วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ALIEN: Isolation

   




ปี ค.ศ 2122 ยานขนส่งพาณิชย์ USCSS Nostromo ที่ประกอบด้วยลูกเรือ 7 คน กัปตัน Dallas, Lambert, Brett , Kane , Ash , Parker และ Ripley ควบคุมยานด้วยคอมพิวเตอร์ AI อัจฉริยะ MU-TH-UR 6000 หรือเรียกกันในหมู่ลูกเรือว่า Mother กำลังปฏิบัติหน้าที่ขนส่งสินแร่ที่ถลุงแล้วรวม 20 ล้านตันเพื่อนำกลับสู่โลกภายใต้การว่าจ้างของบริษัทแม่ Weyland – Yutani แต่ในขณะเดินทางลูกเรือทั้ง 7 กลับถูกปลุกให้ตื่นจากเครื่องจำศีลก่อนกำหนดพร้อมคำสั่งใหม่จากบริษัทแม่ให้แวะสำรวจดาวเคราห์ดวงหนึ่งในพิกัด 6550-99 ชื่อว่า LV – 426 เพื่อตามหาคลื่นวิทยุลึกลับที่ถูกส่งมา ภายใต้กฎที่ว่า ถ้าเจอสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาต่างดาวห้ามทำลายและให้ส่งตัวอย่างกลับมาที่บริษัทเท่านั้น 





     


ทันที่ยานขนส่งนำลูกเรือทั้ง 7 ลงมายังพื้นดาวตามคำสั่ง ลูกเรือ 3 คนแรก Dallas, Lambert และ Kane ถูกส่งตัวลงไปสำรวจเพื่อตามหาคลื่นวิทยุดังกล่าวทันที ผลการสำรวจทั้ง 3 ได้พบยานอวกาศขนาดมหึมาจอดอยู่ ภายในพบซากของสิ่งมีชีวิตต่างดาวขนาดใหญ่ที่มีลักษณ์คล้ายมนุษย์นอนตายอยู่บนเครื่องกลไกที่คล้ายปืนขนาดใหญ่ แต่ Kane ลงไปสำรวจลึกกว่านั้น เขาลงไปพบห้องโถงขนาดใหญ่ภายใต้ยาน ภายในเต็มไปด้วยไข่รูปร่างประหลาดมากมาย ขณะที่เขากำลังตลึงกำสิ่งที่เห็น Kane ก็ถูกปรสิตรูปร่างคล้ายมือที่ออกมาจากไข่เกาะที่ใบหน้าจนสลบไป จน Dallas และ Lambert ต้องพาตัวเขากลับไปที่ยาน ภายใต้การไม่เห็นด้วยของ Ripley วิศวกรของยานที่เกรงว่าจะนำเชื้อร้ายที่ไม่พึงประสงค์ติดมาด้วย แต่สุดท้ายทุกคนก็จำต้องนำร่างของ kane เข้าไปตรวจสอบ Ash ในฐานนักวิทยาศาสตร์ของทีมพยายามที่จะเอาปรสิตรูปร่างคล้ายมือออกจากหน้าของ Kane แต่ด้วยความที่มันมีเลือดเป็นกรดจึงไม่สามารถเอามันออกได้ แต่ไม่กี่ชั่วโมงผ่านมา ปรสิตก็หลุดออกมาจากหน้าของ Kane เองอย่างง่ายดาย แถม Kane ยังสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ปกติเหมือนเดิมด้วย ท่ามกลางความดีใจของทุกคนแต่ Ash ที่ดูผลวิเคราะห์และฟิมล์ X – Ray ก็พบว่าเขาได้พบบางอย่างที่ผิดปกติเข้าเสียแล้ว

ท่ามกลางความดีใจของทุกคนที่กำลังจะเลี้ยงฉลองที่ได้กลับบ้านเพราะทำภาระกิจเรียบร้อยแล้ว แต่จู่ๆ kane ก็เกิดอาการประหลาด หายใจไม่ออกดิ้นทุรนทุรายจนสุดท้ายก็ถุกตัวอ่อนของสัตว์ประหลาดชนิดนึงแหวกอกเขาออกมาทำให้ kane ตายคาที่ทันที ก่อนที่เจ้าตัวอ่อนจะหนีไปหลบภายในยาน ลูกเรือทุกคนพยายามทุกทางที่จะจับตัวมันกลับมาให้ได้แต่ Ash กลับมองเจ้าตัวประหลาดนี้ด้วยความสนใจอยู่ตลอดเวลา เวลาผ่านไปไม่กี่วันขณะที่ลูกเรือทั้งหมดพยายามจะตามล่าเจ้าตัวอ่อนประหลาดที่หลบอยู่ในยาน เจ้าตัวอ่อนก็กลับเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วกลายเป็นสัตว์ร้ายต่างดาวขนาดใหญ่ที่แสนดุร้าย เหตุการณ์ผลิกผัน  สัตว์ร้ายต่างดาวกลายเป็นผู้ล่าที่ปลดชีวิตลูกเรือไปทีละคน ท่ามกลางความหวาดกลัวของเหล่าลูกเรือที่แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลยของเจ้าตัวประหลาดนี่นอกจากชื่อที่ใช้เรียกเจ้าสิ่งมีชีวิตต่างดาวนี้ว่า  เอเลี่ยน 

  




เจ้าสัตว์ร้ายต่างดาวที่รู้ในภายหลังว่าชื่อ  Xenomorph ใช้เวลาไม่นานก็สังหารลูกเรือ Nostromo จนเกือบหมดเหลือเพียงลูกเรือกลุ่มสุดท้ายคือ Ripley , Lambert , Parker และ Ash แต่ Ash ก็ถูกจับได้ว่าเป็นหุ่นแอนดรอย์ขณะที่พยายามขัดขวาง Ripley ที่พยายามจะฆ่าเจ้าเอเลี่ยน Ash สารภาพก่อนตายว่ามันเป็นหุ่นของทางบริษัทที่ถูกส่งมาเพื่อให้ภาระกิจเก็บตัวอย่างเอเลี่ยนกลับไปยังโลกให้ลุล่วงก่อนที่มันจะตั้งการเดินทางของยานให้มุ่งหน้ากลับโลกโดยอัตโนมัติ Ripley จึงมีแผนที่จะทำลายยานทิ้งไปพร้อมๆกับเจ้าเอเลี่ยนก่อนที่ยานจะนำเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้กลับไปยังโลกตามแผนของบริษัมแม่  แต่ภาระกิจสุดท้ายในการวางระเบิดแล้วหนีมาขึ้นยานลำเลียงก็ทำให้ลูกเรือที่เหลือ 2 คนตายหมดเหลือก็แต่เพียง Ripley ที่ใช้ไหวพริบหาทางหนีรอดมาจนถึงยานลำเลียง นาร์ซีซัส ได้สำเร็จก่อนที่จะดีดตัวหนีออกมาจากยาน Nostromo ก่อนที่จะระเบิดมันจะเป็นจุลไปพร้อมกับเจ้าอสูรต่างดาวเอเลี่ยน แต่ยานหนีภัยที่น่าจะเป็นที่ปลอดภัยสุดท้ายของเธอกำลังจะกลายเป็นนรกเมื่อเจ้าเอเลี่ยนตัวร้ายมันแอบตามขึ้นมาด้วย แต่ Ripley ก็ใช้ไหวพริบของเธอจัดการให้เอเลี่ยนตัวร้ายกระเด็นออกไปตายในอวกาศได้สำเร็จ ก่อนที่เธอจะส่งตัวเองเขาแคปซูลจำศีลแล้วตั้งการเดินทางให้ยานลำเลียงกลับสู่โลกทันที  

รายงานสุดท้ายจากยาน Nostromo โดยดิฉันเจ้าหน้าที่วิศวกรระดับ 3 ของยานเป็นผู้รายงาน ลูกเรือที่เหลือประกอบด้วย กัปตัน Dallas, Lambert, Brett , Kane , Ash และ Parker เสียชีวิตทั้งหมด สินค้าและยานแม่ถูกทำลายทิ้ง ตอนนี้ดิฉันไม่รู้ตำแหน่งของตัวเองแต่คิดว่าน่าจะอีก 6 สัปดาห์คงจะถึงที่หมาย และหากโชคดีเจ้าหน้าที่ค้นหาของทางบริษัทคงจะหายานลำเลียงนี้พบเพื่อช่วยฉันได้ 

        

  

                    …..นี่คือ Ripley ผู้รอดชีวิตของยาน Nostromo .... ยุติการติดต่อ …………………




                                 ………………… 15 ปีต่อมา …………………….




           



                                               บทสรุป ALIEN: Isolation


By Decibel per – oxide


ปี 2137 …บริษัท Weyland – Yutani

Amanda Ripley ลูกสาวของ Ellen Ripley ที่ทำงานเป็นวิศวกรของบริษัท Weyland – Yutani เช่นเดียวกับแม่ของเธอก็ดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อทางบริษัทแจ้งว่าพบตำแหน่งของกล่องดำของยาน Nostromo ที่สูญหายไปพร้อมกับแม่ของเธออยู่ที่สถานีบันทึกข้อมูล Sevastopol จึงไม่รอช้าที่จะจัดทีมเพื่อออกตามหา Ripley แม่เธอทันที



Amanda Ripley ลูกสาวของ Ellen Ripley ที่ทำงานเป็นวิศวกรให้กับบริษัท Weyland – Yutani เช่นเดียวกับแม่ของเธอ ในขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่ Samuel ก็เข้ามาทักทาย ซึ่ง Amanda ก็ยังแสดงความเย็นชาให้กับคนรอบข้างตามนิสัยของเธอทันที 15 ปีที่เธอต้องโตและต่อสู้ดิ้นรนมาอย่างโดดเดี่ยว ไม่แปลกเลยที่มันได้บ่มเพาะจนทำให้เธอกลายเป็นคนเย็นชาเช่นนี้ Amanda ปิดหน้ากากเชื่อมเหล็กใส่ Samuel อย่างไม่ใส่ใจ
Samuel – พวกเราคิดว่า เราพบตัวของเธอแล้ว แม่ของคุณน่ะ 
Amanda -  ที่ไหน ?
Samuel – ทางบริษัทแจ้งว่าพบตำแหน่งของกล่องดำของยาน Nostromo ที่สูญหายไปพร้อมกับ Ellen ซึ่งตามพิกัดที่ได้มาน่าจะอยู่บนสถานีบันทึกข้อมูล Sevastopol ที่ Zeta Reticuli พวกเขากำลังส่งยาน Torrens ไปที่นั่น ถ้าเราต้องลงที่จะติดยานนั้นไปด้วยอย่างช้าก็ไม่เกิน 2 วัน 
 Amanda – พวกเราหรอ ?
Samuel – ใช่ มีผมกับทีมวิจัยอีก 2 คนแล้วก็ คุณ ..ถ้าคุณต้องการน๊ะ ฟังน๊ะ Ripley ต้องแต่ข้อมูลรายงานนี้มาถึงโต๊ะผม ผมตรวจสอบประวัติหมดแล้ว ผมรู้ว่า ทำไมคุณถึงยังทำงานอยู่ที่นี่ทั้งๆที่คุณไม่เคยญาติดีหรือพอใจกับที่นี่เลย เพราะคุณกำลังตามหาบางอย่าง บางอย่างที่หายไปในชีวิตคุณไง ผมพูดถูกมั๊ย แล้วตอนนี้คุณยังรู้สึกอย่างนั้นหรือเปล่า ? ผมหาที่นั่งว่างในยานให้คุณได้น๊ะ …..




ยานสำรวจ TORRENS …หลายวันต่อมา แน่นอน Amanda มีหรือจะทนความยั่วยุของสิ่งที่เธอตามหามาตลอดชีวิตนั่นก็คือ แม่ของเธอ เธอตื่นขึ้นคนสุดท้ายในแคปซูลนอนของยาน



- เดินออกจากแคปซูลเข้าประตูแรกซ้ายมือเพื่อเข้าไปที่ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว สำรวจตูล็อกเกอร์เพื่อใส่ชุดแล้วสำรวจมอนิเตอร์ใกล้ๆจะรู้ว่าลูกเรือมีทั้งหมดแค่ 5 คนคือ Verlaine, Connor , Taylor , Samuel และตัวเธอเอง Amanda Ripley จากนั้นเข้าไปสำรวจโทรศัพท์ฉุกเฉินที่พนังซึ่งก็คือ จุดเซฟเกม นั่นเอง

                                      


 จากนั้นเข้าไปคุยกับทุกคนบนยานให้ทั่วๆโดยเฉพาะห้องประชุมควบคุมยานที่ Verlaine จะอธิบายภาระกิจให้ฟัง จากนั้นสำรวจแฟ้ม Briefing File บนโต๊ะทำงานกลางห้อง Samuel ก็จะบอกว่า ยานเดินทางมาถึงสถานีบันทึกข้อมูล Sevastopol แล้ว

ทันทีที่ยาน TORRENS มาจอดหน้าสถานีบันทึกข้อมูล Sevastopol แล้ว Verlaine พยายามติดต่อไปหาคนในสถานีอยู่นานจนมีเสียงขาดๆหายๆตอบกลับมา เจ้าหน้าที่ที่นั้นพยายามจะแจ้งบางอย่างกลับมาแต่คนบนยาน TORRENS ไม่สามารถฟังรู้เรื่องเลย เมื่อติดต่อกันไม่ได้ก็ไม่สามารถนำยานเข้าไปเทียบท่าที่สถานีได้ Verlaine จึงตัดสินใจส่งเจ้าหน้าที่ 3 คนคือ Taylor , Samuel และ Ripley เข้าไปในสถานี Sevastopol เพื่อซ่อมแซมระบบสื่อสารของยาน





เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ด้านในให้เปิดท่าเทียบยานให้ แต่ในขณะทั้ง 3 กำลังเกาะสายเคเบิ้ลเข้าไปที่สถานีก็โดนชิ้นส่วนของสถานีที่ลอยอยู่เข้ามากระแทกจนทั้ง 3 กระเด็นไปคนละทิศทาง แต่ Ripley สามารถเกาะที่ประตูลำเลียงของสถานีได้ แต่เธก็ไม่พบวี่แววของทั้ง 2 คน เธอจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในสถานีก่อนทันที …

         
- เมื่อเข้ามาด้านในแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือออกตามหาและช่วยเหลือ Taylor และ Samuel ก่อน จากนั้นเซฟเกมที่จุดเซฟแล้วเข้าไปด้านในได้เลย ช่วงแรกนั้นยังพอมีแสงให้คลำทางอยู่บ้างแต่พอเข้าไปจนถึงตรงช่วงแผ่นเหล็กที่วางพาดให้เดินผ่านจุดที่กำลังซ่อมแซม Ripley ก็ตกลงไปข้างล่างที่มืดจนมองอะไรแทบไม่เห็น เก็บพลุบนกล่องมาใช้แล้วเข้าไปด้านใน ก้มต่ำมุดผ่านช่องลำเลียงสัมภาระเข้าไปด้านในจนถึงบันได
- ปีนกลับขึ้นมาชั้นบน จะเข้ามาอยู่ส่วน Spaceflight Terminal เข้าไปด้านในต่อจนสุดทางตันจะเห็นไฟสีแดงกระพริบซึ่งก็คือประตูชัตเตอร์ที่ต้องไปเปิดพลังงานของมันก่อน หันหลังไปจะเห็นห้องควบคุมที่มีไฟสว่างอยู่ตรงข้ามประตูชัตเตอร์ เข้าไปกดปั๊มชาร์ตไฟที่แผงแบต 3 ครั้ง ตอนนี้ก็จะเริ่มเห็นพลังงานไฟฟ้ารอบๆพื้นที่จะกลับมาใช้งานได้แล้ว ซึ่งก็จะมองเห็นเจ้าหน้าที่บางส่วนที่โถงด้านล่างวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน ลองเข้าไปสำรวจแผงคอมด้านในถ้าลองฟังไพล์เสียงที่บันทึกไว้จะพบว่าพวกเจ้าหน้าที่พยายามที่จะปิดกั้นอะไรบางอย่างด้วยการตัดพลังงานทั้งหมดเอาไว้
- กลับไปเปิดประตูชัตเตอร์เข้าไปในส่วนร้านค้าด้านในจะพบว่าที่นี่ไร้ผู้คนและร้านทุกร้านปิดหมด ขึ้นบันไดไปที่ทางเดินด้านบน Ripley จะเห็นยาน TORRENS พยายามแล่นตามหาลูกเรือทั้ง 3 จากด้านนอก เธอจึงพยายามที่จะหาทางติดต่อกับทางยานให้ได้



Objective updated [ Contract The TORRENS ] 
- ลงไปชั้นล่างเข้าไปที่ทางเดินด้านในฝั่งขวาของโถงจะพบแผง Generator อยู่จัดการปั๊มชาร์ตพลังงาน 3 ครั้งไฟฟ้าในโถงนี้ก็จะกลับคืนมาทำให้ตอนนี้ประตูหลายๆประตูพอจะเปิดได้แล้ว มองหาห้องครัวที่อยู่ที่ฝั่งขวา เข้าไปเซฟเกม เก็บพลุ แล้วเปิดพื้นครัวกลางห้องมุดลงไปด้านล่าง คลานเข้าไปตามทางแล้วปีนขึ้นที่สุดทางจะเข้ามาที่โกดัง 42 มุดเข้าตู้คอนเทรนเนอร์เพื่อขึ้นไปที่ทางเดินด้านบน เดินเข้าไปจนสุดทางก็จะพบประตู 42 อยู่

   


ทั้ง 2 ด้านจะมีประตูเล็กซ้ายกับขวาที่ตอนนี้ประตูทางขวาเปิดได้บานเดียว เข้าประตูเล็กขวาไปในห้องจะพบแผง Generator อยู่จัดการปั๊มชาร์ตพลังงาน 3 ครั้งไฟฟ้าในนี้ก็จะกลับคืนมา


- กลับมาทางเดินกลางแล้วขึ้นบันไดทางขึ้นด้านซ้ายติดกับประตู 42 ขึ้นไปเข้าห้องด้านในจะมีที่เซฟอยู่ เข้าประตูข้างจุดเซฟไปในด้านในจะพบห้องเครื่องมือที่ถูกปิดและด้านในมีช่างซ่อมนอนตายอยู่

        





สำรวจดูทางมุมขวาของประตูจะมีช่องให้มุดเข้าไปด้านในจนสาารถปีนเข้ามาในห้องเก็บเครื่องมือจากช่องระบายอากาศด้านบนได้ เข้าไปเก็บประแจ Maintenance Jack ในมือศพมา


   


 ซึ่งเจ้าอุปกรณ์เอาไปใช้เปิดประตูที่มีตัวล็อคสีเหลืองตามที่ต่างๆได้ จากนั้นเปิดล็อคประตูจากด้านในออกมาแล้วกลับไปที่โถงทางเดินหลักก็จะสามารถใช้ Maintenance Jack เปิดประตูทางเชื่อม 42 ได้แล้ว




- ขณะที่กำลังจะเปิดประตู 42 Ripley จะโดนชายคนนึงที่กำลังหวาดกลัวเอาปืนมาจี้ เข้าพูดถึงบางสิ่งที่ฆ่าคนในนี้จนเกือบหมด เมื่อ Ripley พูดถึงยานของเธอทำให้มันเห็นทางที่จะหนีออกจากที่นี่ด้วย Ripley พยายามใจเย็นและถามชื่อมันจนรู้ว่าชื่อ Axel Ripley จึงพยายามต่อรองกับมันเพื่อให้มันพาเธอไปที่ห้องสื่อสารเพื่อติดต่อไปที่ยานโดยแลกกับการที่จะพา Axel หนีไปด้วย จนมันยอมตามขอตกลงในที่สุด

Objective updated [ Head to Transit Link With Axel]
- ใช้ Maintenance Jack เปิดประตูทางเชื่อม 42 ได้แล้ว เข้าไปจะพบเจ้าหน้าที่ John และ Ringo ที่แอบซ่อนอยู่ในนี้ Ripley พยายามจะขอให้ช่วยพาไปห้องสื่อสารพวกเขาช่วยได้แค่บอกว่าลิฟต์ขนส่งตัวในยังใช้ได้ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบหนีไปเสียก่อน เข้าไปด้านในจนถึงลิฟต์ที่สุดทาง ระหว่างที่ลิฟต์กำลังเลื่อนลงไป Axel ก็ได้แต่พล่ามถึงบางสิ่งที่เขาเรียกมันว่า สัตว์ประหลาดฆาตกร ที่กำลังจะฆ่าคนที่นี่ไปทีละคนจนหมด ถ้าไม่รีบหนีจากที่นี่ให้เร็วที่สุด




- เมื่อลิฟต์ถึงชั้นล่าง เดินตาม Axel ไป โดยที่มันจะสั่งให้ตามไปเงียบๆและห้ามใช้แสงต่างๆด้วย ทำให้การเดินทางที่นี่นั้นมืดมาก รีบ Save แล้วพยายามตามติด Axel ไปจะดีที่สุด เข้ามาที่ห้องทำงานด้านในจะพบเจ้าหน้าที่ 4 คนกำลังคุ้มกันที่นี่อยู่แถมยังได้รับคำสั่งให้ยิงทุกคนที่ไม่รู้จักที่จะบุกรุกเข้ามาด้วย Axel จึงวางแผนให้ Ripley ไปกดปุ่ม Generator เพื่อล่อมันไปอีกทางจะได้ผ่านเข้าไปด้านในได้

Objective updated [Find the Way to Distract the Looter]
– ค่อยๆย่องไปทางด้านขวาเลาะเข้าไปยังห้องด้านในฝั่งขวาจะพบตู้ Generator อยู่กดปุ่มปิดเครื่องแล้วงัดเปิดฝาพื้นที่อยู่ใกล้ๆลงไปด้านล่าง ระหว่างที่มุดเข้ามาพวกเจ้าหน้าที่จะออกจากไปตรวจดูตู้ Generator กันจนหมด เมื่อขึ้นมาจากพื้นก็จะเข้ามาถึงประตูด้านใน แล้ว Axel ก็จะวิ่งตามเข้ามาทันที

 Objective updated [Escape With Axel]
– ตาม Axel เข้าไปจนถึงประตูทางๆจุดเซฟตรงทางเดิน เข้าไปด้านในจนถึงประตูที่ล็อคอยู่ หันหลังไปจะเห็นแผง Generator ที่อยู่ระหว่างห้องซึ่งต้องให้ Axel ไปกดจากห้องอีกด้านพร้อมๆกัน แต่ระหว่างที่กำลังจะกดเจ้าหน้าที่คนนึงก็ลอบเข้ามาทำร้าย Axel เสียก่อน

Objective updated [Save Axel]
– รีบวิ่งไปหา Axel  ที่ห้องอีกด้านแล้วกด R2 Ripley จะใช้ Maintenance Jack ฟาดเจ้าหน้าที่จนสลบแต่ Axel ทันก็ดันลุกขึ้นมาใช้ปืนยิงเจ้าหน้าที่จนตายคาทีทันที ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เหลือตามเข้ามจากด้านนอกทั้งคู่จึงต้องรีบหนี รีบวิ่งตาม Axel เข้าไปที่ประตูด้านในที่เปิดออก เมื่อเข้าไปถึงด้านในขณะที่ Ripley กำลังต่อว่าที่ Axel  ลงมือฆ่าเจ้าหน้าที่จนตาย แต่จู่ๆ Axel ก็ถูกบางสิ่งลากเข้าไปในมุมมืดแล้วแทงร่างเขาทะลุจากด้านหลังต่อหน้าต่อตา Ripley  ทันที

Objective updated [Reach the Transit Station]
– ในขณะที่ Ripley กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งคิดว่าไอ้ตัวอะไรที่มันแทง Axel จนตายไป รีบวิ่งเข้าไปตามทางด้านในจนถึงส่วน Towerlink Transit System แล้วเข้าไปกดสวิตซ์สีเขียวที่ประตู Lorenz Systech Spire 02 แล้วรอจนกว่าลิฟต์ขนส่งจะเข้ามา



Objective updated [Get to Lorenz Systech Spire]
– ขึ้นลิฟต์มาจนถึง Lorenz Systech Spire Upper Level แล้วเดินเข้ามาต่อจนถึงโถงลิฟต์ด้านในซึ่งจะมีลิฟต์อยู่ 4 ตัว ถ้าจำทางได้แม่นอยากไปสำรวจเล่นเก็บไอเทมก็ขึ้นไปเก็บตามที่ต่างๆตามที่ลิฟต์มันเปิดใช้งานได้เลย จากนั้นเข้าไปที่ทางเข้าฝั่งขวาของโถงลิฟต์เข้าประตูสุดทางเดินด้านในแล้วเข้าไปที่ Lorenz Systech Lobby ต่อ



Objective updated [Take the Elevator up to Seegon Communication]
– เข้ามาถึงห้อง Lorenz Systech Lobby ที่ลิฟต์ตัวใหญ่ด้านในจะเห็นผู้หญิงคนนึงอยู่ที่หน้าลิฟต์ใหญ่ แต่เมื่อเธอเห็น Ripley เข้ามาจึงพยายามไปตามพวกมาช่วย เข้าไปสำรวจที่หน้าลิฟต์ใหญ่จะพบอุปกรณ์ Security Access tuner ของผู้หญิงคนนั้นตกอยู่ Ripley จึงรู้ว่าเธอพยายามที่จะ hack เพื่อเปิดประตูลิฟต์นี้อยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนเครื่องมือมันจะเสียหายอยู่ Ripley จึงต้องพยายามหาทางซ่อมมันเพื่อเปิดประตูลิฟต์

Objective updated [Fine Power Cell To Repair the Security Access tuner]
- แต่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็พาพวกของเธอมาด้วย Ripley ได้ยินเจ้าหน้าที่ผู้ชายอีก 3 คนที่เข้ามาพร้อมปืนครบมือว่าจะฆ่าเธอเพื่อความปลอดภัยแม้เจ้าหน้าที่หญิงจะพยายามห้าม Ripley จึงไม่มีทางเลือกที่ต้องจัดการพวกนี้ซะ จากนั้นก็ขึ้นบันไดซ้ายไปดักรอพวกมันที่กำลังมาแล้วใช้ Maintenance Jack ฟาดมันให้หมอบไปซะ สำรวจเก็บไอเทมจากตัวพวกมันมาให้หมด (เก็บได้แต่กระสุน ปืนเก็บไม่ได้น๊ะ)  ส่วนที่เหลืออีกคนก็กำลังตามมา แอบตรงลังแล้วลอบจัดการมันซะ



เดินมาที่ช่องทางด้านขวาล่างจะพบเครื่อง Access Rewire System ตรงข้ามประตูทางเข้า Tech Support เรียกรู้การปรับระบบพลังงานตามจุดต่างๆซึ่งสามารถปิด – เปิดอปุกรณ์ต่างๆที่เราต้องการใช้งาน ทั้งประตู ช่องระบายอากาศ หรือ แสงไฟ ซึ่งกรณีนี้ตอนนี้สามารถเปิดระบบ Speaker System ตรงกลางห้องล่อพวกศัตรูได้แต่ยังไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพราะพวกมันตายหมดแล้วนั่นเอง ) 

- จากนั้นเข้าประตู Tech Support ขวาล่างของแผนที่ไป ลงไปชั้นล่างเข้าไปยังห้องควบคุมทางฝั่งซ้ายในนั้นจะมีจุดเซฟ และปืน Revolver กับ Key card บนโต๊ะให้เก็บ เข้าไปด้านในของห้องจะพบประตูที่ปิดอยู่ ใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไป เข้าไปสำรวจให้ทั่วจะพบห้อง Sevastpol Work Archive อยู่





ทันทีที่เข้าไปด้านในประตูทางเข้าก็จะปิดล็อกทันที แต่ Ripley จะพบ กล่องดำ อยู่บนโต๊ะ ซึ่งเธอมั่นใจว่าเป็นของ USCSS Nostromo แน่นอนจึงพยายามจะกู้ไพล์กลับคืนมาแต่จะพบว่าที่บันทึกอยู่ทีแต่ไพล์เสีย




- สังเกตรอบๆห้องจะมีตู้บันทึกของมูลตั้งอยู่ กดสวิตซ์ตู้ที่เป็นสีเขียวจะทำให้ตู้เลื่อนไปทางซ้าย กดสวิตซ์เขียวตู้ต่อไปให้ตู้เลื่อนจนเปิดช่องด้านขวาให้เห็นที่เก็บ Power Cell อยู่บนชั้น เข้าไปเก็บมาซะ ก็จะได้ Security Access LV1 มา

Objective updated [Hack the Elevator Seegon Communication]





เอาเครื่อง Security Access tuner ที่ตอนนี้มันใช้ได้แล้วมาทดลองใช้กับประตูทางออกที่ปิดอยู่ โดยการหมุนจูนจนกว่าหน้าจอจะเป็นสีเขียวและมีรหัส Call back Code ขึ้นมา แล้วเลือกกดตัวรหัสด้านล่างให้ตรงกันก่อนเวลานับถอยหลังจะหมด ซึ่งต้องจูนหารหัสกี่ครั้งนั้นแล้วแต่ระบบของแต่ละประตู 

- ก่อนออกแวะเปิดห้องของหัวหน้า Porter ที่ปิดอยู่ใกล้ๆห้องที่มีคนตาย Hack เปิดประตูเข้าไปสำรวจเก็บไอเทมถ้าเปิดไฟล์เสียงบนโต๊ะจะพบข้อมูลที่หัวหน้า Porter รายงานไปยัง Marshal Waits กล่องดำของ USCSS Nostromo ที่ได้มานั้นไพล์ที่บันทึกอยู่เสียหายก่อนจะได้มาแล้ว จากนั้นหาทางกลับไปที่ลิฟต์ใหญ่ที่ Lorenz Systech Lobby โดยออกทางประตู Facility Control จนถึงโถงกลางของห้อง Tech Support จะพบว่าระบบรักษาความปลอดภัยเริ่มทำงานทำให้ประตูทุกด้านปิดจนหมด Ripley จึงต้องหาทางเปิดระบบของมันก่อน

Objective updated [Disable Security Lockdown]
- สำรวจดูใกล้ช่องทางด้านซ้ายทางไปยังห้องควบคุม(ที่เข้าไปเก็บปืน) ที่ทางถูกปิดอยู่ ตรงพนังจะมีช่องระบายอากาศอยู่มุดเข้าไปจะเข้ามาทะลุบริเวณฝั่งขวาของหน้าห้องควบคุมได้ Hack เปิดห้อง Tech Workshop เข้าไปด้านในสำรวจโต๊ะควบคุมกลางห้องเพื่อปิดระบบรักษาความปลอดภัยซะ หลังจากที่ช่องทางต่างๆถูกเปิดออก Ripley ก็เห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดค่อยๆออกมาจากช่องเพดาน ยังไม่ทันทีจะสังเกตแน่ชัดว่าเป็นตัวอะไรแต่สัญญาณของเธอบอกได้ว่ามันตัวอันตราย Ripley จึงรีบหลบทันที ก่อนที่จะเห็นหลังมันไวๆผ่านเข้าช่องประตู Facility Control ไป
- ตามมันเข้าประตู Facility Control ไปแล้วเปิดประตูซ้ายต่อจะออกมาที่หน้าห้องควบคุม เดินเข้าไปที่โถงบันไดทางที่เข้ามาตอนแรกแล้วขึ้นบันไดกลับขึ้นไปตามทางจนกลับมาที่ห้องโถงใหญ่ Lorenz Systech Lobby ได้ เข้าไปทำการ Hack เปิดลิฟต์ตัวใหญ่เข้าไปด้านในได้เลย


                                    


- Ripley ขึ้นมาถึงส่วน Seegon Communication ได้แล้ว สำรวจดูจะพบว่าที่นี่มีเพียงหุนแอนดรอย์ตัวเดียวที่ดูแลอยู่ Ripley พยายามจะขอความช่วยเหลือจากมันเพื่อถามทางไปยังห้องสื่อสารแต่ดูเหมือนมันจะถูกส่งให้ควบคุมที่นี่เท่านั้นทำให้ Ripley ต้องหาทางไปเองอีกเช่นเดิม จากนั้นเข้าไปยังห้องทำงานสุดทางเก็บไอเทมต่างๆและเก็บ Motion Tracker เครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวมาใช้ด้วย





 [กด R1 ในการใช้งาน ซึ่งนอกจากมันจะใช้จับความเคลื่อนไหวของสิ่งที่เคลื่อนที่อยูได้แล้วมันยังบอกทิศทางในสิ่งที่ Ripley กำลังหาอยู่หรืออะไรที่เป็น Objective สิ่งที่ต้องทำในภาระกิจนั่นแหละ โดยดูจากแถบสีขาวบนขอบของจอเรดาร์ ซึ่งอาจจะไม่ได้บอกอย่างชัดเจนแต่อย่างน้อยก็พอจะรู้ว่าจะต้องไปในทิศทางไหน ] 

– จากนั้นเข้าประตูตรงทางเข้าห้องทำงานจะเป็นบันไดขึ้นไปชั้นบนซึ่งมีจุดเซฟอยู่ เข้าไปด้านในทำลายล็อคเข้าประตูเล็กทางฝั่งซ้ายไปต่อ ด้านในจะเป็นห้องพัก เปิดประตูที่สุดทางเข้าไปด้านในจะเข้ามาถึงโถงทางแยก ทีมีประตูใหญ่ที่ทางเดินหลักและประตู 2 บานทางฝั่งขวา เข้าประตูเล็กทางด้านมุมของของประตูใหญ่ Hack เปิดประตู Maintenance เข้าไป ด้านในจะมีช่องระบายอากาศให้มุดเข้าไปด้านในได้ คลานเข้ามาจะเห็นชายคนนึงกำลังทะเลาะกับหุ่นแอนดรอย์จนโดนทำร้ายจนตาย แล้วคลานออกมาจนถึงทางเดินด้านในได้ เข้าไปกดเรียกลิฟต์ที่สุดทางเดินด้านขวาแล้วขึ้นลิฟต์ไปต่อที่ชั้นบนได้เลย

Objective updated [Contract Verlaine and The Torrents]
- เข้ามาในห้องโถงด้านใน Monitoring Hall  Ripley จะได้ยินเสียงวิทยุจาก Verlaine ติดต่อมาจากยาน Torrents แต่ด้านในมีหุ่นแอนดรอย์กำลังทำงานอยู่ไม่รู้ดีหรือร้ายแอบไว้ก่อนเป็นดี เข้าประตูใกล้ๆจุดเซฟจะมีบันไดขึ้นไปชั้นบน จะพบทางไป External Communication อยู่ทางซ้าย เข้าไปจนถึงห้องควบคุมที่สุดทางเดินสำรวจคอมที่แท่นควบคุม แต่ Ripley ก็ไม่สามารถเข้าใช้งานมันได้อีก



Objective updated [Fine an Alternate Communication Terminal]
- ออกจากห้องลงไปที่โถง Monitoring Hall ด้านล่าง ลอบหลบพวกแอนดรอย์ลงไปชั้นล่างสุดเข้าประตูใหญ่ไปในโถงทางเดินด้านในต่อ เข้าประตูเล็กทางขวาในห้องทำงาน Ripley จะได้ยินเสียงเรียกให้ช่วย ลงไปส่วนล่างเข้าไปในช่องทางด้านในห้อง Human Employee Recreation เสียงจะเริ่มดังขึ้น จนถึงกลางห้อง Ripley ก็ต้องตกใจจนเกือบล้มเพราะเจอแอนดรอย์ที่บาดเจ็บที่กำลังเข้ามาดึงตัว เธอจึงซ้ำเข้าไปอีกทีจนนิ่งไป ซึ่งก็จะได้ Blueprint มา



(แวะปรับแผงเครื่อง Access Rewire System ข้างๆประตูให้ Door Access เป็น Active ด้วยแรงไฟ 2 หน่วยเอาไว้ด้วย)

           

- เข้าประตูไปตามทางด้านในต่อ เส้นทางอาจดูกว้างแต่ทางไปจะบีบไปในทางเดียว ตอนนี้จะไม่มีทางแยกและไม่มีประตูอะไรที่ต้องปลดล็อค ตามเสียงวิทยุสื่อสารเข้ามาจนถึงห้องสื่อสาร Ripley ก็จะเข้ามารับวิทยุทันทีซึ่งคนที่ติดต่อมาก็คือ Samuel นั่นเอง





Ripley – Samuel ! คุณยังไม่ตาย นี่ Ripley น๊ะ คุณอยู่ไหน 
Samuel – Ripley ! พระเจ้า ผมกับ Tylor ยังอยู่ดี ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องโถงลิฟต์ Transit ที่ Scimed Tower ใกล้ๆกับห้องพยาบาล 
Ripley – โอเค Samuel ฟังน๊ะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย มันวุ่นวายไปหมด พวกแอนดรอย์หันมาโจมตีมนุษย์ แถมยังมีไอ้ตัวบางอย่างฆ่าคนที่นี่ไปเกือบหมดด้วย 
Samuel – มันเป็นไปไม่ได้ พวกแอนดรอย์ถูกควบคุมโดยสมองกลอัจฉริยะ” Apollo “ที่อยู่ที่นี่มันถูกโปรแกรมเอาไว้ ไม่สามารถทำอันตรายมนุษย์ได้แน่ๆ 
Ripley – ชั้นเห็นกับตาน๊ะ Samuel แล้วไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมันตัวอะไร !
Samuel – เดี๋ยว Ripley ใจเย็นก่อน อะไรน๊ะ สัตว์ประหลาด หรอ ?
Ripley – ชั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามันตัวอะไรแต่น่าจะเป็นพวกสัตว์ต่างดาวแน่ คุณกับ Tyler ..
Samuel – เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ Tylor เธอบาดเจ็บตอนที่ถูกอัดกระแทกด้านนอกยาน ผมเคลื่อนย้ายเธอไม่ได้เลย เราต้องการยากับเครื่องปฐมพยาบาลด้วยเลย Ripley
Ripley – แล้วยาน TORRENS ล่ะ ?
Samuel – ตอนนี้วิทยุผมใช้การไม่ได้ เรายังติดต่อกับ Verlaine ไม่ได้เหมือนกัน 
Ripley – แมร่งเอ้ย ..โอเค เดี๋ยวชั้นไปหาพวกคุณเอง ระวังตัวไว้ตลอดด้วยน๊ะ !

Objective updated [Return through Seegson Comm to Escape]
- ขณะที่กำลังออกจากห้องเมื่อยกเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวขึ้นมาดูก็จะพบสัญญาณการเคลื่อนไหวที่กำลังเข้ามาใกล้ 2 จุด ซึ่งจะเป็นพวกแอนดรอย์ที่อยู่ที่นี่กำลังเข้ามา หลบพวกมันออกมาจากห้องและทันทีที่มันเริ่มเห็นให้หาตู้ล็อกเกอร์เพื่อใช้ซ่อนตัวก่อน ซึ่งสามารถใช้เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวตรวจดูว่ามันไปไกลพอหรือยังก่อนที่จะหนีออกไปต่อ ตอนนี้มีเป้าหมายบอกทิศทางใน เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวขึ้นมาแล้วไปตามทิศทางนั้นได้เลย ซึ่งก็ต้องสังเกตและหลบหลีกจุดของพวกศัตรูด้วย (ก็ถือเป็นการฝึกหัดใช้ทักษะในการหลบหนีกับพวกแอนดรอย์ก่อนที่จะเจอสัตว์ร้ายตัวจริงแล้วกัน )
- ลอบย้อนกลับมาจนถึงลิฟต์ที่เข้ามาในตอนแรกออกมาที่ นั่งลิฟต์กลับมาแล้วมุดช่องระบายอากาศเดินที่เข้ามากลับไปตามทาง ซึ่งตอนนี้จะเป็นการย้อนทางเดิมยาวเลย ต้องอาศัยเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวในการดูทิศทางที่ต้องไปและหลบพวกแอนดรอย์ตามทางที่เจอด้วย ซึ่งจะต้องเดินทางย้อนผ่าน 2 ช่วงคือ

 


ฝั่งบนซ้ายของแผนที่ลากยาวมาจนถึงบริเวณจุดขวาล่างของแผนที่เพื่อเข้าลิฟต์ที่ใช้กลับไปยัง Lorenz Sys/tech Spire Lobby ต่อ

Objective updated [Take Transit to the Scimed Tower]




- เมื่อลิฟต์เดินทางมาถึง Lorenz Sys/tech Spire Lobby เปิดแผนที่ดูจะพบว่า Scimed Tower เป้าหมายที่จะไปนั้นต้องขึ้นลิฟต์ตัวขวาบนไป จากนั้นก็เดินเข้าไปตามทางเดินฝั่งซ้ายไปที่โถงลิฟต์กลางเพื่อขึ้นลิฟต์หมายเลข 4 ไปได้ที่ Scimed Tower เลย

Objective updated [Go to Samuel & Tylor]
- เมื่อลิฟต์มาถึงที่ Scimed Tower ก็จะพบ Samuel รออยู่หน้าลิฟต์เลย เขาจะพาไปหา Tylor ที่กำลังนอนบาดเจ็บอยู่ที่โถงลิฟต์ด้านในนี่เอง



Tylor – Ripley ใช่มั๊ย ? โอ้พระเจ้าเธอจริงๆด้วย 
Samuel – Tylor เธอการไม่ค่อยดีตอนนี้ต้องการเครื่องมือปฐมพยาบาลด่วน จริงๆห้องพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลแต่ผมไม่อยากทิ้งเธอไปไหน 
Ripley – ได้ ชั้นจะลองเข้าไปหาดู คุณช่วยดูเธอไว้ก่อนน๊ะ 
Samuel – ขอบคุณมาก ผมเองก็ต้องรีบซ่อมวิทยุสื่อสารด้วยก่อนที่ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมันจะโผล่มา 

- จากนั้นเข้าไปตามข่องทางเดินฝั่งซ้ายของแผนที่หรือประตูใกล้ๆกับลิฟต์ 2 ตรงที่ Samuel กับ Tylor อยู่ ตอนนี้มีตำแหน่งทิศทางของภาระกิจขึ้นใน เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหว ด้วยใช้มันในการนำทางซะด้วย เข้าประตูขึ้นบนไดมาด้านบน เข้าไปตามทางเดินด้านในจะเจอห้องพยาบาลแต่ในนั้นไม่มีใครอยู่เลย เข้ามาที่ลิฟต์ในห้องนั่งเดินทางมาที่ Magical Staff ต่อ


Objective updated [Get in to the San Cristobel Medical Facility]
- เมื่อมาถึงที่หมาย Samuel จะติดต่อมาบอกว่าประตูทุกประตูของที่นี่ถูกพวกทหารล็อกเอาไว้จนหมดแล้วต้องใช้ช่องระบายอากาศในการเดินทางเท่านั้น เดินเข้าทางฝั่งซ้ายของพื้นที่จนจะเจอช่องระบายอากาศอยู่ มุดเข้าไปจะเจอบันไดปีนขึ้นด้านบนจนถึงปล่องทางลงมาที่โถงทางเดินอีกด้านได้ ลงมาแล้วงัดเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวมาดูก็จะรู้ว่าต้องไปตามช่องเดินด้านขวาต่อ เข้าไปตามทางเดินด้านขวาจนถึงจุดเซฟก็จะถึงทางเข้าโรงพยาบาล San Cristobel Medical ซึ่ง Ripley ก็จะพบเจ้าหน้าที่ชายคนนึงอยู่ด้านในคลีนิค



Ripley – โทษค่ะ ชั้นต้องการความช่วยเหลือ 
Kuhlman – หวัดดี ผม Kuhlman 
Ripley – ชั้น Ripley ชั้นต้องการพบหมอด่วนเลย 
Kuhlman –ผมนี่แหละหมอ
Ripley – เพื่อนชั้นต้องการความช่วยเหลือ ยา หรือเครื่องมือปฐมพยาบาล อะไรก็ได้
Kuhlman – ผมก็เหมือนกัน …! ที่นี่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว แต่อาจจะมีที่ร้านขายยาที่ชั้นล่าง
Ripley – แล้วเราจะลงไปได้ยังไง ?
Kuhlman – เรา หรอ ? คุณไม่เห็นหรอว่าผมถูกขังอยู่ในนี้เนี้ย เอางี้ คุณต้องการให้ผมช่วย ผมก็ต้องการให้คุณช่วยเหมือนกัน ผมต้องการให้คุณไปหา Pass code ของลิฟต์มาให้แล้วผมจะได้ออกไปจากที่นี่กับคุณ โอเคมั๊ย
Passcode อาจอยู่ที่ห้องทำงานของ Morley หรือไม่ก็ Lingrard ลองไปหาดู

Objective updated [Find Morley office]

                        

– เข้าประตู Psychiatric Ward ทางขวาของห้องไป ถ้าฟังดีๆ Kuhlman ก็จะคอยวิทยุบอกทางให้ตลอด เข้าไปจนถึงด้านในโรงพยาบาล ในเข้าห้อง Day Room จะมีจุดเซฟอยู่ จากนั้นไปตามทางเดินด้านในจนสุดจะพบบันไดลงล่างไปที่ห้อง Senior Consultant  ที่สุดทางด้านใน Hack เปิดประตูเข้าไป จะเป็นห้องทำงานของ Morley สำรวจที่คอมบนโต๊ะเลือก Folder Shared ก็จะได้ Pass cord  1702 ของเธอมา แต่ Key Card นั้นไม่ได้อยู่ที่เธอ มันไปอยู่กับหมอที่ทำงานต่อจากกะของเธอต่อ

                                   
       

Objective updated [Find Dr. Morley‘s keycard office]
– ตอนนี้เมื่อได้ Pass Code มาแล้วจะทำให้เปิดประตูที่ต้องการ Pass Cord ได้เกือบทุกประตู แต่เมื่อย้อนกลับออกมาตรงทางเดิน ตรงหน้าห้อง Nurse Station ช่องเพดานก็หลุดออกมาพร้อมเจ้าตัวร้ายเอเลี่ยนที่ไหลตามลงมาด้วย รีบเข้าไปตามช่องทาง Nurse Station – Staff Quarter ทางด้านซ้ายให้เร็ว เข้ามาจนถึงหน้าห้อง Staff Quarter ก็จะพบเอเลี่ยนเดินอยู่หน้าห้องพอดี แอบรอจนกว่ามันจะเข้าไปในห้อง Day Room ก็ใช้ [Pass cord  1702] เข้าไปในห้อง Staff Quarter ได้เลย
- เข้าไปในห้องพักเจ้าหน้าที่ คอยตรวจความเคลื่อนไหวเอเลี่ยนให้ดีๆด้วยเพราะมันเพ่นพ่านอยู่แถวๆนี้แหละ ซึ่งก็มีตู้ล็อกเกอร์ที่ใช้หลบได้เมื่อภัยมา ในห้องพักพนักงานจะมีบาร์ดตารางงานอยู่ เข้าไปสำรวจชื่อของ Dr. Morley ที่เป็นแถบสีส้มด้านบนก็จะพบหมอที่ทำต่อจากกะของ Dr. Morley ซึ่งก็คือหมอ Purcell ก็จะได้หมายเลขห้องตรวจของ Dr. Morley มาคือ A – 29




Objective updated [Investigate Room on Dr. Morley Round ]
- จากนั้นเข้าประตูในห้องพักพนักงานไปต่อ เดินเรียบทางเดินด้านขวาไปจนถึงประตูที่สุดทางเดิน จะเข้ามาโซนห้องตรวจคนไข้ เดินลงที่ห้อง A – 29 ที่ทางเดินด้านล่างเข้าไปสำรวจศพหมอ Purcell ก็จะได้ Key Card มา

                        


        




Objective updated [Return to Dr. Kuhlman]






- จากนั้นก็ต้องเดินทางกลับไปหา Dr. Kuhlman ตรงหน้าทางเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง ซึ่งจะย้อนกลับทางเดิมหรือจะเข้าห้องตรงข้ามห้อง A – 29 เข้าไป Hack เปิดเส้นทางใหม่ออกมาที่ทางเดินด้านนอกก็ได้ ซึ่งสามารถดูเป้าหมายได้จากทั้งในแผนที่หลักและจากทิศทางของเครื่องตรวจความเคลื่อนไหว เมื่อเดินทางกลับมาจนถึงห้องของ Dr. Kuhlman ได้แล้ว



 เขาก็จะเตรียมเก็บของแล้วออกจากห้องไปกับ Ripley แต่ในขณะที่กำลังออกจากประตูหลัง ทันทีที่เปิดประตูเจ้าเอเลี่ยนก็โผล่ออกมาแล้วลากหมอ Kuhlman ไปต่อหน้าต่อ Ripley ทันที Ripley จำต้องเปลี่ยนแผนเพราะหมอโดนเขมือบไปแล้ว เธอจึงต้องลงไปหาเครื่องมือปฐมพยาบาลที่ชั้นล่างด้วยตัวเอง จากนั้นกลับไปที่ลิฟต์ที่ขึ้นมาแล้วใช้คียการ์ดที่ลิฟต์เพื่อลงมาที่ชั้นล่างของโรงพยาบาลต่อ

Objective updated [Find A Trauma Kit]

          



– เมื่อลงมาถึงโรงพยาบาลชั้นล่างก็จำเป็นต้องระวังเจ้าเอเลี่ยนเอาไว้เหมือนเดิม เข้าไปตามทางเดินสังเกตประตูกลางตรงทางเดินตรงกันข้ามกับช่องระบายอากาศจะมีกระบองไฟฟ้า Stun Baton เสียบคาอยู่เข้าไปดึงมาไว้ใช้ซะ แล้วก็จะทำให้เข้าประตูกลางนั้นไปได้ด้วย

   





 ด้านในจะมีช่องใส่ถัง Coolant อยู่ที่แท่น 4 ถัง 2 ช่องด้านขวานั้นถัง Coolant จะหายไป 1 ถัง ดัน 2 ถังฝั่งซ้ายของห้องให้เข้าที่แล้วจะทำให้ไอเย็นออกมาฆ่าเชื้อที่ห้องด้านซ้าย ซึ่งจะทำให้เข้าห้องทางซ้ายที่สุดทางเดินได้ เข้าไปเก็บถัง Coolant ในนั้นมาแล้วเอามาใส่ที่ช่องใส่ถังทางขวาให้ครบแล้วดันให้เข้าที่จะทำให้ไอเย็นออกมาฆ่าเชื้อที่ห้องด้านขวา ห้องแรกตรงกันข้ามกับลิฟต์ก็จะสามารถเข้าไปได้แล้ว ในห้องจะมีเครื่อง Rewire System อยู่ ปรับไปที่ห้อง Cold Chamber แล้วปรับช่องระบายอากาศ Vent Access ให้เป็น Active ซะ



Objective updated [Investigate Lingard’s for information]
- จากนั้นไปช่องระบายอากาศที่พนังตรงสุดทางเดินด้านในห้องที่ใส่ถัง Coolant จะเปิดออกแล้ว มุดเข้าไปด้านในจะเข้ามาถึงส่วนของห้องพักในเขต Primary Care แล้วเข้าไปในห้อง Security Desk ในนี้จะมีจุดเซฟอยู่ สำรวจที่คอมบนโต๊ดู Folder Personal ในหัวข้อ Morley Update Code จะเห็นรหัส 2505 จากนั้นสำรวจแผงใส่รหัสที่ตู้ทางขวาของโต๊ะทำงานใส่รหัส 2505 เก็บ Key card ด้านในมา จากนั้นเอา Key card ไปเปิดประตูในห้องทางซ้ายที่ติดๆกันก็จะเข้าส่วนในต่อได้




Objective updated [Search Operating Theater for Trauma Kit]

    
                    
   
- เข้ามาถึงส่วน Reception เดินเข้าไปตามทางเดินด้านล่างของแผนที่จนมาถึงประตูใหญ่สุดทาง เข้าไปด้านใน ใช้เครื่องตรวจจับการเครื่องไหวตามเป้าหมายของ Objective ไป ซึ่งต้องผ่านประตู S3 – S5 เลี้ยวซ้ายเข้าไปจนถึงห้อง Operating Theater จะพบกล่องยาบนโต๊ะในห้อง

Objective updated [Access San Cristobal Medical Reception]
- จากนั้น Samuel จะติดต่อมาบอกตำแหน่งของลิฟต์ที่ใกล้ที่สุดซึ่งจะอยู่ตรงจุดต้อนรับของโรงพยาบาล ออกจากห้องแล้วเลี้ยวขวากลับมาที่ทางเดินหน้าประตู S3 – S5 จะเห็นฝาที่พื้นที่ตอนขามามันปิด แต่ตอนนี้มันเปิดแล้ว มุดเข้าไปจนมาอีกด้านขวาบนของแผนที่

         



Objective updated [Initiate San Cristobal Medical Evacuation Procedures]

  



– โผล่ขึ้นมาที่ Power Plant จะเจอเครื่องปั่นไฟ จัดการปั๊มไฟให้เครื่องเติมพลังหุ่นแอนดรอย์ที่กลางห้องเริ่มทำงาน  จะทำให้แอนดรอย์เริ่มออกทำงาน หลบพวกมันเข้าไปที่แท่นควบคุมกลางห้องใช้เครื่อง Hack ปิดการทำงานของมันซะ ก็จะทำให้ประตูด้านซ้ายเปิดออกแล้ว

Objective updated [Escape Though San Cristobal Medical Reception]
- หนีออกทางประตูซ้ายผ่านห้อง Operating Theater ลากยาวไปทางซ้ายจนสุดจนถึงประตูทางออกของส่วน Reception ระหว่างทางสัญญาณเตือนภันที่ดังไปทั่วทำให้เป็นตัวเรียกแขกให้เอเลี่ยนเข้ามาที่นี่ เมื่อ Ripley ออกมาจากส่วน Reception ที่เค๊าท์เตอร์ประชสสัมพันธ์นั้นเต็มไปด้วยถังน้ำมันพ่วงระเบิดมากมายที่พวกที่รอดชีวิตพยายามทุกวิธีที่จะฆ่าเจ้าเอเลี่ยน แล้วเธอจะพบกับเอเลี่ยนที่ลงมาจากช่องเพดานแบบเต็มๆ แต่ในขณะที่มันกำลังเข้ามาขย่ำเธอก็ ประกายไฟก็ทำให้ระเบิดกองใหญ่เกิดการระเบิดขึ้นทำให้เอเลี่ยนกระเด็นหายไปจน Ripley รอดมาได้




- ตอนนี้ในพื้นที่จะเต็มไปด้วยไฟไหม้จากการระเบิดไปทั่ว จากนั้นรีบหนีออกจากที่นี่โดยปีนขึ้นบันไดตรงเค๊าเตอร์กลางห้องที่เป็นจุดเกิดระเบิดนั่นแหละ ปีนเข้ามาตามช่องใต้เพดานตาทางจนมาออกที่หน้าทางเข้าลิฟต์พอดี ขึ้นลิฟต์ไปที่ Seegson Synthetics ต่อ เมื่อเข้ามาแล้ว เขตนี้ทุกประตูก็ใช้ไม่ได้เพราะเกิดไฟไหม้ไปทั่วเช่นกัน มองหาช่องระบายอากาศที่พนังทางฝั่งซ้ายแล้วมุดเข้าไปต่อตามทางจนออกมาที่หน้าลิฟต์ตัวใน แต่แผงควบคุมลิฟต์จะเสียหายอีก Ripley จึงต้องหาทางซ่อมมันให้เร็วที่สุด


Objective updated [Find Compression Cylinder to Repair Elevator] 




- Ripley จำเป็นต้องย้อนกลับเข้าใน Scimed Tower อีกครั้ง จุดที่ Ripley อยู่คือ ห้องโถง Technical Training ด้านในจะเต็มไปด้วยพวกทหารช่างที่รอดชีวิตซึ่งถึงจะเป็นมนุษย์ด้วยกันแต่พวกมันก็รวมกลุ่มเพื่อเอาตัวรอดจากที่นี่ด้วยทุกวิธีไม่เว้นแม้แต่การฆ่าเพื่อแย่งทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด จะสู้มันก็ได้เพราะปืนก็มีแต่ดูท่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ฉะนั้นจึงต้องหลบพวกมันจะดีกว่า จากลิฟต์ที่เสีย เข้าไปที่ช่องระบายอากาศที่พนังเข้ามาที่โถงตรงกลางจะเจอพวกทหาร 3 คนอยู่กลางห้อง หลบเลาะมาทางขวามุมห้องจะมีฝาเปิดเพื่อลงไปใต้พื้นได้ มุดลอดพื้นผ่านใต้พื้นที่พวกมันอยู่ไปจะผ่านมาขึ้นที่มุมห้องตรงบันไดด้านในที่มีทหารคุมอยู่ หลบมันปีนบันไดขึ้นไปที่ทางเดินด้านบนจนถึงห้องแรกของชั้นบนจะมีจุดเซฟอยู่
– ออกจากห้องแล้วไปต่อตามทางลาดสุดทางจะเจอประตู Synthetic Storage ด้านในแต่ก็จะเห็นเอเลี่ยนบุกเข้ามาฆ่าพวกทหารช่างที่อยู่กลางห้องจนหมด รีบเข้าประตู Synthetic Storage ไปจะเจอห้อง Component Storage ซึ่งมันก็ต้องใช้ Key card ในการเปิดเข้าไป ซึ่ง Ripley ก็ต้องไปหามาอีกตามเคย

Objective updated [Find the way to open the door to warehouse ]
- เข้าไปที่ประตูสุดทางต่อจะเข้ามาที่โกดังเก็บหุ่นแอนดรอย์ ซึ่งก็จะเจอแอนดรอย์ตัวนึงอยู่ในตู้เก็บ แต่มันเปิดไม่ได้จึงต้องหาทางไปหาที่ชาร์ตพลังงานให้มันก่อน เข้าไปที่ประตูอีกฝากของโกดังด้านในจะมีจุดเซฟและแบตเตอร์พิเศษ ซึ่งจะทำให้เครื่องมือ Security Access Tuner อัพเกรดเป็น LV 2 แล้วย้อนกลับไปที่หน้าห้อง Component Storage จะมีบันไดอยู่กลางทางเดินปีนขึ้นไปจะเจอจุดเซฟและเครื่อง Security Access ในห้องด้านใน Hack เปิดระบบพลังงานแล้ว Hack ประตูเข้าไปเก็บของในห้องชั้นบนให้หมด แล้วกลับไปที่ตู้เก็บหุ่นจะสามารถกดปุ่มเปิดการทำงานของมันได้เลย
- เจ้าหุ่นแอนดรอย์มันจะเริ่มทำงานของมันคือเข้าไปที่ห้อง Component Storage ซึ่งก็คือการเปิดประตูให้ Ripley ไปในตัว หุ่นแอนดรอย์ มันจะเดินเข้าด้านในโกดังจนโดนไฟฟ้าที่พื้นช็อตจนพัง อ้อมไปอีกด้านของโกดังด้านซ้ายของซากหุ่นที่นอนพังอยู่บนพื้นไฟฟ้าช็อต จะมีสวิตซ์ปิดกระแสไฟฟ้าอยู่ ปิดมันซะ แล้วกดสวิตซ์ยกเอาแท่นใต้พื้นขึ้นมาก็จะเจอ Compression Cylinder ข้างอยู่ในนั้น

                     



 จากนั้นก็กลับมาที่ลิฟต์ตัวที่เสียอยู่ เอา Compression Cylinder ไปซ่อมแล้วลงลิฟต์ไปที่ Synthetic Fluid Plant ได้เลย


Objective updated [Find the Exit to the Synthetic Fluid Plant]

    
- เส้นทางเอายากลับไปให้ Samuel กับ Tylor อีกไม่ไกลแล้ว ตอนนี้ Ripley เข้ามาถึงเขตโรงงานสังเคราะห์กากของเหลว เข้ามาที่ทางเข้า Faculty Admin Traction ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆในเครื่องตรวจจับแม้แต่ทิศทางของ Objective เข้ามาถึงห้องเซฟแรก จนถึงหน้าประตู Reception จะเริ่มพบพวกคนงาน 2 คนเฝ้าอยู่หน้าประตู แอบรอจนกว่ามันจะเดินไปอีกด้านค่อยเข้าประตู Reception ไป เก็บของด้านในให้หมดแล้วเข้าไปที่ลิฟต์ในห้องกลับสู่ห้องโถงลิฟต์ของ Scimed Tower ได้

        

- Ripley กลับมาที่ Scimed Tower ทางด้านลิฟต์ปีกซ้ายของพื้นที่ ต้องเดินไปทางฝั่งขวาอีกหน่อยก็จะถึงโถงลิฟต์กลางที่ Samuel กับ Tylor อยู่ เมื่อเข้ามาถึง Ripley ก็รีบทำการปฐมพยาบาล Tylor ทันที ซึ่งก็จะสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่ Marshal อยู่ที่นี่ด้วย 2 นาย




เจ้าหน้าที่ Wait – ผมสั่งชัดแล้วน๊ะว่าห้ามเข้ามาในพื้นที่นี้โดยเด็ดขาด !
Samuel – ผมก็บอกไปแล้วว่า พวกเรามาจากยานสำรวจ Torrents และพวกผมก็ไม่ได้ยินข้อความเตือนอะไรทั้งนั้น !  
Ripley – อย่าเยอะ คุณตำรวจ เราต้องรีบรักษาเพื่อนเราก่อน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่นี่แล้วพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยที่นี่ไปไหนหมด 
เจ้าหน้าที่ Wait – คุณก็ดูพวกเขาสิ เป็นบ้ากันหมด
Ripley – ชั้นเห็นไอ้ตัวบ้านั่น ที่มันกำลังฆ่าทุกคนที่นี่ มันตัวอะไรแน่ !
เจ้าหน้าที่ Wait  – ผมเจ้าหน้าที่ Wait หัวหน้าของ Marshal แล้วนี่ลูกน้องผม Ricardo เท่าที่รู้ไอ้ตัวนั่นมันพร้อมกับยาน Anesidora ของกัปตัน Marlow 
Samuel - Ripley..! ยาน Anesidora นั่นแหละที่เจอกล่องดำของ USCSS Nostromo 
Ripley – คุณตำรวจ ตอนนี้ที่นี่ไม่มีที่ไหนปลอดภัยแล้วคุณต้องทำการอพยพให้หมด
เจ้าหน้าที่ Dunno – ไอ้พวกแอนดรอย์บ้านั่น 
Samuel – ฟังน๊ะ Ripley ตอนนี้ Tylor ยังไม่ปลอดภัยน๊ะ เธอยังต้องการรักษามากกว่านี้ 
เจ้าหน้าที่ Wait – ที่ศูนย์บังคับการณ์ของเราพอมี อุปกรณ์ช่วยชีวิต อยู่ แต่ลิฟต์ที่จะไปที่นั่นมันใช้ไม่ได้ ห้องควบคุมลิฟต์อยู่ชั้นบนของที่นี่ เห็น Samuel ว่าคุณเป็นวิศวกร น่าจะพอซ่อมอะไรมันได้บ้างน๊ะ 
Samuel – งั้นรีบเลย Ripley

Objective updated [Get to Transit Control]


   


–ห้องควบคุมลิฟต์เป้าหมายนั้นอยู่ทางฝั่งขวาของแผนที่หรือช่องทางเดินฝั่งซ้ายจากที่ Samuel อยู่ เข้าประตูเล็กไปแล้วงัดกุญแจเปิดประตูลิฟต์ออกแล้วขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนต่อจนถึงห้องควบคุมลิฟต์ Ripley รีบเข้าไปที่แท่นควบคุม แต่ดูเหมือนจะมีใครพยายามปิดระบบหลักของมันจนดับไป จากนั้นเจ้าหน้าที่คนนึงจะเข้ามาในห้องเพื่อตรวจดู มันมาแค่คนเดียวไม่ต้องหลบให้เสียเชิงหาทางลอบเข้าไปอัดมันซะแล้วค่อยเข้าไปที่แผง Generator ที่พนังเพื่อปั๊มไฟขึ้นมาอีกครั้ง ห้องควบคุมลิฟต์ก็จะใช้งานได้อีกครั้ง แต่จะพบว่าพวกแอนดรอย์จะพังประตูเข้ามาแล้วทำลายลิฟต์จนเสียหาย รีบเข้าไปสำรวจเปิดการทำงานที่แท่นควบคุม ก่อนที่เจ้าพวกแอนดรอย์มันจะเข้ามาขัดขวาง ตอนนี้ลิฟต์ที่ขึ้นมาง่ายๆนั้นใช้ไม่ได้แล้ว



- จากนั้นเข้าทางประตูตรงมุมขวาของลิฟต์เข้าไปในห้องด้านในที่มีจุดเซฟเก็บ Cutting Touch บนโต๊ะมาแล้วย้อนออกมาที่ห้องควบคุม ใช้ Cutting Touch ตัดที่ปิดช่องระบายอากาศที่มุมซ้ายของตู้ล็อกเกอร์ออก (จะขึ้นให้ว่า Use Cutting Touch)
            
แล้วมุดเข้าไปตามทางจนมาทะลุออกที่ ห้องทำงานด้านในเปิดประตูออกมาก็จะออกมาที่ห้องโถงลิฟต์กลางได้แล้ว

                                    

- แต่ที่โถงลิฟต์ตอนนี้จะไม่พบใครเพราะพวกเจ้าหน้าที่ได้พา Samuel และ Tylor เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เข้าไปกดสวิตซ์เรียกลิฟต์หมายเลข 2 พวกเจ้าหน้าที่จะลงมาพร้อมลิฟต์จะหาที่แอบตามตู้หรือซักมันให้หมดก็สุดแล้วแต่ จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์หมายเลข 2 เดินทางไปที่ Solomons Habitation Tower ต่อได้เลย





- Ripley ออกมาจากทางลิฟต์หมายเลข 3 ในโถงลิฟต์ที่ Solomons Habitation Tower แล้วเข้าไปตามช่องทางฝั่งเดียวกับจุดเซฟ เจ้าหน้าที่ Wait จะติดต่อมาว่าตอนนี้ทุกคนอยู่ที่ Marshal Bureau ให้ Ripley ขึ้นบันไดมาจนสุดแล้วเลี้ยวขวาก็จะพบ เดินเข้ามาด้านในสุดทางของโถงก็จะพบสถานี Colonial Marshal ด้านในจะพบพวกเจ้าหน้าที่ที่กำลังเริ่มจะสติแตกแต่โชคดีที่พวกเขายังเป็นมิตร เข้าห้องทำงานด้านในก็จะพบ เจ้าหน้าที่ Wait 

เจ้าหน้าที่ Wait – ใจเย็น ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว Samuel ดูแลอยู่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ผมกำลังยุ่งๆอยู่ อ่อ แล้วก็ ถ้าอยากเข้าไปคุยกับ กัปตัน Marlow ถึงเรื่องกล่องดำอะไรของเธอ ก็ลองไปคุยกับมันในคุกด้านในได้เลยน๊ะ 

- เดินเข้าไปที่ห้องขังห้องแรกทางด้านซ้ายก็จะพบกัปตัน Marlow ในห้องขัง



Ripley – Marlow หรอ ?
Marlow – ใครอยากรู้ 
Ripley – ชั้นชื่อ Ripley เป็นคนของบริษัท Weyland – Yutani 
Marlow – ได้ไอ้กล่องดำเปล่าๆนั่นแล้วไม่ใช่หรอจะเอาอะไรอีก 
Ripley – ชั้นมาด้วยเหตุผลอื่น ชั้นตามหาแม่ที่หายตัวไปพร้อมยาน USCSS Nostromo เมื่อหลายปีก่อน 
Marlow – เอาจริงดิ จะบ้าหรอ เราไม่ได้พบยานนั่น เราเจอแค่กล่องดำต่างหาก 
Ripley – แน่ใจน๊ะว่าไม่ได้เจอหลักฐานอื่นอีก แล้วมันเกิดอะไรที่ข้างนอกนั่น !
Marlow – ถ้าอยากรู้มันก็คงต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยเพราะผมก็อยากจะออกจากคุกบ้านี่เหมือนกัน 
Ripley – ได้ตามนั้น ! เริ่มกันเลย บอกทุกอย่างที่นายรู้มาให้หมด 



ทีมสำรวจของ Marlow กับลูกทีมอีก 3 คน Foster, Heyst และ Bizarre ถูกมอบหมายจากทาง บริษัท Weyland – Yutani ให้มาสำรวจหายาน USCSS Nostromo ตามพิกัดที่พวกเขาได้มาที่ดาวแห่งหนึ่ง (ในเกมไม่ได้บอกแต่ดูจากบรรยากาศแล้วสันนิฐานว่าคือ ดาว LV – 426 ตามภาพยนต์เรื่อง Prometheus นั่นเอง ) สิ่งที่ต้องทำก็แค่มองผ่านมุมมองของ Marlow ที่มันเล่าให้ฟังแล้วกด R1 สแกนหาคลื่นสัญญาณไปตามทางเท่านั้น 



ท่ามกลางสภาพอากาศที่สุดเลวร้ายทีมของ Marlow ต้องทำทางเข้ามาตามสัญญาณเข้ามาจนพบยานอวกาศลึกลับขนาดใหญ่ รูปทรงที่แปลกประหลาดที่เห็นทุกคนต่างก็รู้ทันทีว่า มันไม่น่าใช่ฝีมือมนุษย์ (ซากยานต่างดาวลำนี้ในภาพยนต์เรื่อง Prometheus มันถูกเรียกว่า Derelict) 



ทันทีที่ทีมทั้งหมดตัดสินใจตามสัญญาณต่อเข้าไปในยานลึกลับลำนี้จนถึงโถงใหญ่ด้านในยานทุกคนก็ต้องตะลึงกับซากของสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์แต่ขนาดใหญ่กว่าหลายเท่านั่งอยู่บนเครื่องจักรประหลาดบางอย่าง (ในภาพยนต์เรื่อง Prometheus เจ้าสิ่งนี้ถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า The Space Jockey) 




ด้านใน Marlow ได้พบกล่องดำของยานอวกาศวางอยู่ด้านในในระบุชื่อบนกล่องว่า USCSS Nostromo ทุกคนต่างคิดว่าถ้าลูกเรือของ USCSS Nostromo เคยมาที่นี่มาก่อนพวกเขาทิ้งกล่องดำไว้ในที่แบบนี้ทำไม ? หลังจากเก็บกล่องดำมาได้แล้ว Marlow ก็สั่งให้ลูกทีมให้สำรวจต่อ Foster กับ Heyst ลงไปสำรวจจนพบโถงห้องขนาดใหญ่ด้านใต้ลำยาน มันเต็มไปด้วยไข่รูปร่างประหลาดมากมาย ด้วยความอยากรู้ของ Foster เธอจึงพยายามจะแกะไขนั้นออกดู แต่ตัวประหลาดรูปร่างคล้ายมือ (Facehugger) ก็โผล่ออกมาเกาะใบหน้าเธอทันที ..!!  







          ( ซึ่งเป็นโศกนาฎกรรมที่ไม่เคยแตกต่างกันเลยของผู้อยากรู้ในจักรวาลของเอเลี่ยน )


Ripley – ชั้นต้องการรู้ทุกอย่างอีก Marlow ! ยานของนายอยู่ไหน บางทีถ้าขั้นหาข้อมูลในคอมอาจได้อะไรที่นายไม่รู้ก็ได้ 
Marlow – ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มต้องปล่อยผมไปก่อน
Ripley – เห็นจะยาก Marlow
Marlow – แค่นั้นหรอ ? เออ ถ้าอยากได้อะไรก็มาแล้วกัน รู้น๊ะว่าผมอยู่ที่ไหน
Ripley – ตามใจนาย !
Marlow – เดี๋ยวๆ มันอยู่ที่ Tech Spire โชคดีล่ะกัน
เจ้าหน้าที่ Dunno – เปลี่ยนแผนหรอ เชื่อมันได้หรอ ?
Ripley – ช่างเถอะยังไงชั้นก็จะไป 
เจ้าหน้าที่ Wait – โอเค เอาล่ะ มานี่ ผมมีอะไรจะให้เพื่อคุณจะใช้มัน 
Ripley – ปืนพ่นไฟ ! เยี่ยม เจ้าตัวประหลาดนั่นเจอเข้าได้เกรียมแน่ๆ
เจ้าหน้าที่ Wait – เอาล่ะ ลงลิฟต์ไปแล้วไปเจอกับ Ricardo ที่ Systech Spire ผมจะคอยประสานงานอยู่ที่นี่ ผมมีแผนที่จะจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นแล้ว ผมจะบอกแผนให้ระหว่างทางแล้วกัน



- จากนั้นเดินทางมาที่โถงลิฟต์ แล้วขึ้นลิฟต์หมายเลข 2 กลับมาที่ Lorentz Systech Spire เข้าไปตามช่องทางฝั่งขวาของแผนที่มาที่ห้อง Lobby ถ้าดูแผนที่จุดเป้าหมายสีเขียวจะอยู่ด้านขวาบนของพื้นที่ Ripley จะเข้าไปบอกเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในนี้ให้หนีออกจากห้องนี้ให้หมด ตามไปบอกกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ทั้งชั้นล่างและชั้นบน จากนั้นขึ้นไปบนชั้นลอยด้านบนเข้าไปด้านในประตู Tech Support ตามจุดเป้าหมายสีเขียวไป เข้ามาในเขต Apollo Mainframe System แล้วลงบันไดมาอีก 2 ชั้น




Objective updated [Get to the Server Hub]
- ถึงตรงนี้ Wait จะสั่งคำสั่งย่อยมาอีก 3 คำสั่งให้ Ripley ทำตามแผน เข้ามาจนถึงเค๊าท์เตอร์ Tech Support HQ ที่ด้านในมีจุดเซฟอยู่ และจะพบประตู Server Hub Reception ตรงสุดทางเดินที่ปิดอยู่ เลี้ยวไปตามเส้นทาง Server Hub Reception ทางแยกซ้ายต่อจนสุดทาง ขึ้นบันไดไปชั้นบนจนเห็นประตู Seegson Security - Tech Support ทางขวาก็เข้าไปด้านในส่วน Maintenance Access สำรวจแท่นคันโยกทางขวาข้างประตูด้านในสุดเพื่อทำการขันปิดประตูทางเข้าออกของส่วนนี้ซะ ก็จะจบคำสั่งแรก Lock down Maintenance Access Corridor

           


Objective updated [Seal of the Stairwell]
- ย้อนออกจากห้องแล้วขึ้นบันไดที่โถงไปชั้นบนสุด เข้าประตูด้านในไปจะมี 2 ทางแยกถ้าไม่เก็บไอเทมทางห้องฝั่งขวาก็เดินไปตามทางเดินฝั่งซ้ายได้เลย เก็บจุดอัพเดทแผนที่แล้วเข้าไปจนสุดทางจะพบตัวล็อกประตูอยู่ จัดการขันเพื่อล็อกประตูทางขึ้นบันไดได้เลย ประตูทุกด้านของเขตนี้ก็จะปิดหมด ก็จะจบคำสั่งที่ 2 Lock down Seal of the Stairwell Corridor



Objective updated [Lock down Server Hub Reception Corridor]

                            

- จากนั้นหันหลังกลับย้อนกลับมาเข้าประตูขวาที่ทางเดินก่อนถึงโถงบันได เข้ามาก็จะเจอตัวล๊อกหน้าห้อง Server Hub Reception อยู่ด้านซ้ายเข้าไปขันมันเพื่อล็อกประตูทั้งหมดของเขตนี้ซะ แต่จู่ๆเจ้าเครื่องล็อกตัวนี้ก็เกิดเสียหายทำให้เกิดผลตรงข้ามคือประตูทุกประตูเปิดออกจนหมดแทน ตรงเข้าไปในห้อง Server Hub Reception Ricardo จะติดต่อมาให้เข้าไปใช้โปรแกรมล็อกฉุกเฉินเพื่อปิดมันแทน ซึ่งเขาจะส่งไพล์มาให้อัพโหลด

Objective updated [Activate Ricardo Override Command]

                                 

- ตรงเข้าไปด้านในห้อง Server Hub Reception จะเห็น Ricardo อยู่ในห้องทำงานด้านใน จากนั้นดูข้อมูลในคอมบนโต๊ะหน้าห้อง

                               

ค้นหา Folder Shared จะเจอไพล์ที่ Ricardo ส่งมามันจะมีรหัส 7789 อยู่ เอาไปเปิด Folder บันทึก Audio แล้วเปิด Folder Utility จะเจอไพล์ Initiate Lock down ระบบปิดประตูฉุกเฉินก็จะทำงานแล้ว จากนั้น Ricardo จะบอกให้ไปทำการ Lock Down Server หลักต่อ



Objective updated [Lock down Server farm]





  


- เข้าไปด้านในห้องสุดทางเดินจะเห็นประตู Server farm อยู่ กดดูแผนที่เป้าหมายสีเขียวจะขึ้นให้ในส่วนในฝั่งซ้าย เข้าไปจนถึงจุดเป้าหมาย ด้านในจะพบห้องควบคุม Server อยู่ จัดการ Hack เพื่อปิดระบบของมันซะ แล้วประตูด้านในห้องจะเปิดให้ แต่ประตูทางออกทางเดียวของ Ripley ก็เกิดการติดขัดขึ้นอีกแล้ว มันเปิดได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ขณะที่เจ้าแอนดรอย์บ้าจะเข้ามาตรวจสอบ พยายามหลบมันเอาไว้จนกว่า Ricardo จะแก้ไขจนเปิดประตูที่ค้างอยู่จนสำเร็จ จากนั้นก็รีบหนีออกมาได้เลย เมื่อหนีกลับมาจนถึงโถงทางลงบันไดแล้ว Wait จะแจ้งมาด้วยความเป็นห่วงว่า Ripley จะหนีออกมาไม่ได้เพราะทุกทางถูกปิดจนหมดแล้ว เขาจึงให้หนีออกมาทางลิฟต์ที่ Gemini Lab แทน

Objective updated [Take the Elevator to Gemini Exoplanet Solution]

   



- จากนั้นจุดเป้าหมายสีเขียวจะขึ้นมาที่ชั้น 2 ของห้อง Lorentz Systech Spire Lobby ย้อนกลับมาถึงห้อง Lobby นั้นตามแผนที่แล้วขึ้นมาบนทางเดินชั้น 2 ทางทิศใต้ของแผนที่จะเจอลิฟต์ไปที่ Gemini Exoplanet Solution ต่อ

Objective updated [Restore Access to Distribution]
– เมื่อมาถึง Gemini แล้วจะพบจุดเซฟในห้อง เซฟแล้วเข้าประตูไปยัง Tower Link ในห้องจะเห็นผู้รอดชีวิตที่นั่งรอความตายอยู่ที่นี่คนนึง เข้าประตูทางขวาของเค๊าท์เตอร์ไปต่อ เข้าไปตามทางเดินยาวประตูห้องตามทางไม่ต้องสนใจมันยังเปิดไม่ได้ เข้าไปจนสุดทางจะเจอประตูด้านซ้ายที่เข้าไปได้ เข้าไปที่หน้าประตูด้านบนของแผนที่จะเจอศพช่างนอนอยู่







 สำรวจเก็บ Plasma Torch มาจากมันมาจะทำให้ Cutting Torch อัพเกรดเป็น LV2 ทำให้ตัดประตูเข้าไปได้มากขึ้น จากนั้นก็ตัดประตูตรงหน้าแล้วเปิดเข้าไปด้านในได้เลย เข้าไปสำรวจคอมบนโต๊ะ ค้นใน Folder Shared จะเจอ Key Code 8897 อยู่ (จำเอาไว้ก่อน) จากนั้นเข้าไปตามทางต่อจนถึงโถงทางเดินด้านใน Wait จะติดต่อมาให้ทำการเปิดระบบของที่ Gemini ให้ออนไลน์ให้หมดต่อ

Objective updated [Find the Breakers to bring Gemini Facility Online ]
- Wait จะบอกที่อยู่ของ Breaker ที่ต้องเปิด 2 จุดคือ ใน Analysis Lab และ Decontamination Room ลองเปิดแผนที่ดูก็จะพบจุดเขียวเป้าหมายที่อยู่ส่วนล่างของแผนที่ถึง 2 จุด



- เดินทางมาที่จุดเขียวทางขวาก่อนเพราะใกล้สุด โดยการมุดผ่านทางเชื่อมสีแดงเข้ามาที่ช่องเก็บท่อกลางแล้วค่อยอ้อมขึ้นไปเข้าประตูห้อง Analysis Lab ด้านบน ด้านในจะพบเครื่องควบคุม Breaker ตรงกลางห้องแต่จะไม่สามารถใช้งานได้ (แต่ต้องจำตำแหน่งเอาไว้ให้ดีด้วย) ฝั่งขวาของแผนที่จะมีจุดเขียวขึ้นมาใหม่ซึ่งก็คือบันไดตรงหน้าจุดเซฟ ปีนขึ้นไปด้านบนแล้วเข้าไปตามทางจนถึงประตูด้านใน เข้าไปในห้องสำรวจคอมดู Folder Shared ดูไพล์ Gemini Shutdown จะเห็นรหัส Security Locker 2743 และ ไพล์ Getting out จะเห็นรหัสกล่องใส่ Key Card 2707 (เก็บไว้ใช้เปิดหาไอเทม)

                   





- จากนั้นเข้าห้องทดลองด้านในจะพบตัว Breaker ตัวเล็กที่พนังจัดการสับมันซะก็จะสามารถ Reset พลังงานในห้อง Analysis Lab จุดแรกได้แล้ว เสร็จแล้วมุดช่องระบายอากาศที่มีคราบเมือกตามทางอยู่นั่นแหละเข้าในห้องที่ปิดอยู่ เก็บไอเทมให้หมดแล้วค่อย งัดกุญแจล็อกกลับออกมาที่บันไดลงชั้นล่างต่อได้




- เดินทางมาที่จุดเขียวฝั่งล่างตามทางในแผนที่ซึ่งจะเป็นห้อง Decontamination Room ก็จะพบตัว Breaker อยู่ที่พนังด้านใน จัดการสับ Reset มันซะ ก็จะเสร็จภาระกิจในการ Reset พลังงานในส่วน Gemini

Objective updated [Initialize the Distribution Conduit]
- เมื่อ Reset Breaker ทั้ง 2 จุดแล้วก็เดินทางกลับไปที่ห้อง Analysis Lab อีกครั้ง เจ้าเครื่องควบคุมตรงกลางพื้นที่จะใช้งานได้แล้ว สำรวจที่คอมเข้าไปที่ Folder Utility แล้วเลือกไพล์ Distribution Conduit หุ่นแอนดรอย์ในแคปซูลจะออกมาทำงานที่แท่นควบคุม เข้ามาที่ตัวแผงคัทเอ๊าท์ที่อยู่ด้านหลังแคปซูล 2 ตัวก็จะมีพลังงานสามารถสับคันโยกได้แล้ว สับมันให้หมดทั้ง 2 แผง ก็จะทำให้ลิฟต์ในเขต Gemini ทำงานแล้ว



                        








Objective updated [Take the Freight to Project KG348]


          


- จากนั้นถ้ากดดูแผนที่จะมีจุดเขียวเป้าหมายขึ้นมาที่ฝั่งซ้ายล่างของแผนที่ เดินทางเข้าประตู Distribution ด้านตรงข้ามตรงที่สับคัทเอ๊าท์ไปต่อ เข้ามาจะเจอเอเลี่ยนอยู่ตรงหน้าพอดี แต่มันจะโดนสารบางอย่างทำให้ต้องปีนข้ามหัว Ripley หนีขึ้นช่องใต้เพดานไปก่อน ทางจะไปที่จุดหมายสีเขียวได้นั้นต้องย้อนกลับไปทางห้อง Analysis Lab ออกทางประตูด้านบน แล้วมุดผ่านช่องผ่านทะลุผ่านช่องเก็บท่อตรงกลาง อ้อมกลับมาที่ Lorentz Systech Spire Lobby ตามทางที่เคยมาจนถึงโถงลิฟต์ Tower Link แล้วเข้าประตูลงไปด้านล่างก็จะพบลิฟต์ขนของที่จะลงไปที่ Project KG348 แล้ว


Objective updated [Access the Project KG348 Research Lab]

    




- เข้ามาถึงชั้นใต้ดินแล้ว เปิดดูแผนที่จะพบจุดเป้าหมายสีเขียวอยู่ด้านบนขวาใช้เครื่องตรวจจับนำทางไปขนถึงบันไดที่จุดหมายสีเขียวจะเป็นทางลงชั้นล่างต่อจนถึงห้อง Lab Project KG348





- เข้ามาที่ห้องควบคุมแรกที่มีจุดเซฟ จะมีคัทเอ๊าท์ Emergency Power Reset แล้วลงบันไดใกล้ๆจุดเซฟไปที่ห้องควบคุมด้านล่าง เข้าไปสำรวจคอมแล้ว Hack เปิดระบบของมันแล้วหนีออกจากที่นี่ได้เลย เพราะเจ้าเอเลี่ยนตัวร้ายมันเข้ามาถึงที่นี่แล้ว หลบมันเข้าประตูด้านในตามป้ายทางออก Exit ไปจนถึงประตูด้านในแต่มันกลับปิดก่อนที่ Ripley จะเข้าไปได้

จู่ๆสถานีก็ถูกอะไรบางอย่างชนจนเสียหายทำให้ห้องแล็ปที่ Ripley พลิกคว่ำพลิกหงายด้วยแรงดันสุญญากาศที่เข้ามา จนทุกอย่างกลับเป็นสภาพเดิม ตอนนี้แล็ปเสียหายไปทั่วไฟก็ดับจนแทบมืด สิ่งที่ทำได้คือรีบหนีไปที่ Air Lock โดยเร็วที่สุดด้วย เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวที่พึ่งหนึ่งเดียว หนีออกมาจนถึงทางเดินหลักจะเห็นป้าย Emergency Air Lock ชี้ไปทางซ้าย รีบเข้าไปได้เลย ด้านนอกจะเริ่มพังและถูกสุญญากาศ ดูดไปจนหมด รวมทั้งเจ้าเอเลี่ยนที่พยายามโดดเข้ามางับจนถึงนาที่สุดท้าย รีบสำรวจช่องใส่ชุดอวกาศ Ripley จะสวมชุดก่อนที่ห้องแล็ปทั้งห้องจะฉีกออกจากสถานี ร่างของ Ripley ปลิวอย่างไร้ทิศทางจนเธอสามารถเกาะตัวสถานีไว้ได้ก่อนที่จะพยายามพุ่งมาที่ประตูทางเข้าที่ใกล้ที่สุดแล้วเข้าไปด้านในสำเร็จ

Objective updated [Take the Elevator to Solomons Galleria ] 
- เมื่อเข้ามาในสถานีอีกครั้ง Wait ก็ติดต่อมาเขาตกใจมากที่ Ripley เล่นระเบิดห้องแล็ปออกไปทั้งห้องแต่สุดท้ายงานก็ไปได้สวยตอนนี้เหลือแค่เตรียมถึงแก็สขนาดใหญ่เอาไว้เท่านั้นเอง Ripley เองก็พยายามบอกว่าเธอเห็นเจ้าเอเลี่ยนถูกระเบิดปลิวไปในอวกาศพร้อมห้องแล็ปไปแล้ว น่าจะน๊ะ เป้าหมายคือโถงลิฟต์ทางด้านขวาล่างของแผนที่ แต่ตรงที่อยู่นี่เหมือนกับถูกปิดตายจากทุกด้าน




เดินลงไปตามทางลงบันไดใกล้ๆประตูลูกกรงเหลืองจะเจอศพที่มีปืน Shot Gun และ Key Card ตกอยู่ เก็บมาซะ แล้วเดินไปตามช่องทางเดินลูกกรงเหลืองก็จะพบประตูที่สุดทางใช้ Key Card เปิดเข้าไปซะ ก็จะออกมาที่หน้าประตู 42 ทะลุลงใต้ไปก็จะถึงโถงลิฟต์จากนั้นก็เข้าลิฟต์ Solomons Galleria ไปได้เลย

Objective updated [Restore power to Galleria Security Shutter]
- Ripley เข้ามาถึง Solomons Habitation Tower อีกครั้งเพื่อจะกลับไปที่ Marshal Bureau แต่ทางเข้าโถงกล่งกลับถูกพวกคนกลุ่มนึงปิดประตูชัตเตอร์กั้นเอาไว้แถมยังใช้อาวุธยิงมาจนจากด้านในด้วย ลองกดปุ่มที่เครื่องทำความสะอาดมันจะกลับไปยังที่ห้องเก็บ ตามมันไปตรงมุมทางซ้ายตรงเข้าทางเดินในช่วงแรกจะมีช่องทางให้มุดเข้าไปในห้องด้านในอยู่ เข้าไปจะเจอช่องระบายอากาศให้มุดเข้าไปต่อจนมาออกที่ทางเดินด้านใน เข้าประตูขวาริมทางเดินผ่านเข้าไปด้านในต่อจนถึงบาร์ที่มีจุดเซฟอยู่แวะไปเซฟซะ หน้าประตูบาร์จะมีช่องทางที่พื้นให้เปิดมุดเข้าไปด้านใต้มาออกที่ห้องเครื่องด้านใน เข้าไปสับแผง Generator ด้านในเพื่อให้พลังงานไฟฟ้ากลับคืนมา เตรียมอาวุธให้พร้อมก่อนเปิดประตูออกมาที่โถงทางเดินฝั่งซ้ายเพราะจะเต็มไปด้วยพวกคนที่มีอาวุธและพวกแอนดรอย์มากมาย จัดการให้หมดแล้วขึ้นไปที่ Marshal Bureau แต่จะพบว่า Wait ปิดประตูทางเข้าป้องกันเอาไว้ Ripley ที่ต้องการจัดการพวกแอนดรอย์ที่โจมตีเข้ามาพยายามเรียกให้ Wait เปิดก็ไม่ได้รับการตอบรับอะไรเลย หลังจากจัดการศัตรูจนหมดแล้ว Ripley จึงต้องหาทางเข้าไปในสถานี Marshal Bureau จากอีกทางเอาเอง

Objective updated [Find the Alternative Route]
- ตอนนี้เส้นทางเข้าสู่ Marshal Bureau จากโถงทางเดินฝั่งซ้ายถูกปิดจึงต้องหาทางไปอีกทาง ย้อนกลับมาในโถงทางเดินทางซ้ายจะดูเหมือนทุกประตูปิดหมด แต่ถ้าลองเดินชนประตูชัตเตอร์ร้านด้านในทางใต้ของแผนที่มันจะเปิดออกให้




 เข้ามาตามทางเดินจนถึงโถงทางขึ้นบันไดไปชั้นบนต่อ ด้านบนของโถงก็เหมือนกันเหมือนจะมีประตูปิดหมดแต่ถ้าดันประตูชัตเตอร์ของร้านด้านบนก็จะเปิดผ่านเข้าไปได้ เข้ามาแล้วดันประตูชัตเตอร์ร้านตู้นอนด้านซ้ายไปจะเจอจุดเซฟ เข้าประตูด้านในร้านทะลุไปร้านข้างๆ เปิดประตูเข้าไปที่ทางเดินด้านในที่มีแอนดรอย์เดินตรวจอยู่ จัดการมันซะแล้วเข้าไปที่ทางเดินทางขวาเข้าประตูสุดทางจะมีบันไดลงชั้นล่างต่อจนเจอประตูห้องที่ชั้นล่าง เข้าไปด้านในมองที่พื้นมุมซ้ายของห้องจะเห็นฝาของพื้นที่เปิดมุดลงไปใต้พื้นได้  
- มุดพื้นลงไปตามทางจนมาโผล่ที่ห้องด้านใน เข้าประตูด้านในห้องทะลุเข้าไปจนถึงช่องทางเดินด้านใน ไปตามทางเดินด้านขวาจนสุดจะพบช่องระบายอากาศให้มุดเข้าไปด้านในต่อก็จะโผล่มาที่ด้านในสถานี Marshal Bureau แล้ว เมื่อสำรวจดูจะพบศพเจ้าหน้าที่ตายเกลื่อนไปหมดแต่โชคยังดีที่ยังมีเจ้าหน้าที่ Ricardo ที่รอดชีวิต


Ricardo – Rip.. Ripley พวกเขาตายกันหมดแล้ว พวกแอนดรอย์มันบุกเข้ามาฆ่าพวกเขา
Ripley – มันจะเป็นไปได้ยังไง ?
Ricardo – ผมก็ไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะเป็น Samuel ที่ทำ
Ripley – จะบ้าหรอ ! Samuel จะทำแบบนี้ทำไม ?
Ricardo – ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าหัวหน้า Wait ส่งเขาไปเชื่อมต่อระบบของ Apollo ผมต้องตามไปดูเขาหน่อย  
Ripley – แล้วนายเห็น Tylor หรือ เออเจ้า Marlow มั๊ย ?
Ricardo – ไม่ ไม่เห็น แต่ที่แน่ๆผมไม่อยู่ที่นี่แน่ ผมจะไปตามเจ้า Samuel
Ripley – นายแอบอยู่นี่แหละ ชั้นไปเอง 

Objective updated [Find Samuel in Seegson Synthetic]
- จากนั้นออกเดินทางจากประตูหน้าของ Marshal Bureau ไปตามโถงทางเดินฝั่งซ้ายเพื่อเข้าไปที่โถงลิฟต์ Tower Link ได้ไม่ยาก จากนั้นขึ้นลิฟต์หมายเลข 3 ไปที่ Scimed Tower ต่อได้เลย

                           


- เมื่อมาถึง Scimed Tower เดินทางต่อไปยังลิฟต์ฝั่งซ้ายบนของพื้นที่เพื่อไปที่ Seegson Synthetic ต่อ




Objective updated [Climb The Elevator Shaft to the upper Lab]
- ออกจากลิฟต์ที่ Seegson Synthetic แล้วหันไปที่ประตูทางซ้ายของลิฟต์ใช้ Plasma ตัดเปิดประตูออกจะเจอที่ใส่ PassCode เข้าไปสำรวจคอมที่โต๊ะเค๊าท์เตอร์เจ้าหน้าที่หาใน Folder Personal จะได้รหัส 8382 มาแล้วเอาไปใส่ที่ประตูเปิดเข้าไปจะเจอช่องระบายอากาศให้มุดเข้าไปต่อจนถึงด้านในของช่องลิฟต์ ปีนขึ้นไปตามบันไดและลิฟต์จนถึงช่องระบายอากาศด้านบนจะขึ้นมาถึงห้อง Lab ชั้นบนได้

                          


– เข้าไปถึงห้องแรกจะพบเครื่องปั่นไฟเครื่องแรกในห้องจัดการเปิดมันแล้วเดินตามสายไฟของมันไปห้องด้านในจะพบเครื่องปั่นไฟจุดที่ 2 เปิดมันซะ แล้วเข้าไปที่ช่องทางเดินโค้งทางด้านบนของแผนที่ ห้องโถงกลางทางขวาของทางเดินจะเข้าไปเจอเครื่องปั่นไฟตัวที่ 3 เปิดมันซะประตู Apollo Secure Transit ข้างๆก็จะเข้าไปด้านในได้
- เข้าไปที่ ประตู Apollo Secure Transit จนถึงประตูด้านในซึ่งจู่ๆมันก็ปิดกั้นทางเอาไว้ ทางขวาของประตูมีช่องระบายอากาศ มุดเข้าไปด้านในระหว่างทางจะเห็น Samuel กำลังคุยกับแอนดรอย์เพื่อขอเชื่อมต่อกับระบบของ Apollo แต่แอนดรอย์มันพยายามจะขัดขวาง Samuel จึงจัดการทำลายมันซะ ซึ่งเขาก็สังเกตเห็น Ripley ที่อยู่ในช่องระบายอากาศด้วย เขาจึงให้ตามไปเจอเขาด้านในทีหลัง มุดออกมาที่สุดทางจะมาถึงหน้าห้อง Synthetic Show Room ที่มีหุ่นแอนดรอย์ยืนตั้งแถวรอต้อนรับอยู่ด้านหน้า แน่นอนว่าประตูนั่นมันล็อกอยู่ตามเคย

Objective updated [Find a way out of Synthetic Show Room]
– ถ้าเปิดแผนที่ดูจะพบจุดเขียวขึ้นด้านใน ซึ่งนั่นเป็นจุดของ Samuel ไม่ใช่ทางที่จะเปิดประตู จากนั้นมาที่เค๊าท์เตอร์พนักงานที่อยู่อีกฝากของประตู สำรวจคอมเข้า Folder Personal ดูไฟล์ Plan tonight ซึ่งจะข้อความของเจ้าหน้าที่ให้แฟนหนีเข้าไปหลบด้านในห้อง Synthetic Show Room โดยจะบอกตำแหน่งปุ่มเปิดห้องไว้ให้นั่นก็คือที่หลังเสาด้านขวาของโต๊ะทำงานนั่นเอง



- เข้ามาด้านในห้อง Synthetic Show Room ประตูด้านในตรงข้ามเค๊าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์จะต้องมี Key card
ถ้าเข้าไปในเค๊าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์จะมีแผง Rewire System ที่สามารถเปิดการทำงานของ Gas Divert ทำให้เครื่องพ่นไฟที่ประตูทางเข้าทำงาน จากนั้นเตรียมกับระเบิดวางไว้ตรงทางเข้าเพราะพวกแอนดรอย์จะบุกเข้ามามากมาย จัดการมันให้หมดแล้วค้นหา Key Card จากศพพวกมันมา เอาไปเปิดประตูด้านในตรงข้ามเค๊าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์เข้าไป ด้านในจะเป็นโถงลิฟต์ Sky Link ของที่นี่ จะเจอประตูลิฟต์ที่เปิดไม่ได้อยู่ เข้าไปในเค๊าท์เตอร์เจ้าหน้าที่สับคันโยกเครื่องปั่นไฟในห้องแล้วประตูลิฟต์จะเปิดออก
- ขึ้นลิฟต์ไปที่ Android Orientation โรงงานลิตแอนดรอย์ ที่ห้องที่เต็มไปด้วยสายพานการผลิต มุมขวาสามารถโดดเกาะไปตามขอบพนังได้ เดินเลาะไปตามขอบพนังหลบไอร้อนที่พ่นออกมาจากช่องลมที่พนังไปจนสุดแล้วโดดไปตามแผ่นเหล็กข้ามมาฝั่งซ้ายเดินเลาะพนังไปจนสามารถโดดไปถึงฝั่งตรงข้ามด้านในได้
– ข้ามมาฝั่งตรงข้ามแล้วเข้าไปผ่านห้องที่มีจุดเซฟ ด้านในจะเต็มไปด้วยกล้องตรวจจับผู้บุกรุกลอบเข้าไปที่ของทางเดินหน้าห้องต่างๆแล้วใช้แผง Rewire System ปิดกล้อง Camera feed ให้หมด ก่อนไปเข้าห้องที่ 2 ทางฝั่งซ้ายจะพบฝาที่พื้นที่สามารถเปิดมุดเข้าไปด้านในได้ มุดเข้ามาออกที่ห้องส่วนในแล้วหลบกล้องออกไปที่ประตูด้านในสุด ใช้แผง Rewire System ข้างๆประตูปิดกล้อง แล้ว Hack เปิดประตูเข้าด้านในต่อก็จะพบ Samuel อยู่ในห้องควบคุม Server Apollo




Samuel – ไง Ripley ไม่ได้เจอกันนานเลย ดีใจน๊ะที่คุณยังไม่ตาย รู้มั๊ยระบบรักษาความปลอดภัยของ Apollo เนี้ยถูกสร้างขึ้นมาให้เข้ากันได้กับ Seegson Synthetic อย่างดีเลยล่ะ ฟังน๊ะ ผมต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อเชื่อมต่อกับเมนเฟรมของ Apollo ให้ได้ คงต้องพยายามแบ่งพลังจากห้องนี้ออกมาไว้ที่ตัวผมเพื่อให้มันหยุดทำงาน หรืออะไรซักอย่าง ผมคงต้องลองดู 
Ripley – Samuel ! มันอันตรายเกินไปน๊ะ 
 Samuel – หึ เรามาไกลเกินกว่าจะมัวกลัวอันตรายแล้วมั้ง คอยอวยพรให้ผมดีกว่า
Ripley – Samuel! 

Samuel จะเข้าไปในห้องเมนเฟรมของ Apollo ที่ห้องด้านในแล้วปิดขังให้ Ripley อยู่ด้านนอก ก่อนที่เขาจะใช้ร่างกานสังเคราะห์ของตัวเองพยายามจะเชื่อมต่อกับ Apollo

Samuel – Ripley อ่า Apollo ไม่ยอมรับผม ตอนนี้เรามีปัญหาแล้ว มันพยายามจะหยุดผม ไม่!!  Amanda ตัดระบบให้ผมหน่อย ได้โปรดดด! 
Ripley – กำลังพยายามอยู่ !
Samuel – ตัดสายส่งพลังมันเลย เริ่มจากสายสีแดง แล้วตามด้วยน้ำเงิน ตัดมันให้หมดนั่นแหละ !!

- จากนั้นก็ไล่ตามสีของสายไฟพลังงานที่ออกมาจากประตูห้อง Server ไปที่เครื่องปั่นไฟตามจุดต่างๆ ปิดเครื่องปั่นไฟให้หมดทุกจุดในห้อง แต่ Samuel ก็จะทนพลังของ Apollo จนกำลังจะหมดพลังงานไป

Ripley – นี่คุณกำลังจะตายหรอ Samuel ?
Samuel – พูดเหมือนผมเคยมีชีวิต แต่ก็ขอบคุณน๊ะที่คิดแบบนั้น อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จ ตอนนี้ Apollo Transit เปิดออกแล้ว คุณเข้าไปที่ Core ของมันได้เลย เราคงได้เจอกันที่นั่น
Ripley – คุณทำเพื่อชั้นหรอ Samuel 
Ricardo – Ripley! ยังอยู่มั๊ย ?
Ripley –  เราเสีย Samuel ไปแล้ว แต่เขาก็เปิดช่องทางเข้าสู่แกนของ Apollo ได้ เขาทำเพื่อพวกเรา ชั้นกำลังจะเข้าไปปิดระบบของมัน 

Objective updated [Take Private Transit to Apollo Core]




- ย้อนกลับไปที่ทางที่เข้ามาตรงจุดสีเขียวเป้าหมายในแผนที่ประตูช่องทางจะถูกเปิดออก เข้าไปตามทางจนถึงลิฟต์แล้วใช้เดินทางไปยัง Apollo Secureได้เลย ลิฟต์จะลงมาที่โถงลิฟต์ Seegson Synthetic แล้วไปเข้าลิฟต์หมายเลข 2 ไปที่ Apollo Core ต่อ

Objective updated [Find the Way to the Lower Floor]
- เมื่อมาถึงแล้วเข้าประตู Reception ไปด้านในจนถึงประตู Security Checkpoint ตรวจอาวุธ ถ้าผ่านเข้าไปมันจะปิดตัวลงทันที ซึ่งต้องเอาอาวุธทั้งหมดใส่ที่ช่องทางซ้ายของเครื่องตรวจอาวุธก่อน แล้วค่อยผ่านแบบตัวเปล่าเข้าไปด้านในประตูได้ แต่ด้านในก็จะเจอประตูที่ต้องใช้ Pass codes ในการเปิดอีกชั้น



สำรวจโต๊ะแผนที่จะเห็นรหัส 4930 เอารหัสไปเปิดประตูได้เลย เข้าไปจะพบจุดเซฟตรงทางแยกซ้าย – ขวา จากนั้นเข้าไปจนถึงห้องสุดทางของทั้ง 2 ทางเพื่อเข้าไป Hack ปิดเครื่องระบายความร้อน Turbine ventilation ทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อทำให้ Apollo เกิดการ Overhead โดยเริ่มจากทางฝั่งขวา





- เมื่อปิดฝั่งซ้ายแล้วรีบวิ่งมาที่ประตูขวาตรงมุมทางแยกให้เร็วที่สุดก่อนที่ระบบมันจะรีบู๊ทใหม่ทำให้ต้องไปปิด Turbine ventilation ใหม่อีกครั้ง เมื่อเข้ามาแล้วปีนขึ้นชั้นบนต่อจนถึงด้านบน

Objective updated [Access Apollo]





- ขึ้นมาชั้นบนแล้วมุดเข้าไปในท่อระบายอากาศต่อจนถึงห้องด้านในจะพบจุดเซฟ และห้อง 3 ห้องตรงหน้า ห้องหลักคือห้อง Apollo Core ที่ตอนนี้ล็อกอยู่กับ ห้องทางซ้ายและขวาคือห้อง Hemisphere Servers ซึ่งฝั่งขวานั้นเต็มไปด้วยแก็สพิษยังเข้าไปไม่ได้ เข้าไปทางประตู Right Hemisphere Servers ก่อนจะเริ่มพบแอนดรอย์ที่เดินอยู่ด้านใน เข้าห้องทำงานห้องแรกจะพบหน้ากากกันแก็สพิษวางอยู่ เก็บมาแล้วมาเข้าห้อง Left Hemisphere Servers จะผ่านเข้ามาในเขตแก็สพิษได้แล้ว
- เป้าหมายคือเข้าไปที่จุดเขียวที่ห้อง Human Consultation Room ฝั่งขวาสุดของแผนที่ ซึ่งสามารถเข้าไปได้ทางประตู Hemisphere Servers ฝั่งไหนก็ได้ เมื่อเข้ามาถึงจะเป็นห้องที่เก็บตู้เก็บข้อมูลของ Server ด้านในจะเต็มไปด้วยแอนดรอย์มากมายที่คอยดูแลอยู่ พยายามหลบพวกมันเข้าไปกดจอควบคุมด้านในให้หมดแล้วหนีออกมา
- จากนั้นมุดเข้าทางช่องระบายอากาศที่เชื่อมกับห้องวงกลมกลางพื้นที่จากฝั่งไหนก็ได้ โดยในช่องอุโมงค์นั้นจะเห็นจอมอนิเตอร์อยู่ที่พนังด้านบนด้วย ซึ่งต้องมุดเข้ามาที่เขตแกนกลางด้านในแล้วกดปุ่มข้างๆช่องระบายอากาศก่อนแล้วค่อยมุดเข้าไปจัดการ Hack ที่จอนั้นอีกครั้ง




– มุดกลับเข้ามาที่แกนกลางด้านในจัดการ Hack ที่จอมอนิเตอร์ที่อยู่รอบๆตัวไหนก็ได้ แกนกลางของ Apollo ก็จะเปิดออก Ripley จะเข้าไปทำการใส่คำสั่งเพื่อควบคุม Apollo




Ripley – ปลดปล่อยแอนดรอย์ทุกตัวให้เป็นอิสระ
Apollo – ปฏิเสธ เพราะเป็นคำสั่งพิเศษรหัส 393 
 Ripley – จากทาง Weyland – Yutani หรอ ?
Apollo – Weyland – Yutani เป็นเจ้าของที่นี่ด้วยคำสั่งซื้อเมื่อ 21 – 11 – 2137จาก Seegson  
Ripley – 2 วันหลังจากที่ชั้นมาที่นี่เนี้ยน๊ะ ล้อเล่นใช่มั๊ย ! …แล้วอะไรคือ คำสั่งพิเศษรหัส 393 ?
Apollo –ปกป้องตัวอย่าง ทำให้สถานีเป็นเขตกักกัน ห้ามติดต่อสื่อสารกับภายนอก และเดินทางกลับฐาน
Ripley – สัตว์ประหลาดต่างดาวที่อยู่ที่นี่มันคือตัวอะไร ?
Apollo – ปฏิเสธ เพราะเป็นคำสั่งพิเศษรหัส 393 

Objective updated [Investigate Central Reactor]
- ตอนนี้ Ripley รู้แล้วว่า Weyland – Yutani กำลังพยายามจะเก็บตัวอย่างเจ้าเอเลี่ยนเหมือนทุกครั้ง ในฐานะที่เธอเป็นคนของบริษัทตัวน้อยๆคงจะหยุด Weyland – Yutani ไม่ได้ง่ายๆ แต่ที่ทำได้คือหยุดสถานีนี้ซะก่อนที่มันจะกลับไปยังโลก





จากนั้นสังเกตที่ขอบของแกนกลางจะมีบันไดลงไปด้านใต้อยู่ ปีนลงไปใต้แกนกลางจะพบลิฟต์ลงไปยังห้องเครื่องต่อ เข้าไปในห้อง Reactor Coolant Plant แล้วทำการกดเปิดเครื่องปั่นไฟที่อยู่รอบแกนให้ทำงาน แล้วเข้าไปสับคันโยกตัว Generator เปิดพลังงานจะทำให้รถรางด้านหลังเลื่อนมาทางซ้ายก็จะสามารถเข้าประตูห้อง Workshop ตรงจุดเซฟไปได้
– เป้าหมายจากในแผนที่คือจุดทางขวาล่างที่แสนจะไกลของห้อง Reactor ทำสิ่งที่สำคัญก่อนคือ เข้าไปที่ห้องทำงานกลางพื้นที่ บนโต๊ะจะมีตัวอัพเกรด Cutting Torch ให้เป็น Ion Frame อยู่ไปเอามาซะก่อน จากนั้นย้อนกลับมาที่ประตูสีน้ำตาลฝั่งซ้าย (ตามเครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหวไปได้) จะทะลุออกมาที่ลานหน้าประตู Workshop สิ่งที่ต้องทำคือเปิดพลังงานให้กับเครื่อง Generator หน้าประตู Workshop โดยตามสายไฟสีเหลืองจากไปจนเจอเครื่องปั่นไฟที่อยู่รอบๆที่นี่ทั้ง 3 จุดแล้วจะสามารถเปิดเครื่อง Generator หน้าประตู Workshop ได้ตามสายไฟเหลืองจากเครื่อง Generator ไปตรงกลางพื้นที่จะเห็นมันทอดลงไปในช่องทางลงใต้ดิน โดดตามลงไปได้เลย

- เข้ามาตามทางใต้ดิน เจาะประตูเปิดเข้าไปด้านในจะเห็นประตูทางเข้า Reactor Access จะมีประตูชัตเตอร์ปิดอยู่ เลี้ยวขวาเข้าห้อง Facility Management ไป ที่โต๊ะทำงานด้านในห้องจะมี Bolt Gun ให้เก็บ สำรวจคอมจะเจอรหัสประตูชัตเตอร์ใน Folder Personal คือ 683 แล้วเข้า Folder Utility ใส่รหัสนี้เข้าไปประตูชัตเตอร์ Reactor Access ก็จะเปิดออกแล้ว เข้าไปตามทางก็จะเจอลิฟต์ลงไปยัง central Reactor ที่สุดทาง
- มาถึงแล้ว เข้าไปด้านในจะพบบันไดปีนขึ้นห้องชั้นบน Ripley ก็จะเข้ามาถึงห้อง Core Control

Objective updated [Descend to Base of Reactor]




- ห้อง Core Control นั้นจะมีพวกแอนดรอย์ดูแลอยู่เยอะไม่น้อย จัดการให้หมดแล้วเข้าประตู Reactor Maintenance ไปจนถึงลิฟต์ลงไปยัง central Reactor Maintenance ต่อ ด้านล่างนั้นเละเทะเกินจะบรรยาย ที่นี่มีสภาพไม่ต่างอะไรกับรังเอเลี่ยนที่เต็มไปด้วยไข่ที่รอการฟักตัว ท่ามกลางซากศพของผู้คนในสถานีมากมายที่ถูกนำมาที่เพื่อเป็นที่เพาะตัวอ่อน  ผ่านจุดเซฟเข้าไปด้านใน เข้าไปจนถึงโต๊ะคอม สำรวจปิดระบบที่คอมแล้วมาสับคันโยกที่แกน Alpha Core กลางห้อง แกนมันจะฝังตัวลงไปในพื้น จากนั้นก็เข้าไปตามโพรงจนถึงแกน Beta Core แต่มันจะไม่มีพลังงาน เข้าไปที่โพรงแยกซ้ายที่พนังจะมีช่องเล็กๆที่มีไฟสีเหลืองกระพริบอยู่ มุดเข้าไปด้านในจะเจอเครื่อง Generator จัดการสับสวิตซ์มันแล้วมุดกลับมาที่แกน Beta Core เข้าไปกดสวิตซ์คอมที่ห้องควบคุมใกล้ๆแล้วมาสับคันโยกที่แกน Beta Core ให้มันฝังตัวลงพื้นไป จากนั้นก็ย้อนกลับขึ้นลิฟต์ไปที่ central Reactor อีกครั้ง








เข้าไปที่แท่นควบคุมพลังของแกน Alpha Core และ Beta Core ที่อยู่รอบๆแกนกลาง Alpha Core นั้นเลือกปรับพลังไฟให้เป็น 34V ส่วน Beta Core เลือกตัวอักษรสีขาวที่หน้าจอ จากนั้นมาที่ห้องควบคุม central Core โดยเข้ามาที่ชั้นล่างด้านในจะมีช่องระบายอากาศมุดขึ้นไปด้านบนห้องควบคุมด้านบน สำรวจจอมอนิเตอร์เลือกชุดตัวแรกชุดล่างสุดแล้วกดปุ่มที่แท่นเพื่อปิดพลังงานแกนกลางได้เลย
- เมื่อปิดระบบ Apollo ได้แล้ว Ripley จะรีบกลับไปรับ Ricardo ทันที แต่ขณะที่กำลังจะไปที่ลิฟต์ Ricardo ก็พบบางอย่างในระบบ เขาพบว่าหลังจากรีบู๊ทระบบแล้วระบบการติอต่อสื่อสารบางส่วนที่เริ่มใช้งานได้แล้ว เขาจึงให้ Ricardo รีบไปที่โรงพยาบาล San Cristobal ทันทีก็ที่ระบบการสื่อสารมันจะหายไปอีก 




จากนั้นก็เดินทางมาที่โถงลิฟต์ Sky Link ทางฝั่งซ้ายสุดของแผนที่ เข้าลิฟต์หมายเลข 1 จะมาที่โถงลิฟต์ที่ Lorenz Systech Spire แล้วขึ้นลิฟต์หมายเลข 4 ไปยัง Sci/Med Tower ต่อ แต่เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาล Ricardo กลับติดต่อมาว่า Apollo ได้รีเซ็ทระบบตัวเองกลับมาเหมือนเดิมแล้ว จึงต้องใช้แผน B คือใช้ระบบสื่อสารยานหนีภัยที่ Marlow ใช้เดินทางมาจากยาน Anesidora แทน

Objective updated [Find A Short – Range Ambulance]



จากนั้นเดินทางตามทางเดินฝั่งซ้ายตรงกันข้ามจุดเซฟของโถงลิฟต์ ไปตามทางใช้ Cutter ตัดประตูผ่านเข้าไปจนถึงลิฟต์ฝั่งซ้ายสุดของแผนที่ เดินทางไปที่ชั้น Primary Care ของโรงพยาบาล San Cristobal ต่อ
– เมื่อมาถึงจะพบว่าที่นี่ก็ยังคงมีไฟไหม้จากการระเบิดที่เจอตั้งแต่ที่
Ripley เข้ามาครั้งแรก จากนั้นอ้อมไปตามทางเดินด้านซ้ายของห้อง Emergency Room (ER) จนถึงส่วนบนเข้ามาห้อง Plant Room ที่ห้องส่วนบนจะมีจุดเซฟอยู่ ด้านซ้ายของห้องจะมีประตูที่ต้องใช้เครื่อง Access Tuner Level 3 ในการ Hack เปิด




 เดินขึ้นที่มุมด้านบนของห้องจะเจอตัวอัพเกรดวางอยู่บนกล่องเก็บมาอัพเกรดซะ แล้วจะ
Hack ประตูทางซ้ายเข้าไปได้  Ripley ข้ามาจนถึงยานหนีภัยของ Anesidora และควบคุมมันให้เดินทางกลับมาที่ยาน Anesidora




- ที่ยาน Anesidora เข้าไปด้านในสำรวจคอมที่หน้าห้องเครื่องได้รหัส 4510 มาแล้วเอาไปใช้เปิดประตูรหัสเข้าไปในห้องเครื่องเปิดเครื่องปั่นไฟ แล้วเข้าไป Hack ระบบของตัวควบคุมเครื่องยนต์ยาน แล้วเข้าไปตามจุดเขียวที่ขึ้นมาที่ห้อง Reactor System จะมีบันทึกของยานอยู่ ลองกดอ่านดูใครจะเชื่อว่า มันเป็นไฟล์จากกล่องดำของยาน USCSS Nostromo และคุณแม่เอเลนก็ได้บันทึกไพล์เสียงข้อความถึง Amanda เอาไว้ด้วย



E. Ripley – ข้อความนี้ฝากถึง Amanda ลูกสาวที่รักของชั้น … แม่หวังว่าลูกคงได้เจอข้อความนี้ในซักวัน จะได้รู้ถึงปัญหาที่แม่เจอมาบนยานของแม่ ..มันเกิดอุบัติเหตุกับพวกเราลูกรัก เราเจอสัตว์ร้ายต่างดาวที่สุดแสนน่าเกลียดและอันราย แม่จำเป็นต้องทำลายยาน Nostromo เพื่อหยุดยั้งมันไม่ให้กลับสู่โลก แม่จะไม่ยอมให้อันตรายนี่ไปถึงลูกและทุกคนบนโลก ตอนนี้แม่ปลอดภัย อยู่ในยานช่วยชีวิต แม่ทำไปเพื่อปกป้องลูก ไม่ต้องห่วงแม่น๊ะ วันนึงเราจะได้เจอกันแน่นอน ลูกรัก ..

      

มันเป็นข้อความเสียงยาว 55 นาทีที่มีคุณค่ายิ่งกับ Amanda ที่เธอเดินทางฝ่าฟันอันตรายมาก็เพื่อสิ่งนี้ และตอนนี้มันก็คุ้มค่าสำหรับเธอแล้ว.. ก่อนที่ Marlow จะออกมากับ Tylor พร้อมกับปืนที่ Marlow พยายามที่จะไม่ให้ขัดขวางเขา




 Marlow – ผมกำลังจะปรับพลังงานของ Reactor ให้มันกลายเป็นระเบิดนิวเคลียร์เพื่อระเบิดยานนี้กับสถานี Sevastopol ไปพร้อมๆกับเจ้าสัตว์ร้ายต่างดาวนั่น ผมไม่มีวันยอมให้ทางบริษัทบ้านั่นได้ไอ้ตัวร้ายนี่ไปแน่ๆ พระเจ้า Foster ผมรักเธอ เธอตายก็เพราะไอ้ตัวบ้านั่น !..  โทษที มันเปนทางออกเดียวจริงๆ Ripley ..!

Ripley – เราไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ !
Marlow – หรอ ! เธอได้ยินแม่เธอพูดในบันทึกมั๊ย เป็นแม่เธอก็ทำ

- ทันทีที่ Marlow เปิดระบบเสร็จมันก็รีบหนีไปทันที Tylor พยายามเข้ามาเพื่อหยุดระบบ โดย Ripley สามารถช่วยได้คือ กดสวิตซ์ที่แผงสีแดงตรงพนังด้านซ้ายตามด้วยสับคันโยกเครื่อง Generator ใกล้ๆแต่มันก็ไม่ได้ผล แกนพลังงานระเบิดขึ้นใส่ Tylor ที่อยู่ตรงนั้นเต็มๆ ยานกำลังจะระเบิดก็มีแต่ต้องหนีให้เร็วเท่านั้น ! จากนั้นก็วิ่งหนีออกมาตามทางเท่าที่ทางมันจะอำนวยจนถึงยานหนีภัยออกจากยาน Anesidora ทันที

Objective updated [Find The way to contact Torrent]


- หลังจากหนีออกจากยาน Anesidora ได้แล้ว Ripley จะนำยานหนีภัยเข้าเทียบท่าที่ Seegson Communication ใน Monitor Room เพื่อเข้าไปที่จุดนัดพบกับ Ricardo ก่อนที่จะเตรียมหาทางติดต่อกับยาน Torrent จากนั้น Hack เปิดประตู Reception ทางขวาเข้าไปตามทางใช้ cutter ตัดประตูด้านในเข้าไปต่อจนถึงทางเข้า Relay facility ยาวไปจนถึงห้อง Comm Control Access ก็จะพบทางขึ้นไปที่ทางเดินชั้นบน เข้าไปตามทางก็จะเจอ Ricardo อยู่ในห้องควบคุมหน้าทางเข้าห้อง Comm Control Ricardo พยายามบอกให้ Ripley รีบไปสื่อสารกับยาน Torrent ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ Marlow จะทำทุกอย่างพังอีก จากนั้น Ricardo ก็จะเปิดประตูหน้าห้อง Comm Control ให้เข้าไป 

                    

เข้าไปตามทางจนถึงห้องสื่อสาร Comm Control จะเริ่มได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ ลอบไปทางขวาของทางเข้าจะเจอฝาที่พื้นให้มุดเข้าไปด้านล่าง เข้าไปจนถึงประตูทางเข้าห้องสื่อสาร จะพบพวกเจ้าหน้าที่ Security ของ Seegon คุยกันอยู่ด้านใน เดินไปทางฝั่งซ้ายที่ส่วน หอสังเกตการณ์ (Observatory) ใช้ Cutter ตัดประตูเข้าไปแล้วปีนขึ้นไปด้านบนก็จะถึงห้องควบคุมเรดาร์สังเกตการณ์ หันหลังจะเห็นจอมอนิเตอร์อยู่ 3 อัน 







- ปรับมอนิเตอร์ทางซ้าย [หน้าจอสีน้ำเงิน ปรับวงกลม 2 วงให้ซ้อนกัน]
 - ปรับมอนิเตอร์กลาง [ บน CEL004 – ซ้าย OVRLOC Fail – ขวา DAMP0011 – ล่าง 722 101]
- ปรับมอนิเตอร์ทางขวา [หน้าจอสีน้ำเงิน ปรับวงกลม 2 วงให้ซ้อนกัน]
 - จากนั้น Ripley ก็จะได้ตำแหน่งของยาน Torrent จึงรีบเข้าไปตรวจสอบทันที ลงมาจากหอสังเกตการณ์แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปในห้องลิฟต์ตรงทางเดิน ลงลิฟต์ต่อจนถึงห้อง Air Lock ด้านล่างจะพบชุดอวกาศ สวมใส่ซะแล้วเปิดประตูเดินทางออกนอกสถานีได้เลย




Objective updated [Manually input Torrent Coordinates]






-  เป้าหมายสีเขียวจะขึ้นอยู่ด้านขวาสุดของแผนที่ ซึ่งก็คือตัวจานดาวเทียมเพื่อปรับมันด้วยมือในการสื่อสารกับยาน Torrent โดยเข้าไปตามทางจากด้านนอกเข้าไปจนถึงส่วนในห้องเครื่องของจานดาวเทียม จะพบแผงพลังงานของ Clamp สับคันโยกทั้ง 2 จุดแล้วกดสวิตซ์ ปลด Emergency Clamp ให้จานเป็นอิสระก่อนแล้วค่อยกลับขึ้นไปที่แท่นควบคุมที่ฐานจานด้านบน




จัดการปรับองศาให้ชุดแรกเป็น [10 – 35] และชุดที่ 2 เป็น [75 – 35] ก็จะสามารถปรับจานดาวเทียมจนติดต่อกับยาน Torrent ได้สำเร็จ ข่าวดีคือตอนนี้ Ripley สามารถแจ้งให้ยานรู้ถึงอันตรายของเจ้าเอเลี่ยนได้แล้ว แต่ข่าวร้ายคือ Verlaine ไม่สามารถจะนำยานเข้าจอดเพื่อรับตัวมาได้ง่าย โดยมีทางเดียวคือ ท่าเทียบยานในช่วงล่างสุดของสถานีที่พอจะเสี่ยงเข้าจอดได้ Ripley จึงรีบไปที่นั่นทันที

Objective updated [Find the way for the Torrent to Dock]






- ย้อนกลับเข้ามาในสถานีตามทางเดิม ทันทีที่เข้ามา Ripley ก็สังเกตเห็นเอเลี่ยนตัวร้ายมันยังไม่ตายและกำลังเข้ามาในสถานีอีกครั้งจากด้านนอกหน้าต่าง ทันทีที่ประตูเปิดก็เข้าไปด้านในได้เลยซึ่งก็จะพบเจ้าเอเลี่ยนอยู่ด้านในทันที พยามหลบมันเข้าไปด้านในจนถึงทางเข้าลิฟต์อีกฝาก ซึ่งสามารถลอบเข้าไปได้หลากหลายทาง ทั้งหลบไปดื้อๆจากด้านนอกหรือหาทางมุดเข้าช่องระบายอากาศเข้าไปก็ได้
- ลิฟต์จะลงมาที่ Comm Security Surveillance เป้าหมายคือเข้ามารับ Ricardo ที่ห้องควบคุมหน้าห้อง Comm Control แต่เมื่อเดินทางเข้ามาถึงก็พบว่า Ricardo โดน Face Hugger เกาะหน้าเตรียมเป็นตัวขยายพันธ์ให้เอเลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นลงบันไดไปเลี้ยวเข้าไปตามทางเดินขวาไปจนสุดทางจนถึงทางลงไปชั้นล่างต่อ



- ที่ชั้นล่างเป้าหมายคือลิฟต์ตัวซ้ายล่างที่จะเดินทางไปที่ Lorenz Systech Spire ซึ่งตอนนี้ตามทางของสถานีนั้นเสียหายจนประตูแทบทุกบานเปิดทางให้จนหมดแล้ว เมื่อลิฟต์เดินทางมาถึง Upper Systech Transit จะพบว่าโถงลิฟต์ที่นี่เสียหายจนไม่มีลิฟต์ตัวไหนใช้ได้แล้ว หลบพวก Seegson Security เข้าไปที่ประตูด้านในแล้วใช้ Ion Flame ตัดประตูเปิดเข้าไปในห้องทำงานด้านสำรวจคอมบนโต๊ะหา Folder Personal จะได้รหัส 1851 มา แล้วเอาไปใช้ประตูรหัสตรงข้างๆลิฟต์ด้านนอกเปิดเข้าไปด้านในสำรวจที่คอมเพื่อเปิดระบบแล้วออกมาที่โถงลิฟต์ เปิดเข้าประตูทางขวาของจุดเซฟเข้าไปสำรวจคอมเปิดระบบพลังงานอีกจุด โถงลิฟต์ก็จะมีพลังงานกลับมาใช้ได้แล้ว จากนั้นก็เข้าไปที่ลิฟต์หมายเลข 1 เพื่อเดินทางไปที่ Habitation Tower Upper Transit ได้เลย

– เมื่อมาถึง Habitation Tower Upper Transit แล้วขึ้นลิฟต์ตรงหน้าไปที่ Spaceflight Terminal ต่อ เมื่อมาถึงจะพบว่าพื้นที่นี้ก็เสียหายยับเยินเหมือนกัน เข้าไปที่ห้องโถงกลางแผนที่ เข้าไปที่โต๊ะทำงานมุมห้องที่มีคนตายนอนอยู่สำรวจคอมหา Folder Personal จะได้รหัส 1984 มา เอาไปเปิดตู้ที่ตู้เก็บของตรงพนังจะได้ Key card มา เอาไปใช้กับแท่นควบคุมกลางห้องจะทำให้รถโพลค์ลิฟต์ตรงคอมที่ได้รหัสมายกขึ้น ทำให้มุดเข้าไปที่ประตูได้



- เข้ามาตามทางแยกซ้ายจนถึงห้องโถงด้านในที่มีจุดเซฟอยู่ มุดเข้าช่องระบายอากาศข้างๆจุดเซฟเข้าไปในห้องด้านใน เข้าห้องทางขวาในเก็บ Key card จากศพมาแล้วเอามาใช้กับเครื่องกำเนิดพลังงานกลางห้องประตูเบอร์ 2 ด้านในจะเปิดออกมาพร้อมกับเอเลี่ยน ตามมันเข้าไปที่ห้องที่มันออกมา เข้าไปจัดการมันซะจนมันหนีไป สำรวจที่ห้องด้านในประตูจะใช้ไม่ได้ ย้อนกลับไปห้องที่ได้ Key card จะมีเครื่อง Generator ปั่นไฟอยู่ สันคันโยก แล้วกลับมาที่ห้องหมายเลข 2 ห้องเล็กด้านในจะเข้าไปได้แล้ว มุดเข้าไปในช่องระบายอากาศในห้องจะเข้ามาถึงลิฟต์ด้านใน เดินทางต่อไปยัง Spaceflight Terminal ได้เลย

- เมื่อเข้ามาถึง Spaceflight Terminal เส้นทางนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ทุกประตูใช้ Ion Flame ในการตัดผ่านเข้าไปทั้งสิ้น ลุยยาวลงจนถึงส่วนล่างสุดของแผนที่ก็จะพบลิฟต์ลงมายังส่วนล่าง Tow Platform ต่อ เมื่อเข้ามาถึง Verlaine จะติดต่อมาว่าให้ Ripley รีบเข้ามาที่ท่าจอดให้เร็วเพราะยานไม่สามารถจอดได้นานเนื่องจากท่าจอดยานมันเล็กเกินไป ขณะที่ Ripley กำลังรีบอย่างสุดชีวิตในการไปที่ท่าจอด Verlaine ก็จะติดต่อมาอีกครั้งว่า ตอนนี้ระบบการปล่อยตัวยานที่ท่าจอดนั้นไม่ทำงานเพราะการระเบิด ทำให้ต้องให้ Ripley ไปปลดล็อคปล่อยยานด้วยมือแทน

               





- เข้ามาด้านในตามทางจนถึงห้อง Platform Dock Control จะมีเครื่องควบคุมทั้ง 2 ด้านที่ต้อง Hack เครื่องด้านซ้ายนั้นสามารถเข้าไป Hack ได้เลย ส่วนเครื่องด้านขวาที่มีสายไฟโยงออกมาเข้าที่ใต้พื้นต้องเปิดฝาพื้นมุดลงไปสับคันโยกเครื่องปั่นไฟก่อนแล้วจึงจะกลับมา Hack ได้ จากนั้นจุดเขียวเป้าหมายใหม่จะขึ้นมาในแผนที่ เข้าไปสำรวจคอมที่แท่นควบคุมกลาง ค้นหา Folder Utility เลือกไพล์ Initialize Docking Clamp เสร็จแล้ว Verlaine จะสั่งให้ขึ้นไปที่ Upper Control Room ต่อ จุดเป้าหมายสีเขียวต่อไปจะขึ้นมาด้านบนของแผนที่ เข้าไปที่ประตูPersonnel Umbilical Control ด้านบน แต่ดูเหมือนเครื่องควบคุมหลักของท่าจอดยานจะพังหมดซะแล้ว ทำให้
ยาน Torrent ติดอยู่ที่ท่าจอดยานทันที Riley จึงไม่มีทางเลือกที่จะหาทางไปหายาน Torrent แทน สำรวจที่คอมตรงแท่นควบคุมที่พังค้นหา Folder Utility เลือกไฟล์ Extend to Maintenance RIG แล้วมุ่งหน้าไปที่ Air Lock ได้เลย



- เข้าไปด้านในตามทางจนถึงห้องที่เก็บชุดอวกาศ แต่ขณะที่ Riley กำลังจะหยิบชุดมาสวมก็พบน้ำเมือกเหนียวๆไหลเยิ้มลงมาจากเพดาน ก่อนที่เจ้าเอเลี่ยนตัวร้ายมันจะออกมาขย้ำจน Riley ตกลงไปชั้นล่าง Riley จำต้องไปหาห้อง Air Lock อื่นโดยเร็วที่สุด เส้นทางจากนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะพื้นที่นั้นกำลังเสียหายอย่างหนักแถมยังเต็มไปด้วยไข่และตัวอ่อนของเอเลี่ยนที่ขวางทาง ยังไม่รวมเจ้าตัวเต็มวัยอีกถึง 2 ตัวที่เพ่นพ่านอยู่ รีบหนีมาจนถึง Tow Platform Deck Control อีกครั้ง แล้วเข้าไปที่ ห้อง Emergency Air Lock ทางขวาสุด Ripley จะใส่ชุดอวกาศที่เหลืออยู่แค่ชุดเดียวหนีออกมาด้านนอกสถานี แล้วปีนขึ้นไปตามเครนที่ยึดตัวยาน Torrent อยู่ Verlaine จึงสั่งให้ระเบิดเครนยึดซะเลย



– ที่บริเวณตัวยึดที่ติดกับยาน แผงควบคุมที่ตัวยานจะเปิดไม่ออก ไล่ดูตามสายไฟ แดง - เหลืองไปจะมีแท่นควบคุมตัวยึด 2 ตัวอยู่ข้าง ๆ Ripley จึงต้องรีบไปใช้ Key card ของเธอในฐานะลูกเรือในการปลอดล็อกมันออกด้วยการทำให้มันรัดวงจร หลังจากสับคันโยกของตัวควบคุมทั้ง 2 ด้านได้แล้วจะสามารถเปิดแผงควบคุมที่ตัวยานได้



 แต่ในขณะที่ Ripley จะเซ็ทระบบถึงกระบวนการสุดท้าย เอเลี่ยน 3 ตัวก็มายืนประจันหน้าเตรียมขย่ำเธอแล้ว แต่พอดีเกิดการระเบิดที่สถานี ตามแผนวางระเบิดของ Marshal  Wait ทำให้เอเลี่ยนทั้ง 3 เสียหลักไป Ripley จึงรีบใช้ความไวในการกดปุ่มระเบิดตัวยึดยานออกได้สำเร็จ




ยาน Torrent ลอยไปในอากาศแบบเสียการควบคุมไม่ต่างกับ Ripley ท่ามกลางเศษการระเบิดของ สถานีบันทึกข้อมูล Sevastopol ที่กำลังแหลกเป็นจุล แต่โชคยังเข้าข้างเมื่อ Ripley สามารถเกาะตัวยาน Torrent เอาไว้ได้ 



Ripley เข้าไปในยาน Torrent ได้สำเร็จ แต่ในยานนั้นเงียบผิดปกติ เธอไม่พบใครบนยานเลยซักคน และเมื่อเข้าไปถึงด้านใน ฝันร้ายที่เธอไม่อยากเจอก็อยู่ตรงหน้า เอเลี่ยน โผล่ออกมาจากห้องควบคุมยานอย่างช้า มันพอให้ 

Ripley คิดได้ว่า ตอนนี้ทุกคนบนยานคงจะตายกันหมดแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์สุดคับขัน เธอกลับหมดหนทางที่จะสู้ หรือ แม้แต่จะหนี ..เอเลี่ยนเดินเข้าหาเธออย่างช้าในขณะที่ Ripley ก็ทำได้แค่ถอยเข้าไปที่ทางออก มือไม้ก็หาที่เปิดทั้งซ้ายและขวาจนหันหน้ามาอีกที ฟันกรามของเอเลี่ยนก็พุ่งเข้าหาเธอทันที ….





ท่ามกลางอวกาศที่มืดมิด ร่างของ Ripley ลอยคว้างอย่างไร้ทิศทาง ก่อนที่แสงสว่างจากที่ไหนหรืออะไรซักอย่างค่อยๆสาดมากระทบใบหน้าเธอจนทำให้ Ripley เหมือนกำลังจะรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง ..แต่ใครจะรู้ว่าจะในฐานะ Amanda Ripley หรือแค่ที่ฝักตัวอ่อนของเจ้ามหัตภัยร้าย เอเลี่ยน …!!



…………………………………….. THE END …………………………………….


                                  Notice จากผู้เขียน ………. หลังจบ 

ถ้าอ้างอิงจากในเวอร์ชันหนังนั้นช่วงรอยต่อจากภาคแรก Alien ถึงภาค 2 Aliens นั้น Ripley นอนจำศีลอยู่ในยานลำเลียงก่อนที่จะเดินทางมาถึงโลกในปี ค.ศ 2179 นาน 57 ปีเต็ม และทันทีที่เธอรู้สึกตัวและแข็งแรงดีแล้วเธอก็พบว่า Amanda ลูกสาวเธอที่เธอหวังจะกลับมาให้ทันงานวันเกิดครบ 11 ขวบในช่วงเวลาของหนัง Alien ภาคแรกนั้น ปัจจุบัน Amanda ลูกสาวเธอได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 66 




ตามข้อมูลก่อน Amanda เสียชีวิตเธอแต่งงานแล้วใช้นามกุล McClaren และไม่มีลูก ปัจจุบันศพเธอถูกฝังอยู่ที่สุสานในรัฐ Wisconsin 

และถ้าพูดถึงตอนจบในเกม ALIEN: Isolation …ถามว่า Amanda ที่รอดออกจากยานในขณะที่เอเลี่ยนกำลังไล่บี้เธอนั้น ยังเป็นปริศนา เธออาจมือไวรอดมาได้เพราะเปิดประตูยานหนีออกมาทัน หรือ โดนฝังตัวอ่อนลงไปในตัวเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้ใครจะรู้ แต่ที่ผมรู้คือ ชะตากรรมของสาวๆในตระกูล Ripley นั้นไม่มีใครจบลงได้อย่างสวยงามแน่นอน ^_^ 

       


        บันทึกโศกนาฎกรรม Nostromo ถึง TORRENS กับ Timeline ที่เปลี่ยนไป

ถ้าคุณเปิดหนังแผ่น Alien ในภาคแรกของยุคดั่งเดิมนั้น ซับไตเติ้ลจะขึ้นไว้ว่า ยานขนส่งพาณิชย์ USCSS Nostromo ของ Ellen Ripley ได้ออกเดินทางสำรวจ ก่อนพบโศกนาฎกรรมบนดาว LV – 426 นั้นระบุไว้ว่าคือ ปี ค.ศ 2302 แต่ในช่วงหลังเมื่อมีหนังที่เกี่ยวข้องและเชื่อมต่อกับ Timeline ของเอเลี่ยนถูกสร้างขึ้นมาใหม่เรื่อยๆทั้ง Alien Vs Predator ที่มีเอเลี่ยนเป็นหนึ่งในตัวแปรของหนัง และ Prometheus ที่เป็นปฐมบทของหนังเอเลี่ยน จึงทำให้ช่วงเวลา Timeline ของหนังเอเลี่ยนในยุคใหม่จำต้องเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆแบบที่น้อยคนจะรู้ ซึ่งไทมไลน์ใหม่ที่เกี่ยวของในจักวาลเดียวกับเอเลี่ยนนั้นคือ

2896 ปีก่อนคริสต์ศักราช มนุษย์ได้สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวเป็นครั้งแรกคือพวก Predator ที่สอนให้ในุษย์ในยุคโบราณสร้างปิรามิดเพื่อให้พวกมันใช้เป็นสังเวียนการล่า จากบทเกริ่นนำของหนังเรื่อง Alien VS Predator

ค.ศ 1997 ซากกระโหลกของเอเลี่ยนถูกพบในยานของ Predator ในหนังเรื่อง Predator 2 ที่ แดนนี่ โกลเวอร์ใสเล่นแทน อาร์โนลด์ นั่นแหละ -*-

ค.ศ 2004 กลุ่มนักสำรวจของ เวย์แลนด์ อินดัสทรี ผู้โชคร้ายที่ได้ขุดค้นพบปิรามิดที่เป็นสังเวียนของเหล่า Predator ที่ด้านในเต็มไปด้วยฝูงเอเลี่ยน ในหนัง Alien VS Predator

ค.ศ 2004 ปีเดียวกัน ที่ยานของ Predator ตกลงบนโลกจนพวกเอเลี่ยนที่อยู่บนยานออกมาอาละวาดจนเกิดลูกผสมระหว่าง Alien และ Predator คือ พรีเดเลี่ยน ในหนัง Alien VS Predator Requiem

ค.ศ 2085 เวย์แลนด์ อินดัสทรี ส่งยาน Prometheus ขึ้นสู่อวกาศ ในหนัง Prometheus

ค.ศ 2122 เวย์แลนด์ อินดัสทรี ทำสัญญาเพิ่มเติม (หรือเอาเงินยัดผู้บริหารนั่นแหละ) กับ บริษัท Weyland – Yutani เพื่อให้ยานขนส่งพาณิชย์ USCSS Nostromo แวะดาว LV – 426 โดยอ้างว่าได้รับสัญญาณวิทยุประหลาดแต่จริงๆอยากได้เอเลี่ยนมาทดลอง ในหนังเรื่อง Alien ภาคแรก

ค.ศ 2137 Amanda Ripley เดินทางออกตามหาแม่ของเธอ Ellen Ripley ที่หายสาปสูญไปพร้อมยาน Nostromo ซึ่งเธอก็ถูกบริษัท Weyland – Yutani หลอกใช้ไม่ต่างไปจากแม่ของเธอ จากเกม ALIEN: Isolation

ค.ศ 2179 Ellen Ripley เดินทางกลับถึงโลกด้วยยานสลีฟพ็อดหลังจากหลับใหลในอวกาศนาน 57 ปี และทันทีที่เธอรู้สึกตัวและแข็งแรงดีแล้วเธอก็พบว่า Amanda ลูกสาวเธอที่เธอหวังจะกลับมาให้ทันงานวันเกิดครบ 11 ขวบในช่วงเวลาของหนัง Alien ภาคแรกนั้น ปัจจุบัน Amanda ลูกสาวเธอได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 66 (ไม่รู้ไปสวนทางกันอีท่าไหนเมื่อ 42 ปีก่อนที่ Amanda ออกเดินทางไปตามหาเธอ ) ก่อนที่เธอจำจะต้องกลับไปที่ดาว LV – 426 อีกครั้งพร้อมกองทหารเพื่อบุกเบิกสร้างอณานิคมในฐานะผู้นำทางของ บริษัท Weyland – Yutani จากหนังเรื่อง Alien ภาค 2 

ค.ศ 2179 Ellen Ripley ต้องหนีตายจากดาว LV – 426 อีกครั้ง จนยานของเธอไปตกที่ดาวคุกนรก Fiorina 161 พร้อมกับเอเลี่ยนที่ฝังอยู่ในตัวเธอ จนสุดท้าย Ellen Ripley ถึงกับยอมฆ่าตัวตายก่อนที่ตัวอ่อนเอเลี่ยนจะฝักตัวออกมาจากร่างของเธอ จากหนังเรื่อง Alien ภาค 3


ค.ศ 2380 - 2381 กองทัพประสบความสำเร็จในการโคลนร่างของ Ellen Ripley จากเซลที่เหลือของเธอ จนได้เป็นร่างโคลน Ripley หมายเลข 8 เพื่อจะดึงเอาตัวอ่อนของราชินีเอเลี่ยนในตัวเธอมาทดลอง แต่ก็ทำให้ ร่างโคลน Ripley หมายเลข 8 ที่มี DNA ของเอเลี่ยนผสมอยู่ด้วยแข็งแกร่งเกินมนุษย์ทั่วไป ทางด้านราชินีเอเลี่ยนก็ได้รับเซลของมนุษยไปผสมจนคลอดลูกในแบบตั้งครรถ์ได้ ซึ่งก็จะได้ลูกครึ่งมนุษย์กับเอเลี่ยนที่สุดแสนน่าเกลียดเกินกว่าที่จะเท่ออกมา จากหนังเรื่อง Alien Resurrection ซึ่งเป็นตอนล่าสุดของซีรีย์เอเลี่ยนที่ ร่างโคลน Ripley หมายเลข 8 กับแอนดรอย์สุดสวย Vinona Rider เดินถ้ากลับมายังโลกได้แล้ว เรื่องราวจะเป็นยังไงก็ลุ้นให้มี เอเลี่ยนภาค 5 ออกมาก็แล้วกันครับ ^_^ 




                                 รู้ไว้ใช่ว่าแบกไข่เอเลี่ยนไปขึ้นภูเขา 

- ผู้กำกับ เจมส์ แคเมรอน ที่กำกับ Terminator ที่เคยเข้ามากำกับในภาค 2 เป็นคนเปลี่ยนบทและใส่ชื่อต้นของ Ripley ว่า Ellen นั่นแปลว่า แดน โอ’ แบนนอน คนเขียนบนภาคแรกนั้นตั้งชื่อ Ripley เอาไว้ทื่อๆ คงอาจไม่ได้คิดหวังว่าบทหนังของเขาจะส่งให้ Ripley และ Sigourney Weaver โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ล่ะมั้ง ^_^ 

- ชื่อเต็มๆของ เอเลี่ยน นั้นก็ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในบทภายหลังว่าอย่างเป็นทางการว่า Xenomorph  ซึ่งก็ไม่เคยเห็นมีตัวละครตัวไหนเอ่ยชื่อนี้ออกมาซะทีคงเพราะคนที่เจอมันไม่ค่อยจะมีใครรอดจึงไม่น่าจะมีใครอยากจำชื่อทางการของมันมากกว่า ^_^ แต่คำว่า เอเลี่ยน จากหนังเรื่องนี้ก็ทรงอิธิพลจนทำให้ผู้คนจดจำและเรียกสิ่งมีชีวิตต่างดาวทุกชนิดว่า เอเลี่ยน จนติดปากจนถึงทุกวันนี้ แบบเรียกผงซักฟอกว่า แฟ๊บ อะไรประมาณนั้น ^_^







ผู้สวมชุดแสดงเป็นเอเลี่ยน Bolaji Badejo นักเรียนศิลปะผิวสีสูง 7 ฟุต 2 นิ้ว ที่ผู้กำกับ Ridley Scott เจอโดยบังเอิญในบาร์แห่งหนึ่ง 



                                                  วงจรชีวิตของ Xenomorph


   


เริ่มจากไข่ที่เกิดจากตัวนางพญาที่เรียกว่า Eggsilo ขนาดความสูง 80 ซ.ม ซึ่งตามที่ O'Bannon ผู้เขียนบทระบุเอาไว้ 

   


ฝาด้านบนของไข่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่เป็นลักษร์เหมือนเครื่องจักรที่จะเปิดโดยอันโนมัติเมื่อมีวัตถุมาสัมผัส แต่สุดท้ายก็ถูกแก้ใหม่เป็นหลายรูปแบบตั้งแต่ให้มันลักษณ์คล้ายช่องคลอดผู้หญิงไปจนสุดท้ายก็ลงตัวที่ให้มีรูปร่างคล้ายกางเขนในที่สุด แต่ไม่ว่ามันจะดูเหมือนอะไรทุกครั้งที่คุณเห็นมันเริ่มเปิดออกก็ให้รีบเผ่นได้เลย

           


เมื่อไข่เปิดออกวงจรชีวิตแรกของ Xenomorph ก็เริ่มต้นทันทีด้วยตัวพาหะที่มีลักษณ์คล้ายมือที่สุดแสนน่าเกลียดที่เรียกว่า Face Hugger จะออกมาและมันพร้อมจะพุ่งเข้าไปหาใบหน้าของคุณก่อนที่มันจะเกาะใบหน้าคุณแล้วส่งท่อยาวแหลมทะลุช่องปากของเพื่อวางไข่ในตัวคุณ และด้วยอุ้มมือที่ทรงพลังของมันรวมกับเลือดที่เป็นกรดร้ายแรงทำให้ไม่ว่าคุณจะพยายามยังไงก็ไม่มีทางดิ้นหลุดจากมันง่ายๆแน่นอนและหลังจากเสร็จกิจของมันแล้วตัวพาหะนี้ก็จะตายลง ทิ้งให้คุณตายใจเพราะมันจะฝังตัวอยู่ในร่างกายคุณชนิดที่ว่าคุณรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองเป็นปกติทุกอย่าง แต่ภายในเวลาที่เหมาะสมเมื่อไข่เจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนมันก็พร้อมจะกัดแทะทะลุหน้าอกของคุณออกมาทันที แน่นอนตอนนั้นคุณคงตายคาที่ไปแล้ว 

     



เจ้าตัวอ่อนที่ทะลุหน้าอกคุณออกมาหลังคุณตายแล้วเรียกว่า Chest Burster แน่นอนตอนนี้มันจะทำอะไรคุณไม่ได้เพราะฉะนั้นนี่เป็นหนทางเดียวที่จะฆ่ามันเสียแต่ตอนนี้ ก่อนที่มันจะใช้ความเร็วและคล่องแคล่วหนีคุรไปแบบไม่เห็นฝุ่น ก่อนที่มันจะเฝ้ารอจนเติบใหญ่แล้วกลับมาไล่ล่าคุณด้วยร่างของตัวเต็มวัยของ Xenomorph ที่สูงถึง 7 ฟุต 2 นิ้ว กระโหลกยาวหนา ร่างกายหุ้มไปด้วยกระดูกชีวะภาพที่แข็งแกร่ง มีกรงเล็บและปลายหางที่แหลมคม และทุกอณูของเม็ดเลือดที่เหลืองข้นของมันเป็นกรดที่ร้ายแรงที่สามารถทำให้ร่างกายคุณที่สัมผัสโดนละลายภายในไม่กี่อึดใจ และแน่นอน H.R.Giner ออกแบบให้มันไม่มีตาเพื่อความน่ากลัว ทำให้มันตาบอดสนิทแต่มันก็มีสัญชาติญาณสัตว์ร้ายที่พร้อมจะไล่ล่าคุณไปจนมอบความตายให้คุณได้ไม่ยากเหมือนกัน  


    




เครดิต ขอบคุณ ไอ้โอ๋ Decibel per – oxide ที่นั่งดูหนังเอเลี่ยน 4 ภาครวดอีกรอบ เพื่อเก็บรายละเอียด
เครดิต ขอขอบคุณข้อมูลประกอบการเขียนของคุณ อลงกรณ์ คล้ายสีแก้ว จากบทความ Alien Saga ในหนังสือ Filmax ฉบับที่ 59 มากๆครับ



ไม่มีความคิดเห็น: