วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Middle Earth: Shadow of Mordor

               


                                บทสรุป Middle Earth: Shadow of Mordor


BY – Decibel per – oxide 

เรื่องราวมันเริ่มต้นด้วยการหลอมแหวนครั้งยิ่งใหญ่ แหวนแห่งพลังอำนาจทั้ง 19 วง 3 วงมอบให้แด่พวกเอลฟ์ ผู้เป็นอมตะทรงปัญญาและคุณธรรมสูงสุด 7 วงให้เหล่าคนแคระผู้เชี่ยวชาญงานเหมืองและงานช่างฝีมือ และอีก 9 วงมอบเป็นของขวัญแก่พวกมนุษย์ ผู้หลงไหลในอำนาจเหนือสิ่งใด แหวนเหล่านี้มีพลังอำนาจที่จะปกครองแต่ละเผ่าพันธ์ แต่พวกเขาก็หารู้ไม่ ว่าแหวนอีกวงถูกสร้างขึ้น มันถือกำเนิดโดยจอมมารผู้ชั่วร้าย “Sauron“ ด้วยไฟแห่งหุบเขามรณะในดินแดนแห่ง มอร์ดอร์ จอมมารผู้ชั่วร้ายได้หลอมแหวนเอกธำมรงค์อีกวงขึ้นมาเพื่อควบคุมแหวนแห่งพลังวงอื่นทั้งหมด ด้วยเจตนาที่จะเป็นจ้าวแห่งทุกชีวิต แหวนวงเดียวครองทุกสรรพสิ่ง 

 หนึ่งวงเหนือทุกสิ่ง หนึ่งวงค้นหาทุกวง
หนึ่งวงรวบรวมทุกวง รวมพลานุภาพแห่งความมืด

ที่ละส่วนเสี้ยวของดินแดนอิสระแห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธตกอยู่ภายใต้พลังความชั่วร้ายแห่งแหวนของ Sauron แต่ก็ยังมีพวกที่ลุกขึ้นสู้ พันธมิตรระหว่างมนุษย์และเอลฟ์กลุ่มสุดท้ายรวมกันต่อต้านกองทัพที่ชั่วร้ายแห่ง มอร์ดอร์ ณ. เนินหุบเขามรณะ สงครามเพื่ออิสระภาพแห่ง มิดเดิ้ลเอิร์ธ ดำเนินไปจนชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรอยู่แค่เอื้อม แต่พลังอำนาจแห่งแหวนของ Sauron นั้นไม่อาจถูกลบล้าง ทั้งมนุษย์และเอลฟ์ที่ปักหลักสู้เกินจะต้านทาน ราชาแห่งกอนดอร์ ผู้นำของกลุ่มมนุษย์ถูกโจมตีจนตาย แต่ในนาที่สุดทางของวิกฤต ขณะที่ความหวังกำลังดับสูญ เจ้าชาย อิซิลดัวร์ ก็คว้าดาบของบิดาเขาขึ้นมาตัดนิ้วของจอมมารให้ร่วงลงสู่พื้นดินพร้อมกับ แหวนเอกธำมรงค์ ของมัน ทำให้พลังอำนาจแห่งกองทัพมืดของ  มอร์ดอร์ สลายลงจนสิ้น ชัยชนะตกเป็นของฝ่ายเสรีชนแห่ง มิดเดิ้ลเอิร์ธ โอกาสที่จะทำลายพลังของจอมมาร Sauron ให้สิ้นคือทำลายแหวนของมันซะ เอลรอนด์ ราชาแหงเอลฟ์แนะนำให้ เจ้าชาย อิซิลดัวร์ ทิ้งแหวนลงในปล่องภูเขาไฟของหุบเขามรณะเสียแต่ตอนนี้ที่เป็นโอกาสเดียสที่จะทำได้ แต่ใจมนุษย์ที่หลงในอำนาจ เจ้าชาย อิซิลดัวร์ ตัดสินใจเก็บแหวนเอกธำมรงค์เอาไว้เพื่อเป็นตัวแทนอำนาจของตนเอง 

ศักราชที่ 3434 แห่งยุคที่ 2 เจ้าชาย อิซิลดัวร์ ขึ้นครองราชเป็น ราชาแห่งกอนดอร์ องค์ต่อไปพร้อมครอบครองแหวนเอกธำมรงค์เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของตน แต่แหวนก็มีเจตนาของมัน มันลวง อิซิลดัวร์ ที่มัวเมาในอำนาจให้พบจุดจบและแหวนก็หายสาปสูญไปตั้งแต่ครั้งนั้น 

จากประวัติศาสตร์กลายเป็นตำนาน ตำนานกลายเป็นเทพนิยาย กลายเวลาผ่านไป 2500 ปี ไม่มีใครล่วงรู้ถึงเรื่องราวของ แหวนเอกธำมรงค์อีกเลย มันได้แต่รอเวลา เวลาและโอกาสที่เหมาะสม กับผู้ครอบครองรายต่อไป 

กระทั้งผู้ครอบครองรายใหม่ติดกับ กอลลั่ม ผู้พบแหวนและนำมันดิ่งสู่อุโมงค์ใต้เทือกเขาหมอก ด้วยอำนาจแห่งแหวนทำให้ผู้ครอบครองมันอายุยืนผิดธรรมชาติ กอลลั่ม เป็นทาสของแหวนในถ้ำอันมืดมิดถึง 500 ปี แต่แหวนก็ยังไม่ลืมเจตนาของมัน เจตนาที่จะคืนสู่นิ้วมือนายของมัน มันพละตัวออกจาก กอลลั่ม แต่ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นอย่างที่มันหวัง แหวนถูกเก็บได้โดยผู้ที่ไม่คู่ควรที่สุด พวก ฮอบบิทส์ บิลโบ แบ็กกินส์ แห่งไชร์ และ ไม่ช้าไม่นานเมื่อเวลามาถึงพวก ฮอบบิทส์ จะเป็นผู้กุมชะตาของโลกนี้เมื่อ แหวนเอกธำมรงค์ ถูกส่งผ่านมาถึงรุ่นหลาน โฟลโด้ แบ็กกินส์ แห่งไชร์ ผู้ถือแหวนคนต่อไป แต่เจตนาของเขาต่างจากผู้ครอบครองทั้งหมด เพราะเขาและเหล่าพันธมิตรแห่งแหวนจากทุกเผ่าพันธ์ ด้วยดาบแห่งนาร์ซิล ของอารากอน โอสรแห่งอาราธอน ทายาทของ อิซิลดัวร์ คันศรของหนุ่มเอลฟ์ เลโกลาส ขวนของคนแคระ กิมลิ และ เวทย์มนต์ของพ่อมดเทา แกนดาล์ฟ ต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ คุ้มครอง โฟลโด้ ผู้ถือแหวนไปให้ถึงปากปล่องผู้เขาไฟมรณะแห่งมอร์ดอร์เพื่อให้ทางเดียวที่จะทำลายพลังชั่วร้ายให้สิ้น 

แต่วิญญาณของ Sauron ที่ยังผูกพันกับพลังแห่งแหวนเอกธำมรงค์ของมัน ทำให้พลังของมันเริ่มฟื้นคืนช้าๆ จนคงรูปร่างเป็นดวงตาที่เป็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ได้ ข่าวลือของพลังอำนาจที่กลับมาของ Sauron แพร่สะพัด ทำให้เหล่า ออร์ค ที่กระจัดกระจายกันอยู่รวมตัวกันเพื่อสวามิพรรครับใช้จอมมารของมัน ไม่เว้นแม้แต่พ่อมดขาวที่รักตัวกลัวตายอย่าง ซารูแมน ก็ยังยอมรับใช้จอมมารเพื่อเอาตัวรอด พวกมันได้สร้างกองทัพออร์คที่แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง ปราการหลักที่ Barad dur ถูกสร้างขึ้นใหม่ในดินแดนส่วนลึกของมอร์ดอร์ และตอนนี้จอมมาร Sauron พร้อมแล้วที่จะทำสงครามเพื่อทวงคืนแหวนแห่งอำนาจของมันคืนเพื่อครอบงำให้ทุกดินแดนตกอยู่ในยุคมืดอีกครั้ง 




และเมื่อสงครามเปิดฉากขึ้นอย่างเงียบๆ โศกนาฎกรรมของเหล่า แรนเจอร์ แห่ง กอนดอร์ ทหารที่รักษาการณ์อยู่ในเขต Morannon ที่ Black Gate ปากทางหลักเข้าสู่ดินแดนแห่ง มอร์ดอร์ ต้องเผชิญคือ กองทัพออร์คที่แข็งแกร่งจำนวนมหาศาลที่บุกเข้ามาหมายจะยึดดินแดนของพวกมันคืน เหล่าทหารรักษาการณ์ทั้งหมดยากจะต้านทาน ทุกหน่วยถูกทำลายสิ้น ทหารทุกคนตายด้วยคมดาบของออร์คจนหมด Talion หนึ่งในทหารรักษาการณ์ก็พบชะตากรรมไม่ต่างกัน ภรรยาและลูกของเขาถูกพวกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา สายตาของ Talion ที่มองพวกออร์คนั้นเต็มไปด้วยความแค้น แต่เขาอ่อนแอเกินจะต้านทัพออร์คที่สุดแข็งแกร่งได้ จนถูกฆ่าตายตามไปด้วยในที่สุด  

ในจิตสำนึกของห้วงมโนธรรมแห่งวิญญาณ Talion รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางกองซากศพของเหล่าลูกน้องและคนที่เขารัก หมอกควันสีเทาจางรอบๆตัวไม่ได้ทำให้ Talion รู้สึกอะไรมากไปกว่าหาตัวลูกเมียที่รักของเขาด้วยความเป็นห่วง Loreth !….  Dirhael ! …. เสียงของ Talion ตะโกนเรียกเมียและลูกของเขาอย่างอ่อนแรง ก่อนที่ Talion จะหันไปพบร่างของเด็กหนุ่มที่นอนตายอยู่ในสภาพศพที่แทบจะจำไม่ได้  จนเขาได้เจอดาบเล่มนึงที่หักตกอยู่ใกล้ๆ มันกลับเป็นสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนจิตสำนึกของเขาให้รู้สึกขึ้นได้ว่านี่คือ Dirhael ลูกชายของเขานั่นเอง 




ซึ่งก็ทำให้ห้วงคำนึงของ Talion ย้อนนึกไปถึงวันนึงในอดีตที่เขาเคยปรามาสดาบเล่มเดียวกันนี้ ในตอนที่กำลังฝึกการต่อสู้ให้กับลูกชาย

  



Talion -  “ ก็ถือว่าดีสำหรับไว้ฆ่าไก่ “ 
Dirhael – แต่มันอาจทำให้พ่อเจ็บตัวได้เหมือนกันน๊ะ
Talion – ฮ่าๆ มาเลย มาเลย เจ้า Dirhael นักฆ่าไก่ โชว์ให้พ่อเห็นซิว่าเจ้ามีอะไร !



เรียนรู้ระบบการต่อสู้เบื้องต้น
Y – เค๊าท์เตอร์การโจมตีของคู่ต่อสู้ 
X – โจมตี 

Talion – ใจเย็นไอ้หนู เจ้ายังไม่ได้เป็นทหารอย่างเต็มตัว

และในห้วงคำนึงนั้นก็ทำให้ Talion นึกไปถึงกองทัพ ออร์ค ที่บุกเข้ามาที่ป้อมในวันที่ฝนตกหนัก Talion ยังคงยืนหยัดสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับลูกชายของเขาอย่างสุดกำลัง 

เรียนรู้ระบบการต่อสู้เบื้องต้น
Ground Execution ท่าเสียบซ้ำ RT + X กับศัตรูที่กำลังนอนมึนงงกับพื้น 
A – วิ่ง
RB –ขณะวิ่งเข้าใกล้ศัตรู Tackle 
RB – จับและทุ่ม

หลังจาก 2 พ่อลูกจัดการ Orcs กลุ่มแรกจนหมด Dirhael ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเหล่า Orcs กองทัพมอร์ดอร์ที่มีจำนวนมากมายและแข็งแกร่งกว่าที่มันควรจะเป็น Talion จึงบอกไปว่าพวกมันคือ Uruks ผลิตผลรูปแบบใหม่จากพลังแห่งความชั่วร้ายของมอร์ดอร์ ซึ่งยากที่ทหารฝึกหัดอย่าง Dirhael จะต้านทาน Talion จึงสั่งให้ลูกชายไปตามหาแม่เพื่อคุ้มกันเธอแล้วหลบอยู่ในที่ที่ปลอดภัยจนกว่าเรื่องจะสงบ 

ทันทีที่ห้วงคำนึงจบสิ้นลง Talion ก็รู้ได้ถึงความรู้สึกสุดท้ายหลังที่เขาพบจุดจบในสนามรบไม่ต่างอะไรกับนักรบคนอื่นๆ 

Talion – นี่ข้าตายแล้วหรอ ?
… เจ้าถูกเนรเทศจากความตายมากกว่า ….

เสียงลึกลับให้คำตอบกับคำถามที่แม้จะอยู่ในใจของ Talion ก่อนที่เขาจะสังเกตร่างของผู้หญิงนางนึงที่นอนตายจมกองเลือดอยู่อีกด้าน… Loreth ภรรยาของเขานั่นเอง ทันทีที่ Talion จะสัมผัสมือที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอเขาก็นึกถึงคืนวันที่แสนสุขกับเสียงฮัมเพลงที่แสนไพเราะของภรรยาสุดที่รัก




 ไม่ว่าจะคุณจะบุกป่าฝ่าดงไปที่ไหน
 ผ่าน สายลม ข้าม สายน้ำ และพบเจอ ขุนเขา ถึงแห่งหนใด
ก็จงอย่าได้หลงลืมเส้นทางกลับบ้าน และรักที่ชั้นมีต่อคุณ 

ลอบเข้าไปจูบเธอด้วยการกด RT ค้างเพื่อเข้าโหมด Stealth ลอบเข้าไปกด X กับ Loreth เพื่อมอบดอกไม้ให้กับเธอในวันครบรอบวันแต่งงาน แต่แม้นักรบที่ผ่านสมรภูมิมามากมายอย่าง Talion ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความดื้อและหวงลูกสาวของพ่อตาที่ต้องการให้ Loreth ออกมาอยู่กับเขาเพราะกลัวอันตรายที่ Black gate ซึ่งตัว Loreth เองก็เห็นด้วยกับพ่อของเธอเพราะเธอเบื่อที่ป้อมที่เต็มไปด้วยการสู้รบแบบนี้เต็มที  แน่นอนว่า Talion นั้นถึงจะอยากไปแต่ด้วยหน้าที่เขาจึงจำเป็นต้องอยู่ ส่วน Dirhael ลูกชายนั้นก็อยากจะเป็นทหารจนเนื้อเต้นจนไม่ยอมไปจากนี้ง่ายๆเหมือนกัน ความกดดันจึงตกอยู่กับ Talion คำตอบของเขามีแค่ “ ยังไม่ใช่ตอนนี้ …แต่อีกไม่นานหรอกที่รัก “ 

ห้วงคำนึงของคืนวันที่หวานชื่นจบลงและถูกแทนที่ด้วยคืนที่แสนเหี้ยมโหดที่กองทัพ Uruk บุกเข้ามา Talion ต้องพา Loreth หนีออกจากป้อมก่อนที่จะตายกันทั้งคู่ 

- เรียนรู้การลอบฆ่าด้วยการกด RT ค้างเพื่อเข้าโหมด Stealth ลอบเข้าไปใกล้ศัตรูแล้วกด X ในการลอบฆ่าศัตรูอย่างเงียบๆเพื่อเคลียร์เส้นทางให้ Loreth

แต่ขณะที่ Talion กำลังลอบเข้าไปจัดการศัตรูในห้อง เมื่อหันมาอีกที Loreth ก็ถูกพวก Orcs จับตัวได้ซะแล้ว มันจะขู่ให้ Talion เพื่อแลกกับชีวิตผู้หญิงก่อนที่มันจะลอบเข้ามาโจมตี Talion จากด้านหลังจนล้มทั้งยืน ในขณะที่เขากำลังถูกซ้ำให้ตายแดดิ้นกับพื้น แม่ทัพออร์กตัวนึงก็สั่งห้ามเอาไว้โดยอ้างว่าได้รับคำสั่งจาก แม่ทัพ Black Hand ว่าห้ามฆ่า Talion ก่อนที่มันจะซัดเขาต่อจนนอนจมกองเลือดแล้วพาตัว Loreth ไป 







บนกำแพงป้อมโศกนาฎกรรมของ Talion ยังดำเนินต่อไปอย่างเหี้ยมโหด ที่นั่นเขาได้พบกับแม่ทัพแห่งมอร์ดอร์นามว่า Black Hand ที่ออกมาฆ่าลูกชายและภรรยาของเขาไปต่อหน้าต่อตาอย่างเลือดเย็น ก่อนที่ Black Hand มันจะหันมาเชือดคอ Talion อย่างช้าๆ พร้อมด้วยท่องคาถาบางอย่างในขณะที่ฆ่าทั้ง 3 คน เพื่อเป็นของกำนัลกับนายของมันที่มันเอ่ยชื่อ Elf Lord !..




ทั้งหมดคือห้วงคำนึงสุดท้ายก่อนตายของ Talion ก่อนที่จิตที่เหลืออยู่ของเขาจะถูกส่งมาในสถานที่นึง แสงสีขาวที่ปลายอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยหมอกจางๆ ไม่ใช่แดนสุขาวดีหลังความตายที่เขากำลังได้ไปเฉกเช่นวิญญาณปกติ แต่มันกลับเป็นร่างวิญญาณสีขาวที่สุกสว่างร่างนึงที่กำลังเดินเข้ามาหา Talion 



… เชื่อข้าหรือยังล่ะ Ranger …
Talion – แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับข้า ! ข้าอยู่ที่ไหน ?
… ก็บอกไปแล้ว เจ้าถูกเนรเทศจากความตาย …
…ขอบเขตที่ไม่มีที่สิ้นสุดระหว่างแสงและความมืดข้าเรียกมันว่า Wraith World นั่นคือที่ที่เจ้าอยู่
.. คำสาป นำพาให้เรามาร่วมชะตากรรมเดียวกัน ในกำแพงแห่ง Arda …
Talion – ถ้าสิ่งที่ท่านบอกเป็นความจริง เราจะทำลายคำสาปนี่ยังไงล่ะ ?
.. ก็ต้องตามหาใครก็ตามที่มอบชะตากรรมนี้ให้เราน่ะสิ  …เจ้า Black Hand แห่ง Sauron !


                  ……………………… 10 ปี ต่อมา ………………………….





Talion จะมาอยู่ที่หอคอยแห่งชะตากรรม Forge Tower (จะเรียกว่า หอคอยตีเหล็กตามความหมายแต่มันก็ดูไม่เท่เอาซะเลย ) ในมิติ Wraith World ที่อยู่ในเขต Udun Foothill ซึ่งก็คือฐานที่มั่นทางวิญญาณของ Talion นั่นเอง ก่อนที่วิญญาณต้องสาปได้หยิบค้อนขึ้นมา เขาก็ได้เอ่ยขึ่นว่า “ เห็นแบบนี้แล้วคุ้นบ้างมั๊ย “ ก่อนที่จะลงค้อนตีเหล็กบนหอคอยก็ทำให้ภาพรวมของแผนที่เปิดออกซึ่งทำให้ปลดล็อคจุดไอค่อน Event ต่างๆในแผนที่ด้วย  ซึ่ง Forge Tower ที่อยู่ตามจุดต่างๆของแผนที่ก็สามารถเข้าไปปลอดผนึกมันได้ด้วย โดยการเดินทางไปที่ที่ตั้งของมัน กด LB มองเพื่อให้เห็นหอคอยแล้วปีนขึ้นไปด้านบนแล้วใช้ค้อนตีที่แท่นตีเหล็ก ก็จะทำให้เปิดแผนที่ในเขตนั้นๆที่หอคอยตั้งอยู่ได้ ซึ่งนอกจากจะเปิดจุด Event ใหม่ๆให้เห็นแล้วก็ยังใช้เป็นจุด Fast Travel ในการเดินทางอย่างเร่งด่วนได้อีกด้วย (ซึ่งก็เทียบเท่ากับ หอคอยชมวิว View Point ของ Assassin Creed นั่นแหละ )

     

เป้าหมายของTalion และวิญญาณลึกลับ ที่ทั้งคู่มีร่วมกันคือการไล่ล่าหาตัวเจ้า Black Hand โดยตอนนี้ Talion ก็จะสามารถใช้พลังของวิญญาณลึกลับที่หลอมรวมเป็นร่างเดียวกันกับเขาได้ด้วย โดยตอนนี้วิญญาณของทั้งคู่ได้หลอมรวมเป็นวิญญาณเดียวกัน พึ่งพิงพลังของกันและกันในการต่อสู้และทุกๆอย่างหลังจากนี้ ใครจะรู้ว่า ดาบฆ่าไก่กระจอกๆของลูกชายที่ Talion เคยดูถูกจะกลายเป็นดุจเครื่องรางติดตัวของ Talion เพื่อรอให้ถึงวันที่มันจะเปลี่ยนเป็น อาวุธ ที่ใช้สวดส่งวิญญาณชั่วของแม่ทัพแห่งมอร์ดอร์เพื่อชำระแค้นและทวงทุกอย่างจากมันผู้ที่พรากทุกอย่างจากเขาไป จากนั้นโดดลงไปที่ด้านล่าง Talion จะลงมาที่หน้าค่ายของพวก Urnks พร้อมกับธนูที่ได้ติดมือมาจากพลังที่ได้มาใหม่ให้ได้ลองใช้ด้วย  

ภาระกิจแรกคือ จัดการ Uruk 4 ตัวที่อยู่ตรงหน้าให้หมด
- กด LT เข้า Ranged Mode การใช้ธนูกด RT ในการยิง และ อนาล็อกซ้ายในการซูมยิงแบบ Focus Mode ซึ่งสามารถทำให้เวลาช้าลงได้ระยะนึง
– กด B Wraith Stun จะทำให้ศัตรูมึนงงด้วยการอัดกระแทกของพลังวิญญาณ แล้วกด X โจมตีตาม ร่างวิญญาณต้องสาปก็จะโจมตีต่อเนื่องด้วยท่า Flurry Attack กับศัตรูที่กำลังมึนงง ทำให้เป็นท่าประสานที่ทำให้เสียหายกับศัตรูหนักยิ่งขึ้น
เมื่อจัดการ Urnks 3 ตัวแรกไปแล้ว Uruk ตัวที่ 4 ซึ่งเป็นตัวหัวหน้าจะลอบเข้ามาโจมตีข้าหลังแต่ Talion ที่พยายามสู้ก็จะจับที่หัวมันจนซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างของวิญญาณลึกลับที่อยู่ในตัวเขา

                                     เรียนรู้ระบบ interrogate Mode 




หรือ การรีดเอาความลับจากศัตรู ซึ่งต้องอธิบายก่อนว่า ระบบนี้ไม่ใช่ระบบการจับตัวศัตรูมาสร้างกองทัพอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ซึ่งการใช้จะแบ่งเป็น 2 เป้าหมายคือ
1. กรณีที่ใช้ใน Mission ของเนื้อเรื่องหลัก เป้าหมายของ Talion และวิญญาณต้องสาปนั้นคือการตามหา Black Hand เพื่อลบคำสาป การใช้ interrogate Mode กับหัวหน้าของพวก Urnks ที่จับได้ก็คือตามหาตัว Black Hand ตามข้อมูลที่พวกมันแต่ล่ะตัวให้มานั่นเอง 
2. กรณีที่ใช้ทั่วไป การใช้ interrogate Mode กับหัวหน้าของพวก Uruk ที่จับได้ตามสถานที่ต่างๆก็เพื่อค้นหาตำแหน่งและสถานที่ซ่อนตัวและจุดแข็งจุดอ่อนของ หัวหน้า Uruk ตัวต่อไปและต่อไปเพื่อเก็บ ค่าประสบการณ์ Exp ,  ค่า P , Rune และ ฆ่าล้างโคตรพวก Uruk เพื่อล้างแค้นนั่นเอง 




การใช้ interrogate Mode นั้นจะใช้ได้กับออร์กที่เป็นระดับหัวหน้าเท่านั้น ซึ่งต้องจัดการให้ศัตรูพลังใกล้หมดก่อนจึงจะใช้ได้ ซึ่งทำได้ด้วยการกด RB ในการจับศัตรูให้ได้แล้วจะสามารถเลือกที่จะเค้นเอาข้อมูล (Gain Intel) ก่อนฆ่า หรือจะฆ่าทิ้ง (Kill) ไปเลยก็สุดแล้วแต่ เมื่อจับ Uruk มาได้แล้ว มันจะมาอยู่ในเมนู Sauron’s Army ซึ่งสิ่งที่เราจะได้จากพวกมันคือ 
1. ข้อมูล ตัวที่มีข้อมูลจะมีคำว่า Intel บนหัว ซึ่งข้อมูลที่ได้จากมันก็คือ 
- ข้อมูลตำแหน่งสถานที่ของหัวหน้า Urnks ตัวต่อไป
- ข้อมูล จุดแข็ง (Strength)  และ จุดอ่อน (Weakness)  ของ Urnks ตัวต่อไป ซึ่งจุดอ่อนของศัตรูนั้นถือว่าเป็นเงื่อนไขในการเอาชนะที่สำคัญมาก เพราะหัวหน้า Urnks บางตัวถ้าไม่จัดการมันด้วยจุดอ่อนของมันจะแทบทำอะไรมันไม่ได้เลย 
2. รางวัลที่เป็นค่า Point ต่างๆประกอบด้วย 
- ค่า Exp คือ ค่าประสบการณ์ ซึ่งก็คือ Ability Point เพื่อใช้ในการอัพเกรดความสามารถต่างๆของ Talion ซึ่งAbility ความสามารถต่างๆก็แบ่งเป็น Ranger ซึ่งเป็นความสามารถด้านสว่าง และ Wraith ที่เป็นความสามารถด้านมืดให้เลือกใช้ เข้าไปอัพดกรดได้เมนูหัวข้อ Ability & Runes
– ค่า P  ได้มาตามความเก่งกาจของหัวหน้า Uruk ตัวนั้นๆ โดยจะแสดงให้เห็นในสเตตัสของมันเป็นค่า Power เป็นตัวเลขสีแดง เช่นถ้าจัดการจับหรือฆ่า Uruk ที่มีค่า Power 4 ก็จะได้ค่า P 4 Point เมื่อสะสมจนเต็มหลอดก็จะสามารถปลดล็อกความสามารถใหม่ๆของ Talion ให้มีให้เลือกใช้มากขึ้น
3. Rune ทันทีที่ฆ่าพวกหัวหน้า Uruk จนตายไม่ว่าในกรณีใด ก็จะเห็นไอเทมเรืองแสงรูปอาวุธตกอยู่ ซึ่งนั่นคือ Rune ที่ใช้สำหรับอัพเกรดความสามารถให้กับอาวุธต่างๆของ Talion เข้าไปอัพดกรดได้เมนูหัวข้อ Ability & Runes 



ยกตัวอย่าง ในภาระกิจหลักที่กำลังทำอยู่นี้ หลังจากจัดการเค้นความลับจากเจ้าหัวหน้าระดับปลายแถวจนได้ตัวตน (Identity) แรกของข้อมูล (Gain Intel) Uruk เป้าหมายต่อไปมาแล้ว ซึ่งก็คือ  Gimub the Slaver และด้วยความขี้โม้บ้าน้ำลายตามฉายาของมัน ถ้าจับมันมาเค้นข้อมูลได้ก็จะทำให้ Talion ได้รับข่าวสารของสังคม Urnks ได้มากมาย ซึ่งเจ้าหัวหน้าตัวปลายแถวมันอ้างว่า เจ้านี่รู้ข้อมูลของ Black Hand  และจากยศหรือตำแหน่งของมัน Veteran Captain Power ระดับ 3 นั้น ถ้าจับมันมาได้ ระดับของ Power นี้ก็จะเปลี่ยนเป็น Ability Point สำหรับให้ Talion ในการปลดล็อคความสามารถใหม่ๆออกมาได้ และยังจะได้ Rune ที่ใช้ในการอัพเกรดอาวุธแถมมาด้วย และสุดท้ายมันก็จะบอกข้อมูลหรือตำแหน่งสถานที่ของหัวหน้าของพวก Urnks ตัวต่อไปที่ต้องไปไล่ล่าต่อได้อีก เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลที่ได้มาจนกว่าจะหาตัว Black Hand จนเจอตามเนื้อเรื่องนั่นเอง 

และถ้าใช้ข้อมูลของพวกหัวหน้า Uruk ที่จับมาจนคุ้มค่าแล้วก็อย่าให้มันมายืนกินที่ต่อ ให้เลือกคำสั่งฆ่ามันให้ตายจากเมนู Sauron’s Army ซะ เพื่อเหลือพื้นที่ไว้ให้หัวหน้า Urnks ตัวต่อไปที่จะโดนจับมายืนรับกรรมของมันที่ทำไว้ให้ทั่วถึงด้วย 


                                       เรียนรู้เกี่ยวกับระบบ Mission 




- Icons สีทอง คือ main Mission หรือ ภาระกิจหลักของเนื้อเรื่อง 
- Icons สีแดง คือ Power Struggles Mission หรือ ภาระกิจไล่ล่าฆ่า Urnks ตัวเป้าหมายอย่างเดียว ไม่ต้องสนเค้นข้อมูลกันแล้ว เหมาะสำหรับเน้นเก็บ P Power ในการปลดล็อก Ability ใหม่ๆของ Talion รวมทั้งเก็บ Rune สำหรับเพิ่มความสามารถใหม่ๆ ให้อาวุธ 
- Icons สีขาว คือ side Mission หรือภาระกิจย่อยในรูปแบบ Challenge  และจุดเก็บ Collectable ไอเทมสะสมต่างๆ 

*** บทสรุปนี้จะเน้นนำเสนอแต่เพียงเควสหลักและเควสอื่นๆที่สำคัญต่อการเดินเรื่องเท่านั้น *** 

ซึ่งตอนนี้จะมี เควสหลัก เพิ่มขึ้นมาให้ทำ 2 เควสคือ 
- The Slaver 
- The Spirit of Mordor 

ระหว่างเดินทางไปบน World map ที่เป็นพื้นที่แบบโลกกว้างนั้นย่อมจะมี Uruk อยู่ตามทางด้วย จึงต้องเรียนรู้ระบบ Awareness เอาไว้ด้วย ซึ่งก็เหมือนกับทุกเกมที่มีระบบการย่องเงียบ ซึ่งก็คือ ไอค่อนสีเหลืองบนหัวศัตรูคือมันเริ่มสงสัย ส่วนสีแดงก็แสดงว่ามันเห็นแล้วนั่นเอง ซึ่งบางครั้งกลุ่มของศัตรูที่ไม่มีตัวหัวหน้าอยู่การเลี่ยงการต่อสู้ด้วยการย่องลอบผ่านพื้นที่ของพวกมันไปก็ลดความน่ารำคาญไปได้เหมือนกัน ทางที่จะไปยัง Mission เนื้อเรื่องด้านทิศเหนือจะมีค่ายของพวก Uruk ที่มีหัวหน้าที่ชื่อ Bolg Thin Bone อยู่ด้วย ซึ่งสามารถจับมันมาเค้นข้อมูลได้เหมือนกัน อย่าลืมแวะจัดการมันซะด้วย จากนั้นค่อยมุ่งขึ้นเหนือต่อจนถึงจุด Missions หลัก The Slaver ที่ปักหมุดเอาไว้


 


                                           Main Mission : The Slaver
Bonus objective - จัดการพลธนูของศัตรูให้หมดทั้ง 4 ตัวก่อนจัดการเป้าหมายหลัก

- เมื่อเข้ามาถึงจุดหมายจะพบว่าที่นี่เป็นค่ายเชลยของพวก Urnks จากนั้นก็เริ่มเรียนรู้ภาระกิจการไล่ล่าได้เลย



1. ก่อนอื่นต้องค้นหาเป้าหมายด้วยการกด LB ใช้ identity Target เมื่อเข้าไปใน Wraith World จึงทำให้เห็นภาพรางๆของพวกศัตรูรวมทั้งเป้าหมายเป็นตัวสีแดงขึ้นมา (ซึ่งก็เทียบได้กับการใช้ Eagle Eyes ของ Assassin Creeds นั่นเลย) ซึ่งก็คือ Urnks หัวหน้าค่ายเชลย เมื่อกดแกนอนาล็อกขวาตรวจสอบก็จะพบว่ามันคือ Gimub จอมขี้โม้เป้าหมายนั่นเอง
2.จากนั้นแต่ละ Mission จะมี Bonus objective ที่เป็นเงื่อนไขพิเศษเพื่อเพิ่มค่า Exp หลังจบภาระกิจให้ ซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่ในกรณีภาระกิจแรกนั้นเป็นการแนะนำจึงจำเป็นต้องทำ ซึ่ง Bonus ก็คือ จัดการพลธนูของศัตรูให้หมดทั้ง 4 ตัวก่อนจัดการเป้าหมาย
3. พุ่งเป้าไปหาเป้าหมายที่จะล่าแล้วจัดการกับมันจนมันพลังเหลือน้อยที่สุด จากนั้นก็กด RB จับมันมาแล้วกด A เพื่อใช้โหมด interrogate Mode ในการเค้าความลับมันมาได้เลย วิญญาณต้องสาปก็จะใช้พลังเจาะเข้าไปในความคิดของมันเพื่อหาข้อมูลทันที

หลังจากจัดการเจ้า Gimub เรียบร้อยแล้ว Talion จะเข้าไปตรวจสอบพวกเชลยเพื่อตามหาคนที่มีข้อมูลของ Black Hand of Sauron จนได้พบกับ Hirgon อดีตทหารรักษาการณ์ประตู Black Gate ที่เคยร่วมงานกับเขา แต่ละทิ้งหน้าที่และหนีไปแต่งงานกับหญิงสาวชาวเผ่า Outcast ที่กำลังมีเรื่องพิพาทกับทาง Ranger อยู่




Hirgon – นายควรจะตายไปเมื่อ 10 ปีก่อนแล้วนี่นา ..แต่ก็ช่างเถอะถึงตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้วล่ะ เพราะถ้านายไม่ได้มาตามจับข้าก็ไม่เป็นไรแล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม ?
Talion – เจ้ากับข้าเคยเป็นทหารรักษาการณ์ด้วยกันมาก่อนน๊ะ ข้าตามหาพวกเชลยคนนึง ที่ได้ข่าวมาว่าเขาเคยสู้กับ Black Hand of Sauron ข้าอยากรู้ข้อมูลบางอย่างจากเขา
Hirgon – หนีหายไปพร้อมกับข้อมูลนั่นแล้วล่ะมั้ง
Talion – นายรู้เรื่องอะไรมากกว่านั้นหรือหรอ ?
Hirgon – ก็อาจจะ 
Talion – นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาปิดบังความลับอะไรกันน๊ะ !
Hirgon – ข้าถูกจับจาก outcast camp มาที่นี่ร่วมอาทิตย์ แล้วจะมาพูดถึงเกรียติยศบ้าบออะไรอีกหรอ ตอนนี้ข้าไม่ใช่ทหารกองเกรียติยศอะไรของเจ้าอีกแล้ว ข้าเป็นแค่ outcast พวกนอกคอกแห่ง Udun ที่เต็มไปด้วยความแค้นเท่านั้น
วิญญาณต้องสาป – ในสถานการณ์แบบนี้ เจ้ายังคิดว่ายังมีคนกล้าพอจะพูดอะไรอีกรึไง จะทำอะไรก็ระวังด้วย

ก่อนออกจากค่าย Talion สังเกตเห็นเงาตระคลุมๆแอบมองเขาจากบนเนินเขา อสูรกายร่างเล็กตาโปนนั้นเล็กน้อยเกินที่เขาจะใส่ใจตั้งคำถามว่า มันตามเขามาทำไม ? จะห่วงไปใยมันก็แค่ ออร์ก อีกตัว

หลังจบภาระกิจ Talion จะกลับมาที่ Forge Tower ในเขต Udun Foothill ตอนนี้จะมี Mission หลักเพิ่มขึ้นมา 1 จุดทางเหนือของค่ายเชลยคือ Mission - An interested party 



                 

                                  Main Mission: An interested party
              Bonus objective – ระหว่างให้ช่วยทาสที่ถูกจับให้หมด 4 จุด

- อสูรกายร่างเล็กตาโปนที่แอบตาม Talion มาตลอดกลับเป็นเรื่องที่วิญญาณต้องสาปสนใจ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างในตัวมัน จึงบอกให้ Talion ลองตามหาตัวมันโดยการตามร่องรอยที่มันทิ้งไว้ไป ซึ่งต้องกด LB เข้าสู่มิติ Wraith World จึงจะเห็นเส้นทางร่องรอยเป็นแถบสีน้ำเงินขึ้นอยู่ที่พื้น โดยระหว่างทางก็จะมีทั้งนักโทษที่เป็น Bonus objective ที่ต้องช่วยและบรรดาหัวหน้า Uruk ระดับปลายแถวให้ล่าด้วย (ซึ่งมันจะบอกถึงเป้าหมายหัวหน้า ตัวใหม่มาคือ Rug Rage – Mind มาด้วย) ตามรอยไปตามทางจนถึงทางเข้าถ้ำ Caragor ก็จะเห็นเจ้าอสุรกายตาโปนกำลังหนีเข้าถ้ำไป

      





- ตามรอยเข้าไปในถ้ำจนพบเครื่องชิ้นนึงตกอยู่เมื่อ Talion หยิบมันขึ้นมาก็ทำให้เขารับรู้เรื่องราวในอดีตของใครคนนึงผุดขึ้นมาในหัวสมอง ภาพของโศกนาฎกรรมของ 2 แม่ลูกที่ถูกฆ่าด้วยคมค้อนอย่างอมหิต ทำเอา Talion ถึงกับทรุดเพราะความเศร้าที่ประดังเข้ามา ซึ่งมันแทบไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดกับลูกเมียเขาเลยซักนิด




Talion – มันเป็นเวทย์มนต์อะไรกันเนี้ย ?
วิญญาณต้องสาป -  “ A Lost heirloom “ Talion
Talion – พระเจ้า…นี่มัน ความทรงจำของเจ้า 
วิญญาณต้องสาป – เศษของความทรงจำ ใช่ แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว
Talion – ครอบครัวของเจ้าก็เคย…
วิญญาณต้องสาป – บางที ความเจ็บปวดนั่นมันอาจเป็นตัวขับเคลื่อนให้เราเชื่อมต่อกันก็ได้
Talion – แอบดูอยู่นานแล้ว แกต้องการอะไรกันแน่เจ้าตัวประหลาด !! 

- Talion สังเกตเห็นเจ้าตัวประหลาดตาโปนที่แอบฟังอยู่ จึงรีบจะเข้าไปหาคำตอบกับมันแต่มันก็รีบหนีไปซะก่อน จากนั้นหมา Caragor เจ้าของถ้ำก็จะออกมาทวงพื้นที่ของมัน เตรียมง้างธนูแล้วยิงแสกหน้ามันได้เลย ทีเดียวจอด จากนั้นตามเจ้าตัวประหลาดออกไปนอกถ้ำ จะพบพวก Uruk มากมายบุกเข้ามา จัดการพวกมันให้หมดแล้ว ตามเจ้าตัวประหลาดไปตามจุดเหลืองต่อจนสุดท้ายก็พบตัวมันแอบอยู่ในถ้ำด้านใน




Talion – นี่แกคิดว่าจะแอบซ่อนกันแบบนี้ง่ายๆเลยหรอ !!
ตัวประหลาด – อย่าๆๆ อย่าทำพวกเราน๊ะ   กอลลั่ม ..
วิญญาณต้องสาป – ถามมันเรื่องสร้อยคอนั่นซิ ว่ามันรู้อะไรบ้าง
ตัวประหลาด – ฉลาดมาก นายท่าน ..พวกเรารู้ว่า ท่านจะมาหา จะในฝันของพวกเรา กอลลั่ม ..
วิญญาณต้องสาป – เจ้าเห็นข้าหรอ ?
ตัวประหลาด – ของรักของข้า โชว์ให้พวกเราเห็น สมบัติที่ล้ำค่าของนายท่าน กอลลั่ม  
วิญญาณต้องสาป – เลิกเล่นเกมทายปัญหากันได้แล้ว เจ้า กอลลั่ม !!
กอลลั่ม – ไม่ๆๆ ข้าสาบาน นายท่าน พวกเราจะรับใช้ท่าน ..เราจะจับมันคาสมบัติของท่านเลย กอลลั่ม กอลลั่ม 
Talion – อย่าบอกน๊ะว่าท่านจะเชื่อมันน่ะ 
วิญญาณต้องสาป – แต่เราต้องการมัน แล้วเจ้าไม่อยากรู้หรอว่าข้าเป็นใคร ?


เป้าหมายต่อไปคือ จุด Mission หลักทางด้านซ้ายล่างของแผนที่ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือ the Spirit of Mordor


   


                              Main Mission - The Spirit of Mordor
               Bonus objective – อย่าให้ Ratbag พลังชีวิตลดต่ำกว่า 50 %






- เดินทางมาที่ป้อมฝั่งซ้ายล่างของแผนที่ ลอบหรือลุยเข้ามาที่จุดรับภาระกิจ Talion จะเข้ามาถึงจุดที่พวก Uruk ที่ถูกลงโทษหลังจากปล่อยให้ค่ายเชลยถูกยึดไปได้ ถูกมัดเอาไว้ ศัตรูของศัตรูคือมิตรข้า Talion จึงจะใช้แผนต่อรองกึ่งขู่เข็นที่จะหาข้อมูลของ Black Hand กับ Ratbag The Crowed ที่ยังรอดชีวิต จนสุดท้ายมันก็ยอมให้ Talion ดูดความลับในสมองมันแต่โดยดี ทำให้ Talion ได้ข้อมูลของหัวหน้า Uruk ที่อยู่ที่นี่มา Goroth Caragor Tamer หรือเจ้า Goroth นักฝึก Caragor



เมื่อตรวจดูข้อมูล จุดแข็ง จุดอ่อนของมันแล้วใครจะเชื่อว่าเจ้า Goroth นักฝึกสัตว์มันกลับมีจุดอ่อนที่การกลัวหมาป่า Caragor วิ่งไล่ตะปบซะอย่างงั้น แต่มีจุดแข็งคือ ต้านทานธนูและใช้อาวุธด้วยความรุนแรง รวมทั้งมีลูกน้องคุ้มกันด้วย แต่ก็ให้ค่า Power ถึง 5 Point ทีเดียว

– จากนั้น Talion จะตัดเชือกให้ Ratbag แล้วมันจะพานำทางเข้าไปในป้อมให้ เมื่อมันพาเข้าไปจนถึงป้อมด้านในพวก Urnks ก็จะเริ่มเห็นและโจมตีทันที ซึ่ง Talion ต้องคอยคุ้มกันให้มัน ซึ่งถ้า Ratbag มันรอดแล้วพลังเหลือมากกว่า 50 % ก็จะได้ Bonus ด้วย
- เมื่อจัดการศัตรูหมดแล้ว ตาม Ratbag เข้ามาจนถึงหน้าป้อมชั้นใน จากนี้ไปต้องลอบเข้าไปหาตัวเจ้า Goroth ที่อยู่ด้านในเอาเองโดยมีเงื่อนไขว่าขณะที่ลอบเข้าไปห้ามให้มีพวกศัตรูเจอตัวด้วย จากนั้นก็ลอบเข้าไปจนถึงจุดสีเหลืองบนชั้นบนของตึกป้อมด้านใน Talion จะแอบฟังยาม 2 ตัวคุยกันว่า Goroth หัวหน้าของมันอยู่ในแค้มป์ล่าสัตว์ด้านใน แถมพูดติดตลกว่า นักล่าประสาอะไรที่กลัวสัตว์ที่ตัวเองล่ามา
- ลอบเข้าไปด้านในต่อจนถึงแค้มป์ล่าสัตว์ ซึ่งจะเต็มไปด้วยกรงของหมาป่า Caragor ที่ถูกจับมาซึ่งจะแสดงเป็นรูปกงเล็บสีแดงในแผนที่ ส่วน Goroth เป้าหมายจะอยู่ในพื้นที่วงกลมเขียวด้านใน ลอบเข้าไปทางขวาจนถึงตึกด้านใน กด LB หามันจนเจอแล้วกดแกนอนาล็อกขวากำหนดเป้าหมายที่ Goroth Caragor Tamer ที่ยืนอยู่ในตึกได้เลย (เห็นจุดแข็งกับจุดอ่อนมันแล้วจะหนาว )
- ส่วนยุทธวิธีที่จะจัดการ Goroth ก็บอกแล้วว่าจุดอ่อนของนักล่า Caragor คือกลัวหมาป่า Caragor มองหากรงหมาป่า Caragor ที่อยู่รอบๆตึกตรงไหนก็ได้โจมตีประตูกรงเพื่อปล่อยมันออกมาแล้วกด RB เพื่อทำการโดดเข้าไปบังคับมันได้เลย



เรียนรู้ระบบ Dominate Caragor ด้วยการกด RB เข้าไปจับ Caragor แล้วกดปุ่มตามที่ขึ้นมาจนครบก็จะควบคุมมันได้แล้ว 
กด X โจมตีด้วยดาบขณะขี่ Caragor
กด Y บังคับให้ Caragor โจมตีด้วยการกัด และสามารถเพิ่มพลังชีวิตของ Caragor ได้ด้วย
กด LT ยิงธนูบนหลัง Caragor
กด RT ค้าง + X กระโดดโจมตีจากด้านบน 

- จากนั้นก็ขี่ Caragor ลุยเข้าไปหา Goroth ที่เป็นเป้าหมายได้เลย เจ้า Goroth เจอ Talion ขี่ Caragor ไล่ตะปบก็แพ้ทางขนาดเกินอาการมึนงงทุกช็อตกันเลย ซึ่งก็แน่นอนว่าจัดการมันได้ไม่ยาก หลังจากจัดการ Goroth Caragor Tamer ได้แล้วจะสามารถนำมันมาประลองกับเจ้า Ratbag The Crowed คู่กรณีได้ ซึ่งหลังจาก Ratbag ชนะค่าพลัง Power มันก็จะอัพสูงขึ้นไปอีก ซึ่งก็จะส่งผลให้ Ratbag ของเราได้ครองป้อมนี้แทน Goroth เป็นรางวัลสำหรับ Uruk ถ้ำที่ต่ำต้อยอย่างมันได้อย่างดี แต่ใครจะรู้ไม่แน่ เจ้า Ratbag Uruk เด็กปั้นนึ่งเดียวของ Talion อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้เขาเข้าใกล้ Black Hand ได้เร็วขึ้นอีกก็ได้

จากนั้นตอนนี้จะมี Mission หลักเพิ่มขึ้นมาอีก 3 Mission คือ ทางทิศตะวันออก 1 จุด และทางทิศใต้อีก 2 จุด แต่เพื่อความต่อเนื่องของเรื่องราวจึงขอไปลุยที่ Mission - Climbing the Ranks ในเขต Udun Crossing ทางทิศใต้ฝั่งซ้ายก่อนเลย 



                     


                                          Main Mission - Climbing the Ranks 
                 Bonus objective – ลอบสังหารพลธนู 4 ตัวโดยห้ามให้พวกมันรู้ตัว 









- เดินทางมาที่เขต Udun Crossing ทางทิศใต้ฝั่งซ้ายของแผนที่เพื่อเริ่มภาระกิจในการช่วย Ratbag ที่โดนพวก Uruk จับตัวมาเป็นเชลยได้อีกครั้ง ซึ่ง Talion ต้องหาทางช่วยมันก่อนที่มันจะโดนประหาร โดยจะมีเวลาแค่ 4 นาทีในการเข้าขัดขวาง โดยเริ่มจากจัดการซุ่มยิงพลธนูด้านบน 4 ตัวก่อนเพื่อเก็บโบนัส จากนั้นก็ใช้เวลา 4 นาทีให้มีค่าในการจัดการพวกศัตรูในลานประหารให้หมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหัวหน้า Uruk ที่ชื่อ Brogg the Twin อยู่ด้วย




ซึ่งมันจะมีจุดอ่อนตรงที่แพ้พลังวิญญาณถ้าใช้ท่า  Wraith Stun ด้วยการกด B แล้วให้วิญญาณต้องสาปโจมตีต่อเนื่องด้วยท่า Flurry Attack ก็จะทำให้มันพลังลดเยอะมากขึ้น เมื่อพลังชีวิตมันลดลงมาจนถึงครึ่งนึงจนไอค่อนรูปหัวกระโหลกของมันเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วจะสามารถกด RB ในการจับมันมาเค้นข้อมูลได้



และข้อมูลที่ได้มาจากหัวของ Brogg นั้นก็คือ ข้อมูลของ Mogg the other twin ที่เป็นแฝดอีกตัวของมัน ซึ่ง Mogg นั้นเป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่ประกอบด้วย Uruk ที่มีทักษะสูง 5 ตัวที่เรียกว่า  Warchief ซึ่งถ้าตรวจสอบจุดอ่อนของมันก็จะเห็นว่ามันแพ้อยู่ 2 อย่าง ก็คือ Shadow Strike และ Combat Finisher  




หลังจบเหตุการณ์ Talion จะเข้ามาปล่อยตัว Ratbag แต่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะยอมทำแบบนั้นเพื่อมัน Talion จึงบอกปัดข้อตกลงที่เคยตกลงไว้กับมันทันที แต่ดูเหมือนเจ้า Ratbag จะมีแผนที่น่าสนใจมานำเสนอ เพราะจากเหตุการณ์ที่มันสามารถจัดการ Goroth หัวหน้าแค้มป์ล่าสัตว์ลงได้ทำให้ชื่อเสียงของมันโด่งดังจนไปเข้าหู 1 ใน Warchief จนถูกติดต่อไปเป็นบอดี้การ์ด ซึ่งมันจะจัดการ Warchief ตัวนั้นให้ส่วนอีก 4 ตัวยกให้ Talion เมื่อเสร็จงานก็ไปเจอกับที่แค้มป์ล่าสัตว์ ฟังเหมือนจะขี้โม้แต่ดูเหมือน Talion จะสนใจที่จะลองเสี่ยงกับเจ้า Ratbag อีกซักตั้ง 

จากนั้นจะมี Mission หลักเพิ่มขึ้นมาใหม่อีก 1 ก็คือ The Warchief ซึ่งอยู่ทางใต้ของเขต Udun Crossing ซึ่งไม่ไกลมากนัก แวะไปทำก่อนเลยเพื่อความต่อเนื่องของเรื่องราว …


                     


                                                    Main Mission - The Warchief 

                                       Bonus objective – จัดการครูฝึกจากบนหอคอย 

 ที่จุดรับเควสที่เนินเขาทางใต้ Carach Angren ซึ่งเป็นค่ายฝึกของพวก Uruk แต่อนิจาภาพที่ Talion คือเจ้า Ratbag คนเก่งที่เพิ่งคุยโตว่าจะช่วยจัดการกับ Warchief  แต่ตัวเองกลับถูกจับโดนจับแขวนเตรียมโดนประหารอีกแล้ว หลังจากที่ Talion ต้องยอมจำใจเข้าไปช่วยมันอีกครั้ง ก่อนที่มันจะแก้ตัวต่างๆนานาถึงแผนที่ผิดพลาดจนไม่สามารถฆ่า Warchief ตามที่โม้ไว้ได้ สุดท้าย Talion ก็ต้องลงมือไปไล่ล่า Warchief ด้วยตัวเองตามเคย โดยมีเจ้า Ratbag แอบตามหลังมาเก็บความดีความชอบตามเคยอีกเช่นกัน

- จากนั้นกด LB เพื่อมองผ่านมิติวิญญาณเพื่อตามหาตำแหน่งของพวก Warchief ในพื้นที่วงกลมเขียว ซึ่งก็จะเห็นเป้าหมายเป็นตัวสีเหลืองอย่างชัดเจน ปีนขึ้นไปบนลานฝึกด้านบน เป้าหมายสีเหลืองคือ บรรดาครูฝึก Berserk ที่อยู่บนลานฝึก ซึ่งพวกนี้จะถึกสมชื่อของมันคือต้องกด B ใช้ Wraith Stun เบิกทางให้มันมึนไปก่อนแล้วค่อยโจมตีตามไปจึงจะระคายผิวมัน แต่ถ้าจะเก็บโบนัสก็ต้องลอบปีนขึ้นไปบนลานอีกหน่อยค่อยโดดลงมาจัดการมัน ส่วนเป้าหมาย Mogg the other twin นั้นอยู่ส่วนบนของหอคอยฝึกซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก ถ้าวางแผนจัดการพวก Berserk แบบโฉ่งฉ่าง เจ้า Mogg ก็จะโดดลงมาเปิดตัวร่วมวงด้วยทันที

                             

ส่วนจุดอ่อนของ Mogg ก็เหมือนกับ Brogg คู่แฝดมันคือแพ้ท่า Wraith Stun เมื่อกด B อัดด้วยพลังวิญญาณใส่ไปมันจะมึนงงนานกว่าปกติ งานนี้ไม่มีเจรจา เข้าไปฆ่ามันก็พอ หลังจากฆ่า Mogg ได้แล้ว Ratbag ก็จะเข้าสวมรอยผลงานพร้อมอ้างว่าเป็นผลงานร่วมทันที แล้วที่สำคัญหลังจากจับมันประลองกับ Mogg จนชนะมันก็จะได้เลื่อนคลาสเป็น 1 ใน 5 ขุนศึก Warchief ซะด้วย ไม่ธรรมดาแล้วที่นี้เจ้า Ratbag





......................................................................................................................................................





                                     หลักในการตามหา Warchief ที่เหลือ 

จากนั้นเข้าไปเช็คดูใน Sauron’s Army ก็จะเหลือ ขุนศึก Warchief อีก 4 ตัวที่ต้องไปจัดการ แต่ Talion จะยังไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใครหรือซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ซึ่งก็ต้องตามเค้นหาข่าวจากบรรดา Uruk Captain กันต่อไป จากนี้ไปขึ้นอยู่กับขยันและชั้นเชิงครับ เพราะทุกอย่างจะเปิดเผยออกมาก็จาก ข้อมูล (Intel) ที่หามาได้เท่านั้น ซึ่ง ข้อมูล ที่ว่าสามารถหาได้จาก บรรดาบอดี้การ์ดของ Warchief, พวก Uruk ระดับหัวหน้าปลายแถว ที่มีไอค่อน Intel รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่เขียวบนหัว






 หรือ ข้อมูลมันอาจจะกองรวมกับศพ Uruk ที่ตายตามทาง ซึ่งก็จะมี intel ไอค่อนรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่เขียวบนหัวให้เห็นบนพื้น และไอค่อน intel รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่เขียวทั้งหมดจะโชว์ให้เห็นในแผนที่อยู่แล้ว แต่ข้อมูลในหัวบรรดาหัวหน้า Uruk นั้นยากที่จะระบุเพราะพวกมันไม่ค่อยอยู่กับทีแน่นอนเสียด้วย การจะได้มาจึงมีหลายทาง แถมเราไม่มีวันรู้แน่นอนได้เลยว่า ข้อมูลที่เก็บได้มาคืออะไรจนกว่าจะได้มาก่อนเท่านั้น ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละครับ และเมื่อได้ข้อมูลตัวตนและที่อยู่ของ Warchief ที่แน่นอนมาแล้ว ก็จะปรากฎขึ้นมาเป็นไอค่อนสีทองรูปกระโหลกมีมงกุฎซึ่งเป็นไอค่อนของ Main Mission The Warchief ที่ต่อเนื่องอยู่นั่นเอง 

Warchief ตัวที่ 1 Muzglob the Wanderer [Mission Bloodbath] - จุดอ่อนของมันคือ แพ้ระเบิด




Warchief ตัวที่ 2 คือ Ratbag The Crowed ใส้ศึกของ Talion ปล่อยมันเอาไว้เฉยๆ

Warchief ตัวที่ 3 Lom Broken Shield [Mission Unfinished Business] - ข้อมูลที่อยู่ของมันจะตกอยู่ที่
เขต Black Gate ทางเหนือของแผนที่ จุดอ่อนคือ แพ้การลอบฆ่าและการขี่สัตว์เข้าสู้ (ก่อนสู้หา Caragor มาขี่ไล่ตะบบมันไม่กี่ทีก็ตายแล้ว)




Warchief ตัวที่ 4 Tarz the Beheader - จุดอ่อนคือ แพ้การลอบฆ่า และท่า Combat Finisher 



                                   



Warchief ตัวที่ 5 Horza Ranger – Killer [Mission Piercing Light]  – จุดอ่อนของมันคือ กลัวไฟ 


                                          

จากนั้นกลับไปทำ Mission หลักที่ค้างอยู่อีก 2 ก่อน เริ่มจาก Main Mission Shattered Memories   ในเขต Southern Black Road ทางทิศใต้ฝั่งขวา ซึ่งเป็นภาระกิจที่จะเปิดเผยตัวจริงของวิญญาณต้องสาปที่ควรจะรู้กันก่อน


       

                                             Main Mission Shattered Memories

Bonus objective – จัดการพลธนูที่หน้าป้อมด้วยการยิงหัวแบบทีเดียวตาย (Head Shot) 2 ตัว

เพราะความอยากรู้ตัวเดียวที่ทำให้วิญญาณต้องสาปตนนี้ต้องยอมเชื่อคำของเข้าอสูรกายอย่าง กอลลั่ม เพื่อให้มันพามาตามหาสมบัติของครอบครัวเขาที่มันอ้างว่าเห็นในความฝัน
 - ตามกอลลั่นเข้าไปในค่ายของ Uruk จนถึงหน้าป้อมก็จะเริ่มพบพลธนูของพวก Uruk เฝ้าอยู่ จัดการมันให้หมด และถ้าจะเก็บโบนัสก็ต้องยิงหัวพวกมันแบบทีเดียวตาย (Head Shot) ด้วย ตามกอลลั่มมาถึงด้านในแล้วกด LB ตามรอยแสงสีฟ้าเข้าไปตามทางจนถึงจุดที่ฝังสมบัติ Talion รีบขุดมันขึ้นมาก็จะพบกับมงคลใส่หัวชิ้นนึงแล้วมันก็ทำให้เขาเห็นภาพความทรงจำขึ้นมาอีกครั้ง












ภาพของนายช่างชาวเอลฟ์ผู้สูงทรงและลูกเมียก่อนเกิดโศกนาฎกรรม กับ ชายหนุ่มรูปงามแปลกหน้าที่เข้ามานำเสนอ ค้อนตีเหล็กสุดพิเศษ ของขวัญที่สวยงามล้ำค่า ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตช่างเอลฟ์และโลกใบนี้ไปตลอดกาล 
ภาพนิมิตรครานี้ทำเอา Talion ถึงกับล้มลงหมดสติ จนกอลลั่มและวิญญาณต้องสาปต้องเข้ามาช่วย




Talion – ข..ของ ของขวัญ ..
กอลลั่ม – ของขวัญอะไรนายท่าน ใช่ของรักของข้าหรือเปล่า ?
Talion –เอาล่ะพอกันที ! นี่เราไล่ตามความฝันที่เจ็บปวดนี้ไปทำไม มันไม่เห็นมีคำตอบอะไรเลย มีแต่คำถามที่มากขึ้นตลอด ! 
วิญญาณต้องสาป – มันไม่ใช่แค่ฝัน Talion ..แต่ละภาพนิมิตรที่เจอมันจะทำให้พลังของข้ากล้าแกร่งขึ้น 
กอลลั่ม –  Ranger รีบไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ อันตรายกำลังเข้ามา  

- Ghuls จำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินแล้วเข้าจู่โจมใส่ Talion ทันที พร้อมกับปลดล็อกท่าโจมตีใหม่ Wraith Flash กด X + A เป็นท่าดาบโจมตีวงกว้างที่เหมาะกับศัตรูจำนวนมากพอดี และรอบๆก็ยังมีถังดินระเบิดให้สามารถยิงธนูใส่จนระเบิดช่วยอีกแรงด้วย จัดการให้หมดก็จะจบ Mission


                              


                                                Main Mission - The One True

                                                     Bonus objective – ไม่มี 

เข้ามาที่เขต Barrow of Udun ฝั่งซ้ายบนของแผนที่เพื่อหา สมบัติ ชิ้นต่อไปตามที่ กอลลั่ม จะนำทางไปต่อ แตทันทีที่เข้ามาแล้วไม่เห็นเงาเจ้ากอลลั่ม Talion ก็เริ่มค่อนแคะกับวิญญาณต้องสาปทันทีว่าไม่ควรไปไว้ใจเจ้าอสูรกาย 18 มงกฎตัวนี้ แต่ดูเหมือนวิญญาณต้องสาปจะมีข้อแก้ต่างให้กอลลั่มเพราะเขาเห็นร่องรอยเท้าของมันเข้าไปด้านในก่อนแล้ว
- กด LB ตามร่องรอยรอยเท้าของกอลลั่มไปตามทางขนถึงหน้าถ้ำด้านใน Talion ถึงกับชะงักแล้วขอเปลี่ยนเส้นทางเพราะเจอเจ้า Graug สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่เป็นเจ้าของถ้ำออกมาแสดงพลังของมัน Talion ถึงกับเอ่ยปากว่าถ้าไม่ได้ทหารกองหนุนอีก 20 คนเขาคงไม่เข้าไปแน่ๆ เขาจึงคิดแผนที่จะใช้แผนล่อมันแทน จากนั้นหันหลังไปเล็งยิงเหยื่อของ Graug ให้ตกลงมาแล้วรอมันวิ่งไปกินเหยื่อก็ให้รีบเข้าถ้ำไปได้เลย สำรวจหาไอเทมให้ทั่วๆแล้วตามจุดเหลืองเข้าไปด้านในจนถึงเนินด้านบนหลังถ้ำแล้วกด LB ตามรอยกอลลั่มไปต่อจนถึงบนเนินเขาถึงจะไม่เห็นเงาเจ้ากอลลั่มแต่ก็จะพบจุดซ่อนสมบัติที่กอลลั่มทิ้งเบาะแสเอาไว้







สิ่งที่ Talion ขุดพบคือคีมของช่างตีเหล็ก  และมันก็ทำให้เขาเห็นภาพนิมิตรอีกครั้ง ภาพของนายช่างเอลฟ์กับหนุ่มผมทองรูปงามที่ร่วมกันหลอมแหวนขึ้นมา แหวนแห่งอำนาจทั้ง 7 วง สวยงามหมดจนและทรงพลังจน ชายหนุ่มรูปงามต้องเอ่ยปากออกมา “มีแต่ท่านเท่านั้นที่ทำผลงานศิลปะที่งดงามและสมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้ Celebrimbor”




 Talion- Celebrimbor หรอ ? ช่างตีเหล็กที่เก่งที่สุดของตำนานแห่งยุคที่ 2 
Celebrimbor – ใช่ ข้าเอง แล้วก็ใช่ตามตำนานของ Middle – Earth อีก ที่ข้าดันเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมสร้าง แหวนแห่งอำนาจ ขึ้นมาจนทุกอย่างมันวุ่นวาย 

แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่คุยกันจบ เจ้า Graug เจ้าของถ้ำก็กลับมายืนตรงหน้าพอดี ไม่มีทางอื่นนอกจากรีบหนีออกจากถ้ำทันที พร้อมกับ Ability ใหม่ที่ปลดล็อกออกมา Shadow Strike (LT + A) ซึ่งเป็นท่าที่สามารถใช้ได้ทั้งการพุ่งโจมตีจากระยะไกลและการพุ่งหนีจากการต่อสู้ จากนั้นก็ใช้ Shadow Strike ในการหนีออกจากถ้ำภายใน 1 นาที



Celebrimbor – ข้าจึงเป็น 1 ในความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะอย่างนั้นแหละที่ทำไมเจ้า Sauron มันถึงต้องการข้านัก 
กอลลั่ม – ไม่ๆๆ นายท่านผู้ปราดเปรื่อง ดีเสียอีกที่เขาต้องการพวกเรา 
Talion- หุบปากไปเลยไอ้ตัวประหลาด !
กอลลั่ม – เจ้านั่นแหละ ไอ้ Ranger สกปรก ท่านผู้นั้นรู้ในสิ่งที่แม้แต่นายท่านผู้ปราดเปรื่องก็ไม่รู้ด้วย
Talion- นึกว่าข้าไม่รู้ประวัติของมันหรือไง ไม่ว่า Sauron มันจะใช้วิธีอะไรมาหลอกลวงท่านให้หลอมแหวนขึ้นมา 
สุดท้ายท่านก็ต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างที่เห็น  
กอลลั่ม – อ่อ แล้วของรักของข้า ท่านเป็นคนสร้างมันด้วยใช่มั๊ย แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ ?
Celebrimbor – เสียใจด้วยน๊ะ ข้าไม่เคยมีความทรงจำใดๆกับอะไรเช่นนั่นหรอก  
Talion- แล้วมันสำคัญอะไรนักหนา ? 
กอลลั่ม – นายท่านต้องจำได้สิ ใช่ๆ นายท่านต้องจำได้แน่  เราขุดไอ้สมบัตินั่นมาจนเพียบแล้วน๊ะ ใช่ๆๆ ข้าต้องหาของข้าต่อเอง กอลลั่ม กอลลั่ม 

…………………………………………………………………………………………………

                           



                             Notice จากผู้เขียน - Celebrimbor เป็นใคร ?

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เรื่องราวของ The Lord of the Ring นั้นแบ่งออกเป็น 3 ยุค ซึ่งเกมและหนังที่เราดูกันมันคือ ยุคที่ 3 ซึ่งการจะเกริ่นถึง เคเลบริมบอร์ (Celebrimbor) นั้นก็ต้องเล่าย้อนไปถึง ยุคที่สอง ในความเป็นมาของแหวนครองพิภพกันเลย ในช่วงที่ เซารอน เพิ่งกลับมาสร้างอณาจักรของตัวเองอยู่ที่มอร์ดอร์ มันได้ปลอมตัวเป็น อันนาทาร์ และแฝงตัวเข้าไปยังอาณาจักรเอเรกิออนของพวกเอลฟ์ช่างและด้วยทักษะฝีมือทางการช่างอันเป็นเลิศของ อันนาทาร์  พวกเอลฟ์จึงต้อนรับอันนาทาร์เป็นอันดีจนได้ช่วยร่วมสร้าง แหวนแห่งอำนาจขึ้นมา 16 วง ซึ่ง เคเลบริมบอร์ (Celebrimbor) ก็คือ 1 ในทีมช่างฝีมือระดับ Top Class ของพวกเอลฟ์นั่นเอง 


                                

แถมเขายังแอบสร้าง แหวนแห่งเอลฟ์ ขึ้น 3 วง โดยเซารอนไม่รู้อีกต่างหาก ในขณะที่ทางเซารอนเองก็แอบสร้าง แหวนเอกธำมรงค์ ขึ้นมาหวังครอบครองอำนาจของแหวนทุกวงที่สร้างมา แต่หารู้ไม่ว่ายังไม่อีก 3 วงที่ Celebrimbor สร้างขึ้นนั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเซารอน และเมื่อเซารอนมันสร้างแหวนเอกธำมรงค์ ขึ้นมาจนสำเร็จ ผู้ครอบครองแหวนแห่งเอลฟ์ก็รู้สึกได้ทันที ตัวตนที่แท้จริงของ อันนาทาร์ คือเจ้ามารร้าย เซารอน ทำให้เกิดเป็นสงครามระหว่างเอลฟ์กับจอมมารเซารอนขึ้นก่อนที่ มนุษย์จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเข้าสู่สงครามในปลายยุคที่ 2 ของเรื่องราว The Lord of the Ring นั่นเอง

………………………………………………………………………………………………………


   


                                                      Main Mission - The Outcast 

            Bonus objective – ระหว่างเข้าไปใน Uruk’s Hollow ต้องลอบฆ่า Uruk ให้ครบ 5 ตัว

Talion ยอมเข้ามาถึงถ้ำทางเหนือของ Barrow of Udun ก็เพื่อเข้ามายังที่ซ่อนตัวของพวก Outcast เพื่อหาพันธ์มิตรเพิ่มเติม ถึงแม้ว่า Ranger กับ Outcast จะไม่ค่อยจะกินเส้นกันมาก่อน แต่หนึ่งในพวกนั้นยังมี Hirgon อดีตเพื่อนทหารของเขาที่มาอยู่กับพวกชนเผ่าที่เขายังพอที่จะโน้มน้าวใจได้ พอมาถึงหน้าถ้ำก็พบกับหัว Uruk เสียบประจานเอาไว้พร้อมกับการต้อนรับของ Hirgon ที่แอบเฝ้าดูการมาของ Talion อยู่แล้ว 




Hirgon – ไง พาตัวเองกลับบ้านรึไง Talion พวกเราได้รับของขวัญล้ำค่าจากเจ้านั่น ก่อนที่มันจะทิ้งหัวเอาไว้ 
Talion- เจ้านี่มันตัวกระจอก จะไปเสียเวลากับมันทำไม ?
Hirgon – เสียเวลาหรอ ? พวกข้าเสียเวลากันนานมากกว่าจะหาที่เหมาะซ่องสุมอาวุธสุดยอดเอาไว้ใกล้ถ้ำของพวกมันได้  ผงดินระเบิดไง 
Talion- ดินระเบิด มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ ?
Hirgon – มันคือส่วนนึงของแผน เพื่อนรัก 
Talion- ยังไงก็เถอะ เป้าหมายของเราทั้งคู่ก็คือ Black Hand ไม่ใช่หรอ ?
Hirgon – ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับไอ้เจ้า Black Hand เลยสิน๊ะ มันแผ่อำนาจไปทั่ว ข้าหมายถึง ข้าสามารถจับเจ้าไปส่งให้มันได้สบายๆเลยน๊ะ  ถ้าโชคดี เจ้าพวก Uruk หน้าโง่มันยังไม่รู้ถึงความลับของดินระเบิดของพวกเรา และถ้าเป็นไปตามแผนเจ้า Black Hand ของเจ้ามันก็จะโผล่ออกมาเอง
Talion- เจ้ามั่นใจหรอว่า ดินระเบิดอะไรเนี้ยมันจะล่อให้ Black Hand มันโผล่ออกมาได้
Hirgon – ภาวนาให้มันเป็นอย่างนั้น แต่ก่อนอื่นข้าต้องช่วยคนของข้าก่อน ข้าได้ข่าวว่าตอนนี้ที่ถ้ำของพวก Uruk มีคนของข้าถูกจับขังเอาไว้มากมาย และก็ได้แต่ภาวนาว่า.. Eryn ของข้าจะถูกจับอยู่ที่นั่นด้วย พูดก็พูกเถอะ ที่ Black Gate แต่ละวันข้าเหมือนกับคนป่วย ก็ได้เธอนี่แหละมาเยียวยาจิตใจให้
Talion- นางใช่มั๊ยที่เป็นเหตุผลที่เจ้ายอมหนีทหาร มาร่วมกับพวกชนเผ่า
Hirgon – ใช่สิ !  นางเป็นดวงใจข้าเลย ..ในถ้ำของ Uruk มีเชลยอยู่เพียบ ข้าหวังไว้เต็มที่ว่าจะต้องช่วยเธอออกมาให้ได้  
Talion- เจ้ามั่นใจได้ยังไงว่านางจะถูกจับรวมอยู่ในนั้น
Hirgon – หัวใจข้ามันบอกเช่นนั้น  
Talion- ข้าก็อยากให้เจ้าสมหวัง Hirgon ! แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนกัน 
Hirgon – วางยา Uruk ! ตามข้ามา !

- ตาม Hirgon เข้าไปถึงป่าหน้าค่ายของพวก Uruk จากนั้นลอบเข้าไปเก็บสมุนไพรพิษ 3 จุด โดยต้องกด LB มองหาพุ่มไม้สีเขียวแล้วเข้าไปเก็บมาให้ครบ 3 อันแล้วลอบตาม Hirgon ผ่านค่ายของพวก Uruk จนมาถึงป่าด้านหลัง เก็บสมุนไพรเป้าหมายเพิ่มอีก 2 จุด แล้วก็ตามเข้าไปจนถึงป้อมต่อไป เก็บสมุนไพร์เป้าหมายมาอีก 3 จุด ก็เป็นเก็บวัตถุดิบสำคัญได้ครบ จากนั้นก็เดินตาม Hirgon ต่อไปจนถึง Uruk’s Hollow ที่ Black Road






- เมื่อมาถึงหน้าโพรงถ้ำของ Uruk จะได้ Ability Poison Gorg มาจาก Hirgon จากนั้นเป้าหมายคือลอบเข้าไปในถ้ำแล้ววางยาพวกมัน เป้าหมายคือลอบเข้าไปให้ถึงจุดเหลืองภายในถ้ำซึ่งก็คือ ถังเก็บเหล้า (Grog Barrel) เพื่อวางยาพิษ โดยห้ามให้พวก Uruk เห็นเด็ดขาด
- เมื่อลอบวางยาถังเก็บเหล้าจนครบแล้ว Talion จะเข้าไปด้านในป้อมซึ่งก็จะเริ่มเห็นผลของยาพิษในเหล้าเพราะพวก Uruk ด้านในเริ่มชักดิ้นชักงอตายไปทีละแบบไม่ต้องเปลืองคมดาบ จน Talion สังเกตเห็นผู้หญิงคนนึงที่แอบอยู่ด้วยความกลัวจึงพยายามจะพาตัวออกมา แต่เธอก็กลัวรนรานจนแทบจับไม่อยู่ จนสุดท้าย Hirgon ก็เข้ามาสวมกอดเพื่อปลอบใจเธอจนสงบลง Talion ก็จะรู้ว่าเธอคนนี้คือ Eryn ภรรยาของ Hirgon นั่นเอง กอดที่ทั้งคู่จะกอดกันอย่างอบอุ่นต่อหน้า Talion



ในขณะที่รอยยิ้มกำลังเริ่มเปื้อนหน้า Talion เพราะภาพความรักที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่เสียงของ Celebrimbor จะย้ำเตือนให้ฟังว่า “การต่อสู้ยังไม่จบ Talion แต่เราก็จะพบที่ของพวกเราในซักวันแน่นอน นั่นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของ Talion หมดไปเขาหันหลังและก้าวย่างเดินทางต่อไปทันที  



             


                                           Main Mission - The Dark Monument  

Bonus objective – ในช่วงคุ้มครองรถดินระเบิดให้ยิงพลธนู Uruk แบบ Head Shot ให้ได้ 3 ตัว 

Talion เดินทางกลับมายังถ้ำทางเหนือของ Barrow of Udun ที่เป็นที่ซ่อนตัวของ Outcast อีกครั้ง เพื่อเดินหน้าแผนต่อ ในขณะที่ Hirgon กลับกำลังเผชิญศึกที่หนักกว่านั่นคือกับภรรยาเขาเอง 







 Eryn – นี่คุณยังจะไปอีกหรอ ไม่เห็นพวกบ้าคลั่งข้างนอกนั่นใช่มั๊ย อยู่ที่นี่ต่อเถอะน๊ะ 
Hirgon – แต่สถานะการณ์มันเปลี่ยนแล้วน๊ะทีรัก เราได้เขามาอยู่ข้างเราแล้ว
Eryn – คุณคิดสิ ว่าทำไมเขาถึงช่วยเรา ทั้งที่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาเขายังเป็นศัตรูเราอยู่เลย
Hirgon – อะ อ้าว Talion! พร้อมลุยกันแล้วใช่มั๊ย เราได้ข่าวมาว่าพวก Uruk กำลังสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นมาเพื่อเป็นเกรียติกับ Sauron ที่มันเชื่อว่ากำลังกลับมาในเร็ววัน เรามีดินระเบิดมากพอที่จะระเบิดมันได้ 
Talion – เยี่ยม งั้นเอามาให้ข้า แล้วก็ลาจากกันตรงนี้ตามข้อตกลง
Hirgon – เจ้าโง่ ไม่มีข้าเจ้าไม่มีวันชนะหรอก 
Talion – ข้าคิดว่าที่เจ้าทำมาทั้งก็เพื่อช่วยเมียเจ้าแค่นั้นซะอีก 
Hirgon – บอกไปแล้วว่าข้าจะไปก็จะไป รีบไปกันได้แล้วก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ !

- จากนั้นก็ตาม Hirgon ไปจนถึงป้อมของพวก Uruk เป้าหมายแรกคือเคลียร์ป้อมเพื่อให้รถขนดินระเบิดของ Hirgon ผ่านไปได้ โดยการลอบเข้าไปจัดการศัตรูให้หมดทั้ง 8 ตัวด้วยวิธีไหนก็ได้ ทุ่นแรงหน่อยก็เปิดกรงหมา Caragor ช่วยไล่งับก็ลดจำนวนไปได้เยอะอยู่ จัดการหมดแล้วตามคุ้มกัน Hirgon ต่อจนถึงป้อมต่อไป จะพบรถขนดินระเบิดที่คนของ Hirgon กำลังผ่านเข้าไปด้านใน เป้าหมายคือ ช่วยเคลียร์ศัตรูด้านในให้รถผ่านไปได้ โดยการกำจัด Guard ทั้งหมด 17 ตัวรอบๆป้อมจนหมด แล้วรถขนดินระเบิดจะเข้ามาจนถึงด้านในได้ Hirgon จะสั่งให้ลูกน้องนำรถพุ่งเข้าไปหาอนุสาวรีย์แห่งความมืดทันที
- เป้าหมายสุดท้ายของ Talion ก็คือคุ้มกันรถระเบิดให้เข้าไประเบิดตรงที่หมายให้ได้เท่านั้น แต่เมื่อรถเข้ามาถึงกลางป้อมก็จะถูกระดมยิงจากพลธนูมากมายเข้ามาจนรถเริ่มจะถูกไฟไหม้ คราวนี้ Talion ต้องลงไปเข็นรถด้วยตัวเอง สลับกับรีบจัดการพลธนูของพวก Uruk ให้หมดด้วย และถ้าจะเอาโบนัสก็ต้องเล็งหัว Head Shot ให้ได้ 3 ตัวด้วย  เมื่อดันรถดินระเบิดเข้าไปจนถึงอนุสาวรีย์ ทั้งหมดที่พวก Uruk สร้างมาเพื่อสรรเสริญเจ้านายมันก็พลันหายไปภายในไม่กี่นาทีด้วยฝีมือ Talion และ Hirgon




Hirgon – ตอนนี้เจ้าได้เขียนลายเซ็นต์ลงไปในความเสียหายวายป่วงนี่เรียบร้อยแล้ว Talion รู้มั๊ย.. คนของข้าเชื่อเสมอว่าพวกเขาสามารถเรียกร้องหาความยิติธรรมได้ในสภาวะเช่นนี้ 
Talion – แล้วเจ้าบอกพวกเขาว่ายังไงล่ะ
Hirgon – มนุษย์อยู่ได้ด้วยความหวัง Talion ข้าก็ตอบไปด้วยคำตอบที่เขาต้องการน่ะสิ 
Talion – งั้นพวกเขาก็ได้ผู้นำที่ดีแล้วล่ะ 



                 


                                               Main Mission - The Black Captain   

Bonus objective – ขณะที่กำลังสู้กับ Black Captain ต้องกด RB จับ Uruk แล้ว Kill 10 ตัว 

หลังจากแผนเรียกร้องความสนใจ Black Hand เปิดฉากได้สำเร็จ Talion ก็กลับมาที่ถ้ำทางเหนือของ Barrow of Udun ของ Hirgon เพื่อปรึกษาแผนต่อไป แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเลวร้ายมากกว่าเดิม ในห้องจะพบคนของ Hirgon ที่บาดเจ็บสาหัสกำลังร้องครวญครางอยู่ในห้อง  




Hirgon – แข็งใจไว้เพื่อน ! 
Outcast – มะ มันต้องการให้ข้าเป็นหลุมศพเดินได้เพื่อมาส่งข่าวให้ท่าน เพื่อสั่งสอนในสิ่งเราโจมตีพวกมัน
Hirgon – Black Hand ออกมาแล้ว Talion มันให้ลูกสมุนของมันทำร้ายคนของข้าเพื่อมาส่งข่าวบอกเรา 
Talion – งั้นข้าจัดการเอง ! 
Hirgon – เดี๋ยว ! ให้ข้าล้างแค้นให้คนของข้าด้วย !
Talion – เฮ้ ฟังน๊ะ Black Hand มันเป็นถึงคนรับใช้ Sauron ตอนนี้มันเกินมือเจ้าแล้ว Hirgon ฟังน๊ะ พาคนของนายออกจาก มอร์ดอร์ ในคืนนี้เลย ถ้าอยู่ต่อจนถึงเช้าได้ตายกันหมดแน่ 
Hirgon – … ลาก่อนเพื่อน !

ที่ซากปรักหักพังของอนุสาวรี Sauron Black Captain มือขวาของ Black Hand ถึงกลับออกโรงเองเพื่อหาตนเหตุที่ถูกหยามเกรียติ และ Ratbag ก็เป็นตัวแรกที่โดนจับมาสอบสวนฐานะสิ่งที่มันได้มานั้นดูจะเกิดจริงจนน่าผิดสังเกตที่สุด




Black Captain – ไหนพาตัว Warchief สุดยอดขุนพลคนใหม่ของข้ามาให้ดูหน้าหน่อยสิ 
Ratbag – พวกมันพ่ายแพ้ให้ข้าในการประลองครับนายท่าน ข้าชนะทั้งหมด ขะข้า Warchief Ratbag
Black Captain – หรอ ก็ดีแล้วที่เจ้ารอดมาได้น๊ะ  เปรี้ยงงง ! เอาล่ะ ไปเอาหัวมันมา เอาข้อความจากข้าไปบอกมันอีก ไอ้ศพเดินได้ !
Talion –ระวังหัวเจ้าดีกว่ามั้ง 
Black Captain – โอ้ Ranger จาก Black Gate แหมๆ แล้วความเก่งกล้าของเจ้ามันหายไปไหนหมดตอนข้าฆ่าลูกเมียของเจ้ากันน๊ะ ..ฆ่า มันนนนน !!




Boss Black Captain นั้นสู้แบบสมศักดิ์ศรี ไม่มีโครมคราม ไม่มีเวทย์เอาเปรียบ อัดด้วยกระบองล้วนๆ แถมเคลื่อนไหวช้าพอที่จะหลบหรือเค๊าท์เตอร์ได้ย่างสบาย (อาจมีกระเด็นหน่อยเพราะกระบองมันแรกก็เถอะ) ปัญหาที่วุ่นวายคือพวก Uruk ลูกน้องมันที่รุมเข้ามาเพียบ พยายามจัดการในให้หมดแล้วค่อยตัวต่อตัวกับ Black Captain ก็ไม่เกินมือ Talion หลังจากดาบสุดท้ายของลูกชายที่ปักเข้าคอหอยของ Black Captain ก็ไม่มีคำพูดใดๆของ Talion นอกจากความสะใจภายใน ..




Celebrimbor – เจ้ารีบทำเกินไปน๊ะ Talion มันมีอะไรที่เราต้องรู้จากมันก่อน 
Talion – รีบหรอ ? มันฆ่าลูกเมียต่อหน้าข้าอย่างเหี้ยมโหด แล้วท่านมัวแต่ทำอะไร !

                                 ---- นี่เจ้ากำลังพูดกับตัวเองอยู่รึไง -------





Talion –  แล้วเจ้าเป็นใคร ? 
Lithariel – ข้าชื่อ Lithariel จาก ทะเล Nurnen ..แม่ข้าบอกว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ แล้วก็อยู่จริงๆด้วย 
Talion – เอาล่ะ.. Lithariel จาก Nurnen แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม ? ที่นี่ไม่มีอะไร นอกจากความตาย 
 Lithariel – ท่านหญิง Marwen ราชีนิ แห่ง Shore กำลังเฝ้าดูเจ้าอยู่ นางเห็นภาพนิมิตรถึง ลางร้ายของเจ้า 
Talion – ราชินีทีไหนจะเห็นภาพนิมิตร 
Lithariel – ภาพนิมิตรในการกลับมาของท่านผู้ยิ่งใหญ่ Celebrimbor! 
Talion – มีข้อเสนออะไรที่น่าสนใจมั๊ยล่ะ 
Lithariel – ชั้นคงต้องขอตัวกลับไปประชุมที่ Numen ก่อน หายมานานเดี๋ยวจะน่าสงสัย ..แต่ แค๊มป์ที่พักชั้นอยู่แถวๆ Durthang waster อาจจะอยู่อีกวันสองวัน ถ้าเปลี่ยนใจก็แวะไปได้ จะเป็นเกรียติมากที่จะคุ้มครองเจ้าในการเดินทาง 

  
                     


                                                  Main Mission - The Messenger 

                       Bonus objective – ตอนหนีออกจากถ้ำต้องฆ่า Ghuls ด้วยไฟ 30 ตัว

ที่ Durthang waster ทางฝั่งตะวันตกของแผนที่ ด้วยความอยากรู้ Talion จึงอดใจไม่ได้ที่จะเดินทางมาที่แค้มป์ของ Lithariel แต่รอบๆแค้มป์เต็มไปด้วยศพของพวก Uruk นอนเกลื่อนไปหมด 






Talion ถึงกับตะลึงปนอึ้งเล็กๆ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าแม่นาง Lithariel นี่เก่งระดับเทพเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางไกลออกมาจาก Black Gate จนถึงสุดเขตแดนทางใต้ของมอร์ดอร์ เข้าสู่เขตดินแดน Nurn จรดชายทะเลแห่ง Nurnen ที่เต็มไปด้วยสีเขียวขจีของทุ่งหญ้าจรดปลายเขา ช่างเป็นมุมมองที่สวยงามที่สุดเท่าที่ Talion เคยเห็นหลังจากเขาหันหลังให้โศกนาฎกรรมที่มอร์ดอร์เพียงไม่กี่นาที ไม่กี่อึดใจ Lithariel ก็พา Talion เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ในป่าเพื่อเข้าไปหา ท่านหญิง Marwen ราชีนิ แห่ง Shore ทันที 




Lithariel – Talion นี่ ท่านหญิง Marwen ราชีนิ แห่ง Shore 
ราชีนิ Marwen – Ranger ที่ตายในสนามรบ แห่ง Black Gate มาสิ เข้ามาใกล้ๆข้า
Talion – ลูกสาวท่านบอกว่า ท่านมีอะไรจะบอกข้าหรอ ?
ราชีนิ Marwen – ไม่ใช่สำหรับเจ้า Talion …. เวลา มันช่างเร็วเหลือเกิน  อีกไม่นาน เจ้าแห่งความมืดจะยกทัพเข้ายึดมอร์ดอร์ ..แต่ ก็จะมีพลังที่ยิ่งใหญ่มันขัดขวาง 
Talion – แล้วให้ข้ามาที่นี่ทำไม ?
ราชีนิ Marwen – รอยแยกที่ช่องเขา Morgoth ..สมบัติของ Ghuls และ ตามหาคนแคระ 



Talion – แม่เจ้าป่วยเป็นอะไรหรอ ?
Lithariel – ไม่มีใครรู้หรอก ท่านแย่ลงตั้งแต่เดินทางกลับมา 
Talion – ไม่ทางรักษาหรอ
Lithariel – เราเคยลองกันแล้ว แต่ตอนนั้นเราโดนบุกรุกเสียก่อน 

- หลังจากฟังคำทำนายของ ราชีนิ Marwen เธอก็หมดแรงสลบไป Talion มีทางเลือกไม่มาก จึงคิดว่าลองทำดูก็ไม่เสียหาย เขาจึงเริ่มค้นหาทันที เดินทางไปตามจุดหมายสีเหลืองจนพบกับกองคาราวานของพวก Uruk ที่โดน Ghuls จัดการจัดตายหมด จากนั้นก็กด LB ตามรอยเท้า Ghuls ไปตามทางจนถึงช่องเขาด้านบนซึ่งเป็นช่องเขาด้านบนภูเขา ซึ่ง Talion คิดว่าน่าจะเป็นช่องเขา Morgoth อย่างแน่นอน ตามรอยเข้าไปในช่องเขาไปตามจุดเหลืองจนถึงในถ้ำด้านในจะพบค้อนตีเหล็กปักอยู่บนตราสัญลักษณ์ที่พนังถ้ำ และทันทีที่ Talion เขาก็เห็นนิมิตรอีกครั้ง…




ภาพที่เห็นคือ Celebrimbor กำลังสร้างแหวนสำหรับพวกเอลฟ์ขึ้นอีก 3 วง โดยที่เซารอนไม่รู้ แหวนเอลฟ์ทั้งสามที่บริสุทธิ์จากอำนาจชั่วร้าย ส่วนชายหนุ่มรูปงามนามว่า อันนาทาร์ ที่เคยมาหลอกลวงให้สร้างแหวนแท้จริงก็คือ จอมมาร Sauron ซึ่งมันเองก็แอบสร้างแหวนขึ้นมาเช่นกัน โดยใช้ไฟจากภูเขามรณะที่ตั้งอยู่ในใจกลางมอร์ดอร์ โดยแบ่งพลังบางส่วนของเขาลงไปด้วย จึงทำให้เป็นแหวนที่มีอำนาจสูงสุด และตั้งชื่อมันว่า แหวนเอกธำมรงค์  ซึ่งมันมีอำนาจเหนือจิตใจของผู้สวมแหวนแห่งอำนาจทุกวงที่มันและ Celebrimbor ร่วมกันสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ ดังนั้นเซารอนจึงมีอำนาจเหนือแหวนแห่งคนแคระ และแหวนแห่งมนุษย์ แต่ทว่ามันไม่รู้ว่า Celebrimbor ได้แอบสร้างแหวนแห่งเอลฟ์ขึ้นมา แหวนที่มันสามารถควบคุมได้ ! และ ทันทีที่ Sauron สร้าง แหวนเอกธำมรงค์ ขึ้นมาสำเร็จด้วยอำนาจแห่งแหวนเอลฟ์ก็ทำให้ Celebrimbor รู้ทันทีว่าที่ผ่านมานั้นเขาโดน Sauron หลอกใช้  




 - และทันทีที่ Talion ได้สติขึ้นมาก็พบเจ้า Ghuls Matrons มากมายก็ออกมาตรงหน้าพอ จัดการพวกมันให้หมดแล้วหนีออกจากถ้ำภายในเวลา 2 นาที  ระหว่างทางพวก Ghuls จำนวนมากก็ยังรุมเข้ามาไม่หมด ตรงนี้ถ้าอยากได้โบนัสก็ยิงกองไฟให้ระเบิดฆ่าไปด้วย หนีออกมาจนถึงใกล้ปากถ้ำ Ghuls Matrons จำนวนมากจะเข้ามาล้อมทุกทางจน Talion กำลังจะจนแต้มหมดทางหนี แต่จู่ก็มีใครคนนึงกลิ้งถังดินระเบิดลงมาช่วยจน Talion สามารถหนีจากการโดน Ghuls รุมกินโต๊ะได้



Torvin – ไง หนีทหารมาฟัดกับ Ghuls เล่นรึไง ข้าชื่อ Torvin เป็นพรานล่าสัตว์ และข้าพนัน 10 บาทเลยว่าเจ้ากำลังจะเข้าไปถ้ำเพื่อขโมยสมบัติที่ข้ากำลังจะเข้าไปเอา ซึ่งข้าไม่เอาก็ได้ถ้าเจ้ายอมจ่ายค่าจ้างที่ข้าช่วยเจ้ามา 
Talion – ฟังน๊ะ ข้าซึ้งใจที่เจ้าช่วยข้า แต่เจ้าไม่ได้เป็นเจ้าของทุกอย่างที่นี่ ฉะนั้นข้าจะไม่จ่ายข้าอะไรให้เจ้าทั้งนั้น
Torvin – เอาเถอะๆ เก็บไว้ก็ได้สมบัติที่เจ้าได้มาน่ะ เดี๋ยวข้าก็หาได้ดีกว่าเจอเยอะ นั่นอะไรน่ะ โอ้ ดาบสวย เอางี้มาเป็นหุ้นส่วนล่าสัตว์กับข้ามั๊ย 
Talion – เจ้าจะล่าอะไรข้าก็ไม่สนหรอกเจ้าคนแคระ ! 
Torvin – ไม่สนแม้กระทั่งจะนำทางเจ้าไปหา สิ่ว หลังจากที่เจ้าเจอค้อนแล้วอ่ะหรอ ? เอาเถอะ ล่าให้สนุกเน้อ ไว้คนคุยกันถ้าเจ้าสนใจ แค้มป์ที่พักข้ามันก็ไม่ใกล้นักหรอก …
Talion – ตามหาคนแคระ ตามคำทำนายสิน๊ะ …





                   


                                                    Main Mission – Queen of Shore

        Bonus objective – จัดการสะกดจิต Uruk พลธนูทั้งหมด 6 ตัวให้เสร็จภายใน 3 นาที

หลังจากพบว่า คำทำนาย ของราชีนิ Marwen เป็นจริง Talion ก็เดินทางกลับมาหานางที่ที่พักอีกครั้ง 





Talion – ข้าพบ Mithril Hammer ตามที่ท่านบอกแล้ว ท่านแสดงให้ข้าเห็นได้มั๊ยว่า ทำไม? วิญญาณข้าถึงถูกปฏิเสธแม้จากความตาย 
ราชีนิ Marwen – ..เจ้าคือ เหยื่อ แห่งการบูชายันต์เลือด 
Talion – คำสาปมันสามารถทำให้เสื่อมไปได้มั๊ย ?
ราชีนิ Marwen – ทำลาย Black Hand และคนของมัน และเรียกร้องเอาจาก…มอร์ดอร์..
Talion – คงไม่มีมนุษย์คนไหนจาก Gondor ที่จะช่วยข้าหรอก 
ราชีนิ Marwen – เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้พวกเขาหรอก พลังของเจ้าจะก่อให้เกิดผู้ติดตามสนับสนุนเอง จะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม แม้กระทั่ง….กองทัพแห่ง ออร์ก ..
Talion – ข้าจะทำอย่างงั้นได้ยังไง 
ราชีนิ Marwen – คำตอบของเจ้าอยู่ที่ป้อมปราการใกล้ๆนี่เอง Talion แต่เจ้าอาจจะไปไม่ทัน เจ้าต้องรีบแล้ว

- จากนั้นเดินทางต่อไปตามเป้าหมายที่จุดเหลืองที่ขึ้นมาภายในเวลากำหนด 1.30 นาที เมื่อถึงที่ป้อมเป้าหมายจะพบว่าด้านในพวก Uruk บุกเข้ามายึดเต็มหมด แต่จู่ๆ Talion ก็ได้ความสามารถใหม่ การตีตราสะกดจิต (Brand) ให้พวก Uruk อยู่ในการควบคุม โดยการกด B ค้าง หรือกด RT – B ในขณะลอบฆ่า ส่วนในขณะต่อสู้ก็สามารถทำได้โดยกด A + B จากนั้นก็กดปุ่มทิศทางขึ้นบนก็จะสามารถควบคุม Uruk เป็นพวกได้




- ทดลองใช้จากพวกพลธนูบนป้อมได้เลย เป้าหมายคือจัดการสะกดจิต Uruk พลธนูทั้งหมด 6 ตัว (ถ้าจะเอาโบนัสก็ต้องทำให้เสร็จภายใน 3 นาที) จากนั้นก็กดปุ่มทิศทางขึ้นบนก็จะสามารถควบคุม Uruk พลธนูเป็นพวกแล้วจัดการศัตรูให้หมดป้อม 15 ตัว โดยมีพลธนูช่วยยิง ไม่นานก็หมด

Talion จะเข้าไปช่วยทหารของราชินีที่โดนจับอยู่ได้จนหมด ทหารทั้งคู่แปลกใจในคำทำนายของราชินีที่ส่งพวกเขามาหาของชิ้นนึงแล้วรอจนกว่า Talion จะมารับ ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่เธอบอกจริงๆ ก่อนที่ทหารจะมอบชองชิ้นนึงให้กับ Talion ซึ่งด้านในจะเป็น มงคลสวมหัวของ ซึ่งมันก็ทำให้ Tailon เห็นภาพนิมิตรอีกเช่นเคย









ภาพนิมิตรเผยให้เห็นถึงคืนที่ Sauron นำทัพออร์กบุกที่พักของ Celebrimbor ในขณะที่เขาจะพยายามสู้อย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องลูกเมีย แต่ด้วยอำนาจแห่งแหวนแหวนเอกธำมรงค์ ทำให้ Sauron แข็งแกร่งจน Celebrimbor ยากจะต้านทานได้ ก่อนที่ทั้ง Celebrimbor จะถูกจับไปมอร์ดอร์พร้อมลูกเมียของเขาตั้งแต่นั้น ..

– ทันที่ภาพนิมิตรจบลงพวก Uruk มากมายก็เริ่มบุกเข้ามาในป้อม จัดการมันให้หมดทั้ง 20 ตัว แล้วก็จะจบภาระกิจ

หลังจบภาระกิจจะมี Main Mission เพิ่มขึ้นมาใหม่ 2 Mission พร้อมๆกันคือ
– The power of Wraith
– Big Game 


       


                                                    Main Mission – Big Game

                         Bonus objective – จัดการพวก Uruk ให้ได้จำนวนมากกว่า Torvin

ถึงแม้ว่า Talion จะไม่ชอบหน้าพรานเจ้าเลห์อย่าง Torvin มากนักแต่เพราะอยากจะได้เบาะแสของสมบัติชิ้นต่อไปของ Celebrimbor Talion จังต้องยอมบากหน้าไปหามันถึงแค้มป์ 





Torvin – มันไม่ได้ยินข้า มันไม่เห็นข้า เป็นการล่าที่สะอาดหมดจดจริงๆ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรหรอทหาร ?
Talion – Talion 
Torvin – ยศอะไรล่ะ จ่าหรอ หรือพลทหาร
Talion – Captain… ข้าเคยเป็น Captain 
Torvin – โอ้ นี่ข้าตาถั่วจริงๆ วันนี้มีถึงระดับ Captain มาเยี่ยมเยียนข้าถึงที่นี่ … ไหนบอกข้าหน่อยสิกัปตัน ท่านเคยล่า Graug มั๊ย ? 
Talion – มันขึ้นอยู่ว่า Graug มันเป็นข้อตกลงระหว่างเราหรือเปล่า 
Torvin – อืมม ..แต่ไม่ใช่ว่า Graug ทุกตัวหรอกน๊ะ เฉพาะแค่ตัวนี้ ที่ข้าไล่ล่ามันมานานมาก ..ช้าไมไม่ได้เราต้องเตรียมแผน ว่าแต่เจ้าเคยล่าอะไรมาก่อนรึเปล่าเนี้ย ? ฮ่าๆ 

- เดินตาม Torvin ไปตามทางในทุ่งจนพบฝูง Garagor กลุ่มนึง Torvin ก็จะเริ่มสอนกลเม็ดของเขาให้นั่นคือ Ability Garagor Hunter ซึ่งจะสามารถทำให้กด Y เค๊าท์การโจมตีของ Garagor และกด RB เพื่อทำให้มันมึนงง ต่อก็จะสามารถจับมันมาขี่ได้ง่ายขึ้น จากนั้นก็ขี่ Garagor ตาม Torvin ไปจนพบพวก Uruk จัดการมันให้หมด



ลุยทุกอย่างที่ขวางหน้าจน Torvin เร่งสปีดหนีหายไป ก็ต้องกด LB ตามรอยเขาไปตามทางจนเจอมันกำลังถูกพวก Uruk รุมทำร้าย เข้าไปช่วยจัดการ Uruk เพื่อช่วย Torvin ให้ปลอดภัย



Talion – ไหนบอกจะไปล่า Graug มามัวขี่ Garagor อะไรกันอยู่ได้
Torvin – ข้าก็แค่ทดสอบเจ้า ว่าจะทำตามที่ข้าสั่งหรือเท่านั้นแหละ ฟังน๊ะ เจ้า Graug มันแข็งแกร่ง ทีมเวิร์คเป็นเรื่องสำคัญ การเป็นพราน การล่า ก็ต้องการความเคารพซึ่งกันและกันด้วยเหมือนกันน๊ะ แต่..เออ ข้าไม่ได้หมายถึงว่าข้าต้องเรียกเจ้าว่า ท่านครับ หรือน๊ะกัปตัน ฮ่าๆๆๆ 


                         


                                               Main Mission – Hunting Partner 

                                 Bonus objective – บังคับให้ Graug กิน Uruk 3 ตัว

- Talion ตามไปช่วยงานล่าสัตว์ของ Torvin ก่อนที่จะเจอของใหญ่ Torvin จะสอนวิธีที่จะจัดการ Graug เบื้องต้นก่อน ตาม Torvin ไปจนถึงจุดที่ Graug ตัวอยู่ในทุ่ง Torvin จะสอบถึงการล่าในเบื้องต้นก่อนคือการหาตัวช่วย ด้วยการลอบเข้าไปด้านหลัง Graug เพื่อทำให้เลือดมันไหลซึ่งจะเป็นตัวล่อให้นักล่าอีกตัวนึงออกมานั่นก็คือ Garagor



– จากนั้นก็โดดขึ้นขี่ Garagor ไล่ตาม Graug ไปแล้วใช้ธนูชาร์ทยิงไปที่หัวเรื่อยๆจนมันมึนงง จากนั้น Torvin จะโดดขึ้นไปใช้โซ่รัดตัวมันให้มันล้มลง ก็โดดเข้าไปกด RB  เพื่อปีนขึ้นไปบนตัวมันแล้วคอยกด Y เพื่อหลบการปัดป้องของมันจนเมื่อสบโอกาศก็กด RB ค้างเพื่อเสียบมันได้เลย เมื่อมันอ่อนแรง Talion ก็จะใช้พลัง Wraith ในการบังคับ Graug ได้แล้ว จากนั้นก็บังคับ Graug จัดการถล่มฝูง Uruk ที่อยู่รอบๆนั้นให้หมด และถ้าจะเอาโบนัสก็ต้องกด Y ให้ Graug เขมือบ Uruk ไป 3 ตัวด้วย เท่านี้ Talion ก็จะผ่านวิชาพรานจาก Torvin แล้ว



                               


                                             Main Mission – The Great white Graug

                             Bonus objective – ยิงมือ Graug ให้ Ghuls หลุดออกมา 3 ตัว 

- เมื่อผ่านการฝึกได้แล้วก็ถึงเวลาเอาจริง เข้าไปพบ Torvin ที่ค่าย แล้วขี่ Garagor ตามเข้ามาจนถึงถ้ำน้ำตกได้เลย Torvin จะชี้ให้ดูว่ามันเป็นรังของเจ้ายักษ์ขาว Graug ตัวเป้าหมายที่เขาต้องการล่า ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่อยู่บ้าน เขาเลยชี้ทางสว่างให้กับ Talion และ Celebrimbor ด้วยการบอกตำแหน่งของ สิ่ว สมบัติอีกชิ้นของ Celebrimbor ที่ฝังอยู่ในรังของ เจ้ายักษ์ขาว Graug นี่เอง และทันทีที่ Talion ขุดสิ่วขึ้นมาได้เขาก็ต้องเตรียมเจ้บปวดพร้อมรับภาพความทรงจำของ Celebrimbor เข้ามาในหัวอีกครั้ง








ภาพของ Celebrimbor ที่โดน Sauron จับมาที่ ภูเขามรณะ แล้วใช้พลังแห่งแหวนเอกธำมรงค์บังคับให้ Celebrimbor ใช้ฝีมือของเขาร่วมกับความรู้ของมันสร้าง แหวนเอกธำมรงค์ ของมันให้สมบูรณ์แบบจนสำเร็จในที่สุด 

- เมื่อภาพนิมิตรจบลง เจ้ายักษ์ขาวก็กลับเข้าถ้ำพร้อมกับ Torvin ที่ไม่รู้หายหัวไปไหน จนทำให้ Talion ต้องสู้กับมันคนเดียว




- การต่อสู้กับ Legendary Graug นั้น แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงแรกก็ใช้ในแบบที่เรียนมาคือ ใช้ธนูยิงที่หัวจนมันมึนงงแล้ววิ่งชนพนังถ้ำก็เข้าไปฟันมันได้เลย จนพลังลดเหลือครึงนึงมันจะเริ่มจีบ Ghuls ที่ออกมาจากโพรงกินเพื่อเติมพลัง ใช้ธนูยิงหัวให้มันงงหรือยิงที่มือให้ Ghuls หลุดจากมือเพื่อไม่ให้พลังมันเพิ่ม ซึ่งจะได้โบนัสด้วยถ้ายิงมือมันให้ Ghuls หลุดมือมันได้ 3 ตัว จากนั้นช่วงสุดท้าย ก็ใช้วิธีเดิม ใช้ธนูยิงที่หัวจนมันมึนงงแล้ววิ่งชนพนังถ้ำแล้วเข้าไปฟันหรือกด RB ขึ้นไปเสียบมันซักที เมื่อสู้กับมันจนพลังมันใกล้จะหมด Torvin ก็จะออกมาช่วยจัดการมันได้ จนสำเร็จ




หลังจบการต่อสู้ที่เมามัน ใครจะรู้ว่าเจ้า Graug ในตำนานไม่ได้มีประวัติแค้นเคืองหรือพรากลูกพรากเมียอะไรของ Torvin ให้ดราม่าทั้งสิ้น มันก็แค่ถ้วยรางวัลใบใหญ่ที่ให้พรานขี้คุยคนนี้สะใจเท่านั้น คำเชิญชวนของ Torvin ที่ต้องการให้ Talion รวมงานกันอีกจึงไม่เป็นผล หลังจากเสร็จตามข้อตกลง Talion จึงรีบเดินทางต่อทันที ก่อนที่ Torvin จะบอกทิ้งท้ายว่าถ้าอยากมันกันอีกให้ไปหาเขาที่หุบเขาสีน้ำเงินได้ตลอดเวลา … 



                     
                    

                                                Main Mission – The power of Wraith

                                           Bonus objective – ช่วยยิงให้ Grublik ชนะศึก

หลังจากที่ได้สมบัติของ Celebrimbor ตามที่ ราชีนิ Marwen Talion ก็กลับมาหานางอีกครั้ง แต่ดูคราวนี้นางมีท่าทางแปลกๆกว่าที่ผ่านมา 




ราชีนิ Marwen – เจ้ากลับมาทำไม ? ภาระกิจเจ้ายังไม่ลุล่วง ! 
Talion – ท่านรู้ได้ยังไงว่าจะหามงคลศีรษะนี้จากไหน ?
ราชีนิ Marwen – เขาโชว์ให้ข้าดู เจ้ายังไม่ได้ตอบข้า ว่าเจ้ากลับมาทำไม ? สิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้มานั่นแหละดีที่สุดแล้ว ตามหาผู้นำของเหล่า Orc แล้วทำให้มันเป็น Warchief ซะ แล้วกองทหารทั้งหมดของมันก็จะกลายเป็น ของเจ้า !
Talion – แล้วข้าจะได้นำกองทัพข้าได้ที่ไหน ?
ราชีนิ Marwen – นำพวกมันมาให้ข้า เดี๋ยวจะแสดงให้เจ้าดู 

- เมื่อกลับออกมาด้านนอกบ้าน หลังจากที่ Talion ได้ปรึกษากับ Celebrimbor ได้ความว่า จะจับแค่ตัวหัวหน้าของมันเท่านั้นไม่ต้องไปเหนื่อยจับมาให้หมด และผู้คุมทาสที่ใกล้ที่สุดแถวนี้ Celebrimbor เสนอชื่อมาว่าคือ Grublik จากนั้นเป้าหมายของ Grublik the flogger ก็จะแสดงขึ้นมาในแผนที่เป็นวงกลมเขียวระหว่างรอยต่อของเขต Harad Basin ทางตะวันตก ซึ่งคือตามจุดเหลืองไปนั่นเอง เมื่อลุยมาถึงจุดหมายก็จะพบกับเจ้า Grublik the flogger ในกลุ่มของพวก Uruk แล้วความสามารถใหม่ของ Talion ก็จะถูกปลดล็อกออกมา





Ability Command กด RB ค้าง + A แล้วตามด้วย Y พูดง่ายๆก็คือการ interrogate Mode แบบปกติ แต่จะสนุกกว่านั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือ 
1.  หาเป้าหมายแรกคือ Uruk กัปตันที่มีเป็นบอดี้การ์ดของ Warchief ก่อน ซึ่งเราจะไม่รู้จนกว่าจะใส่คำสั่ง Command กับมันไปแล้ว พอเข้าในเมนู Souron‘s Army จะมีบอกไว้เลยว่าตัวนี้เป็นบอดี้การ์ดของ Warchief (The Captain You Dominated is Bodyguard of Warchief) ซึ่งในนี้ก็คือ Grublik แล้วจัดการให้มันอ่อนแอแล้วเลือกกด RB จับตัวมัน เลือกกด A (Dominate) เพื่อควบคุมมัน แล้วจะมีปุ่ม Y ให้กดเพิ่มเข้ามาเพื่อใส่คำสั่ง Command เข้าไป 
2. เข้าไปเช็คดูในเมนู Souron‘s Army จะสามารถเซ็ทเส้นคำสั่งที่เป็นสีแดงไปยังแถวของ Warchief ให้เจ้า Grublik ตัวที่เราควบคุมนั้นนำทางไปฆ่า Warchief ตัวที่เป็นเจ้านายมันได้เลย ซึ่งกรณีนี้ก็ให้เลือก Grublik the flogger เบิกทางไปหา Tarz the Knife ที่เป็น Warchief ได้ทันที แถมยังแทรกซึมไปเป็นบอดี้การ์ดของเป้าหมายตามความสามารถของ Ability นี้ด้วยเสร็จสรรพ ซึ่งระบบนี้จะเรียกว่า Power Struggle 
3. จากนั้นก็ตามกัปตัน Uruk ตัวที่สะกดจิตไว้ซึ่งก็คือ เจ้า Grublik (มันจะแสดงเป็นไอค่อนสีฟ้าในแผนที่ ) นำทางไปลุยกับเจ้านายมันได้เลย ในกรณีที่เป็นกัปตันตัวอื่นที่ถูกควบคุมแล้วส่งไปหา Warchief เจ้านายมันนั้น ก็แค่ตามไปหาที่ตำแหน่งของ Warchief ตัวนั้นๆ แล้วก็จะพบ กัปตันที่ถูกควบคุมอยู่ เป็นบอดี้การ์ดข้างกาย Warchief เป้าหมาย และเมื่อสบโอกาศแล้วก็กดปุ่มทิศทางขึ้นบนเพื่อส่งให้กัปตันใส้ศึกลงมือได้เลย 
4. และเมื่อกัปตันใส้ศึกจัดการ Warchief เจ้านายมันไปแล้ว มันก็จะได้เป็น Warchief แทน ซึ่งทั้งตัว Warchief คนใหม่และกองกำลังของมันก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ Talion ทั้งหมดด้วยนั่นเอง




- ซึ่งก็จะพบ Grublik ที่ถูกควบคุมนำทัพของมันซึ่งตอนนี้ก็เป็นทัพของ Talion อย่างไม่ทันรู้ตัว เข้ามาบุกป้อมที่เป้าหมายคือ Tarz อยู่ ขณะที่มันกำลังสู้กันที่หน้าป้อม จะยืนดูศัตรูฆ่ากันอย่างมีความสุขเฉยๆก็ได้ แต่ก็สามารถดักสุ่มยิงช่วยพวกมันจากด้านบนกำแพงได้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งถ้าช่วยยิงให้ Grublik ชนะศึกนี้ก็จะได้โบนัสอีกด้วย ตอนนี้ก็ลุยไปพร้อม Grublik เข้าไปด้านใน จัดการกับ Uruk 3 กลุ่มใหญ่ในนั้นให้หมด
- เมื่อช่วยกันจัดการ Uruk หน้าป้อมจนหมด จากนี้ Talion ก็ต้องลอบเข้าไปในป้อมด้านในคนเดียวโดยห้ามให้ศัตรูเห็นเด็ดขาด เมื่อลอบขึ้นไปจนถึงจุดหมายสีเหลืองด้านบนแล้วก็จะเห็น Warchief Tarz the Knife กับบอดี้การ์ดของมัน 2 คนที่ลานด้านล่าง หรือจะให้พูดให้ถูกคือ 1 ในบอดี้การ์ดของมันมีไอค่อนสีฟ้าและตาเป็นประกายนั้นก็คือเจ้า Grublik ใส้ศึกของ Talion นั่นเอง ตอนนี้ก็แค่รอเวลาเหมาะก็กดปุ่มทิศทางขึ้นบนสั่งให้ Grublik โจมตีเป้าหมายได้เลย แต่คราวนี้ไม่ได้ให้นั่งดูเฉยๆ ลงไปช่วยมันด้วยก็ดีเพราะศัตรูค่อนข้างเยอะ และก็อย่าลืมว่าตอนนี้ Talion มีความสามารถในการตีตราสะกดจิต (Brand) เอาศัตรูมาเป็นพวกด้วยแล้ว ก็จัดการทำให้พวกตัวโหดๆรอบๆป้อมเป็นพวกมาช่วยลุยด้วยจะสนุกที่สุด แค่ต้องระวังอย่างเดียวก็คือ อย่าเผลออัด Uruk ฝ่ายเดียวกันก็พอ



และเมื่อฆ่า Tarz the Knife ได้แล้วก็จับ Grublik มา Battle จนชนะ ก็จะทำให้ Grublik ใส้ศึกของ Talionก็จะ กลายเป็น Warchief แทนทันที ซึ่งด้วยพลังในการควบคุมก็หมายถึง Talion ได้กองทัพในการปกครองของ Warchief Grublik the flogger เป็นพวกด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่จบเพราะต้องสะกดจิตเพื่อสร้าง Warchief ใส้ศึกขึ้นมาอีก 4 ตัวให้ครบ 5 ตัวในการสร้องกองทัพให้แข็งแกร่ง ซึ่งก็จะเป็น [Objective Brand the Warchief] ชนิดที่ว่างตอนไหนก็หาตอนนั้นได้ตลอด ซึ่งเหมือนเดิมเช่นเคย ต้องหาข้อมูลไล่จาก Uruk ตัวปลายแถวที่มีไอค่อน Intel สีเขียวๆบนหัว เพื่อโยงไปถึงตัวกัปตัน Uruk ที่เป็นบอดี้การ์ดของ Warchief ซึ่งจะสังเกตง่ายๆคือ ถ้าใส่คำสั่ง Command กับมันไปแล้ว ในเมนู Souron ‘s Army จะขึ้นโชว์ว่า The Captain You Dominated is Bodyguard of Warchief  แล้วค่อยควบคุมมันเพื่อแทรกซึมแล้วพาไปหาและจัดการกับ Warchief ตัวเป้าหมายทั้ง 4 จนครบนั่นแหละ ซึ่ง Warchief ทั้ง 4 ที่ต้องไล่ล่าคือ 




Warchief Tugog the Rhymer
Warchief Ukbuk Scar – Artist 
Warchief Latbag the poet 
Warchief Kruk the friendly

หลังจากได้กองทัพ Uruk เป็นของตัวเองในระดับนึงแล้ว Talion ก็เดินทางกลับไปหาราชีนิ Marwen อีกครั้งทันที แต่พอเข้ามาในบ้านก็จะพบนางทำตัวแปลกๆเหมือนคราวที่แล้ว ก่อนที่จะระเบิดพลังจนดึงร่างวิญญาณของ Celebrimbor ออกจากร่างของ Talion เสียด้วย 




Talion – อย่าปล่อยน๊ะ Celebrimbor !!
ราชีนิ Marwen – ถ้าได้อยู่ด้วยกันเราจะไร้ตัวตน ถ้าอยู่ด้วยกันเราจะไร้ตัวตน ! Sauron มันจะแพ้ มันจะแพ้ต่อกองกำลังของเรา !!
Lithariel – แม่ !! 
Celebrimbor – ดึงไม้เท้าของนางออก !!

ทันทีที่แสงสว่างจ้าดับลงพร้อมไม้เท้าที่หลุดจากมือ ราชีนิ Marwen ร่างของนางก็เริ่มเปลี่ยนไป สภาพร่างกายที่ดูทรุดโทรมของ Marwen กลับมาสวยงามเป็นปกติจน Lithariel ต้องตะลึง 




ราชีนิ Marwen – โอ้ ในที่สุดแม่ก็ได้เห็นเจ้าอีกครั้งแล้ว Lithariel ลูกรัก
Talion – นางต้องมนต์ของพ่อมดที่มีพลังเวทย์สูงส่งคนนึงอยู่ 
ราชีนิ Marwen – ข้าเสียใจ Talion ..   Saruman พ่อมดขาว ข้าเคยไปขอให้เขาช่วยเรื่อง Sauron
เขาเป็นคนอยากให้พาเจ้ามาที่นี่ ซึ่งข้าไม่เคยเห็นด้วย มันจึงกักขังจิตใจข้าไว้ในร่างกายตัวข้าเอง แล้วบังคับข้า 
Talion – ท่านเห็นอะไรในภาพนิมิตรของท่าน ? 
ราชีนิ Marwen – ข้าเห็นคนรับใช้ของ Sauron …หอคอย…  Black Hand พวกมันจะนำความเจ็บปวดมาให้ และถ้าเจ้าอยากจะรู้ว่าตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหน มันกำลังข้ามทะเล Nurnen
Talion – กองทัพมัน แข็งแกร่งมั๊ย ? 
ราชีนิ Marwen – แข็งแกร่งพอที่จะทำลายพวกเราจนสิ้นได้สบายๆ
Talion – ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องมีกองทัพของเราบ้างแล้ว  


           


                                                Main Mission – The Cure 

                        Bonus objective – ลอบสะกดจิต (Brand) โดยมันไม่รู้ตัว 5 ตัว 

Talion เข้ามาในหมู่บ้านอีกครั้งและเห็น Lithariel และคนของเธอกำลังวางแผนบางอย่างกันอยู่




Lithariel – ยังไงข้าก็จะต้องไป ! 
ทหาร – เราจะบุกไปกันยังไงนายท่าน คนเรามีกันแค่นี้ 
Talion – แผนงี่เง่า !
Lithariel – ข้าไม่มีทางเลือก Talion ข้าต้องการยาแก้คำสาปให้แม่ข้า 
ทหาร – ข้าว่าก็อย่างที่คนแปลกหน้าบอก มันเป็นเรื่องที่โง่มากน๊ะท่าน 
Celebrimbor – ราชินี สำคัญที่สุด เราควรจะช่วยน๊ะ
Lithariel – เอาล่ะ พอแล้ว ! เราจะโจมตี จบ นั่นคือแผน 
Talion – ข้าจะจัดการพวก Orc เอง
ทหาร – พวกข้าจะสนับสนุนอีกแรง 
Lithariel – OK เราจะเข้าไปเอายาแก้พิษและหนีทันที ตามนั้นน๊ะ 

- จากนั้นเป้าหมายแรก Talion ต้องจัดการหน่วยลาดตระเวนของ Uruk ให้หมดทั้ง 3 จุดโดยห้ามให้ศัตรูรู้ตัวเด็ดขาด  ซึ่งจุดที่ 2 จะมี Uruk ระดับกัปตัน Luga The handsome เฝ้าอยู่ด้วย โดยต้องการจัดการมันโดยห้ามให้รู้ตัวอีกด้วย ก่อนอื่นพยายามสะกดจิต Uruk ให้มากที่สุด ซึ่งถ้าทำได้ 5 ตัวก็จะได้โบนัสด้วย ตรงที่ Luga มันอยู่มีกองไฟอยู่ สามารถยิงให้มันระเบิดจัดการลูกน้องมันรอบๆจนหมดจึงจะเข้าไปสู้กับมันโดยที่จะถือว่าพวกศัตรูยังไม่รู้ตัวตามเงื่อนไข จัดการมันซะ ตรงจุดระวังภัยที่ 3 จะมีกรง Caragor ยิงเปิดกรงให้มันเป็นตัวช่วยซะแล้วลอบจัดการ Uruk จากด้านบนเอา เมื่อจัดการเคลียร์หมดทั้ง 3 จุดทางด้าน Lithariel ก็จะลอบเข้าไปขโมยยาแก้พิษออกมาได้สำเร็จ



Talion – ได้สิ่งที่เจ้าตามหามั๊ย 
Lithariel – ได้สิ ทหาร ! รีบนำกลับไปให้ราชินีด่วนที่สุด
Celebrimbor – ให้เดาน๊ะ คิดว่ายาของมนุษย์ธรรมดาจะช่วยนางได้แน่หรอ ?
Talion – ข้าหวังว่ายานั่นจะช่วยแม่เจ้าได้น๊ะ Lithariel
Lithariel – ข้าเจอจดหมายซึ่งเป็นข้อความจากหัวหน้าของพวก Orc ที่เรียกชุมนุมกันที่หมู่บ้านชาวประมงน่ะ 
เราควรรีบวางแผนซุ่มโจมตีพวกมัน ข้าเป็นหนี้เจ้า Talion ขอบคุณมาก
Talion – ข้าก็ดีใจที่ได้ช่วย 
Lithariel – พวกเราโชคดีที่มีท่านอยู่ 
Celebrimbor – พวกเขาไม่ใช่คนของเจ้า Talion อย่าลืมเรื่องลูกเมียเจ้าสิ 



           

                                                      Main Mission – The Rescue 

                                                        Bonus objective – ไม่มี 

หลังจากเสร็จงานเข้าไปขโมยยาแก้พิษที่ป้อมของ Uruk นั้นปรากฏว่า Lithariel ยังกลับไม่ถึงหมู่บ้านเลย Talion จึงรีบออกตามหาทันที 





Uruk – ถ้าเจ้าบอกว่าไม่รู้อะไรเลย เจ้าก็ไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว พวกแกเสร็จธุระกับยัยนี่แล้วก็แขวนมันสูงๆหน่อยแล้วกัน เจ้าหลุมศพเดินได้มันจะได้หาเจอง่ายๆหน่อย ฮ่าๆ 
Uruk – บอกว่าว่ามันอยู่ที่ไหนแล้วข้าจะข้าเจ้าให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดไงล่ะ ! แต่ว่าหลังจากที่เจ้าฆ่าคนของข้าไปตั้งเยอะแล้วข้าเปลี่ยนใจที่จะฆ่าเจ้าช้าๆอย่างที่ข้าถนัดดีกว่า 

- เมื่อ Talion เข้ามาถึงหน้าแค้มป์ก็จะได้ยินเสียงร้องของ Lithariel ทันที เป้าหมายแรก ลอบจัดการสะกดจิต (Brand) พวก Uruk ทั้งหมด 6 ตัวโดยห้ามให้พวกศัตรูรู้ตัวภายในเวลา 8 นาที จากนั้นก็เข้าไปยังเป้าหมายจุดเหลืองเพื่อตามหา Lithariel ซึ่งก็จะพบเธอกำลังถูกพวก Uruk เตรียมจะฆ่าอยู่พอดี เป้าหมายที่ต้องทำคือฆ่า Uruk 5 ตัวที่จับเธออยู่หรือไม่ก็สะกดจิต (Brand) เฉพาะ Uruk ตัวที่จับ Lithariel อยู่ จริงๆก็ฆ่ามันให้หมดด้วยธนูนั่นแหละง่ายสุด จากนั้นก็เข้าไปช่วยพยุงเธอหนีออกมาจากค่าย ท่ามกลางพวก Uruk มากมายที่เข้ามาขัดขวาง ซึ่งก็ทำให้ Talion ต้องวางตัว Lithariel แล้วจัดการ Uruk ที่เข้ามาสลับกับพยุงเธอเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุดด้วย ลุยออกมาไปจนถึงนอกค่าย Talion ก็จะพา Lithariel หนีออกมาได้อย่างปลอดภัย



Lithariel – ทำไมท่านทำแบบนี้ Talion
Talion – อะไร ก็แค่หยุดพักหายใจ
Lithariel – ข้าหมายถึงท่านกลับมาช่วยข้าทำไม ?
Talion – เมื่อก่อนข้ามีครอบครัว เคยมีลูกเมีย ..แต่ข้าก็ต้องเป็นคนฝังศพพวกเค้าทั้งหมด 
Lithariel – อยู่กับพวกเราน๊ะ แม่ของชั้นช่วยท่านได้ 
Talion – ไม่ได้ ข้าอยู่ไม่ได้ ข้าไม่ได้เป็นคนของที่นี่ 
Lithariel – ท่านเป็นฮีโร่สำหรับคนของข้า 
Talion – เราต้องรีบออกจากที่นี่ เจ้าพอเดินไหวน๊ะ คนของเจ้ามารับแล้ว 
Lithariel – ขอบคุณมาก Ranger …



                     


                                               Main Mission – Lord of Mordor 

                                                    Bonus objective – ไม่มี 

เหมือนจะรู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มจะสุกงอม ราชีนิ Marwen แห่ง Shore ในฐานผู้นำทางจิตวิญญาณของแคว้นทางใต้ของมอร์ดอร์ได้เริ่มระดมเงินทุนและสรรพกำลังทุกทางที่จะสร้างกำลังของตัวเองขึ้นมาก่อนที่สงครามกับจอมมารร้ายจะเริ่มปะทุ ก่อนที่กองทัพย่อยๆของ Orc จะผ่านพ้นชายแดนเข้ามาแต่ยังโชคดีที่ว่าคนที่นำมานั้นคือ มนุษย์ หรืออย่างน้อย ก็ครึ่งนึง ..




Talion – ราชีนิ Marwen ดีใจที่เจอท่านอีกในวันที่สุขภาพแข็งแรง
ราชีนิ Marwen – เราเตรียมเรือพร้อมไว้แล้ว ทุกคนพร้อมจะเดินหน้าไปกับเจ้าจนสุดทาง Talion
Lithariel – พวกออร์ก …พวกมันจะเชื่อฟังเจ้านานแคไหน 
Talion – ข้าคิดว่า นานพอเท่าที่ข้าจะพอใจน๊ะ  ข้าเป็นหนี้ท่าน ราชีนิ Marwen
ราชีนิ Marwen – พวกเราต่างหากที่เป็นหนี้เจ้า Talion…เรามาจบเรื่องเลวร้ายนี้กันเถอะ 



Talion ออกเดินทางไปกับพันธะสัญญาของ ราชีนิ Marwen และกองกำลังออร์กของเขาด้วยกองเรือที่รวบรวมมาได้ข้ามทะเล Nurnen มุ่งสู่ Gred Glamhoth ณ. ใจกลางดินแดนแห่งมอรดอร์  และทันทีที่ขึ้นฝั่งก็ได้รับการต้อนรับจากกองทัพ Uruk ที่นำโดย Warchief Norsko the Skinless นำกำลังมาประชิดหมายจะโรมรัน มันปลุกระดมเหล่า Uruk ที่บ้าคลั่งเพราะเห็นเหล่าพี่น้องถูกขโมยวิญญาณให้เข้าต่อสู้กับ Talion ที่ไม่มีคำปลุกใจใดๆนอกจากอรัมภบทที่มาก่อเกิดจากแรงแค้น 

Norsko the Skinless – มันกำลังด้วยความเลวร้ายอย่างที่สุด พี่น้อง ! มันเฉือนเนื้อเรา มันขโมยจิตใจของเรา เราจะยึดมอร์ดอร์มาเป็นของเรา พอกันที พอกันที !! 




Talion – นับจากนี้ สายลมจะระงมไปด้วยเสียงโหยหวลของเหล่า Uruk และพื้นดินที่จะนองไปด้วยเลือด Uruk !!

- จากนั้นก็นำกองทัพ Uruk ของ Talion ลุยกับกองทัพของ Norsko ที่ลุกเข้ามามากมาย เป้าหมายคือเด็ดหัว Warchief Norsko the Skinless แล้วเข้าไปที่ทางเข้าชั้นบนของป้อมตามไอค่อยรูปไฟไปจนถึงลานกว้างด้านใน Talion ก็จะได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาจากซากศพที่ถูกมัดอยู่มากมายทักทายเขา Celebrimbor จังบอกกับ Talion ว่าตอนนี้ Black Hand กำลังเฝ้ามองอยู่ ซึ่งนั่นก็ไม่ทำให้ Talion หยุดที่จะเดินจ้ำเข้าไปจนถึงบัลลังก์ด้านในที่ดูเหมือนมันจะไร้ผู้คน แต่ทันทีที่ Talion กำลังจะหันหลังกลับ ร่างๆนึงก็ปรากฏออกมา มันหาใช่ balck Hand ที่ Talion ท้าทายไม่ แต่มันกลับเป็น The Tower Black Captain บอดีการ์ดคู่กายของมันแทน





The Tower – โค้งคำนับข้าสิ ! แล้วเข้าจะให้เจ้าเข้าพบ จ้าวแห่งความมืด โดยไม่ขัดขวาง 
Celebrimbor – เราไม่เคารพใครทั้งนั้น 
The Tower - ท่าน จ้าวแห่งความมืด อภัยให้เจ้าแล้ว Celebrimbor เลิกพยายามเปลี่ยนแปลงชะตกรรมของมนุษย์ที่กำลังเป็นศพพวกนี้เถอะ 
Talion – หุบปาก ลุกขึ้นมา แล้วมาซัดกัน
The Tower - เจ้าไม่ต้องการแบบนั้นหรอก Ranger  ข้าจะบอกอะไรให้ Celebrimbor นั่นแหละคือ คำสาปของเจ้า เขาเป็นคนเลือกเจ้าเอง 
Celebrimbor – หุบปาก !! 
The Tower - เขาสามารถปลดปล่อยเจ้าได้ทุกเมื่อนั่นแหละ แต่เขาไม่ทำ ..เจ้ามันก็แค่วิญญาณรับใช้ Ring Maker นั่นล่ะที่เจ้าเป็น เอาล่ะ ตามที่เจ้าขอ ..เรามาสู้กัน !



Boss - The Tower ทันทีที่เปิดฉากสู้มันก็วาร์ปหายตัวไปทันที สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือลอบเข้าไปดูดพลัง ของมัน (Drain กด RT + B) ให้ได้ภายใน 8 นาที ซึ่งการจะลอบเข้าไปดูดพลังของมันไม่ทันหนีไปก่อนนั้นทางที่ดีที่สุดคือ โดดลงไปจากด้านบน ซึ่งเมื่อจัดการดูดพลังมันจนใกล้จะหมดแล้วมันจะปลอมตัวเป็น Loreth เมียของ Talion ยืนทำงานอยู่ เข้าไปจัดการมันซะ The Tower จะพยายามดูดพลังของ Talion แต่แรงแค้นที่เหนือคณานับของ Talion ก็ผลัก The Tower กระเด็นก่อนที่จะใช้ดาบที่หักของลูกชายกระหน่ำแทงนับครั้งไม่ถ้วน จนองค์รักษ์ของแม่ทัพมารนอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้า..



หลังจัดการ The Tower องค์รักษ์ตัวสุดท้ายของ Black Hand ลงได้ Celebrimbor ก็จะรีบเข้ามาเคลียร์คำพูดที่คาใจ Talion อยู่ทันที 



Talion – ไหนท่านบอกเราต่างก็โดนคำสาปไง ท่านหลอกข้า
Celebrimbor – Sauron มันเป็นคนทำ
Talion – ท่านนั่นแหละ ทำ ! ข้าและครอบครอบครัวถึงต้องตาย !
Celebrimbor – หรือเจ้าไม่ต้องการจะแก้แค้น ..ข้าจะไม่สนใจเจ้าก็ทำได้ แต่มันเป็นทางเดียวที่จะหยุดเรื่องราวทั้งหมด วงจรอุบาท นี่ ..  ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง Black Hand มันก็จะลอยนวล
Talion – ไม่นานหรอก !

Talion กลับเข้ามาที่ ดินแดน Nurn พร้อมชัยชนะ แต่ทันทีที่เห็นกลุ่มควันสีดำขึ้นที่หมู่บ้านชนเผ่าก็ทำให้รู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องร้ายกับ ราชีนิ Marwen และ Lithariel แน่นอน 



** ก่อนจะเริ่ม Mission Mordor in Flame ซึ่งจะเป็นภาระกิจสุดท้ายแล้ว ถ้ายังมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำก็ไปทำซะให้เรียบร้อยก่อนรับภาระกิจด้วย ** 



                               

                                     Main Mission – Mordor in Flame 

                                                Bonus objective – ไม่มี

ทันทีที่ Talion รีบกลับมาที่ที่พักของ ราชีนี Marwen ก็พบว่าที่ถูกทำลายจนวอดไปหมด เหลือไว้แต่ข้อความคำพูดเวทย์มนต์ที่ ราชีนี Marwen ทิ้งไว้ให้ Celebrimbor “อีกไม่นานเราจะได้พบกันอีก ตลอดไป “ จากนั้นเจ้า กอลลั่ม ที่แอบอยู่จะออกมา มันได้มอบสมบัติชิ้นสำคัญชิ้นสุดท้ายที่มันแอบฉกมาได้ให้กับ Talion มงคลสวมหัวของ Celebrimbor ซึ่งมันทำให้ Talion เห็นภาพนิมิตรในอดีตของ Celebrimbor อีกครั้ง




 ภาพของ Celebrimbor ในวันที่โดน Sauron จับมาที่ ภูเขามรณะ แล้วใช้พลังแห่งแหวนเอกธำมรงค์บังคับให้ Celebrimbor ใช้ฝีมือของเขาร่วมกับความรู้ของมันสร้าง แหวนเอกธำมรงค์ ของมันให้สมบูรณ์แบบ แต่มันไม่ได้สำเร็จตามที่ Sauron หวังเพราะ พลังของแหวนแห่งเอลฟ์ที่ Celebrimbor แอบสร้างขึ้นได้ปกป้องเขาจะพลังมืดของ แหวนเอกธำมรงค์ ทำให้ Celebrimbor แสร้งวางแผนทำให้ Sauron ตายใจก่อนใช้ความไว้ชิงแหวน แหวนเอกธำมรงค์ หนีไปได้ในที่สุด 




หลังภาพนิมิตรจบลงในขณะที่ Talion กำลังมึนงงตามเคย เจ้ากอลลั่มก็พยายามเข้ามาทำร้ายเพราะมันรู้ว่า Celebrimbor เป็นคนเก็บเอา ของรัก ของมันเอาไว้ แต่โชคดีที่ Celebrimbor ออกมาช่วยไว้ทัน กอลลั่มมันจะตีโพยตีพายด่าว่า Celebrimbor ว่าเป็นคนขี้ขโมยที่เอาของรักของมันไป ก่อนที่กอลลั่นจะหนีไปด้วยความเจ็บใจเพราะยังไงก็ทำอะไร Celebrimbor ไม่ได้อยู่ดี 



ขณะนั้นทั้งคู่ก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่กำลังใกล้เข้ามา Celebrimbor ก็รู้ทันทีว่าตอนนี้ Sauron รู้แล้วว่าทั้งคู่อยู่ที่นี่ ก่อนที่ภูเขามรณะจะเริ่มปะทุอย่างรุนแรงจนเถ้าถ่านฟุ้งกระจายจนทั่ว และแปรเปลี่ยนเป็นกองทัพออร์กมหาศาลที่กรีธาทัพออกมา Talion จึงรีบเดินทางไปที่ Black Gate ทันที 

- จากนั้นก็ลุยไปตามทาง ระหว่างทางจะพบกับเหล่า Talons of Black Hand ทหารฝีมือดีของมันออกมาต่อต้านมากมาย จัดการ Warchief ทั้ง 5 ตัวพร้อมลูกสมุนมากมายให้หมด แล้วก็ลุยต่อเข้าไปตามทางจนถึง Black gate แล้วปีนขึ้นไปจนถึงป้อมด้านบน สถานที่ที่เริ่มต้นของเรื่องราวโศกนาฎกรรมของ Talion ซึ่งก็จะพบ Black Hand รออยู่ที่นั่น ..

“ ข้ามีของขวัญให้เจ้า Celebrimbor “ Black Hand ทักทายก่อนจะอัดกระแทกร่างของ Talion จนสะเทือนไปถึงร่างวิญญาณของ Celebrimbor ทำให้ Talion เห็นภาพนิมิตรขึ้นมา …





ภาพนิมิตรเห็นถึง Celebrimbor ใช้พลังของ แหวนเอกธำมรงค์ ในการควบคุมเหล่าออร์กให้เป็นกองทัพของตัวเองเพื่อเข้าต่อกรกับ Sauron พลังของแหวนทำให้แม้แต่ Sauron ก็ยากจะต้านทาน ในขณะที่ Celebrimbor กำลังจะมีชัยในศึก ก่อนที่เขาจะลงดาบจัดการจอมมาร Sauron ให้สิ้น จู่ๆแหวนก็หลุดจากนิ้วเข้าไปสวมที่นิ้วของ Sauron พอดี และด้วยอำนาจแห่งแหวนเอกธำมรงค์ก็ทำให้ Sauron ผลิกสถานะการณ์มาเป็นผู้ชนะ





 ก่อนที่มันจะจับตัว Celebrimbor ไปลงโทษด้วยความแค้น มันใช้ร่างของ อันนาทาร์ ฆ่าลูกเมียของ Celebrimbor เพื่อตอกย้ำในวันที่ Celebrimbor ถูกมันหลอกใช้ก่อนจะกระหน่ำตีด้วยค้อนตีเหล็กที่มันใช้สร้างแหวนใส่ร่างของ Celebrimbor ไม่ยั้งจนตายคาทีตามลูกเมียไป แม้แต่วิญญาณ Celebrimbor Sauron มันก็ไม่ยอมให้ได้สู่สุขคติ 

ทันที่ภาพนิมิตรจบลง Talion ยังไม่ทันได้เตรียมตัว Black Hand ก็เดินตรงเข้ามาหาทันที

Black Hand – ท่านจ้าวแห่งความมืดให้โอกาศเจ้าอีกครั้งให้ได้ยืนเคียงข้างท่าน เจ้าก็ยังเลือกทำเรื่องที่มันโง่เขลา Celebrimbor ที่นี่ข้าจะไม่ให้เจ้ามีโอกาศเลือกแกแล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับสู่ความตายอย่างที่เจ้าต้องการ 
กลับมาหาข้า Ring Maker !!








Black Hand ใช้ดาบเชือดคอตัวเองเพื่อให้ Sauron เข้ามาใช้ร่างมันเพื่อดูดวิญญาณของ Celebrimbor ให้เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับมันจนทำให้ Sauron กลับมีร่างสมบรูณ์อีกครั้ง Sauron ไม่รอช้าที่จะเข้าไปจัดการ Talion ให้สิ้นซากไปอีกคนทันที 




ในขณะที่ Talion กำลังหมดโอกาสที่จะสู้ Celebrimbor ที่อยู่ในร่าง Sauron ก็ตรึงร่างมันเอาไว้จน Talion สามารถลุกขึ้นมาจับดาบกระหน่ำแทงร่างของ Sauron จนสลายกลับไปยัง Ruin of Barad – dur อีกครั้ง เหลือไว้แค่ร่างของ Black Hand ที่นอนตายอยู่แทบเท้า Talion วิญญาณของ Celebrimbor ก็จะเป็นอิสระอีกครั้ง..




Celebrimbor – Black Hand แห่ง Sauron ตายแล้ว Hither Shore กำลังเรียกหาเรา การต่อสู้ของเรามันนานเกินไปแล้ว Talion ..ข้าลองจนทุกทางแล้วยังไงเราก็ทำลายมันไม่ได้ 
Talion – นี่ท่านคิดว่าจะพักอย่างสงบได้จริงๆหรอ ท่านสร้างแหวนแห่งหายนะขึ้นมาแต่กลับบอกว่า หยุดมันไม่ได้ อย่างงั้นหรอ แล้วท่านมีฝีมือ มีความรู้มากมาย ที่มีโอกาสที่จะหยุดมันได้ แต่ทันเลือกที่จะไม่ทำอย่างงั้นหรอ ท่านยังลองไม่หมดทุกทาง ..




                       ……. ถึงเวลาของแหวนวงใหม่แล้ว Celebrimbor ! …..


    ………………………………………. THE END ……………………………………….


   

                         




                                เรื่องราวทั้งหมดในยุคก่อกำเนิดแหวนครองพิภพ

                                             [เครดิตบทความโดย คุณ nazizombie1945]



                                   
                      ยุคที่หนึ่ง

ยุคที่หนึ่งในตำนาน ซิลมาริลลิออน กล่าวว่า เซารอนแต่เดิมเป็นเทพไมอา ในสังกัดของ อาวเล เทพวิศวกรรม (เหตุนี้เขาจึงมีทักษะในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ สูงมาก) แต่แล้วถูกเทพอสูรเมลคอร์ ล่อลวงให้ไปรับใช้ตน เซารอนจึงแปรพักตร์ไปเข้ากับเมลคอร์


เซารอนได้เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ เป็นสมุนเอก เป็นเสนาบดีใหญ่ของเมลคอร์มานับแต่ยุคก่อนยุค เมื่อครั้งที่เมลคอร์ ซ่องสุมกำลังพลในตรุใต้ดินที่ อุทุมโน เซารอนเป็นผู้ควบคุมดูแลป้อมตะวันตกที่อังก์บันด์ แต่เมื่อเมลคอร์พ่ายแพ้ต่อปวงเทพ และอุทุมโนถูกรื้อทำลาย ปวงเทพกลับหาตัวเซารอนไม่พบ


เซารอนได้มาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเมลคอร์ หรือ มอร์กอธ อีกครั้ง เมื่อเขาได้รับอภัยโทษจากปวงเทพ แล้วกลับก่อเหตุทำลายทวิพฤกษา ชิงซิลมาริล และหนีกลับมายังมิดเดิลเอิร์ธ ซ่องสุมกำลังขึ้นใหม่ที่อังก์บันด์


พวกเอลฟ์ในยุคที่หนึ่งเรียกเซารอนว่า กอร์เธาร์ (Gorthaur) ซึ่งหมายถึง จอมเวทผู้น่าสะพรึงกลัว เซารอนมีทักษะทางด้านเวทมนตร์คาถาด้วย สมุนบริวารของเขาที่สำคัญคือพวกมนุษย์หมาป่า เช่น เดรากลูอิน และยังมีนางปีศาจค้างคาว ธูริงเกวธิล ทำหน้าที่เป็นคนส่งสารประจำตัว


เซารอนยกทัพตีหอคอยมินัสทิริธของฟินร็อด ซึ่งตั้งอยู่บนโทลซิริออนได้ และยึดมาเป็นฐานที่มั่นของตน เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น โทล-อิน-เการ์ฮอธ หอคอยนี้ภายหลังเป็นสถานที่สิ้นพระชนม์ของฟินร็อดเอง เมื่อพระองค์เสี่ยงชีวิตเข้าปกป้องเบเรน ระหว่างปฏิบัติภารกิจชิงซิลมาริล


หลังสิ้นสุดยุคที่หนึ่ง เมื่อปวงเทพยกทัพมาปราบมอร์กอธ ทำลายอังก์บันด์และแผ่นดินเบเลริอันด์ทั้งหมดจมลงสู่ใต้ทะเล เทพเอออนเวขอให้เซารอนยินยอมกลับไปขออภัยโทษต่อปวงวาลาร์ แต่เซารอนกลัวเกินกว่าจะกลับไปได้ เขาจึงหนีหายไป



                                                                   ยุคที่สอง

เซารอนกลับมาตั้งอาณาจักรของตนขึ้นใหม่อย่างเงียบๆ ในแผ่นดินมอร์ดอร์ และเริ่มเกลี้ยกล่อมมนุษย์ชาวพื้นเมืองให้เข้าเป็นพวกกับตน เขาปลอมตัวเป็นร่างงดงามชื่อ อันนาทาร์ เข้าไปยังอาณาจักรเอเรกิออน พวกเอลฟ์ช่างแห่งเอเรกิออนไม่ได้ระแวงสงสัย และยังชื่นชมกับทักษะฝีมือทางการช่างอันเป็นเลิศ จึงต้อนรับอันนาทาร์เป็นอันดี และได้ช่วยสร้าง แหวนแห่งอำนาจ ขึ้น 16 วง ซึ่งต่อมาได้แก่ แหวนแห่งคนแคระ 7 วง กับแหวนแห่งมนุษย์ 9 วง

เซารอนกลับมาลักลอบสร้างแหวนเอกธำมรงค์ ในเมาท์ดูม ด้วยอัคคีในภูเขาไฟนั้น พร้อมทั้งแบ่งพลังส่วนหนึ่งของตนใส่ลงไปในแหวนด้วย ทำให้แหวนเอก มีอำนาจบังคับบัญชาเหนือแหวนทั้ง 16 วงที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้

แต่ เคเลบริมบอร์ เอลฟ์ช่างผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมอีกคนหนึ่ง ก็แอบสร้าง แหวนแห่งเอลฟ์ ขึ้นสามวง โดยเซารอนไม่ได้มีส่วนในการสร้างด้วย ครั้นเมื่อเซารอนสวมแหวนเอกของตนในเมาท์ดูม ผู้สวมแหวนเอลฟ์ก็รู้สึกได้ทันที และจึงได้ตระหนักว่า ตัวตนที่แท้จริงของ อันนาทาร์ คือใคร

เมื่อนั้นจึงเกิดเป็นสงครามระหว่างเอลฟ์กับเซารอน เอเรกิออนถูกตีแตก แต่เซารอนก็ไม่สามารถยึดเมืองไว้ได้ เพราะทัพมนุษย์จากนูเมนอร์ ยกมาช่วย ดังนั้นเซารอนจึงต้องถอยกลับไปตั้งหลักในมอร์ดอร์ใหม่

จนถึงสมัยของ อาร์-ฟาราโซน ทัพนูเมนอร์ยกมามิดเดิลเอิร์ธ หวังจะแผ่ขยายอำนาจ เซารอนก็แกล้งทำเป็นยอมจำนน ให้ชาวนูเมนอร์จับตัวกลับไปในฐานะเชลย แต่แล้วเขาใช้ลิ้นเจรจาอันหลักแหลม จนได้เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของกษัตริย์ ยุยงให้อาร์-ฟาราโซน นำกองทัพบุกไปอามัน เพื่อช่วงชิงความเป็นอมตะ ปวงเทพสั่งสอนความยโสของอาร์-ฟาราโซน โดยบันดาลให้เกาะนูเมนอร์จมสมุทร แล้วยกทวีปอามันออกไปเสียจากพิภพอาร์ดา แล้วบันดาลให้โลกกลม ทำให้ไม่มีใครสามารถเดินทางไปยังอามันได้อีก นอกจากพวกเอลฟ์

เซารอนอยู่บนเกาะนูเมนอร์ในคราวจมสมุทร แต่เขากลายร่างเป็นสายลมอันดำมืด และหนีออกมาจากการจมสมุทรครั้งนั้นได้ทันเวลา กลับไปยังมอร์ดอร์ที่มั่นของตน

เอเลนดิลกับบุตรทั้งสอง คืออิซิลดูร์ กับ อนาริออน ก็หนีจากการจมสมุทรของนูเมนอร์ได้เช่นกัน และมาตั้งอาณาจักรอาร์นอร์และกอนดอร์ บนแผ่นดินมิดเดิลเอิร์ธ พวกเขาสร้างหอคอยมินัสอิธิลไว้ที่ไหล่เขาเอเร็ดลิธุย ชายอาณาเขตมอร์ดอร์ เพื่อคอยเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของเซารอน

ปลายยุคที่สอง ทัพเอลฟ์กับมนุษย์ร่วมมือกันอีกครั้ง จัดตั้งเป็น ทัพพันธมิตรครั้งสุดท้าย ยกไปโจมตีมอร์ดอร์ เกิดการสัประยุทธ์ใหญ่ที่สมรภูมิทุ่งดาร์กอลัด เอเลนดิลและกิลกาลัดสิ้นพระชนม์ แต่อิซิลดูร์ใช้ดาบนาร์ซิลของพ่อ ตัดนิ้วของเซารอนพร้อมกับแหวนเอก ขาดสะบั้น ทำให้อำนาจของเซารอนพังทลาย กลายเป็นดวงจิตล่องลอย ต้องหนีไปพักฟื้นอยู่นานก่อนจะสามารถแสดงร่างเป็นกายเนื้อได้อีก
ยุคที่สาม

เซารอนเริ่มปรากฏตัวบนมิดเดิลเอิร์ธอีกครั้งในฐานะ เนโครมันเซอร์ ดังที่ปรากฏในเรื่อง เดอะฮอบบิท โดยซุ่มตัวอยู่ในโดลกุลดัวร์ หอไสยเวทย์ ทางตอนใต้ของป่าเมิร์ควูด

เมื่อชาวสภาขาวล่วงรู้ ก็เตรียมการโจมตีโดลกุลดัวร์ แต่เซารอนรู้ทัน หนีกลับมามอร์ดอร์เสียก่อน แล้วเริ่มซ่องสุมกองกำลังขึ้นใหม่ โดยมีราชันขมังเวท หรือ วิชคิง แห่งอังก์มาร์ เป็นบริวารคนสำคัญ

เซารอนพยายามติดตามหาแหวนเอก ด้วยอำนาจส่วนใหญ่ของตนถูกแบ่งไปบรรจุอยู่ในแหวนนั้น เขาตามล่ากอลลัม และตามหาตัว 'แบ๊กกิ้นส์' ผู้ถือแหวนคนถัดไป แต่ก็ไม่สำเร็จ เมื่อแหวนเอกถูกทำลายลงในเมาท์ดูม ร่างจำแลงของเซารอนที่สร้างขึ้นด้วยอำนาจอันมีเหลืออยู่น้อยนิด ก็สูญสลายไป

แต่เซารอนเป็นเทพไมอา เขาจึงไม่ตาย ได้แต่เป็นดวงจิตอันไร้พลัง ล่องลอยไปมาอยู่ในอาร์ดาเท่านั้น

                     ก่อนจะเข้าถึงยุคที่สามคือที่เราดูกันในหนังแหละครับ ………..




ไม่มีความคิดเห็น: