วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

Assassin’s Creed Unity Dead Kings [DLC]

             
 


                                   บทสรุป  Assassin’s Creed Unity Dead Kings

BY  Decibel per - oxide



 


27 กรกฎาคม 1794.. ยุคสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว (la Terreur) ที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอำนาจทางการเมืองอันเกิดจากการยั่วยุของพวกหัวรุนแรงหลังจบการปฏิวัติเพียงเพื่อหมายจะเอาคืนจบลง ซึ่งทำให้ผู้สนับสนุนพวกหัวรุนแรงหลายคนถูกประหารชีวิตร่วมทั้งผู้นำจอมโฉด Le Peletier ไปพร้อมๆกองซากศพของผู้บริสุทธิมากมายภายใต้ควันจางๆของการปฏิวัติฝรั่งเศส  






                                                              SEQUENCE 13

Memory 1 – BURIED WORD

3 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1794  .... FRANCIADE





เกือบ 2 เดือนจากเหตุการณ์วุ่นวายในปารีส Arno Dorian ยังคงอยู่ในปารีสกับเป้าหมายบางอย่างที่เหลืออยู่ เขากำลังเดินปะปนกับฝูงชนบนถนนในย่าน Cemetery FRANCIADE จนถึงเป้าหมายคือบาร์แห่งหนึ่ง พร้อมๆกับเสียงของ Bishop ที่แสดงถึงความกังวลในสิ่งผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นใน Helix Sever ผ่านเครื่อง Animus 





ในบาร์ Arno เข้ามาพบกับ Marquis de Sade ที่ส่งข้อความมาถึงเขาเพื่อให้มาเจอที่นี่ในขณะที่ Arno กำลังหาตัวช่วยในการหาทางหนีออกจากฝรั่งเศสอยู่พอดี  แน่นอนว่าระดับ Marquis นั้นสามารถหาช่องทางให้ Arno หนีออกทางเรือจาก Marseilles ที่กำลังจะมุ่งหน้าไปที่อียิปต์ที่จะออกเดินทางในอีก 4 วันข้างหน้าได้ไม่ยากตามที่เขาได้คุยเอาไว้ แต่เงื่อนไขที่ทำให้ Arno ไม่สามารถจากไปได้ง่ายๆก็คือ เอกสารสำคัญ ที่ Marquis อ้างว่ามันรู้ตำแหน่งที่ซ่อนจาก Condorcet ที่เป็นผู้ครอบครองเอกสารก่อนที่เขาจะหนีหายสาปสูญไปเพราะถูกตามล่า ซึ่งลายแทงที่ได้มา Marquis เชื่อว่ามันคือ สุสานของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 (Louis IX’s Tomb ) นั่นเอง และทันทีที่ชายคนดูแลบาร์ได้ยินเขาก็รีบออกปากเตือนทันทีว่า เส้นทางลับใต้ดินของพวกราชวงศ์ (Royal Crypt ) นั้นเต็มไปด้วยคำสาปของเหล่าวิญญาณกษัตริย์ แน่นอนว่ามันไม่ทำให้ทั้ง Arno และ Marquis หวาดกลัวอะไรมากไปกว่าความสนใจในสิ่งที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในนั้น  Marquis รีบไล่ให้ คนดูแลบาร์ ให้ไปพ้นๆก่อนที่มันจะชักใบให้เรือเสีย  Marquis ให้เวลา Arno 3 วันเท่านั้นเพื่อหาตำแหน่งของสุสานและเอกสารลับที่เขาต้องให้พบ แลกกับเส้นทางการหลบหนีออกจากฝรั่งเศส

Bishop นั่งดูเหตุการณ์เพื่อประเมินอยู่ซักพัก เธอยังไม่เข้าใจความทรงจำที่ซ่อนอยู่ของ Arno ที่อยู่ก็ดำเนินเรื่องขึ้นมาแถมยังไม่สามารถปิดหรือออกจากระบบของ Helix Sever ได้อีกต่างหาก 

Objective: Find the Royal Crypt 
** Challenges ** 
[ในขณะเดินทาง ห้ามมีการต่อสู้กับศัตรู]
- ออกจากบาร์ผ่านเข้ามาที่ซอยด้านหน้าจะได้ยินเสียงกระซิบว่าเส้นทางลับใต้ดินของพวกราชวงศ์ นั้นซ่อนอยู่ในโบสถ์แห่งหนึ่งในเขต Saint-Denis จากนั้นเดินทางไปยังจุดเป้าหมายสีเขียวในแผนที่ ซึ่งถ้าจะเก็บ Challenges ก็ต้องลอบเข้าไปโดยไม่มีการต่อสู้ด้วย ลอบเข้ามาจนถึงโบสถ์ขนาดใหญ่ที่เป็นจุด View Point ปีนขึ้นไปเปิดแผนที่เสียก่อน ในแผนที่จะเห็นจุดตัวช่วย Distraction Opportunity (ตัวช่วยจากสิ่งก่อกวน) ที่เป็นสัญลักษณ์ ! อยู่ด้านในโบสถ์ เป็นจุดที่สามารถลอบเข้าไปชั้นบนแล้วเล่นออแกนเพื่อล่อทหารด้านในออกมา   และ Assistance Opportunity (ตัวช่วยจากการสนับสนุน) สัญลักษณ์ ! ทางขวาของโบสถ์ ในภาคหลักนั้นการใช้ตัวช่วยพวกนี้ค่อนข้างทำให้การทำภารกิจง่ายขึ้นเยอะ แต่ในภาคเสริมนี้แทบไม่จำเป็นต้องหาตัวช่วยให้ยุ่งยากมากมากนักครับ ซึ่งถ้าไม่ใช่ตัวช่วยทั้ง 2 จุดก็สามารถใช้ระเบิดพลุล่อทหารกลุ่มที่เฝ้าทางเข้าด้านซ้ายเข้าไป  หรือจะใช้ Skill ในการปลอมตัวเดินเข้าไปก็ได้แต่ต้องหาจุดหลบทหารที่อยู่ด้านในโบสถ์ที่ค่อนข้างมีอยู่ไม่น้อยด้วย เป้าหมายคือลอบเข้าไปด้านในโบสถ์บันไดลงชั้นใต้ดินจะอยู่ที่สุดทางเดินด้านในที่เป็นจุดเขียว ก็จะลงมาที่ เส้นทางลับใต้ดินของราชวงศ์ (Royal Crypt) สำเร็จ

Objective: Find the Louis IX’s Tomb
- เปิดประตูเหล็กเข้ามาที่ห้องโถงเก็บพระศพด้านในสำรวจหาตามโลงศพต่างๆให้ทั่ว เป้าหมายคือโลงทางขวาบนของห้อง ในขณะที่ Arno กำลังคิดว่างานนี้มันช่างง่ายดายสิ้นดีเขาก็พบว่า ในโลงไม่มีอะไรพิเศษที่เขากำลังตามหาอยู่เลย  ในขณะที่พวกโจรขโมยสุสานอีกกลุ่มก็กำลังลงมาค้นหาพอดี เท่าที่ Arno แอบเฝ้าดูก็พบว่า พวกมันน่าจะได้รับการว่าจ้างจากเจ้านายที่น่าจะเป็นพวกทหารในการเข้ามาขุดค้นหาสมบัติบางอย่างที่นี่ และ กัปตัน Rose หัวหน้าของพวกมันเองก็หัวเสียเช่นกันที่ไม่พบอะไรที่ตามแผนที่มันได้มา ก่อนที่มันจะส่งลูกน้องผู้โชคร้ายเอาไว้ที่นี่เพื่อให้ค้นหาต่อ ก่อนที่พวกมันจะไป Arno ได้ยินบางอย่างที่มันพูดถึงสิ่งที่มันกำลังค้นหาพวกมันพูดกันถึง ประตูลับของเทมพลาร์ นั่นเอง

Objective: Chase the Militiaman 
- ทันทีที่ทหารผู้โชคร้ายเห็น Arno มันจะวิ่งหนีทันที จากนั้นก็ต้องตามจับทหารที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้ทัน แต่ไม่ต้องกลัวจะไม่ทันเพราะวิ่งๆตามไปเดี๋ยวทหารผู้โชคร้ายมันก็จะวิ่งตกลงไปใต้ที่ชั้นล่างเอง
Arno จะเข้าไปสำรวจที่ศพมันจนพบแผนที่ตำแหน่งของรายชื่อสมบัติทั้งหมดที่ Dom Poirier เป็นคนสั่งให้พวกมันมาขโมยซึ่งสมุดรายชื่อที่ว่านั้นอยู่ที่ ห้องสมุดของสำนักสงฆ์  ซึ่ง Arno ก็มั่นใจว่าหนึ่งในสมบัติทั้งหมดที่ Dom Poirier ขุดมาได้จากสุสานก็น่าจะมี เอกสารสำคัญ ที่เขาตามหาก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย

 


** เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ ตะเกียง ซึ่งเป็นไอเทมใหม่ทีสำคัญในสุสานใต้ดินที่มืดมิดแห่งนี้ กดแกนอนาล็อกซ้าย LS เพื่อใช้ตะเกียง และทุกครั้งที่นำมันใกล้หมดก็สามารถหาเติมได้จากไหใส่น้ำมันตะเกียงตามจุดต่างๆของแผนที่ได้ ซึ่งนอกจากจะให้แสงสว่างในการเดินทางและช่วยไล่พวกสัตว์ต่างๆที่มาบดบังทำให้มองไม่เห็นจุดสำคัญในฉากแล้ว ทำให้ตะเกียงยังมีส่วนในการใช้แก้ปริศนาด้วย ** 

Objective: Find the to Surface 
- จากนั้นใช้ตะเกียงส่องที่พนังซ้ายบนของห้องที่มีแมลงบังอยู่ก็จะเห็นที่ปีนขึ้นไปด้านบนได้ จากนั้นก็เข้าไปตามทางจนถึงจุดเขียวด้านบนของแผนที่ ใช้ตะเกียงจุดกระถางขนาดใหญ่ 2 อันที่หน้าประตู ประตูเหล็กก็จะเปิดออก

Objective: Go to The Abbey 
– เข้าไปในห้องโถงด้านใน ตรงจุดกระโดดด้านบนจะเต็มไปด้วยฝูงค้าวคาวบินก่อกวน เปิดตะเกียงเพื่อนไล่มันไปแล้วโดดข้ามต่อไปจนถึงทางเข้าช่องด้านบน โดดเข้าไปเกาะพนังด้านในแล้วปีนต่อขึ้นไปที่ทางออกด้านบนได้เลย ก็จะออกมาที่บ่อน้ำบาดาลในเขต Basilica ได้อีกครั้ง จากนั้นมุ่งหน้าไปยังจุดเขียวในแผนที่ก็จะถึงที่หมายคือ Abbey of Saint-Denis

Objective: Go to The Library
** Challenges ** 
[จัดการศัตรูจากที่กำบัง 2 คน]
- ลอบเข้าไปในพื้นทีาสวนด้านหน้าเข้าไปที่จุดเขียวด้านซึ่งจะเป็นทางเดินหลักเข้าไปในตัวตึก ด้านในทางเดินเต็มไปด้วยทหารแต่ก็มีเสาขนาดใหญ่และตู้ไม้สำหรับพอซ่อนตัวได้บ้าง เป้าหมายคือโต๊ะด้านในห้องสมุดที่อยู่สุดทาง



ข้อมูลที่ Arno ได้จากสมุดบันทึกของ Dom Poirier ที่อยู่ในลิ้นชักก็คือ รายชื่อของสมบัติที่ขโมยมาได้จากสุสาน หนึ่งในนั้นคือ Condorcet Manuscript มันถูกนำไปเก็บไว้ที่บ้านเก่าสีแดง และชื่อของชายที่ชื่อ Leon เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็หนีออกจากพื้นที่ของศัตรูได้เลย 

- จากนั้นถ้าไม่มีอะไรต้องทำแล้วก็ เดินทางมาที่จุดเครื่องหมาย ! ที่เขต Cemetery Franciade ที่บ้านหลังสีแดงเป้าหมายเพื่อรับเควสหลัก Memory 2 ต่อได้เลย

Memory 2 – THE BOOK THIEF

Arno เข้ามาที่บ้านหลังสีแดงเป้าหมายตามที่ได้ที่อยู่จากบันทึกของ Dom Poirier ซึ่งก็คือบ้านของ Leon ตามที่ระบุเอาไว้ว่าเขาเก็บ Condorcet Manuscript เอาไว้ แต่ชายที่อยู่ในบ้านกลับบอกว่าตอนนี้ Leon ไม่ได้อยู่ที่นี่ และไม่ได้เห็นเขามาหลายวันแล้ว จนหญิงชาวบ้านคนนึงเดินเข้ามาคุยว่า ตั้งแต่ Leon โดนพวกทหารจับลงโทษด้วยการถูกตัดมือโทษฐานขโมยก็ไม่มีเห็นเขาอีกเลย ซึ่งเธอเองก็รู้แค่ว่าเขากำลังจะไปที่กังหันลมตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเธอยังฝากบอกมาดาม Margot ถามถึงแล้วบอกให้เขากลับบ้านเสียที 
Objective: Go to The Windmill 
- จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่จุดเป้าหมายสีเขียวในแผนที่เพื่อไปที่กังหันลมต่อ พอมาถึงแล้วก็เปิดแผนที่ที่จุด View Point ที่กังหันลมเสียก่อน แล้วค่อยลอบหลบศัตรูไปที่จุดเขียวต่อไปซึ่งจะมีทางเข้าอุโมงค์ของเหมืองที่ด้านล่างของผา  

Objective: Find Leon in the Underground Tunnel 
** Challenges ** 
[ในขณะเข้าไปในเหมือง ห้ามมีการต่อสู้กับศัตรู] 
- เมื่อเข้ามาในเหมืองแล้ว เข้ามาจนถึงจุดเขียว Arno จะพบพวกโจรขโมยสุสานกำลังถูกสั่งให้เร่งมือขุดค้นหาประตูที่มันกำลังค้นหาอย่างเต็มกำลัง ซึ่งพวก โจรขโมยสุสาน หรือพวก Raider ก็จะเป็นศัตรูหลักของ Arno ยามที่เขาผจญภัยอยู่ใต้สุสานแทนพวกทหารยามอยู่บนถนนด้านบน จากนั้นก็ต้องลอบเข้าไปที่จุดเป้าหมายสีเขียวที่ชั้นล่างต่อ โดยลอบลงบันไดอ้อมไปฝั่งขวาจะสะดวกโยธินที่สุด
- เมื่อผ่านโถงแรกก็ลอบต่อไปตามทางเดินแคบที่สามารถสังหารศัตรู 2 ตัวที่ยืนขวางทางเดินอยู่ไปพร้อมๆกันได้ แล้วหาที่ปีนขึ้นไปที่ทางเดินชั้นบนต่อก็จะเข้าไปที่โถงห้องเป้าหมายสีเขียวได้




ด้านใน Arno จะพบ กัปตัน Rose กำลังจับเด็กคนนึงเอาไว้ซึ่งก็คือ Leon ที่เขากำลังตามหา และ Rose ก็กำลังจะลงโทษเขาโทษฐานบุกเข้ามาขโมยสมบัติในนี้  







จากนั้น นโปเลียนจะเข้ามาสอบถามความคืบหน้ากับ Rose ในการหาประตูที่เขาสั่ง ซึ่ง Rose ก็รายงานความคืบหน้าว่า ตอนนี้เขาค้นพบภาพสลักบนพนังที่เขียนภาพประตูที่กำลังตามหาแล้ว นโปเลียน ยกกุญแจโบราณที่เขาครอบครองขึ้นมาเทียบกับประตูบนภาพวาดด้วยความพอใจก่อนที่จะบอกให้ Rose ขุดหาต่อไปเพื่อรับรางวัลอย่างามทันทีที่ได้พบมัน หลังจากสั่งการเรียบร้อยนโบเลียนก็เดินจากไปพร้อมทั้งสั่งให้ Rose จัดการกับผู้บุกรุกตัวน้อยไปตามใจได้เลย Rose จึงสนองคำสั่งทันทีด้วยการสั่งลูกน้องให้ฆ่าเจ้าหนู Leon ทิ้งซะเพื่อกันมันปากโป้งในภายหลัง ในขณะที่โจร 2 คนกำลังลังเลไม่กล้าฆ่าเด็กตามคำสั่ง Leon ก็เห็น Arno โดดลงมาจากชั้นบน สิ่งที่เขานึกในครั้งแรกที่เห็นก็คือ วิญญาณกษัตริย์ผู้ปกป้องสุสานตามเรื่องเล่าที่เขาได้ยินมา 
- เข้าไปจัดการพวก Raider 2 คนที่เฝ้า Leon อยู่เพื่อช่วยเขา เข้าไปคุยกับ Leon ที่กรงขังเพื่อบอกว่า มาดาม Margot บอกให้เขามา แต่หัวหน้าพวก Raider และลูกน้องที่เหลือจะตามมาอีกชุด รับจัดการตัวหัวหน้ามันก่อนเพื่อไม่ให้มันเรียกลูกน้องออกมาเพิ่ม
- เมื่อช่วย Leon ออกมาได้ Arno จะรีบถามหา Condorcet Manuscript ทันที ซึ่ง Leon ก็บอกว่าเขาเก็บมันไว้ที่ฐานลับของเขา แต่ตอนนี้ต้องรีบหนีออกจากที่นี่ก่อน จากนั้นก็ตาม Leon ออกไปตามทาง

ระหว่างทางดูเหมือน Leon จะชื่นชมฝีมือการต่อสู้ของ Arno อยู่ไม่น้อย Arno พยายามถามถึงแม่ของ Leon ซึ่งก็ทำให้ Leon ต้องรีบปฏิเสธว่า มาดาม Margot ไม่ใช่แม่ของเขา แม่ของเขาชื่อ Morisco และตอนนี้แม่ก็กลับสเปนไปแล้ว ทันทีที่ตามไปถึงด้านใน Leon ก็จะพาไปเอาอาวุธที่เขาขโมยมาจากพวก Raider มาซ่อนไว้ให้กับ Arno ไว้ใช้เพื่อเป็นการตอบแทน Arno ก็จะได้ปืน Guillotine Gun อาวุธใหม่ที่มีให้ใช้ใน DLC นี้เท่านั้นมาครอบครอง 




             


โดย Guillotine Gun นั้นคืออาวุธที่ผสมกันระหว่างขวานและปืน Mortar ที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ทั้งในระยะใกล้และไกลเลยทีเดียว ในโหมดปืน Mortar ก็ต้องกด L1 หรือ LB ค้างแล้วกด R2 หรือ RT ค้างในการเล็งและทำการยิงด้วยการปล่อยปุ่มที่เล็ง ซึ่งก็ทำให้ Arno รู้ถึงความห้าวเกินเด็กของ Leon ว่าเขามีความคิดที่จะปกป้องฝรั่งเศสจากพวกศัตรูที่เข้ามารุกรานนั่นเอง  

Objective: Follow Leon  
** Challenges ** 
[ใช้ท่าปัดป้องแบบ Perfect Parries กับศัตรู 5 ตัว]
 ** [ท่า Perfect Parry นั้นทำได้โดยรอจังหวะให้เกทสีเหลืองขึ้นที่หัวของศัตรูจากนั้นก็กด B หรือ O] **

- จากนั้นก็ลุยพวกศัตรูด้วยอาวุธใหม่เข้าไปที่จุดน้ำเงินเป้าหมาย ซึ่งถึงจะมีศัตรูอยู่เป็นกลุ่มใหญ่และจำนวนมากแต่ปืน Guillotine Gun ก็สามารถยิงถล่มมันจนกระจายได้ไม่ยาก นอกจากจะอยากเก็บ Challenges ก็ต้องลุยเข้าไปทำ Perfect Parries กันศัตรู 5 ตัวเอา เมื่อมาถึงประตูทางเข้าด้านในจะจุดสีฟ้าที่ Leon อยู่ ทั้งคู่ก็จะเปิดประตูเข้าไปด้านในต่อ  ลงไปตามทางจนถึงจุดสีน้ำเงินด้านในจะพบ นโบเลียนกำลังถูกทหารของเขาตั้งคำถามถึงเรื่อง การจ้างพวกโจรขโมยสุสานชั้นต่ำอย่าง Rose มาใช้งานทหารที่ทรงเกรียติ




ซึ่งนโบเลียนก็ตอบให้ว่า  “ พวกโจรอย่าง Rose ก็เหมือนหนูที่กำลังต้องการอาหาร ซึ่งการขุดค้นที่เป็นเป้าหมายของพวกเราคือ ผลประโยชน์ของพวกมัน ใช่ พวก Rose มันพวกเป็นคนเลว แต่ข้ารู้จักมันดี และสามารถควบคุมมันได้ จะคนเลวหรืออะไรก็ช่างถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อประเทศฝรั่งเศสของเราข้าก็ใช้งานมันได้ทั้งนั้น และมวลชน จะยินดีที่จะละทิ้งอิสระภาพของพวกเขา ถ้ามีอะไรที่มันตื่นเต้นกว่า อย่างที่ข้าจะให้กับพวกเขา วิหารโบราณตามความเชื่อนี่ไงล่ะ ความหวังลมๆแร้งๆ ที่จะนำพาชื่อเสียงและอำนาจมาให้พวกเรา “ นโปเลียนพูดกับทหารของเขาก่อนวางกุญแจสัญลักษณ์ลงในหีบสมบัติก่อนจะให้ทหารยกขึ้นไปอวดต่อประชาชนถึงสิ่งที่เขาค้นพบเพื่อใช้มันเป็นฐานเสียงให้ตัวเองในทางการเมืองตามแผนของเขา  

และทันทีที่ Leon จะหนูเลือดรักชาติได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะพยายามเข้าไปขัดขวาง ในขณะที่ Arno พยายามจะเข้าไปห้ามเพราะกล้วย Leon จะไปตายก่อนที่จะช่วยชาติ Leon ก็ฉวยโอกาศมุดหนีเข้าไปในกำแพงเพื่อหาทางหยุดแผนหลอกลวงของนโปเลียนด้วยตัวเองทันที  

Objective: Activate Two Slabs
- จากนั้นเข้าไปที่จุดเขียวเพื่อปีนขึ้นไปด้านบนต่อ ที่โถงด้านในจะเต็มไปด้วยหนูและประตูลูกกรงเหล็กที่ปิดอยู่กับกระถางที่ต้องจุดไฟที่อยู่ด้านในช่องบ่อน้ำบาดาล เป้าหมายที่ต้องทำคือหาสวิตซ์ 2 จุดเพื่อเปิดประตูลูกกรง อ้อมไปด้านหลังจะเห็นประตูลูกกรงซึ่งเป็นทางเข้าช่องบ่อน้ำบาดาลทางซ้ายของประตูลูกกรง (หันหน้าออกจากประตู) สังเกตที่พื้นจะมีฝูงหนูอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ใช้ตะเกียงไล่มันไปก็จะเห็นสวิตซ์ลักษณ์ที่พื้นอันแรก เหยียบมันเพื่อเปิดประตูลูกรงชั้นแรก




-  เดินไปทางฝั่งซ้ายจะมีที่ปีนขึ้นไปที่ทางเดินไม้ด้านบน จัดการศัตรูที่อยู่ในห้องโถงตรงข้างทางเดินซะแล้วโดดไปที่สุดทางเดินด้านขวาเพื่อไปเกาะปีนขึ้นไปที่กำแพงด้านขวาต่อ โดดเกาะตามไม้อ้อมไปด้านหลังของโถงบันไดจะพบสวิตซ์ที่พื้นให้เหยียบเพื่อเปิดประตูลูกกรงชั้นที่ 2 เข้าไปจุดกระถางไฟ 2 อันประตูลูกกรงด้านในจะเปิดออกก็จะสามารถโดดเกาะปีนขึ้นไปโผล่ที่บ่อน้ำบาดาลด้านบนได้แล้ว  
- เดินทางไปยังจุดเป้าหมายสีเขียวในแผนที่เพื่อตามหา Leon ต่อ เมื่อมาถึงที่พื้นที่สีเขียวก็ใช้ Eagle Vision มองหา Leon ก็จะพบเขากำลังขุดเอาสมบัติสำคัญที่เขาซ่อนเอาไว้ขึ้นมา



Arno – ส่งเอกสารนั่นมาให้ข้า Leon 
Leon – ทำไมล่ะ ? ในว่าไม่สนใจที่จะช่วยแล้วไม่ใช่หรอ 
Arno – ข้ากำลังจะไปจากที่นี่ เอกสารนั้นเป็นใบ้เบิกทางที่ต้องใช้ 
Leon – แล้วอนาคตของฝรั่งเศสละ ? อิสระที่ได้มา เราจะทำยังไงกับมันต่อ  
Arno – ทำไมไม่รู้จักโตซะที ลืมฝรั่งเศสไปซะ เจ้าเป็นอิสระแล้ว 
Leon – อะไรทีทำให้แกเปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ .. เจ้าบ้าเอ๊ย !
Arno – เจ้าช่วยพวกเขาไม่ได้หรอก Leon แล้วก็ไม่มีใครคิดจะกลับมาช่วยประชาชนที่นี่แล้วด้วย
Leon – แกมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกมันหรอก !

- จากนั้นถ้าไม่มีอะไรต้องทำแล้วก็ เดินทางมาที่จุดเป้าหมายเครื่องหมาย ! ที่เขต Cemetery เพื่อรับเควสหลัก Memory 3 ต่อได้เลย

Memory 3 – A SHADOW FROM THE PASS 

Arno จะกลับมาที่บาร์อีกครั้ง แต่ก็พบเพียงเจ้าของบาร์ที่กำลังจะปิดร้าน ก่อนที่เขาจะบอกว่ามีใครคนนึงตามหา Arno อยู่แต่หาใช่ Marquis อย่างที่เขาคิดแต่กลับไป Elise ที่กำลังวิ่งหนีออกไปทางหน้าร้าน ใช่แล้ว Elise ที่เขาเห็นว่าตายกับตาตัวเองนั่นแหละ Arno แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาจึงต้องรีบตามไปทันที

Objective: CHASE Elise
** Challenges **
[วิ่งฟรีรันนิ่งข้ามสิ่งกีดขวางทั้งด้านบนและล่าง 3 ครั้ง]
- จากนั้นก็วิ่งไล่จับ Elise ให้ทัน แต่เมื่อจับเธอได้แล้ว Elise กลับทำท่าหวาดกลัว Arno ที่มาตามจับเธอเพราะเธอแต่ขโมยเงินมาไม่กี่ฟรังเท่านั้นเอง แต่ Arno ก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นหน้าว่าจรืงๆแล้วเป็นคนอื่นนั่นเอง (มุขนี้ไม่ตลกน๊ะครัล 55+ )




ก่อนที่ มาดาม Margot คนเดิมจะเข้ามาขอบคุณ Arno ที่ช่วย Leon เอาไว้ได้ เธอบอกว่าเธอเคยรัก Leon เหมือนลูก เพราะเธอเองก็เคยมีลูกคนนึง แต่ก็สูญเสียลูกไป จนความเสียใจถูกยียวยากจากเด็กภายหลังที่มาเปิดบ้านเด็กกำพร้า และในสถานการณ์แบบนี้เธอจึงเป็นห่วงพวกเด็กๆมาก แต่ก็ได้ยิน Leon เคยเล่าว่า Arno จะมาช่วยฝรั่งเศสและพวกเด็กๆ และตอนนี้ Leon ก็กำลังรออยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า มาดาม Margot บอก Arno ก่อนจะเดินจากไปเหมือนจะมีแผนอะไรดีๆบางอย่างที่ดูได้จากรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ  

- จากนั้นเดินทางต่อไปยังจุดเป้าสีเขียวซึ่งก็คือบ้านเด็กกำพร้า ก็จะพบ Leon กำลังซ้อมดาบอยู่





Aron -  ยังพอมีเวลาอีก 3 วันก่อนที่เรือเขาจะออก ยังมีเวลาพอที่จะหาทางเข้าไปที่ประตูในสุสานเพื่อทำลายแผนของนโปเลียนได้อยู่น๊ะ 
Leon – หรอ ยังไง ?  นายมีแผนที่ของพวกเทมพลาพกติดตัวมาอย่างงั้นหรอ ?
 Aron -  จริงสิ ภาพวาดที่เห็นในถ้ำ นอกจากุญแจที่นโปเลียนเก็บไว้ก็ยังมี แผ่นตราสัญลักษณ์ Suger Legacy อีก 3 อันที่ต้องใช้ในการเปิดประตูนั่น ข้าเคยเห็นมันในสมุดรายชื่อสมบัติ  นี่ไง อีก 2 อันมีระบุสถานที่เอาไว้แต่ดูเหมือนมันจะหายไปอันนึงน๊ะ 
Leon – ฮ่าๆ งั้นพี่ไปเอา 2 อันนั้นมาส่วนอันที่หายไปผมจะหามาให้เอง แล้วค่อยมาเจอกันอีกแล้วกัน 

- เดินทางต่อไปยังจุดเป้าหมายสีเขียวในแผนที่ ที่ตึกขนาดใหญ่ซึ่งก็จะพบว่าที่นี่ก็คือโบสถ์ที่ Saint-Denis ที่เคยเข้ามาที่ Royal Crypt ในตอนแรกของเกมนั่นเอง  ปีนเข้าไปเข้าหน้าต่างด้านบนแล้วเกาะขึ้นที่ระเบียงชั้นบนต่อ ขึ้นบันไดไปจนถึงห้องนอนด้านบนก็จะพบ บันทึกของ Dom Poirier อยู่บนโต๊ะ สำรวจแล้วเข้าไปที่จุดเขียวต่อไปที่ สำรวจตรงเสาที่มีตราสัญลักษณ์รูปดาบที่โถงทางออกด้านขวาของห้องนอน  จากนั้นก็จะมีจุดภาระกิจหลักรูป ! ขึ้นมาบนแผนที่ 2 จุดจุดแรกอยู่บนยอดหอคอยที่กำลังอยู่ตอนนี้คือ Suger’s Legacy: III - DIABOLUS กับอีกอันที่ด้านซ้ายล่างของแผนที่คือ Suger’s Legacy: V – CRUX จากนั้นก็ออกทางหน้าต่างเพื่อปีนขึ้นไปที่จุดรับภารกิจรูป ! ที่ระเบียงบนหลังคาโบสถ์เพื่อรับภารกิจ Suger’s Legacy: III – DIABOLUS ก่อน

Suger’s Legacy: III - DIABOLUS
– รับภารกิจแล้วจะมี Objective Suger’s Relic found 2 อันขึ้นมา จากนั้นไปสำรวจจุดเขียวที่ขึ้นมา แล้วใช้ Eagle eyes มองหา สำรวจตรงที่ยืนขอบพนังและตราสัญลักษณ์ใกล้ๆกันก็จะพบจุดเบาะแสที่ 1 และ 2 แล้วไปจุดเขียวต่อไปที่พนังบนหลังคาของโบสถ์ใช้ Eagle eyes มองหาก็จะพบจุดเบาะแสที่ 3 เสร็จแล้วไปที่รั้วด้านซ้ายของโบสถ์ตรงกำแพงที่คนยืนมุงดูพนังกันอยู่ใช้ Eagle eyes มองหาก็จะพบจุดเบาะแสที่ 4 ขุดตรงพื้นแถวๆนั้นก็จะได้ Suger’s Legacy เหรียญที่ 3 DIABOLUS มาแล้ว





-  จากนั้นก็ไปที่จุดรับภารกิจรูป ! ทางซ้ายล่างของแผนที่เพื่อรับภารกิจ Suger’s Legacy: V – CRUX ได้เลย

Suger’s Legacy: V – CRUX
– เข้าไปสำรวจที่จุด ! เพื่อรับเควสและสำรวจจุดเบาะแสแรกไปในตัว จากนั้นไปที่จุดเขียวต่อไปที่กังหันลมใช้ Eagle Eyes สำรวจหาสัญลักษณ์ที่พื้นด้านหน้าและรูปกางเขนด้านซ้ายของกังหัน ไปที่สุดเขียวต่อไปสำรวจสัญลักษณ์ตรงพนังใต้ไม้กางเขนที่หลุมศพ แล้วไปที่จุดเขียวต่อไปใช้ Eagle Eyes สำรวจหาสัญลักษณ์ที่กำแพงรั้ว ขุกสำรวจตรงนั้นก็จะได้ Suger’s Legacy CRUX อันที่ 2 มา
- จากนั้นถ้าไม่มีอะไรต้องทำแล้วก็ เดินทางมาที่จุดเครื่องหมาย ! ในแผนที่ที่เขต Cemetery เพื่อรับเควสหลัก Memory 4 ต่อได้เลย



Memory 4 – RAISING THE DEAD 





Arno จะกลับมาที่บ้านของมาดาม Margot เพื่อพบกับ Leon ที่รออยู่พร้อม Suger’s Legacy อันที่ 3 ที่เขาหามาจนได้ แต่หามาได้ครบแล้วยังไงต่อ ? ทั้งคู่ต่างก็ถามซึ่งกันและกัน จนมาดาม Margot เดินเข้ามาพร้อมตะเกียงของเธอ แสงสว่างจากตะเกียงกับทำปฏิกิริยาบางอย่างทำให้ Suger’s Legacy เกิดส่องแสงสว่างจ้าขึ้นมา จนทำให้เห็นแผนที่แสดงออกมา Arno จึงนึกแผนขึ้นได้ว่าจะอ่านแผนที่นี้ยังไงจึงรีบเดินทางต่อทันที โดยให้ Leon รออยู่ที่นี่ด้วยความเซ็ง แต่ มาดาม Margot ก็ส่งซิกกับ Leon จนเขายิ้มออกมาพร้อมแผนดีๆในใจ 

- จากนั้นเดินทางต่อไปยังจุดหมายสึเขียวในแผนที่ ซึ่งก็คือโบสถ์ขนาดใหญ่ใน Saint-Denis เป้าหมายคือลงไปที่ Royal Crypt ตามทางเดิม จนถึงห้องเป้าหมายด้านใน

Arno จะพบกัปตัน Rose กำลังใช้ให้พวกขโมยสุสานพยายามเปิดประตูเทมพลาร์ด้วยความคิโงๆด้วยการใช้ Lock Pick เปิดมัน ซึ่งแน่นอนว่าพวกโจรก็ต้องโดนกับดักโบราณของประตูที่พยายามป้องกันตัวเองจนกระเด็นไป ส่วนบางคนก็ต้องตายเพราะพยายามจะหยุดการเปิดประตูด้วยปลายกระบอกปืนของ Rose 

Objective: Sneak in the Room 
** Challenges **
[ระหว่างทำภารกิจห้ามมีการต่อส็กับศัตรู]
- ตอนนี้จะมีจุดเขียวขึ้นมา 2 ด้านซ้าย – ขวาของห้อง เป้าหมายคือลอบเข้าไปในที่ห้องทางด้านซ้ายและขวาของห้องโถงเพื่อทำการใช้ Suger’s Legacy กับวิญญาณของกษัตริย์ ในการเปิดระบบป้องกันแล้วก็ต้องทำการแก้ปริศนาของทั้ง 2 ห้องด้วย







* ห้องด้านขวาจะมีกระถางคบเพลิงอยู่รอบห้องที่มีบ่อน้ำกลางห้อง กระถางคบเพลิงจะมีด้านขวา 4 จุด ด้านซ้าย 3 จุด และ ด้านบนและล่างอย่างละจุดรวม 9 จุด ซึ่งต้องจุดไฟตามกระถางดังนี้
 (มองจากทางเข้าห้อง)  อันแรกตรงทางเข้าที่มีตัวอักษรแสดงขึ้นมา ตะเกียงด้านบนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับของตะเกียงแรก ตะเกียงอันกลางฝั่งซ้าย และ ตะเกียงอันที่ 2 จากบนของด้านขวา ซึ่งก็คือ การแตะมือระลึกถึงพระเจ้าเป็นรูปกางเขนของศาสนาคริสต์นั่นเอง



* ห้องด้านซ้ายจะมีตัวอักษรอักขระบนพนังและสวิตซ์ที่พื้น 4 อันให้เหยียบ ซึ่งต้องเหยียบสวิตซ์ที่พื้นเรียงกันดังนี้
(นับจากซ้ายไปขวา) [ 3 – 1 – 2 – 4 ] คบเพลิงทุกอันก็จะติดพร้อมกัน เสาหินที่ใช้ปีนจะโผล่ออกมากลางห้อง ปีนขึ้นไปที่ห้องโถงด้านบนได้เลย

Objective: Sneak in the Final map Room  
** Challenges **
[ระหว่างทำภารกิจต้องจัดการศัตรูด้วยการโจมตีจากที่สูง(Air Assassination) 1 ตัว] 
– ขึ้นมาแล้วก็จัดการศัตรูหรือลอบปีนเสาที่อยู่กลางห้องลงไปในช่องด้านล่างจนถึงห้องใต้ดินต่อ (ลงมาแล้วถ้ายังไม่ได้ทำเงื่อนไข Challenges ก็ถือว่าอดแล้ว)  เข้ามาสำรวจที่วิญญาณกษัตริย์ในห้อง แล้วทำการแก้ปริศนาได้เลย



เริ่มจากจุดตะเกียงที่คบเพลิงกลางห้องก็จะเห็นตราสัญลักษณ์เรืองแสงออกมาที่พนังทั้ง 4 ด้าน จากนั้นเหยียบสวิตซ์ที่พื้นทั้ง 4 ด้านให้เสาหินที่มีตราสัญลักษณ์ติดอยู่ขึ้นมาจากพื้น แล้วเหยียบสวิตซ์ให้แต่ละเสาเลื่อนขึ้นไปจนตราสัญลักษณ์ที่เสาไปทับตราสัญลักษณ์ที่เรืองแสงบนพนังให้หมดทั้ง 4 ด้าน เมื่อทำได้แล้ววิญญาณกษัตริย์ก็จะหายไป จากนั้นก็ใช้เสาและพนังในการเกาะปีนขึ้นไปจนถึงห้องด้านบนต่อ ก็จะเข้ามาถึงห้องที่มีประตูบานสำคัญที่เป็นเป้าหมายโดยมีวิญญาณกษัตริย์ชี้ทางให้อย่างชัดเจน หน้าห้องจะเต็มไปด้วยศพของพวกโจรขโมยสุสานที่พยามหาทางเปิดประตูอย่างผิดวิธีจนนอนตายเกลื่อนไปหมด ตอนนี้ Arno พบประตูที่ตามหาแล้ว ที่เหลือก็แค่กุญแจสีทองที่ใช้เปิดมันเท่านั้น

- จากนั้นก็ออกจากที่นี่แล้วเดินทางมาที่จุดเครื่องหมาย ! ในแผนที่ เพื่อรับเควสหลัก Memory 5 ต่อได้เลย


Memory 5 – UNDER LOCK AND KEY 

ที่บ้านเด็กกำพร้า Arno จะพบ Leon กำลังทำอะไรลุกลี้ลุกลนอยู่ ก่อนที่ Arno จะทำหาข่าวเรื่องกุญแจที่จะต้องขโมยหลังจากที่พบประตูเป้าหมายแล้ว Leon จึงบอกข้อมูลตามที่สืบมาว่า เขาเห็นทหารที่เป็นคนถือกล่องสมบัติที่มีกุญแจอยู่ด้านในกำลังเดินทางผ่านมาทางตลาด Arno ก็จะออกมาตรวจสอบดูทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะย้ำกับ Leon ว่าให้รออยู่ที่นี่เฉยๆอีกครั้งเพราะดูเหมือนในช่วงนี้ Leon จะทำตีวดีเกินเหตุไปหน่อย  

Objective: TAIL Napoleon’s Lieutenant   
** Challenges **
[ระหว่างทำภารกิจต้องจัดการศัตรูที่อยู่บนดาดฟ้า 3 ตัว]
- เดินทางมาที่จุดเป้าหมายสีเขียวที่กลางตลาดแล้วใช้ Eagle Eyes มองหาทหารคนเป้าหมายที่เป็นสีเหลืองแล้วจากนั้นก็ต้องลอบตามมันไปอย่าให้มันรู้ตัว จนมาถึงที่หมายที่บ้านหลังหนึ่งที่มีทหารกำลังมาประชุมกันอยู่
 - หาทางลอบเข้าไปที่บ้านทางหน้าต่างชั้น 2 เพื่อแอบฟังทหารที่ชั้นล่างคุยกัน ที่ Arno ได้ยินคือทหารที่ถือกล่องสมบัติกำลังจะทรยศนโปเลียนด้วยการเอาของทั้งหมดมาขายต่อให้กับพวก Raider เมื่อมันคุยจบก็ไล่ตามจับทหารที่เป็นจุดแดงที่กำลังหนีไปให้ทัน Arno ก็จะเค้นความจริงจากมันเพื่อเอาตำแหน่งที่ซ่อนกุญแจที่มันขายไปแลกกับการที่ Arno จะไม่ไปปากโป้งฟ้องนโปเลียนให้รู้เรื่อง จนสุดท้ายทหารก็ยอมบอกที่ซ่อนของกุญแจที่มันขายไปซึ่งก็คือที่รังของพวก Raider นั่นเอง จากนั้นเดินทางต่อไปยังจุดหมายสีเขียวในแผนที่ ที่กระท่อมหลังนึงที่ด้านในมีทางลงไปที่ สุสานใต้ดิน (Catacomb)

Objective: SNEAK Napoleon’s Chest    
** Challenges **
[ระหว่างทำภารกิจต้องจัดการศัตรูด้วยการยิงแบบ Head Shot 3 ตัว]
- เข้ามาในเขตสุสานใต้ดินจนถึงโถงถ้ำด้านในก็จะพบกับรังของพวก Raider ที่มีพวกโจรขโมยสุสานอยู่มากมาย เป้าหมายคือเข้าไปที่จุดเขียวด้านในซึ่งก็คือห้องเก็บหีบสมบัติของนโปเลียน ในนี้นั้นมีพวกโจรอยู่กันเป็นจำนวนมากแต่ในพื้นที่นี้จะมีจุดตัวช่วยอยู่ 2 จุดคือ (Distraction Opportunity) ตัวช่วยจากสิ่งก่อกวน อยู่ฝั่งทางซ้ายและ จุดตัวช่วยในการแทรกซึม (Infiltration Opportunity) อยู่ตรงทางขึ้นบันไดไปห้องเก็บสมบัติที่ด้านบน ซึ่งจะเป็นตัวล่อพวกโจรให้ออกจากทิศทางที่จะผ่านไปที่ห้องเก็บสมบัติได้ดีมาก โดยเฉพาะจุดตัวช่วยในการแทรกซึม Infiltration Opportunity ตรงทางขึ้นที่จะสามารถขโมยสมบัติในหีบของพวกโจรทำให้เกิดความวุ่นวาย แล้วใช้ Skill ปลอมตัวเดินขึ้นไปที่ประตูห้องเก็บสมบัติได้ง่ายขึ้น เมื่อลอบเข้าไปจนถึงห้องเป้าหมาย Arno ก็จะเข้าไปขโมยกุญแจสีทองมาได้สำเร็จ




- จากนั้นก็ออกจากที่สุสานนี่แล้วเดินทางมาที่จุดเครื่องหมาย ! ในแผนที่ ซึ่งก็คือโบสถ์ที่ Saint-Denis เข้าไปที่ทางลงเส้นทางใต้ดิน Royal Crypt แล้วลอบจัดการศัตรูเข้าไปใน Louis IX’s Tomb จนถึงหน้าประตูสัญลักษณ์อีกครั้ง (ลงมาครั้งนี้ประตูและเส้นทางจะเปิดจนหมดทำให้เข้าไปถึงประตูได้ง่ายกว่าเดิมมาก) เพื่อรับเควสหลัก Memory 6 ที่หน้าประตูได้เลย


Memory 6 – A CROWN OF THORNS




3 ตราสัญลักษณ์ Suger’s Legacy กับอีก 1 กุญแจ และ การชี้นำทางของวิญญาณกษัตริย์ ก็นำพาให้ Arno เปิดประตูลับที่อยู่ลึกสุดของสุสาน สุสานของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทำไมหลายฝ่ายถึงพยายามจะเปิดมัน และนโปเลียนต้องการอะไรจากด้านในนี้เพื่อทำให้แผนครอบครองฝรั่งเศสของเขาเป็นความจริง ในขณะที่ Arno กำลังเข้ามามองหาเจ้าสิ่งที่ว่า ก็ถูกพวกกัปตัน Rose และสมุนโจร Raider ของมันเข้ามาตลบหลังลอบยิงจน Arno ต้องตกลงไปในโพรงด้านล่างของสุสาน 




- ปีนขึ้นจากน้ำมาเก็บตะเกียงที่จุดเขียวก่อน Arno จะได้ยินเสียง Leon แว่วมาจากที่ไหนซักแห่งทำให้เขายิ่งเป็นห่วงความบ้าบิ่นของเจ้าเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก จุดตะเกียงเตรียมไว้แล้วปีนตรงที่เกาะที่มีแมลงบังอยู่ขึ้นไปที่จุดหมายสีเขียวด้านบนต่อจนถึงประตูเหล็ก เหยียบสวิตว์ที่พื้นเปิดเอาไว้ (ด้านในจะเป็นด้านบนของห้องแรกที่ตกลงมานั่นแหละและยังมีประตูลูกกรงที่ปิดอยู่อีกชั้น)  แล้วโดดไปตามขอบผาทางซ้ายของประตูต่อจะมีที่ปีนขึ้นไปด้านบนได้   ปีนห่วงตามพนังถ้ำขึ้นไปจนถึงโฟรงถ้ำที่มีน้ำตก เดินไปตามไม้เข้าไปด้านในต่อ (แต่ถ้าลอดผ่านไปทางหน้าต่างฝั่งตรงข้ามก็จะออกมาอีกฝากของประตูลูกกรงที่ปิดซึ่งจะมีสวิตซ์ที่พื้นให้กดเปิด ทำให้สามารถทะลุผ่านมาที่ห้องแรกที่เข้ามาได้ ในกรณีอยากกลับมาเติมน้ำมันตะเกียงน๊ะ) เดินตามแผ่นไม้ไปเกาะปีนขึ้นไปที่ถ้ำส่วนบนต่อก็จะถึงโถงถ้ำขนาดใหญ่ด้านใน ซึ่งก็จะพบ Rose และคนของมันอยู่ที่นี่ด้วย

Objective: Assassinate Rose     
** Challenges **
[ระหว่างทำภารกิจต้องจัดการศัตรูด้วยการลอบฆ่าพร้อมๆกัน 2 คน (Double Assassination)]
[ในตอนสู้กับกัปตัน Rose ต้องใช้ท่า Attack parries กับศัตรู 3 ครั้ง]   
- เป้าหมายคือกัปตัน Rose ที่อยู่หน้าโบราณสถานส่วนใน ท่ามกลางพวก Raider มากมายที่อยู่ในโถงถ้ำนี้ แต่ก็มีที่ที่ให้หลบซ่อนและเคลื่อนตัวไปเยอะมาก พยายามลอบเข้าไปจนถึงทางเข้าโบราณสถานด้านในจะพบ กัปตัน Rose และคนของมันกำลังพยายามเปิดประตูห้องเก็บสมบัติด้านในอยู่



- การสู้กับกัปตัน Rose พร้อมๆกับลูกน้องระดับ 4 ดาวอีก 6 ตัวของมันนับว่าไม่ใช่เรื่องหมูๆถ้าจะใช้การดวลดาบอย่างเดียว ฉะนั้นทันทีที่จบคันซีนที่หน้าห้องเก็บสมบัติพอเริ่มบังคับได้ก็รีบงัด Guillotine Gun มายิงถล่มให้หมดกระสุนไปเลย ที่เหลือก็ใช้ระเบิดควันช่วยในการจัดการมัน หรือ ตอนที่มันกำลังวิ่งกรูออกมาจากหน้าประตูก็ให้รีบใช้ Phantom Blade เล็งยิงไปที่หัว Rose แบบจะๆ 2 ทีมันก็ตายแล้วค่อยจัดการลูกน้องที่เหลืออยู่ด้วย Guillotine Gun หรือ ระเบิดควันเป็นตัวช่วย



หลังจากจัดการ Rose ได้ Arno ก็จะได้รับรู้ความทรงจำบางส่วนของมันมา .. กัปตัน Rose นั้นถูกทาบทามโดยทหารของนโปเลียนกับคำสัญญาที่ว่า “ถ้านำเอาสมบัตินั่นมาได้จะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่กว่าที่จินตนาการได้เลย”    และถ้าได้มาแล้วจะให้ไปส่งที่ใคร ? กัปตัน Rose ถามเพื่อความแน่ใจ 
Lady Eve .. นายทหารบอก 

- หลังจากรู้ความลับสำคัญของผู้ที่อยู่เบื้องหลังแล้ว ก็เข้าไปที่หน้าประตูห้องเก็บสมบัติจะพบกระถางไฟที่ต้องจุดเพื่อแก้ปริศนา 4 อันที่หน้าประตู ให้สังเกตดูว่าเมื่อจุดแล้วจะมีตัวอักษรอักขระเรืองแสงขึ้นที่พื้นหน้าประตู และที่หน้ากระถางเพลิงก็จะมีตัวอักษรด้วยเหมือนกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือจุดไฟในกระถางเรียงกันตามตัวอักษรอักขระเหมือนกับที่หน้าประตู โดยต้องจุดกระถางเพลิงเรียงดังนี้ (นับจากซ้ายไปขวา) [ 2 – 4 – 3 – 1] เมื่อทำสำเร็จก็จะทำให้สมบัติด้านในห้องถูกดันขึ้นไปบนหลังคาทันที



- จากนั้นศัตรูจะบุกเข้ามาขัดขวางอีกชุด จัดการพวกมันให้หมดแล้วปีนขึ้นที่ห่วงที่พนังด้านซ้ายขึ้นมาบนขอบด้านบนของประตู แล้วเลาะมาทางพนังด้านซ้ายจะมีห่วงให้เกาะขึ้นไปด้านบนต่อก็จะถึงจุดที่สมบัติถูกดันขึ้นมา Arno ก็จะเข้าไปหยิบ Lantern of Saint-Denis มาได้สำเร็จ

     



- ในขณะที่ศัตรูอีกกลุ่มจะบุกเข้ามาก็ถือโอกาสได้ลองอาวุธใหม่ที่ทรงพลังได้ทันที โดย Lantern of Saint-Denis นั้น สามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วยการกด B หรือ O ค้างแล้วปล่อยจะทำให้มีฝูงค้างคาวจำนวนมากออกมาโจมตีศัตรูจนตายหมดทั้งกลุ่มได้สบายๆ จากนั้นก็ใช้ Lantern of Saint-Denis จัดการศัตรูที่บุกเข้ามาจำนวนมาก มุ่งหน้าไปตามจุดหมายสีเขียวเพื่อหนีออกจากที่นี่ได้เลย

ที่บาร์ข้างถนนในย่าน Cemetery ร้านเดิม Marquis ที่นั่งจิบไวน์อยู่ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำที่ Condorcet Manuscript สมบัติที่เขาจ้างให้ Arno ไปเอามาอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขาแล้วกับหลังไวๆของ Arno ที่รีบจากไปโดยไม่คิดจะร่ำลา Marquis แกะอ่านบันทึกล้ำค่าด้วยรอยยิ้มเล็กๆ 




“ โอ้ Arno ที่รัก .. ความหวังของเรา มันก็เหมือนกับเงื่อนไขในอนาคตข้างหน้าของมนุษย์เรานั่นแหละ 
บางทีมันก็ลดน้อยถอยลงได้ด้วย 3 ประเด็นคือ 
ความไม่เสมอภาคที่เกิดจากความแตกต่างกันของแต่ละชนชาติในโลก 
ความ เสมอภาค และเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติเดียวกัน
และท้ายที่สุด ก็คือ การแก้ไขในเรื่องที่เราเคยทำผิดพลาดไปให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนแท้จริง “ 





นโปเลียน ถูกกองทหารจับกุมในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และกบฎตามอำนาจของรัฐบาลใหม่ ทำให้แผนในการแสวงหาอำนาจโดยอาศัยแรกเกื้อหนุนจากประชาชนไม่ประสบความสำเร็จ 

     



สิ่งที่ Arno ค้นพบก็คือพลังที่ซ่อนอยู่ในตะเกียง แห่ง Saint-Denis นั่นก็คือ Apple of Eden ขุมพลังปริศนาจากพวก first civilization เขาแวะเข้าไปโอบกอดเจ้าหนู Leon ที่บ้านเแทนคำกล่าวอำลา ก่อนที่จะส่งต่อ Apple of Eden ไปให้ Al Mualim *** ที่ Cairo ไปพร้อมกับรถม้าเที่ยวสุดท้ายที่จะออกจากปารีส 

                                          ***  Notice จากผู้เขียน ***




ในการตีความของผม Al Mualim ในที่นี้ อาจจะ หมายถึงชื่อในภาษาอาราบิคของ The Mentor  ที่หมายถึงหัวหน้าใหญ่สุดของภาคีนักฆ่ากลุ่ม Levantine ซึ่งในยุคศตวรรษที่ 18 ภาคีนักฆ่ามีฐานใหญ่อยู่ที่ Cairo (ตามข้อมูลจาก Wiki http://assassinscreed.wikia.com/wiki/Al_Mualim_%281794%29  ) พอดี  ซึ่งไมใช่ Al Mualim ที่เป็น Grand Master แห่งสมาคมนักฆ่า Masyaf  หัวหน้าของ Altair พระเอกภาคแรกที่เนื้อเรื่องอยู่ในยุคสงครามครูเสดนู้น

                     

 ซึ่งสงครามจบลงในปี 1291 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ของฝรั่งเศสไม่นาน แล้วเนื้อเรื่องของ Arno จะอยู่ก่อน Al Mualim กับ Altair ได้ยังไง ก็เพราะ Al Mualim  ในภาคแรกนั้น ชื่อจริงๆ ของเขาก็คือ Rashid ad-Din Sinan เพียงแต่ถูกเรียกด้วยชื่อตำแหน่งที่แปลว่า ผู้เรืองปัญญาแห่งขุนเขานั่นเองครับ




 

 ทั้งหมดยังคลุมเคลือสำหรับผมเพราะในเกมมีการให้ข้อมูลเรื่องนี้น้อยมากอาจต้องรอเนื้อเรื่องต่อไปเป็นตัวเฉลย ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ ^_^


ระดับขั้นของภาคี Assassin  
The Mentor หัวหน้าใหญ่สุด มีหน้าที่แต่งตั้ง Master Assassin และเป็นตัวบงการภาคีนักฆ่า
Master Assassin เป็นหัวภาคี มีหน้าที่ทำตาม The Mentor และสามารถแต่งตั้ง Assassin และ Assassin Apprentice
Assassin นักฆ่าทั่วไป
Assassin Apprentice พวกที่ยังไม่เป็นนักฆ่าเต็มตัว

เครดิต


ขอบคุณ ความคิดที่งดงามของ น้องปูน Ladygreen JumPoon และ คุณไผ่ Sukit Buranasun มากๆครับ 

การตีความจาก บทความ Assassin’s Creed Story รวมเรื่องราวตำนานนักฆ่า จาก http://dks.in.th/forum/viewtopic.php?f=30&t=5510



                                                  *****************




    


……………………………………. THE END ………………………………………….

       
** หลังจบเกม Arno จะได้ Lantern of Saint-Denis มาใช้งานแทนตะเกียงปกติ ซึ่งมันใช้ได้ทั้งเป็นอาวุธและให้แสงสว่างแบบไม่มีวันต้องง้อน้ำมันตกเกียงอีกเลย ** 


                                                        Notice จากผู้เขียน 


ความคิดคำนึงส่วนตัวหลังจบ 

มันแทบจะไม่มีซักเรื่องเลยที่ฟังดูสมเหตุสมผลทั้งทางด้านหลักแนวความคิดปรัชญาหรือตรงไปตรงแบบไม่ต้องคิด อย่าลืมน๊ะว่า ในตอนแรก Arno เองมาขอความช่วยเหลือ Marquis เป้าหมายคือหาทางหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ต้องทำงานแลกเปลี่ยนด้วยการไปเอาหนังสือสำคัญจากสุสานของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 มาให้เสียก่อน จนเรื่องมันเลยเถิดไปอีกเมื่อ นโปเลียนและคนของเขาได้มีแผนบางอย่างที่จะเปิดประตูของเทมพลาร์ที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในสุสานจนพวก Raider (โจรขโมยสุสาน) กวาดสมบัติต่างๆที่เจอในนั้นไปจนหมดรวมทั้งหนังสือสำคัญเป้าหมายของ Arno ด้วย  การตามหาหนังสือจากพวกโจรขโมยสุสานก็ทำให้ Arno ต้องพบเด็กเลือดรักชาติ (จนเกินเหตุ) คนนึงที่ชื่อ Leon ที่ได้ขโมยสมบัติต่างๆของพวก Raider ไปอีกต่อ ซึ่งก็มี หนังสือสำคัญเป้าหมายของ Arno ด้วย ทำให้ Arno ต้องจำยอมช่วยเหลือ Leon เพื่อขัดขวางแผนการครอบครองอำนาจของนโปเลียน เพื่อแลกกับ หนังสือสำคัญที่อยู่กับ Leon

จนการผจญภัยที่เต็มไปด้วยปริศนาแห่งขุมทรัพย์จบลง Arno ได้ หนังสือสำคัญมาให้ Marquis จนได้เรือเที่ยวสำคัญออกจากปารีสมุ่งหน้าไปยัง อียิปต์ แผนการครองอำนาจของนโปเลียนถูกขัดขวาง Arno ได้ตะเกียง แห่ง Saint-Denis สมบัติลับโบราณที่ซ่อนอยู่มากครอบครองพร้อมๆกับนโปเลียนที่ถูกจับกุมในที่สุด Arno สั่งลาเจ้าเด็กเลือดรักชาติ Leon และค้นพบว่า พลังลึกลับที่แฝงอยู่ด้านในตะเกียง แห่ง Saint-Denis ที่เขาได้มาคือ Apple of Eden พลังปริศนาจากพวก first civilization ก่อนจะส่งให้ Al Mualim นายใหญ่แห่งสมาคมนักฆ่า Masyaf (ซึ่งก็คือหัวหน้าใหญ่ของ Altair พระเอกภาคแรกที่เนื้อเรื่องอยู่ในยุคสงครามครูเสดนู้น ) ที่ Cairo ไปพร้อมกับรถม้าเที่ยวสุดท้ายที่จะออกจากปารีส และ DLC นี้ก็จบลง

ประเด็นคืออะไรคือแก่นสำคัญที่ DLC นี้พยายามนำเสนอ ? การที่ได้มาของทุกสิ่งอย่างของ Arno มันคือความบังเอิญจากการจำยอมที่ต้องทำแทบทั้งสิ้น เพราะแผนหลักของตัวเขาตั้งแต่เริ่มก็คือ หาทางหนีออกนอกประเทศเท่านั้น


      *******************************************************************