วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Rise of Tomb Raider



กำเนิดใหม่ Tomb Raider ที่สร้างสรรโดยทีมงาน Crystal Dynamics ซึ่งเคยฝากผลงานที่เคยทำให้กับซีรีย์ Tomb Raider กับภาค Legend, Anniversary และ under World มาแล้วหลายภาค อาจจะประสบความสำเร็จบ้างแต่ก็ไม่ถึงขีดสุด เมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของ Eidos Montreal จึงทำให้ผลงานที่เคยทำออกมาไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร์ Crystal Dynamics ต้องรอคอยให้ฝันของตัวเองเป็นจริงเมื่อ Square – Enix เข้ามาควบกิจการของ Eidos การนำ Tomb Raider มาปฏิสนธิใหม่ โดย Kart Stewart Director ของ Crystal Dynamics ภายใต้การดูแลจาก Square – Enix เมื่อทาง Crystal Dynamics ได้ใช้จินตนาการตามเจตนารมณ์ของพวกเขาอย่างเต็มที่ Lara Croft จึงถูกจับมาปรับโฉมใหม่อีกครั้งให้กลับสู่ต้นกำเนิดอีกครั้งในแบบที่พวกเขารอคอยมาถึง 4 ปีเต็ม  โดย Rhianna นักเขียนบทสาวที่เคยประสบความสำเร็จจากการสร้างตัวตนให้กับตัวละครอย่าง Faith จาก Mirror Edge และ Noriko จาก Heavenly Sword มาแล้ว Lara โฉมใหม่ในรูปลักษณ์ของเด็กสาวไร้เดียวสา หวาดกลัว และลังเลทุกครั้งในการทำร้ายคนอื่นถึงแม้คนนั้นจะเป็นศัตรูของเธอก็ตาม ถึงขนาดที่เธอยังว่ายน้ำไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ ด้วยความธรรมดาของเด็กสาวคนนึงผ่านโชคร้ายบนเส้นทางที่เธอเลือกเดิน ทั้งหมดถูกส่งผ่านมาถึงตัวผู้เล่นให้ได้เอาใจช่วยและผลักดันให้เธอก้าวพ้นอุปสรรค์เพื่อไปสู่นักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้ โดยทั้งหมดทั้งปวงในภาคนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ Time Line เนื้อเรื่องในเกม Tomb Raider ภาคที่ผ่านมาแต่อย่างใด ในทางกลับกันกลับทำให้เนื้อเรื่องสมบรูณ์และสวยงามขึ้นอีกหลายเท่าทวีคุณ …

“ การเดินทางครั้งแรกของฉัน เป้าหมายครั้งแรกขอฉันที่ฉันกำหนดเอง ไม่ใช่ความรู้ในตำราเหมือนที่เคยเรียนจบมา แต่เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ฉันต้องการค้นหาการผจญภัยแบบของฉันเองซักครั้ง  หรือ การผจญภัยต่างหากที่ค้นพบตัวฉัน ทำให้ฉันค้นพบบางสิ่ง บางสิ่งที่ทำให้ฉันสามารถก้าวเดินต่อไป บางสิ่งที่ทำให้ฉัน ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป “ 



                                          บทสรุป Tomb Rider Reboot 

                                   ย้ายมาจาก Blog Exteen ที่เคยทำไว้    
                      http://decibelperoxide.exteen.com/20130306/tomb-raider


BY – Decibel per - oxide



“ การเดินทางครั้งแรกของฉัน เป้าหมายครั้งแรกขอฉันที่ฉันกำหนดเอง ไม่ใช่ความรู้ในตำราเหมือนที่เคยเรียนจบมา แต่เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ฉันต้องการค้นหาการผจญภัยแบบของฉันเองซักครั้ง … หรือ การผจญภัยต่างหากที่ค้นพบตัวฉัน ทำให้ฉันค้นพบบางสิ่ง บางสิ่งที่ทำให้ฉันสามารถก้าวเดินต่อไป บางสิ่งที่ทำให้ฉัน ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป “   


Coast of Japan, เรือ Endurance วันที่ 22 ในการเดินทาง , 23.00 น. ……




Lara Croft นักศึกษาด้านโบราณคดีที่เพิ่งจบใหม่ๆ กำลังรำพึงรำพันถึงเรื่องราวและเป้าหมายที่ต้องพยายามไปให้ถึง การพจญภัยที่เธอเดินเข้าค้นหาเพียงด้วยแค่คำว่า สัญชาติญาณ แต่สิ่งที่ไม่เคยคาดหวังก็เกิดขึ้นเมื่อเรือ Endurance เข้าไปเจอพายุใหญ่ทำให้มันแตกออกเป็น 2 ซีก ผู้โดยสารมากมายต้องตกลงไปในทะเลที่เชี่ยวกราด Lara พยายามวิ่งไปหากัปตัน Roth ที่ยื่นมือออกมาเพื่อพยายามจะช่วยเธอ แต่ก็สายเกินไปกระแสนำกระแทกจน Lara ตกลงทะเลไป Lara พยายามทรงตัวเพราะเธอว่ายน้ำไม่แข็งมากนัก จนขึ้นมาถึงฝั่งได้สำเร็จ ในขณะที่สติกำลังเลือนลาง เธอได้ยินเสียงเพื่อนๆดังมาจากบนเกาะ เธอพยายามร้องเรียกให้ช่วยอย่างสุดเสียง เมื่อพยายามทรงตัวขึ้นยืนจากอาการมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอก็ต้องร่วงลงอีกครั้งด้วยหมัดขวาตรงเข้าที่หน้าจากชายนิรนามจนสลบไป …

-Lara รู้สึกตัวขึ้นมาในถ้ำแห่งหนึ่งในสภาพที่ถูกแขวนห้อยหัว พยายามดิ้นไปมา (ใช้แกนอนาล็อกซ้ายดันซ้าย – ขวา ไปมา ) จนทำให้ศพใกล้ไปโดนคบไฟไหม้ลามไปที่ไม้ด้านบน ขยับซ้ายขวาต่อให้ตัวไปโดนกับไฟ จนทำให้หลุดจากเชือกตกลงมาด้านล่าง โชคยังดีที่เธอหลบพ้นเหล็กแหลมที่ตั้งอยู่ แต่มันก็เสียบเข้าสีข้างจนบาดเจ็บอยู่ดีเดินเข้าด้านในสำรวจเก็บคบไฟ (กด X – สำรวจ) เอาไปเผาทำลายแผงไม้ที่กั้นทางตรงหน้า (กด X ค้าง) ผ่านน้ำตกเข้าไปจนถึงห้องด้านในจะพบมีแผงไม้และถังน้ำมันขวางทางอยู่

เรียนรู้การใช้ Survival Instincts (กด LB) ทำให้สามารถมองเห็นจุดสำคัญของปริศนาที่ต้องแก้ชัดขึ้น รวมถึงสามารถใช้ดูไอเทมต่างๆที่ซ่อนอยู่ในแผนที่ได้ชัดขึ้นด้วย ซึ่ง Survival Instincts ถือว่าเป็นระบบเอาตัวรอดที่สำคัญมากที่ต้องใช้ในการเล่น …

- เข้าไปจุดคบเพลิงกับไฟด้านขวา ปีน (กด A – กระโดด , ปีน ) นั่งร้านขึ้นด้านซ้ายเอาคบเพลิงจุดไฟไปที่ผ้าให้มันลามไปถึงถังน้ำมันที่ขวางทางจนระเบิดเปิดทางไปต่อได้เข้าด้านในตามถ้ำแคบๆต่อระหว่างทางจะพบชายที่บ้าคลั่งพยายามมาจับตัว ( ใช้แกนอนาล๊อกซ้ายขยับซ้าย – ขวาและกดปุ่มที่ขึ้นมาให้ทันเพื่อเอาตัวรอด ) จนสามารถผ่านเข้ามาถึงห้องต่อไปซึ่งจะพบ แผงไม้และถังน้ำมันขวางทางอยู่ทางซ้ายและจะมีน้ำตกกั้นไม่สามารถนำไฟมาจุดระเบิดได้
- ผ่านเข้าถ้ำทางขวาก่อนจะพบ กระเช้าที่ถูกมัดอยู่ ขึ้นไปจุดคบเพลิงลงมาเผาเชือกที่มัดกระเช้าออกให้หมด กระเช้าจะลอยขึ้นด้านบน ขึ้นไปนั่งร้านทางขวาโดดไปที่กระเช้าแล้วจะทำให้ กล่องตกลงมาใส่ช่องทางขวา โดดกลับมาที่นั่งร้านทางขวา จุดไฟใส่กล่องไม้ในตะแกรงเหล็ก แล้วกระแทก (กด Y) ให้กล่องไม้ที่ติดไฟไหลไปที่ถังน้ำมันในถ้ำด้านในจนระเบิดเปิดทางไปต่อได้
 -จากนั้นเข้าด้านในต่อ พยายามหนีเอาตัวรอดจากพวกที่มาตามล่าและถ้ำที่กำลังถล่ม ( ด้วยการกดปุ่มตามที่ขึ้นมาให้ทัน ) จนสามารถออกมาที่หน้าออกจากถ้ำได้สำเร็จ เดินเลาะลงไปตามไหล่เขาของชายฝั่งทะเลจนถึงถ้ำด้านล่างด้านในจะพบซากเครื่องบินโบราณแขวนอยู่ ใช้มันเพื่อเกาะปีน ( LS + A ) ข้ามมาที่ทางออกของถ้ำอีกฝั่ง เลาะริมหน้าผาไปจนพบกำแพงอิฐ วิ่งไต่กำแพง ( กด A ระหว่างวิ่งกระโดดขึ้นกำแพง) แล้วขึ้นไปบนเนินดินจะพบกระเป๋าของ Sam ซึ่ง Lara จะเก็บ กล้องวีดีโอ , ไม้ขีด และ วิทยุสื่อสาร มาใช้ จากนั้นเลาะลงล่างไปจนถึงหน้าผาที่เป็นแค้มป์เก่า Lara จะพยายามจุดไฟด้วยไม้ขีดด้ามอันเดียวที่เหลืออยู่เพื่อใช้สร้างความอบอุ่น

ระหว่างนั้นเธอเปิดวีดีโอที่ Sam บันทึกเอาไว้ระหว่างที่อยู่บนเรือ  Samantha Nishimura หรือ Sam ชื่อเล่นสั้นๆที่ Lara ใช้เรียกเพื่อนซี้ของเธอ Sam เดินทางมาในฐานะฝ่ายบันทึกภาพในการทำสารคดีชิ้นนี้ โดยเพราะแม่ที่เป็นคนโบตุเกส และ พ่อเป็นคนญี่ปุ่น ทำให้เธอชำนาญทางของทะเลญี่ปุ่นอยู่พอสมควร ในขณะที่ Lara นั้นเป็นฝ่ายข้อมูลในการค้นหาสมบัติโบราณของเจ้าหญิงโบราณของญี่ปุ่น ซึ่ง Lara นั้นมักจะมีปากเสียงกับ Dr. James Whitman เจ้าของรายการสารคดีด้านโบราณคดีชื่อดังอย่าง " Whitman's World " เป็นประจำในเรื่องตำแหน่งของสมบัติโบราณ ซึ่ง Dr. Whitman นั้นตามหาตามทฤษฎี แต่ Lara นั้นใช้ สัญชาติญาณ ในการค้นหา แต่ทุกคนรวมทั้ง กัปตัน Conrad Roth ที่เป็นคนสนิทของพ่อและแม่ของ Lara เองก็มักจะเห็นด้วยกับสัญชาติญาณของเธอจนทำให้ Dr. Whitman ต้องหยุดพูดไปทุกครั้ง ถึงแม้เส้นทางที่ Lara เลือกที่จะไปนั่นคือเส่นทางมรณะกลางทะเลที่เรียกกันว่า สามเหลี่ยมปากมังกร ก็ตาม และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ Lara รู้สึกผิดที่นำพาทุกคนให้มาเจอโชคร้ายแบบนี้ …

-ออกจากแค้มป์แล้วเข้าในป่าต่อ เป้าหมายคือหาอาหารประทังชีวิต จนเข้ามาเห็นศพที่ตายแขวนอยู่บนต้นไม้พร้อมกับธนู Lara คิดจะเอาธนูมาใช้ในการป้องกันตัวและล่าสัตว์เธอจึงปีนขึ้นไปบนบ้านร้างโดดไปถึงต้นไม้และดันเอาศพตกลงมาเก็บเอาธนูมาใช้จนได้

การใช้ธนู
LT + RT - เล็งยิงธนู
LS แกนอนาล็อกซ้าย – สลับข้างยิง
RS แกนอนาล็อกขวา – ซูมยิง

-จากนั้นก็มองหากวางหรือกระต่ายที่อยู่แถวๆนี้แล้วจัดการล่ามาให้ได้ 1 ตัว Lara จำใจต้องลงมือชำแหละเอาเนื้อมากินประทังชีวิตทั้งๆที่สงสารและไม่เคยทำมาก่อน จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปที่แค้มป์ที่ผ่านมาเพื่อพักผ่อนซึ่งจะทำให้ที่นี่กลายเป็น Base Camp แรกของเกมทันที

 Base Camp – เป็นที่สำหรับพักผ่อน เซฟเกม (แบบ Auto Save) และสำหรับ Upgrade Skill ความสามารถด้านต่างของ Lara โดยใช้ Skill Point ที่ได้มาจากการกระทำต่างๆทั้งการแก้ปริศนาสำเร็จ การกำจัดศัตรูรวมถึงการล่าสัตว์ด้วย ซึ่ง Upgrade Skill ที่สามารถทำได้ตอนนี้คือ

Survivor Class:
Animal Instincts - เมื่อใช้ Survival Instincts (กด LB) จะทำให้เห็นสัตว์ที่จะล่า, ศัตรู และไอเทมในแผนที่ชัดเจนขึ้น (เป็นสีเหลือง)
Survivalist - ทำให้สามารถค้นพบสัตว์และไอเทมพิเศษมากขึ้น
Advanced Salvaging - ทำให้สามารถค้นพบกล่องไอเทมพิเศษ (salvage ) ได้มากขึ้น
Bone Collector - ทำให้สามารถค้นพบซากสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบพิเศษได้มากขึ้น
Arrow Retrieval - ทำให้สามารถเก็บธนูที่ยิงไปจากศพศัตรูกลับมาใช้ได้
Scavenging - ทำให้สามารถเก็บกระสุนจากศพศัตรูได้มากขึ้น
Climber's Agility – ทำให้มีแรงในการปีนป่ายมากขึ้นและลดการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง
Orienteering - ทำให้ค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในฉากแผนที่ได้มากขึ้น
Cartography - ทางเข้าซากโบราณทุกแห่งจะแสดงขึ้นมาในแผนที่ให้เห็นทั้งหมด

Hunter Class:
Steady Shot - ทำให้เป้าในการยิงธนูโฟกัสไปที่เป้าหมายได้เร็วกว่าเดิม
Ammo Capacity - เพิ่มจำนวนการเก็บกระสุนให้เพิ่มมากขึ้น
Heavy Lifter - เพิ่มจำนวนการแบกสำภาระทุกอย่างให้มากขึ้น
Accomplished Killer - เมื่อจัดการศัตรูด้วยลูกเล่นแปลกๆ (ยิงหัว ) จะได้ค่าประสบการ์ณมากขึ้น

Bow Expert - ทำให้สามารถใช้ท่าสังหารโดยใช้ลูกธนูปักศัตรูในระยะใกล้ได้ และปลดล็อก headshot reticleด้วย
Pistol Expert - ทำให้สามารถใช้ท่าสังหารโดยการยิงปืนในระยะใกล้ได้ และปลดล็อก headshot reticleด้วย
Rifle Expert - ทำให้สามารถใช้ปืน Rifle สังหารศัตรูในระยะใกล้ได้รุนแรงและเร็วมากขึ้น
Shotgun Expert - ทำให้สามารถใช้ปืน Shotgun สังหารศัตรูในระยะใกล้ได้รุนแรงและเร็วมากขึ้น

หลังจากอัพความสามารถตาม Skill Point ที่มีตามใจชอบแล้ว Lara จะได้ยินเสียงกัปตัน Roth ติดต่อมาทางวิทยุสื่อสารทำให้ทั้งคู่ดีใจมากที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังปลอดภัย กัปตัน Roth จะบอกให้ Lara ระวังตัวและรีบเดินทางมาที่ Coastal forest โดยด่วน 

-จากนั้นออกจากแค้มป์แล้วเดินไปจนถึงซากบ้านร้างที่ตอนนี้ Lara จะพบว่าประตูมันเปิดออกและมีเสียงเพลงสวดดังแว่วมาเรื่อยๆ ตามเสียงเข้าไปในบ้านจนพบทางลงชั้นใต้ดิน โดดลงไปจะพบภาพวาดโบราณมากมาย เข้าไปในสุสานโบราณซึ่งจะเริ่มมี Relics ชิ้นแรกให้เก็บสะสมด้วย ใช้คบเพลิงเผาเปิดทางเข้าห้องด้านใน Lara จะเก็บขวานโบราณได้ ซึ่งจะสามารถใช้มันงัดประตูทางออกอีกฝั่งออกไปได้ ( ขวานจะสามารถงัดของเล็กได้เท่านั้น ) เมื่อปีนออกมาที่ทางออก ขึ้นไปตามทางบนเนินจะพบกับ Sam และชายแปลกหน้าคนนึงที่อยู่กับเธอซึ่งมันแนะนำตัวว่าชื่อ Madsius

 ซึ่ง Sam เชื่อใจว่าเขาเป็นคนในพื้นที่แถมยังเล่าประวัติเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าหญิงญี่ปุ่นกับพลังวิญาณของเธอไปเรื่อยจน Lara เผลอหลับไป ..เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งจะพบ Madsius และ Sam หายไปหมดแล้ว ขณะที่กำลังออกตามหา Lara ก็โชคร้ายโดนกับดักสัตว์จนขยับไม่ได้เข้าไป ในขณะที่ฝูงหมาป่าที่หิวโหยมากมายกำลังเข้ามารุมทึ้งเธอ พยายามใช้ธนูจัดการหมาป่าที่บุกเข้ามาให้หมด แล้วซักพัก Reyes และ คนที่รอดชีวิตบนเรือทุกคนจะตามมาพบและช่วย Lara เอาไว้ได้ ทั้งหมดจะปรึกษากันโดยจะแยกกันไปตามหา กัปตัน Roth และ Sam ที่หายไปกันก่อน โดย Lara จะแยกมากับ Dr. Whitman เพื่อออกตามหา กัปตัน Roth…

-หลังจากที่ Lara พักผ่อนที่แค้มป์จนหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินไปหา Dr. Whitman ได้เลย ระหว่างทางจะพบฝูงหมาป่าเข้ามาโจมตีตลอดทาง [ ใช้ท่าหลบ LS + B ] จัดการมันให้หมดผ่าน Day Camp :The Gate ทางขวาไปแล้วจะพบ Dr. Whitman ที่หน้าทางเข้าวิหารโบราณซึ่งเมื่อทั้งคู่สำรวจจนพบแกนหมุนในการเปิดประตูแล้วแต่ Lara จะพบว่าแกนหมุนอีกอันมันหักและขวานที่มีอยู่ก็งัดไม่ขึ้นเพราะมันเล็กเกินไปอีก จากนั้นเดินกลับมาที่ Day Camp :The Gate แล้วจะมีเมนู Salvage ขึ้นมาใหม่

Salvage คือเมนูสำหรับอัพเกรดอาวุธต่างๆที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นโดยใช้ Point วัตถุดิบที่ได้จากการค้นหาตามลังและกล่องต่างๆนั่นเอง สามารถอัพเกรดเพิ่มความรุนแรง เพิ่มความแม่นยำ เพิ่มจำนวนกระสุน และติดตั้งอุปกรณืเสริมต่างๆได้ ซึ่งอาวุธแต่ละชนิดยังสามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ด้วย ทั้งจากตามเหตุการ์ณในเนื้อเรื่องและจากการเก็บชิ้นส่วนของอาวุธที่ได้จากศัตรูประเภท บอส หรือ ตามกล่องที่หายากต่างๆมาให้ครบแล้วก็จะสามารถทำให้อาวุธชิ้นนั้นๆเปลี่ยนประเภทและเพิ่มประสิทธิภาพไปอีกได้

-จากนั้นก็ทำการอัพเกรดขวานให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยราคา 50 Point แล้วกลับไปหา Dr. Whitman ที่หน้าทางเข้าวิหาร ก็จะสามารถหมุนแกนคันโยกเปิดประตูได้แล้ว และจากนี้ขวานก็จะสามารถงัดกล่องไอเทมใหญ่ๆที่เคยงัดไม่ออกให้เปิดออกได้แล้ว


Mountain Temple..

Lara และ Dr. Whitman เข้ามาจนถึงด้านในวิหารโบราณที่เต็มไปด้วยเทวรูปและภาพสลักโบราณมากมาย ขณะทั้งคู่กำลังดื่มด่ำกับความลึกลับของที่นี่ ด้านในก็จะพบกับกองกำลังติดอาวุธที่อยู่ที่นี่ เท่าที่ Lara ได้ฟังเสียงการสนทนาของพวกมันรู้มันทีว่าเป็นคนรัสเซีย พวกมันมาล้อมพร้อมด้วยอาวุธครบมือ Lara เธอพยายามจะขัดขืนและต่อสู้ แต่ Dr. Whitman กลับยอมวางปืนแต่โดยดีทำให้พวกมันเข้ามาจับตัวทั้งคู่ได้ พวกรัสเซียพยายามจะฆ่า Dr. Whitman ทำให้ Lara หาจังหวะนี้ออกมาได้ ขณะที่พวกมันออกตามหา ใช้ความมืดอำพรางตัวหลบพวกมันไปเรื่อยๆโดยเป้าหมายคือขึ้นเนินไปที่ซากอาคารด้านบน ถึงแม้ Lara จะเข้าไปแอบอย่างปลอดภัยแล้วแต่พวกรัสเซียคนนึงก็ตามมาจนเจอ มันพยายามจะยิง Lara จนเกินการแย่งปืนไปมากันขึ้นสุดท้ายปืนก็ถูกยิงออกมาโดยพวกรัสเซียเป็นฝ่ายล้มจมกองเลือดไป ทำเอา Lara ที่ไม่เคยฆ่าคนมาเลยในชีวิตต้องพยายามตั้งสติกับอาการตกใจของเธอเองอย่างที่สุด ทหารรับจ้างรัสเซียผู้โชคดีคนนี้อาจะไม่รู้เลยว่าเขาได้ถุกบันทึกว่า เขาเป็นเหยื่อรายแรกจากฝีมือของ Lara Croft ไปแล้ว

-เก็บปืนสั้นมาใช้ ( เรียกใช้โดยการกดปุ่มทิศทางลงล่าง ) จากนั้นก็เข้าไปด้านในต่อเก็บกระสุนมาใช้แล้วจัดการพวกรัสเซียที่เจอให้หมด ลุยไปตามซากบ้านที่กำลังไฟไหม้จนถึงด้านบน ..

Base Camp : Mountain Temple ซึ่งตอนนี้จะสามารถใช้เมนู Fast Travel ( การเดินทางไปมาระหว่างจุด Base Camp ต่างๆ ) ได้แล้ว

-มุดเข้าไปตามซากบ้านที่ไฟไหม้จะพบพวกรัสเซียมากมายด้านใน เรียนรู้ระบบ Stealth Kill การลอบฆ่าจากด้านหลัง ( Y ) ( X ) พยายามลอบฆ่าให้มากที่สุดเพราะที่จะเป็นที่แคบและพวกรัสเซียจะมีระเบิดเพลิงที่ร้ายกาจอยู่ด้วยซึ่งจะทำให้ไฟไหม้พื้นที่อย่างรวดเร็วจนไม่มีที่ยืน พยายามจัดการพวกมันให้หมดแล้วข้ามสะพานแขวนโดดเข้าไปด้านในต่อจนถึงหน้าหมู่บ้าน Plateau ก็จะพบ กัปตัน Roth กำลังสู้กับพวกหมาป่าอยู่ หลังจากเขาจัดการมันหมดแล้ว Lara จะรีบเข้าไปช่วยจะพบว่าเขาบาดเจ็บ ซึ่งก่อนที่จะเดินทางต่อเขาจะให้ Lara ไปเอากล่องพยาบาลที่หมาป่าขโมยไปที่ถ้ำของมันให้ก่อน ไม่ทันขาดคำกัปตัน Roth ก็ล้มสลบลงไป ทำให้ Lara ทำอะไรไม่ถูกจนต้องลากเขาไปนอนที่ Base Camp : Village Plateau ก่อน ส่วนเธอก็รวบรวมความกล้าที่ต้องลุยเข้าไปที่ถ้ำของพวกหมาป่าต่อ

-จากนั้นเดินเข้าไปที่บ้านร้างในจุดเป้าหมายขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วมองที่เสาโคมไฟทางมุมซ้ายจะสามารถโดดโหนไปที่ซากเครื่องบินจนปีนขึ้นไปจนถึงถ้ำด้านบนได้ จุดไฟแล้วเข้าไปตามทางที่มืดมิดในถ้ำจนถึงด้านในก็จะพบกล่องพยาบาล เก็บแล้วกลับออกมาจัดการกับหมาป่าที่ออกมาแล้ว นำกลับไปทำการรักษาให้ กัปตัน Roth ที่แค้มป์จนเขาหายดีและได้สติคืนมา

กัปตัน Roth จะทั้งแปลกใจและดีใจที่ลูกคุณหนูอย่าง Lara สามารถทำอะไรได้มากมายกว่าที่เขาคิดแถมยังช่วยชีวิตเขาไว้อีกด้วย ซึ่งพ่อแม่ของ Lara ต้องภูมิใจแน่นอน Roth จะบอกให้ Lara ปีนขึ้นไปที่หอคอยสื่อสารบนยอดเขาเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากพวกหน่วยกู้ภัย โดยเขาจะให้ขวานสำหรับปีนเขากับเธอมา พร้อมกับให้กำลังใจกับ Lara ที่กำลังถอดใจที่ต้องลุยปีนภุเขาสูงต่ออีกครั้ง เมื่อได้ขวานปีนเขามาแล้ว ตอนนี้จะสามารถกด X ที่ภูเขาที่สามารถปีนได้ใช้ Survival Instincts (กด LB) ดูจะเห็นเป็นสีชัดขึ้นมา จากนั้นไปที่เป้าหมายแล้วปีนขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆจนถึงด้านบนที่สะพานข้ามน้ำตก ทางมองทางขวาของสะพานจะพบถ้ำเล็กที่สามารถโดดเข้าไปได้นั่นคือ ถ้ำลับ หรือ Optional Tomb นั่นเอง ซึ่งถ้ำลับเหล่านี้จะซ่อนอยู่ตามสถาณที่ต่างๆที่ต้องตาดีๆมองหากันเอาเอง ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องแต่จะได้ Upgrade Point จำนวนมากเป็นค่าตอบแทน



                                     - Optional Tomb -

เมื่อเข้ามาด้านในจนถึงห้องโถงจะพบกระเช้าที่มีถึง 4 อันมัดอยู่ กระแทก (Y) ตะแกรงทางขวาให้กระเช้าลอยสูงขึ้นแล้วรีบโดดเกาะเพื่อโหนไปอีกฝั่ง จุดไฟแล้วโหนกลับมาที่กระเช้าเผาทำลายถุงทั้ง 4 ออกให้หมดแล้วโดดกลับมา กระแทก (Y) ตะแกรงทางขวาอีกครั้ง กระเช้าจะขึ้นสูงสุด รีบโดดเกาะและโดดต่อไปเกาะที่พนังหินปีนขึ้นด้านบนก็จะพบหีบสมบัติด้านใน ซึ่งก็จะได้ Upgrade Point จำนวนมาก

-ย้อนกลับออกมาที่สะพานปีนเขาขึ้นด้านบนต่อจัดการศัตรูที่หมู่บ้านด้านบนให้หมดแล้วโหนสลิงมาที่หน้าถ้ำด้านล่างรีบจัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าถ้ำทะลุออกไปฝั่งตรงข้ามจะพบ Base Camp Broken Tunnel

ขณะพักเหนื่อย Lara จะดูวีดีโอที่ Sam บันทึกไว้อีกครั้ง ในวีดีโอบอกให้รู้ถึงความสัมพันธ์ของผู้คนบนเรือมากมายทั้ง Alex Weiss ที่เป็นโปรแกรมเมอร์ประจำทีม Joslin Reyes หญิงแกร่งอดีตแก็งค์สเตอร์สาวจากนิวยอร์กที่ดูเหมือนจะใช้เวลาว่างสร้างความสัมพันธ์พิเศษกับ กัปตัน Roth อยู่ตลอด รวมทั้งภาพการให้กำลังจากจาก กัปตัน Roth ถึง Lara Croft เพื่อให้เธอก้าวต่อไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย

-ดูจบแล้วเดินทางต่อ จนถึงซากอาคารด้านหน้าของหอคอยสื่อสาร จัดการศัตรูให้หมดแล้วปีนขึ้นด้านบนโหนสลิงเข้าไปที่ตึกส่วนในต่อ ที่หน้าทางเข้ากำจัดศัตรูที่ออกมาให้หมดแล้วเข้าไปด้านในต่อ เข้าไปในอาคารจนถึงห้องรมแก็ส ปีนเข้าไปทางช่องด้านบนเปิดวาล์วแก็สทางขวาแล้วศัตรูจะเริ่มออกมา รีบปีนกลับออกมาแล้วใช้ตะเกียงที่มีมากมายในห้องขว้างเข้าไปในช่องด้านบนจะทำให้เกิดการระบบทำให้ศัตรูตายจนหมดและทางก็ถูกเปิดให้ไปต่อได้แล้ว เข้าไปเก็บปืนกล Submachine Gun จากทหารแล้วใช้มันส่งเจ้าของไปสวรรค์ต่อได้เลย (Submachine Gun เรียกใช้โดยการกดปุ่มทิศทางไปทางขวา )

- เข้าไปจนถึงห้องควบคุมจะพบว่ามันพังหมดแล้ว Lara จึงติดต่อไปยัง Alex Weiss เพื่อนเซียนคอมของเธอ ซึ่ง Alex จะบอกว่าให้เอาเครื่องส่งไปติดไว้บนยอดเสาวิทยุเลย จากนั้นมุดผ่านท่อไอน้ำออกไปด้านนอกจะพบว่าเป็นพื้นที่มีหิมะตกจนหนาทึบและเสาวิทยุที่ตั้งตะหง่านอยู่บนเขาซึ่งเป็นที่ที่ Lara ต้องปีนขึ้นไปแม้ไม่เต็มใจก็ตาม เข้ามาจะพบ Day Camp : Bridge Overlook ซึ่งถึงตรงนี้จะมีเมนูอัพเกรดใหม่ขึ้นมาอีกคือ BRAWLER UPGRADE skill สายต่อสู้ระยะประชิดที่จำเป็นต่อการเอาตัวรอดของ Lara ที่สุด (เพราะที่ผ่านมาเธอไม่สามารถสู้ในระยะประชิดได้เลย )

Brawler Class:
Pain Tolerance - เพิ่มความทนทานในการต่อสู้และทำให้พลังชีวิตพื้นตัวเร็วขึ้น
Dirty Tricks - กด B และ Y จะเป็นการใช้ฝุ่นขว้างใส่ศัตรูทำให้มันเสียจังหวะเพื่อหลบหนีหรือโจมตีต่อได้
Axe Strikes - กด Y 2 ครั้งจะทำให้ใช้ขวานต่อสู้ในระยะประชิดได้ทำให้ศัตรูมึนงงไประยะนึง
Axe Expert - กด Y ในจังหวะสวนกลับแบบระยะประชิดจะสามารถใช้ขวานปีนเขาอัดหนักกับศัตรูได้
Dodge Counter  - กด B และ Y จะเป็นการใช้หัวธนูเสียบใส่ศัตรูในจังหวะระยะประชิดได้
Dodge Kill - กด B และ Y จะเป็นการจัดการศัตรูในจังหวะระยะประชิดได้รุนแรงขึ้น.
Dodge Kill Mastery - กด B และ Y จะเป็นการจัดการศัตรูในจังหวะระยะประชิดให้ตายภายในครั้งเดียว

-โหนเกาะซากสะพานข้ามไปฝั่งตรงข้ามจนถึงหน้าตึกควบคุมด้านใน จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมดปิดท้ายด้วยทหารที่ใช้โล่ขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้การวิ่งหลบ ( LS + B ) ในการทำให้มันเปิดโล่ออกแล้วถึงยิงสวนเข้าไปได้ จัดการแล้วเก็บชิ้นส่วนธนูจากตัวมันมาด้วยแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงชั้นบนจะพบ Base Camp : Radio Tower ซึ่งจากนี้ Lara ต้องปีนขึ้นไปตามเสาวิทยุบนยอดอาคารจนถึงด้านบนสุด

Lara จะเอาเครื่องส่งสัญญาณใส่เพื่อส่งวิทยุขอความช่วยเหลือออกไป ( ใช้แกนอนาล็อกปรับสัญญาณจนกว่าจะเจอคลื่นที่ชัดเจน ) หลังจากลุ่นจนสุดตัวว่าจะมีใครได้รับสัญญาณหรือไม่ ปลายทางก็ตอบกลับมา Lara รีบบอกตำแหน่งให้ส่งหน่วยกู้ภัยมารับทุกคนออกจากเกาะนี้ทันที ท่ามกลางการโห่ร้องยินดีจาก Alex เพื่อนของเธอที่ถึงกับยกย่อง Lara เป็นฮีโร่กันเลย 

-โหนสลิงกลับลงมาด้านล่าง Lara จะพยายามระเบิดถึงน้ำมันเพื่อบอกจุดหมายให้รู้ เข้าไปในอาคารทางขวาเก็บหินไฟมาก่อน จากนี้เมื่อกด X ค้างแล้วจะสามารถจุดไฟได้ทุกที่ได้เลย แล้วออกมาเปิดวาล์วน้ำมัน แล้วจุดไฟให้มันระเบิดขึ้นมา จากนั้นจะเริ่มเห็นเครื่องบินกู้ภัยกำลังร่อนลงจอดแต่กลับมีเมฆพายุประหลาดที่จู่ๆก็เข้ามาก่อกวนทำให้เครื่องบินเสียหายจนต้องร่อนลง นักบิน 2 นายโดร่มหนีเหลือแต่เครื่องบินที่ล่อนลงมาหา Lara แบบเต็มๆ พยายามวิ่งหลบหนีซากเครื่องบินที่ตกมาใส่ให้พ้น

เมื่อปลอดภัยดีแล้วเธอจึงรีบเข้าไปหานักบินที่โดดร่มลงมาที่จุดใกล้สุดก่อน แต่พอไปถึงพวกศัตรูจะออกมาและฆ่านักบินทิ้งก่อนที่จะลุยเข้ามาหา Lara ต่อ จัดการพวกมันให้หมด แล้วโดดข้ามเข้ามาด้านใน กัปตัน Roth จะติดต่อกลับมาซึ่ง Lara ก็จำต้องบอกข่าวร้ายกลับไปว่าเครื่องบินกู้ภัยไม่มีมาแล้ว จากนั้นเข้าพักที่ Base Camp : Cliffside Vista ก่อน..

-เข้าไปต่อจนถึงหมู่บ้าน Lara จะโดนกับดักซึ่งต้องห้อยหัวยิงศัตรูที่เข้ามาให้หมดเมื่อทิ้งตัวลงมาแล้ว Lara จะนำเชือกและธนูมาประกอบกันเป็นธนูเชือกขึ้นมา ซึ่งทำให้ธนูที่ใช้อยู่มีความสามารถใหม่ขึ้นมาคือ Rope Arrows โดยการกด RB ในขณะเล็งยิงธนูจะทำให้สามารถยิงธนูเชือกออกไปได้ ซึ่งมันจะสามารถใช้กับสิ่งของต่างๆที่มีเชือกสีขาวๆพันเอาไว้ จะทำให้สามารถดึงให้มันพังลงมาได้ รวมถึงยิงไปที่ศัตรุก็จะเป็นการดึงให้เสียจังหวะได้ด้วย จัดการศัตรูที่บุกเข้ามาด้วยธนูเชือกให้หมด แล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงสะพานขาด เรียนรู้การทำสะพานเชือก โดยยิงธนูเชือกไปที่สิ่งของที่มีเชือกมัดอยู่โดยเมื่อยืนอยู่ใกล้ๆเสาจะสามารถเอาเชือกมัดกับเสาจนทำเป็นสะพานเชือกข้ามไปที่ต่างๆได้ ใช้ธนูเชือกดึงประตูถ้ำให้เปิดออกแล้วเข้าผ่านไปด้านในจะพบ กัปตัน Rothรออยู่ที่หน้าหมู่บ้านเชิงเขา ที่ Base Camp Village Overlook

ขณะนั้นนักบินอีกคนที่ยังรอดชีวิตจะติดต่อมาเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งจะพบสัญญาณควันอยู่ไม่ไกลจากนี้ แต่ กัปตัน Roth จะบอกให้ Lara กลับไปรวมกับพวกเพื่อนเพื่อออกตามหา Sam แล้วออกจากเกาะนี้ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เขายังสอนให้ Lara รู้ถึงคำว่าสิ่งสำคัญกับบางสิ่งที่ต้องยอมปล่อยไป เพราะเราไม่สามารถช่วยคนทุกคนได้ แต่ Lara จะบอกว่าเธอเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่จะให้หันหลังปล่อยให้คนที่พอจะช่วยได้ต้องตายเธอคงทำไม่ได้ Lara จึงเข้าไปด้านในต่อเพื่อช่วยนักบินทันที จากนั้นใช้สะพานเชือกทำทางไต่เข้าไปจนถึงจุดที่มีสัญญาณไฟของนักบิน แต่จะไม่พบนักบินอยู่แล้ว เธอจึงต้องตามรอยเข้าไปในถ้ำต่อ 

-เข้าพักที่ Base Camp: Arid Canyon (ซึ่งถ้าเก็บชิ้นส่วนของธนูจากบอสและที่ต่างๆที่ผ่านมาจนครบก็จะสามารถอัพเกรดธนูเป็น Recursive Bow ได้ด้วย)  เข้าด้านในต่อจนถึงหน้าวิหาร CHASM TEMPLE ที่มีลมพัดอย่างรุนแรงรอบๆ จะพบนักบินอยู่อีกฝั่งของสะพาน แต่พอข้ามไปหาพวกคนเถื่อนจะออกมาพร้อมกับหัวหน้าของมัน ยังไม่ได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามมันก็ส่งลูกน้องมาจับตัว Lara เอาไว้จนได้ซะแล้ว

Lara ถูกจับไปมัดแขวนในห้องขับที่เต็มไปด้วยศพ พยายามดิ้นจนหลุดออกมาให้ได้แล้วหลบเขาไปในโพรงด้านในซึ่งจะพบกับชายร่างใหญ่ที่สวมชุดเกราะหนักที่ดูหน้ากลัวเดินเข้ามา มุดหนีเข้ามาด้านในต่อ เก็บปืน Shotgun จากศพข้างทางมาใช้ แล้วเข้าไปต่อจนถึงสุสานโบราณ ซึ่งเมื่อ Lara ลองสำรวจดูแล้วเธอจึงมั่นใจว่าเป็นสุสานของ Himiko เจ้าหญิงญี่ปุ่นในตำนานแน่นอน ในขณะที่ Lara กำลังเพลิดเพลินกับปริศนาในห้องพวกศัตรูมากมายก็บุกเข้ามา ทดลองใช้ Shotgun กับพวกมันได้เลย จัดการให้หมด แล้วใช้ธนูเชือกดึงระฆังเล็กให้เหวี่ยงไปกระแทกประตูให้พังแล้วหนีเข้าไปด้านในต่อจนถึง Base camp : Sheltered AL COVE พักผ่านแล้ว เดินทางต่อ ใช้ Shotgun ยิงทำลายแผ่นไม้เข้าไปด้านในต่อจนออกมาด้านนอก Lara ต้องเดินเลาะพนังฝ่าลมแรงเข้าไปจนถึงหน้าต่างห้องด้านซึ่งจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่มีระฆังใหญ่อยู่กลางห้อง จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมดก่อน

-  ขึ้นไปชั้นบน เปิดหน้าต่างซ้ายแล้วลมจะพัดเข้ามาทำให้ระฆังเล็กปลิวลอยสูงขึ้น จากนั้นก้ใช้ธนูเชือกดึงกลับมาให้เกิดแรงเหวี่ยงให้ลมพัดไปกระแทกของระฆังใหญ่กลางห้องเสาด้านขวาจนพัง จากนั้นก็เปิดหน้าต่างขวาแล้วดึงระฆังไปกระแทกเสาทางซ้ายจนพัง เปิด 2 หน้าต่าง แล้วใช้ธนูเชือกดึงเหวี่ยงระฆังเล็กให้ไปกระแทกระฆังใหญ่จนตกลงไปด้านล่างทำให้พื้นเป็นโพรงใหญ่ โดดลงไปในโพรงด้านล่างจะพบเจ้ายักษ์ตามมาไล่ล่าซึ่งต้องพยายามเอาตัวรอดหนีไปตามทางที่กำลังไฟไหม้จนโดดไปเกาะที่สะพานแขวนด้านนอกได้ทัน

แต่เธอก็ต้องลงมาจนถึงด้านล่างของหมู่บ้านเชิงเขาอีกที ยังไม่ทันได้พักหายเหนื่อย Sam ก็ติดต่อมาว่าเธอกำลังโดนจับมาที่ปราสาทโบราณแห่งหนึ่ง Lara จึงต้องรีบออกเดินทางไปช่วย Sam ต่อทันที  

-แวะเข้าพักที่ Base camp : Mountain Descent ก่อนค่อยเดินทางต่อ ใช้ธนูเชือกทำทางเข้าด้านในจน Lara พลัดตกลงไปที่น้ำตกซึ่งต้องพยายามหลบสิ่งกีดขวางที่น้ำพัดเข้ามาให้พ้นจนเธอตกลงไปห้อยกับซากเครื่องบินโบราณ Lara พยายามหยิบร่มชูชีพก่อนที่ตัวเองจะตกลงมาแล้วใช้ร่มชูชีพร่อนไปตามป่าทึก บังคับหลบหลีกต้นไม้ต่างๆเข้าไปจนถึงด้านใน Lara จำต้องตัดเชือกร่มจนตัวเองตกลงมากระแทกพื้นจนบาดเจ็บสาหัสที่หน้าทางเข้าเมืองโบราณ SHANTY TOWN ซึ่งปราสาทญี่ปุ่นบนเนินเขานั่นคือเป้าหมายที่ Lara จะต้องหาทางขึ้นไปช่วย Sam ให้ได้

 แต่ตอนนี้สภาพเธอสะบักสะบอมบาดเจ็บอยู่ จึงต้องรีบไปหายามารักษาตัวก่อน ตอนนี้ก็ต้องลุยจัดการศัตรูด้านในให้หมดไปพร้อมๆกับร่างกายที่บาดเจ็บเคลื่อนไหวลำบากของ Lara ไปจนถึงซากเครื่องบิน ใช้ธนูเชือกดึงเปิดประตูท้ายเครื่องออก Lara จะเข้าไปหายาจากเครื่องบิน แต่พบเพียงแค่ไฟแช็กที่ศพนักบิน เธอทำได้แค่ใช้ลูกธนูกับไฟจากไฟแช็กในการห้ามเลือดและฆ่าเชื้อที่บาดแผลเท่านั้น ซึ่งก็เพียงพอที่ทำให้เธอเดินทางต่อได้แล้ว 

-จากนั้น Lara จะใช้ธนูมารวมกับไฟแช็กจนทำให้ผสมออกมาเป็น ธนูไฟ Fire Arrows มาใช้ ( ขณะเล็งยิงธนูกดปุ่มทิศทางขึ้นบนจะเปลี่ยนเป็น ธนูไฟได้ ) จากนั้นก็ใช้ธนูไฟจัดการศัตรูมากมายที่เข้ามาจากในหมู่บ้านให้หมด และพักที่ Base Camp : Helicopter Hill ก่อนแล้วค่อยเข้าไป  หาไอเทมต่างให้หมดก่อนเข้าไปที่ประตูด้านในจะพบพวกศัตรูออกมาโจมตีอีกรอบ จัดการพวกมันให้หมดซึ่งจะมีถังน้ำมันให้ระเบิดใส่เป็นตัวช่วยได้ด้วย แล้วใช้ธนูไฟยิงเผาไม้ที่กั้นประตูออกก่อนก็จะสามารถให้ขวานงัดเปิดประตูเข้าไปด้านในได้แล้ว ..

-เข้ามาด้านในต่อผ่าน Camp: Ancient Gate เข้าไปเก็บไอเทมด้านในให้หมด ( ซึ่งถ้าเก็บชิ้นส่วนปืน Rifle มาจนครบแล้วก็จะได้ปืน Assault Rifle มาใช้ ) เข้าไปจนพบกับ Grim ลูกเรืออีกคนที่ยังรอดชีวิตเพราะเขาแอบอยู่บนเครนมาตลอด ขณะที่ Lara กำลังปีนขึ้นไปหาพวกศัตรูก็บุกมามากมายพร้อมไดนาไมท์ที่รุนแรง พยายามจัดการมันให้หมดแล้ว Lara จะหาทางขึ้นไปหา Grim โดยใช้ธนูเชือกทำสะพานเชือกโหนขึ้นไปด้านบนเครนอีกฝั่ง เมื่อเข้ามาถึงจัดการศัตรูให้หมด

แต่พวกศัตรูได้จับ Grim เป็นตัวประกันและบังคับให้ Lara ยอมแพ้ แต่ดูเหมือน Grim จะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี เขายอมผลักตัวเองลงไปตายกับพวกศัตรูทันทีโดยไม่ลังเล  ทำให้ Lara เสียใจมากๆ ในขณะที่กำลังโหนเชือกขึ้นไปบนเครนพวกศัตรูจะออกมาตัดเชือกจน Lara ต้องโดดไปเกาะกำแพงในขณะที่พวกมันกำลังจะยิงซ้ำ ลูกปืนปริศนาก็ยิงมาจัดการศัตรูจนหมด ซึ่งคนยิงก็คือ Roth นั่นเอง

หลังจากแจ้งข่าวการตายของ Grim ให้ Roth รู้แล้วขณะนั้นเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยจะติดต่อมาว่ากำลังจะเข้าไปรับตัวทุกคนออกมา ทำให้ Lara เกิดมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว

-จากนั้นพักผ่อนที่ Base Camp: Vista Tower แล้วโดดเกาะสะพานเข้าไปต่อ โดยต้องรอจังหวะให้ Roth ยิงศัตรูให้หมดก่อนแล้วเขาจะบอกให้ไปได้ เกาะไปจนถึงบนสะพาน จากนั้นวิ่งหลบการโจมตีของศัตรูจนมาถึงในถ้ำด้านใน Lara จะติดต่อให้ Roth ไปหาเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยก่อนแล้วค่อยมารับ ส่วนเธอจะหาทางไปช่วยทุกคนออกมาก่อน

เข้าไปด้านในจนพบกับ Mathius เจ้าแห่งลัทธิ Sun Queen กำลังนำตัว Sam ไปทำพิธีบูชายันญ์ให้กับราชินีฮิมิโกะที่มันพยายามจะนำพลังของนางมาใช้ควบคุมกองทัพซามูไรปีศาจ จน Lara ต้องพยายามเข้าไปช่วยแต่ด้วยคนของพวกมันเยอะกว่า Lara จึงโดยจับไปเผาบูชายันญ์พร้อมๆกับ Sam แต่ขณะที่ Mathius กำลังจะสั่งให้เผาทั้งคู่ทั้งเป็นก็เกิดมีลมพัดกระหน่ำเข้ามาทำให้ไฟดับลง ถึงแม้มันจะทำให้ทั้งคู่รอดชีวิตแต่ Mathius มันก็คิดไปไกลกว่านั้น มันคิดว่า Sam คือผู้ที่ถูกเลือกจาก Himiko จึงเปลี่ยนแผนจากบูชายันญ์เป็นจะใช้ร่างของ Sam เป็นที่รองรับวิญญาณของ Himiko เพื่อการเกิดใหม่แทน มันจึงสั่งให้จับตัวทั้งคู่ไปขังไว้ก่อน แต่ในขณะนั้น Lara ก็ฉวยโอกาศกระโดดหนีพวกมันลงไปที่แอ่งน้ำด้านล่างได้ทัน

-พยายามลอบจากแอ่งน้ำเข้าด้านในถ้ำต่อ โดยในตอนนี้ Lara จะมีอาวุธเหลือแค่ธนูกับขวานเท่านั้นเอง ระหว่างทางจะพบกับแก็สที่เป็นควันสีเหลืองๆ หากเข้าใกล้มากมายจะบาดเจ็บถึงตายได้ แต่ก็สามารถใช้ธนุไฟยิงมันให้เกิดการระเบิดได้เช่นกัน เข้าไปจนถึง Day Camp : The Pit พักผ่อนแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องโถงด้านล่างของถ้ำ จัดการพสกบ้าคลั่งให้หมดแล้วเข้าไปเปิดวาล์วแก็สที่หน้าประตูด้านในแล้วยิงธนูไฟทำให้มันระเบิดเปิดทางไปต่อได้ เข้าไปด้านในจะเริ่มพบศัตรู ลอบจัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปจนถึงประตูที่กั้นทางอยู่ ขึ้นเนินไปด้านบนก่อนจะมี Base Camp : Catacombs ให้พักผ่อน จากนั้นเปิดวาล์วแก็สแล้วยิงธนูไฟให้ระเบิดจะทำให้กรงทางขวากระเด็นไปที่สุดทางของห้องก็จะสามารถใช้มันในการปีนข้ามไปด้านในต่อได้แล้ว เข้าไปด้านในจะพบพวกลัทธิ Sun Queen กำลังทำพิธีอยู่กลุ่มใหญ่จัดการยิงธนูไฟใส่แก็สที่พุ่งขึ้นมาก็ระเบิดตายทั้งกลุ่มได้แล้ว จากนั้นเข้าด้านในจะพบประตูทางขวาที่ปิดอยู่
- ใช้ธนูเชือกดึงโคมไฟเหล็กให้มาทางขวาหน้าประตู
- เข้าไปเปิดวาล์วทางซ้ายแล้วยิงธนูไฟให้ระเบิด
- แรงระเบิดทำให้ โคมไฟเหล็ก กระเด็นไปกระแทกประตูจนพังได้

-จากนั้นจะเกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่องจน Lara ต้องรีบวิ่งหนีเข้าด้านในให้ทัน เข้ามาจนถึงห้องที่พวก Alex , Jonah และ Reyes โดนขังอยู่ จัดการศัตรูที่เฝ้าอยู่ให้หมด ทุกคนจะแสดงความดีใจที่ Lara ตามมาช่วยพวกเขา

สิ่งที่ต้องทำก็คือหาทางทำลายแท่นด้านล่างของกรงขังเพื่อให้มันพังลงมาเพื่อให้ทุกคนหลุดออกมา
- เข้าไปด้านในเปิดวาล์วแก็สยิงธนูไฟให้ระเบิดจะทำลายฐานของกรงขังอันแรกได้
- ปีนขึ้นชั้นบนโดดไปตามแผ่นเหล็กไปด้านบนของกรงขัง ยิงธนูไฟใส่แก็สสีเหลืองทางซ้ายให้กระถางกระเด็นมาทางขวา แล้วรีบยิงไปที่จุดแก็สทางขวาต่อให้กระถางกระเด็นต่อเนื่องไปทำลายฐานของกรงขังอันที่ 2 ออก แรงระเบิดทำให้ Lara กระเด็นตกลงไปแต่โชคดีที่ Jonah ช่วยไว้ได้ทัน

- จากนั้นโดดไปฝ้งตรงข้ามต่อจะพบวาล์วแก็ส 2 อัน เปิดแก็สทั้ง 2 อันแล้วมันยืนเยื้องทางขวาแล้วยิงธนูไฟเพื่อให้ทั้ง 2 วาล์วระเบิดพร้อมๆกัน
- แรงระเบิดจะทำให้กรงขังกระเด็นไปด้านบนและเพื่อนๆทุกคนก็จะเป็นอิสระ

หลังจากช่วยทุกคนออกมาได้แล้ว Lara จะบอกให้ทุกคนหนีออกไปก่อนส่วนเธอจะหาทางออกเอง จากนั้นก็พยายามวิ่งหนีไฟไหม้ออกมาตามทางจน Lara ไปพบบันทึกถึงแผนการต่างๆของ Mathius พร้อมแผนที่ Lara จึงเก็บมาด้วย แล้ววิ่งหนีไฟต่อจนเข้าไปพบ Dr.Whitman ที่หายไปนานแต่กลับมาอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยด้วย Lara เริ่มสงสัยบางอย่างในตัวเขาแต่ก็ไมีเวลาพอที่จะสนใจตอนนี้ ก่อนที่ Dr.Whitman จะขอแยกไปเก็บหลักฐานบางอย่างก่อน เข้าไปจนถึงห้องด้านในจะพบ Mathius ที่กำลังโน้มน้าวให้ Sam ให้เชื่อว่าเธอมีสายเลือดที่ถูกเลือก และให้ยอมร่วมมือกับเขาในการใช้ร่างของธอในการให้กำเนิดใหม่ของราชินี Himiko อีกครั้ง เมื่อทหารมารายงานว่า Lara หนีออกไปได้ มันจึงออกจากห้องไป จังหวะนั้น Lara จึงเข้าไปจัดการยามที่เฝ้าอยู่เพื่อช่วย Sam ออกมา เก็บอาวุธทั้งหมดกลับมาจากศพทหาร ขณะที่กำลังจะพบ Sam หนี Mathius ที่เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับ Dr.Whitman ที่อ้างว่าเขาโดนจับอีกแล้ว พวกศัตรูมากมายก็บุกเข้ามาทันที

- จัดการศัตรูเกราะหนักทั้งหมดที่เข้ามา เก็บชิ้นส่วนปืน Shot gun ของมันมาด้วยแล้วลุยพวกศัตรูเข้าไปด้านในจนออกมาที่ลานกว้างจะพบกับป้อมปืนกลของศัตรูยิงถล่มเข้ามา พยายามหลบตามที่กำบังเพื่อไปปีนพนังฝั่งซ้ายแล้วโหนสลิงเข้าไปอักทหารปืนกลซะ แต่ Lara ก็ต้องตกลงไปที่พื้นล่างซึ่งกำลังจะเป็นเป้านิ่งให้ปืนกล แต่เธอก็เก็บปืนยิงลูกระเบิดถวนั้นยิงถล่มจนทหารแหลกละเอียดไปพร้อมป้อมปืนกล จากนั้น Lara จะเอาไปติดตั้งกับปืน Rifle ก็จะได้ปืน Granage  Launcher  มาใช้ (กด RB ) แล้วใช้มันยิงถล่มเปิดประตูเข้าด้านในต่อเข้าไปกำจัดศัตรูที่เข้ามาให้หมด ด้านในจะมี Base Camp : SOLARII FORTRESS ให้พักผ่อน (ถ้าเป็นชิ้นส่วนของปืน Shot gun มาจนครบก็จะได้ปืน Pump – Action Shotgun มาใช้ )

 -ปีนขึ้นป้อมที่กำลังไฟไหม้ลุยเข้าไปด้านในจนถึงลานกว้างจะพบป้อมปืนกลยืงถล่มมาอีกรอบ พยายามหลบไปมาตามที่กำบังจนเข้าไปในซากบ้านฝั่งขวาแล้วใช้ Granage Launcher ยิงออกไปทางช่องหน้าต่างก็จะทำลายป้อมปืนได้พอดี Lara จะเข้าไปหา Sam ที่อยู่อีกฝั่งของประตูให้รีบหนีไปก่อนแล้วเธอจะตามไปที่หลัง จากนั้นก็ต้องวิ่งหนีไฟไหม้ในดงศัตรูปีนชึ้นชั้นบนเรื่อบๆจนถึงดาดฟ้าขณะที่พวกศัตรูมากมายกำลังตามมายิงถล่ม

เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยก็บินเข้ามารับโดยมีกัปตัน Roth อยู่ในนั้นด้วย หลังจากที่ Lara พยายามอย่างาสุดชีวิตจนโดดขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ แต่เธอก็ต้องตกใจเมื่อด้านในมีแค่ Roth แค่คนเดียว ส่วนเพื่อนๆทั้งหมดยังไม่ได้ขึ้นมาด้วยเลย แต่ Roth จะบอกให้ทิ้งทุกคนแล้วรีบหนีเอาตัวรอดกันก่อน แต่ Lara ไม่ยอมถึงกับเอาปืนจี้นักบินให้กลับไปรับทุกคนด้วย ขณะนั้นเองพายุก็โหมพัดเข้าใส่จนเฮลิคอปเตอร์เสียการทรงตัวและตกลงในที่สุด

ที่ซากของเฮลิคอปเตอร์ Roth ที่พอขยับตัวได้พยายามช่วยชีวิต Lara จนเธอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ Mathius ก็นำลูกน้องมากมาย เข้ามาโจมตีทันที ในขณะที่ Lara ยังพยายามประครองสติของเธออยู่ กัปตัน Roth จึงต้องสู้ยิบตาเพื่อปกป้อง Lara จากศัตรูที่เข้ามาจากทุกทิศทาง จนสุดท้าย Roth ก็ต้องเสียทางโดนขวานของ Mathius เข้าที่กลางหลังจนหมดแรงล้มลง โขคดีที่ศัตรูเองก็ล่าถอยไปเหมือนกัน  เมื่อ Lara เริ่มได้สติเธอและเพื่อนๆทุกคนรีบเข้าไปดูอาการ Roth ซึ่งดูจะสาหัสเกินเยียวยาทำเอาทุกคนถึงกับใจเสีย ก่อนตาย Roth จะบอกกับ Lara ให้พาทุกคนออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยให้ได้ ซึ่งถึงตอนนี้ Lara นั้นไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้ แต่ Roth ก็ให้กำลังใจเธอว่า  “ เธอต้องทำได้ เพราะเธอคือคนในตระกูล Croft “ ก่อนจะสิ้นใจตายจากไป Reyes ซึ่งมีความสัมพันธอันลึกซึ้งกับ Roth อยู่ถึงกับเสียใจมากและโทษ Lara ว่าที่ Roth ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเชื่อในการนำทางของ Lara  หลังจากเผาศพของ Roth แล้ว Reyes จะบอกกับทุกคนว่าจะไปหาเรือมาซ่อมแล้วออกจากที่นี่ทันทีโดยจะไม่ตาม Lara อีกแล้ว จน Sam ต้องเข้าไปปลอบ Lara ให้เข้มแข็งและเดินทางหาทางหนีต่อ Lara ได้แต่นั่งทำใจสักพักก่อนเมื่อพร้อมเธอจะตามไปที่ชายหาดที่หลัง

“ เธอต้องทำได้ เพราะเธอคือคนในตระกูล Croft “ ประโยคสุดท้ายที่ Roth บอกกับ Lara ก่อนตายทำให้ความเศร้าของเธอเริ่มหายไปและถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นแทน สมองนักคิดของ Lara จึงเริ่มทำงาน จากหลักฐานที่เธอเก็บมาจากฐานของ Mathius และความเชื่อบางอย่างของเธอทำให้เธอเริ่มมองออกว่า พายุประหลาดที่ทำให้เครื่องบินตกมาตลอดนั้นไม่ใช่พายุธรรมดาแน่นอน มันน่าจะเป็นคำสาปหรือบบางอย่างที่ปกป้องเกาะนี้ไม่ให้ใครออกไปได้มากกว่า ซึ่งการจะออกจากที่นี่ได้ต้องหาทางหลุดพายุนี้ให้ได้ก่อน เมื่อคิดได้แล้วเธอจึงลงไปหาเพื่อนๆแต่กลับไปไม่พบใครแล้ว ในป่าเต็มไปด้วยทหารของศัตรูที่ออกลาดตระเวณอยู่เต็มไปหมด เข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยศัตรูลอบฆ่ามันให้หมดซึ่งที่ป่านี่จะมีหมาป่าเข้ามาโจมตีสมทบอีกด้วย

- เข้าไปจนถึง Base camp :Hunting Lodge พักผ่อนแล้วลุยเข้าด้านในต่อที่หน้าถ้ำด้านในจะมีศัตรูเฝ้าอยู่ จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปด้านในถ้ำต่อ ในถ้ำที่เต็มไปด้วยหมาป่าที่ถูกจับมาขังในกรงมากมาย ปีนขึ้นชั้นบนแล้วใช้ธนูเชือกยิงคานไม้ให้หันมาทางขวา แล้วบาร์ที่ใช้โหนจะหันตามมารีบโดดโหนไปเกาะพนังแล้วปีนขึ้นไปชั้นบนต่อจนมาถึงเมือง SHANTY TOWN อีกครั้ง ซึ่งจะพบว่ารอบๆเมืองไฟที่ไหม้ต่างๆเพิ่งเริ่มจะดับ โหนสลิงเข้าไปที่จุดเป้าหมาย Alex จะติดต่อมาให้ Lara ตามมาหาที่ชายหาด จากนั้นโดดไปที่กระเช้าให้มันเลื่อนเข้าด้านในจนถึงส่วน Gondola Transport ใช้ธนูเชือกทำสะพานเชือกเข้าไปด้านใน ลุยศัตรูตามทางเข้าไปจนเจอกับป้อมปืนกลของศัตรูที่ยิงถล่มเข้ามาจนกระเช้าพังจนหมด Lara ต้องโดดโหนสลิงสลับกับทิ้งตัวลงไปที่เชือกต่อไปเรื่อยๆจนตกลงมาที่น้ำตกและไหลลงมาที่บริเวณชายหาดที่อ่าวเรือแตก Shipwreck Beach ในที่สุด

-เข้าไปที่ Base Camp : Survivors camp ที่ท่าเรือจะพบกับ Alex , Jonah , Reyes และ Sam ที่กำลังช่วยซ่อมเรือกันอยู่ แต่จะขาดอาไหล่บางอย่างอยู่ Lara จึงอาสาไปหามาให้ เข้าไปที่ซากเรือใกล้ๆจัดการศัตรูให้หมดแล้วขึ้นไปดาดฟ้ายิงโซ่ให้สมอเรือหล่นลงมา Lara ก็จะเก็บชิ้นส่วนสมอมา แล้วกลับไปที่ท่าเรือตรงชายหาด

ขณะกำลังเอาวัตถุดิบให้กับ Jonah จะได้ยิน Dr.Whitman ร้องให้ช่วย เขาบอกว่าเขาหนีการตามล่าจากคนของ Mathius ซึ่ง Lara เริ่มที่จะไม่ไว้ใจ Dr.Whitman มากขึ้นทุกที Jonah จะบอกกับ Lara ว่า Alex นั้นไปเอาเครื่องมือช่างของเขาที่ซากเรือ Endurance ที่จอดเกยตื้นอยู่อีกฝั่งของชายหาดซึ่งตอนนี้เขาหายไปนานมาแล้ว ด้วยความเป็นห่วง Lara จะรีบออกไปตามหา Alex ทันที แต่ก่อนที่จะไป Jonah จะมอบ Compound Bow ธนูอันใหม่ที่ประสิทธิภาพรุนแรงกว่าเดิมกับ Lara 

-จากนั้นเดินทางไปทางฝั่งซ้ายของชายหาด เข้าไปที่ชายขอบของชายหาดจะมีเสาไม้อยู่ ซึ่งความสามารถของ Compound Bow ก็คือ สามารถใช้ธนูเชือก (RB) ทำสะพานเชือกระหว่างเสากับแผ่นหินแข็งๆที่พนังได้ด้วย จากนั้นก็ยิงธนูเชือกไปที่กำแพงหินฝั่งตรงข้ามก็จะทำสะพานเชือกโหนไปกำแพงหินแล้วเกาะไต่ชึ้นด้านบนได้แล้ว มุดเข้าไปตามซากอาคารจนถึงทางแยก อุโมงค์ทางซ้ายนั้นจะเป็นทางไปห้องวิจัยลับใต้ดินที่เป็น Optional Tomb ด้วย ส่วนทางขวาคือทางไปต่อจนถึงหน้าบังเกอร์ ป้อมปืนโบราณขนาดใหญ่ ซึ่งจะมี Base camp : Bunker Vista ให้พักผ่อนด้วย

-ลุยเข้าไปซากบังเกอร์ที่เต็มไปด้วยศัตรูจนถึงดาดฟ้าที่เป็นป้อมปืน จะมี Base camp: Endurance Overlook อยู่ด้วย จากนั้นโหนสลิงเข้ามาที่ซากเรือ Endurance เข้าไปที่ดาดฟ้าเรือจะพบพวกทหารของศัตรูกำลังตกปลาเล่นกันอยู่ โดยมีหัวหน้าทหารตัวใหญ่อยู่ด้วย ลอบจัดการลูกน้องมันให้หมดก่อนแล้วหัวหน้าตัวใหญ่มันจะรู้ตัวเข้ามาสู้ด้วย สู้กับมันโดยใช้การสไลด์หลบสลับกับโจมตี Dodge Counter (LS + B) ไล่ตอดจัดการมันไปเรื่อยๆก็จะจัดการได้ จากนั้น Lara จะเก็บ Rope Ascender ของมันมาใช้ ซึ่ง Rope Ascender นั้นก็คือลอกพลังสูงที่เอาไว้เสริมเข้าไปที่ธนู เมื่อใช้ธนูเชือกดึงสิ่งต่างๆจะสามารถกด X ค้างเพิ่มพลังการดึงให้ดึงสิ่งที่หนักๆได้ รวมทั้งการโหนเชือกก็ยังสามารถกด X ค้างลอกก็จะเร่งความเร็วในการพุ่งตัวไปบนเชือกได้อีกด้วย จากนั้นเข้าไปในเรือจนถึงห้องของ Lara เธอจะเก็บรูปจากในตู้แล้วเมื่อกระจกของตู้หันมาเห็นหน้าของตัวเองก็ทำให้ Lara รู้สึกขึ้นได้เลยว่าตัวเธอเองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากจนแทบจำไม่ได้ เข้าด้านในต่อจนถึงห้องเครื่องจะพบ Alex ติดอยู่ด้านใน ที่หน้าประตูจะมีเหล็กกันอยู่ ซึ่ง Lara จะต้องหาทางเข้าไปช่วย Alex ด้านใน

- สังเกตดุหน้าห้องที่เพดานจะมีบันไดที่เลื่อนไปมาได้อยู่ ซึ่งถ้าลองใช้ธนูเชือกดึงให้มันกระแทกประตูห้องก็ยังไม่สามารถเปิดเข้าไปได้ เพราะมีแกนเหล็กขวางอยู่

- โดดโหนเกาะบันไดทางฝั่งซ้ายทำให้มันเลื่อนมาทางขวา ใช้ธนูเชือกดึงเลื่อนลงล่าง แล้วโดดเกาะบันไดทางฝั่งขวาให้มันเลื่อนมาทางซ้ายอีกครั้ง ก็จะลงล็อกกับช่องด้านบนพอดี ปีนบันไดขึ้นไปบนฝ้าเพดานแล้วถีบให้แกนเหล็กตกลงมา แล้วกลับลงมาด้านล่าง จัดบันไดที่เพดานให้เลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งเดิมคือหน้าประตูห้องที่ Alex อยู่ แล้วใช้ธนูเชือกดึงให้มันไปกระแทกประตูก็จะเข้าไปด้านในห้องได้แล้ว

เข้าไปแล้วจะพบว่า Alex ถูกของทับจนบาดเจ็บเกินแรงที่ Lara จะช่วยยกออกได้เลย ขณะนั้นพวกศัตรูก็บุกเข้ามาโจมตีมากมาย Alex จึงเอาเครื่องมือของเขาฝากไปให้ใช้ซ่อมเรือพาทุกคนหนีออกจากที่นี่ ส่วน Alex จะต้านพวกศัตรูเอาไว้ให้ Lara ไม่มีทางเลือกจำใจต้องเอาเครื่องมือออกจากห้องไป ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากการที่ Alex ยิงใส่แก็สทำให้ศัตรูทั้งหมดรวมทั้งตัวเขาแหลกไม่เหลือ ตัวเรือที่โดนระเบิดก็เริ่มจะจมเช่นกัน 

-รีบวิ่งหนีออกไปที่ทางออกจะมีเชือกสลิงอยู่ รีบกด X ค้างแล้ว Lara จะใช้ลอกความเร็วสูงพุ่งตัวหนีออกจากที่นี่ได้สำเร็จ จากนั้นย้อนกลับไปที่ชายหาดอีกครั้งโดยใช้ธนูเชือกที่ติดตั้ง Rope Ascender ดึงกำแพงเปิดทางใหม่โหนสลิงกลับไปที่ชายหาดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงที่ชายหาด จากนั้น Reyes จะถามถึง Alex ซึ่งก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆจาก Lara ทำให้ทั้งคู่รู้ทันทีว่าพวกเขาได้สูญเสีย Alex ไปอีกคนแล้ว

Lara จะเอาเครื่องมือที่ได้จาก Alex ให้ Jonah กับ Reyes ซ่อมเรือให้เสร็จ ส่วน Lara จะบอกกับทุกคนถึงเรื่องที่เธอวางแผนที่จะหาทางหยุดพายุคำสาปที่อยู่รอบๆเกาะให้ได้ ซึ่งไม่ว่าทุกคนจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่เธอก็ต้องไปทำให้สำเร็จ 

-เดินไปที่ลิฟต์ขนาดใหญ่ใกล้ๆกับท่าเรือนี้ โดยใช้ ธนูเชือกที่ติดตั้ง Rope Ascender ดึงประตูให้เปิดออก แล้วสับคันโยกลิฟต์ด้วยขวานแล้วลิฟต์จะตกลงมาจากด้านบน จากนั้นก็ปีนขึ้นตามช่องลิฟต์จนถึงด้านบน ลุยศัตรูไปตามทางผ่านทางลงใต้ดินทะลุข้ามมาอีกฝั่งจนถึงซากตึกเข้าไปจัดการศัตรูด้านในให้หมดก่อนแล้วถึงเข้าไปพักที่ Base Camp: Research Lab ได้ (ถ้าเก็บชิ้นส่วนของธนูมาจนครบก็จะได้ Competition Bow มาใช้ เข้าไปด้านใน Research base จนถึงลิฟต์ขนาดใหญ่ เมื่อกดลิฟต์ให้ลงมาชั้น 1 จะพบว่าเฟืองของลิฟต์ทั้ง 4 ด้านเสีย ซึ่ง Lara ต้องทำการแก้ไขให้ลิฟต์ลงมาชั้นล่างสุดให้ได้
- ที่ชั้น 1 ปีนกล่องขึ้นไปงัดเอาเฟืองอันแรกทิ้งไปก่อน
- ขึ้นไปชั้น 2 จนถึงชั้น 4 โดยการกดสวิตซ์ให้ลิฟต์ตามขึ้นไปที่ชั้น 4 ด้วย
- ยืนอยู่ที่หน้าประตูลิฟต์ชั้น 4 ระหว่างที่ลิฟต์ขึ้นมาสังเกตดูจะพบว่าพนังด้านในเป็นแผ่นไม้ที่สามารถใช้ Shot Gun ยิงได้อยู่บริเวณชั้น 3 กับ ชั้น 4 รีบโดดลงในลิฟต์ที่กำลังขึ้นมาแล้วยิง Shot Gun ทำลายแล้วรีบเข้าไปด้านใน จะเข้าไปทำลายเฟืองตัวที่ 2 ได้

- โดดกลับลงมาที่ชั้น 3 ตรงหน้าลิฟต์มองด้านบนจะมีบันไดห้อยลงมาให้โดดปีนขึ้นไปด้านบนได้ เข้าไปทำลายเฟืองตัวที่ 3
- กดสวิตซ์ลิฟต์ให้ลงมาที่ชั้น 3 สังเกตดูที่บันไดทางลงระหว่างชั้น 3 และ 2 จะมีคานไม้อยู่ โดดดหนตัวขึ้นไปด้านบน เข้าไปทำลายเฟืองตัวที่ 4
- เมื่อทำลายครบทั้ง 4 เฟืองแล้วลิฟต์จะตกลงไปยังชั้น 1 ทันที กลับลงไปชั้น 1 จะสามารถเดินผ่านลิฟต์เข้าไปที่ทางเข้าด้านในได้แล้ว
-ลุยเข้าไปตามทางจนถึงถ้ำด้านในจะพบกับศพของซามูไรโบราณอยู่หน้าภาพสลักของราชินี Himiko จากนั้น Lara จะเอาดาบซามูไรมาแล้วแกะดูที่ด้ามจะพบกระดาษข้อความ

 เมื่ออ่านจบแล้ว Lara จะพบว่าศพของซามูไรผู้นี้คือองค์รักษ์ของ ราชินี Himiko ในคำบรรยายในกระดาษพูดถึงเหล่า Storm Guard ที่คอยปกป้องพายุที่ล้อมรอบเกาะนี้ Lara ตีความได้ว่า พายุร้ายที่อยู่รอบเกาะนั้นถูกสร้างด้วยมนต์ดำบางอย่าง เพื่อปกป้องพระศพของราชินี Himiko และการจะทำลายพายุได้ก็ต้องไปทำลายพระศพของราชินี Himiko ซึ่งศพนี้อยู่กับเจ้า Mathius ที่กำลังเอาไปใช้ในพิธีย้ายวิญญาณกับ Sam นั่นเอง ในขณะที่กำลังจะออกจากห้องพวกศัตรูมากมายก็เริ่มบุกเข้ามา จัดการพวกมันให้หมด แล้ว Reyes จะติดต่อมาว่าตอนนี้กำลังโดนกองทัพของ Mathius เข้ามาล้อมโจมตีอย่างหนักให้ Lara รีบกลับมาช่วย 

-จากนั้นก็รีบย้อนกลับมาตามทางเดิมจนถึงอ่าวเรือแตก Shipwreck Beach

ทันที่ที่เข้าไปถึง ซึ่ง Reyes จะบอกว่าตอนที่ Lara ไม่อยู่พวกคนของ Mathius บุกเข้ามาชิงตัว Sam และ Dr. Whitman ไปแล้ว Reyes จะบอกว่าตอนนี้เรือซ่อมเสร็จพร้อมจะออกจากที่นี่แล้ว แต่ Lara จะอธิบายว่า ถึงออกไปได้ก็จะโดดพายุคำสาปที่อยู่รอบๆเกาะฆ่าตายอยู่ดี ถ้าไม่ไปทำลายมนต์ดำที่เป็นต้นกำเนิดพายุซะก่อน ซึ่งแม้ว่า Reyes จะไม่ค่อยเชื่อแต่สิ่งที่ Lara ทำมาทั้งหมดนั้นพอจะพิสูจน์ได้ว่า เธอเชื่อถือได้ Reyes จึงตกลงจะทำตามแผนของ Lara …. เมื่อพร้อมเมื่อไหนก็ลงเรือออกเดินทางได้เลย …..

เมื่อเรือเดินทางมาที่ฝั่งเหนือของเกาะแล้ว Lara จะบอกให้ Jonah กับ Reyes รออยู่ในเรือนี้ส่วนเธอจะออกไปตามหาและช่วย Sam กลับมาเองเพราะเธอไม่อยากสูญเสียใครอีกแล้ว ซึ่งถ้าเธอไม่กลับมาก็ให้ออกเดินทางไปกลับไปได้เลย แต่ Jonah จะบอกว่าพวกเขาจะไม่ไปจนกว่า Lara และ Sam จะกลับมา 

-จากนั้นปีนขึ้นมาด้านบนเขาแล้วใช้ ธนูเชือกยิงไปเกาะที่หน้าผาฝั่งตรงข้ามแล้วโหนสลิงข้ามไป ปีนขึ้นไปด้านบนเข้าไปจนถึงหน้าวิหาร CHASM SHINE ที่หน้าทางเขา Lara จะแอบดู Mathius กำลังพาตัว Sam เข้าไปด้านในโดยมี Dr. Whitman เดินทางมาด้วย ดูเหมือน Lara จะคิดไม่ผิดที่รู้ว่าหมอนี่เชื่อถือไม่ได้ หน้าวิหารจะมีทหารซามูไรคอยเฝ้าอยู่ Dr. Whitman จะทำเก่งเข้าไปพูดกับพวกมันโดยจะขอพา Sam ซึ่งจะเป็นราชินี Sun Queen องค์ใหม่เข้าด้านในทำให้ทหารซามูไรรุมทำร้าย Dr. Whitman จนตายคาที่ส่วน Mathius ก็ได้จังหวะที่จะรีบพาตัว Sam เข้าไปด้านวิหารทันที

-ตามไปโดยใช้ธนูเชือกยิงไปที่หน้าผาทางด้านขวาของวิหารแล้วเกาะปีนขึ้นด้านบน เข้าไปด้านในห้องโถง จะพบว่ามีพวกนักรบซามํไรมากมายที่กำลังเดินอยู่ด้านใน แอบย่องข้ามไปฝั่งซ้ายแล้วปีนกำแพงฝั่งซ้ายเลาะอ้อมไปด้านใน แต่กลับถูกพวกซามูไรจับได้ จึงถุกยิงถล่มใส่จนหนีออกมาที่ทางออกแทบไม่ทัน แวะพักผ่อนที่ Base camp : Sheltered Hallway ก่อนแล้วเข้าด้านในต่อจนถึงสะพานขนาดใหญ่ที่ใช้ข้ามไปยังวิหารแห่ง Himiko ด้านใน ที่มีลมพัดแรงอยู่ตลอดเวลา เข้ามาถึงหน้าปราสาท Lara จะต้องเจอศึกหนักเมื่อนักรบซามูไรจำนวนมาบุกเข้ามาเพื่อขัดขวางเธอ พยายามจัดการพวกมันให้หมด โดยใช้ถังระเบิดที่มีอยู่เป็นตัวช่วย เข้าไปจนถึงประตูใหญ่ด้านในจะพบกับซามูไรปีศาจขนาดใหญ่ที่ออกมาขวาง แต่ก็โชคดีที่มันก็ถูกพายุพัดกระเด็นไปก่อน จากนั้นเข้าไปในปราสาทได้เลยแวะพักที่ Base Camp : Sacred Hall ก่อนแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องด้านในซึ่งจะพบคันโยก 2 ด้านและบนพื้นที่สามารถเปิดออกได้
- หมุนคันโยกขวาเปิดช่องที่พื้นห้องออก
- หมุนคันโยกซ้ายยกเอากรงเหล็กขึ้นมา
- หมุนคันโยกขวาปิดช่องที่พื้นห้อง
- หมุนคันโยกซ้ายปล่อยให้กรงเหล็กลงมาวางบนพื้น
- ปีนขึ้นชั้นบนทางฝั่งซ้ายแล้วใช้ธนูเชือกดึงกรงเหล็กให้แกว่งขึ้นมาใกล้ๆชั้นบนแล้วรีบโดดไปยืนบนกรง รอให้มันแกว่งไปด้านหน้าแล้วโดดเกาะข้ามไปห้องด้านในได้เลย

ที่ห้องเทวรูปด้านใน Lara จะพบกับรูปปั้นราชินีมากมายหลายองค์รวมทั้ง Himiko ด้วย เมื่ออ่านบันทึกและอักขระบนห้องนี้แล้วทำให้ Lara รู้ความจริงที่น่ากลัวชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อ ราชินีองค์ล่าสุดที่ตายไปนั้นเป็นฝีมือของ Himiko ที่ต้องการพลังเป็นของตัวเอง ซึ่งความชั่วร้ายนี้เหล่าซามูไรองค์รักษ์ที่รู้ถึงความน่ากลัวนี้จึงสร้างพายุคำสาปขึ้นมาเพื่อกักขังวิญญาณของ Himiko เอาไว้ และใช้ร่างของ Himiko เป็นตัวเชื่อมในการสั่งการทำงานของพายุรอบๆเกาะ ซึ่งเหล่านักรบซามูไรที่มีหน้าที่ปกป้องพระศพของ Himiko โดยหน้าที่ก็เป็นตัวช่วยอีกแรงที่จะป้องกันไม่ให้คำสาปนี้โดนทำลาย แต่ถ้า Mathius ย้ายวิญญาณมาสู่ Sam ได้สำเร็จ ราชินี Himiko ก็จะได้กำเนิดใหม่พายุคำสาปก็จะหายไปทำให้ ราชินี Himiko ที่ชั่วร้ายและกองทัพซามูไรปีศาจของเธอเป็นอิสระทันที นั่นทำให้ Lara ยิ่งต้องรีบไปหยุดยั้งแผนการของ Mathius ให้เร็วที่สุด

เมื่อเข้าไปด้านในต่อจนถึงหน้าวิหารชั้นในสุดก็จะพบ Mathius ที่กำลังจับตัว Sam เอาไว้ซึ่ง Lara จะพยายามบอกให้ Mathius รู้ถึงพลังที่ชั่วร้ายของ Himiko แต่ Mathius มั่นใจว่ามันสามารถควบคุมพลังที่ยิ่งใหญ่นั้นได้ มันจึงรีบพา Sam เข้าด้านในก่อนจะใช้เวทย์ไฟปิดล้อมทางเข้าเอาไว้

-จากนั้นปีนเข้าไปทางฝั่งซ้ายแทนจนเข้ามาด้านในได้ ที่ห้องด้านบนจะเป็นห้องที่มีระฆังและลมกระโชกแรงพัดเข้ามา เดินมายืนที่ด้านซ้ายแล้วใช้ธนูเชือกดึงระฆังมาที่ลมให้มันพัดเข้าไปกระแทกประตูจนพัง เข้าไปด้านในแล้วทะลุออกมาที่ระเบียงนอกวิหาร จะพบนักรบซามูไรจำนวนมากกำลังบุกเข้ามาจากทางเข้าด้านล่างแล้ว โดดเกาะไปตามทางด้านนอกจนโดดไปเกาะผนังเหวได้ ปีนขึ้นไปด้านบนกระโดด 2 ชั้นขึ้นไปเกาะอาคารไม้ขึ้นไปด้านบนต่อ ใช้ธนูเชือกเกาะโหนขึ้นไปที่ด้านบนต่อ แล้วโดดเกาะผาทิ้งตัวลงมาด้านล่างแล้วเข้าไปในวิหารต่อ พักที่จุด Base Camp : Ziggurat Vestibulf แค้มป์สุดท้ายของการเดินทาง แล้วปีนขึ้นไปตามพนังของวิหารที่เต็มไปด้วยลมพัดอย่างรุนแรงจนถึงดาดฟ้า

จะพบ Mathius กำลังเริ่มจะทำพิธีถ่ายวิญญาณกับศพของราชินี Himiko ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่นี่กับร่างของ Sam หญิงสายเลือดพิเศษที่ถูกเลือก Lara พยายามขัดขวางอย่างเต็มที่แต่ไม่ได้ผม พิธีกรรมได้เริ่มขึ้นแล้ว Mathius เรียกลูกน้องมากมายให้ออกมาจัดการ Lara จัดการพวกมันให้หมดแล้วลุยเข้าไปด้านในต่อจนถึงส่วนในจะพบ นักรบซามูไรปีศาจร่างยักษ์ที่ออกมาโจมตีใส่ทุกคนเพื่อปกป้องศพของราชินี Himiko ซึ่ง Lara จะต้องหาทางหยุดมัน

การต่อสู้กับ ซามูไรปีศาจร่างยักษ์ นั้นต้องใช้การ Dodge (LS + B ) หลบการโจมตีของมันแล้วยิงไปที่จุด่อนที่ส่วนหัวและหลังของมันไปเรื่อยๆ Lara ก็จะเข้าไปเอาขวานจามหน้ามันจนมันตายลงไปในที่สุด Lara ตรงเข้าไปหา Mathius ทันทีซึ่งมันเองก็พร้อมที่จะกำจัด Lara เหมือนกัน หลังจากพยายามสู้กับมันอยู่นานสุดท้าย Lara ก้แย่งปืนมาจากมันได้และกระหน่ำยิงด้วยปืนคู่ใส่ Mathius จนมันตกวิหารลงไปตายในที่สุด

..Lara รีบเข้าไปทำลายศพของ ราชินี Himiko ทันทีจนวิญญาณของมันแตกสลายไปในที่สุด เมื่อคำสาปทั้งหมดจบสิ้นลงแล้ว แสงสว่างที่เรืองรองก็ส่องผ่านมาถึงเกาะมิยาเกะแห่งนี้เสมือนมันไม่เคยส่องมาถึงเป็นเวลาหลายร้อยปี ..เฉกเช่นแสงสว่างที่ส่องมาถึง Lara ก็ช่วย Samantha เพื่อนรักของเธอเอาไว้ได้สำเร็จและอุ้มมาส่งที่เรืออย่างปลอดภัย ทำเอา Jonah กับ Reyes ดีใจอย่างมากที่เห็นเธอกลับมา ทุกคนก็ออกเรือกลับบ้านและทิ้งเรื่องเลวร้ายเอาไว้ที่เกาะแห่งนี้แบบไม่คิดจะหันไปมองมันอีกเลย ….


6.15 AM... Dragon's triangle South of Japan ..ไม่กี่วันต่อมา




บนเรือเดินสินค้าลำใหญ่ ลูกเรือเดินมาบอกถึงความพร้อมทุกอย่างในการเดินทางกับ Lara Croft ที่ถือหนังสือขนาดใหญ่ในมือ หนังสือที่เต็มไปด้วยความลับที่รอการค้นพบ Lara กำลังจะออกเดินทาง หาใช่เส้นทางกลับบ้านไม่ แต่เป็นเส้นทางสู่การผจญภัยครั้งหม่ จากจุดเริ่มต้นของผู้รอดชีวิตจากเกาะนรกกลางทะเลปากมังกร สู่การกำเนิดใหม่ ของนักผจญภัยที่โลกไม่มีวันลืม “ Lara Croft “





           ******************  A SURRIVOR IS BORN *****************



Tomb Raider Challenges Guide – Hidden Collectible Locations
 http://segmentnext.com/2013/03/04/tomb-raider-challenges/

Secret Tomb Locations & Solutions ทั้งหมด

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=8UGzTj8yvWo#at=70






                                            บทสรุป - Rise of Tomb Raider


By Decibel per - oxide





อะไรเล่าที่ทำให้ใครซักคนก้าวข้ามเส้นแบ่งพรหมแดนของประสบการณ์มนุษย์ที่หาญกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราไม่รู้จัก ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่มีคำถามมากมายกับสิ่งรอบตัว เราเรียนรู้ เรายอมรับมันไปทีละน้อย แต่เราก็สูญเสียความสามารถที่จะยอมรับสิ่งมหัศจรรย์รอบๆตัวไปด้วยเช่นกัน แต่บางคนไม่ ยังสำรวจและค้นหาความจริง เสมือนกับผู้บุกเบิกที่ทำให้อนาคตของมวลมนุษย์ชาติชัดเจนยิ่งขึ้น 

        

Jonah – อีกที่แล้วหรอ ? เราไม่มีเงินพอจะทำให้พวกเขาข้ามภูเขานั่นแล้วนะ
Lara – เมืองลับแล อยู่ที่ไหนซักแห่งบนนั้นแน่นอน 
Jonah – ดูท่าเราคงต้องปีนกันจนตายไปข้างแน่เลย 
Lara – ยังไงชั้นก็ไม่ถอยกลับแน่ !
Jonah – ผมรู้ !
Lara – คุณควรรออยู่ที่นี่กับคณะเดินทางคนอื่นนะ 
Jonah – ไม่มีทางซะหรอก 


                                               -Mountain Peak -

-ทันทีที่ Lara และ Jonah ปีนภูเขาน้ำแข็งจนถึงส่วนบนของภูเขา ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินไปตามธารน้ำแข็งก็เริ่มเกิดพื้นถล่มขึ้น พยายามกด X  เพื่อยึดเกาะด้วยเหล็กปีนเขาให้ทัน จากนั้นก็เรียนรู้การปีนป่ายด้วยการใช้แกนอนาล็อกขวาเคลื่อนที่และ A กระโดด เพื่อปีนกลับไปหา Jonah ที่ด้านบนอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินต่อผ่านช่องเขาไปจนถึงจุดปีนขึ้นไปที่ส่วนยอดของภูเขา โชคร้ายที่ภูเขาน้ำแข็งดันเริ่มถล่มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันแรงกว่าเดิมจนเชือกที่มันระหว่างทั้งคู่ขาดลงจากแรงเหวี่ยงทำให้ Lara และ Jonah ต้องแยกกันไปคนละทิศทาง Lara พยายามเอาตัวรอดจากหิมะถล่มที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งแบบไม่ทันตั้งตัวจนสุดท้ายร่างของเธอก็ถูกพัดหายไปในความหนาวเย็น



2 อาทิตย์ ก่อนหน้านั้น ... ลอนดอน ประเทศอังกฤษ 


ในขณะที่ Lara กำลังเดินอยู่ท่ามความกลางความมืดในตรอกที่ชื้นแฉะไปด้วยละอองฝนจนถึงห้องพัก เธอก็เริ่มเห็นความผิดปกติที่ห้องของเธอ และทันที่ Lara ขึ้นมาถึงในห้องก็พบว่าคนที่แอบเข้ามานั้นหายไปแล้ว แต่เธอก็แน่ใจว่ามีบางคนกำลังเข้ามาค้นหาบางอย่างในงานของเธอจากเทปที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ การค้นหาสิ่งยิ่งใหญ่ที่พ่อทำค้างเอาไว้สิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของครอบครัวต้องมัวหมองไปพร้อมๆกับการหาตัวไปของพ่อเธอ 



 “กุญแจที่จะไปสู่ชีวิตนิรันดร” งายวิจัยและสำรวจของพ่อที่ทำให้เขาเข้าใกล้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆกับชื่อเสียงที่เสียหายจากความเชื่อที่งมงายในความคิดของคนรอบข้าง และในโชคดีในการค้นพบของพ่อก็มีโชคร้ายปนมาด้วยเพราะพ่อไม่ได้อยากค้นหามันแค่คนเดียว ยังมีบางคนหรือบางกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Trinity” ที่ติดตามพ่อทุกอย่างก้าว องค์กรลับที่สืบทอดอำนาจมาจากยุคโบราณที่พยายามจะหาทางควบคุมอนาคตของมนุษย์ชาติ แต่สิ่งที่พ่อต้องกังวลมากกว่าที่ว่าพวกมันจะได้พลังที่ยิ่งใหญ่นั้นไปก็คือการปกป้องครอบครัว ชั้นกับ Ana  



Ana – Lara นี่ชั้นเอง 
Lara – Ana หนูขอโทษจู่ๆก็โผล่มา มีคนตามมาหรือเปล่าคะ
Ana – ตามมา ? ใครจะตามมา นี่ดู พวกนักข่าวเล่นงานเธออีกแล้ว “บ้าไม่ต่างจากพ่อ” ดูมันลงพาดหัวสิ 
Lara – โกหกทั้งนั้นแหละ หนูคิดว่าค้นพบสุสานนั่นแล้ว ตำนานของ Prophet เป็นความจริงนะ พ่อไม่ได้โกหก! 
Ana – เธอจริงจังกับมันไปนะ Lara พ่อของเธอไม่ค่อยปกตินะ 
Lara – ไม่ ! พ่อกำลังจะค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ หลักฐานที่จะยืนยันความมีอยู่ของวิญญาณแห่งนิรันดร 
Ana – ชั้นรัก Richard มากนะขนาดยอมแต่งงานด้วยได้เลยถ้าเขาขอ แต่ตอนนี้เขาไม่ปกติ ชั้นไม่อยากเห็นหนูมีจุดจบแบบเขา 
Lara – แต่ Ana พ่อพูดถูก ทุกคนต่างหากที่เข้าใจผิด สุสานนั่นอยู่ที่ Syria 
Ana – Syria เนี้ยนะ บ้าไปใหญ่แล้วหนูไม่ห่วงชีวิตตัวเองบ้างรึไง กลับบ้านของเราเถอะนะ 
Lara – คุณก็รู้ว่าหนูกลับไปที่นั่นไม่ได้ 
Ana – แต่สิ่งนี้มันกลืนกินพ่อของเธอให้จมลงสู่ความหายนะนะ 
Lara – หนูเห็นบางสิ่ง บางสิ่งที่มันอธิบายไม่ได้ แต่ตอนนี้ถูกเข้าใจในสิ่งที่พ่อตามหาแล้ว 
Ana – ทั้งหมดมันก็แค่นิทาน เป็นเรื่องเล่าต่อๆกันมา ไม่มีเหตุผลอะไรมายืนยันเลย อย่าไปหลงทางกับมันเลยนะ 
Lara – สิ่งเดียวที่หนูคิดว่ามีเหตุผลที่สุดสำหรับหนูตอนนี้ก็คือ หนูจะไปตามหา สุสานของผู้พยากรณ์ (Tomb of Prophet) นั่นให้เจอ! 


                                            -The Lose Tomb-


ชายแดนด้านเหนือของประเทศ Syria


Lara เดินทางมุ่งสู่ Syria ไปตามช่องเขาในเขตชายแดนที่กำลังมีสงครามเป้าหมายคือ ตามหาพิกัดของภูเขาที่เธอหมายตาไว้ แต่ขณะที่เดินทางมาพร้อมคนขับรถที่จ้างมากลับถูกคอปเตอร์ไม่ทราบที่มาและสังกัดเข้าโจมตีจนรถตกลงไปข้างทาง โชคดีที่ Lara หนีออกมาจากซากรถที่ระเบิดได้ แรงระเบิดทำให้เธอกระเด็นตกลงมาที่ตีนเขาด้านล่าง ซึ่งก็บังเอิญที่มันเป็นจุดที่เธอกำหนดไว้ในพิกัดเป้าหมายที่จะเดินทางมาพอดี ที่เหลือก็แค่ปีนกลับขึ้นไปจนถึงยอดเขาให้ได้เท่านั้นเอง 

-เดินขึ้นมาตามทางจนถึงที่ปีนเขาขึ้นมาจนถึงชั้นบนจะพบถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งด้านใน Lara จะพบเสาหินอักขระและรูปวาดโบราณบนพนังถ้ำที่สื่อไปถึง ผู้พยากรณ์ (Prophet) อย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนเธอยังไม่เข้าใจภาษากรีกดีพอที่จะเข้าใจคำจารึกนั่นเลย



ด้านใน Chamber of Murals นั้นจะมี เสาหินอักขระ (Monoliths) ที่เป็นปริศนาที่ Lara ต้องไขมันให้ออก ซึ่งก่อนที่จะอ่านภาษากรีกบนจารึกนั้นเข้าใจเธอต้องได้ทักษะด้านภาษา (Language Skill) ที่เพิ่มขึ้นก่อน โดยในถ้ำนี้จะมีภาพฝาพนังโบราณที่เป็นการเล่นเรื่องราวของผู้พยากรณ์ (Prophet) อยู่ 4 จุด

ทุกครั้งที่ Lara สำรวจภาพแต่ละภาพที่เป็นภาษา Greek ค่า Translate Skill หรือ ความสามารถการแปลภาษา Greek ของเธอก็จะเพิ่มขึ้น โดย Lara จะมีทักษาของภาษาที่ต้องเพิ่มระดับของการเรียนรู้ด้วยการสำรวจภาพโบราณภาษาต่างๆ 3 ภาษาคือ
Greek (กรีก)
Russian (รัสเซีย)
Mongolian (มองโกเลีย)



ซึ่งเมื่อสำรวจครบ 4 ภาพก็จะทำให้ทักษะการแปลภาษากรีกของเธอขึ้นเป็นระดับเลเวล 1 แล้ว ตอนนี้เมื่อเข้าไปสำรวจเสาอักขระ Lara ก็จะสามารถอ่านได้จนทำให้รู้ตำแหน่งที่ซ่อนของเหรียญโบราณที่ถูกฝังอยู่ได้โดยการกดดูแผนที่ก็จะเห็นจุดที่ต้องขุด

                           ** เหรียญไบเซนไทน์ (Byzantine Coin)** 

ความจำเป็นที่ต้องหาตำแหน่งในการขุดหาหรือสะสมตามที่ต่างๆก็เพราะเหรียญนนี้ก็คือ เงิน ที่ใช้สำหรับชื้อของต่างๆทั้งอาวุธ ชุดต่างๆ รวมถึงไอเทมเสริมแปลกๆเอาไว้ใช้งานเพื่อทำให้การต่อสู้และเดินทางสะดวกขึ้น ทั้งหมดหาซื้อได้จากกระท่อมขายของ Supply Shack โดยใช้เหรียญไบเซนไทน์ (Byzantine Coin) ที่ขุดเก็บได้จากจุด Coin Cache มาใช้แลกเปลี่ยนนั่นเอง  

 -จากนั้นเข้าไปสำรวจที่ห้องทางขวาของถ้ำจะพบพนังร้าวที่สามารถทำลายแล้วออกไปด้านนอกได้ เมื่อออกมาที่โอเอซิสลับที่ซ่อนตัวอยู่ในช่องเขาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า Lara คือวิหารโบราณที่เป็นที่ซ่อนที่เก็บศพของผู้พยากรณ์ (Prophet) ตามที่พอค้นพบจริงๆ

**เรียนรู้การใช้ Survival Instinct ด้วยการกดแกนอนาล็อกขวาจะทำให้เห็นจุด Objective ที่ต้องไป รวมทั้งไอเทมและจุดสำคัญที่ซ่อนอยู่เป็นสีส้ม ส่วนการกำหนดจุดหมายที่จะไปในแผนที่นั้นจะเป็นแสงสีฟ้า ** 

-จากนั้นเรียนรู้การโดดชิ่ง 2 ครั้งกับกำแพงหินขึ้นไปด้านบนของซากโบราณเพื่อเกาะห้อยโหนไปที่ซากวิหารโบราณอีกฝาก Lara ก็จะสามารถมุดผ่านซากโครงกระดูกเข้ามาในที่เก็บศพของผู้พยากรณ์ (Prophet) ได้สำเร็จ


                                           - The Prophet’s Tomb -




-สุสานของผู้พยากรณ์ (Prophet) ห้องโถงแรกนั้นเต็มไปด้วยซากศพของพวกทหาร เก็บไอเทมต่างๆและภาพโบราณเรื่องเล่าของผู้พยากรณ์ (Prophet) อันที่ 5 ซึ่งเป็นอันสุดท้ายที่ต้องสำรวจ
จากนั้นค่อยเข้าไปด้านในต่อ

**เรียนรู้ การใช้ปืนด้วยการกด LT + RT และ X รีโหลดกระสุน ในการยิงกับดักไม้แหลมที่พุ่งเข้ามา **

** เรียนรู้เรื่องอันตรายที่คาดไม่ถึงคือจุดที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ที่ทำให้บาดเจ็บหรือตายได้ทุกเวลาขณะเดินทาง ทำให้ผู้เล่นต้องใช้สติในการเอาตัวกับสถานการณ์ต่างๆที่ต้องเจอระหว่างทางแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่ตลอด ซึ่งถ้ารอดมาได้ก็จะได้ค่า Exp เป็นรางวัลส่วนรางวัลของความผิดพลาดคือความตาย **


-เข้ามาตามทางจนสุดทางจะพบทางไปต่ออยู่สูงขึ้นไปด้านบน ยิงแผ่นไม้ให้ตกลงมา ใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) มองหาจุดพนังร้าวทางซ้ายแล้วทำลายมันให้น้ำท่วมเข้ามาก็จะสามารถยืนบนแผ่นไม้ขึ้นไปด้านบนได้ เข้ามาตามทางด้านในจนถึงโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่เป็นที่เก็บศพของผู้พยากรณ์ (Prophet)

    

-เป้าหมายคือการขึ้นไปที่โดมสีทองด้านบนสุดซึ่งเป็นที่เก็บศพของผู้พยากรณ์ (Prophet) ตามที่บันทึกของพ่อ Lara บอกเล่าเอาไว้ จากนั้นใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) มองหาจุดพนังร้าวทางขวา ทำลายมันให้น้ำท่วมเข้ามา น้ำจะท่วมมาแค่ครึ่งเดียวจึงไม่ถึงจุดที่ปีนไปยอดโดมได้แต่พอที่จะโดดปีนขึ้นไปทางด้านซ้ายที่ทางเดินชั้นกลางได้ เข้าไปโดดไปยืนยนแผ่นไม้หน้าประตูน้ำทางซ้ายเพื่อเปิดให้น้ำท่วมมาจนเต็ม เก็บไอเทมต่างๆรอบพื้นที่ให้หมดก่อนแล้วค่อยโดดไปเกาะที่โดมเพื่อปีนขึ้นไปที่ช่วงกลางของมัน แล้วหลบกับดักไปโดดเกาะไปทางฝั่งซ้ายของโดมต่อจนถึงหน้าประตูน้ำด้านใน

-ที่ห้องนี้จะมีแผ่นไม้แขวนอยู่ 2 จุด ยิงแผ่นไม้อันซ้ายให้ตกลงมาเป็นแพก่อน แล้วโดดข้ามไปเกาะที่ทางเดินอีกฝั่ง ใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) มองหาจุดพนังร้าวแล้วทำลายมันให้น้ำท่วมเข้ามา ถ้าโดดไปยืนบนแผ่นไม้ที่แขวนอยู่ประตูน้ำจะเปิดแต่ Lara จะถูกน้ำพัดจนตกมาก่อน ซึ่งต้องโดดไปที่แพตอนที่มันถูกพัดให้ไปที่ติดพนังใกล้ๆกับเสาหินแล้วโดดเกาะขึ้นไปด้านบนเพื่อโดดเกาะไม้ด้านบนของแผ่นไม้ที่แขวนเพื่อโหนมันแทนก็จะสามารถเปิดประตูน้ำให้น้ำท่วมมาจนเต็มได้ ทำให้ปีนขึ้นไปที่โดมสีทองต่อจนถึงที่โลงศพของผู้พยากรณ์ (Prophet) ได้แล้ว

แต่ในโลงของผู้พยากรณ์ (Prophet) ที่ Lara หวังไว้ว่าจะเจอความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่มันกลับว่างเปล่ากับกองกำลังติดอาวุธที่เป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกจำนวนนึงที่บุกเข้ามาพร้อมทั้งวางระเบิดไว้ทุกจุดก่อนจะลงมาค้นหาที่โลงศพที่ Lara กำลังแอบอยู่ด้านใน



หัวหน้าหน่วย - โลงศพของผู้พยากรณ์ นานมากกว่าจะเจอ เปิดมันออกระวังๆด้วย
Lara – พวกแกเป็นใคร ?
หัวหน้าหน่วย – เธอเป็นคนฉลาดแม่สาวน้อย น่าจะรู้เองได้นะ
Lara – พวก ทรีนิตี้ (“Trinity”) 
หัวหน้าหน่วย – ของที่อยู่ในโลงอยู่ไหน !
Lara – ชั้นไม่รู้แกพูดถึงอะไร เพราะชั้นก็ไม่เจออะไรเหมือนกัน !
หัวหน้าหน่วย – อย่ามาเล่นเกมกับชั้น ! เธอเป็นคนนำเรามาที่นี่แต่ชั้นก็ฆ่าเธอได้เหมือนกันนะ 

-ในช่วงที่เกิดภาวะคับขัน Lara ก็ฉวยโอกาสชิงเอาตัวจุดระเบิดมาจากตัวมันแล้วกดให้ระเบิดทำงานทันที ระเบิดเริ่มทำลายซากวิหารจนมันกำลังถล่มทับพวกทรีนิตี้รวมถึงตัว Lara ด้วย จากนั้นจัดการยิงศัตรู 2 ตัวให้หมดแล้วก็เริ่มวิ่งหนีเอาตัวรอดจากพื้นที่ระเบิดเพื่อออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดได้เลย



ที่ปลายทางออกของวิหารโชคดีที่ Lara วิ่งออกมาได้ทันก่อนที่น้ำจะทะลักเข้าท่วมทุกอย่าง แต่ที่พื้นตรงปลายหน้าผาที่ Lara หนีออกมาเธอได้พบสัญลักษญ์บางอย่างที่น่าจะนำเธอไปหาสิ่งสำคัญที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้  



คฤหาสน์ตระกูล Croft  ประเทศอังกฤษ ....



Jonah – ไง Lara !
Lara – Jonah กำลังอยากเจออยู่พอดีชั้นมีอะไรจะบอก 
Jonah – เธอเจอสุสานของผู้พยากรณ์ (Prophet) แล้วหรอ ? 
Lara – ใช่ แต่ไม่ใช่พวกเราเท่านั้นด้วย 
Jonah – อะไรนะ ! พวกไหน ?
Lara – มันเรียกตัวเองว่า ทรีนิตี้ (“Trinity”) และมันพยายามจะฆ่าชั้นด้วย  
Jonah – มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี้ยอย่ามาอำให้ผมกลัวนะ 
Lara – ในโลงมันว่างเปล่า แต่ชั้นเจอสัญลักษณ์บางอย่างที่นั่น มันตรงกับที่ชั้นเห็นในสมุดบันทึกของพ่อแบบเป๊ะๆ ฟังนะ เมืองที่สูญหายที่ชื่อ Kitezh ที่ไซบีเรีย หายสาบสูญไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ตำนานบอกว่าที่นี่เคยถูกกองทัพของมองโกลบุกก่อนที่ทุกอย่างจะจมหายไปในแม่น้ำ

  

Jonah – ของวิเศษอะไรนั่นที่พอเธอตามหาอยู่นะหรอ แล้วเธอจะเอามันมาทำอะไร 
Lara – ของสิ่งนั้นนอนรอเราอยู่ที่ Kitezh แน่นอนและชั้นจะต้องไปค้นหามัน 
Jonah – ไซบีเรียอ่ะนะ ล้อเล่นใช่มั๊ย ?
Lara – ฟังนะ ถ้าเราค้นพบสิ่งที่เกี่ยวกับชีวิตนิรันดร โรคร้าย ความอดอยาก ล้มตายจะหายหมด 
Jonah – นี่รู้ตัวมั๊ยเธอพูดอะไรออกมา 
Lara – เราผ่านอะไรยากๆมากด้วยกันเยอะไม่ใช่หรอ ที่นั่นต้องมีอะไรบางอย่าง มันต้องเป็นความจริงแน่ 
Jonah – ผมไม่สนว่ามันจะจริงมั๊ย แต่ผมเสียเพื่อนไปเยอะแล้ว และตอนนี้ก็ไม่อยากเสียคุณไปอีก 
Lara – แต่ที่ผ่านมาพ่อก็ยังไม่ได้ปะติดปะต่อเรื่องราวจนถึงที่ Kitezh ได้เลยนะ เขาเตรียมข้อมูลทุกอย่างไว้ก็เพื่อสิ่งนี้ !
Jonah – รวมทั้งเธอด้วย หยุดโทษตัวเองในเรื่องของพ่อเธอได้แล้ว เขาทำตัวเขาเองต่างหาก 
Lara – ชั้นจะไม่ยอมให้สิ่งที่พอทำไว้สูญเปล่า ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะชั้นมีพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว 
Jonah – ไม่ทุกอย่างหรอก ! ถ้าเธอลองอยู่นิ่งๆซัก 5 นาทีอาจจะเห็นมันก็ได้ 

ทันทีที่ Jonah ออกจากห้องไปด้วยความโกรธและเป็นห่วง Lara ชายลึกลับก็เข้ามาทำร้ายเธอและพยายามจะขโมยสมุดบันทึกของพ่อไป โชคดีที่ Jonah กลับมาช่วย Lara เอาไว้ได้อย่างปลอดภัยแต่มันก็ขโมยเอาสมุดบันทึกของพ่อที่มีทุกอย่างของการค้นคว้าหนีไปได้อยู่ดี 



Jonah – แมร่งเอ๊ย Lara แล้วเอาไงต่อดีละ ! 
Lara – ชั้นเองแหละที่นำพวกมันไปหาสิ่งนั้นอยู่ตลอด และถ้าคำทำนายนั่นมีจริง เราก็ต้องหามันให้พบก่อนพวกมัน ! 
Jonah – ตกลงไซบีเรียเลยใช่มั๊ย ? 



                                                  -A Cold Welcome -


ตอนเหนือของ ไซบีเรีย .... ในช่วงเวลาปัจจุบัน 


ทันทีที่ Lara รู้สึกตัวตื่นฟื้นขึ้นจากการสลบหลังจากโดนหิมะถล่ม เธอก็มาอยู่ในป่าของไซบีเรียที่แสนหนาวเย็นแล้ว จากนี้ที่เธอคิดว่าควรทำก็เหมือนทุกครั้งที่เจอภัยก็คือ “การเอาตัวรอด” 

-สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาความอบอุ่นให้ร่างกายก่อนจะแข็งตายเสียก่อน โดยเก็บหนังสัตว์จากซากสัตว์และไม้ตามจุดต่างๆที่ขึ้นมา Lara จะเอารวมกับใช้ทำ ธนู เป็นอาวุธสำหรับการเอาตัวรอดจากอันตรายในป่าและทำที่พักหลบหนาวเพื่อเอาไว้พักพิงและตระเตรียมความพร้อมในการต่อสู้

ซึ่งแค้มป์ไฟนี้ก็จะเป็น BASE CAMP สถานที่สำหรับอำนวยความสะดวก พักผ่อน และ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ Lara

     
                               

                                                         SKILL 


BRAWLER ความสามารถในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและการรักษาอาการบาดเจ็บ

1. Trick – Skinned ลดอาการบาดเจ็บจากการโดยยิงและการโจมตีด้วยมือเปล่า 
2. Iron Hide ลดอาการบาดเจ็บจากการระเบิดและไฟไหม้ 
3. Dodge Counter กด B หลบการโจมตีจากศัตรูแล้วตามด้วยการกด Y ในจังหวะที่พอดีกับวงกลมที่ขึ้นมา 
4. Efficient Killer ได้ไอเทมเข้าตัวอัตโนมัติเมื่อลอบฆ่าศัตรู
5. Duelist Reflexes เพิ่มจังหวะในการกด Y ให้ตรงวงกลมเพื่อใช้ Dodge Counter ให้นานขึ้นและได้ XP มากขึ้นเมื่อฆ่าศัตรูหลังจากการ Dodge Counter 
6.Deadly Force ลอบฆ่าศัตรูได้เร็วและรุนแรงขึ้น (กด Y) 
7. Stealth landing โดดลงจากที่สูงได้เงียบมากขึ้น
 8. Dodge Kill ฆ่าศัตรูหลังจากกลิ้งหลบด้วยการกด Y ในจังหวะที่พอดีกับวงกลมที่ขึ้นมาอย่างรุนแรงขึ้น 
9. Death from Above – โดดฆ่าศัตรูจากด้านบน (กด Y) ได้รุนแรงขึ้น
10. Field Medic สร้างไอเทมผ้าพันแผลรักษาอาการบาดเจ็บได้เร็วขึ้น (กด LB) 
11. Heart of Stone ลดอาการบาดเจ็บจากการโดยยิงและการโจมตีด้วยมือเปล่าได้มากขึ้น
12. Adrenaline ต้านทานอาการบาดเจ็บจากศัตรูหลังจากลอบฆ่าศัตรูได้แล้ว
13. Dodge kill Mastery ฆ่าศัตรูหลังจากกลิ้งหลบแล้วตามด้วยการกด Y ได้รวดเร็วขึ้น
14. Silent Killer ลอบฆ่าศัตรูได้อย่างไร้การเกิดเสียง
15. Strong Medicine ต้านทานอาการบาดเจ็บจากศัตรูได้นานขึ้นจากการใช้ผ้าพันแผลรักษาหลังจบการต่อสู้


HUNTER ความสามารถด้านการล่าสัตว์และการค้นหาไอเทม

1.Arrow Retrieval ได้ลูกธนูคืนทุกครั้งหลังจากค้นหาจากศพศัตรูได้โดยธนูยิงตาย
2.Breath Control กลั่นหายใจง้างธนูยิงแล้วทำให้เป้าเล็งนิ่งมากขึ้น
3. Scavenger เก็บกระสุนจากศพศัตรูได้มากขึ้น
4. Animal instinct เมื่อใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) จะทำให้เห็นสัตว์ได้ชัดขึ้นรวมทั้งรอยเท้าและรอยเลือดเพื่อสะดวกในการตามหาด้วย
5.Master of The Land แสดงให้เห็นตำแหน่งซากสัตว์ที่อยู่ใกล้ๆเมื่อกดใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา)
6. Double Shot ยิงธนูต่อเนื่องกันได้ 2 ครั้งในขณะโก่งธนูซูมเป้าหมาย 
7.Nerves of Steel โก่งธนูเตรียมยิงแล้วทำให้เป้าเล็งนิ่งนานยิ่งขึ้น
8. Dead eye เมื่อเล็งที่หัวศัตรูจะทำให้ยิงแบบ Dead Shot ได้แม่นยำขึ้น
9.Finesse ได้โบนัสค่า XP มากขึ้นเมื่อลอบฆ่า ยิงหัว และ โดดฆ่าจากด้านบน
10. Naturalist เก็บวัตถุดิบประเภทของธรรมชาติได้มากขึ้นจากจุดเก็บ
11. Survivalist เก็บวัตถุดิบประเภทที่คนทำขึ้นได้มากขึ้น
12. Triple Shot ยิงธนูต่อเนื่องกันได้ 3 ครั้งในขณะโก่งธนูซูมเป้าหมาย
13. True shot เมื่อล็อกเป้าเตรียมยิงแบบ 3 ครั้งจะเล็งไปที่หัวของศัตรูทั้งหมด
14. Bow Expert ท่าสังหารระยะใกล้เมื่อถือธนูอยู่ในมือ (กด Y) ทำให้ได้ลูกธนูแบบพิเศษจากตัวศัตรู 
15. Pistol Expert ท่าสังหารระยะประชิดเมื่อถือปืนสั้นอยู่ในมือ (กด Y) ทำให้ได้ลูกกระสุนแบบ hollow point จากตัวศัตรู
16 Rifle Expert ท่าสังหารระยะประชิดเมื่อถือปืนไรเฟิ่ลอยู่ในมือ (กด Y) ทำให้ได้ระเบิดจากตัวศัตรู
17. Shot gun Expert ท่าสังหารระยะประชิดเมื่อถือปืนช็อตกันอยู่ในมือ (กด Y) ทำให้ได้กระสุนแบบ incendiary Shell จากตัวศัตรู 

SURVIVOR ความสามารถในด้านการผสมวัตถุดิบและการค้นหา

1.Rapid Crafting ผสมลูกธนูและกระสุนในขณะวิ่งได้เร็วมากขึ้น 
2.Resourceful Combatant เมื่อฆ่าหรือทำให้ศัตรูสลบด้วยไอเทมที่ได้จากการผสมจะทำให้ได้ค่า XP มากขึ้น 
3.Incendiary Bombs ผสมระเบิดจากถังแก็สสีแดงและกับระเบิดที่มีพลังการทำลายกว้างขึ้นกว่าเดิม
4. Lightfoot สามารถลงพื้นแบบลดการบาดเจ็บได้ด้วยการกด B ก่อนถึงพื้น
5.Avid Learner ได้ค่า XP มากขึ้นเมื่อเก็บ Document, Relic และทำ Challenges 
6.Eye for Detail เมื่อกดใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) จะทำให้เห็นจุด Challenges ได้ชัดเจนขึ้น
7. Crafting Mastery ผสมกระสุนและไอเทมต่างๆออกมาในจำนวนที่มากขึ้นต่อครั้ง
8. Body Trap Specialist ผสมกับดักระเบิดแก็สพิษที่ศพของศัตรู
9. Grenadier ผสมกระสุนระเบิดและระเบิดแล้วทำให้พลังทำลายสูงและกว่าขึ้น
10. Hollow point Bullets ผสมกระสุนชนิดพิเศษของปืนสั้นได้จำนวนมากขึ้น
11. Dragonfire Shells ผสมกระสุนชนิดพิเศษของปืนช็อตกันที่ทำให้ศัตรูติดไฟและลุกลามไปที่ของใกล้ๆตัวด้วย
12. Demolition Expert ทำให้ผสมไอเทมประเภทที่ใช้มือถือทั้งหมดมี
พลังทำลายกว้างขึ้น
13. Arrow Climber กด Y ขณะกระโดดทำให้ลูกธนูปักเนื้อต้นไม้เพื่อใช้ในการปีนได้
14 . Intuitive เมื่อกดใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) แล้วเห็นจุดสำคัญทั้งหมดทั่วทั้งแผนที่
15. Napalm Arrows อัพเกรดธนูไฟให้ยิงไกลขึ้นและระเบิดเมื่อกระทบเป้าหมาย
16. Death Cloud Arrow อัพเกรดธนูแก็สพิษให้ทำให้ควันพิษกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อกระทบเป้าหมาย
17. Cluster Bomb Arrows อัพเกรดธนูหัวระเบิดให้ระเบิดกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเมื่อกระทบเป้าหมาย

INVENTORY 
Ammunition –ไอเทมกระสุนประเภทต่างๆที่สามารถผสมได้ทั้งแบบธรรมดาและแบบพิเศษ
Equipment – ไอเทมสวมใส่ประเภทต่างๆที่สามารถผสมได้ประกอบด้วย
ที่ใส่ลูกธนู
ถุงเก็บวัตถุดิบ
ซองเก็บกระสุน

WEAPON 
 อัพเกรดอาวุธ ธนู ขวาน ปืนต่างๆ และ ชุดสวมใส่ สามารถปลดล็อกและซื้อมาใช้ที่กระท่อมขายของ Supply Shack โดยใช้เหรียญในยุคไบเซนไทน์ (Byzantine Coin) ที่ขุดเก็บได้จากจุด Coin Cache มาใช้แรกเปลี่ยน และอัพเกรดมันได้จากชิ้นส่วนอะไหล่ที่เก็บได้ตามทาง

FAST TRAVEL สำหรับเดินทางไปมาระหว่างแค้มป์ไฟแต่ละจุด

** เรียนรู้การใช้ธนู **
กด LT + RT ในการเล็งและยิง
กด X รีโหลดกระสุน
ปุ่มทิศทาง ใช้ในการสลับอาวุธต่างๆที่มีมาใช้
RT – ผสมลูกธนูแบบธรรมดาขณะวิ่ง
RB – ผสมลูกธนูชนิดพิเศษขณะวิ่ง


                                    -ECHOES OF THE PASS-

-เมื่อเตรียมพร้อมและเรียนรู้การทุกอย่างเสร็จแล้ว จากนั้นเก็บไอเทมให้หมดก่อน ที่นี่มีเสาหินอักขระภาษามองโกลที่ต้องเก็บไอเทมเพื่อเรียนรู้ภาษาในการอ่านด้วย ซึ่งก็จะเป็นการบอกตำแหน่งของจุด Coin Cache ในการขุดเก็บเงิน จากนั้นเข้าไปที่จุดเหลืองเป้าหมาย Lara จะเริ่มรู้ว่าพวก Trinity ก็เข้ามาที่นี่ด้วยเหมือนกัน เมื่อเข้าไปด้านในจนถึงหน้าถ้ำ Lara จะเก็บวิทยุจากศพของศัตรูได้ แต่ก็ต้องเจอกับหมีขนาดใหญ่ที่เป็นเจ้าของถ้ำเข้ามาโจมตีด้วย


**เรียนรู้การใช้ท่า Dodge Counter ** ด้วยการกด B หลบการโจมตีแล้วกด Y ให้ตรงกับวงกลมที่ขึ้นมาให้ทันก็จะเป็นการหลบและโจมตีสวนกลับไปได้ และ  สามารถใช้ท่า Dodge Kill ต่อเนื่องได้หากการกด Y นั้นรุนแรงพอจนทำให้ศัตรูตาย

-ถึง Lara จะเอาตัวรอดได้แต่เธอก็ต้องตกลงไปจากเนินเขาไปเพราะสู้แรงของเจ้าหมีไม่ไหว ในขณะที่หมดแรงสลบไปเสียงสะท้อนจากอดีตที่เกี่ยวกับพ่อของเธอก็เริ่มทำงานอีกครั้ง


พ่อ – ฮ่าๆ ดูเหมือนลูกจะยังใช้ประตูไม่เป็นเหมือนเดิมนะ Lara 
Lara – ก็ทางนี้มันเร็วกว่านี่คะพ่อ
พ่อ – มานี่มายัยลิงน้อยของพ่อ 
Lara – นี่พ่อเตรียมออกเดินทางไปผจญภัยอีกแล้วหรอ ?
พ่อ – ใช่ การผจญภัยครั้งใหญ่ด้วย 
Lara – หนูอยากไปช่วยพ่อบ้างจัง  
 พ่อ – อยากไปหรอ ? ฮ่าๆ ก็ดีนะเพราะพ่อก็หาคู่หูร่วมทางแทบไม่ได้แล้วเหมือนกัน ก็นะ งานนี้มันอันตรายมากด้วย แต่ฟังพ่อนะ Lara วันนึงหนูจะทำได้ กำหนดทิศทางของตัวหนูเองและของโลกนี้ด้วย หนูจะทำให้พ่อภูมิใจ

**เรียนรู้การใช้ไอเทมฟื้นพลังชีวิต (Healing Salve) **
-หลังจากรู้สึกตัวแล้ว Lara ก็เริ่มรู้ว่าเธอมีอาการบาดเจ็บ จึงต้องหาทางรักษาเบื้องต้นด้วยการผสมไอเทมฟื้นพลังชีวิตมาใช้ โดยการเก็บพืชสมุนไพรและผ้าพันแผลในกล่องตามทางมา เมื่อได้ครบตามจำนวนก็สามารถกด LB ค้างเพื่อใช้ผ้าพันแผลรักษาอาการบาดเจ็บได้แล้ว 



                                     -BEST LAID PLAN-


หลังจากที่หายจากการบาดเจ็บ Lara ก็มาอยู่บนเนินเขาที่เห็นการเคลื่อนไหวในค่ายทหารโซเวียตที่ด้านล่าง ซึ่งทำให้เธอรู้ว่าพวก Trinity กำลังค้นหาบางอย่างอยู่ที่นั่นแน่นอน แต่การจะไปที่นั่นได้จำเป็นต้องผ่านถ้ำมองโกลโบราณที่เจ้าหมียักษ์มันเฝ้าอยู่ด้วย Lara เลยไม่มีทางเลือกที่ต้องสู้กับมันแต่เธอต้องหาตัวช่วยที่จะทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น 




การสร้างธนูพิษ (Poison Arrow) โดยเริ่มจากการค้นหาและเก็บ เห็ดพิษ ในป่ามาให้ครบตามจำนวน 3 ชิ้น (ใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) ดูตำแหน่งสีเหลืองเอา) แล้วกลับไปที่ Base Camp เลือก INVENTORY และ Ammunition แล้วสร้างธนูพิษด้วย ลูกธนู 2 + ผ้า 1 + เห็ด 3 ขึ้นมา โดยธนูพิษถือว่าเป็นกระสุนชนิดพิเศษ ซึ่งสามารถผสมได้ระหว่างได้ด้วยการกด RB และใช้งานด้วยการกด LT+ RB ซึ่งจะส่งผลให้ศัตรูตายด้วยพิษได้โดยไม่ต้องเข้าไปโจมตีซ้ำเลย 

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จที่เหลือก็คือเอาไปใช้จัดการกับเจ้าหมียักษ์เจ้าของถ้ำเพื่อผ่านทาง แต่ Lara ก็เหนื่อยล้ามาจนต้องขอนอนพักเอาแรงซะหน่อยก่อนไป และในขณะที่หลับไปเสียงสะท้อนจากอดีตที่เกี่ยวกับพ่อของเธอก็เริ่มทำงานอีกครั้ง


พ่อ – ไม่ๆพวกคุณฟังนะการเดินทางครั้งนี้มันสำคัญมาก ! ผมไม่สนเรื่องชื่อเสียงของผมหรอกนะ ! อย่าทำแบบนี้กับผม ผมใกล้ทำสำเร็จแล้ว ฮัลโหล ๆ ๆ ! ไอ้พวกโง่ !!! 
Lara – พ่อคะเกิดอะไรขึ้นหรอ พ่อทำหนูกลัวแล้วนะ 
พ่อ – พ่อใกล้ค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว ใกล้แล้ว วันนึงหนูจะเข้าใจมันนะ 
Lara – หนูไม่อยากเข้าใจ แต่ดูอยากได้พ่อคนเดิมของหนูคืนมา !!

ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นในป่าทำให้ Lara ต้องตกใจตื่น เธอสังเกตเห็นพวก Trinity ไล่ล่าชาวพื้นเมืองที่หนีมาจนตายไปคนนึงก่อนที่ผู้หญิงพื้นเมืองที่ใช้ธนูจะหนีไปได้ Lara จึงไม่รอช้าที่ต้องหาทางซ่อนตัวแล้วจัดการพวกศัตรูที่กำลังเข้ามาใกล้แค้มป์ไฟทันที 

-จากนั้นก็เรียนรู้ทักษะการลอบฆ่าทั้งการโดดจากต้นไม้ แอบตามจุดซ่อนตัวของพุ่มไม้ เพื่อกด Y ในการลอบสังหารศัตรูในพื้นที่ เป้าหมายคือเข้าไปที่จุดหมายสีเหลืองซึ่งก็คือถ้ำของหมียักษ์ โดยระหว่างทางจะจัดการศัตรูจนหมดหรือไม่ก็แล้วแต่ความจำเป็นที่ต้องทำ



-เมื่อเข้าไปจนถึงหน้าถ้ำก็เตรียมธนูพิษให้พร้อมแล้วเข้าไปด้านในเพื่อจัดการเจ้าหมียักษ์ได้เลย พยายามทิ้งระยะห่างเอาไว้แล้วใช้ธนูพิษยิงมันไปเรื่อยๆไม่นานมันก็ตาย ถลกหนังแล้วเข้าไปด้านในต่อได้เลย
-เข้าไปตามทางของถ้ำมองโกลจนทะลุเข้าไปถึงเขตถ้ำน้ำแข็ง (Glacial Cavern) ผ่าน Base Camp ไปตามทางจนถึงทางแยก ซึ่งจุดสีเหลืองเป้าหมายนั้นเป็นทางออกของถ้ำแต่ทางแยกคือทางที่เข้าไปยังจุด Challenge Tomb


                                   Optional Challenge Tomb 

สถานโบราณลับที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่นอกเหนือการเดินทาง แต่ถ้าเสียสละเวลาที่จะเข้าไปแก้ปริศนาของแต่ละแห่งและผ่านเข้าไปด้านในได้ สมบัติที่รออยู่ก็คือ พลังโบราณ (Ancient Ability) ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นพลังเสริมใหม่ๆที่ไม่มีอยู่ใน Skill ที่ Lara สามารถอัพเกรดได้แบบปกติ แต่ละความสามารถโบราณที่ซ่อนอยู่แต่ละพื้นที่นั้นมีความคุ้มค่าในการค้นหาเป็นอยากมากจนไม่อยากให้คุณมองข้ามผ่านมันไป ซึ่ง ในถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ก็มี Ice Ship เรือของพวกมองโกลที่ถูกฝังอยู่ในกำแพงน้ำแข็งเป็น Challenge Tomb ให้ท้าทายความสามารถ


Ice Ship นั้นต้องปีนขึ้นไปที่ช่วงกลางแล้วปีนไปเกาะก้อนน้ำแข็งที่ห้อยอยู่เพื่อเหวี่ยงมันกระแทกน้ำแข็งที่เกาะพนังเพื่อให้มีที่ปีนออกมา ปีนขึ้นไปด้านบนจะพบแกนหมุน หมุนให้ถังที่แขวนอยู่ห้อยลงไปด้านล่างแล้วรีบเดินตามเสากระโดงเรือไปรอโดดไปเกาะถังตอนมันกลับขึ้นมาเพื่อใช้มันกระแทกน้ำแข็งที่เกาะพนังเพื่อให้มีที่ปีนออกมาเพื่อใช้ปีนขึ้นด้านบนได้ ก็จะพบกล่องสมบัติโบราณอยู่ด้านบน 

     

Ancient Ability ที่อยู่ที่นี่คือ Quickly Shot ที่ทำให้สามารถยิงธนู 2 ครั้งติดกันต่อการโกงคันธนู 1 ครั้งนั่นเอง 

- จากนั้นก็ค่อยเดินทางไปตามเป้าหมายสีเหลืองต่อ ดำน้ำผ่านถ้ำน้ำแข็งไปจนถึงทางออกของถ้ำ Lara ก็จะมาถึงฐานของทหารโซเวียตแล้ว และเธอก็จะได้พบกับหญิงชาวพื้นเมืองมือธนูที่รอดชีวิตจากในป่าที่นี่ด้วย


Lara – ชั้นไม่ใช่ศัตรูของเธอหรอกนะ
Sofia – แต่ดูเหมือนชั้นจะเห็นเธอฆ่าพวกทหารนั่นเหมือนกันนะ
Lara – ชั้นทำไปเพราะป้องกันตัว เพื่อเอาตัวรอด ซึ่งเป็นเธอก็คงทำเหมือนกัน พวกนี้เข้ามาที่นี่นานรึยัง ?
Sofia – วันสองวันได้ พวกมันจับคนของชั้นไปด้วย เธอควรหนีไปซะก่อนจะสายไป
Lara – ชั้นทำไม่ได้หรอก มาที่นี่ก็เพื่อหาสิ่งสำคัญบางอย่างอยู่
Sofia – เหมือนพวกมันสินะ ! ถ้าชั้นเจอเธออีกชั้นจะเอาธนูปักอกเธอแน่นอน 
Lara  - ชั้นกับเธอเป็นข้างเดียวกันนะ ชั้นหวังว่าจะพิสูจน์ได้ .. เกิดอะไรข้างล่างนั่นนะ !! ... อ้าว หายไปไหนแล้ว ??



                                          -AMONG THE ENEMY-


-จากจุดแค้มป์ไฟโหนสลิงลงไปที่ฐานทหารโซเวียต (Soviet Installation) ด้านล่างซึ่งเป็นฐานส่วนหน้า ที่เริ่มเจอพวกศัตรูเดินตรวจตราอยู่ เรียนรู้การใช้ขวดขว้างเบี่ยงเบนความสนใจและใช้ตะเกียงกรณีที่อยากจะยิงถล่มภูเขาเผากระท่อม และการใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) ดูศัตรูหากมันยังไม่เห็นตัวมันจะยังเป็นสีเหลืองแต่ถ้าเริ่มเข้าโจมตีจะเป็นสีแดง จัดการศัตรูหน้าตึกที่มีรูปปั้นสตาลินแล้วเข้าไปในตึกขึ้นชั้นบนจะมีทางปีนขึ้นไปที่หอคอยเพื่อโหนสลิงผ่านรั้วเข้าไปที่ฐานด้านใน
-เข้าไปในซากตึกใช้ตะเกียงขวางไปที่เศษไม้ที่ขวางช่องทางอยู่เข้าไป Lara จะเห็นศพของชาวพื้นเมืองถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดและอีกคนที่กำลังถูกจับทรมานอยู่ด้านในห้องกระจก เก็บปืนสั้นที่ศพมาใช้จัดการศัตรูในห้องกระจกให้หมดแต่ก็ไม่สามารถช่วยชาวพื้นเมืองอีกคนไว้ได้ทัน ในห้องจะมีประตูทางขวาที่ต้องใช้ Pick Lock ไขปิดเข้าไปแต่ตอนนี้ยังไม่มีก็ใช้ขวานงัดประตูอีกบานเข้าไปในห้องเก็บของจะมีช่องให้มุดออกไปด้านหลังอาคาร

ในห้องด้านหลังเต็มไปด้วยพวกศัตรูก่อนที่หัวหน้าของพวกมันจะเข้ามา ซึ่งก็คือชายคนเดียวกับที่พยายามจะฆ่า Lara ที่ Syria และตอนนี้ก็รู้ชื่อของมันแล้วว่า Konstantin ก่อนที่มันจะเล่นบทโหดกับลูกน้องที่ทำงานพลาดให้ได้เห็น



Konstantin – เพื่อเป้าหมาย ! เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา ต่อให้ต้องเล่นบทร้ายแค่ไหนก็แล้วแต่ เพราะหากเราทำสำเร็จที่นี่ โลกใหม่จะรอคอยเราอยู่ โลกที่พวกเราสร้างมันขึ้นมาเอง 
<เสียงจากวิทยุสื่อสาร> - หัวหน้า คุณควรจะกลับมาที่ที่คุมขังนักโทษเดี๋ยวนี้เลยนะครับ คนนึงที่เราจับได้อ้างว่ามันรู้เรื่องของสิ่งนั้นด้วย 
Konstantin – เห็นมั๊ย จงศรัทธา แล้วพวกนายจะได้เป็นส่วนหนึ่งของความรุ่งโรจน์ของคำทำนายแห่งชีวิตนิรันดร 


                                        -Unexpected Discovery –


-ทันทีที่ Konstantin กำลังคนของมันกำลังออกไปที่ที่คุมขังนักโทษเพราะได้ข้อมูลใหม่ๆจากสิ่งที่มันตามหา Lara ก็ต้องตามมันด้วยเช่นกัน แต่ก่อนอื่นต้องออกไปจากโกดังแห่งนี้ก่อน ในห้องมีศัตรูอยู่ไม่มากลอบจัดการมันให้หมดหรือจะใช้ตะเกียงปาเข้าไปที่ที่เก็บน้ำมันตรงประตูทางออกให้มันระเบิดทำลายประตูไปพร้อมๆกันเลยก็ได้ ด้านนอกจะมีศัตรูแค่คนเดียวแถมยืนคู่กับถังน้ำมันให้เสียด้วย จัดการซะแล้วปีนข้ามประตูหลังออกไปที่เขต Train Yard ต่อ เก็บไอเทมให้หมดแล้วปีนขึ้นไปที่หอสังเกตการณ์ Lara จะพยายามหาทางขึ้นไปที่ฐานบนภูเขาโดยไม่ให้ศัตรูที่ทางขึ้นเห็น จึงต้องโดดโหนสลิงไปที่พื้นที่ด้านล่างแทน
- ทันทีที่โหนสลิงลงมาที่ Logging Camp Lara จะพบชายชนพื้นเมืองคนนึงเข้ามาช่วยจัดการศัตรูต้องแค้มป์ไฟให้ เมื่อเข้าไปคุยจะรู้ว่าเขาเป็นฝ่ายเดียวกันที่พยายามจะช่วยและเขาจะขอให้ช่วยงานของเขาในการทำลายหอสื่อสารของพวกศัตรูเพื่อตัดเรื่องกำลังหนุนของพวกมัน ซึ่งงานที่เขาให้มาก็คือ Optional mission หรือ ภารกิจเสริมนั่นเอง




                           Optional mission - Communication Breakdown

ภารกิจเสริมนี้ที่ต้องทำก็คือ ทำลายแผงควบคุมของเสาสื่อสาร 5 จุดในพื้นที่ ซึ่งเมื่อกดดูในแผนที่หรือใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) ดูจะเห็นเป็นวงกลมสีเขียว จากนั้นก็ไปตามจุดแผงควบคุบนั้นแล้วงัดทำลายมันให้หมด แล้วกลับมาหาชายชนพื้นเมืองที่ให้ภารกิจมาเพื่อจบภารกิจ รางวัลที่ได้ก็คือ Lock Pick สำหรับไขเปิดลังและไขกุญแจที่ล็อกตู้เพื่อเก็บไอเทมต่างๆได้




                ในพื้นที่ Soviet Installation นั้นค่อนข้างกว้างและมีสิ่งต่างๆให้เก็บเยอะ





-Challenge-
Data Corruption – ทำลายแล็ปท็อปสีแดง 10 อัน
Difference of opinion – ทำลายโปสเตอร์ 7 อัน
Capture the Flag – ทำลายธงโซเวียต 7 อัน (ต้องใช้มีด)     
In to the Darkness – สำรวจถ้ำในพื้นให้ครบ 5 จุด

พื้นที่บางส่วนหรือบาง Challenge จำเป็นต้องใช้ไอเทมที่ยังไม่มีตอนนี้ด้วยเช่น ธนูเชือก หรือ มีด ที่เหลือก็มีเสาหินอักขระภาษารัสเซียที่สามารถตรารูปดาวที่ผนัง (Mural) เพื่อสะสมเลเวลภาษารัสเซียได้ เมื่ออ่านอักขระออกก็สามารถไปเก็บเหรียญไบเซนไทน์ที่ขึ้นมาตามจุดต่างๆในแผนที่ด้วย


                                                  Challenge Tomb 

Cistern Cavern ทางลงจะเป็นโพรงอยู่กลางตอนเหนือของแผนที่ ลงไปจะเป็นถ้ำน้ำแข็งจนไปถึงวิหารร้างที่ต้องแก้ปริศนาด้วยการใช้ถังน้ำมันสีแดงไประเบิดประตูน้ำแต่ละจุดเพื่อให้น้ำเข้ามาท่วมจนเต็มก็จะสามารถขึ้นไปเก็บ Ancient Ability (เมื่อเข้าใกล้จุดสำคัญจะแสดงให้เห็นเป็นสีเหลืองเลยโดยไม่ต้องใช้Survival Instinct ดู)  

-จากนั้นเข้าไปที่จุดเป้าหมายสีเหลืองที่เป็นภารกิจหลักต่อ บนเนินด้านในของพื้นที่ระหว่างทางจะพบศัตรูอยู่หน้ากระท่อม จัดการให้หมดแล้วเข้าไปในกระท่อมจะพบว่ามันเป็น Supply Shack หรือกระท่อมขายไอเทม 




ซึ่งมีทั้ง อาวุธ ปืน Rifle และ Shot Gun , ชุด (Commando Suit) และไอเทมเสริมที่ช่วยในการเดินทางต่างๆที่สำคัญอย่าง ที่เก็บเสียงของปืน , ตัวเพิ่มความเร็วในการโหนเชือก , Grenade Launcher โดยสามารถซื้อได้ด้วยการใช้เหรียญไบเซนไทน์ (Byzantine Coin) ที่ขุดเก็บได้จากจุด Coin Cache มาใช้แลกเปลี่ยนนั่นเอง  เมื่อทำทุกอย่างจนพอใจแล้วก็เข้าไปที่จุดหมายสีเหลืองด้านในต่อ Lara จะเข้าแอบฟัง Konstantin โทรศัพท์รายงานความคืบหน้าให้ใครคนนึงอยู่



<เสียงชายลึกลับทางโทรศัพท์> - รายงานของคุณครั้งนี้จำเป็นต้องยุติลงก่อน Trinity เราค่อนข้างมีความกังวลในเรื่องนี้ 
Konstantin – เราปัญหากับพวกชาวพื้นถิ่นของที่นี่ การติดต่อสื่อสารเสียหายหมดแต่ทุกอย่างควบคุมได้แล้ว 
<เสียงชายลึกลับทางโทรศัพท์> -ถ้าเหตุการณ์ยังดูไม่ดีอยู่ เราจะเข้าไปจัดการเอง
Konstantin – ไม่ต้อง ! คุณส่งผมมาก็เพราะเรื่องพวกนี้ นี่งานผม ผมจัดการเองได้
<เสียงชายลึกลับทางโทรศัพท์> - ทำในสิ่งคุณคิดว่าควรทำได้เลย !

แต่ยังไม่ได้ใจความ Lara ก็โดนทหารเข้ามาเจอตัวแล้วถูกอัดจนสลบไปเสียก่อน 



Lara ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองถูกจับมัดอยู่กับเก้าอี้กับอีกคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือ Ana แม่เลี้ยงของเธอ ...




Ana – โอ้ ขอบคุณพระเจ้าที่เธอไม่เป็นไร
Lara – Ana ! ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ละ ?
Ana – ชั้นเองก็จำอะไรไม่ได้เหมือนกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชั้นกลัวมากเลยนะ
Lara – ชั้นขอโทษจริง ไม่คิดว่าพวกมันจะเล่นงานคุณด้วย เป็นความผิดชั้นเอง 
Ana – ใครกันที่มันทำแบบนี้ แล้วมันต้องการอะไรจากเรา ?
Lara – สิ่งเดียวกับที่พ่อเคยตามหานั่นแหละ 
Ana – โธ่ ชั้นบอกเลยว่าอย่าทำ มันต้องการอะไรก็บอกๆมันไปซะสิ 
Lara – มันไม่ง่ายแบบนั่นสิคะ แต่ไว้ก่อนเราหาทางหนีจากที่นี่กันก่อนดีกว่า ..แก !! อย่าแต่ต้องเธอนะ !! 
Ana – อย่าๆ ไม่นะ !!
Konstantin – บอกมา มันอยู่ที่ไหน ! ต้นกำเนิดแห่งคำทำนาย(Divine source) 
 ไม่งั้นนังนี่ตาย 
Lara – ไอ้ชาติชั่ว หยุดนะ !! ชั้นไม่รู้มันอยู่ไหน !! ปล่อยเธอ

 

Ana – พอแล้ว เธอคงไม่รู้จริงๆนั่นแหละ 
Lara – ไม่จริง Ana คุณเป็นพวกเดียวกับพวกมันหรอ ทำไม ?
Ana – ชั้นบอกแล้วว่าเธอไม่ควรตามหามันต่อ แต่ชั้นรู้ว่าเดี๋ยวเธอก็ต้องหามันเจอแน่นอน 
Lara – เธอต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม 
Ana – มันไม่ควรจะลงเอยแบบนี่หรอกถ้าเราไม่ตามหาสิ่งเดียวกัน เราต้องการพึ่งคนแบบเธอ และถ้าเธอต้องการตามหามัน เราก็ช่วยได้นะ 
Lara – ตลกหรอ ! ชั้นเห็นนะว่า Trinity มันทำงานกันยังไง คนตายเป็นเบือ 
Ana – แปลว่า ไม่ หรอ ?
Lara – ไม่แน่นอนสิวะ !! นี่ ถามหน่อยสิ Ana คุณเป็นพวก Trinity ก่อนหรือหลังที่มาคบกับพ่อของชั้น !
Ana – ชั้นรัก Richard นะ แต่อุดมคติที่มืดบอดของเขานั่นแหละที่ทำลายเขา แล้วเธอละ ต้องการอะไรกับสิ่งที่เธอตามหาอยู่ ประกาศให้โลกรู้เพื่อกู้ชื่อเสียงของพ่อ ?  ยังคงไร้เดียงสาเหมือนเดิม เด็กน้อยที่อยากเดินตามรอยเท้าพ่อ 
Lara – ถุยยย !! 
Konstantin – ฆ่ามันซะตอนนี้จบๆไป !!
Ana – ไว้ก่อน เธอกับชั้นเราข้างเดียวกันนะ ข้างเดียวกับความรู้ทางประวัติศาสตร์ไง ลองคิดดูดีๆแล้วกัน เอาเธอไปขังไว้ก่อน !



                                        -Prison Break -

ในคุกของ Trinity ….. 



Lara – มันไม่จบแค่นี้แน่ !! ไอ้ชาติชั่ว !!
นักโทษ – บางทีมันอาจเป็นชื่อที่มันควรเป็นจริงๆนะแหละ 
Lara – นึกว่าชั้นอยู่คนเดียวซะอีก 
นักโทษ – เหมือนกัน แต่ยังไงตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้วละ ความรู้จากประสบการณ์นะ อย่าพยายามหนีเลย เจ้า Konstantin มันความอดทนต่ำเสียด้วย
Lara – เหมือนกันเลย 
นักโทษ – โอ้ เก็ทแล้ว ฝีมือดีนี่ที่ไขกุญแจมือได้ แล้วเธอจะพาเรานี้ยังไงละ 
Lara – ไม่ใช่ เรา ชั้นไม่รู้จักคนคุณว่าเป็นใครแล้วถูกจับมาทำไมด้วยซ้ำ ! โทษที บังเอิญตอนนี่ไม่อยู่ในสถานการณ์ที่จะไว้ใจใครนะ
นักโทษ – ไม่มีชั้นเธออาจไปได้ไม่ไกลหรอกนะ 
Lara – ฮ่าๆ คุณไม่รู้หรอกว่าชั้นมาไกลแค่ไหน 

-คุยจบสำรวจที่ท่อตรงพนังด้านขวาเพื่องัดมันมาใช้ทำลายพนังร้าวตรงหน้าเข้าไปที่ห้องเก็บของข้างๆ มันไม่ใช่ทางออกแต่ Lara จะพบธนู Recurve Bow กับเชือกวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเธอเอามาใช้รวมกันเป็น ธนูเชือกได้


การใช้งานธนูเชือกนั้นมีอยู่ 3 แบบคือ
- ยิงสิ่งต่างๆที่มีเชือกสีขาวพันอยู่เพื่อดึงให้มันพังได้
- เมื่อพบ Rope Post หรือ เสาที่มีเชือกสีขาวพันอยู่ ยืนใกล้ๆเสาแล้วยิงธนูเชือกไปที่ตัวยึดที่มีเชือกขาวพันอยู่อีกทีจะทำให้เป็นเชือกสลิงในการเกาะโหนข้ามพื้นที่ต่างๆได้
-ใช้ยิงดึงตัวศัตรูให้เสียการทรงตัว
- ยิงสิ่งต่างๆที่มีเชือกสีขาวพันอยู่เพื่อดึงให้เคลื่อนที่ได้

-กลับมาในห้องขัง จะเห็นเชือกสีขาวผูกที่ลูกกรง นั่นเป็นสิ่งที่ธนูเชือกสามารถดึงให้หลุดออกได้ Lara ก็จะมุดออกจากห้องขังทันที แต่นักโทษชายนรินามที่อยู่ห้องขังข้างขอร้องให้พาเขาไปด้วย



นักโทษ – เฮ้ เดี๋ยว ! พาผมไปด้วยสิ ผมช่วยคุณได้นะ 
Lara – โทษทีชั้นไม่ไว้คุณ
นักโทษ – เราอาจไม่ใช่ศัตรูกันนะ ผมรู้ว่าคุณก็รู้ 
Lara – ชั้นชอบฉายเดี่ยวน่ะ 
นักโทษ – ผมรู้จักที่นี่ รู้จักพื้นที่ทั้งหมด
Lara – ชั้นเรียนรู้เร็วไม่เป็นไร 
นักโทษ – อันนี้ไม่เถียง แต่บางทีผมอาจจะเป็นประโยชน์กับคุณมากกว่าที่คุณคิดก็ได้นะ 
Lara – โอเค ตามมา 
นักโทษ – ขอบคุณมาก ผมชื่อ Jacob 
Lara – ชั้น Lara เอาวิทยุไว้เพื่อติดต่อกันไปจากที่นี่กันเถอะ ! 

-ออกจากคุกแล้วเดินตาม Jacob ไปตามทางจนถึงลานด้านนอก จะพบพวกศัตรูมากมายที่อยู่ที่นี่เป้าหมายคือ เข้าไปที่ห้องควบคุมเพื่อเปิดประตูด้านหลังค่ายทหาร ลอบจัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปกดสวิตซ์ที่ห้องควบคุมเพื่อเปิดประตูใหญ่
** ในพื้นที่ของค่ายนี้ตั้งแต่ออกจากคุกนั่นจะเริ่มมีแล็ปท็อปสีแดงให้ทำลายแล้ว ซึ่งเป็น Challenge - Data Corruption ที่ต้องทำลายมันให้ครบ 10 อัน แต่ละอันไม่ได้อยู่ในที่ลับตาสำรวจหาดีๆในขณะผ่านพื้นที่ต่างๆก็เจอครบได้ไม่ยาก ** 
-ออกประตูใหญ่มาจะเจอ Rope Post หรือ เสาที่มีเชือกสีขาวพันอยู่ ยืนใกล้ๆเสาแล้วยิงธนูเชือกไปที่ตัวยึดที่มีเชือกขาวพันที่อยู่ด้านบนจะทำให้เป็นเชือกสลิงเกาะโหนขึ้นไปด้านบนได้ ขึ้นไปเกาะหน้าต่างตึกข้างๆจะได้ยินเสียงของ Ana อยู่ด้านใน เกาะพนังตึกไปทางก็จะเจอทางเข้าหน้าต่างซึงก็จะพบ Jacob ซุ่มแอบฟังอยู่ด้านในด้วย



Ana – ชั้นเบื่อที่จะนั่งรอให้หิมะบ้านี่หยุดไม่ไหวแล้วนะ !
Konstantin –มีหมู่บ้านของพวกชนพื้นเมืองอยู่อีกฝากของภูเขา เราส่งหน่วยลาดตระเวนไปแล้ว เดี๋ยวคงส่งข่าวดีมาให้เราในไม่ช้านี้แน่นอน 
Ana – ไม่นานก็ต้องถึงวันของคุณแน่นอน 
Konstantin – ของเราทั้งคู่นั่นแหละ คงไม่นานจนทำให้เธอเสียสมาธิอีกครั้งล่ะ
 Ana – คุณหมายถึงอะไร ?
Konstantin – ความอ่อนไหวที่เธอมีกับ Lara นั้นไง อยากยึดติดกับอดีตมากนักก็ดี
Ana – นี่คุณแคลงใจในตัวชั้นหรอ รู้มั๊ยชั้นทุ่มเทให้กับ Trinity แค่ไหน ! ต้องสังเวยอะไรไปบ้าง แคกๆๆๆ 
Konstantin – บางทีชีวิตมันก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ชั้นสาบานว่าจะปกป้องเธอให้ได้
Ana – ไม่ใช่เวลาจะมาอ่อนไหวตอนนี้ ! 
Konstantin – ชั้นสัญญาเลยว่าทุกอย่างที่ผิดพลาดจะจบลงได้เร็วๆนี้แน่ ด้วยต้นกำเนิดแห่งคำทำนาย (Divine source) นั่น จะทำให้เธอมีชีวิตต่อไปได้แน่ และมันสำคัญมากๆกับชั้นด้วย 
Ana – ส่งคนไปที่หมู่บ้านนั่นถามพวกชาวบ้านว่ามันรู้อะไรบ้าง ทำให้ชั้นมีความสุขบ้างสิ ไม่ว่าตอนนี้จะยังไงสุดท้ายงานเราลุล่วงแน่นอน
<เสียงจากวิทยุสื่อสาร> ท่านครับคุณควรจะลงมาดูที่ห้องขังเดี๋ยวนี้ 
Konstantin – เราจะผ่านมันไปด้วยกัน น้องรัก อย่าลืมซะละ 
Ana – ไม่มีวันลืมแน่นอน ..

  

“ผู้ใดที่ตัดสินมันด้วยความไม่เชื่อนั้นจะกลายเป็นเถ้าที่ถูกพัดหายไปในพริบตา
ศรัทธาอันบริสุทธิเท่านั้น ที่จะปลุกชีวาไปสู่ชีวิตนิรันดร”    

Lara รีบลงมาอ่านข้อมูลอักขระโบราณบนโต๊ะทันทีหลังจากพวกศัตรูไปหมดแล้ว แต่สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นเพราะพวกศัตรูรู้แล้วว่าทั้งคู่หนีออกจากคุกได้จึงส่งกำลังไล่ล่าทันที Lara ไม่มีเวลาจะกลับขึ้นไปหา Jacob เธอจึงรีบหลบลงใต้พื้นก่อน แล้วบอกให้ Jacob หนีไปอีกทางแล้วค่อยไปเจอกันที่นอกค่ายอีกที 



                                                 - Get out of Dodge -

-เดินเข้ามาตามทางเดินใต้พื้นมาจนถึงห้องด้านใน  Jacob จะติดต่อมาให้ไปพบกันที่ค่ายทหารเก่าใกล้เขต Train Yard จากนั้นเข้ามาตามทางจนถึงห้องที่มีแอ่งน้ำและหม้อแปลงไฟจมอยู่ทำให้น้ำมีไฟฟ้าช็อตผ่านไม่ได้ ใช้ธนูเชือกยิงผูกกับแกนหมุนแล้วหมุนดึงให้หม้อแปลงขึ้นจากน้ำก็จะเดินข้ามน้ำไปที่ทางออกได้แล้ว ระหว่างที่กำลังเปิดประตูศัตรูก็บุกเข้าอย่างกะทันหันแต่ Lara แย่งปืนมาจากมันแล้วเอามาใช้ยิงมันได้ทันทีเหมือนกัน ตอนนี้จะได้ปืน Assault Rifle มาใช้แล้ว จากนั้นก็ลุยทหารของ Trinity มากมายที่เข้ามาขวางทางให้หมด ลุยไปจน Lara โดนกระหน่ำยิงจนสู้ไม่ไหว จนเธอคิดไอเดียขึ้นได้คือการใช้กระป๋องมาใช้ทำระเบิดจาก Magnetite Ore ที่เธอเคยเก็บได้ระหว่างทาง


** Shrapnel Grenades ** หรือ ระเบิดทำมือนั้นต้องถือกระป๋องในมือ + Magnetite Ore 1 ก้อน ต่อกระป๋องเท่านั้น แล้วกด RB ในการผสมก็สามารถสร้างระเบิดได้แล้ว ซึ่งไอเทม Magnetite Ore ก็มีให้เก็บระหว่างทางมาก่อนหน้านี้ 

-ลุยศัตรูเข้าไปจนถึงค่าย Gulag เมื่อผ่านจุดแค้มป์ไฟไปแล้ว เข้าประตูค่ายไปจะเริ่มเจอศัตรูออกมาขัดขวางทันที จัดการให้หมดแล้วสุดท้ายก็เจอหน่วยติดอาวุธหนักอีกกลุ่มที่ออกมาสู้ ทหารเกราะหนักนั้นต้องโจมตีจนกว่าเกราะจะแตกจนหมดมันถึงจะตายและไม่สามารถจัดการด้วยขวานได้ด้วย จัดการให้หมดแล้วเข้าไปด้านในกระท่อมจะพบศพของพวกศัตรูมากมายที่ตายเกลื่อน

เมื่อผ่านออกไปจนถึงเขต Train Yard ได้สำเร็จ Lara ก็จะพบ Jacob กำลังสู้กับศัตรูอยู่ที่นี่ แถมยังฝีมือการต่อสู้ด้วยมีดของเขาก็ดีจนทำให้เธอรู้ว่าศพของพวกศัตรูในห้องที่ผ่านมาเป็นฝีมือของ Jacob นั่นเอง แต่ยังไม่ทันที่ Jacob จะได้ขอบคุณ Lara ที่อุตสาห์พาหนีออกมา เฮลิคอปเตอร์ของ Trinity ก็เข้ามาไล่ล่าทั้งคู่ต่อทันที 


                                                       -Fugitive-


Lara และ Jacob ต้องวิ่งหนีตายจากการไล่ล่าของเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธของ Trinity จนมาถึงปิดล้อมที่กลางสะพานทำให้ Jacob ไม่มีทางเลือกที่ต้องบอกให้ Lara นั้นโดดหนีลงแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งไปก่อน Lara เลยจำต้องโดดหนีลงไปในแม่น้ำที่เย็นยะเยือกแล้วว่ายน้ำหนีความหนาวเย็นขึ้นไปที่ช่องน้ำแข็งให้ทันก่อนตาย จนสดท้ายเธอก็หนีมา แต่ก็ต้องวิ่งหนีตายจากเฮลิคอปเตอร์ที่ยังตามมาไล่ล่า จากนั้นก็วิ่งปีนป่ายเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันจนสุดท้ายก็ถูกยิงถล่มจน Lara ที่กำลังเกาะโหนสลิงหนีต้องตกไปในแม่น้ำในที่สด 





ความทรงจำที่ยังคั่งค้างในเหตุการณ์ร้ายวัยเด็กยังคงตามหลอกหลอนเป็นฝันร้ายของ Lara เรื่อยมากับภาพติดตาที่พ่อของเธอยิงตัวตายเพราะทนอับอายที่ถูกสื่อลงข่าวเล่นงานจนเสียชื่อเสียง นั่นเป็นเหตุผลที่ Lara ต้องต่อสู้และค้นหาความจริงว่า พิสูจน์ว่าสิ่งที่พ่อเธอทำไปนั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นโดยควันที่ทำจากกำยานที่ Jacob พยายามจะรักษาอาการบาดเจ็บให้หลังจากช่วยชีวิตเธอขึ้นมาจากแม่น้ำ 



Jacob – เอานี่ยาสมุนไพรดื่มซะมันจะทำให้เธอดีขึ้น 
Lara – คุณน่าจะทิ้งชั้นให้จมน้ำตายไปซะเลยนะ 
Jacob – แล้วเป็นคุณจะทิ้งผมแบบนั้นมั๊ยละ 
Lara – ก็ไม่แน่นะ ฮ่าๆ
Jacob – เฮ้อ ... ไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้เธอต้องมาไกลถึงขนาดนี้
Lara – ตามหา ต้นกำเนิดแห่งคำทำนาย (Divine source) 
Jacob – ผมรู้ว่าคุณตามหาอะไร แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมมากกว่า
Lara – เมื่อตอนชั้นยังเด็ก ชั้นกับพ่อ เราต่างชอบโบราณคดีเหมือนกัน จนเมื่อปีล่าสุดพ่อหมกหมุ่นอยู่กับตำนานของชีวิตนิรนดร แน่นอนไม่มีใครเชื่อพ่อเลย รวมทั้งชั้นด้วย เรื่องนี้ทำให้เราทะเลาะกันมาตลอด จนสุดท้ายพ่อก็ฆ่าตัวตาย พ่อโตขึ้นชั้นคาใจว่าทำไมพ่อถึงยอมจากไปแบบนั้นมาตลอดจนลงมือศึกษาและค้นหาจากบันทึกของพ่ออย่างจริงจัง จนชั้นรู้ว่าที่ผ่านมาพ่อพูดความจริง พ่อตายอย่างเดียวดายและใจสลาย แต่การตายพ่อก็ก่อให้เกิดบางสิ่ง
Jacob – เธอเชื่อมั๊ยว่า คำทำนาย นั่นมันมีจริง  
Lara – เอาจริงๆ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ชั้นอยากจะตามหามันให้เจอ ชั้นเชื่อตามที่เรียนมาเสมอว่า ไม่มีอะไรที่มันจะซ่อนอยู่ในโลกนี้ได้แน่นอน  
Jacob – เธออยากให้พวก Trinity ได้พลังนั่นไปมั๊ยถ้ามันมีจริง
Lara – ไม่ยอมอยู่แล้วถามได้ 
Jacob – งั้นทำไมคุณไม่ช่วยผมและคนของผมสู้กับพวกมันละ 
Lara – แล้วจากนั้นละ ?
Jacob – หมู่บ้านของเราก็จะไม่ถูกค้นพบจากโลกภายนอก และคุณก็ได้ทำในสิ่งที่ถูกด้วย 
Lara – ไม่ ชั้นทำไม่ได้
Jacob – ทำไม่ได้หรือไม่อยากทำ
Lara – ชั้นสู้กับพวก Trinity ร่วมกับคนของคุณได้แต่เป้าหมายก็ยังเหมือนเดิม ไม่ใช่แค่เพื่อพ่ออย่างเดียว แต่เพราะชั้นอยากเข้าใจมันด้วย แล้วนั่นคุณจะไปไหน 
Jacob – ผมต้องรีบไปเตือนคนในหมู่บ้านของผมก่อน เดินข้ามเขาน่าจะซักวันนึงได้ ตอนนี้คุณพักผ่อนซะ ผมจะรีบกลับมา ... 


                                                  -Alone Again -

จากกระท่อมที่พักที่ Lara รักษาตัวอยู่ ออกมาด้านนอกก็จะเจอแค้มป์ไฟของเขต Hidden Refuge เมื่อเดินลงมาก็จะเข้ามาสู่ที่ Soviet Installation  อีกครั้ง เป้าหมายของภารกิจหลักต่อไปจะอยู่ที่ค่าย Copper Mill Camp แต่เมื่อกลับมาในพื้นที่อีกครั้งพร้อมอาวุธใหม่คือ ธนูเชือก ก็จัดการไปเปิดใต้ถุนของกระท่อมที่อยู่ใกล้ๆแค้มป์ไฟที่ Logging Camp เพื่อเก็บของในนั้นก่อน แล้วที่นี่ก็ยังมีจุดรับภารกิจเสริมให้ทำเพิ่มขึ้นมาอีก 2 ที่อีกด้วย




                                 Optional mission – Dangerous Territory 

พรานที่บาดเจ็บอยู่หน้ากระท่อมเยื้องๆไปทางขวาของจุดแค้มป์ไฟที่ Logging Camp เขาต้องการให้ช่วยกำจัดหมาป่าที่อยู่ในถ้ำที่เขาจะเดินทางผ่าน กดดูแผนที่จะเห็นจุดเขียวที่ถ้ำเป้าหมาย เข้าไปจัดการหมาป่าด้านในให้หมดแล้วกลับมารับรางวัลคือ Pistol Sight ได้เลย


                          

                                 Optional mission – The Unlucky one 

เข้าไปคุยกับผู้ชายที่ให้ภารกิจย่อยครั้งแรกในกระท่อมที่จุดไฟที่ Logging Camp เขาต้องการให้ไปช่วยคนของเขาที่ถูก Trinity จับตัวไปขังไว้ที่ตึกใน Train Yard ซึ่งก็คือตึกเดิมที่ตอนแรกเคยผ่านมาแต่ต้องไปทางด้านหลังแทนคือต้องไปที่จุดเขียวในแผนที่ซึ่งต้องเกาะเชือกสลิงไปข้ามไปที่เสาหินกลางแม่น้ำด้านหลัง Train Yard ใกล้ๆกับค่าย Copper Mill Camp แล้วใช้ ธนูเชือก ยิงทำให้เป็นสลิงกับเสาเชือกเพื่อไต่ข้ามไป เมื่อปีนขึ้นไปในตึกแล้วไม่ต้องไปไกลเลี้ยงซ้ายลงบันไดไปชั้นล่าง จัดการศัตรู 3 คนที่คุมนักโทษอยู่ซะแล้วเข้าไปช่วยนักโทษหนีออกมา จากนั้นก็กลับไปรับรางวัลจากเจ้าของงานได้เลย รางวัลคือ ชุด Infiltrator outfit


 

                                        Optional mission – Misguided intelligence 

เข้าไปคุยกับผู้ชายที่ให้ภารกิจย่อยครั้งแรกในกระท่อมที่จุดไฟที่ Logging Camp เขาต้องการให้ไปจัดการกับนกสื่อสารของพวก Trinity เปิดแผนที้ดูจะพบจุดเป้าหมายสีเขียวเป็นวงกว้างกลางแผนที่ ซึ่งต้องใช้ Survival Instinct (กดแกนอนาล็อกขวา) มองหาจนพบนกเป้าหมายที่บินไปมาในวงกลมเขียวให้เจอแล้วฆ่าซะ จากนั้นก็กลับไปรับรางวัลจากเจ้าของงานได้เลย รางวัลคือ Shot Gun Spreader choke


                                          Optional mission – Gulag Recon

ภารกิจจะอยู่กับชายที่เคยให้ช่วยฆ่าหมาป่า ซึ่งตอนนี้เขากับพวกอยู่ในถ้ำหมาป่าทางเหนือของเขต Logging Camp เขาต้องการให้ไปเก็บข้อมูลของพวกโซเวียตมา 3 อย่าง ซึ่งต้องวาร์ปกลับไปที่จุดแค๊มป์ไฟที่ The Gulag ในฐานของโซเวียตทางตอนเหนือที่เคยหนีออกมากับ Jacob กดดูแผนที่แล้วไปเก็บไอเทมตามจุดเขียวมาให้หมด 3 จุด จากนั้นก็กลับไปรับรางวัลจากเจ้าของงานได้เลย รางวัลคือ ที่เก็บเสียงของปืน Assault Rifle (Rifle Suppressor)


                                                Challenge Tomb  

                                 (สามารถเข้าได้หลังได้ธนูเชือกมาแล้ว)



Voice of God –าร์ปไปที่จุดแค้มป์ไฟที่ Sheltered Ridge แล้วเดินเข้าไปที่ถ้ำ(ดูตำแหน่งถ้ำในแผนที่แถวๆนั้นซึ่งต้องผ่านเสือดาวด้วย เข้าไปตามทางของภูเขาหิมะผ่านจุดแค้มป์ไฟที่ Frozen Gorge ไปก็จะเจอวิหาร Voice of God เข้าไปด้านในจะพบว่าประตูทางออกอีกด้านนั้นติดน้ำแข็งเปิดไม่ออก ต้องไปหมุนแกนปิดประตูที่เข้ามาแล้วปีนที่ประตูนั้นไปเกาะขึ้นด้านบนขวาเข้ามาที่ห้องด้านในจะพบ ลูกตุ้มแขวนอยู่กับแกนหมุน จากนั้นทำลายกำแพงกลับมาที่ปประตูทางเข้าเปิดมันออกอีกครั้งลูกตุ้มจะห้อยต่ำลงมา เข้าไปใช้ธนูเชือกกับหมุนแกนหมุนแล้วรอจังหวะให้ลมพัดมาค่อยกระแทกแกนหมุนทางฝั่งขวาเพื่อปล่อยให้ลูกตุ้มเหวี่ยงไปทำลายน้ำแข็งที่ประตูตรงข้ามได้ ก็จะสามารถขึ้นไปเก็บ Ancient Ability – inner Strength ได้ พลังที่ทำให้ Lara สามารถฟื้นพลังชีวิตได้ในสภาพพลังชีวิตลดจนเป็นสีเทาใกล้ตายได้ 1 ครั้งต่อการต่อสู้



                                          Copper Mill Camp

-เดินทางเข้ามาที่จุดสีเหลืองของภารกิจต่อ ซึ่งเป็นค่ายทหารเก่าของพวกโซเวียตที่อยู่ติดกับเขต Train Yard ผ่านเข้าประตูมา Jacob จะติดต่อมาให้ไปพบเขาที่ทางเข้าเหมือนที่เป็นทางลับที่จะกลับไปที่หมู่บ้านของ Jacob ได้ สำรวจเก็บไอเทมให้ทั่วๆ ระหว่างทางที่เริ่มเจอศัตรู Lara จะเริ่มทำระเบิดขวดได้แล้วจากการถือขวดเหล้า + ผ้า ก็จะได้ระเบิดเพลิงที่สามารถเผาที่กั้นทางที่ทำด้วยผ้า หรือ เผาทำลายโปสเตอร์ 7 แผ่นที่เป็นการทำ Challenge - Difference of opinion ได้ โดยโปสเตอร์ก็จะเริ่มมีให้เห็นในค่ายทหารนี้ด้วย ปีนอาคารเข้าไปด้านในก่อนจะไปต่อที่จุดหมาย กดดูแผนที่แวะเข้าไปที่ Challenge Tomb ที่อยู่ในอาคารก่อนก็ดี



                                    Challenge Tomb – The Red Mine




-เข้ามาที่ประตูทางเข้าในอาคารมาตามทางของเหมืองโปตัสเซี่ยมจะทะลุเข้ามาที่โถงถ้ำด้านในได้ซึ่งก็จะมองเห็น Ancient Ability เป้าหมายที่ต้องเอาอยู่ในห้องควบคุมฝั่งตรงข้าม ในเหมืองจะเห็นถังใส่แร่ 2 ถังที่ถังนึงห้อยลงมากั้นรถขนแร่อยู่ที่อยู่บนรางขนแร่ และน้ำที่ไหลลงมากันประตูผ้าทางเข้าห้องควบคุมที่เอาไฟเผาไม่ได้ เป้าหมายคือเอารถมากั้นน้ำก่อนแล้วจึงเผาทำลายประตูผ้าได้ 



เริ่มจาก โดดไปทางซ้ายลงมาชั้นล่างจะพบจุดแค้มป์ไฟ Excavation Shaft อยู่ จากนั้นโดดไปฝั่งตรงข้ามปีนขึ้นไปตามทางด้านในขึ้นไปบนหลังคาห้องควบคุม จะพบแกนหมุนเชือกอยู่ ใช้ธนูเชือกยิงยึดมันกับเชือกที่รถขนแร่ที่อยู่บนรางไว้ แล้วกลับลงมาโดดเกาะที่ถังใส่แร่อันใกล้สุดเพื่อให้อันกลางที่มันกั้นรถอยู่ยกตัวขึ้นจะทำให้รถไหลตกจากราง เมื่อผูกเชือกไว้แล้วรถจะไปกั้นน้ำจากประตูผ้าจนสามารถใช้ระเบิดขวดแถวๆนั้นเผาทำลายมันจนสามารถโดดเข้าไปในห้องควบคุมได้แล้ว ซึ่ง Ancient Ability ที่อยู่ในนั้นคือ Bright Eyes ที่จะทำให้ Lara มองเห็นกับดักต่างๆเป็นภาพสีแดงได้ทันทีโดยไม่ต้องกดใช้ Survival Instinct เลย 

-จากนั้นก็เดินทางเกาะห้อยโหนเข้าไปที่จุดเป้าหมายหลักสีเหลืองต่อ ระหว่างทาง Jacob จะติดต่อมาว่าเขากำลังถูกพวกศัตรูล้อมเอาไว้จึงอยากให้ Lara มาสมทบโดยด่วน ทหารของ Trinity ก็จะเริ่มออกมาโจมตีเรื่อยๆ โดยจะพบทหารที่ถือโล่ครั้งแรกที่นี่ด้วย แน่นอนว่ามันเป็นตัวเพิ่มความยุ่งยากให้การจัดการศัตรูเพราะมันกันระสุนได้ ต้องใช้ขวานที่อัพเกรดจนสามารถทำลายเกราะได้ ไฟ หรือ ระเบิดในการจัดการมัน ลุยจัดการพวกมันให้หมด เข้าไปตามทางจนถึงจุดที่ Jacob อยู่ ในขณะที่ Lara ตั้งใจจะมาช่วย Jacob แต่ก็ดันเกือบเสียท่าให้ศัตรูจนทำให้ Jacob ต้องช่วยเธอเอาไว้แทน เมื่อรวมกลุ่มกันได้แล้วทั้งคู่ก็จะเดินทางเข้าไปในเหมืองด้วยกันต่อทันที


                                              -Shot Cut -

Jacob นำทาง Lara เข้าไปในเหมืองที่เป็นทางลัดไปที่หมู่บ้านของเขาที่อยู่อีกฝากนึงของภูเขาเพื่อหวังเตือนคนของเขาถึงการโจมตีของพวก Trinity ให้เร็วที่สุด แต่ขณะเดินทางที่เหมือนจะราบลื่นจู่ๆเหมือนก็เกิดถล่มขึ้นมาจนทำให้ Jacob กับ Lara ต้องแยกทางกันอีกครั้งเพราะหินถล่มมากั้น Lara ต้องหนีตายจากพื้นถล่มไปด้วยตัวคนเดียวอีกครั้ง
-เข้ามาตามทางจนถึงเหมืองด้านในที่มีลิฟต์อยู่ จัดการศัตรูในนี้ให้หมดแล้วเข้าไปกดสวิตซ์ลิฟต์ก็จะพบว่ามันเสีย ทำให้ต้องไปดันรถขนแร่ไปติดกำแพงฝั่งซ้ายเพื่อใช้ปีนขึ้นไปด้านบนแทน เมื่อขึ้นมาได้แล้ว Lara จะเจอมีด Combat Knife ซึ่งเป็นไอเทมที่สามารถตัดเชือกและทำลายธงของโซเวียตที่เป็น Challenge - Capture the Flag ในเขตพื้นที่ Soviet Installation ด้วย จากนั้นตัดเชือกเพื่อเอาเหล็กที่ขวางทางออกเพื่อเข้าไปที่ลิฟต์ใช้ลิฟต์ตัดลิฟต์ให้ตกลงไปด้านล่างแล้วปีนช่องลิฟต์ไปเกาะพนังน้ำแข็งทางขวาขึ้นไปด้านบนได้ เข้าไปตามทางของเหมืองด้านบนจนถึงจุดแค้มป์ไฟ Pantheon Corridor เมื่อผ่านออกทางออกเหมืองไป Lara ก็จะพบประตูหน้าขนาดใหญ่ของเมืองโบราณอยู่ตรงหน้าแล้ว


-เมื่อเข้ามาถึงฝั่งตรงข้ามของประตูทางเข้ามเมืองโบราณจะพบทหารของ Trinity มากมายเข้าโจมตีทันที จัดการพวกมันให้หมดแล้วโหนเชือกสลิงข้ามไปที่หน้าประตูเมือง ซึ่งจะพบว่าประตูถูกชาวบ้านพยายามเอาไม้ปิดกั้นเอาไว้เพื่อป้องกันตัวแต่พวก Trinity ก็พยายามจะดึงมันออกโดยใช้เชือกขึงตามจุดต่างๆพร้อมดึงไว้แล้ว เป้าหมายของ Lara คือดึงเชือกพวกนั้นเพื่อทำลายไม้ที่กั้นประตูออกให้หมดเพื่อเข้าไปด้านใน
-จากหน้าประตูโดดเกาะเชือกสลิงไปที่ท้ายรถบรรทุกที่ห้อยอยู่รีบปีนขึ้นไปด้านบนก่อนมันจะหล่น ดันรถขนแร่ให้พ้นทางระหว่างแกนหมุนเชือกกับรถขนแร่หน้ารถบรรทุกแล้วใช้ธนูเชือกโยงระหว่างแกนหมุนกับรถขนแร่หน้ารถบรรทุก หมุนแกนหมุนดึงเอารถขนแร่หน้ารถบรรทุกขึ้นมาแล้วตัดเชือกปล่อยให้มันลงไปกระแทกรถให้ตกไปจะทำให้ไม้ที่กั้นประตูใหญ่ถูกดึงทำลายไป 1 อัน
-หลังจากรอดจากพื้นถล่มแล้ว Lara ต้องอ้อมไปอีกทาง เกาะเชือกสลิงข้ามไปอีกฝั่งจัดการศัตรูให้หมดแล้ว แวะสำรวจเสาหินอักขระที่อยู่ริมผาก่อนเพื่อเปิดแผนที่เก็บเหรียญ แล้วค่อยโดดเกาะกำแพงน้ำแข็งขึ้นไปด้านบนต่อจะโผล่มาที่พื้นที่ตรงข้ามประตูใหญ่อีกครั้ง จัดการศัตรูให้หมดแล้วปีนบันไดทางซ้ายขึ้นไปด้านบนจะพบ ถังเหล็กใส่แร่ขนาดใหญ่ที่ผูกติดกับเครนอยู่ โดดโหนเชือกสลิงไปที่เครนจะทำให้ถังใส่แร่ห้อยลงมาที่น้ำตก ทำให้ไม้กั้นประตูหักไปอีกท่อนนึง
-ลงมาจากเครนที่พื้นที่ข้างจะพบแกนหมุนเชือกอยู่ ดึงมันลงมาให้ตรงกับถังเหล็กที่อยู่ตรงน้ำตก แล้วใช้ธนูเชือกเชื่อมระหว่างแกนหมุนกับถังเหล็กหมุนดึงมันเข้ามารับน้ำให้เต็มถังแล้วตัดมันให้เหวี่ยงไปกระแทกประตูจนพังออกได้ ที่เหลือก็วิ่งหนีตายจากพื้นถล่มเข้าไปที่ประตูให้ทันได้เลย


ทันทีที่ก้าวผ่านพ้นเข้ามาในประตู ตรงหน้าของ Lara คือรูปปั้นขนาดใหญ่ที่เธอเชื่อว่าคือผู้พยากรณ์ (Prophet) กับภาพเขียนโบราณที่บรรยายถึงเรื่องราวความเป็นมา ตั้งแต่ยุคที่ผู้พยากรณ์เคยนำพาผู้คนเดินทางข้ามทะเลทรายในซีเรียเพื่อเข้ามาที่หุบเขาลับแลแล้วสร้างเมือง Kitezh ขึ้นมา เพื่อเป็นที่สร้างกองกำลังขึ้นมาเพื่อปกป้องเมือง ปกป้องผู้คนของเขา และในภาพนึงที่ปรากฎให้เห็นถึง ผู้พยากรณ์เหล่าองค์รักษ์กำลังปกป้องของบางอย่างอยู่ที่ไม่ใช่ “Divine source” แต่เป็นแผนที่ลับของเมืองที่นำไปสู่ที่ซ่อนของ “Divine source” นั่นเอง


                                          -Warming Up-

-เดินทางเข้าไปตามเส้นทางช่องเข้าด้านใน ดำน้ำผ่านทางเข้าไปจนถึงทางออกที่ทางเดินบนภูเขาฝั่งตรงข้ามที่หน้าหุบเขา Geothermal Valley เข้าไปตามเส้นทางของซากเมืองไปจนถึงจุดที่โหนสลิงเข้าไปด้านในพื้นที่ต่อก็จะพบกับ Sofia ที่นำคนของเธอเข้ามาขัดขวาง


Lara – ใจเย็นก่อน เธอก็รู้ว่าชั้นไม่ใช่พวก Trinity 
Sofia – แล้วทำไมชั้นต้องเชื่อเธอ !
Lara – ชั้นหนีมากับชายคนนึงที่ชื่อ Jacob เขาบอกเป็นพวกเดียวกับเธอด้วย แต่ตอนนี้เขาพลัดหลงกับชั้นไปตอนเหมืองถล่ม
Sofia – แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน แกฆ่าเขาหรอ ! ไม่จริงหรอก Jacob ไม่เคยไว้ใจคนนอก ชั้นเตือนแล้วว่าให้ไปเธอไม่เชื่อเอง งั้นก็ตายซะที่นี่ 



Jacob – โซเฟีย พอแล้ว ! 
Sofia – พ่อ ! คิดว่าจะไม่ได้เจอพ่อซะแล้ว 
Jacob – ดีใจด้วยที่เธอมาถึงนี่ได้สำเร็จ Lara อย่าไปโกรธโซเวียเลยเธอค่อยข้างจะระวังตัวตลอดน่ะ 
Lara – ถ้าชั้นอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอก็คงไม่ไว้ใจใครเหมือนกันแหละ
Jacob – โซเฟีย ตอนนี้พวก Trinity กำลังจะบุกมาที่หมู่บ้านเรา เราต้องเตรียมพร้อมรับมือพวกมันกันได้แล้ว แล้วก็ทุกคนฟัง Lara คนนี้เป็นเพื่อนของชั้นเข้าใจนะ 
Lara – ที่วิหารโบราณนี่ เหมือนมันจะเข้าใกล้เมืองลับแลของผู้พยากรณ์เข้าไปทุกทีแล้วชั้นรู้สึกได้
Jacob –เรื่องนั่นอย่างเพิ่งพูดถึง มาเถอะ เรามาเตรียมรับมือพวกมันก่อน เอาล่ะ ! ทุกคนไปเตรียมอาวุธให้พร้อมลุยได้แล้ว !! พาเด็กๆกับพวกคนแก่ไปหลบที่สุสานใต้ดินก่อน โซเฟีย รวบรวมกำลังพลแล้วไปหาพ่อด้านในหมู่บ้าน เราคงทำได้แค่นี้แหละ เสียดายมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก  
Lara – ช่างเถอะ เดี๋ยวชั้นอยู่ช่วยอีกแรงแล้วกัน 



                                            Geothermal Valley 




Challenges
Bull’s eyes ยิงเป้ายิงธนูที่แขวนอยู่ในพื้นที่ 8 อัน
Fowl play ไล่จับไก่เข้าเล้า 5 ตัว
Hung out to dry Shared ตัดกับดักกระต่ายที่แขวนอยู่ 6 ตัว
High Diving dive made กระโดดจากจุดโดดน้ำให้หมดทั้ง 4 จุด (กระโดดแล้วรีบกด LT จะเป็นการพุ่งตัวลงน้ำ)

ตอนนี้ Lara อยู่ในหมู่บ้านของชนพื้นถิ่นที่อยู่ในหมู่บ้านที่ซ่อนอยู่จากโลกภายนอกด้วยหุบเขาขนาดใหญ่ ในขณะรอการเตรียมตัวของชาวบ้านในการต่อสู้กับ Trinity ก็สามารถออกค้นหาและสำรวจทำสิ่งต่างๆได้ โดยเริ่มจากภารกิจย่อยต่างๆจากพวกชาวบ้านเพื่อเก็บไอเทมรางวัลดีๆ โดยที่นี่จะมีทั้งหมด 4 ภารกิจคือ

                       Optional mission – Defensive Strategy

ภารกิจย่อยที่รับจากชาวบ้านที่ยืนอยู่ที่จุดหอคอยการ์ดใกล้ๆที่โหนเชือกสลิงลงล่าง เขาจะให้ไปเก็บวัตถุดิบในการซ่อมหอคอยมาให้คือ
-Hardwood branches กิ่งไม้ธรรมดาๆ 4 อัน
-Deer hides เขากวาง 4 อัน
ทั้ง 2 อย่างนั้นมีให้เก็บที่วงกลมเขียวในแผนที่ แต่ถ้ามีสะสมอยู่แล้วก็เอาไปให้ผู้จ้างได้เลย เอาของใส่ตะกร้าใกล้ๆแล้วเอาตะกร้าไปให้ที่สุดเป้าหมายสีเขียวที่กำลังมีการสร้างหอคอย แล้วกลับมารับรางวัลกับผู้ว่าจ้างได้เลย รางวัลคือ Battle Worm Outfit

                       Optional mission – Surveillance Disruption 

ภารกิจย่อยที่รับจากชาวบ้านผู้หญิงที่อยู่ในบ้านที่พื้นกว้างด้านล่างขวา เธอต้องการให้ไปยิงทำลาย Drone ของศัตรูที่บินไปมาอยู่ให้หมด โดยดูได้จากจุดเขียวในแผนที่ ทำลายให้หมดแล้วกลับมารับรางวัลกับผู้ว่าจ้างได้เลย รางวัลคือ Ancient Horn Bow


                      Optional mission – A Hearty Meal 

ภารกิจย่อยที่รับจากชาวบ้านผู้หญิงที่อยู่ในบ้านที่พื้นกว้างด้านล่างขวาคนเดิมอีกครั้ง เธอต้องการให้หาไอเทมเป็นเสบียงให้คือ
-Mushroom เห็ด 4 อัน
-Boar meat เนื้อหมูป่า 2 อัน
ทั้ง 2 อย่างนั้นมีให้เก็บที่วงกลมเขียวในแผนที่ แต่ถ้ามีสะสมอยู่แล้วก็เอาไปให้ผู้จ้างเพื่อรับรางวัลได้เลยรางวัลคือ Huntress Outfit


                     Optional mission – Ancient Secret

ภารกิจย่อยที่รับจากชาวบ้านผู้หญิงที่อยู่ในซากโบราณที่เขตพื้นที่ทางขวาใกล้ๆจุด Crypt และจุดแค้มป์ไฟ Ruin Encampment ก่อนจะทำภารกิจหลักปีนหอคอยส่งสัญญาณไฟ เธอต้องการให้ค้นหา Challenge Tomb ให้ครบทุกอันตั้งแต่แผนที่แรกเลย ซึ่งจะมีทั้งหมด 9 ที่ ซึ่งในแผนที่ตามเนื้อเรื่องตอนนี้ถ้าเก็บมาหมดจะได้ 8 อันต้องรอเนื้อเรื่องดำเนินไปถึงพื้นที่ The Lost City ก่อนจึงจะเจอที่สุดท้ายถึงจะครบ แล้วค่อยกลับมาคุยกับผู้ว่าจ้างเพื่อรับรางวัล คือ Dark Aegis ชุดสุดยอดสุดเท่ พร้อมทั้งปิดท้ายทำภารกิจย่อยครบทั้งหมดในเกมด้วย


Challenge Tomb สุสานลับที่ซ่อนของ Ancient Ability ที่อยู่ในพื้นที่นี้มีทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งมี 2 แห่งที่ต้องใช้ไอเทม Wire Spoon ขวานติดเชือกในการโหนและยึดเกาะระยะไกล และ Breather เครื่องช่วยหายใจใต้น้ำในการผ่านทาง


                       Challenge Tomb – House of Inflicted

จุดทางเข้าอยู่ที่จุด Challenge Tomb อันที่ 2 ทางขวาของน้ำตก เข้ามาจนเจอจุดแค้มป์ไฟ Infirmary เข้าไปในห้องกว้างด้านในจะเห็น Ancient Ability เป้าหมายที่จะเอาอยู่ชั้นบน เข้าไปด้านบนซ้ายก่อนเอาเหล็กที่ห้อยลงมาโยงเชือกกับแท่นยืนด้วยธนูเชือกแล้วเดินมาฝั่งซ้าย ดึงรถเข็นออกมาด้านนอก แล้วไปขึ้นที่มุมซ้ายของทางเข้าใช้ธนูเชือกยิงคันโยกให้สับลงมาน้ำจะไหลเข้ามาในกระถางเหล็กจนมันลงมาที่พื้น รีบลงไปที่ใช้ธนูเชือกยึดกระถางเหล็กกับรถเข็นก่อนพื้นยืนก็จะขึ้นไปครบทั้ง 2 จุด จากนั้นค่อยมาโดดโหนบาร์โดดเกาะไปตามพื้นยืนจนไปถึงด้านบนที่เป็นที่เก็บ Ancient Ability ได้เลย ความสามารถโบราณที่ได้มาคือ Fast Healer ที่สามารถทำให้รักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วขึ้น 


                       Challenge Tomb – Catacomb of Scared Water  

จุดทางเข้าอยู่ที่จุด Challenge Tomb ฝั่งขวาสุดของแผนที่ เข้ามาด้านในจนเจอจุดแค้มป์ไฟ Aquifer Cavern และด้านในสุดจะแอ่งน้ำตกที่ไหลเชี่ยวแบบที่ว่ายน้ำแล้วโดดกระแสน้ำพัดไปกระแทกหินตายทันที ใช้ธนูยึดเรือทางซ้ายกับเสาให้มันลอยเข้ามาใกล้แล้วนั่งเรือต่อไปจนถึงเกาะกลาง มองทางซ้ายจะมีน้ำตกอยู่ ว่ายน้ำเข้าไปด้านในจะมีเรืออีกลำที่มีแกนหมุนสำหรับดึงเชือกด้วย นั่งเรือแล้วใช้เชือกโยงกับเสาที่เกาะกลางจนเรือออกมาใกล้ๆเสาที่ฝั่งซ้าย รีบตัดเชือกแล้วเปลี่ยนไปยึดเสาทางซ้ายแทน หมุนแกนหมุนให้ดึงเรือเข้าไปใกล้ฝั่งซ้ายก็จะสามารถโดดขึ้นไปเอา Ancient Ability ได้เลย ความสามารถโบราณที่ได้มาคือ Anatomic Knowledge Skill ที่ทำให้เมื่อใช้ Survival Instinct ส่องดูตัวสัตว์ใหญ่ประเภทหมีหรือเสือจะทำให้เห็นหัวใจที่เป็นจุดอ่อนของมันจนยิงมันแบบทีเดียวตายได้เลย 


                         Challenge Tomb – Bath of Kitzh 

จุดทางเข้าอยู่ที่จุด Challenge Tomb ฝั่งขวาของน้ำตกที่พื้นที่ด้านบนของแผนที่ ซึ่งที่นี่ต้องมีไอเทม Breather เครื่องช่วยหายใจใต้น้ำก่อนจึงจะผ่านเข้ามาได้ เข้ามาแล้วเดินบนกิ่งไม้หลบน้ำที่พุ่งออกมาจากท่อจนพบจุดแค้มป์ไฟ Whirlpool Sanctuary เข้าไปต่อก็จะถึงบ่อน้ำขนาดใหญ่โดดลงไปจะเห็น Ancient Ability อยู่ในลูกกรงแยกกลางของแผนที่ ทางฝั่งซ้ายจะมีเรืออยู่เข้าไปยืนแล้วใช้ธนูเชือกดึงมันให้เข้าไปโดดเกาะเข้าช่องในห้องทางซ้ายได้ 
-ในห้องประตูน้ำซ้ายใช้เชือกโยงแท่นถ่วงประตูและแกนหมุนเชือกที่อยู่ใต้น้ำ ดันแท่นถ่วงประตูน้ำให้น้ำไหลออกให้หมดแล้วรีบไปหมุนแกนเชือกยึดตัวถ่วงประตูไว้ก็จะทำให้เปิดประตูให้น้ำไหลออกไปครึ่งนึงแล้ว 
-นั่งเรือแล้วใช้ธนูเชือกดึงเรือไปที่ห้องฝั่งขวา จอดไว้ตรงประตูห้องที่ยังน้ำท่วมอยู่ ว่ายน้ำเข้าห้องไปใช้ธนูเชือกยึดแท่นถ่วงประตูน้ำกับเรือแล้วดันแท่นถ่วงประตูให้น้ำไหลออกหมดแล้วรีบวิ่งไปขึ้นเรือเพื่อหมุนแกนหมุนยึดเชือกเอาไว้ให้ทัน น้ำทั้งหมดก็จะแห้งหมดแล้ว 
-เข้าไปยิงถังระเบิดที่ประตูกลางแล้วเข้าไปเก็บ Ancient Ability ได้เลย ความสามารถโบราณที่ได้มาคือ Iron Grip Skill ที่สามารถยึดเกาะและปีนกำแพงต่างได้ดีขึ้นแบบไม่ต้องกด X จับซ้ำเลย 


                         Challenge Tomb – The Pit of Judgment 

จุดทางเข้าอยู่ที่จุด Challenge Tomb ตรงกลางของแผนที่ ซึ่งที่นี่ต้องมีไอเทม Wire Spoon ขวานติดเชือกในการโหนและยึดเกาะระยะไกลก่อนจึงจะผ่านเข้ามาได้
ผ่านจุดแค้มป์ไฟ Hidden Ravine เข้ามาจนถึงโถงถ้ำที่เป็นเหมืองขนาดใหญ่ที่เห็น Ancient Ability อยู่ด้านในที่มีที่กั้นไม้ 2 อันกั้นอยู่ ซึ่งต้องใช้รถขนแร่จากรางทั้ง 2 รางแล่นลงมาชนทำลาย 
-รางฝั่งซ้ายขึ้นไปแล้วหมุนคันโยกให้พื้นของรถเข็นแร่หมุนให้ตัวล็อคราง 3 ขีดออกไปด้านหน้าตัวล็อกก็จะเชื่อมต่อกับรางได้ เข็นรถลงมาตามรางไปขนแผ่นไม้อันแรกได้เลย 
- โดดโหนเชือกสลิงไปที่รางทางขวาต่อ ขึ้นไปด้านบนหมุนให้พื้นและรถลงมาชั้นล่าง แล้วหมุนคันโยกให้พื้นของรถเข็นแร่หมุนให้ตัวล็อคราง 3 ขีดมาอยู่ทางซ้ายด้านเดียวกับที่หมุนแล้วค่อยหมุนให้พื้นขึ้นด้านบนตัวล็อคราง 3 ขีดก็จะก็จะหันไปที่ด้านหน้าพอดีก็จะสามารถเข็นรถลงมาตามรางไปขนแผ่นไม้อันแรกได้แล้ว
-เข้าไปเก็บ Ancient Ability มาได้เลย ความสามารถโบราณที่ได้มาคือ Geologist Skill ที่ทำให้สามารถขุดแร่ Chromites Ore ซึ่งเป็นแร่ชนิดพิเศษในจุดขุดแร่ได้ 


                            -Prepare for Battle-

-เข้าไปที่จุดหมายสีเหลืองเพื่อทำภารกิจหลักต่อ โดย Lara ต้องปีนขึ้นไปบนหอคอยเพื่อจุดไฟส่งสัญญาณบอกชาวบ้านทุกคนเพื่อเตรียมรับมือศัตรู ระหว่างปีนขึ้นไปบนหอคอย Lara จะเก็บไอเทมถุงใส่น้ำมัน (Oil Flask) ได้ ซึ่งทำให้เธอสามารถใช้ธนูไฟได้แล้ว โดยการผสมระหว่าง น้ำมัน + ผ้า + ลูกธนู แล้วกดปุ่มทิศทางขึ้นบนเพื่อสลับกับลูกดอกแบบพิเศษอื่นๆและกด LT – RB ในการยิงไปที่กองไฟสัญญาณบนยอดหอคอย เสร็จแล้วก็โหนสลิงกลับลงมาได้เลย
-จากนั้นเดินทางไปสมทบกับ Jacob ที่ด้านเหนือของหมู่บ้านตามจุดหมายสีเหลืองซึ่งเป็นเส้นทางด้านขวาบนของแผนที่ที่ตอนแรกมีการกั้นทางเอาไว้ ซึ่งตอนนี้สามารถผ่านไปได้แล้ว

เมื่อเข้าไปตามทางจนถึงหมู่บ้านทางเหนือ Lara จะพบว่ามาสายเกินไปเพราะพวก Trinity นั้นนำกำลังมาบุกที่นี่จนทุกคนรวมถึง Jacob ถูกจับตัวเอาไว้ได้ ทันทีที่ Jacob เห็น Lara ลอบเข้ามาเขาพยายามจะบอกให้ว่าไม่ต้องเข้ามาช่วย ในขณะที่ทหารของ Trinity พยายามบังคับเอาข้อมูลที่ซ่อนของ “Divine Source” มาจากชาวบ้านถึงขนาดต้องฆ่าไปทีละคนเพราะไม่มีใครยอมบอกแม้แต่ Jacob แต่สุดท้ายก็มีชาวบ้านที่กลัวตายคลายความลับออกมาว่า จริงๆแล้วไม่มีใครรู้ที่ซ่อนของ “Divine Source” แต่รู้ว่าอุปกรณ์ที่เป็นเสมือนแผนที่บอกทางไปยังที่ซ่อนของมันได้ที่เรียกว่า “Atlas” นั้นมันสามารถพาไปที่นั่นได้ พวก Trinity จึงเตรียมถอนกำลังเตรียมเดินทางไปที่นั่นต่อทันที 

-แต่ Jacob ก็ฉวยโอกาสแย่งปืน Shot Gun มาจากศัตรูแล้วโยนไปให้ Lara ไว้ใช้ จากนั้นก็ยิงถล่มจัดการศัตรูในพื้นที่ให้หมด ปิดท้ายด้วยศัตรูที่ใช้เครื่องพ่นที่ออกมาปิดท้าย พยายามเน้นยิงไปที่ถังน้ำมันด้านหลังตัวมันก็จัดการมันได้ Lara ก็จะสามารถช่วยชาวบ้านเอาไว้แต่แต่ศัตรูก็ได้ข้อมูลที่อยู่ของ “Atlas” ซึ่งเป็นเสมือนแผนที่ที่บอกทางไปหา “Divine Source” ที่ซ่อนอยู่ไปในที่สุด


<เสียงจากวิทยุ> - หัวหน้าครับ พวกชาวบ้านมันลุกขึ้นต่อต้าน Croft ก็อยู่กับพวกมันด้วย มันทำเอาเราตายไปเยอะจนต้องถอนกำลังออกมาก่อนครับ 
Konstantin – โธ่เว้ยยย !! เราควรจะฆ่าเธอซะตั้งแต่แรก 
Ana – เธอกำลังใกล้ถึงจุดหมายแต่คุณล้มเหลว นั่นแปลว่าคุณยังไม่ได้ตั้งใจพอ!
Konstantin – ชั้นไม่ได้ล้มเหลว !!
Ana – ถ้า Trinity เริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาทำเรื่องนี้เองคุณก็รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง ? ต้องบอกมั๊ยว่าพวกมันจะไม่สนทางรอดของชั้น และยึดครองพลังจาก “Divine Source” ไปเป็นของมันแทน ชั้นต้องการพลังนั่น !! 
Konstantin – เธอจะได้มัน อย่าหมดศรัทธาสิ Ana มันเป็นประสงค์ของพระเจ้าที่จะทำให้งานของเราสำเร็จ 
Ana – ได้โปรด หามันให้เจอ ชั้นไม่มีเวลามากแล้ว 



Konstantin – ผมมาไกลมากแล้ว และต้องอดทนอดกลั้นต่ออุปสรรคทุกอย่าง บาปทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะจุดหมายของพวกเรา มีแต่ท่านเท่านั้นที่จะชื้ทางให้ผมได้ ช่วยให้ผมเข้มแข็งเพื่อเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อเธอ เพื่อท่าน เพื่อ Trinity ได้โปรด นำทางให้ผม …… งานนี้ ต้องให้ถึงเลือดตกยางออกเกินเลยสินะ ... 



Jacob – เส้นทางที่เราเลือกเดิน ภาระหน้าที่ของเรา มันช่างไม่เคยง่ายเลยจริงๆ
Lara – ชั้นเขาใจดีเรื่องการที่คุณสูญเสียคนของคุณ แต่ trinity มันคงไม่หยุดแน่ แล้วเราละ ? 
Jacob – พวกมันได้ข้อมูลไปมากมายแล้ว 
Lara – รวมถึง Atlas มันคืออะไรหรอ ?
Jacob – มันเป็นแผนที่บอกที่อยู่ของเมืองโบราณ แต่พวก Trinity ไม่มีทางรู้แน่ว่ามันอยู่บนหอคอยนั่น ยังมีคนของผมอยู่ที่นั่นอีกมากพวกเขายังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่น 
Lara – แน่นอน .. ให้ชั้นไปช่วยพวกเขานะ 
Jacob – คุณทำเพื่อเราหรือเพื่อสิ่งที่คุณตามหา Lara 
Lara – ตอนนี้มันก็เป็นเป้าหมายเดียวกันไปแล้วละ 
Jacob – ฝากคนของผมด้วยแล้วกัน ตอนนี้ผมต้องไปหากำลังเสริมก่อนแล้วจะรีบกลับมา  


                                         - Acropolis -

-เดินทางต่อไปที่จุดเหลืองเป้าหมาย เมื่อเข้ามาจนถึงซากหอคอยด้านใน Lara พบแต่ร่องรอยความเสียหายแต่ไม่พบคนของ Jacob อยู่ที่นี่เลย Jacob เดาว่า Sofia อาจพาทุกคนไปหลบที่สุสานใต้ดินใกล้ๆกับหอคอยแทน แต่ Jacob ติดต่อ Sofia ไม่ได้เลย จึงอยากให้ Lara ไปตรวจสอบที่นั่นหน่อย
-จากนั้นเดินทางต่อไปที่จุดเหลืองเป้าหมายต่อไป ออกจากซากหอคอยผ่านป่า ภูเขาไปตามทางจนถึงเนินเขาที่ Lara เห็นหอคอยอยู่ไม่ไกลจากนี่แต่ก็เป็นช่วงที่ เฮลิคอปเตอร์ของพวก Trinity บินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เธอก็หวังแต่ว่าฝีเท้าของเธอคงจะไปถึงทันเวลาที่จะช่วย Sofia ได้ เข้ามาตามทางที่เต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายของหมู่บ้านจน Lara เริ่มเห็นพวก Trinity กำลังฆ่าพวกชาวบ้านทีละคนอย่างเหี้ยมโหด
-จัดการศัตรูตามทางให้หมด เข้าไปตามทางจากในหมู่บ้านเข้าไปจนถึงในสุสานใต้ดินจะพบ Sofia และคนของเธอถูกพวก Trinity จับเอาไว้ จัดการศัตรูให้หมดก็จะช่วย Sofia ได้สำเร็จ Sofia แค้นมากที่คนของเธอถูกฆ่าตายไปหลายคนแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะขอบคุณและขอโทษที่เคยมอง Lara ผิดไป จากนั้นเธอจะให้ช่วยไปหาทางเปิดประตูสุสานที่ถูกปิดตายเพื่อพาคนของเธอไปในที่ปลอดภัยต่อ
-ทำลายกำแพงข้างๆประตูเข้าไปตามทางปีนขึ้นด้านบน Lara เห็นประตูอีกด้านที่ถูกปิดกั้นอยู่ด้วยไม้ผ่านทางหน้าต่าง เดินเข้าไปที่ห้องเก็บของด้านในเก็บระเบิดมาใช้กับธนูทำให้สามารถใช้ ธนูหัวระเบิด (Grenade Arrow) ได้แล้ว ด้วยการกดขึ้นบนสลับลูกธนูพิเศษและยิงด้วยปุ่ม LT + RB กลับไปยิงผ่านช่องหน้าตาทำลายไม้ที่กั้นประตูออกก็จะสามารถช่วยคนของ Sofia ได้แล้ว


Sofia – คนของชั้นปลอดภัยแล้ว อย่างน้อยก็ตอนนี้ ฟังนะ Lara ชั้นรู้ว่าเธอต้องการตามหา “Divine Source” แต่คนของชั้นก็ไปมากมายก็เพื่อปกป้องมัน 
Lara – คนของเธอกำลังจะตายหมด เธอจะปกป้องมันตลอดไปไม่ได้หรอกนะ 
Sofia – เราทำมานานแล้วจนถึงเดี่ยวนี้ ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้ชั้นก็เห็นเธอเป็นพวกเดียวกับเราแล้วละ Lara 

ท่ามกลางความวุ่นวาย Lara สามารถช่วย Sofia และคนของเธอไว้ได้สำเร็จ ท่ามกลางพวก Trinity ที่ยังบุกเข้ามาเต็มพิกัดเพื่อตามหา Atlas ให้เจอ ในขณะที่ Sofia พาชาวบ้านหนีที่ปลอดภัย Lara ก็เดินทางต่อไปที่หอคอยเพื่อชิง Atlas มาก่อนที่พวก Trinity จะได้ไป 

-เข้าไปตามทางที่เป้าหมายสีเหลืองต่อจนถึงทางเข้าหอคอย ใช้ธนูระเบิดทำลายที่กั้นประตูเข้าไป แล้วลุยศัตรูเข้าไปตามทาง Jacob จะติดต่อมาเพื่อขอให้ Lara ลุยศัตรูเพื่อทำให้ ฮ. ของมันเข้ามาในตำแหน่งที่เขาจะจัดการได้ เมื่อลุยเข้าไปจัดการศัตรูจนหมด Jacob ก็จะสอย ฮ. ของศัตรูที่บินมาเข้าทางได้สำเร็จ แต่ในขณะที่ Jacob และคนของเขากำลังโห่ร้องยินดีกับชัยชนะ ทางด้าน Sofia กลับโดนศัตรูเข้าปิดล้อมขณะกำลังนำคนหนีไปทำให้ Lara ต้องรีบบุกไปช่วยเธออีกรอบ จากนั้นก็ลุยเข้าไปตามทางจนถึงสุสานด้านในแล้วจัดการศัตรูมากมายให้หมดก็จะช่วย Sofia เอาไว้ได้ โดย Jacob ก็จะตามมาสมทบทีหลัง



Lara – ทำไมคุณไม่บอกชั้นเรื่องที่นี่เพิ่มบ้างละ ?
Jacob – จริงๆเธอก็สมควรได้รับมันนะ ตามมาสิ ในยุคโบราณนานมาแล้วผู้พยากรณ์ของเราได้นำ “Divine Source” มาที่หุบเขาแห่งนี้ บรรพบุรุษของผมสร้างเมือง Kitezh ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องมันจากโลกภายนอก 
Lara – เมื่อไหร่จะสำเร็จละ? “Divine Source” มันคืออะไรกันแน่ ?
Jacob – มันเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากยุคโบราณนานมาก เราเชื่อว่ามันเป็นวิญญาณของพระเจ้า ตำนานว่าใครได้ครอบครองมันจะนำมาซึ่งชีวิตนิรันดร จนมีพวกบ้านั่นพยายามจะตามหามันเพื่ออำนาจ 
Lara – พวก Trinity 
Jacob – ใช่ .. พวกมันทำทุกอย่างเพื่อตามหามันและคงไม่มีวันหยุดด้วยแน่นอน  
Lara – งั้นก็หาทางช่วยชั้นให้เจอมันก่อนพวกมันสิ
Jacob – มันไม่ใช่ภาระของเธอ 
Lara – ทำไมจะไม่ใช่ พ่อชั้นต้องตายก็เพราะมันนะ 
Jacob – เธอจะเอาเรื่องนี้มาเติมเต็มให้ตัวเองไม่ได้นะ Lara เธอต้องปล่อยมันไป 
Lara – ชั้นจะตามหามันให้เจอ ไม่ว่าคุณจะช่วยหรือไม่ก็ตาม ! 



Sofia – เดี๋ยว ! เธอเสี่ยงตายเพื่อพวกเรามามากแล้ว ชั้นอยากจะช่วยเธอบ้าง ฟังนะชั้นรู้ที่ซ่อนของ Atlas แผนที่นั่นอยู่ที่ใต้วิหารขนาดใหญ่ แต่เราคงจะตามไปช่วยเธอไม่ได้นะ เพราะมีอีกพวกนึงอยู่ที่นั่น เราเรียกพวกเขาว่า Deathless One เหล่าองค์รักษ์จากยุคโบราณที่จะฆ่าทุกคนที่เหยียบย่างไปที่นั่น พ่อเชื่อว่าพวกเขาจะหยุดพวก Trinity ได้ ชั้นรู้ว่าคงห้ามเธอไม่ได้ เอานี่ไปใช้ Wire Spool มันจะทำให้เธอปีนขึ้นไปที่วิหารนั่นง่ายขึ้น 

** Wire Spool ** นั้นจะทำให้ขวานสำหรับยึดเกาะสิ่งต่างๆในการปีนป่ายนั้นกว้างไกลขึ้นโดยการกดกระโดดและกด X ตามก็จะสามารถยึดเกาะด้วยลวดที่ไกลกว่าเดิมมาก และ สามารถใช้โหนตรงตะขอสีน้ำตาลเพื่อข้ามพื้นที่ต่างๆได้ด้วย (ตอนนี้ก็สามารถใช้มันในการเข้าไปใน Challenge Tomb – The Pit of Judgment ได้แล้ว)



                                                     -The Cathedral -

Lara จำต้องแยกทางจากกลุ่มของ Jacob เพื่อหวังผลตามเป้าหมายของเธอต่อหลังจากที่รู้แล้วว่า Atlas ซึ่งเป็นเสมือนแผนที่ที่จะนำไปสู่ที่ซ่อนของ “Divine Source” หนทางข้างหน้าคือกลับไปยังหมู่บ้านที่ถูกทำลายอีกครั้งเพื่อขึ้นไปยังวิหารโบราณที่อยู่เหนือหมู่บ้าน

-เดินทางกลับไปตามทางโดยเส้นทางนี้จะต้องใช้ความสามารถของ Wire Spool ที่จะทำให้ขวาน Grapple Axe สามารถยึดเกาะได้ไกลขึ้นและโหนตัวที่ห่วงสีน้ำตาลได้ เมื่อกลับมาจนถึงหมู่บ้านจะพบทหารของ Trinity ยังอยู่ที่นี่อีกบางส่วน เป้าหมายคือปีนไปด้านบนอาคารที่พวกมันใช้เป็นศูนย์บัญชาการณ์เพื่อไปที่วิหารขนาดใหญ่ด้านบน จะด้วยการถล่มแหลกหรือลอบฆ่าก็สุดแล้วแต่ได้เลย
-เมื่อปีนขึ้นมาถึงส่วนของวิหารด้านบนแล้ว แวะจุดแค้มป์ Cathedral Courtyard แล้วปีนไปตามทางต่อจนถึงด้านในของวิหาร

Lara จะพบกับ Ana ที่กำลังกำกับดูแลให้ทหารค้นหา Atlas ด้วยตัวเองจนพบมันเรียบร้อยแล้วว่าโบราณสถานนั้นอยู่ด้านใต้พื้นวิหารนั่นเอง ระเบิดมากมายจึงถูกวางไว้จนทั่วเพื่อเตรียมเปิดทางลงชั้นใต้ดิน ด้วยความที่ Lara ไม่ได้เตรียมแผนมาล่วงหน้าแถมทหารของ Trinity ที่นี่ก็มีมากมายจนเธอไม่มีทางเลือกที่ต้องทำสิ่งที่ไม่คาดคิดเพื่อเอาตัวรอดซึ่งก็คือ จับ Ana เป็นตัวประกัน !



ทันทีที่ Lara เข้าไปถึงตัว Ana และจับเธอเป็นตัวประกัน Ana ที่คุ้นเคยกับเธอดีรู้ว่ายังไง Lara ก็ไม่มีปัญญาเหนี่ยวไกฆ่าได้แน่นอน Ana เลยตะโกนให้ทหารฆ่า Lara ได้ทันที แต่ Lara ไม่รอวัดใจทหารว่าจะยิงหรือไม่เธอสังเกตเห็นระเบิดมากมายที่ถูกวางไว้เพื่อเตรียมระเบิดเปิดทางค้นหา Lara ไม่รอช้าเอาขาเกี่ยวเชือกไว้ก่อนจะเหนี่ยวไกยิงระเบิดทันที แรงระเบิดทำให้ทหารมากมายกระเจิงไปหมดแต่ก็ทำให้ Lara และ Ana ตกไปห้อยอยู่ด้านล่างทั้งคู่ ก่อนที่ Lara จะรีบยิงกล่องที่ติดกับเชือกมาเพื่อให้เธอหลุดตกลงมาชั้นล่างได้สำเร็จ ก่อนที่จะยิง Ana ไปหนึ่งนัดเพื่อย้ำเตือนที่เสนอหน้ามาทรยศครอบครัวของเธอแล้วรีบชิงเดินทางไปเอา Atlas ที่ซ่อนอยู่ที่โบราณสถานชั้นล่างก่อนทันที 


                                            -The Atlas -

-ผ่านจุดแค้มป์ Chamber Record ไปด้านในต่อท่ามกลางเส้นทางที่มีแต่ศพมากมายที่โดนไฟครอกตายทั้งเป็นอย่างทรมาน เข้าไปตามทางจนถึงซากวิหารด้านล่าง Lara ก็จะเจอ Atlas ที่เธอตามหาตั้งอยู่หน้าแล้ว แต่ในขณะที่เธอกำลังดีใจที่เจอกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ที่ซ่อน “Divine Source” จู่ระเบิดลูกแรกก็ถูกปาเข้ามาพร้อมหน่วยทหารของ Trinity มากมายที่บุกเข้ามาขัดขวาง จัดการพวกมันให้หมดแล้วออกทางประตูที่พวกศัตรูพังเข้ามา



- เข้าไปตามทางที่มีน้ำท่วมไปเรื่อยๆท่ามกลางพวกศัตรูที่กำลังออกไล่ล่า Lara ต้องดำน้ำหลบกับระเบิดและปืนไฟที่ศัตรูยิงมาจนไฟไหม้ไปทั่ว สุดท้ายเธอก็ถูกศัตรูพบตัวจนได้ ในขณะที่กำลังจะถูกปืนไฟเผา เหล่าองค์รักษ์ที่พิทักษ์ที่นี่อยู่ก็เข้ามาแทงทหาร Trinity จนตกลงมาในน้ำกับเธอ ทำให้ Lara รอดมาได้แถมยังได้ เครื่องช่วยหายใจใต้น้ำ (Rebreather) มาใช้งานด้วย

**  Rebreather เครื่องช่วยหายใจใต้น้ำ จะทำให้ต่อไปนี้ Lara สามารถดำน้ำได้ยาวแบบไม่ต้องห่วงเรื่องการกลั้นหายใจอีกแล้ว **

-จากนั้นก็ดำน้ำต่อไปตามทางจนมาโผล่ที่ในวิหาร Greek fire ซึ่งทางที่ไปต่อได้นั้นบันไดมันพังจนปีนขึ้นไปไม่ถึงแล้ว ทางที่ทำได้นั้นก็คือทำให้รูปปั้นขนาดใหญ่กลางพื้นที่ล้มลงจนเป็นบันไดขึ้นไปที่ทางออกได้ เริ่มจากยิงถังระเบิดที่ด้านหน้ารูปปั้นจะทำให้รูปปั้นเริ่มเอียงไปด้านหลังแต่ยังไม่ล้มจึงต้องหาทางระเบิดมันเพิ่ม


เข้าไปสำรวจด้านขวาของรูปปั้นจะพบคานไม้ที่มีเชือกผูกไว้ทั้ง 2 ด้าน และลังระเบิดใกล้ ก่อนอื่นใช้ธนูดึงคานไม้ให้หันมาที่ลังระเบิด ใช้ธนูเชือกดึงเปิดเอาระเบิดออกมาแล้วถีบเข้าไปใกล้ปลายไม้เพื่อใช้ธนูเชือกยึดปลายไม้กับระเบิด โดยต้องหมุนอีกด้านมาผูกระเบิดด้วย แล้วหมุนให้ปลายไม้ที่ผูกระเบิดด้านใดด้านนึงหันไปที่บ่อน้ำใหญ่ที่มีรูปปั้น เข้าไปตัดเชือกเอาระเบิดลงมาแล้วถีบมันลงไปในบ่อน้ำให้ระเบิดลอยไปที่รูปปั้นกลางน้ำจากนั้นก็ยิงให้ระเบิดทำให้รูปปั้นเอียงไปอีกนิดแต่ยังไม่ล้ม



เข้าไปสำรวจด้านซ้ายของรูปปั้นจะพบลังใส่ระเบิดอยู่ที่ต้นน้ำ เสาเชือกที่ฝั่งตรงข้ามและกองไม้ที่ขวางทางอยู่ โดดข้ามไปที่ฝั่งที่มีเสาเชือกอยู่ แล้วใช้ธนูเชือกดึงเปิดให้ระเบิดลอยลงมาในน้ำเมื่อมันติดกองไม้ก็ยิงมันให้ระเบิดทำลายกองไม้ไปก่อน จากนั้นค่อยดึงเอาระเบิดอีกลูกออกมา เมื่อมันลอยผ่านไปจนถึงส่วนที่ 2 ที่มีกองไม้ติดไฟขวางอยู่ทางขวา ให้รีบใช้ธนูเชือกยึดระเบิดกับเสาเชือกเพื่อเบี่ยงระเบิดมาที่ทางน้ำทางซ้ายจะไม่โดนไฟและลงไปที่บ่อใหญ่ได้ ยิงให้มันระเบิดรูปปั้นซะ รูปปั้นก็จะล้มทอดเป็นบันไดสำเร็จแล้ว

-แต่ทันทีที่ Lara ปีนรูปปั้นที่ล้มขึ้นไปด้านบนได้ พวกผู้พิทักษ์ Deathless One ก็เข้ามาโจมตีใส่ Lara ด้วยธนูไฟมากมายทันที ซึ่งทำให้รู้แล้วว่าบรรดาศพที่โดนเผาตายทั้งเป็นมากมายตามทางที่เข้ามาก็เป็นฝืมือของพวก Deathless One นั่นเอง จากนั้นก็หนีตายเอาตัวรอดไปตามทางจน Lara ตกลงไปที่ธารน้ำใต้ดินแต่อย่างน้อยเธอก็ยังรอดมาได้พร้อม Atlas

ในขณะที่ปลอดภัยแล้ว Jacob จะติดต่อมาให้เอา Atlas มาให้เขาที่หอดูดาวบนยอดน้ำตกที่ Geothermal Valley เพื่อเปิดดูแผนที่ พร้อมกับข่าวดีจาก Jonah ที่ติดต่อมาหลังจาก Jacob ว่าตอนนี้เขาปลอดภัยแล้วเพราะได้การช่วยเหลือจากคนของ Jacob และ Sofia และหลังจากนั้นเมื่อเดินทางออกมาตามทางก็จะออกมาที่พื้นที่ด้านบนของภูเขาน้ำตกใน Geothermal Valley อีกครั้ง จากนั้นก็เข้าไปที่จุดหมายที่หอดูดาวบนยอดน้ำตกซึ่งจะพบ Jonah รออยู่

**เมื่อ Geothermal Valley อีกครั้งพร้อมอุปกรณ์ใหม่อย่าง เครื่องช่วยหายใจใต้น้ำและขวานติดเชือกแล้ว ก็จะสามารถผ่านเข้า Challenge Tomb – The Pit of Judgment และ Bath of Kitzh ของที่นี่ได้แล้ว เพื่อเคลียร์ Optional mission Ancient Secret (ในกรณีที่ที่ผ่านมาคุณค้นหา Challenge Tomb ครบ 9 แห่งแล้ว) **


                                          -The Gathering- 


Lara และ Jonah ได้พบกันอีกครั้งในสภาพครบ 32 และยังไม่ตายก่อนที่ Sofia จะพาเข้าไปหา Jacob ที่ด้านในหอดูดาว ทุกคนไม่รอช้าที่จะเอา Atlas ใส่ไปในช่องนำแสงก่อนจะใช้แสงจากหลังคาหอดูดาวเป็นตัวแสดงภาพที่อยู่ด้านในออกมา 




ซึ่งเป็นภาพของแผนผังขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเมืองทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ และจากการตีความของ Lara ด้วยข้อมูลทั้งหมดที่มี ทำให้เธอรู้ว่า เมืองโบราณ Kitezh นั้นไม่ได้อยู่ใต้ทะเลสาบเหมือนอย่างที่เธอเข้าใจ แต่มันฝังตัวอยู่ใต้ธารน้ำแข็งที่เป็นภูเขาขนาดใหญ่ของที่นี่นั่นเอง และในขณะที่ Lara กำลังดูแผนที่จากสิ่งที่ตั้งของสถานที่ต่างๆ แล้วทำให้เธอรู้ว่าทางข้าวของ เมืองโบราณ Kitezh นั้นอยู่ตรงหน้าเธอมาตลอดซึ่งก็แปลว่า “Divine Source” ก็ต้องอยู่ที่นั่นด้วย และ Jacob เองก็รู้มาตลอดว่ามันอยู่ที่ไหน ในขณะที่เรื่องราวกำลังเปิดเผยออกมา ทหารของ Trinity ก็บุกเข้ามาเสียก่อน หลังคาที่ถล่มลงมาทำให้ Lara กระเด็นไปนอกหน้าต่าง ในขณะที่พวก Trinity กำลังจะเข้าไปฆ่าเธอ Jonah หลังจากรีบไปคว้า Atlas เอาไว้ได้ก็เข้าไปช่วยเธอไว้ได้ทันพอดี แต่โชคร้ายที่ Jonah และ Atlas ถูกทหาร Trinity ชิงตัวแล้วหนีไปได้สำเร็จ



Jacob – ลาร่า พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ไม่นานพวก Trinity มันต้องหาที่ซ่อนของ “Divine Source” ได้แน่นอน
Lara – แต่ชั้นต้องไปช่วย Jonah ก่อน 
Jacob – เธอมานี่ก็เพื่อจะหาความจริงไม่ใช่หรอ โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ 
Lara – แต่ที่ Jonah ต้องเสี่ยงอันตรายนั้นก็เพราะชั้น และชั้นจะไม่ยอมเสียเขาอีกแล้ว
Jacob – งั้นไป ทำในสิ่งที่ต้องทำซะก่อน


Lara เดินทางกลับมายังพื้นที่ Soviet Installation อีกครั้งเพราะคาดเดาว่าถ้าพวก Trinity ต้องการจะเปิดการทำงานของ Atlas คงไม่มีที่ไหนเหมาะกว่าที่ห้องทดลองเก่าของพวกทหารโซเวียตในค่าย Copper Mill แน่นอน ซึ่งถ้า Jonah ยังไม่ตายเขาก็น่าจะถูกจับมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน ทันทีที่มาถึงแค้มป์ไฟที่ Copper Mill Bridge Sofia จะติดต่อมาว่าเธอได้ซ่อนอาวุธเอาไว้ที่นี่ตั้งแต่ตอนที่พวก Trinity โจมตีครั้งแรก ซึ่งเธอจะให้ Lara เอาไปใช้ประโยชน์ได้  

เปิดกล่องไอเทมใกล้แค้มป์ไฟจะพบ Broadhead Climbing Arrow อยู่ ซึ่งลูกธนูนี้จะสามารถยิงแล้วยึดติดกับกำแพงที่เป็นแผ่นไม้ได้ ด้วยการกด LT และ RT ค้างจะยิงธนูไปติดพนังทำให้สามารถโดดเกาะธนูเป็นที่เกาะที่ยืนบนกำแพงได้ และสามารถโดดแล้วกด Y เพื่อใช้ลูกธนูยึดกำแพงเพื่อใช้ในการยืนบนกำแพงต่อๆไปได้ด้วย 

-ใช้ธนูยิงพนังไม้แล้วปีนขึ้นไปบนเนินด้านบนแล้วโหนเชือกสลิงลงมาที่แถวๆกระท่อมขายไอเทม ซึ่งกำแพงหน้าผาที่อยู่ทางขวาของกระท่อมขายของจะมีแผ่นไม้ให้ใช้ธนูยิงเกาะขึ้นไปต่อ เข้าไปตามทางของภูเขาหิมะจน Lara ต้องหยุดพักเหนื่อยที่หน้าถ้ำ

ตอนที่ Lara เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า เธอก็ฝันถึงวันนึงที่เธอเอ่ยคำปฏิญาณต่อหน้าหลุมศพของพ่อ ด้วยความสำนึกผิดที่ก่อนหน้านี้ในวัยเด็กเธอไม่เคยเข้าใจและดูถูกในสิ่งที่พ่อค้นคว้าว่าเป็นเรื่องที่เหลวไหลมาตลอดไม่ต่างกับคนรอบตัวของพ่อ จนเมื่อโตขึ้นและหลังจากค้นคว้าในสิ่งที่พ่อเก็บเอาไว้ทำให้ Lara รู้ว่า สิ่งที่พ่อตามหาไม่ใช่นิทานหลอกเด็ก แต่มันเป็นความจริงมาตลอด 



Lara – สิ่งที่หนูจะทำได้หลังจากนี้ไม่รู้ว่าพ่อจะยังต้องการมันอีกมั๊ย แต่หนูจะทำทุกอย่างที่ให้โลกรับรู้ว่าสิ่งที่พ่อทำมานั้นเป็นความจริง หนูจะทำมันให้ถูกต้อง พ่อ หนูสัญญา ....  



                                          -Tracking Down Trinity -


สถานวิจัยของทหารโซเวียต (Research Base)


Ana – “Divine Source” ซ่อนอยู่ใจกลางเมืองโบราณ Kitezh นั่นเอง มันซ่อนอยู่ในน้ำแข็งมาตลอด 
Konstantin – และถึงเวลาที่มันจะออกมาจากที่นั่นแล้ว พี่ส่งทีมขุดค้นไปแล้ว
 Ana – แล้วคนของเราจะต้านพวกผู้พิทักษ์ Deathless One ยังไง มันไม่ง่ายหรอกนะพี่ 
Konstantin – เส้นทางศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่เคยง่ายหรอก 
Ana – คนของเรา พวกเขาจะรู้มั๊ยว่าต้องเจอกับอะไรในนั้น
Konstantin – ไม่รู้ แต่พวกเขาจะเต็มใจสู้และตายที่นั่นเพื่อเรา เป็นทั้งหมดที่เราต้องการ
Ana – งั้นเราก็ใกล้ถึงจุดหมายแล้วสินะ 
Konstantin – เรากำลังเริ่มต้นต่างหาก 
Ana – ชั้นกลัวว่าพวกระดับสูงใน Trinity จะหลอกใช้เราน่ะสิ จะเป็นยังไงถ้าพวกเขายึดเอา “Divine Source” ที่เราหาได้ไป
Konstantin – มีศรัทธาหน่อยสิ  พี่ไม่สนว่า Trinity คิดยังไงแต่ “Divine Source” ต้องเป็นของพี่เท่านั้น พี่จะเป็นผู้นำกองกำลังทหารอมตะ ส่วนน้องก็ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ! 

-หลังจากตื่นมาจากฝัน เดินผ่านถ้ำเข้าไปด้านในต่อจนทะลุเข้ามาที่พื้นที่ Research Base และเริ่มเห็นสถานวิจัยของทหารโซเวียตที่อยู่บนภูเขาหิมะ ที่ด้านหน้าของสถานวิจัยนั้นมีทหาร Trinity ลาดตระเวนอยู่มากมาย ลอบจัดการพวกมันให้หมด ที่นี่มีรถแก็สที่ต้องระเบิดเพื่อเก็บ Challenge ด้วย และหลังจากขึ้นไปจนถึงด้านบนสถานวิจับสำเร็จ Lara ก็จะพบ Atlas ถูกเปิดทิ้งไว้นั่นแปลว่าพวก Trinity รู้ที่ซ่อนของ “Divine Source” แล้ว และเมื่อดูที่จอมอนิเตอร์ก็จะพบ Jonah ถูกทรมานอยู่ในคุกไม่ไกลจากที่นี่ Lara จึงต้องรีบไปช่วยเขาทันที
-โหนตัวจากเชือกสลิงลงมาด้านล่างแล้วเกาะโหนเข้าไปตามทางเป้าหมาย จนถึงที่ที่ Jonah ถูกขังอยู่ ซึ่ง Lara จะเห็น Konstantin กำลังซ้อม Jonah อยู่แต่เธอไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เพราะห้องเป็นกระจกกันกระสุน โชคดีที่ Jonah ฉวยโอกาสแย่งปืนมาจาก Konstantin ได้สำเร็จแต่โชคร้ายที่เขาใจอ่อนไม่ยอมยิงมันจนมันโต้กลับด้วยการแทงเข้าที่ท้องก่อนมันจะหนีไป Lara เข้าไปดูอาการ Jonah ได้ไม่เท่าไหร่ พวกทหารของ Trinity มากมายก็เริ่มบุกเข้ามาเสียก่อน ทำให้ Lara ต้องออกไปต้านการโจมตีของพวกมันเพื่อปกป้อง Jonah ที่บาดเจ็บ
-เตรียมตัวที่จุดแค้มป์ไฟ Soviet Facility แล้วเข้าไปลุยกับพวกทหารTrinity มากมายที่บุกเข้ามาให้หมด แล้ว Lara จะรีบกลับไปดูอาการของ Jonah ต่อ ซึ่งดูเหมือน Jonah จะกำลังจะตาย แต่โชคดีที่คนของ Jacob มาถึงแล้วบอกว่า Jacob มีทางช่วยชีวิตเขาได้ แต่ต้องพาเขาไปรักษาที่หอดูดาวบนยอดเขาน้ำตก


Lara พา Jacob ที่บาดเจ็บสาหัสกลับมาที่ Geothermal Valley อีกครั้งเพื่อเข้าไปหา Jacob หอดูดาวบนยอดเขาน้ำตกให้ช่วยรักษา Jonah สุดท้าย Jacob ใช้ยาสมุนไพรบางอย่างและคาถาแปลกจนสามารถรักษาแผลที่สาหัสของ Jonah หายเป็นปกติอีกครั้ง 


Lara – เดี๋ยว Jacob คุณเคยเป็นหนึ่งใน Deathless One ผู้พิทักษ์ของผู้พยากรณ์ใช่หรือเปล่า?
Jacob – ผมยังรู้สึกเจ็บปวด ผมแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ต้องมารับรู้เรื่องจุดจบของมนุษย์ชาติ 
Lara – แล้ว “Divine Source” ล่ะ ? 
Jacob – แค่ของบางอย่างที่ผมพบนานมาแล้ว มันมีจริงและทรงพลังอำนาจมาก แต่ไม่ใช่คำพยากรณ์อะไรหรอก 
Lara – แล้วคุณก็โกหกคนของคุณมาตั้งหลายรุ่นเนี้ยนะ 
Jacob – เป็นเรื่องที่ผมไม่ภูมิใจกับมันหรอกนะ แต่ต้องทำเพราะปกป้องพวกเขา ครั้งนึงผมเคยใช้พลังนั่นทำให้ทหารของผมมีชีวิตที่ยืนยาว แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก 
Lara – พวกกองทัพ Deathless One มากมายที่วิหารใต้ดินนั่นใช่มั๊ย ชั้นเจอมาแล้วละ 
Jacob – เมื่อศัตรูบุกรุกเข้าไปที่เมือง Kitezh พวก Deathless One มากมายจะออกมาจากน้ำแข็งเพื่อปกป้องเมืองทันที ตายกันเป็นเบือมาตลอด แล้วคิดดูว่าถ้า Trinity ได้ไปจะเป็นยังไง มันเป็นพลังที่ชั่วร้ายมาก ไม่นานพวกมันก็จะกลายเป็นสัตว์ร้ายกันหมด 
Lara – แต่คุณต่างจากพวกมันนี่ คุณปกป้องคนของคุณมาตลอดตั้งแต่ชั้นเจอคุณ 
Jacob – คุณเคยเห็นผมในทุกอย่างที่ผมทำแล้วหรอ ? ไม่เห็นหรอว่าผมทำอะไรลงไป แต่ยังไงก็เถอะมันกำลังจะถึงจุดจบในไม่ช้านี้แน่นอน 
Sofia – พ่อ พวก Trinity มันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว 
Jacob – มันคงเตรียมที่จะขุดภูเขาน้ำแข็งกันแล้ว 
Lara – ชั้นจะหยุดพวกมันเอง Jacob คุณจำได้มั๊ยว่าแผนที่มันแสดงให้เห็นทางเข้าลับไปที่เมืองโบราณด้วย 
Jacob – มันเป็นเส้นทางของพวก Deathless มันอันตรายมาก 
Lara – คุณก็รู้หลายวันมานี่ชั้นวิ่งสู้ฟัดตลอด ชั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกน่า 
Jacob – ตกลง งั้นพวกผมจะเปิดฉากโจมตีมันบนภูเขาน้ำแข็งเผื่อจะซื้อเวลาให้คุณเข้าไปถึงเมือง Kitezh ได้ก่อนพวกมัน เอาละผมจะเปิดทางลับให้ ผมคงช่วยได้เท่านี้นะ ลาร่า 


                                        -Path of the Deathless-

-เข้าไปด้านในทางลับที่ Jacob เปิดให้ ปีนป่ายไปตามทางจนถึงทางเข้าซากเมืองโบราณส่วนล่าง ผ่านจุดแค้มป์ไฟ Solemn Creases เข้าไปตามทางจนถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีลูกโลกห้อยอยู่บนเชือกโมบายกลางห้อง ที่ต้องทำคือปีนขึ้นไปที่ชั้นบนของที่นี่
-เริ่มจากดันสะพานที่เป็นตัวล็อกตรงหน้าให้หดเข้ามาก่อน แล้วใช้ขวานโหนข้ามไปที่ตัวล็อกอีกฝั่งดันสะพานกลับเข้ามาจะทำให้โมบายเริ่มหมุน จากนั้นโหนกลับไปพื้นที่ตรงกลางแกนหมุนอีกครั้ง รอจังหวะให้โมบายที่เป็นแผ่นไม้หันเข้ามาใกล้โดดเกาะขึ้นไปด้านบนแล้วรอให้โมบายที่เป็นคานไม้หมุนมาใกล้ โดดเกาะคานไม้ไว้ มองใต้เท้าไว้รอให้แผ่นไม้หมุนเข้ามาใต้เท้า Lara จะตะโกนบอกว่า Now ก็ทิ้งตัวลงไปบนไม้ได้ แล้วรอให้โมบายแผ่นไม้ 2 อันหมุนมาใกล้โดดเกาะขึ้นไปด้านบน ที่เหลือก็โดดเกาะไปที่แกนกลางด้านบนเพื่อไต่ขึ้นไปด้านบนสุดได้เลย เข้าไปเก็บ Ancient Ability ด้านในเป็น Classically Trained Skill ที่เพิ่มจำนวนลูกธนูให้มากขึ้นและยิงได้เร็วมากขึ้นแม้ขณะอยู่บนกิ่งไม้ 



-ได้ Skill แล้วใช้ธนูเกาะพนังขึ้นไปตามทางต่อจนเข้ามาที่เมืองโบราณส่วนกลาง ระหว่างที่ปีนขึ้นไปจะพบ Deathless มากมายที่เตรียมกำลังพลอยู่ที่นี่ เกาะผ่านธารน้ำแข็งไปทางฝั่งซ้ายเรื่อยๆก็จะถึงฝั่งและพบจุดแค้มป์ไฟ Hall of Guardian อยู่ ไต่ไปตามทางต่อจนถึงจุดแค้มป์ไฟ Icy Bluff จากนั้นโหนสลิงเข้าไปเกาะกำแพงเมืองขนาดใหญ่ ระหว่างที่ไต่กำแพงไปด้านบนจะมีพวก Deathless ตัวนึงเข้ามาพบเข้า Lara จะแทงมันจนตายก่อนที่พวกที่เหลือจะบุกเข้ามาเปิดฉากต่อไปสู้ทันที จัดการพวก Deathless ที่บุกเข้ามาให้หมดแล้วเข้าไปด้านในกำแพงเมืองต่อ ปีนป่ายขึ้นไปตามทางจนถึงทางเข้าช่องธารน้ำแข็งต่อตามทาง Lara ก็จะพลัดตกลงมาจากซากหลังคาที่พุพัง เดินไปตามธารน้ำแข็งตามทางก็จะเข้ามาถึงเมืองโบราณ Kitezh แล้ว


                                                   The Lost City 


Challenge
Vandal – ทำลายรูปปั้นในพื้นที่ให้หมด 8 ตัว
For Whom the bell – ตัดเชือกระฆัง 5 ใบ
Banner War – ทำลายธงสงคราม 8 อัน
Burn Baby Burn – ใช้เครื่องยิงลูกไฟยิงไฟที่กองไฟสัญญาณ 5 จุด





                                   Challenge Tomb – Chamber of Exorcism

ทางเข้านั้นอยู่ที่มุมขวาบนของแผนที่ ซึ่งเป็น Challenge Tomb แห่งที่ 9 ที่เป็นอันสุดท้ายของเกมด้วย ผ่านเข้าไปด้านในจนถึงจุดแค้มป์ Geothermal Cavern เข้าไปตามทางต่อจนถึงห้องโถงใหญ่ที่มี Ancient Ability อยู่หลังประตูไม้ด้านใน การจะเข้าไปได้ต้องทำลายประตูด้วยการระเบิดมันก่อน
-เริ่มจากลงไปหน้าปล่องแก็สด้านล่าง เมื่อใช้ธนูยิงที่คันโยก 2 อันด้านบนจะทำให้ถังสารเคมี 2 ถังผสมกันทำให้เกิดมีแก็ซพุ่งออกมาและจะทำให้น้ำตรงบ่อตรงกลางลดลงด้วย รีบลงไปตัดโซ่ที่ผูกกรงเหล็กออก แล้วใช้ธนูเชือกหมุนแกนไม้ให้กรงเหล็กไปอยู่ทางซ้ายใกล้ๆประตู จากนั้นใช้ธนูยิงที่คันโยก 2 อันด้านบนให้ถังสารเคมี 2 ถังผสมกันทำให้เกิดมีแก็สพุ่งออกมาอีกครั้ง เดินลงไปหลบในบ่อน้ำที่แห้งก่อนแล้วเงยหน้ายิงธนูไฟใส่แก็สที่ออกมาจนเกิดการระเบิด แรงระเบิดจะไปพัดให้กรงเหล็กไปกระแทกประตูจนพังได้สำเร็จ เข้าไปเก็บ Ancient Ability ด้านในมาได้เลย ซึ่งเป็น Greek fire Skill ที่ทำให้เมื่อ Lara ใช้อาวุธที่เป็นไฟจะกลายเป็นไฟสีฟ้าที่รุนแรงขึ้นและสามารถเผาทำลายศัตรูที่ใส่เกราะได้ด้วย 



** ถ้าใครเก็บ Tomb ต่างๆมาจนหมดตั้งแต่แรกก็จะครบ 9 แห่งแล้ว สามารถกลับไปจบภารกิจย่อย Optional mission – Ancient Secret ที่เคยทำค้างไว้ที่ Geothermal Valley เพื่อรับรางวัลเป็นชุดเกราะสุดเท่ Dark Aegis ได้เลย ** 

-เมื่อเข้ามาถึงเมืองโบราณ Kitezh Lara จะเห็นจุดหมายแรกที่ต้องไปก่อนคือดูที่ประตูใหญ่ตรงกลางแผนที่ซึ่งน่าจะเป็นทางเข้าป้อมด้านในได้ เข้าไปที่จุดเป้าหมายสีเหลืองที่หน้าประตูใหญ่ เมื่อ Lara เข้าไปสำรวจจะถูกโจมตีด้วยเครื่องยิงลูกไฟใส่ทันทีโดยพวก Deathless ซึ่งศัตรูที่นี่จะเต็มไปด้วยพวก Deathless ทั้งหมด ลุยเข้าไปจนถึงแท่นยิงลูกไฟ แล้วใช้มันเล็งไปที่ประตูป้อม โดยใช้ไม้ที่ยื่นออกไปด้านหน้าเป็นตัวเล็ง ปรับทิศทางการยิงด้วยการหมุนแกนอนาล็อก LS และกด RT ค้างจนกว่าเงาของการเล็งสีขาวจะไปทับเป้าหมายก็ปล่อยปุ่มเพื่อยิงลูกไฟไปทำลายประตูใหญ่ตรงกลางได้เลย
-เดินทางมาเข้าประตูป้อมที่พังจะพบจุดแค้มป์ไฟ Citadel plaza ด้านใน Lara จะพบพวก Deathless มากมายที่เริ่มบุกเข้ามาและเธอจะเก็บธนูเจาะเกราะ Armor – Piercing Arrow  มาใช้ ซึ่งต้องค้างธนูจนสุดชาร์ทให้เต็มที่ก่อนยิงจึงจะทำลายเกราะของศัตรูได้ จัดการศัตรูให้หมด แล้ว Lara ประตูด้านในของป้องอีกบานที่ต้องทำลาย ออกจากโถงกลางทางประตูขวาเพื่อขึ้นไปชั้นบนจะมีที่โหนเชือกสลิงต่อไปจนถึงแท่นยิงลูกไฟอันที่ 2 ที่อยู่แถวนี้ได้
-แต่ทางขึ้นนั้นถูกน้ำแข็งเกาะจนปีนไม่ได้ ใช้ธนูเชือกดึงแกนไม้ให้หมุนเอาโถที่ห้อยอยู่มาใกล้พนังน้ำแข็งแล้วโดดเกาะโหนไปที่โถจะทำให้มันเหวี่ยงไปทำลายกำแพงน้ำแข็งจนแตกได้ ปีนขึ้นไปที่เครื่องยิงลูกไฟ เมื่อลองเข้ายิงดูแล้วจะพบว่ามีแผ่นไม้กั้นไกปืนอยู่จึงยิงไม่ได้ ใกล้จะมีเสาไม้เชือกอยู่ โดดข้ามไปแล้วใช้ธนูเชือกโยงระหว่างเสากับแผ่นไม้ที่แท่นยิงแล้วเข้าไปลองหมุนเครื่องยิงดูแผ่นไม้ก็จะถูกดึงหลุดออกได้แล้ว จากนั้นก็ยิงลูกไฟไปที่ประตูได้เลย แต่ประตูยังไม่พังหมดและพวกศัตรูก็ดันใช้เครื่องยิงลูกไฟอีกที่ยิงมาถล่มเครื่องที่ Lara ใช้อยู่จนพัง


-โหนเกาะลุยเข้าไปจนถึงเครื่องยิงลูกไฟที่ศัตรูยิงมา จัดการศัตรูให้หมดแล้วขึ้นไปลองยิงดูจะพบว่าเครื่องนี้ก็ถูกน้ำแข็งเกาะจนยิงไม่ได้อีกแล้ว สังเกตดูใกล้ๆจะมีแกนไม้ที่มีโถผูกห้อยอยู่ที่ปลายไม้ โดดข้ามไปอีกฝั่งของปลายไม้จะพบตะกร้าอยู่ ใช้ธนูเชือกยิงเชื่อมระหว่างตะกร้ากับปลายไม้อีกข้างซะ จากนั้นหมุนแกนไม้ด้วยธนูเชือกให้ตะกร้าห้อยลงมา ยิงธนูเชือกไปที่คันโยกขอบตะกร้าเพื่อปิดก้นของมันก่อนแล้วหมุนให้ตะกร้าไปรองน้ำที่น้ำตกทางซ้ายให้น้ำเต็ม จะทำให้ปลายของตะกร้าที่มีน้ำหนักมากกว่าต่ำกว่าปลายข้างที่มีโถห้อย จากนั้นหมุนให้ปลายที่มีโถไปใกล้ๆเครื่องยิงลูกไฟ แล้วใช้ธนูเชือกยิงสับคันโยกที่ตะกร้าปล่อยน้ำออกมาจนกว่า 2 ปลายจะน้ำหนักเท่ากันแล้วค่อยยิงสับคันโยกปิดก้นตะกร้า แล้วโดดไปโหนโถปลายไม้ไปกระแทกน้ำแข็งที่เกาะที่เครื่องยิงให้แตกออกได้เลย
 -ในขณะที่กำลังจะยิงลูกไฟไปที่ประตูพวก Deathless ที่อยู่รอบๆเมืองก็ยิงธนูโจมตตีเข้ามามากมาย จนต้องใช้เครื่องยิงลูกไฟถล่มมันให้หมดทุกจุด จากนั้นก็ยิงไปที่ประตูชั้นในของป้อมเพื่อทำลายมันซะ แล้วมุ่งหน้าลุยเข้าไปที่ประตูนั้นได้เลย
-เมื่อเข้าประตูในมาได้ก็จะพบ เฮลิคอปเตอร์ของพวก Trinity กำลังเปิดฉากโจมตีอยู่ด้านบน ปีนป่ายขึ้นไปตามทางเรื่อยๆจนถึงด้านบนสุดของกำแพงป้อมปราการ Lara จะพบว่าที่นี่เกิดการต่อสู้จนวุ่นวายไปหมดจากทั้ง 3 ฝ่าย คือ Trinity ผู้บุกรุก คนของ Jacob ที่คอยปกป้องที่นี่ และ เหล่า Deathless ผู้พิทักษ์ที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างที่บุกเข้ามาที่เมืองนี้ ทันทีที่ Lara สังเกตเห็น Ana วิ่งเข้าไปที่ประตูป้อมด้านบนสุดเธอจึงรีบตามไปทันที จากนั้นก็ลุยพวกศัตรูที่มีทั้งพวก Deathless และทหารของ Trinity มากมายตามทางเดินไปจนสุดทางจะพบจุดแค้มป์ไฟ Final Precipice ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของเกม ถ้ามีอะไรที่ต้องเก็บหรือต้องทำก่อนจะจบเกมก็ย้อนกลับไปทำก่อนได้เลย จากนั้นค่อยโดดเกาะขึ้นไปที่ดาดฟ้าของป้อมต่อ



-ที่ดาดฟ้าของป้อง Lara จะเจอกับ Konstantin ที่ขับเฮลิคอปเตอร์เข้ามาโจมตี ทางฝ่าย Sofia และคนของเธอที่คอยยิงเครื่องยิงลูกไฟสนับสนุนให้พยายามจะยิงลูกไฟมาช่วย แต่ดูเหมือนเฮลิคอปเตอร์จะเร็วเกินจนยิงไม่โดน Lara จึงคิดแผนได้ว่าให้เมื่อเธอกด X ให้สัญญาณก็ให้ Sofa ยิงลูกไฟมาด้านบนของเฮลิคอปเตอร์แล้วเธอจะจัดการยิงลูกไฟให้ระเบิดใส่มันเอง จากนั้นก็ทำตามที่ว่า ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วก็กด X ให้ Sofia ยิงลูกไฟมาได้ แล้วยิงที่ลูกไฟตอนมันลอยมาใกล้เฮลิคอปเตอร์แรงระเบิดและไฟจะตกใส่เฮลิคอปเตอร์ทำให้เกิดความเสียหายกับมันได้แล้ว ที่เหลือก็ต้องเอาตัวรอดกับเฮลิคอปเตอร์ที่สลับการเข้าโจมตีกับพวกทหาร Trinity จนสามารถทำลายเฮลิคอปเตอร์จนตกไปได้



-แรงระเบิดทำให้พื้นบนดาดฟ้าถล่มจนทำให้ Lara ตกลงไปที่ด้านในป้อม ท่ามกลางพวก Deathless มากมายที่ออกไล่ล่าไปทั่ว ตอนนี้สามารถลอบฆ่ามันได้โดยใช้ความมืดของฝุ่นในห้องแต่ทันทีที่ศัตรูรู้ตัวทุกตัวก็จะเปิดฉากโจมตีแหลกทันที จัดการพวก Deathless ให้หมดแล้ว Lara จะพยายามหนีออกจากที่นี่ แต่ Konstantin ที่รอดชีวิตจากซากเฮลิคอปเตอร์จะออกมาลอบโจมตีและแย่งอาวุธของ Lara ไปจนหมด การจัดการกับ Konstantin นั้นช่วงแรกสามารถโดดแทงจากบนเสาหินได้แต่พอมันโดนแทงมันจะยิงทำลายเสาหินจนหมด จากนี้ก็เหลือแค่การลอบแทงหรือขวางระเบิดใส่ในการจัดการ Konstantin เท่านั้น



Konstantin – นี่ไม่ใช่ชะตาที่ข้าลิขิตไว้ ข้าเคยคิดไว้ที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้ !!
Lara – ทั้งหมดมันไม่ใช่ชะตาที่คุณลิขิตไว้หรอก น้องสาวคุณพยายามทำให้คุณเชื่อแบบนั้นต่างหาก 
Konstantin – ทั้งหมดนี่ ข้าเป็นคนทำมันหมดทุกอย่าง ก็เพื่อน้องสาวข้า อย่าเดินหนีข้าแบบนี้ เดี๋ยวก่อน Trinity ต่างหากที่ฆ่าพ่อของเธอ!  พ่อเธอได้ร้องขอชีวิต แต่ไม่สำเร็จ ร้องขอชีวิตนั่นก็เพราะเธอไง น่าเวทนา ก่อนตายมันคงคิดถึงแต่เธอ แต่เธอก็คิดว่าพ่อทิ้งเธอไปจนทำให้เธอผิดหวัง ตลกสิ้นดี
Lara – หุบปากกกก !!!! ตายซะไอ้ชาติชั่ว !!

Lara มุ่งหน้าเข้าไปยัง Chamber of Soul ที่อยู่ยอดสุดของป้อมด้านในจะพบ Ana กำลังอุ้ม“Divine Source” เอาไว้ท่ามกลางความโดดเดี่ยวกังวลและสิ้นหวัง 



Lara – Ana หยุดนะพอได้แล้วคนของเธอตายหมดแล้ว พี่ชายก็เธอก็ตายไปแล้วเหมือนกัน ทุกอย่างจบแล้ว นั่นแหละสิ่งทีพวก Trinity ต้องการให้เป็นแต่แรก ความตายไง ก่อนที่มันจะพรากทุกอย่างที่เรามีไปเป็นของมัน ยอมซะเถอะน่า Ana
Ana – ไม่ !! ….. ชั้นยอมทำทุกอย่างก็เพื่อสิ่งนี้ ไม่ได้สนใจทำเพื่อ Trinity แต่แรกแล้ว แล้วพ่อเธอละ ? ชะตาขาด และกลายเป็นตัวตลกในประวัติศาสตร์  ก็เพราะไม่ยอมปล่อยเจ้าสิ่งนี้ไปไม่ใช่รึไง 
Lara – ชั้นคิดว่ามันคือการเสียสละมากกว่า แต่สำหรับเธอชั้นยอมให้เธอเอามันไปไม่ได้ 
Ana – คิดถึงคนหลายล้านคนที่กำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคร้ายและความตายสิ เราช่วยพวกเขาได้ เราเปลี่ยนโลกได้ ด้วยกัน
Lara – แต่ต้นทุกที่ต้องเสียมันสูงเกินไปนะ คนเราไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ตลอดไปหรอก ความตายมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราเหมือนกัน 
Ana – เธอก็พูดง่ายสิ เธอไม่ใช่คนที่กำลังจะตายนี่ 
Lara – ยังไงซะ พลังของสิ่งนั้นมันก็ไม่ใช่สำหรับคุณ มันเกี่ยวกับเรื่องความหมายในการมีชีวิตของมนุษย์ชาติ 
ทหาร – ท่านครับพวกมันมากันเยอะมาก เราต้านไม่ไหวแล้ว อ๊ากกก !! -----  ปัง !! ------ 
Lara – Jacob ระวัง !!



Jacob – อ๊ากก !!  สิ่งนั้นมันไม่ได้มีความหมายต่อมนุษย์ชาติหรือโลกนี้หรอก 
Ana – โอกาสสุดท้ายแล้วนะ กับทั้งหมดที่ชั้นทำมาและทั้งหมดที่เธอทำมา คนในตระกูล Croft ไม่จำเป็นต้องมาตายเพราะเรื่องนี้อีกคนหรอกน่า 
Lara – แต่ชั้นไม่คิดงั้นนะ ดูข้างหลังเธอสิ !
Ana – ไอ้พวกปีศาจ .... ได้โปรด ชั้นกำลังจะตาย นี่เป็นความหวังเดียวของชั้น งั้นชั้นคงต้องลองใช้มันตอนนี้แล้ว !! 
Lara – Ana อย่า !!  
Ana – อ๊ากกก !!
Jacob – เอาเลย Lara ทำลายมันซะ !!
Lara – ขอโทษนะคะพ่อ 
Ana – ไม่ ... อย่า !!! 

ทันทีที่ Lara ตัดสินใจทำลาย“Divine Source” จนแตกละเอียด วิญญาณมากมายที่ถูกกักเก็บไว้ก็เป็นอิสระและทำให้เหล่า Deathless ที่เป็นเสมือนซากชีวิตที่คอยปกป้อง “Divine Source” ก็แตกสลายตามไปด้วยจนหมด ไม่เว้นแม้แต่กับ Jacob ที่ก็เป็นหนึ่งใน Deathless เช่นกัน 


Lara – Jacob อดทนไว้นะ 
Jacob – ฮ่าๆ ชั้นทนมานานเกินจะทนแล้ว Lara 
Lara – คุณรู้ใช่มั๊ยว่าชั้นตั้งใจจะทำลายมันน่ะ
Jacob – หลายๆปีที่ผ่านมาผมอยากจะทำแบบที่เธอทำมาตลอด ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจนได้ ฮ่าๆๆ จุดจบของผมที่รอคอยมานาน 
Lara – ชั้นขอโทษ ทั้งหมดที่ทำไปก็แค่อยากให้มันเป็นทางเลือกที่ดีที่แตกต่างไป
Jacob – คุณทำมันเรียบร้อยแล้วไง .. คุณทำมันไปแล้ว ... ลาก่อน ...



                                                  ที่ คฤหาสน์ Croft 




Richard Croft – ลาร่า ลูกรัก พ่อคิดอยู่เสมอว่าจะเป็นยังไงถ้าพ่อของพ่อลุกขึ้นมาจากหลุมศพ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แล้วรู้ว่านำความอับอายมาสู่ชื่อเสียงของตระกูลเรา “Croft” ลูกรู้มั๊ยว่ามันหมายความว่าอะไร ? พ่อหวังไว้เสมอว่าลูกจะหาจุดหมายของตัวเองในที่ซักแห่งบนโลกนี้ในซักวัน ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็จงอย่าลืมว่า สิ่งที่เราทำลงไปเป็นสิ่งพิเศษที่ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆก็ทำได้ จำไว้แค่นั้นก็พอ



Jonah – เธอทำลาย “Divine Source” นั่นไปเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
Lara – ชั้นยังรู้สึกเหมือนว่าทำให้พ่อผิดหวังอยู่เลย
Jonah – แต่ชั้นคิดว่าถ้าเป็นพ่อเธออยู่ที่นั่นเขาก็คงเลือกทำเหมือนเธอนั่นแหละ ไปเหอะ เดี๋ยวจะตกเครื่อง 





Lara - ชั้นฟังเทปสุดท้ายของพ่อเป็นพันๆครั้ง แต่ทุกครั้งที่ฟังมันอีกครั้งก็เหมือนฟังมันครั้งแรกเสมอ จริงๆแล้วมันไม่สำคัญหรอกว่าพ่อจะเลือกที่จะทำอะไรไว้ เพราะชั้นสามารถเลือกทางเดินของชั้นเองได้ ตำนานของเมืองโบราณ Kitezh เป็นความจริง ปริศนามากมายที่มันเก็บรักษาไว้สามารถเปลี่ยนโลกได้ ชั้นจะค้นหามันให้เจอ แต่ไม่ใช่เพื่อพ่อ หรือเพื่อใครทั้งนั้น พวก Trinity ยังอยู่ข้างนอกนั่น มันทรงพลังอำนาจเกินกว่าที่ชั้นคิดเอาไว้เยอะ ชั้นจะหยุดพวกมัน ด้วยหนทางที่ต่างไปจากคนอื่น ชั้นจะสร้างความแตกต่างที่ดีกว่า ด้วยตัวชั้นเอง .... 



                                                    ก่อนหน้านี้ ........ 




Lara – ที่เธอพูดว่า Croft อีกคนไม่จำเป็นต้องมาตายเพราะเรื่องนี้ มันหมายความว่าไง ? เธอเป็นคนฆ่าพ่อชั้นใช่มั๊ย ! 
Ana – Trinity ออกคำสั่งมาให้กำจัดเขา แต่ชั้นทำไม่ได้ เพราะชั้นรักเขา
Lara – โกหก !! 
-------- ปัง !!! ----------
Lara – Ana ไม่ !!!



.   ... เป้าหมายถูกกำจัดแล้วครับ
   .... ดีมาก 
  ....  แล้ว Croft ล่ะ ?
.  ..... ยังก่อน ... ยังไม่ใช่ตอนนี้ !



------------------------------------------ THE END -------------------------------------------