วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Toren




                                                 บทสรุป -  Toren


BY – Decibel per - oxide



ในคืนเดือนดับ อีกครั้งที่เด็กสาวนิรนามที่กุมดาบแห่งโชคชะตาต้องแพ้พ่ายต่อมังกรร้ายแห่งราตรีกาล
ร่างกลายเป็นหิน ดาบหัก เหลือแต่คัมภีร์บอกเล่าเรื่องราวเล่าขานเพื่อเป็นตำนานของนักสู้รุ่นต่อไป 



ก่อนที่กาลเวลาจะผันผ่านล่วงเลยจนเด็กสาวผู้ถือเลือกรุ่นต่อไปถือกำเนิด โดยการชี้นำของวิญญาณพ่อมดที่เคยมากฤทธาและแสงแห่งดวงอาทิตย์ที่แรงกล้าที่หมายจะนำจันทรามาคู่ฟ้าคู่เคียงกัน ทันทีที่เด็กตัวน้อยคลานไปจับที่ดาบที่หักบนแท่น ชะตากรรมของ Moonchild เหล่าลูกหลานแห่งจันทราก็เริ่มต้นทันที



- เดินเข้ามาสำรวจที่ศพของพ่อมด เสียงวิญญาณชี้นำก็เริ่มเอ่ยวาจา “ ตามรอยเท้าของเส้นทางแห่งอัศวิน คำจารึกจากอดีตกาลจะนำทางเจ้าขึ้นสู่ยอดหอคอย “ จากนั้นนำเอาต้นอ่อนของต้นไม้มาปลูกที่กลางห้อง เสียงวิญญาณชี้นำก็เอ่ยว่า “ เมื่อ Majestic Tree ต้นไม้แห่งพลังนี้เติบโตขึ้นไปพร้อมกับความทรงจำของเจ้า พลังแห่งจันทราที่ทรงฤทธาก็จะตื่นขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเดินออกไปด้านนอกหอคอยได้เลย

เมื่อครั้งที่ เวลา ยังคงทำหน้าที่ของมัน
มนุษย์ได้ขัดขืนต่อชะตากรรมของตัวเอง
พวกเขาสร้างหอคอย Toren ขึ้นมา
เพื่อดูหมิ่นสวรรค์ คว้าดวงดาวและยึดเอาจันทราเป็นของตัวเอง
เมื่อยามราตรีไร้ซึ่งแสงสว่าง ปีศาจร้ายก็ทรงอำนาจจากความมืดมิด
พระอาทิตย์ที่โกรธแค้นจึงสาปส่งความเย่อหยิ่งของมนุษย์
ให้เวลาเพื่อให้พวกเขาแก้ไขความผิดพลาด ก่อนที่แสงแห่งตะวันจะไม่อยู่บนท้องนภาอีกต่อไป 
ตำนานกล่าวไว้ว่า มีเพียงเด็กผู้หญิงคนนึงที่จะเกิดมาเพื่อแบกรับชะตากรรมของมนุษย์ชาติ
ที่สามารถปีนหอคอยต้องสาป ปราบมังกรรัตติกาลและปลดปล่อยแสงจันทราให้สาดส่องอีกครั้ง 




-หลังจากออกมาด้านนอกห้องโถงต้นไม้แล้ว ปีนขึ้นบันไดยาวไปด้านบน ทางแยกขวาจะเป็นทางขึ้นไปยัง แท่นรูปปั้นนักรบ จะเห็นพื้นที่มีตัวอักษรอักขระอยู่ ต้องโดดไปบนพื้นปูนทั้ง 3 อันจากซ้ายไปขวาโดยห้ามตกพื้นเลย คัมภีร์ที่ใช้ทำสัญญาก็จะตกลงมา

สัญญาที่เป็นดั่งความรู้ที่ถูกเขียนขึ้นด้วยเลือดจากชนในครั้งอดีตกาล 
เมื่อต้นไม้แห่งชีวิตเติบใหญ่อีกครั้งพลังแห่งแสงก็จะกลับคืนมา
เจ้าก็จะอยู่เหนือกาลเวลา เหล่า ทายาทแห่งจันทราเอ๋ย 
จงสังเวยความเยาว์วัยของเจ้า แล้วแสงแห่งจันทราจะเป็นอิสระอีกครั้ง 

- สำรวจที่ศพที่ถูกบูชายัญใกล้ๆ จะสามารถเข้ามาในความฝันของศพได้ ซึ่งจะเป็นพื้นคืนความทรงจำในแต่ละส่วนของ Moonchild ด้วย ซึ่งด้านในที่ต้องทำก็คือ ใช้เกลือโรยไปตามเส้นอักขระบนพื้นร่างของศพที่ถูกบูชายัญก็จะปรากฏออกมา ทำให้หมดทั้ง 3 จุดจนถึงด้านใน แล้วเข้าไปจนถึงแท่นหน้ารูปปั้นนักรบก็จะเห็นพื้นที่มีตัวอักษรอักขระอยู่ ต้องโดดไปบนพื้นปูนตามอักขระที่โรยเกลือมา 3 รูปนั่นแหละซึ่งก็คือ อันกลางล่าง, ซ้ายบนและขวาล่าง ก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมความทรงจำของ สติสัมปชัญญะ (Reason) ซึ่งความทรงจำต่างๆที่ได้กลับคืนมาก็จะทำให้อักขระรูปสามเหลี่ยมในห้องต้นไม้สว่างขึ้น นั่นจะทำให้ Moonchild มีพลังมากขึ้นนั่นเอง  





- จากนั้นเดินมาทางฝั่งซ้ายต่อจะเป็นทางเข้าโถงต้นไม้ในส่วนกลาง สำรวจที่บ่อกลางห้องเพื่อทำลายรากไม้ที่กั้นอยู่จนฝามันหลุดออกจะทำให้ต้นไม้แห่งชีวิตโผล่พ้นออกมาจากห้องด้านล่างพร้อมกับดาบแห่งแสงจันทราที่ติดอยู่ในต้นไม้ด้วย ย้อนกลับไปด้านบน ก่อนจะข้ามไปตามกิ่งไม้ สำรวจที่ศพที่ถูกบูชายัญก่อนเพื่อเข้าไปในความฝันเพื่อทางคืนความทรงจำทางด้าน อารมณ์ (Emotion) ให้กลับคืนมา ซึ่งจะเป็นฉากทะเลทรายและทางใต้น้ำที่ต้องลุยไป
- ออกมาจากความฝันแล้วปีนไปตามกิ่งไม้จนถึงอีกฝั่ง ขึ้นบันไดไปด้านบนต่อจนถึงทางออกด้านนอก ทางขวาของทางออกจะมีแท่นหินยาว 2 อันที่ดันไม่ได้อยู่ มุดออกไปด้านนอกแล้วดันศพที่ขวางอยู่ให้ตกลงไปซะแล้วกลับเข้ามาดันแท่นหิน 2 อันออกไปเป็นทางสำหรับโดดข้ามไปต่อที่ด้านนอกได้
-ที่ด้านนอกจะสามารถโดดข้ามไปที่แผ่นหินไปด้านบนต่อได้แล้ว ขึ้นไปด้านบนจะเจอกับมังกรแห่งรัตติกาลที่ตื่นขึ้นแล้วพ่นไอความมืดเข้าโจมตี ซึ่งต้องหลบตามเสาไปจนถึงศพที่ถูกบูชายัญทางด้านขวา ก็จะถูกพาเข้ามาในความฝัน จัดการโรยเกลือตามจุดอักขระให้หมดแล้วเข้าไปเจอมังกรที่ต้องหลบไอความมืดของให้ไปทางขวาให้พ้นแล้ว เข้าไปที่ลานด้านบนก็จะพบดาบปักอยู่ทันทีที่ดึงดาบขึ้นมาก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมความทรงจำด้าน สิ่งที่ดีงาม ( Beauty )
- เมื่อออกจากความฝันแล้วเดินขึ้นไปที่ทางเข้าด้านในอีกด้านก็จะเข้ามาถึงจุดที่ดาบปักอยู่ในต้นไม้แล้ว แต่ขณะที่กำลังจะเข้าเก็บดาบแห่งแสงจันทรามาใช้ เจ้ามังกรก็ดันตื่นขึ้นมาก่อนและพ่นไอความมืดใส่จน Moonchild กลายเป็นหินก่อนที่จะคว้าถึงดาบแห่งแสงจันทรา




- และเมื่อกาลเวลาผ่านไป Moonchild รุ่นต่อไปเริ่มเติบใหญ่ดาบแห่งแสงจันทราก็จะตกลงจากด้านบนมาปักพื้นห้องรอให้ใช้งานมันทันที จากนั้นก็ขึ้นไปด้านบนหอคอยอีกครั้งจนเจอมังกรโผล่ออกมาจากหน้าต่างด้านนอก โดยจะออกไปทางน้าต่างนี้หรือเดินขึ้นไปตามกิ่งไม้จนถึงทางออกด้านบนก็ได้เหมือนกันก็จะพบเจ้ามังกรรัตติกาลรออยู่ ซึ่งอณุภาพของดาบแสงจันทร์นั้นสามารถปัดป้องพลังไอความมืดของมังกรได้สบายๆตราบใดที่ยังถือดาบอยู่ในมือ แต่เมื่อเข้าไปฟันโจมตีมันได้ซักพักดาบก็จะกระเด็นไปตามจุดต่างๆ ซึ่งในพื้นที่จะมีแท่นรูปปั้นอยู่ 3 อันที่สามารถเลื่อนไปมาเพื่อใช้เป็นที่กำบังไอความมืดของมังกรไม่ให้กลายเป็นหินได้ เมื่อเก็บดาบได้ก็เข้าไปโจมตีมันใหม่จนดาบกระเด็นอีกครั้ง ทำแบบนี้ไปจนจัดการมังกรให้ตกไปด้านล่างได้ Moonchild ก็จะสลบไป




- Moonchild จะเข้ามาในโลกแห่งความฝันอีกครั้ง ที่นี่จะเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยลมพายุที่เป็นสิ่งขัดขวางการเดินทาง ตรงจุดโรยเกลือแรกสามารถ โรยเกลือล่อกวางที่อยู่ด้านซ้ายเอามาฆ่าที่หน้ารูปปั้นเพื่อบูชายัญได้ จากนั้นก็ต้านลมพายุเข้าไปตามทาง โดยลมมันจะพัดให้ไปเกาะอยู่ที่ปลายของพื้นไม่ได้ทำให้ตกลงไป พยายามเกาะและวิ่งต้านลมเข้าไปด้านในให้ได้ก็จะถูกแท่นรูปมือที่ด้านบนก็จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมความทรงจำเรื่อง ความยุติธรรม ( Justice)
- หลังจากออกมาจากโลกความฝันแล้ว โดดข้ามทางขาดไปทางซ้ายต่อจนถึงทางเข้าในหอคอยเดินไปตามกิ่งไม้เข้ามาก็จะถึงจุดที่ Moonchild รุ่นที่แล้วกลายเป็นหินเพราะกำลังเข้ามาเก็บดาบ ปีนขึ้นไปด้านบนก็จะพบประตูขนาดใหญ่ที่มีโซ่กั้นอยู่ด้านบนจนทำให้เปิดไม่ออก จากนั้นเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด โดดข้ามไปยังโคมไฟเพื่อโดดไปฝั่งตรงข้ามแล้วออกมาฟันให้โซ่ขาดประตูใหญ่ก็จะเปิดได้แล้ว กลับลงไปเข้าประตูใหญ่ไป
- เมื่อออกมาด้านนอกจะเจอมังกรรัตติกาลอีกครั้ง คราวนี้มันจะโจมตีด้วยพลังลมจากปีกของมัน ใช้แท่นรูปปั้นในการกำบังลมของมันแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปจนถึงตัวมันให้ได้ Moonchild ก็จะเข้าไปเสียบดาบใส่ที่ตัวมัน แสงสะท้อนจากดาบนั้นเปล่งประกายจนอัศวินแห่งดวงอาทิตย์รีบควบม้าเข้ามาดู ก่อนที่ร่างของมังกรที่ถูกดาบเสียบอยู่ที่หัวจะตกลงไปด้านล่างพร้อมๆกับดาบแสงจันทร์
- เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ย้อนไปที่ประตูใหญ่ที่เข้ามาจะพบว่าต้นไม้แห่งชีวิตกำลังเติบใหญ่และสูงพุ่งขึ้นด้านบนพร้อมๆกับหินที่ตกลงมากั้นประตูที่จะลงด้านล่างด้วย จากนั้นก็ขึ้นบันไดฝ่าพื้นที่ลมแรงจนขึ้นไปถึงทางเดินด้านบนก็จะเข้ามาที่หอคอยส่วนบนได้
- ที่หน้าหอคอยส่วนบนจะพบศพที่ถูกบูชายัญอยู่ เมื่อเข้าไปในโลกแห่งความฝันจะเป็นโลกแห่งน้ำ โรยเกลือตามจุดอักขระต่างๆแล้วเข้าไปด้านในจนถึงจุดโรยเกลือจุดสุดท้ายรูปสี่เหลี่ยมพื้นที่จะยกตัวขึ้นมา โดดลงมาด้านล่างสำรวจที่ศพที่ถูกบูชายัญหน้าระตู ประตูก็จะเปิดออก ซึ่งจะพบว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่มีอะไรเลย แต่มันสามารถเดินไปได้เพราะมีพื้นล่องหนอยู่ เมื่อเดินขึ้นไปจนถึงด้านบนสุดก็จะพบกับพ่อมดที่บัลลังย์และตื่นขึ้นอีกครั้งพร้อมความทรงจำของ ความเมตรากรุณา (Mercy)
- เมื่อออกมาจากความฝัน เดินไปทางขวาโดดข้ามทางขาดไปจนถึงทางเข้าด้านในหอคอย ต้นไม้ก็จะงอกสูงขึ้นจนมารับขึ้นด้านบนต่อ โดดขึ้นไปบนพื้นยืนยอดต้นไม้  Moonchild ก็จะสลบไปอีกครั้ง
- เข้ามาในโลกแห่งความฝันที่มืดมิด ซึ่งสามารถมองเห็นได้ตอนมีแสงจากฟ้าผ่าเท่านั้น แต่ที่นี่ก็สามารถใช้ไฟจุดคบเพลิงไปตามจุดคบเพลิงต่างๆให้สว่างขึ้นได้ด้วย ที่นี่ต้องเข้าไปโรยเกลือที่จุดอักขระที่พื้น 4 จุดคือด้านซ้ายบน ด้านขวาบน ขวาล่าง และ กลางบนก็จะพบทางเข้าไปในหอคอย ลงมาชั้นล่างก็จะพบกับพ่อมดและจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมความทรงจำของ นรกอเวจี ( Abyss)
- เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ต้นไม้ก็จะพาขึ้นมาจนถึงส่วนบนของหอคอยที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็นแล้ว ที่นี่ต้องโดดไปที่ทางขึ้นของหอคอยเพื่อจุดไฟเนื่องตามทางไปจนถึงจุดพักระหว่างชั้นที่ยอดต้นไม้จะไปรออยู่เพื่อจุดไฟที่ยอดต้นไม้ให้ทันก่อนไฟจะดับและต้องทำอย่างรวดเร็วไม่งั้นก็จะหนามตายด้วย เมื่อจุดไฟไปได้เรื่อยๆต้นไม้ก็จะพุ่งยอดต้านความหนาวเย็นขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆจนถึงยอดหอคอยได้
- ที่ยอดหอคอยจะพบวิญญาณของพ่อมดรออยู่ เขาจะชี้ทางให้โดดลงไปที่กลุ่มดวงดาวเพื่อสู้กับมังกรแห่งรัตติกาลอีกครั้ง โดยในครั้งนี้จะมี อัศวินแห่งดวงอาทิตย์ มาร่วมต่อสู้ด้วย ซึ่งการต่อสู้กับมังกรรัตติกาลนั้น ต้องร่วมมือกันทั้ง 2 คนโดยมังกรจะโจมตีสลับกัน 2 แบบคือ อย่างแรกใช้พลังลมซึ่งอัศวินแห่งดวงอาทิตย์จะใช้โล่กันและสามารถใช้ตัวเขาในการยึดเกาะได้ด้วย จากนั้นก็ใช้ไอความมืดที่ทำให้กลายเป็นหิน ซึ่งดาบแห่งแสงจันทราของ Moonchild ก็สามารถป้องกันได้ แต่ต้องอย่าลืมเข้าไปช่วยป้องกันให้ อัศวินแห่งดวงอาทิตย์ด้วย โดยต้องไปยืนกันอยู่ตรงหน้าใกล้ๆเขาคลื่นพลังความมืดก็จะทำอะไรเขาไม่ได้ด้วย จากนั้นก็ดันแท่นไปทำทางเพื่อเข้าไปฟันให้โดนตัวมังกร จากนั้น อัศวินแห่งดวงอาทิตย์ จะใช้โล่ตรึงมันเอาไว้ แล้วรีบไปฟันทำลายเสาสีฟ้าให้ถล่มลงมาถูกมัน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนมังกรถอยเข้าไปถึงด้านในทั้งคู่ก็จะจัดการมันลงได้



ทันทีทีหมดสิ้นอำนาจต้องสาปของมังกรรัตติกาล หน้าที่สุดท้ายของเหล่า Moonchild เด็กน้อยทายาทจันทราก็ต้องดำเนินต่อไป Moonchild เดินเข้าไปหาดวงอาทิตย์ด้วยความเหนื่อยล้ามันเนิ่นนาน ก่อนที่พระอาทิตย์ผู้ทรงพลานุภาพจะเปลี่ยนร่างของสาวน้อยทายาทแห่งจันทราให้กลายเป็น ดวงจันทร์ เพื่อทำหน้าที่สาดส่องแสงนวลผ่องบนท้องนภาขจัดปัดเป่าอำนาจมืดที่ชั่วร้ายในยามค่ำคืนดังเดิมมานับแต่นั้น 





       





ดวงจันทร์ ความลี้ลับที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายมาตั้งแต่ยุคโบราณ ได้ทำหน้าที่เติมแต่งความสวยงามให้กับท้องฟ้ายามค่ำคืน เป็นแรงศัทธราแห่งความสดใสอ่อนโยนที่หลายคนยึดถือ เป็นแรงดึงดูดให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงที่เป็นประโยชน์ต่อท้องทะเล และเป็นรูปธรรมในก้าวแรกของมวลมนุษย์ชาติในการเดินทางไปสู่อนาคต และมันจะยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปชั่วกัปชั่วกัลย์ จนถึงวันที่ถูกทำลายด้วยกาลเวลาและน้ำมือของมนุษย์ อีกครั้ง 


    



                        ******************* THE END ******************