch ทันที

– จัดการฝูงศัตรูด้านหน้าทางเข้าให้หมดชุดแล้วจะพบกับโกเลมขนาดใหญ่ออกมาปิดท้าย การโจมตีหลักของมันคือแขนขนาดใหญ่ที่เมื่อมันเริ่มทุบลงพื้นก็แดชหลบให้ดีๆแล้วเข้าไปโจมตีมือมันได้เลย เมื่อมันเร่อมปล่อยจรวดที่นิ้วออกมาก็รีบหลบเข้าไปในระยะประชิดที่หน้ามันเพื่อโจมตีใบหน้ามันไปพลางๆจนมันเลิกยิง แล้วถ้ามีเกทท่า Climax โจมตีซ้ำเข้าไปอีกก็อาจทำให้มันมึนงงล้มลงมาให้โจมตีได้อีกระลอกใหญ่ได้ด้วย

      

- เมื่อจัดการมันได้แล้ว Jubileus จะเข้าโจมตีหอนาฬิกาที่ Rosa บอกว่าที่นี่มันมีสัญลักษณ์ Umbran way อยู่ ในขณะนั้น Jubileus ก็โจมตีใส่ทั้งคู่อีกระลอกจนต้องโดดหนีลงมาที่ซากของเศษหิน แต่ศัตรูก็ยังไล่ล่าตามมาโจมตี ทั้งคู่จึงต้องช่วยจัดการกับพวกมันให้หมด แต่ก็ต้องถูกตะขาบยักษ์ชนจนพื้นยืนแตกทำให้ต้องแยกกับ Rosa
- บาโยเน็ตต้าโดดลงมาที่ซากอาคารที่กำลังล่วงลงไปด้านล่างเพื่อหยุดพัก แต่ก็ต้องถูกซุ่มโจมตีต่ออีกแต่คนที่โจมตีมานั้นกลับกลายเป็น Loki ที่มีท่าทางแปลกไปจากเดิม หรือไม่ ก็กลับเป็นคนเดิม !





Loki – โทษที คนสวย ผมพลาดงานนี้ไม่ได้เหมือนกัน 
Bayonetta – เจ้าหนู ?
Loki – ผมมันเหมือนคนนำทางของพี่อยู่แล้วนี่ ใครก็ไม่รู้ส่งมีเตลิดมาถึง 500 ปีที่แล้วเนี้ย ผมว่าพี่พร้อมแล้วน๊ะที่จะค้นพบความจริง ไอ้ที่พวกเขาว่ากันว่าพี่ครอบครอง ตาซ้าย เนี้ย เขาไม่ได้พูดเล่นๆกันใช่มั๊ย 
Bayonetta – แกเป็นใคร ? 
Loki – ก็ Loki ..LOPTR หรือ อะไรมันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะพี่ เพราะมันมีเรื่องสำคัญที่ต้องสนใจมากกว่านั้น ทั้ง Witch และ Lumen นั้นผมจะกำจัดมันให้หมด ผมอยากจะเอาของที่เคยเป็นของผมคืนมาจากพวกมัน “ The Eye of the World “ 
Bayonetta – อะไรน๊ะ !
Loki – ตัวผมอีกคน ก็ดันหนีไปอนาคตได้อีก ซึ่งผมจะไม่ยอมให้มันได้ของๆผมไปแน่ เพราะอย่างงั้นผมถึงต้องทำลายพี่ยังไงล่ะ

  

Boss – LOPTR อาวุธหลักของมันมีอย่างเดียวคือแขนมายาทั้ง 6 ของมัน มันมีแขนมากมายแต่ไม่ได้โจมตีได้รอบทิศทาง เต็มที่ก็แค่รอบๆตัวและเน้นทุบทุกแขนโถมลงมาที่ด้านหน้า พยายามทิ้งระยะห่างเอาไว้แล้วรอจังหวะให้มันโจมตีมาที่ด้านหน้าแล้วแดชหลบไปโจมตีข้างหลังมันได้ เมื่อจัดการมันได้แล้ว LOPTR จะท้าทายให้บาโยเน็ตต้ากำจัดมัน แต่เธอเองก็รีรอจนทั้งคู่ตกลงไปด้านล่างด้วยกัน

ในช่วงเวลาปัจจุบัน ทางด้านใน Luka ที่ค้นพบสถานที่นึงที่เขาค้นคว้าตามตำรา แถมยังสามารถถอดรหัสคาถาในการเปิดประตูได้ด้วย เมื่อเปิดออกจะพบ Loki ที่กำลังบาดเจ็บถูกวาร์ปมาที่นี่





Loki – พี่คือ Luka ใช่มั๊ย ผมรู้ว่าพี่รู้ทางไปยังภูเขา Fimbulventr ..ช่วยพาผมไปที่นั่นหน่อย !  ตอนนี้ผมจำทุกอย่างได้หมดแล้ว 
Luka – จะบ้าหรอเจ้าหนู ยับเยินขนาดนี้ ชั้นควรพานายไปรักษาก่อนน๊ะ 
Loki – ไม่มีเวลาแล้วครับ ได้โปรดพาผมไปที่ ภูเขา Fimbulventr ไม่งั้นโลกได้ถึงจุดจบแน่ๆ มันกับผม พวกเราคือ ความดี และ ความชั่ว ไอ้เจ้าชั่วนั่นมันกำลังพยายามครอบครอง ตาซ้าย ของ.. 
Luka – ว่าไงน๊ะ !
Loki – การ์ดใบนี้จะช่วยเราได้ครับ ไพ่เด็ดของผม …. แค่พาผมไปที่ Fimbulventr ..เท่านั้น 

- ทางด้าน Bayonetta ที่อยู่ในยุคอดีตหลังจากตกลงมาด้านล่างแล้ว เมื่อรู้สึกตัวก็ลุยเข้าไปตามทางด้านในต่อจนถึงทางเข้าหอคอยที่สุดทางที่นี่จะพบกับ Balder ที่ตามมาที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าเป็นอะไรกันและต่างก็มีศัตรูคนเดียวกัน จึงรีบเข้าไปดูด้านในหอคอยทันที ด้านในจะพบ LOPTR ถือไพ่ที่เปื้อนเลือดและร่างของ Rosa ที่นอนจมกองเลือดอยู่แทบเท้ามัน …








Balder – Rosa …!!
Bayonetta – มันไม่ใช่คนเดียวกับ ท่านผู้นำ หรอก Balder .. 
Balder – อะไรน๊ะ !
Bayonetta – ตอนนี้เราต้องกลับไปในช่วงเวลาของเราก่อน มันสามารถเปิดอุโมงค์เวลาจากที่นี่ได้ 

- ด้วยอำนาจแห่งแสงจันทรา ตอนนี้บาโยเน็ตต้าสามารถจะใช้ Skill Witch Walk เดินบนพนังได้ โดยเข้าไปตรงพนังด้านในแล้วกด B โดดส่งจังหวะแล้วแดชขึ้นไปที่กระจกด้านบน แสงจันทร์จะทำให้สามารถยืนบนนั้นได้ บาโยเน็ตต้าจะเอาเครื่องรางของเธอวางลงไปที่กระจกบวกกับอำนาจของแสงจันทร์จะทำให้สามารถเปิดอุโมงค์เวลาจากที่นี่ได้






Bayonetta – เร็ว ! อุโมงค์เวลาเปิดแล้ว เราต้องกลับไปเวลาของเราน๊ะ .. Balder !!
Rosa – ไปเถอะ Balder ดูแล Cereza ด้วย ซักวันนึงลูกของเราจะปลุกพลังของ The Eyes of the World ได้..ไปสิ ..
Bayonetta – ….. ล่าก่อนค่ะ แม่ …


  



 ** Notice จากผู้เขียน **   ซึ่งตรงนี้จะทำให้รู้ว่า ในเหตุการณ์เมื่อ 500 ปีนั้น หลังจาก Rosa ถูกฆ่าตาย Balder ไม่ได้ถูก Jubileus กลืนกิน แต่เขาถูก Bayonetta จากอนาคตมาช่วยพาหนีไปต่างหาก ซึ่งต่อมาไม่กี่นาที Bayonetta และ Jeanne ในช่วงเวลาของภาคแรก ก็จะตามมาพบแต่ก็เห็นแต่เพียงศพของ Rosa เท่านั้น เรื่องของห้วงเวลา ย้อนอดีต มาปัจจุบัน จากอนาคต มันก็พาให้งงแบบนี้แหละครับ …. ^_^ 


                                           Chapter XVI – Sovereign Power 

หลังจาก 2 พ่อลูกข้ามเวลามายัง Vigrid ในเวลาปัจจุบันแล้ว






Balder – ที่นี่ที่ไหน ? 
Bayonetta –อยู่ในเวลาปัจจุบันของชั้นแล้ว แต่ไม่เวลามาอธิบายแล้วเราต้องรีบไปที่ ภูเขา Fimbulventr ให้เร็วที่สุด
Balder – ที่นั่นมีอะไรเกิดขึ้นหรอ ?
Bayonetta – ยังไม่รู้หรอพ่อ แต่รู้ว่าที่นั่น เป็นที่อยู่ของพระเจ้าที่สร้าง Eyes of the world และกำลังมีไอ้ชั่วบางคนกำลังพยายามไปเอาพลังนั่นมาเป็นของตัวเอง 
Balder – The Eyes … แล้วเราจะไปที่นั่นได้ยังไง เราอยู่ตั้งเมือง Vigrid ? …แล้วววว แรงสั่นสะเทือนนี่มัน..!!
Bayonetta –  เค้าเรียก กำลังเสริม มั้ง อย่าเพิ่งพูดเลย Balder ตามมาแล้ว โดด !! ก็พอ 

จากนั้น 2 พ่อลูกก็รีบแปลงเป็นร่างเสือวิ่งออกไปด้านนอกแล้วโดดลงจากที่สูงซึ่งจะมีเครื่องบินเจ็ทขับมารับ ซึ่งคนที่ขับมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Jeanne นั่นเอง …

  


  


Balder – เอ่อ… ในยุคนี้คนแบบพวกลูกนี้ เค้าเรียกว่าคนแบบไหนหรอ ?
Bayonetta – เรียกว่า แม่มดที่ใครก็อย่ามาสะเออะถ้าไม่อยากเจ็บตัว ไง 
Balder – แล้ว ถามหน่อยว่ารู้จักชื่อข้าได้ไง ?
Bayonetta – ก็เคยได้ยินแม่มดที่ชื่อ Rosa พูดถึงให้ฟังอยู่ทุกวันไง  เอาล่ะ เหยียบมิดเลยเพื่อน !
Balder – น่าจะไม่ง่ายน๊ะ ศัตรูมากันเพียบแล้ว
Bayonetta – แหมๆ เทวา กับ ซาตาน ทำงานร่วมกันซะด้วย … สงสัยอยากเลียนเรามั้ง 

- จากนั้นก็ต้องบังคับเครื่องบินเจ๊ทเข้าสู้กับศัตรูในแบบเกม Jetfighter Assault ยิงถล่มศัตรูมากมายทั้งเล็กและใหญ่ที่บินเข้ามาโจมตีเข้าไปจนถึงจุดหมายที่ ภูเขา Fimbulventr

ในขณะที่ทางด้าน Luka ที่พยายามแบก Loki เดินทางมาจนถึง ภูเขา Fimbulventr ได้เหมือนกัน เมื่อเปิดประตูเข้าไปในวิหารที่ตีนเขา ที่บันไดทางขึ้นวิหาร Luka จะเจอกับ Prophet เข้ามาทำร้ายแต่ Loki ก็กัดฟันลุกขึ้นสู้จนช่วยเอาไว้ได้แต่ Luka ก็สลบไป

  




Loki – ไม่ใช่คนนี้เพื่อน !
Prophet – ฮ่าๆๆ ขนาดสภาพแบบนี้ยังสู้ได้อีก ไง ความทรงจำคืนมาแล้วล่ะสิ ? รู้สึกดีมั๊ยล่ะ แต่ยังไงก็คงไม่ดีไปกว่าข้าหรอกน๊ะ เจ้าครึ่งส่วน ! … ที่เจ้าจะทำได้ก็คือใช้ พลังแห่งผู้นำสูงสุด โจมตีข้า  จากนั้นเจ้าก็จะรู้ว่า มันไม่มีประโยชน์ !!

ทางด้าน Bayonetta, Balder และ Jeanne ที่เดินทางมาถึง ภูเขา Fimbulventr ที่ตอนนี้เต็มด้วยทั้ง ฑูตสวรรค์ และ ปีศาจนรกบินว่อนเต็มยอดเขา Bayonetta และ Balder จะโดดลงไปที่วิหารที่ตีนเขาส่วน Jeanne จะใช้เครื่องบินๆตรงไปที่ภูเขาทันที  

- ลุยเข้าไปในทางเข้าวิหารพร้อมกับ Balder จนถึงชั้นบนสุด ที่หน้าประตูทางออกมีจุดเข้าร้านของ Rodin เป็นจุดสุดท้าย อยากซื้ออะไรไว้ใช้กันเหนียวก็ตุนเอาไว้ได้เลย




Prophet – ภูเขา Fimbulventr ขอต้อนรับ มากันครบแล้วน๊ะ Lumen Sage ตาขวาของผู้ตรวจสอบ และ Umbra Witch ตาซ้าย แห่งความมืด และจากนี้ทุกอย่างจะตกเป็นของข้า ! ว่าแต่ Balder !! ไหนล่ะที่สัญญากับข้า ไม่อยากแก้แค้นแล้วเรอะ 
เอาสิ ข้าจับมันไว้ให้แล้ว


    

--- Balder งัดหอกประจำตัวออกมาแล้วเดินเข้าไปหาหก่อนจะปาหอกเข้าใส่ทันที แต่เป้าหมายไม่ใช่ Loki แต่เป็นกลางหน้าผากของ Prophet แบบเต็มๆ แต่หน้ากากของมันที่แตกออกก็เผยให้เห็นผมสีขาวและรอยสักสีฟ้าที่หน้าผากอย่างชัดเจน ใช่แล้ว เจ้า Prophet ก็คือ LOPTR ร่างแยกฝ่ายชั่วของ Loki จากอนาคต นั้นเอง  ----

Prophet – นี่ คือ การแก้แค้นของเจ้าใช่มั๊ย ..เจ้านี่อาจไม่ใช่ผู้ทำลายโลกก็จริงแต่มันทำลายชีวิตของครอบครัวแกไม่ใช่หรอ 
พระผู้สร้างได้แบ่งแยกเราออกจากกันเป็น ดี – ชั่ว แต่เราก็เกิดมาจากที่เคยรวมเป็นหนึ่งมาก่อน แต่ไอ้เจ้า อีกครึ่งนึง ของข้ามันชอบที่จะพยายามเตือนพวกมนุษย์ถึงความจริงที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอด แถมมันก็ยังเป็นตัวหารครึ่งของพลังที่ควรมีหนึ่งเดียวของข้าไปซะด้วย โชคดีที่เรามีวิญญาณคนละดวงกัน ความคิดข้า อีกทางเลือกที่ข้าต้องการคือ หลอมรวม อีกครึ่งนึงของข้า ให้มันกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงเวลาที่พลังที่ยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้าจะกลับมารวมเป็นหนึ่งซะที ก็แค่ดูดพลังแห่งผู้นำ Sovereign Power จากอีกครึ่งให้มาหลอมรวมในตัวข้าแค่เพียงหนึ่งเดียว การควบคุม The Eyes of the World ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป 

  

แต่การจะสร้าง The Eyes of the World มันก็ต้องการทั้ง ตาซ้าย และ ตาขวา ของพวกเจ้า 2 พ่อลูก ซึ่งนั่นเป็นภาระต่อไปที่พวกเจ้าต้องรับจากข้า  500 ปีแห่งการรอคอยของข้าจะสิ้นสุดในวันนี้ ฉะนั้นจงมอบสิ่งล้ำค้าที่จะมีมาเป็นส่วนนึงของการครองบัลลังก์ของข้าในฐานะ พระเจ้าองค์ใหม่ เฉกเช่น  Aesir God of Chaos กันดีกว่า ! เอาละ เริ่มจากตาขวาก่อนแล้วกัน !




--- Prophet ทำการดูดพลัง Sovereign Power จาก Loki มาจนหมดสิ้นทำให้รอยสักกลางหน้าผากของมันสมบูรณ์ขึ้น พลังที่มากขึ้นทำให้มันสามารถจับ Balder มาดูดเอาพลังแห่งตาขวามาได้อย่างรวดเร็ว จนบาโยเน็ตต้าไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ---    

Prophet – เอาล่ะ Umbra Witch เอาตาซ้ายของเจ้ามาให้ข้า ! 
Bayonetta – อยากได้ก็เข้ามาเอาเองสิจ๊ะ 

Boss – Prophet การโจมตีของมันจะใช้แขนมายาขนาดใหญ่เข้าโจมตีในรูปแบบต่างๆ คล้ายกับของ Loki แต่ขอบเขตการโจมตีแคบกว่าแต่พลังโจมตีเยอะกว่ามาก แต่หลังจากจัดการมันจนพลังหมดแล้วร่างของอสูรเส้นผมของบาโยเน็ตต้ากลับจัดการมันด้วยพลัง Climax ไม่เป็นผล เจ้า Prophet ฉวยโอกาศที่เธอกำลังตะลึงและใช้พลังสุดท้ายไปจนหมดสิ้นเข้าไปจับตัวบาโยเน็ตต้าเอาไว้จนได้ ก่อนที่มันจะดูดพลังของตาซ้ายของเธอมาครอบครองอย่างรวดเร็ว จนบาโยเน็ตต้าก็ไม่สามารถจะต้านทานได้เลย

  


   


เมื่อ Prophet มันได้พลังจากทั้ง 3 มาครอบครองแล้ว พลังแห่งเทพในตำนาน Aesir ก็ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง 




Aesir – พลังของเทพเจ้าที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าไม่สามารถต่อกรได้อยู่ที่ข้าแล้ว ทุกกฎของโลกกำลังจะเปลี่ยน เจตจำนงค์อสิระของมนุษย์ที่ Aesir องค์ก่อนเคยเชื่อใจในพวกเจ้ามันเป็นเรื่องตลก พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเทพเจ้า นั่นเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำมาตลอดถึงจะถูก และตอนนี้ ข้าคือ พระเจ้าของพวกเจ้า 
Balder – ความต้องการของมนุษย์น่ะ ไม่ต้องให้ใครมาสั่งหรอก เราสร้างของเราเองได้ เราสร้างโลกของเราด้วยตาของพวกเราเองได้ 
Aesir – เป็นคำแก้ตัวที่โง่เขลาที่สุด ! มากเท่าไหร์แล้วล่ะที่พวกเจ้าสร้างความสับสนอลหม่านขึ้นบนโลก
Balder – ใช่ ! บางทีพวกเราก็โง่เขลา และไม่เคยรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าจากสิ่งที่เราเลือกทำ มันก็ทีผิดมีพลาดออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่นั่นมันแปลว่า เรากำลังเดินไปข้างหน้า ! ยังไงล่ะ  นั่นแหละคือ พลังที่แท้จริงของมนุษย์ ! 
.. Cereza เราพอจะแสดงตัวอย่างให้มันดูไหวมั๊ย  ?
Bayonetta – Let’s Rock เลยค่ะ  ! 

Boss - Aesir God of Chaos รุนแรง รวดเร็ว และอลังการ ตามแบบฉบับบอสใหญ่ ช่วงแรกจะได้สู้พร้อมกับ Balder ไปซักพัก จนมันเรียกทั้งเครื่องบินรบทั้งดาวเทียมมายิงใส่จนพื้นยืนระเบิด Balder ก็จะกระเด็นหายไปกลับสายลม จากนั้นบาโยเน็ตต้าก็ต้องสยายปีกของเธอบินเข้าไปต่อสู้กับมัน มีอะไรก็ใส่ไปให้หมด ใช้ทุกวิธีที่มีจัดการมันลงให้ได้

เมื่อบาโยเน็ตต้าจัดการจนพลังมันหมดทุกหลอดแล้ว Loki ก็เริ่มใช้แผนการ์ดกับดักของเขาทันที
Loki – ความผิดพลาดของมันคือ มันคิดว่าผมมีแค่ไอ้พลัง Sovereign Power อย่างเดียว สมองผมไม่ได้มีแค่ครึ่งเดียวอย่างที่มันว่าหรอกน๊ะ ไพ่กับดักที่เจ๋งสุดต้องเก็บไว้ใช้หลังสุดในเวลาสำคัญที่ต้องตัดสินที่ถูกที่ถูกเวลาไง การ์ดกับดักทำงาน ..!! พลังของ Aesir God of Chaos จงหมดไป !




           


การ์ดใบนี้มีพลังที่จะลบทุกอย่าง ทุกอย่างที่อยู่บนโลก รวมทั้ง ตาทุกดวงที่ถูกสร้างขึ้นด้วย คนที่เล่นไพ่ทุกคนก็คือนักพนันจริงมั๊ย ก็เช่นกัน มาพนันกันมั๊ย ถ้าโลกถูกทำลายได้ มันก็จะสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ในแบบของมันได้ เจตจำนงค์อิสระของมนุษย์คือทางเลือกที่ทุกคนยินยอมและเต็มใจเลือกเส้นทางของตัวเองนั่นแหละ

- จากนั้นเจ้าเทพ กำมะลอ Prophet ก็เริ่มหมดพลังเทพเพราะดวงตาทั้ง 2 ข้างมันถูกทำลายไปแล้ว ที่เหลือก็แค่รุมจัดการมันที่แทบไม่เหลือพลังต่อจนพลังมันเท่าที่มีหมดหลอด Bayonetta กับ Balder จะสร้างอสูรรวมร่างของทั้งคู่ออกมาจัดการเผด็จศึกเจ้า Prophet จนสภาพแทบดูไม่ได้




แต่พลังที่เหลืออยู่ของ Prophet พลังอีกครึ่งที่ถูกสร้างโดยเทพ Aesir ย่อมไม่มีวันถูกทำลายได้ และมันฉลาดกว่านั้น มันพยายามเปิดประตูมิติหนีกลับโลกวิญญาณ เพื่อไปหาสถานที่ในช่วงเวลาใหม่ สร้างยุคใหม่ขึ้นมาอีกยุค แล้วถึงเวลาเหมาะสมก็ค่อยเกิดใหม่อีกครั้งในยุคอื่น ที่ตอนนั้นจะไม่มีวันใครล่วงรู้เจตจำนงค์ของมันเลย แต่ขณะที่มันจะหนีเข้าประตูมิติ Balder ก็เข้ามาขวางให้มันพุ่งเข้าไปในร่างเขาแทน


 






Balder - ในร่างของข้า เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นยุคใหม่อีก ชั่วกัลป์ชั่วกัลย์
Loki – อย่า !!  นั่นมันวิญญาณร่างล้วนๆเลยน๊ะ จิตใจคุณจะถูกควบคุม มันจะกลืนกินส่วนดีในจิตใจคุณไปจนไม่เหลือ และมันจะไม่มีวันออกมาจากร่างคุณได้อีกเลย มันจะอยู่กับคุณไปตลอดกาล
Balder – ถ้ามันเป็นอย่างงั้น…. ก็ทำสิ่งผิดให้มันถูกอย่างที่มนุษย์เราทำๆกันเซ่ !!! 
Bayonetta – Balder !!!
Balder – ฟังน๊ะ Cereza 
Bayonetta – คุณจำชื่อจริงของชั้นได้ ?
Balder – ถ้าข้าออกนอกลู่นอกทาง กลายเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย ข้าขอให้เจ้าช่วยจัดการหยุดข้าด้วย 
Bayonetta – Balder !!!
Balder – Cereza … ขอซักครั้ง อยากให้เรียกข้าว่า พ่อ ซักครั้งได้มั๊ย 
Bayonetta – พ่อค่ะ 
Balder – ขอบใจมาก Cereza เด็กดีของพ่อ ….

  

     
 

หลังจาก Balder ถูกดูดหายไปในประตูมิติพร้อมกับวิญญาณครึ่งร้ายของเทพผู้สร้างที่อยู่ในร่างเขาแล้ว ที่นี่ก็เหลือแต่ชะตากรรมของ Loki อีกครึ่งที่ดีของพลังแห่งเทพผู้สร้าง


 


Bayonetta – แล้วเอาไงต่อเจ้าหนู ?
Loki – ตอนนี้พี่คงไม่ต้องการ The Eyes of the World แล้ว ผมเชื่อในความดีในตัวของทุกคนน๊ะ
Bayonetta – แล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าล่ะ 
Loki – ก็อาจได้พักบ้างน่ะสิ โลกไม่ต้องผมอีกแล้วนี่ 
Bayonetta – เราจะได้เจอกันอีกมั๊ย ?
Loki – ก็พูดยากน๊ะ อาจจะมีวันนึง ถ้าโชคดีล่ะมั้ง 
Bayonetta – นี่เจ้าหนู 
Loki – ก็บอกว่าไม่ให้เรียกเจ้าหนู ผมน่ะชื่อ Aesi… Loki ต่างหาก เลิกทำว่าผมเป็นเด็กซะที
 Bayonetta – ก็บอกไปแล้วนี่ว่าจะเรียกชื่อก็ต้องเมื่อเจ้าเป็นชายเต็มตัวแล้วเท่านั้น งั้นครั้งต่อไปถ้าเจอกันแล้วเจ้าดป็นผู้ใหญ่แล้วชั้นจะเรียกชื่อนายแล้วกันน๊ะ เจ้าหนู 
Loki – พูดไปมันก็ดีเหมือนกันน๊ะ ใครจะรู้ว่าโตขึ้นมันจะเป็นยังไง ? ว่าป่ะ
Loki –  แล้วเจอกัน Bayonetta 
Bayonetta – โชคดี เจ้าหนู แล้วก็เรียกชั้นว่า Cereza ก็ได้น๊ะ 
Loki – ไม่เอาหรอก มันเข้ากับพี่ที่ไหน ชื่อ Cereza น่ะ ฮ่าๆ


    


-----  จากนั้นวิญญาณของ Loki ก็สลายล่องลอยไปในท้องฟ้าที่มากมายไปด้วยดวงดาวเต็มท้องฟ้า -----



                                       ----- หลายวันต่อมา ---- 



  



ในวันสบายๆวันนึงในเมืองที่แสนเงียบสงบ Bayonetta ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนกับหมวกใบโตสุดหวานแหว๋ว และ Jeanne ในชุดสีดำเข้มครึม กำลังเดินช็อปกระจายอย่างมีความสุขหลังจากนางนึงเพิ่งสู้กับพระเจ้าส่วนอีกนางเพิ่งกลับจากความตาย ในขณะเดินเม๊าท์แตกไปตามถนนตามประสาผู้หญิงที่นานๆจะมีโอกาศได้เป็นซะที Bayonetta ก็เม๊าท์ไปถึงเรื่องเจ้าของร้านพยายามจะให้เธอฉีกกระโปรงขึ้นอีก Jeanne จึงสมทบไปว่า ของบางอย่างมันต้องขึ้นอย฿กับเวลาและสถานที่ พอ Bayonetta ได้ยินคำว่า เวลา เธอก็นึกถึงใครคนนึงขึ้นมา 

    

ขณะนั้นเธอก็สังเกตเห็นไพ่ใบนึงที่แสนคุ้ยเคยตกลงมาจากรถเข็นเด็กอ่อน แถมยังไม่ยอมให้เธอหยิบเก็บง่ายๆ มันปลิวหนีเหมือนว่าไพ่แห่งชะตากรรมใบนี้อาจยังไม่อยากพบพานใครจนกว่าเขาจะโตเป็นหนุ่มก่อนก็ได้

  


บรรยากาศดีๆแบบนี้สองสาวคงไม่ยอมเสียมันไปง่ายๆแน่ๆ แต่เมื่อเห็นเจ้า Luka ที่กำลังโดน Rodin บังคับให้ช่วยขับรถพาแจกใบปลิวในการเปิดสาขาใหม่ของร้าน Gate of Hell ในเมืองนี้ก็ทำให้ Bayonetta เริ่มรู้ทันทีว่า บางทีเวลาที่แสนสงบสุขของเธอคงอาจใกล้จบลงในไม่ช้า …

แต่ก็น๊ะ เวลาควรสุขก็ต้องสุขให้เต็มที่ ในขณะที่ Bayonetta เริ่มล้าจากการหิ้วข้าวของที่ช็อปมา แว๊บแรกที่นึกถึงก็คือ เรียกใช้เจ้าอ้วน Enzo ให้มาช่วยถือเหมือนทุกที  แต่เวรของกรรมเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เธอลืมเจ้าอ้วน Enzo ทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว จากนั้นเสียอึกกระทึกก็เริ่มใกล้เข้ามา พอหันไปดูก็พบเจ้า Enzo กำลังขับเครื่องบินหนีพวกเทวฑูตที่กำลังตามไล่ล่าเขามาด้วยอีกเพียบ แหม เวรกรรมที่ทำกับ Enzo มันช่างตามมารวดเร็วซะจริงๆ หลังจากทำหน้าเซ็งกับวันช็อปปิ้งที่คงจะหมดลงภายในไม่กี่วินาทีได้แล้ว Bayonetta และ Jeanne ก็ต้องโดดควบเครื่องบินของ Enzo ท่ามกลางเทวฑูตมากมายที่เข้ามาหมายชีวิตเธอ เพื่อเริ่มงานที่เธอคุ้นเคย.. อีกแล้ว

  


Bayonetta – เยี่ยมม กระโปรงขาดอีกแล้ว นั้นกระโปรงตัวที่ 2 ในเวลา 1 เดือนเลยน๊ะ 
Jeanne – ก็แค่อีกวันนึงของชีวิตเรา Cereza เธอน่าที่จะทำใจให้ชินกับมันมากกว่าพยายามจะเปลี่ยนแปลงมันน๊ะ
Bayonetta – กางเกงเธอตูดขาดแนะ 
Jeanne – เชอะ ไอ้พวกบ้า เอาละ รีบช่วยเจ้าอ้วนปากมากนี่กัน …มารีบจบงานกันเหอะ
Bayonetta – Let’s Dance Boys !!





           …….. วันธรรมดาที่แสนวุ่นวายของยัยตัวร้ายมักไม่มีวันจบสิ้นจริงๆ …………. 


……………………………………. THE END ……………………………………………….


                                                             รู้ไว้ใช่ว่า …… 


  



ชื่อปืนทั้ง 4 กระบอกของ Bayonetta นั้นมีชื่อเสียงเรียงนามที่แตกต่างกันคือ
 Parsley
 Sage
 Rosemary 
 Thyme 

ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในเพลงกวีที่ชื่อ Scarborough Fair ของ Simon & Garfunkel ร็อกเกอร์ลูกทุ่งยุค 60 นั่นเอง

             




ไม่มีความคิดเห็น: