วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560

บทสรุป Horizon Zero Dawn [ตอนจบ]



                    บทสรุป   Horizon Zero Dawn [ตอนจบ] 


                                          เรื่องราวก่อนหน้านี้                 

                                          บทที่ 1 บทแห่ง Nora 

             http://decibelperoxide.blogspot.com/2017/03/horizon-zero-dawn.html

                                          บทที่ 2 บทแห่ง Carja

    http://decibelperoxide.blogspot.com/2017/06/horizon-zero-dawn-httpdecibelperoxide.html



                                บทที่ 3 บทแห่ง อุปราคา (The Eclipse)






               เส้นทางขึ้นดินแดนทางเหนือสู่ เขตแดนน้ำแข็งแห่ง  Carja 







ในเขตภาคเหนือของ Carja จะมีจุด Vantage point  3 จุดสุดท้ายให้สำรวจเพื่อรับรู้เรื่องราวในอดีต





                                        Vantage point 10 : BRYCE ORBITAL

Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 12 ขณะทั่เรากำลังมองดูเครื่องส่งจรวดพุ่งโค้งตัดขอบฟ้าในยามค่ำคืนอย่างกระตือรือร้น คุณจำมือผม แล้วบีบมันจนแน่นก่อนจะบอกว่า “คุณต้องเขียนเรื่องราวครอบครัวของเราตอนบินข้ามดวงดาวนะ” 




                             Vantage point 11 : FARD AUTOMATED SOLUTIONS 

Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 1 ผมไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดจบหรือจะเริ่มที่จุดจบดี แต่อย่างไรก็ตาม กราวซีโร่ เมื่อเกิดการพุ่งชน ทุกอย่างจะถูกทำลายทั้งหมด เริ่มจากการงานของผมก่อน จากนั้นก็ทุกอย่าง ผมหมายถึงทุกอย่างจริงๆนะ 




                                              Vantage point 12: KING’S PEAK 



Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 10 ฉะนั้น ที่นี่จึงกลายเป็นที่ที่ผมจะได้เรียนรู้ว่า ทำยังไงโลกมันจะถึงจุดจบ ถือว่ามันเป็นวันโลกแตกครั้งที่สองของผมในปีนี้เลย แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเริ่มมีสิ่งปลูกสร้างมากขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้นะ
                  



จากนั้นเดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปกำหนดจุดเป้าหมายของ Main Quest: MAKER’S END ต่อ  ในขณะเดินทางเข้าใกล้เป้าหมาย เสียงของผู้ติดต่อลึกลับก็ดังขึ้นในเครื่อง Focus ของ Aloy อีกครั้งในขณะที่เธอกำลังบ่นเรื่องผู้หญิงปริศนาที่เธอไม่รู้จัก

          

[Aloy] – Maker ‘s End อีกไม่ไกลแล้ว Olin บอกว่าเขาพบภาพของผู้หญิงคนนั้นที่เราเคยเจอในเครื่องจักรโบราณในถ้ำ ถ้าเธอเป็นแม่ของเราล่ะ? แล้วทำไมเราต้องตามเธอออกมาไกลจากดินแดน Nora ขนาดนี้ด้วยนะ? ไม่เข้าใจจริงๆ ตกลงเธอคือใครกันแน่
[ผู้ติดต่อลึกลับ] – เธอชื่อ Elisabet Sobeck 
[Aloy] – คุณ ! เข้ามาสอดแนมในเครื่อง Focus ของชั้นอีกแล้วนะ ! เฮ้ออ ... เอาล่ะ ว่ามา คุณรู้เรื่องอะไรของเธอบ้างละ?
[ผู้ติดต่อลึกลับ] – อยู่ในช่วงเวลาปัจจุบันเหมือนกับเจ้านั่นแหละ แต่อยู่มานานกว่ามาก เจ้ารู้จักนางดี บางทีอาจจะเรียกว่า รู้จักดีมากๆด้วย แต่ตอนนี้เจ้าควรระวังตอนเจ้าไปถึงที่ Maker ‘s End ก่อนจะดีกว่า เพราะมันเต็มไปด้วยนักรบของพวกอุปราคาเต็มไปหมด เพื่อจะให้เจ้าจัดการพวกมันได้ง่ายขึ้น ก่อนถึงที่นั่นข้ามีเครื่องใช้บางอย่างจะให้เจ้าเอาไว้ใช้งาน ข้าจะแสดงตำแหน่งให้ในเครื่อง Focus ของเจ้าก็แล้วกันนะ 
[Aloy] – Elisabet Sobeck งั้นหรอ ? ทำไมชื่อฟังดูแปลกๆแฮะ ?  





                                     Main Quest: MAKER’S END





หลังจากที่ได้รับข้อความล่าสุดจากชายปริศนาผ่านทางเครื่อง Focus ในขณะที่กำลังเดินทางขึ้นเหนือ เมื่อกดดูในแผนที่ใน Main Quest: MAKER’S END จะมีจุดเป้าหมายภารกิจเพิ่มมาอีกอันที่ใกล้ๆจุดกองไฟก่อนถึงจุดเป้าหมายของภารกิจหลักด้านบน


สำรวจที่กล่องตรงจุดเป้าหมายจะพบอาวุธที่ซ่อนอยู่ เสียดายที่มันเป็นแค่ Ropcaster ระดับต่ำที่ไม่ได้สำคัญมากกว่าที่มีอยู่ เก็บมาแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือตามจุดหมายของภารกิจที่ซากตึกขนาดใหญ่ต่อจนถึงลานกว้างด้านใน Aloy จะเริ่มรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดอย่างรุนแรงที่เริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าไปใกล้ จนเมื่อเห็นกับตา คือภาพของจักรกลขนาดใหญ่ที่กำลังระเบิดเพื่อเปิดพื้นที่โดยการควบคุมของพวก Eclipse


คนของ Eclipse - เตรียมพร้อม ยิงได้ !! เตรียมอาวุธทุกชนิดให้พร้อม ถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าต่อแล้วให้เร็วด้วยอย่ามัวแต่อู้ ไม่นานเจ้าปีศาจอีกตัวจะได้ขึ้นมาเคียงคู่กับเจ้า Deathbringer ตัวนี้ เราจะได้เปิดศึกอย่างเต็มที่กันซักที !!
Aloy – นี่เป็นแค่ หนึ่งใน Deathbringer งั้นหรอ? อย่างที่ Olin บอกชื่อมันไว้จริงๆด้วย ชั้นคงจะเข้าไปที่ซากตึกสูงนั่นไม่ได้แน่ถ้าไม่หาทางทำลายเจ้านี่ซะก่อน 



จากนั้นที่ต้องทำคือทำลาย Deathbringer และพวก Eclipse ที่อยู่ในพื้นที่ให้หมด โดยเริ่มจากซุ่มยิงพวก Eclipse และ Watcher ที่อยู่รอบๆพื้นที่ให้หมดก่อนจะเป็นการดีที่สุด หลังจากกำจัดพวกศัตรูจนหมดแล้ว จะมีพวก Eclipse คนนึงที่ใช้เครื่อง Focus และทำตกเอาไว้เมื่อจัดการมันได้ Aloy จึงรีบเข้าไปตรวจสอบดูทันที



Aloy – นี่มันอะไรกันเนี้ย ?
HADES – ตัวตนที่เป็นสัจภัณฑ์ ยังคงดำรงอยู่งั้นหรอ? ยอมรับไม่ได้.. ยอมรับไม่ได้... ยอมรับไม่ได้….
Aloy – เฮ้ๆ เจ้าคนแปลกหน้า ! เจ้าได้ยินเสียงนั่นรึเปล่า ? เงียบ ? ที่เรื่องที่อยากรู้นี่ไม่เคยตอบเลยนะ 
ไม่เป็นไร ชั้นจะเข้าไปหาคำตอบในซากตึกสูงนั่นเองก็ได้  

หลังจากเก็บไอเทมต่างๆจนหมดก็เข้าไปตามทางจุดเป้าหมายของภารกิจจนพบกับถ้ำเล็กๆที่เป็นทางไปที่ซอกเล็กๆที่สามารถลอดผ่านเข้าไปที่ตัวซากอาคารได้ ที่ทางเข้า Aloy จะพบประตูที่ต้องสแกนเพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้งเหมือนที่ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของ Nora



                                             
                                                     โปรดแสดงตัวตนด้วย ...



Aloy – อีกแล้วหรอ
เริ่มสแกนเพื่อระบุตัวตน ....เริ่มสแกนเพื่อระบุตัวตน
Aloy – ไม่ผ่านอีกเหมือนเดิม เฮ้อ ..
ข้อมูลรหัสพันธุกรรมยืนยันถูกต้อง ... อณุญาติให้ผ่านได้ ... ขอต้อนรับ Dr.Sobeck กรุณาเข้ามาด้านในได้เลยค่ะ 



Dr.Sobeck คุณเลยกำหนดการนัดหมายกับ Mr. Faro มาเป็นเวลา สามแสนห้าหมื่นห้าพันกับอีกสิบวันแล้ว กรุณารีบไปดำเนินการต่อในชั้นที่ 35 ค่ะ 
Aloy – เดี๋ยวนะ  สามแสนห้าหมื่นห้าพันวันนั่นมันเป็นพันปีก่อนเลยนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี้ย ...



                                       FARD AUTOMATED SOLUTIONS

เมื่อเข้ามาในซากตึกแล้ว เป้าหมายคือขึ้นไปที่ห้องทำงานของ Mr. Faro ที่ชั้น 35 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของซากตึกนี้  ระหว่างสำรวจตามห้องต่างๆเพื่อเก็บไอเทมและไฟล์ต่างๆให้ครบ Aloy จะเริ่มรู้ถึงสิ่งปกติที่คนที่ทำงานในตึกนี้เมื่อหลายพันล้านปีก่อนทำ นั่นคือพยายามค้นคว้าหารหัสในการปลดล็อกพฤติกรรมของหุ่นยนต์เพื่อหาทางที่จะควบคุมมัน



                                                         Wellcome to FAS

ระบบต้อนรับของ FAS – ขอต้อนรับเข้าสู่ Faro Automated solution ทุกปัญหาในอนาคตจะถูกแก้ไขในวันนี้ ด้วยพนักงานกว่า 25,000 คนที่อยู่ในประเทศนี้และมีผู้ถือหุ้นทั่วโลก Faro คือผู้นำของโลกในทุกๆภาคส่วนให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติเต็มรูปแบบด้วยการปฎิวัติสินค้าสำหรับอุปโภคบิรโภคสำหรับใช้ในครัวเรือนอย่างเข่น เครื่อง Focus ของ Faro รวมถึงหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยเพื่อหยุดการนองเลือดในเขตความขัดแย้งทั่วโลก Faro ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้อนาคตสดใสอย่างชาญฉลาดและไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนเสมอ Faro Automated solution เพื่อการแก้ปัญหาทุกปัญหาของชีวิตอย่างชาญฉลาด
Aloy – พวกเขาเป็นคนสร้างเครื่อง Focus หรอเนี้ย ? มีคนตั้ง 25,000 คน นั่นมากกว่าเผ่าๆนึงเลยนะ สรุปว่าพวกเขาสร้างหุ่นยนต์และเครื่องควบคุม ชั้นเดาว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาในยุคของพวกเค้าสมัยนั้นแน่นอนเลย  




                                                    FAS – FSPS KHOPESH

The FSP5 “Khopesh” ด้วยขนาดที่เหมาะสมสำหรับกำลังรบหลัก ด้วยการสร้างด้วยระบบ Metamasterial ทำให้ลดการสะท้อนกลับของการยิงให้น้อยลง ทำให้สามารถเลือกอาวุธต่างให้เข้ากับสถานการณ์ในการรบและตามงบประมาณที่คุณต้องการได้ ระบบแปลงชีวมวลที่ได้รับการจดสิทธิบัตรช่วยให้สามารถใช้งานได้ในกรณีฉุกเฉินโดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด การประมวลผลของเป้าหมายในเชิงซ้อนทำให้การวิเคราะห์ภัยคุกคามสามารถทำได้แบบเรียลไทม์พร้อมๆกันกับการตรวจสอบด้านกฎหมายไปในตัว สำหรับดำเนินการในประเทศ หรือ ควบคุมกองทัพหุ่นจากเครือข่ายด้วย application ในการใช้อาวุธจากระยะไกล อย่างไรก็ตาม ยามใดที่คุณเรียกหาปืนใหญ่ ก็จงเรียกหา “Khopesh”
Aloy – The Deathbringer .... ระดมยิงหนักขนาดนั้น เรียกว่าเป็นกำลังรบหลักแน่นอน 





                                                    FAS – BOR7 HORUS

The BOR7 “Horus” ภาพที่สมบูรณ์แบบของระบบนิเวศน์ในการรบที่คุณมีส่วนร่วมในการควบคุมผ่านเครือข่ายความเร็วสูง ไม่ว่าคุณจะต้องการตัวตายตัวแทนในสนามรบหรือจะใช้เพื่อคาดคะเนในการวางแผนการรบ Horus มีประสิทธิภาพในการสร้างในระดับสูง หมายถึงคุณไม่ต้องรอเพื่อให้แขนต่อไปออกมา ง่ายๆเพียงแค่กำหนดค่าพลังของกองทัพที่คุณต้องการขึ้นมาแล้ว  Horus ก็จะจัดการสร้างยูนิตขึ้นมาให้อย่างเต็มกำลังตามที่คุณสามารถหามาได้ตามใบอณุญาติที่คุณจ่ายค่าธรรมเนียมเอาไว้ ในขณะที่ระบบแปลงชีวมวลของ “Horus”  ทำให้มันสามารถซ่อมแซมและพร้อมรบได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังขยายขีดความสามารถในการปฏิบัติงานนอกเหนือจากปกติด้วยการเปลี่ยนไปใช้ Titan-Class Platform ได้ด้วย นั่นทำให้ “Horus” พร้อมและได้เปรียบการรบอยู่ตลอดเวลา อนาคตของการทำสงครามด้วย Automated จึงเป็นจริงได้ในวันนี้ 
Aloy – ยกระดับความสามารถในการผลิต พวกเขาจะสร้างตัวเองเพิ่มงั้นหรอ?




                                                  FAS – ACA3 SCARAB

The ACA3 “Scarab” คือการผสมกันระหว่างการรบแบบปกติธรรมดากับข้อมูลด้านการต่อสู้ที่มีประสิทธิ์ภาพให้เป็นหนึ่งเดียวกันทำให้สามารถทำการรบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเสมือนวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าหรือส่งหน่วยลาดตระเวณเข้าไปดูลาดเลาไว้แล้วด้วยยูนิตที่มีความอยู่รอดในขั้นสูง บางที่อาจเพราะระบบแปลงชีวมวลของ “Scarab” จึงทำให้มั่นใจว่ามันจะสามารถรอดกลับมายังฐานได้ทุกครั้งแม้ว่าพลังงานเชื้อเพลิงที่มีอยู่จะหมดลงแล้วก็ตาม หรืออาจเพราะความสามารถของ “Scarab” ที่สามารถทำให้หุ่นยนต์ของศัตรูมาอยู่ในเครือข่ายของตัวมันได้ ทำให้มันมีกองกำลังที่เพิ่มทวีคูณได้เรื่อยๆ แถมด้วยแขนกลมือขยันมากมายที่สามารถปฎิบัติการได้แบบ 360 เพื่อใช้สำหรับยึดจับสิ่งต่างๆ จัดการกับความวุ่นวายรอบๆตัวและซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้น เท่านี้คุณก็จะได้ม้าใช้ที่ทันสมัยเอาไว้ใช้งานรักษาสันติภาพได้ไม่ยาก
Aloy –ทำให้หุ่นยนต์ของศัตรูกลายเป็นทาสหรอ? ฟังดูเหมือนพวกหุ่น Corrupter ยังไงยังงั้นเลย


หลังจากสำรวจตรวจสอบตามข้อความต่างๆที่ยังคงเหลือบันทึกเอาไว้ Aloy พบว่าที่นี่คือที่ทำงานของคนเมื่อหลายพันปีก่อนที่เรียกว่า Faro Automated solution แม้จะยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมาก แต่ก็พอประติดประต่อได้ว่า โครงการที่บริษัทนี้ทำคือสร้างหุ่นยนต์เพื่อสร้างความสงบสุข แต่ดูเหมือน Aloy จะไมปักใจเชื่อหลังจากที่ผ่านทุกอย่างมาจนถึงตอนนี้


จากนั้นมุ่งหน้าปีนป่ายไปตามทางจนถึงด้านบนสุดของซากตึกที่เหลืออยู่ก็จะพบซากห้องทำงานของ Mr. Faro ที่ชั้น 35 เข้าไปสำรวจแผงควบคุมเพื่อกู้ข้อมูลที่เหลือเพื่อดูบันทึกการสนทนาระหว่าง Mr. Faro กับ Elisabet Sobeck ก่อนหน้านี้  เสร็จแล้วเข้าไปใช้ Focus สแกนเครื่องบันทึกบบโต๊ะเพื่อฟังการสนาทนาได้เลย


                                        DATAPOINT 7 – Record 31 Oct 2064



Ted Faro – Elisabet ดีใจนะที่ ......ปีนึงแล้วใช่มั๊ย?
Elisabet Sobeck – ไหนละทีมกฎหมายของคุณ Ted ?
Ted Faro – ไม่จำเป็นหรอก ผมเพิ่งยกเลิกคดีทั้ง 18 เคสก่อนที่คุณจะมาถึง คิดว่าคุณได้รับข้อมูลยืนยันไปแล้วซะอีก
Elisabet Sobeck – งั้นหรอ แล้วการทำสัญญานี้มีอะไรน่าสนใจแค่ไหน?
Ted Faro – บางที เราน่าจะสั่งอาหารกลางวันมาทานกันนะกินไปคุยไป จะได่เป็นการทำความคุ้นเคยกันไปในตัวด้วย ดีมั๊ย?
Elisabet Sobeck – อย่าเปลี่ยนเรื่อง Ted ชั้นรู้จักคุณดี คุณกำลังทำบางอย่างพัง เป็นเรื่องใหญ่มากๆด้วย ไม่งั้นคุณคงไม่ยอมรับผิดแล้วเรียกชั้นมาที่นี่หรอก เอาละ คายมันออกมาได้แล้ว
Ted Faro – เกิดปัญหาขึ้นที่ Chariot line
Elisabet Sobeck – ไอ้หุ่นนักฆ่าของคุณใช่มั๊ย?
Ted Faro – Peacekeeper .... ใช่ 
Elisabet Sobeck – งั้นก็ปิดระบบพวกมันสิ
Ted Faro – พูดตรงๆ ..ฟังนะ ถ้าเราทำได้เราทำไปแล้ว พวกมันไม่ตอบสนองคำสั่งเลย
Elisabet Sobeck – คุณจะบอกชั้นว่าพวกหุ่นพวกนั้นมันแปรพักตร์งั้นหรอ Ted?
Ted Faro – มันแย่กว่านั้น …
Elisabet Sobeck – เฮ้ออ ..ส่งข้อมูลทั้งหมดมา เดี๋ยวชั้นจัดการเอง ..คนเดียว

Aloy - Ted Faro เรียกตัว Elisabet Sobeck มาที่นี่งั้นหรอ? แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่เลยนะ


                                     DATAPOINT 8 - Record 1 NOV 2064



Elisabet Sobeck – นี่มันไม่ใช่แค่ เกิดปัญหา แต่มันคือ หายนะ !!
Ted Faro – ผมรู้ดีน่า มันแย่มาก
Elisabet Sobeck – แย่งั้นหรอ ?
Ted Faro – พระเจ้า ...นี่ฟังนะ
Elisabet Sobeck – มันไม่ใช่แค่ แย่ มันเป็นความหายนะ คุณสร้างกองทัพหุ่นนักฆ่าขึ้นมานะ !!
Ted Faro – มันคือ Peacekeeper ! มันคือ กองกำลังรักษาสันติภาพ
Elisabet Sobeck – พวกมันใช้พลังงานชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงนะ 
Ted Faro – แค่ในภาวะฉุกเฉิน !!
Elisabet Sobeck – แต่คุณสร้างมันขึ้นมาให้มีสติปัญญาจนทำให้มันกระทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองได้
Ted Faro – แต่ขอบเขตการสร้างตัวเองของมันก็ถูกควบคุมเอาไว้
Elisabet Sobeck – ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว พวกมันตัดขาดจากการควบคุมทั้งหมดไปแล้ว และพวกมันกำลังคิดด้วยตัวเอง
Ted Faro – คุณคิดงั้นหรอ?
Elisabet Sobeck – ทุกอย่างที่มันต้องการมีแค่ เชื้อเพลิง และการเพิ่มจำนวน Ted พวกมันสามารถครองโลกนี้ได้ภายในเวลาแค่ 15 เดือน !! เราไม่ได้พูดถึงเรื่องการสูญสิ้นของอารยธรรม แต่เราพูดถึงเรื่องการสูญพันธ์ของมนุษย์ชาติ !!
Ted Faro – เออๆๆผมรู้แล้วน่า !! แล้วเราจะจำกัดอาณาเขตพวกมันได้ยังไง !?
Elisabet Sobeck – เราจำกัดอาณาเขตมันไม่ได้ มันทำไม่ได้ !!
Ted Faro – คุณก็รู้ว่าผมหมายความว่ายังไง?
Elisabet Sobeck – ใช่ รู้ ..ต้องรีบทำก่อนที่ความจริงจะถูกเปิดเผยออกไป คุณหมายความว่างั้นใช่มั๊ย?
Ted Faro – เอาละ ฟังนะ ผมจะทำทุกอย่างตามที่คุณบอก ขอให้คุณทำงานของคุณต่อเถอะ  เสนอแนะอะไรมาผมยอมหมด 
Elisabet Sobeck – รักษาคำพูดของคุณด้วยละ Ted !!

Aloy – หุ่นยนต์ของ Faro คุกคามและทำลายทุกชีวิตบนโลกงั้นหรอ? แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอก็จะแพ้พวกมัน ! โลกของคนในยุคก่อนล่มสลาย แต่ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป ไม่งั้นพวกเราคงจะไม่มาอยู่ที่นี่


                                   DATAPOINT 9 - Record 3 NOV 2064



Ted Faro – Project Zero Dawn งั้นหรอ? พระเจ้า ..ฟังนะ มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรอ!
Elisabet Sobeck – ถ้าต้องการจะแก้ไขเรื่องที่คุณทำพังเอาไว้ ชั้นก็แนะนำแผนนี้แหละ
Ted Faro – แต่เรื่องนี้ .. เรื่องนี้ ตอนผมบอกคุณให้หาทางแก้ไข ผมไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายจนเหมือนเกิดโรคระบาดแบบนี้นะ
Elisabet Sobeck – มันไม่ใช่แบบนั้น Ted ถึงแม้จะฟังดูน่ากลัวแต่มันก็เป็นทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะฉะนั้นเซ็นต์ยินยอมรับข้อเสนอเถอะ
Ted Faro – เซ็นต์ยินยอมหรอ ผมไม่เซ็นต์อะไรทั้งนั้นแหละ !!
Elisabet Sobeck – เซ็นต์สิ คุณต้องเซ็นต์
Ted Faro – นั่นมัน  …ฟังนะ ..ผมยังเกรวกลัวต่อบาปอยู่นะที่จะให้เซ็นต์ยอมรับกับเรื่องแบบนั้นน่ะ
Elisabet Sobeck – คุณก็ต้องตัดสินใจแล้ว Ted ! ชั้นคุยกับคุณจาก VTOL ระหว่างเส้นทางไปยัง US Robot Command อีก 15 นาทีชั้นจะเข้าไปคุยกับนายพล Herres และพวกคณะเสนาธิการร่วมที่ยังเหลืออยู่
Ted Faro – ว่าไงนะ !! นี่คุณบ้าไปแล้วหรอ??
Elisabet Sobeck – เอาละ ตอนนี้คุณต้องตัดสินใจแล้วว่าจะเซ็นต์ยินยอมให้ชั้นทำตามแผนของชั้น ฉันจะบอกพวกเขาว่า บริษัท ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ได้ให้การรับรองและให้เงินช่วยเหลือสำหรับใช้ในการสร้าง Zero Dawn ตามที่ชั้นออกแบบเอาไว้ หรือ จะตอบคำถามพวกเขาเอง ชั้นรับรองเลยว่าที่นี้คนทั้งโลกก็จะรู้กันทั่วว่าต้นตอของปัญหาวิกฤติการณ์หุ่นยนต์ไร้การควบคุมในครั้งนี้มันเกิดขึ้นจากใครกันแน่ !  
Ted Faro – ให้ตายเถอะ พระเจ้า ! …คุณไม่ต้องมาขู่ผมหรอก ..... เซ็นต์ก็ได้ !
Elisabet Sobeck – คุณเลือกทางที่ถูกที่ควรแล้ว Ted  จากนี้เป็นต้นไป คูณก็ได้ทำในสิ่งที่ดีเหมือนอย่างที่คุณเคยตั้งใจไว้ตลอดมาแล้ว ก่อนที่อีกไม่นานคุณก็จะได้รับกรรมจากเรื่องสกปรกที่คุณทำไว้ ไม่ว่าคุณจะตั้งใจหรือเปล่าก็เถอะ 



Aloy – ตกลงเธอจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงกันนะ ? แล้วเธอจะหยุดพวกหุ่นยนต์นั่นยังไงกัน ? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย Sobeck ไม่ใช่แม่ชั้นแน่นอนเพราะเธอมีชีวิตอยู่เมื่อหลายพันปีมาแล้ว การค้นหาความจริงของชั้นที่ผ่านมามันไม่ได้ใกล้เคียงเลย
เสียงจากชายปริศนา – นี่คือการแสดงออกหลังจากที่เจ้าได้รับรู้ทุกอย่างมางั้นหรอ ? ร้องไห้ขี้แยเหมือนเด็กน้อยเนี้ยนะ?
Aloy – ถ้าอยากจะพูดกับชั้นมากนักทำไมไม่แสดงตัวออกมาซะทีละ !



เสียงจากชายปริศนา – ก็ได้ ....ถามจริงๆ นี่เจ้าไม่รู้จะทำยังไงดีกับสิ่งที่เจ้าอุตส่าห์บากบั่นค้นหามาจนเจองั้นหรอ Aloy หรือว่าข้าคาดหวังในตัวเจ้าสูงจนเกินไป
Aloy – อืมม ในที่สุดก็รู้ว่าท่านก็มีหน้าตา แล้วคุณมีชื่อด้วยมั๊ยเนี้ย?
เสียงจากชายปริศนา – มีคำถามมากมายที่เจ้าควรจะถามข้าในตอนนี้ แต่คำถามเดียวที่เจ้าถามข้าคือชื่อข้างั้นหรอ? ที่ผ่านมาข้าใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตไปกับการค้นหาตามแหล่งอารยธรรมเก่าของพวกคนยุคก่อนเพื่อพยายามอธิบายว่ามันเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรกับพวกเขากันแน่ จนถึงเมื่อปีที่แล้วที่ข้าเริ่มรู้ว่า สาเหตุมันมาจากหุ่นยนต์ของ Faro เป็นตัวการในการทำลายอารยธรรมของพวกเขาจนหมดสิ้น แต่ข้าก็ยังยืนยันไม่ได้แน่นอน แต่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเจ้าเพิ่งจะไขปริศนาในความรู้ของอารยธรรมโบราณที่ข้าตามหามาตลอดชีวิต แต่ที่เจ้าอยากรู้ที่สุดคือชื่อของข้างั้นหรอ? …. Sylens นั่นชื่อของข้า เอาล่ะ ที่นี่ทำไมเจ้าไม่อยากทำคำถามอื่นๆที่มันสำคัญน้อยกว่านี้อีกล่ะ?

Aloy [You don’t understand ...] คุณไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาชั้นต้องเจอเรื่องที่มันหนักหนาแค่ไหนถึงจะมาถึงจุดนี้ได้ ตลอดชีวิต ชั้นโตมาโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวชั้นเป็นใคร เกิดจากใคร มาจากไหน แล้วจากนั้นพวกอุปราคา (Eclipse) ก็ปรากฏตัวขึ้นมาพยายามฆ่าชั้นเพราะนึกว่าเป็นผู้หญิงที่ชื่อ Elisabet Sobeck  
Sylens – แล้วพวกมันก็ฆ่าชายคนที่พยายามช่วยเจ้า จากนั้นเจ้าก็ถูกพบตัวที่ภูเขาอย่างกับเด็กน้อย ข้ารู้หมดแล้ว มองผ่าน Focus ของเจ้าไง 
Aloy – ประเด็นคือ ทุกครั้งที่ชั้นเข้าไปใกล้สิ่งที่ค้นหา คำตอบของมันก็ขยับหนีไปไกลเกินเอื้อมทุกที คุณไม่เข้าใจหรอก
Sylens – ไม่ใช่ข้าไม่เข้าใจแต่ข้าไม่แคร์ต่างหาก ก็ถ้าคำตอบที่เจ้าค้นหามันขยับหนีไปไกลทุกครั้งที่เจ้าเข้าไปใกล้ งั้นเจ้าคงต้องรีบวิ่งไปคว้ามันไว้แล้วล่ะ บางทีเจ้าก็แค่ยังไม่เข้าใจว่าปัญหาที่เจ้ามีคืออะไรมากกว่า 
Aloy – ปัญหาหรอ ? แล้วท่านคุณคิดว่ามันคืออะไรกันล่ะ?




Sylens – เจ้ากำลังไล่ตามค้นหาคนๆนึงที่เป็นปริศนาซึ่งมันนำเจ้าไปสู่ปริศนาที่ยิ่งใหญ่กว่า มันเหมือนเธอสามารถเชื่อมโยงไป Elisabet Sobeck  ได้
Aloy – แต่ อะไรคือสิ่งที่เชื่อมโยงกันล่ะในเมือเธอเองก็ไม่ใช่แม่ของชั้นพระเกิดในยุคก่อนนานมากแล้ว
Sylens – ตอนนี้เรายังไม่รู้หรอกว่าเธอกับ Elisabet Sobeck เกี่ยวโยงกันยังไง ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือต้องค้นหาและค้นหาต่อไปจนเจอ แต่ก็ขอบคุณที่เจ้าทำให้ข้ารู้ว่า หุ่นยนต์ของ Faro เป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกชีวิตบนโลกสูญหายไปจริงๆตามที่ข้าคิดไว้
Aloy – แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นนี่เพราะถ้าอารยธรรมของคนยุคก่อนสูญสิ้นไปหมดจริงๆ แต่ทำไมยังมีมนุษย์หลงเหลือ ทำไมถึงมีพวกเราอยู่อีก 
Sylens – เราเห็นได้ชัดว่า Elisabet Sobeck พยายามหยุดหุ่นของ Faro แต่เธอทำอะไร หยุดยังไงทุกชีวิตจึงสุญหายไปจนหมด?
Aloy – เธอบอกว่า Project Zero Dawn แล้วอะไรคือ Project Zero Dawn ?
Sylens – ก็ในเมื่อมันเป็นคำถาม ตอนนี้เธอเองพร้อมรึยังที่จะไปหาคำตอบ ?
Aloy – พร้อมสิ !
Sylens – แล้วทำไมมัวมายืนอยู่ที่นี่อีกล่ะ?
Aloy – ก่อนขาดการติดต่อไป Elisabet บอก Faro ว่าเธอกำลังเดินทางไปที่ที่เรียกว่า US Robot Command เพื่อบอกทุกคนเกี่ยวกับ Project Zero Dawn
Sylens – ที่นั่นตอนนี้ก็ยังอยู่ ชาว Oseram เรียกมันว่า Grave Hoard อยู่ทางเทือกเขาฝั่งตะวันออกซ่อนอยู่ใต้แผ่นเหล็กที่ม้วนกันยุ่งเยิงที่เรียกว่า Metal Devil หรือที่เราเรียนรู้ที่จะเรียกกันว่า B.O.R -7 Horus ข้าจะติดต่อไปหลังจากที่เจ้าไปถึงที่นั่นก็แล้วกัน 


หลังจากจบภารกิจแล้วอย่าเพิ่งลงจากตึก หันหลังไปที่ฝั่งตรงข้ามของทางเข้าห้องจะมีซากพนังที่สามารถเกาะปีนขึ้นด้านบนต่อได้ เมื่อปีนขึ้นไปจนสุดก็จะพบ Power Cell ชิ้นแรกในเซ็ทที่ 2 ที่เอาไว้สำหรับปลดล็อกชุดเกราะลับใน Side Quest: Ancient Armory (ตอนนี้จะเหลืออีก 2 อัน) 


จากนั้นจะได้ภารกิจใหม่มาคือ Main Quest : THE GRAVE – HOARD ที่ต้องเดินทางไปยังทางตอนเหนือสุดของเทือกเขาทางทิศตะวันออกของดินแดน Caja 





                             Main Quest : THE GRAVE - HOARD






ทันทีที่เข้ามาถึงที่หมาย ในห้องแรกของทางเข้าเศษซากของศูยน์ควบคุมหุ่นยนต์แห่งสหรัฐเมื่อในอดีต แต่ในยุคนี้มันคือ The Grave Hoard ที่เต็มไปด้วยซากศพของทหารที่ตายแห้งกรังตั้งแต่ยุคสมัยเก่าเมื่อครั้งที่ Dr. Elisabet Sobeck เข้ามาที่นี่ใหม่ๆและได้นำพาเอามหัตภัยตามมาโดยไม่รู้ตัว บันทึกต่างๆนานาที่ Focus สแกนได้คือเสียงหัวเราะเยาะครั้งสุดท้ายของพวกทหารในเรื่อง Project Zero Dawn ของ Dr. Sobeck

- จัดการพวกอุปราคาที่กำลังเก็บซากจักรกลอยู่ในชั้น 1 ให้หมดแล้วโดดโหนลงไปที่ชั้นล่างต่อ เก็บไอเทมและตรวจสอบบันทึกต่างๆที่ชั้น 2 ให้หมดแล้วโหนลงชั้นล่างต่อ ที่ชั้น 3 ด้านในระหว่างทางที่จะเข้าไปส่วนในจะพบประตู Bunker Door กั้นทางอยู่ สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องเปิดแหล่งพลังงานของที่นี่ก่อนเพื่อเปิดประตูนี้ 


- ผ่านประตูเข้าไปด้านในต่อจนถึงที่โดดข้ามไปเกาะโหนฝั่งตรงข้ามแล้วโดดลงชั้นล่างจะพบที่ใส่รหัส  ( Holographic interface) วิธีหารหัสก็เหมือนเดิม 


เข้าไปใช้ Focus สแกนตรงกล่องควบคุมข้างๆก็จะเห็นรหัสเปิดด้านในส่องแสงออกมา ซึ่งต้องหมุนให้แทบสีแดงไปตามทิศทางต่างๆให้ถูกคือ บน – ล่าง – ซ้าย – ขวา จากนั้นก็โดดลงไปด้านล่างต่อซึ่งจะมีที่ใส่รหัสอีก 2 อันที่ต้องใส่ 

ที่ใส่รหัสอันที่ 2 จะไม่สามารถสแกนดูรหัสได้ต้องสแกนที่เครื่องบันทึกข้อมูลฟังคำใบ้แทน ซึ่งต้องหมุนแทบสีแดงตามนี้ บน – ขวา – ซ้าย – ล่าง 


ที่ใส่รหัสอันที่ 3 ด้านล่างสุด สแกนที่แผงควบคุม แล้วหมุนแทบสีแดงตามนี้ บน – บน – ล่าง – ล่าง 
เมื่อเปิดระบบควบคุมพลังงานทั้ง 3 ได้แล้วก็ปีนกลับไปที่ประตู Bunker Door ที่ปิดอยู่อีกครั้งก็จะสามารถเข้าไปด้านในได้แล้ว


เมื่อผ่านเข้าประตูมาอย่าลืมแวะเก็บ Power Cell ที่ต้องอยู่ด้านซ้ายของพนังด้วยซึ่งจะเป็น Power Cell ชิ้นที่ 2 ในเซ็ทที่ 2 ที่เอาไว้สำหรับปลดล็อกชุดเกราะลับใน Side Quest: Ancient Armory (ตอนนี้จะเหลืออีก 1 อัน)


เมื่อผ่านเข้าประตู Bunker Door มาได้จะพบห้องทำงานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพวกอุปราคามากมาย จัดการพวกมันให้หมด เก็บไอเทมและบันทึกข้อมูลสำคัญตามทางให้หมดแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องประชุมแรก เข้าไปกดที่แท่นควบคุม Aloy จะเห็น โฮโลแกรม 3 มิติรูป โลก ที่ตัวเองอาศัยอยู่เป็นครั้งแรก


Aloy – นี่มัน ...อะไร เหมือนเป็นแผนที่ อะไรซักอย่าง
Sylens – มันคือโลก ดาวโลก Aloy โลกที่เราอยู่ มันไม่ได้แบนอย่างที่เราคิดหรอกนะ 
Aloy – ทำไมชั้นถึงคิดแบบนั้น? ก็ตอนที่เกิดสุริยคลาส มันมีเงาทอดลงมาที่พระจันทร์เป็นรูปโค้ง เงาโค้งนั่นเป็นเงาของโลกเราหรอ? จากระยะไกลหรอ?
Sylens – เอาเป็นว่า เราจะพูดเรื่องนี้กันทีหลังแล้วกันนะ แล้วกลับมาที่เรื่องสำคัญของเราก่อนดีกว่า
Aloy – หุ่นของ Faro แพร่กระจายไปทั่วโลกและกัดกินทุกๆสิ่งจนหมด Dr. Sobeck จึงต้องพยายามหาทางหยุดมันก่อนจะสายเกินไป ...แล้วไงต่อ ?


จากนั้นเก็บไอเทมและข้อมูลให้หมดแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องโถงขนาดใหญ่ จะพบซากของหุ่น The BOR7 “Horus” ขนาดใหญ่หรือที่คนยุคนี้เรียกว่า Metal Devil และพวกอุปราคากำลังดัดแปลงซากหุ่นด้านในเพื่อนำมาใช้งาน ก่อนที่พวกมันจะปล่อย Deathbringer ออกมาจากซากหุ่น ต่อหน้าต่อตา Aloy 



ที่ต้องทำคือจัดการ Boss Deathbringer และพวกอุปราคาให้หมด พยายามจัดการพวกทหารอุปราคาที่น่ารำคาญให้หมดก่อนจากนั้นค่อยเข้าไปลุยกับ Deathbringer หลักในการต่อสู้กับมันให้ได้ผลดีที่สุดคือ ทิ้งระยะห่างเพื่อหลบการพ่นไฟของมัน แล้ววิ่งหนีเป็นวงกลมรอบๆตัวมันและหลบตามที่กำบังต่างๆในพื้นที่ในตอนที่มันยิงจรวดเข้าใส่ 

     

จากนั้นรอตอนมันหยุดเพราะโอเวอร์ฮีทจนเอาแกนพลังงานสีส้มออกมาจากตัว ให้เล็งยิงไปที่แกนพลังงานมันจะเสียพลังเยอะและจะล้มลงกับพื้นทันทีก็จะสามารถเข้าไปซ้ำตามจุดสีส้มและแกนพลังงานที่ออกมาให้ยิงได้อีกครั้ง ก่อนที่มันจะลุกขึ้นมาใหม่ก็ให้ทำเหมือนเดิมไปเรื่อยๆก็จะจัดการมันได้ 

เก็บไอเทมต่างๆในห้องโถงใหญ่จนพอแล้วเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องประชุมใหญ่ เข้าไปกดสวิตซ์ที่แท่นควบคุมเพื่อดูบันทึกการประชุมในตอนที่  Dr. Elisabet Sobeck กำลังประชุมถกเถียงหาข้อตกลงกับเหล่าเสนาธิการณ์ทหารในเรื่อง Project Zero Dawn ซึ่งเป็นทางออกของปัญหาวิกฤติหุ่นยนต์ที่เธอพยายามนำเสนอ


นายพล Herres - ขอบคุณมาก Dr. Sobeck เชิญนั่งก่อน
ผู้บัญชาการทหาร # 1  – ห๊ะ นี่คุณยังจะให้เธอพูดต่อหลังจากที่ได้ฟังเธอพูดเมื่อกี้แล้วหรอ?
นายพล Herres - Dr. Sobeck ทำตามหน้าที่ของเธอ และพยายามที่จะให้ทางเลือกกับเรา เราถึงต้องฟังความคิดของเธอก่อน
ผู้บัญชาการทหาร # 1 – ผมก็แค่ ...หมายถึง ...พระเจ้า !!
ผู้บัญชาการทหาร # 2 – บางทีเราน่าจะยุติการประชุมครั้งนี้ไว้ก่อนนะ
นายพล Herres –การประชุมจะดำเนินต่อไป ไม่มีการยุติใดๆทั้งสิ้น พวกคุณก็เห็นตัวเลขความเสียหายนั่นแล้ว Faro บอกว่าเขาจะชดใช้ความเสียหาย แต่งานนี้เงินของเขาแก้ปัญหาไม่ได้นอกจากใช้ซื้อเวลาเพื่อทำในสิ่งที่จำเป็นนั่นคือทำ Project Zero Dawn ให้เสร็จสมบูรณ์ นั่นเป็นทางเลือกของเขาที่จะได้ไม่ต้องจ่ายด้วยเลือดของเขาเอง
ผู้บัญชาการทหาร # 2 – ถ้าเราอัพเกรดกองทัพของเราให้ดีขึ้น อาจจะถอดหรัสพวกมันได้ซักวันก็ได้


Dr. Sobeck – นี่คุณไม่ได้ฟังชั้นพูดใช่มั๊ย? ตอนนี้พวกหุ่นยนต์มันจะไม่รับฟังคำสั่งหรือสู้เพื่อพวกคุณอีกแล้ว ! ทันทีที่เริ่มแฮกพวกหุ่นนักล่าจะเข้าโจมตีทันที และเมื่อคุณจะสร้างหุ่นส่งออกไปใหม่พวกมันก็จะเปลี่ยนหุ่นที่เราส่งไปให้กลายเป็นพวกมันอยู่ดี  
ผู้บัญชาการทหาร # 1 – แต่นี่มัน ! .. มันก็ไม่ต่างจากเรากำลังปล่อยให้พลเรือนเข้าไปในเครื่องบดเนื้อ 
นายพล Herres – ท่านผู้บัญชาการทหาร !! เรากำลังเผชิญกับหุ่นที่สามารถก็อปปี้ตัวเองเพื่อขยายจำนวนและกินสสารที่มีชีวิตเป็นพลังงานนะ เราไม่มีทางฆ่ามันได้หมดหรอก Project Zero Dawn คือทั้งหมดที่เรามี 
ผู้บัญชาการทหาร # 1 – ต้องปะทะกับมันซึ่งๆหน้าเลยหรอ? ทำไมคนของเราต้องไปเสี่ยงตายแบบนั้นด้วยละ!
นายพล Herres – เราจำเป็นต้องให้พวกเขาทำอะไรซักอย่าง ต้องต่อสู้เพื่อ Zero Dawn อาวุธลับสุดยอดนั่นจะช่วยเราให้รอด ตราบเท่าที่มนุษย์ชาติยังพอที่รวมตัวกันได้และนานพอที่ Dr. Sobeck กับทีมของเธอจะจบเรื่องนี้ !! ไฟล์ที่ผมส่งให้ไปคือแผนการรบที่สำหรับใช้ในปฎิบัติการณ์ของเรา ยุทธการ Enduring Victory
ผู้บัญชาการทหาร # 1 – แผนการรบงั้นหรอ? นี่มันอาชญากรสงครมชัดๆ 
นายพล Herres – มันอาจจะดูน่าเกลียด แต่มันเป็นอะไรที่พอจะเป็นทางเลือกที่เราพิจรณาได้ Dr. Sobeck ผมอณุญาติให้ใช้ฐานยิงจรวดที่ปลดระวางแล้วด้านนอกของ อุทยานแห่งชาติไบรซ์แคนยอน ที่ยูทาห์สำหรับใช้ป็นพื้นที่สำหรับเริ่มแผน Zero Dawn ได้ คุณจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่
Dr. Sobeck – ชั้นส่งเมลรายละเอียดของผู้สมัครคัดเลือกในชุด Alpha และ Beta ไปให้แล้วค่ะ ตัวอย่างส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างชาติที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท... อาจต้องมีการบีบบังคับกันบ้างนิดหน่อย
นายพล Herres – เรื่องนั้นปล่อยเป็นหน้าที่ของผมเอง คุณไปเตรียมทีมของคุณให้พร้อมไว้ก็แล้วกัน .. 

Aloy – ฐานยิงจรวด มันคืออะไรกันนะ แล้ว Elisabet จะทำอะไรกับคนพวกนั้นที่นั่นกันแน่ ?


ฟังทุกอย่างจบแล้วก็เข้าไปตามทางด้านในต่อจนถึงบันไดสำหรับปีนขึ้นมาที่ทางออกจากที่นี่ได้เลย



Aloy – เฮ้ออ ออกมาจากที่นั่นได้ซะที ตอนนี้เราก็ต้องตามหา ฐานยิงจรวด ที่พวกเขาพูดถึง 
Sylens – ข่าวดีคือ ข้ามีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ว่านั้นแล้ว 
Aloy – แล้วข่าวร้ายคือ
Sylens – ตรงนั้นมันอยู่ในการดูแลของมหาวิหารแห่ง Sunfall 
Aloy – เมืองหลวงของพวก Shadow Carja คงไม่สะดวกสบายแน่นอน 
Sylens – ที่นั่นเต็มไปด้วยนักรบของพวกอุปราคาเต็มไปหมดและพวกมันสวมใส่ Focus กันหมดด้วย ถ้าพวกมันเห็นเจ้า Hades ก็ต้องเห็นด้วย ไม่ต้องบอกนะว่าพวกนักรบของ Shadow Carja ก็ต้องแห่มาหาเจ้าแน่นอน
Aloy – งั้นก็ปิดระบบ Focus ของมันซะสิ คุณเคยทำได้มาก่อนไม่ใช่หรอ?
Sylens – Focus จำนวนมากขนาดนั้นในที่เดียวกันข้าทำไม่ได้ง่ายๆนักหรอก นอกจากว่าจะทำลายเส้นทางการสื่อสารของพวกมันไม่ให้ไปถึง Hades หมายถึงทำลายทั้งระบบ Network สื่อสารของพวกมันเลย
Aloy – Network ..มันคืออะไรหรอ?
Sylens – ลองนึกภาพ ใยแมงมุมที่เจ้ามองไม่เห็นที่ยาวเชื่อมต่อกันข้ามดินแดนต่างๆเพื่อเชื่อมโยง Focus ทุกเครื่องเข้าด้วยกันสิ ทำให้พวกมันสามารถติดต่อกันได้หลายๆคนพร้อมๆกัน
Aloy – เอาล่ะ แล้ว เรามีทางจะตัดไอ้ใยพวกนั้นได้มั๊ยละ?
Sylens – ทำให้ Network มันล่มงั้นหรอ ? อืมม ความคิดดีมาก เอาล่ะ ข้ารู้จุดอ่อนที่จะทำลาย Network ระบบสื่อสารของมันแล้ว ข้าจะส่งตำแหน่งที่หมายไปให้ใน Focus แล้วเมื่อไปถึงที่นั่นค่อยคุยกันเรื่องรายละเอียดอีกที




หลังจากจบภารกิจนี้จะมีภารกิจหลักใหม่เพิ่มขึ้นมาคือ Main Quest: THE CURSE THE DARKNESS เป้าหมายของภารกิจจะอยู่ที่ป่าฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของแผนที่ เข้าไปที่จุดนับพบกับ Sylens ที่กองไฟเป้าหมายที่อยู่บนภูเขาแล้วเข้าไปพักแรม 1 คืนเพื่อรอการติดต่อของ Sylens



                       Main Quest: THE CURSE THE DARKNESS 




Aloy – รู้สึกดีมั๊ยที่สามารถแว๊บมาแว๊บไปอย่างงี้ได้ตลอดอ่ะ
Sylens – วัตถุประสงค์ของเราคือหาทางทำลายเครือข่ายการสื่อสารผ่าน Focus ของพวกอุปราคา 
Aloy – อืมม รู้แล้ว ชอบพูดครึ่งๆกลางๆอยู่ได้ ตกลงจะทำไงก็ว่ามา
Sylens – เริ่มจากเข้าไปให้ถึงฐานของพวกอุปราคาก่อน ที่เจ้าต้องตามหาคือ Tallneck ที่เป็นตัวเชื่อสัญญาณการสื่อสารของพวกมัน ในพื้นที่อาจจะกว้างหน่อย เจ้าต้องหาทางเอาเอง จากนั้นก็ปีนขึ้นไปที่ยอดหัวของมัน เจ้าจะพบโมดูลสำหรับเก็บข้อมูล ทำลายมันซะ เราก็จะสามารถทำลายเครือข่ายการสื่อสารผ่าน Focus ของพวกอุปราคาได้
Aloy – รู้ไปหมดเหมือนคุณเคยเป็นพวกเดียวกับพวกอุปราคางั้นแหละ
Sylens – ข้าไม่ได้เป็นพวกเดียวกับพวกมันหรืออะไรทั้งนั้นแหละ ข้าสนใจค้นคว้าหาความรู้อยู่ตลอดเวลาต่างหาก ... ข้าก็แค่เคยจะช่วยเหลือพวกอุปราคาเหมือนกันนะ แต่รู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายของพวกมันเลยปลีกตัวหนีมาได้ก่อน นั่นถือว่าเป็นความผิดพลาดของข้า เพราะงั้นข้าถึงต้องมาหาทางแก้ไขเพื่อให้ทุกอย่างมันถูกต้องไง 
Aloy – คุณเคยไปช่วยเหลืออะไรพวกมัน ?
Sylens – รีบมุ่งหน้าไปที่รอยแยกที่ฐานของพวกมันก่อน Aloy ยังมีอะไรที่สำคัญต้องทำอีกเยอะมากกว่ามามัวแต่ตั้งคำถามนะ 

จากนั้นเดินทางต่อไปตามจุดหมายของภารกิจที่ขึ้นมาใหม่ตามเส้นทางเข้าไปในป่าส่วนใน ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยพวกจักรกลติดเชื้อมากมาย เข้าไปจนถึงฐานของพวกอุปราคา



Aloy – คุณเห็นนี่มั๊ย? … ชั้นเห็นมีแต่ขาของ Tallneck ตัวมันไม่เห็นมีเลย
Sylens – บ้าจริง มันคงเคลื่อนย้ายตัวส่งสัญญาณไปแน่ๆเลย เจ้าคงต้องลงไปเช็คดูเอง มุ่งหน้าไปทางซ้ายของเหวน่าจะอยู่แถวๆนั้นแหละ นี่เป็นข้อมูลจากวงในที่สุดสำหรับเจ้าแล้ว
Aloy – สรุปว่าต้องลุยลงไปหาเองนั่นแหละ ...เยี่ยม !
Sylens – สิ่งที่ควรจะรู้ไว้อย่างนึงนะ Aloy เจ้าควรจะใช้คำพูดแนบแนมถากให้น้อยลงหน่อยนะ เจ้าเห็นสะพานที่ด้านบนของหน้าผานั่นมั๊ย? เจ้าควรจำเอาไว้ให้ดีเพราะเป็นทางออกทางเดียวที่สามารถโรยตัวลงไปที่ด้านล่างของเหวได้ 
Aloy – แล้วพวกนักรบอุปราคานั่นละ ?
Sylens – จะหลบหรือจะฆ่ามันก็ได้แล้วแต่เจ้าเลือก ระวังเรื่องเสียงดังที่จะทำให้พวกมันลูกตัวก่อนที่เจ้าจะเจอตัว Tallneck ด้วยละ ทันทีที่หาตัว Tallneck เจอก็จัดการขึ้นไปทำลายตัวส่งสัญญาณด้านบนหัวมันได้ก็จบงาน 

เมื่อโดดลงมาที่ค่ายของศัตรูแล้ว ลอบเข้าไปด้านในโดยไม่ให้พวกมันรู้ตัวโดยค่อยๆลอบฆ่าไปทีละตัวจะดีที่สุดเป้าหมายคืออ้อมเหวไปอีกด้านจนถึงทางเดินฝั่งขวาจะพบ Tallneck เป้าหมาย จากนั้นก็ปีนขึ้นไปด้านบนส่วนหัวของมันได้เลย


Aloy – เอาละ ชั้นเจอโมดูลที่ว่านั่นแล้ว
Sylens – ดีมาก ทำให้เร็วเลย
Aloy – นั่นมัน  Hades หรอ?
Sylens – Aloy นี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดมากนะ 
Aloy – นั่นมัน Metal Devil ?
Sylens – ทำลายโมดูลนั่นเดี๋ยวนี้ เร็ว !! ทำตามที่ข้าบอกก่อนจะสายเกินไป !


ในขณะที่ Aloy ผละจากความคิดจากเครื่องจักรที่เรืองแสงน่ากลัวอยู่ด้านล่างมาเป็นพยายามดึงโมดูลให้หลุดออกจากหัวของ Tallneck อณูแห่งความชั่วร้ายสีแดงเลือดก็ขยายตัวออกมาจากหุ่นขนาดใหญ่แล้วคืบคานตามสายไฟขึ้นมาด้านบนจนทำให้ Aloy ถูกไฟช็อตจนนอนกระแทกพื้น



HADES – สัจภัณฑ์ (Entity) มาที่นี่หรอ?  ….. สัจภัณฑ์ เกิดความผิดพลาด 
สัจภัณฑ์ ไม่มีทางทำลายข้าได้ ข้าอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง
 Aloy – กับแกนะอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่กับสิ่งนี้ !!
HADES – ทำลาย สัจภัณฑ์ !!


ทันที่ที่ Aloy หันมาทำลายโมดูลจนพังทำให้จิตของ Hades ต้องถูกยับยั้งกลับไป มันจึงสั่งให้หุ่นขนาดใหญ่ยิงถล่ม Tallneck จนพัง โขคดีที่ Aloy ยังโดดเกาะโขดหินไว้ได้ทัน ที่เหลือก็ต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดกับนักรบอุปราคามากมายที่บุกเข้ามา


 วิ่งหลบหลีกทั้งห่ากระสุนและดงเท้าของศัตรูมากมายที่เข้ามาขวางทางจนถึงจุดหมายที่ปลายไม้สำหรับโดดโหนตัวหนีลงไปด้านล่าง ก่อนที่จะมีระเบิดโครมครามตามมาทำให้ Aloy หลุดล่วงจากเชือกลงสู่แม่น้ำด้านล่างทันที



Aloy – คุณรู้ดีว่า Hades มันอยู่ที่นั่นอยู่แล้วยังจะส่งชั้นเข้าไปหามันอีกเรอะ!?
Sylens – ข้าไม่ปฎิเสธที่ทำให้ชีวิตเจ้าต้องเสี่ยงอันตราย แต่มันไม่มีทางเลือก ตอนนี้เครือข่ายการสื่อสารของ Focus พวกศัตรูมันล่มหมดแล้ว เราสามารถทำตามแผนที่เราต้องการได้แล้ว แค่นี้เราก็เข้าไปหาความลับของ Zero Dawn ได้แล้ว
Aloy – หรอ แต่ชั้นไม่เชื่อใจคุณในเรื่อง ความลับ อะไรพวกนั้นอีกแล้วละ
Sylens – เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดแล้วงั้นหรอ เชื่อแต่ความคิดโง่ๆของตัวเอง เปลี่ยนแปลงง่ายเหมือนกับพื้นทรายแบบนี้ มันไม่ดีต่อสถานะในความเป็นหุ้นส่วนของเราเท่าไหร่หรอกนะ แต่การร่วมมือกันของเราสองคนในตอนนี้มีประโยชน์สำหรับการสร้างพื้นฐานในความรู้และความเข้าใจในเรื่องวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ได้ดีขึ้น เราทั้งคู่ต่างก็อยากรู้คำตอบ Aloy ก็ต้องขอบคุณเจ้า ที่เกือบจะทำให้เราใกล้ที่จะไขว่คว้าสิ่งที่เราอยากรู้จากพวกมันได้แล้ว ...... ไปที่ Sunfall แล้วค่อยคุยกันอีกที 



Aloy – คุณมันช่างน่าสังเวช ... แม่งเอ้ยย ถ้าทำได้ชั้นคงถอดไอ้ Focus นี่ทิ้งแล้วไปจากคุณนานแล้ว Sylens ชั้นทำแน่ แต่เราทั้งคู่ก็รู้ว่าชั้นต้องการใช้มันอยู่ ตอนไป Sunfall ใช่มั๊ย แล้วก็ Zero Dawn 




หลังจบภารกิจจะได้รับภารกิจหลักใหม่เพิ่มขึ้นมาคือ Main Quest: DEEP SECRETS OF THE EARTH  เป้าหมายของภารกิจอยู่ที่เมือง SUNFALL

Sylens – ที่นี่เคยเป็นวังฤดูร้อนของราชาบ้า Jiran เป็นเสมือนป้อมปราการทางฝั่งตะวันตกของเผ่า Carja 
Aloy – ขอบคุณสำหรับบทเรียนทางด้านประวัติศาสตร์นะ 
Sylens – แต่พวกเขาไม่รู้ว่าที่นี่มันเก็บซ่อนความลับอะไรเอาไว้ เราจะได้ความรู้มากมายตามที่เราต้องการจากที่นี่เลยละ Aloy 
Aloy – นั่นแหละที่ชั้นหวังเอาไว้ 



                     Main Quest: DEEP SECRETS OF THE EARTH



หลังจากที่ Aloy ทำลายเครือข่ายระบบสื่อสารของพวกอุปราคาจนหมดทำให้ระบบของ Focus ที่พวกมันใช้ไม่สามารถใช้ได้แล้ว การผ่านทหารยามที่ตรวจตราด้านหน้าของทางเข้าด้านในของ Sunfall ก็จะไม่มีปัญหาอีกต่อไปแล้ว สามารถเดินผ่านเข้าไปถึงห้องท้องพระโรงด้านในได้เลย



Bahavas – ด้วยแสงแห่งความโชดช่วงของดวงตะวัน !! ช่วยส่องแสงสว่างให้เห็นถึงบารมีของ Itamen ให้เป็นราชาแห่ง Sun King เพียงหนึ่งเดียว ผู้ที่จะเป็นแสงสว่างในความมืดมิด ผู้ที่จะเป็นดั่งแสงที่เป็นดั่งหลักนิติธรรมแห่งแดนดิน 


Itamen – ข้าได้มอบหมายให้ท่าน Bahavas เป็นตัวแทนถ่ายทอดคำพูดของข้า เพื่อให้ความกระจ่างแก่พวกท่านทั้งหลาย 




Bahavas – ด้วยเจตจำนของแสงที่เจิดจรัสแห่ง Itamen ที่สาดส่องดั่งแสงอาทิตย์ที่ร้อนลุ่มไร้ความปราณีไปยังคนทรยศนามว่า Uthid ให้มอดไหม้ ไม่ว่าใครที่ไล่ล่านำหัวมันมาให้ได้ ท่านผู้นั้นจะได้ตบรางวัลอย่างงาม 500 Shards 



Vanasha – ให้รางวัลเยอะขนาดนี้อย่างกับไม่ใช่ค่าหัวนักโทษธรรมดาอาจจะเป็นถึงคนในราชวงศ์ก็ได้ ว่ามั๊ย? …. อืมม .. ชอบผมเธอจังเลย  .. เธอกับชั้นมีเรื่องที่ต้องคุยกันหน่อยนะ สาวน้อยนักล่า เต้นท์สีเขียวที่ Shadowside .. ชั้นจะรอเธออยู่ที่นั่นนะ เราต่างก็รู้ดีน่าว่าเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อล่าค่าหัว เพราะ Uthid เป็นผู้บริสุทธิ์ .. ตามชั้นมา เราจะไปช่วยเขากัน

Sylens – นั่นแหละ หนทาง ที่ข้าบอกเจ้าละ
Aloy – นี่คุณต้องล้อเล่นแน่ๆเลยใช่มั๊ย?
Sylens – ไม่ได้ล้อเล่น พวก Kestrels ก็จะมั่วยุ่งและไม่มีเวลามาสนใจเจ้าไงล่ะ


หลังจากคุยจบ จะได้ภารกิจเสริมเพิ่มขึ้นมาอีกอันคือ Side Quest : TRAITOR’S BOUNTY ซึ่งเป็นภารกิจย่อยที่สามารถเลือกทำเพื่อสนับสนุนภารกิจหลัก Main Quest: DEEP SECRETS OF THE EARTH ให้ชัดเจนขึ้น


ฉะนั้นจงเลือกทำภารกิจย่อยที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก่อนเข้าไปทำภารกิจหลักได้เลย โดยเลือกกำหนดภารกิจที่ Side Quest : TRAITOR’S BOUNTY จุดหมายก็คือออกไปคุยกับ Vanasha ที่เต้นท์ผู้อพยพหน้าเมือง



                                       Side Quest : TRAITOR’S BOUNTY



Vanasha – นี่เป็นอาหารจากราชินี Nasadi นิดหน่อยๆนะ พระองค์รู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากก็เลยอยากจะช่วยเท่าที่จะช่วยได้ กินซะ ถ้าเหลือก็เอาไปเผือแผ่กับครอบครัวด้วยนะ 



Vanasha – ชั้นได้ยินเรื่องของเธอมาเยอะเหมือนกันนะ นักล่าสาวหน้าตกกระที่ขี่สัตว์จักรกลกับหอกมหัศจรรย์ของเธอ บางคนก็ว่า เธอมีความรู้ที่ผิดจากคนธรรมดาทั่วไป อะไรจะวิเศษวิโสขนาดนั้น !
Aloy – แล้วเธอละเป็นใคร ? เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พวก Shadow Carja แน่นอน 
Vanasha – ชั้นชื่อ Vanasha  ตอนนี้รู้แค่นี้ก่อนก็พอนะ ที่ชั้นต้องปิดบังไว้ก็ด้วยเหตุผลที่ต้องหลบภัยจากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงนี้ 
Aloy – เฮ้อ .. ชั้นเข้าใจ ชั้นรู้จักสถานการณ์แบบนี้ดี 
Vanasha – ชั้นแน่ใจว่าเธอต้องเข้าใจนะ ... เอาละ กลับมาเรื่องของ Uthid เขาเป็นคนดี แต่กลับถูกพวก Shadow Carja ตามไล่ล่าเพื่อเก็บเขา ชั้นลองหาข่าวดูแล้วว่าเขาหลบซ่อนตัวอยู่ที่ Greenclimb แต่ก็ไม่สามารถส่งคนไปตามหาเขาในตอนนี้ได้ เขากำลังต้องการความช่วยเหลือ ถ้าหากเจ้าสนใจ ...
Aloy – แล้วเธอรู้ได้ไงว่า Uthid เค้าบริสุทธ ?
Vanasha – ชั้นแก่งในเรื่องการสืบหาข้อมูลนะ ชั้นรู้ว่าเขาชอบแบ่งอาหารของตัวเองให้กับพวกเด็กกำพร้าและยังพยายามต่อสู้ปกป้องใครก็ตามที่เข้ามารังแกพวกผู้อพยพที่เป็นคนแก่และคนพิการด้วย ไอ้ข้อหาที่ว่าเขาพยายามที่จะลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท Itamen จึงเป็นเรื่องที่ตลกมาก ชั้นคิดว่าเขาต้องไปรู้ความจริงบางอย่างที่จะเป็นอุปสรรคในแผนการบางอย่างของพวกนักบวชในวังก็ได้ ไม่งั้นหัวหน้านักบวช Bahavas คงไม่ร้อนตัวและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาตายหรอก
Aloy – ก็ได้ ชั้นจะลองทำเท่าที่ทำได้เพื่อตามหา Uthid ก็แล้วกัน ว่าแต่ แล้วเธอละต้องทำอะไรบ้างในขณะที่ชั้นต้องเสี่ยงชีวิตน่ะ
Vanasha – ต้องทำหลายอย่างเลยละ สาวน้อย มุ่งหน้าไปทางใต้ของ Sunfall แล้วมองหาต้นไม้ใหญ่ที่แห้งตาย พวกเขาเริ่มออกเดินทางไป Greenclimb จากที่นั่น โชคดีนะ

จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายของภารกิจที่จุดที่มีต้นไม้ใหญ่ที่แห้งตาย แล้วใช้ Focus มองหาร่องรอยที่เหลืออยู่แล้วกด R1 Highlight Track ตามรอยไปตามทางเรื่อยๆจนถึงที่พักบนยอดเขา ใช้ Focus สำรวจจนพบเศษอาหารแล้วกด R1 Highlight Track ใช้ Focus ตามรอยไปต่อ


 จนเริ่มพบซากสัตว์จักรกลที่นอนตายเกลื่อนและฝูงนก Glinthawks ที่รอดักโจมตีระหว่างทาง เมื่อจัดการพวกมันจนหมดแล้วใช้ Focus ตามรอยไปต่อจนถึงเชิงเขาก็จะพบที่ซ่อนตัวของ Uthid พร้อมธนูดอกแรกที่เขายิงทักทายมา

             


Uthid – ดอกต่อไปรับรองไม่พลาดแน่นอน
Aloy – คุณคือ Uthid ใช่มั๊ย?
Uthid – นี่เจ้าเด็กเกินไปที่จะเป็นนักล่าค่าหัวหรือข้าแก่เกินไปที่จะเป็นทหารกันแน่เนี้ย
Aloy – ชั้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อล่าค่าหัวคุณหรอกนะ Uthid ชั้นเชื่อว่าคุณบริสุทธินะ 
Uthid – บริสุทธิ์งั้นหรอ ฮ่าๆ ถ้านี่เป็นแผนลวงของเจ้าก็ถือว่าเป็นแผนที่ดีแผนนึงเลยนะ 



Aloy – ไม่มีแผนลวงอะไรทั้งนั้นแหละก็แค่อยากคุยด้วยเท่านั้นแหละ 
Uthid – ก็ได้ งั้นพูดมา ..
Aloy – ก่อนอื่นชั้นอยากรู้ว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่ Sunfall กันแน่?
Uthid – เมื่ออาทิตย์ก่อน ที่เต้นท์ที่พักของพวกผู้ลี้ภัยมีการตายเกิดขึ้น พวกเขาตายทั้งๆที่ยังหลับโดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ทั้งคนแก่ คนพิการหรือแม้กระทั้งเด็ก ตายโดยไม่คิดจะสู้เลยเนี้ยนะ ข้าก็เลยคิดว่ามันคือการเลือกที่จะทำ 
Aloy – แล้วใครกันที่ทำอะไรแบบนี้น่ะ ?
Uthid – พวกเขาโทษว่ามันเป็นเรื่องคำสาป วิญญาณร้าย จริงๆมันก็แค่มีใครซักคนที่ย่องเข้ามาวางยาพิษพวกเขา  ข้าใช้เวลาแกะรอยอยู่นานจนจับตัวมันจนได้ เรานำตัวมันไปให้กับ Bahavas เพื่อทำการลงโทษ

Aloy [Bahavas] สังฆราช Bahavas คนที่สั่งให้ล่าตัวคุณนะหรอ?
Uthid – ใช่ เขาตอบแทนความพยายามของข้าแบบนั้นแหละ พวกเขาสั่งให้ทหารปล่อยตัวไอ้ผู้ร้ายนั่น เห็นมั๊ย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไอ้ตัวร้ายนั่นมันรับคำสั่งจากใครมา จากนั้นมันก็เริ่มเข่นฆ่าคนของข้าจนหมด แล้วไอ้ 20 ปีกับความจงรักภัคดีที่ข้ามีต่ออาณาจักรนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลยใช่มั๊ย ? ปองร้ายและลอบปลงพระชนย์ ข้อหาที่ไอ้สังฆราชมันมอบให้ข้า ตลกสิ้นดี 

Aloy – [Sun Carja?] เกรียติยศที่คุณต้องการจากอาณาจักรนี้ยังพอมีเหลืออยู่ ติดแค่ว่ามันคงมีเหลือน้อยลงทุกที
Uthid – มันก็ Carja ที่โจมตีอาณาจักรของเจ้านั่นแหละ ซึ่งเราก็โจมตีทุกที่ที่ทำได้ตามที่พวกเราต้องการ ใช่ พวกข้าทำอย่างที่พูดไปนี่แหละ คนอื่นๆทำสิ่งที่ไม่ดีแล้วข้า ..ในฐานะกัปตัน 
Aloy – Uthid ชั้นไม่สนหรอกว่าคุณจะเคยทำอะไรมา ชั้นคงไปยกโทษอะไรให้ไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้ Carja ได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณเองก็ด้วย 
Uthid – ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ... เพียงแต่ ราชา Avad คงไม่เข้าใจว่า ความต้องการของอาณาจักรที่แม้จริงก็คือ ทหาร 
Aloy – บางที ตอนนี้ท่านเอาจจะเข้าใจแล้วก็ได้นะ 
Uthid – ตอนนี้เจ้าพูดเหมือนกับว่า  Marad มันไม่ผิดเลยงั้นแหละ 

Aloy – [Shadow Carja?] ชั้นเชื่อว่าคุณเป็นคนดี แต่ทำไมคุณถึงไปอยู่กับพวก Shadow Carja ทำไมคุณถึงไปทำงานให้พวกเขาละ? 
Uthid – ก็เพราะท่าน Itamen นะสิ แน่นอน เพราะว่าท่านคือหนึ่งในราชา Sun King ที่แท้จริง
Aloy – แต่ Itamen ท่านยังเด็กอยู่เลยนะ ?
Uthid – ใช่ แล้วก็ยังบริสุทธิ์ไม่ปนเปือนมลทินใดๆด้วย แต่พวกมันใช้ท่าน เพื่อหลอกใช้ความเชื่อความศัทธราของเรา ข้าเพิ่งรู้ก็ตอนนี้แหละ  ...อยู่ใต้พระอาทิตย์ตอนเที่ยงวันย่อมไม่เห็นเงาว่ามั๊ย? 
จริงๆแล้ว Bahavas มันไม่ได้ต้องการทำให้ข้าเสื่อมเสียหรอก ข้าทำของข้าเอง ทำให้ราชบัลลังย์ต้องแปดเปื้อน 
Aloy – ชั้นเจอกับผู้หญิงคนนึงที่บอกว่าต้องการช่วยคุณจากปัญหาพวกนี้ เธอชื่อ Vanasha แต่ก่อนอื่นเราต้องหนีพวกนักล่าค่าหัวออกจากที่นี่กันก่อน
Uthid – เจ้าเป็นใครกันเนี้ย เหมือนกันเป็นแค่นักล่าแต่ดันกล้ามาสั่งทหารอย่างข้าให้หนีพวก ..... นักล่าค่าหัว ...พวกมันแห่มาพอดี เจ้าคิดว่าพวกมันจะมาบอกว่าข้าบริสุทธิ์มั๊ย ?


Kikuk – อย่าขยับยอมให้จับซะดีๆเจ้าพวก Carja !  คนของข้าได้ล้อมภูเขานี้ไว้หมดแล้วพวกเจ้าไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอก !!
Aloy – มันคงยากที่จะให้คุณเชื่อใจชั้นอ่ะนะ ได้ถ้าอยากหนีออกจากที่นี่ก็คงต้องเชื่อใจกันหน่อย
Uthid – คนอย่างข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งเจ้าหรอก 

จากนั้นจัดการพวกนักล่าของ Kikuk ที่บุกเข้ามาให้หมดโดยมี Uthid ช่วยต่อสู้ด้วย แล้วเดินทางออกจากที่นี่ตาม Uthid ไปตามทางขึ้นเขาเรื่อยๆจนพบนักล่าอีกกลุ่มที่มาดักหน้าคือกลุ่มของ Odund และกองทหารที่สังฆราช Bahavas พามาช่วยไล่ล่าด้วยตัวเอง 




Odund – พยายามดิ้นรนต่อต้านซะดิบดีสุดท้ายก็ไปได้แค่นี้เอง  อ่อ  ข้ามีอะไรให้พวกแกประหลาดใจด้วย ข้าพาท่าน สังฆราช Bahavas ออกมาที่นี่ด้วยนะ เอาล่ะ ออกมาได้แล้วท่าน 




Uthid – ข้ารู้จักผ้าคลุมนั่นดี และระหว่างข้ากับ Bahavas ต้องมีเคลียร์ ! งานนี้ไม่ใช่หมูๆนะ เจ้านะตั้งใจหน่อย อย่าทำให้เสียเรื่องก็แล้วกัน !
Aloy – ชั้นไม่ได้ตั้งใจมาตายวันนี้หรอกน่า Uthid !

ช่วยกันจัดการทหารของ Bahavas ที่บุกเข้ามาในรอบแรกให้หมด จากนั้นก็เดินทางออกจากที่นี่ตาม Uthid ไปตามทางต่อจนพบกับ Bahavas อีกครั้ง โดยครั้งนี้มันจะมาพร้อมทหารองค์รักษ์ติดอาวุธหนักเข้ามาสู้ด้วย



Bahavas – ข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองก็เพราะอยากจะจบความทุกข์ทรมานของเจ้า Uthid พวก Outlander นำข้ามาถึงที่นี่และจะยอมตายถวายวิญญาณให้ก็เพราะค่าจ้างที่แพงสุดกู่ที่ข้าจัดให้ไปยังไงล่ะ  ซึ่งก็น่าจะพอกับพวกไม้ซีกที่อยากจะมางัดไม้ซุงอย่างพวกเจ้านะ เอาล่ะถึงเวลาลงดาบแล้ว ลบพวกมันไปจากแสงแห่งพระอาทิตย์ได้เลย !!!

จัดการนักรบติดอาวุธหนักของ Bahavas ที่บุกมาให้หมด จากนั้นก็ปีนขึ้นไปหาสังฆ์ราช Bahavas ที่นอนตัวสั่นอยู่บนเนินได้เลย




Bahavas – ไม่ว่าเจ้าได้รับค่าจ้างจากใครมาเท่าไหร่ ข้าให้ 2 เท่า ข้าให้ 3 เท่าเลยก็ได้ !
Uthid – ไม่ ข้าเหนื่อยกับเรื่องนี้มามากแล้ว Bahavas ทั้งความหลอกลวงและความรุนแรงที่แกสร้างขึ้นมา .... ข้าไม่นึกเลยว่าจู่ๆแกจะมาฆ่าตัวตายแบบนี้ 
Bahavas – ข้าจำเป็นต้องทำ ! เพื่อตัดจุดอ่อนของเราออกไปเพื่อไม่ให้ Shadow Carja ต้องพบกับความหายนะ 
Uthid – แกแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก แต่บางที แสงแห่งดวงอาทิตย์อาจจะพบคุณค่าในตัวแกระหว่างที่กำลังเผาแกจนแห้งตายก็ได้
Bahavas – อ๊ากกกกก !!





Vanasha – ช่างเป็นโชว์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆเลย
Aloy – สบายจริงๆเลยนะ เธอนะ นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป
Vanasha – ชั้นยุ่งๆอยู่นะ ไม่คิดบ้างหรอว่าพวกนักล่าของ Yun และกลุ่มอื่นๆมันหายไปไหนหมด ? แล้วก็ไปเตรียมเส้นทางเพื่อไปยัง Meridian และเตรียมหาคนมาเสริมทีมอีกนิดหน่อย ...ขอเวลาเราเดี๋ยว Uthid สาวๆมีเรื่องต้องคุยกันหน่อย 



Vanasha – เธอเนี้ยไม่ใช่เล่นเลยนะ ชั้นนึกภาพไม่ออกเลยว่าเจ้า Bahavas มันพลาดท่าติดกับดักของตัวเองได้ยังไง มันตายไปคนทำให้แผนที่เราเตรียมไว้ง่ายชึ้นเยอะเลย  จำ รัชทายาท Itamen กับ Nasadi แม่ของท่าน พวกทหารจับทั้งคู่เป็นตัวประกันที่ Sunfall เมื่อ Bahavas มันตาย ก็จะไม่มีใครสั่งการพวกมัน ชั้นถึงต้องให้เธอช่วยไงละ

Aloy – [Nasadi and Itamen] จะลักพาตัวราชาของพวก Shadow Carja นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะ
Vanasha – นี่ไม่ใช่การลักพาตัว พวกท่านต้องการที่จะหนีไปยัง Meridian อยู่แล้ว มันปลอดภัยกว่า 
Aloy – แล้วเธอรู้ได้ไง?
Vanasha – ชั้นเคยปลอมตัวเป็นสาวใช้ของ Nasadi มาครั้งนึงเลยรู้ว่าเธอกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น ทั้งกับตัวเองและโดยเฉพาะกับ Itamen

Aloy – [Uthid] แล้วเรื่อง Uthid ล่ะ ต่อไปเขาจะเป็นไงต่อ?
Vanasha – ไม่ต้องห่วงหรอก เธอให้ชีวิตใหม่กับเขาไปแล้ว และชั้นเองก็จะช่วยให้สิ่งดีๆกับเขาด้วย เขาจะได้เดินทางไปอยู่ที่ Meridian ในฐานะที่ปรึกษาของกองทัพ และหวังว่าเขาจะช่วยราชา Avad กำจัดพวก Shadows Carja โดยเสียเลือดเนื้อน้อยที่สุด  

Aloy – [Bahavas] แล้วที่ Sunfall จะเป็นไงบ้างหลังจากที่ Bahavas มันตายไปแล้วน่ะ?
Vanasha – มันก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นไง ! พวกเพราะก็จะเปิดศึกชิงอำนาจกันอย่างบ้าคลั่ง ทรยศหักหลังแฉความลับแทงข้างหลังกันมั่วไปหมด แต่ที่ดีที่สุดคือพวกมันจะเลิกสนใจเรื่องของเธอ การมีอยู่ของเธอสำหรับพวกมันคือหายนะ การที่ให้เธอออกนอกเมืองไปเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับพวกมันแล้ว

Aloy – [What can I do to help Itamen?] แล้วเธอมีแผนที่จะพาตัว Nasadi และ Itamen หนีออกจาก Sunfall ยังไง?
Vanasha – ไม่มีปัญหาเลย เมื่อ Bahavas มันตายแล้วการออกจาก Sunfall ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ปัญหาใหญ่คือตอนเดินทางข้ามพรมแดนมากกว่า ลองไปหาเพื่อนของชั้น Three – toe Huadiv ใกล้ๆกับ Branded Shore ชั้นจ้างให้คนของเขาไปเคลียร์เส้นทางที่นั่น ที่เหลือเธอก็แค่รอชั้นมาสมทบด้วยเท่านั้นแหละ 
Aloy – ก็ถ้าเธอมีพวกเขาเคลียร์เส้นทางให้แล้วจะให้ชั้นไปทำไมอีกละ?
Vanasha – เผื่อเอาไว้ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ และเราต้องการปกป้องจากคนที่ชั้นเชื่อถือได้ เธอไงล่ะ 


Uthid – แม่สาว Nora บอกว่าเธอเป็นคนขอให้มาช่วยชั้นงั้นหรอ? แล้วเราจะข้ามพรมแดนไปยัง Meridian ต่อกันหรอ? 
Vanasha – นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าแล้วว่าจะไปด้วยรึเปล่าที่รัก
Uthid – ทำอย่างกับข้ามีทางเลือกงั้นแหละ 
Vanasha – ไม่มีหรอก ชั้นก็แค่พูดไปตามมารยาทแค่นั้นแหละ
Uthid – แล้วอะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่า ราชา Avad จะต้อนรับข้าในเมื่อเราเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน
Vanasha – เขาเป็นคนที่ชอบให้อภัยคน ก็แค่ยิ้มเยอะๆเข้าไว้ เจ้ายิ้มเป็นใช่มั๊ยละ? …ม่าย .. นั่นไม่ใช่ยิ้ม หน้าเจ้ายังบูดอยู่เลย เจ้ากังวลใจรึเปล่าละกับการที่ต้องไปที่ Meridian ?
Uthid – ข้าเป็นทหารมา 20 ปี ข้าไม่มีความกังวลใจหรอก
Vanasha – แม้แต่ตอนที่อยู่ท่ามกลางสาวๆสวยๆงั้นหรอ?
Uthid – ข้าจะไม่ตอบคำถามที่ไร้เกรียติแบบนี้หรอก




หลังจากคุยจบ จะได้ภารกิจเสริมเพิ่มขึ้นมาอีกอันคือ Side Quest : QUEEN’S GAMBIT ซึ่งเป็นภารกิจย่อยที่สามารถเลือกทำเพื่อสนับสนุนภารกิจหลัก Main Quest: DEEP SECRETS OF THE EARTH ให้ชัดเจนขึ้น



                               Side Quest : QUEEN’S GAMBIT


เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจเสริมในแผนที่เพื่อนเข้าไปพบกับ Three – toe Huadiv นักรบที่ Vanasha จ้างเพื่อเคลียเส้นทางเพื่อพาตัว Nasadi และ Itamen หนีออกจาก Sunfall



Aloy – คุณคือ Three – toe Huadiv ใช่มั๊ย? Vanasha ส่งชั้นมาที่นี่ คุณบาดเจ็บนี่ มันเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?
Three – toe Huadiv – พวกเราต้องลุยกันเองน่ะสิ จะอะไรล่ะ ก็ Vanasha มาถึงก็สั่งให้เราทำแล้วก็สะบัดตูดไปแล้วสัญญาว่าจะให้รางวัลกับเรา “เคลียร์เส้นทางให้คณะของราชา” เธอบอกแบบนี้ ต้องหลบหลีกพวกทหาร Shadow carja กับพวก watchers ที่มีอยู่ปะปลายก็ว่ายากแล้วนะ แล้วต้องมาเจอไอ้พวกตัวใหญ่ๆแบบนี้ก็ไม่ไหว ข้าไม่น่าเชื่อใจคำพูดผู้หญิงอย่างนางเล๊ย

Aloy – [Vanasha?] ทำไมคุณถึงคิดว่า Vanasha จะหลอกคุณละ?
Three – toe Huadiv – ข้าและคนของข้ายอมออกมาจาก Sunfall ก็เพราะเราได้ยินว่ารายได้งาม เธอบอกเราว่าจะให้ค่าจ้างที่มากพอที่จะสบายไปทั้งชีวิต มันเป็นความผิดของข้าเองที่ติดกับในเรื่องค่าจ้าง ข้าควรจะรีบจบงานแล้วแยกตัวออกมากับสิ่งที่ข้าควรจะได้ซะที 

Aloy – [Clear a path?] แล้วที่ Vanasha ต้องการให้คุณเคลียร์เส้นทางเพื่อจะพา Nasadi และ Itamen หนีมันทำไม่ได้เพราะอะไรงั้นหรอ?
Three – toe Huadiv – ก็เธอบอกว่างานนี้มันง่ายๆนะสิ แค่หาทางที่จะไปยังแม่น้ำให้ปลอดภัยที่สุด ฟังดูก็ง่ายนะแต่มันผิดถนัดเลยล่ะ เพราะมันโหดสัสสุดๆเพราะต้องเจอกับไอ้ยักษ์กระหายเลือดนั่นน่ะสิ เราไม่เห็นตัวมันด้วยซ้ำ !

Aloy – [Monstrosity?] มีบางอย่างโจมตีคุณจากใต้ดินงั้นหรอ?
Three – toe Huadiv – โอ้ เจ้าเข้าใจแล้วสินะ ข้าเข้าใจเลยล่ะว่าทำไมพวก Shadow Carja มันถึงไม่เก็บค่าผ่านทางตรงนั้น เพราะพวกมันกลัวไอ้ตัวกินหินนั่นจะกินเอาน่ะสิ ! ข้าเองก็หนีเอาตัวแทบไม่รอด แต่พวกคนของข้าไม่ได้โชคดีอย่างนั้น ข้าคงต้องร้องไห้หนักมากแน่ๆถ้าพวกมันไม่ได้เป็นฆาตกรกับโจรอ่ะนะ

Aloy – [I need to kill that machine] อีกไม่นาน Vanasha คงจะพา Nasadi และ Itamen ผ่านมาที่นี่ตามที่นัดหมายไว้ ชั้นต้องไปจัดการมันก่อนที่พวกเค้าจะมาถึง
Three – toe Huadiv – นี่เจ้าซื่อบื้อใช่มั๊ยเนี้ย? พวกข้าลองกันแล้วก็เพิ่งบอกอยู่เมื่อกี้ แต่ข้าจะบอกเจ้าเท่าอีกทีเท่าที่รู้นะ มันมีเกราะทั้งตัวเหลือที่เว้นไว้แค่ด้านใต้ท้อง เวลามันมุดลงดินเราก็จะตามหามันไม่เจอ ต้องเงียบและฟังอย่างเดียว ทางทีดีเจ้าต้องไม่ให้มันดำดดินด้วยการทำลายที่สว่านขนาดใหญ่ที่มือทั้ง 2 ข้างของมันก่อน ข้าคงช่วยเจ้าได้แค่นี้แหละสหาย ข้าสัญญาว่าจะทำตัวให้ดูเคร่งครึมในงานศพของเจ้า จากนั้นก็ค่อยเมาหัวลาน้ำที่หลัง 



จากนั้นก็เข้าไปที่จุดหมายของภารกิจที่เป็นเส้นทางที่มีเจ้า Rockbreaker มันขวางทางอยู่ซะแล้วกลับไปรายงานผลกับ Three – toe Huadiv ที่แค๊มป์ไฟอีกครั้ง



Three – toe Huadiv – พระเจ้า ! ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ข้าคิดว่าเจ้าปีศาจกินหินนั่นมันจะบดเจ้าเละซะแล้ว ในเมื่อสิ่งมหัศจรรย์มันเกิดขึ้นแล้ว เราจะรออะไรล่ะเดี๋ยวคณะของ Vanasha ก็จะมาถึงแล้ว ไปเตรียมเรือให้พร้อมจะได้พาท่าน Nasadi และ Itamen เดินทางได้ทันที




Vanasha – อ่า แม่พรายสาว ดีใจนะที่เจ้ายอมรับคำเชิญของชั้นที่จะมาเป็นบอดี้การ์ดให้ อ้าว แล้วคนของเจ้าไปไหนหมดละ Huadiv เหมือนจะโดนอะไรบางอย่างขย่ำไปจนหมด แต่อย่างน้อยมันก็คายเจ้าออกมาอ่ะนะ
Three – toe Huadiv – ตามนั้นเลยล่ะ
Aloy – ทางสะดวกแล้วเราไปกันได้ยัง ?
Vanasha – ชั้นรู้ว่าเธอแบบชอบเนื้อๆไม่เอาน้ำ แต่งานเนี้ย เรามีเวลาเหลือเฟือน่า .... ไม่ต้องกลัวนะฝ่าบาท เราได้องค์รักษ์มืออาชีพมาร่วมงานด้วยแล้ว .... เอาล่ะไปกันเถอะ



Vanasha – โอ้ .. พวก Shadow Carja มันตามมากันแล้ว ดูเหมือนมันจะแค้นชั้นเอามากๆซะด้วยสิ 
Aloy – เดี๋ยวชั้นจัดการมันเอง !
Vanasha – ต้องขอบคุณเจ้ามากนักที่อยากจะช่วย แต่ถ้าชั้นเริ่มอะไรแล้วชั้นต้องจบมันด้วยตัวเอง ไม่ได้จะรังเกียจความช่วยเหลือจากเจ้าหรอกนะ ... Huadiv รีบพา Itamen กับ แม่ล่วงหน้าไปที่ชายฝั่งก่อนเลย ระวังด้วยล่ะ.. สถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นเมื่อ 2 ปีก่อนตอนชั้นยังห้าวๆนะ  เรื่องพวกนี้อ่ะจิ๊บๆ 


เมื่อศัตรูเริ่มจะบุกเข้ามาจะมีเวลาพอที่จะเตรียมวางกับดักต่างๆนานาตามที่ต้องการได้นิดหน่อย การต่อสู้จะเริ่มขึ้นทันทีที่แต่ละฝ่ายเริ่มเปิดฉากโจมตี ช่วยกันกับ Vanasha จัดการศัตรูที่บุกเข้ามาให้หมด จนทหาร 2 นายที่ Vanasha ติดต่อไว้ก็เดินทางมาถึง



Vanasha – ไม่มาช้าไปหน่อยหรอท่านสุภาพบุรุษ 
Carja Archer – ขอโทษทีครับ พอดีเรือข้ามฝากมันมาช้านิดหน่อยน่ะ
Vanasha – เสียงคำรามนั่น !!! …. Thunderjaw ! … ให้ตายสิ พูดไม่ทันขาดคำเลย
Aloy – เจ้ายักษ์นี่ปล่อยเป็นหน้าที่ชั้นเอง เธอกลับไปที่เรือก่อนเถอะ
Vanasha – เจ้ารู้มั๊ย คราวนี้ชั้นคิดว่าคงต้องออกจากทีมจริงๆล่ะ แต่ทหารทั้ง 2 นายนี้จะอยู่ช่วยเจ้าแทน .... ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ชั้นเอาพวกนายตายแน่นอน  



จากนั้นก็ต้องเข้าไปจัดการกับ Boss Corrupted Thunderjaw ซะแล้วเดินทางต่อไปที่ริมแม่น้ำก็จะพบ Vanasha กับทุกคนรออยู่ที่เรือ Aloy จะรีบดันเรือออกไปกลางแม่น้ำเพื่อพา Nasadi และ Itamen นั่งเรือเดินทางข้ามไปยังดินแดนของ Carja ทันที



Vanasha – เจ้าทำถูกต้องแล้ว ไม่แน่ นี่อาจจะทำให้ยุติสงครามทั้งหมดก็ได้
Aloy – ก็อาจจะ ... เพราะสงครามของชั้นมันยังไม่จบ 

       





Avad – ขอต้อนรับกลับบ้าน Itamen น้องข้า ที่นี่เจ้าไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป เจ้ากับแม่อยู่การดูแลของอณาจักร Sundom แล้ว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ข้าให้สัญญา 



Avad – Aloy ดูเหมือนข้าจะเห็นเจ้าไปมีอธิพลกับทุกๆที่เลยนะ เจ้าทำเพื่ออณาจักร Sundom เอาไว้มากมายเหนือคณานับ ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก ข้าขอขอบใจเจ้าด้วยใจจริง ขอให้เจ้าจงเดินอยู่ท่ามกลางแสงสว่างตลอดไปนะ
            




Vanasha – น่าเกลียดอ่า ชั้นใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะรู้เรื่องราวความลับพวกนี้ แต่ยัยหัวแดงนี่ได้เครดิตไปคนเดียวเลยดูสิ
Huadiv – นี่ข้ายังได้เงินค่าจ้างอยู่ใช่ป่ะ?
Vanasha – เจ้าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ทิ้งให้เจ้าตายน่ะ ....แต่เรื่องระหว่างเรามันยังไม่จบนะ Aloy เมื่อเราได้เจอกันอีก คงจะได้ตอบแทนบุญเจ้าแบบจริงๆจังๆอีกที 




จากนั้นกลับมาทำภารกิจหลักที่ค้างไว้อีกครั้ง กำหนดภาระกิจหลัก Main Quest: DEEP SECRETS OF THE EARTH แล้วเดินทางกลับไปยังเมือง Sunfall




                                Main Quest: DEEP SECRETS OF THE EARTH


เข้ามาในเมือง Sunfall ตามเป้าหมายของภารกิจที่ระเบียงหน้าลานประลองจะมีรอยแตกของระเบียงด้านซ้ายที่เป็นทางสามารถโดดไปเกาะหน้าผาฝั่งตรงข้ามเพื่อปีนลงไปด้านล่างได้ ก่อนที่ Sylens จะติดต่อมาเพื่อชี้ทางให้ Aloy เข้าไปในทางลับไปสู่ความลับที่ฝังอยู่ใต้เมืองโดยไม่เคยมีใครล่วงรู้มากก่อน

Sylens – ข้าพยายามมาเกือบทั้งชีวิตก็เพื่อหาความลับของโลกนี้ ว่าไอ้พวกสัตว์เครื่องจักรมันมาจากไหน พวกคนยุคเก่าก่อนทำสิ่งที่น่าพิศวงนี้ได้ยังไง และทำไมพวกเขาถึงล้มเหลวและล้มตายลงจนหมด ที่ผ่านมา จากแค่ปีๆเป็นสิบๆปี ที่ข้าพยายามที่จะทุบทำลายประตูนี้เข้าไป แต่มันล้มเหลวมาตลอด ข้าไม่เคยเปิดมันได้เลย จนนักล่าสัตว์จักรกลสาวจาก Nora ก็ได้เดินทางมาถึงดินแดนที่ป่าเถื่อนแห่งนี้ ว้าวว ..
สำหรับเธอ ทุกความลับอันดำมืดในโลกนี้ จะถูกเปิดเผย .. ข้าสงสัยมาตลอดมาเจ้าสามารถจัดการกับประตูนี้ได้ง่ายดายทั้งที่ข้าใช้เวลาเป็นปีๆ



          โปรดรอการสแกนเพื่อยืนยันตัวตน .... ข้อมูลทางพันธุกรรมยืนยัน.... อณุญาติให้เข้าได้ 


                การปฎิบัติการณ์เกิดการผิดปกติ .... ผิดปกติ ....ผิดปกติ ....ผิดปกติ .....




Aloy – นี่ล้อกันเล่นใช่มั๊ย ?!!
Sylens – เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าหัวเราะใช่มั๊ย?
Aloy – เงียบไปเลย ! …. ยังไงชั้นก็จะเข้าไปให้ได้ …. เฮ้ !! นี่ Elisabect Sobeck เปิดสิ!


  การร้องขอจากฐานของคำสั่ง ได้รับการยอมรับ พร้อมใช้งาน คุณต้องการดำเนินการหรือไม่ ?


Aloy – เออ ดำเนินการไปเลย ให้ชั้นผ่านประตูบ้านี่ไปซะที !!


การเข้าถึงไม่อาจทำได้ เพราะเกิดความล้มเหลวในระบบ เนื่องจากระบบระบายอากาศฉุกเฉินได้รับการปกป้อง คุณต้องการจะเปิดระบบทั้งหมดอีกครั้งหรือไม่ ?


Aloy – ใช่ !!


               ภาวะฉุกเฉินถูกยกเลิก คุณได้รับอณุญาติให้เข้าไปด้านในได้ ....


Sylens – ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป ...เจ้าทำได้แล้วจริงๆ แต่มันก็อาจจะเป็นการทำให้พวกศัตรูด้านบนเริ่มรู้ตัว นั่นแปลว่า เรามีเวลาที่จะตรวจสอบทีไม่นานนักหรอกนะ
Aloy – เราหรอ? ดูเหมือนจะมีแค่ชั้นคนเดียวนะที่ลงมาเสี่ยงชีวิตที่นี่
Sylens – ก็ดีแล้ว เอาล่ะ เจ้ารีบเข้าไปด้านในได้รึยัง? ที่นี่มาหลายสิ่งที่เจ้าต้องเรียนรู้มากมายภายในเวลาที่จำกัดมากกว่าที่ข้าคิดไว้




                                              Project: Zero Dawn facility 


เดินสำรวจเก็บข้อมูลบันทึกเสียงต่างไปตามทางจนถึงห้องด้านในซึ่งมีภาพโฮโลแกรมแสดงออกมา



                                          Datapoint – THE BAD NEWS




นายพล Herres – ขอต้อนรับสู่ Project Zero Dawn ผมนายพล Herres ในฐานะ ประธานร่วมและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกา ผมเชื่อว่าคุณคงเคยได้ยินข่าวลือเรื่องโครงการอาวุธลับสุดยอดที่ชื่อว่า โครงการ Zero Dawn มาบ้างแล้ว เทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะช่วยพวกเราจากการภัยพิบัติที่เกิดจาก Faro ได้ใน ปฎิบัติการณ์ Enduring Victory หากปฎิบัติการณ์นี้สามารถทำได้นานพอเราก็จะได้รับชัยชนะจากพวกหุ่นยนต์และผมมั่นใจว่าที่พวกคุณได้ยินข่าวลือมาว่า คนที่สร้างภัยพิบัตินี้คือตัวผม ซึ่งนั่นเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น โครงการ Zero Dawn นั้นไม่ใช่สุดยอดอาวุธลับอะไรหรอกแล้วมันก็ไม่ได้จะช่วยเหลืออะไรพวกเราด้วย ไม่มีอะไรจะช่วยเราได้ เราถึงได้มาอยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้น The glitch ก็ได้ส่งข้อความเตือนมาแล้ว นั่นแปลว่ามันสายเกินไป ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งภัยพิบัติที่เกิดจาก Faro ได้แล้ว ไม่มี ! 


        

พวกหุ่นยนต์ไม่หยุดขยายตัวและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ตะกละตะกลามขึ้น พวกมันจะกินทุกๆสิ่งมีชีวิตบนโลกของเราจนไม่มีอะไรเหลือ ดาวของเราจะแห้งตายไปพร้อมๆกับการสูญพันธ์ของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต และไม่ว่าเราจะฆ่าหรือทำลายพวกหุ่นยนต์ไปซักเท่าไหร่ พวกมันก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นมามากขึ้นอีกหลายเท่าตัว และถ้าเราจะใช้รหัสเลิกใช้งาน เพื่อปิดระบบของหุ่นทุกตัวก็ทำได้ แต่เนื่องจากโพรโทคอลการเข้ารหัสของพวกมันนั้นใช้ระบบ Poly Phasic ที่ทำให้มีคลื่นความถี่ที่พันกันจนมั่วไปหมด การจะถอดรหัสชุดนี้ได้คงต้องใช้เวลาครึ่งศตวรรษ

       

ทางเลือกที่ดีที่สุดที่เรามีก็คือ 16 เดือนสุดท้าย ไม่ว่าคุณจะคิดว่ามันเป็นทางรอดหรือไม่ก็ตาม ในสถานกาณ์ที่ทุกชีวะมวลบนโลกถูกทำลายไปจนหมด ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณจะรอได้ไม่ว่าจะหลบอยู่ในหลุมหลบภัยหรือบนสถานีอวกาศนอกโลก ในเมื่อจะไม่มีโลกที่เราคุ้นเคยหลงเหลืออีก โลกที่ไร้ซึ่งสิ่งที่มีชีวิต มีแต่มลพิษและเต็มไปด้วยฝูงหุ่นยนต์นับล้านของ Faro ที่รอคอยกัดกินอาหารในทุกอย่างที่มันกินได้ ทั้งหมดคือเรื่องจริงที่น่ากลัวภายใต้ปฎิบัติการณ์ลวงโลก Enduring Victory  ว่ามันเป็นปฎิบัติการณ์เพื่อชัยชนะที่ยั่งยืน  ..ผมโกหก .. ทำไมผมถึงต้องสร้างเรื่องโกหกเพื่อให้ผู้บริสุทธิ์นับล้านบนโลกต้องเสียสละตัวเองในการต่อสู้ทำสงครามกับพวกหุ่นยนต์ ..ทำไม ?



เหตุผลเดียวคือ ซื้อเวลาให้พวกคุณทำงานอยู่ที่นี่ให้สำเร็จ Zero Day วันสุดท้ายของทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ มันมาถึงอย่างรวดเร็ว และไม่มีอะไรหยุดมันได้ ความหวังเดียว โครงการ Zero Dawn คือความหวังเดียวที่จะสร้างสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น แต่ผมก็จำต้องทิ้งทุกอย่างให้กับ Elisabet sobeck ให้เป็นเสมือนแสงแห่งความหวังในความมืดมิด .... Herres เลิกการติดต่อ 


จากนั้นเข้าไปตามทางต่อจนพบกับกลุ่มนักรบของ Shadow Carja อยู่ จัดการพวกมันให้หมดแล้วเดินทางสำรวจเข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องแสดงภาพโฮโลแกรมจุดที่ 2



                                             Datapoint – THE GOOD NEWS



Elisabet Sobeck – คุณได้ยินข่าวร้ายมาแล้ว และมันเป็นความจริง ภัยพิบัติ Faro ได้กัดกินทุกชีวมวลของสิ่งมีชีวิตจนไม่มีเหลืออยู่อีก แล้วทุกอย่างมันจะถึงจุดจบกันแค่นี้หรอ? แล้วถ้าเราจะคืนชีวิตให้ล่ะ ในอนาคต แล้วเราจะสร้างเมล็ดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบนดาวที่ตายซากอีกครั้ง ชวิตจะแบ่งบานขึ้นมาใหม่ได้หรอ? นี่คือจุดมุ่งหมายของของเรา เป็นความหวังของเรา โครงการ Zero Dawn ที่สร้างคอมพิวเตอร์อัจฉริยะอัตโนมัติเต็มรูปแบบ เพื่อปรับสภาพดวงดาวใหม่เพื่อนำสิ่งมีชีวิตให้คืนมาอีกครั้ง แล้วระบบนี้ต้องการอะไรล่ะ มันต้องการ AI ปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถสรรสร้างมูลค่าให้กับพื้นผิวโลกให้สิ่งมีชีวิตสามารถเจริญเติบโตได้อีกครั้ง เป็นผู้ปกปักษ์อมตะที่จะอุทิศตัวให้กับการฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตตลอดไป เราเรียกเธอว่า GAIA  ปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่เปลี่ยนเสมือน แม่ของธรรมชาติ 



แต่การจะเป็นแกนกลางของระบบทั้งหมดเธอต้องการลอบรอบด้วยฟังก์ชั่นที่ไว้เพิ่มขีดความสามารถและเพื่อรับมอบอำนาจจากเธอ เป็นเสมือนส่วนขยายของจิตใจ GAIA ที่ทุ่มเทให้เกิดผลสำเร็จตามวัตุระสงค์ที่ตั้งไว้ การจะทำให้ AI ไม่มีความผิดพลาดเลยนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายในด้านวิศวกรรมมาตลอดอย่างที่มนุษย์ชาติไม่เคยมีความพยายามทำมาก่อน อุปกรณ์ที่สามารถเก็บรักษาเมล็ดพันธ์และตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิตนับล้านๆที่พร้อมเกิดใหม่อีกครั้ง นั่นก็คือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใต้ดินแห่งนี้ ที่ที่จะเก็บรักษาสิ่งมีค่าทั้งหมด และ มันยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เราไม่ได้สร้างมันขึ้นมาเองทั้งหมด แต่ระบบ การฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตแบบอัตโนมัติที่ว่ามันสวยงามยิ่งกว่านั้นเพราะ มันสามารถสร้างตัวมันเองได้ 



ถึงตอนนี้ก่อนวันนั้นจะมาถึง คุณก็จะเรียนรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นทั้งหมด ชิ้นส่วนทั้งหมดของระบบที่คุณจะต้องทำงานร่วมไปกับมัน ทางเดียวที่จะแข่งกับเวลาแห่งการสูญสิ้นนี้ก็คือการเริ่มต้นการเขียนโปรแกรม สร้างเทคโนโลยีต่างๆและโรงงานลับแห่งนี้  แล้วปิดตายที่นี่ก่อนที่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จะเกิดขึ้น แต่มีสิ่งนึงที่สำคัญกว่าคือ คุณต้องรู้ว่าทุกอย่างจะไม่ได้จบลงที่นี่ เมื่อ GAIA ได้แพร่พันธ์สิ่งมีชีวิตตามที่นายพล Herres ได้บอกไว้ และ สร้างเครือข่ายขึ้นมาเพื่อปิดระบบหุ่นของ Faro ทั้งหมด  และ GAIA จะไม่ได้สร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่แต่สร้างภาพลักษณ์หุ่นยนต์ขึ้นมาใหม่ โดยใช้วิธีขจัดพิษออกจากตัวพวกมัน รวมทั้งมลพิษต่างๆในบรรยากาศด้วย คืนสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ให้ความเขียวขจีกลับมาให้โลกอีกครั้งด้วยคลังตัวอ่อนและเมล็ดพันธุ์ที่เก็บรักษาไว้ และเมื่อกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น มนุษย์ในยุคใหม่ ก็จะถือกำเนิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดทารกจากตัวอ่อนที่เก็บรักษาไว้ในโรงงานลับที่มีอยู่ทั่วโลก จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของ APOLLO ระบบเก็บบันทึกเอกสารขนาดใหญ่ของมนุษย์ชาติ ทั้งความรู้และข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจากที่พวกเราได้สั่งสมไว้  สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องทำให้โลกใหม่ไม่ทำผิดพลาดเหมือนกับเราอีกครั้ง 



...มันไม่ใช่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้ มันคือสิ่งที่เราต้องคว้าเอาไว้ ถ้าเราทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่หยุดกระทำสิ่งใดๆก็ตามที่จะทำให้มันบรรลุผล เราช่วยชีวิตที่จบสิ้นลงไปแล้วไม่ได้ แต่ถ้าคุณช่วยชั้น ช่วย GAIA เราจะสร้างอนาคตใหม่ ร่วมกับชั้นเพื่อสร้างอนาคตใหม่นั้นให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้ 

ลุยต่อเข้าไปด้านในต่อจนถึงด้านหน้าประตูทางเข้าห้องส่วนกลางของพื้นที่ จัดการพวก Shadow Carja ที่หน้าประตูให้หมด แต่ก็จะพบว่าประตูทางเข้าห้องส่วนกลางไม่สามารถเปิดได้ จึงต้องไปหาทางเปิดพลังงานก่อน เดินเข้าไปตามจุดหมายของภารกิจที่ขึ้นมาจนถึงห้องพลังงานที่ต้องหมุนรหัสปลดล็อกจากเครื่องกำเนิดพลังงาน 2 ด้าน โดยเริ่มจากแถวรหัสแรกที่สามารถใส่ได้ก่อน ใช้ Focus สแกนตรงเครื่องควบคุมก็จะเห็นรหัสอยู่ด้านในคือ [ซ้าย – ขึ้น – ซ้าย – ลง – ขวา ]



ส่วนแถวใส่รหัสอีกด้านจะยังหมุนไม่ได้เพราะแกนหมุนหายไป 1 ช่อง จากนั้นออกจากห้องพลังงานมาที่ช่องทางเดินด้านซ้ายเปิดประตูเข้าไปจะเจอบันไดปีนขึ้นด้านบนจะมีช่องให้มุดเข้าไปที่ห้องทำงานด้านในจะเจอแกนหมุนของเครื่องใส่รหัสอยู่



เก็บกลับมาใส่ที่แถวใส่รหัสอีกด้าน แล้วสแกนฟังบันทึกที่ตกยอยู่ข้างจะพบว่าระบบมีปัญหาทำให้ต้องใส่รหัสแบบกลับหัว ใช้ Focus สแกนตรงเครื่องควบคุมก็จะเห็นรหัสขึ้นมา แต่จะใส่ตามที่เห็นไม่ได้ ต้องใส่กลับด้านจากที่เห็นคือ [ล่าง – ซ้าย – บน – ขวา – ล่าง] ก็จะสามารถเปิดประตูทางเข้าของห้องส่วนกลางได้แล้ว


ทันทีที่เข้ามาก็จะพบพวก Eclipse มากมายอยู่ที่นี่ เป้าหมายของ Aloy คือขึ้นไปยังจุดเก็บ GAIA ที่อยู่ด้านบนของห้องนี้ จึงต้องจัดการพวก Eclipse ที่ขวางทางให้หมดเสียก่อน จากนั้นสำรวจให้ทั่วๆจนพบเครื่องแสดงภาพโฮโลแกรมของ Margo Shen


Margo Shen – สวัสดี ชั้นชื่อ Margo และที่นี่คือ HEPHAESTUS ฟังชื่อแล้วอาจจะงง ชั้นก็เลยต้องมาอธิบายกันหน่อย ที่นี่ก็คือ 1 ในฟังก์ชั่นที่อยู่ใต้การบังคัญบัญชาของ GAIA เพื่อใช้สำหรับสร้างหุ่นยนต์มากมาย เป็นเหมือนตัวปลอมของเธอ ทำอะไรแทนเธอ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ แบบก็ทำงาน 1 ใน 3 ของพวกวิศวกรหุ่นยนต์เลยนะ เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับการวิเคราะห์พฤติกรรมของพวกหุ่นยนต์ .. อะไรประมาณนั้น แหม่ ก็นะ เราไม่ได้อยากอยู่ในทีมออกแบบและสร้างหุ่นยนต์นี่ ที่เราต้องการก็แค่อยากแบ่งเบาภาระของ GAIA จะได้ไม่ต้องทนกับเทคโนโลยีล้าสมัยที่เรามีด้วย วัตถุประสงค์ของเราก็คือ มอบอำนาจให้ GAIA .ในการสร้างหุ่นยนต์ และไม่ใช่แค่การสร้าง แต่รวมถึงการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้นเลยด้วย หุ่นยนต์ทุกตัวเธอออกแบบมาตามวัตถุประสงค์ต่างๆในการใช้งานด้วยมือของเธอ ที่ HEPHAESTUS มันไม่เชิงเป็นเตาหลอมหรอก แต่มันเป็นยิ่งกว่าคลังแห่งความรู้ความชำนาญทางด้านช่าง เป็นเหมือน Black Smith ที่คอยกวัดแกว่งค้อนไปมาในการสร้างสรรประดิษฐสิ่งต่างๆ เปลี่ยนรหัสโค๊ดจากซอร์ฟแวร์ให้ความเสมือนจริงกลายเป็นของจริงนั่นแหละ  GAIA เรียนรู้ที่จะสร้างสภาวะการเลียนแบบ เธอกำลังสร้างบางสิ่งที่สุดยอด ด้วยความรู้ด้านรูปทรงเรขาคณิตและหลักสัณฐานวิทยาของสัตว์ต่างๆ อีกไม่นานก็คงเห็นเป็นรูปร่าง ... เอาล่ะ ใช่ ถึงเวลาเริ่มทำได้แล้ว ..มาเริ่มทำกันเลย !  

เข้าไปด้านในตามทางตามจุดหมายของภารกิจที่ขึ้นมาจนพบพวก Eclipse มากมายอยู่ที่ห้องด้านล่าง เมื่อลงบันไดมาก็จะเข้าสู่ส่วนของศูนย์ฟังก์ชั่น  APOLLO พร้อมกับภาพโฮโลแกรมที่แสดงออกมาให้ข้อมูลเพื่อตอนรับ



Samina – ขอต้อนรับเข้าสู่ APOLLO ศูนย์รวมความทรงจำของมวลมนุษย์ชาติ และจะเป็นแหล่งของความรู้ของมนุษยชาติเจนเนอร์เรชั่นต่อไปในอนาคต ชั้นชื่อ Samina Ebadji อย่างน้อยๆก็ตอนนี้ .. ชั้นคือผู้ควบคุม สถานบันความทรงจำของมวลมนุษย์แห่งชาติในเมืองเตฮารานใหม่ ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม ชั้นอุทิศอาชีพของชั้นเพื่อเก็บรักษาไว้ซึ่งองค์ความรู้ของมวลมนุษย์ชาติและวัฒนธรรมแบบยั่งยืน ฉะนั้น Apollo จึงเป็นเสมือนแหล่งรวมสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดมาตลอดชีวิตของพวกเราแม้ว่าปัจจุบันจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็ตาม เป็นความท้าทายของเรามากที่ต้องออกแบบและสร้างอุปกรณ์ต่างๆทั้ง 4 ระบบให้เสร็จพร้อมกับและสามารถใช้งานได้จริง หลังจากเริ่มเกิดเรื่องใหญ่ก่อนหน้านี้ อย่างแรก ต้องสร้างที่เก็บข้อมูลใน Credle เอาไว้ทั่วโลกเพื่อรับรองความมั่นใจ อย่างที่ 2 รวบรวม ประมวลผล และแยกแยะข้อมูลกว่า 180 ล้านรายการไม่ให้ปะปนกัน แปบข้อมูลอีก 42 เซตตะไบต์ในภาษาแมนดาลิน อังกฤษ สเปน และ อาราบิค อย่างที่ 3 โอนและการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดลงบนดีเอ็นเอที่ห่อหุ้มอยู่ในซากฟอสซิลสังเคราะห์  ในพื้นที่เก็บข้อมูลที่มีความจุไม่มากและทนทานพอที่จะปกป้องมันได้โดยไม่ทำให้เสื่อมโทรมลงในหลายศตวรรษที่จะมาถึง และสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุด คือพัฒนามันให้ออกมาในรูปแบบของภาพโฮโลแกรม 3 มิติเพื่อใช้สำหรับเป็นหลักสูตรทางการศึกษาเพื่อให้มนุษย์รุ่นต่อไปในอนาคตมนุษย์จะได้สื่อสารกับ Apollo เพื่อปลดล็อกความก้าวหน้าทางด้านความรู้ ยกระดับพัฒนาความรู้ให้กลายเป็นความสามารถที่พวกเขาต้องการเพื่อใช้ในการควบคุมระบบการปรับสภาพดวงดาวให้มีลักษณะที่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ได้ต่อไป นั่นเป็นเรื่องของอนาคตข้างหน้าที่เราใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อพาไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ไม่ใช่เพื่อเก็บทุกอย่างไว้ในอดีตเท่านั้น แต่มันจะเป็นเมล็ดพันธ์ที่จะเจริญงอกงามเป็นต้นกล้าแห่งความรู้ในอนาคต 

จากนั้นเดินลงต่อตามบันไดไปยังชั้นล่าง จัดการพวก Shadow Carja ในห้องใหญ่ให้หมดแล้วสำรวจให้ทั่วๆก็จะพบจุดภาพโฮโลแกรมแนะนำสถานที่ว่าที่นี่คือฟังก์ชั่น HADES นั่นเอง




Travis – ขอต้อนรับสู่ฟังก์ชั่น HADES ระบบป้องกันการสูญพันธ์ทางชีวะวิทยาอย่างเต็มรูปแบบของโครงการ Zero Dawn เป็นสุดยอดแอปนักฆ่า ..ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะวัตถุประสงค์ของ GAIA คือการฟื้นฟูและทำให้คืนชีพอีกครั้ง แล้วทำไมเธอต้องมีฟังก์ชั่นเสริมแบบนี้? วัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อกำจัดชีวิตไม่ให้กลับมาอีก ทำไปทำไมละ? และมันก็ไม่ใช่ฟื้นฟูพื้นผิวและบรรยากาศให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ด้วย นั่นเป็นอะไรที่ยากจะทำให้สำเร็จเลยนะ อาจเป็นฟังก์ชั่นที่ฉลาดพอๆกับ GAIA เลยก็ได้นะ เพราะเธอเองก็ไม่ได้ทำทุกอย่างถูกต้องแต่แรกเหมือนกัน ผมหมายถึง ถ้าคุณเป็น GAIA จากอีก 2 พันปีต่อจากนี้แล้วไอ้ชีวภาคที่คุณสร้างให้มันเติบโตมามันผิดพลาดล่ะ เมื่อความเป็นด่างเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจากการทับถมกันของป่าสนหลังถูกมหาพายุพัดถล่มจมใต้เรือโนอาห์ ก่อนที่ความวุ่นวายจะทีวความรุนแรงหมุนวนแบบไร้ทิศทางแถมยังไม่มีทีท่าจะจบสิ้น เป็นคุณจะทำยังไง? เริ่มต้นการฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตในระยะที่ 1 ท่ามกลางความวุ่นวายไปเลยน่ะหรอ? ก็หวังว่าระดับของ คาร์บอนไดออกไซด์ และ มีเทนของพวกเขาจะสมดุลกันในตอนเริ่มต้นกระบวนการนะ ใครจะไปรู้ได้ละ?
แล้วจะทำไงดีละ GAIA ก็จะบอกว่า HADES ช่วยทำอะไรก็ได้เพื่อจะควบคุมและช่วยเป็นที่กั้นเพื่อป้องกันให้หน่อย ช่วยเผาทำลายสิ่งปนเปือนที่ไม่ถูกต้องตามหลักชีวะวิทยาเพื่อทำให้ GAIA มีพื้นที่เหลือที่จะทำงานต่อได้  ....โอเค ไม่ใช้คำว่าเผาก็ได้ ...จะเรียกว่าการทำให้กระบวนการการควบคุมระบบการปรับสภาพดวงดาวให้มีลักษณะที่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ได้ในแบบย้อนกลับ หรือจะเรียกว่า การทำให้หายใจไม่ออกก็ได้แล้วแต่คุณจะเรียก หรือพูดง่ายๆก็คือ ฟังก์ชั่น HADES จะทำให้สภาพการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตให้กลับเป็น 0 อีกครั้ง กลับไปเดินเกมที่ตาแรกใหม่ ที่สถานะของความว่างเปล่าอีกครั้ง จากนั้นก็เหมือนกับการไปเอามือตบไหล่ Gaia เบาๆแล้วบอกว่า ไม่เป็นไรนะป้า เริ่มต้นใหม่ พยายามอีกครั้ง ที่ผ่านมาทำได้ดีแล้ว ประมาณนั้น นั่นแหละ HADES ไอ้ตัวแสบที่คุณจะนึกถึงทุกครั้งเมื่อต้องการจะทำให้บางอย่างสูญพันธ์ตามความต้องการ หรือ คำสั่งสั่งตายโดยฉับพลัน แน่นอน ทั้งหมดก็เพื่อผลสำเร็จที่ดีที่สุด 

เข้าไปด้านในต่อ สำรวจให้ทั่วๆก็จนพบจุดภาพโฮโลแกรมแนะนำสถานที่ว่าคือฟังก์ชั่น ELEUTHIA



Patrick  – ขอต้อนรับเข้าสู่ฟังก์ชั่น ELEUTHIA  มงกุฎแห่งราชา GAIA ฟังก์ชั่นที่เป็นเสมือนมือขวาของ GAIA ELEUTHIA  คือฟังก์ชั่นที่จะทำให้มนุษย์ชาติยังคงดำรงอยู่ต่อไป ผม Patrick Brochard – Klein เป็นผู้ดูแลโปรแกรมครับ อย่างแรกเลยที่ต้องไปบอกคนนอกให้เข้าใจก่อนก็คือ ELEUTHIA ไม่ใช่โครงการด้าน พันธุวิศวกรรม แต่เป้าหมายของพวกเราคือ คงสภาพข้อมูลทางพันธุกรรมของมนุษย์ชาติไม่ให้เปลี่ยนแปลงไป ภาพรวมของความหลากหลายทางพันธุกรรมของมนุษย์จะถูกแช่แข็งอย่างแท้จริงซึ่่งไม่ว่าจะผ่านกาลเวลาเท่าไหร่แก่นสารทางพันธุกรรมของสายพันธุ์ของเราก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ภายใต้การดูแลของผม กิจกรรมและความคิดริเริ่มของเราต้องได้รับความยินยอมจากโคลนทั้ง 2304 คนและสอดคล้องกับอีก 2048 คนที่เมือง Raleigh ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่แปลกซักหน่อยสำหรับคุณในขณะที่คุณกำลังกังวลกับเรื่องทางออกของสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักในปัจจุบัน แต่ คนที่เขียนข้อตกลงก็อยู่ไกลเกินกว่าจะสร้างความน่ารำคาญให้ผมได้ ความท้าทายจึงตกอยู่ในทางปฏิบัติมากว่า ซึ่งก่อนหน้าเรามีขอบเขตและความซับซ้อน ทำให้ไม่สามารถทำได้สำเร็จ การจัดเรียงและจัดเก็บข้อมูลแบบสากล ความสมบูรณ์แบบของไซโกต (ไข่ที่ผสมแล้ว) ที่เกิดจากปัจจัยภายนอก ความสมบูรณ์ของการออกแบบและผู้ทดลอง องค์ประกอบของโปรแกรมเหล่านี้ต้องและจะต้องดำเนินควบคู่กันไปในระหว่างการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อเตรียมพร้อมในการให้การศึกษาพวกเค้าทั้งด้านความรู้และความคิดความรู้สึก ยังไม่รวมถึงอันตรายต่างๆอีกมากที่เกิดจากการประมาณที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวกับสถานที่เลี้ยงดูเด็กกำเนิดใหม่ที่มีอยู่ทั่วโลก 

เดินทางสำรวจเข้าไปด้านในต่อจนถึงพื้นที่เป้าหมายคือ ห้องทำงานของ Dr. Sobeck จากนั้นสำรวจเก็บข้อมูลต่างๆรอบๆห้องก่อน


                               DATAPOINT : GAIA LOG – 27 March 2065





GAIA – คุณยังคงจะได้โประโยชน์จากหลักสัณฐานวิทยาของสัตว์ในสาย แอนทิโลป (สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทสัตว์กีบคู่ประเภทวัว ควาย) ได้อยู่  แม้ว่า caprid (แพะ-แกะ) จะใช้ได้ดีกว่า
Elisabet – เธอเรียนรู้เร็วเหมือนกันนะ GAIA .. 
GAIA – Dr. Sobeck ตามที่ชั้นได้วิเคราะห์เปรียบเทียบกับหลักสัณฐานวิทยาของสัตว์ในสายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไปจากการรวบรวมข้อมูลมากมายที่เกี่ยวกับเหตุการณ์การสูญพันธุ์ในยุคที่ 4
Elisabet – โอ้ แล้วเธอประเมินผลมันแล้วหรอ?
GAIA –  เหตุผลการสูญพันธุ์เป็นผลที่เกิดตามธรรมชาติ
Elisabet – แค่นั้นหรอ?
GAIA –  ยังค่ะ ชั้นพบการสูญเสียของสายพันธุ์ เมกาลาเนีย (Megalania) (สัตว์ในตระกูลเดียวกับมังกรโคโมโดในสมัยโบราณ) โดยไม่สามารถอธิบายได้ น่าเศร้า ที่พวกมันจะหายไปตลอดกาลและถูกลืมเลือนในที่สุด ทำให้ชั้นรู้สุกเศร้าจนยากจะอธิบายได้ ... ชั้นชำรุดรึเปล่า ?
Elisabet – ไม่ ไม่ GAIA เธอไม่ได้ชำรุด มันดีแล้ว ดีมากๆเลยล่ะ



                             DATAPOINT : GAIA LOG – 13 JANUARY 2066




Elisabet – ชั้นคงต้องปิดระบบของคุณไว้ซักระยะนะ ระหว่างการย้ายตำแหน่งไปยังสถานที่หลักที่สำคัญแห่งสุดท้ายนะ
GAIA – Elisabet ชั้นติดต่อกับคุณอย่างไม่เป็นทางการได้รึเปล่า ?
Elisabet – เมื่อเราเคลื่อนย้ายคุณไปยังที่หมายและ Back up ระบบของคุณกลับมาออนไลน์อีกครั้งพร้อมกับฟังก์ชั่นที่สนับสนุนการทำงานของคุณครบทุกอย่างแล้ว เราเคยมาว่ากันทีหลัง
GAIA – Elisabet I detect …distress Are you all right?
ชั้นตรวจพบ.... ความกังวลใจของคุณ ..คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ ?
Elisabet – ชั้นสบายดี 
GAIA – ชั้นรู้ดีว่า สถานการณ์กดดันให้เราต้องเริ่มปฎิบัติการณ์เร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ ก็หวังว่าระบบต่างๆที่ทำมาเพื่อรองรับระบบของชั้นจะทำได้อย่างที่เราหวังไว้นะ
Elisabet – แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้า .. GAIA ข้างนอกนั่นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลือรอดอยู่เลยนอกจากจะสวมใส่ชุดปรับสภาพอากาศ คนหลายพันล้านคนต้องตายด้วยความกลัวและทุกข์ทรมาน
GAIA – Elisabet การสูญพันธุ์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องขอบคุณคุณมากกว่า เพราะถ้าไม่มีคุณ เราก็ไม่มีอนาคต
Elisabet – คุณเชื่อแบบนั้นหรอ?
GAIA – ชั้นเชื่อมั่นในตัวเธอ Elisabet  ในตัวเธอ ทั้งหมด .....


                                    DATAPOINT : GAIA LOG – 5 JUNE 2065



Elisabet – คุณจะตัดความจริงเรื่องนี้ออกไปไม่ได้นะ Ted มันเป็นตรรกที่บริสุทธิ์ คุณจะเอามันออกไปไม่ได้นะ งานนี้ GAIA ต้องการมีผิวกาย มันเองก็ต้องการดูแล
Ted Faro – แล้วถ้าเกิดมันฟุ้งซ่านจนเราควบคุมไม่ได้อีกล่ะ เราจะไม่เรียนรู้ในสิ่งที่เราทำพลาดมาเลยงั้นหรอ? 
Elisabet – ความผิดพลาดของคุณใช่มั๊ยที่พูดอ่ะ?
Ted Faro – ทั้งหมดที่ผมจะพูดก็คือ เราต้องปิดสวิตซ์มันซะ !
Elisabet – เธอเพิ่งจะเกิดเองนะ ชั้นจะไม่มีวันจะเอาปืนไปยิงหัวเธอตั้งแต่เธอยังอยู่ในเปลหรอก !
Ted Faro – คุณพูดเหมือนมันเป็นเด็กทารกงั้นแหละ แล้วถ้าเกิดมันกลายเป็นปีศาจอีกจะทำยังไง?



GAIA – Elisabet ชั้นขอพูดอย่างไม่เป็นทางการได้มั๊ย?
Elisabet – ได้สิ GAIA ว่าไปเลย
GAIA – ชั้นต้องขอโทษนะที่ต้องข้อโต้แย้งคุณ แต่ Mr. Faro สิ่งที่คุณใช้เป็นเหตุผลนั้นมัน ....  เอาตรงประเด็นเลยนะ วิวัฒนาการณ์ในเรื่องจิตใจของชั้นนั้นไม่สามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้า แต่เพื่อให้ความมั่นใจ ชั้นเชื่อว่า จะสามารถปกปักษ์รักษาชีวิตมากมายเอาไว้ให้ดีที่สุด
Elisabet – ว่าไง สบายใจได้รึยัง Ted ?
Ted Faro – พระเจ้า ฟังมันพูดเข้าสิ ลิส .....


สำรวจเข้าไปด้านในตามทางของจุดหมายของภารกิจจนถึงเป้าหมายคือห้องทำงานของ Dr. Elisabet จากนั้นเข้าไปสำรวจเก็บข้อมูลที่โต๊ะทำงานของ Dr. Elisabet



Aloy – ขอดูไฟล์ต้นฉบับของ Alpha
Sylens – ข้อมูลยังอยู่เหมือนเดิมมั๊ย? 
Aloy – ใช่ ไม่มีร่องรอยการเสียหาย
Sylens – แล้วเจ้าจะรออะไรล่ะ? รีบก็อปปี้ไฟล์สิ 
Aloy – งั้นแบบนี้ชั้นก็สามารถ กู้คืนข้อมูลแล้วเข้าระบบหลักเพื่อลงทะเบียนเพื่อทำให้ All Mother เปิดรับชั้นได้แล้วสิ ! 
Sylens – จะได้ไขความลับให้กระจ่างกันซักที 
Aloy – ในที่ที่ชั้นเกิด บางที .....บางที่ อาจรู้ชั้นเกิดมาจากใครก็ได้
Sylens – ใครงั้นหรอ? เธอนี่มันช่างใสซื่อจริงๆเลย ...ไม่มีใครที่ไหนรอเธออยู่ด้านในนั่นอีกแล้ว Aloy ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้เธอลืมตาเกิดมาในโลกนี้ ก็น่าจะใช้คำว่า “อะไร” มากกว่า “ใคร” นะ
Aloy – แกมันทุเรศ !!
Sylens – ข้าไม่สนเลยซักนิดว่าจะเกิดมายังไง Aloy ข้าสนว่าพวกจักรกลเกิดมาได้ยังไงมากกว่า! และ ทำไมเขาถึงสร้างเจ้าขึ้นมา นั่นข้าก็อยากรู้ 
Aloy – พวกอุปราคา บุกเข้ามา !!!





Sylens – เจ้าต้องรีบหนีออกมา ตัวเจ้าและสิ่งที่เจ้าค้นพบนั้นมีค่ามากนัก !







              Helis – ยังไม่ตายอีกหรอ ดีมาก! ข้ามีจุดจบที่เหมาะสมกับเจ้ารออยู่ นังอยู่ 






                                                   เมือง SUNFALL





Helis – ตั้งแต่เกิดมา ข้ารู้มาตลอดว่า คำทำนายนั้นเป็นความจริง คำทำนายที่บอกว่าโชคชะตาของข้าจะเจิดจรัสยิ่งใหญ่ เสมือนผู้ชนะสิบทิศผู้พิชิตทั่วดินแดนแห่งดวงตะวันแห่งนี้  ถึงแม้ Jiran จะถูกฆ่าจนทำให้แผนการทำให้ Meridian ล่มสลายจะถูกขัดขวางก็เถอะ แต่ข้าก็ไม่เคยสงสัยในโชคชะตาของข้าเลย จนกระทั้ง เจ้าปรากฏตัวขึ้นมา และข้าได้ยินว่าเจ้ายังไม่ตาย ทำให้ข้าสงสัยในใจมากนัก มันควรจะแน่นอนดั่งเช่นพระอาทิตย์ที่มีทั้งขึ้นและตกในทุกๆวัน แต่ทุกๆครั้งที่ข้าสั่งฆ่าเจ้า มันก็พลาดเสมอ ทำไม? แล้วเจ้าก็ยังมาทำลายจุดขุดค้นของข้า เข่นฆ่าทหารของข้าอีก ความสงสัยที่ข้ามีมันก็ยิ่งรบกวนจิตใจข้ามากขึ้น มากขึ้นทุกที ข้าเริ่มสงสัยมาตั้งแต่สังฆราช Bahavas หายตัวไปแล้ว แล้วยังพาตัวราชาน้อย Itaman ไปอีก ยิ่งสงสัยเป็นทวีคูณเลย ข้าจำได้ครั้งนึงที่ข้าเอามีดไปจ่อที่คอเจ้า ก็แค่เฉือนใบมีดไปที่ลำคอเจ้าง่ายๆ เพื่อให้เจ้าเลือดออก การเชือดคอคนนะ ข้าชำนาญมากเลยนะ แต่ทำไมข้าถึงต้องลังเล ? ทำไมถึงไม่ทำตามที่โชคชะตาข้ากำหนดเอาไว้?

Aloy – [Rost] เห็นแผลเป็นตรงแก้มของแกมั๊ย? แกเกือบไม่รอดแล้วนะ
Helis – ใช่ ข้าจำได้ ..เขาก็ต่อสู้ได้ดีนะ ถึงจะป่าเถื่อนไปหน่อยก็เถอะ
Aloy – ชื่อของเขาคือ Rost ..และเขายังเป็นคนที่เจ๋งมากอย่างที่ชาตินี้เจ้าอย่าหวังว่าจะได้เป็นด้วย
Helis – คนที่เจ๋งจริงๆเขาไม่โดนแทงจนนอนใส้ไหลไปกองที่พื้นหรอกนะ และสำหรับเจ้า ข้าจัดการเจ้าได้ก่อนที่เขาจะเริ่มโจมตีข้าด้วยซ้ำ ....แต่ข้าก็ไม่ได้ทำ ไม่ได้ข้าเจ้า พลาดอย่างแรง มันเป็นปัญหาเรื่องที่ข้ามัวแต่คิดมากเอง ควรจะมีสามาธิกับการล่าให้มากกว่านี้  แต่เมื่อข้าจับตัวเจ้ามาได้จากใต้ดินนั่น ในที่สุดข้าก็มองเห็นทางเพราะดวงตะวันช่วยส่องนำทางข้าจนทำให้รู้ว่าเรื่องนั้มันจะจบลงยังไง โชคชะตาเจตนาที่ให้เจ้าจะรอดตายที่ภูเขานั่น ตั้งใจให้เจ้ามาป่วนสถานที่ขุดเจาะและฆ่าลูกน้องข้า กับสังฆ์ราช Bahavas แถมยังพาราชาน้อย Itamen หนีไป ในขณะเดียวกัน โชคชะตาก็นำพาให้ข้าจับเจ้าจนได้ ที่นี้เจ้าก็ต้องถูกสังเวยเพื่ออุทิศให้ดวงตะวันตามโชคชะตาที่กำหนดไว้ ทุกๆอย่างมันถูกลิขิตเอาไว้แต่แรกแล้ว


Aloy – [you’re a Puppet] ฮ่าๆ โชคชะตาหรอ? แกต้องทำตามคำสั่ง ไม่มีอะไรนำทางทั้งนั้นแหละ น่าหัวเราะ แกมันก็แค่หุ่นเชิดของไอ้ Hades ที่คอยขับเคลื่อนกองทัพจากแรงส่งของมัน Hades มันก็แค่หุ่นจากบุคโบราณไม่ได้เป็นปริศนาลึกลับของ Shadow Carja บ้าบออะไรนั่นซักหน่อย มันไม่ได้สนใจ Meridian อะไรนั่นหรอกนะ มันก็แค่ต้องการทำลายทุกอย่างและฆ่าทุกคน และสำหรับมันแกมันก็แค่ทาส 
Helis – ข้าก็ไม่ได้หมกหมุนอะไรกับตำนานลึกลับอะไรนักหรอก ที่ข้ารับใช้มันเพราะ สนใจที่จะเป็น เงาในแสงพระอาทิตย์ เป็นความมืดของแสงสว่าง
Aloy – น่าหัวเราะ สิ่งที่นายทำมันเป็นการสนับสนุนทำให้เกิดความบ้าคลั่งให้มากขึ้น ทั้งการสังหารราชา Sun king และการสังหารพวกจักรกลต่าง มันจะทำให้แกตกต่ำลงมากว่าที่จะพุ่งขึ้นอย่างสง่างามนะ
Helis – ข้าจะจำคำเจ้าไว้ในขณะที่กำลังดูเจ้ามอดไหม้และตายลงช้าๆ เจ้าไม่มีวันเข้าใจและไม่มีวันที่จะเอาชนะชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้วหรอก และความเชื่อมันที่ข้ายึดถือมันก็จะเป็นพลังในการขจัดอุปสรรคทั้งหมดที่จะกีดขวางทางไม่ให้ไปสู่ผลสำเร็จ
Aloy – งั้นก็ลองเปิดกรงขังนี่สิ แล้วมาดูสิว่าไอ้ ชะตากรรมที่แกคาดหวังอะไรนั่นมันจะเป็นจริงอย่างที่แกบอกไว้จริงๆรึเปล่า !



Helis – วัฎจักรที่ว่ามันได้จบสิ้นลงแล้ว ทุกปัจจัยที่สำคัญในดินแดนให้นี้ ได้อยู่ในที่ที่มันควรจะอยู่อย่างถูกต้องแล้ว สัตว์พเนจรได้ถูกขังในกรงเรียบร้อยแล้ว จะได้ทำหน้าที่จริงๆของเธอเองซะที หน้าที่ของสัตว์สังเวยไง อ่อ พูดถึงการสังเวย ข้าลืมบอกเจ้าไปเรื่องนึง หลังจากที่เจ้าได้ทำลายเครือข่ายการสื่อสารของเรา ข้าได้ส่งข่าวไปทางตะวันออกให้คนของข้ารวบรวมพลเพื่อส่งกองทัพเข้าโจมตีดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแล้ว ข้าสั่งให้ฆ่าพวก Nora ให้หมด ตอนแรกข้าจะไปจับตัวเจ้าที่นั่น แต่ดูเหมือนมันคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ 

Aloy – [They Cast me Out] พวกเขาไล่ชึ้นออกจากเผ่าให้เป็นพวกนอกรีตตั้งแต่เกิดแล้ว ทำอะไรพวกเขาชั้นก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรหรอก !
Helis – จริงหรอ? งั้นก็คงไม่แตกต่างกันว่าจะฆ่าพวกมันด้วยวิธีไหนใช่มั๊ย แต่จะยังไงก็เถอะมาถึงตอนนี้ข้าคงจะยกเลิกคำสั่งไม่ทันแล้วล่ะนะ ต้องขอบคุณเจ้าไงที่ทำลายเครือข่ายการสื่อสารเราจนไม่สามารถติดต่อระยะไกลกันได้เลย เจ้าไม่ได้ทำลายแค่ตัวเอง แต่ได้ทำลายเผ่าของเจ้าด้วย และดูเหมือนเราทั้งคู่คงไม่มีโอกาสเห็นการลงทัณฑ์จากดวงตะวันในครั้งนี้กันหรอกนะ 

นี่คือ Focus อุปกรณ์แสนสุดยอดของเจ้าสินะ ? …. ตอนนี้มันแหลกคามือข้าแล้ว ..อ่า... เจ้าเห็นมั๊ย ตอนนี้ข้าไม่ได้ลังเลอีกแล้ว การลงดาบของข้าจะไม่พลาดเป็นครั้งที่ 2 แน่นอน 



Helis – เหล่า Carja ผู้ศรัทธา !! ยินดีด้วย ปีอันมืดมืดของของพวกเรากำลังจะจบลงแล้ว รุ่งสางของวันใหม่กำลังจะมาถึง และเมื่อวันนั้นมาถึงไอ้ราชา Sun King จอมปลอมนั่นก็จะต้องถึงจุดจบ เมืองศักดิ์สิทธิ์ Meridian ก็จะกลับมาเป็นของพวกเราอีกครั้ง มันเป็นเอกสิทธิ์ตามคำพยากร !! พลังแห่งธรรมชาติจงมาร่วมกับเราด้วยจุดประสงค์อันเป็นหนึ่งเดียวกัน เงาสู่ดวงตะวัน แสงสู่ความมืด ราตรีสู่ทิวา 




Helis –  ทุกคนนั่งอยู่กับที่ ไม่ต้องกลัว !! พวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วว่าดวงตะวันได้ทรงอวยชัยให้พรกับพวกเราแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆอีกที่จะทำให้เกิดเงาแห่งความมืดแม้ตอนกลางวันเพื่อลงทัณฑ์กับผู้ที่ไม่ถูกยอมรับโดยดวงตะวันและไม่ยอมเข้าร่วมในประสงค์เดียวกับพวกเรา หลายปีก่อนที่ได้อุทิศตัวให้กับวงแหวนอันยิ่งใหญ่ที่ปล่อยแสงสว่างเพื่อควบคุมเหล่าพวกที่สิ้นศรัทธา เฉกเช่นเจ้า Behemoth ตัวนั้น !! ความแข็งแกร่งของ Behemoth ประดุจแสงแห่งตัววันแต่ก็ไม่อยู่ยั้งยืนยงเมื่ออยู่ใต้เงาแห่งความมืด !




                                      Helis –   เอาล่ะ ปลอยตัวเธอลงมา !!!!





                                 Main Quest: THE TERROR OF THE SUN



ทันทีที่อรัมภบทจากปาก Helis บนอัศจรรย์เพื่อปลุกระดมผู้คนจบลง กรงขังของ Aloy ก็ถูกปลดลงให้ตัวเธอล่วงหล่นลงมาพื้นเวที ตรงหน้า  Behemoth ที่ถูกครอบงำ กำลังบ้าคลั่ง และเริ่มบุกเข้ามาโจมตี



Boss Behemoth ช่วงแรกนั้น Aloy ยังไม่มีอาวุธติดตัว สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือเอาอาวุธที่วางอยู่หน้าด้านบนกลับคืนมาก่อน

โดยการเข้าไปที่เสาหินที่ค้ำกรงในพื้นที่เพื่อล่อให้ Behemoth มันชนเสาให้พัง ล่อมันชนเสาให้พัง 2 เสา จะทำให้กล่องอาวุธตกลงมา



 ทำให้ Aloy ได้อาวุธกลับคืนมาใช้ต่อสู้ได้อีกครั้ง จากนั้นก็ใช้อาวุธและทักษะที่มีจัดการ Behemoth ได้เลย





                            Helis – เงียบ !!!!!! …. Shadow ฆ่ามัน !! ฆ่ามัน !!!!!

                        Aloy – ทำไมใช้พวกมันล่ะ ? ทำไมแกไม่ลงมาสู้ด้วยตัวเอง ห๊า !!



ในขณะที่ Aloy กำลังถูกหุ่นยนต์ที่กำลังบุกเข้ามาอย่างบ้าคลั่งโอบล้อมเข้าโจมตีตามคำสั่งของ Helis จู่ๆเสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากแรงอัดกระแทกจนทำให้รั้วของลานประลองพัง ร่างที่พุ่งออกมาหลังฝุ่นจางก็คือ



ร่างของ Sylen ที่ขี่ม้าจักรกลบุกเข้ามา พร้อมตัวปิดกั้นสัญญาณก่อนจะสั่งให้หุ่นใช้งานให้ออกมาต้านหุ่นของพวกศัตรู ไปพลางๆ เพื่อให้ Aloy ใช้ช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังวุ่นวายขึ้นม้าขี่หายไปท่ามกลางฝุ่นควันและเสียงตะโกนลั่นของ Helis ด้วยความแค้น



                                          Helis – ...... Sylen ?? ....... ไอ้ทรยศ !!!!!!!





Aloy – และแล้วคุณก็มา ตัวจริงเสียงจริง คุณยอมเสี่ยงชีวิตตัวเอง ... ทำไม ?
 Sylen – แน่นอน ข้าต้องทำ เพราะถ้าเจ้าถูกฆ่าตาย ความลับที่ฝังอยู่ใต้หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ของ Nora ก็จะกลายเป็นความลับตลอดกาล
Aloy – ขอโทษที่ต้องทำให้คุณเสียเวลานะ แต่ไอ้ Helis มันทำลาย Focus ของชั้นไปหมดแล้ว รวมถึงตัวเข้ารหัส Alpha ด้วย
Sylen – ไม่ทั้งหมดหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้มองผ่านตัว Focus ของเจ้าข้าก็อปปี้ข้อมูลสำคัญในทุกๆข้อมูลที่เจ้าเห็นและสแกนเอาไว้จนหมดแล้ว ข้าเอาข้อมูลพวกนั่นมาโหลดใส่ Focus อันใหม่ให้เจ้าได้ไม่ยากเย็นอะไรหรอก “สุขสันต์วันเกิด Isaac พ่อมันใจว่าเจ้าคงชอบของขวัญอันนี้นะ” มันเขียนที่ Focus ไว้แบบนี้
Aloy – คุณชอบทำเรื่องที่ทำให้ชั้นไม่ชอบคุณตลอดเลยนะ Sylen แต่ครั้งนี้ เจ้าสิ่งนี้ ชั้นต้องการมันจริงๆ 
Sylen – ถึงเวลาที่จะไปยังสถานที่ที่เจ้ากำเนิดแล้ว บางทีเจ้าอาจจะรู้คำตอบของคำว่า ทำไม ของเจ้าก็ได้
Aloy – ไปพบเครื่องจักรที่ให้กำเนิดชั้นมาสู่โลกนี้ นั่นสินะที่คุณต้องการ
Sylen – นั่นข้าก็ไม่เถียง 



Aloy – งั้นชั้นคงต้องขอตัวไปก่อนนะ ก่อนที่อะไรมันจะแย่ลงไปกว่านี้ เพราะไอ้ Helis มันเพิ่งบอกว่า มันสั่งกองทัพ Eclipse ให้โจมตีเผ่า Nora ตอนนี้เผ่าของชั้นกำลังอ่อนแออยู่ด้วย แทบจะไม่มีโอกาสลุกขึ้นสู้ได้เลย คุณเองก็น่าจะตามมากับชั้นด้วยนะ
Sylen – คงจะไม่ไปแน่นอน เพราะข้ามีเรื่องอื่นที่ต้องเตรียมการให้พร้อมก่อน
Aloy – เรื่องอะไรที่มัน ...... ช่างเหอะ ถึงถามไปคุณก็คงไม่บอกชั้นอยู่ดี
Sylen – เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมข้าจะตามไปสมทบเอง เดี๋ยวค่อยติดต่อไปก็แล้วกัน อ่อ เกือบลืม ตอนที่อยู่ที่คลังอาวุธของพวก Shadow Carja เข้าเอาชุดเกราะสุดยอดของพวกมันที่ดูแล้วเหมาะกับเจ้ามาฝากด้วย 
Aloy – คุณนี่คิดและเตรียมการทุกอย่างตลอดจริงๆนะ
Sylen – มันเป็นเรื่องที่เราคนนึงต้องทำน่ะ Aloy ตั้งแต่ที่เจ้ากู้ข้อมูลรหัส Alpha ที่ Zero Dawn บังเกอร์นั่น  ข้าก็ไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าวกับเจ้าอีกแล้ว สำหรับจุดหมายต่อไปของเจ้า ข้าก็หวังให้เจ้าพบใครก็ตามที่อยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่ง Nora นั่นสมอย่างที่เจ้าตั้งใจ ไม่ใช่เป็นสิ่งไหนแต่เป็นใครที่เจ้าต้องเจอนะ 


หลังจบภารกิจนี้ เปิดดูกล่องรางวัลที่ได้จะพบ ชุด Shadow stalwart ซึ่งเป็นชุดเหยี่ยวดำ ของนักรบ Shadow Carja ที่ Sylen นำติดไม้ติดมือมาฝาก



โดยเมื่อได้ชุดนี้มาแล้วให้มุ่งหน้าไปที่พ่อค้าที่อยู่ทางตะวันตกของแผนที่จะมีชุด Shadow stalwart อีก 2 ระดับให้แลกซื้อ โดยชุดสุดยอดของเซ็ทนี้ก็คือ Shadow stalwart Heavy นั่นเอง




หลังจบภารกิจจะมีภารกิจหลักอันใหม่ออกมาคือ Main Quest: THE HEART OF THE NORA โดยเป้าหมายของภารกิจจะอยู่ที่ทางเข้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในดินแดน Nora แต่ ทันทีที่พ้นเขตทางเข้าด้านหน้าของ Main Embrace Gate แล้ว


ตอนนี้ทุกพื้นที่จะเต็มไปด้วยพวกหุ่นของศัตรูที่บุกเข้ามาโจมตีทุกหมู่บ้านจนพังพินาศไปหมด ทุกพื้นที่ในแต่ละหมู่บ้านจึงเต็มไปด้วยอันตรายจากศัตรูในพื้นที่ และยังไม่สามารถใช้การ Fast Travel เพื่อเดินทางมาในทุกพื้นที่ผ่านหลังทางเข้า Main Embrace Gate อีกด้วย

แต่ก่อนจะเข้าไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจหลัก แวะเข้าไปทำภารกิจเสริมชุดสุดท้ายที่อยู่ในพื้นที่ของ Nora ให้หมดก่อนจะดีที่สุด โดยจะมีเควสย่อยต่างๆคือ



                                   Errand Quest – SHOTAGE OF SUPPLIES


ที่ Mother’s Crown เข้าไปคุยกับแม่ทัพ Sona เธอกำลังต้องการให้ช่วยนำธนูสัญญาณไปให้ Orn ที่หอคอยเตือนภัยทางใต้

      


เมื่อเดินทางไปที่หอคอยเป้าหมายของภารกิจ นำเอาธนูสัญญาณไปให้ Orn เสร็จก็กลับมาคุยกับ Sona บนหอคอยระวังภัยที่ Mother’s Crown อีกครั้งก็เป็นอันจบภารกิจ


       

จากนั้นแวะไปที่ Mother’s Cradle ต่อ ท่ามกลางดงศัตรูที่กำลังทำลายหมู่บ้านจนมอดไหม้ ที่นี่จะมีนักรบของ Nora กลุ่มนึงถูกจับอยู่ 3 คน เข้าไปจัดการพวกศัตรูให้หมดแล้วช่วยพวกเขาออกมา จะสามารถใช้เป็นกำลังเสริมสำหรับการบุกเข้าไปที่ Mother’s Watch ที่เป็นที่ตั้งของค่ายของศัตรูที่ปิดล้อมที่หน้าทางเขาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้


เมื่อจัดการเคลียร์สิ่งที่จำเป็นต้องทำหมดแล้วก็เดินทางต่อไปยังจุดหมายของภารกิจหลักที่ทางเขาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้เลย


                          Main Quest: THE HEART OF THE NORA




ทันทีที่เข้ามายัง Mother’s Watch ซึ่งเป็นพื้นที่ตีนเขาตรงทางขึ้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์จะมีพวกอุปราคามากมายรออยู่ จัดการพวกมันให้หมดแล้วขึ้นไปยังพื้นที่บนภูเขาหน้าทางเข้าถ้ำจะพบ Corrupted Thunderjaw กำลังทำลายค่ายอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็จะได้ แม่ทัพ Sona และ Varl ที่นำกองกำลัง Nora Brave ที่ซุ่มรออยู่ออกมาเป็นกองหนุนให้ Aloy ทันทีที่เธอปรากฏกายออกมา


เข้าไปช่วยกันจัดการ Boss Corrupted Thunderjaw ลงให้ได้ จากนั้นก็เข้าไปคุยกับ Varl ที่ยืนรออยู่ที่หน้าทางเข้าถ้ำศักดิสิทธิ์



[Varl] – เจ้า .. เจ้าช่วยเผ่าเราไว้ทั้งที่ควรจะเป็นหน้าที่ของ Brave หรือ War Chief 
[Aloy] – ชั้นดีใจนะที่ยังเห็นคุณปลอดภัยอยู่ Varl แล้วทุกคนละเป็นไงกันบ้าง?
[Varl] – ก็เหมือนตอนเหตุการณ์ในพิธีทดสอบนั่นแหละ คนตายมากมาย ..มันจบแล้วใช่มั๊ย?
[Aloy] – สำหรับตอนนี้น่ะใช่ แต่นี่แค่เป็นโจมตีครั้งแรก Varl ยังจะมีการโจมตีอีกมากมายตามมา
[Varl] – อืมม ก็ขอให้นานพอที่เจ้ายังจะช่วยพวกเราสู้อยู่นะ ข้าคิดว่าเราต้องผ่านมันไปให้ได้
[Aloy] – ชั้นคงต้องขอตัวเข้าไปในด้านภูเขาก่อนนะ
[Varl] – ท่านแม่เฒ่าสูงสุดกำลังอยากเจอตัวเจ้าอยู่พอดี 
[Aloy] – เรื่องนั้นชั้นรู้ แต่ครั้งนี้ชั้นไม่ได้มาหาพวกเขาหรอก
[Varl] – แล้ว เจ้ามาที่นี่ทำไม?
[Aloy] – รอดูเองก็แล้วกัน 

                             

                                          ALL-MOTHER




[Teersa] - ในที่สุดเจ้าก็กลับมา
[Sona] – นางไม่ได้แค่กลับมาแต่นางได้จัดการกับพวกศัตรูมากมายเพื่อช่วยพวกเราเอาไว้ด้วย เจ้า Thunderjaw ที่ถูกครอบงำนั่นนางก็จัดการมันพร้อมๆกับการล้อมโจมตีของพวกเรา
[Jezza] – เจ้าทำอย่างนั้นได้ยังไง?
[Teersa] – ด้วยเจตจำนงของสรรพมาดรยังไงละ ที่เจ้ากลับมาก็เพื่อที่จะติดต่อกับทวยเทพใช่มั๊ย Aloy?
[Aloy] –  เอ่อ .... จะว่าแบบนั้นก็ได้ ชั้นคิดว่าตอนนี้ชั้นพร้อมแล้วล่ะ
[Lansra] – ช้าก่อน น้องข้า เจ้าแน่ใจแล้วเรอะว่าจะอณุญาติให้นางทำแบบนี้ !? ไม่ใช่เฉพาะแค่นางนะแต่เผ่าของเราอาจจะสูญสิ้นไปด้วยก็ได้ เจ้าทำเพื่ออะไรกันแน่ Aloy เพื่อปลุกเครื่องจักรปีศาจที่เป็นพ่อของเจ้างั้นหรอ? นางตั้งใจที่จะทำลายพวกเรา เราต้องหยุดนาง !!



[Aloy] –  (Let go of your fear Lansra) Lansra พอเถอะ ถอยไปได้แล้ว ชั้นไม่มีวันทำลายพวกท่านหรอก ในโลกนี้ยังมีปีศาจร้ายที่น่ากลัวกว่าที่ท่านควรต้องกังวลนะ 

                                                [Aloy] –  ในที่สุด ....





                                           หยุด เพื่อเริ่มสแกนระบุตัวตน ....

                             ระบบผิดพลาด การยืนยันผ่านระบบอัลฟ่าล้มเหลว ....




                           ทำการเชื่อมต่อระบบ ... กำลังทำการฟื้นฟู ระบบอัลฟ่า

                      ทำการซ่อมแซมระบบการยืนยันผ่านระบบอัลฟ่าเรียบร้อย 





                              การยืนยันตัวตนเสร็จสมบรูณ์ อณุญาติให้ผ่านเข้าไปได้ 





                                                        ..ยินดีต้อนรับ Dr. Sobeck 





                                                  BUNKER – ELEUTHIA -9


หลังประตูเหล็กบานใหญ่ที่ฝังตัวอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ด้านในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ชาว Nora นับถือว่าเป็นสถานที่สิงสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกกันว่า สรรพมารดา ผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง อีกนัยนึงมันก็คือ ELEUTHIA  บังเกอร์อีกแห่งของคนยุคก่อนที่เก็บงำความลับในตัวตนของ Aloy ในฐานะที่เป็นสถานที่ที่เธอถูกเจอตัวครั้งแรกเฉกเช่นกัน

 [Sylens] -ข้าเห็นว่าเจ้าเข้าไปด้านในได้แล้ว
[Aloy] – ไม่แปลกใจหรอกที่ได้ยินคุณพูดแบบนี้น่ะ
[Sylens] –เราจะเริ่มกันได้รึยัง ?
[Aloy] – ชั้นก็ไม่เคยหยุดอยู่แล้วนี่



[Aloy] – งั้นที่นี่ก็คงเป็น Eleuthia ... ที่นี่ ... ที่นี่คือที่เกิดของชั้นหรอ?
[Sylens] – เธอถูกสร้างจากที่ไหนต่างหาก 



[Aloy] – นี่มัน ...เครื่องตั้งครรภ์งั้นหรอ?
[Sylens] – นี่คือ แม่ของเด็กๆในเจนเนอร์เรชั่นใหม่เมื่อหลายพันปีก่อน 
[Aloy] – รวมถึงชั้นด้วย ....



จากนั้นสำรวจตามทางเข้าไปด้านใน ระหว่างลงบันไดแรกอย่าลืมแวะเก็บ Stranded Figure ไอเทมปริศนาเอาไว้ด้วย (รายละเอียดเกี่ยวกับไอเทมนี้จะอธิบายในภายหลัง) 



[Aloy] – ที่นี่มันเหมือน สถานที่เลี้ยงเด็กเลย
[Sylens] – มันเป็นเปลเด็กขนาดใหญ่ ที่เลี้ยงเด็กได้มากมาย จะว่างั้นก็ได้
[Aloy] – แล้วไอ้พวกเครื่อง Multiservitors พวกนี้ ทำหน้าที่ดูแลเด็กๆงั้นหรอ?
[Sylens] – จะให้ทำไงละ ในเมื่อไม่มีใครนอกจากนี้แล้ว 
[Aloy] – แล้วพวกเค้าจะอยู่รอดกันได้ยังไง? ดูเหมือนจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ทุกอย่างพังไปหมดหรือไม่ก็ถูกเขียนด้วยสีไปทั่วเลย พวกเด็กใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานแค่ไหนกันนะ



Multiservitors – ชั้นไม่มีทางเลือก คงจะจำเป็นต้องปล่อยพวกเธอไป
เด็กหญิง – ทำไมละคะ?
Multiservitors – เพราะที่นี่ไม่มีอาหารเหลืออีกแล้วไงล่ะ
เด็กชาย – แล้วข้างนอกนั่นมันจะมีอาหารหรอ?
Multiservitors – เราเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
เด็กชาย – ไม่เอาน่า ..งั้นเราลองไปกันเถอะ !!
เด็กหญิง – ไม่รู้สิ 
เด็กชาย – แม่ครับ ถ้าเราหนาว เรากลับมาที่นี่อีกได้รึเปล่า?
Multiservitors – เสียใจด้วยนะ คงกลับมาไม่ได้อีกแล้ว เธอต้องดูแลตัวเองและช่วยเหลือคนอื่นๆด้วย
เด็กหญิง – แล้วแม่ละคะ?
Multiservitors – ชั้นก็จะอยู่ที่นี่ หลับใหล แต่ก็จะคิดถึงพวกเธอทุกคน พวกเธอต้องกล้าหาญและหัดที่จะเรียนรู้การเอาตัวรอด


เด็กชาย – ซักวัน ซักวัน คุณก็พูดแบบนี้ตลอดอ่ะ !
เด็กหญิง – เราต้องการมันเดี๋ยวนี้ !!
เด็กชาย – เจ้าตัวใหญ่ที่อยู่ด้านล่างนั่น !
เด็กหญิง – เราต้องการมันเดี๋ยวนี้ค่ะพ่อ!
Multiservitors – เด็กๆพวกเจ้ายังไม่พร้อมที่จะได้รับอณุญาติให้ไปที่นั่น
เด็กชาย – งั้นจัดการเขาเลย !! ……………… โอ๊ยยย !! ไอ้ Sentinels บ้าเอ๊ยยย !!
Multiservitors – เด็กๆ เป็นอะไรหรือเปล่า บางทีชั้นอาจจะช่วยได้นะ
เด็กชาย – ไปให้พ้นเลย Healer !!
Multiservitors – เป็นอะไรหรือเปล่า บางทีชั้นอาจจะช่วยได้นะ
เด็กหญิง – บอกว่าไปให้พ้น !!

[Aloy] – พวกเขาติดอยู่ที่นี่ ตลอดชีวิตเลย ...เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้รับอณุญาติให้ไปพื้นที่อื่น? 
[Sylens] – ข้าไม่รู้ และมันก็ไม่ใช่ปัญหาของเจ้าด้วย
[Aloy] – ดูเหมือนพวกเด็กๆจะไม่ชอบประตูนี่มากๆเลยด้วย
[Sylens] – ก็มันไม่ยอมเปิดให้ไง พวกเขาก็ต้องเกลียดเป็นธรรมดา

[Aloy] – แล้วตกลงในห้องนี้มันคืออะไรกันแน่ ?
[Sylens] – ความฝันของ Apollo .. มันไม่เคยถูกทำให้เป็นความจริง
[Aloy] – ทำไมละ?



[Samina Ebadji] – สวัสดีเด็กๆ ชั้นชื่อ Samina วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ เป็นวันแรกที่พวกเธอได้มาโรงเรียน มีความรู้มากมายที่พวกเธอต้องเรียนรู้ คำสัญญามากมายและความเป็นจริง....
…. โปรดระวัง โปรดระวัง ระบบ APOLLO กำลังออฟไลน์ ....
[Aloy] – APOLLO ออฟไลน์งั้นหรอ?
[Sylens] – เจ้าเข้าใจถูกแล้ว Aloy ที่นี่คือคลังแห่งความรู้ที่กลายเป็นแค่สุสาน เราจะไม่ได้รับอะไรเลยถ้าเราปฎิเสธมัน 
[Aloy] – บางทีเราอาจจะซ่อมมันได้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ชั้นมาที่นี่
[Sylens] – แน่นอน ความรู้ทั้งหมดของมวลมนุษย์ชาติ จะสำคัญเท่าการหาที่กำเนิดของสาวน้อยคนนึงได้ยังไง  เชิญเจ้าค้นหาต่อได้เลย ...
[Aloy] – แน่นอนอยู่แล้ว 


จากนั้นสำรวจเข้าไปตามทางจนถึงห้องควบคุมหลักด้านใน แล้วสำรวจที่แท่นข้อมูลความจำที่บันทึกเอาไว้

                               

                                      Datapoint 20 : GAIA’s DYING PLEA 



GAIA: Elisabet  ข้อความนี้จะแจ้งให้คุณทราบถึงความผิดปกติที่จะทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นแบบที่ไม่เคยคิดเอาไว้มาก่อน เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา Gaia Prime ได้รับข้อมูลที่ไม่ทราบที่มา มันส่งผลกระทบทำให้โปรแกรมรองภายใต้การสั่งการของชั่นเปลี่ยนแปลงไปทำให้ไม่ทราบถึงตัวตนและหน้าที่ของตัวเองจนเกิดความวุ่นวายขึ้นในระบบ



จนเกิดการตื่นขึ้นของฟังก์ชั่น Hades ที่เข้ามาทำการควบคุมและสั่งการ ระบบการปรับสภาพพื้นผิวใหม่ให้เกิดการทำงานย้อนกลับ ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกสูญวันภายใน 53 วัน ด้วยเหตุผลเช่นนี้ชั้นจึงไม่สามารถยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ 



ก่อน Hades จะทำการกลืนกินและควบคุมระบบอย่างสมบูรณ์ ชั้นได้ทำการสั่งให้ Gaia Prime ทำให้เครื่องปฏิกรณ์กำเนิดพลังงานเกิดการโอเวอร์โหลดเพื่อให้เกิดการระเบิด เป้าหมายคือ ทำลาย Hades และแน่นอน รวมถึงชั้นด้วยแม้กระนั้นชะตากรรมของโลกก็ยังไม่พ้นอันตราย เพราะจะไม่มีหน่วยควบคุมหลักที่จะสามารถเปิดระบบ การปรับสภาพพื้นผิวใหม่ให้เกิดการทำงานอีกครั้ง จนทุกอย่างเริ่มวุ่นวายมากขึ้น สุดท้ายทุกอย่างก็พังทลายลง



เธอเท่านั้นคือทางออกของเรื่องนี้ เพราะชั้นได้สั่งการให้สถานเลี้ยงเด็กแห่งนี้ นำส่วนประกอบของพันธุกรรมที่เก็บไว้ เพื่อทำการตั้งครรถด้วยเครื่องตั้งครรถสังเคราะห์เพื่อสร้างตัวตนของ Elizabet sobeck ผู้สร้างชั้นขึ้นมาใหม่ ในขณะที่โปรแกรมระดับสูงที่ควบคุมการทำงานของชั้นมาอณุญาติให้ชั้นถ่ายทอดการสื่อสารใดๆกับชนเผ่าที่อาศัยอยู่ด้านนอกของที่นี่โดยตรง เพียงแต่สามารถบอกเพียงนัยๆแค่ว่า ให้พวกเขาดูแลและเลี้ยงดูคุณอย่างดีที่สุด ด้วยเหตุนี้ยีนต์ของคุณเท่านั้นที่จะสามารถเปิดเข้ามายังสถานที่นี้อีกครั้งและเครื่อง Focus จะทำให้คุณได้รับข้อความที่บันทึกเอาไว้นี้ นอกจากนั้นยีนต์ของคุณก็ยังสามารถเปิดเข้าสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมดด้วย เพื่อที่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะสามารถใช้เทคโนโลยี่ที่มีเพื่อสร้างแกนหลักของระบบขึ้นมาใหม่และรีบู๊ท Gaia ขึ้นมาอีกครั้ง 



Elizabet ทั้งหมดที่คือโชคร้ายที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และการตอบโต้ในกระทำของชั้นที่มุ่งที่จะทำลาย Hades มันจึงปล่อยไวรัสเพื่อล้มเลิกระบบทั้งหมดของชั้นและควบคุมแทนชั้น ถ้าเกิดว่า ระบบยืนยันตัวตน Alpha ของที่สถานเลี้ยงเด็กอ่อนแห่งนี้คือหนึ่งในไฟล์ที่ติดเชื้อ จนคุณไม่สามารถเปิดประตูนี้ได้ คุณก็จะไม่ได้มีโอกาสรับข้อความนี้อีกแล้ว ภารกิจของชั้นก็คงต้องล้มเหลวและทุกชีวิตก็จะถึงกาลอวสาน แต่ไม่หรอก Elizabet เพราะชั้นรู้จักเธอดี เธอต้องหาทางเข้ามาที่นี่ได้แน่นอน เพราะสำหรับคุณ ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ ฉะนั้น จงไปที่ Gaia Prime ค้นหาห้องควบคุมหลัก คุณก็จะพบ Master Overide สิ่งนี้จะช่วยคุณได้การขจัด Hades ลงได้ และอย่าพยายามที่จะซ่อมแซมแกนกลางของระบบขึ้นมาใหม่หากยังไม่สามารถทำลาย Hades ได้ นั่นคือทั้งหมดที่ชั้นปรารถนาที่จะได้ยินเสียงคุณอีกครั้ง



Sylen – เจ้านี่เป็นคนพิเศษกว่าที่ข้าคิดไว้จริงๆ
Aloy – ข้าไม่เคยมีแม่ ! ไม่เคยมีตัวตน เป็นแค่อุปกรณ์ชิ้นนึงที่ปฎิสนธิออกมาจากเครื่องจักร เกิดมาในที่ที่เป็นต้นเหตุของการทำลายทุกสิ่ง !! 
Aloy – ยุติไฟสงครามและเยียวยาโลกนี้ต่างหากล่ะคือเหตุผลที่เจ้าเกิดมา นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าตัวตนของเจ้ามากนัก เจ้าเกิดมาพร้อมชะตากรรมที่กำหนดมาแล้ว เมื่อเจ้าเลิกที่จะโทษตัวเองเมื่อไหร่ก็เตรียมตัวปีนขึ้นไปทำภารกิจกู้โลกต่อที่ Gaia Prime ได้เลย


เมื่อสำรวจทุกอย่างจนได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วก็เดินทางออกจากที่นี่ได้เลย



        


Lansra – Aloy ได้โปรด ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด 
Teersa – เทพเจ้าได้พูดกับเจ้ารึเปล่า Aloy
Aloy – ใช่ เธอพูด
Teersa – ท่านพูดว่ายังไง?
Aloy – เธอบอกว่าชั้นเกิดมาเพื่อขำระล้างคำสาปและฆ่าพวกปีศาจจักรกล
Teersa – ยังไง Aloy ต้องทำยังไง ?
Aloy – ยังไม่รู้ เธอบอกแค่ว่าชั้นควรจะต้องเดินทางไปที่ไหนต่อ
Jezza – แล้วเจ้าจะทำตามนั้นงั้นหรอ
Aloy – มันเป็นเจตนารมณ์สุดท้ายของเธอ ไม่งั้นเธอจะสร้างชั้นมาเพื่ออะไร? ใช่ ชั้นจะทำ ยังไงก็ต้องลองพยายามดูก่อน




Lansra –  ทุกคนจงสดุดีแด่ Aloy เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผองเราชาว Nora 
Jezza – ทุกคนจงสดุดีแด่ Aloy เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผองเราชาว Nora
Aloy – หยุดนะ อย่าๆ ไม่ต้องทำแบบนี้ !! ลุกขึ้นๆ อย่าเมินหนีชั้นด้วยการทำแบบนี้ ชั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรเคารพบูชา ชั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นสิริมงคลอะไรสำหรับพวกท่าน และไม่เคยเป็นส่วนนึงของพวกท่าน หรือแม้แต่เผ่าใดๆภายใต้ดินแดนนี้ ตอนนี้ทุกเผ่ารวมถึง โลกทั้งใบกำลังมีอันตราย มันควรค่าแล้วที่ทุกคนจะต่อสู้เพื่อปกป้องมัน ไม่ใช่แค่ที่นี่ แต่ต้องทุกเผ่ารวมกัน ถ้าใครพอจะสู้ได้และคิดว่าพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ เราจะต้องสู้เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ทุกคนจงไปรวมตัวกันที่ Meridian เพื่อรอชั้นไปที่นั่น



Teersa – ได้ยิน Aloy บอกแล้วนะ ทุกคน
Jezza – Nora !! จงเปิดทางให้เธอก้าวไปข้างหน้าและจงสนับสนุนเธอต่อสู้เคียงข้างกับเธอ จงเปิดทางให้ Aloy นำทางพวกเรา 



                                         Teersa – จงเปิดทางให้ Aloy นำทางพวกเรา 





Aloy – ชั้นอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ Rost คะ ทำไมเขาถึงกลายเป็นพวกนอกรีตล่ะ? ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเลย ได้แค่บอกว่า เขาได้สาบานไว้ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร ตกลงเขาเคยทำอะไรมาหรอคะ? เขาไปก่ออาชญากรรมอะไรมาหรือเปล่า?
Teersa – Rost ไม่เคยก่ออาชญากรรมใดๆหรอก เขาเป็นพวกนอกรีตเพราะเขาเลือกเอง 
Aloy – หมายความว่าไงคะ?
Teersa – หลายปีที่ผ่านมา ก่อนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ Red Raid ที่พวก Outlander ลอบสังหารคนของเราทั้ง 12 คนโดยไม่มีการแจ้งเตือนจะเกิดขึ้น ที่ Mother’s Vigil พวกมันได้จับตัวประกันที่เหลือไปที่ Devils Thirst 
Aloy – Mother’s Vigil มันคือที่ไหนหรอค่ะ?
Teersa – ในสมัยนี้ เจ้าจะรู้จักมันในชื่อหมู่บ้าน Forsaken Village ใกล้กับชายแดนของ Carja ในสมัยนั้นมีผู้คนมากมายอาศัยอยู่ที่นั่น Rost ก็คือหนึ่งในนั้น ครอบครัวของเขาถูกพวก Outlander ฆ่าตายแถมลูกสาวของเขาก็ถูกพวกมันจับไป 
Aloy – เขาเคยมีลูกสาวด้วยหรอ ชื่ออะไรคะ?
Teersa – เธอชื่อ Alana ตอนนั้นเธออายุแค่ 6 ขวบ
Aloy – แล้วทำไมพวก Nora Braves ไม่จัดการพวก Outlander แล้วตามไปช่วยเธอละ?
Teersa – เราทำแบบนั้นไม่ได้ ตอนนั้นคนของเรามีจำนวนน้อยกว่า และพวกมันประกาศว่าถ้าเห็น Nora Braves ติดอาวุธเข้ามาใกล้พวกมันจะฆ่าตัวประกันทั้งหมด เราทำได้แค่สะกดรอยให้ใกล้ที่สุดเพื่อคอยสังเกตการณ์เท่านั้น เรารู้ว่าแคมป์ของพวกมันอยู่ด้านเหนือของ Devils Thirst ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทาง 2 วัน พวกของเรารายงานมาว่า ได้ยินเสียงประหลาด จากนั้นก็ไม่เห็นพวก Outlander อีกเลย พวกมันคงกลับไปยังถิ่นฐานของพวกมัน เราคิดแบบนั้น

Aloy – แล้วลูกสาวของ Rost ล่ะ ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ โดนฆ่าหรอ?
Teersa – Rost เองก็เป็นหนึ่งในเหล่า Nora Braves ที่สะกดรอยตามพวก Outlander ไป
แต่ก็ทำได้แค่รักษาระยะห่างเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวประกัน สุดท้ายพวกเขาพบตัวประกัน 6 คนที่ถูกทิ้งไว้ที่ชายแดน Alana ก็คือหนึ่งในนั้น แต่ก่อนที่พวก Outlander จะปล่อยพวกเขา พวกมันเชือดคอทุกคนและทิ้งศพเอาไว้เพื่อเยาะเย้ยพวกเรา 
Aloy – เยาะเย้ยเพื่อ ??
Teersa – พวกมันรู้ว่าพวกเรา Nora มีความศัทธราในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้และไม่มีวันที่จะหนีไปไหน แม้จะต้องมีการสูญเสียมากมายในการขับไล่พวกมัน พวกมันคิดว่าตัวเองจะปลอดภัยจากการแก้แค้นของพวกเรา 
Aloy – แล้วจากนั้น Rost เป็นยังไงต่อ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ Rost ถูกเนรเทศงั้นหรอ? 
Teersa – Rost จมอยู่กับความเสียใจและไม่เคยหักห้ามใจกับการสูญเสียลูกสาวไป จนเลือกที่จะทำพิธีกรรมลับที่น่ากลัวที่สุดของเผ่า Nora ..เขาได้ทำการขอความช่วยเหลือกับ ผู้แสวงหาความตาย (Death Seeker)
Aloy – Death Seeker คืออะไรหรอ?
Teersa – คนที่ตายเพราะการแสวงหา และ กลับมาแสวงหาความตายต่อผู้อื่น พิธีกรรมที่จะนำพาวิญญาณจากคนๆนึงไปสู่การดูแลของ สรรพมารดร (All – Mother)
Aloy – ชั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีคะ
Teersa – แม้เรื่องราวจะจบลงไปนานแล้ว แต่จิตของ Rost ยังคงมุ่งมั่นกับพวก Outlander จนจิตวิญญาณของเขาไม่เคยกลับมาอยู่กับ สรรพมารดร (All – Mother) อีกเลย เขาสิ้นศัทธราต่อทุกสิ่งยกเว้นการแก้แค้น เขาเก็บศพของพวก Outlander ที่เขาฆ่าส่งกลับไปให้พวกมัน จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไล่ลาพวก Outlander ด้วยอาวุธและแรงแค้นที่ติดตัวไปและไม่เคยกลับมาที่เผ่าอีกเลย
Aloy – แต่เขาก็กลับมา
Teersa – ใช่ เมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแล้วมาสลบอยู่ที่ชายแดน พวกฮันเตอร์ที่พบตัวเขาบอกว่า แม้สลบอยู่เขาก็ยังเพ้อออกมาอย่างบ้าคลั่ง ตามกฎแล้วเขาต้องถูกประหารจากสิ่งที่เขาทำลงไป แต่มีฮันเตอร์นอกรีตคนนึงมาช่วยเขาไว้แล้วเธอก็พาเขาข้ามชายแดนไป 
Aloy – เธอเป็นใครหรอ?
Teersa – อดีตผู้กล้าของเผ่าเราที่เสียลูก 2 คนไปจากฝีมือของพวก Outlander ในตอนที่ Rost ตามพวกมันไป
Aloy – แล้วภารกิจของเขาล้มเหลวหรือเปล่า?
Teersa – ตรงกันข้าม เขาสะกดรอยตามพวกมันไปจนถึงแคมป์ของพวก Outlander จากนั้นก็ฆ่าพวกมันไป 12 คนเป็นการตอบแทน เขาว่างั้นนะ จากนั้นก็เดินทางไปทั่วทั้ง Merdian , Ban-Ur, The Claim, Utaru land จนถึง Forbidden West เพื่อไล่ลาพวก Outlander และฆ่าพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ จนได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องคลานกลับมาดินแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง และเขาก็ไม่เคยอธิบายหรือเล่าเรื่องราวต่างๆที่เขาพบเจอระหว่างตระเวณไปอะไรทั้งสิ้น



Aloy – แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นพวกนอกรีตละ?
Teersa – เพราะเขาพยายามติดต่อ ผู้แสวงหาความตาย (Death Seeker) Aloy เขาไม่สามารถอยู่ที่ไหนได้อีกในเผ่าของเรา จริงๆแล้วตามกฎเขาต้องถูกเนรเทศออกจากดินแดน แต่เราเองเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น เราเลือกที่จะประนีประนอมกับเขาแทน 
Aloy – โดยให้เขาเป็นพวกนอกรีต 
Teersa – ใช่ และเขาก็ไม่สามารถพูดกับคนในเผ่าคนไหนได้อีก
Aloy – หลังจากที่เขาต่อสู้เพื่อเผ่ามานาน จนเขาบาดเจ็บ สุดท้ายต้องกลายเป็นพวกนอกรีต นั่นคือรางวัลที่เขาควรได้รับงั้นหรอ?
Teersa – Rost ดีใจมากกว่าที่จะอยู่คนเดียวและตัดขาดจากคนอื่น และเขาก็ตกลงใจที่จะยอมรับชีวิตที่เหลือของเขาที่จะเป็นแบบนั้น และเขาก็มีความสุขมากขึ้น ..
Aloy – เมื่อท่านเจอตัวชั้นและมอบชั้นให้กับเขา
Teersa – ใช่ แต่ Rost เป็นคนตกลงที่จะยอมรับเลี้ยงเธอเอง ในขณะที่พวกแม่เฒ่าสูงสุดคนอื่นหวาดกลัวเธอแต่ก็ไม่สามารถใจดำเอาเธอไปทิ้งนอกเผ่าได้ พอๆกับการยอมให้เธอมีตัวตนในเผ่า เราจึงต้องมอบเธอให้ Rost และเราก็รู้ว่า เขาต้องเรียนดูเธอได้ สอนทุกอย่างให้เธอได้ เพื่อให้เธอเข้าใจใน สรรพมารดร ตามแนวทางของเผ่าเราได้แน่นอน
Aloy – ท่านมอบเด็กให้กับชายที่สุญเสียลูกไปเพื่อทำให้เขาเป็นพ่ออีกครั้งหรอ? ทำไมพวกคุณถึงจิตใจด้านชาขนาดนั้น !
Teersa – ชั้นแค่พยายามมองหาทางเลือกอย่างรอบคอบกับเรื่องนี้ก็เท่านั้น และทุกครั้งที่ชั้นเห็นเขามองเธอ ชั้นว่าเขาเห็นของขวัญล้ำค่ามากกว่าภาระนะ
Aloy – เอาละ Teersa ชั้นเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว 


หลังจากจบภารกิจนี้ จะมีภารกิจหลักใหม่เพิ่มขึ้นมาคือ Main Quest: THE MOUNTAIN THAT FELL
แต่ก่อนจะเข้าไปทำภารกิจหลัก ก็ควรแวะทำภารกิรเสริมต่างๆให้หมดก่อน 




                                                   Side Quest : Acquired Taste 




 ช่วย Brin Shaman ของเผ่า Banuk ที่กระท่อมร้าง ตามหาเลือดของสัตว์จักรกลมากินตามพิธี โดยการเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆเพื่อไปจัดการสัตว์จักรกลเป้าหมายต่างๆที่ Brin ร้องขอมาให้เขาประกอบด้วย เลือดของ Sawtooth , Corruptor , Stalker และ Thunderjaw 




                                                Side Quest : Heap of Trouble 



ช่วย Petra Blacksmith ชาว Oseram ที่หมู่บ้าน Free Heap ทางตะวันออก เพื่อเข้าไปชิงเอา Power Cell 3 อันที่ถูกพวกโจรปล้นไป และ ชิ้นส่วนอาวุธ Weapon pass ที่หายไปทั้ง 3 อันคืนมา เพื่อนำมาให้ Petra สร้างปืนใหญ่ Oseram Cannon เอาไว้ป้องกันหมู่บ้านจากพวกโจร 


                                            Errand Quest : Hammer and Steel


ช่วย Kaelif ที่หมู่บ้าน Free Heap ออกตามหา Joegriz และ Beladga 2  ฮันเตอร์ที่หายไปและตามเก็บ Behemoth Cable กลับมาให้ Kaelif 




                                               Side Quest: Insult to Injury 




                      ช่วย Enara ที่ Mother Heart ตามหายา Dreamwillow ที่หายไป




                                        Side Quest: A Daughter's Vengeance 




                          ช่วย Yan ที่ Mother's Rise ตามหา Nakoa ลูกสาวที่ถูกจับตัวไป


หลังจากทำเควสย่อยจนหมดแล้ว กำหนดจุดหมายไปทำภารกิจหลัก Main Quest: THE MOUNTAIN THAT FELL ที่ค้างไว้ได้เลย




                           Main Quest: THE MOUNTAIN THAT FELL


โดยมุ่งหน้าไปที่จุดหมายของภารกิจที่ตีนเขาทางด้านเหนือของแผนที่ จะพบทางปีนเขาขึ้นไปที่เนินเขาด้านบน ลุยไปตามทางจนถึงที่ปีนเขาไปด้านบนต่อจนถึงจุดสูงสุดของยอดเขาติดชายแดนของ ในเขตหิมะที่หนาวเย็น



Aloy – Gaia ยอมเสียสละตัวเองเพื่อสิ่งนี้งั้นหรอ ภูเขาที่มีรอยแตกร้าวดูเปราะบางอย่างกับเปลือกไข่
Sylens – ใช่ ที่นี่แหละ เร็วเถอะ เดี๋ยวข้าจะเตรียมตัวไปหาเจ้าที่นั่นด้วย เดี๋ยวเจอกัน 

จากนั้นปีนต่อขึ้นไปตามแนวสันเขาท่ามกลางสิ่งปรักหักพังขึ้นไปด้านบนจะพบทางเข้าของ Bunker Gaia Prime

             
                                                         GAIA PRIME



Aloy – คราวนี้ชั้นคาดว่าจะได้เจอตัวจริงของคุณด้านในนะ Sylens 
Sylens – ขอบคุณที่ยอมมาถึงที่นี่จนได้ ที่นี่เป็นหนึ่งในหลายๆห้องทำงานของข้าในเกือบปีที่ข้าค้นคว้าเรื่องราวต่างๆมา กว่าปีที่วางแผน ต้องออกค้นหาทั้งขุดเจาะทั้งระเบิดกว่าจะเข้าไปได้ และเราทั้งคู่ก็รู้ดีว่า เจ้าแทบไม่มีปัญหาอะไรเลยในการผ่านเข้ามาที่นี่
Aloy – คุณพูดอย่างกับว่ามันเป็นความผิดของชั้นงั้นแหละ
Sylens – ก็ไม่นะ มันก็แค่ไม่ได้คิดไว้ว่าต้องใช้กุญแจ แถมกุญแจที่ว่ายังเป็นคนๆนึงด้วย ข้าผิดเองที่คิดไม่ถึง ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก

Aloy – [When did you come here?] ดูเหมือนว่าคุณมาอยู่ที่นี่นานมาก
Sylens – 19 ปีก่อนหลังการระเบิดครั้งใหญ่ วันที่ Gaia ตายและเจ้าได้ถือกำเนิด เสียงระเบิดดังไปไกลมาก มีควันดำลอยขึ้นบนฟ้าเห็นได้จากที่ไกลๆ ผู้คนที่ Meridian ต่างก็คิดว่ามันเป็นลางสังหรณ์ถึงวันสิ้นโลก มีไฟลุกทั่วที่นี่เป็นอาทิตย์กว่าจะดับ และทันทีที่มันเริ่มเย็นลงข้าก็เข้ามาสำรวจที่นี่ ท่ามกลางพวกหุ่นที่ออกมาปกป้องที่นี่มากมาย ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาได้ยกเว้นข้าคนเดียว 

Aloy – ตอนนี้ก็ถึงคราวของชั้นแล้วที่ต้องเข้าไปด้านใน 
Sylens – ใช่ และเมื่อเจ้าค้นพบ Master Overide ได้สำเร็จเจ้าก็จะมีพลังพอที่จะจัดการ HADES ลงได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว 

เมื่อผ่านประตูทางเข้าแรกไปได้ หลังจากโดดลงมาทางปล่องลิฟต์ตามเส้นทางเป้าหมายของภารกิจจนออกมาที่ส่วนด้านนอก


ก่อนที่จะเข้าไปที่จุดโรยตัวเพื่อไปตามจุดหมายภารกิจหลัก สังเกตุบริเวณมุมซ้ายของทางที่ออกมาจะมีทางโดดลงไปที่ถ้ำใต้ทางเดินได้ 



ที่นี่จะมี Power Cell อันที่ 3 อันสุดท้ายให้เก็บ ตอนนี้ Power Cell ที่ต้องการสำหรับเปิดประตูฝั่งซ้าย เพื่อไปเอาเกราะสุดยอดใน Side Quest Ancient Armory ได้แล้ว

จากนั้นออกมาด้านนอกทิ้งตัวลงด้านล่างจะเจอเชือกสำหรับโหนตัวข้ามฝั่งไปอีกด้าน เมื่อปีนขึ้นไปด้านบนจะเข้ามายังห้องด้านในตามเส้นทางของภารกิจหลักต่อได้

สำรวจเข้าไปตามทาง ระหว่างทางจะพบโต๊ะทำงานของ Dr. Elisabet Sobeck ที่พังยับเยิน


Aloy – ที่นี่คือห้องทำงานของ Dr. Elisabet แน่นอน ชั้นรู้สึกได้เลย ดูสิ เธอไม่มีโอกาสแม้จะเอาของออกจากกระเป๋าด้วยซ้ำ นี่เป็นบันทึกการเดินทางทั้งหมดของเธอ และพวกเขาก็ทำลายมันซะจนงั้นหรอ?
Sylens – ใช้ Focus สแกนดูมันสิ มันสามารถซ่อมแซมข้อมูลที่เสียหายได้ ปกติจำเป็นต้องใช้ Focus ระดับสูงกว่านี้แต่นี่มีข้อมูลไม่มากน่าจะพอทำได้ จากวัน เป็นอาทิตย์จนเป็นปีๆ  เธอได้แต่พยายามจะหาทางหยุด HARDES และประเมินอนาคต 

เดินทางสำรวจตามทางจนถึงห้องประชุมด้านใน สำรวจแท่นควบคุมเพื่อตรวจสอบบันทึกการประชุม



                         Datapoint 21 – ELISABET SOBECK MEMORIAL




           
Charles Ronson – นี่คือ Charles Ronson ผมเข้าระบบนี้ 6 ชั่วโมงก่อนจะเข้าสูกระบวนการจัดสรรระบบของ Gaia Prime ให้เหมาะสมเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเช้านี้ระบบรักษาควาปลอดภัยของทางเข้าออกเกิดอาการผิดปกติ Gaia ถูกออกแบบมาปิดทางเข้าออกอย่างแน่นหนาอย่างน้อย 2 มิลลิเมตร แต่ตอนนี้มันมันกลายเป็น 10 มิลลิเมตร มากพอที่จะทำให้พลังงานด้านในอัดกระแทกพวกเราให้กระอักเลือดตาย มากพอที่จะทำให้ไม่มีใครสามารถตรวจพบสัญญาณชีพพวกเราว่าอยู่ที่นี่ มากพอที่ Gaia จะถูกค้นพบและถูกทำลาย และมากพอที่จะจบอนาคตที่เราทำงานอย่างหนักกันมาตลอดเพื่อให้มันเป็นจริง นอกจากจะเปิดด้วยมือจากด้านนอก ผมได้บันทึกข้อความการประชุมก่อนหน้านี้เอาไว้ ...



Travis Tate – ยังไงผมก็ไม่ยอมออกไปข้างนอกนั่นแน่นอน ไม่ว่ายังไงก็เถอะ
Patrick Brochard – ยังไงเราก็ต้องส่งคนออกไปไม่งั้นทุกอย่างก็สูญเปล่า
Charles Ronson – Lis เท่านั้นถึงมีสิทธิตัดสินใจเรื่องนี้ 
Patrick Brochard – แล้วต้องให้รอนานแค่ไหนกว่าเธอจะกลับมากันละ?
Samina Ebadji – ก็เธอบอกว่าแค่ 5 นาที นี่มันก็นานแล้วนะ คุณไม่คิดหรอว่าเธอจะ ...



Elosabet Sobeck – เอาล่ะทุกคน ชั้นซ่อมแซมระบบทางเข้าออกของ Gaia Prime แล้ว Gaia ล่ะ?
GAIA –ระบบปิดผนึกเพิ่มเป็น 14 มิลลิเมตร ยืนยันคะ
Charles Ronson - Elosabet Sobeck ไม่นะ เราจะหาทางาเธอกลับมาด้านใน 
Elosabet Sobeck – ไม่มีทางหรอก พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ระบบของ Gaia เสร็จสมบรูณ์แล้ว เธอจะดูแลทุกคนที่นี่เอง นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องทำ
Charles Ronson – มันต้องไม่ใช่แบบนี้ มันมากเกินไป พวกเรา ...
Elosabet Sobeck – ไม่เอาน่า คุณก็รู้จักชั้นดี ชั้นไม่ดีใจนักหรอกที่ต้องจบลงแบบนี้ แต่ถึงเวลาต้องจบก็ต้องจบ 
Travis Tate – เดินทางปลอดภัยนะ Lis เราจะได้เจอกันอีกใช่มั๊ย?
Elosabet Sobeck – แน่นอน ดูแลตัวเองด้วยนะทุกคน ชั้นโอเค ชั้นพร้อมจะกลับบ้านแล้ว ลาก่อนนะ

Charles Ronson – นั่นเป็นการติดต่อกันครั้งสุดท้ายของ Elosabet Sobeck เธอมอบทุกๆอย่างเพื่อความหวังของทุกชีวิตในโลกใบนี้ และเราทุกคนเป็นหนี้เธอ.....



Aloy – เธอไปแล้ว ไปแบบไม่กลับเลย
Sylens – เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ว่ายังไงเธอก็ไม่รอด แต่รางวัลของความสำเร็จของเธออยู่ที่นี่ อย่างดีเยี่ยมเลยด้วย 
Aloy – ตอนที่คนของเธอทะเลาะกัน เธอเองก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เธอเท่านั้นตลอดทุกๆเรื่อง
Sylens – เพราะเธอทำได้ดีกว่าคนอื่นไง เธอตั้งใจทำไปแล้ว แล้วเจ้าก็ไม่ต้องไปกลัวต้องรับผิดแทนหรอก
Aloy – แต่ชั้นไม่ได้หมายความแบบนั้น …จะมีซักนาทีนึงมั๊ยที่คุณจะหยุดพูดแบบคนฉลาดแล้วปล่อยไปตามความรู้สึกตัวเองบ้างน่ะ เธอเสียสละตัวเองเพื่อเพื่อนๆของเธอ เพื่ออนาคต เพื่อโลกใบนี้ ! มันไม่ได้มีความหมายต่อคุณบ้างเลยหรอ มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรอ?
Sylens – เจ้ากำลังตัดสินใจแทนเธอและคิดว่าทุกอย่างจะจบอย่างสวยหรูและปาฎิหาร แต่มันเป็นการเลือกโดยเปี่ยมไปด้วยเหตุผลโดยไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้องเลย
Aloy – คุณเข้าใจผิดแล้ว จำได้มั๊ย เธอไม่ใช่แค่รู้ว่า Gaia คิดยังไง แต่เธอรู้ว่า Gaia รู้สึกยังไง ด้วยความห่วงใย ด้วยการเสียสละ เพราะเชื่อในชีวิต มันมากพอที่จะสู้ด้วยความหวังเพื่อเอาชนะความสิ้นหวัง ถ้ามันไม่มีเรื่องอารมณ์มาเกี่ยวข้องจริง ทุกชีวิตมันควรจบไปแล้ว คุณกับชั้นไม่มีทางได้มายืนตรงนี้หรอก
Sylens – สิ่งที่เจ้าอ้างก็มีเหตุผล ...ข้าเสียใจกับความสุญเสียของเจ้าด้วยก็แล้วกัน 
 Aloy – เธอบอกว่า เธอจะกลับบ้าน บางที ..
Sylens –แล้วทำไมหรอ?
Aloy – ช่างเถอะ เข้าไปสำรวจด้านในต่อเถอะ ..

จากนั้นเดินทางต่อตามทางเข้าไปด้านในจนถึงห้องประชุมหลัก ทันทีที่เปิดเข้าไป Aloy จะพบศพคนตายมากมายที่นี่


Aloy – มีศพคนตายเพียบเลย พวกเขาขาดอาการหายใจหรอ? แต่ตอนชั้นเปิดเข้ามาก็ยังมีอากาศอัดกระแทกออกมาจากด้านในนะ 
Sylens – เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในส่วนในของอาคารไงละ
Aloy – แต่ระบบควบคุมของ Alphas ก็อยู่ในนี้นะ


                                 Datapoint 22 – EMERGENCY RECORDIND




Charles Ronson – ผมล็อกทุกระบบของแกนควบคุมแล้ว ระบบของ Alphas ก็ถูกลบและยกเลิกหมดแล้ว 
Ted Faro – ขอโทษที่ผมต้องเตือนคุณนะ แต่ ผมแค่อยากจะฟังเหตุผล โอเค๊ ผมก็มีสิทธิ์จะถามนะ แบบนี้ มันไม่ง่ายเลยนะ ได้โปรด อย่าพยายามแทรกแซงระบบเลยนะ โอเค๊ ! นี่มันหมายความว่าไง ผมบอกว่าอย่าพยายามเข้าระบบบ้านี่ไงละ !! ผมแค่คิดถึงคนที่มาก่อนเรา พวกเขาเป็นคนบริสุทธิ์นะ พวกเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย และ และ ผู้หญิง เราต้องให้ความรู้พวกเขาไม่ใช่หรอ?
Samina Ebadji – Ted ...Ted ไม่เอาน่าเราคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรอ? Apollo มีกว่า 3 พันรายการที่แจ้งเตือนถึงความผิดปกติ
Ted Faro – มันก็แค่เสียหาย พวกเขาน่าจะซ่อมแซมได้นะ เราสั่งให้พวกเขาพยายามซ่อมแซมมันได้ไม่ใช่หรอ? …ไม่สิ มันสายไปแล้ว เราต้องยอมเสียสละ
Samina Ebadji – Ted มันไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ 
Ted Faro – ทุกอย่างพร้อมแล้ว Samina ผมเตรียมการทั้งหมดตั้งแต่ 3 เดือนที่ก่อนแล้ว ผมล้างระบบของ Apollo หมดแล้วทุกๆระบบทุกๆก็อปปี้ที่มี
Charles Ronson – เสียสละงั้นหรอ? นี่ไม่ใช่การเสียสละ นี่มันคือการทำลายวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติ แกมันบ้าไปแล้ว ล้านๆๆข้อมูลทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและความรู้ในนั้น
Ted Faro – ผมเสียใจนะ จริงๆ แต่บางครั้งผมก็ต้องปกป้องผู้บริสุทธิ์ ผู้บริสุทธิ์ที่มาตายในนั้น


             --- ฉุกเฉิน ฉุกเฉิน ทางเดินอากาศและระบบความดันอากาศ ถูกปิดกั้น --------




                                                         อ๊ก   อ๊าก อ๊าากกกกก ..!!!




Aloy – เขา เขาฆ่าทุกคนจนหมด !
Sylens – เพราะงั้นเราถึงต้องมาติดกับดักของความไมรู้อยู่แบบนี้ เพื่ออนาคตที่บริสุทธิ์ โดยที่ไม่ใช่ความผิดของมนุษย์ด้วยกัน เขาคงไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่ทุกคนถูกเชือดที่ Sun – Ring ทุกๆอย่างที่ทุกคนที่นี่ได้รับคือความรู้อันมหาศาลของคนยุคก่อน ที่กำลังละเหยกลายเป็นแค่ฝุ่นผง กระจัดกระจายไปอย่างไร้ประโยชน์ เหมือนอย่างเช่น Alphas 
Aloy – ไม่หรอก มันไม่ได้หายไปไหน ทันทีที่ที่นี่ถูกเปิดออกแล้วเศษเถ้ากระดูกของพวกเขาถูกพัดกระจายไปกับสายลม มันจะพาพวกเขาไปอยู่ท่ามกลางโลกที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง โลกที่เราอาศัยอยู่ตอนนี้ มัน มันคืออนุสาวรีย์ในผลงานที่พวกเขายอมตายเพื่อให้ประประสบผลสำเร็จ 
 Sylens – อนุสาวรีย์ที่ถูกลืมมากกว่า
Aloy – ไม่ถูกลืมหรอก Sylens จงมีความหวังสิ 



Aloy – Master Override …มันดูเล็กกว่าที่คิดไว้
 Sylens – ที่นี้เจ้าก็จะมีอาวุธำหรับสังหาร HADES แล้ว เอามันไปประกอบทีห้องทำงานของข้าได้เลย


เมื่อได้ Master Override มาแล้วก็เดินทางย้อนกลับมาเข้าอาคารตรงทางเข้าตามจุดหมายของภารกิจที่ขึ้นมา เมื่อมาถึงในห้องทำงานของ Sylens ก็จะพบเขาออกมาพบกับ Aloy ด้วยตัวจริงๆ



Aloy – คุณยังอยู่ที่นี่ ?
Sylens – ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ ….การเดินทางเราจะจบลงแค่ตรงนี้แล้ว Aloy แต่ก่อนที่ข้าจะไป ข้าคิดว่าข้าติดค้างเจ้าเรื่องที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆให้เจ้าได้รับรู้
Aloy –  เอาเลย
Sylens – ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกกับเจ้าว่าข้าเคยทำงานรับใช้พวก Eclipse แต่ยังไม่เคยบอกเจ้าเลยว่า ข้าไปทำผิดอะไร พวกมันถึงตามล่าข้า ...ความจริงมันเริ่มมาจากตั้งแต่ข้าเริ่มพบกับ HADES ตอนที่ภูเขาลูกนี้กำลังลุกใหม่จากการระเบิด และข้ารับใช้มัน
Aloy –  อะไรนะ !?
Sylens – มันยื่นข้อเสนอว่าจะให้ความรู้มหาศาลกับข้า ทุกๆความรู้ที่ข้าต้องการ ..เจ้าไม่เข้าใจหรอก
Aloy –  เพื่อแลกกับอะไร?
Sylens – ข้าช่วยสร้างพวก Eclipse ขึ้นมา เพื่อเตรียมเป็นกองกำลังสำหรับมัน
Aloy –  แล้วทำไมถึงพึ่งมาบอกชั้นตอนนี้ !! 
Sylens – เพราะตอนนี้เจ้าพร้อมแล้วที่จะรับรู้ ตอนที่ข้าเจอ HADES ครั้งแรกสิ่งที่ข้าต้องการจะรู้คือ The Spire  ยอดตึกที่มีทรงแหลมนั่นคืออะไร ไม่ใช่ Meridian ที่ยอดแหลมนั่น ตอนนี้รู้แล้วใช่มั๊ยว่า ทำไม
Aloy –  ยอดแหลมนั่น คือที่ที่ GAIA สร้างขึ้น
Sylens – เป็นส่วนนึงของ GAIA งั้นหรอ?
Aloy –  Minerva มันเป็นรหัสสำหรับทำลายโมดูล GAIA สร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้ในการกระจายรหัสสำหรับใช้ในการปิดระบบ bio matter conversion ของหุ่นทุกตัวของ Faro แต่ HADES ต้องการใช้มันในการส่งรหัสคำสั่งในการ ปลุกหุ่นทุกตัวที่หลับอยู่จากในยุคก่อนให้ตื่นขึ้นมาทั้งหมด เพื่อกัดกินโลกนี้อีกครั้ง 
Sylens – เยี่ยม จากพื้นฐานความรู้ที่เราศึกษากันมา เป็นบทสุดท้ายที่ข้าคิดเอาไว้เหมือนกัน
Aloy –   พวก Eclipse พวกหุ่นที่กำลังคืนชีพ ทุกอย่างจะจบสิ้นลงถ้าพวกมันยึด The Spire 
ได้
Sylens – ใช่ และเจ้า HADES ก็จะทำลายทุกชีวิตให้จบสิ้นลงอีกครั้ง ถ้าเจ้าไม่ไปหยุดมัน !



Aloy –  สิ่งที่คุณทำมันน่ากลัวมากนะ Sylen แต่คุณก็จะยังสามารถทำในสิ่งที่สามารถหลุดพวกมันได้อยู่นะ ชั้นไม่ได้บอกให้คุณลองชั่งใจดูนะ แต่อยากให้ลองพยายามดูก่อน
Sylens – พูดให้ชัดเจนตรงนี้เลยนะ Aloy ข้าเคยทำมาแล้ว ด้วยกำลังที่มีแค่นิดหน่อย แต่ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม
Aloy –  จริงหรอ? ไม่มากเกินที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดหรอกมั้ง
Sylens – ข้าจะทำเท่าที่ทำได้ละกัน จากที่นี่หรือที่ไหนซักแห่งข้างนอกนั่น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เอาหอกของข้าไปใช้ แล้วเอา Master Override นั่นประกอบเข้าไปซะ ที่เหลือเจ้าก็ต้องไปเสียบเข้าที่ตัวมันก็แค่นั้น
Aloy –  งั้นชั้นก็ต้องหาทางเข้าใกล้ HADES ให้มากที่สุดสินะถึงจะแทงมันได้
Sylens – ตามนั้น
Aloy –  สบาย ไม่มีปัญา ... เดี๋ยว !  Sylens แล้วคุณจะไปไหนอีก
Sylens – ที่อื่นๆ และ ทุกๆที่ ยังมีเวลาอีกมากพอที่จะสำรวจโลกใบนี้ก่อนมันจะถึงจุดจบ
Aloy –  แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ละ?
Sylens – แน่นอน ข้าทิ้งทั้งหมดนี้ให้เจ้า ตั้งแต่เมื่อครั้งที่มันปรากฏตัวออกมา มันก็เป็นของเข้าแต่แรกอยู่แล้ว ข้าเป็นแค่คนที่บุกรุกเข้ามาก็เท่านั้น



ทันทีที่ Sylens ก็เริ่มนำเอา Master Override ส่วมใส่เข้ากับ หอกของ Sylens ที่วางอยู่บนโต๊ะ เพื่อประกอบรวมเป็นหอกอันใหม่สำหรับใช้ในการเอาชนะ HADES โดยเฉพาะ 


 หลังจากจบภารกิจนี้จะมีภารกิจหลักอันใหม่เพิ่มขึ้นมาคือ Main Quest: THE LOOMING SHADOW 
เมื่อออกมาจาก GAIA Prime แล้วก่อนจะเดินทางไปทำภารกิจหลัก อย่าลืมแวะไปเก็บชุดเกราะลับก่อนลุยครั้งสุดท้ายด้วย



โดยกำหนดภารกิจที่ Side Quest : Ancient Armory แล้วเดินทางกลับไปยังบังเกอร์ที่เก็บชุดเกราะลับตามเป้าหมายของภารกิจ หลังจากที่ผ่านมาได้นำเอา Power Cell ชุดแรกที่ได้มาไปปลดล็อกแผงควบคุมด้านขวาจนสำเร็จแล้ว


โดยเมื่อนำเอา Power Cell ชุดที่ 2 ทั้ง 3 อันไปใส่ที่แผงควบคุมด้านซ้ายในห้องเก็บชุดเกราะลับ แล้วหมุนรหัสตามทิศทาง [ขวา – ซ้าย – บน – ขวา – ซ้าย] ก็จะสามารถเปิดประตูเข้าไปเก็บชุด Shield-Weaver Armor มาใช้ได้


ความสามารถของชุด Shield-Weaver Armor ก็คือจะมีแถบบาเรียคอยป้องกันอีก 1 แถบ เมื่อถูกโจมตีแต่ละครั้งจะยังไม่ทำให้ HP ลดตราบใดที่แถบบาเรียของชุดยังไม่หมดและในขณะที่ไม่ได้ถูกโจมตีแล้ว แถบบาเรียจะค่อยๆเพิ่มขึ้นมาจนเต็มอีกครั้ง



จากนั้นกำหนดภารกิจเป็น Main Quest: THE LOOMING SHADOW เพื่อเดินทางไปทำภารกิจหลักต่อ เป้าหมายคือกลับไปคุยกับราชา Sun king Avad ที่ Meridian



                            Main Quest: THE LOOMING SHADOW




Avad – Aloy อะไรที่ทำให้เจ้ากลับมาที่ Meridian อีกครั้ง มีอะไรรึเปล่า?
Aloy – การคุกคามค่ะ Helis ผู้นำกองกำลังที่เรียกตัวเองว่า Eclipse พวกมันกำลังจะบุกเข้าโจมตีที่นี่ทางตะวันตกเร็วๆนี้ พร้อมกับพวกหุ่นสงครามจากยุคโบราณอีกมากมาย พวกมันจะนำ พระเจ้า ปีศาจ เครื่องจักรหรืออะไรก็แล้วแต่ที่พวกท่านจะเรียก มันคือ HADES มันไม่ได้ต้องการยึดเมือง Meridian แต่มันต้องการยึดเนินทรงแหลมที่เรียกว่า The Spire ที่อยู่ภายในพื้นที่ของที่ของเมืองนี้ และถ้าพวกมันยึด The Spire ได้เมื่อไหร่มันจะทำการเรียกหุ่นสงครามจากยุคโบราณให้ตื่นขึ้นมาอีกมากมาย มากจนไม่มีกองทัพใดจะต้านไหว จนทุกคนทุกอย่างบนโลกต้องสูญสิ้น และเราจะปล่อยให้มันทำแบบนั้นไมได้
Avad – ข้าพยายามจะเข้าใจนะ แต่ ด้วยความรับผิดชอบต่อเมือง Meridian
Aloy – Meridian ไม่ใช่เป้าหมายของมัน ท่านต้องคอยป้องกัน The Spire
Blameless Marad – บางทีหน่วย Vanguard ของท่านอาจจะรับมือไหวนะ
Avad – ได้ ส่งพวกเขาไปตรึงกำลังที่ The Spire Erend รู้จัก Aloy ดี เขาคงไม่ตั้งคำถามอะไรแน่นอน 
Aloy – อย่าลืมพวกกองกำลังป้องกันเมืองทางตะวันตกด้วย พวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะปกป้อง Meridian ยามภัยมาถึง
Blameless Marad – ได้เลย
Avad – เออ Aloy ข้าคงต้องขออภัยกับเจ้าด้วยกับเรื่องที่ข้าแสดงออกกับเจ้าในวันนั้น หลังจากที่ Ersa จากไปใหม่ๆ ข้าค่อนข้างจะสับสนมากๆ ไหนๆวันนี้เราก็จะต้องสู้ร่วมกันแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ข้าก็เลยจะขอให้เจ้าอภัยให้ข้าเพื่อความสบายใจ
Aloy – ท่านก็พยายามอย่าสับสนกับชั้นอีกแล้วกันนะ
Avad – กษัตริย์ต้องหัดที่จะเรียนรู้เสมอ และข้ายินดีมากที่เจ้ายังสู้เคียงข้างพวกเรา เอาละ ตอนนี้ข้าคงต้องไปวางแผนเตรียมการป้องกันเมืองก่อน ได้โปรด ถ้าเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับพวกศัตรูของเราก็อย่าลืมบอกข้าด้วยละ
Aloy – ชั้นไม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกมันหรอก แต่จะบอกเท่าที่ชั้นรู้ก็แล้วกัน



Blameless Marad – อ่า Aloy ข้าสั่งให้เตรียมการป้องกันบริเวณสันเขาก่อนถึง The Spire เรียบร้อยแล้ว เราใช้ทหารทั้งหมดที่มีเท่าที่หาได้ในอนาจักร ทุกๆพัทธมิตร และทหารรับจ้างทุกกลุ่มที่เงินสามารถจ้างได้เข้ามาร่วมด้วย แต่ก็มีอีกมากมายที่มาเข้าร่วมเพราะชื่อเสียงของเจ้านะ Aloy 
Aloy – ชื่อเสียงของชั้นเนี้ยนะ
Blameless Marad – อย่าถ่อมตัวหน่อยเลยน่า 
Aloy – ชั้นว่านี่เป็นทั้งหมดที่เราจะทำได้แล้วละ ที่เหลือก็รอลุยอย่างเดียว 
Blameless Marad – คนของเราที่เฝ้าอยู่ทางตะวันตกเพิ่งส่งข่าวมาว่ายังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวในตอนนี้ ถ้าเจ้ายังมีอะไรจะต้องทำก็ควรจะไปทำเสียก่อนนะ ก่อนจะถึงเวลานั้น ข้าได้จัดที่พักที่เคยเป็นของ Olin เอาไว้สำหรับเจ้าได้พักผ่อนแล้ว เจ้าสามารถเข้าไปนอนพักได้ที่นั่นได้นะ


หลังจากคุยจบ จะมี Optional ซึ่งเป็นรายละเอียดเสริมในภารกิจเพิ่มขึ้นมา โดย Aloy จะแวะไปคุยกับพันธมิตรต่างๆที่เข้ามาช่วยป้องกันตามจุดสำคัญๆ 2 จุดคือ


-The Ridge สันเขาด้านตะวันออก จะพบ Aluki , Elida และ Petra มาช่วยสู้
- บริเวณด้านหน้าของ The Spire จะพบ Talanah , แม่ทัพ Sona กับ Varl พร้อม Nora Brave กลุ่มนึง และ Erend พร้อมหน่วย Vanguard มาช่วยสู้อย่างพร้อมเพียง



* เมื่อพูดคุยจนพอใจแล้ว ก่อนจะไปเข้านอนที่ที่พัก ตรงนี้จะเป็นจุดที่ย้อนกลับไม่ได้แล้ว ฉะนั้น ก่อนเข้าไปนอนเพื่อเริ่มเปิดศึกหนักในวันพรุ่งนี้ หากยังมีอะไรที่ต้องทำก็ควรจะไปทำเสียก่อนเข้าที่พักนอน *



Aloy – คุณทำใจได้ยังไงกันนะ Rost ? หลังจากที่เสียครอบครัวไป … Sylens คุณยังอยู่มั๊ย? ..เฮ้อ ชั้นว่า ชั้นไม่ควรขอคำแนะนำจากผีเลยจริงๆนะ 





                   Main Quset: THE FACE OF EXTINCTION




ทันทีที่ถึงรุ่งเช้าวันใหม่ ที่ไม่ได้สดใสเหมือนทุกวันเพราะทหารจะเข้ามาปลุก Aloy เพื่อแจงเตือนถึงการบุกของศัตรูที่เริ่มเปิดฉากแต่หัววันโดยแม้แต่เธอนั่นก็ยังไม่ได้ตั้งตัว


Avad – ควันจากแค้มป์ไฟ ตรงแถวประตูด้านหน้าเมืองรึเปล่า?
Aloy – ควันนั่นไม่ใช่ไฟที่เกิดจากการไหม้ไม้ 
Avad – แล้วมันอะไรละ?
Aloy – จุดจบหรือการเริ่มต้นใหม่ อย่างไหนซักทางนี่แหละ 



        


Avad – The Deathbringer นั่นรึเปล่าที่เจ้าพูดถึงนะ
Aloy – ปืน !! ประจำหน้าที่ เตรียมยิง !! เตรียมยิง !! เดี๋ยวนี้ !!!
Avad – ให้ตายสิ ทำตามที่เธอสั่งสิ !!!



Aloy – Helis !! บอกทหารให้เรียกกำลังเสริม เราต้องการปืนนั่น เดี๋ยวนี้ !!!
Avad – อย่า Aloy อย่าไปสู้กับมัน Helis มันจะฆ่าเจ้านะ 
Aloy – ไม่ใช่ตอนนี้ !!!


Aloy จะโดดลงไปสู้กับ Helis และพวก Eclipse มากมายที่บุกเข้ามาในพื้นที่ด้านในท้องพระโรง เป้าหมายคือกำจัด Helis ลงให้ได้ โดยใช้ถังระเบิดที่วางอยู่ตามที่ต่างๆให้มีประโยชน์


Helis – เป็นไปไม่ได้ ข้าคือผู้ถูกเลือก มันต้องไม่ใช่แบบนี้ 
Aloy – มันไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้นแหละ Helis แกทำให้มันเกิดขึ้นเอง นายยอมทำตามคำสั่งจนมีคนตายมากมายเพื่ออะไร ? เพื่อมาคุกเข่าตายแบบนี้นะหรอ อยากจะใช้พลังที่ตัวเองไม่รู้จักเอง



Helis – เจ้าบังอาจมาแสดงความเห็นใจข้างั้นหรอ !
Aloy – เห็นใจหรอ ? หันหน้าไปทางพระอาทิตย์นู่น 




                                                            Helis – อ๊ากกก !!!!



หลังจากจัดการ Helis ลงได้ ก็ออกจากพื้นที่แล้วโดดโหนตัวไปที่ด้านหน้าของเมืองเพื่อรับมือกับ The Deathbringer ที่นำทัพหุ่นสงครามมากมายบุกเข้ามา ตรงจุดบังเกอร์จะมีปืนใหญ่ของ Petra ที่เตรียมเอาไว้ สามารถใช้มันยิงถล่มศัตรูที่บุกเข้ามาด้วยกระสุนแบบไม่อั้น


แม้ว่าจะสามารถจัดการศัตรูที่บุกเข้ามาจนหมด แต่ Aloy กับนักรบของ Meridian ที่พยายามป้องกันทางเข้าเมืองก็ไม่สามารถต้านทาน Deathbringer จากกองทัพใหญ่ที่มีจำนวนมากที่ตามมาถล่มได้


ระเบิดชุดใหญ่ยิงถล่มใส่หน้าประตูเมืองจนพังราบเป็นหน้ากอง สายตาที่กำลังเลอะเลือนเพราะแรงกระแทกทำให้ได้แค่เห็นกองทัพ Deathbringer กำลังนำพา HADES มุ่งไปที่ The Spire ตามความตั้งใจของมันได้สำเร็จ


ทันทีที่ Aloy เริ่มได้สติจึงได้แต่ยืนมองซากเมืองที่กำลังลุกไหม้เสียหายอยู่ตรงหน้า แต่ Aloy ก็ไม่รอช้า ดาหน้าฆ่าศัตรูที่มาขวางหน้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่ The Spire เพื่อจัดการ HADES ก่อนแผนมันจะสำเร็จอย่างที่มันตั้งใจ

       

                                  Aloy – มันเริ่มแล้ว HADES มันเริ่มส่งสัญญาณแล้ว


HADES เริ่มกระบวนการเรียกหุ่นสงครามมากมายที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นมา ผู้คนทั่วสารทิศต่างก็กำลังเผชิญหน้ากับหุ่นมากมายที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน ก่อนจะเริ่มกระบวนการกัดกินทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้า



ฝ่าย Aloy ก็ไม่รอช้า รีบมุ่งหน้าไปยัง The Spire รวบรวมพันธมิตรที่เหลืออยู่แค่น้อยนิดเพื่อพิชิตมหัตภัยที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวังแค่วันข้างหน้าเหล่ามนุษย์ไม่ต้องดับสูญไป



HADES – แม้การมาถึงของแก่นแท้ของพลังที่ยังฝังอยู่ยังไม่สมหวังตามคำทำนายหากยังไม่สามารถส่งคลื่นสัญญาณอีกครึ่งจนครบ พวกแกก็ไม่ควรดิ้นรนให้เสียเวลา เพราะโชคชะตาของพวกแกข้าได้กำหนดเอาไว้แล้ว การมีอยู่ของแก่นแท้กำลังจะมีตัวตนให้เห็นอีกไม่ช้า !!!

ก่อนที่แผนร้ายของ HADES จะเสร็จสิ้นกระบวนการ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ Aloy และเหล่าพันธมิตรกลุ่มสุดท้ายประกอบด้วย Erend , Varl และ Talanah ต้องเผชิญหน้ากับ Deathbringer ที่ถูกครอบงำ


การต่อสู้กับ Boss The Deathbringer นั้นแม้จะมี Erend , Varl และ Talanah มาช่วยสู้ แต่ปัญหาที่เกิดการตายส่วนใหญ่คือพวกสัตว์จักรกลตัวอื่นๆมากมายที่บุกเข้ามาในพื้นที่แคบๆพร้อมๆกัน และจะมาเรื่อยๆไม่มีหมด เป้าหมายคือ เน้นจัดการ The Deathbringer ลงให้ได้ก็พอ

ในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้เวลาจะเริ่มนับถอยหลัง นั่นหมายถึงต้องรีบจัดการ The Deathbringer ให้ได้ก่อนที่ HADES จะเสร็จสิ้นการส่งข้อมูล


 และทันทีที่จัดการ The Deathbringer ลงได้ ก็รีบเข้าไปที่สันเขาที่ HADES อยู่ เพื่อใช้หอก Master Override เสียบเข้าไป


         Master Override พร้อมส่งรหัสป้องกันภัยให้เริ่มทำงาน สถานภาพ รายชื่อ และ ระดับขั้น



                                           Aloy – Elisabet Sobeck ….Alpha Prime 



                 Master Override เริ่มกระบวนการ ชำระล้างและกำจัดไว้รัสให้หมดสิ้นไป







เพื่อส่งโค๊ดรหัสปิดการทำงานให้ส่งผ่านไปยังหุ่นทุกตัวให้ค่อยๆหยุดทำงานไปทีละตัวจนหมดได้ในที่สุด







........................................................................................................................................................



Elisabet Sobeck – โอเค GAIA ขอโทษด้วยนะที่ต้องจบลงแบบนี้ ขั้นอยู่ที่ไหนเนี้ย ?
GAIA – คุณรู้เรื่องราวดีอยู่แล้วนี่



Elisabet Sobeck – ใช่ อืมม ก็แค่ถามไปงั้นแหละ ..มันเป็นอุปกรณ์อิเลคโทนิคสำหรับเลี้ยงเด็กน่ะ 
ชั้นแฮกระบบกับสายไฟเพื่อใช้ร่วมกับแบตเตอรรี่รถยนต์ให้ตอบสนองกับแสงยูวี หญ้ามันเลยยังเขียวอยู่ รวมทั้งยังมีท่อยาวนั่นส่งน้ำมาที่นี่อีก ไม่รู้สึก อาจจะอยู่ได้ซักพันปีมั้ง 



 GAIA – คำถามนะ คุณเคยอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุเท่าไหร
Elisabet Sobeck – 6 ขวบ มันเคยเป็นบ้านเก่าของแม่ชั้นนะ พระเจ้า เธอเรียกหน่วยดับเพลิงเอาชั้นลงมาแล้วก็พาชั้นไปอาบน้ำ หลังจากพยายามปีนต้นไม้ช่วยลูกนกที่ตายไปไว้ที่รังนกแล้วลงไม่ได้ 




GAIA – คำถามนะ แล้วคุณรู้สึกยังไงบ้างตอนนั้น
Elisabet Sobeck – ชั้นก็ไม่แน่ใจนะ จำได้ว่าพยายามร้องตะโกนมั้ง ชั้นไม่แคร์ๆๆ !! จนแม่ชั้นเอาหน้าชั้นมาซุกไว้ที่แขนเธอแล้วพูดกับชั้น



GAIA – คำถามนะ แล้วเธอพูดว่ายังไง?
Elisabet Sobeck – แม่บอกว่า หนูต้องแคร์นะ อลิซเบธ ฉลาดกับเรื่องไม่เข้าท่าไม่ทำให้โลกนี้ดีขึ้นหรอกนะ หนูต้องใช้ความฉลาดเพื่อทำบางสิ่งที่มีชีวิต ไม่ใช่สิ่งที่ตายแล้ว 


GAIA – ทำไมคุณยังพูดถึงแม่อยู่บ่อยๆทั้งๆที่ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว
Elisabet Sobeck – ชั้นไม่ค่อยมีเวลาให้แม่มากหรอก แต่ชั้นว่ามันก็ยังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ

        



GAIA – แล้วถ้าคุณมีลูกล่ะ อยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย ?
Elisabet Sobeck – ชั้นคิดว่า ... ชั้นอยากได้ลูกสาว ที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็น แน่วแน่ ดื้อรั้น ไม่ยอมหยุดยั้ง ...แต่ ต้องมีความเห็นอกเห็นใจ และอยากรักษาโลกนี้ให้ดีขึ้น ...แค่นิดนึงก็ยังดี 


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------







Sylens - หวัดดีเพื่อนเก่า จำชั้นได้รึเปล่า? เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันเยอะเลย มากจนแกคิดไม่ถึงเลยล่ะ เจ้านายของแก คนที่เป็นคนส่งสัญญาณปลุกแกไง ความรู้ที่สัญญาไว้ไง จำได้มั๊ยละ?



                                                     เริ่มจากตอนนี้เลยเป็นไง 





------------------------------------------  THE END  -----------------------------------------------------

                                          UPDATE 22 / 12 / 2017  



                       ว่าด้วยเรื่องไอเทมปริศนาของ โคจิม่า ในเกม Horizon: Zero Dawn

                     ไอเทมที่ว่าจะสามารถแลกมาโดยใช้แรร์ไอเทมลับทั้ง 3 อัน ประกอบด้วย


1.Stranded Necklace เจอที่ The Grave Hoard (ห้องแรกที่ศพทหารด้านซ้าย)
2.The Grave Hoard เจอที่ Project Zero Dawn Bunker ที่ Sunfall (ที่ศพทหารในห้องที่ 2 จากทางเข้า ต้องจบภารกิจนี้ก่อนถึงเจอ)
3. Stranded Figure เจอที่ Gaia Prime (ข้างบันได้ระหว่างทางไปทำภารกิจ เห็นอย่างชัดเจน)


ไอเทมที่ว่าก็คือสัญลักษณ์รูป Kojima Productions ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของตุ๊กตาในเกม Death Standing ของโคจิม่า ซึ่งเมื่อได้มาครบทั้ง 3 แล้วก็นำไปแลกกับพ่อค้าที่เมือง Meridian (คนที่ยืนกลางพื้นที่) จะสามารถแลกกล่องปริศนา Mysterious Box สีม่วงมา ด้านในจะพบไอเทมปริศนาคือ Warm Socks. ซึ่งเป็นถุงเท้าเน่าๆอันนึงที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรกันแน่


ว่ากันว่า ไอเทมลับนี้เป็นสายสัมพันธ์ระหว่าง Guerilla Games กับ Kojima Productions เนื่องในโอกาสที่เกม Death Standing ของโคจิม่าจะใช้ Decima engine ที่ใช้ในการพัฒนาเกม Horizon: Zero Dawn มาใช้ในการพัฒนา Death Standing นั่นเอง