วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562

CodeVein





                                     บทสรุป CodeVein

                                                  By Decibel per oxide


......................................................................................................................................................
                                        Notice
ก่อนเข้าเกมส์ หากใครที่เคยทดลองเล่นในเวอร์ชั่น Demo มาแล้ว และอยากจะนำเอาตัวละครที่สร้างเอาไว้มาใช้ในเวอร์ชั่นเต็ม ให้ทำดังนี้
1.ต้อง Update patch ของเวอร์ชั่น Demo เป็น Ver. 1.01 และ update Patch ของเกมเวอร์ชั่นเต็มเป็น Ver. 1.02 แล้ว 
2. เข้าไปที่จุดปรับแต่งตัวละครที่ฐานในเวอร์ชั่น Demo เลือก “Save/Delete Appearance” เพื่อเซฟตัวละครที่สร้างไว้เก็บไว้ในสล็อตที่เก็บข้อมูลตัวละคร  
.......................................................................................................................................................



กล่าวถึงเรื่องราวในอนาคต ภัยพิบัติลึกลับได้นำไปสู่การล่มสลายของโลกที่เรียกกันว่า Great Collapse ทำให้ตึกระฟ้าที่สูงตระหง่านซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นหลุมศพของอดีตมนุษย์ที่ถูกแทงด้วยหนามแห่งการพิพากษา (Thorns of Judgment ) ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ได้ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่จะถูกเปลี่ยนด้วยเปลี่ยนกระบวนการที่เรียกว่า Zombificationการวิจัยเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้พบว่า มีรูปแบบชีวิตที่ไม่ปรากฏชื่อ ได้เข้ามาเกาะกินหัวใจของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นและควบคุมทุกเซลล์ในร่างกายของพวกเขาจนกลายเป็น Revenants 



สิ่งมีชีวิตอมตะที่ได้รับการฟื้นฟูหลังความตายที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด เหล่า Revenants ต้องดื่มกินเลือดจากทุกอย่างที่หาได้



หากไม่เช่นนั้นพวกเขาจะสูญเสียการเป็นตัวเองกลายเป็นปีศาจที่เรียกกว่า LOST ไปตลอดกาล แต่เลือดบริสุทธิไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ง่ายท่ามกลางโลกที่ถูกกลืนกินจนใกล้ล่มสลายแบบนี้



 เหล่า Revenants จึงต้องเอาตัวรอดด้วยการดื่มเลือดเทียมจาก Blood Bead ผลไม้ประหลาดที่เกิดจากต้น Bloodsprings แทนเพื่อให้กลายเป็น LOST 



จากความกระหายเลือด รวมทั้ง Revenants ทุกคนจำต้องใส่หน้ากากแบบพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกัน miasma หมอกควันที่เกิดจาก LOST ซึ่งจะเป็นอณุภาคปีศาจที่จะช่วยเร่ง Revenants ให้กระหายเลือดมากขึ้นจนกลายเป็น LOST ไปหาสูดดม miasma เข้าไปมากเกินไป 



และเหล่าเศษซากมนุษย์ชาติที่ยังหลงเหลือในคราบของ Revenants  ก็ต้องลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากนรกบนดินที่เคยเป็นบ้านเกิด กับสองทางเลือกสุดท้าย คือออกตามหา  Gifts หรือเวทย์มนต์วิเศษที่จะช่วยฟื้นคืนความทรงจำที่หายไปเพื่อกลับเป็น มนุษย์อีกครั้ง หรือ ยอมให้ความกระหายเลือดครอบงำจนกลายเป็นหนึ่งใน LOST ปีศาจที่สูญสิ้นโอกาสที่จะได้กลับเป็นมนุษยอีกครั้งพร้อมกับการไร้ซึ่งมนุษย์ชาติแล้วทิ้งโลกที่เคยสวยงามให้กลายเป็นนรกบนดินตลอดไป 


Cruz – อรุณสวัสดิ์ ..เฮ้ คุณได้ยินชั้นรึเปล่า? ลองย้อนนึกถึงภาพความทรงจำของตัวเองดูสิ คิดออกมั๊ย? 


-Remember Name  ตั้งชื่อตัวละคร
-Remember Appearance First เข้าเมนูสร้างตัวละครของตัวเองที่จะใช้บังคับเป็นตัวเอกของเรื่อง
หากต้องการจะสร้างตัวละครใหม่ ก็เริ่มสร้างได้เลย
หากต้องการนำตัวละครที่สร้างไว้ในเวอร์ชั่น Demo ให้เลือก เลือก “Load Character’s Appearance from Demo” เพื่อโหลดตัวละครที่เซฟไว้จากเวอร์ชั่น Demo มาใช้งาน


หากต้องการสร้างตัวละครใหม่ไว้แล้วอยากใช้ตัวละครที่เคยสร้างไว้ใน Demo ก็ต้องเล่นจนถึงเข้าไปในฐานแล้ว จากนั้นเข้าไปที่จุดปรับแต่งตัวละครที่ฐานในเกมเวอร์ชั่นเต็มเลือก “Load Character’s Appearance from Demo”


*****************************************************************************

       เรียนรู้ความหมายและทำความเข้าใจกับระบบขั้นพื้นฐาน



Blood Codes หรือ อาชีพที่เราสามารถเลือกสวมใส่ให้ตัวละครมีท่วงท่า Skill และเวทย์มนต์ต่างๆ รวมถึงสามารถสวมใส่อาวุธ ที่แตกต่างกันไปจาการใส่ Blood Codes นั้นๆ ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยที่ตัวละครจะสามารถเติบโตได้ด้วยการเรียนรู้ Skill และเวทย์มนต์ของ Blood Codes หรือ อาชีพ ที่เคยสวมใส่ติดตัวไว้เป็น Skill เสริมที่สามารถเลือกติดตัวได้ตามต้องการได้ด้วย


 Gifts คือ เวทย์มนต์หรือ Skill ต่างๆที่สามารถเรียนรู้ได้จากการสวมใส่ Blood Codes ประกอบด้วย 3 ประเภทคือ
-Light Gifts คือ เวทย์มนต์หรือ Skill ประเภทซับพอร์ทตัวละครต่างๆ ที่สามารถใช้ซัพพอร์ทหรือ บัฟ ตัวผู้เล่นหรือเพื่อนในปารตี้ให้มีประสิทธิ์ภาพในการต่อสู้มากขึ้นในแบบชั่วคราว
- Dark Gifts คือเวทย์มนต์ สายโจมตี ทั่วไป
- Skill Gifts คือ วทย์มนต์หรือ Skill ประเภทซับพอร์ทอาวุธต่างๆ เช่น เพิ่มพลังโจมตี เสริมพลังของธาตุต่างๆให้อาวุธมีประสิทธิ์ภาพในการต่อสู้มากขึ้นในแบบชั่วคราว


 Ichor คือตัวเลขที่ตัวละครสามารถใช้ Gifts ได้  เทียบได้กับ ค่า Magic point หรือค่า MP นั่นเอง โดย Gifts แต่ละชนิดจะเสียงค่า  Ichorในจำนวนที่ไม่เท่ากัน จำนวนสูงสุดของ Ichor จะมากน้อยขึ้นอยู่กับ  Blood Code ที่ตัวละครสวมใส่ หากใช้สกิลหรือเวทย์ต่างๆจนค่า  Ichor  หมดจะสามารถเพิ่มได้ด้วยการโจมตีศัตรู , ใช้ไอเทมเพิ่มจำนวน  Ichor ,ใช้ท่า “Drain Attack” หรือพักผ่อนตามจุดเซฟ

  Drain Attacks คือท่าโจมตีด้วย Blood Veils (ที่ติดมากับชุด) สามารถทำได้ 3 รูปแบบคือ
- Charged Drain ด้วยการกด O ค้างแล้วปล่อย
-Combo Drain ด้วยการกด R1 + O ขณะโจมตี
- Parry Drain ด้วยการกด L2 ใช้ท่า parry
-การโจมตีข้างหลัง
-การใช้ท่า Focus ด้วยการกด R1 + สามเหลี่ยมหลังจากเกจ Focus เรืองแสง
ผลของการโจมตี แบบ Drain Attacks ด้วย Blood Veils ก็คือ การโจมตีที่รุนแรงและการได้มาซึ่ง Ichor ที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะมากน้อยตาม Drain Rating ของ  Blood Veils แต่ละอัน


Focus Gauge คือ เกจที่อยู่ด้านบนของเกจพลังชีวิต โดยเกจจะเพิ่มขึ้นได้ด้วยการหลบการโจมตีของศัตรูหรือการที่ถูกศัตรูโจมตี เมื่อเกจ Focus เริ่มเรืองแสงเป็นสีฟ้า จะสามารถใช้ท่า Drain Attack ด้วยการกด R1 + สามเหลี่ยมเพื่ออัดศัตรูให้ลอยค้างอยู่ในอากาศแล้วสามารถใช้ท่า Blood Veils เพื่อเพิ่มความเสียหายให้ศัตรูพร้อมดูดค่า   Ichor มาเพิ่มเติมได้ด้วย


"Gifts" (Skill Tree) ทั้งหมดใน Blood Codes ทั้ง 7 ที่มีในเบื้องต้น

ระบบ Class ที่ตัวละครหลักที่ผู้เล่นใช้บังคับใน Code Vein สามารถเลือกใช้ได้นั้นเรียกว่า Blood Codes และ Blood Codes ของแต่ละคลาส ซึ่งเมื่อผู้เล่นสวมใส่แล้ว นอกจะทำให้เกิดความแตกต่างด้านสเตตัสของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ Blood Codes แต่ล่ะอันจะส่งผลแล้ว มันยังจะมี Skill หรือที่เรียกในเกมว่า "Gifts" ซึ่งก็คือ สกิลความสามารถต่างๆที่ผู้เล่นสามารถเรียนรู้จากแต่ล่ะ Blood Codes เพื่อนำมาใช้งานทั้งแบบติดตั้งเพื่อเสริมสเตตัสตัวละคร เป็นเวทย์หมด และสกิลท่าโจมตีต่างๆ เสมือนกับเป็น Skill Tree ของแต่ละคลาสนั่นเอง ซึ่ง Blood Codes ต่างๆในเวอร์ชั่น Trial Version นั้นก็ประกอบด้วย


                                                   BLOOD CODE



1. Fighter สายที่เน้นความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่วในการโจมตีด้วยอาวุธ Melee ในระยะประชิด
Gifts ที่สามารถเรียนรู้ได้
Health Boost: เพิ่มเติมจุดสูงสุดของเกจพลังชีวิตให้มากขึ้น
Adrenaline: เพิ่มพลังโจมตีของผู้เล่นแบบชั่วคราวในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ
Triple Annihilator: ท่าโจมตีแบบคอมโบ 3 ชุด (สำหรับอาวุธประเภทดาบ 2 มือหรือค้อน)
Focused Stamina Usage: ย่นระยะเวลาการฟื้นฟูของเกจ stamina ให้เร็วขึ้น
Blood Guard: สร้างเกราะป้องกันเพิ่มความต้านทานการโจมตีของศัตรูของคุณและเพื่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ


2. Ranger สายที่เน้นการการสนับสนุนและการป้องกันตัวเป็นหลัก
Gifts ที่สามารถเรียนรู้ได้
Stamina Boost:  เพิ่มเติมจุดสูงสุดของเกจ Stamina ให้สูงมากขึ้น
Guard Stability: เมื่อผู้เล่นอยู่ในสถานะโฟกัส เวลาตั้งท่าการ์ดป้องกันการโจมตีจะเสียค่า Stamina ลดน้อยลง
Spoils Spotter: ทำให้ผู้เล่นสามารถรับรู้ได้ถึงไอเทมหรือกล่องสมบัติที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
Venom Mark: ทำให้อาวุธของคุณติดเอฟเฟกต์ พิษ ชั่วคราว
Sonic Arrow: ท่ายิงกระสุนที่สร้างจาก โจมตีจากระยะไกล ตามจำนวน ichor (ตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนครั้งในการใช้สกิลของผู้เล่น) ของตัวละคร
Shifting Hollow: ทักษะการหลบหลีกพิเศษที่ทำให้ผู้เล่นสามารถพุ่งไปข้างหน้าในรูปกายแบบหมอก


3. Caster สายที่เน้นการโจมตีจากระยะไกล
Gifts ที่สามารถเรียนรู้ได้
Bloodshot: ยิงกระสุนปืนเลือดขนาดใหญ่ไปยังเป้าหมาย
Blazing Roar: ยิงเปลวไฟขนาดใหญ่ไปยังเป้าหมาย
Dark Impulse: เพิ่มเอฟเฟกต์ของสกิลธาตุความมืดในขณะที่กำลังอยู่ในสถานะโฟกัส
Weapon Drain Rating Up: เพิ่ม drain rating ของอาวุธที่่ใช้โจมตี


4.  Berserker สายที่เน้นพลังโจมตีและป้องกันในแบบสูงสุด แต่จะมี จำนวน ichor (ตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนครั้งในการใช้สกิลของผู้เล่น) ที่ต่ำมาก
Gifts ที่สามารถเรียนรู้ได้
Blow of Madness: เพิ่มความรุนแรงสูงสุดในครั้งแรกของการโจมตี
Dragon Lunge: ท่าโจมตีด้วยการฟาดอาวุธลงกับพื้นอย่างรุนแรง (ใช้ได้เฉพาะดาบ 2 มือและค้อน)
Balance Up: เพิ่มเติม drain rating ของตัวละครให้มากขึ้น
Precision: สามารถโจมตีแล้วทำให้ศัตรูเสียจังหวะจนหยุดชงัก ชั่วคราวในช่วงเวลาสั้น ๆ
Royal Heart: เพิ่มเติมความต้านทานการถูกโจมตีที่ทำให้เสียจังหวะจนหยุดชงักในช่วงเวลาสั้น ๆ
Iron Will: ลดความเสียหายทางกายภาพแบบชั่วคราวในระยะเวลาสั้น ๆ


5. Prometheus สายที่มีความสมดุลย์ในการต่อสู้ แต่อ่อนแอ เพราะสกิลส่วนใหญ่ที่มีจะเน้นหลบหลีกและการปัดป้องเป็นหลัก
Gifts ที่สามารถเรียนรู้ได้
Phantom Assault: ท่าโจมตีด้วยพุ่งตัวไปโจมตีศัตรูด้วยกายหมอก (ใช้ได้เฉพาะกับอาวุธประเภท ดาบมือเดียว / Halberd / Bayonet)
Fire Storm: ยิงกระสุนเพลิงที่ทำให้ศัตรูเซเสียจังหวะ
Blade Dance: เพิ่มพลังโจมตีชั่วคราวทุกครั้งที่คุณสร้างความเสียหายให้ศัตรูด้วยอาวุธของคุณอย่างต่อเนื่อง
Flame Weapon: เพิ่มความรุนแรงจากการโจมตีด้วยสถานะ ไฟ กับอาวุธที่ใช้แบบชั่วคราว
Savvy Evasion: เพิ่มจำนวนในการได้รับค่าโฟกัสให้มากขึ้นจากการหลบการโจมตี
Warding Mark: ทำให้อาวุธที่ใช้อยู่ติดสถานะของเอฟเฟกต์ ยับยั้งการโจมตีของศัตรู  (inhibit effect)  ชั่วคราวในระยะสั้นๆ
Deft Parry: ฟื้นฟูเกจ stamina จนเต็มเมื่อคุณหลบหลีกการโจมตีของศัตรู (ต้องได้ Prometheus Vestige III ก่อน)
Strength / Dexterity Up: เพิ่มพลังความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่วให้ตัวละคร strenght และ dexterity (ต้องได้ Hunter Vestige I ก่อน )
Hasten: ทำให้จำนวน ichor (ตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนครั้งในการใช้สกิลของผู้เล่น) เพิ่มขึ้นในขณะที่ผู้เล่นกำลังกลิ้งหลบการโจมตีของศัตรูในระยะเวลาสั้นๆ
One-handed Sword Mastery: เพิ่มพลังโจมตีเมื่อใช้อาวุธประเภทดาบมือเดียว (ต้องได้ Hunter Vestige II ก่อน)
Eternal Blade Dance: สกิลระดับ 2 ของสกิล Blade Dance เพิ่มพลังโจมตีเมื่อคุณหลบการโจมตีของศัตรูได้สำเร็จ (ต้องได้ Hunter Vestige IV ก่อน)


6. Thoth สายที่เน้นสกิลที่ทำให้การโจมตีระยะประชิดหลากหลายมากขึ้น
Gifts ที่สามารถเรียนรู้ได้
Bloody Impact:  ปล่อยคลื่นอัดกระแทกด้วยพลังคำสาปใส่ศัตรูในพื้นที่โดยใช้ ichor (ตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนครั้งในการใช้สกิลของผู้เล่น) ทั้งหมด
Swallow Cutter: ท่าโจมตีโดดม้วนตัวฟาดลงพื้น (ใช้ได้กับอาวุธประเภทดาบ 2 มือและค้อน)
Stun Resistance: เพิ่มความต้านทานการติดสถานะ stun
Floating Light:  สร้างลูกบอลแสงที่เท้าของคุณ
Stun Removal:  ป้องกันการติดสถานะ Stun ให้เพื่อนในปารตี้
Frost Spike: ยิงกระสุนน้ำแข็งแช่แข็งไปที่เป้าหมาย
Strength Up: เพิ่มค่า Strength ในสเตตัส
Steady Bulwark: เพิ่มพลังป้องกันการโจมตีทางกายภาพในระยะสั้นๆ
Revedant's Greed: เพิ่มโอกาสของไอเท็มที่ดรอปจากศัตรูให้มากขึ้น
Focused Carnage: ทำให้เกจโฟกัสลดช้าลงเมื่อคุณโจมตีด้วยท่า Focus attack
Heroic Fang: เพิ่มความรุนแรงให้ท่า charged drains (กด O ค้างแล้วปล่อย)


7. Aset สายเวทย์ที่เน้นการโจมตีจากระยะไกลที่รุนแรง แต่ก็ต้องใช้ จำนวน ichor (ตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนครั้งในการใช้สกิลของผู้เล่น) ในแบบมหาศาลในแต่ละครั้ง
Plasma Roar: ยิงกระแสไฟฟ้าพุ่งไปหาเป้าหมาย
Draconic Stake: โจมตีด้วยแทงเสาเลือดขนาดใหญ่เข้าไปแทงทะลุเป้าหมายด้วยความรุนแรง
Vow of Ichor: สกิลติดตั้งในสเตตัส เพื่อลด HP สูงสุดลงแล้วเพิ่มจำนวน ichor (ตัวเลขที่แสดงถึงจำนวนครั้งในการใช้สกิลของผู้เล่น) ให้มากขึ้นแทน
Blast Bolt: สร้างประจุไฟฟ้าขนากเล็กมากมายพุ่งไปที่เป้าหมาย
Indra's Coil: สร้างสายฟ้าฟาดลงไปที่ศัตรูเป้าหมายด้วยความรุนแรง 3 ครั้ง
Fourfold Verdict: ยิงกระสุนสายฟ้าจำนวนมากเข้าใส่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
Shadow Leap: ปล่อยคลื่นกระแทกรอบตัวออกมาแล้วเทเลพอร์ตตัวเองไปข้างหลังในทันทีเพื่อหลบการโจมตี

                                      **รอการอัพเดทเพิ่มเติมในภายหลัง **

             

                รายละเอียดการใช้งาน  Consumables Items 

1. Loss Shard (S)  (M)  (L)  - ไอเทมสำหรับเพิ่ม Haze (เงิน) เมื่อกดใช้
2. Ichor Concentrate - สำหรับเติม ichor (ค่าพลังสำหรับใช้ท่า Skill ต่างๆ)
3. Bloodstained Stake - ไอเทมสำหรับวาร์ปกลับจุดเซฟล่าสุด (แต่ต้องเสีย Haze เงินสะสมที่ติดตัวอยู่ทั้งหมดเมื่อใช้แต่ล่ะครั้ง)
4. Vivifier- ไอเทมสำหรับวาร์ปกลับจุดเซฟล่าสุด (แบบไม่ต้องเสีย Haze เงินสะสมที่ติดตัวอยู่ทั้งหมด)
5. Needle of Unity - สำหรับใช้วาร์ปตัวเองไปยังจุดที่กลุ่มปาร์ตี้ที่ร่วมในโหมด multiplayer อยู่
6.Chemical Light - ไอเทมสำหรับใช้เป็นจุดส่องแสงในที่มืดเพื่อใช้เป็นเครื่องหมายตามทางเพื่อกันหลงทางในกรณีเจอดันเจี้ยนที่ซับซ้อนและยังไม่มีการเปิดเผยแผนที่ทั้งหมด
7. Drain Activator - ไอเทมที่ใช้แล้วจะทำให้ได้ค่า  ichor (ค่าพลังสำหรับใช้ท่า Skill ต่างๆ) เพิ่มมากขึ้นในขณะโจมตีในระยะสั้นๆ
8. Dagger - มีดสั้นสำหรับขว้างใส่ศัตรูเพื่อล่อมายังจุดที่ได้เปรียบ
9.Venom Cartridge - สารเคลือบอาวุธเพื่อเพิ่มการทำให้ศัตรูติดพิษในระยะสั้นๆ
10. Stun Cartridge - สารเคลือบอาวุธเพื่อเพิ่มการทำให้ศัตรูมึนงงในระยะสั้นๆ
11. Blood Cartridge - สารเคลือบอาวุธเพื่อเปลี่ยนความเสียหายจากการโจมตีศัตรูมาเป็นเลือดของผู้เล่นในระยะสั้นๆ
12. Stun Vaccine - ยาป้องกันการติดสถานะภาพมึนงงแบบชั่วคราว
13.Anti-Stun - ยาแก้อาการติดสถานะภาพมึนงง
14.Blood Maker - ใช้สำหรับวางเป็นเครื่องหมาย (สามารถเก็บกลับคืนได้)
15. Antivenom - ยาแก้ติดพิษ
16. Murasame's Ichor Blend - ยาเพิ่มจำนวนสูงสุดของค่าการสะสม ichor (ค่าพลังสำหรับใช้ท่า Skill ต่างๆ) ให้เพิ่มมากขึ้น
17. Coco's Ichor Blend - ยาเพิ่มจำนวนสูงสุดในการสะสม ichor (ค่าพลังสำหรับใช้ท่า Skill ต่างๆ) ที่สามารถเก็บได้ในแต่ล่ะครั้ง
18. Regen Inducer - ไอเทมฟื้นฟูพลังชีวิต
19. Regen Extension Factor -  ไอเทมฟื้นฟูพลังชีวิต
20. Regen Activation Factor - ไอเทมฟื้นฟูพลังชีวิต
21. Fireproof Tonic - สารปกป้องการถูกโจมตีด้วยไฟ
22. Antifreeze Tonic- สารปกป้องการถูกโจมตีด้วยน้ำแข็ง
23.Pure Blood - ไอเทมฟื้นฟูพลังชีวิตพร้อมค่า ichor (ค่าพลังสำหรับใช้ท่า Skill ต่างๆ) เต็ม
24. Gift Accelerator - ไอเทมที่ใช้สำหรับลดระยะเวลาในการใช้ Gifts (ร่ายเวทย์มนต์)
25.  Stamina Booster - ไอเทมสำหรับเพิ่มเกจ  Stamina ในระยะสั้น

                                         **รอการอัพเดทเพิ่มเติมในภายหลัง **

***************************************************************************

            Cruz – เอาล่ะ ตื่นได้เถอะ .... แล้วไปช่วยโลกได้แล้ว  



      หญิงในชุดขาว – ขอต้อนรับกลับมานะ ...ไง คุณรู้สึกยังไงบ้าง? 


หญิงในชุดขาว – ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่เป็นไร ... ชั้นก็จำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ..เอาล่ะ ตามมาทางนี้สิ ...



หญิงในชุดขาว – มันดูแห้งแล้งไปหมดเลยใช่มั๊ยล่ะ ?  ...ค่อยๆ ไม่ต้องรีบ .. ชั้นจะอยู่ที่นี่กับคุณเอง  ..อีกนิดเดียว ใกล้แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ เราจะไม่เป็นไร ...ต้น Spring จะช่วยบรรเทาความกระหายของเราให้ดีขึ้นเอง ... 



หญิงในชุดขาว – ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็กระหายกันทั้งนั้นแหละ ต้น Spring จะช่วยบรรเทาความกระหายของเราได้ ด้วยผลหยดน้ำตาเลือดเพียงหนึ่งเท่านั้น



                                  หญิงในชุดขาว – ไม่เป็นไร ... ไม่เป็นไร ... 








                                      หญิงในชุดขาว – อะ นี่ ..สำหรับนาย 



Tempered Revenant – Spring ต้นใหม่ พร้อมแรงงานทาสอีก 2 คน ฮ่าๆๆๆ เจอแจ็กพ็อตแล้วว่ะพวกเรา ฮ่าๆๆ 



               Tempered Revenant – เอาล่ะ ลุกขึ้นมาได้แล้วแกสองคนอ่ะ ถึงเวลาสนุกกันแล้ว 



Arrogant Revenant – แห้งตายไปอีกต้นแล้ว ไอ้ miasma งี่เง่าเอ้ย !! แม่งเอ้ย !! เราจะไม่มีเวลาพอก่อนจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวต่อไปนะสิวะแบบนี้ 
Cold Revenant – ทุกอย่างพร้อมแล้วครับเจ้านาย 



Arrogant Revenant – หึ สภาพใกล้ตายไม่ต่างจากคนอื่นๆเลย 
Humble Revenant’s Thrall –  ค ครับ ทุกคนก็ใกล้จะตายกันหมดเลยไม่มีแรงที่จะหา miasma .. อ๊ากกก !
Arrogant Revenant – พวกแกรู้ใช่มั๊ยว่าไอ้ที่ชั้นถืออยู่นี่มันคืออะไร ? 
Humble Revenant’s Thrall –  Blood beads ใช่มั๊ยครับ? 
Arrogant Revenant – ใช่แล้ว เก่งมาก คือข้าต้องการให้พวกแกลงไปค้นหา Blood beads ในอุโมงค์ข้างล่างนั่น  พวกแกรู้ใช่มั๊ย ว่าเหลือเวลาอีกไม่นานก็ถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว และข้าก็กลัวอย่างมากหากเราหาภาษีมาจ่ายให้พวกเขาไม่ทัน และถ้าเราหามันมาไม่ได้เลยซักอัน พวกหมาล่าเนื้อของ Silva คงเอาเราตายแน่นอน  ไม่ช้าไม่นอนนี้แหละ
Humble Revenant’s Thrall –   แล้วทำไมต้องเป็นพวกเราด้วยล่ะครับ ..
Arrogant Revenant – มาถามอะไรข้าล่ะ ก็ไอ้ระบบภาษีงี่เง่านี่มันไอเดียของ Silva นี่ ถ้าแกไม่พอใจข้าว่าแกก็ไปบอกกับเขาเองก็แล้วกัน !! 
III - Tempered Revenant – เอาล่ะไปทำงานกันได้แล้ว !!!


                  ?????? – ใจเย็น ...ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะสู้กับพวกมันตอนนี้หรอกนะ 



Arrogant Revenant – เดี๋ยวก่อน .. ข้าว่าหล่อนอยู่กับชั้นก่อนจะดีกว่านะ ..ถ้าพวกแกกลับมาพร้อม Blood beads ก็ค่อยเอามาแรกนังนี่คืนไปก็แล้วกันนะ !!  



Arrogant Revenant –เอ่อ แล้วข้าก็ได้ยินว่ามีพวก Hunter อยู่แถวๆนี้ด้วยเหมือนกันนะ หวังพวกแกจะไม่ถูกฆ่าตายซะก่อนล่ะ 
III - Tempered Revenant – ได้ยินแล้วนะ เอาล่ะไปกันได้แล้ว !!!


?????? – นายไม่เป็นไรนะ?  ดูเหมือนเราจะกลับขึ้นไปจากทางนี้ไม่ได้แล้วล่ะ คงต้องหาทางอื่นกลับขึ้นไปก็แล้วกัน เอ่อ ชั้นชื่อ Oliver Collins นะ ยังไงก็เถอะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ




                     AREA D-12 : Ruined City Underground


                                             เรียนรู้การใช้งาน ต้น Mistle



-เป็นจุด Check point สำหรับเซฟเกม (แบบออโต้) ทุกครั้งที่เข้าไปสำรวจ ซึ่งจะสามารถเติมพลังชีวิต ไอเทมเติมพลังและค่า Ichor จนเต็มได้ด้วย
-Level up เมนูสำหรับใช้ค่า Haze ในการเลเวลอัพตัวละคร
-Acquire/Inherit Gift เมนูสำหรับใช้ค่า Haze ในการอัพเกรด BLOOD CODE เพื่อเพิ่มสกิล (Gift) ต่างๆ
-Storage สำหรับใช้เก็บไอเทมที่ไม่สามารถเก็บติดตัวได้ ในกรณีช่องเก็บของในตัวละครเต็มไอเทมนั้นๆจะถูกส่งมาที่นี่
-Teleport สำหรับใช้ Fast Travel เดินทางไปยังดันเจี้ยนต่างๆที่เคยไปมาแล้วรวมถึงวาร์ปกลับฐาน
-Tutorial สำหรับใช้ฝึกฝนการต่อสู้
- Save และ ออกไปหน้าจอ Title Screen

เดินทางลุยศัตรู เปิดแผนที่ เก็บไอเทม เก็บเลเวลไปตามทางจนถึงจุดที่ Oliver ถูกศัตรูดักโจมตีจนทำให้หน้ากากของเขาเสียหายจนไม่สามารถเดินทางได้ต่อ


Oliver – บ้าเอ้ย ! ทุกอย่างกำลังไปได้สวยแท้ๆเลย  ... ขอพักหน่อยดีกว่า เดี๋ยวชั้นจะรีบตามไปนะ ไม่ต้องห่วงน่า ชั้นไม่เป็นไรหรอก นายล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพื่อนายจะเจอ Blood beads ซักอัน สาวน้อยคนนั้นกำลังรอนายอยู่นะ รีบไปได้แล้ว !

จากนั้นก็ต้องเดินทางลุยเดี่ยวเข้าไปด้านในต่อตามทางจนถึงจุดที่พบกับชายแปลกหน้าอีกคนยืนอยู่


????? – อ่า นายเป็นนักสำรวจเหมือนกันหรอ? ดูเหมือนนายจะเดินทางคนเดียวสินะ จะว่าอะไรมั๊ยถ้าเราจะเดินทางไปด้วยกันจนถึงทางออก ชั้นว่ามันจะดีกับเราทั้งคู่มากกว่าเยอะเลยนะ นายว่าไง?

เลือกตอบ Alright Let go together แล้วจะได้ชายแปลกหน้าคนนี้เดินทางร่วมเป็นเพื่อนในปาร์ตี้ด้วย 



เมื่อเดินทางจนพบต้น Bloodspring เมื่อทำให้มันเติบโตด้วยเลือดจนได้ Blood beads ที่ต้องการมาแล้ว ก็เดินทางลุยเข้าไปตามทางต่อจนถึงทางออกที่ปลายทางของอุโมงค์ จนพบกับ Oliver อีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะได้สูญเสียตัวตนจนกลายเป็นปีศาจเข้าทำร้ายทุกคนจนหมด



????? – เมื่อใครก็ตามได้สูญเสียตัวตนของตัวเองจนกลายเป็น LOST ไปแล้ว เขาผู้นั้นก็จะไม่มีวันกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีก เลิกคิดมากแล้วเข้าไปจัดการมันได้เลย !!



                                Boss Oliver Collins



????? – เธอไม่เป็นไรหรอก ..แต่ยังไงซะพวกนายทั้งคู่ ก็ไม่ต้องคิดมากอะไรหรอกที่ต้องจัดการเพื่อนคนนึงที่กลายเป็น LOST ไปเพราะ มันเป็นหน้าที่ของ revenants ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น 



????? – นั่นมัน .. Vestige .. ทางที่ดีอยู่ห่างๆไอ้หินบ้านั่นจะดีที่สุด เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่สัมผัสมันจะกลายเป็น LOST ในทันทีเลย ไม่ว่าไอ้เสียงกระซิบบ้าอะไรที่ได้ยินมาจากมันก็อย่าไปฟังอย่าไปเชื่อเด็ดขาด ต้องมีใครคนนึงถูกสังเวยเพราะมันเสมอ ถ้าไม่มี Blood beads เราก็ไม่มีทางรอดได้แน่นอน เอาล่ะ ออกจากที่นี่กันเถอะก่อนที่เธอจะแย่ไปกว่านี้ 



           ????? – นั่นนายทำบ้าอะไรวะ !! ปล่อยมันไปเดี๋ยวนี้นะ !!! มันจะกลืนกินนายนะ !!



                            หญิงในชุดขาว – ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว คุณทำได้อยู่แล้ว 
                                           ????? – นี่มันอะไรกันวะเนี้ย !!!


Oliver – ได้โปรดเถอะครับ ให้เราเก็บมันไว้ซักอันเถอะนะ เราทำไม่สำเร็จแน่ถ้าคุณเก็บมันไว้เองแบบนี้ 
Cerberus Soldier – Revenants ทุกตนมีหน้าที่ที่ต้องเสียภาษีด้วย Blood beads ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น 



Young Revenants – พ่อจ๋า แม่จ๋า !!
Oliver – ต้องมีใครซักคนต้องถูกสังเวย ..ถ้าไม่มี Blood beads เราก็ไม่มีวันจะทำได้หรอก 



Arrogant Revenants – มนุษย์ที่ยังเหลือรอดอยู่อีกไม่กี่คนต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของ Silva นักเดินทางแบบเราต้องออกไล่ล่าตามหา Blood beads ไม่ก็ต้องเผชิญหน้ากับความตาย มันก็ต้องมี Revenants บางตนที่ต้องถูกสังเวยเพื่อความอยู่รอดของพวกเรา 



                Oliver – ไง เดาว่านายคงเก็บดอกผลจากที่นายหว่านเอาไว้ได้แล้วใช่มั๊ย? 




หญิงในชุดขาว – มันคือเสียงสะท้อนของความทรงจำ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ความทรงจำของผู้คนที่สูญหายยังคงหลงทางอยู่
????? – นี่คือความทรงจำของคนที่กลายเป็น LOST หรอเนี่ย? ไม่ .. ไม่มีทางเป็นไปได้ ...


????? – นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? 
หญิงในชุดขาว – มันคือความทรงจำที่พลั่งพรูออกมาจากที่ถูกผนึกเอาไว้ใน Vestige จากใครซักคนที่ทิ้งมันเอาไว้ 
????? – ชั้นไม่คิดว่าจะถูกลากเข้าไปในนั้นด้วยนะสิ 
หญิงในชุดขาว – เราทั้งคู่ถูกหลอมละลายเข้าไปในตัวคุณ 



????? – ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย ? แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เราต้องรีบออกจากที่นี่กันก่อน ชั้นมีที่ที่พวกนายทั้งคู่จะพักได้  



               Louis -   ... ชั้นชื่อ Louis นะ เป็นนักวิจัยเกี่ยวกับ Blood beads ... ยินดีที่ได้รู้จักนะ 




Louis – ไง ... เห็นแล้วน่าเกลียดใช่มั๊ยล่ะ ? ไอ้หมอกแดงนั่นออกมาให้เห็นซักพักแล้วล่ะตั้งแต่ ราชินีถูกกำจัด และมันก็ได้กักขังทุกคนและทุกสิ่งไว้ด้านในทำให้เกิดสังคมใหม่ของ Revenants ที่ต้องถูกปกครองโดย Silva จนนานไปผู้คนที่อยู่ในนั้นก็เรียกมันว่า หมอกพันธนาการ (the Gaol of mists)



Louis –  ทั้งพวกปีศาจและเหล่า Revenants ที่อยู่ในนั้นก็ต่างเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีวันจบสิ้น ต่างก็ต้องหา Blood beads เพื่อประครองซากชีวิตไปวันๆ ... Revenants ต้องการก็แต่เลือด หากไม่มีมันก็ต้องกลายเป็นปีศาจที่เราเรียกกันว่า LOST แต่ เหล่า Revenants ที่ต้องถูกจับไปเป็นทาสเพื่อออกตามหา Blood beads ให้พวกมันนั้นน่ากลัวกว่าการที่ต้องกระหายเลือดจนกลายเป็น LOST มากมายนัก



Louis –  แต่คลื่นลูกใหม่ที่จะนำสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นได้มาถึงแล้ว ... นายที่สามารถกำจัด miasma และทำให้ต้น Bloodspring งอกเติบโตขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง นายไปเรียนรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหนกันห๊ะ ? .....ไม่รู้สินะ ...ไม่สิ นายลืมมันต่างหาก แล้วตอนนี้นายจำอะไรได้บ้างอ่ะ? ...จำอะไรไม่ได้เลยหรอ .. ผิดปกตินะที่นายจำอะไรไม่ได้เลย เหมือนกับเธอคนนั้นเลย  ..เอาล่ะ ช่างเถอะ ตอนนี้นายไปพักผ่อนให้สบายก่อนเถอะ คิดว่าเป็นบ้านของนายก็แล้วกัน  ช่วงนี้ลองไปพูดคุยทำความรู้จักเพื่อนๆที่อยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน 



หญิงในชุดขาว – ที่นี่อุ่นดีว่ามั๊ย? ทุกคนที่นี่อยากรู้เรื่องของชั้นกันใหญ่เลย แต่ชั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย ก็เลยไม่รู้จะตอบคำถามทุกคนยังไง แต่ที่เริ่มจะจำได้แล้วก็คือชื่อของตัวเอง ชั้นชื่อ lo แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันหมายความว่าอะไร และในที่ที่ชั้นเคยอยู่ ชั้นอยู่เคียงค้างคุณตลอด ไม่รู้ว่าทำไม รู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่สำคัญของตัวเองอยู่ตลอด ผ้าพันแผลเต็มตัวนี่ก็เพราะชั้นออกตามหาคุณนั่นแหละ .... ถ้าคุณเจอ Vestige อีกก็บอกให้ชั้นรู้ด้วยนะ เพราะชั้นสามารถสร้าง Blood Code จาก ผลึก Vestige ให้คุณไว้ใช้ได้ 
หลังจากคุยกับ lo แล้วกลับไปคุยกับ Louis อีกครั้ง ก่อนที่จะถูกแนะนำให้ไปนอนพักผ่อนในห้องที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ จากนั้นกลับมาคุยกับ Louis อีกครั้งจะได้ Blood Code Prometheus มาจากเขา และเข้าสู่การประชุม


Louis –  นายจำตอนที่เราได้เป็นสักขีพยายานในเรื่องของ Vestige ได้มั๊ย? ที่นี่เจ้าสิ่งนั้นมันเกิดขึ้นตลอดทุกๆวัน Silva ได้จับผู้คนไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้ไปเป็นทาสในการถูกบังคับให้ออกไปค้นหา Blood beads มาให้มัน เหล่า Revenants หลายคนก็ทนไม่ไหวจนต้องหนีออกมาเพื่อออกค้นหา Blood beads เพื่อมาดับความกระหายด้วยตัวเองตลอด



Louis –   แต่ก็นะ ในโลกนี้ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไปหรอก ต้น Bloodspring ที่เคยออกผลเป็น Blood Code ก็ค่อยๆแห้งตายไป ทำให้ Blood beads นั้นหายากมากขึ้นทุกที และด้วยคำสั่งของ Silva ที่มีให้ตามเก็บ Blood beads มาเป็นของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง  ซึ่งไม่นาน Blood beads ก็จะหมดไปแบบไม่มีเหลืออีกอย่างแน่นอน 



Louis –  โลกนี้ยังมีความจำเป็นในการต้องการ Blood beads อยู่อีกมาก เราถึงต้องลุกขึ้นมาสู้เพื่อความยุติธรรมแทนการเล่นพรรคเล่นพวกเพื่อให้ Blood beads เป็นของทุกคนอย่างเท่าเทียม นั่นแหละคือเหตุผลที่เราต้องออกเดินทางสำรวจในพื้นที่ หมอกพันธนาการ (the Gaol of mists) เพื่อค้นหาและวิจัยเพื่อเรียนรู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับ Blood beads เท่าที่จำได้ แต่ Miasma ก็เป็นอุปสรรค์สำคัญสำหรับเราเป็นอย่างมาก มันส่งผลต่อความกระหายของพวกเราจนทำให้ความก้าวหน้าในการวิจัยของเราต้องล่าช้า 



Louis –   แต่ตอนนี้เรากลับมามีความหวังอีกครั้ง ด้วยความสามารถของนายที่สามารถกำจัด Miasma ให้หมดไปได้ มันจะช่วยพวกเราได้อย่างมากๆเลยล่ะ ถ้านายต้องการจะช่วยเราอ่ะนะ ...ซึ่ง มันก็คงต้องทำให้นายถูกดึงให้เข้ามาเอี่ยวกับความขัดแย้งในครั้งนี้ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ..ถ้าให้พูดตรงๆ เราคงหมดหวังแน่ๆถ้าไม่มีนายช่วย ...นายจะช่วยพวกเรารึเปล่าล่ะ?
OXIDE – ได้สิ
Louis –   ขอบคุณมากนะ



?????? – เอ้าๆๆ ตกลงกันได้ยังเนี่ย?  เอาล่ะ งั้นนายก็เป็นหนึ่งในพวกเราแล้วสินะ ชั้นชื่อ Yakumo Shinonome  จะรอดูฝีมือนายก็แล้วกันนะ



Louis –   เอาล่ะ มาเข้าประเด็นกันต่อเลยว่า ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นตอนนี้กันแน่  ตอนนี้เรากำลังศึกษาผล Blood beads และต้นกำเนิดของมัน ต้น Bloodspring เราต้องการรู้ว่า Bloodspring มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง วัฎจักรการออกผลของมัน รวมถึง ส่วนประกอบของผล Blood beads ด้วย 



Louis –    และจากการที่ต้องออกเดินทางค้นหาข้อมูลตามที่ต่างๆทำให้เราพบกับ ท่อ ที่มีลักษณะเหมือนเส้นเลือดฝอยที่กระจายอยู่ทุกๆที่ทั่วโลก เราเรียกมันว่า Blood Vein ทำให้ง่ายต่อการค้นพบว่า ต้น Bloodspring นั้นขึ้นอยู่ที่ Blood Vein ส่วนไหน และเมื่อได้ทำการเปรียบเทียบองค์ประกอบระหว่าง Blood beads กับ Blood Vein แล้ว พบว่ามันคือสารประกอบชนิดเดียวกัน 
Yakumo – หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ต้น Bloodspring จะขึ้นตามเส้นทางของ Blood Vein เราจึงคิดว่า มันน่าจะมีที่ไหนซักแห่งในโลกนี้ที่มี ต้นทาง ที่เป็นจุดกำเนิดของ ต้น Bloodspring และผล Blood beads 



Yakumo – และตอนนี้เรามีนายที่มีความสามารถในการกำจัด miasma ได้อยู่ เราก็จะออกสำรวจไปตามเส้นทางของ Blood Vein ต่างๆได้ง่ายขึ้น ด้วยความหวังที่เปี่ยมล้นกว่าเดิม ใช่มั๊ย ..
Louis –  ที่แรกที่ชั้นอยากให้ไปตรวจสอบคือ Old City Ruin ก่อนเลย ขอโทษด้วยที่รีบร้อนไปหน่อย แต่เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อนายพร้อม 


                                            HOME BASE


                                             การ Restore Vestige



การ Restore Vestige คือการเก็บ Vestige เสริมพิเศษของ Blood Codes ชนิดต่างๆที่เก็บได้จากดันเจี้ยน (สามารถพบเห็นเป็นจุดสีแดงในพื้นที่) นำมาให้ lo แล้วเลือกเมนู  Restore Vestige เพื่อนำเอา Vestige ที่เก็บมาได้ผสมเข้ากับ Blood Codes ชนิดเดียวกันเพื่อปลดล็อก  Gifts Skill ที่มีเงื่อนไขในการปลดล็อกของ Blood Codes นั้นๆให้ปลดล็อกออกมาใช้งานได้ 


                                                 Objective Board


Objective Board คือ บอร์ดสำหรับแสดงเป้าหมายของภารกิจต่อไปว่าจะต้องไปที่ไหนต่อและเป้าหมายคืออะไร    

                                         
จากนั้นเดินทางมาที่ Ruined City Underground ตรงจุดที่เคยสู้กับ Boss Oliver Collins  จะพบกับ พ่อค้า Shang  ยืนอยู่


 เลือกเมนู Trade Valuables จะสามารถใช้ Old Materials ที่เก็บได้ระหว่างทางเอามาแลกไอเทมของขวัญ ต่างๆสำหรับเอาไปฝากเพื่อนๆใน HOME BASE เพื่อสะสมแลกไอเทมพิเศษจากพวกเขาได้



                                                   Gift guide (Valuables)

                    ของขวัญ ต่างๆที่ส่งผลในการได้ Trade Points จากการให้ตัวละครต่างๆ

1.Fragrant Tea 
Louis 3 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 5 TP
Jack Rutherford 2 TP
Eva Roux 2 TP
Io 3 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis 2 TP

2.Local Pennant
Louis 1 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 1 TP
Io 5 TP
Coco 1 TP
Rin Murasame 1 TP
Davis 1 TP

3.Flower Seeds
Louis 1 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 5 TP
Io 2 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis 2 TP

4.Antique LP Record
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 3 TP
Io 2 TP
Coco 3 TP
Rin Murasame 3 TP
Davis 5 TP

5.Custom Gun Parts
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 2 TP
Eva Roux 2 TP
Io 1 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 3 TP
Davis 2 TP

6.Protein Powder
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 2 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 2 TP
Eva Roux 1 TP
Io 1 TP
Coco 1 TP
Rin Murasame 1 TP
Davis 3 TP

7.Chocolate Garlic Flakes
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein ไม่รับ
Jack Rutherford 2 TP
Eva Roux 1 TP
Io 3 TP
Coco 5 TP
Rin Murasame 3 TP
Davis 5 TP

8.Blood Bead Candy
Louis 3 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 3 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 3 TP
Io 3 TP
Coco 3 TP
Rin Murasame 3 TP
Davis 3 TP

9.Well-worn Tool
Louis 1 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 1 TP
Io 1 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 3 TP
Davis 3 TP

10.Yellowed Book
Louis 5 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 2 TP
Io 3 TP
Coco 1 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis 3 TP

11.Boutique Sake
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 5 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 1 TP
Io 1 TP
Coco ไม่รับ
Rin Murasame 1 TP
Davis 3 TP

12.Antique Coin
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 5 TP
Eva Roux 3 TP
Io 2 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 1 TP
Davis 2 TP

13.Retro Game
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 1 TP
Io 2 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 5 TP
Davis 1 TP

14.Powerful Spices
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 2 TP
Eva Roux 1 TP
Io 1 TP
Coco 5 TP
Rin Murasame 1 TP
Davis 2 TP

15.Bottled Jam
Louis 3 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 3 TP
Jack Rutherford 2 TP
Eva Roux 2 TP
Io 2 TP
Coco 3 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis ไม่รับ

16.Stuffed Toy
Louis 1 TP
Yakumo Shinonome 1 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 2 TP
Io ไม่รับ
Coco 2 TP
Rin Murasame 3 TP
Davis 1TP

17.Pungent Cheese
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 2 TP
Io 1 TP
Coco 1 TP
Rin Murasame ไม่รับ
Davis 3 TP

18.Aged Brandy
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 1 TP
Io 2 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis 1 TP

19.Board Game
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 1 TP
Io 2 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 5 TP
Davis 1 TP

20.Chocolate
Louis 3 TP
Yakumo Shinonome 1TP
Mia Karnstein 3 TP
Jack Rutherford 2 TP
Eva Roux 3 TP
Io 2 TP
Coco 3 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis ไม่รับ

21.Fancy Cologne
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 2 TP
Mia Karnstein 3 TP
Jack Rutherford ไม่รับ
Eva Roux 3 TP
Io 3 TP
Coco 3 TP
Rin Murasame 3 TP
Davis 2 TP

22.Classic Camera
Louis 1 TP
Yakumo Shinonome 2 TP
Mia Karnstein 1 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 2 TP
Io 2 TP
Coco 1 TP
Rin Murasame 1 TP
Davis 5 TP

23.35mm Reel
Louis 2 TP
Yakumo Shinonome 3 TP
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 3 TP
Eva Roux 2 TP
Io 3 TP
Coco 2 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis 2 TP

24.Undamaged Paint Set
Louis 1 TP
Yakumo Shinonome ไมรับ
Mia Karnstein 2 TP
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 3 TP
Io 2 TP
Coco 1TP
Rin Murasame 2 TP
Davis 1 TP

25.Spotless Instrument
Louis 3 TP
Yakumo Shinonome 2 TP
Mia Karnstein ไม่รับ
Jack Rutherford 1 TP
Eva Roux 3 TP
Io 2 TP
Coco 1 TP
Rin Murasame 2 TP
Davis 1 TP

SOURCE
https://codevein.wiki.fextralife.com/Shang
https://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=1873730411

หลังจากพูดคุยกับ พ่อค้า Shang จบจะได้แผนที่มา เมื่อเอาไปให้กับ Davis ที่ Home Base ก็จะสามารถปลดล็อกดันเจี้ยนพิเศษ Den of Darkness ออกในรายชื่อ Depths ในเมนู ของ Davis สำหรับเพื่อไว้ลุยเข้าไปเก็บเลเวลและไอเทมต่างๆที่นอกเหนือจากดันเจี้ยนในเนื้อเรื่องได้

เมื่อทำธุระกับ พ่อค้า Shang เสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินทางออกจาก Ruined City Underground ทางขวาล่างของแผนที่เพื่อมายังพื้นที่ Ruined City Center ได้เลย


                AREA E-13 :  Ruined City Center




Yakumo – เฮ้ย เกินความคาดหมายเลยวะ
Louis – นั่นที่ทำให้เราตัดสินว่าคุณมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของเราอย่างแน่นอนที่สุด ยังมีต้น Bloodsprings อีกมากอยู่ข้างหน้า แต่ก็มีหมอกพิษ miasma คอยปิดกันเส้นทางเอาไว้เหมือนกัน นายคิดว่าจะสามารถเคลียร์เส้นทางเพื่อให้เราเดินทางต่อได้รึเปล่าล่ะ? 
OXIDE – อืมม 
Louis – ขอบคุณมาก ...เรารู้ตำแหน่งของ Bloodsprings 2 ต้นที่อยู่ในพื้นที่นี้ว่าอยู่ที่ไหน ต้องขอบคุณบันทึกการสำรวจที่เราเคยทำไว้ในอดีต เอาล่ะ ไปตามหามันกัน .. และแน่นอนว่าข้างหน้านั่นมันต้องเต็มไปด้วย LOST มากมายเช่นกัน ระวังตัวด้วยล่ะ


จากนั้นลุยเดินทางเข้าไปด้านในจนถึงอต้น Mistle จุดที่ซากอาคารที่จอดรถตรงกลางพื้นที่จะพบกับรอยเลือดของมนุษย์ที่พื้นจนทำให้ทุกคนต้องหยุดเพื่อสำรวจดู


Yakumo – โย่ Louis นายได้กินนั่นมั๊ยวะ ?
Louis – ได้กลิ่นสิ ..... นั่นมัน เลือดของมนุษย์  ....หนีมางั้นหรอ?
Self important Revenant – นังนั่นมันวิ่งหนีไปไหนแล้วว่ะเนี่ย? ....เฮ้ย พวกแกมาทำอะไรที่นี่วะ !??
Louis – ไม่ใช่เรื่องของแกวะ 



Self important Revenant – อ๋อหรอ? งั้นไหนบอกข้าหน่อยสิ อย่างพวกแกนะมันชอบรสหวานๆของเลือดมนุษย์ไม่ใช่หรอวะห๊ะ !? เด็กสาวนั่นเป็นของพวกข้านะโว้ย เอากงเล็บของพวกแกไปห่างทรัพย์สินของพวกเขาเลยนะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว เข้าใจนะ ?



Yakumo – เลือดสดๆที่มันทรงพลังจริงๆแฮะ อดใจไหวนะนายอ่ะ? ... แล้วเราเอาไงต่อดี เรารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเราจนเห็นมันพยายามจะตามหามนุษย์ที่หายไปนี่แหละ 
Louis – นายรู้ดีอยู่แล้วว่าแผนเป็นยังไง 
Yakumo – เออดิ .. ก็หวังว่านางคงไม่ถูกกินไปก่อนอ่ะนะ 


ลงบันไดข้างตึกไปแล้วเดินทางต่อจนถึงส่วนกลางของพื้นที่ ตรงนี้จะมีทางแยกไปที่ส่วนของเนื้อเรื่องได้ทั้งสองทางระหว่าง


       Source Map By https://www.steamah.com/code-vein-all-maps-guide/#Dried-up_Trenches

ทางเหนือจะเป็นทางติดตามหญิงสาวที่กำลังพวก Revenant ไล่ล่า กับทางใต้ที่จะไปยัง Howling Pit เส้นทางไปยังจุดตามหา Bloodsprings อีกต้นในอีกเหตุการณ์ ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าต้องการเล่นส่วนของเหตุการณ์ไหนก่อนก็ได้ ..แต่ทางที่ดี ขึ้นเหนือเพื่อไปติดตามหญิงสาวที่ถูกไล่ล่าก่อนจะเหมาะสมที่สุด


เดินทางขึ้นเหนือไปตามทางจนถึงลานกว้างด้านบนสุดจะพบกับ Boss Butterfly of Delirium เข้าไปจัดการมันซะก็จะพบเจ้า Revenant ที่กำลังตามล่ามนุษย์นอนสลบอยู่ที่นี่


Yakumo – เฮ้ย !! ตื่นจากบรรทมได้แล้ว !! 
Self important Revenant – ห๊ะ พวกแก ชั้นจำได้แล้ว ... ตอบชั้นมาพวกแกเอานังผู้หญิงนั่นไปซ่อนไว้ไหน ?? พวกแกจะตามหาเธอไปทำไมกันวะ?
Louis – พวกเราจะดูแลเธอเอง 
Self important Revenant – แต่นังผู้หญิงมนุษย์นั่นมันเป็นของพวกเรา เราจะเอามากลับ
Yakumo – เห็นปืนนี่มั๊ยวะ?
Louis – มนุษย์คนนั้นไม่ได้เป็นของพวกแกหรือของใคร พวกเขาก็มีสิทธิ์ใช้ชีวิตที่นี่เหมือนกับพวกเรา ! 
Self important Revenant – อย่ามาโลกสวยหน่อยเลยวะ พวกมันไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้นแหละ!
แล้วที่เราต้องกินพวกมันก็เพื่อความอยู่รอดของเราเหมือนกันไม่ใช่หรอ?? ทำไมพวกแกไม่ไปดูที่แค้มป์ของเราล่ะว่าพวกเราต้องอดตายไปกี่คนแล้วในการปกครองของ ราชินี น่ะ พวกเราต้องดิ้นรนด้วยความหิวโหย ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวกับพวก LOST เพราะอะไร??? ก็เพราะไอ้พวกมนุษย์บ้านั่นแหละ !! และถ้าเลือดของพวกมันจะชดใช้ได้ มันก็น่าจะสาสมแล้ว 
Yakumo – แต่นั่น ก็ไม่ได้แปลว่าพวกแกจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้นี่หว่า ??
Self important Revenant – แล้วสิทธิ์ของ Revenant แบบพวกเราล่ะ เราก็ไม่ได้เลือกที่จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน 





Louis – เอาไป ... นั่นน่าจะพออยู่ได้ซักเดือนนึงมั้ง หรืออาจจะกว่า 
Yakumo – โว้ๆๆๆ นายให้มันไปทำไมวะ?
Louis – และหวังว่าแกกับชั้นจะไม่บังเอิญมาเจอกันอีก เพราะคราวหน้าจะไม่มีการเตือนแล้วนะ 
Self important Revenant – ไม่จริง ... นั่น นั่นมันดาบ Crimson Sword หรอ? ข้าไปก็ได้ ...
Yakumo – นายเพิ่งแบ่งส่วนที่เราเพิ่งหามาเมื่อกี้ไปให้มันหมดเลย นี่เราต้องหามันเพิ่มอีกรอบใช่มั๊ย ห๊ะ?
Louis – ชั้นสาบานว่า ความทุกข์ของเหล่า Revenant จะต้องจบลงเร็วๆนี้แน่นอน ...


จากนั้นเดินทางต่อจากลานกว้างเข้าไปยังถ้ำด้านทางออกทางทิศเหนือก็จะพบ ต้น Bloodsprings อยู่ด้านใน



Louis – โอเค เราสามารถเริ่มติดตามการไหลของ Blood Beads ได้จากที่นี่แหละ ..แปบนึง ขอทำอะไรหน่อยก่อนนะ เดี๋ยวค่อยลุยต่อ 




Louis – เอาล่ะ ปลายทางที่เราต้องไปต่ออยู่ทางนั้น ลิฟต์นี่น่าจะพาลงไปต่อได้ 
Yakumo – เสร็จเรื่องแล้วใช่ป่ะพวกเรา ..... ชั้นรู้ว่าเธอซ่อนอยู่ตรงนั้น ออกมาซะ !



มนุษย์ผู้หญิง – ถอยไปนะ !! ชั้นก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตของชั้นนะ ชั้นจะไม่ยอมเชื่อฟังพวกแกอีกแล้ว!
Yakumo – ก็ได้ แต่เอามีดลงได้แล้วน่า 
มนุษย์ผู้หญิง – ชั้นเบื่อและเหนื่อยมากที่ต้องถูกพวก Revenant ที่ผ่านมาเจอดูดเลือดเป็นอาหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วนะ ชั้นไม่ใช่สัตว์นะ !!



Louis – ใช่ เธอพูดถูก พวกเราถึงอยากช่วยไง  ..ผมรู้ว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะมีใครซักคนที่เป็นคนของรัฐบาลมาช่วยพาคุณไปในปลอดภัย แต่ตอนนี้แม้คุณจะกำลังอยู่ในโลกที่แสนน่ากลัวนี่ แต่เราก็สามารถดูแลคุณให้ปลอดภัยได้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตด้วยการหวาดกลัว Revenant อีกแล้ว ยกเว้นคุณจะอยากบริจาคเลือดให้เราเอง 
มนุษย์ผู้หญิง – มันเป็นกลลวงของพวกแก ชั้นไม่ตกหลุมพรางเชื่อแกง่ายๆหรอก !
Louis – ทุกอย่างที่คุณอยากรู้อยู่ในกระดาษแผ่นนี้นะ คุณเลือกที่จะใช้ชีวิตของคุณได้เลย 



มนุษย์ผู้หญิง – ทะ ทำไมถึงช่วยชั้นล่ะ?
Louis – เพราะผมคิดว่าการสังเวยควรจะต้องจบลงได้แล้ว ก็แค่นั้นแหละ ...เอาล่ะ พวกเรา รีบไปต่อกันเถอะ! 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


                                                 HOME BASE

                   
                                                    Restore Vestige

                Vestige ที่เก็บได้จาก Ruined City Center ที่สามารถนำมาผสมซ่อมแซมได้

                                             HUNTER Vestige Part B 
                                             HUNTER Vestige Part C
                                            Prometheus Vestige Part C
                                            Prometheus Vestige Part D



                                                      HUNTER Vestige Part B 


                                                HUNTER Vestige II

[ เมื่อนำเอา HUNTER Vestige Part B มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Kevin เจ้าของ HUNTER Vestige นี้ได้ ]     


                                                     Kevin Memories # 1 



Kevin – Louis ทำไมพี่ถึงเก็บเอาผล Blood beads มาให้กับเด็กอย่างผมล่ะ
Louis – ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายหรอก แต่ถ้าพี่ให้ Blood beads เธอไปอันนึงแล้วสัญญานะว่าเธอต้องรอดชีวิตจนกว่าจะเจอพี่อีกครั้ง 
Kevin – แต่นั่นมัน ...พี่อย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อผมเลยครับ
Louis – เธอไม่ต้องมากังวลเรื่องของพี่หรอกน่า จริงๆนะ พยายามทำให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยเข้าไว้แล้วจะดีเอง
Kevin – พี่ Louis .... 


                                                      Kevin Memories # 2


Kevin – พี่ Louis ให้ Blood beads กับชั้นมา นั่นมันจะทำให้ชั้นรอดชีวิตจากพวก revenants ชั่วๆที่ต้องเจอระหว่างทาง และทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะตายหรือกลายเป็น LOST ด้วย ชั้นมี Blood beads และนั่นหมายถึงชั้นมีความสงบสุขเป็นของตัวเองแล้ว ...มันเป็นของชั้นทั้งหมดเลย ..แต่ มันจะโอเคแล้วจริงๆหรอ? 



                                                      Kevin Memories # 3

Kevin – คุณเองก็คงมีผลกระทบเกี่ยวกับความขาดแคลนเหมือนกันสินะ ..เอ้านี่ รับไปสิ มันเป็นของคุณแล้ว ไม่ต้องห่วงผมหรอกนะ การเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวมันน่าเบื่อจะตายไป และอีกอย่าง เราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อความอยู่รอด จริงมั๊ยล่ะ ? นั่นแหละคือสิ่งที่คนเขาทำกัน 


                                                      Kevin Memories # 4 


Crude Revenant – แกนี่เอง เจ้าเด็กบ้าที่เที่ยวเอาผล Blood Beads ไปแจกเขาไปทั่ว ใช่มั๊ย? 
Kevin – มั้ง ... แล้วถ้าเป็นชั้นแล้วจะทำไมหรอ?
Crude Revenant – ก็ถ้าแกมี Blood Beads เยอะจนต้องไปแจกเขาไปทั่วก็เอามาแบ่งให้พวกข้าบ้างไม่ได้หรอ?  เราเองก็มีเด็กของเราคนนึงกำลังเจ็บปวดทรมานด้วยความกระหายจนจะกลายเป็น LOST อยู่แล้ว 
Kevin – ชั้นไม่ได้มีมากมายขนาดนั้นหรอก แต่ถึงมีเยอะชั้นก็คงไม่มีวันให้คนชั่วอย่างพวกแกแม้แต่อันเดียว
Crude Revenant – แกมันไอ้เด็กงี่เง่า ชั้นว่า เดี๋ยวพวกเราใช้กำลังชิงมันมาจากแกเองก็ได้โว๊ย !! 


Louis – นั่น Kevin ... Revenant เด็ก คนนึงที่ผมเคยเจอระหว่างการเดินทาง และในท้ายที่สุด ชั้นเองก็เป็นคนนำความตายมาสู่เขา .. คนเป็นคนนึงที่ผมไม่เคยลืมเลย แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า ชั้นปล่อยให้บางสิ่งที่สำคัญแบบนั้นหลุดลอยไปได้  โทษทีนะ คือผมไม่ได้กะจะกวนประสาทพวกคุณหรอก แต่ มันยังมีความทรงจำของผมอีกมากที่กระจัดกระจายให้ไป ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะเก็บมันกลับคืนมาให้หมด ถึงแม้ผมอาจจะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอีกมากมายที่เคยหลงลืมไปแล้ว แต่ ผมก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอดีตของผมแล้ว ...และการที่เขาเอา Blood Beads ที่ผมให้ไปแบ่งให้กับ Revenant คนอื่นๆ นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาทำเรื่องโง่ๆนะ แต่เขารู้แล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาทำแบบนั้นลงไปต่างหาก 




                                              HUNTER Vestige III


[ เมื่อนำเอา HUNTER Vestige Part C มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Kevin ที่มีร่วมกับ Coco ได้ ]   

                                                Kevin & Coco Memories # 1 



Kevin – เฮ้ แก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว เอา Blood beads ของแกมาให้ชั้นให้หมดซะ !!
Coco – มองหน้าชั้นซิ ถ้าชั้นต้องเจอเด็กขู่จนต้องกลัวนี่คงจะไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเลยนะเนี่ย 
Kevin – ชั้นไม่ใช้เด็กนะ เอาล่ะ ยกมือขึ้นได้แล้วคุณผู้หญิง !!!

                                               Kevin & Coco Memories # 2




Kevin – โอ๊ยย มันเจ็บนะ !! 
Coco – ชั้นบอกว่าไง? นายมันก็แค่เด็กน้อย แต่ชั้นก็นับถือความกล้าหาญของนายมากนะ 
Kevin – เออ อยากจะทำให้อะไรก็เชิญ ถ้าไม่ได้ Blood beads กลับไปยังไงชั้นก็ต้องตายอยู่ดีนั่นแหละ
Coco – ทำไมล่ะ มีใครบางคนบังคับให้นายหา Blood beads มาให้เขางั้นหรอ?
Kevin – ทำไม คุณอยากจะให้ทานกับคนเลวงั้นหรอ?
Coco – ชั้นไม่ให้อะไรนายทั้งนั้นแหละ นายต้องหาทางเอาตัวรอดในโลกนี้ด้วยตัวเอง แต่ชั้นพอจะให้งานนายทำได้ พอดีชั้นต้องการคนที่จะมาสำรวจและระบุตำแหน่งสถานที่ต่างๆลงในแผนที่ให้หน่อย คิดว่าพอจะทำได้มั๊ยล่ะ?



                                               Kevin & Coco Memories # 3

Kevin – แผนที่บอกว่า Bloodspring อยู่แถวๆนี้ ตอนแรกเกือบมองไม่เห็น ช่างซ่อนเก่งเหลือเกินนะ คงเพราะชั้นไม่เคยค้นหามันด้วยตัวเองมาก่อนล่ะมั้ง เธอส่งให้มาเอา Blood bead ด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ตามมาดูเลย เธอไม่กลัวว่าชั้นจะหุบมันเอาไว้คนเดียวทั้งหมดทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็รู้ทั้งรู้ว่าชั้นเป็นใครก็ยังให้ขอเสนอแบบนี้อีกเนี่ยนะ?  สงสัยว่าชั้นคงต้องลองกลับไปเจอเธออีกครั้งแล้วล่ะ 



Coco – โว้ๆๆๆ อะไรกันเนี่ย? จะมาเล่าประสบการณ์การเดินทางไปยังความทรงจำคนอื่นเนี่ยนะ .. หยุดเลย ..ตอนนั้น ชั้นทำในสิ่งที่ชั้นอยากจะทำก็แค่นั้น  Revenants ส่วนใหญ่จะสูญเสียแค่ความทรงจำหลักๆของพวกเขาไป  ชั้นว่าชั้นคงมีบางอย่างที่ประหลาดกว่าคนอื่นมั้ง เพราะชั้นสูญเสียความทรงจำไปแทบทั้งหมด แล้วจู่ก็ได้ความทรงจำที่อยากจะลืมกลับมาซะงั้น แหม่ ช่างโชคดีจริงชั้น ว่ามั๊ยล่ะ ..ดูเหมือนนายจะมีความสามารถจะนำความทรงจำของผู้คนกลับคืนมาสินะ ถ้าเกิดพวกนายเจออะไรที่มันเกี่ยวข้องกับชั้นอีก จะให้ชัวร์ก็มาบอกให้ชั้นรู้ก่อน โอเค๊?  แต่ มีหลายอย่างข้างนอกนั่นที่ชั้นลืมไปแล้ว ซึ่งบางครั้งชั้นก็อยากเห็นความทรงจำพวกนั้นเหมือนกันนะ ..แล้วในที่สุดเด็กนั่นเจอ Blood bead ใช่มั๊ย? 
OXIDE – ทำไมล่ะ คุณตั้งใจว่าจะให้เขาทั้งหมดเลยใช่มั๊ยล่ะ
Coco – ก็อาจจะให้หรือบางทีก็อาจไม่เห็นก็ได้ ..



                           Prometheus Vestige III 

[เมื่อนำเอา Prometheus Vestige Part C และ Prometheus Vestige Part D มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Louis ได้]        



                                                      Louis Memories # 1

Louis – Kevin เขาก็แค่เด็กที่ถูกกดขี่โดยกลุ่ม Revenants ที่ชั่วร้ายเท่านั้นเอง ปกติชั้นก็แวะมาเอา Blood beads ให้เขาเป็นประจำอยู่แล้ว 




                                                     Louis Memories # 2

Louis – แต่พอมาวันนึง อะไรๆก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ชั้นแวะไปหาเขาที่ที่พัก ปรากฏว่าไม่เจอเขาอีกเลยแถมที่พังก็ถูกทำลายจนหมดด้วย ผมรู้เรื่องทุกอย่างของ Kevin จากคนที่บอกว่ารู้จักเขาบอกว่า ไม่กี่วันก่อนนหน้านี้มีพวก Revenants ที่ชั่วร้ายเข้ามาทำร้ายเขาจนตาย สาเหตุก็เพราะพยายามจะแย่งชิง Blood beads ที่ชั้นเคยให้เขาไป



Louis – ชั้นคิดว่าการที่ให้ Blood beads เขาไปคือการช่วยชีวิตเขา ชั้นพลาดไปที่ไม่ได้สอนกฎการอยู่รอดที่แท้จริงให้เขา จนท้ายที่สุด เขาก็ถูกฆ่าตาย หรืออีกนัยนึง ชั้นนี่แหละเป็นคนฆ่าเขา และชั้นก็ได้ยินมาว่าหนึ่งใน Revenants ที่ชิง  Blood beads ไปจากเขาก็ต้องกลายเป็น LOST หลังจากนั้นไม่นาน ..ซึ่งชั้นจะไม่มีวันให้ตัวเองลืมเรื่องนี้อีกครั้งแน่นอน  

            


                        BLOOD CODE ที่ได้เพิ่มเติมมาใหม่





                                        Blood Code: HUNTER

              (ได้เป็นรางวัลจากการเคลียร์จุด Trial of Blood ใน Ruined City Center)

                                                     เจ้าของ - Kevin

                                                   Hunter Gifts

Ranged Impact เพิ่มพลังการโจมตีของการอาวุธประเภทยิงชั่วคราว
Active IFF ทำให้ศัตรูที่อยู่ในระยะใกล้เคียงปรากฏขึ้นบนเรดาร์
Binding Mark Dark ทำให้อาวุธที่ใช้มีผลของ เอฟเฟกต์ SLOW ชั่วคราว
Flame Spike Dark ท่าโจมตีด้วยการยิงกระสุนเพลิงใส่เป้าหมาย
Ichor Strikes ลดการสูญเสียค่า Ichor ในขณะที่กำลังโจมตีด้วยโหมด โฟกัส
Dexterity Up เพิ่มความคล่องแคล่วให้มากขึ้น
Blood Sacrifice เปลี่ยนค่า HP ให้เป็นค่า  Ichor
Hunting Feast เพิ่มอัตราของ drain rating ชั่วคราว

     
         
                                             Blood Code: Mercury 

    (ได้จาก Coco หลังจากคุยกับเธอที่ Home Base ตอนกลับมาจาก Ruined City Center)

                                                    เจ้าของ – Coco 

                                                 
                                                  Gift Mercury

Sprinter – ลดการสูญเสียค่า Stemina ในการแดชน้อยลง
Venom Resistance – เพิ่มความต้านทานการติดพิษ
Venom Removal – ปกป้องการติดพิษชั่วคราว
Raijin's Veil - ใช้บาเรียที่เพิ่มพลังป้องกันธาตุสายฟ้า
Lightning Weapon – เพิ่มความเสียหายในการโจมตีด้วยธาตุสายฟ้ากับอาวุธ
Vivification - พากลับไปที่จุดเซฟล่าสุดโดยไม่ต้องเสียเงิน
Slow Resistance – เพิ่มความต้านทานการติดสถานะ SLOW
Slow Removal – แก้อาการติดสถานะ SLOW
Revenants Hunger – ทำให้เพิ่มจำนวนเงินที่ได้จากการกำจัดศัตรูมากขึ้น
Maintained Focus – ทำให้เกจโฟกัสลดช้าลงในขณะที่ใช้โหมดโฟกัส


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------



กลับมาที่ Ruined City Center ทางจุดเซฟในลาดกว้างที่เคยสู้กับ Boss Butterfly of Delirium อีกครั้งแล้วตรงเข้าถ้ำด้านบนไปตรงจุดที่เคยช่วยมนุษย์ผู้หญิง จะพบลิฟต์ที่ใช้ลงไปด้านล่างที่เขตพื้นที่ Dried-up Trenches ต่อได้


                             AREA E-13: Dried-up Trenches 


Louis –  ที่นี่ก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแทบไม่เหลือซากเหมือนกัน 
Yakomo – ใช่ ดูเหมือนอะไรๆก็เปลี่ยนไปหมดตั้งแต่เกิดมหาวิบัติครั้งใหญ่นั่นแล้วล่ะ สิ่งเดียวที่ยังเหมือนเดิมอยู่ก็คงเป็นตัวตนของพวกเรานี่แหละ ... มาเถอะ เราไมได้มาที่นี่เพื่อรำลึกนะ 
Louis –   มันเป็นความผิดของชั้นเองแหละ ...
Yakomo – ห๊ะ นายว่าอะไรนะ Louis?



                          Louis –   เปล่านี่ ..... นี่มัน ... นี่มันของๆชั้นจริงหรอเนี่ย? 



                                            OXIDE – อ๊ากกกกกกก !!!!


                                          Louis Memories # 1



นักวิจัย – เอาไง Louis ..การเรียนการสอนของวันนี้จบแล้วหรอ? 
Louis –  Cruz ตื่นรึยัง ?
นักวิจัย – แน่นอนเธอตื่นแล้ว อันที่จริงวันนี้เธออารมณ์ดีมากๆด้วยนะ ไปสิเข้าไปหาเธอซะ เอ้านี่บัตรผ่านของนาย 
Louis –   ขอบใจมาก 



Cruz – ฮ่าๆๆๆ แล้วไงต่อ? ศาสดาจารย์ท่านพูดว่ายังไงอีก?
Louis –   เขาบอก หนทางการรักษายังคงคลุมเครืออยู่ 
Cruz – ถึงกับบ่นครวญครางอีกคนและ ฮ่าๆๆๆ
Louis – ก็หวังว่าการทดลองนี่มันจะจบลงซะที .. ว่าแต่ เธอเป็นไงบ้างล่ะ?
Cruz – ชั้นสบายดี ก็อาจมีทรุดลงนิดหน่อย แต่ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า น้องสาวคุณดูแลชั้นดีมาก แล้วยังมีคุณและคนอื่นๆที่มาช่วยดูชั้นอีก ชั้นโอเคอยู่แล้ว พอเถอะ ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ชั้นอยากฟังเรื่องที่โรงเรียนที่คุณเล่าให้ฟังต่อน่ะ 



นักวิจัย – โอ้ นายมาอีกแล้ว โรงเรียนเลิกแล้วหรอ? 
Louis –  ใช่ ศาสดาจารย์ท่านขอตัวไปทำงานวิจัยที่ค้างอยู่น่ะ ..แล้ว Cruz เป็นไงบ้างล่ะ?
นักวิจัย – ตอนนี้เรากำลังพยายามอยากหนักในการจัดการกับสิ่งที่ทำให้เกิดการต่อต้านอยู่ ปกติแล้วจะไม่อณุญาติให้ใครเข้าเยี่ยมเธอหรอก แต่สำหรับนาย เข้าไปหาเธอได้แต่อย่านานนะ
Louis –  ขอบคุณในน้ำใจคุณมากนะครับ 



Louis –  เป็นไงบ้าง เจ็บหรอ? 
Cruz – อืมม ..... ทำไม ...?
Louis –  ห๊ะ?
Cruz – ทำไมต้องเป็นชั้นด้วย ? ...อึก .....
Louis –  Cruz เป็นอะไรรึเปล่า ??
Cruz – ชั้นจะสู้ ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก ...คุณอยู่กับชั้นนะ 



                             Cruz – ได้โปรด !! ..... ได้โปรด ... Louis ...ชั้น ชั้นเสียใจ .. 
                                        Louis –  Cruz !! ผม ..ผมทำไม่ได้ !
                              Cruz – Louis หยุดชั้นที ได้โปรด .... ได้โปรด !!
                                        Louis –  ผมทำไม่ได้ ! 



                                            Louis –  นี่ชั้นทำอะไรลงไป !!!? 



                                       Karen – หนีไป Louis !!  เอาตัวรอดก่อน !!
                             Louis –  มันเป็นความผิดของพี่เอง .....ทำไมชั้นถึงไม่ ....



Louis –  นั่นคือเรื่องจริง ความทรงจำที่แท้จริงของชั้นเมื่อในอดีต จากที่ Queen .... จากความบ้าคลั่งของ Cruz 
Yakumo – ชั้นก็ไม่แน่ใจนะว่ามันเกิดอะไรหลังจากนั้น เท่าที่รู้คือ พอรู้ตัวอีกครั้งชั้นก็กลายเป็น Revenant แล้ว 


Louis –  ไม่มีใครอยากจะเกิดใหม่มาในสภาพแบบนั้นหรอก ชั้นควรจะหยุด Cruz ก่อนที่เธอจะกลายร่าง ผู้คนมากมายต้องตาย รวมถึงน้องสาวของชั้นด้วย ชั้นอยากจะลืมความอ่อนแอของชั้นซะที ...แต่ถ้าเราสามารถหาแหล่งที่มาของ Blood beads ที่ทำให้เราสามารถใช้งานมันได้ตลอด เหล่า Revenant ก็จะสามารถกินมันได้ทุกครั้งที่กระหายเลือด กฎการเก็บภาษีของ Silva ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีอีกต่อไป มนุษย์และ Revenant ก็จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข 
Yakumo – ชั้นเองก็ต้องทำเพื่อรับผิดชอบกับสิ่งที่เคยทำในอดีต ชั้นคิดว่าอย่างน้อยที่สุดชั้นก็ควรลงมือทำมันซะที เอาล่ะ เลิกพล่ามกันได้แล้ว รีบไปทำมันให้สำเร็จกันเถอะ และไม่ว่าเรากำลังอยู่ในฝันร้ายหรืออะไรก็ตาม ถ้ามัวมองแต่ข้างหลังเราก็ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนอนาคตได้หรอก  .......  
** ได้รับ Prometheus Vestige I ** 



เส้นทางของ Dried-up Trenches นั้นค่อนข้างซับซ้อน การเดินทางสามารถไปได้หลายทางที่ต้องเดินทางสลับไปมาระหว่างชั้นบนและชั้นล่างของพื้นที่ จนถึงห้องลานกว้างที่ห้องบอสด้านในสุด


                                               Boss -  Insatiable Despot


เมื่อจัดการบอสลงได้แล้ว ด้านในจะพบกับต้น Bloodspring อีกต้นที่ตามหา ทันทีที่ OXIDE ทำให้มันเจริญงอกงามขึ้นมาอีกครั้ง Louis ก็จะเข้าไปเก็บ Blood beads แล้วเริ่มตรวจสอบหาเบาะแสของต้นต่อไปในทันที


Yakumo – เอาล่ะ เบาะแสชี้ทางให้เราไปทางไหนต่อหรอ?  ....ทำไม เกิดอะไรขึ้น?
Louis –   Bloodvein ของที่นี่ชี้ทางให้เราไปที่ Old city Ruin น่ะสิ
Yakumo – ห๊ะ? เดี๋ยวนะ ทำไมมันถึงให้เราไปที่ Old city Ruin อีกล่ะ?



                                       Louis –   เสียงร้องเพลงงั้นหรอ ....?
                                      Yakumo – ดูนั่นดิ ! อะไรวะนะ !?




Louis –   นั่นมัน ..!
Yakumo – ไอ้หมอนั่น ...!! .. แล้วผู้หญิงนั่นใคร เป็นพวกของมันหรอ??
Yakumo – ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงอ่ะนะ แต่เรารีบไปช่วยผู้หญิงคนนั่นก่อนดีกว่า 




                                    Yakumo – อ้าวว หายกันไปไหนหมดวะเนี่ย?
                                         Louis –   เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

                                             ** ได้รับ Blood Code: Darkseeker  **


                                        Blood Code: Darkseeker  

                                                          GIFTS

Venom Trap – สร้างวงเวทย์กับดักพิษรอบตัวโจมตีศัตรูที่เข้ามาในรัศมี
Fall Damage Reduction – ลดความเสียหายจากการตกจากที่สูง
Venomous Shot – ยิงพิษใส่ศัตรู
Venom Buff – เมื่อใช้ท่า Focus จะทำให้ศัตรูติดพิษด้วย
Sanguine Roar – สร้างกลุ่มกระสุนเลือดโจมตศัตรู
Blood-draining Venom- ได้รับค่า ichor เมื่อศัตรูได้รับบาดเจ็บจากพิษ


**************************************************************************

ส่วนกลางของพื้นที่ Dried-up Trenches ตรงที่มีศัตรูยืนยิงอยู่บนเนิน เดินเลาะไปทางฝั่งซ้ายทิ้งตัวลงมาที่ทางเดินด้านล่างจะพบทางเดินไปยังจุดเซฟและบันไดขึ้นไปยังเนินด้านบนได้


บนนั้นจะมีคียไอเทมให้เก็บเพื่อใช้ปลดล็อก Depths Town of Sacrifice กับ David ที่ Home Base ได้


 ในดันเจี้ยน Town of Sacrifice นั้นมีไอเทม  Hermes Vestige Part B ให้เก็บ ซึ่งมันสามารถนำมา Restore Hermes Vestige II เพื่อซึมซับเอาความทรงจำของ David ออกมาดูได้


                                                 
                                                      Hermes Vestige II
 
                                       
[เมื่อนำเอา Hermes Vestige Part B มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ David ได้]        


                                              David Memories # 1



Naomi – คู่หมั้นของคุณ .. ไม่ใช่คนที่คุณจะหาเจอได้ง่ายๆหรอกนะ 
Davis – ขอโทษด้วยนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะลากคุณมาเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
Naomi – อย่าโทษตัวเองเลยน่า ตอนนี้ราชินีก็จากไปแล้ว ยังไงเราก็ต้องเดินทางสำรวจดันเจี้ยนนี้ต่อ สิ่งที่เราทำได้คือต้องเบิกตาให้กว้างและอย่าประมาทเด็ดขาด 
เพื่อนของ Davis – ใช่แล้ว แต่เราต้องหาแบบจริงๆจังๆทุกซอกทุกมุมให้หมด และถ้าเราไม่พบเบาะแสของเธอจริงๆ ในตอนนั้น เราค่อยคิดว่าเธอน่าจะ ...
Naomi – ไม่หรอก ..เราจะไม่โชคร้ายขนาดนั้น 



Naomi – ชั้นตรวจสอบทุกคนที่อยู่ในที่พักนั่นแล้ว แต่ไม่มีใครที่มีลักษณะตรงกับที่คุณบอกเลย 
Davis – ขอบคุณนะที่คุณอุตสาห์พยายามหาเพื่อผม ผมคิดว่า บางทีอาจถึงเวลาที่ผมจะยอมรับความจริงแล้วเดินหน้าต่อไปได้แล้ว 
Naomi – ฟังนะ David ถ้าคุณคิดว่าคุณต้องการจะทำแบบนั้นจริงๆ ถ้าคุณต้องการจะเดินหน้าต่อจริงๆ ชั้นก็พร้อมที่จะเดินเคียงข้างคุณเสมอนะ 
Davis –  นาโอมิ .. ผม เอ่อ ผมไม่แน่ใจ ผมอาจยังไม่พร้อม ..
Naomi – ก็ได้ ถ้างั้น ก็ถือว่าชั้นวุ่นวายเองก็แล้วกัน ขอโทษด้วยแล้วกันแล้วก็ลืมที่ชั้นพูดไปเมื่อกี้ซะ 



Naomi – โทษทีนะ แต่วันนี้ชั้นมีงานอื่นที่ต้องทำน่ะ มีหน่วยลาดตระเวนเข้ามาเรื่องการค้นพบ Blood beads ชั้นเลยจะออกไปสำรวจดูซะหน่อย
เพื่อนของ Davis – ยังไงก็ระวังหน้าระวังหลังด้วยล่ะ เข้าใจมั๊ย? ผู้คนเดี๋ยวยอมทำได้ทุกอย่างถ้าเกิดกระหายเลือดขึ้นมา
Davis –  ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก แค่ปลอดภัยกลับมาก็พอ โอเคนะ?
Naomi – เข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วยล่ะ 



Davis –  นั่นคือหนึ่งในความทรงจำของชั้นนี่ ใช่มั๊ย? นายไปเจอมันที่ไหน?
OXIDE – ในดันเจี้ยน 
Davis –   งั้นหรอ ..ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชั้นเคยลงไปที่นั่น คิดว่ามันน่าจะเป็นที่สุดท้ายที่พวกนายจะเลือกไปซะอีก ความทรงจำมากมายของชั้นหายไป เรื่องราวก่อนที่จะเป็น Revenant เกือบทุกเรื่องในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ไม่มีเหลือ แม้แต่ชื่อชั้น จริงๆก็ไม่ใช่ David พวกเขาตั้งให้หลังจากเป็น Revenant แล้ว ตอนที่ตื่นขึ้นมาใหม่ๆสมบัติติดตัวสิ่งเดียวที่มีก็คือ รูปของผู้หญิงคนนึง ที่ชั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร 
OXIDE – ถ้ามีโอกาสเหมาะจะลองค้นหาความทรงจำของนายให้อีกนะ 
Davis –   ขอบใจมากนะที่จะช่วยหาให้ ขอบใจจริงๆ ชั้นเคยตามหาคู่หมั้นของชั้น ตอนนี้ชั้นรู้แล้ว แต่ถ้าเกิดเธอมายืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ชั้นก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นเธอ 
OXIDE – แล้วนาโอมิล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยว่าเธอเป็นใคร 
Davis –   เราสามคนเป็นเพื่อนในทีมเดียวกันในปฎิบัติการณ์ Queenslayer เพื่อนที่ไม่สามารถหาได้อีกแล้วในยุคสมัยนี้  และชั้นก็จำไม่ได้ด้วยว่าเธอพูดอะไรหลังจากนั้นอีก น่าสมเพชมากที่ชั้นลืมได้แม้กระทั่งเรื่องพวกนั้น บางครั้ง ชีวิตของ Revenant นี่มันก็ไม่ต่างกับตลกร้ายเรื่องนึงเหมือนกันนะ ...


**************************************************************************


จากนั้นเดินทางวาร์ปมายังพื้นที่ AREA E-13 :  Ruined City Center อีกครั้งแล้วเดินทางลงใต้ของแผนที่ เพื่อไปยังทางลงไปที่ Howling Pit


   Source Map By https://www.steamah.com/code-vein-all-maps-guide/#Dried-up_Trenches

        

โดยการลงไปด้านล่างนั้น เมื่อลงบันไดมาแล้วจะพบลิฟต์ที่ยังใช้การไม่ได้ ทำให้ต้องโดดทิ้งตัวลงไปตามพื้นยืนในปล่องแทนจนถึงลิฟต์ด้านล่าง


 (เมื่อสับคันโยกก็จะสามารถใช้ลิฟต์ขึ้นด้านบนได้แล้ว ) เมื่อเดินผ่านลิฟต์ไปตามทางต่ออีกหน่อยก็จะถึงพื้นที่ Howling Pit

                                     AREA G-12: Howling Pit



Yakumo – ต้องเดินทางผ่านหมอกนั่นงั้นหรอ .. คลาดกันนิดเดียวหลงทางแน่นอนแบบนี้ 
Louis – งั้นเราพักตรงนี้ซักแปบคงดีเหมือน



Yakumo – อ่อ เนี่ยหรอ? มันเรียกว่า ข้ามปั้น เป็นอาหารประเภทสะดวกในการพกพาไปกินระหว่างทางน่ะ น่าจะเป็นอะไรที่ไม่เข้าท่านักหรอกสำหรับ Revenant ที่ต้องกินอาหารแบบนี้ แต่ถ้ามองว่ากินให้มันอิ่มเข้าไว้จะได้ไม่ต้องกระหายเลือดก็ถือว่ามันก็มีความหมายมากสำหรับพวกเรานะ เราต่อสู้ เราดื่มเลือด เราคืนชีพ แล้วเราก็ต้องสู้ต่อ วนลูปไปแบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น จนทุกครั้งเวลาที่เดินทางไปตามที่ต่างๆเราก็เผลอลืมไปว่าเราก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อน ถ้าชั้นเก็บความทรงจำในอดีตสมัยยังเป็นมนุษย์มาจนครบได้ ชั้นก็ไม่ต้องแบบชั้นตอนนี้อีก 



Yakumo – ชั้นดูเหมือน Revenant ก็จริง แต่ข้างในใจแทบไม่ต่างอะไรกับพวก LOST เลย มันจะมีประโยชน์อะไรที่ต้องใช้ชีวิตแบบนั้นกันล่ะ?  สมัยที่ชั้นเป็นทหารตอนที่ยังเป็นมนุษย์ เรากินข้าวปั้นแบบนี้ตลอดตอนออกไปทำภารกิจ ชั้นก็หวังว่า มันอาจจะช่วยให้ชั้นจดจำอดีตได้ก็เป็นได้ ตอนนั้นมันก็เป็นช่วงที่เลวร้ายไม่ต่างกันหรอก แต่อย่างน้อยชั้นก็ได้รู้จักเพื่อนที่ดีที่ฉันจะไม่มีวันลืมเลย รสชาติข้าวปั้นนี่มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก แต่กินเพื่อเตือนความจำไม่ให้ชั้นลืมเพื่อนเหล่านั้นน่ะ  นายคงจะคิดว่ามันช่วยให้ชั้นยังเป็นชั้นอยู่ จริงๆมันเป็นเพื่อนสำหรับเดินทางที่ดีที่สุดในชีวิตเลยล่ะ 



Louis – เอาล่ะ ไปต่อกันได้แล้ว ต้น bloodspring อยู่ข้างหน้านั่น แล้วก็ระวังกันด้วย รักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ดีๆ เข้าใจนะ? เพราะถ้านายหลงทางอยู่ในหมอกนั่น นายจะไม่มีวันกลับออกมาได้อีกเลย


การเดินทางใน Howling Pit นั้นค่อยข้างจะยากลำบากเพราะนอกจากศัตรูจะเยอะแล้ว ทัศนวิสัยในการเดินทางยังมองเห็นยากเพราะเต็มไปด้วยหมอกและน้ำท่วมที่ทำให้การเคลื่อนที่ไม่คล่องตัวนัก สิ่งแรกที่ต้องควรทำก่อนคือ เปิดแผนที่โดยการสำรวจจุด Mistle ในพื้นที่ให้หมด (ตามเครื่องหมายสี่เหลี่ยมสีแดง) พร้อมกับสับคันโยกเปิดวาล์ว (ตามเครื่องหมายวงกลมสีขาว)  เพื่อให้มีเปลวไฟลุกขึ้นไปที่ปลายท่อซึ่งจะทำให้เห็นเส้นทางในพื้นที่ได้ชัดเจนมากขึ้น โดยบางคันโยกอาจต้องหากุญแจมาเปิดก่อนจึงจะสามารถสับคันโยกได้ ซึ่งกุญแจจะอยู่กับศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ไกลมากนัก เดินทางมาจนถึงจุดบนสุดของพื้นที่ส่วนล่างจนถึง ต้น bloodspring

                       ** ในซ้ายล่างของพื้นที่จะมี Blood Code ASSASSIN ให้เก็บด้วย ** 


                                               Blood Code: Assassin

                                             GIFTS

Nightstalker ลดความดังของเสียงขณะเคลื่อนไหว 
Shadow Assault เพิ่มความเร็วในการชาร์จโจมตีของอาวุธโจมตีระยะไกล (ไม่ส่งผลเมื่อถือดาบมือเดียว / Halberd / Bayonet)
Sharpened Fangs เพิ่มความเสียหายของการโจมตีแบบทีเดียวตายหลังจากการโจมตีแบบ Parry หรือโจมตีจากด้านหลังของศัตรู
Numbing Mark ทำให้อาวุธที่ใช้ติดสถานะภาพ Stun ชั่วคราว
Overdrive เพิ่มการโจมตีของคุณและเพื่อนในปารตี้ชั่วคราว จนกว่าจะได้รับบาดเจ็บจากการโดนศัตรูโจมตี
Stun Trap สร้างวงเวทย์กับดักรอบตัวโจมตีศัตรูที่เข้ามาในรัศมีให้เกิดอาการ Stun 
Concentration ทำให้การใช้เกจ Stamina น้อยลงชั่วคราว จนกว่าจะได้รับบาดเจ็บจากการโดนศัตรูโจมตี
Merciless Reaper เพิกเฉยต่อการโจมตีทางกายภาพของศัตรูในบางครั้งและลดพลังป้องกันการโจมตีด้วยอาวุธของศัตรู




Louis – เอาล่ะ ไหนมาลองดูสิว่ามันจะนำทางเราไปที่ไหนต่อ รอแปบนะ 
Yakumo – เดี๋ยวนะ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?  
Louis – สงสัยเราคงต้องกลับไปสำรวจที่ Old city Ruins ดีๆอีกรอบแล้วว่ามีบางอย่างที่เราตกหล่นไปรึเปล่า ...Yakumo ระวัง !!!  



   Yakumo – อะไรวะเนี่ย !!? .. ออกมาตามหา Blood beads ด้วยตัวเองสินะ กล้าหาญดีนี่เธอน่ะ 


Mia – ฟังนะ ไม่มีใครที่นี่ต้องการความรุนแรงหรอกนะ ทิ้ง Blood beads ไว้แล้วไปซะ 
Louis – แล้วถ้าเราปฏิเสธล่ะ?
Mia – งั้นชั้นก็จะเข้าไปชิงมันมาเอง !! 
Yakumo – ช้าไป !! ....... โอ๊ย!! .... ใครปาหินใส่อีกวะ ? ... เด็กงั้นหรอ? 


Nicola – อย่ายุ่งกับ Mia นะเว้ย !! 
Mia – Nicola !! ออกมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย?
Nicola – ก็เป็นห่วงพี่น่ะสิ ..แคกๆๆ 

    

Louis – เขากำลังทนความกระหายไม่ไหวจนกำลังจะกลายร่าง เธอจึงต้องการ Blood beads สินะ ?
Mia – ถ้าแกเข้ามาแตะต้องเขาแม้แต่ปลายนิ้ว ชั้นจะตัดขั้วหัวใจแกแน่นอน 
Yakumo – พอแล้ว !! เอานี่ไป ให้เขากินด่วนเลย !!
Nicola – แต่พี่ก็ไม่ได้ดื่มอะไรนานแล้วนะ Mia? 
Mia – อย่ามางี่เง่าน่า นี่มันของเธอ รีบกินไปซะ เร็วๆ 



                             Louis – ดูเหมือนอาการเขาไม่ดีขึ้นเลย ทำไมล่ะ? 
                              Mia – มันคงไม่พอ ชั้นต้องรีบหามาเพิ่มอีก 



Yakumo – เฮ้ เดี๋ยวสิ !! เธอจะเดินทางคนเดียวแบบเนี้ยนะ บ้าไปแล้วหรอ?
Mia – ขอบคุณนะที่ห่วง แต่พวกเราไม่เป็นไรหรอก 
Yakumo – แต่ .... ชั้นไม่คิดแบบนั้นนะ ...
Louis – อืมม ชั้นรู้ มาเถอะ เราเดินทางกันต่อเถอะ !

สำรวจจุด Mistle เพื่อเปิดแผนที่แล้วเก็บ Assassin Vestige Part C ในบริเวณนั้นก่อนออกเดินทางต่อไปส่วนเหนือของพื้นที่ต่อ

เมื่อผ่านโซนใต้ขึ้นไปยังส่วนเหนือของพื้นที่แล้ว ในพื้นที่นี่จะมีทางเดินไปตามเหวน้ำลึกที่เต็มไปด้วยหมอกพรางตาเอาไว้ การสับคันโยกตามจุดต่างๆเพื่อทำให้น้ำลดลงจะทำให้เดินทางง่ายขึ้น ส่วนตรงกลางพื้นที่จะมีประตูกั้นทางอยู่ซึ่งต้องใช้กุญแจ Eagle Key ในการเปิด โดยกุญแจ Eagle Key จะอยู่ตรงจุดวงกลมสีเขียวในแผนที่


ผ่านประตูมาจัดการศัตรูละแวกนั้นเพื่อหากุญแจมาใช้กับคันโยกด้านในเพื่อสับมันทำให้น้ำลดลงจนสามารถมองเห็นพื้นทำให้ไม่ต้องตกเหวตายและลุยเข้าไปที่ลานกว้างด้านใน จะพบกับชายลึกลับกำลังชี้ดาบไปที่ Mia อยู่


                              Yakumo – ไอ้ลูกหมาเอ้ย !!  หายตัวหนีไปอีกแล้ว !! 
            Louis – เด็กนั่นกลายเป็นเถ้าไปแล้ว .. เดี๋ยวนะ เหมือนมีบางอย่างกำลังเข้ามา !! 


                                             BOSS – Invading Executioner

หลังจากจัดการกับบอสเสร็จแล้ว ทุกคนจะรีบมาดูอาการของ Nicola ทันทีแต่จะพบว่ามันสายเกินไปเพราะเขาได้กลายเป็นเถ้าไปแล้ว



ในขณะที่ฝุ่นเถ้าปลิวหายไปจนเห็น Vestige ปรากฏออกมา OXIDE จึงรีบคว้ามันมาซึมซับความทรงจำของ Nicola ในทันที


                                                  OXIDE - อ๊ากกกกกก !!


                                         Nicola – Mia ... เดี๋ยวผมกลับมานะ ..
                                         Jack – โทษที ..แต่มันถึงเวลาแล้ว 
                                        Nicola – พี่นอนมานานมากแล้วนะ รู้มั๊ย? 



Nicola – เธอต้องเอาผมตายแน่ๆเลยแบบนี้!
Jack – จำได้มั๊ย วันนึงเธอจะอยู่ในนี้  ตลอดไป เธอแน่ใจแล้วนะ?
Nicola – แน่นอน ผมมั่นใจ ผมอยากจะทำให้ Mia ปลอดภัย 
Jack – เธอมีจิตวัญญาณที่ประเสริฐมาก ชั้นนับถือจริงๆ 



Louis – ชั้นคิดว่า นี่เป็นความทรงจำของเด็กนั่นสินะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?  มีอะไรที่ภูเขาหิมะนี่งั้นหรอ?
Yakumo – นายเห็นว่าใครอยู่กับเด็กนั่นใช่มั๊ย? นายคิดว่าทั้งคู่เคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า? มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย



Louis – แย่แล้ว !! เธอกำลังจะสูญเสียตัวตน เธอต้องการ Blood beads ด่วนเลย !!  รีบพาเธอกลับฐานก่อน !!!

                                                 ** ได้รับ Fionn Vestige I **






                                    Nicola – พี่ Mia 

                             Mia – Nicola นั่นเธอหรอ? 

                            Nicola – เดี๋ยวผมมานะ 

                            Mia – เดี๋ยว !! ให้ชั้นไปด้วยสิ ! 

                       Nicola – พี่น่ะ นอนนานไปแล้วรูป่ะ ?



                          
       Mia – ที่นี่ที่ไหนเนี่ย ? ...Nicola !! เดี๋ยว รอก่อน !!! อย่าไป !!



                  Nicola – ผมอยากให้พี่ Mia ปลอดภัยน่ะฮะ ...



              Nicola – ฝันไปงั้นหรอ ? .... งั้นก็หมายความว่า ....





                                      Nicola – ห๊ะ! .. สถานที่นั่นมัน !!



Yakumo – ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ทำไม CodeVein ทุกอันที่เจอต้องชี้ให้เรากลับมาที่ Old city Ruin ด้วยนะ?
Louis – เบาะแสสำคัญที่เราตามหาต้องอยู่ที่นั่นแน่นอน ตอนนี้ชั้นก็บอกได้แค่นี้แหละ 
Yakumo – ก็จริง แต่เราก็ค้นหาจนทั่วแล้วนะ 
Mia – ลองไปที่นี่ดู  ..คุณรู้มั๊ยว่า รูปปั้นเทพธิดาที่อยู่นั่นมีกลไกบางอย่างอยู่ข้างใน ?
Louis – เข้าใจแล้ว นั่นแหละตั๋วผ่านทางของพวกเรา 
Yakumo – คุณโอเคแล้วแน่นะ 
Mia – ใช่ โอเคแล้วล่ะ ต้องขอโทษด้วยนะที่ชั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องวุ่นวาย ตอนนี้ชั้นสบายดีแล้วล่ะ และหวังว่าจะมีโอกาสตอบแทนบุญคุณให้พวกคุณบ้างอ่ะนะ 
Louis – ข้อมูลไง ..ผมอยากได้ข้อมูลมากกว่านี้ 


Mia – ชั้นมีเรื่องสำคัญจะถามหน่อย ที่นี่มันคือที่ไหนหรอ? แล้วชั้นจะไปที่นั่นได้ยังไง? ได้โปรด มันสำคัญมาก ชั้นสัญญาว่าจะตอบแทนให้ ได้โปรด
Yakumo – ชั้นก็อยากบอกเหมือนกัน ถ้าชั้นรู้อ่ะนะ 
Louis – ผมเองก็ไม่แน่ใจเพราะยังไม่เคยไปสำรวจด้วยตัวเองเลย คนอื่นก็คงเหมือนกันก็ที่นั่นมี Miasma ผนึกเอาไว้น่ะ 
Mia – เข้าใจแล้ว ขอโทษนะที่ขอมากไปหน่อย 



Yakumo – ก็ใช่ว่าจะไปไม่ได้ซะหน่อย เพราะเราสามารถผ่าน Miasma ไปได้สบายๆ ซึ่งนั่นก็ต้องขอบคุณหมอนี้
Louis – ถ้าคุณอยู่กับพวกเรา ผมมั่นใจว่าเราจะหาทางพาคุณไปที่ภูเขาหิมะนั่นได้แน่นอน 
Yakumo – แน่นอนว่า เธอต้องช่วยเราตามหาสิ่งที่ต้องการก่อนอ่ะนะ 
Mia – ชั้นยินดีจะทำทุกอย่างไม่ว่าพวกคุณจะให้ทำอะไรก็ตาม ตราบใดที่สามารถพาชั้นไปที่นั่นได้ 


Louis – งั้นก็ตกลง ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะ 
Mia – เช่นกันค่ะ 
Yakumo – โอเค เยี่ยม ถ้าอย่างงั้นตอนนี้เธอก็เป็นพวกของเราอย่างเป็นทางการแล้วนะ 
Mia – พวก หรอ?
Yakumo – ชั้น Yakumo  ส่วนนี้มันสมองของทีมเรา ชื่อ Louis และหมอนี่ OXIDE ..แล้วก็ ..หืมม Murasame กับ lo หายไปไหนฟ่ะเนี่ย ..?

      

Louis – ถ้าไม่ว่าอะไร .. พวกเรายังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย 
Mia – โอ้ ลืมไป ชั้นชื่อ Mia Karnstein ชั้นพอมีฝีมือการต่อสู้อยู่บ้าง ถ้าต้องการให้ช่วยก็ยินดีค่ะ 
Louis –  อืมม แต่เธอแน่ใจแล้วนะว่าจะเป็นลูกทีมของ Yakumo น่ะ
Yakumo – เอาจริงดิ ..เจ็บเลยนะเนี่ย ... ยินดีที่เธอมาเป็นพวกเดียวกับเรานะ Mia 


Murasame – เฮ้ เธอ สบายดีแล้วหรอ เยี่ยมเลย หลงเป็นห่วงแทบแย่ ดูท่าทางเธอจะอายุพอๆกับชั้นเลยนี่ เราต้องเพื่อนซี้กันได้แน่นอนบอกเลย 
Yakumo – อ่า เธอก็บอกแบบนี้กับทุกคนนั่นแหละ ยิ้มแล้วพนักๆหน้าไปเดี๋ยวก็ดีเอง ฮ่าๆ 
Murasame – นี่ๆ อาวุธนั่นไม่ใช่สำหรับเธอน่ะ lo มานี่ๆ เราไม่ต้องการให้เธอบาดเจ็บอ่ะนะ
Yakumo – ใช่ๆ ไม่ต้องรีบออกไปลุยหรอก เป็นคนที่รอเรากลับบ้านแค่นั้นก็พอแล้ว และถ้าไม่มีทุกคน แล้วเราจะอยู่ที่ไหนล่ะ
lo – Yakumo ดูเศร้าจัง ..
Yakumo – อย่ามองชั้นแบบนั้นเซ่ ไม่มีอะไรหรอกน่า โอเค๊



Yakumo – เพื่อนคือสิ่งสำคัญของชั้น พวกเขาเหมือนเป็นครอบครัว ทุกคนกระจัดกระจายหายไปหมดหลังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีใครรอดรึเปล่า ..และทุกครั้งทีชั้นเดินทางไปสำรวจยังพื้นที่ใหม่ๆ ก็ยังอดที่จะมองหาพวกเขาไม่ได้ แต่ยังไงซะ ก็ถือว่าชั้นยังโชคดี ..เมื่อก่อนชั้นเคยเป็นคนที่น่ารังเกลียดคนนึงเลยนะก่อนที่จะกลายเป็น revenant พูดตรงๆเลยนะ ที่ผ่านมาชั้นก็เกือบพาตัวเองให้กลายเป็น LOST อยู่หลายครั้งเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เพื่อนๆช่วยดึงชั้นขึ้นมา ช่วยให้ชั้นปลอดภัย และอีกหลายเรื่องงี่เง่าของชั้น


 Yakumo –.. ชั้นเองก็จะทำทุกอย่างให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รู้รึยังว่า คำว่าเพื่อนมันสำคัญกับชั้นมากขนาดไหน ...และตอนนี้ ชั้นมีลูกแกะสามสี่ตัวที่ต้องดูแล งานของชายชาตรีที่ไม่มีวันจบสิ้น   เพราะฉะนั้น พวกเธอก็หายห่วงนะ 

        

                                    Coco – ว้าว สปิริตแรงกล้ามากๆเลยอ่ะ 
                                      Louis –   เธอหมายความว่ายังไง?



Coco – ก็ปกติเห็นนายชองทำตาจ้องเขม็งอยู่ตลอดเวลานี่นา แต่ตอนนี้ เหมือนจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว ชั้นภูมิใจนะที่นายหาเพื่อนที่สนับสนุนนายจนเจอ 



                 Louis –   เพื่อนงั้นหรอ ... ชั้นว่าเธอก็พูดถูกนะ 



******************************************************************************

                           HOME BASE

                 
                                                    Restore Vestige

                  Vestige ที่เก็บได้จาก Dried-Up Trenches ที่สามารถนำมาผสมซ่อมแซมได้

                                                  Darkseeker Vestige Part A
                                                  Darkseeker Vestige Part  B


                                                    Darkseeker Vestige I

[เมื่อนำเอา Darkseeker Vestige Part A และ Darkseeker Vestige Part  B มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Nameless Successor ได้]      


                                    Nameless Successor Memories #1


Conceited Revenant - น่าสมเพศ ๆๆ ไอ้คนไร้ค่า !! แกรู้ตัวมั๊ยว่าแกมันเป็นตัวถ่วงของหน่วยเราขนาดไหน ห๊ะ !?
Haughty Revenant - ชั้นจะหาคนมาแทนที่แก !!


                        Nameless Successor Memories # 2


เจ้าของความทรงจำ - คุณแน่ใจหรอว่าจะไล่ผมออกแบบนี้น่ะ ?
Kind Researcher - คุณยังไม่คุ้นชินกับความสามารถใหม่ของคุณเอง ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าคุณจะมีความกล้าแค่ไหน


                        Nameless Successor Memories # 3


เจ้าของความทรงจำ - อย่า !! ได้โปรด !! เดี๋ยวก่อน ได้โปรดอย่าพรากบ้านของผมไปเลย !!
JACK - ขอบคุณสำหรับการอุทิศให้ของแกนะ 
เจ้าของความทรงจำ - ไม่ !!!! มันไม่ควรที่จะเป็นแบบนี้นี่ !!!



                        คุยกับ Davis ที่ Home base จะได้รับ Blood Code: Hermes จากเขา


                                           Blood Code: Hermes 

                                        GIFTS

Bloody Impact - สร้างคลื่นกระแทกโจมตีศัตรู
Swallow Cutter – ท่าโจมตีกระโดดตวัดขึ้นด้านบน (เฉพาะอาวุธประเภทดาบสองมือและค้อนสองมือ)
Stun resistance - เพิ่มความต้านทานการติดสถานะ Stun
Floating Light - สร้างลูกบอลแสงที่เท้าใช้ในกรณีเข้าพื้นที่มืด
Stun removal – รักษาอาการติดสถานะ Stun
Frost Spike -  ยิงกระสุนน้ำแข็งใส่ศัตรู
Strength up -  เพิ่มความแข็งแกร่ง
Steady Bulwark - เพิ่มการป้องกันจากการโจมตีทางกายภาพชั่วคราว
Revedant's Greed - เพิ่มโอกาสการได้ไอเท็มที่ดรอปจากศัตรู
Focused Carnage - ลดอัตราการใช้เกจโฟกัสให้น้อยลงถูกในขณะกำลังโหมดโฟกัสโจมตีศัตรู
Heroic Fang - เพิ่มความเสียหายในการใช้ท่า charged drains


               คุยกับ Yakumo ที่ Home base จะได้รับ Blood Code: Atlas จากเขา


                                                 Blood Code: Atlas

                                                            GIFTS

Resilient Focus  - เพิ่มจำนวนการได้รับค่าโฟกัสให้มากขึ้นเมื่อถูกศัตรูโจมตี
Tormenting Blast Leap – ท่าโจมตีพุ่งไปข้างหน้าพร้อมการโจมตีสองครั้งติดต่อกัน
Guard Drain Rating Up  -  เพิ่มอัตราการ Drain ให้มากขึ้นหลังป้องกันการโจมตีของศัตรู
Foulblood Barrier – สร้างบาเรียป้องกันการโจมตีจากศัตรู (ใช้ได้แค่ครั้งเดียว)
Dogged Fighter - เพิ่มความต้านทานในการถูกโจมตีแล้วเซในระยะสั้นๆ
Flashing Fang -  เพิ่มพลังการโจมตีแบบสูงสุดในครั้งต่อไป
Strength Vitality Up -  เพิ่มความแข็งแกร่งและพละกำลัง
Guard Reversal  - เพิ่มพลังการปัดป้องการโจมตีของศัตรูและทำให้ศัตรูมึนงงหลังจากปัดป้องได้
Impact Wave – เพิ่มพลังคลื่นกระแทกในขณะโจมตีการโจมตีเพื่อสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น
Two-Handed Sword Mastery – เพิ่มความชำนาญและเพิ่มพลังโจมตีให้มากขึ้นเมื่อใช้อาวุธประเภทดาบสองมือ
Firm Stand – เมื่อถูกการโจมตีแบบรุนแรงที่ทำให้ตายได้ทันที จะไม่ตายทันทีแต่จะเหลือ HP แค่ 1


                                                       Restore Vestige

                         Vestige ที่เก็บได้จาก Howling Pit  ที่สามารถนำมาผสมซ่อมแซมได้

                                                           Atlas Vestige Part A
                                                           Atlas Vestige Part B
                                                           Atlas Vestige Part C
                                                           Atlas Vestige Part D

                                                         Assassin Vestige Part A
                                                        Assassin Vestige Part B
                                                         Assassin Vestige Part C
                                                          Assassin Vestige Part D



                                                          Atlas Vestige I

[เมื่อนำเอา Atlas Vestige Part A และ Atlas Vestige Part B  มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Yakumo ได้]        


                                                Yakumo Memories # 1


Riki – บ้าเอ้ย !! ที่นี่กำลังจะกลายเป็นนรก เราต้องรีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเลย !!
Emily – เดี๋ยวก่อน มีคนของเราบางส่วนได้รับบาดเจ็บอยู่นะ !
Riki – ทิ้งพวกเขาไว้นี่แหละ เราไม่มีกำลังพลพอที่จะมาคอยปกป้องคนเจ็บนะ ! 
Yakumo - ข้างหน้ามีซากอาคารที่ล้อมรอบด้วยคูเมืองอยู่ พวกเราน่าจะสามารถใช้พักพิงที่นั่นได้ซักระยะ
Riki – ฮ่าๆๆ นี่นายล้อชั้นเล่นใช่มั๊ย Yakumo?



Riki – นายแหกตาดูข้างนอกนั่นก่อนสิว่าตอนนี้ในเมืองมันน่าสยองแค่ไหน ที่เราทำได้คือต้องหาทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น !
Yakumo – จะให้ชั้นทิ้งเพื่อนเอาไว้เนี่ยนะ ? ชั้นไม่ทำแบบนั้นแน่นอน ชั้นขอยอมตายเพื่อปกป้องพวกเขาอยู่ที่นี่ดีกว่า
Riki –  นายคงบ้าไปแล้วล่ะ ใครๆก็อยากเอาชีวิตรอดกันทั้งนั้นแหละ ! .... แล้วแต่นายนะ แล้วเจอกัน Yakumo



Miguel – เราจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่กันได้จริงๆใช่มั๊ย?
Emily – ไม่มีใครรู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง แต่เราสามารถเลือกทางเดินของเราได้เสมอ จริงมั๊ย Yakumo?
Yakumo – อืมม ... ใช่ 



Yakumo – นายรู้มั๊ย เราสามารถใช้ความทรงจำของพวกเขาเพื่อติดตามว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนได้ ตอนนั้น เราอยู่ที่นั่นทั้งๆที่บาดเจ็บ บางทีชั้นก็แอบคิดขึ้นมานะว่า ชั้นเองก็เป็นคนที่ทิ้ง Riki พร้อมกับทุกคนที่ติดตามเขา บางทีในท้ายที่สุด พวกเราเลือกที่จะตายอยู่ที่นี่ บางที ถ้าเราพูดคุยกันให้มากกว่านี้ เราอาจจะมีทางที่จะอยู่รวมกลุ่มกัน บางทีพวกเราอาจจะมีโอกาสรอดได้มากว่านี้ 
OXIDE – นายทำในสิ่งที่ถูกแล้วล่ะ Yakumo
Yakumo – มันยังอยู่ในหัวชั้นตลอด ความคิดที่ว่า พวกเขาจะโทษชั้นเรื่องการตายของพวกเขารึเปล่า? แต่ก็นะ ไม่จะไม่ชอบนัก แต่วันนี้ชั้นก็ได้คำตอบนั่นแล้วหลังจากค้นหามันมานานแสนนาน ..  



                                                       Atlas Vestige II

[เมื่อนำเอา Atlas Vestige Part C และ Atlas Vestige Part D มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Yakumo ได้]     


                                               Yakumo Memories # 2 




Riki – นายมันบ้า Yakumo ที่คิดจะช่วยคนที่พยายามจะแยกตัวออกไปเองพวกนั้น มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ !
Yakumo – พวกเขาคือเพื่อนของเรา Riki ชั้นทำเป็นไม่สนใจพวกเขาไม่ได้หรอก
Riki – นายมันก็ดื้อรั้นตลอดแหละ นายจะทำให้ทุกคนต้องตายนะ ! ชั้นจะช่วยนายแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ หลังจากนี้ก็ตัวใครตัวมัน 



Riki – มันเป็นเพราะนายไม่ใช่หรือไง Yakumo? นายเป็นคนทำการเจรจาข้อตกลงการค้าของเราต้องล้มเหลว
Yakumo – เจรจาข้อตกลงการค้างั้นหรอ? นายหมายถึงการค้นหาสิ่งนั้นไปขายตลาดมืดอ่ะนะ? นายจะเรียกอะไรก็แล้วแต่นายเถอะ แต่สิ่งที่นายทำมันก็ไม่ต่างจากโจรหรอก !!  Riki พวกเราเคยเป็นเด็กกำพร้าจำไม่ได้หรอว่ามันรู้สึกยังตอนที่ Mido มาเอาทุกอย่างไปจากเราอ่ะ ? รู้ทั้งรู้ว่ามันผิดแต่เราก็ไม่กำลังจะไปต่อต้านมัน แล้วนายก็ยังจะขโมยของจากคนที่อ่อนแอกว่าอีกเนี่ยนะ?
Riki – โลกสวยตลอดสินะ ห๊ะ? ชั้นไม่ตกหลุมพรางซื่อๆแบบนี้ของนายหรอก  ดี ถ้างั้นเรามาตัดสินกันที่นี้เดี๋ยวนี้ไปเลยดีกว่า ชั้นจะแสดงให้นายเห็นว่าลูกเจี้ยบอย่างนายเมื่อไหร่ที่ควรจะหยุด ! 



Riki – อั๊ก !! แม่งเอ้ยยย !!! .. ไง พร้อมจะทิ้งชั้นอีกแล้วสินะ ?
Yakumo –  ทิ้งงั้นหรอ? ชั้นไม่คิดงั้นนะ เพราะถ้าชั้นทำแบบนั้น นายคงฆ่าชั้นแน่  
Riki – ฮ่ะ เพราะงี้ไงชั้นถึงไม่ค่อยชอบนาย



Yakumo –  ไม่รู้สิ ถ้าหากเขาเป็นคนที่แพ้แล้วพาลหรืออะไรที่ร้ายกว่านั้น ..แต่ถึง Riki จะเข้ามาในกลุ่มหลังจากชั้นตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก แต่เราสองคนก็มักจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่ายจนต้องตัดสินกันด้วยการต่อสู้มาตลอด จะบอกว่าเขาเป็นคนดีก็จะดูเวอร์ไปหน่อย แต่อย่างน้อยเขาก็ซื่อสัตย์กับตัวเอง เรื่องนี้ชั้นยอมรับเลยล่ะ


                                                      Assassin Vestige I 

[เมื่อนำเอา Assassin Vestige Part A มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Yakumo ได้]        

                                Yakumo Memories # 3 



เพื่อนของ Riki – นายแน่ใจแล้วหรอ Riki  ว่าจะทิ้ง Yakumo กับพวกนั้นไว้น่ะ ?
Riki –ในที่สุดเราก็มีโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระแทนที่จะเป็นทหารรับจ้างตลอดไป ชั้นยังไม่ตายตอนนี้ 
เพื่อนของ Riki – โอเค แล้วแผนการหนีของเราคือยังไงล่ะ?
Riki – เราจะมองหาเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย ท่ามกลางไอ้พวกบ้านั่นน่าจะมีอยู่ที่ไหนซักลำสองลำแน่นอน 



เพื่อนของ Riki – เฮ้ Riki ชั้นเจอเฮลิคอปเตอร์แล้ว !!  ....อะไรวะ? .. ไอ้ตัวนั้นมัน ..อีกนิดเดียวเราก็จะได้ตั๋วออกจากที่นี่แล้วแท้ๆ!! 
Riki – ไอ้ตัวบ้านั่นมันกินทุกอย่างที่ขว้างหน้าเลย !! 
เพื่อนของ Riki – เราไม่รู้จะหนีไปไหนอีกแล้วนะ 
Riki – เฮ้ ทุกคน ลุกขึ้นแล้วรวมกลุ่มกันเอาไว้ เราต้องรอดออกจากที่นี่ให้ได้ ! 



Yakumo –  แล้วจากนั้น Riki กับทุกๆคน ก็ถูกไอ้ตัวนั้นจัดการจนหมด ... ถ้าเราอดกลั้นกันซักหน่อย ถ้าเราได้อยู่ด้วยกัน 
OXIDE – เรื่องมันผ่านไปแล้วน่า
Yakumo –  ก็จริงของนาย แต่ยังไงก็เถอ ชั้นก็หวังว่านายคงหาความทรงจำที่หายไปของชั้นกลับคืนมาให้มากกว่านี้นะ


                                                         Assassin Vestige II

[เมื่อนำเอา Assassin Vestige Part B และ Assassin Vestige Part C มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Yakumo ได้]        

               
                                                    Yakumo Memories # 4



Riki – ใบหน้าที่ชั้นเห็นครั้งแรกหลังจากโคม่ามานานก็คือหน้าของคนที่ชั้นคิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว ..Miguel ..เราถูกไอ้ตัวนั่นฆ่าตายหลังจากเกิดมหาภัยพิบัติ Mido รวบรวมร่างของพวกเราแล้วทำให้คืนชีพอีกครั้งด้วยสิ่งที่เรียกว่า BOR Parasites แต่ พวกเราส่วนใหญ่ไม่รอดจากกระบวนการฟื้นฟูทุกคน  คนที่เหลือของเราถูกจับไปเป็นทาส ..พวกเขาอาจจะโชคดีก็ได้ ..ถ้าชั้นหาทางออกจากที่นี่ได้ .. บางที Mido อาจกำลังยุ่งกับการทดลอง Emily 


Miguel – นายรู้มั๊ย Yakumo ยังรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้นอยู่เลย ตอนที่นายสองคนต้องต่อสู้กัน ..
Riki – งั้นหรอ? 
Miguel – ใช่ ..ชั้นคิดว่าเขาคงคิดอยู่ตลอดว่ามันน่าจะมีทางอื่นให้เลือกทำมากกว่านี้ 
Riki – ดูเหมือนชั้นก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน 



Miguel – ตื่นได้แล้วทุกคน !! กำแพงของห้องทดลองถูกทำลาย พวก LOST กำลังจะเข้ามาแล้ว
Riki – นี่แหละที่ชั้นรอคอยอยู่ รีบหนีออกไปตอนทุกอย่างกำลังวุ่นวายนี่แหละ !
เพื่อนของ Riki – แล้ว Yakumo ล่ะ? เขายังไม่ฟื้นเลยนะ 
Riki – นายคงรู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่  ...มันน่ะพยายามที่ทำตัวเป็นคนดีเสมอแหละ .. และชั้นก็จะดูถูกมันจนลมหายใจสุดท้ายเลยล่ะ แต่ใจก็อยากรอจนมันตื่นขึ้นมาแล้วชกหน้ามันซักครั้งเหมือนกันนะ 



Yakumo –  และแล้วก็เป็นพวกของ Riki จริงๆด้วย ชั้นคิดมาตลอดเลยนะว่าใครกันนะที่พาชั้นเข้าไปที่นั่น ..ช่างอ่อนแอสิ้นดี .. มีชั้นคนเดียวที่ยังไม่ฟื้น ชั้นสงสัยว่าถ้าพวกเขาตัดสินใจออกไปข้างนอกนั่น สุดท้ายมันจะเป็นยังไง  .. ชั้นคงเกลียดตัวเองมากๆที่ไม่มีโอกาสจะห้ามพวกไว้ 
OXIDE – อีกไม่นานคงได้รู้แหละน่า 
 Yakumo –  อืมม ชั้นรู้  เราต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าเกิดอะไรกับพวกเขา .. ชั้นไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาถูกลืมเลือนไปหรอก


                                                      Assassin Vestige III

[เมื่อนำเอา Assassin Vestige Part D มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Yakumo ได้]        


                                           Yakumo Memories # 5



เพื่อนของ Riki – มันไม่ค่อยดีแล้ว Riki !! พวกเราไม่โอเควะ มันมากเกินไปแล้ว ไหนบอกสิทำไมถึงทิ้ง Yakumo เอาไว้แบบนั้น ?
Riki –บ้าเอ้ย ! โอเค เราจะไม่ทิ้งใครอีกแล้ว เอาล่ะฟังนะ ทุกคนจะต้องรอดไปด้วยกัน ! อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะสลัดจากไอ้เจ้า Yakumo พ้นแล้ว 



Riki – Yakumo ... ความจริงก็คือ ...เป็นชั้น ชั้นจะไม่ทำแบบที่แกทำ แกมันสารเลว แต่ ชั้นเองก็อยากจะเป็นเหมือนกับแกอยู่ดี .. ชีวิตของเราอาจกำลังเข้าสู่กลียุค แต่ชั้นก็ต้องการที่จะมุ่งมั่นและมองโลกด้วยสายตาที่กระตืดรือล้นแบบแก ...แกรู้อะไรมั๊ย? ... มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เลวร้ายอะไรเท่าไหร่หรอกนะที่ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อเพื่อนน่ะ 



Yakumo –   นายรู้มั๊ย ตอนนั้นชั้นคิดว่าเขาคงเกลียดชั้นแล้ว ชั้นไม่เคยรู้ความคิดจริงๆของเขาซักที 
OXIDE – แต่เขาก็เคยเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงนะ ..
Yakumo –   ใช่ ฉันพูดได้เต็มปากเลยล่ะ ชั้นเองต่างหากที่คิดว่าไม่คู่ควรกับคำว่าเพื่อนที่ดีเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงชั้นก็จะเดินหน้าต่อไปและจะเก็บความทรงจำที่ดีของพวกเขาเอาไว้กับชั้นจนถึงวันสุดท้าย ชั้นเป็นหนี้พวกเขามาก หวังว่าในท้ายที่สุดจะได้ใช้หนี้ให้พวกเขาในซักวัน ..ชั้นไม่รู้ว่าเคยบอกพวกนายมาก่อนรึเปล่า ..แต่อยากจะบอกว่า ชั้นดีใจที่ได้อยู่ร่วมกับพวกนายทุกคนที่นี่ และชั้นจะช่วยสนับสนุนทุกอย่างเท่าที่จะช่วยได้เลยล่ะ 


******************************************************************************



เดินทางมาที่ Ruined City Center ตรงจุดเซฟ Park Ruin แล้วลงบันไดขวามือไปจะพบเทวรูปเทพธิดาอยู่ตรงบันไดขึ้นเนินฝั่งขวา


สำรวจที่เทวรูปเทพธิดาจะทำให้บันไดทางขวาเลื่อนลงมาจนสามารถปีนขึ้นไปที่พื้นที่ด้านบนฝั่งขวาได้ก็จะพบต้น Bloodspring อีกต้น



Louis - ต้น Bloodspring ที่เราค้นพบทุกๆต้นล้วนนำทางเราให้กลับมาที่นี่ตลอดเลย ... มาเถอะ ไปต่อกัน ทางนั้น เบาะแสที่เรากำลังตามหาคงอยู่ไม่ไกลหรอก 

เดินผ่านอุโมงค์ด้านในไปจะมาทะลุออกมาที่ด้านหน้า วิหารแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ (Cathedral of the Sacred Blood)



                  AREA F – 15: Cathedral of the Sacred Blood



                          [Pic by - https://www.steamah.com/code-vein-all-maps-guide/]


จาก ต้น Mistle ที่เป็นจุดเซฟแรกตรงทางเข้า
-เดินเข้ามาจากทางเข้าแล้วเลี้ยวไปทางขวาตรงตามทางมาจนถึงประตูที่ล็อกอยู่
-เดินขึ้นเหนือไปตามทางเดินต่อจนถึงห้องทรงกลมขวาบนที่เป็นจุดที่ศัตรูซุ่มโจมตี ** เก็บ Isis Vestige Part B ** จัดการศัตรูให้หมด ออกจากห้องตรงทางที่เข้ามาเดินย้อนไปตามทางเดินทางซ้ายต่อจนถึงบันไดขึ้นชั้นบน


-เดินมาตามทางเดินจนถึงทางแยกซ้ายขวา เดินมาตามทางแยกซ้าย จัดการศัตรูที่ลานทรงกลม
-ลงบันไดตรงลานทรงกลมไปที่ทางขาดด้านล่างจนถึงห้องทรงกลม จัดการศัตรูเก็บไอเทมปืน Rubellite piercer +4


-แล้วออกทางออกอีกด้านจะเป็นทางที่โดดลงมาด้านล่างจะพบจุด Mistle สำรวจเพื่อเปิดแผนที่


-เดินเข้าไปที่ซุ่มบันไดขึ้นไปชั้นบน จะมาอยู่อีกฝั่งของประตูแรกที่เปิดไม่ได้ สับคันโยกเพื่อเปิดประตูไว้แล้วออกไปที่ทางออกอีกด้านต่อ
-เดินไปตามทางเดินจนสุดทางแล้วโดดไปตรงข้างทางเดินฝั่งขวาเพื่อลงมาที่ทางเดินด้านล่าง เดินต่อไปตามทางเดินจะถึงที่ห้องทรงกลมที่มีต้น Mistle สำหรับเซฟ (จุดที่ 2) อยู่


- ถ้าเดินออกไปตามทางเดินทางประตูอีกฝั่งจากที่เข้ามา จะพบทางเดินที่จะไปที่ทางแยกที่มีศพอยู่ ทางซ้ายและขวาจะเป็นประตูหอคอยที่ยังเปิดไม่ได้


-  สังเกตดูที่มุมประตูทางออกที่ออกมาจากห้องเซฟ ริมทางเดินจะสามารถโดดลงไปชั้นล่างได้
-โดดลงมาที่ขอบทางเดินข้างจะมีทางเดินไปที่บันไดที่สามารถปีนขึ้นไปชั้นบนของห้องเซฟได้ สับคันโยกในห้องแล้วโดดลงมาที่ทางเดินตรงหน้าห้องเซฟอีกครั้ง เดินไปตามทางเดินที่มีศพนอนอยู่ไปทางซ้ายจะพบว่าประตูหอคอยด้านซ้ายเปิดออกแล้ว


-เข้าประตูหอคอยซ้ายที่เปิดออก จะเป็นห้องโถงบันไดขึ้นไปชั้นบน เดินตามทางออกตามทางเดินชั้นบน ไปจนถึงห้องทรงกลมจะเจอทางโดดลงตรงทางขาดไปที่ทางเดินด้านล่างต่อ
-โดดลงมาแล้วเข้าไปที่ห้องทรงกลม ด้านในจะพบคันโยกที่เมื่อสับแล้วประตูของหอคอยฝั่งขวาก็จะเปิดออก


- ย้อนกลับมาสำรวจตรงประตูที่เข้ามา สังเกตดูที่มุมประตู ริมทางเดินจะสามารถโดดลงไปชั้นล่างได้
-โดดลงมาแล้วเข้าห้องทรงกลมด้านล่างจัดการศัตรู ** เก็บ Isis Vestige Part C **แล้วออกประตูฝั่งตรงข้ามจะพบบันไดปีนขึ้นไปจนชั้นบนที่ยอดหอคอย


-ลุยศัตรูไปตามทาง เข้าไปตามทางเดินด้านในจนถึงซุ้มบันไดวนที่ขึ้นไปจะพบ ต้น Mistle สำหรับเซฟ (จุดที่ 3) อยู่   

           
-จากต้น Mistle สำหรับเซฟ (จุดที่ 3) เดินไปตามทางเดินข้างหน้าต่อจนถึงซุ้มบันไดลงไปชั้นล่าง จะเจอทางแยกซ้าย – ขวา


-แวะเข้าทางแยกซ้ายไปที่ห้องทรงกลมจัดการศัตรูเก็บ Regen Activation Factor แล้วย้อนกลับไปที่ทางแยกฝั่งขวาต่อ


-เข้าซุ้มบันไดขึ้นไปชั้นบน แล้วออกไปที่ทางออกเดินไปตามขอบทางเดินด้านนอกจนถึงทางเดินหลักด้านซ้ายต่อจนสุดทางจะพบจุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่อยู่อีกฝั่ง
- ขึ้นบันไดทางซ้ายไปต่อ เดินผ่านแยกซ้ายที่เป็นทางขึ้นไปที่ประตูทางเข้าหอคอยที่ยังเปิดไม่ได้ไปที่ทางเดินแยกขวาที่ 2 ไปตามทางจนถึงทางเข้าหอคอยด้านบน


- เดินผ่านทางเข้าหอคอยไปทางแยกขวาก่อน เดินไปตามทางเดินแยกขวาจนสุดทางจะพบประตูทางเข้าหอคอยที่ยังเปิดไม่ได้ เดินย้อนกลับมาทางเดินสังเกตดูตรงทางเดินจะมีทางโดดลงไปชั้นล่างได้


- ลงมาแล้วโดดลงไปที่ทางขาดไปด้านล่างต่อแล้วเดินไปตามทางเดินขึ้นไปยังทางเข้าหอคอยอีกด้านของประตูหอคอยที่เปิดไม่ได้จะพบคันโยกด้านใน


 สับคันโยกเพื่อเปิดประตูไว้ แล้วออกประตูตรงกันข้ามกับประตูที่เปิดไปตามทางเดิน (ระหว่างทางจะเจอจุดที่สามารถโดดลงไปชั้นล่างได้) จนสุดก็จะพบ จุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่ (จุดที่ 2)


- สำรวจจุด Mistle เพื่อเปิดแผนที่แล้วออกทางประตูที่สับคันโยกเปิดเมื่อกี้เพื่อเดินย้อนกลับไปที่หน้าทางเข้าหอคอยแรกอีกครั้ง


-เข้ามาจะเป็นชุ้มบันได เดินผ่านทางออกด้านซ้าย เดินขึ้นชั้นบนก่อน ไปจนถึงด้านในหอคอย สับคันโยกเพื่อเปิดประตูไว้แล้วค่อยย้อนกลับมาออกทางออกทางซ้ายในซุ้มบันได



-ลุยเข้าไปตามทางเดินจนถึงในหอคอยซุ้มบันไดถัดไป ขึ้นไปด้านบนจะพบบันไดที่ยังปีนไม่ถึง

       

- กลับลงมาแล้ว ออกประตูด้านซ้ายจากประตูที่เข้ามาไปตามทางจนถึงบันไดลงชั้นล่างจะพบจุด จุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่ (จุดที่ 3)


-จากนั้นย้อนกลับไปที่ทางเดินตรงที่เจอ จุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่ (จุดที่ 2) จะมีทางสามารถโดดลงไปชั้นล่างได้


-โดดลงมาที่ทางเดินด้านล่าง เข้าไปตามทางเดินจนถึงหอคอยที่มีคันโยกอยู่ 2 อัน สับคันโยกตรงกลางจะทำให้บันไดที่ปีนไม่ถึงในซุ้มบันไดเลื่อนลงมา –สับคันโยกอีกอันเพื่อเปิดประตูทางออก


-ออกทางประตูที่เปิดออกไปตามทางแยกซ้ายจนสุดจะพบจะพบจุดที่สามารถโดดลงชั้นล่างได้ จะเข้ามาในจุดที่มี จุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่ (จุดที่ 3)


-กลับขึ้นบันไดไปออกไปตามทางเดินเพื่อกลับไปที่ซุ้มบันไดที่เคยมีบันไดค้างอยู่ด้านบน ตอนนี้บันไดได้ทอดลงมาด้านล่างจนสามารถปีนได้แล้ว
- ขึ้นบันไดมาชั้นบนจะพบทางออกไปที่บันไดทางลงไปในห้องทรงกลมที่มีประตูสัญลักษณ์ที่ยังเปิดไม่ได้และ ต้น Mistle สำหรับเซฟ (จุดที่ 4)



-จากห้องทรงกลมที่มีประตูสัญลักษณ์และต้น Mistle สำหรับเซฟ (จุดที่ 4) ออกทางประตูซ้ายสุดทางจะเป็นประตูทางเข้าหอคอยที่ยังเปิดไม่ได้


- ระหว่างทางเดินจะมีทางให้โดดลงล่างอยู่ โดดลงมาแล้วเดินไปตามทางจนถึงซุ้มบันไดขึ้นชั้นบน
-ขึ้นมาแล้วจะเจอทางออก 2 ทางซ้ายขวาที่มีพวกปีศาจเฝ้าอยู่กับบันไดขึ้นชั้นบน ออกทางประตูซ้ายจัดการศัตรูให้หมด


- แล้วสับคันโยกตรงริมทางเดินเพื่อเปิดประตูหอคอยด้านล่างตรงหน้าห้องที่มี ต้น Mistle สำหรับเซฟ (จุดที่ 4)


-เข้าประตูไปแล้วลุยเข้าไปตามทางเดินยาว จัดการศัตรูให้หมด ประตูหอคอยที่สุดทางยังเปิดไม่ได้ แต่สามารถโดดลงจากทางเดินที่ไปที่พื้นที่วงกลมฝั่งซ้ายของทางเดินลงมาชั้นล่างได้


-โดดลงมาแล้วเดินตามทางเดินมายังจุดทางขาดด้านบนจะเห็นบันไดทางขึ้นยาวอยู่ที่จุดทางขาดด้านล่าง ตรงนี้จะเป็นจุดที่สามารถโดดลงไปชั้นล่างได้ โดดลงไปต่อแล้วไปปีนบันไดขึ้นไปชั้นบนจะพบคันโยกที่สามารถเปิดประตูตรงซุ้มระหว่างทางเดินตรงหน้าห้อง ที่มี ต้น Mistle สำหรับเซฟ (จุดที่ 4) ได้
-จากนั้นเดินเข้าไปตามทางเดินยาวที่สุดทางเป็นประตูทางเข้าหอคอยที่ยังเปิดไม่ได้อีกครั้ง ตรงทางแยกฝั่งซ้ายของประตูจะมีจุดที่สามารถโดดลงล่างได้



-โดดลงล่างแล้วโดดลงล่างต่ออีกตามจุดที่โดดลงได้ แล้วเดินเข้าไปตามทางจนถึงซุ้มบันไดวนทางขึ้น 2 จุดติดต่อกันจนถึงชั้นบน
-จัดการศัตรูที่ขวางทางเข้าอยู่แล้วเข้าไปยังซุ้มบันไดลงชั้นล่างก็จะพบคันโยกสำหรับเปิดประตูทางเข้าหอคอยที่เปิดไม่ได้ให้เปิดออกได้แล้ว


-จากนั้นสับคันโยกเปิดประตูชั้นในไปที่ห้องด้านในต่อ จัดการศัตรูในห้องให้หมดสำรวจดูจะพบคันโยกตรงข้างประตูที่เข้ามาและบันไดที่ยังปีนไม่ถึงอยู่ในห้อง สับคันโยกข้างประตูที่เข้ามา


-แล้วย้อนกลับไปเข้าซุ้มประตูทางซ้ายก่อนถึงจุดเซฟเพื่อขึ้นมาชั้นบน ฝั่งซ้ายของประตูทางออกตรงทางเดินจะสามารถโดดลงชั้นล่างได้


-โดดลงมาแล้วเดินไปปีนบันไดไปชั้นบนอีกด้านจะขึ้นมาชั้นบนของห้องโถงด้านในที่มีบันไดที่ปีนไม่ถึงได้


สับคันโยกเพื่อเปิดประตูในห้องโถงแล้วเตะบันไดที่ค้างอยู่ให้เลื่อนลงเพื่อปีนกลับลงไปห้องโถง


-เข้าประตูด้านในห้องโถงที่เปิดออกไปจะเข้าไปพบ Boss Argent Wolf Berserker รออยู่ หลังจากจัดการได้แล้ว เมื่อเข้าไปสำรวจ ชิ้นส่วนของขวานโบราณที่เป็น Vestige แบบพิเศษ


 จะทำให้ OXIDE วาร์ปเข้ามาที่สถานที่แห่งหนึ่งที่เขาคุ้นเคย ..นั่นคือ ความทรงจำของเขาเอง ..



Silva – สหายของพวกเราหลายคนถูกกลืนกินโดยราชินี Miasma จนสูญเสียแก่นแท้ของตัวเองจนกลายเป็นหุ่นเชิดของศัตรู พวกคุณหลายคนต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนเก่าที่ต้องกลายเป็น Lost แต่พวกคุณก็ยังสามารถรอดกลับมาได้ ผมยกย่องพวกคุณยิ่งนัก จดจำใบหน้าของคนที่คุณรักเอาไว้ในใจ เพื่อไม่ลืมคนที่กลายเป็นเถ้าถ่านแล้วก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน ผม Gregorio Silva ของสัญญากับพวกคุณว่า เมื่อสงครามนี้จบลง คนที่ยังเหลือรอด ก็คือ พวกเรา !! จงต่อสู้เคียงข้างผม เพื่อทำให้นรกแห่งนี้จบลงซักที !!



Revenant Captain – เอาล่ะ จำไว้ให้ดี ! มีสมาธิในการต่อสู้ด้วย ระวังทุกฝีก้าวล่ะ ถ้าพวกนายตายที่นี่จะไม่มีทางฟื้นกลับมาได้อีกแล้วนะ !  ....เดรัจฉานต้องสาป !!!


Karen – อ่า ฟื้นแล้วหรอ ? ... ยินดีที่คุณกลับมานะ เป็นไงบ้างรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?  รู้รึเปล่าว่าตัวเองเป็นใคร? 



Karen – ตามข้อมูล .. อืมม คุณถูกฆ่าตายเมื่อ 2 วันก่อน และ ตอนนี้คุณก็คืนชีพแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ทำตัวสบายๆ เอานี่ คุณจะช่วยกรอกเอกสารนี่ให้ชั้นหน่อยได้มั๊ยล่ะ? ชั้นแค่อยากต้องการยืนยันว่าคุณจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้แค่ไหน 



Karen – ตกลงคุณจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้มั๊ยคะ?  ไม่มีสัญญาณของความบ้าคลั่งหรือความผิดปกติใดๆเลย ที่สำคัญดูเหมือนคุณจะอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยมด้วย อาการบาดเจ็บทางจิตใจต่างหากที่ชั้นยังห่วงอยู่นิดหน่อย ..แต่ที่แปลกใจคือ คุณฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อเลย เอาล่ะ ถ้ามีความรู้สึกอะไรที่มันผิดปกติ ก็บอกให้ชั้นรู้ได้ตลอดเลยนะ พวกเรา Revenants สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตายก็จริง แต่ถ้าคุณกลายเป็น Lost เมื่อไหร่ก็คงหมดหวังที่จะรอดกลับมาได้อีกแล้ว 


Karen – เอานี่ ..สวมเอาไว้ตลอดในตอนออกไปข้างนอก ราชินี Miasma ร้อยเล่ห์มายา ไม่ว่ายังไงก็ห้ามถอดออกเด็ดขาด .. หืออ .. สัญญาณนั่น .. ดูเหมือนจะถึงเวลารวมพลแล้ว ชั้นรู้ว่าตอนนี้คุณยังรู้สึกไม่ดีนัก แต่ไม่นานมันจะค่อยๆดีขึ้นแน่นอน สู้ๆนะ 



                                               Memories of   



Aurora – น้องชายเธอเป็นไงบ้างล่ะ ? 
Karen – Louis ยังไม่ฟื้นเลย 
Aurora – ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไม่มีสัญญาณการล้มเหลวทางกายภาพ .... อ่า เด็กใหม่  ดูเหมือนว่าคุณจะถูกมอบหมายให้อยู่ทีมของแจ็คนะ ...แล้วถ้าคุณรู้สึกถึงอันตรายก็อย่าลังเลที่จะถอยกลับล่ะ ทุกคนในทีมมีแต่เก่งๆกันทุกคนแต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะสามารถมาคอยดูแลได้ตลอดหรอกนะ ชั้นรู้ว่าทีมของเขาได้รับแต่ภารกิจอันตรายตลอด แต่ทีมช่วยเหลือของเราก็ช่วยขยายขีดจำกัดของพวกเขาได้ โดยเฉพาะ Karen ที่อุทิศตัวทำงานอย่างหนักมาตลอด ได้โปรดคิดถึงเรื่องนั้นด้วย  
Karen – เราสร้าง Revenants ขึ้นมามากมายก็เพื่อต่อกรกับความบ้าคลั่งของราชินี Silva ต้องการที่จะปลดปล่อยดินแดนแห่งนี้จากความสยดสยองเพื่อทำให้เลือดของมนุษย์ผู้รอดชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ชั้นเองก็พยายามช่วยในแบบของชั้นเอง ยังมีจุดสำคัญที่อยู่ในตัวอย่างเลือดของคุณที่ต้องศึกษาอีก เรื่องนี้คุณเข้าใจนะ ? ถ้าสงครามนี้จบลงเมื่อไหร่คุณจะช่วยชั้นหน่อยได้มั๊ยล่ะ ก็แล้วแต่คุณนะ และถึงแม้ว่าจะไม่มีภัยคุกคามจากราชินีแล้ว ความกระหายเลือดก็ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ของเราอยู่ดี 



Silva – เจ้ายังจำวันที่เกิดมหาภัยพิบัติได้รึเปล่า ? เราต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างยากลำบาก แต่เราก็รอดจนมาอยู่ที่นี่ และเราจะชนะศึกนี้อีกครั้ง เราไม่มีทางเลือกในศึกครั้งนี้แต่เราจะชนะ พวกเจ้าทั้งหมด จะบุกตรงไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหวั่นเกรงใดๆ ข้าจะคอยหนุนหลังพวกเจ้าเอง 


    JACK – มีรายงานมาว่า ตอนนี้ราชินีฝ่าแนวป้องกันของเรามาได้แล้วและกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ 



JACK – แต่ถึงกระนั้น ศัตรูของเราก็ต้องบาดเจ็บจากการต่อสู้มาอย่างหนักแน่นอน และนี่จะเป็นโอกาสของพวกเราที่จะจัดการนางให้สิ้นซาก 



JACK – และที่สำคัญ ห้ามดื่มเลือดของนางเด็ดขาด คนของเราหลายคนต้องกลายเป็น LOST หลังจากสัมผัสเลือดของนางจนร่างกายเริ่มต่อต้านมัน พวกเจ้าจงระวังตัวเองให้มากๆเมื่อออกไปข้างนอกนั่น เข้าใจนะ ? เอาล่ะ แยกย้ายไปได้แล้ว !! 



JACK – ส่วนเจ้า มากับข้า ถึงเวลาเข้าร่วมปาร์ตี้แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าแขกของเราจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น 


                        [Pic by - https://www.steamah.com/code-vein-all-maps-guide/]

ในพื้นที่ของความทรงจำของตัวละครนั้นจะไม่ค่อยมีความซับซ้อนมากนัก ระหว่างที่เดินไปตามทางสังเกตทางแยกและทางลงใต้ดินที่มีอยู่เอาไว้ ส่วนใหญ่จะวนกลับมาสมทบกันตลอด ประตูที่ปิดอยู่ สามารถหาจากการจัดการศัตรูในพื้นที่ใกล้เคียง สำรวจเก็บไอเทมสำคัญจนหมดแล้วมุ่งหน้าไปพื้นที่ของบอสได้เลย



JACK – ถูกกลืนกินจนกลายเป็นหุ่นเชิดของราชินีโดยสมบูรณ์แล้วสินะ  ฟังนะไอ้หนู ... จัดการมันโดยไม่ต้องปราณีได้เลย !!


                                               Boss - QUEEN'S KNIGHT



  JACK – แขกที่ไร้มารยาทของเรามาถึงที่นี่แล้ว ..นั่นแปลว่าเราต้องเริ่มงานฉลองกันได้แล้วล่ะ 






                                                 Silva – ไม่เป็นไรใช่มั๊ย?
                                                   JACK – คุณ Silva !!



Silva – ข้าจะจัดการหอกแสงของมันเอง ส่วนพวกแกลุยได้เลย เอาล่ะพวก การต่อสู้จริงๆที่เรารอคอยมาถึงแล้ว นังปีศาจนั่นจะไม่มีวันทำร้ายของข้าได้อีกแล้ว !!



                  Jack – ในที่สุดก็รู้จักอยู่นิ่งๆซะทีสินะ !!



                                Jack –  อ๊ากกกกก !!! 




                                                 OXIDE - อ๊ากกกก !!








                                             JACK – ทำได้ดีมาก !
                  Silva – การกระทำของเจ้าช่างน่าชื่นชมจริงๆ ..







**************************************************************************


                                             HOME BASE



                                     Blood Code: Queenslayer

                            (ได้หลังรับรู้ถึงความทรงจำของตัวเองใน Memories of )

   รหัสเลือดแห่งความทรงจำของตัวเองที่หายสาบสูญไปหลังต่อสู้กับราชินีเมื่อนานมาแล้ว
      ความรู้สึกเก่าๆยังคงทำให้หวนคำนึงถึงในกาลครั้งนึงที่ความสงบสุขยังคงยั่งยืน
       
                                             Queenslayer Gifts

Drain Boost  - เพิ่มอัตรา drain ratings ในขณะใช้ focus
Frenzied Fire – ยิงกระสุนใส่ศัตรูเพื่อลดเกจ focus ของมัน
Final Journey  - เพิ่มค่าพลังชีวิตให้จนเต็มและเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้อบิลิตี้ต่างๆให้สูงสุด แต่ มีโอกาสจะตายทันทีหลังใช้งานสกิลนี้
Cleansing Light – เพิ่มเติมพลังชีวิตให้ทีละนิดแบบอัตโนมัติในระยะสั้นๆ
Circulating Pulse – ท่าโจมตีแบบตวัดอาวุธ 5 ครั้งด้วยความเร็วสร้างความเสียหายทวีคูณ (ใช้ได้เฉพาะอาวุธประเภท One Handed Sword/Halberd/Bayonet)


                                             Blood Code: Artemis

   (ได้รับเมื่อคุยกับ Mia ใน Homebase หลังจาก  Invading Executioner  and Insatiable Despot)

                                                เจ้าของ : Mia Karnstein                             

                                                  Artemis Gifts

Focused Gift Speed -เพิ่มความเร็วในการใช้ Gift เมื่อใช้ focus
Fusillade Rondo – ยิงกระสุนติดตามตัวเป้าหมาย (ใช้ได้กับอาวุธปืน Bayonet)
Shock Web – สร้างกับดักพลังโจมตีต่ำที่เท้าโจมตีศัตรูที่เข้ามาใกล้
Ice Armor – สร้างบาเรียป้องกันการโจมตีจากธาตุน้ำแข็ง
Dexterity/Willpower Up – เพิ่มสเตตัส Dex ความรวดเร็วในการโจมตีด้านกายภาพและ Will พลังโจมตีด้านเวทย์ต่างๆ ให้มากขึ้น
Bloodsucking Blades – เพิ่มการได้ drain rating จากการโจมตีด้วยอาวุธในระยะสั้นๆ
Freezing Roar – โจมตีด้วยกระสุนน้ำแข็งยิงแช่งแข็งศัตรู
Guard of Honor – สร้างเสาน้ำแข็งจำนวนมากโจมตีศัตรู
Bayonet Mastery – เพิ่มพลังโจมตีเมื่อส่วมใส่อาวุธประเภทปืนbayonet.
Blood Grab  - หลบการโจมตีพร้อมกับดูด ichor ของศัตรูตามระดับ drain rating ของอาวุธที่ใช้


                                               Restore Vestige



                                                            ISiS Vestige II 

 [เมื่อนำเอา Isis Vestige Part B กับ Isis Vestige Part C มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Auroraได้]        

                                                     Aurora Memories # 1



Aurora – Revenants มีความกระหายในเลือดของมนุษย์ไม่มีวันจบสิ้นนั้นเป็นปัญหาที่หน้าหนักใจมาก ถ้าเราหาทางที่จะเอาเรื่องนี้ออกไปได้ พวกเขาก็จะมีการวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดดจนเกินไป ชั้นจึงต้องการช่วยคุณด้วยการสร้าง Project Q.U.E.E.N ขึ้นมาเพื่อหาคำตอบที่เรากำลังตามหา และก็หวังว่ามันจะคุ้มค่าพอ
Silva – การให้ความร่วมมือของคุณเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเถอะ 



Mido – 1 อาทิตย์หลังจากเข้าสู่การทดลอง Project Q.U.E.E.N ตัวอย่างทดลองแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่มีความต้องการเลือดมนุษย์และก็ยังรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งเหมือนเดิม มหัศจรรย์มาก ความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่กำลังมาถึงแล้ว
Aurora – แต่บางอย่างที่ชั้นได้ยินมามัน .. 
Mido – ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกน่า มันก็แค่ผลข้างเคียงเล็กๆน้อยๆ ผมมั่นใจว่าสามารถทำให้ได้ตามที่คุณต้องการแน่นอน แล้วทุกอย่างก็จะดีเองแหละ 



Aurora – เราทำผิดพลาดไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ต้องไหนหรอที่เราทำพลาดไป? ความหวังสุดท้ายของมวลมนุษย์ชาติต้องกลายเป็นปีศาจแห่งความสิ้นหวัง ..ชั้นจะตายที่นี่แบบนี้ไม่ได้ ..ชั้นทิ้ง Karen ไว้คนเดียวไม่ได้ 



Aurora Valentino อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหนึ่งในผู้ที่ฟื้นคืนมาอีกครั้งในฐานะ The revenant ก็ได้เข้าร่วมกับทางกองกำลังของ Gregorio silva อดีตทหารผ่านศึกผู้รวบรวมผู้คนเพื่อมาเป็นเองกำลังกอบกู้มวลมนุษย์ชาติ Aurora เป็นผู้ริเริ่ม Project Q.U.E.E.N การวิจัยเพื่อเป้าหมายในการหยุดการกระหายเลือดให้กับเหล่า Revenant ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนแผนการกอบกู้โลกของ silva โดยการนำ Cruz Silva ลูกสาวแท้ๆของ Gregorio silva (เพื่อนสนิทของ Louis) มาเป็นร่างทดลองเพื่อเป็น ราชินี ผู้ที่จะลุกมากอบกู้มนุษย์ชาติจากภัยพิบัติ จน Project Q.U.E.E.N เกิดล้มเหลวทำให้ Cruz Silva กลายเป็นร่างอวตารพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความพินาศต่อทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่เหล่าผู้พบเห็นเรื่องกันว่า Q.U.E.E.N  ทำให้ Gregorio silva ต้องก่อตั้งกองกำลังในการไล่ล่า Q.U.E.E.N ในนามของ Operation Queenslayer และ ตัวละครของผู้เล่นก็คือหนึ่งในทหารของหน่วยนี้   


*****************************************************************************

   

          Cathedral of the Sacred Blood  - PART 2

วาร์ปเดินทางมาที่ Cathedral of the Sacred Blood  ที่จุดเซฟ Inner Tower หลังสู้กับบอส
-ปีนชึ้นบันไดไปชั้นบน (ระหว่างปีนจะเห็นกล่องไอเทมที่ชั้นลอยที่ยังเอาไม่ได้อยู่) เดินผ่านทางเชื่อมไปยังหอคอยโถงบันไดด้านใน จะมีทางแยก 2 ทางคือ บันไดเล็กลงชั้นล่างกับบันไดวนขึ้นไปชั้นบน (บันไดเล็กลงชั้นล่างจะลงไปชั้นห้องที่เป็นจุดซุ่มโจมตีของศัตรู)
- ขึ้นบันไดวนไปชั้นบน รอบๆทางเดินจะมีทางออกไปที่จุดที่มีบันไดค้างอยู่ กับช่องประตูที่มีบันไดลงล่าง และช่องทางเดินเชื่อมที่มีโคมไฟสีเหลือง ให้ลงไปทางประตูที่มีบันไดเล็กลงล่างไปยังขอบทางเดินด้านนอกรอบหอคอยเพื่อไปขึ้นบันไดอีกฝั่ง


-ขึ้นมาที่ชั้นที่มีโถงบันไดที่มีโคมไฟเขียว (จะเห็นศพที่มีจุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่อยู่อีกฝั่งที่ยังไปไม่ได้อยู่) ในโถงบันไดที่มีโคมไฟเขียวจะมีบันไดทางลงและบันไดขึ้นชั้นบน


- ให้ปีนขึ้นไปชั้นบนก่อน ที่ยอดหอคอยจะมีลังไอเทมที่ เก็บไอเทมกุญแจ Shoddy Key จากนั้นค่อย ลงบันไดของโถงบันไดที่มีโคมไฟเขียวมาชั้นล่างสุดจะพบทางเชื่อมไปยังประตูหอคอยอีกด้าน สับคันโยกแล้วเข้าไปด้านในได้เลย


-เข้ามาที่โถงบันไดที่มีโคมไฟสีม่วง ที่รอบๆทางเดินจะมีประตูทางเชื่อมไปยังประตูที่มีโคมไฟสีเหลือง คันโยกสำหรับเปิดประตูที่ต้องใช้กุญแจ Ornate Key ในการเปิด
-ลงโถงบันไดที่มีโคมไฟสีม่วงไป ชั้นล่างจะมีทางเชื่อมออกไปยังโถงบันไดทางขึ้นต่อ เดินขึ้นบันไดวนไปชั้นบนสุดจะพบทางเชื่อมออกไปยังอีกโถงบันไดวน รอบๆทางเดินจะมีช่องประตูที่มีทางเดินเชื่อมไปอีกห้องที่มี ไอเทมสีแดงวางอยู่บนแทนเสาอยู่กลางห้อง


-จากนั้นเดินขึ้นโถงบันไดวนนี้ขึ้นไปชั้นบนจะมีทางเชื่อมไปที่อีกหอคอยซึ่งเป็นชั้นบนของห้องที่มี ไอเทมสีแดงวางอยู่บนแทนเสา จัดการศัตรูแล้วโดดลงไปบนยอดเสาเก็บไอเทม ** Isis Vestige Part E ** มาแล้วย้อนกลับบันไดวนขึ้นมาตรงพื้นที่ก่อนจะโดดลงมาอีกครั้งแล้วเข้าประตูทางเดินเชื่อมด้านซ้ายไปต่อยังโถงบันไดอีกอัน


- โถงบันไดนี้จะมีโถงบันไดวนขึ้นด้านบนและทางเดินเชื่อมไปอีกหอหอย ให้เดินขึ้นบันไดวนไปชั้นบนต่อ โดยระหว่างทางเดินรอบๆจะมีช่องประตูที่สามารถโดดลงไปที่ซุ้มประตูทางเข้าหอคอยด้านล่างได้ โดดลงไปเข้าประตูหอคอยที่ด้านล่างนั้นจะพบโถงบันได สำรวจจุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่ที่ตีนบันไดแล้วขึ้นบันไดวนไปชั้นบนต่อ


-ชั้นบนจะเป็นส่วนยอดหอคอยที่จะมีทางเชื่อมเดินไปยังหอยคอยที่มีจุด Mistle สำหรับเซฟและประตูสัญลักษณ์ได้ ที่ช่องประตูรอบๆทางเดินอีกด้านบนจะมีบันไดขึ้นไปด้านบนของหอคอยได้


- ด้านบนจะมีจุดที่ถีบบันไดที่ค้างอยู่ลงไปสำหรับพร้อมปีน และ  คันโยกสำหรับเปิดประตูที่ต้องใช้กุญแจ Shoddy Key ในการเปิด ใช้กุญแจ Shoddy Key เปิดเข้าไปจะพบห้องโถงทรงกลม


โดดลงไปที่มีศพที่มีไอเทมสีแดงที่ชั้นกลางเก็บไอเทมซะ (ชั้นล่างถ้าโดดลงไปจะเป็นห้องที่เป็นจุดซุ่มโจมตีของศัตรู)
-ในโถงของชั้นกลางช่องเดินด้านบนจะเป็นทางเข้าไปห้องของศัตรูที่มี Mistle ติดตัวอยู่ เมื่อจัดการมันได้ก็จะสามารถเปิดแผนที่ของโซนนี้ได้ ทำลายกล่องในห้องจะได้  ** Isis Vestige Part A ** 



- อีกช่องทางเดินด้านซ้ายจะเข้ามาที่ศพที่มีจุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่ ตรงโถงบันไดที่มีโคมไฟเขียว เปิดแผนที่แล้วลงบันไดเล็กด้านข้างหอคอยไปจะลงมาที่ชั้นลอยที่มีกล่องไอเทมตรงด้านบนของจุดเซฟ Inner Tower เก็บกุญแจ Ornate Key มา


- จากนั้นกลับไปที่โถงบันไดที่มีโคมไฟสีเขียวลงบันไดไปชั้นล่างผ่านประตูทางเชื่อมไปยังประตูโคมไฟสีเหลืองที่มีคันโยกสำหรับเปิดประตูที่ต้องใช้กุญแจ Ornate Key ในการเปิดเข้าไปด้านในจะพบจุด Mistle สำหรับเซฟและประตูโบสถ์ที่มีบาเรียกั้นอยู่


        

                                                                Louis -  lo หรอ?
                                                       Yakumo – ไม่ใช่ ...คนละคนกัน 



Leda – ความทรงจำคือสิ่งที่หลอมรวมสิ่งสำคัญต่างๆของตัวเราเข้าด้วยกัน ถ้าคุณรวบรวมชิ้นส่วนของ blood code ที่แตกสลายหายไป คุณจะสามารถเชื่อมต่อกันด้วยสายใยแห่งความทรงจำ  ..ได้โปรด ชั้นขอร้อง โปรดใช้พลังของคุณเดี๋ยวนี้ 



                                           ** ได้รับ Isis Vestige Part D **


                               Yakumo – อึ๊บบ !! ไอ้ประตูบ้านี่มันไม่ขยับเลยซักนิด !! 






Louis – ไอ้ตัวนี้มันเป็นผู้ปกป้องของโบสถ์แห่งนี้หรอเนี่ย? 
Mia – ประตูนั่น ! ดูเหมือนคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ ถ้าจะไปต่อ เราต้องผ่านมันไปให้ได้เท่านั้น 
Yakumo – งั้นก็ลุยเลย !!!



                                           BOSS - Successor of the Ribcage

หลังจากทุกคนรวมพลังเข้าไปจัดการมันได้สำเร็จในครั้งแรก ร่างของมันก็เกิดปฏิกิริยาบางอย่างจนเผยแกนกลางออกมา




           Louis – ดูเหมือนร่างของมันยังอยู่นะ หรือ ไม่ก็อาจมีบางอย่างที่นี่ทำให้มันยังคงอยู่




                                     Louis – ห๊ะ !! Vestige งั้นหรอ? ดูขนาดของมันสิ !!
                                       Yakumo – เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างไม่ปกติแล้ว !



                                      Mia – อะไรกันเนี่ย !? มันคืนชีพเร็วมากเลย !!



 Louis – ดูเหมือน Vestige นั่นคอยควบคุมการฟื้นคืนของมันสินะ?  งั้นเราก็ต้องทำลายมันซะก็จบ !!!
Yakumo – ฮ่าๆ ตอนนี้นายพูดภาษาเดียวกับชั้นแล้ว !!





Yakumo – เราจัดการมันได้แล้ว แต่ Vestige นี่ยังไม่ถูกทำลายเลย มันแข็งแกร่งมากๆแฮะ
Mia – ไม่ได้ผล ชั้นล่างแล้ว โจมตีมันไม่เข้าเลย
Yakumo – เอาไงต่อดี ? เดี๋ยวมันก็คงคืนชีพใหม่อีกแน่ 
 Louis – แล้วถ้าเกิดว่า ....



Leda –ถ้าคุณรวบรวมชิ้นส่วนของ blood code ที่แตกสลายหายไป คุณจะสามารถเชื่อมต่อกันด้วยสายใยแห่งความทรงจำ  

                                lo – ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว คุณทำได้อยู่แล้ว 

                                    
                     Cruz – ได้โปรด .. ช่วยทุกคนด้วย ..





                                      Aurora Memories # 2



Silva – เราจะแบ่งร่างของ QUEEN ออกเป็นชิ้นๆแล้วผนึกไว้กับ ผู้สืบทอด (Successor) การทำให้มันแยกออกจากกันจะทำให้เราปลอดภัย 



    Aurora – นี่คุณจะบ้าไปแล้วหรอ? ที่จะเอาเจ้าปีศาจนั่นกลับไปใส่เตาหลอมที่ระเบิดไปแล้วน่ะ !



                            Silva – Aurora Valentino เราได้ลองพยายามอย่างเต็มที่แล้ว 
                                          Aurora – แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่า...



JACK – การเข้ากันได้ของคุณ ..นั่นหมายถึงคุณต้องอยู่ในสุสานใต้โบสถ์นั่นตลอดชีวิตเลยนะ คุณแน่ใจนะว่าตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ ?



Aurora – ชั้นไม่สนใจชีวิตปลอมๆแบบนั้นหรอก ..แต่ถ้ามันจะช่วยเธอได้ ชั้นก็จะทำ ..
 ชั้นพร้อมแล้ว ..พร้อมที่จะมีชีวิตอยู่แบบซากศพตลอดไป ตราบใดที่ยังมีคนให้ปกป้องชั้นก็จะยอมตายเพื่อปกป้องเอง เพราะฉะนั้น หลับให้สบายเถอะ Karen ชั้นจะอยู่เคียงข้างเธอจากวันนี้จนถึงตลอดไป


Aurora – บอกตามตรงนั้น ชั้นไม่ได้ตั้งใจว่าจะเจอคุณอีกในสภาพนี้ ...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ Louis 


Louis – Aurora ... นั่นเธอจริงๆหรอ Aurora? แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?
Aurora – คำตอบก็อยู่ในความทรงจำของชั้นนั่นไง ชิ้นส่วนของ QUEEN ที่ผนึกอยู่ในร่างกายของมนุษย์ที่ถูกนำมาสังเวยให้เป็น ผู้สืบทอด (Successor)  และชั้นก็คือหนึ่งในพวกนั้น 
 Yakumo – QUEEN หรอ? นางถูกกำจัดไปเมื่อปีก่อนแล้วไม่ใช่หรอ?
Aurora – ถ้าอย่างเป็นทางการก็ควรจะเป็นแบบนั้น แต่ยังมีอีกมากที่พวกคุณยังไม่รู้  Revenants ที่ดูเหมือนจะเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตเวียนวายด้วยการตายแล้วฟื้นแบบไม่รู้จบ แต่ถ้า Revenants ถูกทำลายที่หัวใจ ร่างกายก็จะสุญสลายไปไม่สามารถฟื้นคืนขึ้นมาอีกเลย แต่ยกเว้นกับ QUEEN ซึ่งแม้จะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว ระบบการฟื้นคืนก็ยังคงจะทำงานต่อได้ เว้นแต่ ..
Mia – คุณนางเอาไว้ ..



Aurora –  ใช่แล้ว โดยการแยกร่างของนางออกเป็นชิ้นแล้วนำไปผลึกด้วย Relics กับเหล่า ผู้สืบทอด (Successor)  คนอื่นๆ ด้วยวิธีนั้นจะทำให้การคุกคามของ Queen หยุดลง อย่างน้อยก็จะเกิดสันติในช่วงระยะนึง แต่เราก็รู้ดีว่าแผนนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่ แม้ผนึกจะช่วยปิดกั้นความปารถนาที่จะคืนชีพของ Queen เอาไว้ได้ แต่ก็ไม่ได้ตลอดไป นานไป Relics ที่อยู่ในตัว  ผู้สืบทอด (Successor) ก็จะเกิดการพุกร่อน ซึ่งจะทำให้ผู้สืบทอดต้องเจ็บปวดสุดแทนทรมาน และต้องกลายเป็นปีศาจที่ไร้ซึ่งสติปัญญาและเหตุผลหลงเหลือแต่สัญชาติญาณดิบที่ติดตัวมาแต่เดิมเท่านั้น 


 Aurora –  แต่ พลังของคุณสามารถทำให้จิตใจชั้นกลับสู่สภาพปกติได้ คุณมีความสามารถที่จะสยบเลือดของ QUEEN ได้ และพลังที่จะสามารถทำลาย Relics ที่อยู่ในตัว ผู้สืบทอด (Successor) ได้โปรด ชั้นขอร้อง ขอร้องให้คุณช่วยใช้พลังของคุณทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความทรมานด้วยเถอะ 



Aurora –  ประตูสัญลักษณ์นี้จะนำไปยังโบราณสถานต่างๆที่เหล่า  ผู้สืบทอด (Successor) หลับใหลอยู่ ในการตามหาพวกเขาเหล่านั้น คุณต้องตามหาประตูสัญลักษณ์นี้ให้เจอ ตอนนี้ชั้นเชื่อว่า คุณคงสามารถเปิดมันได้แล้ว ส่วนชั้นเองก็คงจะต้องยังอยู่ที่นี่เพื่อคอยดูแลและปกป้องเส้นทางที่จะนำไปสู่ ผู้สืบทอด (Successor) และ สายนธีแห่ง Blood bead ... และ ใช่ หลังประตูนั่น คือ หนึ่งในผู้สืบทอด (Successor) หลับใหลอยู่ คนๆนึงที่น้ำตาหลั่งไหลกลายเป็นสายโลหิต ...ดูแลเธอด้วยล่ะ Louis .
Louis – เธอหรอ เธอไหน? คุณหมายความว่าไงเนี่ย? 



Aurora –  หากร่างของ ผู้สืบทอด (Successor) ทั้งหมดได้กลายเป็น LOST ผนึก Relics ก็จะถูกทำลายลง QUEEN ก็จะฟื้นคืนอีกครั้ง



                             ...แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ......





Aurora –  ดูเหมือนว่าชะตากรรมจะทำให้ชั้นถูกทำให้ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง 
Louis – เธอไม่เป็นไรนะ ..? 
Aurora –  ชั้นสบายดี ตอนนี้ Relic ได้หลับใหลลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ..และ คุณ ..คุณคือคนที่คืนหัวใจที่หายใจให้ชั้นใช่มั๊ย? 
Louis – ผมเสียใจ ..
Aurora –  ไม่เป็นไร Louis ไม่เป็นไร ถ้าจะโทษใครซักคนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คงเป็นชั้นเองนั่นแหละ ...ชั้นทำให้คุณต้องแบกภาระเอาไว้มากมาย ...ได้โปรด Louis ชั้นขอร้องอีกครั้ง ลองแวะไปหาคนๆนึงที่อยู่หลังประตูบานนั้นซักหน่อย ส่วนชั้น .. คงต้องขอนอนซักหน่อย .. ไม่ได้รู้สึกง่วงแบบนี้มานานแล้ว ..

                                   
 

                                  ** ได้รับ Blood Code Isis และ Isis Vestige IV **




จากนี้ไป ตัวเอก จะสามารถใช้พลังในการเปิดประตูสัญลักษณ์ได้แล้ว เป้าหมายคือ เพื่อปลดปล่อย เหล่า ผู้สืบทอด (Successor) ทั้งหมดเพื่อเตรียมรับมือการฟื้นคืนชีพของ QUEEN โดยเริ่มจากประตูสัญลักษณ์ที่อยู่ที่วิหารแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ (Cathedral of the Sacred Blood) นี่เสียก่อน




Louis – เป็นจริงอย่างที่คิดจริงๆด้วย เป็นเธอมาโดยตลอด ... Karen !
Yakumo – ทั้งหมดนี่มัน .. อะไรวะเนี่ย? 


                                        Mia – ทั้งหมดนี่คือส่วนนึงของเธองั้นหรอ?


Louis – มันไม่มีวันจบสิ้นหรอก ..  QUEEN ยังไม่ตาย ..และพวกเรา.. พวกเราก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเลือดที่ไหลออกมาจากที่นี่ 



Louis – ..น้องสาวชั้นกลายเป็นหนึ่งใน ผู้สืบทอด (Successor) 
เธอยอมเสียสละตัวเองเพื่อหยุดยั้ง QUEEN และน้ำตาของเธอก็ทำให้เรามีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ 
Mia – Louis .. 
Yakumo – ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวซักพักเถอะ ..



Louis – ขอโทษด้วยที่ชั้นดูไม่สำรวมไปหน่อย .. ตอนนี้ชั้นโอเคแล้ว 
Yakumo – แล้วเราจะเอาไงกันต่อดี ?
Louis – ตามหาเหล่า ผู้สืบทอด (Successor) ที่เหลือ 
Yakumo – แล้วเราต้องทิ้งน้องสาวนายไว้ที่นี่งั้นหรอ?
Louis – ยังไม่มีวี่แววพวกที่บ้าคลั่งเข้ามาที่นี่อย่างน้อยก็น่าจะซักระยะ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าภาวะคลาดแคลน Blood beads นั้นมีต้นเหตุมาจาก Queen ชั้นจะต้องหาทางทำให้เรื่องทั้งหมดนี้จบลงให้ได้ มันเป็นภาระหน้าที่ที่ชั้นต้องสานต่อมันให้จบ 
Yakumo –  เอ่อ ต้องใช้คำว่า พวกเรา ไม่ใช่หรอ?
Louis – Yakumo ..


Yakumo –    ถ้าหากเพื่อนกำลังดิ้นรน ด้วยพลังทั้งหมดที่มีเพื่อจะเดินไปข้างหน้า ชั้นก็คงไปยืนอยู่ข้างหลังแล้วบอกว่าจะต้องทำยังไง 
Mia – เฮ้ ชั้นบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าชั้นเต็มใจจะช่วยไม่ว่าพวกนายจะต้องการชั้นรึเปล่าน่ะ? 
Louis – ทุกคน .... ฟังนะ ตอนนี้ พลังของนาย เป็นความหวังเดียวของเราแล้ว ชั้นดีใจนะที่นายอยู่กับเราตอนนี้  เอาล่ะ ! ออกตามหาเหล่า ผู้สืบทอด (Successor) ที่เหลือกันเถอะ ก่อนที่ QUEEN จะคืนชีพอีกครั้ง !  ........  Karen .. รอก่อนนะ พวกเราจะกลับมาหาแน่นอน 




                                   OXIDE – Mia ระวัง !!




JACK –  แก !! .. ชั้นจะทำลายแกด้วยมือของชั้นเองให้ได้คอยดูสิ ! ... ตอนนี้แกเป็นยังไงบ้างล่ะ ห๊ะ ? 



                             JACK –  หืมมม ? ..



JACK –   ชักสงสัยแล้วสิว่าพวกแกมีพลังที่จะทำลาย Relics ได้ยังไง พลังนั่นเหมือนกับ Eva ..ไม่สิ น่าจะแข็งแกร่งกว่าเธอด้วยซ้ำ  



JACK –  แกรู้มั๊ย นายต้องร่วมมือกับเรา เก็บรวบรวมเลือด เพราะนั่นคือพลังของแก มันจะเป็นความอัปยศมากถ้าจะต้องสูญเสียทรัพยากรพวกนั้นไป



Yakumo –  ระวังตัวกันด้วยนะ มันแข็งแกร่งกว่าที่เห็นเยอะเลย
Louis – เราจะปกป้องนายให้ดีที่สุด แล้วก็อย่าลืมปกป้องหัวใจตัวเองให้ดีด้วยล่ะ   
JACK –   แหม่ๆ งั้นคงต้องขอลองดูซักหน่อยแล้วสิ 
Mia – มีเรื่องอีกเยอะที่ชั้นอยากจะรู้ และแกต้องเป็นคนบอกชั้น ..ไม่สิ ชั้นจะทำให้แกยอมบอกชั้น !!



                                              JACK –  หือ .. เธอมาที่นี่ทำไม ?
                                Eva – มาเพื่อหยุดไม่ให้คุณเลยเถิดจนเกินไปยังไงล่ะ 



 Eva – อ๊ากก !
JACK –   Eva !! ... เออ พอแค่นี้ก็ได้ ชั้นยอมหนีก็ได้ แต่เฉพาะแค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ 



JACK –    แต่ จงจำไว้ด้วยล่ะ ชั้นจะกลับมาหาแกอีกแน่นอน  เอาขอเสนอของชั้นกลับไปคิดดูก็แล้วกัน 



**************************************************************************




                                                           Blood Code: Isis

                                   (ได้รับหลังเอาชนะบอส Successor of the Ribcage)

                                                        เจ้าของ : Aurora Valentino



                                                           Isis Gifts 

Vow of Ichor - ลดค่าสูงสุดของ HP ลง 10% เพื่อเอาไปเพิ่มปริมาณของเกจ ichor + 6 point
Plasma Roar - สร้างกระสุนไฟฟ้าพุ่งโจมตีศัตรู
Blast Bolt-  สร้างกระสุนไฟฟ้าจำนวนมากพุ่งโจมตีศัตรู
Draconic Stake – เปลี่ยนเลือดเป็นแท่งพุ่งโจมตีศัตรู
Indra's Coilb – สร้างสายฟ้า 3 อันโจมตีศัตรู
Fourfold Verdict - ยิงกระสุนสายฟ้าใส่ศัตรูเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
Shadow Leap – ท่าปล่อยคลื่นกระแทกออกไปรอบๆตัวพร้อมกับกระโดดแดชถอยหลังหลบการโจมตี


                                             Restore Vestige



                                                      ISiS Vestige I 

 [เมื่อนำเอา Isis Vestige Part A มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Auroraได้]     

                                           Aurora Memories # 3



Aurora – ชั้นตื่นเต้นมากๆเลยนะที่เราได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ขอบคุณเช่นเคยนะ Karen 
Karen – ชั้นยินดีมากเลยล่ะ อ่อ อย่าลืมแวะไปหา Louis ด้วยนะโอเค๊? เขาต้องดีใจมากๆแน่ถ้าเจอคุณที่นี่ 
Aurora – ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้ตอนนี้ขึ้นมหาลัยแล้ว ชั้นว่ามันเป็นเป็นการบอกเป็นนัยๆว่าชั้นนี่แก่ขึ้นเยอะเลย  
Karen – แถมยังเข้มงวดอย่างกับพ่อซะด้วยสิ  

      

Aurora – ปรสิต BOR ที่ชอนไชเข้าไปอาศัยในร่างของคนตายและทำการกระตุ้นทุกๆเซลให้ทำงานอีกครั้ง มันน่าเหลือเชื่อมากๆเลย ชั้นคิดว่ามันเป็นแค่นิยายวิทยาศาสตร์มาตลอดเลยนะ 
Karen – ชั้นได้ยินมาว่าถ้าเรารู้ว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงบ้าคลั่ง เราก็จะสามารถเริ่มการวิจัยทางคลินิกได้Aurora – ถ้าเราสามารถควบคุมพลังของพวกเขาได้ นั่นจะเป็นการปฎิวัติในเรื่องยาของเราเลย และเราก็ต้องทำมันให้ได้ Karen ชั้นรู้ว่าเราต้องทำได้แน่นอน



Aurora – Karen เกิดอะไรขึ้น ? เธอบาดเจ็บรึเปล่า !?
Karen – ปรสิต BOR ล่ะ ?
Aurora – ไม่เป็นไร พวกมันยังหลับอยู่ในหลอดทดลอง แต่ตอนนี้ชั้นเริ่มกังวลมากขึ้นแล้ว ..ดูนั่นสิ ..
Karen – เกิดอะไรขึ้นกับโลกหรอ? 
Aurora – Karen ..มันอาจจะฟังดูบ้าซักหน่อย แต่ เราต้องใช้ ปรสิต BOR กับศพของคนที่ตายเพื่อเปลี่ยนพวกเขาเป็นทหารเพื่อใช้ต่อสู้กับพวกมัน
Karen – พวกสัตว์ประหลาดนั่นกำลังแพร่กระจายทำลายผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ทำมันในตอนนี้ 
Aurora – ใช่แล้ว เราไม่มีเวลาคิดมากแล้ว จริงมั๊ย?  .. ชั้นเสียใจนะ . 



                                             ISiS Vestige III

 [เมื่อนำเอา Isis Vestige Part D และ Isis Vestige Part E มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Auroraได้]     

                                               Aurora Memories # 4



Aurora – ชั้นไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่เริ่มถูกผนึก Relic ..ชั้นร้อนเหลือเกิน ..มันเหมือนกับ เลือดที่อยู่ในเส้นเลือดกำลังจะเดือด ..Karen เธอปลอดภัยรึเปล่า? ชั้นไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถ้าที่ทำไปมันทำให้เธอต้องเจ็บปวดทรมาน 




พอนานเข้า ชั้นก็พบว่า ชึ้นเริ่มจะเจ็บปวดน้อยลง ชั้นรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความชั่วร้ายขึ้นทีละนิด ทีละนิด เหมือนกับความเป็นมนุษย์กำลังถูกกระชากฉีกออกเป็นชิ้นๆ ..ตอนนี้ชั้นจำชื่อตัวเองไม่ได้แล้ว ... แต่มีสิ่งนึงที่ชั้นไม่มีวันลืม ..


                                       ปรสิตปฏิรูปชีวภาพ

          BOR Parasites (Biological Organ Regenerative Parasites)

คือ ปรสิตที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยกระตุ้นเซลต้นกำเนิดให้สร้างอวัยวะขึ้นมาใหม่ โดยใช้หลักการเดียวกับการสร้าง เลือด ผิวหนังและเนื้อเยื่อลำไส้ เมื่อนำพวกมันฝังตัวลงไปในหัวใจของซากศพของมนุษย์เพื่อใช้เป็นโฮสต์ มันจะสูบฉีดเลือดของมันไปที่โฮสต์ที่มันเกาะอาศัยเพื่อเข้าควบคุม อวัยวะทั้งหมดรวมถึงหัวใจและสมองเพื่อให้ โฮสต์ ของมันคืนชีพอีกครั้ง โดยมนุษย์ที่ถูก ปรสิต BOR ครอบงำนั้นเรียกว่า Revenants หรือผู้ฟื้นคืน ที่หิวกระหายเลือดเป็นอาหาร โดย Revenants ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของตัวเองโดยสมบูรณ์แต่ก็ยังถูก ปรสิต BOR ทำหน้าที่สำคัญของร่างกายทั้งหมด 
Revenants ยังสามารถกินอาหารและน้ำได้ปกติ แต่เนื่องจากร่างกายของพวกเขาไม่มีเม็ดเลือด จึงต้องการเลือดหรือสสารคล้ายเลือดเพื่อความอยู่รอด 

และเมื่อเกิดความกระหายเลือดจากการไม่ได้ดื่มเลือดเป็นเวลานาน ปรสิต BOR ก็จะกระตุ้นระบบประสาทของ Revenant ที่เป็น โฮสต์ เพื่อตอบสนองต่อความอดอยากเลือดของมัน จนเมื่อความกระหายถึงขีดสุด ปรสิต BOR ก็จะครอบงำร่าง โฮสต์ ที่มันอาศัยอยู่โดยสมบูรณ์แล้วเปลี่ยนสภาพ Revenant ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่เรียกว่า LOST พวก LOST นั้นจะไม่มีการตายโดยสมบูรณ์แม้จะโดนทำลายหัวใจ ปรสิต BOR สามารถสร้างร่างกายของพวกมันขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง ไม่มีวันจบสิ้น แต่ร่างที่กำเนิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าของ LOST จะบิดเบี้ยวอัปลักษณ์มากขึ้นจนร่างของพวกมันไม่เหมือนเดิมอีกเลย

ในกรณีเมื่อเหล่า Revenant ตายในแบบปกติโดยไม่ได้ถูกทำลายที่หัวใจ ศพของพวกเขาจะไม่เน่าแต่จะกลายเป็นหมอกสีทองที่เรียกว่า Haze และสามารถฟื้นคืนชีพอีกครั้งได้เมื่อเวลาผ่านไปซักระยะ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่  Revenant ที่ฟื้นคืนกลับมาจะสูญเสียความทรงจำของตัวเองไปทีละนิดจนหมดไปในที่สุด แต่หาก Revenant ถูกโจมตีที่หัวใจที่เป็นที่อาศัยของ ปรสิต BOR พวกเขาก็จะกลายเป็นเถ้าธุลี ซึ่งถือว่าเป็นการตายโดยสมบูรณ์ที่ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อีกแล้ว 

Source : https://codevein.fandom.com/wiki/BOR_Parasite


***************************************************************************


หลังจัดการบอส Successor of the Ribcage ได้แล้ว วาร์ปเดินทางมาที่ Cathedral of the Sacred Blood  ที่จุดเซฟ Inner Tower ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของประตูสัญลักษณ์ที่อยู่ที่นี่ เมื่อผ่านประตูเข้ามาได้จะพบจุดวาร์ปสีม่วงที่จะพาวาร์ปเดินทางมาที่สันเขาแห่งวิญญาณเยือกแข็ง (Ridge of Frozen Souls) ได้


             AREA P – 9 : Ridge of Frozen Souls




                    Source Map By https://www.steamah.com/code-vein-all-maps-guide/

เส้นทางเดินตามสันเขาของภูเขาแข็งนั้น ไม่ค่อยจะซับซ้อนมากนัก สามารถเดินไปตามทางได้โดยไม่หลง แต่ที่ต้องระวังคือ พื้นบางส่วนนั้นเป็นพื้นน้ำแข็งที่สามารถแตกหักจนทำให้ตกลงไปตายได้ โดยสามารถสังเกตพื้นที่สามารถแตกหักได้จากสีที่แตกต่างกันออกเป็นสีฟ้าๆ


เข้ามาในช่วงแรกผ่านประตูลูกกรงที่สุดทางเดินที่เปิดไม่ได้ไป เดินทางต่อขึ้นมาจนถึงจุดที่มีศัตรู 3 ตัวตรงที่แคบ ทางซ้ายของทางเดินจะสามารถโดดลงด้านล่างได้ ด้านล่างมี ** Fionn Vestige Part A ** ให้เก็บ ระหว่างทางจะเจอ Richard NPC ที่ให้เควสย่อย (จัดการศัตรูกลุ่มด้านในแล้วเอาไอเทมมาให้เขาก็จะได้ไอเทมตอบแทน เป็น Condensed Loss Shard M กับ Regen inducer มา) ที่สุดทางด้านในจะเจอบันไดที่ปีนขึ้นไปในห้องด้านหลังประตูลูกกรงที่ทางโค้งแรกที่เคยเปิดไม่ได้ ก็จะสามารถเปิดกลับไปทางหลักต่อได้ ลุยต่อไปตามทางขึ้นเขาต่อ ระหว่างทาง มี ** Fionn Vestige Part B ** ให้เก็บ


เดินทางขึ้นเขาต่อจนถึงจุดเซฟ Iceless Falls ที่อยู่ในถ้ำ ลงไปตามทางลงถ้ำทางด้านขวาของจุดเซฟนี้ไปตามทางจนถึงทางแยก ออกไปตามทางแยกซ้ายจะออกมาที่เนินหิมะด้านนอกถ้ำ เข้าไปจัดการศัตรูแล้วเก็บ ** Fionn Vestige Part C ** มา


แล้วเดินทางต่อจนปีนบันไดขึ้นไปบนเนินเขาส่วนกลางที่ Snowfield summit  ระหว่างสังเกตทางเดินขึ้นเขาที่มีซากอาคารอยู่ ด้านหลังจะมี ** Fionn Vestige Part D ** ให้เก็บ จากนั้นก็เดินขึ้นต่อจนถึงเนินเขาด้านบน


Louis – วิวจากตรงนี้สวยมากเลย 
Yakumo – ใช่เลย .. ชั้นว่าชั้นเริ่มเข้าใจแล้วนะว่าทำไมหลายคนถึงใช้การปีนเขาเป็นงานอดิเรก 



Mia – ที่นี่มันเหมือนกับ .... Nicola .. เหมือนชั้นจะเคยพาเขาหนีออกจากที่นี่รึเปล่านะ? ..... ห๊ะ Nicola !!
Yakumo – เดี๋ยวนะ ก่อนหน้านั้น เขากลายเป็นธุลีไปแล้วไม่ใช่หรอ? 
Louis – ระวังตัวด้วย มันอาจเป็นกับดัก !
Mia – Nicola นั่นเธอจริงๆหรอ? เธอต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับชั้นงั้นหรอ?



                                  Louis – หายตัวไปแล้ว ... นั่นมัน Vestige นี่ 
                                  Mia – มันมีความทรงจำของเขาอยู่ด้านในงั้นหรอ?



                               OXIDE – ปล่อยเป็นหน้าที่ผมเอง ......... อ๊ากกกก !!!!!


                                            Nicola Memories # 1



Jack - ผู้สืบทอด (Successor) แต่ละคนมีความสามารถในการสร้าง Crypt ซึ่งเป็นที่อยู่ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด เธอเลือกของเธอรึยังล่ะ Nicola ?
Nicola – ถ้าผมเลือกได้ ผมอยากเป็นอะไรที่มันเจ๋งๆแบบหุ่นยักษ์ที่ต่อสู้กับพวกปีศาจร้ายอะไรแบบนี้อ่ะ 
Jack – แล้วสถานที่ล่ะ ชั้นแนะนำให้เป็นสถานที่ที่ทำให้ใจเธออยู่แล้วสบายใจ
Nicola – ที่ที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจงั้นหรอ ? .... โอเค ผมนึกออกที่นึงแล้ว !   



Nicola – งั้นถ้าผมกลายเป็น ผู้สืบทอด (Successor) แล้ว ผมจะใช้ความสามารถในการก็อปปี้ตัวเองได้รึเปล่าอ่ะ?  ...Mia อาจจะดูเป็นสาวห้าว แต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วเธอเป็นคนที่โดดเดี่ยวมาก ผมว่าเธอต้องเศร้ามากแน่ๆเลยถ้ารู้ว่าจากไปแล้ว
Jack – เสียใจด้วยนะ แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก Relics เป็นอะไรที่อันตรายมาก ถ้าเธอใช้พลังของมันมากเกินไปอาจทำให้กลายเป็นธุลีได้เลยนะ การสร้างร่างแยกเป็นอะไรที่หักโหมเกินไป ชั้นคงจะอนุญาตไม่ได้หรอกนะ แล้วอีกอย่าง Crypt ที่เธอเลือกที่จะอยู่จะมีบาเรียปิดกั้นเธอจากโลกภายนอกด้วย และถึงแม้เธอจะแยกร่างไปอยู่กับพี่สาวของเธอได้ เธอก็ไม่สามารถแชรประสบการณ์ใดๆกับเธอได้อยู่ดี



Jack – เอาล่ะ ที่นี่แหละสนามรบของเธอ ... ผู้สืบทอด (Successor) .
Nicola – โอเค งั้นผมจะออกไปสู้ 
Jack – เธอเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดที่เรามีเลยนะ ชั้นขออธิฐานให้เธอจงพักอย่างสงบชั่วกัปชั่วกัลป์นะ 



  Nicola – ผมขอโทษด้วยนะ Jack แต่ .....ชั้นต้องดูแล Mia .... อั๊กก .



 Mia – Nicola เป็น  ผู้สืบทอด (Successor) งั้นหรอ? ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ที่ชั้นอยู่กับ Nicola ก็คือร่างก็อปปี้ของเขามาตลอด นั่นหมายความว่า ตอนที่ชั้นฟื้นคืนขึ้นมาเป็น Revenant เขาก็ตายไปแล้ว .. 



               Loius – เข้าใจล่ะ ถึงว่าสิทำไมเราให้ Blood beads ไปแล้วเข้าถึงไม่ดีขึ้นเลย 



Mia – มันเป็นไปไม่ได้ ..เราสองคนอยู่ด้วยกันตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนมาถึงตอนนี้ เขาก็ ...  ชั้นไม่เคยสงสัยมาก่อนเลย ..ช่างโง่สิ้นดี ที่ไม่รู้ว่า Nicola เขาอยู่ที่นั่นคนเดียวมาตลอด 
Loius – ชั้นคิดว่า เดี๋ยวเราต้องเจอเขาบนนั้นแน่นอน เราไปหาเขากันเถอะ นั่นแหละสาเหตุที่เรามาที่นี่ไม่ใช่หรอ 
Mia –  อืมมม ... 

                                         ** ได้รับ Fionn Vestige III **

ปลดล็อกจุด Mistle สำหรับเซฟที่ Snowfield summit แล้วเดินทางต่อไปตามทางสันเขาจนถึงจุด Mistle สำหรับเซฟที่ Observatory site จะพบบันไดสำหรับลงไปตามทางเดินใต้ธารน้ำแข็ง จากบันไดที่ลงมาจะเป็นทางแยกซ้ายขวา ลุยเข้าไปจัดการศัตรูทางฝั่งซ้ายเพื่อเก็บไอเทมก่อนแล้วค่อยเดินทางไปฝั่งขวาของบันได เดินเข้าไปที่แยกซ้ายแรกจะออกมาที่ลานกว้างด้านหน้าโดมน้ำแข็ง สำรวจจุด Mistle สำหรับเปิดแผนที่ที่อยู่ริมหน้าผาทางขวาก่อน แล้วค่อยลุยเข้าไปด้านในจนถึงทางเข้าโดมน้ำแข็งที่มี Cyllene ยืนอยู่ สามารถ Restore Vestige กับเธอได้


                                                ** ข้อควรระวัง **

ตรงนี้เป็นจุดที่สำคัญมากต่อการได้ Blood Code  Fionn ของ Nicola มาครอบครอง โดยเมื่อเก็บรวบรวม Fionn Vestige Part A / Fionn Vestige Part B / Fionn Vestige Part C และ Fionn Vestige Part D มาจนครบแล้ว ต้องเข้าไป Restore Vestige กับ Cyllene เพื่อซ่อมแซมความทรงจำของ Nicola ใน Fionn Vestige Core ก่อน จะเข้าไปสู้กับ บอส  เพราะหากไม่ได้ทำตามเงื่อนไขโดยการไม่ได้  Restore Fionn Vestige Part A – D ให้ครบ  ก็จะไม่ได้ Blood Code  Fionn จาก Nicola หลังสู้กับบอส ซึ่งจะส่งผลต่อการจบแบบ Good Ending  เพราะไม่สามารถย้อนกลับมาเก็บ Blood Code  Fionn นี้ได้อีกแล้ว นอกจากเล่นรอบ 2 

                                                       Restore Vestige


                                                        Fionn  Vestige II 

 [เมื่อนำเอา Fionn Vestige Part A และ Fionn Vestige Part B มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Nicola ได้]       


                                             Nicola Memories # 2


Mia – Nicola นั่นเธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?
Nicola – กำลังฝึกดาบไงครับ วันนึงผมอยากจะเป็นอัศวินให้ได้เลยคอยดู 
Mia – ว้าว ฟังดูน่าสนุกแฮะ งั้นลองมาประลองกับพี่ซักตั้งเป็นไง?
Nicola – จริงดิ ? ออมมือให้หน่อยล่ะกันนะพี่ Mia 


Mia – ไอ้พวกงี่เง่าเอ้ย ไปให้พ้นเลยนะ !! .... Nicola เป็นยังไงบ้าง? 
Nicola – ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เป็นไรมากหรอก แต่ มันทำให้พี่ต้องมาช่วยผมอีกแล้วนี่สิ 


   Nicola – ผมจะฝึกให้หนักขึ้นจะได้แข็งแกร่งขึ้น เผื่อว่าซักวันผมจะได้ปกป้องพี่ Mia บ้างไงครับ !


                                                       Fionn  Vestige IV 

 [เมื่อนำเอา Fionn Vestige Part C และ Fionn Vestige Part D มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Nicola ได้]   

  
                                               Nicola Memories # 3



                         Mia – ไอ้พวกนั้นมันตัวอะไรน่ะ ? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่นี่เนี่ย ?
                                                        Nicola – Mia ระวัง !!


Nicola – ผมอยู่ที่ไหนครับเนี่ย? 
นักวิจัย – เธอโชคดีมากเลยนะหนูที่ฟื้นคืนมาได้ 
Nicola – แล้ว Mia พี่ผมล่ะครับ?  พี่ผมอยู่ไหน?
นักวิจัย – เอาตอนนี้ เธอพักก่อนนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้น เราจะพาพี่สาวเธอกลับมาเร็วๆนี้แหละ ชั้นสัญญา


นักวิจัย – ผลการทอสอบของ Nicola ออกมาดีมาก เขาสามารถเป็นผู้สืบทอด (Successor) ได้นะ
Nicola - ผู้สืบทอด (Successor) งั้นหรอ?
นักวิจัย – ก็ใช่  แต่จากข้อมูลตัวเลขที่วิเคราะห์ได้เขาผ่านอย่างเฉียดฉิวเลยนะ 
นักวิจัย – ถ้างั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับเขาแล้วล่ะ 

              เมื่อเข้าไปด้านในโดมน้ำแข็งก็จะพบร่าง ผู้สืบทอด (Successor) ของ Nicola


                                                              Loius – นั่นมัน ..
                                             Yakumo - ผู้สืบทอด (Successor) .. ไม่สิ ..


                                        Mia – Nicola



Nicola – Mia ! ....อ๊ากกกกก  ชั้นไม่ยอมแพ้หรอก !!
Mia – Nicola !!
Nicola – ชั้นจะไม่ยอมให้พี่ Mia ได้รับอันตรายเด็ดขาดเลยคอยดูสิ !!



Loius – เขาอยู่ที่นี่เพื่อต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่ทำให้ตัวเองเกิดอาการบ้าคลั่งอยู่ตลอดเลย เหลือเชื่อจริงๆ
Yakumo – อึดจริงๆเจ้าเด็กคนนี้ 
Mia – พี่ขอโทษนะ Nicola ที่ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ตอนนี้พี่ของเธอมาอยู่ตรงนี้แล้ว อ๊ากกก !!!!



                                          Boss – Successor of the Breath 



Mia – ขอบคุณมากนะ ..เป็นน้องที่คอยดูแลพี่มาตลอด Nicola ..พี่เสียใจ ขอโทษด้วยนะ  ...ชั้นไม่เป็นไร ชั้นโอเค จริงๆนะ 


                             OXIDE - อ๊ากกกกกก !! 

                  
                            Nicola Memories # 2




นักวิจัย –  ไม่มีใครบอกได้แน่นอนหรอก บางคนถ้าโชคไม่ดีก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ..ชั้นเสียใจด้วยนะ
Nicola – อืมม ครับ ผมเข้าใจ ...



JACK – แน่ใจแล้วหรอ? เธอยังเด็กอยู่เลยนะ 
Nicola – มันไม่สำคัญหรอก เมื่อผมกลายเป็น ผู้สืบทอด (Successor) แล้ว ผมก็จะช่วยให้ Mia ปลอดภัยได้ ผมไม่ยอมให้โลกถูกทำลายก่อนที่ Mia จะตื่นขึ้นมาหรอก !



Nicola – ผมหวังว่า ถ้า Mia ตื่นขึ้นมา เธอจะไม่เป็นอะไร ผมจะต่อสู้เพื่อปกป้องเธอเอง พี่จะฟื้นในไม่ช้านี้แน่นอน Mia


                                                           Mia – Nicola !!
                                            Nicola – Mia หรอ? นี่พี่จริงๆหรอเนี่ย? 



Mia – พี่ขอโทษนะที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวมาตลอด 
Nicola – ผมไม่เป็นไรหรอก .. นี่พี่จริงๆใช่มั๊ยเนี่ย Mia !? ..ผมดีใจมากที่พี่ตื่นขึ้นมาจนได้ แถมพี่เพื่อนดีๆตามมาด้วยอีกเพียบเลยดูสิ 


Mia – นั่นก็ต้องขอบใจเธอนะ Nicola เธออยู่เคียงข้างพี่มาตลอด นั่นทำให้พี่มีพลังที่จะต่อสู้ต่อไป เพราะงั้นพี่ถึงมาที่นี่ เธอช่วยให้พี่ปลอดภัยมาตลอดเลย เธอช่วยปกป้องพี่และทำให้พี่กล้าหาญ  ไม่งั้นพี่จะมีความหวังไปเพื่ออะไร
Nicola – Mia .. 
Mia – Nicola Karnstein นายชายสุดที่รักของพี่ เธอเป็นอัศวินของพี่อย่างแท้จริง และเป็นอัศวินที่แข็งแกร่งกว่าอัศวินไหนทั้งหมด ...พี่รักเธอนะ Nicola .. 



       Nicola – ขอบคุณครับพี่ Mia ... ผมก็รักพี่เหมือนกันครับ ...



                Mia – ขอบคุณนะ Nicola ... สำหรับทุกอย่าง 



  *************************************************************************
                                                   ** ข้อควรระวัง **

เมื่อเริ่มบังคับตัวละครได้ ก่อนออกประตูจากความทรงจำของ Nicola หากคุณซ่อมแซมความทรงจำ
ของเขาได้แล้ว สำรวจที่ร่างของ Nicola แล้วเลือก Restore Memory  หลังกลับออกจากความทรงจำของ Nicola ก็จะได้ 
Blood Code  Fionn ของเขามา 

**************************************************************************



Mia – ชั้นไม่รู้ว่าจะตอบแทนให้พวกคุณยังไงกับทั้งหมดที่ช่วยชั้นให้ได้เจอน้องอีกครั้ง ชั้นเป็นหนี้พวกคุณมากมายจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนด้วยอะไรเลย 
Louis – เป็นเกรียติที่ได้ช่วยต่างหาก ..ผมก็หวังให้คุณตามพวกเรามาอ่ะนะ แต่ ..
Yakumo – จะหนูนั่นให้ชีวิตกับเธอแล้ว ส่วนเธอจะใช้มันยังไงนั่นเธอต้องเลือกเอง 



Mia – Nicola ให้ชีวิตกับชั้นงั้นหรอ? .... ชั้นเอ่อ .. ยังมี ผู้สืบทอด (Successor) อื่นๆที่มีชะตากรรมเหมือนกับเธอ ที่ต้องต่อสู้กับตัวเองเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป ...มันคงจะผิดมหันต์ถ้าชั้นจะหยุดแค่นี้ จริงมั๊ย Nicola ? แล้วพี่จะกลับมาหาเธออีกนะ น้องรักของพี่ ..

*ได้รับ Blood Code  Fionn , Blood Code Queen’s Breath , Breath Vestige Core และ Fionn Vestige V *



                                             Blood Code Fionn

                                                           GIFTS

Focused Guard  -  เพิ่มการป้องกันอาวุธจากการโจมตีทางกายภาพในขณะที่ใช้โหมด Focus
Hammer Mastery -  เพิ่มพลังโจมตีให้มากขึ้นเมื่อสวมใส่อาวุธประเภทค้อน
Ice Barrage –  ท่ายิงกระสุนน้ำแข็งเป็นวงกว้างใส่ศัตรู
Frost Weapon -  เพิ่มความเสียหายของธาตุน้ำแข็งให้กับอาวุธชั่วคราว
Red Shoes –  สามารถใช้ HP ทดแทนเกจ Stamina เมื่อหมดแรง
Crushing Might – ทำให้สามารถทำลายการ์ดของศัตรูได้ง่ายขึ้นชั่วคราว

Grave Knocker – ท่ากระทืบเท้าสร้างคลื่นอัดกระแทกโจมตีศัตรูที่อยู่ในรัศมี


                       Blood Code Queen’s Breath

                                                        GIFTS 

Cloak of Winter – ท่าอัดกระแทกด้วยแท่งน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นรอบๆตัวด้วยความรุนแรง
Legion Punisher ท่าโจมตีด้วยการเหวี่ยงอาวุธฟาดจากระยะไกลก่อนหมุนตัวโจมตีซ้ำ
Aurora Flash –   ท่าโจมตีด้วยการสร้างใบมีดน้ำแข็งตวัดโจมตีศัตรูในระยะใกล้
Revenant's Ambition -  ช่วยให้ตัวละครสามารถสวมใส่อาวุธและ blood veils ขนาดใหญ่ได้
Juggernaut - เพิ่มความสมดุลและความต้านทานต่อการโจมตี แต่จะลดความคล่องตัวและความต้านทานต่อเวทย์ธาตุต่างๆลง


 จากนั้นออกมาด้านหน้าทางเข้าโดมน้ำแข็งที่  Cyllene ยืนอยู่ ตอนนี้เธอจะไม่อยู่ตรงนี้แล้วแต่จะพบ Eos Vestige Part A ตกอยู่ เก็บแล้ววาร์ปกลับมาที่ฐานได้เลย     
                    

                                            HOME BASE



Louis – เธอพอที่จะซ่อมอาวุธนี่ให้หน่อยได้มั๊ย?
Murasame – โห ดูเหมือนนายจะใช้งานมันคุ้มเลยนะเนี่ย แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวชั้นซ่อมให้เอง ...ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นหรอ ทำไมพวกนายกลับมาแล้วดูแฮปปี้กันจัง โดยเฉพาะ Mia                       
Louis – อืมม หรอ ..... ห๊ะ !? นั่นมัน 
Yakumo – นังนั่นมาทำบ้าอะไรที่นี่วะเนี่ย?



             Eva – ได้โปรด ช่วย Jack ด้วย ...คุณต้องช่วย Jack .... 



                                    Mia – เธอกำลังกระหายเลือด !
     Louis – เอาล่ะ ช่วยกันอุ้มตัวเธอไปข้างใน เราจะช่วยรักษาเธอ 



Louis – เป็นไง รู้สึกยังไงบ้าง?
Eva –ชั้นต้องขอโทษด้วยที่จู่ๆก็เข้ามาต่อรองแบบนี้ 
Mia – ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรอ?
Eva – พวกคุณรู้จักถ้ำที่อยู่ใต้ วิหารแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ (Cathedral of the Sacred Blood) รึเปล่า?  ... เราถูกโจมตีที่นั่น ..Jack ต้านพวกมันเอาไว้ ส่วนชั้นก็ 
Yakumo – ถูกโจมตีงั้นหรอ? เดี๋ยวนะ แล้วตอนที่เราเจอกันพวกแกลงไปทำอะไรกันที่นั่นกันแน่ 



 Eva – ภารกิจของเราก็คือ คอยปกป้องเหล่า ผู้สืบทอด (Successor) กับ Relics ของพวกเขาและเพื่อไม่ให้เกิดอาการกระหายจนบ้าคลั่ง พวกเขาต้องการใครซักคนคอยเฝ้าระวังและคอยตักเตือนพวกเขาถ้าพวกเขากำลังจะกลายร่าง ผู้สืบทอด (Successor) กับ Relics ก็เปรียบเสมือนร่างกายกับจิตใจ ถ้าร่างกายแตกสลายก็ต้องหาร่างอื่นมาแทนที่ เพราะงั้น ..
Louis – เพราะงั้นพวกคุณจึงตามล่า Revenants ใช่มั๊ย? 
Eva – เราต้องพิจารณาทุกทางเลือกที่เป็นไปได้ ใช่ เราต้องทำแบบนั้นจริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วก็มีอยู่แค่ทางเดียวที่พอจะทำได้ ชั้นรู้ว่ามันไม่มีข้อแก้ตัวในสิ่งที่เราทำหรอก แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ มันเป็นเพียงภารกิจที่ฉันจะต้องอยู่กับมันให้ได้ก็เท่านั้น 


Eva – ชั้นต้องเก็บพวกเขาอยู่กับตัวตลอด และชั้นก็ไม่เคยลืมใบหน้าและความฝันของใครก็ตามที่ต้องก้าวเข้ามาเพื่อทำให้ Relics ปลอดภัย 
Louis – ให้ชั้นเดานะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะหาร่างอื่นมาแทนที่ใช่มั๊ยล่ะ 
Eva – เพราะงั้นเราถึงต้องมาที่นี่ ก็เพื่อตรวจสอบอาการผิดปกติของ ผู้สืบทอด (Successor) คนอื่นๆ 
Yakumo – เดี๋ยวนะ พวกแกก็เป็น ผู้สืบทอด (Successor) เหมือนกันงั้นหรอ?
Eva – Jack เป็นคนเฝ้าดู ผู้สืบทอด (Successor) ที่มีสัญญาณว่าจะเกิดความกระหายและบ้าคลั่ง ส่วนชั้นก็เป็นคนแทนที่พลังของผู้สืบทอดชั่วคราวจนกว่าจะเจอร่างของคนที่เหมาะสม เสียงของชั้นมีพลังพิเศษที่สามารถทำให้หายจากการกระหายเลือดและบ้าคลั่งได้ อย่างน้อยก็แค่ชั่วคราว 



 Louis – แทนที่ร่างต้นเลยงั้นหรอ? อืมมม ชั้นว่าชั้นเริ่มที่จะเข้าใจแล้ว 
Eva – ผู้สืบทอด (Successor) ที่อาศัยอยู่ที่ถ้ำใต้วิหารแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ (Cathedral of the Sacred Blood) นั่น เราก็พยายามจะลงไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบดู ชั้นรู้ว่ามันไม่เหมาะที่จะขอให้พวกคุณช่วย แต่ ..



Louis – เอาล่ะ เธอพักอยู่ที่นี่แหละ พวกเราจะไปช่วย Jack เอง ชั้นสัญญา แต่ ชั้นมีคำถามจะถามเรื่องนึง  ผู้สืบทอด (Successor) ที่อาศัยอยู่ที่ถ้ำใต้วิหารแห่งเลือดศักดิ์สิทธิ์ (Cathedral of the Sacred Blood) นั่น เธอรู้มั๊ยว่าเขาคือใคร? 
Eva - นอกเหนือเขาจะความพยายามศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ในด้านต่างๆแล้ว เขาก็ยังมีส่วนร่วมในการวิจัยพวก Revenant และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Q.U.E.E.N ด้วย ชั้นว่าพวกคุณคงเคยได้ยินชื่อเข้ามาบ้างแน่นอน เขาชื่อ Juzo Mido 



                                          Yakumo – ว่าไงนะ Mido งั้นหรอ !!?
                                     Mia – นายรู้จักหรอ?

   

  Yakumo – เออสิ รู้จักดีเลยล่ะ มันเป็นคนที่หลอกใช้และหักหลังชั้นกับครอบครัวน่ะสิ  !!


หากเก็บ  Eos Vestige Part A ที่ตกอยู่ตรงที่ Cyllene เคยยืนอยู่หน้าห้องบอส Successor of the Breath มาด้วยก็เข้าไปคุยกับ lo ที่จุด Restore Vestige


Lo – Leda ...คุณรู้จักเธอด้วยหรอ ชั้นได้ยินมาว่าเธอเหมือนชั้นมากดูเหมือนว่าจู่ๆเธอก็หายตัวไปเหลือไว้แค่ Vestige อันเดียว .. Louis คิดว่ามันน่าจะมีความหมายบางอย่างเลยให้นำมาให้ชั้น ชั้นเองแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย แต่ชั้นรู้สึกอย่างรู้ถึงความทรงจำที่อยู่ด้านใน Vestige นั่น ..ได้โปรด ชั้นขอดูหน่อยจะได้มั๊ย? 


                                            Leda Memories # 1



Leda – ท่านผู้สืบทอด (Successor) ชั้นชื่อ Leda เป็นผู้ดูแลและสนับสนุนแบ่งเบาภาระของท่าน
Aurora – เข้าใจแล้ว แต่ยังไงก็เถอะ ชั้นต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถให้เธอเข้ามาข้างในนี้ได้ 
Leda – ชั้นเข้าใจค่ะ และไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับชั้นเลย ชั้นจะขออยู่ดูแลจากข้างนอกนี่แทนก็ได้ 
Aurora – งั้น ..เธอคิดว่าจะมีเวลาอยู่คุยกับชั้นซักพักได้มั๊ยล่ะ?



ผู้บุกรุก – ผู้หญิงนั่น นางเป็นฮันเตอร์ !! นางจะทำอะไรเนี่ย อ๊าก!!
Aurora – Leda .. เธอไปไหนมา?
Leda – อย่าห่วงเลยค่ะท่านผู้สืบทอด (Successor) ชั้นแค่ออกไปทำภารกิจจัดการกับผู้บุกรุกที่เข้ามา แต่พวกมันจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปแล้ว มันได้กลายเป็นธุลีไปแล้ว ..
Aurora – แค่ไล่ไปก็เพียงพอแล้ว ทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น?
Leda – หน้าที่ของชั้นคือคุ้มครองและปกป้องท่าน ชั้นต้องมั่นใจว่าการคุกคามถูกกำจัดลงอย่างสมบูรณ์เพื่อไม่ให้มันมีโอกาสทำให้ท่านได้รับอันตรายได้อีก 
Aurora – ถ้างั้นในฐานะ Successor of the Ribcage ชั้นขอสั่งให้เธอเลิกล่าพวก Revenants อีกเด็ดขาด นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป 
Leda – ไม่นะ ชั้นเสียใจค่ะท่าน ผู้สืบทอด (Successor) แต่ชั้นต้องทำเพื่อให้ภารกิจเป็นไปตามวัตถุประสงค์
Aurora – Leda ....



Leda –ท่านผู้สืบทอด (Successor) คะ ผู้บุกรุกอีกรายได้ถูกขับไล่ไปเรียบร้อยแล้ว .... ท่านผู้สืบทอด (Successor) คะ
Aurora – ดูเหมือน ชั้นคงจะคงอยู่ในตัวตนนี้ได้อีกไม่นานแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ Leda ..และเมื่อเวลานั้นมาถึง สิ่งเดียวที่ชั้นเสียใจคือต้องปล่อยให้เธอต้องอยู่คนเดียว เธอเป็นคนที่มั่นคงและแน่วแน่ในหน้าที่เสมอมา ..
Leda – ชั้น .. ชั้นไม่เข้าใจ ..ที่ผ่านมาชั้นก็ทำหน้าที่อย่างดีมาตลอด ทำทุกอย่างที่ต้องทำแล้ว ทุกอย่างเพื่อปกป้องท่านผู้สืบทอด (Successor)


lo – ผู้ปกป้อง Relics และยืนเคียงข้างดูแลรับใช้ ผู้สืบทอด (Successor) งั้นหรอ? .. ก็คงจะเหมือนกับชั้น หน้าที่ของชั้นคือต่อสู้เคียงข้างและคอยสนับสนุนคุณ เหมือนกับที่เธอกับ ผู้สืบทอด (Successor) เราต่างก็ถูกสร้างมาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน Leda คือผู้รับใช้ ผู้สืบทอด ที่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ดินแดนศักดิสิทธิ์ ชั้นมั่นใจว่าเธอทำหน้าที่อย่างเต็มที่จนวาระสุดท้าย ...แต่ก็ยังไม่พอ ชั้นไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของชั้นตอนนี้ว่ายังไง มันดูเหมือนจะว่างเปล่า มันอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ชีวิตของ Leda ก็หมดไปกับการทำหน้าที่ของเธอ 



lo –...ชั้นอยากจะรู้ให้มากกว่านี้ .. ที่ผ่านมาชั้นทำหน้าที่ของชั้นอย่างไร้ทิศทาง ชั้นทำถูกรึเปล่าก็ไม่รู้? แล้วชั้นมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ที่ชั้นถูกสร้างมามันเพื่อจุดประสงค์อะไร? ถ้าหากชั้นได้อยู่เคียงข้างกับคุณ ชั้นอาจจะค้นพบคำตอบในคำถามที่ชั้นตามหามานานก็ได้ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ชั้นจะขอจากคุณตอนนี้อาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ของฉัน แต่ยังไงซะ ชั้นก็รู้สึกว่าต้องถามคุณอยู่ดี ...ได้โปรด จะว่าอะไรมั๊ย ถ้าคุณจะอณุญาตให้ชั้นติดตามคุณไปด้วยเพื่อต่อสู้เคียงข้างคุณในการเดินทางครั้งต่อไป?
OXIDE - อืมมม ได้สิ
lo - ขอบคุณมากนะ จากก้นบึงของหัวใจเลย ชั้นจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยล่ะ

          ** ตอนนี้ สามารถเลือก lo เข้าร่วมเป็นเพื่อนในปารตี้ในการเดินทางได้แล้ว **
                                                 ** ได้รับ Eos Vestige I ** 

                            เมื่อคุยกับ lo อีกครั้งก็จะได้ Blood Code EOS ของเธอมาใช้



                                                         Blood Code EOS

        

                                                                    GIFTS

Sympathetic Boon - ใช้ HP ของตัวเองเพื่อฟื้น HP ให้กับเพื่อนในปารตี้
Mind / Vitality Up  - เพิ่มค่าสเตตัส mind และ vitality ให้สูงขึ้น
Antibody Generation - เพิ่มความต้านทานต่อการดีบัฟจากศัตรูชั่วคราว
Elemental Wall  เพิ่มความต้านทานต่อการโจมตีเวทย์ทุกธาตุของคุณและเพื่อนในปารตี้ชั่วคราว
Bridge to Glory  เพิ่มพลังโจมตีชั่วคราว
Regenerator  เพิ่มปริมาณ HP ที่ได้รับจากการใช้ไอเทมฟื้นฟูทั้งคุณและเพื่อนในปาร์ตี้
ให้มากขึ้น 15 %
Panacea's Essence – ป้องกันและรักษาคุณและเพื่อนในปาร์ตี้จากการดีบัฟของศัตรู
Ablative Blood  - ช่วยลดความเสียหายจากการถูกโจมตีที่รุนแรง 50%


                                          Restore Vestige



                                                        Eos  Vestige II 

 [เมื่อนำเอา Eos Vestige Part A มาทำการผสมซ่อมแซมแล้วจะสามารถเข้าไปซึมซับความทรงจำของ Cyllene ได้]     

                                                Cyllene Memories # 1




Nicola – เธอเอาแต่มายืนอยู่รอบๆตัวชั้นคอยปกป้องชั้นตลอด ชั้นไม่อยากให้เธอทำแบบนี้ เธอรู้มั๊ย?
Cyllene – ทำไมท่านพูดแบบนั้น  ท่านไม่ต้องการชั้นแล้วหรอ ท่าน ผู้สืบทอด (Successor)?
Nicola – ไม่ ชั้นไม่ได้หมายความแบบนั้น ชั้นแค่ไม่อยากให้เธอเอาเวลาทั้งชีวิตของเธอมาทำแบบนี้เพื่อชั้นคนเดียวน่ะ ชั้นไม่เป็นไรหรอก เธอควรจะใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้างนะ 
Cyllene – ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองหรอ? 



Cyllene – ท่าน ผู้สืบทอด (Successor) บอกว่าให้ชั้นใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง แทนการปกป้อง Relics .. แต่ หน้าที่ของชั้นคือเหตุผลทั้งหมดสำหรับการดำรงอยู่ของชั้นนะ ทั้งหมดก็เพื่อท่าน ผู้สืบทอด (Successor) ถ้าชั้นต้องทิ้งหน้าที่นี้ไป ชีวิตที่เหลือของชั้นมันจะมีความหมายอะไร?



Cyllene – ต้องขอโทษด้วย ท่าน ผู้สืบทอด (Successor) แต่ที่นี่เป็นที่เดียวที่ชั้นอยู่ได้ ไม่มีที่อื่นที่จะไปแล้ว การเป็นผู้ดูแลอารักขาท่านคือหน้าที่ของชั้น  ตราบเท่าที่ท่านยังคงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ชั้นก็จะอยู่ที่นี่เหมือนกัน จากตอนนี้จนถึงตลอดไป จนกว่าเวลาแห่งนฤพานของท่านจะมาถึง 



lo – เหล่าผู้ดูแลค้นพบได้เพียงความหมายในการติดตามภารกิจของพวกเขาเท่านั้นไม่มีการดำเนินชีวิตแบบอื่นใดอีกนอกเหนือจากภารหน้าที่ที่พวกเขาต้องทำ ชีวิตแบบนั้นมันช่างน่าอึดอัดใจยิ่งนัก ..การดำรงอยู่ที่น่าเศร้า ... ถ้าชั้นไม่ได้เจอคุณก่อนหน้านี้ ชั้นคิดว่า ชั้นก็คงเป็นแบบนั้นไม่ต่างกัน


                                             UPDATE 1 / 11 / 2019