วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Castlevania: Lord of Shadow 2

                      


                                             บทสรุป Castlevania: Lord of Shadow 2

BY Decibel per - oxide

Chapter 1 - Castle Siege



.ซากปราสาทเก่าที่ค่ราคร่ำไปด้วยคาวเลือดและอดีตที่ผ่านกาลเวลามาหลายราตรีกาลด้วยความทนทุกข์ Gabriel ชายผู้ยอมขายวิญญาณเพื่อคนรักยังคงนั่งตายซากอยู่บัลลังก์แห่งชะตากรรมที่เขาก่อลงไปอย่างโดดเดี่ยวในนามแห่ง Eu Saut Dracula จ้าวแห่งเงามืดแห่งความมืดมิดทั้งปวง เหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งที่จะมาปลดปล่อยเขาจากกรรมที่เขาก่อ ซึ่งตัวเขาเองก็รู้ดีว่า มันจะไม่มีวันเป็นจริง จนความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงกระแทกประตูเสียงดั่งสนั่นของผู้รุกราน Dracula ลุกขึ้นช้าๆอย่างเหนื่อยหน่ายที่จะจัดการผู้รุกรานที่เขาต้องเผชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีวันจบสิ้น เหล่านักรบแห่งแสง แห่งกลุ่ม Brotherhood of Light ที่เขาเองเคยเป็นอัศวินมือหนึ่งเมื่อในอดีตถูกส่งเข้ามาหมายที่จะกำจัดตัวเขาในฐานะ อสูรร้าย

Tutorial
A – กระโดด
X – โจมตีปกติ (Direct Attack)
Y – โจมตีหนัก (Area Attack)
LB – ใช้ Void Power (ดาบ Void Sword)
RB –ใช้ Chaos Power (กรงเล็บ Chaos Claws)
LT – ตั้งการ์ด สามารถใช้คู่กับปุ่มบังคับการเคลื่อนไหว(LS)ในการ แดช หลบ และ พุ่งชนศัตรูได้ด้วย
RT – ใช้ อาวุธเสริม, Skill และ ไอเทม
LS  แกนอนาล็อกซ้าย - บังคับทิศทางการเคลื่อนไหว
RS แกนอนาล็อกขวา บังคับทิศทางมุมกล้อง
ปุ่มทิศทาง D – Pad – ใช้เลือกใช้อาวุธสำรอง

หลังจัดการพวกนักรบแห่งแสงจนหมด Dracula ก็รู้ดีว่าการบุกครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนทุกครั้งเพราะจำนวนศัตรูนั้นมากมายเป็นกองทัพที่เขาสำควรที่จะต้องหลักเลี่ยง เมื่อออกจากห้อง สำรวจทางมุมซากที่มีกลุ่มค้างคาวเกาะอยู่ซึ่งมันจะแสดงแทนสัญญลลักษณ์ของจุดที่สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้นั่นเอง และสามารถกด LT ดูจุดปีนให้ชัดเจนได้ด้วย จากนั้นปีนข้ามไปจนถึงทางออกฝั่งตรงข้าม เมื่อ Dracula ออกมาที่ระเบียงหน้าปราสาทก็จะพบกองทัพของนักรบแห่งแสงมากมายที่กำลังบุกถล่มปราสาทของเขาอย่างเต็มกำลัง เศษเสี้ยวนึงของความคิดของ Dracula ที่ว่า ทำไมพวกมนุษย์ถึงรู้ที่อยู่ของเขา ก็พุดขึ้นพร้อมการโจมตีของ Siege Titan หุ่นขนาดใหญ่ที่มาพร้อม Paladin หัวหน้าอัศวินแห่งแสงในการนำทัพ Paladin ที่ทำหน้าที่กวาดล้างคนชั่วเมื่อชะตากรรมเล่นตลกเพราะหน้าที่นี้ในอดีต Gabriel ก็เคยทำแบบนี้มาแล้วเช่นกัน การต่อสู้กับ Paladin นั้นแดชหลบเท่าที่ทำได้แล้วสวนกลับด้วยการ์ดเคาท์เตอร์แบบพอเหมาะพอเจาะ แต่ไม่นานเขาก็จะออกจากการต่อสู้เพื่อให้ Siege Titan โจมตีต่อ จากนั้น Dracula ต้องใช้ความเร็วในการปีนป่ายไปตามแขนของหุ่นท่ามกลางการโจมตีของ Paladin ที่ไล่ล่ามาติดๆ ระหว่างทางจะพบจุดที่มีกำแพงกั้นซึ่งสามารถทำลายได้ด้วยการล่อให้ Paladin ยิงมาที่หมุดที่ติดอยู่ออกให้หมดก็จะผ่านไปได้ ปีน หลบกับดัก จัดการศัตรูฝ่าไปจนถึงส่วนพลังงานของหุ่น Dracula จะใช้เลือดคำสาปของเขาทำให้พลังงานแห่งแสงที่ใช้ควบคุมหุ่นหมดลง เท่านี้ Siege Titan ก็จะถล่มลงไปนอนกองกับพื้น แต่การต่อสู้ยังเพิ่งเริ่มเมื่อ Paladin ตามเข้ามาอีกครั้งเพื่อต่อสู้แบบเต็มรูปแบบ



Boss – Paladin บอสตัวแรกที่ดูเหมือนไม่ยากก็ยากขึ้นมาถนัดตาเพราะความไม่คุ้นชินการบังคับของคุณ พยายามแดชหลบแล้วโจมตีมันไปเรื่อยๆแบบไม่ต้องบวก เพราะมันจะกระแทกพลังอัดกลับมาเสมอ หาทางการ์ดเค็าท์เตอร์สลับกับหลบการขว้างอาวุธของมันก็พอที่จะจัดการมันได้





หลังสิ้นฤทธิ์ Paladin หนุ่มที่กำลังพ่ายแพ้รีบหยิบกางเขนขึ้นมาพร้อมเริ่มสวดบทปราบมาร
ข้าเคยเป็นเหมือนเจ้ามาก่อนพาราดินหนุ่มผู้โง่เขลา ซึ่งนั่นแปลว่า คาถาของเจ้ามันใช้กับข้าไม่ได้ผล
Dracula กล่าวก่อนที่จะเริ่มสวดบทปราบมารไปพร้อมๆกันไปด้วยจนเกิดความแปรปรวนของคาถาทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่จนเหล่านักรบแห่งแสงในสมรภูมิตายเรียบไม่มีเหลือ หลังกวาดล้างศัตรูจนหมด Dracula ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่เข้ามาใกล้เขาโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว เมื่อหันมาด้านหลังก็พบกับชายในร่างขาวซีดผมสีขาวที่มายินปีะจันหน้ากับเขาพร้อมๆกับความเงียบ Dracula จำได้ดีว่ามันคือ Alucard นั่นเอง

อดีตที่ผันผ่านมาจนถึงปัจจุบันการต่อสู้ของ Gabriel ในฐานะ Dracula จ้าวแห่งรัตติกาลก็ไม่เคยจบสิ้นเสมือนหมอกบางยามค่ำคืนที่มืดมิดที่เขาต้องเอาตัวรอดอย่างแสนยากลำบากเพียงลำพัง ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการ์ณที่เปลี่ยนชะตากรรมเขาไปตลอดกาล 

ต้นกำเนิดของเรื่องราวเกิดขึ้นในยุค ค.1046… ในช่วงที่มีจอมปีศาจตนหนึ่งออกมาสร้างความวุ่นวายไปทั่ว ทำให้ทั่วโลกเต็มไปด้วยปีศาจออกมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด มนุษย์ถูกพวกปีศาจคุกคามจนต้องรวมตัวกันเป็น ภาคีแห่งแสง Brotherhood of Light เพื่อต่อต้านพวกปีศาจที่เข้ามารุกราน โดยมี เกเบรียล เบลมอนท์ เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย ในวันที่โลกกำลังเลวร้าย เกเบรียล ก็ยังได้พบเจอสิ่งที่สวยงามคือได้ครองรักกันกับ มาเรีย ภรรยาของเขา จนให้กำเนิดลูกชาย เทรเวอร์  ขึ้นมาในช่วงที่ เกเบรียล ออกปฏิบัติภาระกิจจนเขาไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าตัวเขามีลูกชาย จน มาเรีย ภรรยาของเขาต้องตายจากไปในระหว่างการต่อสู้ เทรเวอร์ จึงถูกชุบเลี้ยงโดยกลุ่ม Brotherhood of Light ตามคำทำนายโบราณว่า เทรเวอร์  จะเป็นความหวังของมนุษย์ชาติและความลับนี้ถูกปกปิดไม่ให้ เกเบรียล รับรู้  ทำให้ เกเบรียล ต้องออกเดินทางตามหา หน้ากากเทวะ สิ่งที่เขาเชื่อว่ามันสามารถชุบชีวิตให้ภรรยาเขาได้ แต่ชิ้นส่วนของหน้ากากอยู่ในการครอบครองของ Lord of Shadow ทั้ง 3 คือ คอร์เนล ผู้นำแห่ง ไลแคนทอร์ป , คารมิล่า ผู้นำของแวมไพร์ และ โซเบค ผู้นำแห่งโครแมนเชอร์ แต่ถึงแม้ว่า เกเบรียล จะจัดการรวบรวมชิ้นส่วนของหน้ากากจนครบแล้วก็ยังไม่สามารถชุบชีวิตของ มาเรีย ภรรยาเขาได้ แต่มันกลับไปปลุกจอมปีศาจ Forgotten One ที่แสนชั่วร้ายให้คืนชีพมาอีกครั้ง ทำให้ท้ายที่สุด เกเบรียล ต้องทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อใช้พลังของแวมไพร์ในการต่อสู้กับ Forgotten One ในฐานะเป็นคนปลุกมันขึ้นมา แต่สุดท้าย เกเบรียล ก็ต่อต้านพลังแห่งความมืดเอาไว้ไม่ได้ จนเขาต้องกลายเป็น แดร็กคูล่า ไปในที่สุด

.1067… เทรเวอร์ เบลมอนท์ และ ซิลฟา ให้กำเนิดลูกชาย ไซม่อน เบลมอนท์
.1073… เทรเวอร์ เบลมอนท์ บุกปราสาทแดร็กคูล่าโดยไม่รู้มาก่อนเลยว่า แดร็กคูล่า คือ เกเบรียล พ่อของเขาเอง การต่อสู้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ เทรเวอร์ ที่แดร็กคูล่าอัดจนบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่เทรเวอร์กำลังจะตายเขาก็ได้บอกความลับให้ แดร็กคูล่า ต้องเจ็บใจว่าเขาคือลูกที่ เกเบรียล ไม่เคยล่วงรู้ว่ามี เมื่อแดร็กคูล่ารู้ความจริงแล้ว ในฐานะพ่อแดร็กคูล่าจึงไม่สามารถปล่อยให้ลูกชายเขาตายได้จึงเอาเลือดของตัวเองให้ เทรเวอร์ ดื่มเพื่อให้ลูกชายของเขากำเนิดใหม่อีกครั้ง ก่อนนำร่าง เทรเวอร์ ลูกรักใส่ลงในโลง แล้วสลักชื่อบนฝาโลงไว้ว่า .. อูลการ์ด
.1101…ไซม่อน เบลมอนท์ ทนความเจ็บปวดในจิตใจของเขาไม่ได้ที่ต้องเสียแม่ที่ถูกปีศาจฆ่าตายหน้าปราสาทแดร็กคูล่าสวนพ่อของเขา เทรเวอร์ ก็หายสาปสูญหลังจากบุกเข้าไปกำจัดแดร็กคูล่า ไม่มีทางเลือกที่ ไซม่อน ต้องตัดสินใจบุกปราสาทแดร็กคูล่าเพื่อแก้แค้นให้แม่และตามหา เทรเวอร์ พ่อของเขา

.1126… 25 ปีต่อมา ไซม่อน เบลมอนท์ หลังจากฝึกฝนผีมืออย่างหนักจนอายุ 36 ปีก็ตัดสินใจบุกปราสาทแดร็กคูล่า ระหว่างทางเขาพบกับกางเขนพิฆาตมารอาวุธของ เทรเวอร์ พ่อของเขาตกอยู่เขาจึงมั่นใจว่าพ่อของเขาคงยังอยู่ในปราสาทจนทำให้ ไซม่อน มีแรงใจที่จะบุกเข้าไปในปราสาทที่แสนยากลำบากจนพบกับ แดร็กคูล่า ในที่สุด ในขณะที่ผีดิบนามว่า อูลการ์ด ก็ปรากฏตัวขึ้นมา อูลการ์ด หรือ เทรเวอร์ ที่กำเนิดใหม่จากสภาพเกือบตายและได้มรดกเลือดชั่วที่เขาไม่เคยต้องการจากผู้เป็นพ่อจนกลายเป็นผีดิบ จึงสาบานว่าเขาจะตามล้างแค้น แดร็กคูล่า พ่อของเขาที่ยัดเยียชีวิตผีดิบที่เขาไม่เคยต้องการมาให้ จนได้มาพบ แดร็กคูล่า พร้อมกับ ไซม่อน ในที่สุด และด้วยการร่วมมือกันของทั้ง อูลการ์ด และ ไซม่อน ก็ทำให้สามารถจัดการกับ แดร็กคูล่า ลงได้ในที่สุด โดยที่ ไซม่อน ไม่มีโอกาศล่วงรู้เลยว่า อูลการ์ด ก็คือ เทรเวอร์ พ่อของเขา หลังจบศึก อูลการ์ด เก็บเศษกางเขนพิฆาตมารของ เกเบรียล เอาไว้ ก่อนที่อูลการ์ด จะกลายร่างเป็นค้างคาวบินหายไปกับความมืดเขาได้ย้ำเตือนกับ ไซม่อน ให้จำไว้เสมอว่า แดร็กคูล่า จะคืนชีพมาอีกครั้งแน่นอน ………

…. หลายศตวรรษผ่านไป เรื่องราว เรื่องเล่า ของ แดร็กคูล่า จอมปีศาจผู้กระหายเลือด ในอดีตก็เริ่มจางหายเสมือนหมอกบางๆเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมา จนเวลาคืบคลานมาถึง ปัจจุบัน …….

Chapter 2 – Awakening



Gabriel ในนามแห่ง Dracula ยังคงซ่อนตัวอยู่ในปราสาทของเขาแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานจนโลกแปรเปลี่ยนมาจนถึงยุคใหม่ แต่ความนึกคิดและซากของร่างที่ไม่มีวันตายของ Dracula ยังคงไม่เคยเปลี่ยนแปลง และด้วยความที่เขายังมีความต้องการที่จะกลับเป็นมนุษย์อยู่ จึงพยายามที่จะไม่แตะต้องเลือดมนุษย์จนร่างกายทรุดโทรม แต่มันก็ทำให้มีเวลามากพอที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆมากมายที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องค้างคาใจในคำพูดของ Zobek อดีตเพื่อนเก่าที่รวมชะตากรรมชั่วมาด้วยกัน เข้ามาพบทันทีที่เขาตื่นขึ้นในโลกปัจจุบันเพื่อให้เตรียมรับมือการมหัตภัยร้ายที่กำลังจะเข้ามาและหนทางที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่มีใครรู้ว่าอะไรดลใจที่ทำให้ Dracula พาซากที่ไร้ชีวิตของตัวเอกเดินโซเซออกมาด้านนอกปราสาทกับเป้าหมายจางๆในความคิด เวลาครุ่นคิดที่นานพอทำให้ Dracula รู้ว่าเขาต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อหนีจากชะตากรรมนี้ให้ได้เสียที 

ที่หน้าปราสาทท่ามกลางถนนหนทางที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เศษซากร่างกายในยุคโบราณนั้นดูจะไม่เข้ากันกับโลกในยุคใหม่แม้แต่นิด จนเด็กหญิงผู้โชคร้ายที่เดินผ่านมาทำให้ Dracula ต้องหาทางที่จะเพิ่มพลังของตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะคิดถึงดีเลว Dracula พยายามเดินตามเด็กสาวเข้ามาจนถึงซอยเปลี่ยวเพื่อหมายที่จะดูดเลือดดับกระหาย แต่กลับพบปีศาจที่เข้ามาโจมตีเด็กสาวอยู่ ก่อนที่มันจะหันเข้ามาโจมตีใส่ Dracula ทันที ซึ่งแน่นอนว่า ตอนนี้ราชาปีศาจไม่มีแรงพอจะสู้กับศัตรูตัวไหนได้เลยถ้าเขาไม่ได้เลือดเพื่อเพิ่มพลัง Dracula ถูกปีศาจเข้าโจมตีจนบาดเจ็บแบบที่ไม่สามารถรับมือมันได้เลย จนมีอัศวินชุดดำลึกลับคนนึงออกมาจัดการปีศาจเพื่อข่วยเขาไว้ก่อนที่จะหมดแรงล้มลงไป



Dracula ตื่นมาอีกครั้งในสภาพบาดเจ็บหนักและอิดโรยเต็มที่ จิตใจที่กำลังขาดสติก็มองเห็นผู้ชายและผู้หญิงคู่นึงที่อยู่ในห้องเดียวกับเขา สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของปีศาจร้ายไม่มีรอที่จะเข้าไปขย้ำเหยื่อด้วยความหิวโหย เลือดทุกหยดของเหยื่อทำให้ร่างกายของ Dracula กลับมาแข็งแรงอีกครั้งถึงแม้จะยังไม่เต็มร้อยแต่ก็มากพอต่อสู้อีกครั้ง ก่อนที่ Zobek จะเข้ามาในชุดสูทสีดำในยุคใหม่พร้อมกับอัศวินชุดดำที่เป็นบอดี้การ์ดของมันเอง Zobek เข้ามาทักทายเพื่อนเก่า พร้อมยืนข้อเสนอที่จะให้ Dracula มาร่วมงานกับเขาอีกครั้ง กับคำถามเล็กๆที่ออกจากปากของ Dracula ว่า ทำไมเขาต้องทำด้วย ก่อนที่ Zobek จะบอกถึงการกลับมาคืนชีพอีกครั้งของ Satan ที่ Dracula ในฐานะคนที่เคยส่งมันลงนรกควรรับรู้ไว้ เพราะทันทีที่มันคืนชีพมาได้คนแรกที่มันจะแก้แค้นก็คือ Dracula ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ Dracula ยอมตกลงกลับไม่ใช่เรื่องการคืนชีพของ Satan แม้แต่นิด แต่ทันทีที่ Dracula เห็นว่า Zobek มันมี “ Vampire Killer “อาวุธเก่าของเขาที่มันสามารถฆ่าแวมไพร์ให้ตายได้ เพราะสิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือ การปลดปล่อยวิญญาณร้ายของตัวเองให้ตายจริงๆเสียที ซึ่งถ้าการจัดการกับการกลับมาของ Satan เป็นส่วนนึงของแผนนั้นเขาก็เต็มใจที่จะทำ และนั้นไม่ได้แปลว่าเขาจะชื่นชอบ Zobek แน่นอน 

หลังจาก Dracula ยอมตกลง Zobek ก็อธิบายถึงรูปแบบการต่อสู้ในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ซึ่งเพื่อรับมือกับงานนี้ Zobek ได้ก่อตั้งหน่วยงานของตัวเองเพื่อรวบรวมอาวุธและกองกำลังไว้มากมากมายในนามของ Zobek Society ซึ่งมีตึกบัญชาการณ์ที่ทุกคนกำลังอยู่ที่นี่ เพื่อคอยรวบรวมข้อมูลเพื่อสืบหาตำแหน่งของ เหล่าสาวกทั้ง 3 คนของซาตาน ที่มีส่วนสำคัญในการคืนชีพของ ซาตาน โดยเหล่ากองทัพปีศาจของ Stan เองก็ทันสมัยขึ้นไม่แพ้กันด้วยการรวบรวมมนุษย์ที่ถูกสิงและกลายร่างเป็นปีศาจที่เป็นตัวแทนของกองทัพของมันในโลกปัจจุบันในชื่อของ Army of Satan และพวกมันต้องพยายามทุกทางที่จะปกป้อง สาวกทุกคน อย่างแน่นอน โดยเป้าหมายแรกที่ต้องไปสืบหาคือความผิดปกติที่โรงงาน Bioquimek    

*******************************************************************************
เมื่อออกจากตึกบัญชาการ์ณ ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปีที่ Dracula จะโลดแล่นท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนในยุคปัจจุบัน ซึ่งก็มีสิ่งที่คุณและ Dracula ต้องเรียนรู้ร่วมกันคือ

1. คำว่า Open World ในเกมนี้นั้นไม่ได้แปลว่าจะได้เดินในโลกกว้างๆแต่จะหมายถึงสามารถไปตามสถานที่ต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งจะสามารถกดปุ่ม Back ดูเป้าหมายของภาระกิจหลักที่เป็นรูปตัว X ในเป้าหมายในแผนที่และลูกศรสีเหลืองเล็กๆใน Mini Map ที่มุมขวาบนของจอได้ ซึ่งมันอาจไม่ช่วยอะไรมากนักเพราะดูค่อยข้างลำบากซึ่งมันจึงทำให้คุณต้องพยายามหาทางไปด้วยตัวเองบ้างนั่นเอง
2. ในฉากนั้นสามารถทำลายสิ่งต่างๆเพื่อเก็บสิ่งของต่างๆโดยมีของที่สำคัญๆคือ
- เหรียญกระโหลก ซึ่งนอกจากเก็บเอาตามฉากแล้วก็จะได้เป็นรางวัลหลังจัดการศัตรูและบอสต่างๆด้วย ซึ่งมันสามารถใช้ในการอัพเกรด Skill ต่างๆของอาวุธที่จะทำให้มีท่าโจมตีใหม่ๆเพิ่มขึ้นนั่นเอง 
- Relics ซึ่งก็คือ ไอเทม ที่ใช้เติมพลังหรือช่วยเหลือตามสถานะการ์ณต่างๆนั่นเอง โดยการใช้ Relics ต่างๆนั้นสามารถกดเลือกใช้ได้ด้วยปุ่มทิศทางลงล่างแล้วกดใช้งานด้วยปุ่ม RT โดย Relics ต่างๆประกอบด้วย
Tear of saint - ใช้สำหรับเติมพลังชีวิต
Seal of Alastor ทำให้ Skill ที่ทั้งหมดมีความรุนแรงมากขึ้น
Stolas Clock ทำให้ศัตรูช้าลงและได้ค่า Exp มากขึ้น
Ensnared Demon ใช้ Void Power และ Chaos Power ได้ไม่จำกัด
Dodo Egg ใช้อีกาในการเก็บไอเทมที่เข้าไม่ถึง
Talisman Dragon เปลี่ยนร่างเป็นมังกรโจมตีศัตรูรอบๆอย่างหนัก

*******************************************************************************

จากนั้นเดินทางเข้าไปในเมืองต่อเปิดประตูกลางเข้าไปโกดังเล็กๆแล้วกดปุ่มทิศทาง D – Pad ขึ้นบนเลือกใช้อาวุธเสริม Shadow Dagger แล้วกด RT ยิงไปที่เป้าหมายที่สวิตซ์ 2 อันด้านบนประตูก็จะเปิดออกไปได้ ก็จะพบ Gogoth Guard แห่งกองทัพของ Satan ที่ยืนป้องกันประตูด้านในอยู่ จากนั้นเรียนรู้ในการใช้งาน Vampiric Power โดยความสามารถของไวมไพร อันแรกคือ Plague of Rat ซึ่งจะทำให้แปลงร่างเป็นหนูที่จุดมุมมืดของฉากได้ ใช้ร่างหนูเดินผ่านการ์ดไปที่ด้านหลังมันแล้วคืนร่างที่จุดมุมมืดที่หน้าประตู จากนั้นย่องเข้าไปด้านหลังทันแล้วใช้ Vampiric Power Possession กด B จะทำการสิงเป้าหมายเพื่อบังคับมันไปเปิดประตู และระหว่างที่ทำการสิงศัตรูพลังชีวิตของ Dracula ก็จะค่อยๆลดลงตลอดด้วย เมื่อผ่านเข้ามาด้านในก็จะถึงทางเข้าของ โรงงาน Bioquimek แล้ว

โรงงาน Bioquimek …. เข้ามาด้านในจะพบ Gogoth Guard ป้องกันประตูทางเข้าถึง 2 ตัว เรียนรู้การใช้ อาวุธเสริมอันใหม่ Batswarm ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ด้วยการกดปุ่มทิศทางไปทางซ้าย แล้วกด RT ในการสั่งฝูงค้างคาวไปรบกวนเป้าหมาย โดยการยิงไปที่ Gogoth Guard ตัวทางขวาเพื่อให้ตัวทางซ้ายที่ขวางบันไดอยู่เดินมาช่วย จากนั้นก็รีบวิ่งไปปีนขึ้นบันไดข้ามไปอีกห้อง Gogoth Guard ตัวนึงจะเดินตามมาด้วย ซึ่งจะจัดการสิงมันเพื่อลงไปเก็บไอเทมหรือปีนขึ้นไปชั้นบนแล้วขึ้นไปจนถึงทางเข้าด้านบนเลยก็ได้ ทางเข้าด้านบน Dracula จะได้พบกับเด็กผู้ชายลึกลับคนนึงที่เข้ามาบอกว่า ถ้าอยากได้อาวุธคืนให้ตามเขาไป

หลังจาก Dracula ตามเด็กชายที่เขาไม่รู้จักไปจะพบว่าเขาจะพาเข้ามาที่สถานที่แห่งหนึ่งที่ Dracula คุ้นเคยว่าเป็นปราสาท Dracula ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งที่ถูกพลังของ Satan กลืนกันไปหมดแล้ว ในเขต Bernhard’s Wing เก็บไอเทมในส่วนนี้ให้หมดซึ่งจะมีไอเทมที่สำคัญๆคือ Pain Box ซึ่งถ้าสามารถตามเก็บให้ครบทุกๆ 5 ชิ้นจะได้เกทพลังชีวิตและพลังเวทย์เพิ่มขึ้น , Soldier’s Diaries พวกบันทึกความทรงจำของศพต่างๆ แล้วเข้าไปที่ฝั่งซ้ายปีนขึ้นไปด้านบนตามท่อน้ำเก่าจนออกมาที่ระเบียงชั้นบน เข้าไปที่สุดทางสับคันโยกแล้วใช้ Shadow Dagger ยิงทำลายสิ่งที่ติดอยู่ในกลไกประตูออก แล้วผ่านเข้าด้านในต่อจนถึงห้องโถงใหญ่ของปราสาท  ตามเก็บ Pain Box ตามจุดต่างๆในนี้ให้หมดแล้วโดดไปตามโคมไฟ โหนตัวไปมาเพื่อโดดต่อตามโคมไฟไปจนถึงฝั่งตรงข้าม จะพบเด็กชายลึกลับรออยู่ และทันทีที่เด็กพูดขึ้นว่า คุณจะชดใช้ยังไงกับแม่ของผมทำให้ Dracula รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้คือภาพมายาของ Trevor ลูกชายของเขาในวัยเด็กนั่นเอง จากนั้นตาม Trevor เข้าไปจนถึงด้านในจะพบห้องเก็บดาบ Void Sword อยู่ที่สุดทาง แต่พลังบางอย่างพยายามจะหยุด Dracula ด้วยการทำพื้นทางเดินถล่ม ซึ่งต้องรีบวิ่งตรงไปข้างหน้าแล้วกด LT หาที่เกาะให้ทัน เมื่อเข้าไปถึงในห้อง Dracula ก็จะได้ Void Sword พร้อมพลัง Void Power กลับคืนมา ขณะที่พลังความชั่วร้ายที่คุ้มครองดาบก็รวมตัวกับเศษรูปปั้นจนเป็นโกเลมขนาดใหญ่เข้าโจมตี Dracula ทันทีเหมือนกัน

Boss Stone Golem การจัดการกับโกเลมนั้นใช้การแดชหลบแล้วโดดโจมตีที่ส่วนบนของร่างกายจะทำให้มันเสียหายหนัก ซึ่งสิ่งที่สำคัญในการต่อสู้กับบอสตัวนี้คือการเรียนรู้การใช้อาวุธใหม่ที่เพิ่งได้มามากว่า

เรียนรู้การใช้ Void Sword
เริ่มด้วยการโจมตีปกติจนทำให้ศัตรูปล่อย Blood orbs ออกมา(ยิ่งถ้าทำคอมโบจนเกทค่า Focus เต็มแล้วจะทำให้ได้ Blood orbs ยิ่งมากขึ้น) ซึ่งเมื่อกดแกนอนาล็อกซ้ายลงไปตรงๆจะเป็นการดูด Blood orbs มาเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ของพลัง Void Power ที่เกทรูปดาบสีฟ้าด้านซ้ายของจอ ก็จะสามารถกด LB เพื่อใช้ Void Sword ในการโจมตีศัตรูได้ โดยจะสามารถใช้ได้จนกว่าเกทพลังเวทย์จะหมดนั่นเอง เมื่อจัดการมันได้แล้ว เข้าไปเก็บ Void Gem มาจากหัวของโกเลมจะทำให้ดาบ Void Sword มี Skill ใหม่เพิ่มขึ้นมาใช้คือ Void Projection ก่อนอื่นถ้าพลังเวทย์ไม่พอให้เข้าไปในห้องที่ถูกโกเลมกระแทกเปิดออกจะมีรูปปั้นที่สามารถดูด Blood orbs ได้ไม่จำกัดอยู่ จากนั้นออกมาที่น้ำตกข้างๆห้องแล้วกด LB ใช้ดาบ Void Sword แล้วกด RT เล็งเป้าไปที่น้ำตกเพื่อยิงคลื่นพลังน้ำแข็งทำให้น้ำตกแข็งตัวจนทำให้เกาะปีนป่ายขึ้นด้านบนได้ พลัง Void Projection นั้นสามารถเลือกใช้ได้โดยกดปุ่มทิศทางขึ้นบนในขณะที่กำลังใช้ ดาบ Void Sword ซึ่งนอกจากมันจะเป็นหนึ่งในพลังที่ใช้ในการแก้ปริศนาสำหรับการเดินทางที่คุณต้องใช้ประจำแล้วมันยังสามารถใช้ในการต่อสู้เพื่อยิงพลังน้ำแข็งหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ด้วย

เมื่อปีนขึ้นมาด้านบนได้แล้ว เข้าไปตามทางท่อระบายน้ำที่เป็นหมอกดำจะออกมาที่ห้องโถงใหญ่ของปราสาทต่อได้ เก็บไอเทมต่างๆให้หมดแล้วปีนขึ้นชั้น 2 เข้าไปที่ห้องด้านในจะพบ Trevor โดนพวกปีศาจที่เคยเป็นลูกน้องของ Dracula กำลังถูกพลังของ Satan ในการเข้าครอบงำจนเข้ามาโจมตีใส่ Dracula พยายามจัดการมันให้หมดแล้วคอยปกป้อง Trevor จากศัตรูที่เข้ามาจับตัวด้วย ถึงแม้ทั้งคู่จะอยู่ในสถานะการ์ณที่เลวร้ายแต่เสียงเรียกที่ออกจากปาก Trevor ว่า พ่อ ทำให้จิตใจของมนุษย์ที่เหลืออยู่ในร่างปีศาจอย่าง Dracula อ่อนโยนขึ้นมาจนทำให้ Dracula หลุดปากไปว่า ที่พ่อทำไปเพราะไม่มีทางเลือกแต่ Trevor ก็บอกกลับไปว่า ไม่หรอก พ่อมีทางเลือกเสมอ



พ่อผู้น้อมรับชะตาของตัวเองโดยไม่คิดจะต่อสู้กับลูกชายที่ลุกขึ้นสู้กับชะตากรรมที่รู้ว่าไม่มีวันชนะ วังวนแห่งการต่อสู้ที่ต้องมีวันจบสิ้นซักวัน

คำพูดของ Trevor ทำให้ Dracula อดคิดไม่ได้ว่านี่มัน เป็นความจริงหรือความฝัน ในขณะที่ร่างของ Trevor ก็สลายหายไปก่อนที่ความคิดคำนึงของ Dracula จะจบลงเสียอีก Dracula จะได้ตรารูปหมาป่า (White Wolf Medallion) จาก Trevor ซึ่งมันจะเป็นตัวเชื่อมในการเดินทางระหว่างโลกความจริงกับโลกต่างมิติได้โดยผ่าน ตรารูปหมาป่า (Wolf Altar) ที่อยู่ตามจุดต่างๆ จากนั้นใช้ ตรารูปหมาป่า กับ รูปหมาป่าที่พื้น จะมีหมาป่าขาวออกมานำทางที่จุดทางเข้าบนชั้น 2 เมื่อตามมันเข้าไปจะทำให้กลับมาที่โรงงานในโลกปกติได้

เมื่อกลับมาที่โรงงาน Bioquimek ในโลกปกติอีกครั้ง…… ตรงจุดวาร์ปหมาป่าจะมีที่เติมพลังและที่เติม Blood Orb ครบครันให้ใช้ ซึ่งต้องจำไว้ว่าจุดวาร์ปหมาป่าที่จุดนี้เป็นที่เดินทางไปยังปราสาทในอีกมิตินึงได้ทุกครั้งที่คุณต้องการได้
- จากนั้นเดินไปที่ประตูด้านตรงหน้า (ประตูขวาจะเป็นทางเดิมที่เข้ามา) จะมีน้ำตกอยู่ทางขวาของประตูให้ใช้ Void Projection ยิงให้มันเป็นน้ำแข็งแล้วปีนข้ามไปอีกด้าน
- เข้าไปด้านในต่อจนพบไอน้ำที่พุ่งออกมาจากพนัง ใช้ Void Projection ยิงปิดมันแล้วจะเห็นโพรงท่อระบายอากาศอยู่ด้านล่าง รีบเข้าไปที่จุดมุมมืดใกล้ๆเพื่อเปลี่ยนร่างเป็นหนูแล้วมุดเข้าไปด้านในทางระบายอากาศต่อจนทะลุออกมาที่ทางเดินอีกด้านจะพบ Gogoth Guard เฝ้าประตูห้องเก็บสารเคมีอยู่
- ใช้ร่างหนูไปมุมเข้าทางระบายอากาศด้านในต่อเพื่อเข้าไปกัดสายไฟทำให้แผงควบคุมข้างๆประตูเกิดการช๊อต Gogoth Guard มันจะเรียกช่างด้านในออกมาซ่อม
- จากนั้นเปลี่ยนร่างเป็นคนที่จุดมุมมืดแล้วใช้ Batswarm สั่งค้างคาวยิงไปก่อกวน Guard แล้วย่องไปด้านหลังช่างเพื่อสิงมันให้ไปเปิดประตูก็จะเข้าไปด้านในได้แล้ว ..

เข้ามาจนถึงห้องทดลองสารเคมี ทันทีที่ร่างที่ Dracula สิงเข้ามา คนงานมากมายที่กำลังขนถ่ายสารเคมีไม่มีใครสนใจนอกจากหัวหน้านักวิจัยที่เป็นปีศาจที่รับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา เธอจึงทำลายถังสารเคมีทั้งหมดให้รั่วไหลจนทำให้คนงานที่สูดดมเข้าไปกลายร่างเป็นปีศาจจนหมด ก่อนที่เธอจะเข้ามาโจมตีใส่จน Dracula ต้องเปิดเผยร่างออกมา Zobek แจ้งมาว่า หัวหน้านักวิจัยปีศาจนางนี้ก็คือ Ratsa Volkova ที่เป็นคนสำคัญในการทำแก๊สปีศาจตามคำสั่งของ Satan ซึ่งจำเป็นต้องจับเป็นมันมารีดเอาข้อมูลให้ได้ด้วย  

Boss - Ratsa Volkova ทันทีที่มันโจมตีด้วยการพุ่งชนด้วยความเร็วซึ่งจะไม่สามารถโจมตีมันกลับได้ ให้ใช้ Void Projection ยิงให้มันเป็นน้ำแข็งเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมัน จากนั้นมันจะเปลี่ยนวิธีโจมตีเป็นการใช้ไฟฟ้าโจมตีแทนซึ่งก็สามารถจัดการได้ตามปกติได้เลย เมื่อจัดการมันได้แล้ว Dracula จะสำรวจประตูมิติเพื่อพาจับตัว Ratsa กลับมาที่ตึกบัญชาการ์ณ

ที่ตึกบัญชาการ์ณ …. Dracula จะพบกับ Trevor ในวัยเด็กอีกครั้ง Trevor มาเพื่อให้ Dracula ตามเขาไปเพื่อเอาพลัง Chaos Power ที่สูญหายไปกลับคืนมา จากนั้น Dracula จะถูกวาร์ปกลับมาที่ส่วน Bernhard’s Wing ในปราสาทอีกครั้งทันที ..

Chapter 3 – The Three Gorgons
เมื่อวาร์ปมาที่ปราสาทแล้วเข้าไปตามทางจนถึงลิฟต์ลงมาชั้นล่างในเขต City of The Dammed ซึ่งจะเป็นถ้ำภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยลาวาเดือด ที่นี่จะพบกับ Euryale ที่เข้ามาบอกข่าวถึง อาวุธแห่ง Chaos ที่ตอนนี้เมดูซ่าเป็นคนเก็บรักษาเอาไว้ สำรวจเก็บไอเทมให้หมดแล้วเข้าไปที่ห้องโถงถ้ำด้านในต่อ จะพบพวก Dungeon Jailer เข้ามาโจมตี เจ้าตัวใหญ่จะโจมตีมันได้จากข้างหลังเท่านั้น ส่วนลูกน้องก็เอาไว้เก็บพลังเวทย์ เมื่อจัดการได้แล้วจะได้ Dungeon Key มา ซึ่งกุญแจนี้นอกจากใช้ไขเปิดเส้นทางตามเนื้อเรื่องแล้วยังสามารถตามหาเก็บเพิ่มด้วยการจัดการพวก Dungeon Jailer จนได้ Dungeon Key มาเพื่อเปิดเส้นทางอื่นๆที่อยู่นอกเส้นทางได้ด้วย เมื่อจัดการมันได้แล้วในห้องโถงจะมีทางไปอยู่ 1 ประตู ให้เข้าประตูทางขวา ออกมาที่โถงใหญ่ของถ้ำ ด้านซ้ายบนจะมีตราหมาป่าอยู่ ผ่านไปทางขวาก่อนจะพบโซ่ขนาดใหญ่ที่สามารถกระโดดเกาะขึ้นไปด้านบนแล้วไต่จนข้ามมาอีกด้านได้ โดดตามปล่องไฟข้ามเข้ามาด้านในต่อจะพบกับ Sthemo เธอจะมาส่งข่าวบอกว่า มีคนแคระเท่านั้นที่รู้ที่อยู่ของเมดูซ่า จากนั้นลุยเข้าไปต่อจนถึงห้องโถงต่อไปซึ่งจะพบ คนแคระถูกขังอยู่ในกรงบาเรียด้านบนขวา เมื่อเข้าไปคุยมันจะแนะนำตัวว่า Chupacabras และมันจะยอมพาไปหาเมดูซ่าถ้าช่วยมันออกมา

- การช่วย Chupacabras นั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือสำรวจสวิตซ์ที่แท่นเพื่อเลื่อนสะพานแสงให้ต่อตามจุดต่างๆเพื่อเก็บไอเทมแล้วเลื่อนสะพานแสงไปให้ถึงฝั่งตรงข้ามเพื่อกดสวิตซ์ทางขวาเพื่อปลดให้กรงขังลงมาด้านล่าง
- จากนั้นก็พยายามเลื่อนสะพานแสง (จากมุมขวาของถ้ำ) เพื่อให้ไปที่ตรงจุดที่กรงขังให้ได้ แล้วเลื่อนสะพานแสงพากรงขังไปที่จุดด้านซ้ายของประตูฝั่งตรงข้าม (ที่เรืองแสงให้เห็นอยู่) ต่อเพื่อทำลายบาเรีย เท่านี้ Chupacabras ก็จะเป็นอิสระแล้วมันจะเปิดประตูฝั่งข้ามให้เข้าไปด้านในต่อได้

ที่โถงถ้ำด้านในนั้นจะเห็นโดมขนาดใหญ่อยู่ไกลๆ ลุยพวกปีศาจนก Harpy ที่เข้ามาโจมตีแล้วข้ามสะพานแขวนไปต่อจนถึงโดมจัดการพวก Dungeon Jailer ที่หน้าประตูแล้วเก็บ Dungeon Key มาใช้ไขเข้าไปในโดมต่อ สำรวจที่รูปปั้นกลางห้องจะมีทางลับที่พื้นเปิดออก ลงไปชั้นล่างด้านในจะพบรูปปั้นเมดูซ่าและ Dracula ก็จะได้ Chaos Power พร้อมทั้งอาวุธ Chaos Claw มาใช้ จากนั้น Euryale และ Sthemo จะออกมาตามด้วย Medusa ที่ออกมาแล้วทั้ง 3 จะโดนพลังของ Satan ครอบงำจนกลายร่างเป็น Gorgons สามหัวขนาดใหญ่เข้าโจมตี Dracula ทันที

เรียนรู้การใช้ Chaos Claw
เริ่มด้วยการโจมตีปกติจนทำให้ศัตรูปล่อย Blood orbs ออกมา(ยิ่งถ้าทำคอมโบจนเกทค่า Focus เต็มแล้วจะทำให้ได้ Blood orbs ยิ่งมากขึ้น) ซึ่งเมื่อกดแกนอนาล็อกขวาลงไปตรงๆจะเป็นการดูด blood orbs มาเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ของพลัง Chaos Power ที่เกทรูปสนับมือสีแดงด้านวาของจอ ก็จะสามารถกด RB เพื่อใช้ Chaos Claw ในการโจมตีศัตรูได้ ซึ่ง Chaos Claw นั้นพลังโจมตีจะสูงมากจึงเหมาะในการใช้จัดการศัตรูที่มีเกราะแข็งและใช้ผ่านทางต่างๆที่ต้องทำลายเข้าไปด้วย Skill Chaos Bomb โดยจะสามารถใช้ได้จนกว่าเกทพลังเวทย์จะหมด

Boss – Gorgons การรับมือกับมันนั้นต้องใช้ ทั้ง Void Power และ Chaos Power ร่วมกันในการจัดการมัน
- ช่วงแรกนั้นสามารถสะสมเกทพลังเวทย์จากการโจมตีหนวดที่อยู่รอบๆหรือโจมตีที่ตัวมันเลยก็ได้ เมื่อโจมตีมันจนพลังลดไปครึ่งนึงแล้ว มันจะเริ่มใช้มือซ้ายต่อยลงพื้นซึ่งจังหวะนี้รีบใช้ Void Projection ยิงให้มือมันแข็งตัวแล้วจะสามารถปีนขึ้นไปจัดการตัดหัวทางขวาของมันได้
- จัดการเหมือนเดิมจนมันใช้มือซ้ายต่อยลงพื้น รีบใช้ Chaos Claw ต่อยผิวหนังแข็งๆของมันให้แตกก็จะสามารถปีนไปตัดหัวทางซ้ายของมันได้
- ส่วนหัวกลางที่เหลือนั้นโจมตีจนกว่ามันจะอ้าปากออกก็รีบยิง Void Projection แช่แข็งไปที่ปากมันก็จะสามารถจัดการมันลงได้

หลังจากจบศึก Dracula ควักหัวใจ Gorgons ออกได้สำเร็จและได้ Chaos Primordial Gem จากหัวใจของมันมาด้วย ซึ่งจะทำให้ Chaos Claw ได้ Skill Chaos Bomb มาใช้ ด้วยการกด RB ใช้ Chaos Claw แล้วกด RT ยิงไปที่เป้าหมายที่หลังคาด้านบนจนทะลุ จากนั้นปีนไปบนซาก Gorgons ขึ้นไปชั้น 2 แล้วปีนขึ้นไปที่รอยแตกจะสามารถกลับมาเขตโดมได้อีกครั้ง จัดการพวก Dungeon Jailer ที่หน้าประตูแล้วเก็บ Dungeon Key มาใช้ไขกลับออกมาที่โถงกลางของถ้ำลาวา



 ก่อนกลับ Dracula จะแวะลงลิฟต์ไปที่ที่ซ่อนตัวของ Chupacabras ซึ่งมันจะเปิดร้านขายไอเทมอยู่ ซึ่งไอเทมต่างๆตอนนี้ยังมีแค่ Relics ต่างๆ , Life Gem , Chaos Gem และ Void Gem ที่แพงเกินเอื้อมทั้งนั้น คุยจบก่อนออกจากร้าน Chupacabras จะมอบ Talisman Dragon มาซึ่งเป็น Relics ที่ทำให้แปลงร่างเป็นมังกรเพื่อโจมตีศัตรูรอบๆตัวได้ เมื่อออกมาจากร้าน สำรวจที่ Pie of Sacrifice จะได้ตรา Kleidos มาอีกอันจากนั้นใช้จุดวาร์ปหมาป่ากลับมาที่ตึกบัญชาการ์ณในโลกปัจจุบันได้เลย

Chapter 4 – The Antidote
เมื่อ Dracula กลับมาที่ตึกบัญชาการณ์ Zobec กำลังนั่งดูข่าวความหายนะของเมืองที่ถูกปีศาจที่กองทัพ Satan ผลิตขึ้นมาออกมาทำร้ายผู้คนจนบ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับ ซึ่งนั่นแปลว่า Satan นั้นมีพลังที่แข็งแกร่งใกล้จะคืนชีพทุกทีแล้ว Dracula จะถามถึงความคืบหน้าของการรีดเอาความลับจาก Ratsa หนึ่งในสาวกของ Satan แต่ดูเหมือน Zobec จะบอกว่ามันไม่คืบหน้าเพราะร่างปีศาจของ Ratsa นั้นไม่สามารถทำให้เจ็บปวดจนทำให้มันต้องยอมปริปากได้เลย Dracula จึงมีความคิดที่จะทำให้มันกลับเป็นมนุษย์อีกครั้งด้วยยาแก้พิษที่น่าจะมีอยู่ในโรงงาน ซึ่งเมื่อมันกลายเป็นมนุษย์เหมือนเดิมแล้วการทรมารจะทำให้มันยอมบอกความลับได้ไม่ยาก 

ออกจากตึกเป้าหมายคือตามหายาแก้พิษปีศาจซึ่งอยู่ที่ไหนซักแห่งแต่ที่แรกที่น่าจะเข้าไปตรวจสอบก็คือโรงงาน Bioquimek ตอนนี้ตามถนนเต็มไปด้วยปีศาจมากมาย 
- ลุยเข้าไปจนถึงทางเข้าซากตึกจะมีพบว่ามีไฟออกมาจากท่อขวางอยู่ ให้ใช้ Void Sword ที่หัวน้ำดับเพลิงที่เพดานทางขวาแล้วน้ำแข็งจะเข้าไปดับไฟได้  
- เข้าไปขึ้นลิฟต์มาที่ลานด้านบนก็จะเห็นเมืองทั้งเมื่อถูกปีศาจโจมตีทั่วไปหมด ลุยเข้าไปจนสุดถนนที่ซากตึกทางขวาจะมีร้าน ด้านในจะมีจุดแปลงร่างเป็นหนูให้เข้าช่องระบายอากาศในนั้นมุดทะลุออกมาอีกด้าน คืนร่างแล้วปีนขึ้นด้านบนจะมาที่ถนนอีกฝั่งได้ 
- ลุยศัตรูไปจนสุดทางจะมีเสาไฟที่ใช้ปีนได้แต่มันมีไฟฟ้ารั่วอยู่ ใช้มีดสั้น Shadow Dagger ขว้างทำลายหม้อแปลงทางขวาก็จะสามารถปีนผ่านขึ้นไปได้ 
- เข้ามาในซากตึกผ่านห้องฆ่าเชื้อเข้าไปตามทางเดินทางตรงจะเป็นทางไปที่ลิฟต์ซึ่งยังใช้การไม่ได้เพราะไม่มีไฟฟ้า โจมตีทำลายประตูทางขวาก่อน เข้าไปในห้องจะมีจุดปีนข้ามเข้าห้องด้านในจะมีจุดแปลงร่างเป็นหนูอยู่ มุดผ่านเข้าไปอีกห้องจะมีรูลงไปชั้นล่าง คืนร่างแล้วจัดการศัตรูในห้องให้หมด แล้วลงมานถึงชั้นล่างของตึกเปิดวาลว์น้ำและเครื่องปั่นไฟด้านในแล้วออกมาตามทางจนถึงห้องโถง จัดการศัตรูแล้วกลับขึ้นไปชั้นที่มีลิฟต์ก็จะสามารถใช้ลิฟท์ขึ้นด้านบนได้แล้ว
– โดดออกมาจากตึกที่ลานกว้างจะพบหน่วย Riot Police ตำรวจปราบมารของเมืองที่หน้าตาไม่ต่างกับปีศาจเลยซักนิด จัดการพวกมันให้หมด โดยทุกตัวมีโล่ป้องกันตัว Chaos Claw จึงจำเป็นมากที่จะใช้จัดการมันให้สะดวกขึ้น จากนั้นเข้าไปด้านในต่อจนถึงลานกว้างอีกด้าน จัดการศัตรูแล้วเข้าไปจนสุดทางจะมีท่อระบายน้ำให้มุดลงไปต่อ 
- ท่อระบายน้ำจะพากลับมาถึงในตึกโรงงาน Bioquimek อีกครั้ง ขึ้นไปด้านบนเข้าช่องทางฆ่าเชื้อจะมีน้ำแข็งขวางอยู่ ใช้ Chaos Claw ยิงทำลายมันแล้วเข้าไปด้านในต่อ (ถ้าพลังเวทย์ไม่พอก็ลงไปเก็บกับศัตรูที่ชั้นล่างเอา และไม่จำเป็นไม่ต้องเดินสำรวจเพราะส่วนนี้ของโรงงานเคยมาครั้งนึงแล้ว) ลุยเข้าไปด้านในต่อจนถึงท่อขนาดใหญ่ปีนขึ้นด้านบนจะออกมาที่ซากสะพานด้านบน
– ลุยข้ามสะพานไปที่หน้าตึก ด้านขวาใช้ Chaos Claw ยิงทำลายสวิตซ์ประตูเข้าไปที่ลิฟต์ขนาดใหญ่ขึ้นมาด้านบนจนถึงห้องลำเลียงสินค้า สิ่งที่ต้องทำคือปีนเสาขึ้นไปโดดเกาะตู้สินค้าบนรางลำเลียงอันแรกแล้วเกาะไปโดดลงที่ตู้สินค้าในรางลำเลียงที่ 2 แล้วมันจะพาผ่านช่องเข้าไปส่วนในได้ โดดลงไปด้านล่างแล้วลงท่อด้านในจะลงมาที่โรงงานใต้ดิน
– ที่ทางเข้าจะพบ Gogoth Guard 2 ตัวเฝ้าประตูอยู่ ก็ใช้วิธีเดิมปล่อยค้างคาวไปก่อกวนตัวทางขวาให้ตัวทางซ้ายไปช่วยก็รีบเข้าสิงการ์ดตัวทางซ้ายแล้วเอาตัวมันพาผ่านประตูไปด้านในได้เลย
– ที่สถานีรถไฟ จะพบนักวิจัยกำลังลำเลียงยาต่างๆเข้าไปในรถไฟ พร้อมกับมี Gogoth Guard คอยป้องกันด้วย โดยพื้นที่นี้จะมี 2 ส่วน
ส่วนแรก – ใช้ค้างความก่อกวนการ์ดด้านซ้ายแล้วรีบปีนขึ้นไปที่บันไดขวามาที่ส่วนกลาง การ์ดมันจะเปิดประตูตามมาดู หาจังหวะลงไปสิงมันจากด้านหลังแล้วเปิดประตูไปส่วนที่ 2 ต่อ
ส่วนที่สอง – ส่วนนี้จะมีการ์ด 2 ตัวเฝ้าทางขึ้นรถไฟ ย้อนกลับไปที่จุดแปลงร่างเป็นหนูที่ทางเข้าของส่วนแรก ใช้หนูมุดเข้าช่องตรงกลางระหว่างการ์ดทั้ง 2 เข้ามาในรถไฟได้แล้ว

Chapter 5 – Next Stop 
 Dracula ตามเส้นทางลำเลียงยาแก้พิษเข้ามาในรถไฟได้สำเร็จ แต่ Gogoth Guard ที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามาตรวจรถไฟทำให้ต้องหนีออกทางหน้าต่างขึ้นบนหลังคาก็จะพบศัตรูตัวใหม่ที่เข้ามาโจมตี Satan Soldier เหล่าขุนศึกของซาตานที่ทั้งเร็วและโจมตีหนัก พยายามสู้มันไปเรื่อยๆแล้วการ์ดอีกตัวจะเข้ามาพยายามยิงตัวเชื่อมโบกี้รถไฟ ใช้ค้างคาวยิงใส่การ์ดแล้วก็จะเกิดความวุ่นวายจนรถไฟส่วนหลังขาดออกไปพร้อมการ์ดก่อนรถไฟจะเข้าอุโมงค์ 
- อยู่บนหลังคาก็พยายามหลบไฟในอุโมงค์แล้วลงมาที่หน้าต่างเข้ามาที่โบกี้อีกครั้ง ใช้ค้างคาวไปก่อกวนมันแล้วรอจังหวะอยู่ใกล้เพื่อจะสิงมัน(ขณะรอจังหวะสิงร่างอย่าพยายามยืนข้างหลังเพราะมันจะหันมาเห็นให้ยืนอยู่ข้างๆมันจะได้ผลดีที่สุด) แล้วใช้ตัวมันเปิดทางเข้าออกมาด้านนอกโบกี้ จะพบทหารของซาตานที่ยังรอดอยู่เข้ามาโจมตี 

 Boss Satan Soldier วิธีโจมตีของมันไม่ได้ซับซ้อนใช้ Chaos Claw อัดหนักๆกับมันก็จัดการได้ไม่ยาก ซึ่งหลังการต่อสู้จบลง Dracula ก็จะโดดหนีจากรถไฟก่อนที่มันจะชนภูเขาระเบิดไปพร้อมกับ Satan Soldier ซึ่งจากนี้ไปเจ้านี่มันก็จะออกมาในฐานะศัตรูปกติ 
- Dracula เดินทางมาถึง Victory Plaza จู่ๆบอดี้การ์ดของ Zodec ก็เข้ามาทำให้ Dracula โจมตีใส่ทันทีเพื่อเป็นการเตือนให้มันรู้ว่าการเข้ามาจากด้านหลังครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะบอกว่ามันถูก Zodic ส่งมาให้ช่วยเหลือ ทั้งคู่จะเข้าไปด้านในตึกด้านในด้วยกัน
– จากนี้ก็ลุยไปพร้อมๆกับ บอดี้การ์ดของ Zodec เข้าไปจนถึงห้องใหญ่ด้านใน จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปสำรวจแผงไฟทางซ้ายของห้องกด Y เรียกให้ บอดี้การ์ด มาช่วยจับแผงไฟเอาไว้ทำให้ไฟฟ้าที่ช็อตขวางทางเข้าหายไป เข้าไปจนถึงทางแยกดึงสายไฟให้ขาดไฟฟ้าที่ช็อตขวางทางทั้งหมดในนี้จะหายไป 
- เมื่อทั้งคู่ลุยเข้าไปจนถึงซากตึกด้านใน บอดี้การ์ด จะขอกลับไปก่อน จากนั้นปีนขึ้นไปตามซากตึกจนถึงทางเข้าด้านบน เข้าไปตามทางจะพบ Trevor ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของประตู เขาพยายามมาบอกให้ Dracula รีบไปช่วยแม่ของเขาซึ่งก็คือ Marie เมียของ Gabriel นั่นเอง หลังจากที่ Trevor เอื้อมมาสัมผัสก็จะพาจิตของ Gabriel ไปที่อีกมิติทันที 

Chapter 6 – The Blood Curse 



Dracula เดินทางมาจนถึง Carmilla’s Lair เข้ามาด้านในก็จะพบกับ Carmilla อีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนานมากตั้งแต่ได้ฆ่าเธอไปเมื่อนานมาแล้ว ในขณะที่ Dracula กำลังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าตัวเขากำลังอยู่ในอีกมิติหรือในความฝันกันแน่ Carmilla ก็เริ่มบรรเลงบทเย้ายวนใส่ทันที ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่มก่อนที่ Carmilla จะยอมมอบกายพร้อมเลือดสดๆจากคอขาวๆของเธอ กิ๊กเก่าแบบนี้มีหรือ Dracula จะปฏิเสธ แต่เลือดที่ดุดมานั้นมันกลับเป็นเลือดต้องสาปของ Carmilla ที่พยายามจะควบคุม Dracula เพื่อให้อยู่กับเธอที่นี่ตลอดไป ก่อนที่เธอจะหนีไปแล้วทิ้ง Bloody Skeleton ทหารกระดูกมากมายออกมาแทน 
- ตอนนี้เลือดของ Dracula จะเป็นพิษจนเกทเป็นสีม่วง จะทำให้พลังโจมตีลดลง และ เลือดจะลดเร็วกว่าปกติเมื่อถูกโจมตี แต่เอาเป็นว่ามันไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการลุยของคุณเลยครับ จัดการ Bloody Skeleton ให้หมด แล้วเดินเข้าด้านในห้องสมุด Dracula เตรียมระวังและพร้อมที่จะโจมตีแต่คนที่ออกมาจากด้านในกลับเป็น Marie ภรรยาของเขาที่ตายไปนั่นเอง 



Marie โผเข้ามากอด Gabriel ด้วยความเป็นห่วง แต่ Dracula กลับยิ่งกังวลหนักว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ ในขณะที่ Marie พยายามบอกว่าเธอเป็นตัวจริงในขณะเดียวกัน Gabriel ก็จริงเช่นกัน แต่ Gabriel ก็ตัดบทว่าให้เรียกว่า Dracula เพราะ Gabriel นั้นตายไปแล้ว พร้อมกับเปลี่ยนอารมณ์เป็นดุดันเพื่อลดทอนความเชื่อของตัวเอง เพราะ Dracula นั้นคิดเสมอว่า ความชั่วที่เขาทำลงไปคงไม่มีวันได้รับรางวัลที่ดีแบบนี้จากสวรรค์แน่นอน Marie ย้ำอีกครั้งว่า เธอคือตัวจริงและถูกจับขังเอาไว้ และไม่ว่าจะยังไงเธอก็ยังเชื่อมั่นใน Gabriel สามีของเธอจนถึงวันนี้ ก่อนที่เธอจะบอกให้ดูดเลือดของเธอเพื่อล้างเลือดต้องสาปของ Carmilla Dracula จึงแข็งใจที่จะเชื่อและยอมดูดเลือดของเธอ ร่างของ Marie ก็สลายหายไปทันทีเหลือไว้แต่เสียงที่แผ่วเบาว่า “ ให้จำไว้เสมอว่าเธอจะอยู่กับ Gabriel ตลอดเวลา “

- ความหวานซึ้งต้องจบลงเมื่อ Carmilla ออกมาไล่ล่า Dracula อีกครั้งช่วงนี้เป็นการที่ต้องหนีการตามจับของ Carmilla ด้วยการใช้เลือดพ่นลงตามตรารูปกางเขนสีเหลืองบนพื้นห้องสมุดให้หมด 4 อันประตูด้านในก็จะเปิด Carmilla ก็จะกลับเข้าไปด้านใน จากนั้นตามเธอเข้าประตูไปตามทางผ่านสะพานแขวนมาจนถึงลานกว้างก็จะพบกับ Marie อีกครั้ง แต่กลับพบถึง 2 คนพร้อมๆกัน แถมทั้งคู่ก็พยายามจะบอกว่าเธอคือตัวจริง งานนี้ก็เล่นเอาจอมปีศาจงงไปเลยเหมือนกัน เลือก Marie คนทางขวา คือตัวจริง แล้วก็จะเห็นว่าอีกคนคือ Carmilla แถมยังไม่ค่อยสบอารมณ์ในการเลือกของ Dracula เสียด้วย เธอจับ Marie ขังไว้ในกรงอีกครั้งก่อนที่จะเข้ามาสู้ด้วยพร้อมทหารกระดูกของเธอ  

Boss – Carmilla การโจมตีของเธอที่ต้องรับมือจะมีดังนี้
รอบแรก - โจมตีพร้อมกับบาเรียรอบตัว ซึ่งต้องใช้ Chaos ต่อยอย่างต่อเนื่องจนแตก 
รอบ 2 – โจมตีด้วยความเร็วจนไม่สามารถโจมตีทัน ให้ใช้ Avoid Sword ยิงน้ำแข็งใส่แล้วเข้าไปโจมตี  
จากนั้น Dracula จะทำการดูดพลังของเขากลับคืนซึ่งจะทำให้ได้ความสามารถ แปลงร่างเป็นหมอก แถมมาด้วย ** Skill Mist form นั้นใช้งานโดยการกดปุ่มทิศทางไปทางขวาและกดใช้ด้วย RT หน้าที่การใช้งานก็คือ การแปลงร่างเป็นหมอกเพื่อหลบหนีการโดนจับ , ใช้หลบกับดัก , ใช้ผ่านเข้าลูกกรงต่างๆและ ปลิวไปตามพัดลมไปที่ต่างๆได้ ** 
รอบ 3 – Carmilla จะใช้อสูรรับใช้ของเธอในการโจมตี ซึ่งก็สามารถใช้ร่างหมอกหลบการจับของมันได้แมยังสามารถผ่านเข้าไปในกรงขังของ Marie เพื่อดูดเลือดเติมพลังได้ตลอดอีก ทำเอา Carmilla จนต้องโดนพิพากษาด้วยเหล็กเส้นทะลุปากจนสลายไปในที่สุด 
หลังจากชนะแล้ว เดินย้อนออกมาจะพบกับ Marie และ หมาป่าสีขาวที่เข้ามาให้กำลังใจก่อนที่จะพากลับสู่โลกปัจจุบัน ซึ่งใครจะรู้เมื่อผ่านเหตุการ์ณนี้ไม่ว่ามันคือความฝันหรือความจริงแต่มันก็ทำให้จิตใจที่เย็นยะเยือกของภูติพรายตนนึงอ่อนนุ่มลงในทันที   

Chapter 7 – The Antidote II
Dracula กลับมายังโลกปัจจุบันอีกครั้งที่ Victory Plaza เพื่อทำภาระกิจตามหายาแก้พิษต่ออีกครั้ง 
- จากนั้นก็ออกเดินทางต่อด้วยความสามารถใหม่ที่ได้มา ใช้ร่างหมอกผ่านทะลุลูกกรงไปตามทางจนกลับมาที่ลานกว้าง จัดการ Riot Police แล้วไปปีนขึ้นซากตึกที่สุดทาง ใช้ร่างหมอกผ่านตะแกรงท่อลงมาที่ชั้นจอดรถแล้วขึ้นชั้นบนอีกด้านจนถึงอาคารใหญ่ 
- ภายในอาคารจะมี 3 ชั้นที่จะต้องขึ้นลิฟต์ 3 ตัวต่อเนื่องไปชั้นบน โดยต้องไปเปิดกระแสไปที่ห้องชั้นล่างก่อน จากนั้นก็รีบลุยไปขึ้นลิฟต์ 3 ตัวรวดให้ทันก่อนไฟจะตัด (แวะเก็บไอเทมแล้วจัดการศัตรูให้หมดก่อนก็ได้แล้วค่อยขึ้นลิฟต์รวดเดียวจบแบบไม่มีอะไรขวาง) ที่ชั้น 3 ด้านในก็จะพบห้องทดลองเก็บตัวอย่างยาแก้พิษ
– ที่ห้องเก็บยาแก้พิษนั้นจะมี Gogoth Guard เฝ้าอยู่หน้าประตู ใช้ค้างคาวก่อกวนมันแล้วรีบไปแอบทางฝั่งขวา รอให้นักวิจัยออกมาจากห้องแล้วรีบเข้าไปสิงเดินเข้าห้องเก็บยาแก้พิษได้เลย จากนั้น Zobec จะส่งประตูมิติมารับตัว Dracula กลับฐานอย่างเร่งด่วนทันที 

ที่ตึกบัญชาการ์ณ Zobec รีบทำการนำยาแก้พิษปีศาจฉีดให้ Ratsa ทันที แต่ตัวยากลับไม่ได้ทำให้เธอคืนร่างมนุษยืแต่มันกลับทำให้เธอมีพลังมากขึ้นจนระเบิดพลังออกมาจนห้องแหลกเป็นจุล ก่อนที่จะเข้ามาบอก Zobec และ Dracula ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังว่า เธอไม่ใช่แค่สาวกของซาตานธรรมดาแต่เป็นถึงร่างอวตาลของธิดาซาตาน ก่อนที่จะเริ่มแสดงพลังจน Zobec ต้องพยายามใช้พลังสะกดเธอแต่มันไม่เป็นผลเพราะ Ratsa กลับกลายร่างเป็นปีศาจขนาดใหญ่ให้สมคำกล่าวอ้างของเธอให้ดูเป็นขวัญตา 


Boss - Ratsa Volkova’s Satan Daughter ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่แต่โจมตีมีช่องว่างเยอะ พยายามหลบการโจมตีแล้วจัดการแบบสวนกลับ พอมันขึ้นบินแล้วยิงพิษลงมาก็สามารถหลบแบบง่ายๆด้วยการวิ่งยาวๆก็แทบจะไม่โดนแล้ว หลังจากโดน Dracula เฉือนจนไม่มีชิ้นดีมันก็พยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายด้วยการดึงตัว Dracula ขึ้นไปบนฟ้าด้วย แต่ก็โดน Dracula เฉือนจนขาด 2 ซีกในที่สุด และระหว่างที่ Dracula กำลังจะตกลงมาจากฟ้าเขาก็ได้ยินเสียง Trevor เรียกหาทำให้ถูกดึงตัวไปที่ปราสาทอีกครั้ง …

Chapter 8 – Places of a Mirror 
Dracula กลับมาที่ปราสาทในส่วนของหอคอย Overlook Tower ข้างๆปราสาท เดินทางโดดข้ามเขาไปจนถึงหอคอย ในห้องตรงทางขึ้นจะมี Map Room ให้ใช้ในการเดินทางไปสถานที่ต่างๆอย่างรวดเร็วได้ด้วย จากนั้นก็ปีนหอคอยขึ้นมาที่ลานกว้างระหว่างเขา จะพบพวกทหาร Brotherhood of Light ที่ใช้เกราะหนักและพวกนักเวทย์ที่เป็นศัตรูแบบใหม่ออกมาเปิดตัว จัดการให้หมดโดยเฉพาะนักเวทย์ที่เรียกกำลังเสริมมาได้ตลอด จากนั้นหมุนคันโยกเปิดทางเข้าด้านในหอคอยได้เลย



ด้านในจะพบกับ Trevor ที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาจำลองอยู่ เขาบอกว่าเล่นไม่สนุกเพราะกระจกแห่งชะตากรรมของเขาแตกเสียหายและชิ้นส่วนก็กระจายไปอยู่กับคนอื่นหมด Trevor จึงอยากให้ Dracula ไปตามเอากลับมาให้เขา ซึ่งชิ้นส่วนกระจก Mirror of Fate นั้นจะมีทั้งหมด 3 ชิ้นที่หายไป 
- เดินออกมาจากหอคอยตามทางจนถึงเขตสวนของปราสาทจะพบกับซากของ Agreus ที่ถือ ชิ้นส่วนของกระจกอยู่ แต่มันกลับโยนให้นกของมันเอาไปซ่อนที่ป่าด้านในและแสดงตัวออกมาในร่างมารเพื่อดึงตัวให้ Dracula เข้าไปเล่นมินิเกมส์ของมัน โดยต้องหลบการจับตัวของมันในสวนดอกไม้เป้าหมายคือ ผ่านประตูด้านในไปโดยห้ามไม่ให้โดน Agreus จับได้ ซึ่งต้องใช้ความเงียบและระวังการเหยียบดอกไม้ที่พื้นที่ทำให้เกิดเสียง ซึ่งอาจจะใช้ร่างหมอกหรือเกาะขอบกระถางไปให้ถึงสวิตซ์ประตูด้านในสุดของสวนก็จะเปิดประตูด้านในเข้าไปที่ลานกว้างได้ ซึ่งก็จะพบนกที่เอาเศษกระจกไปรออยู่ ใช้มีดสั้นหรือ Avoid Sword ยิงจนมันตายแล้วเข้าไปเก็บ เศษกระจก มาได้เลย แต่ Agreus ก็จะตามมาพบการต่อสู้จึงเกิดขึ้น 



Boss – Agreus การโจมตีส่วนใหญ่ของมันไม่มีอะไรต้องคิดเพราะตรงไปตรงมาอยู่แล้ว พยายามหลบให้ทันและฟันให้ถึงเอาไว้ก็พอ จัดการมันได้แล้ว ย้อนกลับไปหา Trevor เพื่อเอาชิ้นส่วนของกระจกให้กับเขา จากนั้น Trevor ก็จะบอกตำแหน่งของที่อยู่ของชิ้นส่วนกระจกชั้นที่ 2 โดยมันจะอยู่กับ นักเชิดหุ่น ที่โรงละครของปราสาท

 - เดินออกจากหอคอยจากอีกด้านตามทางมาจนถึงลานกว้าง จัดการศัตรูให้หมดแล้วหมุนเสาให้ทางเดินออกมาก็จะเดินขึ้นไปที่ทางเข้าของโรงละครได้ เข้ามาด้านในโรงละครขนาดใหญ่สำรวจให้ทั่วๆจะมี คันโยกทางขวาของเวทีแต่มันยังใช้ไม่ได้เพราะไม่มีพลังงานไฟฟ้า 
- ปีนเสาเวทีทางขวาขึ้นไปชั้นคนดูด้านบนจะมีทางเข้าด้านในและมีจุดแปลงร่างเป็นหนูมุดช่องกลับออกมาที่เวทีอีกครั้งแล้วไปมุดเข้าช่องทางซ้ายของเวที มุดเข้าไปด้านในจนถึงห้องพลังงาน คืนร่างแล้วใช้ Chaos Claw ยิงจุดไฟที่เตาพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดก็จะกลับมาแล้ว 
- ใช้ร่างหนูเดินขึ้นไปด้านหลังของเตาพลังงานขั้นไปด้านบนหลบกลับดักออกมาที่เวทีแล้วกลับไปคืนร่างเดิมมาสับคันโยกทางขวาของเวที หุ่นนักเล่านิทานก็จะเริ่มบรรยายถึงการแสดงหุ่นโชว์ โดยมันจะให้จัดฉากและหุ่นให้ตรงกับเนื้อเรื่องที่มันกำลังเล่า โดยแต่ละบทจะต้องจัดฉากดังนี้

บทแรก – เลือกหุ่น Toy maker และ ฉากหลังเป็น WorkShop แล้วกด X เริ่มแสดง 
บทสอง – เลือกหุ่น Walter Bernhard แล้วกด X เริ่มแสดง
บทสาม – เลือกฉากหลังเป็น Castle แล้วกด X เริ่มแสดง
บทสี่ – เลือกหุ่น Demonแล้วกด X เริ่มแสดง
บทสุดท้าย – เลือกหุ่น Kid และ ฉากหลังเป็น Theater แล้วกด X เริ่มแสดง

หลังจากกำกับการแสดงอย่างถูกต้องแล้วก็ขึ้นไปหยิบหัวใจของ Toy maker บนเวทีได้เลย จากนั้นที่เก็บร่างของ Toy maker ก็ออกมาตรงกลางเวที เอาหัวใจใส่ลงไป Toy maker ก็จะคืนชีพอีกครั้ง ถึงแม้หน้าตาเขาจะดูแปลกๆแต่เขาเป็นคนใจดี Toy maker และคงจำ Dracula ไม่ได้เขาได้แต่บอกว่าเขาหลับไปนานตั้งแต่ จ้าวแห่งความมืดเข้ามาฆ่าลูกของเขาที่ปราสาทแห่งนี้ แต่ Dracula ไม่ได้สนว่าความจำของมันจะเป็นยังไง เขาต้องการชิ้นส่วนกระจกชิ้นที่ 2 ซึ่ง Toy maker ก็เต็มใจจะมอบให้โดยดี แต่ Satan ไม่ยอมมันส่งเลือดต้องสาปของมันขึ้นมาแล้วกลืนร่างของ Toy maker เข้าไปจนกลายร่างเป็นร่างที่ชั่วร้ายออกมาแทน 



Boss - Toy maker Puppets ส่วนใหญ่มันจะใช้หุ่นที่มันสร้างขึ้นออกมาโจมตี ก็ต้องจัดการหุ่นที่มันส่งมาก่อนซึ่งไม่ได้อึดอะไรมากแต่ที่ยากคือมันมีหลายตัว แล้วร่างจริงมันถึงจะออกมาให้จัดการ เมื่อจัดการมันได้แล้ว ในขณะที่ Dracula กำลังจะเผด็จศึกเขาก็สังเกตเห็นว่า เลือดคำสาปนั้นออกจากร่างของ Toy maker จนหมดแล้วก็เริ่มทำให้ Dracula ยั้งมือเอาไว้ (ซึ่งก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความเมตตาจากจอมปีศาจตนนี้ ) จากนั้น Toy maker ก็มอบชิ้นส่วนกระจกชิ้นที่ 2 ให้ แต่ขณะที่ยื่นเขาก็เริ่มจำได้ว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ เจ้านายเก่าของเขานั่นเอง “ รักษาใจเอาไว้ให้ดีด้วยล่ะตาแก่ “Dracula กล่าวอำลาก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ Toy maker ร้องไห้อยู่คนเดียว 

เมื่อมอบชิ้นส่วนกระจกชิ้นที่ 2 ให้กับ Trevor แล้วแต่คราวนี้เขาจะไม่ได้บอกว่าชิ้นส่วนสุดท้ายว่าอยู่กับใคร แต่บอกใบ้แค่ว่า คนๆนั้นสวมฮู๊ดและเป็นที่พ่อรู้จักดี ก่อนสัมผัสเบาๆของ Trevor จะส่งพ่อของเขากลับไปยังโลกปัจจุบันอีกครั้ง …

Chapter 9 – The Hooded man
Dracula กลับไปที่ตึกของ Zobec อีกครั้ง ในขณะที่ Zobec เองก็อดถามไม่ได้ว่าหายไปไหนมาตั้งนาน Dracula ตอบสั้นๆได้แค่ว่า “ไปเยี่ยมญาติ” ก่อนที่ Zobec มันจะสั่งให้ไปที่ตำแหน่งที่มีเบาะแสล่าสุดของสาวกคนที่ 2 ที่โบสถ์ร้างในเมืองซึ่งมันจะให้บอดี้การ์ดของมันตามไปช่วยงานด้วย แต่ Dracula ปฏิเสธเพราะ ไม่อยากให้มีหมาเดินตามให้รำคาญใจ 
- จากนั้นเข้ามาที่ซากตึกขึ้นลิฟต์ไปที่ลานกว้างชั้นบน แล้วอ้อมไปทางฝั่งขวาตรงที่มีตาข่ายกั้นนั้นสามารถใช้ร่างหมอกผ่านเข้าไปได้แล้ว ลุยเข้าไปสุดทางแล้วใช้ร่างหมอกกับพัดลมที่พื้นให้ลอยขึ้นไปชั้นบนของตึกจะออกมาด้านนอกได้ หน่วย Riot Police จะออกมาพร้อมหุ่น Riot Mech ที่ทั้งอึดและโจมตีอย่างรุนแรง โดยจะโจมตีมันเข้าก็ต้องกระโดดโจมตีที่กลางลำตัว หรือ ใช้ Void Sword ยิงใส่กระบอกปืนมันตอนมันเตรียมยิงก็ได้ จะลำบากหรือสบายก็ขึ้นอยู่กับคุณสามารถบริหารเกทเวทย์มนต์ได้ดีแค่ได้ด้วย จัดการให้หมดแล้วเข้าด้านในจนสุดทางจะเห็นชายสวมฮู๊ดเป้าหมายเดินมาพอดี พร้อมๆกับปีศาจขนาดใหญ่ที่ผ่านมาเห็นจึงวิ่งไล่มันเลยเริ่มวิ่งหนีทันที  ปล่อยปีศาจกลุ่มเล็กๆเอาไว้ให้ Dracula จัดการ จากนั้นเข้าไปด้านในสุดทางจะมีทางลงท่อระบายน้ำให้ลงต่อ
- ผ่านท่อระบายน้ำมาที่เขต Aris District จัดการศัตรูบนถนนให้หมดแล้วสังเกตดูจะมีเส้นลำแสงสีม่วงตามตึกต่างๆซึ่งก็คือทางที่ต้องตามชายสวมฮู๊ดไปนั่นเองเพียงแต่มันจะไม่ได้เดินทางตามเส้นสีม่วงแบบตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง แวะที่ตึกทางซ้ายของทางเข้าเงยหน้าจะพบจุดที่ใช้ Chaos Claw ยิงทำให้บันไดหล่นลงมา(ถ้าไม่มีเวทย์ก็ไปดูดเอาได้ที่รั้วทางด้านขวาเอา)  ปีนขึ้นไปตามทางจนเข้าไปในอาคาร สังเกตดูจะพบว่ามีกรงแขวนอยู่มากมายซึ่งสามารถโดดขึ้นยืนแล้วแกว่งตัวโดดต่อไปเกาะขึ้นไปจนถึงบนดาดฟ้าได้ 
- จัดการศัตรูบนดาดฟ้าแล้วใช้ Chaos Claw ยิงให้สะพายทอดลงมาแต่ขณะที่กำลังข้ามไปมันเกิดพังตกลงไปที่ถนนอีก แต่จะมีน้ำที่พนังให้ใช้ Void Sword ยิงจนเป็นน้ำแข็งจะสามารถโดดเกาะขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นบนได้ จัดการศัตรูให้หมดแล้วใช้ร่างหมอกผ่านลูกกรงเข้าไปด้านใน ใช้ Void Sword ยิงดับไฟที่ทางเดินเขาไปกดสวิตซ์เปิดพลังงานด้านในแล้วรีบกลับออกมาที่ห้องกลางเพื่อกดสวิตซ์พัดลมแล้วใช้ร่างหมอกลอยขึ้นไปชั้นบนต่อ ในห้องชั้นบนจะมีถังแก็สอยู่ ใช้ Chaos Claw ยิงจนมันกลายเป็นจรวดที่จะพาข้ามไปที่ตึกฝั่งทางขวาได้  
- เข้ามาที่ตึกฝั่งขวาแล้วกดสวิตซ์เปิดไฟให้ส่ว่างก่อนลุยเข้าไปด้านในจนถึงห้องโถงใหญ่ ในห้องด้านในจะพบชายที่สวมฮู๊ดที่กำลังจะหนีไป Dracula จึงโดดทะลุกระจกตามไปด้านล่าง แต่ปีศาจขนาดใหญ่ดันเข้ามาขัดจังหวะอีกทำให้ชายที่สวมฮู๊ดหนีไปได้อีกครั้งแต่สิ่งที่ Dracula ต้องกังวลคือปีศาจขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก 

Boss – Abaddon จริงๆมันก็คือ Satan Soldier ที่มีขนาดมหึมานั่นเองลักษณ์การโจมตีก็คล้ายๆกันแต่ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมันจึงต้องกระโดดโจมตีอยู่ตลอดเท่านั้นเอง 
- เมื่อจัดการได้แล้วเข้าประตูที่ Abaddon มันทำพังเอาไว้ ก็จะทะลุมาอีกด้านของตึกได้ซึ่งจะมาออกที่ถนนด้านหน้าของโบสถ์ร้างพอดี แต่สิ่งที่ต้องเจอคือฝูง หุ่น Riot Mech ถึง 3 ตัว พร้อมด้วย Riot Police ที่ออกมากวนอีก พยายามจัดการมันให้หมด แล้วก็เริ่มหาทางปีนขึ้นโบสถ์ได้เลย จุดที่ปีนได้คือเสาไฟที่ถนนด้านขวาของโบสถ์จะสามารถปีนเกาะขึ้นไปด้านบนขนถึงทางเข้าบนดาดฟ้าโบสถ์ได้ เมื่อเข้ามาด้านในจะพบ ชายที่สวมฮู๊ด กำลังสวดมนต์รออยู่ Dracula ถึงกลับแปลกใจที่ ชายที่สวมฮู๊ด ไม่ใช่พวกสาวกซาตานกลับเป็นคนของ Brotherhood of Light แต่ทำไมเขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ชายที่สวมฮู๊ด ไม่ได้กล่าวอะไรก่อนที่จะหยิบแส้รูปกางเขนแล้วโดดเข้าโจมตี Dracula ทันที 



Boss - The Hooded man การโจมตีช่วงแรกเป็นการโจมตีแบบปกติในแบบมนุษย์ถึงแม้ในห้องจะโดนเวลย์มนต์ศักดิ์สทธิ์ที่ทำให้ใช้อำนาจมารไม่ได้แต่แส้ปกติก็จัดการได้ไม่ยาก จนช่วงที่ 2 มันจะใช้เวทย์ขยายร่างจนใหญ่และจะโจมตีไม่เข้าด้วย ซึ่งต้องจัดการทำลายผลึกเวลย์ที่ลอยวนอยู่รอบๆให้หมดมันก็จะหมดฤิทธิ์ 

ทั้งคู่สู้กันจนตกทะลุลงไปยังถ้ำขนาดใหญ่ด้านใต้โบสถ์ซึ่งพอสังเกตดูจะพบมีชาวบ้านมากมานแอบอยู่ที่นี่ Dracula จึงยอมที่จะหยุดโจมตี ชายที่สวมฮู๊ด จะแนะนำตัวว่าเขาชื่อ Victor Belmont แม่ทัพแห่ง Brotherhood of Light มีหน้าที่พาชาวบ้านหลบหนีปีศาจลงใต้ดินเพื่อความอยู่รอด ซึ่งคงจะหนีได้ไม่นาน “ใช่ ไม่นาน “Dracula ตอบกลับเหมือนจะย้ำเตือนให้ Victor รู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทุ่มเทอาจไม่มีอะไรเหลือถ้าเขาหยุดยั้งการคืนชีพของซาตานไม่ได้ คุยจบ Dracula ก็จะโยนยาแก้พิษให้ Victor เอาไปช่วยชาวบ้าน ทำให้ Victor อยากจะตอบแทนให้บ้าง Dracula จึงบอกถึงสิ่งที่เขาต้องการคือที่อยู่ของสาวกแห่งซาตานคนต่อไป Victor บอกว่าเขาไม่รู้แต่เขามีคนที่รู้ที่เขาจะถามได้ จึงอาสาที่จะพา Dracula ไปหาข้อมูลต่อ 



- จากนั้นวิ่ง ปีนป่าย ตาม Victor ไปจนถึงออกมาที่ลานกว้างหน้าตึกในเขต Victory Plaza จะพบกับ บอดี้การ์ดของ Zobec ที่ตามมาเพื่อช่วยเหลือตามคำสั่งแต่การปรากฎตัวของทันแต่ละครั้งก็ทำเอาทุกคนระแวงกันตลอดเหมือนครั้งนี้ที่เกือยจะซัดกับ Victor เข้าให้แล้ว ขณะนั้นฝูงปีศาจที่นำโดยเจ้า Horned Demon ก็บุกมา และถือว่าเป็นฝูงปีศาจที่โชคร้ายที่สุดที่ดันเข้ามาตอนที่ 3 คนนี้อยู่ด้วยกัน จัดการมันให้หมดแล้ว Victor จะเริ่มทำพิธีอัญเชิญวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อมาสิงที่รูปปั้นเพื่อเขาจะถามถึงเรื่องสาวกให้ แต่เมื่อวิญญาณมาสิงแล้วรูปปั้นเทพเจ้าก็แทงเข้าที่อกของ Victor จนตายคาทีก่อนที่จะลอยขึ้นไปที่ดาดฟ้าตึกตรงหน้า Dracula เดินไปดูที่ศพอย่างเงียบๆ เขาไม่รู้เลยว่าพันปีที่ผ่านมา ตระกูล เบลมอนท์ ของเขามีทายาทเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร์และเป็นใครบ้าง แต่ถึงยังไงเกือบทั้งหมดของสายเลือดก็เคยเข้ามาห่ำหั่นกับเขามาแล้วแทบทั้งสิ้น ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่า ชิ้นส่วนของกระจกที่เหลืออยู่กับ Victor นี่เอง 

Dracula ถูกพามาที่ปราสาทอีกครั้งเพื่อนำเอาชิ้นส่วนของกระจกชิ้นสุดท้ายมามอบให้ Trevor เพื่อประกอบเป็น Mirror of Fate จนสำเร็จในขณะที่ Trevor กำลังดีใจ เลือดมากมายก็ท่วมขึ้นมาจากพื้นห้องจนกลืนกินร่างของ Trevor ไปจนหมด ร่างที่ห่อหุ้มตัวของ Trevor สร้างรูปร่างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับ Dracula ทำให้เขาอดถามไม่ได้ว่าตกลงแกเป็นใคร ร่างที่แสนอัปลักษณ์ที่มีหน้าตาคล้าย Gabriel กล่าวว่า ข้าคือ คำสาปของเจ้า คือความชั่วร้ายของเจ้า คือความแค้นของเจ้า และคือชะตากรรมทั้งหมดของเจ้า ก่อนที่จะเข้าโจมตีใส่อย่างบ้าคลั่ง



Boss – Inner Dracula ร่างจริงของมันนั้นถูกห่อหุ้มด้วยร่างที่เกิดจากเลือดคำสาปอีกชั้นนึง จึงต้องจัดการกับร่างภายนอกให้หมดก่อนร่างจริงจึงจะออกมาให้โจมตีสลับกันแบบนี้จนกว่าร่างจริงจะพลังหมด ซึ่งขณะต่อสู้ Dracula ก็ได้ดูดพลังของเจ้าตัวคำสาปมาได้เป็นพลังใหม่ด้วยคือ Demonic Wing ที่สามารถทำให้กระโดด 2 ชั้นได้สูงขึ้นด้วยปีกมารที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งก็จะนำมาใช้โดดอัดเจ้าตัวคำสาปนี้ได้ด้วยเพราะร่างมันสูงมาก เมื่อจัดการมันได้แล้วก็จะสามารถช่วย Trevor เอาไว้ได้ จากนั้น Marie จะเข้ามากอดลูกของเธอด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่ทั้ง Marie และ Trevor จะให้กำลังใจกับ Gabriel ว่าไม่ว่ายังไงก็อย่ายอมให้ซาตานมันคืนชีพได้ Dracula ให้สัญญากับลูกและเมียของเขาด้วยสายใยของความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดว่า ทุกอย่างจะจบลงในไม่ช้าแน่นอน ก่อนที่สัมผัสแห่งกำลังใจของ Trevor จะนำพาให้ Dracula กลับมาที่โลกปัจจุบันอีกครั้ง 

Chapter 10 – The Second Acolyte
หลังจากกลับมายังโลกปัจจุบันที่หน้าวิหารตรงหน้า Zobec จะแจ้งบอกว่าที่ตึกนี้เป็นที่อยู่ของสาวกคนที่ 2 ซึ่งมันจะอยู่บนสุดของอาคาร จากนั้นก็กระโดด 2 ชั้นข้ามกำแพงหน้าตึกเข้าไปได้เลย แล้วลงท่อระบายน้ำทางมุมขวาไปต่อ เข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องพลังงานใช้ร่างหมอกที่พัดลมขึ้นไปชั้นบนได้เลย 
- ห้องด้านบนจะเต็มไปด้วยการอารักขาอย่างเต็มกำลังโดยห้องด้านหน้าจะมี Gogoth Guard อยู่ 3 ตัว 2 ตัวเดินไปมากลางห้องอีกตัวเฝ้าอยู่หน้าประตูลูกกรงด้านใน ใช้ค้างคาวเข้าไปก่อกวนการ์ด 2 คนตรงกลางห้องแล้วรีบวิ่งไปฝั่งตรงข้าม จากนั้นใช้ค้างคาวเข้าไปก่อกวนการ์ด 2 คนตรงกลางอีกครั้งแล้วขยับไปใกล้ประตูลูกกรงที่สุดก่อนจะใช้ร่างหมอกผ่านทั้งการ์ดที่เฝ้าประตูอยู่และผ่านประตูลูกกรงเข้าไปด้านในได้
– ห้องด้านในจะเต็มไปด้วยเลเซอร์รักษาความปลอดภัยทั้งที่เลื่อนไปมาและที่พื้น พยายามโดดหลบไปที่พัดลมที่อยู่ทางซ้ายบนหรือขวาบนให้ได้แล้วใช้ร่างหมอกลอยตัวขึ้นไปชั้นบนต่อ เติมพลังชีวิตและพลังเวทย์ให้ดีแล้วเข้าไปด้านในต่อระหว่างทางเดินจะพบ Trevor ยืนอยู่ยังไม่ต้องเข้าไปทักเขา เข้าไปในห้องทำงานด้านในจะพบกับ Nergal Meslamsira สาวกคนที่ 2 แห่งซาตาน ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังเวทย์สูงกว่าคนอื่นเพราะยังไม่ทันที่ Dracula จะเข้าไปสู้กับมันก็โดนพลังสายฟ้าของมันสะกดจนหมดแรง พยายามคลานหนีออกจากห้องมาที่ทางเดินแล้วล่อ Nergal ที่เดินยิงสายฟ้าใส่จนแทบลุกไม่ไหวตามเข้าไปจนถึงอีกมิติ ใครว่า Nergal มันจะไม่ทางสู้โดยมันจะใช้เวทย์มนต์เรียกอสูรแห่งฤดูกาลที่เป็นรูปปั้นอยู่รอบพื้นที่ออกมาช่วยโจมตีทันที







Boss – Rider of the Storm รูปปั้นเทพปีศาจทั้ง 3 ตัวจะเข้ามาสู้พร้อมกันโดยมี Nergal บังคับอยู่ด้านในตัวของมัน แต่ถึงแม้ว่าจะสู้แบบ 3 รุมหนึ่งแต่เกทพลังชีวิตของทั้ง 3 ตัวนับรวมกันเป็นเกทเดียวกันเท่านั้น ฉะนั้นจะเลือกจะจัดการตัวไหนก่อนก็ได้ เมื่อเกทพลังชีวิตลดถึงจุดๆนึงแล้วแต่ละตัวจะตายตามลำดับอยู่ดี เมื่อจัดการ 2 ตัวแรกไปแล้วเมื่อตัวสุดท้ายมันจะใกล้ตายมันจะใช้พลังลมยิงโจมตีใส่จนต้องพยายามแดชหลบซ้ายขวาขนเข้าไปจนถึงตัวมันจนได้ เมื่อจัดการมันได้แล้ว Nergal จะหลุดออกมา มันได้แต่พยายามคลานหนีแบบไร้ทางสู้ Dracula ค่อนๆเดินตามอย่างใจเย็นก่อนที่จะกระทืบเบาๆจนหัวมันแหลกคาเท้าอย่างไม่ใยดี  

Chapter 11 – The Mirror of fate
หลังเสร็จศึกท่ามกลางหอคอยที่พังทลายจนหมด Dracula ก็จะได้ยินเสียง Trevor เป่าแตรเรียกอยู่บนอีกหอคอยนึงเขาจึงจะรีบไปหา ปีนเสาในลานนี้ขึ้นไปเกาะข้ามมาอีกห้อง แล้วไปตามทางไม่ไกลก็จะถึงที่ที่ Trevor อยู่ เขาจะยืนกระจกแห่งชะตากรรมให้ และอยากจะให้พ่อของเขาดูชะตากรรมด้วยตาตัวเอง 
Trevor – ผมอยากให้พ่อดูมันด้วยตาตัวเอง
Dracula – หึ พ่อเคยดูมันมานานมากแล้ว 
Trevor – ก็ตอนนั้นพ่ออยู่คนเดียว แต่ตอนนี้พ่อมีผมกับแม่แล้วนี่นา
Dracula – ก็จริง ..
Trevor – ไม่ว่าทุกอย่างจะจบแบบไหนผมก็อยากให้พ่อเลือกครอบครัวน๊ะ 
จากนั้น Trevor จะสัมผัสเบาๆทำให้ Dracula กลับไปโลกปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อมาถึงตึกบัญชาการ์ณ ขณะที่ Dracula จะกำลังครุ่นคิดบ้างอย่างอยู่ Zobec ก็รีบรายงานบอกตำแหน่งของสาวกคนสุดท้ายที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดก่อนที่จะออกเดินทางเขาย้ำเตือนอีกครั้งกฃถึวข้อตกลงที่มีต่อกันว่า กำจัดสาวกซาตานให้หมดแลกกันการได้ทุกอย่างกลับคืนมา จากนั้นไม่ว่า Dracula จะชอบหรือไม่มันก็จะให้บอดี้การ์ดของให้ตามไปช่วยสู้ด้วยเพราะงานนี้อาจะเจอของหนัก ..

Chapter 12 – The Revelations 
เมื่อออกจากตึกแล้วเดินทางไปตามทางลูกศรชี้โดยมีบอดี้การ์ดของ Zobec เดินทางมาด้วย เข้ามาจนถึงห้องโถงชั้นใต้ดินใช้กระจกแห่งชะตากรรมที่พื้นวงกลมแล้วต่อมันให้เรียบร้อยประตูด้านหน้าจะเปิดให้ไปต่อ 




- เข้าไปตามทางจนถึงช่วงทางเดินทางแยก ประตูทางออกสู่วิหารยังเปิดไม่ได้ ต้องไปกดสวิตซ์ที่ทางเดินทางซ้ายก่อน ซึ่งทางไปนั้นเป็นกับดักยิงลูกไฟ บอดี้การ์ดของ Zobec จะเป็นคนโดดไปสับคันโยกเปิดประตูให้ โดยจะให้ Dracula เป็นคนยิงมีดสั้น Shadow Dagger ทำทางให้ โดยต้องยิงไปที่พื้นยืนที่สลับกันออกไปมาตามที่เราเหยียบพื้น เมื่อยิงโดนอันไหนก็จะเปิดเป็นที่ยืนให้บอดี้การ์ดของ Zobecโดดไปต่อได้ โดยต้องกะจังหวะให้หลบลูกไฟที่ยิงมาจากด้านในด้วย พยายามพาเขาข้ามไปฝั่งตรงข้ามให้ได้มันก็จะสับสวิตซ์ปิดกับดักและเปิดประตูทางออกให้ได้ 
- ออกมาที่ลานด้านหน้าวิหารจะพบศัตรูแบบใหม่ Dark Monk นักบวชมารที่รวมตัวกันเป็นปีศาจ Dark Aposite ซึ่งต้องพยายามจัดการให้หมดทีละตัวมันก็จะรวมร่างกันไม่ได้ จัดการให้หมดแล้วช่วยกันโยกคันโยกเปิดประตูวิหารเข้าไปก็จะพบ Guido Szandor สาวกคนสุดท้ายที่กำลังท่องมนต์ทำพิธีของมันอยู่ Dracula ที่รอจังหวะเฝ้ามองอยู่ก็กำลังจะฉวยโอกาสที่จะบุกทันที แต่บอดี้การ์ดของ Zobec แต่ห้ามไว้ด้วยการใช้พลังตรึงเขาเอาไว้แต่ด้วยเพราะอะไรไม่มีใครรู้ที่มันกลับทำให้ Dracula หวนกลับไปที่ปราสาทอีกครั้ง  

ที่ปราสาทเดินเข้าไปตามทางของหอคอย Overlook Tower จนถึงห้องที่ต่อชิ้นส่วนของกระจกแห่งชะตากรรมเพื่อเปิดประตู เข้าไปจนถึงหอหนังสือด้านนอกปราสาท ทั้ง Trevor และ Marie ต่างก็เข้ามาให้กำลังใจเพื่อให้ Dracula เข้าไปสำรวจดูสิ่งที่เขาเคยทำลงไปผ่านหนังสือบันทึกปีศาจ Dracula เข้าสู่ภวังค์ของการย้อนคำนึงถึงอดีตในการต่อสู้ตั้งแต่เมื่อภาคีแห่งแสงนำกองทัพบุกมาหาเขาเมื่อหลายพันปีก่อน เขาผ่านการต่อสู้มามายในวันนี้นจนทุกอย่างจบลงท่ามกลางความเงียบเขาได้พบกับชายคนนึงที่เข้ามาหา 



Dracula -Trevor …
Alucard  - Trevor ตายไปนานแล้วพ่อ พ่อก็รู้เพราะพ่อเป็นคนทำกับผมแบบนี้เอง ผมอยู่ตรงนี้มาก่อนที่คุณจะกำเนิดใหม่เป็น ..แวมไพร เสียอีก ผมชื่อ Alucard … 
Dracula – ทำไมแกมาอยู่ที่นี่ แกก็รู้ว่าไม่มีใครกำจัดข้า ข้าไม่มีวันตาย แล้วเลือดคำสาปของข้าก็อยู่ในเลือดของแกด้วย 
Alucard  - แน่นอน เพราะคนที่จะจัดการ Dracula ได้มีอยู่คนเดียวก็คือพ่อของผม Gabriel Belmont เท่านั้น 
Dracula – ฮึ มันสายไปแล้วมั้งสำหรับข้า รากเหง้าแห่งความชั่วร้ายมันฝั่งลึกเข้าไปในจิตใจมนุษย์ของข้าจนกลายเป็นธรรมชาติของไปแล้ว ..มันเป็นชะตากรรม  ข้าเคยเป็นนักรบที่ซื่อสัตย์ต่อ Brotherhood of light แต่ก็ทำผิดพลาดครั้งใหญ่จนความชั่วครอบงำ จนเดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ข้าเคยหวดกลัว “ เจ้าชายแห่งรัตติกาล “ ตลกมั๊ยล่ะ แถมเจ้า Zobec ผู้ทรงพลังก็หนีหน้าข้าหยั่งกับไอ้หนูขี้ขลาด ยังจะทำให้เจ้าซาตานบ้านั่นโผล่ออกมาจากรูเพื่อมาท้าสู้ข้าอีก ถ้าข้าตายไปซะ Alucard พวกมันก็จะเอาที่ที่ข้าเคยอยู่ไปอย่าง่ายๆ “Evil will prevail” ความชั่วร้ายมีอำนาจเหนือทุกอย่างเสมอ มันเป็นกฎแห่งธรรมชาติของโลกที่กำลังจะล้มสลาย..และ Abbadon คือ ความหวัง ของเรื่องทั้งหมด 
Alucard  - ไม่จริงหรอก ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถทำลาย ความชั่วร้าย เพื่อปลดปล่อยพวกมนุษย์ที่ถูกกดขี่ได้ แต่ถ้าพวกเขาเชื่อว่าท่านตายไปแล้ว พวกเขาก็จะกล้าออกมาสู่แสงสว่างได้อีกครั้ง หรือคิดว่าพวกเขาจะไม่ทำ 
นี่  “Crissaegrim” ดาบที่ตีขึ้นจากเศษของแส้กางเขน Vampire Killer ตอนที่ท่ากำลังเข้าสู่หัวใจของ Carmilla  ข้าเจอมันในปราสาทเมื่อหลายปีก่อน และถ้าหัวใจของท่านคือส่วนหนึ่งของดาบเล่มนี้ โดนเข้าไปทีนุงก็หลับยาวกันเลยล่ะ แต่สบายใจได้เพราะมันจะไม่ทำให้ท่านตายแน่นอน แต่มันจะทำให้ท่านสูญเสียพลังทั้งหมดไปด้วย นี่อาจไม่ใช่ ความตายที่แท้จริง อย่างที่ท่านหวังเอาไว้ แต่อย่างน้อยซาตานมันก็จะคิดว่าท่าน ตายไปแล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป เหล่าสาวกของมันก็จะทำการคืนชีพให้นายของมัน และแน่นอน Zodec จะเดาถูกว่า ซาตาน จะกลับมาอีกครั้ง และจะโจมตีโลกนี้จนความหวาดกลัวแพร่ไปทุกหย่อมหญ้า 



Dracula – และ Zobic เท่านั้นที่ล่วงรู้ แล้วใครล่ะที่จะต่อกรกับซาตานได้ดีที่สุด มันก็จะมองหา ข้า ใช่มั๊ย และก็หวังว่าในตอนนั้นข้าคงยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่งน๊ะ 
Alucard  - และถ้าเวลาที่เหมาะสมนั้นมาถึง ข้าก็จะปลอดปล่อยท่านออกจากดาบนี้ และข้าก็จะทำให้ Zobec รับรู้ด้วยว่า ท่านเท่านั้นที่จะสามารถกำจัดเหล่าสาวกและยับยั้งการ คืนชีพ ของซาตานได้ 
Dracula – ข้าล่ะแพ้ทางมันจริงๆเลยเจ้า Zobec ที่คอยรู้ไปซะทุกเรื่อง เกลียดจริงๆ
Alucard  - การจำศีลของท่านจะทำให้จิตใจท่านแตกออกเป็นส่วนๆ ซึ่งมันจะทำให้ Zobec สับสนและจะไม่วันรู้เรื่องที่เราคิดเอาไว้ 
Dracula – และข้า ก็จะจำไม่ได้ถึงวันที่เราเคยคุยกันวันนี้ด้วยใช่มั๊ย และ Zobec มันก็จะเห็นแต่ความดำมืดในจิตใจของข้า เท่านั้น แต่ เจ้าจะแน่ใจได้ยังไงว่า ตอนนั้นข้าจะยอมร่วมมือกับมันล่ะ 
Alucard  - เพราะว่าในข้อตกลงนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ท่านต้องการมากน่ะสิ ..ความตายอย่างแท้จริงยังไงล่ะ 
Dracula – แล้ว Zobec มันมี แส้กางเขน Vampire Killer หรอ 
Alucard  - มีสิ ตอนท่านทำลายมันทิ้งแต่ Zobec มันได้ไปพบเข้าและสร้างมันขึ้นใหม่ รับรองเลยว่า Zobec มันทำให้ท่านตายจริงๆได้แน่นอน และตอนนี้ในปัจจุบันท่านก็ต้องรีบไปจัดการกับสาวกคนสุดท้ายแล้ว ซึ่งเราจำเป็นต้องวางกับดัก Zobec มันตั้งแต่ในเวลานี้เท่านั้น และเราจะทำลายมัน ตลอดกาล ! 
Dracula – เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า นี่ข้ากำลังได้ทำหน้าที่ล้างบาปให้มนุษย์ชาติด้วยการกำจัดซาตานอีกครั้งหนึ่งอย่างงั้นหรอ อีกแล้วหรอ ?
Alucard  - ใช่เลย และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านจะได้เจอกับ Zobec ด้วย และซาตานก็จะเสร็จท่านด้วยในคราวเดียว
Dracula – เอาเลย !! งั้นก็เสียบไอ้ดาบบ้าๆนี่เข้ามาที่หัวใจข้าซะที ก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ ! ….
จากนั้น Alucard ก็ใช้ดาบแทงผ่านหัวใจ Dracula ทันที …
Dracula – ลูกรัก เราจะได้เจอกันอีกมั๊ย
Alucard  - ทุกครั้งที่ข้าวางมือบนบ่าของท่านเลยล่ะ ท่านพ่อ 



จากนั้นก็เกิดแสงสว่างจ้าที่นำพาทุกคนกลับมาที่โลกปัจจุบัน ทันทีที่ชายที่เป็นบอดี้การ์ดของ Zobec ก็ถอดเกราะออกก็จะพบว่าเขาคือ Alucard ที่แทรกซึมอยู่กับ Zobec นั่นเอง 
Alucard  - ..จำได้แล้วใช่มั๊ยพ่อ  
Dracula – … งั้นก็ไปจัดการกับมันกันลูกรัก 
ขณะเดียวกันที่สาวกคนสุดท้ายได้ท่องมนต์ทำพิธีของมันจนเสร็จและได้พลังไปเต็มเปี่ยมก่อนที่จะหายตัวหนีไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะตามไป Zobec ที่ตามมาดูผลงานก็รับรู้แล้วว่าพ่อลูกคู่นี้รู้ถึงแผนของมันเข้าแล้ว มันจึงไม่รอช้าที่กลายร่างเป็นปีศาจเข้ามาสู้ทันที Dracula บอกกับ Alucard เบาว่า “มันเป็นของข้า” ซึ่งแปลว่าเจ้าอย่ามายุ่ง …



Boss – Death ร่างมารของ Zobec นั้นจะโจมตีสลับกันให้ลูกน้องมากมายลุยโจมตีโดยมันจะสร้างให้รูปปั้นบนหลังคาวิหารเป็นปีศาจที่จะเรียกลูกน้องมาได้ตลอด สิ่งที่ต้องทำก็คืออัดพวกมันจนได้ค่าเวทย์มนต์มาจนพอใจก่อนแล้วค่อยใช้มีดสั้นหรือ Chaos Claw ยิงทำลายปีศาจที่สั่งการบนหลังคาให้หมดมันก็จะไม่เรียกลูกน้องมาเพิ่มอีก สลับกับการปรากฎตัวเข้าโจมตีของ Death ซึ่งจะทำให้มีพลังเวทย์ใช้อัดกับมันไม่มีขาดเหลือ  

หลังจากทวงแค้นกับ Zobec จนกำจัดมันอย่างสิ้นซากแล้ว Dracula ก็จะได้ Vampire Killer ของเขากลับมาด้วย เป้าหมายต่อไปก็คือตามล่าสาวกคนสุดท้ายก่อนที่มันจะคืนชีพให้ซาตานนายของมันได้สำเร็จ Alucard จึงขอแยกตัวไปหาที่อยู่ของตัวสาวกอย่างเร่งด่วน จากนั้นจะไม่มีเป้าหมายขึ้นให้มา จะทำอะไรก็ได้เพื่อรอให้ Alucard บอกที่อยู่มาแล้วเป้าหมายก็จะขึ้นมาหรือถ้าไม่อยากรอก็วาร์ปจากห้อง Map Room แถวๆนั้นมาที่เขต Aris district ได้เลย เป้าหมายคือซอยเล็กๆข้างตึกที่มีไฟไหม้อยู่ ซึ่งต้องเข้าทางมุมซ้ายของแผนที่โดยต้องใช้ร่างหมอกผ่านตะแกรงเข้ามาก็จะพบ Alucard รออยู่ 

Chapter 13 – The Summoning 
จากนั้นปีนขึ้นด้านบนซากตึกต่อจนถึงด้านบนจะพบทางโดดลงไปยังซากวิหารที่อยู่ข้างใต้ตัวตึกได้ เมื่อเข้ามาด้านในห้องทำพิธีของวิหารก็จะพบสาวกคนสุดท้ายที่กำลังท่องมนต์ทำพิธีของมันอยู่และที่สำคัญคือมันทำสำเร็จแล้วเสียด้วย ร่างดำทมึนของซาตานปรากฎขึ้นตรงหน้าของทุกคนอย่างเรียบง่ายแต่ก็ทำให้รู้ถึงหายนะครั้งใหฯที่ต้องเผชิญแน่นอน เมื่อซาตานตื่นขึ้นมันก็สังเวยชีวิต Guido สาวกของมันทันทีด้วยการกรีดหน้าออกจนตายคาที่อย่างเลือดเย็น 
ซาตาน – ไม่ได้เจอกันนานเลยน๊ะ Gabriel Belmont โอ้ ..โฉมใหม่หรอ แกกับข้าน่าจะมาร่วมกันครองโลกนี้ด้วยกันน๊ะ …แต่ก็ ..ลืมไปว่าแกคงอยากจะฆ่าข้ามากว่าใช่มั๊ยล่ะ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงข้าก็จะทำลายโลกนี้ให้สิ้นซากอยู่แล้วล่ะ …



จากนั้นมังกรมารขนาดมหึมาก็โผล่มาจากนรกอเวจีตามคำสั่งของซาตานเป้าหมายของมันคืน ทำลายล้างโลก Dracula และ Alucard รีบเกาะตัวมันไปด้วยทันที จากนี้ก็พยายามเกาะตัวมันไปจนถึงส่วนที่เป็นโซ่ที่ใช้บังคับมัน จัดการศัตรูที่ออกมาป้องกันให้หมดแล้วช่วยกันดึงโซ่ให้ขาด ลุยไปจัดการตัดโซ่ให้หมดทั้ง 2 เส้น ก็จะทำให้มังกรมารที่กำลังจะปล่อยลูกพลังใส่พื้นโลกต้องเสียสมดุลย์จนทำให้มันยิงไปที่ตัวเองจนร่างขาดเป็นชิ้นกระจายไปทั่วท่ามกลางการร้องตะโกนด้วยความเจ็บใจของซาตานนายของมัน ซาตาน , Dracula และ Alucard ต่างก็ร่วงลงจากฟ้าพร้อมๆกับเศษเนื้อของมังกรที่กระจายไปทั่ว ทันทีที่ซาตานสังเกตเห็น Alucard ที่บาดเจ็บจนหมดสติอยู่ มันจึงพุ่งเข้าไปหาแล้วจัดการสิงสู่ทันที และทันทีที่ Dracula ลงมาถึงซากขนาดใหญ่ของมังกรและกำลังดีใจที่ Alucard ก็ตามมาด้วย แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะซาตานมันเข้าสิง Alucard เรียบร้อยแล้วและดูเหมือนมันจะชอบร่างนี้เป็นพิเศษเสียด้วย ก่อนที่มันจะใช้ร่างของ Alucard เข้าต่อสู้กับ Dracula ทันที



Boss Alucard การต่อสู้กับซาตานในร่างของ Alucard นั้นต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีเพราะนอกจากมันจะรวดเร็วมากแล้ว การโจมตีสวนกับและความอึดทนของเกราะของ Alucard นั้นทำให้เหนื่อยไม่น้อยแน่นอน โชคดีที่มันจะไม่แปลงร่างเป็นอะไรอีกแล้ว ฉะนั้นมีอะไรก็ทุ่มมันไปให้หมดในคราวเดียวนี่แหละ 

เมื่อจัดการซาตานในร่าง Alucard พ่ายแพ้ ก็ถึงคราวยำใหญ่ของ Dracula ที่เข้าไปอัดแบบไม่เลี้ยงและปิดท้ายด้วยอาวุธแห่งแสงที่เคยคุ้นมือมาก่อน ทันทีที่ Dracula กำลังจะใช้แส้กางเขนแทงเข้าที่ร่างของ Alucard ที่มีซาตานอยู่ คำเยาะเย้ยสุดท้ายของซาตานว่า “ต้องการจะฆ่าข้าจนต้องฆ่าลูกตัวเอง อีกแล้ว หรอ ฮ่าๆ” เพื่อจะซื้อเวลา แต่เมื่อมันเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของ Dracula ที่จะเสียบเข้ามาจริงๆ ซาตานก็ถึงกับรนรานแยกตัวหนีออกจากร่างของ Alucard ทันที แต่นั่นเป็นสิ่งที่ Dracula รออยู่แล้วเขาเปลี่ยนเป้าหมายของแส้กางเขนแบบฉับพลันไปที่ร่างของซาตานจนมันแทบไม่มีโอกาศป้องกันตัว จนถูกเสียบเต็มๆและด้วยอณุภาพของอาวุธแห่งแสงก็ทำลายให้ร่างของซาตานสลายไปกับความหวังที่เล็กน้อยว่า มันจะไม่กลับมาอีก . Dracula ต้องให้ Alucard ดื่มเลือดของเขาอีกครั้งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี 

ท่ามกลางแสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ที่กำลังจะส่องมาถึง มันคงไม่ใช่เป็นฉากจบที่แสนโรแมนติกของแวมไฟร์สองพ่อลูกคู่นี้แน่นอน 
Dracula – อาทิตย์ใกล้ขึ้นแล้ว คงต้องลากันตรงนี้
Alucard – แล้ว … จะเอายังไงต่อ ? 
Dracula หยิบกระจกแห่งชะตากรรมมาส่องดูซักพักแล้วบีบมันจนแตกคามือแล้วตอบไปว่า .. 
“ใครเลยจะล่วงรู้ชะตาตัวเองง่ายๆเหมือนมันมีขายตามร้านค้ากันล่ะ” ….

***************************** THE END *********************************

12 ความคิดเห็น:

  1. เป็นบทสรุปที่ยอดเยี่ยมตามเคย ผมอ่านเป็นนิยายไปเลยในตัวเพลินดี

    ตอบลบ
  2. ทำไมตอนเข้าไปตรวจสอบ โรงงาน Bioquimek แล้วสิงร่างมนุษย์ แล้วไปเปิดประตูทำไมประตูไม่เปิดอะครับบ

    ตอบลบ
  3. เล่นจอยไม่ได้ครับ

    ตอบลบ
  4. สำหลับคนที่ไม่รู้นะครับ ฉากแรกที่นักรบทอง สวดบทปราบมาร แดกคิวล่าได้ ท่องคาถาตาม และวรรคสุดท้ายได้แอบเปลี่ยนบทสวด จาก คาถาปราบมาร เป็นระเบิดทำลายล้างสูงครับ ซึ่งตนเองเป้นอมตะจึงไม่ตายครับ นักรบทองคำ หลงท่องตามแข่งกับผู้ที่เคยเป็นนักปราบมาร มาก่อน

    ตอบลบ
  5. อยากได้บทสรุปภาคแรกหาได้ที่ไหนครับ

    ตอบลบ
  6. เล่นจบแล้ว สนุกดีครับ โน๊ตบุ๊ค กากๆของผมก็ยังเล่นได้

    ตอบลบ