วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Days Gone

                             

                                     บทสรุป  Days Gone

                                                 By -  Decibel per Oxide



PART ONE - THE NORTHERN REGIONS


เมือง FAREWELL ทางตอนใต้ของ CANADA ติดกับทะเลสาบฮูรอนและชายแดนของรัฐดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา


สืบเนื่องจากการเกิดระบาดของเชื้อร้ายไปทั่วโลก ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรแต่มันทำให้มนุษย์หลายล้านคนทั่วโลกกลายเป็นสัตว์กินเนื้อที่พร้อมจะเข้ากัดกินทุกสิ่งมีชีวิตที่ขวางหน้าแม้ว่าจะเป็นมนุษย์ด้วยกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่เริ่มทวีความรุนแรงจนยากที่ทางการจะเข้าควบคุม 



ส่วนหนึ่งของแก็งค์มอเตอร์ไซด์ Mongrel MC ที่ยังเหลือรอดอันประกอบด้วย Deacon กับ Sarah ภรรยาของเขารวมทั้ง Boozer เพื่อนรักพยายามที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพาตัว Sarah ภรรยาของ Deacon ที่ได้รับบาดเจ็บไปยังพื้นที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด 


ขอให้ประชาชนทุกคนหาดาดฟ้าของตึกที่ใกล้ที่สุดและหลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่นจนกว่าความช่วยเหลือของทางการจะมาถึง



นี่คือเสียงจากหน่วยป้องกันเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ โปรดฟังอีกครั้ง ขอให้ผู้อพยพทั้งหมดออกจากถนนแล้วเข้าไปอยู่ในอาคารที่ใกล้ที่สุดและหลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่นจนกว่าความช่วยเหลือของทางการจะมาถึง


Deacon – เออ ดูท่าเธอจะบาดเจ็บ น่าจะโดนมีดหรืออะไรซักอย่างนี่แหละ เหมือนจะโดนเข้าที่ไตหรือไม่ก็แถวๆนั้น เธอกำลังจะติดเชื้อ
Boozer – เธอไปโดนอะไรมาเนี่ย? 
Sarah – มันงี่เง่ามากๆ เขายังเด็กอยู่เลย ยังเป็นเด็กอยู่แท้ๆ ได้เด็กบ้าเอ้ย !!
Boozer – เด็กน้อยที่แม่งดันมีมีดเล่มไม่น้อยนี่สิ 
Deacon – เฮ้ ขอแรงหน่อยสิ 
Boozer – ได้ พวกบ้านั่นกำลังจะมาทางนี้อีกกลุ่มแล้ว เราต้องรีบหนีออกจากตรงนี้ก่อนที่พวกมันจะมาถึงนะ 
Deacon – เราต้องหาทางขึ้นไปดาดฟ้าของตึกเผื่อจะเรียกให้ ฮ. กู้ภัยลงมารับนะ
Boozer – ได้เลย เข้าใจแล้ว 



Deacon – เฮ้ รอก่อน พวกเราต้องการความช่วยเหลือ เธอได้รับบาดเจ็บน่ะ 
O’Brian – เอ่อ แล้วเธอไปโดนอะไรมา?
Deacon – มันเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในเมืองแล้วเธอก็ถูกแทงมา
O’Brian – แต่ ฮ. เรารับทุกคนไปไม่หมดหรอกนะ 



Deacon – โธ่ไม่เอาน่า O’Brian ถ้าไม่รีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเธอจะตายนะ 
O’Brian – ด้านนอกนั่นมันไม่มีโรงพยาบาลเหลือแล้ว
Deacon – ไม่มีโรงพยาบาลเหลือแล้วเนี่ยนะ ไม่เอาน่า พวกนายก็ต้องมีหน่วยแพทย์หรือพยาบาลอะไรซักอย่างบ้างสิ ?
O’Brian – เอ่อ ผมก็แค่เจ้าหน้าที่ฝึกหัดน่ะ โอเค๊? ผม เอ่อ ผมก็แค่อาสามาช่วย ผมไม่ควรออกมาที่นี่ด้วยซ้ำ 



Deacon – O’Brian !
O’Brian – โอเคๆ ก็ได้ บ้าเอ้ย! แต่ผมเหลือที่แค่ 2 ที่เท่านั้นนะ 2 ที่ 
Deacon – หมายความว่าไงที่นายมีที่ให้เราแค่ 2 ที่ ?
O’Brian – ก็น้ำหนักมันเกินไม่เข้าใจรึไง? ผมพาพวกคุณไปได้แค่ 2 คนโอเค๊?
 Deacon – เออ ก็ได้ งั้นมาช่วยหน่อย ... เอาล่ะที่รักคุณจะต้องปลอดภัยนะ  เฮ้ ฟังนะ เดี๋ยวผมจะตามไปทีหลังนะ 



 Deacon – เอาล่ะ Boozer ไปเถอะ นายรีบไปขึ้นเครื่องได้แล้ว !
Boozer – เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ ชั้นได้ยินไอ้หมอนั่นพูดว่าเหลือที่แค่ 2 ไม่ใช่หรอ? นายไปกับเธอเถอะ โอเค๊? ชั้นไม่เป็นไรหรอก แย่กว่านี้ก็เจอมาแล้วว่ามั๊ยล่ะ? 
Deacon – ช่าย ..หนักกว่านี้เราก็เจอมาหมดแล้ว



Deacon – เฮ้ นี่ ถามไรหน่อย ฮ. ของนายจะบินไปที่ไหนหรอ?
O’Brian – ไปที่ค่ายผู้อพยพทางตะวันตกของเทือกเขา Three finger jack 
Sarah – ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้ !
Deacon – ฟังนะ Boozer เขาไม่รอดแน่ถ้าไม่มีผม ... คุณเก็บแหวนนี่ไว้นะ แล้วผมจะไปเอาคืน 
O’Brian – คุณจะไม่ไปด้วยหรอ?
Sarah – ไม่ ...



                                                                Boozer – Deek !!



                                       Boozer – โอ้ให้ตายเหอะ ที่นายทำอะไรลงไปวะ?



                         STORYLINES : CHASING LEON




จากนั้น Deacon และ Boozer 2 สมาชิกของ Mongrels Motorcycle Club ที่เหลืออยูต้องเอาตัวรอด ซัดเซพเนจรไปตาม Pacific Northwest พื้นที่ที่ว่างเปล่าติดกับชายแดนมลรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดาที่คาบเกี่ยวระหว่างรัฐโอเรกอนและวอชิงตันอย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลานานและไร้ซึ่งจุดหมาย 



                                                 (Pic by - andre_revolution )

จนเวลาที่เลวร้ายที่ถาโถมเข้ามาเปลี่ยนให้ 2 ชายวิถีไบค์เกอร์ต้องกลายเป็นนักล่ารับจ้างที่ทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเสบียงอาหารเพื่อความอยู่รอด 


สองปีต่อมาอารยธรรมของมนุษย์ชาติก็เริ่มเสื่อมถอยลงด้วยพยุหะของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมาย ทำให้ทุกพื้นที่เต็มไปด้วย "ผู้ส่งสารแห่งความตาย"ที่เรียกว่า freakers สิ่งมีชีวิตประหลาดผลพวงจากเชื้อร้ายเดินเตร่ไปตามภูมิทัศน์ต่างๆในฐานะภัยคุกคามของมนุษย์ที่รอดชีวิต


                                      รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา 







                                    Deacon – ดูเหมือนเราจะคลาดกับมันไปแล้วนะ 




Boozer – ให้ตายเถอะ เธอยังไม่ตาย Alvarez .. เฮ้ Alvarez ! มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เอ่อ ชั้นหมายถึง นี่เป็นฝีมือใคร ใครเป็นคนทำ พวก Rippers หรอ? 
Alvarez – Le ....Leon เป็นคนทำ ..



                                                        Deacon – ไอ้แม่เย็ด Leon ! 
                                                     Boozer – มาเร็ว ตามไปจับตัวมันกัน !!



                                    STORY MISSION: He Can’t Be Far 



-ขี่รถหลบสิ่งกีดขวางไล่ตาม Leon ไปจนสุดทาง Deacon และ Boozer ก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยกระสุนที่ Leon ยิงดักทางก่อนที่จะรีบวิ่งหนีเข้าป่าไป ทำให้ Deacon ต้องใช้ความสามารถในการแกะรอยเพื่อตาม Leon ไป


โดยการกด R3 เพื่อใช้ Survival Mission ทำให้เห็นร่องรอยต่างๆในพื้นที่ได้เด่นชัดขึ้น และเมื่อสำรวจเพิ่มเติมตามจุดที่เป็นเบาะแสก็จะพบรายละเอียดของเป้าหมายที่กำลังติดตามชัดเจนมากขึ้น


** เลื่อน Touch pad ไปทางขวา หรือ กด R1 เพื่อเปิดแผนที่
** เลื่อน Touch pad ลงล่างหรือ กด R1 อีกครั้งเพื่อเปิด Skill Menus สำหรับอัพเกรดสกิลต่างๆ
** เลื่อน Touch pad ไปทางซ้าย หรือ กด R1 อีกครั้งเพื่อเปิดเมนู Inventory (รายละเอียดของไอเทมต่างๆที่เก็บได้) 
** เลื่อน Touch pad  ขึ้นบนหรือ กด R1 อีกครั้งเพื่อเปิดเมนู Storylines (รายละเอียดของภารกิจต่างๆ /โทรฟี่ / ไอเทมสะสมต่างๆ) 


                        STORY MISSION: We'll Make it Quick

เมื่อตามเบาะแสไปตามทางจนเจอตัว Leon ที่พยายามยิงสกัดทำให้ Deacon และ Boozer ต้องยิงตอบโต้ไปตลอดทางจนสุดท้าย Leon ก็จนมุมด้วยพิษจากบาดแผลที่โดนยิงในขณะที่กำลังวิ่งหนี


Deacon – เลือดออก  ความชิบหายมาเยือนแล้วแบบนี้ แกจะค่อยๆตายอย่างช้าแต่โคตรจะเจ็บปวดเลย แต่ชั้นว่าแกคงจะรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้วจริงมั๊ย Leon ?
Boozer – เธอยังหายใจอยู่เลยตอนที่เราไปพบเธออ่ะ แกมันไอ้เศษสวะเอ้ย !!
Leon – คนอย่างยัยนั่นชั้นไม่ยิงให้เปลืองกระสุนหรอก 
Boozer – แม่งเอ้ย !!!
Deacon –  ใจเย็น ใจเย็น ..... เอาล่ะ เอามันไปซ่อนไว้ที่ไหน Leon?  ... ถ้าแกยอมบอกเราชั้นสัญญาว่าจะจัดการแกให้เร็วที่สุดแบบไม่ต้องเจ็บปวดเลย  ... แกได้ยินเสียงไอ้พวกนั่นมั๊ย ดูเหมือนว่านายคงไม่มีเวลาที่ต้องทนทรมานอีกไม่นานหรอก แล้วนี่ ..แกเห็นมั๊ย เลือดแกไหลนองขนาดนี้ แกมีปัญหาใหญ่แล้วล่ะ เดี๋ยวรับรองว่าไอ้พวกข้างล่างนั่นมันได้กลิ่นเลือดแกแน่นอน  แกคงเดาไม่ออกใช่มั๊ยว่าการถูกแทะกินทั้งเป็นมันจะรู้สึกยังไง? 
Boozer –  ชั้นว่าเดี๋ยวมันก็คงรู้เองแหละว่าจะรู้สึกยังไง
Leon –  Fuck you !! 
Deacon –  งั้นก็ลากันตรงนี้เลยนะ Leon 
Leon –  ไม่ๆ  เดี๋ยวๆ !!  ก็ได้ๆ อย่าไปนะ ชั้นไม่อยากอยู่ที่นี่หรอก .. เอ้า ! เอาไป 


Deacon –  แล้วมันที่ไหนล่ะวะ?
Leon –  มันอยู่ในสุสาน สุสานเก่านั่นไง 
Deacon –  ขอบใจนะ
Leon –   อ้าว เดี๋ยวสิ ไหนแกบอกว่าจะ ..




Leon –   เอาเลย ยิงเลย ขอร้องล่ะ อย่าทิ้งชั้นไว้แบบนี้เลยนะ เอาเลย ยิงเลย ยิงสิวะ! แกมันตอแหลนี่หว่า ยิงสิวะ!!



             Boozer – เอ้านี่ ! เก็บหมวกมันไปด้วย Tuck ต้องการหลักฐานในการขึ้นเงินรางวัล 

จากนั้นตาม Boozer เพื่อย้อนกลับไปที่มอเตอร์ไซด์ ระหว่างทางแวะเก็บไอเทมต่างๆที่อยู่ในซากแค้มป์ที่เจอให้หมด


กด L1 เปิดเมนู Survival Wheel ออกมาแล้ว ลือก Bandage  กด R1 เพื่อ Craft มันขึ้นมาแล้วกด R2 ใช้งานเพื่อรักษาบาดแผลทำให้เกจ HP กลับมาเต็มอีกครั้ง แล้วเดินทางกลับไปยังจุดที่จอดมอเตอร์ไซด์เอาไว้อีกครั้ง


                                                  Deacon –  ไม่ๆๆๆ บ้าเอ้ย ! 
                                                  Boozer – เป็นไรวะ?
                                                  Deacon –  ไอ้ลูกหมาเอ้ย ! 



Boozer – เดาว่า ท่อน้ำมันเชื้อเพลิง ชัวร์เลย ไม่ต้องไปโทษตัวเองหรอกน่า ไม่ใช่ความผิดของนายหรอก
Deacon –  ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงน่ะ Leon แม่งยิงโดนตัวสูบน้ำมันเชื้อเพลิงชั้นซะพังเลยแม่งเอ้ย !! ดูดิ๊พอจะเอาอะไหล่จากรถของ Leon มาใช้ได้เปล่า?
Boozer – รถมันระเบิดพังไปหมดแล้ว สงสัยเราต้องกลับไปที่ O’Leary Mountain กันก่อนแล้วล่ะ คงไปถึงตอนเช้าพอดี หาอะไหล่ให้ได้แล้วกลับมาซ่อมรถของนาย



Deacon –   ไม่ๆ ชั้นว่าชั้นมีไอเดียที่ดีกว่านะ ทำไมเราไม่ลองหาอะไหล่จากที่มันใกล้ๆกว่านี้ล่ะ?นั่นไง อู่ซ่อมรถ Crazy Willie อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก เราไปหาอะไหล่ที่นั่นกันน่าจะดีกว่านะ 
Boozer – เอางั้นจริงดิ?
Deacon – ยังไงคืนนี้เราก็ต้องออกล่ากันอยู่ดีไม่ใช่หรอ?อู่ Crazy Willie นี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว ... โอเค ไปกันเถอะ !



                             STORY MISSION: I Say we Head North




Boozer – เฮ้ ตลกไอ้ Leon มันให้อะไรนายมาหรอ?
Deacon – แผนที่หรืออะไรซักอย่างนี่แหละ เดี๋ยวรอให้ชั้นซ่อมรถเสร็จก่อนแล้วเราไปดูที่สุสานกันเลย 
Boozer – โอเค งั้นพรุ่งนี้เราก็ไปเอายานั่นแล้วค่อยไปขึ้นรางวัลค่าหัวไอ้ Leon กับ Tucker จากนั้นค่อยขึ้นเหนือกันอย่างที่ชั้นเคยบอกก็แล้วกัน
Deacon – ทำไมนายคิดว่าทางเหนือมันจะเหี้ยน้อยกว่าที่นี่วะ?
Boozer – มันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอ ชั้นก็แค่อยากจะไปให้พ้นๆที่ห่านี้ซะทีก็แค่นั้นแหละ 


Deacon และ Boozer มุ่งหน้าจาก สุสาน pioneer cemetery ไปตามถนนสายที่ 22  North Santiam Highway Marion forks -  Salome Hot spring  15 ไมล์ทางใต้ของเมืองดีทรอยต์ ใน Linn County เป้าหมายคือที่ อู่ซ่อมรถ Crazy Willie

แต่ระหว่างทางจะพบรถที่ถูกนำมาจอดขวางเส้นทางอยู่ ทั้งคู่เลยต้องลงไปช่วยกันดันรถให้ออกจากถนนให้พ้นทาง แต่ก็ต้องเจอกับพวกโจรกลุ่มนึงที่ซุ่มอยู่เข้ามาโจมตีเพื่อหวังปล้นจน Deacon และ Boozer ต้องเข้าต่อสู้อย่างพัลวันไปพร้อมๆกับการเรียนรู้ระบบการต่อสู้ระยะประชิด


ด้วยการกด R2 ใช้ Melee attack / ใช้แกนอนาล็อกซ้ายในการเปลี่ยนเป้าหมายแล้วโจมตีต่อเนื่องด้วยปุ่ม R2 / กลิ้งตัวหลบการโจมตีของศัตรูด้วยปุ่ม R1 เมื่อจัดการศัตรูจนหมดทั้งคู่ก็ขี่รถเดินทางต่อไปจนถึงอุโมงค์ที่เคยเป็นจุดตรวจเก่าของ NERO


Boozer – ให้ตายดิ นี่นายจะเอางี้จริงๆใช่มั๊ย? 
Deacon – งั้นขอยืมปืน Shot Gun ของนายหน่อยเดี๋ยวชั้นเดินนำเคลียร์เส้นทางให้เอง 




                                                               Skills



                                                       Melee Skill

Escape Artist – ฆ่าศัตรู (ที่อ่อนแอ) ทันทีหลังจากหลบหนีจากการที่ถูกมันจับได้สำเร็จ
Field Repairs – ความสามารถในการซ่อมแซมอาวุธระยะประชิดด้วยเศษวัถุดิบที่หามาได้
Juice Up – ทำให้ผลของการใช้  Health  และ  Stamina Cocktail เพิ่มขึ้น
Hard Hitter – ทำให้สามารถใช้อาวุธระยะประชิดได้รุนแรงขึ้น (ทั้งอาวุธที่สร้างขึ้นเองและเก็บได้ระหว่างทาง)
Busted Lip –  ทำให้เกจ stamina เพิ่มขึ้นทุกครั้งเมื่อจัดการศัตรูในระยะประชิด
Talk Shit, Get Hit - ทำให้สามารถใช้อาวุธระยะประชิดทำคอมโบได้นานขึ้น
Lightning Reflexes – ทำให้สามารถกลิ้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นเมื่อถูกโจมตีให้ล้มลง
Bull Rush – ทำให้ศัตรูที่เป็นมนุษย์ปกติและ Swarmer มึนงงเมื่อวิ่งเข้าไปโจมตีในระยะประชิด
The Reckoning – เพิ่มโอกาสทำให้สามารถใช้อาวุธระยะประชิดโจมตีแบบ critical takedown กับ ศัตรูที่เป็นมนุษย์ปกติ , Swarmer และ  Newts ได้มากขึ้น
Just Roll with It – ทำให้ใช้เกจ stamina น้อยลงทุกครั้งที่กลิ้งตัว
Rock On – ทำให้ศัตรูที่อ่อนแอมึนงงเมื่อโจมตีมันด้วยหิน
Home Run - ทำให้สามารถใช้อาวุธระยะประชิด (ทั้งอาวุธที่สร้างขึ้นเองและเก็บได้ระหว่างทาง) ได้รุนแรงมากยิ่งขึ้น
Retribution - เพิ่มโอกาสที่จะเกิดการโจมตีแบบ critical และ takedown มากขึ้น 25%
Switch It Up - ทำให้การโจมตีด้วย Boot knife รุนแรงขึ้น 2 เท่าจากปกติ
Executioner - ทำให้สามารถลอบฆ่า Freakers ขนาดใหญ่รวมทั้ง สามารถฆ่า Freakers และสัตว์ขนาดใหญ่ในขณะที่กำลังหนีได้



                                                     Ranged Skill

Focused Shot – ทำให้สามารถใช้ Focus ในขณะเล็งยิงอาวุธระยะไกลได้
Fight and Flight – ทำให้สามารถเล็งยิงอาวุธระยะไกลได้แม่นยำมากขึ้น
Vicious Cycle – ทำให้สามารถโจมตีระยะไกลได้ทันทีหลังจากโจมตีระยะประชิดเพื่อสร้างความเสียหายกับศัตรูอย่างต่อเนื่อง
Suppressing Fire – เมื่อใช้ Focus ในการเล็งยิงอาวุธระยะไกลจะเพิ่มความเสียหายกับศัตรูที่อ่อนแอมากขึ้น
Crowd Control – ทำให้การใช้เวลา cooldown ของ Focus ลดลง
Hyperfocus - ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้  Focus Cocktail เพิ่มขึ้น
On the Move – ทำให้สามารถรีโหลดกระสุนของอาวุธระยะไกลในขณะวิ่งได้
Iron Grip – ทำให้แรงถีบในการใช้อาวุธระยะไกลลดลง
Nocked Up – ทำให้ crossbow bolt มีพลังโจมตีมากขึ้น
Under Pressure – ทำให้ไม่เสียเกจ Focus ในขณะที่กำลังรีโหลดกระสุนอาวุธระยะไกล
Quick Reload – ทำให้สามารถรีโหลดกระสุนอาวุธระยะไกลได้เร็วขึ้น
Deadshot – เพิ่มความแม่นยำของอาวุธระยะไกลให้มากขึ้น
Up the Ante – เพิ่มจำนวนของกระสุนที่สามารถบรรจุได้ของอาวุธระยะไกลทุกประเภท
Two Birds, One Bullet – เพิ่มประสิทธิภาพการเจาะทะลวงของอาวุธระยะไกลทุกประเภทให้มากขึ้น
Head Rush – เมื่อจัดการศัตรูแบบ Headshot จะทำให้ได้พลังชีวิตเพิ่มขึ้น



                                                  Survival Skill 

Eye for Detail - เพิ่มเวลาแสดงไอคอนต่างๆเมื่อใช้ Survival Vision ให้นานขึ้น
Hawkeyed – ทำให้เห็นตำแหน่งของพืชต่างๆใน Mini Map
Thorn on Your Side – ทำให้สามารถเก็บลูกศรที่ยิงออกจาก crossbow กลับมาได้
Eagle Eyed - เพิ่มระยะทางในการใช้ Survival Vision ให้ไกลขึ้น
Thief in the Night – ทำให้การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งเกิดเสียงน้อยลง
Green Thumb – ทำให้สามารถเก็บวัตถุดิบประเภทพืชได้จำนวนมากขึ้นเป็น 2 เท่า
The Butcher - ทำให้ได้ปริมาณเนื้อสัตว์มากขึ้นเป็น 2 เท่าจากการล่าสัตว์
Catch Your Breath – ลดระยะเวลาการ cooldown ของเกจ stamina
Ear to the Ground – ทำให้สามารถเห็นศัตรูเป็นภาพลางๆเมื่อใช้ Survival Vision
Monkey Wrench – ทำให้เศษเหล็กได้น้อยลงในการซ่อมมอเตอร์ไซด์
Second Wind – ทำให้ได้ Adrenaline Rush (AR) มากขึ้นในสภาพใกล้ตาย
Carry that Weight - เพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บของ (inventory) ให้มากขึ้น
The Alchemist - ทำให้ผลของการใช้  Health Cocktail มีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น
Shape Up – ทำให้เกจ stamina ฟื้นตัวกลับมาเร็วมากยิ่งขึ้น
Six Feet Over – ทำให้ได้รับค่า stamina บางส่วนเมื่อได้รับความบาดเจ็บจากการโจมตีของศัตรู

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ในเกมนี้ ภารกิจของเนื้อเรื่องจะดำเนินไปแบบขนานกันในรูปแบบของ Storylines ที่มีสีของแต่ละภารกิจเนื้อเรื่องที่แตกต่างกัน ซึ่งแม้จะจบบทของภารกิจนั้นไปแล้วแต่ก็สามารถย้อนกลับไปทำภารกิจเนื้อเรื่องของบทนั้นๆต่อในภายหลังเพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จให้ครบ 100% ได้อีก โดยการเข้าไปที่เมนู storyline แล้วเลือก "Progress" ซึ่งจะทำให้สามารถเคลียร์ภารกิจย่อยๆของบทนั้นเพิ่มเติมเพื่อความสมบรูณ์ของภารกิจเนื้อเรื่องนั้นๆให้ได้ 100% 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

               
                  STORYLINES : I REMEMBER   


                          STORY MISSION: Bad way to go out 



                                         กดปุ่มทิศทางลงล่าง – เปิด ปิด ไฟฉาย
                กดปุ่มทิศทางขึ้นบน – ใช้กล้องส่องทางไกล (กด R2 กำหนดตำแหน่งของศัตรู)


Deacon – นายได้กลิ่นนั่นมั๊ยวะ? 
Boozer –  แหวะ พระเจ้า ... นั่นไง รังของมัน เร็วๆจัดการมันซะ 
Deacon – เดี๋ยว แปบนึง นายระเบิดขวดที่เก็บไว้บ้างรึเปล่า 
Boozer –  ขวางใส่แม่งแล้วรีบหนีกันเลยดีกว่า 
Deacon – หนีส้นตีนเหอะ
Boozer –  โธ่ไอ้บ้าเอ้ย นายคิดว่ากำลังเคาะประตูตามบ้านว่ามีคนอยู่มั๊ยงั้นหรอ? ... นั่นไง เสียงนั่นรึเปล่าที่นายต้องการนะ



เรียนรู้การใช้ปืน กด L2 เล็งเป้าหมายแล้วกด R2 ลั่นกระสุน และกดสี่เหลี่ยมรีโหลดกระสุน จัดการพวก freakers ที่ออกมจากรังให้หมด


Boozer – พอเหอะ ชั้นว่าแม่งตายหมดแล้วล่ะ นายจะทำปืนชั้นพังซะเปล่าๆ 
Deacon – เออ โอเค 
Boozer – ของขึ้นอีกแล้ว คิดถึงเรื่องบนดาดฟ้าตอนนั้นใช่มั๊ย 
Deacon – นายหมายความว่าไง?
Boozer – ก็ที่ค่ายอพยพนั่นนายก็เคยเป็นแบบนี้ นายของขึ้นทุกทีแหละถ้าคิดถึงเรื่องบนดาดฟ้าตอนนั้น
Deacon – เป็นแบบนี้คือยังไง?
Boozer – เรื่องที่เธอตายมันไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย 
Deacon – หยุดเลย ดีนะที่นายไม่ได้ขึ้นไปด้วย ถ้านายขึ้น ฮ. นั่นไปพร้อมกับ Sarah นายก็คงต้องตายด้วยอีกคน ฟังนะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว 


จากนั้นลุยพวก freakers เข้าไปด้านในอุโมงค์ต่อจนถึงรังของ freakers จุดที่สองใช้ระเบิดขวดเผารังมันแล้วจัดการฆ่า freakers ออกมาให้หมดก็จะสามารถออกพ้นอุโมงค์อีกด้านได้สำเร็จ แต่เมื่อทั้งคู่เดินทางไปถึงอู่ซ่อมรถ Crazy Willie ก็จะพบกับ freakers จำนวนมากอยู่ในพื้นที่เต็มไปหมด


             STORYLINE - HE’S MY BROTHER 


                                  Story Mission : You got a Death wish 



Boozer – โอ้ ให้ตายเหอะ พวกมันเยอะขนาดนี้เราคงต้องการกระสุนมากกว่านี้แล้วล่ะ นายคิดอะไรของนายวะ ตอนนี้ชั้นรู้แล้วว่าแม่งเป็นแผนที่แย่มากๆอ่ะ 
Deacon – ที่นายต้องคือขับตรงไปแล้วล่อพวกมันให้ตามไปให้มากที่สุดก็พอ แล้วชั้นจะอ้อมเข้าไปด้านหลังแล้วเข้าไปสำรวจที่โรงรถนั่น 
Boozer –นายมัน บ้าไปแล้ว ..



Deacon – เออน่า ชั้นขอเวลาหาอะไหล่ที่ชั้นต้องการแค่แปบเดียวแล้วนายค่อยขี่วนกลับมาแล้วเราก็ไปจากที่ห่านี้กัน ...หลังจากที่ชั้นข้าพวกแม่งจนเหี้ยนแล้วอ่ะนะ 
Boozer – ให้ตายเถอะ สาบานต่อพระเจ้า คราวนี้นายได้ตายสมใจแน่นอน 
Deacon – อย่างที่ชั้นเคยบอกนั่นแหละ ... ยังไม่ใช่คืนนี้หรอก 

จากนั้นลอบเข้าไปที่ด้านหลังของอู่ พร้อมๆกับการเรียนรู้ในการก้มต่ำ (กด O) หลบซ่อนตามพงหญ้า แล้วจัดการลอบสังหารศัตรูด้วยการกดสามเหลี่ยมจากด้านหลัง

สำรวจเก็บไอเทมตามอาคารต่างๆจนพบใส้กรองอากาศในรถที่สามารถนำมาสวมใส่กับปืนเพื่อใช้เป็นที่เก็บเสียง (Suppressors) ด้วยการ R1 (attach) ที่ปืนสั้นในเมนูอาวุธ

เก็บแกลลอนใส่น้ำมันเพื่อเอาไว้สำหรับเติมรถมอไซด์หรือใช้ขว้างใส่ศัตรูแล้วยิงให้เกิดการระเบิดด้วยการกด L2 เล็งและ R2 ขว้างในขณะที่ถือแกลลอนอยู่


ลอบอ้อมไปทางขวาของอาคารที่ด้านหลังจะพบที่ปีนขึ้นไปบนหลังคา ที่นั่นจะมีช่องของหลังคาที่สามารถโดดลงไปในอาคารร้านขายของได้ เก็บไอเทมต่างๆแล้วทะลุไปที่อู่ซ่อมรถที่อยู่ด้านในสำรวจซากมอเตอร์ไซด์เพื่อเก็บอะไหล่ที่ต้องการมา         

เมื่อได้อะไหล่ที่ต้องการมาแล้ว Deacon จะได้ยินเสียง Boozer ร้องให้ช่วยดังมาจากด้านหลังของปั๊ม เมื่อรีบออกไปที่เนินด้านหลังของปั๊มก็จะพบว่า Boozer ถูกพวก Ripper กลุ่มพวกคลั่งลัทธิกำลังรุมทำร้ายอยู่


Ripper – นี่คือการตีตรา เครื่องหมายของความตายสำหรับคนที่ได้ตายไปแล้ว สัญลักษณ์แห่งความตายของผู้ที่หลงทาง 
Boozer – ปล่อยชั้นนะโว้ยไอ้พวกลูกหมาเอ้ย !!
Ripper – เจ้านักซิ่งเอ้ย เจ้านำมาซึ่งความตกต่ำ เจ้านักซิ่ง เจ้ากำลังหลงทางและพวกเราได้พบเจ้าแล้ว สอนเขาถึงเรื่อง วิถีแห่งเรา พี่น้องข้า ...เราจะแสดงให้เจ้าดูเอง 



                                                        Boozer – อ๊ากกกก !!! 
                                                 Ripper – ต่ำลงอีก ต่ำลงไปอีก !!!


                     ทันที่ที่ Deacon ก็ไม่รอช้าที่จะกระหน่ำยิงพวก Ripper เพื่อช่วย Boozer ทันที


Boozer – แม่งเอ้ย ไอ้พวกห่านั่น ชั้นจะฆ่าแม่งให้หมดจนไม่เหลือซักตัวเลยคอยดูสิ !!
Deacon – นายปลอดภัยแล้ว มาเถอะ Boozer ไปจากที่นี่กัน โอ้พระเจ้า แขนนาย มาชั้นช่วยพยุง 
Boozer – ไม่เป็นไรชั้นลุกเองไหว !! ไอ้พวก Ripper ชั่วเอ้ย !!!
Deacon – ไม่ๆ นายลุกไม่ไหว มานี่ชั้นช่วยพยุง .... แม่งเอ้ย  freakers มันแห่กันมาแล้ว เราต้องเผ่นแล้วเพื่อน ! 
Boozer – ชั้นรู้สึกเหมือนว่าพวกแม่งอยู่ที่นี่เพื่อรอชั้นมายังไงก็ไม่รู้วะ ชั้นไม่เห็นพวกมันเลยจนมันเข้าโจมตีชั้น อ๊ากก แขนชั้น !!
Deacon – อย่าเพิ่งไปมองมันสิ !
Boozer – ให้ตายสิ ดูแขนชั้นสิ แม่งเอ้ย !!



Deacon – ชั้นซีเรียสนะ ยังไม่ได้สนใจมัน ไม่ต้องไปมองมัน ตอนนี้รีบมาขึ้นรถได้แล้ว !!
Boozer – ไปเลย ไปเลยเร็วๆๆ ......  Fuck you Ripper !!!!
              

Boozer – ให้ตายสิ คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว 
Deacon – เฮ้ ทำไมนายไม่รออยู่ตรงนี้ก่อนล่ะ รอให้ชั้นไปดูให้เคลียร์ก่อนว่ามันปลอดภัย
Boozer – ถ้ามีอะไรผิดปกติก็เรียกชั้นดังๆก็แล้วกัน



Deacon – เอาล่ะ เราพักที่ได้ อย่างน้อยก็คงปลอดภัยได้ซักพัก
Boozer – ถ้าจะให้ดีชั้นขอแบบที่เป็นเหล็กจะดีกว่านะ ... ชั้นคงต้องนอนพักซักหน่อย ให้มันฟื้นตัว
Deacon – ฟังนะ เดี๋ยวชั้นจะออกไปข้างนอก หาอะไรมารักษาแขนนายแล้วก็จะแวะไปเอารถด้วย นายอยู่ได้นะ โอเค๊?
Boozer – ได้ๆ ...
Deacon – ชั้นจะลองไปที่จะตรวจของ NERO พวกเขาน่าจะมียา พวกผ้าพันแผล หรืออุปกรณ์ปฐมพยาบาลเก็บไว้บ้างแหละ 



Boozer – เดี๋ยวๆ นายอย่าจอดรถชั้นทิ้งไว้แบบนั้นนะ นายเอาไปด้วยดีกว่า
Deacon – ไม่ๆ ชั้นจะเดินเท้าไป มันสะดวกกว่าตอนจะเอารถกลับมา 
Boozer – ชั้นมีกระสุนเหลืออยู่นิดหน่อยในกล้องข้างประตูน่ะ แล้วก็ เอา Shotgun ของชั้นคืนมาด้วย 
Deacon – เอ่อคือ ... Boozer ... โอเค มันของนายนี่ 
Boozer – ขอบใจวะเพื่อน ไม่มีมัน ชั้นรู้สึกตัวเปล่าเล่าเปลือยยังไงบอกไม่ถูกจริงๆนะ


                                                STORYLINE UPDATE
                                          STORYLINE – RIPPED APART 




                        STORYLINE: Gear up for the Ride 


                              STORY MISSION: Drifters on the Mountain 


หลังจากพา Boozer เข้าไปพักผ่อนและหลบซ่อนตัวที่ O’leary Mountain Safehouse แล้ว ก่อนออกจากที่นี่สำรวจที่ตู้ล็อกเกอร์เก็บอาวุธใหม่ 2 กระบอกมาใช้ก่อน ปืนสั้น 9MM และหน้าไม้ (Crossbow)

จากนั้นมุ่งไปที่จุดหมายของภารกิจที่จุดสามเหลี่ยมสีส้มทางใต้ของแผนที่ แต่ระหว่างทาง Deacon จะพบคนกำลังด้อมๆมองๆอยู่แถวๆเนินหน้า Safehouse


Deacon – นั่นมันห่าอะไรวะนะ? .. Boozer ทราบแล้วเปลี่ยน  นายยังตื่นอยู่รึเปล่า?
Boozer –ว่าไง Deek ชั้นตื่นอยู่ 
Deacon – ชั้นเห็นใครก็ไม่รู้มาด้อมๆมองๆรอบๆ Safehouse ว่ะ 
Boozer – อะไรวะเนี่ย แล้วมันมาทำอะไรวะ?
Deacon – ไม่รู้เหมือนกันวะ แต่ชั้นกำลังสะกดรอยตามมันไปดูว่ามันมาจากไหนและยังมีพวกมันอีกหรือเปล่า



พวกโจร 1 – ไงเจออะไรบ้าง? ไอ้พวกพเนจรที่เราเห็นมันขี่รถคันเดิมอย่างที่ชั้นบอกรึเปล่า?
พวกโจร 2 – มันจอดไว้สุดถนนบนเนินนู้น ใกล้กับหอคอยตรวจการณ์อะไรซักอย่าง มีรั้วรอบขอบชิดและทุกอย่างที่เราต้องการครบเลย
พวกโจร 1 – งั้นก็หวานหมูนะสิวะ รอให้มืดอีกหน่อยแล้วเราลุยเข้าไปปล้นแม่งเลย ฆ่าแม่งให้หมดแล้วเอาทุกอย่างมาเป็นของเราให้หมด แล้วยึดเอามาเป็นบ้านของพวกเราซะเลย ฮ่าๆ  เออ แล้วแกเห็นพวกมันมีปืนรึเปล่าวะ?
พวกโจร 2 – ไม่รู้วะ แต่ 1 ในพวกมันมีคนพิการคนนึงอ่ะ
พวกโจร 1 – เยี่ยม งั้นเสร็จเราแน่
Deacon – งั้นหรอ? ไอ้แม่เย็ด ! 


Deacon – ไอ้นี่คงคนสุดท้ายแล้ว .. ดูเหมือนคนของ Musta จะตามเรามาถึงนี่ด้วย  ไอ้ลูกหมาเอ้ย!  .. 

Deacon –  Boozer ตอบด้วย ชั้นตามพวกมันมาถึงแค้มป์ของมันแล้ว พวกแม่งกำลังเตรียมจะเข้าไปปล้น Safehouse ของเราด้วย 
Boozer – ก็อย่างที่ชั้นเคยบอก ถึงเวลาที่เราต้องเผ่นขึ้นเหนือกันได้แล้ว 
Deacon – ก่อนจะคิดเรื่องเดินทาง ห่วงเรื่องการรักษาแขนของนายก่อนดีกว่านะ  เดี๋ยวชั้นจะเดินทางต่อไปเอารถของชั้นแล้วนะ เลิกติดต่อ 

เมื่อจัดการพวกโจรจนหมดแล้ว เดินทางมุ่งหน้าไปที่จุดหมายของภารกิจที่จุดสามเหลี่ยมสีส้มต่อยังจุดที่ Deacon ซ่อนรถมอเตอร์ไซด์เอาไว้ แต่เมื่อเดินทางมาถึงจะพบว่ารถของเขาหายไปแล้ว


                          Deacon – ไม่มี !! รถชั้นหายไปแล้ว! Fuck!! แม่งเอ้ย ไอ้ Copeland !!  



Deacon – ... เฮ้ย นั่นแกมาจาก Copeland Camp รึเปล่าวะ!? แกเอารถของชั้นไปไว้ไหน !?
???? – รถอะไรชั้นไม่รู้เรื่อง ชั้นไม่ได้เอารถอะไรของนายไปซะหน่อย สาบานก็ได้ !!
Deacon – ชั้นไม่ฆ่าแกหรอก หยุดวิ่งได้แล้ว !! แม่งเอ้ย 
???? – นายต้องรอไปถาม Copeland เอง ชั้นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น !
Deacon – เฮ้ ชั้นต้องการรถชั้นคืนนะ!
???? – ก็บอกแล้วว่าชั้นไม่รู้อะไรทั้งนั้น !! 
Deacon – แม่งเอ้ย !! เอาล่ะ ที่นี้ขั้นเปลี่ยนใจที่จะฆ่าแกแล้ว !!



Deacon – Boozer นายยังอยู่มั๊ย ตอบด้วย?
Boozer – อยู่ ... เป็นไงได้รถยัง?
Deacon – ไม่ได้ คนของ Copeland แม่งเสือกมาขโมยไปก่อนชั้นมาถึง ตอนนี้ชั้นกำลังวิ่งไปแค้มป์ของมันเนี่ย!


Guard – John นั่นนายใช่เปล่า?
Deacon – มีใครบางคนในแค้มป์นี้ขโมยรถของชั้นไป ! 
Guard – ชั้นไม่รู้เรื่องหรอก นายเข้าไปคุยกับ Manny เอาเองแล้วกัน
Deacon – แน่นอน นั่นเป็นที่แรกที่ชั้นจะไปเลยล่ะ



Deacon – ไง Manny !
Manny – เฮ้ ชั้นว่าขั้นไม่ได้เจอนายแถวนี้มาซักพักแล้วมั้ง หายไปนานเลย หรือไม่ชั้นก็คงมัวแต่ยุ่งเลยไม่ทันได้เห็นนาย วันๆได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียวเลย ที่นี่ต้องขยันพวกเขาถึงยอมเลี้ยงดู  
Deacon –  ชีวิตของชาวแค้มป์ สินะ 
Manny –  ช่าย ชีวิตของชาวแค้มป์ ชั้นเคยอ่านหนังสือเล่มนึง “Zen and the Art of Bike Repair” นายเคยอ่านมั๊ย?
Deacon –  ไม่อ่ะ เดี๋ยวนี้ชั้นไม่มีเวลามาอ่านหนังสือแบบเมื่อก่อนแล้ว 
Manny –   ชั้นเคยอ่านสมัยเป็นทำงานเป็นช่างในอู่รถที่เมือง Farewell .. ช่างที่ดีใจต้องนิ่ง ... มันว่างั้น ชั้นทำงานทั้งๆที่กระเพาะว่างได้ก็เพราะการโพกัสในการทำสามาธิเนี่ยแหละ
Deacon –  Manny  ชั้นกำลังมองหารถอยู่ 


Manny –  งั้นหรอ? โว้ๆๆ ไมได้ๆ คันนี้ไม่ได้ นายไม่อยากได้คันนี้หรอก
Deacon –  ทำไมล่ะ?
Manny –  ก็ไม่รู้ไอ้โง่ที่ไหนจอดทิ้งไว้ข้างนอกจนสนิมขึ้นเต็มไปหมดแล้ว แถมขี่ยากอีกต่างหาก ไอ้โง่ที่ขี่มันคงไม่รู้ว่านี่มันคือ รถแข่ง 
Deacon – งั้นหรอ ฮ่าๆๆ
Manny –  ใช่ งั้นเลย มันเหมาะสำหรับแยกชิ้นส่วนขายมากกว่าที่จะขี่มันนะ แถมมันยังไม่มี  ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ซะด้วย 



Deacon – ให้ตายสิเพื่อน ไอ้ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่ว่ามันเหมือนแบบที่ชั้นมีนี่รึเปล่าวะ? 
Manny –  เออ โอเค ...
Deacon –มันเหมือนแบบนี้รึเปล่า Manny ?
Manny – โอเค โอเค ฟังนะ เวลาที่ชั้นบอกว่า โง่ เนี่ยชั้นหมายถึง ...ไอ้โง่ที่เอารถคันนี้เข้ามาน่ะ พวกมันไม่รู้จักการลากมาอย่างถูกวิธีอ่ะนะ แถมเอามาจอดกองทิ้งอย่างไร้ค่าด้านหลังแค้มป์อีก 


                                  Copeland – Deek .. ตามมา เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย



Copeland – เมื่อคืนก่อนเราเพิ่งจะรับศึกหนักกัน ... พวก Rippers อีกแล้ว 2 ครั้งแล้วที่พวกมันมาป้วนเปี้ยนแถวๆนี้ บางคนบอกว่าพวกมันมาตามหานายกับ Boozer
Deacon – สมัยนี้คนมันก็พูดไปเรื่อยอ่ะนะ 
Copeland – ผู้คนที่นี่ต่างๆก็ต้องดูแลตัวเอง ผ่านไปแต่ละวันโดยไม่มีอาหารเลย นายคงรู้นะว่ามันเป็นยังไง 
Deacon – แล้วทะเลสาบที่อยู่แถวๆนี้ล่ะ?
Copeland – เมื่อก่อนเราก็ได้ปลาเทราท์มาใช้ทำอาหารในจำนวนที่พอใช้อยู่ แต่ทะเลสาบก็อยู่ได้เพราะการละลายชองน้ำแข็ง และตอนนี้มันก็กำลังจะไม่มีน้ำแข็งแล้ว ปลาที่เก็บตุนไว้ก็ค่อยๆหมดไปเรื่อย อีกไม่นานก็คงไม่มีเหลือ ชั้นเคยออกไปล่าสัตว์กับพ่อ เราสร้างหอซุ่มยิงกวางข้างนอกนั่น ตรงจุดที่เป็นดินโป่งที่พวกสัตว์ชอบมากิน เราก็จะล่ามันได้อย่างไม่ยาก มีเนื้อกวางมากพอในฤดูแบบที่เรากินกันไม่หมดเลย
Deacon – ถ้าเป็นเมื่อก่อน ชั้นไม่คิดว่าการใช้เหยื่อล่อกวางมันจะถูกกฎหมายอ่ะนะ 
Copeland – พ่อของชั้นมีกฎหมายอยู่แค่ฉบับเดียว รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ถ้าพ่อมาเห็นพวกเราตอนนี้คง .. อเมริกัน ดินแดนแห่งเสรีภาพ ..บลาๆๆๆๆ ..


Copeland – ชั้นเพิ่งเจอ Leon เมื่อวันก่อน
Deacon – หรอ?
Copeland – เขาว่ากำลังจะเอาของบางอย่างมาให้ชั้นด้วย 
Deacon – งั้นหรอ?
Copeland – ผู้คนที่นี่ต่างก็เจ็บปวดกันมามาก Deek 
Deacon – Leon อ่ะนะ โห ...Tuck บอกว่าอยู่ๆเขาก็รีบร้อนออกไปจากแค้มป์แล้วก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย



Copeland – ชั้นจะบอกอะไรให้นะ ถ้านายเจอสมบัติที่ Leon เอาไปซ่อนไว้ นายต้องเอามันมาให้ชั้นนะ เอามาให้ชั้น เขาใจนะ Deek ถ้านายทำดีกับชั้น ชั้นก็จะลองดูว่าจะช่วยอะไรนายได้บ้าง 
Deacon – รถมอไซด์ชั้นที่คนของนายขโมยไป แล้วก็เอาไปถอดชิ้นส่วนจนหมด 
Copeland – เพื่อความอยู่รอด Deek เพื่อความอยู่รอด 
Deacon – โอเคๆ ชั้นจะท่องจำไว้ให้ขึ้นใจเลย


Copeland – เดี๋ยวๆ หมวกสวยนี่หว่า 
Deacon – ไม่ๆ นายห้ามมาแตะต้องชั้นอีกนะ !
Copeland – ใจเย็น ใจเย็นนนน ... Leon ก็มีหมวกเหมือนแบบนี้ว่ามั๊ย?
Deacon – โธ่ Cope ชั้นสาบานต่อพระเจ้าเลยก็ได้ 
Copeland – ไม่ต้องเลย ... นายอยากจะทำธุรกิจที่ค่ายของชั้นใช่มั๊ย? งั้นนายก็ต้องทำงานให้ชั้นบ้างได้แล้ว 
Deacon – บ้าเอ้ย โอเค Cope ยังไงชั้นก็ยังอยู่ที่นี่ซักพัก นายต้องการอะไรว่ามา?
Copeland – ต้องอย่างงี้สิ ... มันมีพวกเร่ร่อนกลุ่มนึงชอบมาวุ่นวายกับสินค้าที่ชั้นหามาได้ พวกมันมุ่งหน้าไปที่ Radio Tower ทางใต้ของ O’Leary Mountain ตรงนั้นมันสนามหลังบ้านของนายไม่ใช่หรอ?
Deacon – ไม่ใช่ซะหน่อย แต่ เดี๋ยวชั้นจะไปจัดการพวกมันให้เอง 
Copeland – ชั้นรู้ว่านายเอาอยู่อยู่แล้ว


Manny – โย่ๆ นี่ Deek เดี๋ยวๆ คือชั้นไม่รู้จะขอโทษนายยังไงดี คือชั้นไม่รู้จริงๆว่าเป็นรถนาย สาบาน!
Deacon – นายรู้มั๊ยว่าชั้นต้องใช้เวลาแค่ไหนในการประกอบรถนั่นขึ้นมาได้ แล้วรู้มั๊ยว่าชั้นใช้งานมันมานานแค่ไหนแล้ว ชั้นเป็นนักบิดเร่ร่อนนะ Manny !!
Manny – ชั้นรู้ๆ เดี๋ยวชั้นจะประกอบมันให้ใหม่ สาบาน ชั้นจะหาอะไหล่ใหม่มาประกอบให้หมดเลยนายจะเหมือนได้รถคันใหม่เลยล่ะจะบอกให้



Deacon – ฮ่าๆๆ นายคิดว่าไอ้รถคันนี้มันกระจอกงอกง่อยงั้นหรอ? แล้วภาพวาดบนถังน้ำมันของชั้นล่ะ นายรู้มั๊ยว่าเมียชั้นที่ตายไปเป็นคนทำให้เลยนะ !! แล้วนายจะหามันมาให้ใหม่ได้ยัง ห๊ะ? 
Manny – ชั้น ชั้นขอโทษจริงๆ Deek
Deacon – ไปไกลๆส้นตีนเลย !


                                        STORYLINE UPDATE

                                      STORYLINE: Gear up for the Ride 
                                     STORY MISSION: No Starving Patriots

                                      STORYLINE - HE’S MY BROTHER 
                                         Story Mission: Bugged the Hell Out




                                       Sub Mission – Infestation Exterminator

เดินทางไปที่ปั๊มน้ำมัน Crazy Willie แล้วทำลายรังของพวก freakers ที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 4 จุดให้หมด




               STORYLINE - HE’S MY BROTHER 


                                Story Mission: Bugged the Hell Out


-เดินทางเข้ามาที่ตรวจของ NERO (Nero Checkpoint)  ตามเป้าหมายของภารกิจ เป้าหมายคือ หาเครื่องมือพยาบาลไปรักษาแขนของ Boozer เข้ามาสำรวจด้านในจะพบว่าประตูทางเข้าตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นห้องห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของ Nero (Nero Mobile Medical Unit)  นั้นไม่สามารถเปิดได้ เพราะไม่มีไฟฟ้า



- เมื่ออ้อมาด้านขวาของห้องทำงานจะพบเครื่องปั่นไฟ เมื่อสำรวจแล้วจะพบว่ามันไม่มีน้ำมัน เดินไปฝั่งตรงข้ามตรงที่รถลากจอดอยู่จะพบแกลลอนน้ำมันวางอยู่ หยิบมาใส่ที่เครื่องปั่นไฟกดเดินเครื่องจนทำให้ไฟฟ้ามา พร้อมกับการทำงานของลำโพงที่ประกาศดังลั่น


- รีบปีนขึ้นไปทำลายลำโพงที่ด้านบนของตู้คอนเทรนเนอร์ห้องทำงานทั้ง 2 จุดก่อนที่พวก freakers จะแห่กันเข้ามา แล้วค่อยเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยแพทย์แล้วเก็บเครื่องมือปฐมพยาบาลพร้อมทั้ง Nero Injector หรือยาเพิ่มสเตตัส ที่สามารถเลือกได้ระหว่าง Health (เพิ่มเกจพลังชีวิต) , Stamina (เพิ่มเกจความอึด) หรือ Focus (เพิ่มประสิทธิ์ภาพของการใช้ Focused Shot Kill) ว่าจะฉีดเพื่อเพิ่มสเตตัสไหน


ซึ่ง Nero Injector นั้นจะพบในห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (Nero Mobile Medical Unit) ที่ที่ตรวจของ NERO (Nero Checkpoint) ทุกจุด

จากนั้นมุ่งหน้าไปที่ O’leary Mountain Safehouse ตามเป้าหมายของภารกิจต่อไปเพื่อเอาเครื่องมือปฐมพยาบาลให้กับ Boozer


Deacon – เฮ้ Boozer ชั้นเจออะไรบางอย่างที่จะใช้รักษาแขนนายแล้ว 
Boozer – บ้าเอ้ย Deek อย่าโผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงอีกนะไม่งั้นจะโดนชั้นระเบิดสมองตายไม่รู้ตัว 
Deacon – ดูนี่ ชุดปฐมพยาบาล ไหนเอาแขนมาให้ชั้นดูสิ เป็นไงบ้าง? 
Boozer – ไม่ๆ ไม่ต้องๆ เดี๋ยวชั้นทำเอง
Deacon – ไม่เอาน่า เดี๋ยวชั้นทำให้ เอาแขนมาดูซิ
Boozer – ก็บอกว่าชั้นทำเองได้ !!! 
Deacon – เออ ก็ได้ๆๆ บ้าเอ้ย !



                Boozer – Deek ... ขอบใจมากนะพวก .. ดูสิชั้นดีขึ้นแล้วโอเค๊ ? เดี๋ยวก็ดีขึ้น .. 



              STORYLINE: Gear up for the Ride 


                          STORY MISSION: No Starving Patriots


-เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจที่ Radio Tower ทางใต้ของ O’Leary Mountain เข้าไปจัดการพวกโจรพร้อมอาวุธครบมือที่ยึดที่นี่เอาไว้ทั้ง 10 คนให้หมด แล้วเข้าไปเปิดการทำงานของเสาวิทยุเพื่อเปิดคลื่นการสื่อสาร


Deacon – เอาล่ะ เรียบร้อย 
Mary – ทิ้งปืนเดี๋ยวนี้ !!
Deacon – ถ้าเธอมีกระสุนจริงๆป่านนี้ชั้นคงตายไปแล้ว จริงมั๊ย?
Mary – ได้โปรด ..
Deacon – ชั้นไม่ยิงผู้หญิงหากไม่มีทางเลือกจริงๆ ตอนนี้ชั้นมีทางเลือกรึเปล่า?
Mary – ชั้นไม่มีอะไรเหลือแล้ว และไม่มีที่จะไปด้วย 
Deacon – ไปซะ !

จากนั้นเปิดเข้าไปในห้องทำงานของ Northwest NETCOMM ด้านในจะมีประตูที่พื้นเปิดลงไปยังบังเกอร์ชั้นใต้ดิน สำรวจด้านในจะพบแผนที่ที่ระบุตำแหน่งของบังเกอร์อื่นๆไว้อีก

                                                           Unlock 
                                             - Ambush Camp Hunter 
                                             - Craft Recipe – SPIKED 


Boozer – Deek ได้ยินมั๊ย ตอบด้วย ตอนนี้เหมือนชั้นจะได้ยินเสียงรถมอไซด์ขี่วนไปมาแถวๆภูเขาใกล้ๆเนี้ย   
Deacon – เออ ชั้นเพิ่งเคลียร์ไอ้พวกใจรที่หอคอนสื่อสารให้ Copeland เพิ่งเสร็จเนี่ย ..เดี๋ยวชึ้นจะลองปีนขึ้นไปบนเสาสัญญาณสื่อสารดูว่าจะเจออะไรบ้างก็แล้วกัน 



            STORYLINE - HE’S MY BROTHER 


                                Story Mission: Sounded Like Engine 


Boozer – เฮ้ Deek นายโอเคมั๊ย? นายคงไม่ได้เป็น  เอ่อ ...เหมือนที่เคยเป็น นะ 
Deacon – เปล่าหรอก .. ชั้นก็แค่เพิ่งเสียท่ากับพวกเร่ร่อนเล็งปืนมาที่ชั้น โชคดีนะที่นางไม่มีปืน  
Boozer – แล้วนายก็ปล่อยเธอไปตามเคยใช่มั๊ยล่ะ?
Deacon – เสือกรู้ทันอีก เออ ชั้นปล่อยเธอไป 
Boozer – สักวันนึงนะ Deek ..สิ่งที่นายเป็นมันจะทำให้นายถูกฆ่าตายจำไว้
Deacon – ก็นะ บางอย่างอะไรต้องก็ต้องทำจริงมั๊ย? ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็เถอะ


ออกจากบังเกอร์แล้วปีนชึ้นไปบนหอส่งสัญญาณวิทยุจนถึงด้านบนแล้วใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูที่กลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาตรงภูเขา


Deacon – เอาล่ะ ไหนดูที่ Boozer พูดถึงหน่อยดิ๊ จริงด้วย นายพูดถูก มีบางคนกำลังอยู่บนภูเขา ชั้นเห็นไฟจากการตั้งแค้มป์ลอยขึ้นมาชัดเลย 
Boozer – ไอ้พวกบ้าเอ้ย ว่าแล้วว่าได้ยินอะไรบางอย่างจริงๆด้วย พวกมันอยู่ที่ไหนหรอ? ชั้นจะได้รีบหนีออกจากที่นี่ 
Deacon – ไม่ๆ ไม่ต้องเลย Boozer ไอ้บ้าเอ้ย ! ต้องรอจนกว่าแขนนายจะหายก่อนเราถึงจะไปจากไอ้ที่บ้านี้ได้ เดี๋ยวชั้นไปจัดการพวกมันเอง 


                       Story Mission: SMOKE ON THE MOUNTAIN



เดินทางจากหอคอยสื่อสารไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจทางขวาของแผนที่ จะพบแค้มป์ที่พักของพวกโจรเร่ร่อน จัดการพวกมันให้หมดก็จะพบภารกิจ


Deacon – Boozer เรียบร้อยแล้วเพื่อน แค้มป์ของพวกเร่ร่อนน่ะ พวกมันไม่สามารถฆ่าบนภูเขา O’Leary ได้อีกแล้วล่ะ 
Boozer – ดีแล้ว ... เอ่อ Deek ชั้นควรอยู่กับนายที่นั่นด้วย .. ชั้นหมายถึง ช่วยนายน่ะ  บ้าเอ้ย ..
Deacon – พักผ่อนก่อนเถอะเพื่อน เดี๋ยวเราค่อยลุยขึ้นเหนือด้วยกันต่อทันทีที่แขนนายหาย เข้าใจนะ?
Boozer – เออ เข้าใจแล้ว ... แล้วนายจะไปไหนต่อ?
Deacon – ว่าจะขี่รถไปที่สุสานหน่อย ดูสิจะหาสมบัติที่ Leon มันซ่อนไว้เจอมั๊ย
Boozer – นายว่าไงนะ?
Deacon – พักผ่อนก่อนเถอะ Boozer เดี๋ยวจะเดินทางขึ้นเหนือกันต่อทันทีที่นายขี่รถได้ 
Boozer – เดี๋ยวนะ นายบอกว่านายจะเดินทางขึ้นเหนือคนเดียวหรอ?
Deacon – เปล่า นายก็รู้ว่าชั้นไม่มีวันทำแบบนั้น ชั้นจะขึ้นเหนือไปพร้อมกับนายโอเค๊?
Boozer – ช่ายๆ ชั้นรู้ ชั้นรู้ ชั้นก็แค่ เอ่อ ... 
Deacon – แค่แผลไฟไหม้ระดับ 3 เดี๋ยวชั้นรักษาให้นายเองน่า 
Boozer –  ฮ่าๆๆ เออ .. แล้วนายช่วยจัดการศพ Alvarez ด้วยนะ นายรู้ใช่มั๊ย Deek เธอมีความหมายกับชั้นมาก
Deacon – เดี๋ยวชั้นจัดการให้เอง Boozer นายพักผ่อนเถอะ แค่นี้นะ เลิกกัน 


Copeland – Deek นี่ชั้นเองนะ แม่งเอ้ย ชั้นละโคตรเบื่อไอ้พวกเร่ร่อนรอบๆแค้มป์มากๆ มันฆ่าพวกเราที่ออกไปนอกแค้มป์เป็นว่าเล่นเลย 
Deacon – เกิดอะไรขึ้น Cope? 
Copeland – มันมีคนมาป่วนประสาทชั้นน่ะสิ เข้ามาถึงก็ยิงๆๆแล้วก็ไป Manny บอกว่ามันขี่รถมอไซด์ถังน้ำมันสีแดงและใส่หมวกแบบมอเตอร์ครอสสสีเงิน 
Deacon – โอเค ถ้าชั้นเจอเดี๋ยวจัดการให้ 
Copeland – ชั้นต้องการจับเป็นนะ Deek จับเป็น !! 
Deacon – จับเป็นเนี่ยนะ?
Copeland – เออ จับเป็น !! นายจับมันได้เมื่อไหร่ก็วิทยุบอกชั้นก็แล้วกัน จะจับแม่งมาแขวนแทนตะเกียงเล่นหน่อย ถึงเวลาจะให้พวกเร่ร่อนงี่เง่าพวกนี้รู้ว่าแค้มป์ของเราก็มีกฎของเราเหมือนกัน ทำผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย 


Boozer – เฮ้ Deek ตอบด้วย ตอนนี้ชั้นเห็นมีพวก Freaks ขึ้นมาบนเขานี้เยอะมากขึ้นแล้ว ชั้นว่าจะลงไปที่แค้มป์ตัดไม้หน่อย จะจัดการรังของพวก Freaker แม่งให้หมด 
Deacon – Boozer ไม่ๆ ไม่ต้องเลย นายจะไปตายเปล่าๆนะ นายอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวชั้นจัดการให้เอง โอเค๊?



*****************************************************************************


                                                  STORYLINE UPDATE

                                    STORYLINE - HE’S MY BROTHER
                                   Story Mission: Clear out those Nests

                                       STORYLINE: Gear up for the Ride 
                                   Story Mission: Drugged Outta His Mind

                                     STORYLINE: CHASING LEON
                                      Story Mission: Out of Nowhere
                                    Side Mission: She Rode with me

                                    STORYLINE: WORLD’S END 
                            Story Mission: Horse Lake Nero Checkpoint


*****************************************************************************


              STORYLINE - HE’S MY BROTHER


                            Story Mission: Clear out those Nests 



Deacon เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่ แค้มป์คนงานตัดไม้ Logging Camp เข้าไปในจัดการเผาทำลายรังของพวก freakers ในอาคารที่มีทั้งหมด 6 จุด ให้หมด ก็เป็นอันจบภารกิจ



          STORYLINE: Gear up for the Ride 


                          Story Mission: Drugged Outta His Mind 


เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่ริมน้ำจะพบศพของ Randall 1 ใน 3 คนที่ขโมยยามาจากแค้มป์ของ Copeland เมื่อเข้าไปสำรวจที่ศพ ในขณะที่ Deacon พยายามแกะรอยหาอีก 2 คนที่เหลือ


หนึ่งในนั้นก็ขี่มอไซด์ตัดหลังหนีไป  ทำให้ Deacon ต้องขี่มอไซด์ไล่ล่าในทันที คำสั่งของ Copeland คือจับเป็น การไล่ล่าจึงต้องเน้นยิงที่ตัวรถของศัตรูหรือการพุ่งชนจนกว่ารถของมันจะพังและถูกจับตัวได้ในที่สุด


???? – แกมันไอ้ลูกหมา !!! .... ไม่ๆๆ อย่าจับชั้นกลับไปนะ !!
Deacon – แน่นอนต้องจับกลับไปสิ แถม Cope กำลังโกรธมากอยู่ด้วยสิ จริงๆชั้นก็ไม่ได้อยากจะสนเรื่องของแกหรอกนะ แต่แกทำให้ชื่อเสียงของนักบิดเร่ร่อนแบบชั้นต้องเสื่อมเสีย แถมถ้าแกเสือกไปเผลอยิง Manny จนตายแล้วค่อยจะเป็นคนซ่อมรถให้ชั้นล่ะวะ ไอ้เศษสวะเอ้ย !
????? – ไอ้บ้าเอ้ย !! แกมันก็หนึ่งในพวกที่ชอบเลียแข้งเลียขาไอ้ Copeland ไอ้ตุ๊ดเอ้ย !! นั่นและแกเป็น ไอ้ตุ๊ด !!!



Deacon – Cope เรียบร้อยแล้ว ชั้นได้ตัวมันแล้ว ชั้นจะส่งพิกัดไปให้นายส่งลูกน้องมาพาตัวมันไปเองก็แล้วกันนะ 
Copeland – มันยังไม่ตายใช่มั๊ย?
Deacon – ช่าย มันยังไม่ตาย แต่ชั้นไม่รับปากนะว่าถ้าปล่อยมันอยู่ตรงนี้นานๆมันจะรอดมั๊ยนะ แค่นี้แหละ เลิกกัน 


                  STORYLINE: WORLD’S END 

                  Story Mission: Horse Lake Nero Checkpoint 


เดินทางมาที่จุดตรวจของ Nero ที่ HORSE LAKE แล้วเข้าไปที่ตู้คอนเทรนเนอร์ที่เป็นห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (Nero Mobile Medical Unit) จะพบว่ามันเปิดไม่ได้เพราะไม่มีพลังงาน


เดินไปด้านขวาของตู้คอนเทรนเนอร์จะพบรถที่สามารถเข็นเพื่อมาใช้เป็นที่ปีนขึ้นไปบนหลังคาตู้คอนเทอร์เนอร์แล้วลงไปที่ส่วนด้านในของรั้วได้ สำรวจที่เครื่องปั่นไฟจะพบว่ามันไม่มีน้ำมัน



จากนั้นหลบพวก Freaker จำนวนมากที่เดินไปมาระหว่างลานตรงที่มีรถขนน้ำมันจอดอยู่กับฝั่งตรงกันข้ามของทางเข้า รอจนกว่ามันเดินไปที่ลานตรงที่มีรถขนน้ำมันจอดอยู่ให้หมดก่อนแล้วค่อยออกไปที่ฝั่งซ้ายตรงกันข้ามกับตู้คอนเทรนเนอร์ที่เป็นห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จะพบแกลลอนน้ำมันตรงรถไถที่จอดอยู่


เอาแกลลอนน้ำมันกลับมาที่ตู้คอนเทอร์เนอร์แล้วเอาไปใส่เครื่องปั่นไฟ ก่อนกดเปิดเครื่องปีนขึ้นไปบนหลังค้าห้องทำงานเพื่อตัดลำโพงออกให้หมดก่อนแล้วค่อยกดเปิดเครื่องปั่นไฟก็จะเข้าไปด้านในห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของ Nero ได้แล้ว เข้าไปเก็บยาเพิ่มสเตตัส Nero Injector มาฉีดเพิ่มสเตตัสให้ตัวก็จะจบภารกิจ


                    STORYLINE: CHASING LEON


                                Story Mission: Out of Nowhere



เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจแล้วเข้าไปที่จุดวงกลมสีฟ้าในแผนที่แล้วกด R3 เพื่อใช้ Survival Mission ตามหาเบาะแสในพื้นที่จนพบมอเตอร์ไซด์ที่เต็มไปด้วยเลือดล้มอยู่


เข้าไปสำรวจแล้วใช้ Survival Mission ตามรอยเท้าไปเรื่อยๆ จนระหว่างทาง Deacon ก็เข้าไปติดกับดักที่พวกโจรทำไว้จนถูกพวกมันจับไปที่แค้มป์ ทันทีที่ใช้มีดงัดประตูคุกหนีออกมาได้ก็เดินทางกลับไปที่จุดหมายในภารกิจที่สุสาน Pioneer Cemetery ต่อ


ที่หน้าทางเข้าสุสาน ใช้ Survival Mission สำรวจหาเบาะแสตรงหน้ารูปปั้น Peter Skene Ogden จุดที่ Leon ฆ่า  Alvarez ตายแล้วตามเบาะแสเข้าไปด้านในสุสาน Pioneer Cemetery สำรวจเก็บไอเทมต่างๆด้านในให้หมดก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาที่สุสานส่วนทางซ้ายของประตูทางเข้า


เข้าไปที่จุดสีฟ้า กด R3 เพื่อใช้ Survival Mission ตามหาเบาะแสจนพบชะแลงเหล็กตกอยู่ เมื่อเข้าไปสำรวจก็จะพบร่องรอยของ Leon ตอนที่มันกำลังงัดสุสานเพื่อใช้ซ่อนยาของมัน


 Deacon จึงเข้าไปที่จุดที่ Leon ซ่อนยาไว้แล้วเอามาได้ในที่สุด จากนั้นก็นำเอาของที่กลับไปที่รถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ให้ได้ก็เป็นอันจบภารกิจ


ทันทีที่ Deacon ได้ของที่ต้องการมาแล้ว เฮลิคอปเตอร์หน่วยค้นหาของ NERO ก็เข้ามาในพื้นที่ด้วยอย่างกะทันหันทำให้ Deacon ต้องขี่มอเตอร์ไซด์ไปหลบซ่อนตัวที่จุดปลอดภัยก่อน แต่Deacon ที่ซุ่มดูอยู่กลับอยากรู้พวกมันมาค้นหาอะไรเลยตัดสินใจที่จะสะกดรอยตามพวกมันเพื่อไปสืบข่าวดู


                     STORYLINE: WORLD’S END

                          Story Mission: They’re Not Sleeping 

การเข้าไปในพื้นที่การทำงานของหน่วยค้นหาของ NERO นั้นต้องทำอย่างระมัดระวังเพราะพวกมัน ใส่ชุด Hazmat ที่แข็งแกร่ง Deacon จึงไม่สามารถที่จะทำอะไรพวกมันได้ในตอนนี้ จึงต้องใช้วิธีลอบเข้าไปด้านในแทนโดยใช้หินเป็นตัวช่วยในการขว้างหลอกล่อพวกศัตรูให้พ้นทางโดยจะต้องห้ามให้พวกมันจับได้โดยเด็ดขาด เมื่อลอบเข้าไปจนถึงจุดที่หน่วยค้นหาของ NERO กำลังคุยกันระหว่างเก็บตัวอย่างอยู่ Deacon จึงหาที่เหมาะตามก่อหญ้าเพื่อซ่อนตัวแอบฟังพวกมันคุยกันจนกว่าเกจการแอบฟังข้อมูลสีเหลืองด้านบนจอจะเต็ม


ร้อยโท Booth – เจอบันทึกหมายเลข 2-0-0-0 หลังจากการติดตามกลุ่มเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ขนาดประมาณห้าถึงหกร้อย เราก็พบตำแหน่งของตัวอย่างทดลองที่จำศีลอยู่
สิบตรี Franklin – เฮ้ ด็อกเตอร์ ผมเห็นมี Site ที่ 23 ในรายชื่อวันพรุ่งนี้ด้วย ใช่พวกเรารึเปล่า?
ร้อยโท Booth – ไม่ใช่คะ นั่น O’Brian 
สิบตรี Franklin – เข้าใจแล้ว
ร้อยโท Booth – บ้าเอ้ย แล้วชั้นถูกส่งไปไหนเนี่ย?
Deacon - O’Brian ไอ้เจ้าหน้าที่บน ฮ. วันนั้นหรอ?
ร้อยโท Booth – ตำแหน่งของตัวอย่างทดลองที่จำศีลอยู่ที่ High Desert Grotto ที่ Site หมายเลข 15 มีหญ้าและต้นไม้เห็นได้ชัดตรงทางเข้า เห็นมีรอยเท้า ดูตามรูปที่ส่งไป แสดงให้เห็นว่า Site นี้เพิ่งเคยถูกใช้งานมาระยะนึง 
สิบตรี Franklin – ในนั้นน่าจะอบอุ่นดีเหมือนกันนะ
ร้อยโท Booth – ตามที่เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ร้อยโท O’Brian ติดตั้งไว้ราว 400 จุดพบว่า ตัวอย่างทดลองจำนวน 47 ตัวเพิ่งเข้าไปในถ้ำเมื่อเช้านี้เอง แนะนำให้ส่งทีมเข้าไปในพื้นที่ภายใน 19 ชั่วโมงหลังจากตรวจสอบภายในถ้ำแล้ว การประเมินในเชิงลึกเพิ่มเติม ไม่พบ ด็อกเตอร์ Anderson  ... ทฤษฎีของคุณเกี่ยวกับการตกทอดทางมรดกของตัวอย่างทดลองดั้งเดิมเกี่ยวกับพฤติกรรมการออกหากินในเวลากลางคืนก็ยังดูน่าสนใจเหมือนเดิม .. จบการรายงาน ..

Deacon – ไอ้บ้า O’Brian เอ้ย !! ถ้า O’Brian ไม่ได้ตายที่แค้มป์ผู้ลี้ภัย ถ้างั้น ... แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ Sarah กันแน่ หรือว่าเธอจะยังไม่ตาย ... ไม่ๆๆๆๆ ลืมมันไปซะ ไม่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!!


สิบตรี Franklin – แล้วจะไม่เข้าไปต่อแล้วหรอ?
ร้อยโท Booth – นี่คุณไม่ได้ยินที่ชั้นรายงานเลยหรอ มีมากกว่า 400 ตัวอย่างทดลองเลยนะ ปกติคุณไม่ได้เป็นแบบนี้นี่  ก็แค่ Freaks ธรรมดาทั่วไป และนี่ก็เพิ่ง Stage 3 เองด้วย
สิบตรี Franklin – แต่ตอนนี้พวกมันคงนอนเหมือนเด็กน้อยอยู่นะ ผมก็แค่ถามเผื่อคุณจะเข้าไปก็แค่นั้นเอง 
ร้อยโท Booth – คุณเข้าใจผิด ตัวอย่างทดลองพวกนี้มันไม่ได้หลับ แต่มันจำศีล คุณเคยตื่นปลุกหมีให้ขึ้นมาจากการจำศีลมั๊ยล่ะ?
สิบตรี Franklin – ไม่ 
ร้อยโท Booth – คุณเคยตื่นปลุก Freaker จากการจำศีลมั๊ยล่ะ?
สิบตรี Franklin – เคยสิ ครั้งนึง ผมคือหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่เหมือง White King 
ร้อยโท Booth – พระเจ้า ..
สิบตรี Franklin – ได้เห็นเพื่อนๆในทีมถูกพวกมันฉีกเป็นชิ้นๆเหมือนกับปลอกกล้วย ไอ้ชุดที่คุณใส่อยู่ตอนนี้มันปกป้องคุณจากได้พวกบ้านั่นได้ แต่ไม่ใช่กับพวกเขา 
ร้อยโท Booth – ชั้นขอโทษนะ เสียใจด้วยจริงๆ ..
สิบตรี Franklin – ภารกิจนั้นคือ ภารกิจ FUBAR ในตอนเริ่มต้นเท่านั้นเอง ..
ร้อยโท Booth – นั่นแหละคือสาเหตุที่เราไม่เข้าไปข้างใน
สิบตรี Franklin – ผมคิดว่า ถ้าเราผนึกถ้ำนี้ได้ .เราก็ ..ไม่รู้สิ อาจจะลดจำนวนประชากรของพวกมันลงได้บ้างล่ะมั้ง 
ร้อยโท Booth – ลดจำนวนหรอ? ชั้นก็ไม่แน่ใจนะเพราะข้างนอกนั่นมีถ้ำอีกเพียบเลย มาเถอะ เสร็จแล้ว ออกจากที่นี่กันเถอะ 

         จากนั้นลอบหลบหน่วยค้นหาของ NERO กลับมาที่มอเตอร์ไซด์อีกครั้งก็จะจบภารกิจ



Deacon – Boozer นายยังอยู่มั๊ย?
Boozer – อยู่ๆ ว่าไง Deek ?
Deacon – นายจำไอ้คนของ NERO ที่มันขึ้น ฮ. ไปกับ Sarah ที่ป้ายชื่อมันเขียนว่าไงนะ?
Boozer – พระเจ้า นายหมายความว่าอะไร ก็ O’Brian ไง นายเลิกพูดถึงเรื่องนี้ทีได้มั๊ย Deacon – มันยังมีชีวิตอยู่ O’Brian น่ะ มันยังไม่ตาย
Boozer – นายหมายความว่าไง? เราก็เห็นกับตาว่าที่นั่นมันราบคาบไปหมดแล้ว 
Deacon – เรื่องนั้นชั้นรู้ แต่ชั้นได้ยินพวกมันคุยวิทยุกัน มันพูดถึงคนที่ชื่อ O’Brian ด้วย 
Boozer – ไม่ Deek ไม่ ! พอแล้ว
Deacon – ชั้นเปล่า Boozer ชั้นก็แค่ ..เออ นายนอนพักซะ เลิกการติดต่อ 


                   STORYLINE: CHASING LEON

                                Side Mission: She Rode with me

ไปที่จุดหมายในภารกิจที่สุสาน Pioneer Cemetery ตรงหน้ารูปปั้น Peter Skene Ogden จุดที่ Alvarez ตายแล้วใช้ระเบิดขวดจุดเผาทำลายศพของ Alvarez


Deacon – ไม่ต้องห่วงนะ Alvarez ชั้นไม่ยอมปล่อยให้เธอกลายเป็น Freaker หรอก ไปสู่สุขคติเถอะนะ 

                              INFESTATION EXTERMINATOR

                                              Pioneer Cemetery Infestation 


                 จัดการทำลายรังของ Freaker ใน สุสาน Pioneer Cemetery ให้หมดทั้ง 3 จุด



                  STORYLINE: CHASING LEON


                           Side Mission: PRICE ON YOUR HEAD



      เดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่แค้มป์ Hot Spring เพื่อเข้าพบกับ Tucker และ Alkai


Alkai – ผมบอกคุณหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ที่นี่กำลังจะกลายเป็นบ่อลาวาขนาดใหญ่ 25ฟุตลึกลงไปจากพื้นก็มีแต่หินแข็งที่ต้องใช้ เครื่องเจาะหินด้วยแรงอัดของอากาศด้วย
Tucker – ไม่ต้องมาสอนชั้นน่า เจ้าบ้า ชั้นรู้แล้ว
Alkai – ไม่เลย คุณไม่รู้ และคนของเราก็หิวกันมาก แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งก็เถอะ ผมใช้เวลาเป็นเดือนแล้วที่จะจบงานนี้ด้วยจอบและพลั่ว 
Tucker – ชั้นไม่แคร์หรอก !!



Tucker – เราทุกคนต่างก็หิว แต่งานนี้ต้องเดินหน้าต่อไม่ว่าต้องสูญเสียอะไรแค่ไหนหรือต้องเสียเวลาแม่งซักกี่ปีก็เถอะ อย่างกับว่าเรามีที่อื่นให้เลือกอีกงั้นแหละ จริงมั๊ย?
Alkai – เดี๋ยว ผมยังพูดไม่จบ 
Tucker – งั้นก็ให้เร็วเพราะชั้นมีงานต่อทำอีกนะ !
Alkai – ไอ้พวก Rippers .. เมื่อเช้านี้ คนของผมเจอพวกมันกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ 
Tucker – แล้วไม่มีใครคิดจะหยุดมันเลยรึไงห๊ะ !!
Alkai – จะให้หยุดมันยังไง วะ ... Tucker คุณก็รู้ว่ามันเกินกำลังของพวกเรา 
Tucker – พวกมันมุ่งขึ้นเหนือหรือมุ่งมาที่เราแน่ ตอบมา 
Alkai – ผะ ผม ไม่รู้ ... หรือบางที เขาอาจจะรู้ 


Deacon – อ้าว แล้วทำไมแกมาโบ้ยให้ชั้นวะ มีปัญหาอะไรมากรึเปล่า?
Tucker – บ้าเอ้ย นี่ไม่ใช่เรื่องของเขาต้องรู้ มันเป็นเรื่องที่นายต้องรู้ไม่ใช่หรอ !!
Alkai – ผมอยู่ 2 ที่ในเวลาเดียวกันไม่ได้หรอกนะ ตกลงคุณจะให้ผมอยู่ที่นี่เพื่อคุมงานขุดให้หรือจะให้ผมออกไปข้างนอกจัดการไอ้พวก Rippers ให้กันแน่?
Tucker – งั้นไปเช็คดูที่คลังของเราสิว่ามีกระสุนเหลือมากพอมั๊ย เดี๋ยวชั้นจะไปบอกให้ Wheeler มาคุมงานขุดเอง 
Alkai – แล้วแกมองหาส้นตีนอะไรวะ?
Deacon – เปล่า ก็แค่มองดูว่าเมื่อไหร่แกจะฉลาดขึ้นซักที 
Tucker – พอได้แล้ว !!


Tucker – ไง จัดการ Leon ได้รึเปล่า?
Deacon – อืมม
Tucker – โอ้ .. ดูเหมือนว่ามีคนแถวนี้เริ่มรู้แล้วว่าจะทำให้สิ่งที่ดีให้ที่นี่ได้ยังไงอ่ะนะ  .. ไปขับรถเล่นกัน 



Tucker – อีกนานแค่ไหนเนี่ยที่นายจะเจอใครซักคนแล้วเปิดใจรับคนๆนั้นเข้ามา?
Deacon – ผู้คนภายนอกนั่นกำลังจะถูกทิ้งให้เน่าตาย แล้วคนแบบไหนที่คุณจะให้ผมเปิดใจรับเข้ามาห๊ะ
Tucker – คนของเราก็เพิ่งเป็นไข้ตายไป 2 คน 
Deacon – นั่นไม่ใช่ปัญหาของผม
Tucker – แต่นายต้องการอาหารจากเรา ชั้นว่ามันน่าจะเป็นปัญหาของนายด้วยนะ 
Deacon – ผมบอกแล้วว่าผมจะรับงานจากคุณไม่ใช่มาร่วมกับแค้มป์บ้าๆนี้ของคุณนะ 
Tucker – ช่วยเตือนความจำชั้นหน่อยดิ๊ ชั้นแก่แล้ว นายบอกชั้นตอนไหน? และทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?
Deacon – ก็เพราะมันเสียเวลาไง Tuck 
Tucker – ฮ่าๆ นายนี่มันเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้ายจริงๆเลยนะ  ... เออ แล้ว Boozer ไปไหนซะล่ะ?
Deacon – เขาบอกว่า เขาจะแวะไปที่แค้มป์ของ Copeland จะไปหาแลกปลามากิน
Tucker – นายยังไม่ได้เข้าร่วมกับแค้มป์ของ Copeland ใช่มั๊ย? เห็นสนิทกันอยู่นี่
Deacon – ไม่ได้สนิทเลย ไม่เคยคิดอยากสนิทด้วยซ้ำ นี่ ผมไม่ใช่แม่ของ Boozer นะ เขาอยากไปไหนเขาก็ไปก็แค่นั้น  


Deacon – แค๊กๆๆ ... บ้าจริง คุณเผาไอ้ขยะนี่ทั้งวันทั้งคืนเลยหรอเนี่ย ... ?
Tucker – เรามีศพของพวก Freak เยอะเลยก็เพราะคนแบบนายที่ทำงานแบบนายเนี่ยแหละ เราก็เลยต้องมาเผาอยู่เนี่ย
Deacon – ทำไมคุณไม่ใช่น้ำมันเบนซิน เผาเร็วกว่า แถมยังไม่มีควันด้วย

Tucker – คิดว่าเรามีน้ำมันสำรองไว้เยอะรึไง? ก็ต้องใช้อยู่ตลอด แล้วอะไรล่ะที่มันเติมใส่ถังน้ำมันนายอยู่ตอนเนี้ยห๊ะ ?



Tucker – มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? 
Phillips – ผมเช็คสต็อกหมดแล้ว เราถูกขโมย ไม่มีอาหารเหลือแล้วและก็มีกระสุนอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง 
Tucker – พระเจ้า !! ใครเป็นคนเฝ้ายามเมื่อคืนนี้ ??
Phillips – Wheeler ครับ 
Tucker – งั้นคืนนี้เพิ่มยามเป็นสองเท่า เรื่องนี้ทำชั้นโกรธมากรู้มั๊ย!!
Phillips – ได้ครับ  

Deacon – แดนสวรรค์เริ่มมีปัญหาแล้วงั้นหรอ?
Tucker – ก็อย่างที่ชั้นเคยบอกนั่นแหละ แค้มป์นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคุก มีทั้งไอ้พวกขี้เกียจ ตลบตะแลง ขโมย พวกข่มขืน และ ฆาตกร รู้มั๊ยทำไม ?
Deacon – ไม่รู้
Tucker – ก็เพราะเรารู้ว่า “ใครคือเรา” ไง  โลกประหลาดๆแบบนี้ คนดีๆอยู่ยาก มันต้องถ่อยและเถื่อนพอ ถึงจะอยู่กับไอ้พวก Freak ได้ ที่นี่คือที่พักของเรา เรามีความหวัง ชั้นให้อาหารมัน ปกป้องมัน พยายามทำให้บรรยากาศมันสบาย ให้อุ่นพอที่พวกเราจะนั่งดูจุดจบของโลกได้อย่างถนัดๆหน่อย 


Tucker – เฮ้ย !! แกน่ะ อยากอู้ ไปทำงาน !! อย่าให้ชั้นต้องไปเอา Cyrus มานะ .. ไอ้ตัวขี้เกียจเอ้ย  ต้องกวดขันกันทั้งวันนั่นแหละงานชั้น คุมแค้มป์นี้ก็ไม่ต่างกับผู้คุมคุกหรอก 
Deacon – ผมจำไม่ได้แล้วแฮะว่าคุณเคยบอกว่าคุณเคยเป็นอะไรมากก่อนนะ? พัศดี หรืออะไรซักอย่างเนี่ย
Tucker – ไม่ได้สูงส่งขนาดนั้น ชั้นก็แค่หญิงชราในตึกคนไข้หญิงเท่านั้นแหละ บางทีนายควรจะมีปากกาในการจดบันทึกอะไรไว้บ้างนะจะได้ไม่ลืม  



Tucker – ว่าแต่ตอนนี้นายทำอะไรอยู่รึเปล่าล่ะ?
Deacon – ผมก็ ... ไปเสือกกับปัญหาของคนอื่นที่นู้นที่นี่ไปเรื่อย ไม่ได้ลงหลักปักฐานที่ไหนจริงจังหรอก
Tucker – งั้นชั้นมีงานให้นายทำ Larsen ที่เข้ากะงานเมื่อวานนี้  ตอนที่เขาลาดตระเวนผ่าน marion forks เขาเห็นคนๆนึง เด็กผู้หญิง ประมาณนั้น แต่เห็นแค่แปบเดียวก็หายไป เขาก็หยุดดูแล้วนะแต่ก็ไม่เห็นเธออีกเลย 
Deacon – เขามั่นใจว่าเห็นชัวร์นะ
Tucker – Larsen ทำงานมานานพอๆกับนาย เขาแยกออกระหว่างคนธรรมดากับพวก Freak แน่นอน นายเอาไง ลองไปตามหาเธอที่นั่นก่อนที่พวก Freak มันจะเจอก่อน 
Deacon – ผมจะลองดูเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน .. เออ Tuck ผมต้องการรางวัลเรื่องจัดการ Leon ด้วย 
Tucker – นายเอาศพมันมาให้ชั้นดูได้เมื่อไหร่อยากได้อะไรก็ขนไปเลย 


Alkai – ต้องการอะไร ไอ้พวกเร่ร่อน ?
Deacon – นายมีปัญหาอะไรว่ามา
Alkai – คนของชั้นคนนึงที่หนีจาก แค้มป์ของพวก Ripper แถวๆ Iron Butte ... ถูกจับทรมานอย่างที่พวกมันชอบทำนั่นแหละ แต่ครั้งนี้มันถามเขาถึง นักบิด 2 คน บอกว่าถ้าเจอให้มาบอกพวกมัน 
Deacon – แถวนี้มีคนขี่มอไซด์ตั้งเยอะแยะ แล้วมาเกี่ยวอะไรกับชั้นวะ ?



Alkai – พวก Ripper เรียกไอ้นักบิดนั่นว่า .. Mongrels ... แล้วมีคนขี่มอไซด์แถวนี้ซักกี่คนวะที่อยู่แก็งค์ Mongrels .. ถ้าถามชั้นนะ ตอนนี้นายมีค่าหัวแล้ว รู้สึกยังไงบ้างวะ? 
Deacon – ทำไมแกไม่โชว์ให้ดูซะทีวะว่ามีของอะไรขายบ้าง ชั้นไม่ได้มีเวลาว่างกับเรื่องไร้สาระของแกมากนักหรอกนะ
Alkai – ก็แล้วแต่นายแล้วกัน Deek 


จากนั้นเมื่อกลับมาที่รถจะต้องเลือกว่าจะเอายาที่ได้จาก Leon ให้กับใครระหว่าง ให้ Tucker (กดสี่เหลี่ยม) ซึ่งจะทำให้ความไว้วางใจของแค้มป์นี้มากขึ้นก็จะสามารถซื้ออาวุธดีๆของที่นี่ได้ หรือ ให้ Copeland (กดวงกลม) ก็จะทำให้ Manny สามารถซ่อมรถของ Deacon ตามที่ต้องการได้เร็วๆ

                               ** จะเลือกให้ใครก็ตามที่ใจผู้เล่นต้องการได้เลย **

ส่วนบทสรุปนี้ ผมเลือกให้กับ Copeland ก็ต้องเดินทางกลับไปที่แค้มป์ของ Copeland เพื่อเอาของไปส่งให้เขา


Deacon – เฮ้ Cope ชั้นว่า Leon ฝากสิ่งนี้มาให้นายนะ 
Copeland – โอ้ Deek ... นายฉลาดเลือกนี่หว่า เลือกได้ดี เลือกได้ดี  อ่อ ลองไปคุยกับ Manny ดู บางทีเขาอาจจะช่วยซ่อมรถให้นายได้ เชิญๆ 


                             STORYLINE: CHASING LEON 100 % Complete 


                                     Custom Skin - CHASING LEON Unlock 


**************************************************************************



ตำแหน่งของ Hot spring Camp ใน Daygone ตามสถานที่จริงจะอยู่ในพื้นที่ของเมืองน้ำพุร้อน Belknap Springs ทางใต้ของทะเลสาบ PAT JENS , Linn County ออริกอน สหรัฐอเมริกา

***************************************************************************


                 STORYLINE – BOUNTY HUNTER 


                                  Story Mission: Nice and Bloody

        เดินทางกลับไปที่ Hot spring Camp อีกครั้ง เมื่อมาถึงทางเข้าแค้มป์ Boozer ก็ติดต่อมา



Boozer – Deek อยู่หรือเปล่า? 
Deacon – Boozer ทำไมไม่อยู่ที่ที่นอนฟะ?
Boozer – ก็ชั้นนอนไม่หลับนี่หว่า นายจำได้มั๊ยว่าชั้นเคยพูดว่าไง กลับไปในอุโมงค์ อย่าไปนั่นเด็กขาดเลยนะ Deek มันจะทำให้นายเป็นบ้า 
Deacon – Boozer ชั้นโอเค ชั้นกลับขึ้นไปที่นั่นก็เพราะไอ้พวก Freak มันอยู่ที่นั่น ชั้นฆ่าพวกแม่งที่นี่ แล้วก็จะฆ่าแม่งที่นั่นด้วย ล่าหัวแม่งให้หมดเหมือนอย่างที่ชั้นทำมาตลอดนั่นแหละ 
Boozer – งั้นจะเอาดอกทิวลิปไปด้วยทำไมวะ? ห๊ะ ชั้นเห็นนะ Deek ดอกเดียวกันที่เธอเคยใช้ในวันแต่งงาน ชั้นจำได้ 
Deacon – ชั้นไม่จะ... ฟังนะ Boozer นายไปพักผ่อนซะ ยังไงชั้นก็ต้องไป แค่นี้นะเลิกกัน แล้วมันก็ไม่ก็ไม่ใช่ ดอกทิวลิป ซะหน่อย มันคือดอก Stonecrop เรียกให้ถูกด้วย  ** STORYLINE – I REMEMBER Update **
                        
           เข้าไปใน Hot spring Camp คุยกับ Tucker ที่ Camp Job จุดรับงานของแค้มป์


Tucker – Deek นายเคยขี่รถไปกับพวกคนเร่ร่อนคนนึงใหม่ หน้าเขามีแต่แผลเป็นเต็มไปหมด มีเหล็กงัดยางติดตัวอยู่ตลอดเวลา ใช้นามแฝงว่า Limbo 
Deacon – ไม่รู้จัก ทำไมหรอครับ?
Tucker – มันเข้ามาที่แค้มป์เหมือนพวกนักล่าค่าหัวทั่วไป เข้ามาดื่มนิดหน่อย เหมือนกับว่าเขาไม่ได้จะไปไหนต่อจนเมื่อเช้า 
Deacon – เอ่อ คืองี้ Tucker ผมไม่ได้ทำงานเป็นยามอยู่ที่นี่นะ ทำไม่ไม่ลองไปถาม Alkai ดูล่ะ 
Tucker – มันฆ่าคนของเราไป 2 คน Deek ... Bowman กับ Hewitt หน้าของเธอถูกทุบจนจำแทบไม่ได้ 
Deacon – Hewitt Maria ใช่มั๊ย? ... พระเจ้า  ไอ้บ้า Limbo นั่นมันอยู่ที่ไหน?
Tucker – Alkai บอกว่ามันเปิดร้านอยู่ที่ หอเฝ้าระวังไฟป่าที่ Old Forest บนเนินทางตะวันออกของ Fingered Jack 
Deacon – ผมรู้ว่าแล้วว่าอยู่ตรงไหน เดี๋ยวจัดการให้ 


จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจ จะพบตำแหน่งของเป้าหมายของ Limbo เป็นรูปสามเหลี่ยมบนหอคอย หาทางเข้าไปจัดการมันซะแล้วเอาฟันเหล็กของมันกลับไปยืนยันผลงานกับ Tucker ที่แค้มป์ ก็จะเป็นอันว่าจบภารกิจ


                              STORYLINE – I REMEMBER 

                          Story Mission: What did you do? 

เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่ ค่ายผู้ลี้ภัย NERO ที่ถูกทิ้งร้าง บนยอดเขาทางเหนือของงพื้นที่ ในขณะเดินทางจะพบจุดที่มีรังของพวก Freak ในบริเวณรอบทะเลสาบ PAT JENS ที่เป็น Side Mission ขึ้นมาให้ทำเสริม


                                       INFESTATION EXTERMINATOR

                                         PAT JENS LAKE INFESTATION 


                                 จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 3 จุด

จากนั้นกลับมาทำ Story Mission: What did you do?  ต่อ มุ่งหน้าไปยัง ค่ายผู้ลี้ภัย NERO ที่ถูกทิ้งร้าง ตามจุดหมายของภารกิจต่อ  ด้านในค่ายจะเต็มไปด้วย Freaker มากมาย


         

ลอบจัดการพวกมันให้หมดเพื่อเก็บค่าหัวและเก็บไอเทมให้หมดแล้วค่อยเข้าไปที่จุดเป้าหมายด้านในสุดที่ หลุดฝังศพของ Sarah


                 Deacon – ไง .... นี่ผมเองนะ  มาอีกแล้ว 




                                            เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ 



                                            Deacon – เราต้องรีบไปแล้ว !!          

Sarah – Deacon คือ ชั้นมีอะไรจะบอกคุณอย่างนึง 
Deacon – ผมไม่เป็นไร แค่แผลที่แขนเอง ไกลหัวใจน่า 
Sarah – คุณเป็นคนบอกชั้นว่าไม่ให้กลับมาที่นี่แต่ชั้นก็ไม่ฟัง ..ชั้นหมายถึง ชั้นรู้ว่ามันจะทำให้แย่ลง แต่ชั้น 
Deacon – ไม่มีใครรู้นี่ว่ามันจะเกิดเรื่องบ้าๆนี้ขึ้น มันไม่ควรเร็วขนาดนี้ 
Sarah – ไม่ๆ คุณไม่เข้าใจ ชั้นไม่รู้จะทำยังไงถ้าเสียคุณไป ที่คุณบาดเจ็บนี่เป็นความผิดของชั้นเอง 
Deacon – เฮ้ ไม่มีใครเสียใครไปทั้งนั้น ผมสัญญาแล้วจำไม่ได้หรอ?
Sarah – อืมมม



Deacon – มาเร็ว ซาร่าห์ !!
Sarah – แปบนึง Deacon ! เจอเด็กอยู่ที่นี่ด้วย ...เฮ้ๆ เธอโอเคมั๊ย? มาเถอะเดี๋ยวเราช่วยตามหาพ่อแม่ให้นะ
Deacon – ให้ตายเถอะ เราต้องไปกันแล้ว 
Sarah – โอ๊ยย !! เธอแทงชั้น !!


Deacon – โอ้ตายแล้ว ไม่ๆๆ แผลเป็นไงบ้าง?
Sarah – ชั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ชั้นคิดว่าไม่น่าจะโดนจุดสำคัญนะ
Deacon – พระเจ้า โอเค ฟังนะ คุณเอามือกดตรงนี้ให้แน่นๆเลย แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะ ยังวิ่งไหวมั๊ย?
Sarah – ชั้นไม่แน่ใจนะ แต่คิดว่ายังพอเดินไหว 
Deacon – โอเค ก็ยังดี มาเถอะ เราใกล้จะถึงแล้ว ...อะไรฟะ เมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วตรงนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อยู่เต็มไปหมดเลย 
Sarah – พวกเขาอาจอพยพไปหมดแล้วก็ได้ 
Deacon – อะ เออ อาจเป็นงั้นก็ได้ .... 


Deacon – เออ ดูท่าเธอจะบาดเจ็บ น่าจะโดนมีดหรืออะไรซักอย่างนี่แหละ เหมือนจะโดนเข้าที่ไตหรือไม่ก็แถวๆนั้น เธอกำลังจะติดเชื้อ
Boozer – เธอไปโดนอะไรมาเนี่ย? 
Sarah – มันงี่เง่ามากๆ เขายังเด็กอยู่เลย ยังเป็นเด็กอยู่แท้ๆ ได้เด็กบ้าเอ้ย !!
Boozer – เด็กน้อยที่แม่งดันมีมีดเล่มไม่น้อยนี่สิ 
Deacon – เฮ้ ขอแรงหน่อยสิ 
Boozer – ได้ พวกบ้านั่นกำลังจะมาทางนี้อีกกลุ่มแล้ว เราต้องรีบหนีออกจากตรงนี้ก่อนที่พวกมันจะมาถึงนะ 


Boozer – คุณน่าจะนั่งพักในนี้ได้ซักพักนึงนะ 
Deacon – ค่อยๆ ใจเย็นๆ
Sarah –เด็กผู้หญิงคนนั้นทำให้ชั้นถึงน้องสาวเลย รู้มั๊ย เราชอบเล่นซ่อนหากันทั้งวันเลย เธอชอบเป็นคนซ่อน ซ่อนแบบเอาหัวซุกเข้าไปในเสื้อตัวเองประมาณนั้น ..

Deacon – เธอกำลังจะติดเชื้อ 
Boozer – พระเจ้าดูพวกมันสิ เราต้องไปแล้ว !! 
Deacon – อ่า โอเคๆ ที่รัก คุณเดินไหวมั๊ย เราต้องไปกันต่อแล้ว 
Boozer – ชั้นดูเธอเอง นายไปหาทางออกเถอะ

                                          ********* ปัง ปัง ปัง !!!! **********


Deacon – ใครยิงวะ !!!!
??????-  ออกไปให้พ้นนะ แกฆ่าเธอ แกเป็นคนฆ่าเธอ !!!
Deacon – นายล่อมันไว้นะ เดี๋ยวชั้นจะหาทางลอบไปข้างหลังมัน



Deacon – เฮ้ๆ ชั้นไม่มีอาวุธนะ เห็นมั๊ย !! ฟังนะ เราก็แค่
??????-  แกฆ่าเมียชั้น !!
Deacon – นี่ๆ ฟังนะ ชั้นไม่รู้จักเมียนายเลยอยู่ๆจะไปฆ่าเธอได้ไง?
??????-  แกนั่นแหละทำ แกฆ่าเธอ



Deacon – เฮ้ๆ ฟังนะ เราไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เอาปืนมา เอาปืนมาให้ชั้น ! 
??????-  แกนั่นแหละทำ แกฆ่าเมียชั้น 
Deacon – เอาปืนมาให้ชั้น ! พระเจ้า หยุด พอได้แล้ว! หยุด !!!!

                                          ********* ปัง !!!! **********


                                      Deacon – แม่งเอ้ย !! ... บ้าเอ้ยย !!



                                Sarah – Deek เกิดอะไรขึ้น ? คุณเป็นอะไรรึเปล่า?
                                 Deacon – ไม่มีอะไร ... ไปกันเถอะ ..


Deacon – เฮ้ รอก่อน พวกเราต้องการความช่วยเหลือ เธอได้รับบาดเจ็บน่ะ 
O’Brian – เอ่อ แล้วเธอไปโดนอะไรมา?
Deacon – มันเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในเมืองแล้วเธอก็ถูกแทงมา
O’Brian – แต่ ฮ. เรารับทุกคนไปไม่หมดหรอกนะ 



Deacon – โธ่ไม่เอาน่า O’Brian ถ้าไม่รีบพาเธอส่งโรงพยาบาลเธอจะตายนะ 
O’Brian – ด้านนอกนั่นมันไม่มีโรงพยาบาลเหลือแล้ว
Deacon – ไม่มีโรงพยาบาลเหลือแล้วเนี่ยนะ ไม่เอาน่า พวกนายก็ต้องมีหน่วยแพทย์หรือพยาบาลอะไรซักอย่างบ้างสิ ?
O’Brian – เอ่อ ผมก็แค่เจ้าหน้าที่ฝึกหัดน่ะ โอเค๊? ผม เอ่อ ผมก็แค่อาสามาช่วย ผมไม่ควรออกมาที่นี่ด้วยซ้ำ 



Deacon – O’Brian !
O’Brian – โอเคๆ ก็ได้ บ้าเอ้ย! แต่ผมเหลือที่แค่ 2 ที่เท่านั้นนะ 2 ที่ 
Deacon – หมายความว่าไงที่นายมีที่ให้เราแค่ 2 ที่ ?
O’Brian – ก็น้ำหนักมันเกินไม่เข้าใจรึไง? ผมพาพวกคุณไปได้แค่ 2 คนโอเค๊?
 Deacon – เออ ก็ได้ งั้นมาช่วยหน่อย ... เอาล่ะที่รักคุณจะต้องปลอดภัยนะ  เฮ้ ฟังนะ เดี๋ยวผมจะตามไปทีหลังนะ 



 Deacon – เอาล่ะ Boozer ไปเถอะ นายรีบไปขึ้นเครื่องได้แล้ว !
Boozer – เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ ชั้นได้ยินไอ้หมอนั่นพูดว่าเหลือที่แค่ 2 ไม่ใช่หรอ? นายไปกับเธอเถอะ โอเค๊? ชั้นไม่เป็นไรหรอก แย่กว่านี้ก็เจอมาแล้วว่ามั๊ยล่ะ? 
Deacon – ช่าย ..หนักกว่านี้เราก็เจอมาหมดแล้ว



Deacon – เฮ้ นี่ ถามไรหน่อย ฮ. ของนายจะบินไปที่ไหนหรอ?
O’Brian – ไปที่ค่ายผู้อพยพทางตะวันตกของเทือกเขา Three finger jack 
Sarah – ไม่นะ ไม่เอาแบบนี้ !
Deacon – ฟังนะ Boozer เขาไม่รอดแน่ถ้าไม่มีผม ... คุณเก็บแหวนนี่ไว้นะ แล้วผมจะไปเอาคืน 
O’Brian – คุณจะไม่ไปด้วยหรอ?
Sarah – ไม่ ...



                                                    Boozer – Deek !!



                          Boozer – โอ้ให้ตายเหอะ ที่นายทำอะไรลงไปวะ?



                                               เหตุการณ์ในปัจจุบัน



Deacon – คุณพักให้สบายเถอะนะ โอเค๊ ผมแค่มาเช็คดูน่ะ ผมรู้ ว่าคุณไม่อยากให้มาที่นี่ แต่ .... ชั้นว่า Boozer พูดถูก .. ชั้นห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ  ... ก็อยากที่ชั้นเคยพูดไว้ เดี๋ยวชั้นไปหา .. ชั้นกลับมาแล้วนะ 



Deacon –   นั่นเฮลิคอปเตอร์ของ NERO นี่ มันกำลังจะบินไปไหนวะ? 


ทันทีที่ Deacon เห็นเฮลิคอปเตอร์ของ NERO บินผ่านหัวไป เขาจึงตัดสินใจที่จะตามไปทันที่ใจคิดว่าพวกมันกำลังจะไปที่ไหน ระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่อยู่ทางทิศตะวันออกจะพบจุดสีฟ้าในแผนที่


 เมื่อลงไปใช้ survival vision สำรวจในบริเวณนั้นจนพบรอยเท้าขึ้นมา แต่เมื่อตามไปเรื่อยๆจะพบว่ามีพวกโจรที่ซุ่มอยู่เข้ามาทำร้าย พอจัดการมันจนหมดก็จะพบจุด Ambush Camp ทางเหนือของจุดที่ถูกซุ่มโจมตี



                                       Storyline: Ambush Camp

                                                     Bear Creek Hot Spring 

เข้าไปจัดการพวกโจรในแค้มป์ทั้ง 15 คนให้หมด แล้วเข้าไปที่ทางลงบังเกอร์ที่อยู่ภายในแค้มป์ (ด้านซ้ายบน) เข้าไปเก็บแผนที่ที่พวกโจรเก็บไว้ก็เป็นอันจบภารกิจ ** Craft Recipe Unlocked : Stamina Cocktail ** 

เมื่อเสร็จเรื่องที่ Bear Creek Camp แล้วเดินทางเข้าไปตามทางของจุดหมายทางฝั่งตะวันตกต่อ เมื่อเข้าไปถึง MARION FORKS จะพบจุด Side Mission - INFESTATION EXTERMINATOR อยู่ก่อนถึงภารกิจหลัก

                              INFESTATION EXTERMINATOR

                                               MARION FORKS INFESTATION


                                  จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 5 จุด




                 Story Mission: SEARCHING FOR SOMETHING



Boozer – นี่นายขึ้นไปที่นั่นมาอีกแล้วใช่มั๊ย? หลังจากที่ชั้นเพิ่งบอกนายว่าอย่าไปเนี่ยนะ 
Deacon – ฟังนะ เลิกบ่นได้แล้ว ชั้นก็แค่ ขึ้นไปเพื่อล่า Freak แค่นั้นแหละ Boozer นายเข้าใจใช่มั๊ยว่าชั้นเป็นนักล่าค่าหัวน่ะ ห๊ะ !! นั่นแหละเหตุผลเดียวที่ชั้นขึ้นไปที่นั่น โอเค๊ !! เดี๋ยวนะๆ มันช้าลงแล้ว มันหยุดทำไมวะนะ?



Deacon – บ้าเอ้ยยยย !!!


Boozer – Deek เกิดอะไรขึ้น !?
Deacon – ไอ้ลูกหมาเอ้ยยยย !!!

Boozer – เกิดอะไรขึ้น นายเป็นอะไรรึเปล่า Deek ??
Deacon – ไม่ๆๆ ไม่เป็นไร ชั้นโอเค ชั้นคิดว่าพวกมันแค่ยิงขู่หรือยิงเตือนแค่นั้นแหละ ถ้ามันกะยิงจริงๆชั้นคงตายไปแล้ว
Boozer – Deek .. นายจำเรื่องที่ชั้นบอกนายเกี่ยวกับเรื่องความอยากตายของนายได้รึเปล่า ?
Deacon – เออๆๆๆ จำได้ รู้แล้วน่า แค่นี้นะ เลิกกัน !!





ร้อยโท Booth – โอ้ มันได้ผลแฮะ .. ไม่งั้นไอ้ตัวเล็กนี่มันคงโดดฉีกหัวของพวกคุณกุดไปแล้ว 
สิบตรี Franklin – เร็วหน่อย เร็วๆเลย !!
ร้อยโท Booth – ให้ตายสิ กดให้มันอยู่นิ่งๆหน่อย 
สิบตรี Franklin – เร็วๆ มันแห่มากันแล้ว !!
ร้อยโท Booth – ขอเวลาอีกแปบนึง 



สิบตรี Franklin – พอแค่นี้ !! เก็บของ เราจะกลับกันแล้ว !!
ร้อยโท Booth – นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย??
สิบตรี Franklin – บ้าเอ้ย !! ไปๆๆ รีบไปเลย 
ร้อยโท Booth – ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำ ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น !!
สิบตรี Franklin – ไปๆๆ รีบไป รีบไปๆๆๆ
ร้อยโท Booth – ขึ้นหมดแล้ว เอา ฮ. ขึ้นเลย !!


              Deacon – พระเจ้า แห่กันมาเป็นฝูงเลย ฮัลโหล ไหนดูสิพวกมันทิ้งอะไรเอาไว้ 

เมื่อกลุ่มทีมสำรวจของ NERO ออกจากพื้นที่หมดแล้วก็เหลือแต่ ฝูง Swarmer ขนาดย่อมๆที่เริ่มเข้ามาในพื้นที่ Deacon จำเป็นต้องเข้าไปเพื่อสำรวจสิ่งที่พวก NERO ทิ้งไว้ซึ่งอาจจะโยงใยถึงบางอย่างที่เขาต้องการรู้ได้ ลอบเข้าไปที่กลางลานที่ ฮ. ลงจอด จัดการพวก Swarmer ในพื้นที่ให้หมดแล้วเข้าไปสำรวจข้าวของที่พวก NERO ทิ้งเอาไว้ จนพบสิ่งของบางอย่างที่กระเด็นตกอยู่ไม่ไกล แต่เจ้า Freaker ตัวน้อยก็ดันเข้ามาแย่งไปอย่างไว ทันทีที่ Deacon หายตกใจก็ไล่ตามไปจัดการจนได้สิ่งของที่ถูกชิงไปคืนมา


Deacon – วิทยุสื่อสารงั้นหรอ? 
Boozer – ไง ตกลงพวกมันทำบ้าอะไรกัน?
Deacon – เหมือนพวกออกมาที่นี่ แล้วก็เกิดปะทะกับพวก Freak ไม่แน่ใจเหมือนกันวะ พวกมันเอาเชือกมาพยายามจะจับ Freak เหมือนพวกมันจะใส่เครื่องติดตามอะไรซักอย่างกับพวกมัน 
Boozer – พวกมันมีปัญหาอะไรวะ?
Deacon – เหมือนพวกมันกำลังเก็บตัวอย่างอะไรซักอย่าง แต่ทำไม่สำเร็จ ฝูง Swarmer บุกเข้ามาจนพวกมันต้องรีบหนีแล้วทำวิทยุสื่อสารตกเอาไว้ 
Boozer – แล้วนายเอ่อ ..นายคิดจริงๆหรือว่า Sarah เธอยัง ..
Deacon – ไม่ !! ... ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน  ชั้นก็แค่ ... แต่เขายังไม่ตายนะ Boozer เขายังมีชีวิตอยู่ O’Brian น่ะ ชั้นจะลองตามหาเขาดู ถ้าทำได้นะ ชั้นก็ต้องการคำจากเขา 
Boozer – แม่งเอ้ย .. โอเค เดี๋ยวชั้นก็หายดีพอจะซิ่งไปกับนายได้แล้ว เอาไว้ชั้นจะช่วยอีกแรงนะ Deek ถ้าเขายังไม่ตายจริงๆ เราจะตามหาแม่งให้เจอ 
Deacon – นายพูดถูก ... ชั้นจะลองเช็คดูทีหลัง ตอนนี้แค่นี้ก่อนนะ ... โอเค O’Brian นายอยู่ที่ไหนกันนะ 


              เมื่อได้สิ่งที่ต้องการจนพอใจ Deacon ก็รีบกลับไปที่มอเตอร์ไซด์เพื่อเตรียมเดินทางต่อ



ท่ามกลางจิตใจที่กำลังกังวลถึงสิ่งที่พึ่งค้นพบที่อาจนำมาซึ่งความเป็นไปได้ของ Sarah หญิงคนรัก Deacon จึงอยากจะแค่พักหลับตาปล่อยให้อารมณ์นำพาช่วงเวลาเมื่อครั้งได้เจอ Sarah ครั้งแรกให้ย้อนกลับมาในห้วงคำนึงเพื่อให้หายคิดถึง


Deacon – ไง 
Sarah – ไง ...
Deacon – คือผม เอ่อ หลงทางนิดหน่อยน่ะ หวังว่าคุณอาจจะช่วยชี้ทางให้หน่อยได้มั๊ยครับ? 
Sarah – โทษนะ คุณเนี่ยนะหลงทาง?



Deacon – อ๋อ ช่ายๆๆ คือผมกำลังหาถนน Old Belknap แต่วนหาหลายรอบแล้วหาไม่เจอซักที 
Sarah – นี่คุณต้องกำลังล้อเล่นแน่ๆเลยใช่มั๊ย?
Deacon – เปล่า ...
Sarah – อะไร? ทำไมมองหน้าชั้นแล้วอมยิ้มแบบนั้นอ่ะ  .... โอ้ โอเค หน้าเปื้อนน้ำมันแล้วรถก็ดันมาพังอีก เยี่ยม เยี่ยมมม!
Deacon – แล้ว ตกลงคุณรู้มั๊ยว่าถนนนั่นมันไปทางไหน?
Sarah – อะไรนะ อ๋อ คือ โทษทีนะ ชั้นไม่รู้หรอกคะว่าถนน เอ่อ Belknock .. Belnack Bell ...
Deacon – Belknap
Sarah – Belknap เออนั่นแหละ ชั้นใม่รู้หรอกว่ามันไปทางไหน ชั้นช่วยไม่ได้จริงๆเสียใจด้วยนะ
Deacon – ตกลงคุณไม่รู้จริงๆใช่มั๊ย? โอเค ยังไงก็ขอบคุณแล้วกันนะครับ ผมไปก่อนนะ



Sarah – เฮ้ เดี๋ยวสิ ! ... เออ ก็ได้ 
Deacon – สนใจจะซ้อนรถไปด้วยกันมั๊ยล่ะ? 
Sarah – แน่นอน ได้สิ ขอบคุณที่ชวนนะ .. ชั้น Sarah 
Deacon – ผม Deacon
Sarah – โอ้ โทษที มือเปื้อนไปหน่อย ... เอ่อ แล้วชั้นต้องขึ้นรถยังไง ..?



Deacon – ไม่ยากอย่างที่คิดหรอก ก็แคเอาขายกข้ามมาอีกด้านก็แค่นั้นเอง 
Sarah – อึ๊บ อ่า ... โอเค พร้อมแล้ว .. เฮ้ๆๆๆ ช้าๆสิ
Deacon – จับแน่นๆสิ 



Sarah – ขอบคุณมากนะคะ 
Deacon – ไม่มีปัญหาครับ
Sarah – ไม่รู้ว่ามีบาร์แถวนี้บ้างรึเปล่านะ
 Deacon – อ๋อ มีแน่นอน บาร์ Crazy Willie อยู่สุดถนนโน่นเลย 
Sarah – ชั้นก็แค่อยากจะหาที่โทรศัพท์หน่อยน่ะ แถวนี้ไม่มีคลื่นมือถือเลย 
Deacon – ผมรู้น่าว่าคุณไม่ได้จะไปหาเหล้ากินน่ะ 



Deacon – แล้วผู้หญิงอย่างคุณมาทำอะไรในที่แบบนี้หรอ?
Sarah – รู้อะไรมั๊ย? ชั้นเองก็ถามตัวเองแบบนี้อยู่ตลอดเหมือนกันอ่ะนะ ฮ่าๆ ชั้นมาทำวิจัยนะ ศึกษาเรื่องบางอย่างของที่นี่
Deacon – ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ทำวิจัยนี่มันหมายถึงอะไร 
Sarah – โทษทีลืมบอก ชั้นมาศึกษาเกี่ยวกับพืชของที่นี่น่ะ
Deacon – ศึกษาต้นไม้เนี่ยนะ ?
Sarah – ใช่ 


                                                   Sarah – เฮ้ย ระวัง !!!! 


                                               Deacon – แม่งเอ้ย จับแน่นๆนะ !!!



                                                     Deacon – ไอ้พวกบ้าเอ้ย !!!
                                                     Sarah – โอ๊ย .. พระเจ้า !



Deacon – คุณไม่เป็นไรนะ?
Sarah – คะ ไม่เป็นไร .. แต่แบบ เฉียดไปนิดเดียวเองจริงๆเลย 
Deacon – คุณแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร?
Sarah – ไม่เป็นไร ชั้นโอเค ก็แค่ ...โอ้พระเจ้า  .... เฮ้ย ดูเหมือนมือถือจะมีสัญญาณแล้ว


Sarah – ใช่ ชั้นเอง ชั้นไม่เป็นไร แต่รถที่คุณให้ชั้นมามันพังไปแล้วนะสิ ชั้นต้องการรถลาก ชั้นอยู่ที่ เอ่อ อยู่ที่ ... ที่ไหนซักแห่งเนี่ยแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ไหน ..
Deacon – ถนน 42
Sarah – เอ่อ อยูบนถนน 42 ประมาณไมล์นึงได้  ... โอเค เดี๋ยวเจอกัน 


Deacon – เดี๋ยวผมกลับไปส่งคุณที่รถดีกว่า ผมจะอยู่รอรถลากเป็นเพื่อน
Sarah – ชั้นเอ่อ ..  ไม่รู้เหมือนกัน 
Deacon – ก็ได้ เดี๋ยวไอ้พวกรถกระบะนั่นย้อนกลับมาพวกมันคงจะดีใจที่จะได้พาคุณไปนั่งรถเล่นอ่ะนะ
Sarah – เออ ก็ได้ๆๆ คุณไปส่งก็ได้ ไปกันเลย แต่ ขี่รถดีๆหน่อยละคราวนี้น่ะ ฮ่าๆ



Sarah – สรุปว่าคุณไม่ได้หลงทางใช่ป่ะ ถามจริงๆ?
Deacon – ก็นะ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครถาม ที่ผ่านมาผมก็หลงทางอยู่ตลอดมานานมากแล้ว 
Sarah – แต่คุณก็รู้เส้นทางแถวนี้ดีนี่นา 
Deacon – แล้วคุณไม่ใช่คนแถวนี้หรอ?
Sarah – เปล่า ชั้นมาจาก Seattle น่ะ แต่บริษัทที่ชั้นทำงานอยู่มาเปิดห้องทดลองอยู่ที่นี่ แล้วก็นะ รู้ตัวอีกทีชั้นก็มาอยู่ที่ที่ไกลแสนไกลนี่แล้ว 
 Deacon – เพื่อมาศึกษาต้นไม้ 
Sarah – ใช่ ก็อย่างที่บอกคุณไปแล้วนะแหละ บริษัทที่ชั้นทำงานด้วยเขาทำเกี่ยวกับ วิศวกรรมทางชีวภาพ และที่นี่ก็มีพืชบางอย่างที่หายากอยู่จำนวนมาก พวกเขาก็เลยมาสร้างบริษัทที่นี่เลย 
Deacon – สำหรับที่นี่ ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาเลย


Deacon – นั่นมันอะไรกันวะน่ะ?
Redneck – Clete เรามีแขกมาเยี่ยมวะ 
Sarah – ตายล่ะ 



                                  Deacon – งั้นก็เข้ามาเลยท่านสุภาพบุรุษ ..



Redneck – ไง ฉลาดขึ้นบ้างยัง? รู้แล้วใช่มั๊ยว่าที่นี่ใครใหญ่ไอ้เด็กแว๊น ห๊า? ชั้นจะอัดแกอีก อัดแกอีก เป็นไง รู้สึกยังไงบ้างล่ะ หาห้าวแล้วหรอตอนนี้อ่ะ  ชั้นน่ะ อัดแกได้ทั้งวันแบบไม่เบื่อเลยจะบอกให้นะ 

*******************************  ปัง !!!  **********************************


      Redneck – ฉิบหายแล้ว มีปืนด้วย ไม่ยุ่งด้วยแล้วแบบนี้ หนีเร็ว !!


Sarah – โอ้พระเจ้า  ชั้นขอโทษ ชั้นไม่รู้จะทำยังไงก็เลยลองหาดูในกระเป๋าคุณแล้วก็เห็น ไอ้นี่ ..
Deacon – ไม่ๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร 
Sarah – ให้ตายสิ ชั้นเกือบฆ่าคนตายซะแล้ว 
Deacon – ไม่เป็นไร คุณไม่ได้เล็งไปที่พวกมันซะหน่อยนี่ 
Sarah – ชั้นไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆนะ ตอนแรกชั้นพยายามจะโทรเรียกตำรวจแต่มันไม่มีคลื่น ชั้นก็เลยลองค้นกระเป๋าคุณดู ...
Deacon – เฮ้  ไม่เป็นไรๆๆๆ โอเค๊ พวกมันไปหมดแล้ว 
Sarah – บาร์แถวๆนี้ก็ไม่มี แถวไม่มีสัญญาณมือถืออีก..
Deacon – นี่ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะรออยู่ที่นี่เป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนคุณจะเอารถลากมา โอเค๊?
Sarah – โอเค ..



Deacon – แล้วก็ ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้นะ
Sarah – ชั้นไม่เคยทำอะไรแบบนั้นมาก่อนเลยจริงๆนะ
Deacon – จริงดิ อย่ามาหลอกผมนะ
Sarah – จริง 



           แม้จะไม่ถึงครึ่งของความถวินแค่เพียงหลับตาระลึกหา 
แม้ความทรงจำที่หวนกลับมาเป็นเพียงภาพมายาจากอดีตของความจริง แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวยึดสำนึกของชายที่สูญเสียคนรักให้ก้าวผ่านโลกร้ายอันพุพังที่ไม่มีวันเหมือนเดิม



Deacon – Hot Spring Camp ทราบแล้วเปลี่ยน Tucker คุณได้ยินผมมั๊ย? ผมต้องการข้อมูลของเด็กผู้หญิงที่ Larsen เจอที่ Marion Forks เพิ่มเติมหน่อย
Tucker – Deacon ชั้นก็บอกทุกอย่างเท่าที่รู้ไปหมดแล้วนะ ผู้รอดชีวิตเป็นเด็กสาว เออ เดี๋ยวนะ เขาพูดถึง Hungry Jim  ที่ร้านขายแพนเค้กเก่าที่อยู่แถวๆ East Bridge 
Deacon –แถวๆนั้นมี ร้านขายแพนเค้กที่ผมรู้จักร้านนึง ชื่อร้าน Lumberjack เดี๋ยวเริ่มหาจากที่นั่นก็แล้วกัน 
Tucker – นายจะทำจริงๆหรอ อย่าลืมนะ ถ้าเจอตัวเธอพาเธอมาหาชั้นด้วย ..มันมีพวกเร่ร่อนกลุ่มนึงเอาปืนจำนวนนึงมาแลกสินค้ากับเรา บางทีอาจะมีปืนที่นายพอใช้ได้บ้างอ่ะนะ 
Deacon – เออ เก็บเอาไว้ให้ผมก็แล้วกัน แค่นี้นะ เลิกติดต่อ ..


จากจุดสิ้นสุด Story Mission: SEARCHING FOR SOMETHING เดินทางขึ้นเหนือต่อไปยังจุดหมายของภารกิจ STORYLINE – YOU’RE SAVE NOW   ระหว่างทางจะพบกับตำแหน่งของ Ambush Camp ที่ BELKNAP CAVE ที่สามารถแวะเข้าไปทำได้



                                            Side Mission: Ambush Camp Hunter

                                                          BELKNAP CAVE 

เป้าหมายคือกำจัดพวกโจรที่อยู่ในแค้มป์จำนวน 14 คน แต่แค้มป์โจรแค้มป์นี้ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งด้านล่างคือ BELKNAP CAVE ที่มีพวก Freaker อยู่เต็มไปหมด ฉะนั้นการใช้เสียงจึงเป็นอันตรายอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน ก็สามารถใช้เสียงล่อพวก Freaker ให้ขึ้นมาจัดการพวกโจรได้ ขอแค่หาที่หลบเหมาะๆก็แล้วกัน หลังจากจัดการพวกโจรจนหมดแล้วก็เข้าไปในบังเกอรที่อยู่ในแค้มป์ ลงไปเก็บแผนที่ตำแหน่งของแค้มป์โจรต่อไปก็จะจบภารกิจ



                                         Craft Recipe UNLOCK: SMOKE BOMB



           STORYLINE – YOU’RE SAVE NOW  


                               Story Mission: it’s Not Safe Here   


เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจร้านแพนเค้ก Lumberjack ที่ Marion Forks เพื่อตามหาเด็กสาวผู้รอดชีวิตที่คนของ Tucker เคยเห็นเบาะแสอยู่ที่นี่


เมื่อมาถึงแล้วลงไปที่ท่าน้ำหน้าร้านกด R3 เพื่อใช้ Survival Vision ตามหาร่องรอยเบาะแสของเด็กสาวจะพบว่าเธอมาตักน้ำที่นี่กินเป็นประจำ Deacon จึงย้อนตามรอยเท้าที่พบขึ้นไปที่เขตที่อยู่อาศัยข้างๆร้านเพื่อตามหาที่ซ่อนตัวของเธอ ระหว่างทาง Deacon จะพบว่าที่นี่มีพวก Rippers อยู่ในพื้นที่มากมายเต็มไปหมด จึงคิดได้ว่าเด็กสาวคนนั้นหรือสิ่งมีชีวิตไหนก็ไม่มีทางอาศัยอยู่ที่นี่ได้แน่นอน Deacon จึงรีบตามแกะรอยไปพร้อมๆกับจัดการพวก Rippers ที่ขวางทางไปตามทางวงกลมสีส้มในแผนที่


เมื่อเข้ามาถึงบ้านเป้าหมายอ้อมมาทางฝั่งซ้ายจะพบบันไดที่สามารถยกฟาดเพื่อใช้ปีนขึ้นชั้นบนได้ ปีนขึ้นไปชั้นบนเข้าไปที่ห้องด้านในก็จะพบเด็กสาวหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่


Deacon – ไม่ต้องกลัวนะ ชั้นไม่ทำร้ายเธอหรอก เธออยู่คนเดียวหรอ มีคนอยู่กับเธอด้วยรึเปล่าล่ะ? ... โอ้ให้ตายเถอะ โอเค เอ่อ นี่ นี่ห้องของเธอหรอ สวยดีนะ อ่า นี่ถ้วยรางวัลของเธอหรอ มีชื่อติดอยู่ด้วย Lisa 



Lisa – อย่าคะ ! นั่นของชั้น
Deacon – รู้แล้วๆ โอเค ใจเย็นๆ  
Lisa – ถ้วยนี่ชั้นได้มาตอนแข่งยิมนาสติกนะ จริงๆชั้นควรชนะที่ 1 ด้วยซ้ำถ้ายัย Missy King ไม่ขี้โกงอ่ะนะ
Deacon – Lisa !! ... Lisa ฟังนะ เธอได้ยินเสียงปืนข้างนอกนั่นมั๊ย ที่นี่มันไม่ปลอดภัย ตอนนี้เราต้อง ..



Lisa – ตอนนั้นชั้นอยู่ที่โรงเรียน ตอนที่แม่โทรมาบอกให้รีบกลับบ้านทันทีโดยห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาด พ่อกับแม่บอกว่าเขาจะรอชั้นอยู่ที่นี่แล้วเราค่อยหนีไปด้วยกัน แต่พอชั้นมาถึงบ้านก็ไม่พบใครเลย เจอแต่โน้ตเขียนว่าพวกเค้าไปกับชายคนนึง ชั้นก็เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อ ก็ได้แต่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ก็ชั้นไม่รู้จะทำยังไงดี ..
Deacon – ไม่เป็นไรนะ โอเค โอเค นี่ Lisa ไม่ไกลจากนี่มีแค้มป์อยู่ที่นึง แล้วเธอก็ต้องยอมให้ชั้นพาตัวไปที่นั่น
Lisa – ไม่ !! 



 Deacon – ที่นั่นมีคนอยู่เยอะ ชั้นรู้จักพวกเขาดี ชั้นจะไม่โกหกเธอหรอกนะ ที่นั่นเธอต้องทำงานนิดหน่อยแต่เธอก็จะได้กินอาหาร ชีวิตมันก็ยากแบบนี้แหละ ก็ดีกว่าอดมื้อกินมื้อแบบนี้ 
Lisa – ไม่ !! แม่ชั้นบอกว่าจะกลับมาหาชั้นที่นี่ 
Deacon – เอ่อ ... นั่นรูปแม่ของเธอใช่มั๊ย? บางทีแม่เธออาจจะอยู่ที่แค้มป์นั่นก็ได้ 
Lisa – แม่อยู่ที่แค้มป์งั้นหรอ? แม่อยู่ที่นั่นแน่ชั้นรู้ แม่อยู่ที่นั่นแน่ๆ
Deacon – โอเค ไปกัน เอาล่ะ อยู่ใกล้ๆชั้นเอาไว้ก็แล้วกันนะ 


                          Story Mission: Lots of Sick People 

จากนั้นคุ้มกันและนำทาง Lisa ให้ตามไปที่รถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่หน้าร้านแพนเค้ก Lumberjack โดยระหว่างทางนั้น Lisa จะคอยตามติดตลอดเวลาอยู่แล้ว ใช้ก้อนหินปาล่อศัตรูและพยายามเดินหลบตามพุ่มหญ้าตามทางไปเรื่อยๆ


จนเมื่อมาถึงจุดที่จอดรถหน้าร้าน Lumberjack ก็จะพบหมีขนาดใหญ่เข้ามาอาละวาดในพื้นที่ Lisa จะเข้าไปหลบในถังขยะ


ส่วน Deacon ก็ต้องหาทางจัดการล้มเจ้าหมีลงให้ได้ เมื่อจัดการมันได้แล้วก็พา Lisa ขึ้นมอเตอร์ไซด์ขับออกจากพื้นที่แล้วมุ่งหน้าไปที่ Hot spring Camp ได้เลย


Lisa – เฮ้ แล้วคุณชื่ออะไรหรอ?
Deacon – Deacon .. ชั้นชื่อ Deacon เออ Lisa เธออยู่ข้างนอกแบบนี้คนเดียวมาตลอดเลยหรอ ? ....เธอไม่ใช่คนประเภทช่างพูดใช่มั๊ยเนี่ย
Lisa – พ่อชั้นเป็นนักธรณีวิทยาน่ะ เขาชอบพาชั้นออกไปข้างนอกเพื่อหาดู thunder egg อยู่บ่อยๆ 
Deacon – thunder egg ? ... เอ่อ  มันคืออะไรหรอ?
Lisa – มันคือหินนะ แต่พอตัดมันออกข้างในมันจะเป็นสีฟ้าสวยมากๆเลย
Deacon – โอเค ฟังดูน่าสนใจดี 
Lisa – เราไปมากันจนทั่ว Belknap Creter .. Lava Flow .. Black Crater แล้วก็อีกหลายๆที่เลย คุณคิดว่าพ่อก็จะอยู่ที่แค้มป์ด้วยมั๊ยอ่ะ?
Deacon – เอ่อ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะนังหนู 



Deacon – ฉิบแล้ว มีคนอยู่ในอุโมงค์ด้วย 
Lisa – อะไรนะ แล้วเราจะทำไงล่ะ?
Deacon – ฟังนะ เสียงปืนที่เธอเคยได้ยินน่ะ มันเป็นของพวกคนเลว เข้าใจนะ?

                        จัดการพวกศัตรูในอุโมงค์ให้หมดแล้วพา Lisa ออกเดินทางต่อ


Deacon – ชั้นอยากจะถามอะไรเธอซักอย่างนึงนะ Lisa และชั้นอยากให้เธอลองนึกดูดีๆหน่อยก่อนตอบ มีเพื่อนบ้านของเธอคนไหนบ้างที่มีอาวุธปืนเป็นของตัวเองบ้างรึเปล่า อย่างพวกปืนสั้น ไรเฟิ่ล อะไรแบบนี้อ่ะ 
Lisa – ไม่มีหรอก ถึงมีก็ไม่เหลือแล้ว ไอ้พวกที่มาที่นี่มันขนทุกอย่างไปจนหมดแล้ว 
Deacon – พวกนั้นหรอ พวกเขาเหมือนพวกที่อยู่ในอุโมงค์เมื่อกี้หรือพวกเขาใส่ยูนิฟอร์มเหมือนกับทหารหรือเปล่าล่ะ?
Lisa – ใส่ชุดเหมือนทหาร แต่พวกเขาแต่งตัวสกปรกมากเลยอ่ะ แล้วพวกเขาก็มีธงของตัวเองด้วย เหมือนมันเขียนว่า Deschutes Militia ประมาณนั้น ชั้นจำไม่ค่อยได้แล้ว 
Deacon – มีใครมากับพวกมันด้วยรีเปล่า ผู้หญิง หรือ เด็ก อะไรเงี่ย?
Lisa – ชั้นจำไม่ได้หรอก แต่ Tommy น่าจะจำได้ 
Deacon – Tommy ไหน?
Lisa –Tommy Strickland เพื่อรักชั้นเอง แต่ เขาจากไปแล้วอ่ะ พ่อเขาพาไปที่ซ่อนตัว 



Deacon – ที่ซ่อนตัว? คือยังไงนะ
Lisa – พ่อของเขาสร้างหลุมนิรภัยเอาไว้แล้วก็ใส่สิ่งของยังชีพมากมกายเข้าไปเพื่อจะได้อยู่ได้นานๆ แผนที่ อาหาร น้ำ ปืน ประมาณนั้น 
Deacon – โอเค แล้วเธอรู้มั๊ยว่ามันอยู่ที่ไหน?
Lisa – ไม่รู้หรอก พวกเขาชวนชั้นให้ไปด้วยเหมือนกันแต่ชั้นไม่ไปเพราะต้องรอพ่อแม่อยู่ที่นี่อ่ะ 
Deacon – เอาล่ะ เรามาถึงแล้ว ที่นี่แหละ 


Tucker - ดูสิใครมา
Lisa – ป้า Tucker 
Tucker – โอ้พระเจ้า Lisa ไม่เป็นไรแล้ว หนูปลอดภัยแล้วนะ 
Lisa – พ่อกับแม่ไม่อยู่ ทุกๆคนก็ป่วยกันหมด หนูก็ไม่รู้จะทำไงต่อดี แล้วไอ้พวกบ้านั่นก็เข้ามาในเมือง
Tucker – ชูวๆๆ  ไม่เป็นไรๆ หนูปลอดภัยแล้วนะ ....พระเจ้า ให้ตายเถอะ มันปาฏิหาริย์ชัดๆเลย



 Tucker – เราเคยเป็นเพื่อนบ้านกัน ใช่มั๊ย Lisa? ชั้นอยู่บ้านถัดมาบล็อกนึง ชั้นรู้จักครอบครัวของเธอดี 
Lisa – พ่อแม่ของหนูอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะคุณ Tucker ?
Tucker – ที่รัก หนูก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่ 
Lisa – ไม่ ...เข้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก Deacon
Tucker – มาเถอะ เข้าไปข้างในไปอาบน้ำอาบท่าแล้วกินอะไรก่อนนะแล้วเดี๋ยวชั้นจะหาที่ให้นอนพัก



Tucker – เอาล่ะ นายไปหา Alkai สิ เดี๋ยวชั้นจะอัพเดทเครดิตให้คืนนี้ 
Deacon – เฮ้ๆ เดี๋ยวๆ ฟังนะ เธอเอ่อ เธอผ่านอะไรแย่ๆมาเยอะ ทำไมเราไม่...
Tucker – ให้ชั้นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เองเถอะนะ
Deacon – ฟังนะ คือ นี่ผมซีเรียสนะ คืออย่าใช้งานเธอเหมือนกับคนอื่นๆได้มั๊ยล่ะ?
Tucker – ไม่ต้องมาสอนชั้นว่าชั้นควรจะปกครองแค้มป์ของชั้นยังไงได้มั๊ย? นายจะย้ายมาอยู่ที่นี่รึเปล่าล่ะ? จะมาช่วยชั้นบริหารแค้มป์นี้มั๊ยล่ะ? ถ้าแบบนั้นบางทีนายอาจจะได้ออกความเห็นบ้าง  ฮ่าๆๆๆ นี่ อย่ามาทำเป็นคนอ่อนไหวกับชั้นดีกว่าน่า Deek 




                      STORYLINE: WORLD’S END

                             Marion Forks Tunnel Nero Checkpoint


เดินทางมาที่จุดตรวจของ Nero ที่ Marion Forks Tunnel ขวาบนของแผนที่ แน่นอนว่าประตูตู้คอนเทรนเนอร์ที่เป็นห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (Nero Mobile Medical Unit) จะยังเปิดไม่ได้


สำรวจที่แผงฟิวส์ที่ด้านหลังของตู้คอนเทรนเนอร์จะพบว่าคราวนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีพลังงานอย่างเดียวแต่ฟิวส์ยังเสียด้วย  กดสำรวจที่แผงฟิวส์เพื่อใช้ Survival Vision ค้นหาฟิวส์ที่หายไปจนตามมาพบฟิวส์อะไหล่ที่รถตู้ด้านในของแค้มป์ จัดการเอาฟิวส์มาใส่ที่แผงฟิวส์ จากนั้นปีนไปตัดทำลายลำโพงที่อยู่ในพื้นที่นี้ให้หมดก่อน


แล้วหาแกลลอนน้ำมันที่อยู่ในแค้มป์มาใส่ที่เครื่องปั่นไฟตรงหัวมุมของตู้คอนเทรนเนอร์ก็จะสามารถเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของ Nero ได้แล้ว เข้าไปสำรวจเก็บ Nero Injector ที่อยู่ด้านในมาอัพเกรดสเตตัสของตัวเอง ก็จะเป็นอันจบภารกิจ

      ในขณะที่กำลังเดินทาง เสียงวิทยุที่ Deacon ได้มาจากพวก Nero ก็เริ่มสงเสียงออกมา


O’Brian – ใช่ นี่ O’Brian ผมกำลังจะเช็คอินพอดีเลย เรากำลังมุ่งหน้าไปยัง Metrolius Spring site เพื่อติดตามรายงานของทีมภาคสนามก่อนหน้า
Deacon - O’Brian งั้นหรอ? ไอ้บ้า O’Brian !! มันบอกว่ากำลังจะไปที่ไหนนะ Metrolius Spring หรอ? ... Metrolius Spring ช่าย ชั้นรู้ว่าอยู่ที่ไหน  .... เฮ้ Boozer นายอยู่มั๊ย?
Boozer  - ไง Deek ?
Deacon – ได้เรื่องแล้ว ! วิทยุของพวก Nero ที่ชั้นเก็บมามันได้ผลจริงๆวะเพื่อน ชั้นรู้แล้วว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหน 
Boozer - เดี๋ยวนะ ชั้นว่าชั้นได้ยินนายบอกว่าจะคิดจะจัดการพวกมันไม่ใช่หรอ?
Deacon – ใช่ ไม่ได้จัดการพวกมัน แต่ถ้าโชคดีชั้นอาจตาม ฮ. ของมันไปได้โดยที่พวกมันไม่รู้ตัว 
Boozer – งั้นก็เล่นแม่งเลยเพื่อน จำที่ Jack บอกได้มั๊ย? ... อย่าบิดเร็วเกินกว่าที่เทวดาผู้พิทักษ์ของเราจะบินตามทัน 
Deacon – ก็อย่างที่ชั้นบอกไง สิ่งที่ Jack พูดน่ะมันเลอะเทอะ ...แค่นี้นะ เลิกกัน .... เอาล่ะ ไหนมาดูสิว่าไอ้พวก Nero มันขึ้นไปทำห่าอะไรที่นั่น ....แล้วก็ O’Brian ชั้นมีเรื่องจะถามแกเยอะเลยล่ะ !!

   
        STORYLINE – HE’S MY BROTHER

                                   Story Mission: it a Rifle Not a Gun


                         เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่อยู่ทางใต้ของ Copeland Camp



Copeland – ได้ข่าวว่านายอยากจะเรียนการล่าสัตว์งั้นหรอ? 
Deacon – ชั้นยิงปืนเป็นหรอกน่า
Copeland – ไรเฟิ่ลไม่ใช่แค่ปืนหรอกนะ 
Deacon – นี่ชั้นบุกน้ำลุยไฟลุยมาเป็นสิบๆภูเขาแล้วอย่ามาพล่ามเรื่องนาวิกโยธินงี่เง่าอะไรของนายดีกว่าวะ 
Copeland – การฆ่ากวางมันต่างจากการฆ่าคนหรือ Freak นะเว้ย ..  มานี่ชั้นจะสอนอะไรให้



Copeland – การล่าสัตว์ที่ดีต้องเริ่มจากการแกะรอยให้เป็นก่อน นายต้องพยายามโพกัสและมองให้เห็นว่า ธรรมชาติต้องการจะบอกให้นาย ถ้านายเพ็งพินิจดีพอนายก็จะเจอร่องรอยของพวกมัน 


ใช้ Survival Vision แกะรอยกวางไปจนพบตัวมันจากนั้นก็หาจังหวะเหมาะๆเล็งยิงมันให้ตายซะแล้วจะสามารถปลดล็อก Track Quarry ทักษะในการแกะตามรอยสัตว์ที่บาดเจ็บจากการโดนยิงจากรอยเหลือของมัน จากนั้นแกะรอยต่อไปจนเจอซากของมันก็จัดการแร่เนื้อมันมาใช้งานซะ


Deacon – Cope อันที่จริง Boozer กับชั้นล่าสัตว์กันเป็นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ เคยล่าพวก elk อะไรเทือกนี้กับพ่อของเขา เขาเป็นคนสอนพวกเราควักเครื่องในของกวางออกมา
 Copeland – ไม่ได้จะดูถูก Boozer เพื่อนของนายหรอกนะแต่ ที่นายรู้จากมันก็แค่จิ๊บๆ นายต้องเรียนรู้อีกเยอะ แล้วนายจะมีเนื้อดีๆไว้กินจนพุงกางเลยจะบอกให้  ...เอาล่ะ วันนี้ก็ถือว่า ไม่เลว สำหรับ มือใหม่ 
Deacon – เออ ขอบคุณ
Copeland – เอาละ ที่นี้ก็เอาไรเฟิ่ลคืนชั้นได้แล้ว แล้วก็อย่างที่ชั้นบอก แค้มป์ของพวกเรายังต้องการเนื้อกวางกันอยู่ตลอด เอาไว้ให้ท้องอิ่มจะได้มือแรงสูงกับพวก Ripper เวลามันเสนอหน้ามาโจมตีแค้มป์เรา 
Deacon – โอเค Cope จะล่าเอาเนื้อไปฝากเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันนะ 



Deacon – ไง Booze นายเป็นไงบ้างวะ?
Boozer – สบายดีมั้งไอ้แม่งเย็ด ... เออ Deek สเบียงใกล้หมดแล้วว่ะ ถ้านายเจอเนื้อดีๆก็เอามาฝากบ้างสิเพื่อน 
Deacon – แหม่ พูดเหมือนรู้ เรากำลังเพิ่งล่าสัตว์กันอยู่พอดี เดี๋ยวชั้นจะหาเนื้อดีๆไปฝากก็แล้วกัน 
Boozer – นายรู้นะว่ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ? 
Deacon – เออ เชื่อมั๊ยวะ ชั้นเพิ่งให้ Cope มันสอนล่าสัตว์ให้อยู่เนี่ย 
Boozer – Cope อ่ะนะ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆวะ ฮ่าๆ ยังไงก็ขอบใจนะเพื่อน 



               Story Mission: WE’RE GETTING LOW ON MEAT


เดินทางมาที่จุดหมายของภารกิจแถวๆที่กำลังล่าสัตว์กับ Copeland ก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ไปจัดการกวางตัวที่เป็นเป้าหมายที่ขึ้นในแผนที่ให้หมด โดยระหว่างทางหาเจอหมาป่าหรือหมีก็สามารถจัดการมันเพื่อแล่เนื้อมันมาใช้ได้เหมือนกัน เมื่อได้เนื้อตามจำนวนที่ต้องการแล้วก็เดินทางเอาไปให้ Boozer ที่ O’Leary Mountain Safehouse ได้เลย


Deacon – ไง Booze ชั้นเอาเนื้อมาฝากแล้ว คงจะพอสำหรับเราสองคนไปได้ซักระยะเลยล่ะ 
Boozer – เออ ขอบใจมากวะ Deek แต่ตอนนี้ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ...หยอกๆๆ จริงๆหิวจะตายห่าอยู่แล้วว่ะ !


  STORYLINE – GRAR UP FOR THE RIDE

                            Story Mission: Everyone has to work


                             เดินทางมารับภารกิจนี้กับ TUCK ที่ Hot Springs Camp



TUCK –  อ่า Deek ชั้นต้องการให้นาย เอ่อ ตามหาคนๆนึงให้หน่อย 
Deacon – ตามหาหรอ? เอาล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
TUCK –  หลังจากที่เธอพา Lisa มาอยู่ที่นี่ Larsen ก็พาเด็กสาวอีกคนนึงมา ชื่อ Rose Allen เธอค่อนข้างจะสติแตกหน่อย เราก็คิดว่าเดี๋ยวก็หายไม่เป็นไรมากก็เลยให้ไปช่วยงานขุดทำคลองชลประทาน
Deacon – แล้ว ...?
TUCK –  อยู่ๆนางก็หนีไปน่ะสิ แถมยังขโมยเอาเสบียงที่ Alkai เก็บเอาไว้ไปจนหมดด้วย คนของชั้นคนนึงบอกว่าเห็นนางมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปทางค่ายผู้ลี้ภัยของ NERO นายรู้จักมั๊ย? ชั้นว่าเคยเห็นนายเคยขึ้นไปที่นั่นมาก่อนนะ 
Deacon – รู้ เอ่อ ..รู้สิ 
TUCK –   ตามหาตัวเธอให้หน่อย Deek ก่อนที่พวก Drifter หรือ Squatters แถวๆนั้นจะเจอเธอก่อน  
Deacon – โอเคๆ ผมจะลองหาดูก็แล้วกัน 


จากนั้นเดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่หอคอยสื่อสารทางเหนือของ Hot Springs Camp ก่อนถึง ค่ายผู้ลี้ภัยของ NERO  จัดการพวก Swarmers ที่อยู่ในพื้นที่ให้หมดแล้วเข้าไปสำรวจหาเบาะแสด้านในพื้นที่จนพบว่าต้องปีนหอคอยสื่อสารขึ้นไปด้านบนก็จะพบ Rose ถูกจับอยู่ที่นี่


Rose – อย่าๆๆๆๆ ไม่ !!!
Deacon – เฮ้ เงียบๆ ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ โอเค๊? ผมมาช่วย Tuck ส่งผมมาช่วยคุณ 
Rose – ไม่ๆ นายทำงานให้เธอ ทำงานให้แค้มป์นั่น 
Deacon – เปล่า ผมไม่ได้ทำงานให้ Tuck ..เอ่อ ก็รับงานจากเธอน่ะ แต่ไม่ได้ทำงานที่แค้มป์นั่น
Rose –  อยู่ที่นั่นชั้นอดมื้อกินมื้อ ถ้าไม่ทำตามที่พวกมันสั่งมันก็ไม่ให้อาหารกิน 
Deacon – ก็นั่นมันแค้มป์แรงงาน ทุกคนที่นั่นต้องทำงานทุกคนนั่นแหละ 
Rose – แต่ชั้นไม่ใช่ทาส และชั้นก็จะไม่กลับไปที่นั่นอีก นายได้ยินแล้วนะ? ชั้นขอยอมตายข้างนอกนี่ซะดีกว่า !
Deacon – โอเคๆ บ้าเอ้ย อยากไปไหนก็ไปซะ !! 


                     CUSTOM SKINS UNLOCK: Hot Springs Encampment Custom 



                  STORYLINE – I REMEMBER

                                        Story Mission: It was Me

หลังจบภารกิจ Story Mission: Everyone has to work แล้วเดินทางต่อขึ้นไปยัง ค่ายผู้ลี้ภัยของ NERO แล้วเข้าไปที่หลุมศพของซาร่าห์อีกครั้ง ......


Deacon – ไง เจอกันอีกแล้ว .. Boozer บอกว่าผมไม่ควรมาที่นี่อีกแล้ว เขาพร่ำบอกตลอดว่า ทำไปให้มันได้อะไรขึ้นมา ไม่รู้สิ บางทีเขาอาจพูดถูกก็ได้ เขาเองก็เพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสไปเมื่อหลายวันก่อน พวก Rippers ดักโจมตีพวกเราขณะกำลังเดินทาง มันเผาแขนเขาซะเละเลย น่ากลัวมากๆ ผมต้องไปช่วยจัดการพวกมัน อืมมม คุณเรียกมันว่าอะไรนะ หน่วยรถพยาบาลเคลื่อนที่ ผมไปเอาเครื่องมือปฐมพยาบาลจากที่นั่นแหละไปให้เขา หวังแค่ว่ามันน่าจะพอรักษาได้บ้าง แต่คุณก็รู้ Boozer ชอบบอกว่าเขาไม่เป็นไรตลอดแหละ เขาบอกเขาสบายดีแต่ผมดูแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างงั้น บาดแผลค่อนข้างฉกรรจ์เอามากๆ แต่ คิดดูแล้วมันอาจเป็นเพราะผมก็ได้ ที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเสี่ยงเพราะอะไหล่รถของผม จริงๆถ้าในแค้มป์ของ Copeland มันมีอะไหล่ก็คงจบแล้ว หลายปีเลยนะที่ผมขี่รถคันนี้มาตลอด ถึงมันจะไม่ใช่คันที่ดีที่สุด แต่มันเป็นรถคันที่คุณกับผมขี่ไปไหนมาไหนด้วยกัน คุณจำตอนนั้นได้มั๊ย? ที่คุณวาดรูปบนถังน้ำมันให้ผม นั่นเป็นสิ่งดีๆสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ให้พอได้จำถึงในยุคนั้น แต่ตอนนี้ มันหายไปหมดแล้ว .. อีกไม่นานก็คงได้ขี่มันอีกครั้ง รถของผม ผมหมายถึง ถ้า Boozer หายดีแล้วเราจะขี่ขึ้นเหนือไปด้วยกัน ไปเริ่มอะไรใหม่ๆที่นั่น คุณก็รู้มันมีความทรงจำมากมายอยู่ที่นี่  ผม เอ่อ ก็แค่อยากบอกว่า เอ่อ ผมอาจไม่ได้เจอคุณอีก ..คุณรู้นะ ...

                                Story Mission: Making Contact 



เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจซึ่งเป็นจุดพิกัดที่ O’Brian กับทีมสำรวจของ NERO เข้าเก็บตัวอย่าง เป้าหมายของภารกิจนี้คือลอบตาม O’Brian หรือชายที่สวมชุดสีขาวในทีมที่กำลังออกเก็บตัวอย่างโดยห้ามให้พวกคนอื่นในทีมพบเจอตัวเด็ดขาด


พยายามลอบตามโดยการซ่อนตัวตามพงหญ้าระหว่างทางเดินไปเรื่อยๆ และใช้ก้อนหินในการล่อศัตรูไปในตำแหน่งที่ทำให้เราไม่ถูกการพบเห็น จนกว่าจะตาม O’Brian ไปจนสุดทางในป่าด้านใน


O’Brian – เฮ้ Sarge จะเป็นไรมั๊ยถ้าเราจะทำนอกเหนือจากหมายกำหนดการในตอนขากลับซักหน่อยน่ะ? ผมอยากจะเก็บตัวอย่างอื่นอีกนิดหน่อย
Franklin – นานมั๊ยล่ะด็อกกว่าคุณจะเสร็จงานอ่ะ? 
O’Brian – ผมไม่ได้เป็นด็อกเตอร์ ผมว่าผมเคยบอกไปแล้วนะ 
Franklin – โทษที ตกลงเราจะอยู่ที่นี่กันอีกนานมั๊ย?
O’Brian – ก็ นานเท่าที่จะนานได้แหละ ผมว่าผมเจอบางอย่างใกล้ๆนี่แหละ  ...นี่ ผู้พัน O’Brian บันทึกระหว่างสำรวจพื้นที่หมายเลข 2 – 0 – 0 – 6 ในบริเวณโดยรอบพื้นที่ลงจอด ผมเจอฝูงแมลงจำพวก Tabanus atratus หรือไม่ก็ Diptera อยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด แต่มันไม่ใช่เป้าหมายในการเก็บตัวอย่างของเรา ระหว่างทางผมไม่เห็นอะไรที่เป็นตัวดึงดูดแมลงเลย แต่ดูจากขนาดของฝูงแมลงแล้วน่าจะเกิดจากซากสัตว์แถวๆนี้ มันอยู่ไหนนะ ...อ่า นี่ไงล่ะ โอเค ยืนยันว่าเป็น Tabanus atratus เป็นแมลงตระกูลดูดเลือด ดีนะที่ใส่ชุดป้องกันมา 



O’Brian – นี่ไงซากสัตว์ ดูเหมือนจะเป็น Odocoileus Hemionus หรือไม่ก็ตัวตุ่น แน่นอนไอ้โง่ตัวนี้โดน Freak เล่นงานชัวร์  ถ้าคุณใช้ชีวิตอีกซักสัปดาห์คุณก็อาจจะกลายเป็นตัวเอง แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่ากำลังเป็นอะไรอยู่ 


Deacon – อ๊ะๆๆ อย่าส่งเสียง ชั้นแค่อยากจะมาคุยด้วยแค่นั้น
O’Brian – เอ่อ กฎของ NERO ข้อที่ 2.7 ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ หากถูกพลเรือนเข้าทำร้าย ผมถูกห้ามไม่ให้มีการติดต่อสื่อสารใดๆทั้งสิ้น 
Deacon – จริงดิ แต่บังเอิญชั้นอยากติดต่อสื่อสารอ่ะวะ 
O’Brian – ได้ๆ เอางั้นก็ได้ ...
Deacon – แกยังไม่ตาย 
O’Brian – ใช่ๆๆ ผมยังไม่ตาย
Deacon – ทำไม !! ทำไมแกถึงยังไม่ตาย O’Brian !! 
O’Brian – ทำไมถามงี้อ่ะ ผมไม่เข้าใจ
Deacon – โอเค แกอยู่ที่นั่นในคืนนั้น ที่เมือง Farewell แล้วคืนต่อมาก็ที่ศูนย์ผู้อพยพ
O’Brian – เอ่อ กฎของ NERO ข้อที่ 2.7 ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ....
Deacon – เฮลิคอปเตอร์เกิดการลุกไหม้ ทุกคนตายกันหมด เอาล่ะฟัง แกจะเลือกแบบง่ายหรือแบบยากว่ามา? แบบง่ายๆเราก็แค่มาคุยกันนิดหน่อย นายบอกข้อมูลที่ชั้นอยากรู้มา แล้วแกก็กลับไปขุดหาขี้ของ Freaker ต่อได้เลย หรือจะเอาแบบยาก ชั้นจะปลดชุดอวกาศของแกออก แล้วจะให้เพื่อนแกเห็นว่าแกสูดอากาศที่ปนเปื้อนเข้าไป แล้วแกคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น O’Brian?
O’Brian – โอเคๆ แบบง่ายๆก็ได้ 


Deacon – นายจำเรื่องตอนที่นายลงจอดบนดาดฟ้าตึกเก่าๆในเมืองในคืนนั้นได้มั๊ย? ชั้นขอให้นายพาผู้หญิงที่บาดเจ็บคนนึงขึ้น ฮ. ไปกับพวกนาย 
O’Brian – จำได้ๆ ที่เธอถูกแทงมาใช่มั๊ย? 
Deacon – ชั้นตามไปที่ที่ศูนย์ผู้อพยพตามที่แกบอกไว้ แล้วก็เห็นทุกคนใน ฮ. ตายกันหมด ชั้นถึงถามไงว่าทำไมแกถึงรอดมาได้ เพราะอะไร?
O’Brian – ก็เราไม่ได้ไปที่นั่น เราไปอีกแค้มป์นึงทีอยู่ทางใต้ นอกเขตของ Silver Lake 
Deacon – พวกเขารอดชีวิตกันมั๊ย? 
O’Brian – ถ้าคุณหมายถึงตอนนี้ ผมก็ไม่รู้หรอก ผมแค่ส่งพวกเขาให้กับอีกทีมที่อยู่ที่นั่นแค่นั้น 


Deacon – เธอตายรึยัง ?
O’Brian – เอ่อ ๆๆ ผมหาคำตอบให้ได้ เดี๋ยวผมเช็คให้  คุณมีวิทยุสื่อสารของเราได้ยังไง เอ่อ แต่ผมไม่สัญญานะว่า เอ่อแต่ผมจะลองเช็คให้ 
Deacon – ไม่ ชั้นจะให้แกพาไปดูเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย !!
O’Brian – ไม่ได้ ไปตอนนี้ไม่ได้ คุณไม่เข้าใจ พวกเขาจะยิงคุณนะ !
Deacon – ชั้นยิงนายก่อนได้แน่นอน 
O’Brian – โอเคๆ ถ้าคุณอยากฆ่าผมนักก็ยิงเลย เอาเลย ! ผมก็แค่ทำตามหน้าที่ของผมแค่นั้นเอง ผู้หญิงคนนั้น เมียคุณใช่มั๊ย? ผมเป็นคนให้ออกซิเจนกับเธอ ให้ยาฆ่าเชื้อ ผมทำให้เธอรอดตาย ! เธออยู่ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ จริงๆเธอไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ แต่ผมก็พาเธอเข้า MASH Unit ผมช่วยชีวิตเธอนะ ถึงจะต้องเจอปัญหาตามมาอีกเพียบก็เถอะ !! แม่งเอ้ย !! 



Franklin – รายงานตัวด้วย O’Brian ?
O’Brian – เอ่อ ผมต้องไปแล้ว ได้โปรดคุณต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ โอเค๊? คุณไม่รู้หรอกว่าไอ้พวกทหารนั่นมันเป็นแบบไหน ผมมันจับผู้คนมากมาย ...



Deacon – O’Brian ถ้าชั้นไม่ได้ข่าวจากนายหรือนายเงียบหายไปเลย ชั้นสัญญาว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหนชั้นก็จะตามหาตัวนายจนเจอแล้วเชือดคอแกซะด้วยมือของชั้นเอง 



O’Brian – ผมเสียใจเรื่องเมียคุณด้วย แต่ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกนะที่ต้องสูญเสียใครซักคนในคืนวันนั้น 


        STORYLINE – YOU’RE SAVE NOW


                        Story Mission: They won’t Let Me Leave


เดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่  Hot Springs Camp แล้วเข้าไปคุยกับ Lisa ที่กำลังทำงานอยู่กลางแค้มป์


Deacon – ไง เป็นไงบ้างหนู ?
Lisa – พวกเขาไม่ยอมให้ชั้นไป 
Deacon – อ้าว แล้วเธอจะไปไหนอีกล่ะ? ที่นี่มันปลอดภัยแล้วนะ
Lisa – งั้น ชั้นต้องทำงานต่อแล้ว !!
Deacon – โอเคๆๆ

หลังจากจบ  Story Mission: They won’t Let Me Leave แล้ว จะยังไม่มี Mission ใดๆต่อมาขึ้นมาให้ทำ ต้องเดินทางออกจาก Hot Springs Camp ไปที่ไหนก็ได้ซักระยะแล้ว Tucker ก็จะติดต่อมา


Tucker – ขอบคุณพระเจ้า Deek นายต้องไปจับตัวมันมาให้ได้ตอนนี้เลยนะ พวกมันกำลังจะหนีไปแล้ว 
Deacon – ตกลงจะให้ไปจับใคร Tuck? ใจเย็นๆ 
 Tucker – ไอ้ Roach ไง นายก็รู้จักมันดี มันเคยเป็นนักบิดกับพวก Leon กับ Alvarez ไง ชั้นนึกว่าชั้นเชื่อใจมันได้แล้วนะ 
Deacon – โธ่ให้ตายสิ Tuck คุณไปเชื่อใจมันได้ยังไง?
Tucker – เปล่า ชั้นไม่ได้เชื่อใจมัน มันขโมยยาของเรามุ่งหน้าขึ้นเหนือไปแล้ว คนของชั้นบอกคลาดกับมันแถวๆ Marion Forks 
Deacon – เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะลองไปดูให้ว่าจะตามรอยจนเจอตัวมันได้มั๊ย


           STORYLINE – BOUNTY HUNTER

                             Story Mission: The Rest of Our Drugs 



เดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่  Marion Forks แล้วเข้าไปสำรวจแกะรอยที่พื้นที่เป้าหมายจะพบ Roach กำลังขี่รถหนีผ่านมาพอดี ทำให้ Deacon ต้องรีบขี่รถตามไล่ล่ามันไปทัน

Deacon – นี่ Tuck ผมเจอตัวมันแล้ว !! ดูเหมือนมันกำลังวนเวียนรอให้อยู่แถวๆนี้นะ
Tucker – นายห้ามฆ่ามันนะ ชั้นต้องการจับเป็นมัน  Deek 
Deacon – อะไรนะ? Tuck จับเป็นเนี่ยนะ ?
Tucker – พวกมันขโมยของของเราไปไม่ใช่น้อยๆ ชั้นต้องการรู้จากมันว่าที่ซ่อนสมบัติของพวกมันอยู่ที่ไหนบ้าง



Deacon – เออๆๆ ผมจะพยายามก็แล้วกัน ... เฮ้ Roach แกคิดว่าจะหนีพ้นหรอ? ชั้นตามจี้ตูดแกไม่ปล่อยอยู่นี่ไม่เห็นหรอวะ? ...ได้ !! แกชอบจบแบบยากใช่มั๊ยห๊ะ ?? ช้าลงหน่อยโว้ย ชั้นแค่อยากจะคุยด้วยเท่านั้นเอง !!
Roach – คุยงั้นหรอ? Tucker ไม่มีทางส่งนายมาเพื่อคุยแน่เพื่อน !! 
Deacon – เออสิวะ ถ้าชั้นจะฆ่าแก แกตายไปนานแล้วโว้ย !! 
Roach – ส้นตีนเหอะ ชั้นรู้ดีว่าแกทำอะไร Leon กับ Alvarez

จากนั้นก็ขี่รถไล่ล่า Roach โดยเน้นยิงที่รถมันเพื่อไม่ให้มันตายให้ได้ โดยมันจะมีพวกมาคอยขี่ก่อกวนด้วย หากไม่สบโอกาสจะจับระหว่างทางก็พยายามรักษาระยะตามมันไปเรื่อยๆจนถึงในเมืองมันอาจจะชนสิ่งกีดขวางทำให้จับตัวมันได้ง่ายขึ้น


Deacon – เห็นมั๊ย ก็บอกว่าไม่ฆ่าก็ไม่ฆ่าไง บอกแล้ว 
Roach – Deek ไม่ๆ ชั้นไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆนะเพื่อน 
Deacon – แต่ดูเหมือน Tucker จะไม่ได้บอกงั้นนะ ชั้นว่าเป็นยาที่ Leon กับ Alvarez ปล้นมาแต่พวกมันไม่ยอมเอาแกเข้าร่วมด้วยแน่ๆเลย ใช่มั๊ย?   
Roach – ไม่ๆ Deek 
Deacon – ไม่ๆ อยู่นั่นแหละ แกน่าจะบอกเบาะแสอื่นให้ชั้นหน่อยก็ดีนะว่าของที่เหลืออยู่ที่ไหน ?
Roach – โธ่ Deek ไม่เชื่อลองค้นดูก็ได้ 
Deacon – ไม่อ่ะ ไม่ใช่งานของชั้นนี่หว่า ปล่อยให้ Alkai เป็นคนสอบปากคำแกเองจะดีกว่านะ 
Roach – ไม่ๆ อย่าทิ้งชั้นไว้แบบนี้นะ Deek !!



Deacon – เฮ้ Tuck ชั้นจับตัวมันได้แล้ว เดี๋ยวจะระบุตำแหน่งให้คุณส่งคนมารวบตัวมันไปเองก็แล้วกันนะ
Tucker – มันไม่ตายใช่มั๊ย? แล้วยาของชั้นล่ะ อยู่กับมันหรือเปล่า?
Deacon – ช่ายๆ มันยังไม่ตาย แต่แค่ตอนนี้นะ ให้ Alkai รีบหน่อยแล้วกันก่อนที่มันจะตายเสียก่อนอ่ะนะ

Deacon – เฮ้ Boozer นายยังอยู่มั๊ย? ชั้นขอถามอะไรที่มันงี่เง่าๆหน่อยได้ป่ะว่ะ คือถ้าเราจะหาหิน Thunder Egg เราจะหาได้ที่ไหนวะ?
Boozer – จะเอาไปทำอะไรวะ?
Deacon – จะเอาไปให้เด็กคนนึงน่ะ จะหาทางทำให้นางมีกำลังใจสู้ชีวิตหน่อย เห็นนางบ่นว่าอยากจะได้ซักอัน 
Boozer – ชั้นก็ไม่รู้ว่ะ ลองไปเช็คดูที่ร้านขายของที่ระลึกที่ Belknap Crater หรือที่ Marion Forks ดูดิ
Deacon – โอเค ขอบใจมากว่ะเพื่อน ..


           STORYLINE – YOU’RE SAVE NOW

                            Story Mission: I Brought You Something



เดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่  Belknap Caves National Monument แล้วเข้าไปในร้านขายของที่ระลึก เก็บ หิน Thunder Egg บนชั้นขายของมาแล้วเอากลับไปให้ Lisa ที่ Hot Springs Camp


Deacon – Lisa .. ชั้นเอ่อ ..
Lisa – ไปให้พ้นเลย ..
Deacon – ชั้นเอาเจ้านี่มาให้ เห็นว่าชอบ 
Lisa – มันสวยมากเลย ... คุณพาชั้นไปด้วยไม่ได้จริงๆหรอ? พากลับไปที่ Marion Forks ก็ได้ 
Deacon – คือ .. ชั้น ชั้นทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ ที่นั่นมันไม่ปลอดภัยเธอก็เห็น 
Lisa – งั้นชั้นไปนอนแล้ว ! ...พวกเขาต้องให้เราพร้อมทำงานแต่เช้า 


                    STORYLINE – I REMEMBER

                         Story Mission: I’ve pulled weed before


    เดินทางมาที่จุดหมายของภารกิจเพื่อกลับไปหา Boozer ที่ O’Leary Mountain Safehouse



Deacon – เฮ้ Boozer นายเป็นไรวะ ทำไมไม่ตอบวิทยุ?
Boozer – เออ ชั้นไม่รู้ว่า แต่ชั้นโอเค ไมเป็นไรๆ ... แค่พยายามจะทำให้หัวมันโล่งแค่นั้นเอง ..
Deacon – นายกำลังมีไข้เพราะแผลเริ่มมีการติดเชื้อ ..
Boozer – อ่า หัวชั้นแม่งหนักเท่ากับแม่ชั้นเลยตอนเนี้ย ! ... ชั้นก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่า 
Deacon – โอเค นายนั่งพักก่อน ชั้นคิดอะไรออกแล้ว 
Boozer – เฮ้ ชั้นไม่ได้ต้องการพี่เลี้ยงเด็กให้มาดูแลนะ บอกแล้วไงว่าชั้นสบายดี


                      Deacon – บ้าเอ้ย คิดสิ คิดสิ คิดๆๆให้ออกสิวะ ....


Sarah – มานี่สิชั้นจะให้คุณดูอะไร 
Deacon – อ่า ผมเห็นแล้วล่ะ 
Sarah – ฮ่าๆ ทะลึ่งน่า ... มานี่มาดูใกล้ๆนี่
Deacon – ก็ดูอยู่เนี่ย ..



Sarah – นี่คือดอก lavandula angustifolia 
Deacon – ดอกลาเวนเดอร์อ่ะหรอ? 
Sarah – ใช่ นั่นแหละ บังเอิญชินกับการสอนนักเรียนก็เลยติดเรียกชื่อละตินของมัน แต่คุณจะเรียกมันแบบนั้นก็ได้ไม่เป็นไร
Deacon – อืมม ก็ขอให้คุ้มที่นั่งฟังคุณสอนก็แล้วกัน 
Sarah – ฮ่าๆๆ เอาล่ะ เอามือมานี่ จากนั้นก็เอามือนึงประคองดอกไม้ไว้ แล้วใช้อีกมือนึงค่อยๆดึงมันขึ้นมา ช้าๆ แบบนี้
Deacon – คุณรู้มั๊ยว่าผมก็เคยถอนหญ้ามาก่อนนะ
Sarah – โทษนะคะ นี่มันไม่ใช่หญ้านะ คุณต้องโอนโยนกับมันให้มากๆ 
Deacon – แหม่ กดดันกันจังเลยนะ
Sarah – มันไม่ยากอะไรหรอก โอเค้ พร้อมนะ ?



Sarah –  ... เห็นมั๊ย ได้แล้ว สมบูรณ์แบบมากๆเลยด้วย
Deacon – หืมม แต่กลิ่นมันเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะ
Sarah –  โอเค คุณถืออันนั้นไว้แล้วกันเดี๋ยวชั้นจะไปหาเก็บเพิ่มอีก 


Deacon – ทำไมต้องเป็นลาเวนเดอร์ด้วยล่ะ?
Sarah – พวกนักวิจัยที่ห้องทดลองตื่นเต้นกับมันมาก พวกเขาคิดว่า จะนำเอามาสกัดทำน้ำมันลาเวนเดอร์ เพื่อใช้กับผลิตภัณฑ์ที่กำลังทำอยู่ได้ พวกเขาจะนำเอามาสกัดเป็นสาร linalool ที่มีมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ต้านการอักเสบ องค์ประกอบในน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อจุลชีพต่างๆ โดยผ่านกลไกการสลายผนังเซลล์ ส่งผลต่อการควบคุมการส่งผ่านสารเข้าออกเซลล์
Deacon – นั่นมันสุดยอดมากเลย ขอบคุณนะไอน์สไตน์ที่อธิบายซะผมงงเลย ขอบคุณ
Sarah – ฮ่าๆ โทษที คือ เราจะเอาสารประกอบทางเคมีที่สกัดได้ไปสังเคราะห์เพื่อผลิตเป็นยาชนิดใหม่ในการรักษาผู้ป่วย 
Deacon – แต่ในที่ที่ผมจากมา หญ้าที่จะเอามาใช้ทำยาต้องเป็นแบบที่เราสูบมันได้  รู้มั๊ย Boozer เพื่อผมมันมีสมุนไพรที่ว่านี่เป็นไร่ๆเลย เรียกว่าขี่รถไปยิ้มไปได้เป็นไมล์ๆเลยล่ะ ฮ่าๆ 
Sarah – โอ เยี่ยมเลย Boozer ไม่พาคุณติดร่างแหติดคุกไปด้วยก็บุญแล้ว 
Deacon – ฮ่าๆ แล้วสรุป เพื่อนๆที่ห้องทดลองคุณเค้าสร้างอะไรกันแน่ อาวุธชีวภาพอะไรแบบนั้นอ่ะหรอ?
Sarah – ไม่ๆ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ที่ชั้นทำ  
Deacon – ห๊ะ?
Sarah – คือสัญญาจ้างของชั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างอาวุธอะไรทั้งนั้น 


Sarah – เฮ้ดูสิ ตรงนี้เพียบเลย !! แม่น้ำก็สวยมาก เล่นน้ำเลยดีกว่า
Deacon – ดะ เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆๆ
Sarah – ทำไมอ่ะ?
Deacon – ผมไม่ได้หมายถึงให้หยุด ถอด ซะหน่อย ..
Sarah – มาสิ ทำไม เป็นไรหรอ?
Deacon – อ่า เรื่องมันยาวนะ ...
Sarah – โอเค งั้นไม่เล่นน้ำก็ได้ แค่เดินเล่นก็พอ ชั้นชอบเดินนะ 


Deacon – ทำไมไม่เล่าเรื่องพืชของคุณต่ออีกล่ะ 
Sarah – อยากฟังอีกจริงหรอ? โอเค ..รู้มั๊ย ความเฉพาะเจาะจงแบบนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติ
Deacon – คุณต้องการให้ผมถามงั้นหรอ? 
Sarah – ชั้นหมายถึงว่าไม่มีชนพื้นเมืองอยู่ในเขตนี้หรอก เรื่องนี้คุณควรจะขอบคุณ Ogden นะ 
Deacon – ใครหรอ Ogden ? อ้าว ตายล่ะ ผมถามจนได้ ...
Sarah – Peter Skene Ogden **  คือนักผจญภัยคนแรกที่เดินทางข้ามมาถึงที่ Oregon แห่งนี้ เขากับคนของเขาได้นำเอายาและพืชสมุนไพรต่างๆติดตัวมาด้วย บางส่วนก็มีตกหล่น และตอนนี้พวกมันก็เติบโตเป็นพืชเฉพาะถิ่นของที่นี่ไปเลย ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นแนวชายฝั่งของทะเลสาบและตามบึงขนาดเล็ก
Deacon – นักเดินทางบุกเบิกผิวขาวคนแรกงั้นหรอ?
Sarah – ว้าว ดูคุณสิ นี่ ระวังคำพูดเวลาพูดเรื่องละเอียดอ่อนต่างๆในสังคมด้วย เราไม่ควรให้คำพูดของเราไปทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี เช่น เรื่องสีผิว เชื้อชาติ อะไรแบบนี้นะ


***************************************************************************


Peter Skene Ogden คือพ่อค้าขนสัตว์ชาวแคนาดาและเป็นนักสำรวจผู้บุกเบิกเส้นทางการค้นหาและลำเลียงสินค้า ซึ่งในระหว่างการเดินทางหลายครั้ง เขาได้สำรวจเส้นทางใหม่ๆบางส่วนของ โอเรกอน ที่เชื่อมต่อไปยัง วอชิงตัน เนวาดา แคลิฟอร์เนีย ยูทาห์ ไอดาโฮ จนถึง ไวโอมิง แม้ว่าแต่ละย่างกาวของ Ogden จะเต็มไปด้วยชื่อเสียงแต่ก็มีหลายครั้งที่เขาถูกกล่าวหาว่าชอบใช้ความรุนแรงทั้งการต่อสู้กับการแข่งขันขนสินค้าคู่แข่งชาวอเมริกันและประสบความสำเร็จในการต่อรองกับชนเผ่าพื้นเมืองด้วยสงครามและการสังหารหมู่ ใน Oregon เขาถูกเชิดชูในฐานะ นักสำรวจที่เดินทางข้ามประเทศจากเหนือสุดสู่ตะวันออกสุดได้สำเร็จเป็นครั้งแรกและเป็นผู้ค้นพบ Mount Shasta ภูเขาไฟที่ยังมีการระอุอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขา Cascade ในมณฑล Siskiyou รัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นฮีโร่ที่ช่วยชีวิตผู้รอดชีวิตจากการเหตุการณ์สังหารหมู่วิตแมน

https://en.wikipedia.org/wiki/Peter_Skene_Ogden

***************************************************************************



Deacon – อย่าเชื่อทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องแก็งค์มอเตอร์ไซด์จากแค่ที่คุณเห็นในทีวี จริงๆแล้วพวกเรามีเสน่ห์พอตัวเลยนะ 
Sarah – ชั้นก็ว่างั้นแหละ
Deacon – แก็งค์ MC (Mongrel Motorcycle Club)ของเราก็มีกันไม่กี่คนหรอก แต่เราก็หลอมรวมกันจนเป็นหนึ่งเดียว
Sarah – ชั้นไม่เจอพวกคนผิวสีแถวๆนี้เลยซักคนเลยนะตั้งแต่ชั้นเจอคุณเนี่ย ที่นี่ช่างเป็นแดนสวรรค์อันเงียบสงบที่แปลกประหลาดเอามากๆเลย
Deacon – ช่าย ก็ Jack เพื่อนเราคนนึงที่มาจาก Sacramento ดูเหมือนเขาจะทำให้เหล่าศัตรูสกินเฮดของเรารำคาญจนหนีไปหมดน่ะสิ 
Sarah – เขาไม่ได้ทำซักหน่อย
Deacon – ฮ่าๆ ช่าย เขาไม่ได้ทำหรอก ผมแค่ล้อเล่นอ่ะนะ ... Jersey Jim เพื่อนเก่าของผมที่เคยเป็นทหารมาด้วยกันก็มาเยียวยาจิตใจตัวเองอยู่ที่นี่เหมือนกัน  ถ้ามีโอกาสไปที่ Clubhouse กันวันไหน ผมจะแนะนำให้รู้จักนะ คุณต้องชอบแน่ๆเลยเพราะเขาเป็นคนตลกแล้วก็ทำ margarita ได้อร่อยมากๆด้วย 
Sarah – วันจันทร์ชั้นก็ต้องเข้าไปที่ห้องทดลองเพื่อเริ่มงานแล้วนะ 
Deacon – รับรองผมพาคุณกลับมาส่งทันแต่นอนสัญญาเลย
Sarah – อ่า แล้วฉันจะปฏิเสธข้อเสนอแบบนี้ได้ยังไงอ่ะว่ามั๊ย? .... เอาล่ะคุณลองไปเก็บมันมาอีกอันรึเปล่าล่ะ? 
Deacon – ลาเวนเดอร์ หรอ? คุณจะให้ผมไปเก็บ ลาเวนเดอร์ มาอีกงั้นหรอ?
Sarah – ใช่ คุณไปเก็บมาให้ชั้น 3 ดอกซิ เก็บดีๆอย่าให้มันหักล่ะ


Sarah – โอ้ ฮ่าๆ 
Deacon – ให้คุณนะ 
Sarah – ว้าว ขอให้สุภาพน่ารักแบบนี้จนถึงวันที่ต้องจากกันเลยนะ  
Deacon – ด้ายสิ และถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น ผมจะเป็นคนฆ่าเขาเอง ..มากอดๆๆ
Sarah – เฮ้ ดอกไม้หักหมดแล้วเห็นมั๊ย



Deacon – นี่เราจะเอามันกลับไปไว้ดมกลิ่นของมันกันทีหลังใช่ป่ะ 
Sarah – ไม่ใช่ เราจะเอาดอกนี่ไปทำชาดื่มกัน ชั้นจะทำ ชาสมุนไพรพิชิตโรคให้ดื่มนะ 



Deacon –  ขี้โม้ ...  ฮ่าๆๆๆๆ
Sarah – เฮ้ๆ ก็ได้ๆ เอาไว้ถ้าคุณแวะไปหาชั้น ชั้นจะชงให้คุณดื่มโอเคมั๊ย? คุณจะได้เชื่อซักที แต่ตอนี้คุณต้องขี่ไปส่งชั้นที่บ้านก่อนนะ
 Deacon –   ได้ๆ แล้วเราก็อาจจะแวะซดเบียร์กันระหว่างทางก่อนถึงบ้านด้วยก็ดีเนอะ 



                                Deacon – นึกออกแล้ว ...



               Story Mission: HE’S MY BROTHER

                              Story Mission: Give me a Couple Day 


เดินทางมาที่จุดหมายของภารกิจที่ Horse Lake Nero Checkpoint เข้าไปในพื้นที่วงกลมสีเหลือง เข้าไปเก็บดอกลาเวนเดอร์ที่ขึ้นอยู่ริมน้ำมาทั้งหมด 3 ดอก แล้วนำกลับไปให้ Boozer ที่ O’Leary Mountain Safehouse


Deacon –  เฮ้ Boozer ชั้นได้ยามาแล้ว เอ่อ มันตลกมากเลยนะเพราะจริงชั้นลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าจะทำยานี่ยังไง จนนึกถึงเมื่อ Summer ที่แล้วตอนที่ชั้นกับ Sarah เราไปที่ Bear Creek ด้วยกันอ่ะนะ เราเก็บดอกลาเวนเดอร์กัน แล้วตอนนั้นเธอก็สอนชั้นชงชาสมุนไพรจากดอกลาเวนเดอร์ มันจะช่วยลดอาการติดเชื้อของแผลนายได้  
Boozer – วันนี้ชั้นออกไปข้างนอกมา โอเค๊ ? ไปสำรวจรอบๆภูเขาจัดการเคลียร์พวกกับดักต่างๆจนหมด ดูสิแขนนี่ใกล้จะหายดีแล้วเห็นมั๊ย



Deacon –  โอเค งั้นชั้นคงต้องไปก่อนนะ ชั้นวางยาเอาไว้ที่นี่ก็แล้วกัน ..
Boozer – เฮ้ Deek  ขอเวลาชั้นอีกซักสองสามวันนะ แล้วเราจะเดินทางขึ้นเหนือด้วยกันอย่างที่ชั้นบอกไง เราจะได้ไปจากที่บ้าๆนี่ซักที !! 
Deacon –  แน่นอน ได้สิ ... 


                             Camp Mission: RIPPED APART

                                       HEAR ABOUT A RIPPER CAMP?

เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจที่ Copeland Camp แล้วเข้าไปรับภารกิจที่จุด Camp Mission กับ Copeland


Copeland – ไง Deek  ดีเลยที่นายมา ชั้นมีงานบางอย่างที่นายอาจจะสนใจ
Deacon –  ไม่ได้ต้องมาล่อเลย Cope ช่วงนี้ชั้นยังยุ่งๆอยู่เลย 
Copeland – ยุ่งเกินกว่าจะฟังเรื่องแค้มป์ของพวก Ripper เลยหรอ? 
Deacon –  ที่ไหน? 
Copeland – ที่นี่ แถวๆ Cascade Wilderness 
Deacon –  Ripper มันขึ้นมาถึงที่นี่เลยหรอ? .. ตรงไหนเอาชัวร์ๆ
Copeland – นึกว่าจะไม่สนซะอีก ชั้นได้ยินมาว่านายกับ Boozer ถูกพวกแม่งเล่นงาน  อันที่จริงชั้นไม่เห็น Boozer นานแล้วนี่นะ ว่ามั๊ย?
Deacon –  ตรงไหน Cope ?
Copeland – ขึ้นไปตามทางรอยทุ่งหญ้าแห้ง .. Flack นายรู้จักเธอนี่ ใช่มั๊ย? เธอเห็นพวกมันแถวๆนั้นตอนที่ไปหาเสบียง 
Deacon –  ไม่ต้องห่วง ชั้นจัดการพวกแม่งเอง!

จากนั้น เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจในบริเวณแค้มป์ของพวก Ripper ในพื้นที่จะมีพวก Ripper อยู่ 8 ตัว แต่เมื่อฆ่ามันไปแล้ว 6 ตัวมันจะมีกองหนุนเข้ามาแค้มป์เพิ่มรวมเป็น 14 ตัว  จัดการพวกศัตรูให้หมดก็จะจบภารกิจ


         STORYLINE – YOU’RE SAVE NOW


                    Story Mission: WHAT HAVE THEY DONE


ทันทีที่ Deacon ได้รับแจ้งจาก Tucker ว่า Lisa หนีออกจาก Hot Springs Camp Deacon จึงรีบเดินทางไปช่วย Lisa ทันที  จากนั้นเดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่  Belknap Caves National Monument ที่ที่เคยมาเก็บหิน Thunder Egg ให้ Lisa


Deacon –  ไอ้พวก Ripper บ้าเอ้ย !! อยู่ไหนกันนะ Lisa ? ถ้าพวกแกทำร้ายเธอชั้นสาบานต่อพระเจ้าเลย ไม่สิ ชั้นจะฆ่าพวกแกให้หมดไม่ว่าเธอจะทำอะไรเธอรึเปล่าก็เถอะ !!!  .. รอหน่อยนะLisa ชั้นมาช่วยแล้ว 



Deacon –  รอยเท้าไม่ใหญ่มากน่าจะเป็นรอยเท้าของ  Lisa เธอถูกลากจากข้างหลัง ... ถ้าพวกแกทำร้ายเธอนะ ไอ้ลูกหมาเอ้ย ชั้นจะฆ่าแม่งไม่ให้เหลือซักตัวเลยคอยดู !

จากนั้นเข้าไปตามทางด้านใน จัดการพวก Ripper ที่ขวางทางให้หมดจนถึงด้านในสุดที่เป็นแค้มป์ของพวก Ripper บนภูเขาหน้าถ้ำ Belknap Cave จัดการศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ให้หมดแล้วเข้าไปช่วย Lisa ตรงจุดที่เธอถูกจับอยู่


Deacon –  Lisa เธอเป็นไรรึเปล่า? Lisa !! พระเจ้า พวกมันทำอะไรกับเธอรึเปล่าเนี่ย ? Lisa Lisa!! 
Lisa – ไม่ !!!!!!
Deacon –  เฮ้ เงียบๆๆ Lisa นี่ชั้นเอง เงียบๆ ! สิ ชั้นเอง Deacon จำได้ใช่มั๊ย ? Deacon ไง
Lisa – Deacon หรอ?
Deacon –  ใช่ โอเคๆ เอาล่ะๆ มานี่



Deacon –  เอาล่ะ เธอปลอดภัยแล้วนะ ให้ตายสิ เธอวิ่งไหวมั๊ย? จำได้ใช่มั๊ยว่า Belknap Caves National Monument อยู่ตรงไหน ?
Lisa – อืมม ..
Deacon –  โอเค รถมอไซด์ชั้นจอดอยู่ที่นั่น ชั้นต้องการให้เธอวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ห้ามหยุดจนกว่าจะถึงที่นั่น 
Lisa – อย่าหยุด ..
Deacon –  ใช่ อย่าหยุดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเรื่องอะไร เธอเข้าใจแล้วนะ เอาล่ะ ไปเลย !!


วิ่งตาม Lisa ไปโดยที่ระหว่างทางจะเจอพวก Ripper มาขวางทาง จัดการพวกมันให้หมดเพื่อให้ Lisa วิ่งไปต่อจนถึงจุดที่มอไซด์จอดอยู่ที่ด้านหน้า Belknap Caves National Monument ได้ จากนั้นก็พา Lisa ขึ้นมอไซด์ออกจากที่นี่ทันที


Deacon –  โอเค เราปลอดภัยแล้วล่ะ เธอไม่เป็นไรนะ  
Lisa – ไม่เป็นไร ..
Deacon –  เอาล่ะ ฟังนะ ทางใต้ของที่นี่มีแค้มป์อยู่อีกแห่งนึงที่ Lost Lake ที่นั่นไม่เหมือนที่ Hot Springs Camp  ... Iron Mike คนคุมที่นั่นเขาไม่เหมือนยัยป้า Tucker หรอกนะ
Lisa – หนูเกลียดยัยแก่ Tucker !
Deacon –  ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่เกลียดน่ะ .... Lost Lake  ที่นั่นเป็นแค้มป์ที่ดี และเป็นที่ที่ปลอดภัย 
Lisa – โอเค ..



Deacon –  Rikki ตอบด้วย ! Rikki ! อยู่คลื่นเดิมรึเปล่า? Lost Lake Camp ตอบด้วย
Rikki – Deacon หรอ? ไม่ได้ยินเสียงนี้นานเลยนะ ต้องการอะไร?
Deacon –  ก็แค่ .. บ้าเอ้ย ...มาพบชั้นหน่อย โอเค๊? ตอนนี้ชั้นอยู่บนถนน Cascade ตัดกับถนน Old Belknap ชั้นกำลังไปที่จุดนัดพบ ไม่ไกลหรอก
Rikki – รู้มั๊ยว่า Iron Mike บอกว่าไง ในคืนนั้น นายกับ Boozer ขี่รถหนีออกจากแค้มป์ 
Deacon –  ก็เออ ใช่ ... ฟังนะ ชั้นถึงวิทยุบอกเธอแทนที่จะบอก Skizzo ไง Iron Mike ไม่รู้เรื่องนี้หรอก คือ ตอนนี้ชั้นมีเด็กมาด้วย ..
 Rikki – อะไรนะ??
Deacon –   ไม่ใช่เด็ก ชั้นหมายถึง ผู้รอดชีวิต เธออยู่ข้างนอกนี่มานานแล้ว 
Rikki – นายอยากอยู่รอดนายเลยพาเธอมาที่ Lost Lake ล่ะสิ
Deacon – เปล่า เธอจะเป็นคนพาเธอไปที่ Lost Lake ส่วนชั้นเป็นคนพาเธอไปให้แค่นั้น 
Rikki – โอเค ชั้นกำลังไป ..เลิกกัน !


Deacon – เอ่อ ... เธอ .. เธอต้องชอบที่นั่นแน่นอนหนูน้อย รับรองเลย อย่างที่บอก Iron Mike เขา เอ่อ เขาอยาก เอ่อ ฟังนะ ... อย่าไปยอมให้เขากวนประสาทเธอ เธอเข้าใจนะ? แล้วก็ เอ่อ ..คนที่ชื่อ Skizzo ก็เหมือนกัน ถ้ามันมารบกวนเธอก็ให้ไปบอก Rikki ก็แล้วกันนะ หรือไม่ก็บอก Addy เธอเป็นหมอของที่นั่น เธอเป็นหมอที่ดีมียาดีๆเพียบเลย แต่เธอต้อง เอ่อ รักษาความสะอาดตัวเองหน่อย ชั้นหมายถึงเธอคงไม่อยากติดเชื้อใช่มั๊ยล่ะ ยังไงก็เถอะ พวกเขาจะช่วยเหลือเธอเอง เธอเชื่อใจพวกเขาได้เลย แม้ว่าเธอ เอ่อ แม้ว่าเธอจะ ทำผิดพลาดก็เถอะ ..... เอาล่ะ ถึงแล้ว



Deacon – ไง Rikki
Rikki – ไง Deek ... ชั้นแปลกใจนะ นายทำยังไงที่ให้ยัยแก่ Tucker ยอมขายทาสของเธอให้นายได้ห๊ะ?  
Deacon – เอ่อ  .... Lisa นี่ Rikki เธอจะเป็นคนพาหนูไปยังที่ปลอดภัยนะ 
Rikki – ทุกอย่างยังเหมือนเดิมนะ Deek ... Iron Mike จะไม่ยอมจ่ายนายเพื่อสิ่งนี้ 
Deacon – จ่ายให้ชั้นหรอ? ไม่เอาน่า นี่มันไม่เหมือนกัน มันไม่ใช่ของที่ล่ามาได้อะไรแบบนั้นซะหน่อย เธอจะช่วย ได้โปรดเถอะ รับตัวเด็กนี่ไปได้มั๊ยห๊ะ? 



Rikki – อืมมม ตกลงเด็กนี่เป็นอะไรกันแน่ Deek ?
Deacon – เธอเป็นอะไรเนี่ยนะ? ... เธอเพิ่งหนีจากพวก Ripper มาน่ะสิ 
Rikki – ให้ตายเถอะ ...


Rikki – ไงหนู ... Lisa ชั้นชื่อ Rikki นะ หนูชอบตกปลารึเปล่าล่ะ? 
Lisa – อืมม ..
Rikki  - ชั้นเองก็ชอบตกปลา ชอบมากที่สุดในโลกเลยล่ะจะบอกให้ เธอจะไปตกปลากับชั้นมั๊ยล่ะ?
Lisa – อืมม ..
Rikki - เยี่ยมเลย มาสิ เดี๋ยวชั้นจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับ Lost Lake ให้ฟัง 



Rikki  - น้ำที่นั่นใสแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แล้วพวกปลานะ ตอนเช้าๆ มันจะโดดสูงมากๆเลยด้วย ชั้นจะพาเธอไปดูเอง เมื่อเราไปถึงที่นั่น รับรองเลยว่าเธอจะเจอแต่สิ่งที่ดีแน่นอน จับให้แน่นๆนะ พร้อมแล้วนะ ไปกันเลย 
Deacon – ชั้นยินดีมากเลยที่เธอ .... บ้าเอ้ย ...ไม่ฟังกันเลย ..


                      STORYLINE: Gear up for the Ride 

                             STORY MISSION: No One Saw it Coming

เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจที่  O’Leary Mountain Safehouse เพื่อเยี่ยมอาการ Boozer หลังจากที่เขาเริ่มวิทยุมาหาถื่ขึ้นจากการที่ Boozer อ้างว่าได้ยินเสียงฝีเท้าคนอยู่รอบๆตัวตลอดเวลา Deacon รู้ดีว่ามันเกิดจากอาการจิตตกและหลอนเพราะพิษไข้ จึงได้หาเวลามาเยี่ยมอาการของเพื่อนสลับกับทำงานเพื่อหาทางซ่อมรถสำหรับเดินทางขึ้นเหนือตามแผนเดิมหลังจาก Boozer หายดี เมื่อเดินทางมาถึงก็มืดพอดี Deacon จึงเข้านอนทันทีโดยไม่ได้ทันได้พูดจากับ Boozer แต่อย่างใด


Boozer – พวกมันเข้ามาแล้ว พวกมันมาแล้ว !! พวกมันมาตามหาชั้น !!!
Deacon – โอ้ให้ตายเถอะ Boozer เกิดบ้าอะไรขึ้นวะ !?
Boozer – ไม่ !! แล้วแกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แกเข้ามายังไง !?



Deacon – โว้ๆๆๆๆ ใจเย็นเพื่อน 
Boozer – แกนั่งเฉยๆเลย บอกให้นั่งเฉยๆ !!
Deacon – เฮ้ Boozer นี่ชั้นเองนะ Deek ไง ใจเย็นก่อนสิวะเพื่อน 
Boozer – ถ้าแกเข้ามาใกล้อีกนิดเดียวชั้นฆ่าแกแน่นอน 
Deacon – ค่อยๆพูดกับก่อนก็ได้ โอเค๊? ไม่เป็นไรๆๆ ...... อึ๊บ !! เอาปืนมานี่เลย !! บอกให้เอามานี่ไง !!!
Boozer – ไม่ !! ไม่ให้โว้ย !!! ..... อ๊ากกก !!



Deacon – แม่งเอ้ย Boozer นายเป็นห่าอะไรวะเนี่ย !!
Boozer – ชั้นได้ยิน ชั้นได้เสียง ได้ยินเสียงของพวกมัน นายไม่ได้ยินหรอวะ Deek ?
Deacon – ไม่ ชั้นไม่ได้ยินห่าอะไรเลย นายกำลังภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด มันเลยทำให้นายหลอนแบบนี้ 
Boozer – ไม่ ชั้นไม่ได้ ...
Deacon – ใช่สิวะ นายแหกตาดูแขนตัวเองซะก่อน 
Boozer – ชั้นไม่จำเป็นต้องมองมันนี่หว่า 
Deacon – มาเถอะ เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากใครซักคนแล้ว มาสิลุกขึ้นมา 
Boozer – โทษทีนะเพื่อน ชั้นเกือบจะระเบิดหัวนายเข้าให้แล้ว ชั้นคิดว่าชั้นเห็นอะไรบางอย่างจริงๆนะ



Deacon – ค่อยๆเดิน ระวังๆ
Boozer – เสียงบ้านั่นมันก้องอยู่ในหัวชั้นตลอดเลยนายรู้มั๊ย? เสียงฝีเท้าคนเดิน 
Deacon – เออ รู้แล้วๆ  .. ค่อยๆเดิน
Boozer – ชั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครทั้งนั้น ..ชั้นยังเดินไหวโว้ย ยังเดินไหว 
Deacon – มาเถอะ ขึ้นรถ เราต้องรีบไปกันแล้ว 
Boozer – เราจะไปไหนกันวะ? 
Deacon – แถวๆนี้แหละ ไม่ไกลหรอก ขี่รถเล่นกันเพื่อจะทำให้หัวนายโล่งขึ้น 
Boozer – ขี่รถเล่นหรอ ... ดีๆ ดีเลย 



Deacon – นายจับตอนที่เราออกจากเมือง Farewell ได้มั๊ย? มันรู้สึกยังไง?
Boozer – ได้สิ ชั้นจำได้ 
Deacon – การเดินทางบทถนนไฮเวย์  ทุกคนต่างก็ต้องอดทนและดิ้นรนด้วยรถของตัวเอง ทุกๆคนที่ต่างออกเดินทางพร้อมๆกัน ลองคิดดูสิ พวกเขาต้องเร็วให้มากพอเพื่อเอาชนะสิ่งที่กำลังจะมาถึง แต่ไม่มีใครเร็วพอ Boozer ไม่มีใครมองเห็นว่าพวกมันจะมาเหมือนกับที่ชั้นทำ จนถึงช่วงนี้พวกเขาก็บอก ชิบหายแล้ว ! แล้วก็ค่อยๆเดิน จากนั้นก็เริ่มวิ่ง แต่มันช้าเกินไปแล้ว นายรู้มั๊ยว่าทำไมพวกเราถึงต้องเดินหน้าต่อไป เพราะทำอะไรนอกจากนี้ไม่ได้แล้วไง 


                              Lately I've been wondering what's been going on
                              I've been here before but I don't remember when
                              And every time we get to where we're entering
                               I feel my beliefs and hopes surrendering

                               But I know I'll be coming home soon
                               And yes, I know that I'll be coming home soon

                             'Cause like the enemies that we are battling
                              I am nothing but a human alien
                             Left with nothing else but to keep wandering down
                             This path whilst stopping my hands trembling

                                Because I know that I'll be coming home soon
                                And yes, I know that I'll be coming home soon
                               With a soldier's eyes, with a soldier's eyes
                                With a soldier's eyes, with a soldier's eyes


                                          เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
                                    ฉันเคยมาที่นี่มาก่อน แต่จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่
                                       และทุกครั้งที่เราไปถึงที่ที่เราเข้าไป
                                    ฉันรู้สึกถึงความเชื่อและหวังว่าจะยอมแพ้

                                      แต่ฉันรู้ว่าฉันจะกลับบ้านเร็ว ๆ นี้
                                     และใช่ฉันรู้ว่าฉันจะกลับบ้านเร็ว ๆ นี้

                               เหมือนว่าความเป็นศัตรูนั้นเกิดจากที่เราต่อสู้กัน
                                จนทำให้คนไม่เหลือความเป็นคนอีกต่อไป 
                                ที่เหลือไว้ไม่มีอะไรอื่นนอกจากเดินต่อไป
                          ในทุกครั้งบนเส้นทางที่ชั้นหยุดเดินทางมือชั้นก็สั่นเครือ


                                         เพราะฉันรู้ว่าฉันจะกลับบ้านเร็ว ๆ นี้
                                        และใช่ฉันรู้ว่าฉันจะกลับบ้านเร็ว ๆ นี้
                                   ด้วยตาของทหารกล้า ด้วยตาของทหารกล้า
                                   ด้วยตาของทหารกล้า ด้วยตาของทหารกล้า



Boozer – แกทำอะไรของแกวะนะ?  
Deacon – เปล่านี่ ทำไมหรอ?
Boozer – ฮ่าๆ ทำไมต้องแต่งหล่อก่อนเข้าไปด้วยหรอวะ ?
Deacon – รู้มั๊ยว่าชั้นคิดอะไร ..ชั้นว่าเราหาบ้านเล็กซักหลังเข้าไปนั่งจิบเบียร์กันซักสองสามขวดแล้วค่อยเดินทอดน่องไปโรงบาลกัน ไม่ๆ .. ไม่เอาดีกว่าชั้นว่า แม่งโคตรน่าเบื่อเลย 
Boozer – เฮ้ Deek ตอนนั้น Iron Mike บอกว่าถ้าเจอแกอีกทีเขาจะฆ่าแกทิ้ง ไม่ใช่หรอ?
Deacon – ตาแก่นั่นความจำไม่ค่อยดีหรอก ขนาดชื่อมันเองยังจำได้แค่ครึ่งเดียวเอง 
Boozer – ไม่ๆ ชั้นว่าเขาจำได้แน่ๆวะ 



Deacon – เฮ้ๆ นายน่ะพักได้แล้ว รออยู่ตรงนี้นะ ห้ามหลับล่ะ ! เราไม่ได้อยู่บนถนนเผื่อไอ้พวก Freaker มันเข้ามา
Boozer – เออๆๆ ชั้นรู้แล้วน่า เออ Deek อย่าไปฆ่าใครในแค้มป์นั้น โอเค๊? 
Deacon – ชั้นไม่ได้จะไปฆ่าใครซะหน่อย  ... นายไหวนะ
Boozer – ไม่เคยดีขนาดนี้มาก่อนเลยวะ ..

          ******  STORYLINE: Gear up for the Ride complete 100% ******


แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้พูดอะไรออกมาได้เต็มปากอาจเพราะละอายที่ต้องกลับมาพึ่งพาแค้มป์ Lost Lake อีกครั้งหลังจากที่ได้เคยมีเรื่องทรยศหักหลังไปเมื่อครั้งอดีตที่ไม่มีใครอยากเอ่ยถึง แต่ Deacon รู้ดีว่าเขาต้องทำอะไรและที่นี่มีอะไรที่เขาต้องการ ก่อนที่จะมุ่งตรงเข้าไปที่ แค้มป์ Lost Lake ทันทีเป้าหมายคือไปหายาฆ่าเชื้อมาให้ Boozer โดยมีข้อแม้ว่าห้ามฆ่าหรือทำร้ายใครในแค้มป์นี้เด็ดขาด


       STORYLINE: HE’S MY BROTHER

                         Story Mission: Not Gonna Kill Anyone 



จากนั้น Deacon ต้องลอบเข้าไปใน แค้มป์ Lost Lake โดยมีเป้าหมายคือห้องพยาบาลที่อยู่ด้านในสุดของจุดหมาย ซึ่งในระหว่างลอบเข้าไปต้องห้ามให้คนในแค้มป์เจอตัวเด็ดขาด แต่เมื่อเข้าไปจนถึงห้องพยาบาลได้สำเร็จ ในขณะที่ Deacon กำลังเจอยาที่กำลังมองหาแต่ยังไม่ทันได้ไปไหนก็โชคร้ายที่ Rikki กับหมอ Addy เข้ามาเห็นพอดี


Deacon – อ่า ไง Rikki ..ไง Addy เอ่อ คือผม ไม่อยากมีปัญหาหรอกนะ แค่คุณผู้หญิงทั้งคู่หลีกทางไป ผมก็จะไปตามทางของผมเอง ... บ้าเอ้ย !! โอเคๆ คือฟังนะ ทำไมไม่ให้ผมอธิบายหน่อยล่ะ 
Rikki – ลองไปเช็คที่กล่องที่เขาจะเอาไปสิ  Addy .... นี่นายยังไม่เลิกขโมยพวกสารเสพติด Narcotics ไปขายให้ Tucker อีกหรอ? รู้มั๊ย ตอนที่นายช่วยเด็กนั่นแล้วพาเธอมาให้ชั้น ชั้นคิดว่านายจะเปลี่ยนไปแล้วซะอีก แต่เห็นได้ชัดว่า ไม่เปลี่ยนไปเลย 
Addy – ในกล่องไม่ใช่สารเสพติดแต่เป็นยาฆ่าเชื้อ 
Rikki – อะไรนะ ??
Deacon – Boozer เขากำลังติดเชื้อในกระแสเลือดน่ะ ผมไม่มีที่ที่จะไปขอความช่วยเหลือเลย 
Rikki – แผลติดเชื้อหรอ มันเกิดขึ้นได้ยังไง ?
Addy – มันสำคัญมากนะ บอกมาเถอะ
Deacon – เราถึงคราวซวย ไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้ว ..



Addy – งั้นพาเขามารักษาที่นี่ ไปสิ ไปพาตัวเขามาที่นี่เลย
Rikki – ไม่ !! เราทำแบบนั้นไม่ได้นะ 
Addy – ได้สิ เราทำได้แน่นอน !! ฟังนะ ชั้นไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นใคร แล้วชั้นก็ไม่แคร์ว่า Iron Mike จะคิดยังไงด้วย คนป่วยก็คือคนป่วย ชั้นรู้แค่นั้น  เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันที่รัก เราทำได้อยู่แล้ว  



Rikki – งั้นก็ขี่รถนำทางไปหาเขาเลย ตกลงเราจะไปกันที่ไหน?
Deacon – เธอจำจุดตั้งแค้มป์เล็กๆที่เราเคยไปตอนที่ขี่มาถึงที่นี่ครั้งแรกได้มั๊ยล่ะ?
Rikki – อืมม จำได้ 
Deacon – นี่เธอเรียกไอ้เศษเหล็กนี่ว่ารถมอเตอร์ไซด์งั้นหรอ?
Rikki – มันก็คงไม่ถึงกับเทพเท่ารถของพวก Drifter หรอกมั้ง แต่อย่างน้อยมันก็ใช้ทำงานสำเร็จได้ แค่นั้นพอ


                        Story Mission: No Place Else To go


Deacon – แล้วเอ่อ เธอเป็นไงบ้างล่ะ ? เด็กผู้หญิงที่ชั้นเคยพามาส่งให้อ่ะ Lisa เธอเป็นไงบ้าง? เธอจะช่วยพามาเจอชั้นหน่อยได้เปล่าล่ะ?
Rikki – ไม่ได้
Deacon – ไม่เอาน่า Rikki ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ ?
Rikki – ก็บอกว่าไม่ได้เพราะเธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วไง !!
Deacon – ดะ เดี๋ยวๆๆๆ อะไรนะ ตกลงเธออยู่ไหน?
Rikki – เมื่อหลายวันก่อน Skizzo พาเธอร่วมทีมออกไปค้นหาเสบียงด้านนอกค่าย เธอไปกับเพื่อนอีก 3 คนเดินทางไปที่แค้มป์ของพวกโจรเพื่อค้นหาอาหารและของใช้ต่างๆ แต่พวกเขากลับมาโดยที่ไม่มีเธอมาด้วย  



Deacon – หมายความว่าไง เธอบอกว่าพวกนั้นทิ้งเธอไว้งั้นหรอ? ทิ้งไว้ข้างนอกแบบนั้นอ่ะนะ !!
Rikki – พวกเขาไม่ได้ทิ้ง แต่บอกว่าเธอวิ่งหนีไปเองต่างหาก  พวกเขาบอกว่าตอนนั้นไม่มีอันตรายอะไรเลย Freak หมาป่า หรือพวก Ripper ก็ไม่อยู่แถวๆนั้นเลย อยู่ๆเธอก็วิ่งหนีไปเอง เขาว่างั้น 
Deacon – แล้วไอ้บ้า Skizzo มันคิดไงถึงส่างเธอออกไปเก็บเสบียงวะน่ะ ?
Rikki – ทุกคนต้องทำงาน Deek นายเองก็รู้กฎดีอยู่แล้วนี่ 
Deacon – แม่งเอ้ย ไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่งจะเกิดเรื่องเหี้ยๆแบบนี้ได้ เธอเอาตัวรอดอยู่คนเดียวที่ Marion Forks มาได้ตั้งหลายปีก่อนที่ชั้นจะมาเจอเธอ 
Rikki – หรอ งั้น บางทีนายน่าจะปล่อยเธอไว้ที่นั่นอ่ะนะ 


Boozer – นั่นใคร !! อย่าเข้ามา !! กลับไปเดี๋ยวยิงหัวแตกเลย
Deacon – นี่ชั้นเอง
Boozer –  ไม่ !! บอกให้ออกไป !!!
Rikki – เฮ้ๆ นี่ชั้น Rikki เองนะ นายจำได้มั๊ย? ชั้นเคยซิ่งไปกับพวกนายเมื่อปีก่อนไง?
Boozer –   Rikki Tumalo ... ใช่มั๊ย?
Rikki –  ใช่ 
Boozer – Tumalo จากแค้มป์ Lost Lake ?  
Rikki –  ใช่แล้วล่ะ แล้วนายล่ะมาทำอะไรอยู่ตรงนี้  Boozer นายโอเคนะ  



Boozer – ก็ดี 
Rikki – แล้วทำไมนายถึงต้องไปขโมยยาในแค้มป์ของเราด้วย Deek ?
Deacon – โธ่ให้ตายสิ ดูแขนเขาสิ ไม่เห็นหรอ? แล้วจะให้ชั้นทำยังไง?
Rikki – ไม่รู้สิ ก็แบบ ขอกันดีๆก็ได้มั้ง ? ดูเพื่อนคุณสิ แก็งค์ Drifter ผู้ยิ่งใหญ่ สุดท้ายก็ต้องคลานกลับมาหา Iron Mike เหมือนเดิม โอ้ ไม่สิ ถ้าเขารู้อ่ะนะ เอาล่ะ ช่วยกันพาเขาไปหาหมอ Addy เถอะ


Boozer – นี่เรากำลังจะไปไหนกันอ่ะ?
Deacon – Addy บอกว่าเธอยินดีที่จะตรวจดูแขนของนายว่าจะพอช่วยรักษาให้หายได้รึเปล่าน่ะ 
Boozer – อะไรนะ !! ไม่ๆ นายต้องไปพาชั้นไปที่แค้มป์นั่น ชั้นขี่รถไหวน่า 
Deacon – พวกเรา ไม่ ... แม่วเอ้ย Boozer ก็แค่สองสามวันเอง รักษาแขนนายให้หาย จากนั้นก็
Boozer – ไม่ๆ นายรู้มั๊ยว่ามันรู้สึกกับที่นั่นยังไง Deek 
Deacon – ก็ไม่ต้องรู้สึกอะไรสิวะ อย่าไปคิดมาก ที่นี่ไม่ใช่ Hot Spring นะ ที่นี่ Lost Lake ของ Iron Mike นายจำได้มั๊ย?



Boozer – Iron Mike ? เขาจะเอาเราไปฆ่าน่ะสิ 
Deacon – นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว ที่นั่นดูสันติสุขมากๆ แล้วก็มีคนมากขึ้นด้วย 
Boozer – รับรองเราตายห่ากันหมดแน่นอน เชื่อดิ 
Deacon – เราคงจะเผ่นกันไปไกลแล้วก่อนที่เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นอ่ะ  แล้วอีกอย่าง ในรัศมี 1000 ไมล์แค้มป์ที่มีหมออยู่ตอนนี้ก็มี Andy นี่แหละ เออ ยังไงก็ให้เธอลองดูแผลหน่อยก็แล้วกันน่า !!
Boozer – แค่สองสามวันพอนะเว้ย จากนั้นเราก็ไปจากที่นี่กันเลย ขึ้นเหนือ อย่างที่นายบอก ไปจากที่ห่านี่กันซักที 



Andy – เอาล่ะ เดี๋ยวชั้นจะกลับไปเช็คอาการเขาอย่างละเอียด แล้วก็หวังว่า Mike เขาจะถูกใจกับสิ่งนี้นะ 
Rikki – ขี้ขลาด ...
Andy – เออ นั่นแหละใช่เลย ฮ่า
Deacon – เอ่อ หมอ อีกนานมั๊ยกว่าที่เขาจะขี่รถได้อีกน่ะ 
Andy – คุณหมายถึง เมื่อไหร่ที่คุณจะไปจากที่นี่ได้ใช่มั๊ย?  ...ฟังนะ เรามียาฆ่าเชื้อก็จริง แต่ก็มีไม่มากพอ ก็ถ้า Iron Mike ยอมให้นายอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อนนายก็อาจจะมีโอกาสรอด 


                         Story Mission: We’ve All Done Things 



Rikki – นี่ ถามหน่อย ตกลงเขาไปโดนอะไรมาแขนถึงไหม้แบบนั้นน่ะ?
Deacon – เราเดินทางลงใต้กันแถวๆ Belknap แล้วไปเจอไอ้พวก Ripper กลุ่ม เดาว่าพวกมันพยายามทำรอยสักหรือสัญลักษณ์ลงบนแขนเขา 
Rikki – พระเจ้า ... ชั้นได้ยินมาว่าพวกมันก็ทำแบบนี้กับพวกมันเองเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นกับคนทั่วไปพวกมันทำเพราะพยายามจะดึงมาเป็นพวก 
Deacon – Boozer ไม่เคยอยากจะสมัครเป็นพวกมันซักหน่อย 
Rikki – เดาว่า Tucker ก็คงมีข้อตกลงกับพวกมันเหมือนกับ Iron Mike แน่นอน 
Deacon – โธ่ ไม่เอาน่า Rikki เขาไม่มีวันทำแบบนั้นจริงๆหรอก ประสาทหลอนอย่างไอ้ Carlos เนี่ยนะจะทำข้อตกลงจริงจังกับ Lost Lake ไม่นานหรอกคอยดูสิ Mike แค่รู้ไม่ทันมันแค่นั้นเอง 
Rikki – ชั้นว่าเขาคิดอะไรได้ลึกซึ้งมากกว่านายก็แล้วกัน นายมันก็แค่คิดแบบเอาแต่ได้ เอาดีเข้าตัว Deek ไม่ได้ดั่งใจก็ฆ่าทิ้งตามงานถนัดของนาย 
Deacon – ขอบคุณนะที่ช่วยพูดให้กำลังใจ ... 



Skizzo – คุณต้องไปหลงคารมมันนะ  ยัย Andy หล่อนใจอ่อนเกินไป Mike เราแบกรับเรื่องของมันมาพอแล้ว ปล่อยแม่งไปเถอะไม่ได้ยุ่งกับไอ้คนพิการนั่นหรอก ผมว่าโยนแม่งออกนอกแค้มป์ไปซะก็จบ 
Deacon – เขายังไม่ได้พิการ เขายังเดินได้โว้ย !!
Rikki – Mike นั่นไม่ใช่วิธีการของพวกเรานะ ! 
Iron Mike – พอแล้วๆๆ !!


Skizzo – ให้ตายเถอะ ฟังหล่อนพูดสิ แล้วก็แก ชอบตามตูดยัยแก่ Tucker มากนักไม่ใช่หรอ? ห๊ะ?
Rikki – Raymond หุบปากได้แล้ว !!
Skizzo – อย่าเรียกชั้นแบบนั้นอีกนะ !! 
Deacon – เอาล่ะ พอกันที ชักเริ่มหมดความอดทนแล้วว่ะ
Skizzo – ก็มาดิคร๊าบบบ !!
Iron Mike – ชั้นบอกให้พอได้แล้ว !!!!!



Skizzo – เห็นมั๊ย? ดูสิ เห็นยังว่าสันดานมันเป็นยังไง ดูสิดู 
Iron Mike –  แกหุบปากได้แล้ว Skizzo !! ส่วนแก ออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้ !!
Rikki – แต่ Mike  Deacon คือคนที่พาเด็กผู้หญิงคนนั้นมาให้ชั้นนะ
Iron Mike – ชั้นรู้แล้ว รู้แล้วๆๆ  แล้วชั้นก็รู้ด้วยว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นคนแบบไหนและเคยทำอะไรไว้ แต่ เขาทำอะไรที่มันเลวร้ายมากกว่า แก .. Rikki หรือชั้นหรอวะ? เราทุกคนก็เคยทำเหี้ยๆมาพอๆกันแหละ Skizzo ทำไปแล้วก็แล้วไป ไม่มีใครภูมิใจกับความผิดพลาดที่เคยทำไว้หรอก 
Rikki – เราเองก็ต้องการ ไรเดอร์ ในการใช้งานด้วย



Deacon – เดี๋ยวๆๆ คืองี้นะ ผมแค่มาขอรบกวนพักรักษาตัวเพื่อนแค่สองสามวันกับยาฆ่าเชื้ออีกนิดหน่อยแค่นั้นแหละแต่ จะให้ผมช่วยอะไรผมยอมหมด 
Skizzo – โอเค .. งั้นก็แล้วแต่ Mike ก็แล้วกัน ..
Iron Mike – อืมม .... เอาล่ะ Deek ตามชั้นมา 


Iron Mike – Rikki บอกชั้นว่า นายไม่ได้ทำงานให้ Tucker แล้วงั้นหรอ? ถึงได้พาเด็กนั่นหนีมาที่นี่ 
Deacon – ผมเสียใจที่โกหกคุณว่าผมจะไปทำงานให้ Tucker
Iron Mike – นายกับ Bill เร่ร่อนแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย 
Deacon – ไม่รู้เหมือนกัน ก็อย่างที่ผมบอก เวลา ทำให้เราหลงทาง
Iron Mike – คนเราถ้าไม่มีที่ทางที่อยู่ที่แน่นอน เร่ร่อนไปมา จะปลูกพืชเอาไว้เป็นอาหารทันฤดูใบ้ใผลิหน้ามั๊ย? ถ้าแบบนั้นคงไม่มีคนแบบเราหลงเหลืออยู่แน่นอน 



Deacon – ถ้าคุณช่วยให้ Boozer ได้สิ่งที่เขาต้องการ ให้เราพักอยู่นี่จนเขาสามารถขี่รถได้อีกครั้ง ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ให้ผมทำอะไรผมยอมทุกอย่างเลย ผมแค่ เอ่อ อยากบอกให้รู้ว่าทันทีที่เขาดีขึ้น เราก็จะเดินทางขึ้นเหนือกันทันที 
Iron Mike – ขึ้นเหนือเนี่ยนะ?
Deacon – มันมีแค้มป์นึงใกล้ๆกับ Smith Rock .. Boozer เองก็ยังไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย แต่ ก็นะ ตอนนี้ที่นี่พวกผีบ้ามันเริ่มเยอะเกินไปแล้ว ถึงเวลาย้ายถิ่นกันซะที 
Iron Mike – เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เลยหรอ? อืมม ชั้นนับถือพวกแกเลยจริงๆ เอาล่ะ แกพักผ่อนตามสบายเถอะ เดี๋ยวชั้นขอตัวคิดอะไรตรงนี้หน่อย 
Deacon – ได้เลย Mike .. แล้วถ้ามีเรื่องอะไรจะให้ผมช่วยก็ให้ Rikki วิทยุมาบอกได้นะครับ 

     


                                              LOST LAKE CAMP



ชัยภูมิสำคัญของกลุ่มผู้รอดชีวิตโดยการนำของ Iron Mike คือ แค้มป์ Lost Lake ซึ่งในสถานที่จริงก็คือ Lost Lake Resort & Campground ตั้งอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบ Lost ทางเหนือของภูเขา Hood ภูเขาไฟที่สงบนิ่งแล้ว



ซึ่งมีพื้นที่สูงที่ 11,245 ฟุต เป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็งถึง 17 แห่งและยังเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของรัฐโอเรกอนอีกด้วน โดยมีแม่น้ำ Hood ซึ่งเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของปลาเทราท์สีน้ำตาลและพันธ์ปลาต่างๆอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือที่สามารถเป็นที่ทำกิจกรรมของนักท่องเที่ยวทั้งตกปลาและล่องเรือยาง


ในส่วนของ Resort ซึ่งมีที่ให้นักท่องเที่ยวพักผ่อนทั้งกระท่อมแบบชนบท 7 สถาน ที่ตั้งแคมป์ 120 แห่ง ไม่มีระบบประปา ไม่มีเครือข่ายการเข้าถึงของคลื่นมือถือ ถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่เป็นธรรมชาติและเป็นที่พักพิงที่อุดมสมบูรณ์ของผู้รอดชีวิตใน Day Gone ที่ดีที่สุด
https://www.gorgeflyshop.com/store/pc/Lost-Lake-Hood-River-c615.htm


Deacon – O’Brian นั่นนายหรอ?
O’Brian – ใช่ๆ ผม O’Brian คุณยังมีวิทยุของเราติดตัวอยู่ ดีเลยๆ  เอาล่ะ ฟังนะ ตอนนี้ผมกำลังหาทางช่วยคุณอยู่ ช่วยคุณตามหาผู้หญิงคนนั้น 
Deacon – เธอชื่อ ซาร่าห์ 
O’Brian – เออๆๆ ใช่ๆๆ นั่นแหละๆ  แต่ก่อนอื่น คุณต้องช่วยผมทำบางอย่างก่อน 
Deacon – เดี๋ยวนะ นายต่างหากที่ต้องช่วยชั้น 
O’Brian – ฟังนะ วิทยุของเราที่คุณถืออยู่ ผมสามารถส่งรหัสพิกัดไปให้คุณได้ มาพบผมตามจุดนัดผมที่ผมส่งไปให้นะ 
Deacon – O’Brian นี่นายจะทำบ้าอะไรกันแน่วะ?
O’Brian – เออน่า แค่มาพบผมก่อนก็พอ แล้วก็ระวังๆด้วยล่ะ รอบๆตัวผมมีพวกทหารของ Nero เต็มไปหมด อย่าให้พวกมันจับได้ล่ะ ...แค่นี้ก่อนนะ เลิกกัน 

                   ** ปลดล็อก STORYLINES : I REMEMBER – I Need Your Help **

Tucker – Deek นี่ Tucker นะ เลิกเถลไถลได้แล้ว ชั้นมีงานให้นายทำ 
Deacon – โอเค Tuck เดี๋ยวถ้าผมว่างเมื่อไหร่จะรีบไปนะ แค่นี้นะ เลิกกัน 


                               ** ปลดล็อก Champ Mission: RIPPED APART **


จากนั้นมุ่งหน้าจากแค้มป์ Lost Lake เดินทางไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะพบจุดภารกิจย่อย INFESTATION EXTERMINATOR ที่ SHERMAN’S CAMP

                          INFESTATION EXTERMINATOR

                                       SHERMAN’S CAMP INFESTATION 


                           จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 3 จุด

      เดินทางกลับไปยัง Copeland Camp อีกครั้งเข้าไปคุยกับ Copeland เพื่อรับงานจากเขา



Deacon – ไง Cope !
Copeland – ไง St. John ชั้นมีงานให้นายทำ ทางเดียวที่นายจะได้งานบนหลังอานมอไซด์ทำเยอะๆ ช่าย ก็คือมาทำงานให้ชั้นนี่แหละ เอาล่ะ อยากจะให้นายไปจัดการพวกโจรที่แค้มป์ของมันใกล้ๆกระท่อมที่ถูกเผาบนถนน Cascade Highway หน่อย รู้ใช่มั๊ยว่าชั้นหมายถึงที่ไหน?
Deacon – รู้สิ ชั้นรู้แล้ว 

              Champ Mission: PROTECTING THE WEAK 

                                           HE NEVER CAME BACK


เดินทางเข้าไปที่จุดหมายของภารกิจทางตะวันออกของ Copeland Camp เข้าไปในพื้นที่วงกลมสีฟ้าสำรวจหาเบาะแสจนพบศพที่นอนอยู่ริมถนน


จากนั้นแกะรอยตามเบาะแสไปต่อตามทางที่พบเจอศพมากมายที่ชี้เส้นทางไปที่กระท่อมที่ถูกไฟไหม้ ก็จะพบพวกโจนรกำลังจับคนเป็นตัวประกันอยู่ เข้าไปจัดการพวกโจรให้หมดเพื่อช่วยเขาซะ


ตัวประกัน – พอแล้ว พอแล้ว ได้โปรด !!
Deacon – หุบปากได้แล้ว ชั้นกำลังตัดเชือกให้นายอยู่นี่ไงเล่า Copeland ส่งชั้นมา เอาล่ะลุกขึ้นได้แล้ว
ตัวประกัน – โอ้ พระเจ้า ขอบคุณครับ ขอบคุณๆ  ..พวกมันสะกดรอยตามเส้นทางขนเสบียงของเรา พวกเราไม่รู้จะสู้มันยังไงน่ะครับ 
Deacon – เฮ้ ไม่ต้องพล่ามแล้ว นายยังวิ่งไหวมั๊ย?
ตัวประกัน – ไหวครับไหว 
Deacon – งั้นก็รีบวิ่งกลับแค้มป์ไปได้แล้ว ! 
ตัวประกัน – ครับๆ ขอบคุณนะครับ ผมจะบอก Copeland ว่าคุณช่วยชีวิตผม


                        Champ Mission: RIPPED APART

                                             A SCORE TO SETTLE

เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจที่ Hot Springs Camp เพื่อเข้าไปรับงานกับ Tucker ที่จุดรับงานของแค้มป์


Tucker – มาแล้วหรอ Deek เรามีปัญหาแล้ว ! นายจำที่ Alkai บอกเจอพวก Rippers ได้มั๊ย?
Deacon – จำได้ เขาบอกว่าเขาพยายามหยุดมันไม่ให้ตรงมาที่แค้มป์ 
Tucker – นั่นแหละ เราให้ทีมแกะรอยของเราตามพวกมันกลุ่มนึงที่อยู่แถวๆนี้กลับไปที่แค้มป์ของมัน อยู่หน้าผาแถวๆ Twin Craters 
Deacon – ไอ้พวก Rippers ระยำเอ้ย !! ไม่ต้องห่วงป้า เดี๋ยวผมจัดการพวกมันเอง พอดี มีเรื่องต้องสะสางกันอยู่พอดี
Tucker – สะสางเรื่อง? นายพูดเรื่องอะไรเนี่ย?
Deacon – ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะ 

จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่แค้มป์ของพวก Rippers บนเนินเขาทางตะวันตกของ Hot Springs Camp เข้าไปจัดการพวก Rippers ด้านในให้หมดทั้ง 8 ตัวก็จะจบภารกิจนี้


Deacon – Tucker ทราบแล้วเปลี่ยน ต่อไปนี้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องไอ้พวก Rippers อีกแล้วนะ ผมฆ่าล้างบางแม่งหมดแค้มป์แล้ว 
Tucker – ทำงานดีมาก ดูเหมือนนายจะสะสางกับพวกมันได้แล้วสินะ Alkai บอกว่ามีข่าวลือว่าพวก Rippers กำลังออกตามหาพวกไบค์เกอร์อยู่ 
Deacon – งั้นพวกมันก็คงมายุ่งกับไบค์เกอร์ผิดคนแล้ว ..


                       STORYLINE: EARNING OUR KEEP 

                    Story Mission: Cherman’s Camp is Crawling

เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจที่ Lost Lake Camp แล้วเข้าไปคุยกับหมอ Andy ในห้องพยาบาล



Andy – ไง Deacon ทุกอย่างโอเคมั๊ย? มีอะไรรึเปล่า?
Deacon – ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเข้ามาที่นี่ทำไม เอ่อ บางทีคุณอาจะมีอะไรที่อยากให้ช่วย เกี่ยวกับเรื่องห้องพยาบาล
Andy – อันที่จริงวัสดุอุปกรณ์กับพวกยาต่างๆเราก็เหลือน้อยเต็มทีแล้วล่ะ มันก็เกือบหมดทุกอย่างนั่นแหละ เราต้องการพวกยา ผ้าพันแผล อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์อะไรทำนองนี้  อ่อ นี่ ลิสต์รายการ
Deacon – หืมม Liston Knife หรอ?
Andy – มันคือมีดผ่าตัดของหมอที่ใช้ในสนามรบสมัยสงครามกลางเมือง คุณรู้มั๊ยพวกเขาผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาสลบด้วยซ้ำ ชั้นว่าคุณอาจจะหามันมาให้ชั้นซักเล่มนึงได้ที่นี่นะ ตามโบรชัวร์ที่ห้องรับรองที่ Sherman Camp บอกไว้
Deacon – อ่า ฮ่าๆ  Sherman Camp หรอ ผมรู้จักดีน่า ที่นั่นเต็มไปด้วยพวก Freaker ย้วยเยี้ยไปหมด แต่เดี๋ยวผมลองไปหาให้แล้วกันครับ 
Andy – ดีเลย ... เอ่อ Deacon ... ขอบคุณนะ 
Deacon – อืมม 

จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่ Sherman Camp ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Lost Lake Camp เข้าไปในพื้นที่แล้วตรงไปยังร้าน GIFT SHOP ตามจุดหมายของภารกิจ


แต่ประตูทางเข้าจะเปิดไม่ได้ ต้องอ้อมไปด้านหลังแล้วยิงกุญแจที่ล็อกบันไดหนีไฟให้ตกลงมาก็จะสามารถปีนขึ้นไปเข้าที่ชั้น 2 ได้ ลงมาขั้นล่างเก็บ Liston Knife ในตู้โชว์แล้วเดินทางเอากลับไปให้ Andy ที่ Lost Lake Camp ได้เลย


           STORYLINE – YOU’RE SAVE NOW

                       Story Mission: SEARCHING FOR LISA

หลังจากเสร็จภารกิจที่ Lost Lake Camp แล้ว มุ่งหน้าไปยังจุดหมายของภารกิจทางตะวันตกของแค้มป์ต่อเพื่อออกตามหา Lisa ที่หายตัวไปจากแค้มป์หลายวันก่อนที่ Deacon จะมาถึง


เมื่อเข้ามาถึงพื้นที่ของ ROGUE CAMP ซึ่งเป็นจุดที่ Lisa วิ่งหนีหายไป แล้ว Deacon จะคิดว่าเธอต้องแอบอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่ จึงพยายามจะหาทางเข้าบ้านหลังนี้โดยประตูทางเข้าจะถูกปิดเอาไว้ แต่จะสามารถเข้าไปได้ด้วยการดันรถที่ขวางประตูโรงรถออกเพื่อมุดเข้าไปในโรงรถก็จะเข้าไปในตัวบ้านได้


ด้านในสุดของบ้านที่ Deacon ต้องลอดตัวผ่านตู้หนังสือเข้าไปยังห้องด้านในจึงพบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเป็นข้อความที่ Deacon คิดว่ามันอาจจะเป็นลายมือของ Lisa ที่เขียนไว้ว่า “ชั้นต้องการจะลืม” แต่ตอนนี้ Deacon เองก็ยังไม่เข้าใจจึงต้องพยายามหาเบาะแสของ Lisa ต่อด้วยความเป็นห่วงในครั้งต่อไป .

ก่อนออกจาก ROGUE CAMP แห่งนี้ ภายในพื้นที่จะเป็นอาณาเขตพื้นที่เป็นของภารกิจย่อย INFESTATION EXTERMINATOR ในการกำจัดรังของพวก Freaker ด้วย

                       INFESTATION EXTERMINATOR

                                             ROGUE CAMP INFESTATION 



                               จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 6 จุด


                     STORYLINES: I REMEMBER 

                             Story Mission: I Need Your Help


จาก ROGUE CAMP เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจทางเหนือต่อซึ่งเป็นจุดที่ O’Brian ได้นัดกับ Deacon เอาไว้เพื่อขอความช่วยเหลือแลกกับการหาตัวซาร่าห์


Deacon – เอาล่ะ ชั้นมาแล้ว มีไรว่ามา?
O’Brian – พระเจ้า !! ให้ตายสิ อย่าย่องมาเงียบๆแบบนี้อีกนะ 
Deacon – นายพบเบาแสของ Sarah ผู้หญิงที่ชั้นพาขึ้นคอปเตอร์ของนายไปน่ะ ?
O’Brian – ยังไม่เจอเลย
Deacon – อะไรนะ !!
O’Brian – ดะ เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆๆ ผมต้องใช้เวลาหน่อย โอเค๊?  แค่ผมมาที่นี่ก็เสี่ยงมากแล้ว พวกนั้นมีปืนกันทุกคนนะ แล้วมันก็ทำตามคำสั่งแบบไม่ถามด้วย 
Deacon – นายมันก็พวกเดียวกันไม่ใช่หรอไง O’Brian?
O’Brian – มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปหรอก และผมก็ยังไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ด้วย นั่นแหละผมถึงต้องการให้คุณช่วย
Deacon – ให้ชั้นช่วยเนี่ยนะ?
O’Brian – เออน่า รับไอ้นี่ไปก่อน รับไปสิ นี่เป็นตัวติดตามสัญญาณ GPS ผมต้องการให้คุณ ..บ้าเอ้ย เราไม่มีเวลาแล้วนะ คุณชื่ออะไรนะ เอ่อ Deacon .. Deacon St. John ใช่ๆ ฟังนะ ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยตามหา ผู้หญิงคนนั้น เอ่อเธอชื่ออะไรนะ  Sarah ใช่มั๊ย? นั่นแหละ ผมก็อยากให้คุณทำบางอย่างตอบแทนให้ผมด้วย .. โอเคๆ รอฟังวิทยุจากผมด้วยนะ อีกแปบนึงผมจะติดต่อไป 


O’Brian – คุณได้ยินมั๊ย Deacon ?
Deacon – ไอ้ยิน เอาล่ะ เอาไงต่อ นายต้องการให้ชั้นทำอะไร?
O’Brian – เอาล่ะ ผมบล็อกสัญญาณช่องนี้ไว้แล้ว ตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว ผมส่งพิกัดเข้าไปที่วิทยุของคุณแล้วนะ ผมต้องการให้คุณเดินทางไปที่พิกัดนั้น ทีมของ Nero กำลังเข้าพื้นที่เพื่อทำงานบางอย่าง ผมอยากรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่
Deacon – นายก็พวกเดี๋ยวกันทำไมถึงไม่ไปถามเองวะ?
O’Brian – ก็ผมทำไม่ได้ !! เรื่องมันยาวน่ะ แล้วผมก็ไม่มีเวลาจะเล่าตอนนี้ด้วย ทำตามที่ผมบอกก่อนเถอะน่า !! คนที่เป็นหัวหน้าของผมกำลังส่งทีมไปทำภารกิจภาคสนามตามสถานที่ต่างๆทั่วไปหมด ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่
Deacon – โลกกำลังจะแตกอยู่แล้วพวกแกก็ยังทำบ้าอะไรกันอยู่ได้เนอะ ... ตกลงจะให้ไปที่ไหน  
O’Brian – ผมส่งพิกัดไปให้แล้ว 
Deacon – เออ ชั้นจะทำเท่าที่จำได้ก็แล้วกัน 
O’Brian – แค่ ทำให้ดีที่สุดก็พอ 
Deacon – แล้วอย่าลืมทำเรื่องที่ชั้นให้ดีๆเหมือนกันด้วยก็แล้วกัน !


O’Brian – Deacon ทราบแล้วเปลี่ยน ตอนนี้มี ฮ. ของ NERO กำลังบินผ่านไปยังตำแหน่งของคุณพอดีเลย ผมอยากให้คุณตามมันไป
Deacon – ตามไปทำไม??
O’Brian – ให้ตายเถอะ อย่าถามได้มั๊ย แค่ทำตามอย่างเดียวก็พอ !!
Deacon – เออๆๆ ก็แค่สงสัยว่าทำไมชั้นต้องมาวิ่งตาม ฮ. ห่านี่ให้แกด้วยแค่นั้นแหละ !!
O’Brian – เพราะปลายทางของ ฮ. ลำนั้นมันเป็นความลับที่ชั้นเข้าถึงข้อมูลไม่ได้ ก็เลยส่งพิกัดให้คุณไม่ได้ไง ก็ถึงให้คุณตามมันไปยังไงล่ะ อย่าให้คลาดสายตาก็แล้วกัน !!



Deacon – เอาล่ะ ดูเหมือนมันจะลงจอดแล้ว ตกลงนายจะให้ชั้นทำอะไร O’Brian?
O’Brian – ในทีมค้นหาจะมีนักวิทยาศาสตร์อยู่คนนึง แต่ตัวเหมือนผม แล้วมีการ์ดคุ้มกันอยู่หลายคน ผมต้องการให้คุณแอบตามมันไปให้ใกล้ที่สุด ช่องการสื่อสารถูกเซ็ตให้เป็นการบันทึกข้อมูลแล้วมันจะบันทึกทุกอย่างที่มันทำเอาไว้ได้หมดถ้าเข้าไปใกล้พอ 
Deacon – ตกลงนายจะให้ชั้นลอบเข้าไปที่พื้นที่ลงจอดที่มีการรักษาความปลอดภัยด้วยทหารที่ใส่ชุดเคฟล่าร์อาวุธครบมือและพร้อมจะยิงตลอดเวลาเพื่อเข้าไปสอดแนมไอ้ห่าที่ใส่ Pocket protector เนี่ยนะ?
O’Brian – Pocket protector หรอ? จริงดิ โธ่ ชั้นก็ระดับด็อกเตอร์เหมือนกันแหละวะ การค้นหาของพวกเขาไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเลย แล้วก็ .. ไม่ต้องถามเลยนะ ผมกำลังหาข้อมูลว่าพวกเขาพาผู้อพยพไปไว้ที่ไหนอยู่ 


จากนั้นลอบหลบทหารของ Nero เข้าไปถึงจุดจอดของ ฮ. แล้วเข้าไปติดตั้งตัวติดตามสัญญาณ GPS เอาไว้ แล้วลอบเข้าไปด้านในต่อ ใช้ก้อนหินเบี่ยงเบนความสนใจของพวกทหารเพื่อผ่านทางเข้าไปด้านในจนถึงพื้นที่ที่มีการจับตัวอย่าง Freaker มาทนลอง แล้วซุ่มดักฟังมันสนทนากันจนกว่าเกทสีเหลืองด้านบนจะหมด


Lt. Chavez – บันทึกการทดลองภาคสนามหมายเลข 2 – 0 – 7 – 1 ทีมสำรวจได้เข้าตรวจเช็คกับดักที่เขต 14 Alpha ยืนยันพบตัวอย่างทดลองเป็นชายร่างใหญ่ ยืนยันว่ามีการกลายพันธ์แบบ albinism ซึ่งต่างจากที่เราคาดหวังว่าตัวอย่างทดลองจะมีผิวคล้ำและมีดวงตาสีแดง มวลกล้ามเนื้อนั้นมากกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อปกติ พวกคุณเรียกมันว่าอะไรนะ? “Bleachers” นี่คือตัวอย่างที่ 3 ที่เราจะศึกษาในวันนี้ มันแข็งแกร่งและมีความสามารถในการดูดซับความเสียหายได้ ทำให้มันอันตรายมากในการเข้าประชิดตัวพวกมัน เราได้ตรวจสอบรายงานจากอีกพื้นที่ค้นหาพบว่า มีมากกว่า 1 พันตัวในพื้นที่ ทำให้รู้ว่า ไม่ว่าอะไรที่ทำให้เกิดการกลายพันธ์มันแพร่กระจายได้เร็วมากๆ


Deacon – มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ O’Brian?
O’Brian – เกิดอะไรขึ้นหรอ?
Deacon – ชั้นจะบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกของนายกำลังจับ Freaker ผ่าท้องล้วงตับไตใส้พุงทั้งเป็นๆเลย 
O’Brian – นั่นไม่ใช่พวกของผม แล้วคุณสดด้วยหรอ? พวกเขาเรียกพวกคุณว่าอะไรนะ .. Drifters ใช่มั๊ย? งานของพวกคุณคือล่าพวก Freaker แลกเงินไม่ใช่รึไง? 
Deacon – ใช่ ชั้นฆ่าพวกมันแลกเงินจริง แต่ชั้นไม่ได้จับมันมาผ่าท้องทั้งเป็นแล้วนั่งฟังมันร้องโหยหวนอย่างสะใจนี่หว่า
O’Brian – ตกลงคุณได้ข้อมูลของผมมารึเปล่า?
Deacon – เออ ได้มาแล้ว
O’Brian – โอเค ชั้นจะได้อัพโหลดเลย .... เอาล่ะ ได้แล้ว เลิกการติดต่อ 
Deacon – O’Brian ?? .. เฮ้ย O’Brian ไอ้บ้าเอ้ย เอาอีกแล้ว  O’Brian พูดกับชั้นสิวะ แม่งเอ้ย O’Brian แกหายไปอีกแล้ว !! 

ก่อนออกจากพื้นที่ ในแถว Berley Lake Camp จะมีจุดที่เป็นแค้มป์ของพวกโจรอยู่ทางใต้ไม่ไกลมากนัก แวะเข้าไปจัดการพวกมันได้เลย

                     
               STORYLINES: AMBUSH CAMP HUNTER

                                              Berley Lake Ambush Camp

เข้าไปในพื้นที่ของรังพวกโจรแล้วจัดการพวกโจรในพื้นที่ให้หมดทั้ง 13 คน จากนั้นค้นหา Bunker ที่อยู่ในพื้นที่ให้เจอ เข้าไปเก็บแผนที่ของพวกโจรก็จะจบภารกิจ


                              CRAFT RECIPE UNLOCKED : BASBALL BAT AXE


ก่อนออกจาก Berley Lake Camp จะแห่งนี้ ภายในพื้นที่จะเป็นอาณาเขตพื้นที่เป็นของภารกิจย่อย INFESTATION EXTERMINATOR ในการกำจัดรังของพวก Freaker ด้วย


                            INFESTATION EXTERMINATOR

                                             BERLEY LAKE INFESTATION 


                              จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 4 จุด

ในบริเวณพื้นที่ Berley Lake Camp ตรงทางเข้าอุโมงค์ฝั่งตะวันตกเข้าไปสำรวจตรงรั้วจะพบศพของเจ้าหน้าที่ NERO นอนตายอยู่


เข้าไปสำรวจแล้วแกะรอยดูจะว่าที่นี่คือจุดตรวจ NERO CHECKPOINT ที่มีศูนย์แพทย์เคลื่อนที่ของ NERO อยู่ด้วย ภารกิจ STORYLINES: WORLD END - SANTIAM TUNNEL NERO CHECKPOINT ก็จะปรากฏออกมาในลิสต์ภารกิจ

                     STORYLINES: WORLD END

                                 SANTIAM TUNNEL NERO CHECKPOINT


เข้าไปสำรวจด้านหน้าอุโมงค์ทางขวาจะมีประตูเล็กให้เข้าไปด้านในเพื่อเก็บ ฟิวส์ มาก่อน เอาฟิวส์ไปใส่แผงควบคุมไฟฟ้าที่ด้านข้างตู้คอนเทรนเนอร์ ปีนขึ้นไปลำโพงด้านบนให้หมด จากนั้นไปเอาถังน้ำมันในเต็นท์ไปใส่ที่เครื่องปั่นไฟที่อยู่ฝั่งขวาของตู้คอนเทรนเนอร์ก็จะสามารถเข้าไปด้านใน Nero Mobile Medical Unit ได้แล้ว เข้าไปเก็บยาเพิ่มสเตตัส Nero Injector มาฉีดเพิ่มสเตตัสให้ตัวก็จะจบภารกิจ




             STORYLINE – HE’S MY BROTHER


                               Story Mission: NOW YOU SEE IT


    เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจที่ Lost Lake Camp เพื่อกลับไปเยี่ยมดูอาการของ Boozer



Deacon – เฮ้ ไงหมอ ผมแวะมาดูไอ้ตัวขี้เกียจหน่อยมันเป็นไงบ้าง ? เป็นไงวะ Boozeman นายจะนอนขี้เกียจแบบนี้ตลอดไม่ได้นะเว้ย .. เฮ้ .. นายเป็นอะไร?
Addy – คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ Deacon ไม่เอานะ คุณยังไม่ควรเข้ามาตอนนี้ 
Deacon – เกิดอะไรขึ้น เขาเป็นอะไรหรอหมอ?
Addy – เขาต้องการการพักผ่อน 
Deacon – ไม่ต้องมายุ่งกับผม Addy ผมถามว่าเขาเป็นอะไร?  บอกผมมาตรงๆหมอ !!
Boozer – ชั้น ชั้นสบายดี เพื่อน สบายดี ...
Addy – ก็ .. อาการไม่ค่อยดีนัก ..
Boozer – แม่งเอ้ย .. หนาวชิบเป้งเลย ...
Deacon – แล้วยาฆ่าเชื้อล่ะ?
Addy – มันมีไม่พอ มันไม่พอ !
Deacon – ไม่ ! เดี๋ยว !! ไหนคุณบอกว่า ..
Addy – ชั้นบอกว่าจะช่วยเท่าที่จะทำได้ และสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือ รอ !!



Deacon – โอเค .. รอเนี่ยนะ ! ... ไม่อ่ะ ไม่ๆๆ คุณรู้มั๊ยว่าผมจะทำยังไงกับเรื่องนี้ 
Addy – พอ .. หยุด ! ชั้นบอกให้หยุดไงล่ะ !! 
Deacon – ผมสามารถ ..... อะไร !!! 
Addy – ชั้นรู้ว่าคุณโกรธจัดจนอยากทำลายอะไรซักอย่าง มองตาก็รู้แล้ว แต่ ถ้าจะทำก็นู้น ออกไปทำข้างนอกนู้น !! ในนี้ไม่มีอะไรที่คุณจะช่วยได้หรอก ไปซะ !! 
Deacon – Addy ผม .... 
Addy – ได้โปรด กลับที่พักแล้วไปนอนซะ Deacon 

Skizzo – ไง เขาเป็นไงบ้าง? 
Deacon – เขาสบายดี Skizzo แค่ต้องใช้เวลาอีกสองสามวัน ..
Skizzo – ตามชั้นมาในกระท่อมหน่อยดิ ชั้นมีอะไรจะให้นายดู 
Deacon – แล้วทำไมชั้นต้องตามไปด้วยวะ?
Skizzo – ข้างนอกนี่ชั้นถูกจับตามองอยู่ เชื่อชั้นสิ ตามมา



Skizzo – นายต้องเห็นสิ่งนี้  นี่ฟังนะ หลายเดือนก่อนพวก Drifter เข้ามาที่แค้มป์ของเราแล้วเล่าเรื่องบ้าๆให้ฟัง มันบอกว่ามันเคยทำงานที่สนามบินตอนที่อยู่ที่เมือง Farewell ตอนเกิดเรื่อง คืนนั้นพวกมันรอเครื่องบินจาก Portland ที่กำลังจะลงจอด แต่ก็ไม่เห็นมันในจอเรดาห์อีกเลย พวกมันบอกว่าเป็นเครื่องบินที่รับของมาจากองค์การกาชาดสากล 
Deacon –องค์การกาชาดหรอ?
Skizzo – ช่ายย นายเก็ตยังเพื่อน ...ยา อุปการณ์ทางการแพทย์ ทั้งนั้นที่พวกนั้นบรรทุกมา บางทีมันอาจจะมียาฆ่า ... เอ่อ ยาห่าอะไรนั่นที่นายต้องการด้วยนะ 
Deacon – ยาฆ่าเชื้อ 
Skizzo – เออๆ นั่นแหละๆ 
Deacon – ที่ไหน !! 
Skizzo – อย่าเสียงดังสิวะ ... เดี๋ยวค่อยไปคุยกันข้างในกระท่อม 


Skizzo – คนนึงของพวก Drifter ที่มาบอกว่ามันทำงานในหอควบคุมการบิน ตอนที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาห์ คาดว่ามัน่าจะตกตรงนี้ .. ที่นี่


Deacon – ทางใต้ของภูเขา Washington .
Skizzo – นั่นแหละ ตามที่พวกมันบอก .... มันบอกว่าได้ยินในวิทยุว่ากัปตันเครื่องบินบาดเจ็บหนักตกเลือดจากอาการกระดูกเชิงกรานแตกตอนเครื่องบินตกถึงพื้น 
Deacon – โอเค แล้วทำไมนายไม่ส่งคนของนายไปดูล่ะ?
Skizzo – ไม่ได้หรอก ...
Deacon – ทำไมไม่ว่ะ? 
Skizzo – ก็ตาแก่ Mike ไม่ยอมให้ไปน่ะสิ 
Deacon – Iron Mike อ่ะนะไม่ให้ไป ทำไมล่ะ? .... อ่อ เข้าใจแล้ว .... พวก Rippers 
Skizzo – นายเข้าใจเร็วดีนี่หว่า ทางตะวันตกของ Iron Ridge ตรงจุดนี้ เคยเป็นพื้นที่ของ Carlos นายต้องไปตรงนั้น แล้วผ่านช่องแคบนั่นตรงขึ้นเหนือไปเลย ประมาณนั้น 
Deacon – ชั้นเข้าใจแล้ว แต่ขอถามอย่าง ทำไมนายต้องมาบอกเรื่องนี้กับชั้นวะ?



Skizzo – เดี๋ยวนะๆ อย่างแรก เรื่องนี้ชั้นไม่ได้บอกนาย โอเค๊? จำไว้ด้วย อย่าลืมล่ะ อย่างที่สอง ก็นายเป็น Drifter ไม่ใช่หรอวะ จะให้ชั้นทำไง ตามนายไปเพื่อแก้ปัญหาให้นายอ่ะนะ ชั้นก็มีงานต้องทำนะ 
Deacon – อ่อ เข้าใจล่ะ นายคือคนที่มีงานประจำโดยที่ไม่เคยเบี้ยวงานเลยใช่มั๊ย Skizzo ?
Skizzo –  ชั้นก็แค่อยากที่จะรอดต่อไปอีกนานเหมือนคนอื่นนั่นแหละ ....สุดท้ายนี้ ก็แล้วแต่นายแล้วกัน ....แค่นี้แหละ รู้นะว่าชั้นหมายความว่าไง ?
Deacon – เออ ชั้นรู้ว่านายหมายถึงอะไร Skizzo
 Skizzo – เอาวิทยุไว้ใกล้ๆตัวตลอดล่ะ เดี๋ยวชั้นติดต่อไป 

    จากนั้นเตรียมตัวให้พร้อมแล้วขี่รถออกจากแค้มป์ได้เลย ระหว่างทาง Skizzo จะติดต่อมาเอง


Skizzo – เฮ้ St. john ทราบแล้วเปลี่ยน 
Deacon – ได้ยินแล้ว  Skizzo
Skizzo – จำเรื่องที่เราคุยกันได้ใช่มั๊ย? ตอนนี้ชั้นกำลังไปเช็คที่จุดรักษาความปลอดภัยตรงชายแดนกับ Iron Butte ไปเช็คดูพวก Rippers แถวนั้นหน่อย ถ้านายรู้ว่าชั้นหมายถึงอะไร 
Deacon – อ่า ไม่เลยว่ะ ไม่รู้เลย ทำไมนายไม่พล่ามให้ชั้นเข้าใจหน่อยล่ะ?
Skizzo – อย่ามาทำฉลาดตอนนี้ จะหลอกให้ชั้นพูดงั้นหรอ? ไม่เอาน่า แค่นี้ชั้นก็เสี่ยงพอแล้ว อย่าทำให้ชั้นผิดหวังล่ะ ยังไงชั้นก็จะพิสูจน์ให้ Iron Mike เห็นให้ได้ว่าชั้นก็ดีพอและมีประโยชน์กับแค้มป์นี้เหมือนกัน  

จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่อุโมงค์ทางตอนเหนือของ CAMP PIONEER

                        Story Mission: PLAYING ALL NIGHT



Deacon –Skizzo นี่ St.John นะ ตอนนี้ชั้นมาถึงที่ชายแดนแล้ว 
 Skizzo – เจอคนของชั้นแถวๆนั้นรึเปล่า? 
Deacon – ไม่มีใครที่นี่เลย ฟังนะ ชั้นมีเวลาทำงานนี้เท่าไหร่หรอ?
Skizzo – เวลา ? เวลาอะไร? ไม่รู้ว่ะ แต่ตอนนี้ชั้นกำลังเล่นไพ่กับคนของชั้นอยู่ ก็คงจะเล่นกันโต้รุ่งเลยอ่ะนะ
Deacon – จนถึงเช้าสินะ .. โอเค เลิกกัน 


จากนั้นขี่รถเข้าไปตามทางในช่องแคบจนถึงแค้มป์ของพวก Rippers จัดการพวกมันให้หมดแล้วลุยเข้าไปจนถึงจุดหมายของภารกิจ ซึ่งเป็นจุดตกของเครื่องบิน แต่ทันทีที่ Deacon กับ Breaker Freaker ชนิดใหม่ที่กลายพันธ์มาจาก Bleachers ที่เคยเห็นคนของ NERO จับมันมาผ่าศึกษาก่อนหน้านี้


การต่อสู้กับ Breaker ต้องไม่เน้นปะทะ พยายามกลิ้งหลบการโจมตีของมันให้ทันแล้วหาจังหวะสวนกลับเอาโดยใช้พื้นที่ที่สามารถวิ่งเป็นวงกลมรอบซากเครื่องบินให้เป็นประโยชน์  เมื่อจัดการ Bleachers ลงได้แล้วเข้าไปเก็บกล่องพยาบาลที่ด้านในซากเครื่องบินแล้วเอากลับไปใส่ที่รถเพื่อเดินทางเอากลับไปให้ Skizzo ต่อไป


Rikki – St.John ทราบแล้วเปลี่ยน ... Deek นี่ Rikki นะ ได้ยินรึเปล่า?
Deacon – บ้าเอ้ย ติดต่อมาทำไมตอนนี้วะ ชั้นให้เธอรู้ว่าออกมาที่นี่ไม่ได้ด้วยสิ .... เอ่อ Rikki หรอ? นี่ Deek นะ สัญญาณเธอไม่ค่อยดีเลยอ่ะ ผมไม่ได้ยินคุณเลย 
Rikki – Deek ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? ชั้นต้องการ .....
Deacon – แม่งเอ้ย โทษทีนะ Rikki ตอนนี้ชั้นไม่มีเวลาจะคุยจริงๆวะ ...



Skizzo – นั่นไง Deacon มาแล้ว ยิงไอ้พวกที่ไล่หลังมา เร็ว !! ...นาย แล้วก็นาย ขี่รถไปดูลาดเลาด้านในให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่กลับมาอีก ไปเลย!! ...... ไง Deek ได้มามั๊ย?
Deacon – เหลืออยู่ไม่มาก แต่ก็ได้มา 
Skizzo – เหลืออยู่ไม่มากหรอ?



Rikki – เฮ้ ชั้นได้ยินเสียงปืน เกิดไรขึ้นหรอ?
Skizzo – เราปะทะกับ Rippers นิดหน่อย ไม่เป็นไรเอาอยู่
Rikki – นายเอาอยู่เนี่ยนะ ... แล้วนั่นอะไร? ....อ่อ ชั้นรู้แล้ว !!
Skizzo – รู้อะไรของเธอ? พระเจ้า Rikki นี่เธอคิดว่าใครทำหน้าที่iรักษาความปลอดภัยตรงนี้ห๊ะ?
Rikki – นายรู้มั๊ย ชั้นก็ถามตัวเองถึงเรื่องนี้ทุกวันเหมือนกัน 
Skizzo – ชั้นเสร็จงานที่นี่แล้ว 
Rikki – ดี งั้นก็กลับไปซะ



Deacon – แล้วเธอมาทำอะไรข้างนอกนี่หรอ?
Rikki – ชั้นมาทำอะไรที่นี่หรอ Deek? ก็ Addy ให้มาตามหานายไง
Deacon – ตามทำไม ? เดี๋ยวนะ Boozer เป็นไรรึเปล่า?
Rikki – ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราต้องรีบไปกันแล้ว เร็ว !


                 Story Mission: WITH OTHER MEN’S BLOOD



Deacon –Boozer เป็นอะไรรึเปล่าวะเนี่ย?
Rikki – ชั้นก็รู้แค่ Addy ให้มาตามหานายแค่นั้นแหละ ! ชั้นก็ถามคนนู้นคนนี้มาเลยจนมาเจอนายกับ Skizzo ที่นี่นี่แหละ และตอนนี้ชั้นรู้แล้วว่าทำไม
Deacon – ชั้นไม่เข้าใจ เธอหมายความว่าไง?
Rikki – จุดเครื่องบินตก ... เวชภัณฑ์ยา ไม่ใช่ความลับใหญ่โตอะไรเลย Deek .. Iron Mike ทำข้อตกลงกับ Carlos ไว้แล้วเพื่อไม่ต้องการมีปัญหากับพวก Rippers 
Deacon – ตายห่าแล้ว !
Rikki – ทำไม มีอะไรหรอ?
Deacon – ชั้นหมายถึง ชั้นดันมาที่นี่ตอนที่ครึ่งนึงของวชภัณฑ์ถูกเอาไปเกือบหมดแล้วน่ะสิ!! มีร่องรอยจากจุดเครื่องตกไปทางใต้ !! เธอรู้มั๊ยว่าทั้งเดือนนี่ชั้นซัดกับไอ้พวก Rippers มาตลอดอยู่แล้วนะ เธอไม่ควรไปเชื่อที่คนอื่นเขาพูดกันนะ
Rikki – ตอนนี้นายพูดเหมือนไอ้ Skizzo เป๊ะเลย Skizzo มันตั้งใจให้นายทำเรื่องนี้มันเลยบอกเรื่องจุดเครื่องบินตกให้นายรู้
Deacon – ฮ่าๆ เยี่ยม ตอนนี้เธอคิดว่าชั้นเป็นคนใช้ของ Skizzo ไปแล้วหรอเนี่ย? 
Rikki – อ้าว ไม่ใช่หรอ? แล้วนายมาที่นี่ทำไม?
Deacon – มาตามหาพวก Drifter ที่มาจาก Copeland Camp ก็อย่างที่เธอบอกนั่นแหละ มันไม่ใช่ความลับอะไรใหญ่โตซะหน่อย 
Rikki – อ่อหรอ? Skizzo ก็พยายามจะสู้กับพวก Rippers มาเกือบเดือนแล้วเหมือนกัน แล้วตอนนี้มันก็โชคดีที่นายมาจัดการให้มันจนหมด 


Rikki –  ..เออ ชั้นถามไรเรื่องนึงสิ 
Deacon – ใครอุดปากเธอไว้ล่ะ 
Rikki – ตอนที่ชั้นเจอนายครั้งล่าสุดเมื่อฤดูหนาวที่แล้ว นายด่า Iron Mike ว่า ไปตายห่าซะ! เพราะเขาไม่ยอมจ่ายนายที่นำผู้รอดชีวิตมาให้
Deacon – ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย 
Rikki – ชั้นจำได้แม่นเลย Iron Mike บอกว่าที่เขาไม่จ่ายก็เพราะ เขาไม่ใช่พ่อค้าทาส !
Deacon – เราไม่เคยบังคับจิตใจใครหรอกนะ อยากไปไหนก็แล้วแต่เขา
Rikki – แล้วกับ Tucker ล่ะ? เหมือนกันมั๊ย? ...นายไม่เคยคิดเลยหรอว่า เวลานายทำงานอะไรกับใครแบบจริงๆจังๆซักคน ที่อาจต้องหิวโหยหรืออดหลับอดนอนหลายวัน จนมาถึงที่พวกเขาต้องตัดสินใจไม่ยุ่งกับคนอย่างนาย นายคิด พวกเขาไม่มีทางอื่นเลือกงั้นหรอ? แต่นายก็ทำกับที่ Hot Spring เหมือนกัน เพื่อเครดิตของแค้มป์เล็กๆน้อยๆแค่นั้นเอง ทุกคนมีทางเลือกของตัวเองเสมอ Deacon  ..พวกเรารับคนจำนวนมากเข้ามาที่แค้มป์พวกที่ด้อยโอกาสแม้เขาจะทำงานให้เราไม่ได้ นายควรจะดีใจนะที่ Iron Mike เขาไม่ใช่คนแบบนาย ! 


Deacon – Boozer นายเป็นอะไร !!!
Addy – คุณมานี่ มาช่วยกันจับเขาหน่อย 
Deacon – หมอจะทำอะไรเขา ! จะทำอะไรกับเขา !!?
Addy – ฟังนะ เราจำเป็นที่ต้องทำแบบนี้ และต้องทำมันเดี๋ยวนี้เลย !!
Boozer – ไม่ๆๆ อย่าให้เขาเอามันไปจากชั้นนะ !!
Deacon – เดี๋ยวๆ ต้องการทำอะไร?? ... โอ้ ไม่ ไม่ๆๆๆ ไม่มีทางคุณจะทำแบบนั้นก็เขาไม่ได้นะ !!
Addy – Deacon ฟังนะ !! ฟังชั้นก่อน ยาฆ่าเชื้อนะช่วยชีวิตเขาได้แต่ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนในโลกที่จะช่วยแขนเขาได้หรอกนะ !! ชั้นต้องการให้คุณมาช่วยชั้นเดี๋ยวนี้เลย หรือ นายจะยืนดูเพื่อนนายตาย ก็ตามใจ 
Deacon – โอเค ก็ได้ๆๆ 



Deacon – เฮ้เพื่อน ใจเย็นๆนะ อยู่กับชั้นเพื่อน ชั้นต้องการให้นายอยู่กับชั้น !!
Addy – จับเขาไว้นะ จับไว้แน่นๆเลย 
Boozer – อ๊ากกกก !!! 
Deacon – เลือดเขาออกมาเกินไป คุณต้องหยุดแล้วหมอ !! 
Addy – หยิบผ้าพันแผลให้หน่อยเร็ว !! 
Deacon – เฮ้ Boozer สู้หน่อยเพื่อน !!
Addy – จับเอาไว้สิ !!!  
Deacon – นายจะไม่เป็นไรเพื่อน !!  ...จะให้ผมจับตรงไหน ??
Addy – จับตรงนี้ เลิกโวยวายได้แล้ว Deacon แล้วจับให้แน่นๆ !!
Deacon – ผมก็พยายามจับอยู่เนี่ย !!


Addy – เธอทำได้ดีมากเลยนะ Rikki 
Rikki – สมัยตอนที่ชั้นยังเรียนมัธยมชั้นเคยคิดว่า อืมม จะเรียนด้าน วิศวกรเครื่องกล หรือ ศัลยแพทย์ ดีน้า ชั้นว่าน่าจะเรียนด้าน ศัลยแพทย์ ท่าจะรุ่งนะเนี้ย 
Addy – แล้วนายน่ะ ... นายรู้มั๊ยวันนี้นายเพิ่งช่วยชีวิตเพื่อนของนายเอาไว้นะ 
Deacon – ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นเขาในสภาพแบบนั้นเลยจริงๆ  กลัวเขาจะรับไม่ได้ที่ ..
Addy – แต่ชั้นคิดว่าเดี๋ยวเขาก็รับได้นะ เดี๋ยวชั้นจะทำ IV drip เพื่อให้สารอาหารและวิตามินทางสายน้ำเกลือด้วย และคุณรู้มั๊ย ชั้นไม่รู้หรอกว่าพวกคุณไปทำอะไรมาและไม่อยากจะรู้ด้วย แต่สิ่งที่ชั้นทำมันก็ช่วยชีวิตคนเอาไว้มากมาย มากมายหลายชีวิตเลยล่ะ Deacon St. John 
Rikki – เดี๋ยวชั้นไปช่วย Addy ก่อนนะ Deek



Iron Mike – Deacon แกออกมานี่หน่อยสิ !! ... Boozer รอดมั๊ย?
Deacon – ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ..
Iron Mike – พวก Rippers มันเห็นแก แล้วตามแกมาที่นี่ด้วย !! และถ้า Carlos มันรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ มันตามมาคิดบัญชีแน่ รับรองมีปัญหาตามมาแน่นอน !! 
Deacon – ก็ช่างแม่ง Carlos มันสิ !! 
Iron Mike – แกกำลังเขียนเช็คด้วยเลือดของคนอื่น !!!! ชั้นหวังว่าแกคงจะภูมิใจกับสิ่งที่แกทำนะ !! 



                                         Skizzo – นายทำสิ่งที่ต้องทำ ..ชั้นรู้ 


ในขณะที่กำลังขี่รถออกจาก Lost Lake Camp Rikki จะติดต่อมาขอให้มาช่วยงานของเธอ จากนั้นเดินทางไปรับงานจากเธอได้ที่อู่ซ่อมรถใน Lost Lake Camp ได้เลย


                                  Camp Mission - BOUNTY HUNTER 

                                                  GOODAME WAR ZONE



Rikki – ไง Deek นายจำ Shane Riley ได้มั๊ย? ที่ใครๆเรียกว่า RED น่ะ 
Deacon – Red Riley หรอ อืมม ไม่เคยได้ยินชื่อมันเลยนะ ถ้าให้เดา มันผมแดงใช่มั๊ย?
Rikki – มันไม่ได้ผมแดง รองเท้ามันต่างหากที่แดง มันชอบใส่รองเท้าหนังงูสีแดงเป็นประจำ มันคงอยากเด่นกว่าคนอื่นมั้ง แต่ช่างเถอะ คือ เมื่อก่อนมันเคยทำงานให้เรา แต่ไม่พอใจเรื่องเครดิตค่าตอบแทนต่างๆที่เราจ่ายให้ มันเลยฆ่า Lindsey Fuiler ที่ทำงานในคลังเสบียงของเราจนตาย แล้วหนีออกจากแค้มป์
Deacon – เดี๋ยวนะ แม่งฆ่าผู้หญิงมือเปล่าเนี่ยนะ ?
Rikki – เปล่า เธอเองก็มีอาวุธแค่เธอไม่ทันตั้งตัว มันยิงหน้าเธอแบบเผาเขาเลย  ฆ่าเธอเสร็จก็ขนเสบียงไปจนหมดกว่าจะมีคนรู้มันก็หนีไปไกลแบบไร้ร่องรอย จนถึงตอนนี้ สายของเรารายงานว่าเห็นมันกับพวกที่ Camp Pioneer เมื่อเร็วๆนี้ นายจะรับงานไปจัดการมันหน่อยได้มั๊ย?
Deacon – ได้สิ ไม่มีปัญหา ว่าแต่เธอพอจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับมันเพิ่มอีกได้รึเปล่า
Rikki – ชั้นเองก็รู้ไม่มากหรอก ... อ่อ .. มันชอบยาสูบ ชั้นได้ยินว่ามันติดบุหรี่มากชนิดที่ไปไหนมาไหนก็ทิ้งก้นบุหรี่ไปทั่วเลย
Deacon – ไอ้นี่แม่งน่ารังเกลียดจริงๆเลย โอเค ตอนนี้ชั้นมีเหตุผลสองข้อแล้วที่อยากจะฆ่ามัน
Rikki – ระวังตัวด้วยนะ Deek 

    

      จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ CAMP PIONEER





Camp Pioneer ก่อตั้งขึ้นในปี 1936 โดยสมาชิกสภาแคสเคดแปซิฟิกแคปมอนโรและกลุ่มลูกเสือ Eagle Scouts จากกองทหารในอัลบานี รัฐออริกอน ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่รกร้างที่ฐานของภูเขาเจฟเฟอร์สัน ในปี 2002 ต้องปิดแค้มป์ช่วงคราวเนื่องกรมป่าไม้ขอใช้พื้นที่เป็นศูนย์บัญชาการในการควบคุมไฟป่าที่กำลังเกิดขึ้น


ปี 2003 แค้มป์ก็เกิดวิกฤติไฟไหม้ครั้งใหญ่อีกครั้งซึ่งเป็นไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่สุดของ Oregon  ที่เรียกว่า  B&B Complex fires หรือไฟป่าที่มีการลุกไหม้แยกเป็นสองทางในวันเดียวกัน


และสุดท้ายก็มารวมกันเผาไหม้ป่ากินพื้นที่ไปถึง 90,769 เอเคอร์ แต่สุดท้ายทีมนักดับเพลิงก็ควบคุมเพลิงได้ในที่สุดโดยต้องใช้เวลาในการดับถึง 35 วัน และเปิดใช้งานมาถึงปัจจุบันในชื่อ Camp Pioneer CPC ที่ให้บริการเป็นค่ายฤดูร้อนของนักเรียนนักศึกษาและเป็นศูนย์ฝึกทักษะลูกเสือที่มีกิจกรรมให้เรียน
รู้มากมาย


https://en.wikipedia.org/wiki/Camp_Pioneer_(Oregon)
https://wikivisually.com/wiki/Camp_Pioneer_(Oregon)


ในพื้นที่ของ CAMP PIONEER ตอนนี้กำลังเป็นพื้นที่การต่อสู้ระหว่างพวกคนของ Red Riley และ Freaker ที่บุกเข้ามา จึงต้องพยายามหลบพวกมันทั้ง 2 ฝ่ายให้ดีไม่งั้นจะโดนโจมตีทั้งสองทาง


เข้าไปยังจุดวงกลมสีฟ้าในแผนที่มองหาจุดเบาะแสแรกที่เป็นจุดที่พบก้นบุหรี่มากมายบนโต๊ะ แล้วแกะรอยตามไปที่จุดสีฟ้าที่เป็นเบาะแสต่อไปเรื่อยๆจนถึงอาคาร ศูนย์ประชาสัมพันธ์ CAMP PIONEER



เข้าไปเก็บกุญแจที่วางอยู่บนเค๊าทเตอร์ชั้นล่างของอาคาร แล้วมุ่งหน้าไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามกับ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ CAMP PIONEER ทางซ้ายของประตูทางเข้าด้านหน้า



 จะพบเป้าหมายของภารกิจคือเจ้า Red Riley และพวกของมันอยู่ในอาคาร Counselor ใช้กุญแจไขเข้าไปแล้วจัดการ Red Riley (ตัวที่ใส่รองเท้าสีแดง) แล้วกลับไปรายงานกับ Rikki ก็จะจบภารกิจนี้


                      STORYLINE – I REMEMBER


                            Story Mission: HE’S FULL OF CRAP


  เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจที่ ค่ายผู้ลี้ภัยของ NERO เพื่อเข้าไปที่หลุมศพของซาร่าห์อีกครั้ง


Deacon – ไง .. ผมอีกแล้วนะ .. ตอนนี้ผมเอา Boozer ไปรักษาตัวที่ Lost Lake แล้วนะ และ .. ผมรู้ ผมรู้ ผมเคยบอกคุณว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว ตั้งแต่ Iron Mike เกือบจะบีบคอชั้นจนตาย แต่ มันไม่มีทางเลือกจริงๆ ก็ Boozer .. ผมทนเห็นเขากำลังจะตายไม่ได้ ถึงเขาจะดึงดันว่าไม่อยากจะกลับไปที่นั่นอีก แต่ให้ตายเถอะ ผมก็ไม่อยากกลับไปเหมือนกัน แต่ ก็อยากที่ผมบอก ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ สำหรับเราในตอนนี้ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว สุดท้ายเขาก็ต้องเสียแขน แต่เขาต้องติดแหงกอยู่ที่นั่น ผมหมายถึงเราต้องติดแหงกอยู่ที่นั่น ...ไอ้บ้า Skizzo ก็ คุณรู้มั๊ย ผมจำไม่ได้ว่าผมเคยเล่าเรื่องไอ้ตัวตลกนี่ให้คุณฟังมั๊ย แต่มันคือไอ้ห่วยแตกคนเดียวที่ดีใจกับโลกที่กำลังพังทลายแบบนี้ ฮ่าๆ มันบอกว่ามันเคยมีแก็งค์ของตัวเองด้วยนะ ใน Sacramento หรือ Fresno ยังไงนี่แหละ ผมจำไม่ค่อยได้และ  แต่มันบอกว่ามันไม่ใช่คนแถวนี้ แต่เอายากับอาวุธจาก California มาที่ Oregon จากนั้นทุกอย่างก็ฉิบหายไปหมด แต่รู้มั๊ย ผมว่าแม่งโม้ เพราะมันดูเหมือนไอ้เด็กน้อยเห่อหมอยเพิ่งอย่านมแม่อะไรแบบนั้นมากกว่า .. คุณรู้มั๊ย ในวันๆนึงผมทำอะไรหลายอย่างเหมือนทำเป็นอาทิตย์เลยอ่ะ  นั่นเป็นเกมสุดท้ายที่ดีที่สุดที่ผมกับ Boozer เล่นกันก่อนจะซิ่งออกจาก Lost Lake เราเรียกเกมนี้ว่า .. คุณเป็นใคร? ...คือ เวลาเรามองดูใครซักคนเราจะมานั่งทายกันว่าไอ้หมอนี่ก่อนที่โลกจะฉิบหายวายป่วงแบบนี้ เมื่อก่อนมันเป็นใคร? ฮ่าๆ ...ส่วนใหญ่ผมก็เจอแต่พวกติดยา พวกอดีตคนคุก อ่า ไม่มีนักบัญชีเลยซักคน ..มันก็ชัวร์ล่ะ คุณคงจะบอกแบบนั้นอ่ะนะ  .. ในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากที่ทุกอย่างจะพังพินาศเละเป็นขี้แบบนี้ ไม่มีทางเลยที่พวกนักบัญชีหรือพวกพนักงานออฟฟิคนไหนที่จะมีชีวิตรอดกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ แน่นอน ไม่รู้นะ บางทีผมว่า Skizzo มันอาจพูดจริงก็ได้ ผมไม่เสียใจเลยที่คุณพลาดเรื่องบ้าๆพวกนี้ไป .. ไม่เสียใจซักนิดเลย ยังไงซะ ผมกับ Boozer เราตั้งใจจะซิ่งขึ้นเหนือกัน เพื่อไปจากที่บ้าๆนี่ซะที แต่ มันคงจะไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก หรือ บางทีเราอาจไม่ได้ไปเลยก็ได้ ..แต่ เฮ้ ฮ่าๆ มองโลกในแง่ดี ดูเหมือนผมคงจะติดแหงกอยู่ที่นี่กับคุณต่อไง .. โอเค วันนี้คงเท่านี้แหละ เอาไว้เจอกันใหม่นะ ..


                        Story Mission: IT’S ON A MISSION


 เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจเพื่อแกะรอยทีมสำรวจของ NERO ให้กับ O’Brian ทางทิศใต้ของ Lost Lake Camp


Deacon – O’Brian ชั้นมาถึงที่จุดสัญญาณที่นายส่งให้แล้วนะ 
O’Brian – จุดไหนล่ะ?
Deacon – จุดไหนเนี่ยนะ? วิทยุของ NERO ไม่มี GPS หรือไงวะ !
O’Brian – แน่นอน มีสิ กำลังดูอยู่  อ่า นายอยู่ที่ เอ่อ ... Olallie Falls โอเค ดีมาก เอาล่ะจับตา ฮ. ของทีมกำลังจะผ่านไปทางนั้นในอีกไม่กี่นาทีนะ ... เลิกกันแค่นี้นะ
Deacon – โธ่ ไอ้บ้าเอ้ย  O’Brian !!  ..เพื่อนนายมานั่นแล้ว 
O’Brian – ผมบอกแล้วไงพวกมันไม่ใช่เพื่อนผม โอเค เดินทางตามมันไปที่จุดลงจอดก็แล้วกัน 
Deacon – เออๆ รู้แล้วน่า แล้วนายต้องการให้ชั้นทำอะไร? ลอบเข้าไปเก็บข้อมูลเหมือนเดิมใช่มั๊ย? 
O’Brian – ไม่ต้อง อันนี้ผมตามรอยมันได้แล้ว คุณแค่ลอบสะกดรอยตามนักวิจัย เธอกำลังเข้าไปสำรวจจุดติดเชื้อที่มีซากของ Freak ในถ้ำ
Deacon – นี่นายจะให้ชั้ยลอบตามพวก Nero ที่อาวุธครบมือเข้าไปในถ้ำเนี่ยนะ 
O’Brian – เข้าไปใกล้ๆตัวนักวิจัยเอาไว้ให้ได้ระยะและนานพอที่ผมจะโหลดข้อมูลเก็บไว้ได้ก็พอ แล้วก็ ไม่ต้องถาม ผมกำลังหาข้อมูลของซาร่าห์ให้คุณอยู่ 

จากนั้นลอบหลบทหารของ NERO ที่อยู่หน้าถ้ำด้วยการใช้พุ่มไม้ระหว่างทางพรางตัวเพื่อเข้าไปในถ้ำ แล้วตามติดนักวิจัยที่อยู่ด้านในถ้ำเพื่อแอบฟังแล้วรอให้ O’Brian โหลดข้อมูลจนเสร็จ


Cpl. Franklin – นี่ ด็อก ผมยังไม่ได้รับเลย
Lt. Booth – ได้รับอะไรหรอ?
Cpl. Franklin – รายงานทั้งหมดของพื้นที่ Stage 1 – 3 
Lt. Booth – หมายความว่าไง?
Cpl. Franklin – ผมหมายถึง เรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดจากไวรัสใช่มั๊ย? 
Lt. Booth – ก็ไม่เชิง มันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น ตอนนี้ให้ชั้นหาข้อมูลต่อก่อนนะ 
Cpl. Franklin – ผมรู้ ผมมันแค่ทหารราบธรรมดา ก่อนที่เกิดเรื่องพวกนี้ผมก็เคยศึกษาเอกชีววิทยานะ  ผมก็พอรู้เรื่องเกี่ยวกับชีวะวิทยาอยู่เหมือนกันครับ



Lt. Booth – จริงหรอ? .. ตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรแน่ชัด แต่ตัวอย่างเลือดที่เป็น หลักฐานปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าไวรัสแพร่กระจายผ่านระบบน้ำเหลือง สืบพันธ์แล้วแพร่กระจายโจมตีเซลล์ต่างๆในร่างกายในระดับหายนะ คล้ายกับเซลมะเร็ง ลองดูพวกเขาทุกคนสิ ดูเหมือนมะเร็งสำหรับพวกเรารึเปล่า 
Cpl. Franklin – ผมว่ามันอาจจะแย่กว่าอีกนะ 
Lt. Booth – ไม่ๆ มันมีบางอย่างที่มากกว่านั้น ไวรัสที่เราเจอที่นี่ พวก Freak เป็นอย่างที่มันเป็นก็เฉพาะไวรัสต้องการให้มันเป็น 
Cpl. Franklin – หมายความว่ายังไง?
Lt. Booth – ให้ตายสิ แล้วที่ชั้นพูดมันหมายถึงอะไรล่ะ?
Cpl. Franklin – ฝีมือผู้ก่อการร้ายหรอ?  คุณหมายความว่าเรื่องบ้านี่มีคนตั้งใจทำให้เกิดขึ้นงั้นหรอ?
Lt. Booth – ชั้นก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน 

เมื่อซุ่มแอบฟังนักวิจัยของ NERO จน O’Brian สามารถบันทึกไว้อย่างครบถ้วนแล้วก็ลอบย้อนออกจากถ้ำกลับมาที่รถมอไซด์ได้เลย


Deacon – พวกมันทำอะไรกันแน่วะ O’Brian ? ชั้นอยากรู้ว่ามันออกมาข้างนอกนี่เพื่อทำอะไรกันแน่ พวกแกกำลังทำอะไรกันอยู่แน่วั O’Brian ? .... O’Brian !!!
O’Brian – แล้วผมจะติดต่อไปใหม่นะ เลิกกัน 
Deacon – แมงเอ้ย กูละเบื่อที่ต้องทำงานกับไอ้หมอนี่จริงๆเลยว่ะ !


         STORYLINE – EARNING OUR KEEP 


                Story Mission: FLOW LIKE BURIED RIVERS


               เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจเพื่อคุยกับ Iron Mike ที่ Lost Lake Camp



Iron Mike – ไง Deek 
Deacon – คือ ผมคิดถึงเรื่องที่คุณเคยพูดเกี่ยวกับ การทำตัวให้เป็นทำประโยชน์ให้แค้มป์ 
Iron Mike – ชั้นฟังอยู่
Deacon – คืองี้ คุณพอจะมีเวลาซักเดี๋ยวมั๊ย มากับผมหน่อย ผมมีอะไรจะให้ดู 
Iron Mike – ได้สิ น่าจะพอมีเวลาให้นายซัก 1 หรือ 2 นาที .... ตกลงนี่นายจะพาชั้นไปไหน?
Deacon – คุณเคยขึ้นไปที่ถ้ำทางเหนือของทะเลสาบบ้างมั๊ย?
Iron Mike – เคยสิ มาเถอะ ดูสิว่านายจะตามชั้นทันมั๊ย
Deacon – โอเค ไปกัน 



Iron Mike – เช้านี้ชั้นมีหน้าที่ที่ต้องออกไปเช็คดูว่ามี Freaks มาติดโคลนรึเปล่า 
Deacon – คุณขึ้นไปบนถ้ำนั่นครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมือไหร่
Iron Mike – เกือบปีแล้วมั้ง ตอนเด็กๆชั้นเราเคยอาศัยในถ้ำนั้นด้วยนะ .. Sorta พ่อของชั้นเคยฝันไว้ว่าอยากเป็นนักธรณีวิทยา  ...ดูสิ ไอ้พวก Freak มาติดโคลนอยู่ที่นี่จริงๆด้วย 
Deacon – เดี๋ยวผมจัดให้ !
Iron Mike – เยี่ยมมาก .. สงสัย Skizzo จะได้คนงานใหม่ที่เหมาะกับงานนี้แล้ว 
Deacon – คุณรู้มั๊ยว่า Skizzo มันก็ทำได้ 
Iron Mike – ก็นะ อย่างที่ชั้นเคยบอกนั่นแหละ เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการคุยว่าถ้ำเหล่านี้ก่อตัวขึ้นได้ยัง เมื่อลาวาไหลจะแข็งตัวที่ด้านนอก แต่แกนหลอมเหลวจะยังคงไหลเหมือนแม่น้ำ จากนั้นคุณก็จะได้ถ้ำใหญ่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่าง Metolius ขึ้นมา บลาๆๆ  แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ มันทำให้ในพื้นที่นี้เต็มไปด้วยรูพรุนใต้ดินเต็มไปหมด 
Deacon – โอเค เราวิ่งขึ้นไปบนถนนดีกว่า จะได้มีเสียงน้อยหน่อย 


Iron Mike – พระเจ้า !! นายพาชั้นออกมาข้างนอกนี่เพื่อดมกลิ่นไอ้ Freak บ้าพวกนี้อ่ะนะ !!?
Deacon – เออน่า เอาล่ะ มาเถอะ ตามมันไปต่อ 
Iron Mike – ดะ เดี๋ยววๆ ตามมันไปเนี่ยนะ !! ตกลงเราจะไปที่ไหนกันแน่เนี่ย?
Deacon – เดี๋ยวคุณก็เห็นเอง มาเถอะ ก้มต่ำๆเอาไว้นะ 

       

Iron Mike – นี่ตกลงเรามาทำบ้าอะไรกันแน่เนี่ย Deek ? นี่ดูเป็นการทำที่ไม่ฉลาดเลยนะ แม้จะเป็น Drifter ก็เถอะ 
Deacon – คุณจำที่คุณเล่าเรื่องนักท่องเที่ยวที่เคยเจอกับน้ำท่วมที่ California ตอนฤดูร้อนได้มั๊ย 
Iron Mike – จำได้ ตอนเดือน มิ.ย ชาวบ้านได้กลิ่นไม่ค่อยจะดีเหมือนกับ Freaker ที่นี่เลย 
Deacon – คุณเข้าใจผิดไปเรื่องนึง ก็เพราะนั่นคือ Freaker กลุ่มใหญ่ด้วย หรือที่บางคนเรียกว่า ฝูง น่ะ ผมคิดว่ามันคือเหตุผลที่เราไม่สามารถลดจำนวนของพวกมันได้เลย
Iron Mike – นายหมายความว่าไง?


Deacon – ลองคิดดูดีๆสิ เราออกมาที่นี่เพื่อล่าพวกมันมาเป็นปีๆแล้ว ทั้ง Boozer , Rikki , Skizzo คุณคิดว่าเราฆ่า Freake กันไปเท่าไหร่แล้ว?
Iron Mike – ก็นิดหน่อย 
Deacon – ใช่ แค่นิดหน่อย แถมมันก็ไม่เคยลดจำนวนลงเลยด้วย 
Iron Mike – ประเด็นคือ 
Deacon – ก็กลุ่มนี้ ทุกคืนมันจะขึ้นลงตามถนนเส้นนี้เป็นประจำ Freak เป็นพันๆตัว จาก Lost Lake จนถึงด้านเหนือของ Cascades 
Iron Mike – นายคิดว่าพวกมันมาจาก California งั้นหรอ ? ถนนมันปิดไม่ใช่หรอ ไม่มีใครจากทางใต้ของ Santiam ผ่านมาได้เป็นปีๆแล้วนะ 
Deacon – Freaks แค่ตัวสองตัวมันก็มาไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นฝูง ไม่มีถนนไหนปิดสำหรับพวกมันแน่นอน เอาล่ะ ประเด็นที่ผมพยายามจะบอกคือ ถ้าฝูงของพวกมันมาที่นี่ในทุกๆคืนแล้วเราก็หยุดมันไม่ได้ด้วย 
Iron Mike – นายมั่นใจมากเลยใช่มั๊ย ที่ผ่านมาเราเสียคนไปกับการที่พยายามจะทำแบบนี้มาแล้วนะ 
Deacon – ผมรู้ ผมก็เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน .. และทุกๆคนที่ฝูงของมันผ่านที่นี่ไปก็จะทิ้งพวกที่หลงทางเอาไว้บางส่วน เหมือนกับเป็นการแพร่เชื้อของพวกมันไปในตัว ก่อให้เกิด Freak ใหม่ๆไปทั่วสุดลูกหูลูกตา เราต้องหาวิธีหยุดไอ้ฝูงที่ผ่านไปมาตามทางนี้ และ บางทีเราต้องใช้ไม้หนักที่จะลดจำนวนของพวกมันลง 
Iron Mike – เอาที่มันไม่ต้องเสี่ยงมากด้วยล่ะ เราจะได้พื้นที่ทำฟาร์มมากขึ้นรวมทั้งการชลประทานด้วย
Deacon – ใช่ 
Iron Mike – เอาล่ะ โอเค แล้วเราจะทำอะไรกับมันได้? แล้วนายรู้มั๊ยว่านายไม่สามารถรับมือกับ ไอ้พวกที่แกเรียกมันว่าอะไรนะ... ฝูง... หรอ


Deacon – นี่ไงล่ะวิธี 
Iron Mike – ไอ้พวกบ้าเอ้ยย ...
Deacon – แล้วพวกมันก็จะอยู่ในนี้กันทั้งวันด้วย จำศีลหรือห่าอะไรที่พวกแม่งทำกันนั่นแหละ 
Iron Mike – แล้วนายคิดจะทำยังไงกับมัน 
Deacon – ระเบิดปิดโพรงแม่งให้หมดไง เอาระเบิดไดนาไมท์ติดตรงนั้น ตรงนั้นแล้วก็ตรงนั้น จากนั้นก็ระเบิดพร้อมๆกัน หินจากภูเขาด้านบนก็จะตกลงมาปิดถ้ำของพวกมัน 
Iron Mike – ก็ดีนะ แต่เราก็แค่ทำให้ไอ้พวก Freak แค่พันตัวมาติดกับดักแล้วมันจะช่วยอะไรได้ พวกมันมีอีกเพียบ 
Deacon – ไม่ๆๆ คุณยังไม่เข้าใจ ถ้าเราปิดปากถ้ำได้ พวกมันก็จะไม่มีนอนพักตอนกลางวัน พอที่นี่ไม่มีที่พักพวกกลุ่มอื่นๆมันก็จะไม่มาอีก 
Iron Mike – เอาล่ะ นายทำให้ชั้นเริ่มสนใจแล้ว โอเค มาเถอะ กลับแค้มป์กัน 


Iron Mike – บอกหน่อยสิ นายเริ่มที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Freak ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? นายว่างมากจนสามารถตามพวกมันไปทุกทีเพื่อดูพฤติกรรมของมันเลยหรอ? 
Deacon – ก็ไม่เชิงครับ 
Iron Mike – แล้วนายรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ไง ? ว่าพวก ฝูง มันทำอะไร นอนที่ไหน? 
Deacon – เมื่อหลายวันก่อน ตอนผมขี่ตามเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปทางเหนือของ Belknap Crater 
Iron Mike –เฮลิคอปเตอร์ไหนอีก?
Deacon – ก็เฮลิคอปเตอร์สีดำของพวก NERO ที่เราเห็นบินไปทั่วนั่นแหละ ผมตามมันไปแล้วขโมยวิทยุของพวกมันมาเพื่อใช้ตามรอยของพวกมันต่อ เผื่อมันจะมีฐานอยู่แถวๆนี้อาจมีเสบียงที่สามารถขโมยมันได้ ให้ตายสิ ถ้ายังมีพวก FBI อยู่ พวกเขาต้องออกมาทำงานเต็มไปหมดเพื่อศึกษาพวก Freak พวกเขามีทรัพยากรมากพอที่จะทำแบบนั้นได้ ในขณะที่เราก็แค่ออกมาข้างนอกนี่ด้วยความหิวโหยและต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดแค่นั้น ..ผมตามพวก NERO มาถึง Grotto Caves แล้วพวกมันก็ใช้เครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อนับจำนวนของพวก Freak ที่นอนอยู่ในถ้ำในตอนกลางวัน นับได้เป็นพันๆตัวเลย แล้วพวก NERO ก็บอกอีกว่าพวก Freaks ทั้งฝูงขึ้น ลง ระหว่าง Cascade rang  ทางใต้ของ Crater Lake และทางเหนือของ Smith Rock โดยใช้ถ้ำนั่นในการจำศีลในตอนกลางวัน 


Iron Mike – เฮ้ แผนของนายก็เจ๋งดีนะ แต่ มันต้องใช้ระเบิด TNT จำนวนมากเลยนะ 
Deacon – คุณบอกว่าอยากจะให้ Lost Lake เป็นที่ปลอดภัยไม่ใช่หรอ? นี่ไงล่ะ โอกาสมาถึงแล้ว 
Iron Mike – เฮ้ออ ก็ได้ ก็ได้ ฟังนะ ชั้นมีบางอย่างต้องไปทำก่อน แล้วซักพักค่อยไปเจอกันที่ทางออกนะ ชั้นพอจะรู้แล้วว่าจะไปหาระเบิดได้ที่ไหน 


                 Story Mission: YOU SEE WHAT THEY DID


หลังคุยกับ Iron Mike จบ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปพบกับเขาที่หน้าทางออกของแค้มป์ก่อนที่ทั้งคู่จะขี่รถไปพร้อมกัน


Iron Mike – นายพร้อมแล้วนะ ตอนนี้ถึงเวลาที่นายต้องเชื่อใจชั้นบ้างแล้วล่ะ
 เป้าหมายคือสถานที่ที่ Iron Mike หวังเอาไว้ว่าจะหาระเบิด TNT ได้ในจำนวนที่มากพอที่จะทำตามแผนของ Deacon ที่ต้องการระเบิดถ้ำ ปิดรังใหญ่ของ Freaker



Deacon – โอเค แล้วตกลงเราจะไปไหนกันหรอ?
Iron Mike – นายรู้มั๊ยว่าพวกเขาขุดทำเหมืองจนพรุนไปจนทั่วพื้นที่เนี่ยเพื่อหาอะไร?
Deacon – ไม่รู้สิ เอ่อ ปรอท หรืออะไรซักอย่างเนี่ยแหละ 
Iron Mike – ใช่แล้ว ซินนาบาร์ พวกเขาสกัดสารปรอทจาก ซินนาบาร์ บางคนคิดว่ามันเป็นเหมืองทองหรือเงินซึ่งมันไม่ใช่ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1900 ซินนาบาร์ มีค่ายิ่งกว่าทองซะอีก ! และในการระเบิดทำเหมือง นายก็ต้องการระเบิด TNT ในการระเบิดเปิดอุโมงค์ใหม่ๆ ซึ่งการรจะเป็นเจ้าของระเบิด TNT ได้ต้องทำการลงทะเบียนกับทางรัฐก่อน เฉพาะผู้ได้รับมอบหมายเท่านั้นถึงจะได้กุญแจสำหรับเปิดกล่องใส่ TNT 
 Deacon – เดี๋ยวนะ แล้วไอ้สำนักงานศาลของรัฐนี่มันอยู่ตรงไหนหรอ? 
 Iron Mike – นึกว่านายรู้แล้วซะอีก ก็อยู่ในตึกทำงานเก่าของรัฐบาลกลางไง 



Deacon –ตึกทำงานเก่าของรัฐบาลกลางที่ Sherman Camp อ่ะนะ !! พระเจ้า 
Mike อย่าบอกนะว่าคุณจะเข้าไปที่นั่นอีกน่ะ ไหนคุณบอกจะไม่ไปที่นั่นอีกแล้วไง !!!
Iron Mike – ชั้นบอกงั้นหรอ จำไม่ได้แฮะ
Deacon – ก็ตอนนั้นคุณเมาหนักหลังจากที่ Joe ถูกฆ่าตายไงล่ะ 
Iron Mike –  แล้วชั้นเคยบอกมั๊ยว่าทำไม? ... เอาล่ะ เลี้ยวขวาตรงนี้เลย !!
Deacon – ไม่ คุณไม่เคยบอก  
Iron Mike –  เอาล่ะ ถึงแล้ว !!



Deacon – Mike คือ ที่นี่ไอ้พวกนั้นเพียบเลยนะ ผมว่าน่าจะไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกนะ  
Iron Mike – อากาศดีแบบนี้ เราน่าจะปลอดภัยจากพวกมันน่า เอาล่ะ นั่นไง ตึกทำงานของรัฐบาลกลางที่เรากำลังจะไปกัน 



Iron Mike –  ตามชั้นมาพยายามอยู่นอกตึกเข้าไว้ก็แล้วกัน เราต้องไปทางนี้ก่อน
 Deacon – เราจะไปไหนอีก?
Iron Mike –  ตามชั้นมาเถอะน่า เราจะไปเอากุญแจตึกจากพวกคณะกรรมาธิการก่อน 
Deacon – แล้วคุณรู้หรอเขาอยู่ที่ไหน? หมายถึงศพของเขาน่ะ อยู่ที่ไหน?
Iron Mike – รู้สิ ... หวังว่าอ่ะนะ นายเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่รึเปล่า ?
Deacon – เคยสิ ทุกคนที่นี่ถูกสังหารหมู่ ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก มีแค่ไม่กี่คนที่หนีออกไปได้ คุณก็คือหหนึ่งในนั้นไม่ใช่หรอ? 
Iron Mike – มีแค่ 2 คนที่รอดไปได้ ชั้นกับ Nora ....แล้วก็ไม่ใช่พวก Freak หรอกนะที่ช่วยให้เราหนีไปได้ เอาล่ะ ถึงแล้ว 


Deacon – พระเจ้า นี่มันเกิดบ้าอะไรที่นี่อ่ะ Mike ?
Iron Mike – 2 อาทิตย์หลังจากกระสุนของพวกเราหมดแล้ว ทั้งสองฝ่ายพักรบแล้วมาประชุมกันที่นี่ เรารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้ และเราก็เตรียมพร้อมเท่าที่จะทำได้ สู้ตาย ... แม้จะไม่ได้นานนัก และก็ไม่ได้ดีนักด้วย พวกเขาใช้พระสุนจนนัดสุดท้ายแล้วจากนั้น ... ให้ตายเถอะ นายดูเอาเองแล้วกัน อย่างที่ชั้นบอก มีแค่สองคนที่เดินออกจากเมืองนี้หลังจากทุกอย่างจบลงแล้ว วันนึง ถ้าอธิฐานได้  ชั้นก็ไม่อยากจะเป็นแบบคนพวกนี้เลยจริง ๆ ศพของคณะกรรมาธิการอยู่ที่นั่น ที่ใส่สูทน่ะ  ไปเอากุญแจมาแล้วไปจากที่ห่านี่กันซักที !



Deacon – คุณพาผมมาด้วยก็เพราะอยากให้เห็นสิ่งนี้อ่ะหรอ?
Iron Mike – ไม่ใช่หรอก เอาล่ะ ได้กุญแจมาแล้วนะ ไปต่อที่ตึกนั่นกันและหวังว่าคงจะมี TNT เหลืออยู่มากพอนะ รับรองชั้นจะระเบิดปิดถ้ำแม่งให้หมดทั้งภูเขาเลยคอยดู แต่นายพูดถูกอย่างนึง ชั้นไม่เสียใจหรอกที่พานายมาเห็นสิ่งนี้ 
Deacon – ผมไม่ได้อยากจะตามคุณมาเลย Mike 
Iron Mike – ชั้นพูดถึงวันนึงที่เราอาจต้องเปิดศึกกับพวก Rippers แล้วนายคิดว่าคนอย่าง Skizzo มันจะแคร์หรอว่ามีคนล้มตายมากแค่ไหน ช่างแม่งเถอะ ไปทำต่อให้เสร็จๆดีกว่า 


                                 Iron Mike – ที่นี่แหละ เอาล่ะ ขึ้นข้างบนต่อ  



Iron Mike – ...ในห้องนี้ นี่ไง เราได้แผนที่ของเหมืองทุกเหมืองที่มีอยู่ในรัฐนี้มาแล้ว มันบอกเสร็จสรรหมดว่าเก็บระเบิดเอาไว้ที่ไหนบ้างด้วย โอเค กลับกันเถอะ ..


Deacon – คุณได้ยินเสียงนั่นมั๊ย? 
Iron Mike – ได้ยิน
Deacon – เดาออกมั๊ยว่าพวกไหน?
Iron Mike – ไม่รู้วะ
Deacon – ต้องการให้ผมระวังหลังให้รึเปล่าล่ะ?
Iron Mike – เฮ้ คือชั้นก็ไม่อยากสร้างปัญหาหรอกนะแต่ ชั้นจะทำมันให้สำเร็จให้ได้แม้ต้องทำคนเดียวก็เถอะ !


จากนั้นช่วยกันลุยไปพร้อมกับ Mike จัดการศัตรูให้หมดแล้วกลับไปที่รถ ขี่เดินทางกลับไปที่ Lost Lake Camp


Deacon – แล้วเรื่อง Rippers ทำไมคุณต้องให้ผมมาเห็นมันด้วย
Iron Mike – นายรู้มั๊ย Deek ชั้นมองเห็นเสี้ยวนึงที่เป็นตัวชั้นเมื่อสมัยก่อนในตัวนาย 
Deacon – ยังไง?
Iron Mike – นายเป็นคนที่ไม่แคร์อะไร โอ้ ไม่สิ นายแคร์เพื่อนของนาย ไม่อยากให้เขาตาย แล้วชั้นล่ะ? เป็นแค่ใครซักคนบนโลกห่านี่งั้นหรอ? ชั้นว่าไม่ใช่นะ 
Deacon – ถ้าเอาใจใส่หรือกังวลมากไปจะทำให้เราทั้งคู่ถูกฆ่าตายได้


Iron Mike – นั่นก็ถูก แต่ประเด็นคือ การไม่ดูแลกันก็จะทำให้เราถูกฆ่าได้ง่ายๆเหมือนกัน รู้มั๊ยคนดีๆที่ Sherman Camp เขาทำยังไงกัน?  หยุดเอาใจใส่ใครนอกจากตัวเองและต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเองให้ได้ การฆ่าคนซักคนคนมันง่ายจะตาย แค่เขามายืนขวางระหว่างนายกับสิ่งที่นายต้องการ Skizzo อยากฆ่าพวก Ripper ก็เพราะเขาไม่ได้คิดว่าพวกนั้นเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว พวกเขาเลยไม่ได้รับการเคารพ ก็เหมือนพวกเขามายืนขวางระหว่างสิ่งที่ Skizzo ต้องการ ให้ตายเถอะ ชั้นไม่เชื่อเลยซักนิด 


  Iron Mike – นายรู้มั๊ย Skiizzo เขาชอบสงสัยว่าทำไมชั้นถึงโลกสวย รักสงบ มากนัก นายคงรู้แล้วล่ะเขาชอบเรียกชั้นว่าอะไร เขาคิดว่าชั้นกำลังทำให้ทุกคนถูกฆ่าตาย 
Deacon – แล้วมันจริงรึเปล่าล่ะ Mike? คุณกำลังทำให้ทุกคนถูกฆ่าตายรึเปล่า?
  Iron Mike – Freaks จะไม่อยู่แถวนี้ไปตลอดหรอกหรอก เมื่อพวกมันไปแล้ว เราก็คงต้องการคนแถวๆนี้มาช่วยเก็บชิ้นส่วนของพวกมัน  เฮ้ ฟังนะ ชั้นเองก็ไม่ชอบ Carlos กับพวก Ripper ของมันหรอก ก็ไม่ได้ชอบมากไปกว่า Tucker หรือ Copeland กับทฤษฎีสมคบคิดห่าเหวอะไรของมัน เอาล่ะ คืองี้นะ Deek ชั้นจะไม่ออกนอกเส้นทางของตัวเอง ชั้นจะไม่ฆ่าหรือมีส่วนร่วมในการฆ่าพวกมันแม้จะซักคนเดียว  
Deacon – แม้ Carlos จะมาฆ่าคุณอ่ะนะ 
  Iron Mike – ยังไงชั้นก็ยังจะยึดมั่นในสัญญาการสงบศึกที่ทำไว้ พนันกันมั๊ยล่ะ 

                               **** CRAFT RECIPE UNLOCK : ATTRACTOR ****


ATTRACTOR คือ ระเบิดเสียงที่สามารถใช้ปาไปในทิศทางต่างๆเพื่อให้เกิดเสียงทำให้พวก Freaker ในจำนวนมากไปอยู่ในตำแหน่งและทิศทางที่ต้องการได้ 


               STORYLINE: HE’S MY BROTHER

                          Story Mission: I COULD USE A HAND


        เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจเพื่อเข้าไปเยี่ยมอาการของ Boozer ที่ Lost Lake Camp



Deacon – เป็นไงบ้างพี่ชาย ?
Boozer – ไม่รู้วะ Deek .. ไม่รู้ว่านายจะว่าอะไรมั๊ยแต่ ชั้นขอยืมมือหน่อยสิวะ ฮ่าๆๆๆ
Addy – คุณ นอนพักได้แล้ว !! 
Boozer – ได้เลยครับคุณผู้หญิง 
Addy – จริงๆเขาก็ยังไม่มีใครมาเยี่ยมซักคนเลยนะ ชั้นเลยกำลังอยาก ขอยืมมือ ของคุณพอดีเลย Deek หึหึ 
Deacon – โอเค เอาไว้ค่อยเจอกันนะ 
Boozer – เออ ชั้นก็อยู่เนี่ยแหละไม่ไปไหนหรอก .... เออ หมอๆๆ ถามไรหน่อย อันนี้ถามจริงๆเลยนะหมอ คือถ้ารักษาหายแล้วผมจะเล่นเปียโนอีกได้มั๊ยอ่ะ ? 
Addy – ตลกมากเลยนะ วิลเลี่ยม นอนซะ !! 
Boozer – ฮ่าๆ โอเคๆ แต่ ผมว่าผมเล่ยเพลง Chopsticks ได้อยู่นะหมอ อย่าซีเรียสน่า ชั้นว่าจะอาจเล่นได้จริงก็ได้นะ 



Addy – หึหึ ก็อยากที่คุณเห็น ไม่นานเขาก็หายดีแล้วล่ะ ตอนนี้ไข้ก็หายหมดแล้วด้วย 
Deacon – ดีๆ นั่นดีแล้ว เอาล่ะ ผมคงต้องขอตัวไปทำธุระอะไรซักหน่อย ...
Addy – Deacon อย่างที่ชั้นเคยบอกคุณไปแล้ว วิลเลี่ยมเขาเป็นหนี้ชีวิตคุณจริงๆนะ 
Deacon – Boozer ไม่ได้ติดหนี้ผมหรอก ผมต่างหากที่ต้องเป็นหนี้เขา 
Addy – เฮ้ๆ ชั้นเพิ่งช่วยชีวิตคนไข้ได้อีก 2 คน Eddy กับ Mia พวกเขาทั้งคู่ตายแน่ถ้าไม่ได้ยาฆ่าเชื้อที่คุณไปหามา ชั้นก็แค่บอกให้คุณรู้แค่นั้นแหละ


                        ***** WEAPON UNLOCK – BOOZER’s SHOTGUN *****


Russell – กัปตัน Kouri วิทยุไปหา กัปตัน Kouri ด่วนเลยบอกเขาว่าแค้มป์ของเราถูกโจมตี !!!!
Mullins – สิบโท !! เราต้องรีบหนีออกจากที่นั่นด่วนเลย !! พวกมันมากันอีกเพียบเลย สิบโท !!
Deacon –  พวกทหารอาสางั้นหรอ? เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?



Rikki – Deek นายต้องรีบแล้ว 
Deacon –  Rikki มันเกิดอะไรขึ้นหรอ?
Rikki – นั่นคือชายที่เรากำลังตามหา Eric Lynch คนที่เป็นคนฆ่า Campbell กับ Reed ที่ฟาร์ม 
Deacon –  The Lyncman หรอ? ไอ้ลูกหมาเอ้ย !! รู้มั๊ยว่ามันอยู่ที่ไหน !?
Rikki – รู้ดิ มันอยู่ที่ท่าเรือเก่า ที่ชายฝั่งด้านทิศเหนือ ไอ้เจ้า Skizzo มันอยากออกไปจัดการเองแต่ Iron Mike บอกให้นายเป็นคนไปจัดการพวกมัน 
Deacon –  โอเค ชั้นจะจัดการมันเอง 
Rikki – ขอบคุณมาก Deek รีบหน่อยล่ะ 


                      Camp Mission – BOUNTY HUNTER  

                                               SEED FOR THE SPRING

ไม่นานหลังจากที่ Deacon เดินทางออกจาก Lost Lake หลังจากเยี่ยม Boozer ได้ไม่นาน ความวุ่นวายก็ถูกส่งผ่านมาทางช่องวิทยุของ Deacon ก่อนที่ Rikki จะสาธยายเรื่องราวให้ Deacon ได้เขาใจถึงเนื้อหาของงานที่ได้รับมอบหมาย ให้ไล่ล่าหาตัวเป้าหมายของฆาตกรที่เคยฆ่าคนของแค้มป์ตายไปถึง  2 คนมาแล้ว ** ก่อนเดินทางไปยังเป้าหมายให้เติมน้ำมันมาให้มากพอด้วย **


เมื่อเดินทางไปยังตำแหน่งของภารกิจที่ Rikki แจ้งมา เข้าไปสำรวจหาเบาะแสที่บริเวณท่าเรือเก่าจนพบกระเป๋าสีแดงที่ตกอยู่ที่นั่น เมื่อ Deacon พยายามที่จะจะกดรอยพวกคนร้ายจากสิ่งของที่มันทิ้งไว้ได้ไม่นานก็พบตำแหน่งของ Lyncman กับพวกกำลังขี่มอไซด์หนีในทันที


Lyncman  - ฝากไปบอก Rikki และพวกมันทุกคนด้วยนะว่าให้แม่งไปตายห่าซะ !! มึงได้ยินแล้วนะ St. John?


จากนั้นก็ขี่รถไล่ล่าพวกของ Lyncman ไปตามทางจนกว่าจะจัดการหยุดรถของ Lyncman ลงได้ในที่สุด


Deacon – ไงไอ้แม่เย็ด Lyncman มึงคิดว่าจะฆ่าคนตายซักคนสองคนแล้วจะขี่รถลอยชายหนีไปแบบสบายๆหรอวะ? มึงไม่แคร์ว่าคนมากมายต้องตายเพราะขาดอาหารจากสิ่งที่มึงทำเลยใช่มั๊ย? 
Lyncman – ไปไกลๆส้นตีนเลยไอ้ลูกหมาเอ้ย !!
Deacon – เฮ้ๆ นี่ ฟังก่อนนะ ตอนนี้ Rikki กำลังส่งคนมาหามึงแล้ว อีกไม่นานหรอก ทางที่ดีมึงควรจะบอกที่ซ่อนของเมล็ดพันธ์ที่มึงขโมยไปให้หน่อย บางทีพวกเขาอาจจะไม่ยิงให้ตายทันทีแทนที่จะจับแขวนให้มึงตายช้าๆอย่างทรมานนะ นายจะไม่ลองคิดดูหน่อยหรอ?
 Lyncman – ชั้นไม่รู้ว่าแกพูดเรื่องอะไร !!


Rikki – เป็นไงบ้าง พวกมันเก็บเมล็ดพันธ์ไว้กับตัวรึเปล่า?
Deacon – เท่าที่ดูไม่เห็นเลยนะ 
Rikki – ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะส่งคนไปพาตัวมันมาที่ Lost Lake เอง แค่นี้แหละ เลิกกัน !!

หลังเสร็จภารกิจของ Rikki แล้วไม่นานระหว่างเดินทาง Tucker กับ Copeland ก็ติดต่อมาเสนองานให้ Deacon ช่วยทำเหมือนกัน


              Camp Mission: PROTECTING THE WEAK 

                                           COMEING INTO TOWN

           เข้าไปใน Hot spring Camp คุยกับ Tucker ที่ Camp Job จุดรับงานของแค้มป์



Tucker – ขอบใจนะ Deek ที่แวะมา 
Deacon – เกิดอะไรขึ้นครับ?
Tucker – นายจำ Larsen คนของชั้นที่ชอบไปๆมาๆแถว Marion Forks ที่ชั้นเคยเล่าให้ฟังได้รึเปล่า?
Deacon – จำได้ ทำไมหรอ?
Tucker – เขาออกไปที่นั่นอีกแล้วเห็นบอกจะไปสำรวจดูอีกรอบเผื่อจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์บ้างแต่แล้วเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย เราคิดว่าเขาอาจโดนพวกกลุ่ม Drifter ที่เดินทางไปมาแถวๆ Belknap wilderness 
Deacon – ให้ตายเถอะ แล้วเห็นเขาครั้งสุดท้ายที่ไหน?
Tucker – ที่ตึกโรงแรม The Old Wagon Hotel ทางตะวันออกของเมือง 
Deacon – โอเค เดี๋ยวผมไปดูให้ก็แล้วกัน 
Tucker – ขอบใจมากนะ Deek  


จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่เมือง Marion Forks เข้าไปที่โรงแรม Old Wagon Hotel เป้าหมายจะพบศัตรูอยู่ในพื้นที่มากมาย จัดการศัตรูให้หมดแล้วขึ้นไปบนชั้นสองช่วย  Larsen คนของ Tucker ที่ถูกจับเอาไว้ออกมาก็จะจบภารกิจ


                            Camp Mission:  BOUNTY HUNTER  

                                                      HARD TO MISS

             เข้าไปใน Copeland’s Camp คุยกับ Copeland ที่ Camp Job จุดรับงานของแค้มป์



Copeland – อ่า St. John มาแล้ว ชั้นมีงานล่าค่าหัวให้นายทำ เป้าหมายคือไอ้ Ned Walker ที่ชอบใส่ผ้าพันคอสีแดง มันกับพวกของมาแถวๆประตูหน้าเมื่อคืนก่อน แต่เราไม่ให้พวกมันเข้ามาในแค้มป์ มันเลยฆ่าการ์ดของเราคนนึงไปแล้วก็หนีไป
Deacon – นายให้คนของนายสะกดรอยตามมันไปแล้วใช่มั๊ย?
Copeland – แน่นอน คนของชั้นบอกว่าแค้มป์ของพวกมันอยู่ทางเหนือของ O’Leary Mountain นายคงรู้นะว่าอยู่ที่ไหน?
Deacon – เอ่อ .. ไม่รู้หรอก แต่ชั้นจะลองหาดูก็แล้วกัน 


จากนั้นเดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่แค้มป์ของพวกโจรทางเหนือของ O’Leary Mountain เป้าหมายที่ต้องจัดการคือ Ned Walker สังเกตง่ายๆคือมันจะสวมผ้าพันคอสีแดง เข้าไปจัดการมันซะแล้วกลับไปยืนยันการตายของมันกับ Copeland ที่ Copeland’s Camp เสร็จก็เป็นอันจบภารกิจ


               Camp Mission: MARAUDER CAMP HUNTER 

                                          DRIFTER AT EDEN HILL

ทันทีที่ Deacon ได้รับวิทยุแจ้งงานมาจาก Rikki ก็เดินทางกลับไปที่ Lost Lake Camp เพื่อคุยกับเธอที่จุดรับงานของแค้มป์ได้เลย


Rikki – Deek ชั้นมีงานให้นายทำ มีชายกลุ่มนึงขี่รถเข้ามาที่หน้าทางเข้าของแค้มป์เรา แต่ชั้นไม่ให้พวกมันเข้ามามันเลยยิงใส่ประตูแล้วขับหนีไปเลย 
Deacon – ให้ตายเถอะ แล้วพวกมันหนีไปทางไหน?
Rikki – มุ่งหน้าไปทางตะวันตก แต่คิดว่าพวกมันคงไปไม่ไกลเท่าไหร่หรอก เต็มที่ก็น่าจะตั้งแค้มป์อยู่แถวทางเหนือของ Eden Hill ชั้นคิดว่าเดี๋ยวพวกมันคงจะเข้าโจมตีเราอีกรอบแน่ๆเลยจะให้นายไปดูหน่อย 
Deacon – โอเค ได้สิ เดี๋ยวชั้นจัดการให้
Rikki – ขอบใจมาก Deek 

จากนั้นเดินทางไปยังเป้าหมาของภารกิจที่ Eden Hill ทางตะวันตกของ Lost Lake Camp ในพื้นที่จะพบพวก DRIFTER กลุ่มใหญ่อยู่ที่นั่น จัดการพวกมันให้หมดก็จะจบภารกิจ


                STORYLINE – I REMEMBER


                    Story Mission: ON HEROO’s BIRTHDAY

เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจที่จุดที่เฮลอิคอปเตอร์ของกลุ่มนักสำรวจของ NERO จะบินผ่านมาเพื่อเก็บข้อมูลให้กับทาง  O’Brian เพื่อที่จะซื้อใจแลกกับการหาตัวซาร่าห์ให้

Deacon – O’Brian ชั้นมาตรงจุดพิกัดที่นายส่งมาแถวๆด้านนอก Rogue Camp แล้วนะ 
O’Brian – อ่าๆ ทราบแล้ว
Deacon – จะให้ทำไงต่อว่ามา
O’Brian – เดี๋ยวซักพัก ฮ. ของ NERO จะผ่านไปที่จุดนั้น เตรียมพร้อมไว้อ่ะ ...  เลิกการติดต่อ !



O’Brian – St. john พวกเขากำลังบินไปทางจุดที่คุณอยู่แล้วนะ คุณเห็นรึยัง?
Deacon – เออๆ ไม่เห็นก็บ้าแล้ว ตกลงจะให้ชั้นทำอะไรบ้างว่ามา
O’Brian – ก็เหมือนเดิม ลอบตามนักวิจัยให้ใกล้ที่สุดจนกว่าผมจะดาวโหลดข้อมูลเสร็จ 
Deacon – โอเค เข้าใจแล้ว



O’Brian – แต่ตอนนี้ คุณอย่าลืมติดเครื่องติดตามที่ ฮ. ของพวกมันด้วยอ่ะ 
Deacon – โอเค ติดเครื่องติดตามที่เฮลิคอปเตอร์ของพวกมัน ได้เลย .. ไอ้พวกบ้านั่นมาทำอะไรที่ปั๊ม Peltro gas station กันแน่วะ? อย่าบอกนะว่ามาแวะเติมน้ำมันอ่ะ 

หลังจากลอบเข้าไปติดเครื่องติดตามที่เฮลิคอปเตอร์เสร็จแล้ว ลอบตามนักวิจัยที่เข้าไปสำรวจในอาคารของปั๊ม โดยการปีนเข้าไปที่หน้าต่างฝั่งซ้ายแล้วเพื่อแอบฟังพวกมันคุยกันและรอ O’Brian โหลดข้อมูลแรกให้เสร็จ


Lt.Booth – เอกสารประกอบการลงพื้นที่หมายเลข 2 – 0 – 6 -0 เราได้สำรวจ รัง เสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด 24 รังกินบริเวณโดยรอบของ เมือง Marion Forks , สุสาน Pioneer Cemetery , ที่พักคนงานตัดไม้บนถนน Cascade Highway และจุดจอดรถบรรทุกที่ Old Belknap Road  เอ่อ .. เขาเรียกที่นั่นว่าอะไรนะ
Cpl. Franklin – Crazy Willie 
Lt.Booth – ช่าย ...ค่อนข้างบ้านนอก แต่ก็เป็นอะไรที่แฝงธุรกิจจ๋าด้วย มีบางอย่างในโลกเก่าที่ชั้นไม่อยากพลาดซะด้วย Crazy Willie ทางใต้ของ Belknap Crater 
Cpl. Franklin – ผมมีคำถามจะถามข้อนึงนะด็อก 
Lt.Booth – ว่ามาเลย ตอนนี้ชั้นยังไม่ได้ยุ่งมากเท่าไหร่ด้วย 
Cpl. Franklin – รังพวกนั้น พวกมันสร้างมันขึ้นมาทำไมหรอครับ?
Lt.Booth – เรื่องนี้เราก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
Cpl. Franklin – ทำไมพวกมันต้องไปสร้างในทีมันมีโครงสร้างแบบ ในตึก กระท่อม อะไรแบบนี้ด้วย?
Lt.Booth – เรามีทฤษฎีเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน
Cpl. Franklin – ผมหมายถึง เราไม่เคยเห็นพวกสัตว์ป่าต่างๆจะสร้างแบบพวกมันเลย

ในช่วงที่พวกทีมสำรวจออกจากอาคาร ถ้าแอบอยู่ด้านในอาคารก็รอให้พวกมันเดินผ่านหน้าต่างไปแล้วก็โดดออกทางหน้าต่างตามมันไปแอบฟังที่จุดสำรวจที่สองต่อ


Cpl. Franklin – ทำไมเราไม่เคยเห็นพวก Freak ทำรังในต้นไม้หรือในป่าเลยนอกจากตามอาคารบ้านเรือน 
Lt.Booth – พูดจบยัง 
Cpl. Franklin – โทษทีครับ ...
Lt.Booth – คนที่ห้องทดลองกำลังเตรียมแถลงถึงทฤษฎีเรื่องนี้อยู่ รอให้พวกเขาพร้อมก่อนก็แล้วกันนะ 
Cpl. Franklin – ผมก็แค่ถามเฉยๆน่ะครับ ไม่ได้ทำเสียงอึดอัดซะหน่อย 
Lt.Booth – ให้ชั้นทำงานต่อได้ยัง?
Cpl. Franklin – แน่นอนครับ
Lt.Booth – ทางใต้ของ Belknap Crater มีจุดนึงในเขตป่าของ Belknap ที่เรายังไม่ได้สำรวจ เนื่องจากรังของพวกมันอยู่ใกล้กับแค้มป์ของพวกชาวเมืองผู้รอดชีวิต โดยเฉพาะที่แค้มป์ใหญ่ที่อยู่ที่ ...
Cpl. Franklin – Salome Hot Spring 
Lt.Booth – อ่า ใช่ ที่ Salome ...


เมื่อวันฉลองวันกำเนิดของเฮโรดมาถึง บุตรสาวนางเฮโรเดียสก็เต้นรำต่อหน้าเขาทั้งหลาย ทำให้เฮโรดชอบใจ

เฮโรดจึงสัญญาโดยปฏิญาณว่า เธอจะขอสิ่งใดๆ ก็จะให้สิ่งนั้น

บุตรสาวก็ทูลตามที่มารดาได้สั่งไว้แล้วว่า "ขอศีรษะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาใส่ถาดมาให้หม่อมฉันที่นี่เพคะ"

ฝ่ายกษัตริย์เฮโรดก็เศร้าใจ แต่เพราะเหตุที่ได้ปฏิญาณไว้และเพราะเห็นแก่พวกที่เอนกายลงรับประทานด้วยกันกับท่าน จึงออกคำสั่งอนุญาตให้ คนไปตัดศีรษะยอห์นในคุก



Matthew 14:6 / Herod's birthday บทที่ว่าด้วยเรื่อง วิธีที่พวกเราจะอดทนและเอาชนะความเศร้าโศก การทดสอบ และความสงสัยต่างๆ
Source:
 https://www.wordproject.org/bibles/ti/40/14.htm
https://www.churchofjesuschrist.org/study/manual/new-testament-seminary-teacher-manual/matthew/lesson-17-matthew-14?lang=tha


Lt.Booth – เหมาะสำหรับใช้เป็นชื่อรีสอร์ทจริงๆเลย 
Cpl. Franklin – ไม่เลยซักนิด !!
Lt.Booth – แล้วก็อีกนั่นแหละ เป็นอีกสิ่งนึงจากโลกเก่าที่ชั้นจะไม่พลาดแน่นอน  
Deacon – อัพโหลดเสร็จสิ้น ตอนนี้พวกมันถึงกับต้องอ้างไบเบิ้ลเลยงั้นหรอ ถ้าบินหนีออกจากที่ห่านี่ได้ซักทีก็คงจะดีเหมือนกันจะได้หาเวลานั่งอ่านไบเบิ้ลดูบ้าง เอาล่ะ รีบออกจากที่นี่ก่อนที่พวกมันจะเห็นดีกว่า 



Deacon – O’Brian  ทราบแล้วเปลี่ยน !! อยู่หรือเปล่า O’Brian ?
O’Brian – ตอนนี้ผมพูดไม่ได้ ... เดี๋ยวผมติดต่อกลับไป แค่นี้นะ ..
Deacon – O’Brian !! เอาอีกแล้วแม่งเอ้ย !! กูเริ่มจะเหนื่อยที่ต้องเล่นบทเด็กซื้อแกงให้มึงแล้วนะ O’Brian


         STORYLINE: EARNING OUR KEEP

                Story Mission: I GOT A JOB FOR YOU


                เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจเพื่อคุยกับ Rikki ที่ Lost Lake Camp



Skizzo – ไง ชั้นมีงานให้นายทำ 
Deacon – นายมีงานให้ชั้นทำเนี่ยนะ?
Skizzo – ใช่ งานที่ทำให้ไอ้พวก Freak ติดโคลนนั่นให้แม่งตายให้หมด ชั้นต้องการคนที่ดึงแม่งขึ้นมาจากโคลน กระทืบๆแล้วเผาแม่งไม่ให้เหลือยังไงล่ะ เข้าใจนะ?
Deacon – ผู้พิทักษืบึงหรอ ? หาคนอื่นทำแทนเถอะ ชั้นงานยุ่ง 
Skizzo – นี่ฟังนะ ชั้นอุตสาห์เลือกนายมาทำงานนี้ด้วยตัวเองเลยนะ ชั้นไม่รู้หรอกว่า Mike จะบอกนายว่าไง แต่งานที่ผ่านมาของเราก็ผ่านมาได้ด้วยดีน๊ะ 
Rikki – เฮ้ๆๆๆ Skizzo เขาคงไปกับนายไม่ได้หรอกเพราะเขาต้องไปทำงานกับชั้น 
Skizzo – เท่าที่ชั้นรู้ ล่าสุดชั้นเช็คดู เขาไม่ได้มีงานให้เธอนี่หว่า 
Rikki – หรอแต่ชั้นเช็คกับ Mike แล้ว ชั้นต้องออกไปทำงานและเขาต้องมากับชั้น เข้าใจ๊? 
Deacon – ก็อย่างที่บอก  ชั้นงานยุ่ง 
Skizzo – โอเค ได้ !! กลับมาเมื่อไหร่ก็ไปหาชั้นแล้วกัน 
Rikki – ตกลงนายจะมาด้วยกันมั๊ย?
Deacon – เฮ้ออ ... ที่ไหน?
Rikki – สำคัญด้วยหรอ?


Deacon – เอาจริงๆ เราจะไปไหนกัน? 
Rikki – ขึ้นเหนือ
Deacon – Rikki ชั้นไม่มีเวลามาทำงานกระจอกๆที่ไม่ต่างจากงาน Skizzo หรอกนะ
Rikki – ตามมาชั้นจะให้ดูอะไร Mike บอกชั้นแล้วว่านายกำลังจะทำอะไร 
Deacon – ชั้นไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย 
Rikki – เรื่องที่เราจะระเบิดปิดถ้ำใหญ่ของที่นี่เราจัดการพวก ฝูง ได้หมดสิ้นจริงๆหรอ?
Deacon – ผมไม่ได้บอกว่าจะหยุดมัน แต่จะทำให้มันมีจำนวนที่น้อยลง ... 
Rikki – ชั้นคิดนะว่า บางทีที่นายเลือกที่จะอยู่ต่อไม่ใช่เพราะ Boozer อย่างเดียวหรอก แต่นายคงอยากจะช่วยงานที่นี่ด้วย
Deacon – นั่นมันที่เธอคิด แต่ เฮ้ ที่ผ่านมาชั้นก็เคยช่วงงานที่นี่มาตลอดนะ
Rikki – ใช่ นายเคยช่วย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายขนาดนั้น นายเองก็รู้ดี แต่ตอนนี้นายก็ตกลงจะช่วย Mike ปิดถ้ำนั่นอีกใช่มั๊ย? แล้วจะให้ชั้นคิดยังไงว่ามั๊ยล่ะ ?


Rikki – ดูนี่สิ หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เราเสียคนไข้ไปเยอะก็เพราะไอ้นี่มันพัง มันทำให้เราไม่สามารถใช้เครื่องช่วยหายใจในโรงพยาบาลได้เลย
Deacon – เครื่องช่วยหายใจหรอ พระเจ้า Rikki ไม่เอาน่า ดูรอบๆตัวก่อนมั๊ย ถ้าเธอจะเปิดเครื่องปั่นไฟเพื่อจะกับเครื่องช่วยหายใจเธอได้ตายกันหมดแน่
Rikki – แล้วถ้าเกิดคนไข้คนนั้นคือ Boozer ล่ะ?



Rikki –  เราไม่มีพลังงานไฟฟ้าใช้มากว่า 2 ปีแล้ว แต่พวกสายไฟต่างๆที่ส่งมาที่นี่ยังดูใช้ได้อยู่เลย คือ ชั้นจะขี่ขึ้นเหนือไปเช็คที่เขื่อนต้นทางที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อดูว่ามันหยุดทำงานเพราะอะไร
Deacon – ไม่เอาน่า งานคุ้มกันพวกนั้นมันงานของ Skizzo ก็ปล่อยให้มันทำไปสิ 
Rikki – นี่ไม่ใช่งานคุ้มกัน นายใช้ชีวิตอยู่แถวๆนี้ตลอดก็น่าจะรู้เส้นทางดีกว่าคนอื่นแน่นอน  Deacon นายเคยขอให้ชั้นช่วยไม่ใช่หรอ ตอนนี้ชั้นก็ขอนายบ้างนี่ไง 
Deacon – บ้าเอ้ย .. 
Rikki – โอเค งั้นเดี๋ยวชั้นไปหาคนที่พอขี่รถได้ออกไปกับเราด้วย
Deacon – ไม่ๆ เราต้องไปอย่างเงียบที่สุด ถ้าเราเข้าเขตของ Copeland ชั้นก็พอจะเคลียร์ให้ได้แต่ที่ป่าบนภูเขานี่เต็มไปด้วยพวก Rippers ไม่ก็ Scumbags และอย่างอื่นๆอีกเพียบ ไปกันหลายคนเธอรู้มั๊ยมันหมายถึงอะไร? นั่นหมายถึงเราสร้างจุดสนใจให้พวกมันมากขึ้นด้วย ไม่ๆ ไม่ต้องเถียงเลย ทำตามแผนชั้นเท่านั้น 



Deacon – Rikki ชั้นถามอะไรหน่อยสิ? ในคืนนั้น ที่ชั้นแอบเข้ามาในโรงพยาบาล
Rikki – ทำไมชั้นถึงไม่ยิงแสกหน้านายน่ะหรอ ไม่หรอก !
Deacon – จริงหรอ แต่ดูจากสีหน้าแล้วเหมือนจะไม่ใช่เลยนะ 
Rikki – แต่ชั้นจะลากนายออกมาข้างนอกก่อนแล้วถึงจะยิงแสกหน้านายต่างหาก 
Deacon – อ่อ เพราะเธอกลัวเลือดจะเลอะโรงพยาบาลนี่เอง  



Rikki – ใช่เลย ... ถ้าเราออกเดินทางกันตั้งแต่ตอนนี้ คงจะกลับมาถึงแค้มป์ก่อนค่ำแน่นอน 
Deacon – ก็ถ้าเราไม่หลงทางอ่ะนะ
Rikki – แหม่ ไปกับนายจะหลงทางได้ไง จริงมั๊ย ?


Deacon –  ระหว่างทางจะมีแค้มป์ของพวกโจรอยู่ด้วยนะ เราต้องถอยห่างเอาไวด้วย 
Rikki – รับทราบ
Deacon – เออ ถามหน่อยสิ ทำไมเธอถึงตกลงใจจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ล่ะ?
Rikki – ตอนเกิดเรื่องบ้านี่ ชั้นต้องจากบ้านมาเป็นพันๆไมล์ วันนึงพอได้กลับไปอีกครั้ง ทุกคนก็หายไปหมดแล้ว 
Deacon – แล้ว เธอมาจากไหนหรอ?
Rikki – ชั้นโตที่เมืองเล็กๆนอก Portland แต่มาทำงานใน Oregon ได้กลับบ้านทุกวันหยุดนั่นแหละ
Deacon – แล้วข้างนอกนั่นเป็นยังไงบ้าง? ชั้นหมายถึง เธอหนีออกมาได้ยังไง 
Rikki – ไม่รู้เหมือนกัน โชคดีมั้งนะ ถนนที่มุ่งตรงไปที่ชายฝั่งมีลานจอดรถขนาดใหญ่อยู่  Willamette Valley โดยโจมตีจนเละ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พอชั้นหนีออกมาแล้วก็รีบโทรบอกเพื่อนให้รีบหนีก่อนที่สายไป  ชั้นไม่รู้หรอกว่าพวกเขาจะเชื่อชั้นรึเปล่า



Deacon – ชั้น เอ่อ ได้ยินว่า พวกเขาจะทิ้งระเบิดใส่อ่ะนะ
Rikki – Portland อ่ะหรอ ชั้นก็ได้ยินมา แต่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรอก ไม่งั้นเราก็ต้องรู้สึกแล้วสิใช่มั๊ย?
Deacon – ก็จริง ... เอ่อ แล้ว เธอกับ Addy ล่ะ ...
Rikki – ทำไม นายมีปัญหาอะไรหรอ?
Deacon – ชั้นหรอ เปล่านี่ ก็แค่ ไม่รู้สิ? .... เธอเองก็ร่วมแก็งค์กับเรามานาน ชั้นก็คิดว่าจะไม่ได้ซิ่งด้วยกันอีกซะแล้ว
Rikki – ชั้นก็คิดเหมือนกัน แต่ ไม่รู้สิ ... การรักษาระยะห่างจากคุณเป็นเพียงวิธีที่ดี่สุดในการมีชีวิตอยู่
Deacon – โอเค จริงๆแล้วชั้นก็ไม่ควรจะถามอะนะเพราะไม่ใช่กงการอะไรของชั้น 
Rikki – ทำไมชั้นถึงเลือกอยู่ที่แค้มป์นี้อ่ะหรอ? นายรู้มั๊ย โอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตในแบบปกติอีกครั้งยังไงล่ะ ไม่ได้มีอะไรซีเรียสเลย ส่วนเรื่องชั้นกับ Addy ก็นะ ..แบบ มันเกิดขึ้นเร็วมากเลย นายเข้าใจใช่มั๊ย?
Deacon – ชั้นไม่น่าถามเลย ... ชั้นอยากจะบอกกับเธออย่างนึงนะ คือ เอ่อ ชั้นรู้สึกยินดีมากที่เธอคอยปกป้องและสนับสนุนชั้นและ Boozer กับ Iron Mike ..
Rikki – ว้าววว นายอ่อนโยนแบบนี้ก็เป็นหรอเนี่ย ?
Deacon – เงียบไปเลย !!
Rikki – นายไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรชั้นทั้งนั้นหรอก 
Deacon – ก็นะ บางทีชั้นก็พูดไปแบบไม่ได้มีเหตุผลอะไรหรอก 


Rikki – แล้วเมื่อไหร่นายกับ Iron Mike จะทำงานร่วมกับเหมือนที่ผ่านมาล่ะ?
Deacon – เดี๋ยวนะ นี่เธอพูดเหมือนกับเขาเห็นดีเห็นงามด้วยงั้นแหละ
Rikki – Iron Mike เขาก็เป็นคนปากแข็งไปงั้นแหละ ชั้นรู้ดีเพราะรู้จักเขามานานแล้ว พูดตรงๆเลยนะ ชั้นไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นเขารู้สึก หดหู่ ออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนขนาดนั้นเลย .... ตกลงนายกับ Mike ไปไหนกันมา ? 
Deacon – ไปที่ Sherman’s Camp 
Rikki – ชั้นได้ยินว่าที่นั่นก็เต็มไปด้วย Freak ใช่มั๊ย?
Deacon – ก็จริง แต่ดูเหมือนเราจะไม่มีทางเลือกอ่ะนะ ชั้น เอ่อ ชั้นมีแผนในการจะปิดถ้ำเพื่อไม่ให้ฝูง Freak มันผ่านมาทางนี้ Mike รู้ว่าเขาจะหาระเบิด TNT มาใช้ระเบิดถ้ำได้จากที่ไหน จนเราได้แผนที่ที่เก็บระเบิดมา Mike ก็กำลังจะตามรอยไปเอาระเบิดพวกนั้นมาอยู่ 
Rikki – งั้นสงสัยว่าวิทยุของพวกคุณจะเสียกัน หรือมัวแต่ยุ่งอยู่ติดต่อไม่ได้เลย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นหรอ? และ Mike พูดอะไรบ้างรึเปล่า?
Deacon – ไม่ !! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แล้วก็ไม่เห็น Mike เขาพูดอะไรนี่? ก็อยากที่เธอบอกนั่นแหละ เขามันปากแข็งจะตายไป ... เอาล่ะ ช้าๆหน่อย ถึงเขื่อนแล้ว จอดรถไว้ที่ด้านหน้าก่อนเพราะเราไม่รู้ว่าข้างในมันมีตัวบ้าอะไรอยู่หรือเปล่า



             Story Mission: IT COULDN’T BE THAT EASY






น้ำตกล็อคและคลอง (The Cascade Locks and Canal) เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำนำร่องบนแม่น้ำโคลัมเบียที่กั้นระหว่างรัฐโอเรกอนและวอชิงตัน เมื่อถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1896 ทำให้เรือกลไฟจากแม่น้ำโคลัมเบียสามารถจะข้ามแม่น้ำเชี่ยวลงไปที่ส่วนล่างของแม่น้ำเพื่อให้โดยกองทัพบกสหรัฐอเมริกาสร้างเขื่อนบอนเนวิลล์ (Bonneville Dam) ขึ้นมาเพื่อควบคุมปัญหาอุทกภัยและใช้สำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้า 



Deacon – โอเค ดูเหมือนที่นี่จะปลอดภัยนะ 
Rikki – นายผิดหวังที่ไม่เจอปัญหาที่นี่งั้นหรอ?
Deacon – เออ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรแม้แต่นิดเดียวเราเตรียมโกยได้เลย
Rikki – มาเถอะเข้าไปเช็คข้างในกัน 
Deacon – เธอจะหาอะไรหรอ?
Rikki – มาสิ ข้างล่างนี่ 



Rikki – โอ้ ไม่ ไม่ๆๆ แบบนี้ไม่ดีแล้ว ตรงนี้ควรจะมีน้ำที่ไหลเอ่อมามากกว่านี้สิ  นายลองฟังสิ ถ้ากังหันกำลังทำงานเราต้องยินเสียงหึ่งๆดังมาถึงนี่แล้ว



Rikki – แล้วนั่นมันเกิดอะไรขึ้นวะน่ะ?
Deacon – ก็คงเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับทุกสะพานนั่นแหละมั้ง พวกอวดฉลาดในกองทัพระเบิดมันเพื่อไม่ให้ฝูงข้ามไปน่ะสิ 
Rikki – ฝูงชนผู้อพยพหรือฝูง Freak กันแน่ ? 
Deacon – เธอนี่พูดเหมือนกับสาวกของ Copeland ไม่ผิดเลย .... ก็คงทั้งสองอย่างนั่นแหละ 
Rikki – เอาล่ะ มาเถอะ ชั้นอยากจะเช็คอะไรอีกหน่อย 



Rikki – มานี่ มาลองแตะดู เป็นไง รู้สึกอะไรบ้างมั๊ย?
Deacon – ไม่ !
Rikki – ก็ใช่ไง ถ้ามีน้ำไหลผ่านเข้ามากังหันก็ต้องทำงาน เราก็ต้องรู้สึกถึงแรงสั่นของมัน มาเถอะ ทางนี้ ตรงนั้นมีทางขึ้น เราจะขึ้นไปข้างบนกันต่อ


Rikki –แรงดันน้ำที่ถูกดูดขึ้นมาจากอ่างเก็บน้ำจะถูกผลักลงผ่านท่อเหล่านั้นเพื่อส่งกำลังไปที่กังหัน 
Deacon – แล้วเธอรู้การทำงานของมันได้ยังไง ?
Rikki – ก็เพราะชั้นมีพี่ชายสองคนที่เป็นช่างคอยซ่อมรถ นู้นนี่นั่น ตามที่พ่อสั่งมาตลอดไงล่ะ เขาให้ชั้นไปทำงานเป็นช่างซ่อมเครื่องโบอิ้งตั้งแต่อายุ 17 แล้ว เพื่อตั้งใจว่าจะเป็นวิศวกรเครื่องกล จนสุดท้ายก็มาเกิดเรื่องบ้าๆนี่จนทุกอย่างฉิบหายไปหมด 
Deacon – แล้วเธอเคยเจอพ่อกับพี่ชายอีกหรือเปล่าล่ะ?
Rikki – ไม่เคยเจอ ........ มานี่ มาดูตรงนี้สิ !


Rikki – อืมม คงต้องไปตรวจสอบอะไรหน่อยแล้ว ต้องสนุกแน่ๆเลย 
Deacon – แล้วเธอจะ ... ดะ เดี๋ยวก่อนๆ เธอกำลังจะทำอะไรเนี่ย ถอดเสื้อทำไม ?
Rikki – รู้มั๊ย เราเคยร่วมซิ่งกันมาไม่กี่เดือนก็เถอะ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชั้นไม่เคยเห็นนายรับอาสาจะทำอะไรซักที ก็เราคนใดคนนึงต้องโดดลงไปในน้ำเพื่อเคลียร์ขยะที่มันอุดตัดท่อน้ำทิ้งน่ะสิ  และชั้นก็เลยต้องลงไปเอง เพราะนายชอบเอาแต่ยืนดูตลอดทุกเรื่องไง เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน โดดล่ะนะ !!



Rikki –เอาล่ะ สกปรกนิดหน่อยแต่ชั้นคิดว่าชั้นจัดการได้ นายลงไปฟังเสียงของกังหันสิว่ามันทำงานหรือเปล่า! 

เดินลงไปที่ประตูห้องเครื่องที่ด้านล่าง Deacon จะไปแตะดูว่าได้ยินเสียงเครื่องของกังหันมันทำงานหรือไม่แล้วกลับขึ้นมาหา Rikki อีกครั้ง


Rikki – ฮ่าๆๆๆ ว่าไง ได้ยินเสียงสั่นของกังหันแล้วใช่ป่ะ?
Deacon – ได้ยิน แต่ power-line ตัวส่งกำลังกระแสไฟฟ้าจากต้นทางดูเหมือนจะตายสนิท 
Rikki – อะไรนะ ?? บ้าเอ้ย ! ให้มันจบแบบง่ายๆไม่ได้เลยใช่มั๊ยเนี่ย?  โอเค งั้นเราลองไปเช็คหม้อแปลงไฟดูกัน 

Deacon – แล้ว เอ่อ พ่อกับพี่ชายของเธอน่ะ ..เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรอ?
Rikki – ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนชั้นกลับไปที่นั่น ชั้นก็พยายามลองติดต่อไปหลายครั้งนะ แต่ไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย และพอชั้นเข้าไปดูที่บ้านก็ปรากฏว่ามันกลายเป็นบ้านร้างไปแล้วเห็นแต่ใบปลิวคำสั่งให้อพยพเต็มไปหมด ชั้นก็เลยลองตามไปที่ค่ายผู้อพยพที่ใกล้ที่สุดก็เห็นแต่ร่องรอยการถูกพวก Freak โจมตีจนเละเทะไปหมด พวก Freak ยึดครองพื้นที่เต็มไปหมด ทุกคนน่าจะตายหมดแล้ว 
Deacon – พระเจ้า Rikki .. ชั้นเสียใจด้วยจริงๆนะ 
Rikki – ช่างมันเถอะ เรื่องมันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้วล่ะ


Rikki – อืมม ดูเหมือนพลังงานมันจะมาแค่ครึ่งเดียวนะ 
Deacon – แล้วพอรู้มั๊ยว่ามันเป็นเพราะอะไร?
Rikki – ตอนนี้ยัง ... มานี่ ตามมา ..


Rikki – อืมม ชั้นว่าแผงควบคุมการทำงานของกังหันทางใต้น่าจะรัดวงจรหรือเป็นอะไรซักอย่าง เราลองลงไปเช็คดูกันหน่อยดีกว่า 
Deacon – โอเค ... แล้ว เอ่อ เธอกับ Skizzo ล่ะมีอะไรกันหรอ? ชั้นหมายถึง เห็นเธอเถียงกับเขาแต่ละทีต้องถึงกับจะฆ่ากันตายอยู่ตลอด
Rikki – หลายเดือนก่อน ชั้นกับ Addy จับมันได้ตอนมันกำลังแอบดูพวกเราอาบน้ำในบ้านพัก 
Deacon – อะไรนะ !! มันเป็นพวกชอบถ้ำมองหรอเนี่ย?
Rikki – ชั้นบอกมมันว่าถ้ามันทำแบบนี้อีกชั้นจะหาปืนที่ใหญ่กว่านี้จัดการมันแน่นอน !
Deacon – พระเจ้า รู้มั๊ยว่าถ้า Addy ไม่ได้อยู่ด้วย รับรองเลยว่า Skizzo มันคงไม่แค่แอบดูแน่นอน !
Rikki –  ชั้นต้องห้าม Addy เกือบแย่เพื่อไม่ให้เธอไปทำหมันมันน่ะ ..อย่าทำให้ผู้หญิงที่รู้วิธีใช้มีดผ่าตัดโกรธ จริงมั๊ย?

              Story Mission: THEY DON’T LIKE VISITORS



Rikki – ให้ตายสิ ข้างในห้องเครื่องนี่มันเหม็นอะไรเนี่ย !!
Deacon – กลิ่นรังของพวก Freak น่ะ กลิ่นแรงขนาดนี้ด้านในมีมากกว่า 2 รังแน่นอน ตามมาอย่าให้ห่างล่ะ เธอเอาระเบิดขวดมาพอรึเปล่าเนี่ย? 
Rikki – เหลือเฟือ 
Deacon – ดี งั้นเธอเป็นตัวเปิด ชั้นเป็นคนเก็บกวาดเอง 


จากนั้นเข้าไปที่รังของพวก Freak ในพื้นที่ที่มีอยู่ 2 รัง แล้ว Rikki จะเปิดฉากปาระเบิดเพลิงเข้าใส่ ที่เหลือก็ช่วยกันจัดการ Freak ที่ออกมาจากรังให้หมด


Deacon – เธอ โอเคนะ 
Rikki – ดูเหมือนพวกมันจะไม่ค่อยชอบต้อนรับแขกใช่มั๊ยเนี่ย? ไม่เคยอยู่ใกล้พวกมันขนาดนี้มาก่อนเลย นายรู้มั๊ยว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชั้นใช้เรื่องนี้เอาไปโม้ที่ Lost Lake Camp ได้เลยนะจะบอกให้ 
Deacon – หวังประโยชน์ทางการเมืองใช่มั๊ยเนี่ย? 
Rikki – ฮ่าๆ  ..... เอาล่ะ ไหนดูสิ ไอ้แผงควบคุมบ้านั่นมันอยู่ที่ไหน ?



Rikki – เอาล่ะ กดเลย !! .. โอเค ตอนนี้เรามีพลังงานไฟฟ้าใช้แล้ว ฮ่าๆๆ  
Deacon – เก่งมาก 
Rikki – ชั้นคงทำมันไม่สำเร็จหรอกถ้าไม่มีนายมาด้วยอ่ะนะ  
Deacon – เอาล่ะ ออกจากที่นี่กันเถอะ เราต้องหาอะไรปิดทางเข้าเอาไว้ให้ดีด้วยชั้นขี้เกียจมาที่กำจัดขยะที่นี่ทุกเดือนอ่ะนะ
Rikki – อ่ะ เดี๋ยวๆๆๆๆ นี่นายจะอยู่ต่อหลายเดือนเลยหรอ? 
Deacon – ห๊ะ ? เปล่า ชั้นก็แค่ ... แม่งเอ้ย !
Rikki – ฮ่าๆๆๆๆๆ ชั้นแค่หยอกเล่นน่ะ Deek ฮ่าๆ 

Rikki – เออ ทำไมนายถึงถามถึงเรื่องพ่อกับพี่ชั้นล่ะ ?
Deacon – ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เห็นเธอไม่เคยพูดถึงเลย ก็ขอโทษด้วยนะถ้ามัน ..ทำให้เธอต้องพูดในสิ่งที่เธอไม่อยากพูดถึง
Rikki – ไม่เป็นไร อันที่จริง ชั้นก็มีบางเรื่องที่อยากจะถามนายอยู่เหมือนกัน ในสมัยที่เรายังซิ่งด้วยกันอยู่ 
Deacon – ถามได้ไม่ว่าหรอกนะ Rikki แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ มาเถอะ ออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า



Rikki – เฮ้ๆ เดี๋ยว ทำไม นายไม่เคยถามชั้นเลยว่า ทำไมชั้นถึงหยุดซิ่งร่วมกับนายกับ Boozer?  
Deacon – ทำไมชั้นต้องถามด้วยล่ะ? ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเพราะ Iron Mike แม่ง ... ให้ตายสิ Rikki นี่เราต้องพูดเรื่องนี้กันตอนนี้จริงๆหรอเนี่ย?
Rikki – เราซิ่งด้วยกันมานานแค่ไหนแล้วนะ ชั้นจำไม่ได้แล้ว เดือนกว่าได้มั้ง แต่ที่ชั้นจำได้แม่นและชัดเจนที่สุดก็คือ คีนนั้น ในขณะที่ข้างนอกหิมะกำลังตกและ Boozer ก็กำลังนอนกรนไม่รู้เรื่อง นายจำได้มั๊ยว่าเขาเคยกรนมาก่อน ชั้นสาบานเลยว่า เขานั่นแหละทำให้ฝูง Freak เข้ามาหาเรา จริงมั๊ย?  ช่างมันเถอะ ตอนนั้นนายคิดว่าทุกคนหลับหมดแล้ว นายก็ออกไปนั่งที่นู้นที่นี่ด้านนอกเหมือนที่นายเคยทำตลอด และนายก็กำลังจ้องมองบางสิ่งจนไม่ได้นอนทั้งคืน ... ขอชั้นดูรูปนั่นหน่อยสิ Deek ได้โปรด 


Rikki – เมื่อชั้นรู้ ชั้นเลยไม่ต้องการที่จะให้มันลงเอยแบบนี้
Deacon – รู้ หรอ ? เธอรู้อะไรหรอ Rikki?
Rikki – ก็เหมือนกับทุกคนที่นี่ ถ้าเราติดอยู่กับอดีต ก็ พยายามที่จะหนีจากมัน  ชั้นก็แค่ ชั้นอยากจะเดินหน้าต่อ โอเค๊ ไม่มองย้อนกลับอีกแล้ว 
Deacon – นี่มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด โอเค๊?  ... เอาล่ะ กลับกันเถอะ 


                 Story Mission: THAT’S WHEN I KNEW




Deacon – หมอบลง !! พวก Ripper !!
Rikki – เดี๋ยวๆๆ เรามาจาก Lost Lake Camp ของ Iron Mike นะ !!
Ripper – ข้าเห็นสัญลักษณ์ด้านหลังเสื้อของหนึ่งในพวกมัน !
Deacon – เธอทำอะไรวะเนี่ย !!? หมอบลง มันยิงมาแล้ว ! ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ !!


                           จากนั้นจัดการพวก Ripper ที่บุกเข้ามาในพื้นที่ให้หมด


Deacon – เอาล่ะ เหมือนจะหมดแล้วนะ 
Rikki – พระเจ้า บางทีนายอาจจะพูดถูก ชั้นเคยเห็นพวก Ripper มาก่อนแต่ไม่เคยเห็นพวกมันเป็นแบบนี้เลย มันเป็นบ้าอะไรวะนะ
Deacon – ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็แค่จัดการกับพวก tweakers สองสามตัวก็แค่นั้น พวกมันอาจจะใช้ PCP ** เกิดขนาดหรืออะไรซักอย่างของแม่งก็ได้


** PCP ( Phenyl cyclohexyl piperidine) หรือ เฟนไซคลิดีน ก็คือ สารที่มีฤทธิ์กระตุ้นหรือกดประสาททำให้เกิดประสาทหลอน เมื่อก่อนมีการเคยนำมาใช้เป็นยาสลบในการผ่าตัด แต่ได้เลิกใช้ยานี้กับมนุษย์มาเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากพบบ่อยว่าผู้ป่วยมีอาการไม่สงบ หลงผิด ขาดสติสัมปชัญญะ ขณะที่ฟื้นจากยาสลบ แน่นอนว่ามีการลักลอบนำสารสะกัดจาก PCP ไปใช้ในการทำยาเสพติด โดยการกินเข้าไปตรงๆ ใช้ควัน หรือฉีดเข้าเส้นเลือดก็ได้
http://narcotic.fda.moph.go.th/welcome/?p=2450

Rikki – ใช่ๆ เหมือนกับ “Bath Salts” ** ไง มันเคยระบาดหนักก่อนที่ทุกอย่างจะล่มสลาย 


Bath Salts ** คือ ยาเสพติดชนิดใหม่ลักษณะคล้ายผงเกลืออาบน้ำ ที่กำลังระบาดในสหรัฐฯ ทำให้ผู้เสพเกิดอาการประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ขาดสติ หวาดระแวง มีพฤติกรรมรุนแรง และมีพละกำลังเหนือมนุษย์ที่เราเรียกกันว่า ยาซอมบี้ นั่นเอง 

Deacon – มาเถอะ ไปดูสิว่าพวกแม่งทำอะไรกับมอไซด์เรารึเปล่าจะได้ออกจากที่นี่กันซะที บอกตรงๆชั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไม Iron Mike ต้องไปทำสัญญาสงบศึกบ้าบอกับไอ้พวกห่านี่ทำไมก็ไม่รู้ ไอ้พวก Ripper ชั่วเอ้ย แม่งทำกับแขนของ Boozer เอย ทำกับ Lisa เอย 
Rikki – Deek !! ชั้นเจอไอ้สิ่งนี้อยู่ในมือของพวกมัน 
Deacon – อะไร !!



Rikki – มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ใช่สัญลักษณ์ของพวกนายป่ะ แล้วนายกับ Boozer ไปมีปัญหาอะไรกับพวก Ripper มาก่อนหน้าที่จะมาขโมยยาฆ่าเชื้อของแค้มป์ชั้นรึเปล่า?
Deacon – อ่า ชั้นไม่รู้ นี่ฟังนะ ไอ้เจ้า Carlos มันจะคิดยังไงกับชั้นก็ช่างแม่งสิ เพราะมันเทียบกับสิ่งที่ชั้นจะทำตอนเจอมันไม่ได้หรอก !! 
Rikki – มาเถอะ ออกจากที่นี่กันได้แล้ว 


                     Story Mission: IT’S A LONG STORY



Rikki – เอาล่ะ เราจะตามถนนเส้นนี้เพื่อลงใต้กันต่อ เราต้องเช็คดูว่าหม้อแปลงไฟฟ้าที่เราเพิ่งเปิดใช้งานมันไปมันใช้ได้จริงรึเปล่า 
Deacon – โอเค นำไปได้เลย 
Rikki – เฮ้ ชั้นขอถามอะไรหน่อยสิ 
Deacon – ใครห้ามไว้ล่ะ
Rikki – ตกลงเรื่องในแก็งค์ MC ของนายมันลงเอยยังไง? ** (MC = Mongrel Motorcycle Club) **
Deacon – เรื่องมันยาวน่ะ 
Rikki – เราก็ต้องขี่อีกไกล มีเวลาเหลือเฟือ 
Deacon – โอเค ชั้น เอ่อ ชั้นเคยอยู่หน่วย 10th Mountain มาก่อน เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยที่ล่วงหน้าไปทำงานร่วมกับ Northern Alliance 
Rikki – ให้ตายเหอะ ชั้นไม่เคยรู้เลยนะว่านายเคยเป็นทหารมาก่อนอ่ะ ทำไมถึงเป็นหรอ?
Deacon – นี่ตกลงเธออยากจะฟังต่อหรือไม่ฟัง ?
Rikki – โทษที เล่าต่อสิ



Deacon – ในขณะที่เรากำลังเดินทางไปยัง มาซาอี ชาริฟ ใน อัฟกานิสถานก็ถูกพวก Taliban ซุ่มโจมตี พวกมันอยู่บนรถบรรทุกที่ขนปืนต่อต้านอากาศยาน ZU-23 
Rikki – ปืนใหญ่อ่ะหรอ?
Deacon – ใช่ ปืนที่โคตรจะใหญ่เลย แล้วรถฮัมวี่ของเราก็ถูกยิงระเบิดกระเด็นข้ามหน้าผาจนตกลงไปในน้ำ เธอไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนที่จะจมน้ำตายใน อัฟกานิสถานน่ะ โคตรยากอ่ะ แอ่งน้ำแค่นิดเดียวในพื้นที่ทะเลทรายที่แม่งโคตรจะใหญ่เลยนะ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงชั้นก็หนีตายออกมาจากรถนั่นได้ พอชั้นออกมาได้รถฮัมวี่นั่นก็จมลงน้ำไปในแม่น้ำทันทีเลย ชั้นลอยดูอยู่นานว่าจะมีใครรอดขึ้นมารึเปล่า ชั้นเอ่อ ค่อยพยุงร่างของพวกเค้าเข้ามาที่ฝั่ง ทำแบบนั้นไปๆมาๆอยู่ถึง 7 รอบ  นั่นแหละ อดีตของชั้น  พอชั้นได้กลับมาบ้าน ชั้นก็ เอ่อ ซื้อรถมอไซด์ ขี่ไปแบบไม่มีจุดหมายอยู่หลายปี ไปที่นั่นแล้วก็ไปที่นั่นต่อ จนถึง ..
Rikki – ถึงเมือง Farewell ? นายเติบโตอยู่แถวๆนั้นใช่มั๊ย?
Deacon – ใช่ๆ ในสุดท้ายชั้นก็ตกลงที่จะลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น ได้งานที่ร้านขายมอเตอร์ไซด์ของตาลุงคนนึงที่ชื่อ Jack เขาเป็นเจ้าของ Club ด้วย เราเรียกเขาว่า The Prez  เขา เอ่อ ช่วยอบรมสั่งสอนชั้นด้วยตัวเองเลยล่ะ
Rikki – เดี๋ยวนะ Jack หรอ? ชั้นจำได้ว่า Boozer เคยเล่าให้ฟังว่าเขาเคยติดคุกหรืออะไรนี่แหละ 
Deacon – แล้วทุกอย่างก็แย่ลง และ เขาก็ไม่ยุ่งกับเรื่องของ Club อีกเลย 


Rikki – โอ้ ให้ตายสิ มีหม้อแปลงเสียอยู่อันนึงใช่มั๊ยเนี่ย?
Deacon – เอาไว้เรากลับมาอีกทีตอนเช้าก็แล้วกัน ตอนนั้นพวก Freak มันมีไม่มาก เธอจะได้ไปเตรียมเครื่องนู้นนี่นั่นมาซ่อมมันได้ง่ายๆ
Rikki – งั้นคืนนี้ก็อดอาบน้ำอุ่นเลยสินะ? โอเค แต่ ก่อนกลับชั้นอยากจะให้นายดูอะไรก่อน
Deacon – ไม่เอาแล้ว Rikki วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ 
Rikki – เถอะน่า มาเถอะ นายรู้เรื่องพวก Freak เยอะไม่ใช่หรอ ชั้นอยากจะให้นายดูบางอย่างที่นายไม่เคยรู้มาก่อนไง มาเถอะน่า อยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง 
Deacon – แม่งเอ้ย เออ ก็ได้ !! 

      

Rikki – ชั้นขอถามอะไรนายอีกอย่างนึงได้มั๊ย?
Deacon – ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกอ่ะ ใครห้ามเธอล่ะ
Rikki – ทำไมนายถึงยังติดตราอยู่อีก? 
Deacon – ชั้นไม่รู้ว่าเธอหมายความว่าอะไรนะ?
Rikki – ชั้นหมายถึงทำไมนายกับ Boozer ถึงยังใส่เสื้อสัญลักษณ์ของแก็งค์ MC อยู่ หรือว่าพวกนายกำลังจะรับคนเข้าแก็งค์ใหม่เพิ่ม หรือ ต้องการจะอ้างสิทธิ์ในอาณาเขตของนายให้ชัดเจน
Deacon – เปล่า
Rikki – เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ชั้นเจอชายสองสามคนที่โรงงานที่ชั้นทำงานอยู่ก็ติดตราที่เสื้อเหมือนกัน พอชั้นถามพวกเขาเรื่องนั้น พวกเขาบอกว่าประดับสัญลักษณ์นี้เหมือนจะเป็นการบอกว่า Fuck you ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันให้ Fuck ใคร ตำรวจ  พวกผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรืออะไร? ตกลงพวกนายจะกบฏต่ออะไรหรือกับใครกันแน่?
Deacon – ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าBoozer มันจะคิดเหมือนกันมั๊ย แต่การติดสัญลักษณ์นี่สำหรับชั้นมันหมายถึง นี่แหละกูเอง ชั้นทำเรื่องงี่เง่ามามากมายในชีวิต แต่การเข้าร่วมกับแก็งค์ MC เป็นสิ่งที่นึงในไม่มีกี่อย่างที่ชั้นทำลงไปโดยไม่เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว 



Deacon – Riki เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ชั้นเห็นสถานีรถไฟร้างของพวก NERO นี่มาเป็นพันครั้งแล้วนะ
Rikki – ดูก่อน ไม่ใช่แบบที่นายเคยเห็นแน่ 
Deacon – นี่มันห่าอะไรวะเนี่ย ?
Rikki – ดูพวกมันสิ ชั้นมาที่นี่เพื่อมาซุ่มดูพวกมันมาสองสามครั้งแล้ว พวกมันอาศัยอยู่ในอาคารหลังใหญ่นั่นและจะออกมาในทุกๆคืนเหมือนมีใครมาสั่นกระดิ่งบอกเวลาอาหารเย็นเลยใช่มั๊ย พอตอนใกล้เช้าพวกมันก็จะกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งเพื่อจำศีล
Deacon – เธอหมายความว่าเธอไม่เคยลงไปที่นั่นเพื่อสังเกตพวกมันใกล้ๆเลยใช่ป่ะ?
Rikki – ฮา มาก ชั้นเคยลงไปดูพวกมันใกล้ๆครั้งนึงก่อนที่พวกมันเป็นโหลจะกรูเข้ามาไล่ตามล่าชั้นเหมือนไปแหย่รังแตนยังไงยังงั้นเลย มาเถอะ กลับกันได้แล้วใกล้จะมืดแล้ว 



Deacon – ชั้นเองก็ไปเห็นบางอย่างที่เธอแทบจะไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ 
Rikki – เล่ามาเลยสิรอไรอยู่ เดี๋ยวให้ชั้นเดานะ นายเห็นเฮลิคอปเตอร์ของพวก NERO ใช่มั๊ยล่ะ?
Deacon  – เอ่อ แล้วเธอรู้ได้ยังไงเนี่ย?
Rikki – พวกมันลงจอดหลายครั้งรอบๆ Lost Lake แล้วนายจะสนทำไมพวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยพวกเราซักหน่อย ในทางกลับกัน มันยิงทันทีที่เห็นมากว่า 
Deacon – ชั้นไม่สนหรอก


Addy – เฮ้ นี่เธอหายไปไหนมาทั้งวันเนี่ย? 
Rikki – ยินดีที่ได้เจอเหมือนกัน 
Addy – Skizzo บอกว่าเธอกับ Deacon ขี่รถออกไปด้วยกันชั้นล่ะห่วงแทบแย่รู้มั๊ย?
Rikki – Addy พอๆ วันนี้ชั้นเหนื่อยมากแล้ว เฮ้ Deek ขอบคุณมากนะที่ช่วย
Deacon – อืมมม ถ้าเธอจะออกไปซ่อมหม้อแปลงไฟนั่นเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกันนะ ชั้นอยู่แถวๆนี้แหละ 
Addy – บ้าเอ้ย !
Rikki – เธอมีปัญหาอะไรเนี่ย? 
Addy – ไม่ เธอสิมีปัญหาอะไร !!
Rikki – ก็อย่างที่บอก วันนี้ชั้นเหนื่อยมากแล้วไง 
Addy – โอเค ชั้นขอโทษ อย่างที่ชั้นบอก ชั้นก็แค่เป็นห่วง ถ้าเธอออกไปไหนโดยไม่บอกกันก่อนน่ะ 
Rikki – โอเค .. 
Addy – แค่เนี่ยอ่ะนะ? 


             STORYLINE – I REMEMBER

                    Story Mission: MOMENT OF LUCIDITY

เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจเพื่อตามรอยทีมสำรวจของ NERO เพื่อลักลอบบันทึกข้อมูลให้กับ O’Brian ต่อ


Deacon – O’Brian ตอนนี้ชั้นมาถึงตำแหน่งต่อไปตาม GPS ที่นายให้มาแล้วนะ อยู่แถวๆ Camp Creek แต่ยังไม่เห็นมีห่าอะไรเลย?
O’Brian – แปบนะ ..... เอ่อ พวกเขากำลังเข้าพื้นที่ในอีกไม่กี่นาที เดี๋ยวนายก็เห็นเอง แค่นี้นะ 
Deacon – เดี๋ยวก็เห็นเอง โธ่ ไอ้แม่เยอะ รีบพูดรีบไปจริงๆเลยนะ แม่งเอ้ย !!



O’Brian – นี่ O’Brian นะทราบแล้วเปลี่ยน ? 
Deacon – เออ ได้ยินแล้ว สรุปตกลงเรื่องทั้งหมดมันคือยังไง? ชั้นหมานถึงเรื่องที่เราคุยค้างไว้น่ะ ทำไมถอดชุด HAZMAT มาคุยกันตรงๆเลยวะ
O’Brian – ยังไม่ได้หรอก ผมบอกคุณแล้วไง พวกมันกำลังจะปิดบังอะไรเราบางอย่าง แต่ใกล้แล้วล่ะ ผมกำลังเก็บข้อมูลใกล้เสร็จแล้ว
Deacon – แกรู้มั๊ย? ชั้นยังไม่เคยได้ข้อมูลความคืบหน้าของ Sarah จากแกเลยซักนิดเลยนะ ชั้นต้องการข้อมูลของเธอ
O’Brian – ผมก็บอกแล้วไงว่ากำลังหาข้อมูลให้อยู่  คือมัน มันต้องใช้เวลาหน่อย คุณต้องอดทนหน่อยสิ เข้าใจนะ 
Deacon – ดูเหมือนชั้นคงไม่มีทางเลือกเลยสินะ ติดเครื่องติดตามที่เฮลิคอปเตอร์แล้วแอบฟัง บลาๆ เออๆ รู้แล้ว!

หลังจากลอบเข้าไปติดเครื่องติดตามที่เฮลิคอปเตอร์เสร็จแล้ว ลอบตามนักวิจัยเพื่อแอบฟังพวกมันคุยกันและรอ O’Brian โหลดข้อมูลทั้งหมดให้เสร็จ



Lt.Booth – บันทึกพื้นที่สำรวจที่ 2 – 0 – 6 – 8 อีกตัวอย่างทดลองหนึ่งที่แสดงถึงสัณฐานวิทยาของการติดเชื้อระยะที่สอง เส้นเอ็นในบริเวณมือและนิ้วเกิดการบีบรัดเล็กน้อย เล็บที่ดูเหมือนกงเล็บเหมือนจะเพิ่งงอกขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ พวกมันยังมีการสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับอยู่แม้จะน้อยชิ้นและขาดรุ่งริ่ง 
Cpl. Frankin – เฮ้ คือ โทษนะครับ คือผมแอบได้ยินน่ะ การที่พวกมันมีหรือไม่มีเสื้อผ้าเครื่องประดับนี่มันสลักสำคัญยังไงหรอครับ?
Lt.Booth – สิ่งมีชีวิตกลายพันธ์พวกนี้อยู่ข้างนอกนี่มากว่า 2 ปีแล้ว คุณลองเอานาฬิกาให้ลิงบาบูนใส่ซัก 2 ปีแล้วปล่อยให้มันหลุดเข้าไปในป่าดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น 
Cpl. Frankin – โอเคๆ ผมเข้าใจแล้ว 
Lt.Booth – และ นาฬิกานี่ก็ยังดูใหม่อยู่เลย หมายถึงพวกตัวอย่างทดลองพวกนี้ อาจจะดูแลมันอย่างดีหรือไม่ก็เพิ่งได้มันมา



Cpl. Frankin – เพิ่งได้มาใหม่งั้นหรอ? ให้ตายสิผมคิดว่าพวกมัน ..
Lt.Booth – มันฟังดูบ้ามากเลยใช่มั๊ยล่ะ? ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในระยะแรกนั้นยังดูแจ่มใสเหมือนไม่มีอาการใดๆเลย และ ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสระยะที่ 2 ดูเหมือนว่าจะรักษาความทรงจำในระดับหนึ่งไว้
Cpl. Frankin – ไม่จริงน่า บ้าไปแล้ว !
Lt.Booth – อืมม บ้าไปแล้ว ...ดูชุดของพวกนั้นสิ ไม่ได้สกปรกมากอย่างที่คิดเลยนะ มันก็ไม่ได้สะอาดหมดจดหรอกนะ แต่ ก็พวก Freak มันก็ต้องมีทำอะไรเลอะเทอะเป็นธรรมดา ทั้งเยี่ยวทั้งขี้ จริงมั๊ย? แล้วก็ เหมือนเดิม ลองเอานาฬิกาให้ลิงบาบูนมันใส่เสื้อผ้าซัก 2 ปีแล้วปล่อยให้มันหลุดเข้าไปในป่าดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลองคิดดูสิ ทำไมพวก Freak จำนวนมากมายที่นี่ถึงทำรังในที่ที่เคยมีคนอาศัยอยู่ ? ชั้นคิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่างฝังอยู่ในหัวที่บิดๆเบี้ยวๆของพวกมันที่ทำให้พวกมันยังจำได้ว่าครั้งนึงพวกมันเคยอยู่ที่ไหน 


Cpl. Frankin – พระเจ้า ... อย่าบอกนะว่าพวกมันยังรู้สึกตัวอยู่อ่ะ 
Lt.Booth – ไม่หรอก เราทำ CT Scan เสร็จแล้ว ตามเงื่อนไขของหลักชีววิทยาของมนุษย์ สมองพวกเขาตายหมดแล้ว 
Cpl. Frankin – หมายความว่าไง?
Lt.Booth – เรื่องนี้ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน เราถึงได้ต้องออกมาหาคำตอบกันที่นี่ไง
Deacon – เดี๋ยวนะ หมายความว่าไง แบบ Freak มันตื่นขึ้นมาแล้วอาบน้ำแต่งตัวใส่สร้อยกับนาฬิกาเรือนโปรด ส่งจูบเมียก่อนออกจากถ้ำมาแดกพวกเราแบบนี้อ่ะหรอ? พวกมันกินกันเองด้วยซ้ำ ทำไมไอ้พวกนี้ถึงต้องมาเสียเวลากับไอ้พวกบ้านี่ด้วยวะ .... หวังว่าแกคงได้ข้อมูลไปครบแล้วนะ O’Brian  โอเค ออกจากที่นี่ได้แล้วเรา 



Deacon – O’Brian ทราบแล้วเปลี่ยน ได้ยินรึเปล่า?
O’Brian – แปบนึง ..... เอาล่ะ ว่ามา
Deacon – ชั้นได้ข้อมูลมาหมดแล้ว 
O’Brian – แล้ว เอ่อ นักวิจัยคนนั้นน่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย?
Deacon – ห๊ะ ถามทำไมอ่ะ?
O’Brian – ผู้หญิงหรือผู้ชาย?
Deacon – เอ่อ ผู้หญิง แต่ชั้นไม่รู้ชื่อของเธอนะ 
O’Brian – โอเค งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวติดต่อไปใหม่ เลิกกัน


Deacon – เฮ้ Rikki ทราบแล้วเปลี่ยน ได้ยินรึเปล่า? ชั้นเอ่อ ชั้นคงต้องออกไปทำธุระข้างนอกแปบนึงนะ อยากจะให้เธอช่วยหาเรื่องแก้ตัวให้หน่อย ไม่รู้ทำไมไอ้เจ้า Skizzo มันถึงต้องให้ชั้นไปทำงานให้มันที่บึงห่านั่นด้วยก็ไม่รู้ แล้วก็ เอ่อ Boozer เขาดูหงอยๆยังไงไม่รู้ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แต่บอก Addy ด้วยว่า ชั้นมีทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่ 
Rikki – นายจะทำยังไง? 
Deacon – ไม่รู้สิ แต่ชั้นว่าจะกลับไปที่ O’Leary Mountain หน่อยจะกลับไปเอารถมอไซด์คันโปรดกลับมาให้เขาอ่ะนะ 
Rikki – แต่นายต้องเดินกลับไปเอารถยาวเลยนะน่ะ?
Deacon – เรื่องนั้นชั้นจัดการเอง ตกลงจะช่วยแก้ต่างให้ชั้นรึเปล่าเนี่ย?
Rikki – ได้สิ 


       STORYLINE – HE’S MY BROTHER

                 Story Mission: RIDING THE OPEN ROAD


เดินทางไปที่จุดหมายในแผนที่ที่ O’Leary Mountain แล้วขึ้นขี่รถของ Boozer ที่จอดอยู่เพื่อนำกลับมาที่ Lost Lake Camp


Deacon – นี่ไง ของที่ชั้นอยากจะให้นายดู
Boozer – เดี๋ยว อะไรวะเนี่ย นี่แกถ่อไปถึงที่นั่นเพื่อเอารถกลับมาให้ชั้นเนี่ยนะ?
Deacon – ก็นะ ชั้นกลัวคนของ Cope จะมาเอามันไปแยกชิ้นส่วนก่อนนะสิ 
Boozer – พระเจ้า ... Deek 
Deacon – เอ่อ อันที่จริง ชั้นเกือบจะหาชิ้นส่วนที่ชั้นต้องการครบแล้วนะ ถึงมันจะไม่ใช่อะไหล่ที่ดีแบบต้องผ่านมาตฐานของนายก็เถอะ ..



Boozer – ให้ตายสิ เพื่อน ขอบใจมากๆนะ นี่คือสิ่งนึงที่ชั้นเกือบจะลืมมันไปแล้ว .. ซิ่งไปบนถนนอย่างอิสรเสรี ...เฮ้อ ..บ้าเอ้ย ... 


                                    -STORYLINE complete 100 % - 


                                 Unlock Custom Skins : HE’S MY BROTHER Custom


             Camp Mission: PROTECTING THE WEAK 

                                                         GONE FISHING

  หลังจากได้รับวิทยุขอความช่วยเหลือจาก Rikki ก็เดินทางไปรับภารกิจกับ Rikki ที่ Lost Lake Camp


Deacon – ว่าไงมีอะไรให้ช่วยหรอ Rikki
Rikki – นายยังจำสองพี่น้องฝาแฝด Abigail กับ Gabbi Butler ได้มั๊ย?
Deacon – เอ่อ จำไม่ได้อ่ะ แต่มันเกิดอะไรขึ้นหรอ?
Rikki – พวกเธอทั้งคู่ออกไปตกปลากันตั้งแต่ตอนเย็นจนตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย 
Deacon – จุดตกปลาที่ Lakeshore ก็น่าจะปลอดภัยดีแล้วนะ นอกจากพวกนั้นจะออกนอกพื้นที่บึง
Rikki – ใช่เลย พวกเธอไม่ได้ตกแถวนี้แต่ออกไปทางตะวันออกที่แม่น้ำ Metolius River นู้นเลย
Deacon – พวกนั้นคิดบ้าอะไรถึงทำแบบนั้นกันนะ เอาล่ะ ยังไงชั้นจะลองตามหาให้ก็แล้วกันนะ
Rikki – ขอบคุณมาก Deek 

จากนั้นเดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจที่จุดตกปลาที่แม่น้ำ Metolius River แล้วเข้าไปสำรวจหาเบาะแสจนพบร่องรอยของ Abigail และ  Gabbi โดนพวกโจรจับไป แกะรอยต่อไปตามทางจนถึงจุดหมายถึงเป็นรังของพวกโจร เข้าไปจัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปช่วย Abigail และ  Gabbi ที่ถูกจับอยู่ในบ้าน

แต่โชคร้ายที่ร่องรอยที่สำรวจพบภายในบ้านนั้นพบว่า Abigail ที่พยายามต่อสู้ขัดขืนพวกโจรจึงถูกฆ่าตายไปก่อนหน้านี้เหลือแต่  Gabbi กำลังนั่งร้องไห้ด้วยความกลัวอยู่คนเดียว


Deacon – เฮ้ Gabbi เธอโอเคนะ  ไม่ต้องกลัว ชั้นไม่ทำร้ายเธอหรอก Rikki ส่งชั้นมาช่วยเธอน่ะ 
Gabbi – พวกมันฆ่าพี่สาวชั้น พวกมันฆ่า Abigail .. ฮืออ ..
Deacon – ชั้นรู้ๆ ชั้นก็เสียใจแต่เราต้องรีบกลับแค้มป์กันก่อนนะ มาเถอะๆ มากับชั้น 
Gabbi – ไม่ !! ชั้นกลับเองได้ ชั้นกลับได้ 
Deacon – โอเคๆ รีบกลับด่วนเลยนะ !!


                       Camp Mission: BOUNTY HUNTER

                                                  I’LL DOUBLE IT

หลังจากได้รับวิทยุขอความช่วยเหลือจาก Tucker ก็เดินทางไปรับภารกิจกับ Tucker ที่ Hot springs Camp


Tucker – อ่า คุณ Deacon ชั้นมีเรื่องจะให้ช่วยเหลือหน่อย นายจำ Richard Marsdon ที่เคยทำงานให้เราได้มั๊ย? 
Deacon – ถ้าป้าหมายถึง Rick “The Prick” Marsdon ล่ะก็ ใช่ ผมรู้จัก ผมคิดว่า Alkai ไล่มันออกจากแค้มป์ไปแล้วนะเนี่ย
Tucker – ไล่ไปแล้ว มันถึงไม่แฮปปี้ แล้วกลับมาลอบจัดการคนของเราที่ออกไปค้นหาเสบียงตายไป 3 นี่ไง 
Deacon – ไอ้ลูกหมาเอ้ย ชั่วจริงๆ เดี๋ยวผมจัดการมันให้เอง
Tucker – ขอบใจมาก Deek ชั้นล่ะนับถือนายจริงๆเลย


จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายของภารกิจซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของ Rick แต่ระหว่างทางขึ้นเขาที่ BLACK CRATER จะพบแค้มป์ของพวก Rippers ขวางทางอยู่ Deacon จึงต้องเข้าไปจัดการถล่มแค้มป์ของพวกมันเสียก่อนถึงจะผ่านไปได้


                        Side Mission: Ambush Camp Hunter

                                           BLACK CRATER Ambush Camp


Addy – Deacon ทราบแล้วเปลี่ยน ได้ยินรึเปล่า?
Deacon –ว่าไง Addy มีอะไรรึเปล่า? 
Addy – คุณพอจะมีเวลาว่างแวะมาที่โรงพยาบาลที่ Lost Lake Camp บ้างได้รึเปล่า
Deacon – เกิดอะไรขึ้นหรอ? 
Addy – เปล่า .. ชั้นแค่อยากคุยอะไรด้วยหน่อยน่ะ
Deacon – โอเค ถ้าว่างแล้วผมแวะไปนะ

** หลังจากคุยกับ Addy จบภารกิจ STORYLINE: SURVIVING ISN’T LIVING จะปลดล็อกออกมา **

จากนั้นเข้าไปในแค้มป์ของพวก Rippers แล้วจัดการพวกมันให้หมด (14 ตัว) แล้วเข้าไปที่จุดที่เป็นบังเกอร์ที่ซ่อนสมบัติของพวกมัน ซึ่งจะอยู่สุดทางของเนินทางขวาที่ต้องเลี้ยวขวาขึ้นบันไดจากทางเข้าด้านหน้า ลงไปสำรวจที่โต๊ะแผนที่ก็จะได้สูตรผสมทำ FOCUS COCKTAIL มาใช้ ก็จะจบภารกิจนี้

         
เมื่อเคลียร์จุด BLACK CRATER Ambush Camp ได้แล้วก็จะสามารถเดินทางผ่านแค้มป์ไปต่อที่จุดหมายของภารกิจของ Camp Mission: BOUNTY HUNTER : I’LL DOUBLE IT ต่อได้


เดินทางเข้าไปยังจุดหมายของภารกิจ BOUNTY HUNTER : I’LL DOUBLE IT ต่อจนถึงจุดหมายซึ่งเป็นแค้มป์ของ Rick และพวกของมัน


จัดการ Rick the Prick ศัตรูเป้าหมายและศัตรูในแค้มป์ให้หมด สำรวจเก็บหลักฐานหมวกคาวบอยจากศพของ Rick เอากลับไปยืนยันกับ Tucker ที่ Hot springs Camp ก็เป็นอันจบภารกิจนี้


               STORYLINE: WORLD’S END

                           IRON BUTTE PASS Nero Checkpoint



เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจที่จุด Nero Checkpoint ที่อยู่ทางใต้ของ Hot springs Camp เข้าไปจัดการพวก Rippers ให้หมด เก็บแกลลอนน้ำมันที่อยู่ข้างเต้นท์ด้านในมาใส่ที่เครื่องปั่นไฟ


เมื่อใส่น้ำมันจนเต็มแล้ว ในขณะที่กำลังกดปุ่มเปิดเครื่องจะพบว่าเครื่องปั่นไฟเกิดช็อตขึ้นมาต้องทำการซ่อมมันก่อน กดสำรวจเพื่อซ่อมให้เรียบร้อยจะพบจุดของลำโพงในพื้นที่แสดงขึ้นมาในแผนที่ให้ไปจัดการตัดลำโพงที่อยู่ในพื้นที่ให้หมดก่อนแล้วค่อยมาเปิดเครื่องปั่นไฟก็จะสามารถเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (Nero Mobile Medical Unit) ได้แล้ว เข้าไปสำรวจเก็บ Nero Injector ที่อยู่ด้านในมาอัพเกรดสเตตัสของตัวเอง ก็จะเป็นอันจบภารกิจ

ก่อนจะดำเนินเรื่องในภารกิจหลักต่อไป ยังมีจุด Nero Checkpoint เหลืออยู่อีก 2 จุดในบริเวณใกล้เคียงกับ Hot springs Camp ให้เคลียร์ด้วย


โดยจุด  Nero Checkpoint ด้านล่าง ( A) นั้นไม่สามารถเดินเข้าไปได้ ต้องใช้การขี่มอไซด์แล้วใช้ไนตรัสเร่งความเร็วเพื่อโจนข้ามหน้าผาไปก็จะพบ Nero Injector ให้เก็บบนเนินเขาอีกด้าน


ส่วน จุด  Nero Checkpoint ด้านล่าง ( B) อยู่ด้านในถ้ำที่เต็มไปด้วยพวก Freaker ซึ่งจะต้องเข้ามาในตอนกลางคืนในขณะที่พวกมันออกไปหากินทั้งฝูง ก็จะสามารถเข้าไปในถ้ำเพื่อเก็บ Nero Injector ที่อยู่ด้านอย่างสะดวก


** เมื่อถึงตรงนี้ ผู้เล่นก็จะสามารถเก็บ Nero Injector จาก จุด  Nero Checkpoint ได้ครบทุกจุดแล้วว **


                                                  อ่านต่อ หน้าที่ 2 
                         
               http://decibelperoxide.blogspot.com/2019/07/days-gone-page-2.html

                                             UPDATE 20 / 7 / 2019