วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

Horizon Zero Dawn


         
           

                        บทสรุป   Horizon Zero Dawn



By Decibel per oxide 




โลก ที่ไกลออกไปในอนาคต ธรรมชาติได้หักล้างถางพงเศษซากอารยธรรมเก่าที่พวกเราหลงลืม แต่ มนุษย์ชาติก็ถือว่าเป็นยุคแห่งบรรพกาลเพื่อเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ของเผ่าพันธุ์ตัวเอง ท่ามกลางพงไพรที่รกร้างอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ในรูปแบบใหม่ที่เป็นเครื่องจักรกล มนุษย์ต้องเรียนรู้การต่อสู้ และการเอาตัวรอดจากสัตว์จักรกลแสนอันตรายที่ไม่มีใครล่วงรู้แหล่งที่มา 



[Rost] – ยังไงต่อดีละ ? ไม่ชอบหนาวๆละสิ ? แต่วันนี้เราอยู่ในบ้านทั้งวันไม่ได้หรอกนะ เราต้องเข้าพิธีแสดงตนของเจ้าและข้านะ เอานี่ สวมสร้อยนี่ซะ มันเคยเป็นของลูกสาวข้านะ ชอบก็ดีแล้ว ...วันนี้ข้าจะขานนามของเจ้าหนูน้อย แต่พระเจ้าจะขานตอบกลับมามั๊ยเนี้ยสิ ? 



 ปกติต้องแม่ที่มีสิทธิ์ที่จะขานนามของเจ้า ถ้าเจ้ามีอ่ะนะ ปกติคนทั้งหมู่บ้านจะเข้าร่วมพิธีและแม่เฒ่าจะเป็นคนทำพิธีให้นะ แต่ ..เรามันคน นอกรีต แต่ถึงงั้นก็เถอะ ยังไงเราก็ต้องทำตามพิธีการของเผ่า หาไม่แล้วเราอาจกลายเป็นเหมือนพวกสิ้นศรัทธราที่เคยถูกพระเจ้าเรียกตัวกลับไป แต่ก็สมแล้วกับความชั่วร้ายที่พวกมันทำแล้ว 







และพระเจ้าก็ทรงหลงเหลือความงดงามของสรรสร้างของท่านไว้ให้พวกเรา ลมหายใจของเหล่าสรรพสัตว์ น้ำ อากาศ  ....และเหล็กกล้า






  มันก็เหมือนเราได้ล่าสัตว์ไปพร้อมๆกับล่าเครื่องจักรนั่นแหละ มันทำให้เราต้องถ่อมตนและเคารพในพลังของพวกมัน ข้าจะสอนให้เจ้าล่าในซักวันนะ








[Rost] – ท่านแม่เฒ่าสูงสุด Teersa นางมาทำอะไรที่นี่เนี้ย ? จะมาห้ามไม่ให้เราทำพิธีรึเปล่านะ ..
[Teersa] – ไม่ๆๆ ลุกขึ้นเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว ใช่แล้ว เจ้าจะต้องไปคนขานนามให้ชั้น 
[Rost] – ท่านไม่ได้มาเพื่อให้ศีลให้พรในชื่อหรอกหรอ ?
[Teersa] – มัน 6 เดือนมาแล้วไม่ใช่หรอที่เรามอบความไว้วางใจให้เจ้ารับผิดชอบนางน่ะ 
[Rost] – แต่เราเป็นพวกนอกรีต ..
[Teersa] – ก็แล้วแต่เจ้าจะเลือก และ นางก็ .. 



       ข้าในนามแห่งแม่เฒ่าสูงสุด ข้าขออำนวยอวยพรและขอเลือกให้เจ้าเป็นขานนามของนาง

[Rost] – ถ้างั้น... ท่านให้เกียรติพวกเราเหลือเกิน
[Teersa] – ใช่ๆๆ เอาละไปเลย รีบทำเถอะทุกอย่างพร้อมที่จะประกาศแล้ว



 [Teersa] – ข้าแด่พระมารดาผู้ก่อกำเนิดทุดสรรพสิ่ง เด็กน้อยคนนี้ต้องการชื่อเพื่อร้อยเรียงเป็นสำเนียงเสียงให้ผู้คนรู้ว่าเธอเป็นใคร  เฉกเช่นความรักอันอบอุ่นดั่งแสงตะวันฉายที่ท่านทรงโอบอุ้มทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตบนโลกนี้  จงขานชื่อของนาง !








                                                    [Rost] – ALOY !!!!!!!!!!!!!! 




[Teersa] – เอาละนามของนางผ่านการให้ศีลให้พรเรียบร้อยแล้ว
[Lansra] –  หลุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าทำอะไรลงไป ?
[Teersa] – ข้าก็ทำพิธีขานนามและให้ศีลกับเด็กยังไงละ 
[Lansra] –  นังคนหัวรั้นเอ้ย ! เจ้าขานนามให้เด็กต้องสาปคนนี้ได้ยังไง ? นางไม่ได้บอกเรื่องเกี่ยวกับวันที่นางเกิดเลยหรอ เจ้าคนนอกรีต ? ตอบข้ามา !!




[Rost] – ข้าก็ทำเฉพาะแค่สิ่งที่ท่านบอกแล้วนะ
[Lansra] –  เลี้ยงดูน่ะใช่ แต่ข้าไม่ได้ให้เจ้ารักและผูกพันกับนาง




[Teersa] – พอได้แล้ว !! 
[Lansra] –   แล้วเธอก็ยังเคย ให้ศีลกับชื่อกับ Nora ให้เข้ามาเป็นคนในเผ่าครั้งนึงอีกด้วยไม่ใช่รึ 

     


[Rost] – ข้ารู้ๆ มันเป็นหน้าที่ของข้า .. ที่ต้องดูแลเจ้า .. ข้าจะอยู่ที่นี่กับเจ้า และไม่ว่าเจ้าจะไปไหนข้าจะติดตามเจ้าไปเสมอ  .....




                                                  6 ปีผ่านไป 








[Nora Mother] – โอ้ว ดูสิ ได้เบอรี่มาเยอะเลย เธอนี่นักเก็บเบอรี่ตัวเก่งเลยใช่มั๊ยเนี้ย เอาละ ไหนลองไปลองดูอีกรอบสิจ๊ะว่าพอจะหามาเพิ่มอีกได้มั๊ย ? 






[Nora Mother] – เด็กๆทุกคนจ๊ะ มากับชั้นนะ  ..... เธอเป็นพวกนอกรีต เราควรหนีให้ไกลนะ 








Aloy ถูกดูถูกต่อหน้าอย่างไร้ใยดี ทำให้เธอโกรธจนวิ่งหนีเตลิดไป จนตกลงไปในถ้ำแห่งนึงโดยไม่ทันรู้ตัว






[Aloy] – Rost !! หนูอยู่ด้านล่างนี่ Rost !! เขาไม่ได้ยินชั้นแน่เลย ที่นี่มันเหมือนกับถ้ำ อะไรซักอย่าง ... เหมือนเป็น ซากที่พักของ Metal world 1 ในสถานที่ต้องห้ามเก่าแก่แน่เลย Rost เคยเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าห้ามไม่ให้เข้ามาที่นี่ ชั้นว่าชั้นรีบหาทางออกจากที่นี่ดีกว่า 


                      Main Quest: A Gift from the past 



เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองได้พลัดตกลงมาในโพรงถ้ำแห่งนึงแล้ว และเสียงเรียกหา Rost เพื่อขอความช่วยเหลือเหมือนจะดังไม่ไกลพอ Aloy จึงตั้งใจว่าจะเดินลุยเข้าไปในถ้ำด้านหน้าเพื่อหาหนทางเอง

-เรียนรู้การบังคับเบื้องต้น-
แกนอนาล็อกซ้าย บังคับทิศทาง
แกนอนาล็อกขวา บังคับมุมกล้อง
O – กลิ้งตัวหลบ
X – กระโดด
สี่เหลี่ยม – ย่อตัวย่อง
สามเหลี่ยม – สำรวจ




เข้าไปด้านในถ้ำเรื่อยๆ ขึ้นไปตามบันไดจนถึงห้องโถงใหญ่ที่มีศพนอนอยู่ตรงแสงที่ส่องลงมาจากเพดาน




 ทันทีที่ Aloy เห็นบางสิ่งที่ติดอยู่ที่ขมับของศพเธอจึงลองเอามาสวมใส่จนต้องตกใจ เมื่อแสงสีมากมายที่กระจายออกมาทำให้เธอเห็นมุมมองตรงหน้าของตาที่มองเห็นเปลี่ยนไป




            (Focus Mode กด R3) มันทำให้เธอเห็นทัศนียภาพของพื้นที่ในเชิงลึกที่ชัดเจนมากขึ้น 

เดินทางเข้าไปตามจุดเป้าหมายของภารกิจสีเหลืองจะพบประตูทางเข้าด้านใน เมื่อเข้าไปสำรวจจะพบว่ามันปิดอยู่ กด R3 ใช้ Focus Mode สแกนดูจะพบแผงควบคุมประตูอยู่หลังกำแพงในห้องด้านในนั่นเอง



สำรวจเพื่อหมุนสวิตซ์ย้อนเข็มนาฬิกา (O) 2 ครั้งก็จะสามารถปลดล็อกประตูด้านนอกได้ ย้อนกลับออกไปเข้าประตูทีเคยปิดอยู่เข้าไปด้านในตามสุดเป้าหมายของภารกิจสีเหลืองจะพบศพอีกศพ ใช้ Focus Mode สแกนดูจะได้ Datapoint หรือข้อมูลเรื่องราวในตัวของศพออกมา



Hologram Datapoint # 1: Happy Birthday Isaac
ชายไม่ทราบชื่อ: คุณคิดว่าผมอยากจะทำแบบนี้หรอ ? ผมทำดีที่สุดแล้วนะ ... นี่ๆ เขาน่ะอยู่ข้างหลังคุณอ่ะ .... อ้าว ไง สวัสดีลูกรัก ไม่เอาน่าคนเก่งของพ่อ ใครจะไม่รักลูกตัวเองกันละ สุขสันต์วันเกิดนะ ไอแซค ฟังนะ พ่อเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับลูกและแม่ในวันเกิดหนู แต่ถามว่าแล้วเราจะจัดปาร์ตี้วันเกิดให้ได้มั๊ย แน่นอนเราจัดได้อยู่แล้ว 

ข้อความที่ Aloy ได้เจอคือ Hologram Datapoint ที่เป็นข้อความภาพโฮโลแกรม 3 มิติความทรงจำของศพที่ทิ้งไว้ ซึ่ง Datapoint ข้อความภาพโฮโลแกรมจะมีให้สำรวจค้นหา 22 อัน 

จากนั้นเข้าไปด้านในต่อ ลอดผ่านประตูที่แง้มอยู่เข้าไปจะพบทางแยก ด้านทางตรงคือไปตามทางของเป้าหมายของภารกิจ อีกทางคือทางเดินด้านขวา ให้ไปตามทางแยกขวาก่อนซึ่งจะเป็นโซนห้องพักของพนักงานของสถานที่นี้ ซึ่งตอนนี้จะสามารถเก็บพวกของสะสมได้แล้ว ซึ่งก็คือบันทึกเสียงของศพก่อนตาย เรียกว่า Audio Datapoint มีทั้งหมด 63 อัน  


(ตอนนี้ในฟังก์ชั่นของหน้าจอินเตอร์เฟส รูปกล่องในแถบแผนที่พิกัดด้านบน ซึ่งก็คือตำแหน่งพวกไอเทมสะสมแบบคร่าวๆในระยะใกล้ๆทำให้สามารถเข้าไปตามเข็มทิศที่ชี้ไปเพื่อเก็บ Audio Datapoint ให้ครบ) 



เข้าไปตามทางจนถึงห้องด้านในจะพบเครื่องบันทึกเสียงซึ่งเป็น Audio Datapoint อันแรกที่สามารถสำรวจเก็บข้อมูลได้





Audio Datapoint #1
ผู้บันทึก -  Connor Chasson 
เวลาในการบันทึก – 1 มกราคม 2066 
รายละเอียดข้อความ – เอาละ Happy New Year นะไดอารี่ ใครจะเชื่อเราเพิ่งเมาฉลองกันไปเมื่อคืน ใช่พวกเรานั่นแหละทำ ท่าน ผ.อ Evans ชวนให้ทุกคนไปที่ห้องประชุม ไม่รู้อยู่ตรงส่วนไหนเหมือนกัน เห็นว่าเธอจะจัดปาร์ตี้สวมหมวกอ่ะ แล้วเรามามัวนั่งทำอะไรอยู่ที่นี่ นั่งนั่งเข็มนาฬิกาจนถึงเที่ยงคืน ชั้นคิดว่าคงมีแค่ชั้นคนเดียวเท่านั้นแหละมั้งต้องติดอยู่ที่นี่ในคืนปีใหม่เนี้ย เป็นอะไรที่ผิดพลาดมาก มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากๆเลยนะ  Skylar ได้เมาปลิ้นอีกแล้ว หรือมันจะมีการประกาศผิดพลาด อืมม ถ้าประกาศผิดเขาก็ต้องประกาศอีกรอบสิ ? 




Audio Datapoint #2 [FULL STOP]
ผู้บันทึก –  ชายไร้นาม 
เวลาในการบันทึก – ไม่มีข้อมูล
รายละเอียดข้อความ –

[ชายไร้นาม] – ผมเห็นพวกเขาถูกจัดการในห้องประชุม เหมือนกับวัวควายที่ถูกเชือดในโรงฆ่าสัตว์ แต่กลับยังยิ้มให้กันได้เฉยเลย Chana เธอปล่อยยาหลุดจากมือเหมือนเธอยังมีชีวิตแต่กำลังเปลี่ยนเป็นอะไรบ้างอย่าง ดูเธอเจ็บปวดมากจนอยากจะเข้าไปช่วยฆ่าเธอให้มันหายทรมานไปซะ แต่ไม่ละ คงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ ผมไม่อยากจะหนีไปอย่างเงียบๆแล้วทิ้งทุกอย่างที่ทำไว้ อยากทำให้ทุกอย่างมันจบในชีวิตนี้เลยไม่อยากให้ค้างคาแบบนี้หรอก ... นรกเอ๊ย ทุกอย่างพังหมดแน่ถ้าใครมาเห็นแบบนี้ แย่มากๆ ผมไม่ได้ติดหนี้ใคร ไมได้ติดหนี้อะไรอีกทั้งนั้น

-ออกจากห้องทำงานแล้วย้อนกลับมาที่ทางแยกเพื่อเดินทางตามจุดหมายของภารกิจสีเหลืองต่อไปที่ทางเดินตรงหน้า เข้าประตูขึ้นบันไดไปชั้นบนต่อจนถึงส่วนของห้องพักของเจ้าหน้าที่ สำรวจดูจะมีศพของเจ้าหน้าที่ที่มี Audio Datapoint อยู่ 4 จุด เข้าไปสำรวจเก็บข้อมูลให้หมด


Audio Datapoint #3 
ผู้บันทึก –  Mia Sayied  
เวลาในการบันทึก – ไม่มีข้อมูล
รายละเอียดข้อความ –
แม้โลกดับสูญมลายหายไปและดวงอทิตย์ต้องอับแสง
แต่พระเจ้าเบื้องบนก็ยังทรงเรียกฉัน 
ท่านทรงเป็นพระเจ้าของฉันตราบนิรันดรกาล 

----------- รู้ไส้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม --------------

“The earth shall soon dissolve like snow,
The sun forbear to shine;
But God, who call’d me here below,
Will be forever mine”

เป็นท่อนสุดท้ายของเพลง Amazing Grace ในเวอร์ชั่นใหม่ที่เรียกว่า My Chains Are Gone หรือชื่อไทยว่า เพลง พระคุณพระเจ้า(ทรงปลดปล่อยฉัน)
https://www.youtube.com/watch?v=P96B3bPUl-w (ไทย)
https://www.youtube.com/watch?v=Jbe7OruLk8I (อังกฤษ)
ซึ่งหากจำกันได้เพลง Amazing Grace ฉบับดั่งเดิมนั้นไฟเราะมาก
https://www.youtube.com/watch?v=Ls8gzO393eg

เพลงนี้แต่งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1748 กลางมหาสมุทรโดย "จอห์น นิวตัน" ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้คุมบนเรือค้าทาสที่บรรทุกทาสจากอาฟริกาไปยังประเทศอเมริกา คืนนั้นเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทะเลปั่นป่วนนิวตันอ่านหนังสือเรื่อง The Imitation of Christ เขียนโดย โธมัส เอ เคมพิส นิวตันสะดุดวลีหนึ่งเกี่ยวกับ"ความไม่แน่นอนในชีวิตที่ดำเนินอยู่"  และข้อพระธรรมสุภาษิตที่ว่า "เพราะเราได้เรียกแล้ว และเจ้าปฎิเสธ...ฝ่ายเราจะหัวเราะเย้ยความหายนะของเจ้า ...."  ถ้อยคำในหนังสือเล่มนี้ทำให้นิวตันกลับใจ และเขียนเพลงนี้ขึ้น ซึ่งกลายเป็นเพลงสำหรับปลอบประโลมใจในยามโศกเศร้า ท้อแท้และสิ้นหวัง ของชาวคาทอลิคและทุกคนที่ได้ยินมันยามสิ้นหวัง
Cr https://www.gotoknow.org/posts/140977





Audio Datapoint #4 
ผู้บันทึก –  Connor Chasson  
เวลาในการบันทึก – ไม่มีข้อมูล
รายละเอียดข้อความ –  ผมหมายถึง แนวคิดของพวกเรากับสิ่งที่เราทำกันอยู่มันเพื่อคนรุ่นหลังจริงๆหรอ ? ไอเดียสุดเจ๋งของ ผ.อ Evan แต่เหมือนเราไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด แล้วดูตอนนี้สิ นี่มัน ... ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับการส่งต่อถึงคนรุ่นหลังตรงไหน แต่ผมก็ทำให้ทายาท คนรุ่นหลังของผมเสร็จแล้วละ ทายาทของผมมีทางไปแล้ว ..



Audio Datapoint #5 
ผู้บันทึก –  Skylar Rivera   
เวลาในการบันทึก – ไม่มีข้อมูล
รายละเอียดข้อความ –  Machu picchu อยากจะเห็นมาตลอด แต่มันไม่เคยสำเร็จ ทำไมชั้นไม่ไปซะตั้งแต่ตอนที่ Owen ชวนนะ งี่เง่ามากๆ ชั้นควรไปตั้งนานแล้ว 




Audio Datapoint #6 
ผู้บันทึก –  Ella pontes   
เวลาในการบันทึก – ไม่มีข้อมูล
รายละเอียดข้อความ – บางทีทั้งหมดนั่นคงเป็นสิ่งที่ชั้นอยากให้คุณรู้ไว้ วินาทีที่ประตูเปิดออกแล้วเห็นภาพคุณมายืนอยู่ตรงหน้าด้วยชุดย้อนยุค แล้วก็ส่งยิ้มมาให้ ชั้นอยากจะลุกออกไปหรือไม่ก็อยากให้คุณเข้ามาเห็นหน้าชั้น มันมีดอกไม้อยู่ในตัวชั้นคุณรู้มั๊ย ฮ่าๆ ฟังดูรีบไปหน่อยนะ แต่ชั้นรู้ ชั้นรู้ว่า เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป 


     

Audio Datapoint #7 
ผู้บันทึก –  Jackson Frye   
เวลาในการบันทึก – ไม่มีข้อมูล

รายละเอียดข้อความ – ขอจงสวดมนต์ให้แก่เราเหล่าคนบาปด้วย เรามีหนี้สินที่ต้องจ่ายกับสิ่งที่ทำไป ผมหมายถึง ความตาย โทษทีที่ผมไม่ได้ประหลาดใจตั้งแต่ที่ Chana ให้ยาหรืออะไรซักอย่างกับเรา .. ช่างเถอะ เอาใหม่นะ เด็กๆ Hail Mary ของให้พวกเธอได้รับความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้านะ 


จากนั้นเดินผ่านห้องนอนที่เต็มไปด้วยศพเพื่อออกประตูตรงข้ามไปแล้วจะเริ่มได้ยินเสียง Rost ที่ออกมาตามหา

[Rost] – Aloy , Aloy เธออยู่ข้างล่างนั่นหรือเปล่า Aloy !!?
[Aloy] –  เขาหาชั้นเจอด้วย Rost เขาหาชั้นเจอแล้ว 




[Rost] – เอาละ จับมือชั้นไว้ แล้วอย่ามองลงไปข้างล่างนั่นละ



[Rost] – นั่นมันสถานที่ต้องห้าม Aloy !?
[Aloy] –  หนูตกลงไป
[Rost] – พวกเขามาจาก Metal world …. แล้วนั่นอะไร ?



[Aloy] –   ไม่มีอะไรซักหน่อย
[Rost] – เธอเจอมันข้างล่างนั่นใช่มั๊ย !
[Aloy] –  เปล่านะ
[Rost] – เอามาให้ชั้น เดี๋ยวนี้ 



[Aloy] –  ไม่ !!
[Rost] – Aloy ของพวกนั้นมันอันตรายนะ !!
[Aloy] –  ไม่ !!!!!



[Rost] – เฮ้ออออ ถ้าเธออยากจะเอาเก็บไว้ก็ได้ แต่เอาไปซ่อนไว้ไกลบ้านหน่อยก็แล้วกัน ...เธอต้องเรียนรู้การเอาตัวรอดในป่าเพิ่มอีก มา Aloy กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้จะเริ่มบทเรียนการเอาตัวรอดในป่า เริ่มด้วยการล่าสัตว์  



                                   Main Quest: Lessons of the Wild








[Rost] – เฮ้ออ 
[Aloy] – สัญลักษณ์พวกนี้ พวกเขาหมายถึงอะไรกันนะ ?









 [Rost] – เอ้า นี่ธนูของเธอ 







[Aloy] – ธนู
[Rost] – เอาละเลิกพึมพำกับไอ้ของเล่นนั่นได้แล้ว เราจะไปที่ภูเขากัน ตามมา !

[Rost] – ในป่านี่ค่อนข้างอันตรายมาก Aloy เธอต้องอยู่ใกล้ๆชั้นแล้วทำทุกอย่างตามที่ชั้นสั่งเท่านั้นเข้าใจมั๊ย ? เอาละ เริ่มต่อจากตรงที่เธอหนีจาการฝึกไปเมื่อวานจนตกลงไปในถ้ำนั่นก็แล้วกัน เอาถุงใส่ยานี่ไว้ใช้ แล้วชั้นจะสอนให้ว่าจะหายาพวกนี้มาใช้ได้ยังไง ... ดูนี่ พืชพวกนี้เรียกว่า Salvebrush มาเก็บรวบรวมไว้ในถุงยานั่นซะ



-เข้าไปกดสำรวจ(สามเหลี่ยม) ที่หญ้า Salvebrush เพื่อเก็บมาใส่ถุงยาแล้วเรียนรู้การใช้ด้วยการกดปุ่มทิศทางขึ้นบน

       

[Rost] – รสชาติมันอาจจะไม่ดีมากนักหรอกแต่มันจะช่วยชีวิตเธอได้ พยายามหมั่นเก็บให้เต็มถุงเอาไว้ในทุกครั้งที่เจอก็แล้วกัน 
[Aloy] – เราจะไปไหนกันคะ
[Rost] – หุบเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของการสวมกอดของพระแม่  
[Aloy] – อ้อมกอดหรอ ? 
[Rost] – เผ่า Nora เป็นผู้เฝ้าดูดินแดนแห่งนี้ไปพร้อมๆกัยป้องกันภัยอันตรายที่เกิดจากพวกเครื่องจักรมาตลอด พอลงไปถึงแม่น้ำส่วนล่างจะเจอกับพวกเครื่องจักรที่ดุร้าย และชั้นใช้พวกมันในการสอนให้เธอรู้จักการล่าเอง  
[Aloy] – พวกมันอันตรายมากหรอคะ
[Rost] – พวกสัตว์จักรกลอันตรายทุกตัว Aloy เราต้องยำเกรงพลังของมัน แต่ไม่ต้องห่วงนะชั้นจะคอยอยู่ข้างๆหนูตลอด  




[Rost] – นั่นไงพวกมันก้มต่ำไว้นะ
[Aloy] – ตัวนิดเดียวเอง


        

[Rost] – ไม่ Aloy พวกนี้เรียกว่า Watchers หนูต้องเรียนรู้ที่จะหลบการเฝ้ามองของพวกมันถ้าอยากจะอยู่รอดในป่าแห่งนี้ ชั้นจะแสดงให้ดู ตามมาติดๆและทำตามที่ชั้นทำให้ดีๆ ให้พวกมันผ่านไปก่อนแล้วค่อยๆย่องหลับไปตามพงหญ้าเอาไว้อย่าให้มันเห็น 





- มองดูการเคลื่อนไหวของ Watchers แล้วกดสี่เหลี่ยมย่องหลบพวกมันไปตามพงหญ้าตามทาง สังเกตสัญลักษณ์ Steath symbol รูปดวงตาที่ขึ้นมา โดยถ้าลืมตานั้นแปลว่าศัตรูอาจเห็นได้ แต่ถ้ารูปหลับตาแสดงว่าอยู่ในที่กำบังทำให้ศัตรูไม่เห็นตัว และถ้าวิ่งอยู่ก็จะเกิดเป็นสัญลักษณ์รูปคลื่นเสียงให้เห็น จากนั้นหลบไปทีระตัวจนผ่านฝูงของ Watchers ไปได้




[Aloy] – ดูนั่นสิ พวกไหนอ่ะที่ปีนเขาอยู่ เหมือนเขาจะยิ้มให้เราด้วยนะ 
[ทหารเผ่า Nora] – Teeeeeb ! อยู่ที่ไหน กลับมานี่ 
[Rost] – ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก เรามันพวกนอกรีต และเขาเป็นคนในเผ่า รู้ไว้แค่นั้นก็พอ 
[Aloy] – บางทีเขาอาจจะไม่เหมือนพวกคนในเผ่าก็ได้
[Rost] – ถ้างั้นเขาก็เป็นไอ้โง่คนนึงเท่านั้นแหละ ..เอาละไปกันต่อเถอะ

[Rost] – ไป๊ ชิ้วๆๆ !!
[Aloy] – ไล่พวกมันไปทำไปทำไมละ?
[Rost] – เพื่อแสดงให้หนูเห็นว่าพวกสัตว์จักรกลบางชนิดแค่ทำเสียงดังมันก็หนีไปแล้วนะสิ  มันจึงเหมาะในการลับลอบเข้าไปหามันไงละ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเราก็จับมันได้ตรงตีนเขาอยู่ดี เดี๋ยวเธอก็จะเห็นเองแหละ เอาละ คราวนี้เก็บหินสองสามก้อนเก็บเอาไว้แล้วตามมา
[Aloy] – หินหรอ ? เอาไปทำไมหรอ
[Rost] – เอาเถอะน่า บอกให้ทำก็ทำสิ เดี๋ยวจะบอกว่าต้องใช้ยังไง 




-เก็บหินที่อยู่ตามทางมาให้ครบ 3 ก้อนแล้วตามเข้าไปหา Rost ที่จุดซ่อนตัว



[Rost] – เอาละถึงเวลาใช้หินนั่นแล้ว
[Aloy] – แต่หินมันทำอะไรพวกจักรกลไม่ได้หรอกนะคะ
[Rost] – ไม่ได้ แต่ทำให้มันสับสันและล่อมันมาเข้ากับดักของเราได้ เหมือน Watcher พวกนั้นเราคงไม่มีทางเข้าไปใกล้มันง่ายๆโดยไม่ทำให้มันรู้ตัวแล้วเตือนพวกเพื่อนตัวอื่นมาช่วยไม่ได้ง่ายๆแน่นอน 
[Aloy] – เตือนหรอ ยังไงละ ?
[Rost] – พวกจักรกลมันติดต่อกันเองได้ Aloy ถึงแม้ตอนแรกจะเห็นมันเงียบๆอย่างงั้นก็เถอะ  เอาละ หนูรออยู่ตรงนี้ก่อน พอชั้นให้สัญญาณก็ขว้างหินลงไปตรงจุดที่ชั้นบอกได้เลย 



-เรียนรู้การขว้างหินล่อศัตรู ด้วยการกดปุ่มทิศทางลงล่างเพื่อเล็งเป้าในตำแหน่งที่ต้องการแล้วปล่อยปุ่มเพื่อขวางหินออกไป สามารถยกเลิกการขวางด้วยปุ่ม L2 เมื่อขวางหินเพื่อล่อ Watcher หันมาแล้ว Rost จะจัดการมันจากด้านหลังได้สำเร็จ ก็ลงไปเก็บไอเทม (Metal Shards และ Sparker) จากซากของมันมาได้เลย




- จากนั้น Rost จะให้ไปเก็บกิ่งไม้ที่ขึ้นไปเป้าหมายสีเหลืองรอบพื้นที่มา 2 เพื่อเรียนรู้การนำเอากิ่งไม้มาสร้าง (Craft) เป็นลูกธนู ด้วยการกดปุ่ม L1 เพื่อเปิด Weapon wheel แล้วใช้แกนอนาล็อกขวาเลือกไปที่ไอเทม Hunter Arrow ที่ด้านล่าง เมื่อได้วัตถุดิบครับแล้ว (Metal Shards x1  และ Wood x 2 ) ก็กด X ค้างเพื่อ Craft ลูกธนูขึ้นมาได้เลย เมื่อได้ธนูมาแล้วก็ตาม Rost เข้าไปยังจุดเป้าหมายต่อไป



[Rost] – ตัวนี้คือ Strider หนึ่งในพวกสัตว์จักรกลที่อ่อนแอที่สุดที่เธอสามารถทดสอบความสามารถล่าได้ในตอนนี้ ถ้าลองมองจุดอ่อนของมันให้เจอแล้วจัดการยิงมันตรงนั้นจะสามารถจัดการได้แบบที่มันไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ซึ่งหนูต้องต้องหัดที่จะศึกษาและเรียนรู้เหยื่อที่ตัวเองจะล่าว่าจุดไหนที่น่าจะทำให้มันบาดเจ็บได้มากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ตาของมันประมาณนั้น มีอะไรสงสัยมั๊ย 

- Aloy ได้แต่ยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเพราะอุปกรณ์ที่เธอได้มานั้นสามารถมองทุกอย่างได้ทะลุปุโปร่งโดยไม่ต้องเสียเวลาศึกษาแม้แต่น้อย จัดการกด R3 เพื่อสแกน Strider จะสามารถเห็นทั้งระดับของมัน จุดอ่อนของมันซึ่งจะแสดงเป็นสีเหลืองและไอเทมที่จะได้จากตัวมันด้วย


[Aloy] – กล่องบนหลังมันคือจุดอ่อนของมันใช่มั๊ยคะ ?
[Rost] – เอ่อ ใช่ แต่เธอรู้ได้ไง ทำไมถึงเดาว่าเป็นตรงนั้นละ
[Aloy] – อุปกรณ์ที่หนูได้มามันบอกคะ 
[Rost] – ไอ้ของเล่นนั่นน่ะหรอ หยุดเล่นเกมได้แล้วนะ เอาละจัดการ Strider ได้แล้ว เล็งไปที่กล่องบนหลังมันตั้งใจยิงให้โดนด้วยนะ
  


เมื่อเห็นจุดอ่อนของ Strider แล้ว เรียนรู้การยิงธนูด้วยการเล็กเป้าด้วยแกนอนาล็อกซ้ายแล้วกด R2 ง้างคันธนูเตรียมยิง เมื่อเล็งไปที่กล่องบนหลังของมันได้ที่แล้วก็ปล่อยปุ่ม R2 เพื่อยิงออกไปได้เลย นัดแรกมันยังไม่ตายให้ยิงซ้ำไปที่จุดอ่อนที่ 2 ของมันตรงตาที่มีแสงไฟสีเหลืองอีกครั้งก็จะจัดการมันได้



[Rost] – วันนี้เธอทำได้ดีมาก แต่ยังต้องเรียนรู้อีกมากนะ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเรียนรู้บทเรียนต่อไปก็แล้วกัน
[????] – ช่วยด้วย !!
[Rost] – เสียงใครน่ะ
[Aloy] – เสียงเด็กผู้ชาย คนที่เราเห็นเขาปีนเขาตอนนั้นไง 
[Rost] – ตามมา Aloy เร็ว !!!

วิ่งตาม Rost ไปจนถึงต้นตอของเสียง Aloy จะเห็นเด็กหนุ่มที่เธอเคยเห็นเขาปีนเขาเมื่อกี้พลาดตกหน้าผามาที่ทุ่งด้านล่างที่เต็มไปด้วยฝูง Watcher เต็มไปหมด





[Rost] –น่าจะมีเวลาไม่มากก่อนที่ Watcher จะมาเจอเด็กหนุ่มนั่นแล้วฆ่าเขาจนตาย ถ้าชั้นยิงสุ่มสี่สุ่มห้าไปพวกมันก็อาจจะแตกตื่นเหยียบเด็กนั่นอีกแหละ






[Aloy] – แต่หนูเห็นเส้นทางเดินของมันนะ
[Rost] – หยุดพูดเรื่องเพ้อเจ้อได้มั๊ย ?
[Aloy] – หนูไม่ได้เพ้อเจ้อ หนูว่าหนูสามารถลอบหลบผ่านพวกมันไปได้แน่นอน 
[Rost] – เธอทำไม่ได้หรอกน่า !
[Aloy] – ได้สิ หนูทำได้แน่ !!
[Rost] – Aloy !! 




เรียนรู้การวิเคราะห์พฤติกรรมสัตว์จักรกลโดยการกด R3 สแกนพวกมันจะสามารถกด R1 เพื่อดู Highlight track หรือทิศทางการเดินของศัตรู และ R2 Tag target หรือการแท็กตำแหน่งของศัตรูจากนั้นก็ค่อยๆมองการเคลื่อนไหวของพวกมันแล้วลอบหลบตามพุ่มไม้จนไปถึงจุดเป้าหมายสีเหลืองคือที่ที่ Teb เด็กหนุ่มบาดเจ็บนอนอยู่ได้


[Aloy] – เฮ้ ชั้นมาช่วย
[Teb] – ห๊ะ เธอมาได้ยังไง ? หลบพวกมันมาได้ไงเนี้ย 
[Aloy] – ชูวว์ เงียบๆแล้วตามชั้นมา


-จากนั้นก็ลอบหลบพวก Watcher มากมายกลับมาจุดที่ Rost อยู่ให้ปลอดภัยอีกครั้ง



[Rost] – เหมือนว่าไอ้นี่มันคงไม่ใช่ของเล่นแล้วละ
[Teb] – อ่ะ เดี๋ยวๆครับ ขอให้พระแม่ทั้งปวงจงอวยพรให้คุณทั้งคู่ด้วยนะ





[ทหารเผ่า Nora] – ไอ้หนุ่ม !!
[Teb] – เธอช่วยชีวิตผมครับ ผมก็แค่ต้องการจะ ...
[ทหารเผ่า Nora] – หุบปากไปเลยไอ้หนุ่ม พวกเขาเป็นพวกนอกรีต และเธอคนนี่ก็เป็นเด็กที่ไม่มีแม่ด้วย เอาละ ทุกคนกลับ Mother Heart กันได้แล้ว 




[Rost] – เด็กหนุ่มนั่นไม่ควรพูดกับเรา มันเป็นการฝ่าฝืนกฎของเผ่า เรากลับบ้านกันเถอะ ตามชั้นมา ..
[Aloy] – หนูรู้ทางกลับน่า ! 

[Aloy] –  หุบปากไปเลยไอ้หนุ่ม ..หุบปากหรอ หึ่ม .. โอ๊ยยย !!





[Bast] – ไปไกลๆเลยอีลูกไม่มีแม่ !!


ในขณะที่ Aloy กำลังเดินกลับบ้านจู่ๆเด็กในหมู่บ้านก็ขว้างหินมาใส่หัวอย่างจังจนเลือดออก แถมยังพยายามจะปาซ้ำแต่ Aloy ก็สามารถคว้าก้อนหินที่กำลังจะมาถึงเอาไว้ได้ทนจนเด็กๆทุกคนต้องตกใจ และ Aloy ก็มีสิทธิที่จะตอบโต้กลับไปได้ตามที่คุณผู้เล่นเป็นคนตัดสินใจแทนผ่านระบบ Emotional Choice ได้ดังนี้



- Aim for his head (ขว้างกลับไปที่หัวมันเลย) 
- Knock the rock from his hands (ขว้างหินกลับไปใส่มือของมัน)
- Drop your rock (ปล่อยหินจากมือไม่ตอบโต้) 






[Rost] – หนูเลือดออก มาขอชั้นดูหน่อยสิ เอานี่กดไว้ เดี๋ยวก็หาย
[Aloy] –   ทำไมคะ .... ทำไมหนูต้องเป็นพวกนอกรีตด้วยละ
[Rost] –  ชูวว์ ....Aloy มันยังไม่ถึงเวลา
[Aloy] – ใครเป็นแม่หนูหรอคะ?   
[Rost] –  Aloy ชั้นเคยบอกหนูแล้วนะ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เราควรได้รู้  หนูยังเป็นทารกตอนที่แม่เฒ่าสูงสุดนำมามอบให้ชั้นเลี้ยงดู 
[Aloy] – ถ้างั้นแม่เฒ่าสูงสุดก็ต้องรู้สินะคะ 
[Rost] –  เฮ้ออ มันไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจง่ายๆแบบนั้นหรอกนะ 
[Aloy] – แต่พวกเค้ารู้นี่ 
[Rost] – Aloy พวกเราเป็นพวกนอกรีต ชั้นบอกเธอแล้วไม่ใช่หรอ ?
[Aloy] – ถ้างั้นทำยังไงพวกเค้าถึงจะยอมบอกหนูละคะ 
[Rost] – แม่เฒ่าสูงสุดน่ะหรอ ? บางทีมันก็ยังพอมีทางอยู่อ่ะนะ แต่ ..
[Aloy] – บอกหนูมาเถอะนะคะ   
[Rost] – มันอันตรายมากเลยนะ  
[Aloy] – ทำยังไง !!??   
[Rost] – มันต้องใช้เวลาฝึกฝนเป็นปีๆ 
[Aloy] – หนูไม่แคร์หรอก หนูต้องทำยังไง ฝึกยังไง บอกหนูสิ บอกๆ



[Rost] – เธอต้องผ่าน “พิธีทดสอบ” ที่เผ่าจะจัดขึ้นทุกปี ใครที่ผ่านการทดสอบจะได้เป็น ผู้กล้าของเผ่า แต่จะมีผู้ชนะที่สามารถผ่านการทดสอบเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แม่เฒ่าสูงสุดก็จะอนุญาตให้เข้าพบกับท่านเพื่อรับผลบุญตามที่อธิฐานเอาไว้   
[Aloy] – ผลบุญตามที่อธิฐานเอาไว้ ?
[Rost] – ใช่ ก็อะไรก็ได้ ที่เธออยากรู้นั่นแหละ แม่เฒ่าสูงสุดจะตอบทุกคำถามกับผู้ที่ผ่านการทดสอบ
[Aloy] – งั้นตกลงหนูจะทำ ไม่ว่ายังไงหนูก็จะทำให้ได้ !! หนูจะชนะวิธีทดสอบนั่น    
[Rost] – ชั้นรู้ งั้นเรามาเริ่มกันเลย  การฝึกอาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ 
[Aloy] – เริ่มฝึกกันเลยใช่มั๊ย ? สอนมาหนูจะทำตามให้หมด !







                        เสียงหอกไม้กระทบปลาย ผ่านใจกายหมายฝึกฝน



              

                                เปลี่ยนเวียนวนวันผ่าน นานหนักหนา 



                  

                     จับธนูลองยิงดูให้รู้วิชา ฝึกไล่ล่าสัตว์ป่าให้คุ้นเคย



                       

                        วันล่วงเลยตามครรลองของสองอาจารย์ศิษย์ 




                 

       

                                               

                          ผลัดกันเรียนผลัดกันรู้ดูถูกผิดจนศิษย์เติบใหญ่ 

                                       





              ฝ่าพงไพร ปีนภูผา โจนธารา ล่าจักรกลรูปทรงสัตว์ป่าอย่างช่ำชอง






ทุกครั้งที่ Aloy ผ่านภารกิจหลักหรือภารกิจย่อยรวมถึงกิจกรรมต่างๆจะได้รางวัลคือค่า Exp หรือค่าประสบการณ์ที่จะได้ 1 Point ต่อการเพิ่มระดับเลเวล ที่สามารถนำมาใช้ในการอัพ Skill หรือความสามารถต่างๆของ Aloy ได้




                                      SKILL

                 

                                                 Prowler

                   Skill ที่ว่าด้วยความสามารถในการลอบฆ่า (stealth)

1.  Silent Strike สามารถกด R1 ในการลอบฆ่าสัตว์จักรกลขนาดเล็กหรือศัตรูที่เป็นมนุษย์ และเพิ่มพลังโจมตีเมื่อลอบฆ่าศัตรูขนาดกลางในบางครั้ง
2. Strike From Above สามารถกด R1 โดดลอบฆ่าจากด้านบนเพื่อจัดการกับสัตว์จักรกลขนาดเล็กหรือศัตรูที่เป็นมนุษย์ และเพิ่มพลังโจมตีเมื่อลอบฆ่าศัตรูขนาดกลางในบางครั้ง
3. Strike From Below สามารถกด R1  ลอบฆ่าศัตรูในขณะห้อยตัวอยู่ด้านล่างเพื่อจัดการกับสัตว์จักรกลขนาดเล็กหรือศัตรูที่เป็นมนุษย์ และเพิ่มพลังโจมตีเมื่อลอบฆ่าศัตรูขนาดกลางในบางครั้ง
4. Leader Strike สามารถกด R1 ในการลอบฆ่าสัตว์จักรกลขนาดใหญ่หรือศัตรูที่เป็นมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่ได้
5. Hunter Reflexes สามารถหน่วงเวลาในขณะกระโดดหรือสไลด์ยิงศัตรู
6. Balanced Aim สามารถใช้อาวุธยิงระยะไกลยิงศัตรูอย่างสมดุลย์เมื่ออยู่บนเชือก
7. Strong Strike เพิ่มความเสียหายในการลอบฆ่า (Strike attacks) 15%
8. Strong Strike +เพิ่มความเสียหายในการลอบฆ่า (Strike attacks)
30%
9. Silent Drop ทำให้โดดลงมาจากที่สูงลงมาที่พื้นให้เงียบมากขึ้นทำให้ศัตรูไม่รู้ตัว
10. Low Profile ทำให้ความสามารถในการมองเห็นของศัตรูลดลงเมื่อกดสี่เหลี่ยมย่องหมอบหลบ
11. Dodge Prowess กดปุ่มวงกลมค้างทำให้กระโจนหลบศัตรูได้ไกลขึ้น หรือ กด O ครั้งเดียวทำให้กลิ้งตัวหลบศัตรูได้เร็วขึ้น
12. Quiet Sprint สามารถกด L3 วิ่งได้เงียบมากขึ้นแม้จะใกล้กับศัตรูก็จะไม่ทำให้มันรู้ตัว


                                           Brave

Skill ในสายต่อสู้ที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพด้านความรุนแรงของการโจมตีและความแม่นยำในการใช้อาวุธต่างๆให้ดีขึ้น

1. Concentration ในขณะใช้ธนูง้างเล็งยิงศัตรูเมื่อกด R3 จะสโลว์เวลาให้ช้าลงได้ในระยะนึง
2. Heavy Lifter ทำให้กวัดแกว่งใช้อาวุธหนักได้คล่องแคล่วและรวดเร็วมากขึ้น
3. Concentration+ ในขณะใช้ธนูง้างเล็งยิงศัตรูเมื่อกด R3 จะสโลว์เวลาให้ช้าลงได้ในระยะเวลาที่นานขึ้น
4. Fast Reload ทำให้การรีโหลดกระสุนเร็วขึ้นเมื่อกด R3 จะสโลว์เวลาให้ช้าลงในขณะใช้ธนูง้างเล็งยิงศัตรู
5. Critical Hit กด R1 จะเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีศัตรูที่ล้มลงใกล้ตาย
6. Critical Hit + กด R1 จะเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีศัตรูที่ล้มลงใกล้ตายให้มากขึ้น
7. Double Shot กด R1 ในขณะง้างเล็งธนูจะสามารถยิงธนู 2 ดอกพร้อมกันได้
8. Triple Shot กด R1 ในขณะง้างเล็งธนูจะสามารถยิงธนู 3 ดอกพร้อมกันได้
9. Percision เมื่อใช้หอกโจมตีเบา(R1) โจมตีศัตรูจะทำให้มีโอกาสทำให้เกราะแตกได้
10. Percision + เมื่อใช้หอกโจมตีเบา (R1) โจมตีศัตรูจะทำให้มีโอกาสทำให้เกราะแตกได้มากขึ้น
11. Knock Down เมื่อใช้หอกโจมตีหนัก (R2) โจมตีศัตรูจะทำให้มีโอกาสให้ศัตรูล้มลง (Knock Down) ได้เร็วขึ้น
12. Fighting Back เมื่อ Aloy มีพลังชีวิตน้อยจะทำให้ใช้หอกโจมตีหนัก (R2) โจมตีศัตรูได้หนักมากขึ้น


                                           Forager


Skill ในสายสนับสนุนการเอาตัวรอดในการเดินทาง ที่ว่าด้วยการเสริมสร้างสุขภาพและชีวิตในระหว่างเดินทางที่จะทำให้ Aloy สามารถหาวัตถุดิบตามสภาพแวดล้อมและจากศัตรูได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. Lure Call เมื่อกดปุ่มทิศทางลงล่าง (!) จะสามารถผิวปากล่อสัตว์จักรกล 1 ตัวให้เข้ามาใกล้จุดที่ Aloy อยู่เพื่อสะดวกในการจัดการได้ง่ายขึ้น
2. เพิ่มระยะเวลาในการควบคุมสัตว์จักรกลเพื่อใช้ในการต่อสู้อีก 50%
3. Combat Override+ เพิ่มระยะเวลาในการควบคุมสัตว์จักรกลเพื่อใช้ในการต่อสู้แบบไม่จำกัด
4. Call Mount+ สามารถผิวปากเรียกสัตว์จักรที่ถูกควบคุมมาใช้งานได้ โดยการกดปุ่มทิศทางลงล่างเลือกเมนูรูปม้า
5. Healer ทำให้กดปุ่มทิศทางขึ้นบนใช้ไอเทมยาฟื้นพลังชีวิตได้เร็วขึ้น
6. Herbalist เพิ่มพื้นที่การเก็บสมุนไพรในถึงยาให้เพิ่มขึ้น 2 เท่า
7. Disarm Traps สามารถปลดกับดักที่เห็นระหว่างทางเพื่อนำมาใช้งานใหม่ได้
8. Tinker สามารถถอดเหรียญเพิ่มความสามารถ (Coils) ที่ติดอยู่อาวุธและชุดป้องกันออกได้และนำกลับมาใช้งานใหม่ได้
9. Gatherer เพิ่มจำนวนการเก็บไอเทมประเภทวัตถุดิบธรรชาติให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม
10. Scavenger เพิ่มโอกาสที่ทำให้ค้นหาไอเทมวัตถุดิบจากซากสัตว์จักรกลที่ถูกกำจัดแล้วให้มากขึ้นกว่าเดิม
11. Ammo Crafter ทำให้ผสมสร้างกระสุนได้มากขึ้นจากการใช้วัตถุดิบเท่าเดิม
12. Scavenger + เพิ่มโอกาสที่ทำให้ค้นหาไอเทมวัตถุดิบจากซากสัตว์จักรกลที่ถูกกำจัดแล้วให้มากยิ่งขึ้น


เกือบปีที่ Aloy มุ่งมั่นฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อหวังชนะในพิธีทดสอบผู้กล้า จนถึงตอนนี้อีก 2 วันก่อนถึงวันงาน Rost กลับหายตัวไปในตอนนี้การฝึกครั้งสุดท้ายยังไม่จบลง 


                           Main Quest: The Point of The Spear 


ระดับ – Level 4 
รางวัล 
+1500 XP
+ 1 Skill Point 
+1 Generous Reward Box






[Aloy]- Rost ?!! …. Rooost !!!! เขาไปไหนเนี้ย อีก 2 วันก็จะถึงวันพิธีทดสอบแล้ว แต่เขาเดินทางไปก่อนโดยทิ้งชั้นไว้หรอ ? ไม่หรอกน่าเขาไม่ทำแบบนั้นแน่นอน 

ทันทีที่เดินออกมาจากบ้านก็จะพบกับจุดแค้มป์ไฟซึ่งจะเป็นจุดเซฟของเกมและสามารถใช้สำหรับการ Fast Travel ได้ด้วย



สำรวจเพื่อเรียนรู้การเซฟแล้วเดินทางต่อไปยังเป้าหมายของภารกิจก็จะพบ Rost ยินรออยู่ยนเนินเขา




[Rost]- มาแล้วสินะ Aloy


      

[Aloy]- [is everything okay ?]-  ทุกอย่างโอเคนะ คุณอยากอยู่คนเดียวหรอ ?
[Rost]- เปล่า เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย ชั้นมาคิดเรื่องการฝึกของเธอ ตอนนี้เธอเรียนรู้การล่าและเรื่องการเอาตัวรอดในป่ามาแล้ว แต่ก็อดกลัวไม่ได้ว่าทุกบทเรียนที่สอนไปมันจะไม่ดีพอจนทำให้เธอไม่ผ่านการทดสอบ บทเรียนสุดท้าย เธอพร้อมที่จะเรียนมั๊ย ?
[Aloy]- แน่นอน ชั้นพร้อมที่จะเรียนทุกบทเรียนที่คุณสอนอยู่แล้ว 
[Rost]- มันมี ปัญหา นิดหน่อย คือบทเรียนนี้มันเต็มไปด้วยอันตราย เธอต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่งั้นเธออาจตายได้ง่ายๆเลย  
[Aloy]- เรียนการสร้าง ธนูไฟ มันจะมีปัญหาหรืออันตรายตรงไหน ?
[Rost]- หลังจากที่เธอได้วัตถุดิบของธนูไฟครบตามที่บอกแล้ว เธอต้องไปพบชั้นที่ประตูที่อยู่สุดทางของหมู่บ้าน Mother’s Heart 
[Aloy]- North Gate ประตูทางเหนือ ? ที่อยู่สุดขอบเขตแดนแห่งอ้อมกอดของแม่หรอน่ะหรอ ?  
[Rost]- ใช่ นั่นแหละเส้นทางของเธอ 



[Aloy]- [ is something else bothering you ?]  มีอะไรที่ยังทำให้คุณไม่สบายใจอีกรึเปล่า ? 
[Rost]- ไม่มี ชั้นสบายดี 
[Aloy]- [ After the Proving] หรือคุณยังห่วงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจบพิธีทดสอบ ?
[Rost]-  ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าทุกอย่างสำเร็จ เธอก็จะได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในคนของเผ่า แฃะชั้นก็ยังคงเป็นพวกนอกรีตที่ถูกรังเกียจเหมือนเดิม 
[Aloy]- Rost ถึงแม้เผ่าจะยอมรับชั้นแต่ชั้นจะไม่ ….
[Rost]-  เธอยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากนะ Aloy เดี๋ยวเราค่อยมาคุยเรื่องนี้ต่อวันหลังก็แล้วกัน 
[Aloy]- [ Anything else] มีอะไรอีกมั๊ยที่ชั้นต้องทำเมื่อตอนลงไปในอ้อมกอดของพระแม่ ?
[Rost]-  อืมม ก่อนจะไปถ้าเธอพอมีเวลาก็แวะเอาอาหารไปให้ Odd Grata หน่อยก็ดีเหมือนกันนะ 
 [Aloy]- ไม่ใช่ไม่อยากช่วยหรอกนะ แต่ ขอบคุณซักคำก็ยังไม่มีเลยป้าแกนะ 
[Rost]-  Grata เป็นคนเคร่งครัดเรื่องกฎของเผ่า เธอไม่พูดกับเราถือเป็นการให้เกรียติไม่ใช่การดูถูกหรอกนะ  
[Aloy]- อืมม ถ้าคุณว่างั้นก็ตามใจละกัน
 [Aloy]- [I’ll get the part] เดี๋ยวชั้นจะไปรวบรวมวัตถดิบมาทำธนูไฟและก็ต้องไปตอบแทนให้ Karst ด้วย   
[Rost]-  Aloy ชายคนนั้นต้องแหกกฎของเผ่าทุกครั้งเมื่อต้องพูดกับเธอนะ 
[Aloy]- ชั้นดีใจที่เขายอมแหกกฎเพื่อชั้น ชั้นก็แค่อยากไปซื้อ Tripcaster กับเขาแค่นั้นเอง ก็ไม่มีพ่อค้าคนไหนยอมซื้อขายแลกเปลี่ยนกับคนนอกรีตอย่างพวกเรานี่นา 
[Rost]- ไปจัดการหาวัตถุดิบมาสร้างธนูไฟให้ครบและตุนกระสุนไว้มากๆเพื่อเตรียมไว้ใช้ในคืนนี้ได้แล้ว 
[Aloy]- อย่าพูดเป็นลางสิ เอาละ เดี๋ยวไปเจอกันที่ North Gate ก็แล้วกัน


หลังคุยกับ Rost จบจะมีภารกิจเพิ่มขึ้นอีก 1 ภารกิจ คือ

-Errands Quest: Odd Grata [LV4] 


เกี่ยวกับ Quest ต่างๆที่ได้รับมานั้นจะสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ในเมนู Quest) โดยภารกิจต่างๆจะแบ่งออกเป็น



1. Main Quest ภารกิจหลักของเนื้อเรื่อง
2. Side Quest ภารกิจย่อย จะเห็นสัญลักษณ์เป็น ! สีเขียวในแผนที่
3. Errands 

โดยเมื่อต้องการจะทำภารกิจไหนก่อนก็ก็สามารถกำหนดที่ภารกิจนั้นก็จะทำให้มีจุดหมายของภารกิจที่เลือกโชว์ให้เห็นในแผนที่เป็นจุดสีเหลือง

..........................................................................................................................................



                                  Errands Quest: Odd Grata

                               



จากกระท่อมที่พักเดินขึ้นบนเขาตรงทางขึ้นที่ทางแยกระหว่าง Mother’s Watch กับ Mother’s Heart จนถึงด้านบนเนินเขาจะพบแม่เฒ่า Grata อยู่ที่กระท่อมของเธอ



[Aloy] – หวัดดี Grata 
[Grata] – -แด่ “สรรพมารดร” (All-Mother) ตั้งแต่ข้าถูกขับออกมาจากเผ่า ข้าไม่มั่นคงเสมือนสายน้ำไหลงั้นหรอ ? หรือยังยึดมั่นในคำปฎิญาณเฉกเช่นหินผา ? แสดงให้ข้าเห็นความเมตตาของท่าน ให้ข้าเห็นประจักษ์ด้วยตาตัวเองซักครั้งเถิด 
[Aloy] – ข่าวดี Grata “สรรพมารดร” (All-Mother) ของยายหลอกกินกระต่ายท่านไปอีกตัวแล้วล่ะ 



[Grata] – “สรรพมารดร” (All-Mother) เสียงของท่านช่างกัมปนาท เฉกเช่นคำพูดที่เกลี้ยวกราด ข้าได้ยินเสียงเพลงที่แสนโศกเศร้า “สรรพมารดร” (All-Mother) ข้าอยากร่วมวิงวอน แต่ข้าดันลืมสร้อยลูกประคำสำหรับสวดอ้อนวอนไว้บนเนินเขาสังเกตการณ์ด้านทิศตะวันออก ข้ากลัวเหลือเกิน 
 [Aloy] – รออยู่ที่นี่แหละยาย Grata เดี๋ยวชั้นจะลองไปหาให้เอง 




- จากนั้นมุ่งหน้าไปที่จุดหมายของภารกิจที่เนินเขาสังเกตการณ์ ปีนขึ้นไปด้านบนสุดเก็บ สร้อยลูกประคำสำหรับสวดอ้อนวอนของ Grata (Grata Prayer Beads) มาแล้วนำกลับไปให้ Grata ที่กะท่อมที่พักได้เลย



[Aloy] – อ่ะ นี่สร้อยสำหรับสวดวิงวอนของยาย Grata ที่นี่ยายก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้วนะ
[Grata] – “สรรพมารดร” (All-Mother) เมื่อเช้านี้ข้าพบหยดน้ำตาแห่งความยินดีเหมือนจุดเล็กๆบนใบไม้ ข้ามีความสุขที่ได้เห็นความสวยงามจากทุกสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ท่านสรรสร้าง เห็นมั๊ยตอนนี้ข้าร่ำไห้ไปพร้อมกับท่านด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างหามิได้ 
[Aloy] – เฮ้อ ยายร้องไห้กับพระแม่ของยายแต่กลับไม่ยอมพูดกับชั้น เยี่ยมเลย ! เพราะงั้นแหละยายถึงได้ได้รางวัล คนนอกรีต ดีเด่นมาตลอดไง ชั้นคงอยู่แถวๆนี้ซักพักก่อนจะไปเข้าพิธีทดสอบ แล้ว เอ่อ ชั้นก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นไงต่ออ่ะนะ  
[Grata] – “สรรพมารดร” (All-Mother) ข้าขอขอบคุณความเมตตากรุณาที่ท่านแบ่งปันให้ เมื่อการทดสอบมาถึง ในสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ของเจ้า บางทีเจ้าอาจให้โอกาสกับความกล้าหาญของเจ้า เพราะโชคมักเข้าข้างคนกล้าที่ใจที่กว้างเสมอ  
[Aloy] – ชั้นคิดว่า เอ่อ ชั้นไม่เข้าใจที่ยายพูดหรอกนะ ตอนนี้คงลากันแค่นี้ก่อนนะ ยาย Grata

.................................................................................................................................................

ตามความเชื่อจากยุคโบราณ The All-Mother เปรียบเสมือนเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ของเผ่า Nora เป็นเทพยาดาผู้สร้างชีวิตและทุกสรรพสิ่งบนโลก โดยมีตัวแทนคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวเผ่าที่เป็นผู้เฒ่าเล่าต่อกันมาว่า ที่มาของทุกชีวิตอยู่ลึกลงไปเบื้องหลังประตูในถ้ำศักดิ์ที่เรียกกันว่า Gaia ซึ่งชาว Nora ล้วนคิดเอาเองว่าเสียงที่ดังมาจากประตูอย่างไม่รู้ที่มาที่คล้ายกับเสียงหญิงสาวจนถูกเรียกว่าเป็นเสียงของ “สรรพมารดร” (All-Mother) ของผู้ให้กำเนิด 

ทางเข้าไปยัง “สรรพมารดร” (All-Mother) ได้รับการคุ้มครองโดยรอบด้วยรั้วไม้ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Mother's Watch ว่ากันว่า ด้านในสุดของถ้ำแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นแท่นบูชาที่สักการะร่างของ “สรรพมารดร” (All-Mother) ที่ถูกขวางกั้นด้วยประตูทรงกลมขนาดใหญ่จากยุคโบราณที่ฝังตัวกับหินพนังถ้ำ ว่ากันว่าหากผู้ใดทำตามคำร้องขอของ “สรรพมารดร” (All-Mother) ให้ได้ดั่งใจ ก็จะปรากฏแสงสีฟ้าส่องลงมาพร้อมกับประตูโบราณขนาดใหญ่ที่เปิดออกมา

.....................................................................................................................................................


จากนั้นกำหนดจุดหมายของภารกิจเพื่อเดินทางไปทำ Main Quest: The Point of The Spear ต่อ โดยระหว่างเส้นทางที่จะต้องเดินทางไปหา Karst ที่จุดหมายของภารกิจเพื่อแลกไอเทม Tripcaster นั้นสามารถที่จะหาวัตถุดิบในการสร้าง Fire Arrows ซึ่งเป็น Objective ย่อยชอง Quest นี้ได้ด้วย

วัตถุดิบในการ Craft Fire Arrows ที่ต้องหาประกอบด้วย



1. Ridge – wood กิ่งไม้ 10 อัน ตามทางหาเก็บได้มากมาย
2. Blaze 3 อัน หาเก็บจากซาก Striders 
3. Metal Shards 5 อัน หาได้จากซากของสัตว์จักรกลทุกตัว



เมื่อเก็บครบทุกอย่างแล้วก็กด L1 เรียกเมนูอาวุธขึ้นมาใช้แกนอนาล็อกขวาเลือกไปที่ Fire Arrows ด้านล่างของธนูแบบธรรมดาแล้วกด X ค้างเพื่อทำการผสม (Craft) Fire Arrows ออกมาได้
           
เมื่อได้ Fire Arrows มาแล้วก่อนจะเดินทางไปตามเป้าหมายของ Main Quest: The Point of The Spear ในรอบๆพื้นที่จะมี Side Quest ที่เป็นรูปเครื่องหมาย  ! สีเขียวในแผนที่อยู่ 2 จุด แวะทำให้หมดก่อน







                                  Side Quest: In Her Mother Footstep





[Thok]- ช่วยด้วยยยย !! ผมบาดเจ็บ ช่วยผมด้วย !!
[Aloy]- นายกล้าพูดกับคนนอกรีตอย่างชั้นหรอ ?
[Thok]- ผมเข้าตาจนแล้ว ผมอยากให้ช่วยหน่อย มันจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ 
[Aloy]- แล้วคุณอยากให้ช่วยเรื่องอะไร ที่ขาคุณบาดเจ็บอ่ะหรอ ?
[Thok]- เป็นต้องห่วงผมหรอก ลูกสาวผมต้องหาก เธอชื่อ Arana เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้เธอไปตามไล่ล่า Scrapper อยู่แถวๆ Mother’s Cradle ผมกลัวว่าเธอจะตายเสียก่อนเพราะพวกสัตว์จักรกล ผมยืนแทบไม่ไหว ไม่มีปัญหาไปตามหาเธอ เลยอยากจะขอร้องให้คุณไปช่วยตามหา Arana ให้หน่อยได้มั๊ย ?



[Aloy]- [Your daughter] ทำไมลูกของคุณต้องไปล่า Scrapper ด้วยตัวเองละ ? 
[Thok]- เป็นความผิดของผมเองนั่นแหละ ผมเคยไปที่นั้นมาก่อนมันเล่นงานผมจนขาเจ็บ แล้วก็ทิ้งหอกไว้ในร่างของมันตอนสู้กัน แต่หอกนั่นเป็นหอกที่ Edena เมียของผมเป็นคนทำไว้ให้ก่อนเธอตายเมื่อปีที่แล้ว หอกนั่นจึงมีความหมายกับ Arana มากเพราะเป็นสิ่งที่แม่เธอทิ้งไว้ให้ เธอเลยต้องตามไปเอาหอกนั่นกลับคืนมาด้วยตัวเอง
 [Aloy]- [Mother’s Cradle] คุณบอกว่า Arana ไปที่ Mother’s Cradle หรอ ?   
[Thok]- ใช่ ทางใต้จากที่นั่น ผมห้ามเธอไม่ให้ไปที่นั่นตั้งแต่แม่เธอตายแล้วแต่เธอก็ไม่เคยเชื่อเลย ให้ตายเถอะ !! แล้วดูผมสิ พ่อม่ายขาเป้ พ่อที่ไม่มีปัญญาไปตามหาลูกของตัวเอง ได้โปรดช่วยผมด้วยเถอะ ช่วยให้ผมทำสิ่งที่ควรทำเสียที 
[Aloy]- [Why me?] – คุณไม่รู้หรอว่าแม่เฒ่าสูงสุดมีกฎห้ามให้คุณพูดกับคนนอกรีตอย่างชั้น
[Thok]- ผมไม่แคร์ ผมไปหาเธอด้วยตัวเองไม่ได้เพราะข้าเจ็บแบบนี้ ผมจะทำทุกทางเพื่อช่วยลูกสาวให้ปลอดภัยจะลงโทษยังไงก็ยอม 
[Aloy]- ตกลง ชั้นจะลองดูนะว่าช่วยลูกสาวคุณยังไงได้บ้าง 
[Thok]- ช่วยทำให้เธอปลอดภัยด้วยเถอะ ผมขอร้องละ 





-จากนั้นเดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจจะพบ Arana ร้องให้ช่วยอยู่บนต้นไม้ริมแม่น้ำท่ามกลางฝูง Watcher 4 ตัวที่รอขย่ำอยู่ ลอบจัดการ Watcher ให้หมด เมื่อปลอดภัยแล้ว Arana ก็จะลงมาหาเอง



[Arana]- ขอบคุณมากคะ ชั้นนึกว่าจะต้องโดยไอ้พวก Watcher ฉีกเป็นชิ้นๆซะแล้ว 
[Aloy]- พ่อของเธอเป็นคนส่งให้ชั้นมาช่วย ได้เวลากลับบ้านแล้วนะ
[Arana]- ชั้นก็อยากกลับแต่คงยังกลับไม่ได้หรอกจนกว่าจะได้หอกของแม่จากตัว Scrapper นั่นกลับไปด้วย 



[Aloy]- [That Spear]  หอกนั่นมีความหมายกับเธอมากเลยหรอ ?
[Arana]- แม่ชั้นสร้างมันมากับมือไม่นานก่อนเธอตาย ชั้นแทบไม่อยากเชื่อว่าพอจะทำมันหายได้ลงคอ
[Aloy]- เขาคงไม่ตั้งใจจะทำมันหายหรอกมั้ง เจ้า Scrappers มันอันตรายมากเลยรู้มั๊ย
[Arana]- ชั้นรู้หรอกน่า ชั้นยังนึกไม่ออกหรอกว่าจะจัดการกับมันยังไง แต่ก็ไม่ยอมให้หอกนั่นหายไปตลอดกาลแน่นอน 
[Aloy]- [Your father]  พ่อเธอห่วงเธอแทบบ้าเลยรู้มั๊ย ?
[Arana]- เขาจะห่วงทำไม ชั้นเดินได้ทีละ 10 ก้าวก็ต้องเข้าไปแอบตามพุ่มไม้ตลอดทาง
[Aloy]- เขาก็แค่ ... เขาไม่อยากเสียเธอไปอีกคนนะ Arana 
[Arana]- ชั้นรู้ แต่ที่ทำก็เพราะไม่ชอบที่เขามาคอยตะคอกใส่ชั้นบ่อยๆ
[Aloy]- [Watcher]  แล้วเธอไปอยู่บนต้นไม้นั่นได้ไง ?
[Arana]- ก็ชั้นกำลังตามรอย Scrapper ไปที Mother Cradle กำลังจะตามทันแล้วแต่ไอ้ Watcher ตัวนึงดันเห็นเข้าเลยเรียกพวกมารุมเพียบเลย ชั้นคงเป็นพรานไม่ดีพอที่จะตามเอาหอกของแม่กลับมาได้แน่ๆเลยใช่มั๊ย ? 
[Aloy]- ชั้นจะไปตามหาหอกของแม่เธอให้เอง  รีบไปหาพ่อของเธอก่อนเถอะ ตอนนี้ขาเขาเจ็บเพราะตามหาเธอ นอนพักอยู่ทางใต้ของ Mother’s Heart 
[Arana]- โอ้ไม่ ! โอเค งั้นชั้นจะรีบกลับไปดูพ่อก่อน ขอบคุณนะที่ช่วย 
คุยจบกด R3 ใช้ Focus Mode เพื่อสแกนหาจะเห็นร่องรอยที่เป็นแสงสีม่วงขึ้นมา กด R1 เพื่อ Highlight Track ติดตามรอยสีม่วงที่เห็นตามทางไปเรื่อยๆซึ่งเป็นร่องรอยของ Arana ย้อนไปตรงจุดที่เธอเจอตัว Scrapper ก่อนที่จำต้องหนีพวก Watcher มาหลบที่ต้นไม้ 



จากนั้นใช้ Focus Mode ตามรอย Scrapper ไปต่อตามทางจนถึงบริเวณ Southern Embrace Gate ที่จุดเป้าหมายจะพบฝูง Watcher และ Scrapper อยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ลอบจัดการมันให้หมด



หนึ่งใน Scrapper ในฝูงจะมีหอกของ Arana ที่เป็นเป้าหมายอยู่ เก็บแล้วย้อนเอาหอกกลับไปให้  Arana ตรงจุดที่ Thok นอนบาดเจ็บอยู่


[Thok] – ตอนแรกก็ไปช่วย Arana กลับมาหาผม ตอนนี้ยังได้หอกของเมียผมกลับมาให้อีก ตั้งแต่เรียกคุณให้ช่วยตอนแรกผมยังไม่รู้เลยว่าคุณจะช่วยได้หรือเปล่า ดีใจและขอบคุณจริงๆครับ
[Arana] – เหมือนกันคะ ชั้นแทบไม่เชื่อเลยว่าคุณจะเอาหอกของแม่กลับมาให้ได้จริงๆ 
[Aloy] – ที่แม่ของเธอรู้วิธีสร้างมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
[Thok] – ผมไม่เคยสอยเธอทำด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนเธอจะมีเคล็ดลับโดยการทำเป็นมาสนใจหอกของผมเพื่อใช้เป็นตัวอย่าง ดีใจจริงๆที่ได้เห็นมันอีกครั้ง
[Aloy] – ฟังดูเมียของคุณเป็นคนพิเศษมาก เสียใจกับการสูญเสียด้วยนะคะ 
[Arana] – เพราะคุณแท้ๆเลยที่ทำให้ชั้นได้หอกแห่งความทรงจำกลับมาอีกครั้ง คุณจะไม่ช่วยเราก็ได้ แต่คุณเลือกทีจะช่วย ชั้นชื่นชมคุณมากๆ ขอบคุณนะ Aloy สำหรับทุกอย่าง 





                                    Side Quest: The Forgotten



[Olara] – ชั้นอยู่นี่ Brom เธออยู่ข้างนอกนั่นหรือเปล่า !!
[Aloy] – คุณกำลังเรียกใครอยู่หรอ แล้วต้องการความช่วยเหลือมั๊ย ?
[Olara] – จริงๆชั้นเองไม่ได้ต่อต้านพวกคนนอกรีตนะ แต่ชั้นก็พูดกับคุณไม่ได้ ชั้นไม่อยากมีปัญหาตามมาน่ะ 
[Aloy] – ชั้นก็ไม่เห็นว่ารอบๆที่นี่จะมีใครมาช่วยนี่ 
[Olara] – คุณก็พูดถูกนะ ขอโทษด้วยที่แสดงกริยาแบบนั้นออกไป  พี่ชายชั้นถูกลงโทษให้ถูกขับออกจากเผ่า แต่มันก็ครบระยะเวลาที่พ้นโทษแล้วแต่เขาไม่กลับบ้านแถมที่แค้มป์ของเขายังเต็มไปด้วยเลือดเต็มไปหมด 



[Aloy] – [Why are you out here alone] แล้วทำไมคุณถึงต้องออกมาตามหาเขาคนเดียวละ ?
[Olara] – ไม่กี่วันก่อนชั้นออกมาเพื่อจะมารับพี่ชายเพราะรู้ว่าเขาใกล้จะพ้นโทษแล้ว แต่ตอนนี้ล่วงเลยมา 3 วันแล้วเขาก็ยังไม่กลับมา ชั้นขอร้องแม่เฒ่าสูงสุดขอให้ส่งเหล่าผู้กล้า (Braves) ไปช่วยค้นหาตัวเขา แต่ก็พบแค่เพียงเลือดมากมายที่แค้มป์เท่านั้น พวกผู้กล้าฟันธงว่าเขาตายแล้ว แต่ชั้นไม่เชื่อ ก็เลยออกมาตามหาและมารอเขาอยู่ข้างนอกนี่ 
[Aloy] – [Covered Blood] แค้มป์ของพี่ชายคุณเต็มไปด้วยเลือดหรอ?[Olara] – ใช่คะพวกผู้กล้าที่ออกไปตามหาพบแค่นั้น แต่สิ่งที่ชั้นอยากจะรู้ให้แน่ใจคือ เขาตายจริงหรือเปล่า ? หรืออาจกำลังบาดเจ็บ หรือกำลังทุกข์ทรมาน เขาอาจต้องการความช่วยเหลือรึเปล่า ? ตราบใดที่ยังไม่รู้แน่ชั้นอยู่นิ่งเฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ 
[Aloy] – [Your Brother Crime] ทำไมพี่ชายคุณถึงถูกลงโทษให้ถูกขับออกจากเผ่าคะ ?
[Olara] – Brom เขาแตกต่างจากคนอื่นมาตลอดอ่ะคะ เขาอาจดูบ้าๆบอๆ มีฮันเตอร์คนนึงที่มีความเห็นไม่ลงรอยกับเขาแล้วก็ตามมาหาเรื่องวุ่นวายกับเขาตลอด วันนึงชั้นออกไปนอกบ้านไม่ถึงชั่วโมง ฮันเตอร์คนนั้นก็เข้ามาก่อกวนเขา Brom ตอบโต้ด้วยการปาหินใส่มันจนกะโหลกแตก วิญญาณร้ายดลใจให้เขาทำแบบนั้น เขาบอกแบบนั้น “เสียงกระซิบที่ถูกลืม” มาตามรังควาญ ต้องการให้เขาชดใช้ มันเป็นแบบนี้มาเป็นสิบๆปีแล้วจนชั้นไม่เคนปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวอีกเลย   
[Aloy] – [Forgotten] “เสียงกระซิบที่ถูกลืม” มันคืออะไรหรอคะ?
 [Olara] – คำสาปของวิญญาณช่วยร้ายพวกมารศาสนาที่ไม่เคยสำนึกผิดในสิ่งที่ทำจนถูกเนรเทศออกจากดินแดนแห่งพระแม่วิญญาณเร่รอนที่ไม่ถูกกล่าวถึงและไม่มีอยู่ในความทรงจำของพระแม่ไปชั่วกัปชั่วกัลป์  กลายเป็นวิญญาณเร่รอนที่ถูกลืมที่ชอบเขาสิงสู่คนและแนะนำให้ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย เราเรียกว่า “เสียงกระซิบที่ถูกลืม” Brom ต้องถูกวิญญาณพวกนี้ยุยงให้ทำในสิ่งไม่ดีแน่นอน ชั้นช่วยอะไรเขาไม่ได้จริงๆ
[Aloy] – ชั้นจะทำเท่าที่จะทำได้เพื่อหาเขาให้เจอนะ
[Olara] – เธอจะช่วยจริงๆหรอ ให้ชั้นตามไปด้วยนะ รบรองไม่รบกวนหรอกเพราะชั้นมีเทคนิคการซ่อนตัวที่ทำให้คุณไม่รู้ว่ามีชั้นอยู่เลยละ 
[Aloy] – ชั้นสะดวกเวลาลุยคนเดียวมากกว่าน่ะ
[Olara] – ได้คะ ถ้าเป็นไปได้ก็กรุณาตามหาเขาให้เจอทีเถอะคะ ได้โปรด 


จากนั้นใช้ Focus Mode สแกนตามร่องรอยสีม่วงของ Brom ไปตามทางจนถึงแค้มป์ของ Brom จัดการ Watcher ที่อยู่ในแค้มป์ให้หมดแล้วสำรวจรอยเลือดเพื่อทำการสแกนตามรอยเลือดไปต่อจนพบมีดสั้นที่ผักอยู่บนเขา จัดการสแกนตามรอยเลือดต่อไปจนถึงป้ายบอกทางไป Mother’s Cradle


 ตามรอยเข้าไปถึงศาลเจ้าริมทาง จะพบว่าเลือดถูกนำมาเซ่นไหว้ที่ศาลเจ้า สำรวจแล้วสแกนตามรอยต่อไปจนถึงเสาหินที่ด้านบนจะพบสัมภาระที่ใช้ในการเดินทาง ตามร่องรอยของ Brom ต่อไปจนถึงทางแยกที่ป้ายบอกทางไป Mother’s Watch ตามร่องรอยข้ามสะพานไปจนสุดทางที่เสาหินขนาดใหญ่ เมื่อปีนขึ้นไปก็จะเจอ Brom อยู่ที่นี่



[Brom] – เอาละชั้นจะทำ !! จะทำ จะฆ่าตัวตายก่อนที่จะทำร้ายเธออีกคน !! คุณเป็นใคร ไม่ใช่วิญญาณนี่ แล้วต้องการอะไร ?
[Aloy] - ก่อนอื่นเลยก็ต้องการให้นายออกให้ห่างจากหน้าผานั่นก่อนเลยนะ Brom 
[Brom] – ไม่ๆ !! อย่ามายุ่งกับชั้น เธอไม่เห็นหรอชั้นกำลังต้องการเวลาคิดอยู่ ชั้นคิดอะไรไม่ออกเวลามีคนมาจตะโกนใส่แบบนี้ 



[Aloy] [I Know this is hard but I can help] ชั้นรู้ว่าคุณกำลังเจ็บปวด แต่ชั้นช่วยคุณได้นะ เสียงที่นายได้ยินมันทำให้นายปวดหัวใช่มั๊ย ชั้นสัญญาจะทำพูดกับนายด้วยเสียงที่นุ่มนวลเลยนะ 
[Brom] – เสียงที่นุ่มนวล เหมือนเสียงของ Olara ชั้นเคยได้ยินมาเมื่อหลายปีมาแล้ว ได้ๆ ได้สิ ชั้นจะฟังที่เธอพูด 
[Aloy] – เยี่ยมเลย เอาละไหนลองบอกมาสิปัญหาของนายคืออะไรกันแน่ [Brom] – Forgotten “เสียงกระซิบที่ถูกลืม” คำสาปที่ชั่วร้าย เสียงนั่นมันไม่เคยหยุดเลย มันพยายามบอกให้ผมทำร้ายผู้คน ถ้าผมกลับไปที่ Nora ผมกลัวจะไปทำร้าย Olara ! ผมเลยอยากจะฆ่าตัวตายมันซะตรงนี้ก่อนที่เธอจะเดือดร้อนเพราะผมอีก 
[Aloy] – นายต้องฟังไอ้วิญญาณคำสาปอะไรนั่นตลอดเลยหรอ Brom ?
[Brom] – พวกมันสื่อสารกับผมตลอดนั่นแหละ ตอนนี้ก็ด้วย มันคอยดูแลผมและอยากได้ผมไปเป็นพวกของมัน ช่วยผมด้วยนะ เหมือนตอนที่พวกนักล่ากำลังทำร้ายผม “จัดการมันด้วยหินเลย !!” พวกวิญญาณบอกผมแบบนั้น 



[Olara] – Brom นานปลอดภัย ? พระแม่คุ้มครองจริงๆ ชั้นขอโทษจริงๆนะที่ต้องแอบตามมาแต่ชั้นอยากรู้จริงๆว่าเขาปลอดภัยหรือเปล่าน่ะ
[Brom] – ไม่ๆๆๆ น้องพี่ อย่าเข้ามาพี่ปกป้องน้องไม่ได้นะ !!
[Olara] – ชั้นไม่ต้องการการปกป้องอะไรจากพี่หรอก
[Aloy] - [Can you help him] แน่ใจนะว่า วิญญาณคำสาปอะไรนั่นมันจะไม่สั่งเขาให้ทำลายคุณ นอกเสียจากเสียงของคุณจะทำให้เขาสงบลงได้ 
[Olara] – ใช่ค่ะ ชั้นเคยทำสำเร็จมาก่อน เขาจะเจ็บปวดก็ต่อเมื่อมีคนมายุแหย่เขาเท่านั้นเอง 




[Brom] – พี่ไม่ต้องการทำร้ายเธอหรอกนะ แต่ Forgotten และเสียงกระซิบนั้น มันเติมหัวสมองของพี่ด้วยเสียงกรีดร้อง
[Aloy] - [He Need you] Brom ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปยัง Nora แต่ชั้นก็ไม่เชื่อว่าเขาจะทำร้ายคุณด้วย Olara 
[Brom] – พี่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ตามถ้ำต่างๆในภูเขาก็อยู่มาจนชินแล้ว พี่อยากให้น้องอยูุ่ด้วยกันจนกว่าพี่จะแข็งแกร่งขึ้น 
 [Olara] – ได้เลยพี่ ชั้นจะช่วยพี่เอง ขอบคุณมากนะ Aloy ชั้นจะดูแลเขาต่อเอง ขอให้เธอเดินทางด้วยความสวัสดิ์ภาพโดยไม่มีคำสาปร้ายมากล้ำกรายนะ



-  จากนั้นเดินทางไปที่ถ้ำเดิมที่ Aloy เคยตกลงไปในสมัยเด็กอีกครั้ง เมื่อลงไปด้านล่างสำรวจให้ทั่วๆเดินเข้าไปยังที่มีหินงอกหินย้อยบังทางเข้าห้องด้านในอยู่




ตอนเด็กไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ตอนนี้มีหอกที่สามารถตีหินย้อยจนพังจนสามารถเข้าไปในห้องได้ ด้านในจะมี
- ศพที่เมื่อสแกนสำรวจดูแล้วจะได้ Datapoint : All Good Thing ซึ่งเป็นข้อความ E-mail จาก Director Evan


- Power Cell ซึ่งเป็นเควสไอเทมที่จะทำให้มี Side Quest: Ancient Armory ขึ้นมาในตารางรายชื่อ Side Quest แต่จุดเป้าหมายยังอยู่ไกลจากพื้นที่แรกเริ่มจึงต้องพักไว้ก่อน  



จากนั้นเดินทางไปตามจุดหมายเพื่อทำ Main Quest: The Point of The Spear ต่อจนถึงกระท่อมของ Karst ที่เป็นพ่อค้าที่รับแลกสินค้ากับวัตถุดิบที่เก็บได้จากสัตว์จักรกล


[Karst] – แหม่ๆ พวกนอกรีตมาถึงประตูบ้านข้าอีกแล้ว “สรรพมารดร” (All-Mother) ช่วยปกปักษ์ข้าด้วยเถิด ฮ่าๆ 
[Aloy] – แปลกใจหรอที่เห็นชั้นน่ะ ลุงมองรอบๆก่อนมั๊ยว่าจะไม่มีใครมาเห็นเข้าน่ะ ระวังหน่อยก็ดีนะ อย่าเอาคอมาขึ้นเขียงเพราะชั้นจะดีกว่า
[Karst] – โอ้ ชั้นเริ่มเจ็บที่คอแปล็บทุกครั้งที่เธอมาหาชั้นแหละนังหนู ไม่ว่าจะเข้ามาหาแบบไหนก็เถอะ



[Aloy] – ครั้งล่าสุดที่ชั้นมาแลกของกับลุงชั้นเห็นลุงมี Tripcaster อยู่ด้วย ตอนนี้มันยังอยู่รึเปล่า ?
[Karst] – อยู่สิ แต่เธอต้องเอา Scrapper Lens มาแลกนะ ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่า อาวุธเจ๋งๆจะเอาเศษเหล็กมาแลกไม่ได้หรอกนะ 
[Aloy] – โอ้ แต่ชั้นจ่ายไหวนะเพราะเพิ่งจัดการ Scrapper ได้ไม่นานมานี่เอง Lens ของมันยังใสปิ้งอยู่เลย 
[Karst] – เรื่องนั้นชั้นจะเป็นคนตัดสินเอง ไหนเอามาดูสิ 



กดเลือก Trade แล้วเลือกสินค้าอันแรก Tripcaster ซึ่งต้องใช้ Scrapper Lens มาเป็นของแลกเปลี่ยน ซึ่งจะได้มาตามเนื้อเรื่องอยู่แล้ว ส่วนอาวุธที่เหลือทั้ง Sling , Carja Sling , Ropecaster, War Bow และ Sharpshot Bowนั้นต้องใช้ Metal Shards ในการแลกเปลี่ยน ถ้าหากมี Metal Shards มากพอก็แลกมาซะให้หมดด้วย

[Karst] – เอาละ Tripcaster เป็นของเธอแล้วนะ อย่าลืมไปหาที่เหมาะลองใช้มันให้คล่องมือก่อนละก่อนที่มันจะช็อตจนต้องเดี้ยงจนเดินทางต่อไม่ได้ ที่ผ่านมาชั้นเองก็โดนมันช็อตมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเหมือนกัน
[Aloy] – จริงดิ ? คิดว่าชั้นโง่นักรึไง ?



Tutorial: Tripcaster  - Tripcaster หรือเครื่องยิงเชือกกับดักช็อตไฟฟ้า การใช้งานมันก็คือ สวมใส่ Tripcaster เข้าไปในเมนูเรียกใช้อาวุธโดยกด L1 เลือกใช้งาน จากนั้นดูเส้นทางเดินของศัตรูเป้าหมายให้ชัดเจนแล้วกด R1 – R2 เล็งยิงธนูเชือกจุดแรกกับจุดที่สองให้กั้นตามทางที่ศัตรูจะเดินเมื่อมันเดินมาโดนก็จะเกิดการช็อต


 ซึ่งจะสามารถช็อตศัตรูเป็นกลุ่มได้ด้วยากอยู่ใกล้กัน แต่การช็อตจะไม่ทำให้มันตายโดยจะต้องเข้าไปซ้ำมันให้ตายก่อนมันจะฟื้นตัวด้วย จัดการศัตรู 3 ตัว โดยการใช้ Tripcaster เพื่อรับรางวัล 1300 EXP


- เดินทางต่อไปยังเป้าหมายของภารกิจที่แค๊มป์ไฟที่เป็นจุดนัดหมายที่ Rost รออยู่


[Rost] – เธอได้ธนูไฟมาแล้วใช่มั๊ย ?
[Aloy] – ได้แล้วคะ แรงระเบิดกับเสียงดังลั่นไปทั่ว นั่นใช่มั๊ยปัญหาที่คุณพูดถึงน่ะ?
[Rost] – เดี๋ยวเธอได้รู้แน่นอน แต่ต้องรอให้มืดก่อนนะ
[Aloy] – รอให้มืดหรอ ?

[Aloy] – [What is this Lesson?] ชั้นไม่เข้าใจอ่ะคะ เสียงระเบิดที่ดังมาจากเขตด้านนอกหมู่บ้าน เราจะไปทำอะไรกันที่นั่น เราจะฝึกเรื่องอะไรกันหรอคะ?
[Rost] – การเรียนรู้ที่ว่าเดี๋ยวชั้นจะสอนให้เร็วๆนี้แหละ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เราต้องรอก่อน
[Aloy] – [I have a Tripcaster] ชั้นเห็นว่า Karst มี Tripcaster อยู่ ที่ชั้นเคยพูดให้ฟังน่ะ 
[Rost] – ชั้นไม่อยากจะพูดถึงไอ้พ่อค้าของผิดกฎที่ชอบมาแลกเปลี่ยนอาวุธแลเศษเหล็กที่มันทำออกมาหรอก
[Aloy] – ผิดกฎก็ไม่เห็นเป็นไรเลย Tripcaster นั่นของดีเลยนะจะบอกให้
[Rost] – ก็อาจจะ ดีไม่ดีเดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ




 [Aloy] – [I’m Not going to Shun you]  เอ่อ  ฟังนะ Rost ชั้นคิด ชั้นคิดว่าจะไม่ทิ้งคุณไปไหนหลังจากผ่านการทดสอบหรอกนะ โอเค๊? ชั้นก็แค่ ..ไม่อยากจะทำแบบนั้น ชั้นไม่ได้จะพูดเพราะคุณเลี้ยงดูชั้นมาอย่างดีหรอกนะ
[Rost] – Aloy ..กฎห้ามให้เราติดต่อกันอีกนะ ถ้าเธอผ่านการทดสอบ
[Aloy] – แล้วไง ชั้นไม่แคร์หรอก ชั้นรู้ว่ากฎนั่นมันมีความหมายกับคุณ แต่กฎของเผ่าก็ไม่มีสิทธิมาบังคับให้ชั้นต้องทำแบบนี้หรอกนะ มันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน  
[Rost] – Aloy .. แต่ชั้นต้องทำตามกฎนะ 
[Aloy] – แน่นอนว่าคุณต้องทำ ชั้นรู้ว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ถ้างั้น ชั้นจะทำแบบนี้แล้วกัน ชั้นจะแอบมาหาคุณทุกวัน ไม่มีใครเห็นหรอกรับรองไม่เกิดปัญหาแน่นอน และถึงคุณจะไม่ยอมพูดกับชั้นเลยเพราะไม่อยากฝ่าฝืนกฎก็ไม่เป็นไร ชั้นจะคุยกับคุณเอง ถ้าจะผิดก็ผิดที่ชั้นไม่ใช่คุณ คุณก็แค่ฟัง ว่าไงเป็นไงบ้างแผนนี้ 
[Rost] – เฮ้ออ.. ไอ้เรื่องพวกนี้ละช่างคิดจริงๆนะเธอน่ะ 
[Aloy] – ชั้นรู้ งั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลแล้วละ เอาตามนี้แหละนะ
[Rost] – อืมม เอาไงก็เอา ..
[Aloy] – ถ้างั้น อีกนานกว่าจะมืด ชั้นคงต้องพักเอาแรงซักหน่อย 
[Rost] – เป็นความคิดที่ดีนะ เพราะยังไงคืนนี้ทั้งคืนเราคงไม่มีเวลาได้นอนหรอก

จากนั้นเมื่อพร้อมแล้วก็เข้าไปทำการเซฟที่แค้มป์ไฟได้เลย หลังจากเซฟเสร็จจะเข้าสู่ตอนกลางคืนซึ่งทั้งคู่จะเริ่มออกเดินทางทันที


                       Northern Embrace Gate ประตูเขตแดนด้านทิศเหนือ 






                                          [Rost] – วี๊ดดดดดดด !!!!!!!!!!!!!!!




[Aloy] – เปิดประตูให้พวกนอกรีตเนี้ยนะ ?
[Rost] – บางคนก็ยอมที่จะทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองดีกว่าจะเสียหน้าเหมือนกันนะ 
[Aloy] –โคตรเคร่งกฎของเผ่าเลยว่ามั๊ย ?
[Rost] – ชั้นก็ยังไม่ได้พูดกับใครเลยนี่ และอีกอย่างตอนนี้เราก็ควรจะเงียบเอาไว้เพราะเราได้ออกนอกเขตของหมู่บ้านแล้ว นี่คงเขตพงไพรที่แท้จริงแล้ว Aloy มีภัยคุกคามที่แตกต่างจากที่เธอเคยเจอมามากมายรออยู่ 



[Aloy] – นั่นมันซากตัวอะไรน่ะ ! นอนตายเกลื่อนเลย ไม่เคยเห็นมาก่อน ?
[Rost] – คนในเผ่าเรียกมันว่า Sawtooth สัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวตลอดเวลา พวกเขาเริ่มเห็นมันครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อน จนถึงตอนนี้มันก็ฆ่าคนในเผ่าไปหลายคนแล้ว  
[Aloy] – ทำไมถึงมีแต่พวกเราละที่ออกมาลุยข้างนอกนี่ในคืนนี้ ทำไมพวกนักล่าที่เป็นผู้กล้าของเผ่าถึงไม่เป็นคนจัดการมันละ
[Rost] – พวกเขาทำแล้ว ก็ซาก Sawtooth ตามทางที่ผ่านมานั่นไง แล้วพรุ่งนี้พวกเขาก็จะมาล่าอีก 
[Aloy] – คงไม่ต้องถึงมือพวกเขาแล้วละ เพราะชั้นจะเป็นคนฆ่ามันเอง
[Rost] – หรือไม่เธอก็ตายซะเอง ถ้าไม่รู้จักระวังตัว

เดินสำรวจเข้าไปตามทางจุดหมายของภารกิจจนถึงเขต Mother Rise ก็จะพบซากความเสียหายที่เกิดจาก Sawtooth ก่อนที่ตัวของมันจะปรากฏออกมา


[Aloy] –กระท่อมที่พักพังหมดเลย ฝีมือของ Sawtooth หรอ คนในกระท่อมตายกี่คนกันเนี้ย   
[Rost] – ชั้นไม่ได้พาเธอมาที่นี่เพื่อตอบคำถามนะ ชั้นพาเธอมาที่นี่เพื่อจัดการกับมัน เจ้าตัวนั้น !




                             [Aloy] – ตัวอย่างใหญ่! จะจัดการมันยังไงละเนี้ย ?


             

[Rost] – นั่นมันก็แล้วแต่เธอแล้ว .. การล่าครั้งนี้เป็นของเธอคนเดียว Aloy และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างนี้ชั้นจะไม่แทรกแซงอย่างเด็ดขาด เธอเข้าใจแล้วนะ งานนี้เธอต้องล่าด้วยตัวเธอเองคนเดียว 

Boss – Sawtooth จุดอ่อนของมันหากสแกนดูแล้วจะพบว่า มันแพ้ไฟและตรงถังน้ำมันใต้ท้องสามารถทำให้แตกได้ การจัดการมันสามารถทำได้คือ อยู่ในจุดซ่อนตัวที่มันไม่เห็น ซูมยิงด้วยธนูไฟไปที่ถังน้ำมันใต้ท้องของมันหากมันลุกไหม้จนเกิดการระเบิดจะทำให้พลังมันลดลงครึ่งหลอด

          


ที่เหลือก็ใช้ Tripcaster ดักช็อตมันให้สลบแล้วตามไปซ้ำอีก 2 ครั้งมันก็จะตาย หรือจะใช้ Tripcaster ดักช็อตมันให้สลบแล้วยิงธนูไฟตรงจุดที่มันอยู่เพื่อเผามันก็ได้ ที่สำคัญ การหลบซ่อนตัวเพื่อจัดการมันจะดีกว่าเข้าปะทะโดยตรง


 [Rost] – รู้มั๊ย ทำไมชั้นถึงพาเธอมาที่นี่?
 [Aloy] – ไหนบอกว่า ไม่ให้มาเพื่อตั้งคำถามไง 
[Rost] –  Aloy ….
[Aloy] – เพื่อความปรารถนาที่จะเรียนรู้การเอาตัวรอดได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งมันก็แค่การทดสอบฝีมือชั้นด้วยการให้จัดการสัตว์จักรกลตัวใหม่เท่านั้นเองแหละ
[Rost] – เฮ้ออ ไม่ใช่ ..ตามมานี่


[Rost] – ที่นี่คือ Nora แดนดินของผู้ล่าและผู้ถูกล่า พวกเขาต้องการปกป้อง ถ้าวันนี้เธอไม่ทำลายเจ้า Sawtooth ตัวนั้น จะมีนักล่าผู้กล้าของเผ่าที่ต้องบาดเจ็บหรือถูกฆ่ามากมายแค่ไหนในวันพรุ่งนี้ บทเรียนที่แฝงไปด้วยคำถาม Aloy  เป็นปีๆที่เธอฝึกฝนมาก็เพื่อเอาชนะการทดสอบ แต่จริงๆแล้วมันก็ทำเพื่อให้ตัวเธอเองนั่นแหละ ทำให้เธอกล้าหาญเหมือนดั่งผู้กล้า ให้วันนึงเธอได้ลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องเผ่าของเรา 
[Aloy] – เผ่าของชั้นเนี้ยนะ ?? คุณพูดอย่างกันชั้นต้องการพวกเขาอย่างงั้นแหละ !!



[Rost] – แต่ชั้นก็ไม่เคยบอกว่าเผ่าของเราไม่ต้องเธอนะ ! ความแข็งแกร่งที่ทำให้สามารถยืนหยัดได้โดยลำพัง Aloy มันคือความแข็งแกร่งที่จะค้ำจุลให้เธอยืนหยัดทำให้เป้าหมายที่เธอตั้งไว้สำเร็จได้ด้วยตัวเธอเองนะ  นั่นแหละคือบทเรียนสุดท้ายที่เธอต้องเรียนรู้ไว้ในวันนี้ และจงจำไว้ให้ดีล่ะ หลังจากที่ผ่านการทดสอบแล้ว และหลังจากที่ชั้นไปแล้ว ........ ภารกิจที่นี่ของเราเสร็จสิ้นแล้ว ตามมา



                  Northern Embrace Gate ประตูเขตแดนด้านทิศเหนือ





[Rost] – เช้านี้ จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะอยู่ในหมู่บ้านในฐานะคนนอกรีต จงใช้เวลาที่เหลือเตรียมตัวเตรียมใจกับการทดสอบที่กำลังมาถึง และตอนที่เธอจะเดินทางไปที่ Mother Heart ชั้นจะไปรอเธออยู่ระหว่างเธอก็แล้วกัน 

        

[Aloy] – ชั้นเข้าใจบทเรียนสุดท้ายดีแล้วละ Rost
[Rost] – จริงหรอ?
[Aloy] – แต่ถ้าจะให้ชั้นยืนหยัดเพื่อสิ่งใดก็ตาม มันก็ต้องมีบางอย่างที่ทำให้ชั้นเชื่ออยู่ข้างในด้วย 
[Rost] – ชั้นหวังว่าเธอจะค้นพบมันนะ Aloy ชั้นหวังว่าเธอจะทำได้ 
[Aloy] – ให้ชั้นกลับไปที่กระท่อมกับคุณเลยไม่ได้หรอ?
[Rost] – ชั้นยังไม่มีแผนที่จะกลับไปที่กระท่อมตอนนี้หรอก มีบางอย่างที่ต้องทำก่อน
[Aloy] –  คุณยังจะต้องทำอะไรอีกหรอ?
[Rost] – เอาเป็นว่า ชั้นจะไปเจอเธอระหว่างทางก็แล้วกัน
[Aloy] – อืมม งั้นเจอกันที่ Mother Heart ก็แล้วกันคะ 



                              Main Quest: MOTHER HEART


เดินทางต่อไปยังเป้าหมายของภารกิจที่ด้านหน้าทางเข้า Mother Heart ทางทิศเหนือจะพบ Rost รออยู่ตรงหน้าทางเข้า


[Rost] – เอาละ ถึงเวลาแล้ว เธอพร้อมรึยัง?
[Aloy] – พร้อมคะ พร้อมยิ่งกว่าที่ชั้นคิดไว้ซะอีก
[Rost] – เธอไม่เคยเข้ามาใกล้ที่นี่ขนาดนี้มาก่อนด้วยซ้ำ 
[Aloy] – ชั้นคิดว่าทุกๆอย่างมันใหญ่โตมาจริงๆเมื่อเข้ามาเห็นใกล้ๆแบบนี้
[Rost] – ไม่นานเธอก็จะชินไปเองไม่ต่างกับบ้านตัวเองนั่นแหละ
[Aloy] – ชั้นไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนั้นได้นะ
[Rost] – เข้าไปพบแม่เฒ่าสูงสุด Teersa นางจะช่วยเธอเอง มีอะไรไม่เข้าใจอีกมั๊ย?



[Aloy] – มีคำแนะนำอะไรที่จะสอนอีกมั๊ยก่อนจะเข้าไปน่ะ?
[Rost] – ไม่มีแล้ว เธอเรียนทุกอย่างจากชั้นไปหมดแล้ว ที่เหลือพงไพรจะสอนเธอต่อเอง 
[Aloy] – คุณต่างหากที่สอนชั้นไม่ใช่ป่าอะไรนั่นหรอก ... ชั้นไม่แน่ใจด้วยซ่ำว่าหอกกับธนูที่ติดตัวมาจะช่วยอะไรชั้นได้ในนั้น
[Rost] –  ไม่ใช่หอกกับธนูนี่หรอกหรอที่พาเธอผ่านทุกอุปสรรคมาตลอดปีที่ผ่านมาเนี้ย ตอบสิ Aloy 
[Aloy] – ชั้นจะคาดหวังว่าต้องเจออะไรบ้างนะตอนเข้าไปในนั้นน่ะ ?
[Rost] –   เธอจะได้เห็นผู้คนกำลังเลี้ยงฉลอง กินเลี้ยงกันใหญ่โตกว่าที่เธอเคยเห็นมา 



[Rost] –   Mother Heart ไม่มีหมู่บ้านไหนๆจะมาเทียบที่นี่ได้ ที่นี่เป็นที่อยู่ของแม่เฒ่าสูงสุดผู้นำทางจิตวิญญาณของเผ่าเรา เป็นศูนย์กลางของทุกชีวิตใน Nora เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนนับถือ .ให้เวลากับมันหน่อย เดี๋ยวเธอก็จะค้นพบทุกอย่างด้วยตัวเอง ..เหมือนกับที่ชั้นเคย ตอนที่ชั้นยังอยู่ในเผ่า
[Aloy] – คุณแน่ใจนะว่าพวกเขาจะให้ชั้นผ่านเข้าไปได้น่ะ ?
[Rost] –   หึหึ ชั้นบอกเธอกี่ครั้งแล้ว Aloy มันมีกฎของมันอยู่ว่า เด็กๆที่เป็นพวกนอกรีตสามารถเข้าพิธีทดสอบความเป็นผู้กล้าได้
[Aloy] – คนที่ผ่านการทดสอบจะได้เป็นผู้กล้าและไม่ต้องเป็นพวกนอกรีตอีกต่อไปใช่มั๊ย เรื่องนั้นชั้นรู้แล้วละน่า แต่ ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่เขาจะเป็นคนเคร่งกฎแบบคุณน่ะ Rost 
[Rost] –  มีศรัทธราหน่อยสิ Aloy เผ่านี้ยังทรงเกรียติสำหรับเธออยู่หรือเปล่าละ?
[Aloy] – ตกลง พร้อมก็พร้อม แล้วเจอกันที่บ้านในอีกสองสามวันนะ .. ใช่มั๊ย?



[Rost] –  เธอจะไม่ได้เจอชั้นที่บ้านอีกแล้ว Aloy …. เอ้านี่ รับสิ่งนี้เอาไว้แทนความทรงจำ
[Aloy] – ทำไมคุณถึงชอบพูดว่าเราจะไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้วตลอดเลย? ไม่ ไม่ๆๆ
[Rost] –  เพราะเธอควรเป็นคนของเผ่าและชั้นก็จะเป็นคนนอกรีตต่อไปยังไงละ
[Aloy] – ก็ชั้นบอกแล้วว่าชั้นแก้ปัญหาได้ ชั้นจะแอบไปหาคุณอย่างลับๆไงละ ! ชั้นเองต่างหากที่แหกกฎ ไม่ใช่คุณนะ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้

[Rost] –  นั่นมัน ..จะทำให้ชั้นความผูกพันกับเธอจนทำให้ชั้นอยากให้เธอกลับคืนมาอีกทังที่ชั้นตั้งใจแล้วที่จะให้เธอเป็นคนของเผ่าอย่างเต็มตัว …เธอน่ะ ใช้ชีวิตคนเดียวมานานเกินไปแล้วนะ 
[Aloy] – ตอนนี้ต่างหากที่เหมือนกำลังอยู่คนเดียวน่ะ 
[Rost] –  เพื่อคิดถึงประโยชน์ของตัวเธอเอง ชั้นถึงจะต้องไปในที่ที่เธอจะไม่มีวันได้พบชั้นอีก เราลากันแค่ตรงนี้เถอะนะ 



[Aloy] – (But I will find You)  ไม่ ไม่แน่นอน ชั้นรู้ว่าจะตามหาคุณยังไง ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนชั้นก็จะตามหาจนเจอกฌคุณสอนให้ชั้นแกะรอยแล้วนี่ ยังก็จะตามคุณจนเจอนั่นแหละ !
[Rost] –  ไม่ใช่ตอนนี้ Aloy 
[Aloy] – จะตอนนี้หรือตอนไหนก็ช่างเถอะ! ชั้นจะสวมมันตอนชั้นออกตามหาคุณ
[Rost] –  ขอให้ “สรรพมารดร” (All-Mother) คุ้มครองเธอนะ Aloy 
[Aloy] – คุณก็ด้วยนะ ...






                                      NORA GATE  , MOTHER HEART







Nora Gate Guard : กลับไปซะ พวกนอกรีต !! หรือไม่ก็ตายอยู่ตรงนี้ แกเลือกเอาเอง !!
[Aloy] – ห๊ะ ! …อ่า ..




[Teera] – ขอทางหน่อยขอทาง ...เหล่าผู้กล้าหลบไปก่อน นางมีสิทธิ์ที่จะได้รับการต้อนรับจากที่นี่นะ Mother Heart เปิดรับเจ้าแล้วนังหนู เช้ามาสิ ตามชั้นมา ชั้นรับประกันเลยว่าคนของ Nora ส่วนใหญ่ของที่นี่ไม่หยาบคายเหมือนเจ้า 2 คนนี้แน่นอน มาเถอะตามมาชั้นรอเวลานี้ของเธอมานานมากเลยนะ
[Aloy] – คุณเนี้ยนะ? รอชั้นหรอ
[Teera] – อ๋อ แน่นอนสิ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ชั้นคงต้องให้เธอเดินเล่นในหมู่บ้านซักพักก่อนนะเพราะชั้นมีธุระกับพวกคนนอกนิดหน่อยคืนนี้
[Aloy] – พวกไหนหรอคะ?



[Teera] – คณะทูตจากเผ่า Carja น่ะสิ มาสังเกตการณ์งานคิดเลือกผู้กล้า Nora ยิ่งไม่ค่อยถูกกับพวก Carja อยู่ ไม่รู้จะคุยกันได้มั๊ย แต่ช่างเถอะ นั่นมันปัญหาของชั้น เธอก็เดินเล่นตามสบายนะ สนุกกับงานฉลองไปก่อนแล้วกัน อ่อ เกือบลืม มีเพื่อนเก่าเธอรออยู่ด้วยนะ ลงไปทางขวาของหมู่บ้านน่ะเขารออยู่ 
[Aloy] – เพื่อนหรอคะ แต่ชั้นไม่รู้จักใครที่นี่เลยนะ 
[Teera] – ฮ่าๆ ชั้นก็พยายามบอกเขาไปแบบนั้นเหมือนกันแหละนะ  เอาละไว้ค่อยคุยกันนะ พระเจ้าคุ้มครองนะจ๊ะ 

เมื่อเข้ามาใน Mother Heart แล้ว ใช้การสแกนหาตำแหน่งของพวกกล่องไอเทมที่อยู่ตามที่ต่างๆแล้วตามเก็บมาให้หมด สำรวจดูตามจุดต่างๆของงานเลี้ยงที่สามารถรวมกิจกรรมได้นิดหน่อยแล้วแวะเข้าไปที่ส่วนด้านซ้ายของหมู่บ้านก่อนถึงเวทีใหญ่จะเจอ Karst พ่อค้าขายไอเทมตามมาขายไอเทมที่นี่ด้วย


ซื้อขายไอเทมเท่าที่พอใจ ตอนนี้จะเริ่มมีชุดสวมใส่ต่างๆขายแล้ว ซื้อมาแล้วก็สามารถเปลี่ยนชุดใหม่ได้ทันที เมื่อสำรวจจนพอใจแล้วก็เข้าไปที่จุดหมายของภารกิจทางด้านขวาก็จะพบเพื่อนเก่าของ Aloy รออยู่


[Teb] – Aloy นั่นเธอใช่เปล่า ? มานี่เร็ว ...เธอชื่อ Aloy ใช่มั๊ยชั้นคงจำไม่ผิดใช่ป่ะเนี้ย?
[Aloy] – นายน่ะหรอที่บอกว่าเป็นเพื่อเก่าชั้นที่แม่เฒ่าบอก ทำไมชั้นไม่รู้จักนายเลยแฮะ
[Teb] – ชั้นไม่โทษเธอหรอกที่จำไม่ได้ ก็มันตั้งนานแล้วนี่นะ ชั้นชื่อ Teb ตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่เลยที่ช่วยชีวิตชั้นจากไอ้หุ่นบ้านั่นวันนั้นอ่ะ 
[Aloy] – อ๋อ ชั้นจำได้แล้ว ตอนนั้นเธอพยายามจะขอบคุณชั้นใช่มั๊ย?
[Teb] – ชั้นไม่เคยลืมวันนั้นเลยนะ หวังมาตลอดว่าจะเจอเธออีกในปีนี้ถ้าเธอมาที่งานทดสอบนี่ และก็อย่างที่เธอเห็น ชั้นก็ยังไม่ได้เป็นนักล่าอย่างที่ตั้งใจไว้หรอกนะ แต่ชั้นก็ได้รับใช้เผ่าทางอื่นแทนโดยการเป็นช่างทำพวกชุดเกราะอะไรแบบเนี้ย  และชั้นก็ไม่ลืมที่จะเตรียมการมาเผื่อวันนี้จะมาถึงด้วย ชั้นมีชุดที่ทำพิเศษให้เธอด้วย หวังว่าเธอคงจะชอบนะ 
[Aloy] – นายจะขายให้เท่าไหร่ละ?
[Teb] – เท่าไหร่หรอ? บ้าน่าชั้นทำมาให้เพื่อเป็นการขอบคุณน่ะถึงแม้จะเลยเวลาที่ควรจะให้มานานแล้วก็เหอะ



จากนั้นก็เลือกชุด NORA BRAVE ในเมนูขายชุดสวมใส่ของ Teb มาได้ใช้ได้เลยเขาไม่คิดเงิน ถ้าสนใจเสื้อผ้าชุดอื่นก็สามารถมาซื้อกับ Ted ได้ไม่ต่างจากร้านค้าร้านนึงนั่นแหละ


[Teb] – เธอใส่ได้พอดี เยี่ยมเลย
[Aloy] – ขอบคุณนะ Teb ชั้นไม่เคยได้ของแบบนี้จากใครมาก่อนเลยน่ะ 
[Teb] – ไม่เป็นไร มันเป็นของเธอแล้ว ชั้นคิดว่าเดี๋ยวเธอก็จะเห็นเองว่าป้องกันตัวเธอได้ดีกว่า ชุดที่เธอสวมใส่มาแน่นอน และก็ยังมีชุดต่างๆอีกมากมายที่เธอยังจะสามารถมาแลกเปลี่ยนกับชั้นได้ด้วยนะ เอาละชั้นคงรบกวนเวลาเธอมานานแล้ว เธอไปพบแม่เฒ่าสูงสุดเถอะ ไปที่กระท่อมของแม่เฒ่าตามทางนี้นะ เดี๋ยวเธอไปก็จะเห็นคนไปประท้วงมากมายที่หน้ากระท่อมเองนั่นแหละ  
[Aloy] – เห็นแม่เฒ่าบอกว่าเป็นทูตมาจากเผ่าอื่นนะหรอ?
[Teb] – ใช่เลย ก็ที่มีคนไปชุมนุมประท้วงกันเพียบก็เพราะโกรธพวก Carja ที่บังอาจเข้ามาในดินแดนศักดิสิทธิ์ของเราตั้งแต่ต้นปีเลย อย่าแปลกใจที่เธอจะเห็นทั้งหัวมันฝรั่ง ทั้งหิน ถูกขว้างปลิวว่อนไปทั่วหวังว่าคงไม่มีใครปาหอกขึ้นไปบนเวทีอ่ะนะ ถ้าเป็นเป็ดก็พอรับได้อยู่นะ ฮ่าๆ


-จากนั้นวิ่งไปตามจุดหมายของภารกิจทางฝั่งตะวันตกของหมู่บ้านไปจนถึงหน้ากระท่อมใหญ่ของแม่เฒ่าที่มีคนมากมายกำลังชุนนุมอยู่ที่หน้าเวทีใหญ่ของหมู่บ้าน


[Jezza] – ในโอกาสที่พวกเรากำลังทำพิธีอำนวยอวยพรผู้เข้าคัดเลือกเป็นผู้กล้า แต่ก่อนจะถึงพิธีดังกล่าวอยากจะบอกกล่าวว่าเรามีแขกผู้มาเยือนที่ต้องต้อนรับ




[Teera] – กว่า 2 ปีที่เราอยู่ร่วมกับเผ่า Carja อย่างสันติ ถึงเวลาแล้วที่เราจะฟื้นฟูข้อผูกมัดทางการค้ากับ Meridian เสียที พวกนี้คือคณะทูตที่เดินทางมาหาพวกเราเพื่อชูธงแห่งสันติภาพ





[Sun Priest] – ประกาศราชองค์การณ์ที่ลงพระนามจากพระหัตถ์ขององค์กษัตริย์ Sun King
[ชาวบ้าน] – ไอ้พวกฆาตกร ค้าทาส !!! พวกฆาตกร ค้าทาส !!! นี่แนะๆๆ ฆาตกร!!
[Erend] – ชาว Nora ผู้เปี่ยมศรัทธรา ฟังก่อน พอก่อนสำหรับผลไม้นะ !! ผมมาจากเผ่า Oseram ไม่ใช่ Carja ฉะนั้นผมจะพูดกับพวกคุณอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเลยนะ องค์ราชา Sun King ที่13 เคยเป็นฆาตกรหรือเปล่า ไม่เถียง เขาเคยเป็น !! เป็นทรราชย์ผู้กดขี่ที่เป็นเสมือนปีศาจร้ายที่โจมตีหมู่บ้านของผมจนสังเวยชาวเผ่าของผมไปมากมายเหมือนกับเผ่าของคุณ น้องสาวของผมก็เคยถูกพวกมันจับตัวไป ผมเกลียดพวก Carja ฉิบหายเลย ! 



[Erend] –  แต่ ราชา Sun King ที่13 มันตายมา 2 ปีแล้ว แล้วใครละที่ฆ่าเขา ราชาองค์ที่ 14 ไง ไม่ใช่เพราะความกระหายอำนาจ แต่เพราะว่าต้องมีใครซักคนที่หยุดความโหดร้ายที่พ่อเขาได้ก่อเอาไว้ และ ราชองค์การณ์ที่นักบวชนั่นกำลังจะกล่าวก็เปรียบเสมือนการประกาศขออภัยที่ Carja เคยกระทำอย่างเหี้ยมโหดกับ Nora ไว้ยังไงละ ! เป็นการแสดงความจริงใจจากถ้อยคำของราชา Sun King ที่ 14 มาถึงทุกท่านโดยตรงเลย ฉะนั้น ได้โปรดช่วยรับฟังกันหน่อยจะได้มั๊ยครับ ?




[Sun Priest] – ประกาศราชองค์การณ์ที่ลงพระนามจากพระหัตถ์ขององค์กษัตริย์ Sun King ที่ 14 ที่เปรียบดั่งแสงสว่างอันโชติช่วง 





[Aloy] – หืมม .. นั่นมันเหมือนกับ ... ชายหัวล้านนั่นเป็นคนในคณะของทูตหรือเปล่านะ? ทำไมถึงสวมอุปกรณ์ Focus นั่นเหมือนกับของชั้นเลยละ ? เขาได้มันมาได้ไงกันนะ !



[Aloy] – โทษนะชั้นเพิ่งเคยเห็นคุณคนแรกนี่แหละที่สวมใส่เครื่อง Focus นั่น คุณไปได้มันมาจากไหนหรอค่ะ?
[Olin] – ว่าไงนะ ?! ที่ Nora ก็มีคนสวมเครื่องนี้ด้วยงั้นหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก! เผ่าของเธอกลัวและไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าไปยังดินแดนโบราณแห่งนั้นนี่ 
[Aloy] – หึ ใครบอกว่าชั้นเหมือนพวก Nora ทั่วไปล่ะ
[Olin] – ชั้นเดาว่าก็คงจะไม่เหมือนหรอก ถ้าเธอได้เข้าไปสำรวจที่โบราณสถานแห่ง Metal World มาแล้ว  ..... อ๊ากกกก !!!
[Aloy] – คุณเป็นอะไรหรอ ?
[Olin] – ขอโทษที เครื่องมันรวนนิดหน่อย 
[Erend] –  Olin นายกำลังตีสนิทกับชาวบ้านที่นี่หรอเนี้ย  
[Olin] – เอ่อ ... ชั้นต้องขอตัวก่อนนะ 
[Aloy] – เดี๋ยวสิคะ เรายัง...
[Olin] – ไม่ๆ ! ไว้เราค่อยคุยกันวันหลัง ผมต้องไปก่อนนะ
[Erend] –   โว้ ! ผมเดาว่าเขากำลังเมาค้างแน่ๆเลย ฮ่าๆ



 [Erend] –  เออนี่คุณครับ ไอ้เจ้าเครื่องประดับของคุณมันเหมือนกับที่ Olin เขาสวมใส่อยู่เลย แถวนี้กำลังเป็นแฟชั่นมาแรงหรอครับ?
[Aloy] – เขาชื่อ Olin หรอคะ เขาเป็นใครหรอทำไมเขาถึงมีเครื่องนั่นได้ละ?
[Erend] – พวกขี้ขโมยจากที่ราบสูงน่ะ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการขุดหาของโบราณตามสถานที่ต่างๆ ที่เหลือถ้าไม่เมาก็เล่นการพนันไปเรื่อย ส่วนเรื่องไอ้เจ้าเครื่องประดับนั่นผมคิดว่าเขาคงไปขุดเจอจากที่ไหนซักแห่งนั่นแหละ   ผมว่ามันดูตลกมากที่เครื่องประดับนั่นจะไปอยู่บนหน้าเขา ไม่ได้ว่านะ แต่มันดูดีกว่าเวลาคุณสวมใส่มันน่ะ  
[Aloy] – แล้คุณรู้อะไรเกี่ยวกับ Olin อีกค่ะ? 
[Erend] – เจ้าหมอนั่นมันดูน่าสนใจมากนักรึไง? ผมขักเริ่มอิจฉาซะแล้วสิ ก็นะ มันก็แค่คนที่ชอบไปขุดหาของเก่าตามป่าหรือโบราณสถาณแล้วก็เอามาขายให้พวกขุนนางน่ะ เอาเป็นว่าถ้าเขาไม่ได้เป็นพวกหัวขโมย เขาก็เป็นนักแกะรอยชั้นเยี่ยมเลยละ เขามีความสามารถในการนำทางสำรวจตามที่ต่างๆมากๆ ผมเพิ่งมารู้จักเขาเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เมื่อก่อนเขาเป็นเพื่อนที่สื่อสัตย์มาก รักครอบครัว  ผมชอบเขานะ นอกจากที่เขาเป็นคนที่ดื่มหนักมากนี่แหละ นอกนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกัเขาแล้ว 

[Aloy] – (Quite a Speech) ชั้นนึกว่าพวกคุณจะโดดชาวบ้านปาผลไม้ใส่จนตายซะแล้ว แต่คุณก็เก่งมากที่สามารถพูดให้ชาวบ้านสงบลงได้ 
[Erend] – ขอบคุณครับ ผมก็ไม่คิดว่าจะทำได้หรอกเพราะพวก Nora เกลียดเผ่า Carja มากก็เพราะ Red Raids แต่ก็จะไปโทษพวกเขาไม่ได้หรอกนะ 
[Aloy] –  ชั้นไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ Red Raids มาก่อนเลย มันคืออะไรหรอคะ?
[Erend] –  เผ่าของคุณก็เข้าร่วมสงครามในครั้งนั้นนี่ ทำไมถึงไม่รู้จักละ? คุณหนีจากการต่อสู้หรือว่าจำเป็นต้องไปปกป้องครอบครัวหรอ? 
[Aloy] –  เกิดมาชั้นก็เป็นพวกนอกรีตแล้ว เป็นคนที่ถูกรังเกียจจากคนในเผ่าน่ะ 
[Erend] –  โอ้ อืมม ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันนะที่ Nora มีประเพณีแบบนั้น เป็นเรื่องที่ทารุณมาก ถ้าถามผมนะ  แต่แม้แต่พวกนอกรีตก็น่าจะรู้จักความบ้าคลั่งของพวกเครื่องจักรใช่มั๊ยละ? ทำไมพวกมันถึงเป็นศัตรูกับเรามาตลอดหลายๆปี แต่สำหรับไอ้ราชา Sun King บ้านั่นกลับพยายามจะควบคุมเครื่องจักรพวกนั้นโดยการออกโจมตีหมู่บ้านของเผ่าต่างๆเพื่อจับคนมากมายมาบูชายันต์เทพเจ้า Sun God ของมัน เป็นเดือน เป็นปี แต่ก็ไม่สำเร็จตามที่มันหวังเอาไว้ มีผู้คนมากมายต้องตาย เผ่าของเธอก็ด้วย น้องสาวของผมก็เหมือนกัน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเพราะเธอไม่กลับมาอีกเลย 

[Aloy] – (Your sister)  น้องสาวของคุณก็ถูกจับไปบูชายันต์ด้วยหรอ? น่ากลัวมากๆเลย  
[Erend] –  ฮ่าๆ ถูกจับไปน่ะใช่แต่ถูกบูชายันต์มั๊ยนะหรอ ไม่มีทางหรอก ต้องคนพวก Carja มาเป็นกองทัพละมั้งถึงจะจัดการ Ersa น้องผมลง เธอหนีรอดมาได้น่ะ แล้วตอนนี้เธอเองก็มาเป็นกัปตันในหน่วยทหารของผมด้วย หน่วย Vanguard ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Sun King ที่ 14 โดยตรง
[Aloy] –  แล้วเธอรอดมาได้ยังไงล่ะ?
[Erend] –   โอโห้ เรื่องมันยาวเลยละ ต้องใช้เวลาเป็นวันเลยมั้งถึงจะเล่าจบ ไม่แน่วันหลังเราอาจจะไปหาอะไรดื่มกันบ้างหรือไม่ก็หาโอกาสไปที่ Meridian เพื่อเจอกับน้องสาวชั้นเองเลย ผมว่าคุณกับน้องสาวผมนี่เหมือนกันหลายอย่างนะ เป็นพวกที่ค่อนข้างจะ ตรงไปตรงมา 

[Aloy] –   (How did the raids end?) แล้วทำยังไงให้โจมตีเผ่าต่างๆจะจบลงได้อ่ะ ?
[Erend] – ก็จบลูกชายของไอ้ราชา Sun King บ้านั่นร่วมมือกับพวกกบฏของ Carja และกลุ่มทหารรับจ้าง Oseram Freebooters จากเผ่า Oseram ของผม เมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันเราก็สามารถโค่นราชา Sun King ลงได้และยึด Meridian เอาไว้ได้ในที่สุด และเมื่อลูกชายของเขาขึ้นมาครองบัลลังก ราชา Sun king ที่ 14 ก็ปรับปรุงทุกอย่างให้ดีขึ้นไม่มีการบูชายันต์และจับใครมาเป็นทาสอีกต่อไป กองทหารรับจ้าง Oseram Freebooters ของผมก็เปลี่ยนสภาพมาเป็นหน่วย Vanguard เพื่อถวายตัวรับใช้ราชา Sun King ที่ 14 ตั้งแต่นั้นมา  ตอนนี้ทุกเผ่าสามารถเดินทางมาที่ Meridian ได้แล้ว เธอเองก็น่าจะแวะไปเที่ยวบ้างนะ



[Aloy] –    (Derangement) ที่คุณพูดถึงความวิกลจริตของเครื่องจักร(Derangement of Machine) ที่ดูเหมือนพวกมันจะดุร้ายขึ้นทุกปีหรอ?
[Erend] – ใช่ ผมคงไม่ต้องบอกคุณใช่มั๊ยว่ามันเป็นยังไง 
[Aloy] –  ชั้นเพิ่งเคยได้ยินทฤษีนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละค่ะ
[Erend] – อ้าวหรอ โทษทีแล้วกัน ผมนึกว่าทุกคนจะรู้หมดแล้ว คือที่ผมได้ยินมา เมื่อ 15 – 20 ปีทีแล้วพวกมันไม่ได้เหมือนตอนนี้ ทุกครั้งที่เราล่ามันอย่างมากมันก็หนี ที่ผ่านมาที่เราไม่จัดการพวกมันไม่ใช่เพราะอันตรายแต่เพราะพวกมันฆ่าตายยากมาก เราเลยเลือกที่จะเดินให้พ้นทางจากมันมากกว่า พอทฤษีความวิกลจริตของเครื่องจักรเริ่มขึ้นมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ตอนนี้อย่าว่าแต่เราไปยิงมันก่อนเลย พวกมันโจมตีเราทุกครั้งที่เห็นเลยด้วยซ้ำ นั่นยังไม่แย่เท่ากับมันมีตัวใหม่ๆพันธ์ใหม่ที่ดุร้ายกว่า ขนาดใหญ่กว่า และมีเกราะที่มีความทนทานมากขึ้นกว่าเดิม
[Aloy] –   แบบ Sawtooth น่ะหรอ?
[Erend] – ถ้าเมื่อ 10 ปีทีแล้วล่ะใช่ แต่หลายปีมากขึ้นทุกอย่างก็จะแย่ลงอีก มันจะมีตัวที่ร้ายกว่านี้เพิ่มขึ้นอีกแน่นอนเชื่อผมสิ 
[Aloy] –   แล้วมันเกิดขึ้นจากอะไรหรอค่ะ?
[Erend] – ใครจะรู้ละ พวกเครื่องจักรมันก็ไม่เคยบอกด้วยสิ 

[Aloy] –   (The Carja) ก็ในเมื่อ Carja เป็นเผ่าที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายทำไมคุณถึงยอมรับใช้พวกนั้นละ?
[Erend] – ก็นั่นมันเป็นเพราะที่ผ่านมา Carja ได้กษัตริย์ที่เป็นทรราช แต่ราชาองค์ใหม่นั้นรักสันติ ไม่ได้โหดเหี้ยมอะไรเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เอาจริงๆแล้ว Carja ไม่ใช่เผ่านักรบเลยนะแต่พวกเขาเป็นนักพัฒนา เป็นนักก่อสร้างที่สร้างนู่นนี่นั่นได้ดีมากๆ  

[Aloy] –   (Meridian)  แล้ว Meridian  ละเป็นยังไงบ้าง? 
[Erend] – อืมม จะเริ่มยังไงดีละ คนของเผ่าผมส่วนใหญ่มีฝีมือด้านตีเหล็ก เป็นนักคิดที่ดีที่สุดในโลก แต่เวลาที่ต้องสร้างอะไรขึ้นมาซักอย่างก็จะทำออกมาได้ดีมากๆ แล้วยิ่งที่ Carja ก็มีทรัพยกรมากมายให้เราได้สร้างอย่างหนำใจ เมืองที่ทะยานสูงขึ้นไปบนยอดเขา สะพานมากมายกว่าถนนที่ Nora มากมายนัก ข้ามภูเขาไปจะเห็นยอดแหลมขนาดใหญ่เหมือนกับดาบที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสะท้อนแสงอาทิตย์ให้สาดส่องลงมาเป็นภาพที่สวยงามนัก คุณจะไม่ลองไปเห็นด้วยตาตัวเองซักครั้งหรอ? ลองคิดดูนะ ถือว่าเป็นคำเชิญของผมก็แล้วกัน

[Aloy] –   (I Should go to the Blessing) ชั้นต้องขอตัวไปเตรียมตัวเข้าพิธีก่อนนะ 
[Erend] – อืมม ครับ เออฟังนะ บางทีผมก็ไม่ควรจะพูดแบบนี้ แต่ ผมก็แค่อยากบอกตรงๆว่า คุณดูฉลาด แบบ ผมไม่รู้จะพูดยังไง ดูคุณซิ ! ถ้าคุณได้ไปที่ Meridian ตามหาผมนะ ผมจะพานำเที่ยวเองหรือถ้าอยากจะมีชีวิตใหม่อยู่ที่นั่นก็ได้เลยนะถ้าคุณต้องการ เอาละผมคงต้องไปแล้วละ ผมก็ต้องไปเตรียมตัวเข้าร่วมพิธีนั่นเหมือนกัน เราคงได้เจอกันอีกนะ ใช่มั๊ย?  



-จากนั้นเดินไปที่เป้าหมายของภารกิจที่อีกฝากของหมู่บ้านเพื่อเริ่มทำพิธีสู่ขวัญก่อนเข้าทำพิธีคัดเลือก




[Teersa] – Aloy เข้าไปประจำที่ของเธอตรงนั้นเลย ชั้นเตรียมโคมอธิษฐานให้เธอเรียบร้อยแล้ว
[Jezza] – เหล่าผู้แสวงหา ก่อนที่จะปล่อยโคมไฟเพื่อถวายสักการะพระเกรียติของพระมารดร จงส่งใจไปให้ใครก็ตามที่เธอเคารพและให้เกรียติเพื่อใส่เข้าไปในดวงไฟพร้อมๆกัน 




                 ** ตรงนี้เลือกได้ว่าจะเอ่ยถึงใคร Rost , แม่ของ Aloy ?? หรือ ตัวเอง ** 





[Aloy] – ด้วยเกรียติแห่ง Rost และทุกความช่วยเหลือที่เขาช่วยนำพาชั้นมาจนถึงที่นี่ได้




                                       สรรพมารดรได้ยินเสียงวิงวอนจากพวกเจ้า .. 
                  แม้เจ้าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หวังของแม่นั้นอยากให้เจ้าได้โบยบิน




                     จงเติมใหญ่เสมือนไฟที่ลอยไหม้สู่บรรยากาศอย่างอิสระดุจสายลม
                





                                     ลอยไปให้สุดแรงแม้ต้องอ่อนแรงจนร่วงหล่น 


                       จากคนนึงถึงอีกคนผ่านห่วงโซ่แห่งความรักของผู้คนที่สื่อถึงกัน




หลังจากเสร็จพิธีแล้วจะมี Objective หรือเป้าหมายที่ต้องทำเพิ่มมาใหม่ 2 อันคือ
- [Main] เข้าไปในกระท่อมของพวกฮันเตอร์เพื่อพักผ่อนรอเข้พิธีคิดเลือก
- [Optional] คุยกับ Olin 




เลือกเข้าไปคุยกับ Olin ก่อนจะเข้าไปในกระท่อมที่พักโดย Olin จะยืนอยู่ตรงริมทางเดินด้านขวาใกล้ๆกับจุดที่ปล่อยโคม




[Aloy] – หวัดดี Olin 
[Olin] – เธอรู้จักชื่อชั้นด้วยหรอ? อ่อ เดาว่า Erend คงบอกเธอสินะ
[Aloy] – ทำไมคุณถึงทำท่าทางแปลกตอนที่เราคุยกันเมื่อกี้ละคะ?
[Olin] – คงเป็นเพราะงานฉลองนี่แหละ ชั้นไม่ค่อยชอบอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆซะด้วยซิ บางทีชั้นควรหลบเข้าไปข้างในได้ซะทีแล้ว
[Aloy] – หยุดเบี่ยงประเด็นแล้วตอบคำถามชั้นมาดีๆเถอะ !
 [Olin] – ก็ได้ๆ ใจเย็นน่าชั้นไม่มีอะไรต้องปิดบังหรอกน่า

[Aloy] – (Where did you find Your Focus) ชั้นไม่เคยเห็นใครสวมใส่อุปการณ์ Focus นอกจากชั้นมาก่อนเลย คุณไปเก็บมันมาเจอไหนหรอ?
[Olin] – ชั้นเก็บได้ในโบราณสถานทางเหนือของ The Claim นั่นเป็นชื่อเรียกตามภาษาของ Oseram ด้านบนนั่นมีพื้นที่ที่เป็นเหล็กขนาดใหญ่ทอดยาวไปไกลจนกลบพื้นดินไปถึงครึ่งเลย ถ้ำที่ข้าเจอของเป็นถ้ำที่หลังเหลือจากยุคเก่ามันซ่อนอยู่ด้านในภูเขาและยากที่จะมองเห็นถ้าหากไม่ได้ปีนขึ้นไปดูด้วยตัวเอง ทำไมพูดถึงแล้วต้องทำตาโตแบบนั้นละ?
[Aloy] – ชั้นก็เจอเครื่อง Focus ของชั้นที่ถ้ำเหมือนกับคุณ ที่โบราณสถานแห่งยุคโบราณ (Ruin of The Old One ) 
[Olin] – ถ้าเธอศึกษามันให้ดีด้วยตัวเองเธอก็จะรู้เหมือนกับที่ชั้นรู้ ลองไปดูที่นั่นแล้วสำรวจมันดีๆเธอจะได้รับคำตอบได้ดีกว่าถามชั้นนะ

[Aloy] – (your focus Malfunctioned) ตอนที่เราคุยกันก่อนหน้านี้เหมือนคุณจะแสดงอาการเจ็บขึ้นมา ตกลงเครื่อง Focus ของคุณมันเสียหรือคุณพบอะไรบางอย่างกันแน่?
[Olin] – มันไม่ได้แสดงให้ชั้นเห็นอะไรทั้งแหละ ก็บอกแล้วไงว่าเครื่องมันเสีย มันก็เป็นอยู่ตลอดแหละ

[Aloy] – (Never happened to me) ทำไมของชั้นใช้มาตั้งแต่เด็กเลยทำไมไม่เห็นเสีย
[Olin] – เครื่องของเธอเหมือนจะรูปร่างดีกว่านะ ชั้นมั่นใจเลยว่าดินแดนแห่งนี้จะต้องเต็มไปด้วยของโบราณแบบนี้เต็มไปหมดแน่นอน แล้วคนของ Nora อย่างเธอถึงกล้าลงไปที่นั่นละ ไม่กลัวคำสาปอะไรตามความเชื่อของเผ่าเธอหรอ?
[Aloy] – เพราะชั้นไม่ได้คิดว่ามันมีคำสาปเหมือนคนในเผ่าคิดแค่ชั้นไม่เคยพูดออกมาเท่านั้นแหละ 
[Olin] – ถ้า Nora มองเทคโนโลยีว่าเป็นคำสาปชั้นก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะ



[Aloy] – (Who are you) แล้วทำไมคุณถึงมาที่ดินแดนของ Nora ละ Olin?
[Olin] – Erend ต้องการให้ช่วยนำทางในการเดินทางของเขา อีกอย่างก็เพื่อดูแลคณะเดินทางตอนที่ Erend เขาดื่มด้วย คงต้องมีใครซักคนคอยดูแลนักบวชไม่ให้หลงทางตอนเขาเมาอ่ะนะ หลังจากเสร็จเรื่องที่นี่แล้วชั้นก็จะกลับไปสำรวจโบราณสถานเพื่อจะได้ค้นหาวัตถุดิบใหม่ๆเอาไปขายต่อ
[Aloy] – ถ้างั้น..ตกลงว่าคุณเป็นนักสำรวจงั้นหรอ?
[Olin] – ก็แค่คนต่างถิ่นคนนึงเท่านั้นแหละนังหนู ก็ถ้ายังมีคนต้องการสิ่งของต่างๆที่เขาอยากได้ ชั้นก็พร้อมจะให้บริการไปหามาขายให้ ก็เท่านั้นแหละ 
[Aloy] – ชั้นไม่เข้าใจอ่ะ เราต่างก็มีอุปกรณ์นี้เหมือนกัน แต่คุณเห็นว่าชั้นก็มีแต่กลับไม่เอะใจที่จะเข้ามาถามชั้นเลยละ? 
[Olin] – ชั้นมีเพื่อนเยอะแล้วนังหนู ไม่อยากได้เพิ่มให้วุ่นวายแล้ว
[Aloy] – ชั้นเคยถูกไล่ออกจากเผ่า แต่ชั้นคิดว่าคุณคงแตกต่างจากชั้น 
[Olin] –  อย่าว่างู้นงี้เลยนะ ชั้นก็ไม่ได้ดีอะไรถึงขนาดนั้นหรอก อย่ามัวแต่คิดมาก เธอควรพยายามทำให้ตัวเองสนุกในคืนนี้ให้มากๆจะดีกว่า พรุ่งนี้เธอมีงานใหญ่ที่ต้องทำ จงใช้เวลาในทุกๆวันอย่างมีค่าที่สุดนะ 


-จากนั้นเดินเข้าไปที่กระท่อมที่พักใกล้ๆจุดกองไฟเซฟเพื่อพักรอวันทำพิธีพรุ่งนี้ได้เลย



[Resh] – ลูกไม่มีแม่ !
[Aloy] – ว่าไงนะ !?
[Resh] – ไปหาเตียงนอนซะยัยนอกรีต แล้วก็หลับฝันหวานว่าจะได้ชนะการทดสอบต่อไปนะ นั่นแหละคือสิ่งที่คนอย่างแกพอจะทำได้


[Aloy] – โอ้ ที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศหรอเนี่ย? แล้วนายก็เป็นยามสินะ สภาพแบบนี้ชั้นนึกว่าเป็นห้องน้ำซะอีก
[Resh] – แก แก บังอาจมาล้อเลียนข้าเรอะ !


                                                      ----- ปัง !!  ----------------- 



[Bast] – แหม่ๆ ดูสิ ใครกันนะเพิ่งออกมาจากป่า ยัยนอกรีต ลูกไม่มีแม่ นี่เอง ชั้นจำแกได้เพราะแผลเป็นที่ชั้นขว้างก้อนหินใส่ไง มันเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่ลืมไม่ลงเลยใช่ป่ะ  


[Vala] –  บางครั้งนายมันก็คือโม้ไปหน่อยนะ Bast เงียบปากไปได้แล้ว !
[Bast] – โอ้ ดูสิ เธอพยายามจะแต่งตัวให้เหมือนชาว Nora จริงๆด้วยวะ มันหลอกใครไม่ได้หรอกนะ
[Aloy] – ก็แล้วมันไปหนักอะไรกันนายด้วยละ?
[Bast] – มันหนักหัวทุกคนของที่นี่หมดแหละยัยนอกรีต ! เธอนะมันอยู่ในป่ามาตลอดไม่ใช่คนของ Mother Heart เธอไม่ควรมาเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบด้วยซ้ำ

** Aloy สามารถเลือกโต้ตอบได้ 3 ข้อคือ **
- I’m going to win = ชั้นจะชนะให้ดู
- I Pity you = ชั้นสมเพชนายจริงๆ
- You’re afraid = นายกลัวจะแพ้ใช่มั๊ยละ? 


[Aloy] – (You’re afraid)  นายรู้สึกแบบนี้ก็เพราะนายกำลังจะแพ้ใข่มั๊ยละ?
[Bast] – ฮ่าๆ ชั้นนะฝึกมาทั้งชีวิตเพื่องานนี้ ชั้นไม่กลัวเธอหรอกเว้ย ชั้นไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ!
[Aloy] – จริงหรอ? ส่วนใหญ่คนที่มีความมั่นใจเขาจะเงียบขรึมนะแต่นายไม่ใช่อ่ะ
[Bast] – รู้มั๊ย ชั้นคิดถึงตอนที่ทำให้เธอมีแผลเป็นอยู่ตลอดเลยเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆ ฮ่าๆ
[Aloy] – แต่ชั้นจำอะไรได้รู้มั๊ย? วันนั้น ชั้นจำได้แต่หน้าตาของเด็กๆคนอื่นที่มองนายเหมือนสัตว์ร้ายมากกว่า แต่ชั้นเดาว่านายคงแกล้งทำลืมที่จะเล่าทุกครั้งที่พูดถึงมันมากกว่า จริงปะ?
[Bast] – ชั้นทำให้แกเป็นแผลในวันนั้นก็เพื่อทำให้มันเป็นการตีตราให้เป็นเครื่องหมายของความอัปยศของแกมาจนถึงวันนี้ไงละ
[Aloy] – อ่อ แต่ที่นายทำในวันนั้นทำให้ชั้นแข็งแกร่งขึ้นในวันนี้ รอหน่อยนะ วันพรุ่งนี้จะแสดงให้ดู้ป็นขวัญตา
[Bast] – อ๋อหรอ ? น่าเบื่อวะ ! นอนดีกว่า เธอต่างหากยัยนอกรีตที่จะได้เจอเรื่องเซอร์ไพรส์ในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่ชั้น !
[Aloy] – โอ้ นี่ถึงเวลาที่นายจะหุบปากแล้วหรอ? นี่แหละที่ชั้นอยากให้มันเป็นเซอร์ไพรส์


หลังจากคุยกับ Bast จบก่อนเข้านอนอย่าลืมคุยกับ Vala ที่เป็น [Optional] ของภารกิจก่อนด้วย



[Vala] – ว้าว เธอจัดการ Bast ซะอยู่หมัดเลย นั่นจะทำให้มันเงียบปากไปจนถึงพรุ่งนี้เลยละ
[Aloy] – ชั้นว่าเราเพิ่งเคยเจอกันแน่เลย ชั้นชื่อ Aloy นะ
[Vala] – ชั้นรู้แล้วน่าว่าเธอเป็นใคร ผู้เข้าร่วมทดสอบที่ต้องการชนะการแข่งขันมากกว่าใครเลยใช่มั๊ยละ แต่ก่อนที่เธอจะชนะก็คงต้องคว่ำ Bast หรือชั้น Vala ให้ได้ก่อนนะจ๊ะ 
[Aloy] – ยินดีที่ได้รู้จักนะ Vala เธอพูดถูก พรุ่งนี้ชั้นจะต้องชนะให้ได้เลยคอยดู
[Vala] – “อย่าเพิ่งฉลองชัยจนกว่าจะได้ชัยมา” สาวน้อย แม่ชั้นสอนไว้  เอาละ ถ้าไม่ว่าอะไรก็ต้องขอตัวนอนก่อนนะ ชั้นจะเก็บแรงไว้เอาชนะเธอพรุ่งนี้อ่ะนะ 
[Aloy] – ฮ่าๆ



[Vala] –  วันแรกที่ Mother’s Heart เธอคิดว่าไงละ? เธอนอนไม่หลับเพราะไม่เคยนอนเตียงนุ่มๆของ Nora มาก่อนใช่ปะละ เป็นไงบ้าง?

** Aloy สามารถเลือกโต้ตอบได้ 3 ข้อคือ **
- Not Bad = ก็ไม่เลวนะ
- Hate it = โคตรเกลียดอ่ะ
- Too Soft = มันนิ่มเกินไป

[Aloy] – (Not Bad) ก็น่าประทับใจดีอ่ะนะ
[Vala] – อุ่นดีใช่มั๊ยละ? ยอมรับเหอะน่า
[Aloy] – นั่นละปัญหาละ
[Vala] – ชั้นคิดว่าเธอคงได้ที่เหมาะๆของเธอแล้ว ชั้นคงต้องนอนก่อนนะ

         

                                  Main Quest: THE PROVING






เช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าผู้แสวงหาความกล้า มุ่งหน้าเข้าท้าทาย 
ชายหญิงชิงปีนป่ายคล้ายจะแย่งชิง เพื่อพิสูจน์ถึงบางสิ่งที่มองไม่เห็นจริงด้วยสายตา
นั่นคือความหมายของคำว่า “ผู้กล้า” ที่จะเปลี่ยนความไร้เดียงสาสู่นักล่าที่แท้จริง







โจทย์แรกของการทดสอบ Resh ที่ยืนรออยู่ตรงพื้นที่ทดสอบจึงบอกให้เหล่าผู้แสวงหาไล่ล่าหัวของ Grazer มาให้ได้ 1 หัว



 พยายามจัดการ Grazer ที่เป็นสัตว์จักรกลที่มีลักษณะคล้ายกวางที่อยู่ร่วมกันเป็นฝูงและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วกับใช้การพุ่งชนในการโจมตี จัดการตัวไหนก็ได้แล้วเข้าไปสำรวจซากเก็บชิ้นส่วนที่เป็น Proving Trophy หรือสิ่งที่สามารถทำให้ได้เข้ารอบการทดสอบต่อไป


แต่ทันทีที่ Aloy ได้โทรฟี่มาครอบครองพร้อมโชว์ด้วยความภาคภูมิใจ แต่ความริษยาของ Bast ก็ไม่จบลงง่ายๆ มันจึงยิงธนูเข้าใส่จนโทรฟี่ของ Aloy หลุดจากมือในทันใด เข้าทางกรรมการลำเอียงอย่าง Resh ที่สั่งให้ Aloy ไปเก็บโทรฟี่มาใหม่อีกอันทันที


รอจน Grazer ฝูงใหม่เข้ามาก็พยายามจัดการมันให้ได้ (ตรงนี้ถ้ายังไม่เก็บโทรฟี่มาจากซากมันก็จะสามารถจัดการ Grazer เพื่อเก็บค่า Exp ได้เรื่อยๆด้วยนะ)  เมื่อจัดการ Grazer จนพอใจ ก็เก็บโทรฟี่แล้วรีบเข้าไปที่จุดทดสอบต่อไปได้เลย




[เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการทดสอบ] – มาคนสุดท้ายเลยนะ สาวน้อย เขาไปกันหมดแล้ว เดินกลับตอนนี้คงจะดีกว่านะ 




ยังไง Bast ก็คงชนะไปแล้วไม่ก็ Vala หรือเธอจะลองดูก็ได้นะ แต่คงจะนานหน่อยกว่าเธอจะถึงเส้นชัย ...ไม่ต้องไปมองทางนั้นหรอก นั่นเส้นทางเก่า เคยมีคนที่เข้าทดสอบตายไปแล้ว 2 มันอันตรายเกินไป 



….. วะ โว้ๆๆๆๆ แม่เจ้า !!! เธอบ้าไปแล้วหรอ !! อยากตายนักรึไง ห๊า !!! แล้วมันก็ไม่ได้ไปได้ง่ายๆหรอกนะทางนั้นนะ กลับมา !!

จากนั้นวิ่งปีนป่ายไปตามทาง Aloy ยอมเสี่ยงที่จะวิ่งไปตามเส้นทางที่อันตรายเพราะกลัวว่าจะไล่ตามทุกคนที่นำไปก่อนไม่ทัน

        
 



จนถึงสุดทาง Aloy ก็สามารถมาดักหน้าทุกคนที่วิ่งก่อนหน้ามาได้สำเร็จ  ที่เหลือไว้มีแค่รีบไปเข้าเส้นชัยเอาโทรฟี่ไปวางแสดงไว้ให้ทันเวลาเท่านั้นเอง


[Bast] – ไม่จริง หลอนจะชนะได้ไง! ยัยนอกรีตมันขี้โกง !!
[เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการทดสอบ] – คนนอกรีตหรอ? ผ่านการทดสอบ? …. ไม่มีวัน !!




[เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการทดสอบ] – เพราะเธอคนนี้ได้เป็น ผู้กล้า แล้วตอนนี้ !

          


[Vala] – เธอทำได้แล้ว Aloy !! 
[เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลการทดสอบ] – และเธอเป็นมานับตั่งแต่เอาโทรฟี่มาวางที่แท่นบูชาแล้ว Aloy ครั้งนึงเธอคือคนนอกรีต แต่บัดนี้เธอเป็น ผู้กล้า คนแรกในหมู่พวกเธอ .......... อ๊ากกกกก !!!



[Aloy] – ห๊า !!!
[Vala] – หลบเร็ว  Aloy !!

  



              [หัวหน้าลัทธิ] – สอยพวกมันให้ร่วงไปทีละคนจนกว่าพวกที่เหลือจะมาถึง 





[Vala] –  เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว !! นั่นไง ตรงนั้น ทางออก แต่เราต้องระวังธนูไฟของมันด้วย 
[Aloy] – แต่ถ้ามันตายมันก็ยิงเราไม่ได้ ! ล่อพวกมันไว้ ชั้นจะหาที่เหมาะๆจัดการพวกมันเอง !
[Vala] –   Bast !! นายเอาด้วยมั๊ย !!??
[Bast] – เอาสิ ลุยด้วย !!
[Vala] –  ไปเลย Aloy !!


จัดการพวกศัตรูที่ยิงธนูมาจากเนินเขาให้หมดทุกตัว สำหรับบางตัวที่ตกลงมาข้างล่างอย่าลืมเข้าไปเก็บไอเทมจากตัวพวกมันด้วยเพราะมีไอเทมดีๆเยอะอยู่

[Vala] –  เอาละ ทุกคนวิ่งที่ไปตรงเชือกโรยตัว เร็ว !!
[หัวหน้าลัทธิ] – ฆ่ามันให้หมด ไม่มีพยาน ไม่มีเชลย ไม่มีผู้รอดชีวิต !!
[Bast] – พวกมันมากันอีกแล้ว เพียบเลย มันมีกี่คนกันแน่วะ !!
[Vala] –  เพื่อสรรพมาดร ลุย !!

-จัดการพวกศัตรูที่ออกมาละลอก 2 ให้หมดทั้งที่ยิงมาจากบนเนินเขาและศัตรูที่บุกเข้ามาจากทางพื้นล่างด้วย

[Vala] –  ตอนนี้เลย รีบหนี โดดลงไปในขณะที่เรายังมีโอกาส เร็ว !! …. อ๊ากกกกก !!



[Bast] – Vala ไม่นะ !!!!!
[หัวหน้าลัทธิ] – ฆ่านังผมแดงให้ได้ ทุกคนลุยต่อ !!!


ในขณะที่ทุกคนกำลังถูกศัตรูที่ไม่รู้ที่มาบุกโจมตีเข้ามาโดยยังไม่มีใครตั้งตัว แม้ Aloy จะลุยเข้าไปจัดการศัตรูที่บุกเข้ามาจนทำให้ชาว Nora พยายามหนีเอาชีวิตรอดไปได้บางส่วน แต่ศัตรูก็ยังบุกเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย


จนเมื่อพวกศัตรูไปขวางอาวุธรูปทรงประหลาดที่สามารถยิงลูกเหล็กออกมานับสิบนับร้อยในเวลาเพียงไม่กี่นาที จนทำให้ Vala ที่กำลังหลบในที่กำบังอันน้อยนิดต้องถูกยิงจนนอนกลิ้งลงไปพร้อมๆกับ Bast ที่พยายามที่จะวิ่งเข้าไปช่วยโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง จนทำให้ Aloy ต้องลุยออกไปสู้กับศัตรูที่เหลือพร้อมหัวหน้าของพวกมันที่ถือปืนกลโดยไม่หวั่นทันที ..!!



ศัตรูตัวที่มาพร้อมปืนกลนั้นค่อนข้างจะอึด พยายามจัดการพวกลูกน้องที่ถือกระบองไฟฟ้าให้หมดก่อนแล้วค่อยเข้าไปจัดการกับมัน โดยหลบอ้อมก้อนหินไปยิงมันจากด้านหลังวนไป ใช้ธนูหนักไว้ส่วนธนูไฟนั้นไม่ระคายเคืองมันเท่าไหร่ หลังจากจัดการมันได้ก็เอาปืนกลมันมาใช้แล้วยิงกำจัดศัตรูที่เหลือให้หมด






ทันทีที่จัดการศัตรูที่ใช้ปืนกลได้ Aloy เข้าไปสำรวจศพของมันใกล้ก็พบว่าพวกมันใช้อุปกรณ์ Focus ที่รูปร่างคล้ายเหมือนกับว่าเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน


 



 แต่ยังไม่ทันนึกออกงานทมึนขนาดใหญ่ของเจ้าหัวหน้าศัตรูที่ยังเป็นปริศนาก็ปรากฏตัวออกมาก่อนที่มันจะเข้ามาประชิดตัวโดย Aloy ไม่ทันตั้งตัว แล้วจับบีบคอยกลากไปที่หน้าผาทันที



     

              [??????] – ข้าจะเปลี่ยนหน้าเจ้าให้กลายเป็นพระอาทิตย์ นังหนูน้อย !

 หัวหน้าร่างยักษ์จับ Aloy ยกไปที่หน้าผาก่อนจะชักมีดออกมาหมายจะทำหน้าของ Aloy นั้นไม่เหมือนเดิม แต่ก่อนที่มีดจะถึงหน้าทำให้ Aloy เสียโฉม



 Rost ก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมยิงธนูมาขัดขวางไว้  Rost บุกเข้ามาสู้โรมรันจน ศัตรูปริศนาต้องทิ้งร่างของ Aloy แล้วหันไปต่อสู้กับ Rost ทันที ทั้งคู่พลัดกันรุกกันรับอยู่หลายนาที





 ก่อนที่ Rost จะเสียทีถูกบดขยี้ด้วยแรงที่ศัตรูมากมี มีดเสียบท้องเข้าเต็มที่ ทำเอา Rost ร่วงลงพื้นในทันที มันเป็นภาพสุดท้ายในการมองเห็นด้วยตาที่ริบหรี่ก่อนที่จะสลบไป ...




[??????] –  เผาให้หมด !
[นักรบ] – รับทราบครับนายท่าน 




ในขณะที่ศัตรูเริ่มปล่อยน้ำมันให้หลั่งไหลเพื่อเตรียมจุดไฟเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ Rost จึงใช้แรงสุดท้ายพยายามดันร่างกายลุกขึ้นไปหา Aloy 




                                          [Rost ] –  จงอยู่รอดนะ 

ภายใต้เวลาที่มีจำกัด Rost จำเป็นต้องผลักร่างของ Aloy ที่ยังไม่ได้สติด้วยแรงที่ยังพอมี ก่อนที่ระเบิดจะส่งแรงบดขยี้ 





ร่างของ Rost จนแหลกสลายไป เหลือทิ้งไว้แค่สั่งเสียสุดท้ายว่า จงอยู่รอด ต่อไป เป็นสิ่งสุดท้ายที่ Aloy เห็นก่อนกระเด็นตกหน้าผาไป 



                 

                     Main Quest: THE WOMB OF THE MOUTAIN






[Teersa] – เธอกำลังจะตาย 
[Lansra] – การนำเธอเข้ามาที่นี่เป็นการดูหมิ่นพระเจ้านะ !
[Teersa] – เธอจะต้องเข้าอยู่ใกล้ๆแม่ของเธอ





[Aloy] –  ม่ายยยยยยยยยยย !!! ……… โธ่ Rost …  ไม่ ไม่ๆๆ ชั้นต้องออกไปจากที่นี่  Focus ชั้นต้องการ Focus ของชั้น ! … 

เมื่อรู้สึกตัวแล้ว เดินเข้าไปด้านในเพื่อตามหาเครื่อง Focus ที่หายไปจนถึงระหว่างทาง Aloy ก็จะสังเกตุเห็นเสื้อผ้าของเธอถูกกองอยู่


[Aloy] –  นั่นเสื้อผ้าชั้นนี่ เยี่ยมเลย แต่ไหน Focus ของชั้นละ ?  นั่นไง ! เจอและ ไหนดูสิ เดี๋ยวนะ นี่ชั้นอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์งั้นหรอเนี้ย? แต่ มันมีแต่องค์คณะของแม่เฒ่าสูงสุดเท่านั้นไม่ใช่หรอที่สามารถเข้ามาได้ไม่ใช่หรอ?  แต่ไม่เห็นอาวุธกับ Focus ที่เสียหายของพวกศัตรูที่เก็บมาด้วย แล้ว ...ไอ้ฆาตกรนั่น พวกมันไปไหนแล้ว ??

จากนั้นเดินเข้าไปด้านในต่อตามทางที่ประตูสามารถเปิดได้ไปจนถึงทางแยก เข้าไปที่ทางแคบฝั่งขวาจะมีมุดเข้าไปเก็บ Power Cell อันที่ 2 มาได้




แล้วค่อยเดินเข้าไปตามทางของแยกซ้ายจนถึงห้องทำพิธีที่เต็มไปด้วยเทียนมากมายก็จะพบอาวุธทั้งหมดรวมทั้ง Focus ที่เก็บมาจากพวกศัตรูด้วย



[Aloy] –   นั่นไงละ อาวุธชั้น อีกอัน Focus ที่ได้มาจากไอ้พวกฆาตกรนั่น หวังว่าคงจะอยู่ใกล้กันนะ โอเค มันยังอยู่ ...ไหนดูสิ พวกแกเห็นอะไรมาบ้าง ?

      



                                      [Aloy] –    ....... แกนี่เอง !!


      

[นักฆ่าปริศนา] – ถึงผู้บังคับบัญชาการณ์รบทุกคน หยุดการขุดเจาะอุโมงค์และไปเตรียมการณ์ที่จุดทำภารกิจได้แล้ว พยายามหลีกเลี่ยงพวกนักรบของ Nora แต่ถ้ามีใครมาเห็นก็ให้ฆ่าได้เลยอย่าให้มีพยายานรู้เห็นเด็ดขาด จดจำภาพของเป้าหมายให้ดี ห้ามพลาดเด็ดขาด !
[Aloy] –  ภาพของเป้าหมายหรอ?  … ไหนดูไฟล์นี้ซิ 



[Aloy] –  แล้วใครบอกละว่าชั้นเหมือนกับพวก Nora คนอื่นล่ะ
[Aloy] –  เดี๋ยวนะ พวกมันเห็นชั้นจาก Focus ของ Olin หรอ! เป็นไปได้ยังไงเนี้ย?


[ผู้หญิงปริศนา] – จากนั้นก็ทำให้เร็วเลย ชั้นจะรีบเข้าไปทันที 
[เสียงสังเคราะห์ของระบบ] – กำลังทำการสแกนอัตลักษณ์ 
[ผู้หญิงปริศนา] –คุณต้องหยุดฟัง Ted และหันมาเชื่อชั้นได้แล้วนะ
[Aloy] –  ภาพนี้บันทึกจากที่ไหน? และเมื่อไหร่นะ?



[เสียงสังเคราะห์ของระบบ] –สแกนอัตลักษณ์ ยืนยันตัวตน DNA ตรงกัน 99.47% 
[Aloy] –  คุณเป็นแม่ของชั้นหรอ?

           


[เสียงสังเคราะห์ของระบบ] – ยุติการสแกนตัวตน
[Aloy] – แต่ ทำไม พวกมันพยายามฆ่าชั้นเพียงเพราะว่าชั้นเหมือนกับคุณละ?




[Aloy] – นั่นใคร !?
[Teersa] – Aloy เธอฟื้นแล้วหรอ ? 
[Aloy] –  Teersa คุณเป็นคนพาชั้นมาที่นี่หรอ?
[Teersa] – มาเถอะ เร็วๆ เธอต้องตามชั้นมาเดี๋ยวนี้เลย
[Aloy] –  ไปไหนคะ?
[Teersa] – ไปยังที่ที่เธอเกิดมายังไงละ !




  [Aloy] –  ทำไมคุณถึงพาชั้นมาที่นี่ล่ะคะ
[Teersa] – ก็ชั้นเห็นว่าเธอกำลังจะตาย และการตายใกล้กับพระแม่ก็เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ แน่นอน Lansra ยืนกรานที่จะไม่เห็นด้วย แต่โชคดีที่ได้ Jezza เข้าข้างชั้น 
[Aloy] –  แม่ชั้นอยู่ที่นี่จริงๆหรอ ? นี่ชั้นกำลังจะเดินเข้าไปพบเธอแล้วหรอ? 
[Teersa] – เอ่อ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะซับซ้อนน่ะ ได้โปรดตามชั้นมาเฉยๆก็พอ 



[Aloy] – ตกลงว่าแม่ชั้นนี่หน้าตาเหมือนชั้นแต่ผมสั้นหรือเปล่าค่ะ ?
[Teersa] – ชั้นไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่เธอไม่ได้เกิดจากมนุษย์ผู้หญิงหรอก Aloy ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี่ต่างหากที่เป็นแม่ของเธอ
[Aloy] – อะไรนะ ? ทำไมคุณพูดแบบนั้นละคะ?
[Teersa] – มาสิ ตามมาดูนี่




[Teersa] – ที่นี่คือห้องโถงใหญ่เพื่อใช้สักการบูชา สรรพมารดร เป็นสถานที่ที่เคยใช้ปกปักษ์จากพวกปีศาจจักรกลและให้กำเนิดเธอ Aloy เหตุการณ์การสังหารหมู่เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆหายนะที่เราเคยเจอ หลังจากที่เราส่งนักรบของเราออกไปก่อนที่พวกฆาตกรมันจะลอบฆ่าทุกคน 
[Aloy] – แต่ มันเกี่ยวกับที่ที่ชั้นเกิดยังไง แล้วชั้นเกิดตรงไหนกันแน่คะ?
[Teersa] – ชั้นหวังว่า มันก็เกี่ยวกับทั้งหมดของที่นี่แหละ เพราะที่ห้องนี้เป็นที่ที่เราเจอเธอเป็นครั้งแรก  เราได้ยินเสียงเด็กร้องไห้แล้วเราก็เดินมาดูก็พบเธอนอนอยู่ตรงนี้ 

[Aloy] – คือมาก็เจอนอนตรงนั้น แค่นั้นเองหรอคะ
[Teersa] – ใช่จ๊ะ
[Aloy] – คุณจะบอกชั้นว่า ชั้นมาจาก ด้านหลังประตูนั่นงั้นหรอ?

  

[Teersa] – ชั้นเชื่อแบบนั้นมาเสมอเลยละว่าเธอมาจาก ครรภ์แห่งศิงขร เป็นของขวัญจากสรรพมารดร โดยตรง ...แต่คนอื่นๆ อย่าง Lansra กลับเชื่อว่าพลังแห่งความมืดนำเธอมาไว้ที่นี่ ไม่ใช่ของขวัญ แต่เป็น คำสาป 
[Aloy] – แต่ นี่มันไม่ใช่พระเจ้านะคะ มันเป็นประตู !
[Teersa] – Aloy !!
[Aloy] – ใครกันนะที่อยู่หลังประตูนี้ ? … แม่ของชั้นงั้นหรอ?




[เสียงสังเคราะห์ของระบบ] – กำลังทำการสแกนอัตลักษณ์
[Teersa] – พระเจ้าทรงโต้ตอบแล้ว
[Aloy] – นั่นมันผู้หญิงที่ชั้นเห็นนี่ ?
[เสียงสังเคราะห์ของระบบ] – การลงทะเบียนได้ตรวจพบสิ่งผิดปกติ ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ ปฏิเสธการให้ผ่านเข้าไปด้านใน!
[Aloy] – มะ ไม่ๆ ได้โปรด ! 



[Teersa] – Aloy การที่สรรพมารดรพูดกับเธอเหมือนกับท่านรู้จักกับเธอเลยนะ
[Aloy] – คุณไม่ได้ยินรึไง มันปฏิเสธชั้นไม่เห็นหรอ? 
[Teersa] – เพราะเธอมีมลทิน พระเจ้าพูดเองเลยชั้นได้ยินชัดเจน ถ้าเกิดเธอกำจัดมลทินหรือจุดด่างพร้อยในตัวเธอได้ละ เมื่อเธอบริสุทธิแล้ว พระเจ้าอาจจะยอมรับเธอก็ได้ 




[Aloy] – แล้วชั้นต้องทำยังไงหรอคะ?
[Teersa] – เธอบอกว่า เธอเห็นภาพนิมิตรของผู้หญิงผมสั้นใช่มั๊ย?
[Aloy] – ใช่ค่ะ ไอ้พวกฆาตกรนั้นมันมาตามฆ่าชั้นเพราะคิดว่าเป็นเธอ
[Teersa] – แต่กองกำลังของพวกมันก็มากมายเกิดกำลังของเธอ มันจะไม่มีร่องรอยอื่นให้ตามหาอีกรึไง
[Aloy] – อืมมม ... Olin ที่เป็นคนนอกเผ่าเข้ามาในงานก่อนการทดสอบ เจ้าพวกฆาตกรมันเห็นชั้นผ่านตาของเขา Olin เคยบอกว่าเขาอยู่ที่ Meridian
[Teersa] – งั้นเจ้าก็จงหันหลังให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
 [Aloy] – ชั้นเป็นคนนอกรีตมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว ทำไมต้องมาเนรเทศชั้นอีกละ
[Teersa] – ชูวว์ ... ไม่ใช่ มันยังมีทางอื่นอีก มาสิ ตามมา 



[Aloy] – บอกได้มั๊ยคะว่าที่ผ่านมานักรบของเหล่าต้องสู้รบกับพวกไหน?
[Teersa] – ไอ้พวกนักฆ่า ที่ไม่ได้สู้ด้วยตัวเอง พวกมันมีพลังในการควบคุมพวกเครื่องจักร เหมือนทำให้พวกมันผิดปกติและบ้าคลั่งแล้วใช้พวกมันมาเป็นอาวุธเข่าฆ่าพวกเรา ตอนนี้ชั้นมีแผนที่จะให้เหล่าองค์คณะแม่เฒ่าสูงสุดตกลงที่จะทำการสวดภาวนาของความเมตตาจากสรรพมารดร แล้วหวังให้ท่านทรงเมตตาพวกเรา เพราะที่ผ่านมาเหมือนกับว่าพระองค์ท่านจะไม่ยอมให้เราช่วยเหลือตัวเองใดๆ
[Aloy] – แล้วแผนคุณคืออะไรหรอ?
[Teersa] – นี่แหละแผน แผนของชั้นที่จะแสดงให้พวกองค์คณะแม่เฒ่าว่าเธอกำเนิดมาจากที่ไหน และยอมให้เธอออกไปตามพรหมลิขิตที่สรรพมารดรทรงแนะนำมายังไงละ  พวกองค์คณะแม่เฒ่าคนอื่นๆรอเราอยู่ที่ปากถ้ำ ปล่อยให้ชั้นคุยกับพวกเขาเอง 





[Jezza] – เรียบร้อยแล้วหรอ?
[Teersa] – ใช่ ชั้นให้เธอดูแล้ว น้องๆฟังนะ พระเจ้าทรงบอก Aloy ให้เธอไปล้างมลทินของเธอเอง
[Lansra] –  เฮอะ !!
[Jezza] – แต่ เธอจะทำล้างมลทินได้ยังไงละ 
[Teersa] – เธอจำเป็นต้องเดินทางออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา 
[Jezza] – เป็นผู้แสวงหา (Seeker) หรอ? ก็ถ้าพระเจ้าทรงตรัสแบบนั้นก็ว่าตามนั้นแหละ
[Lansra] –  นี่พวกเจ้ากล้าเรียกสิ่งนั้นว่า ผู้แสวงหา (Seeker) เลยหรอ !?
[Teersa] – น้องข้า !! ขอซักครั้งเถอะ Lansra ร่วมมือกับเราเถอะนะ 
[Lansra] –  นี่มันจะเป็นบาปของเจ้า ไม่ใช่ข้า ส่งนางไปเป็น ผู้แสวงหา (Seeker) ก็ดีเหมือนกัน บางทีอาจจะไม่ได้เห็นหน้ามันอีกเลยก็ได้ 


[Teersa] – Aloy ด้วยความกรุณาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าเพียงหนึ่งเดียวของเรา ข้าขอแต่ตั้งให้เจ้าเป็น ผู้แสวงหา แห่งเผา Nora นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป 
[Jezza] – ต่อแต่นี้จะไม่มีสิ่งใดหรือใครมาเป็นอุปสรรคกีดขวางทางเธอจากภาระอันศักดิ์สทธิ์นี้ได้อีกแล้ว ขอสรรพมารดรจงปกปักษ์รักษาและช่วยเหลือให้เจ้ามุ่งมั่นยืนหยัดจนพบความจริงที่เจ้าตามหาด้วยเถิด  ชั้นจะอำนวยอวยพรให้เธอเอง ... เอาละ ความหวังของพวกเราอยู่กับเจ้าแล้วนะ Aloy 


[Aloy] – Teersa  ผู้แสวงหาคืออะไรหรอคะ?
[Teersa] – ก็เจ้ายังไงล่ะ เอานี่ตราของเจ้า ในเวลานึงที่มีความจำเป็นอย่างที่สุด องค์คณะแม่เฒ่าสูงสุดจะแต่งตั้ง ผู้แสวงหา ขึ้นมา เป็นผู้กล้าอันคู่ควรที่จะถูกส่งออกไปทำภารกิจสำคัญให้ได้ผลสำเร็จ ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะพา ผู้แสวงหา ที่ถูกแต่งมาไปที่แห่งหนไหนก็ตาม
[Aloy] – แม้จะต้องออกนอกเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหรอคะ ?
[Teersa] – ใช่จ๊ะ แต่เธอเองก็มีสิทธิ์ที่กลับมาได้ตลอด ไม่ว่าจะด้วยเพราะเสร็จภารกิจแล้วหรือต้องการความช่วยเหลือก็ตาม 




[Aloy] – ( I Can go anywhere ) งั้นชั้นก็สามารถไปไหนก็ได้โดยไม่จำกัดเลยหรอคะ?
[Teersa] – ไปได้ทุกที่ แม้กระทั้งสถานที่ต้องห้ามอย่าง Tainted Land ที่อยู่นอกเขตของหมู่บ้านหรือ โบราณสถาณ Metal World เลยล่ะ

[Aloy] – (Metal World) งั้น ทำไม โบราณสถาน Metal World ถึงเป็นพื้นที่ต้องห้ามละคะ
[Teersa] – มันเป็นสถานที่เสื่อมโทรมเป็นต้นเหตุของความหายนะที่มืดมิดและน่าขยะแขยง เหมือนกับพวกสัตว์จักรกลที่มันสร้างขึ้นมา เมื่อพวกผู้ก่อความวุ่นวายพยายามที่จะทำลายสรรพมารดร ความโกรธของเธอจึงไปลงที่พวกของพวกมันจะราบแต่ไม่สามารถที่จะล้างมลทินแห่งบาปของพวกมันได้ และวิญญาณแห่งบาปที่ชั่วร้ายที่ยังหลงเหลือจากยุคโบราณที่ยังโกรธแค้นก็พร้อมที่จะเล่นงานใครก็ได้ที่โง่พอที่จะเข้าไปในที่ของพวกมัน
[Aloy] – แต่ ที่ชั้นเคยเข้าไปในนั้น ชั้นเห็นมีประตูที่ปิดกั้นพื้นที่มากมายไม่ต่างจากด้านในที่อยู่ของสรรพมารดรเลยนะ ?
[Teersa] – มันเป็นไม่ได้หรอก !
[Aloy] – จริงๆคะ !
[Teersa] – ถ้างั้น ... มันก็คือมีอีกหลายอย่างที่ยังเหนือเกินกว่าความเข้าใจของชั้นอยู่ ชั้นถึงเชื่อมันให้เธอ
ไปค้นหาความจริงยังไงละ




[Aloy] – (Tainted Land) ทำไมพื้นที่ที่อยู่ด้านนอกอาณาเขตของเผ่า Nora ถึงถูกเรียกว่า พื้นที่ที่มีผลทินละคะ ? 
[Teersa] – มันยังไม่ชัดเจนอีกหรอ? ดินแดนเราเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เราอยู่ในสายตาของพระเจ้าองค์เดียวคือ สรรพมารดร แหล่งกำเนิดของสรรพชีวิตของที่นี่ สุดสายตาของพระแม่คือ แผ่นดินที่ล่มสลายขนาดใหญ่ ที่ที่จิตวิญญาณมีมลทิน นั่นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมเราต้องตั้งกฎต่อต้านและละทิ้งที่นั่นมา แต่เจ้าในฐานะผู้แสวงหามีพรอันศักดิ์สิทธิ์คอยปกปักษ์รักษาอยู่แล้ว

[Aloy] – (Other Seeker?) แล้วที่ผ่านมาเคยมี ผู้แสวงหา มาก่อนรึเปล่าค่ะ?
[Teersa] – เคยมีสิ แต่พวกเขาหายากมากๆ ส่วนใหญ่ที่ถูกส่งไปจะไม่มีใครได้กลับมาอีกเลย
[Aloy] –  แล้ว Rost เคยเป็นผู้แสวงหามาก่อนรึเปล่าค่ะ?
[Teersa] – ไม่ ... เอ่อ เขา ไม่ใช่ ผู้แสวงหา 
[Aloy] –   เหมือนคุณพยายามจะปิดบังอะไรชั้นอยู่เลยนะ
[Teersa] – ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา Aloy บางทีอาจะมีซักวันที่เธอจะรู้ความจริงทุกอย่างเอง

[Aloy] – (Rost) แล้วศพของ Rost ล่ะคะ
[Teersa] – ชั้นเกรงว่าร่างของเขาจะเป็นละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปหมดแล้วล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะเราจะทำพิธีเผาศพของเขาอย่างดีในที่ที่เขาเจอกับเธอเป็นครั้งแรก และจะทำหลุมศพเขาด้วยดอกไม้อย่างสวยงามแน่นอน

[Aloy] – (What else Can I Do) คนของต่างก็บาดเจ็บทุกข์ทรมานกันมากมายเหลือเกินมันมีอะไรที่ชั้นพอจะช่วยได้รึเปล่าคะ?
[Teersa] – ภารกิจของเธอในการทำตามเพราะบัญชาของ สรรพมารดร ให้สำเร็จตามเจตนารมณ์นั้นสำคัญกว่ามาก 
[Aloy] – นอกจากเรื่องที่คุณบอกมาชั้นไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง จะต้องทำยังไงชั้นยังไม่รู้เลย
[Teersa] – เธอจะพบหนทางด้วยตัวเองแน่นอน จงใช้ไหวพริบให้เป็นส่วนนึงในการทำให้ภารกิจบรรลุเป้าหมาย เพื่อช่วยเผ่าของพวกเรา ด้วยทุกวิธีที่ทำได้ และไม่ต้องเดาเลยว่าเธอจะพบผู้คนมากมายที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่ระหว่างทางแน่นอน

[Aloy] – (The Killer?) คุณบอกว่าได้ส่งนักรบออกไปหลังจากไอ้พวกนักฆ่างั้นหรอ? 
[Teersa] – ใช่ แต่พวกเขาถูกซุ่มโจมตีก่อน มีเพียงไม่กี่คนที่หนีมาได้และส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 
[Aloy] – แล้วคุณรู้มั๊ยว่าไอ้พวกนักฆ่ามันหายไปทางไหนกันหมด?
[Teersa] – ไม่หรอก แต่เธอสามารถไปถาม Varl ที่เป็นผู้กล้าที่เป็นการ์ดอยู่ที่ประตูหน้า เขาเป็นคนนึงที่รอดชีวิตมาจากการลอบโจมตี เขาน่าจะพอรู้อะไรบ้างละ

[Aloy] – (I Should be on my way) ชั้นคงต้องไปตามทางของชั้นแล้วละ
[Teersa] – จากที่นี่เธอต้องไปคุยกับ Varl ที่ประตูใหญ่เพื่อให้เขาชี้ทางไปยัง Meridian ตามเป้าหมายต่อไป แต่ถ้ามีชาว Nora คนไหนพยายามที่จะขัดขวางเธอ ก็ทำให้รู้ชัดเจนก่อนนะว่าพวกเขารู้หรือยังว่าเธอเป็น ผู้แสวงหา
[Aloy] – อ่อ ชั้นทำแน่นอนคะ ฮ่าๆ ขอบคุณแม่เฒ่า Teersa มากๆนะคะสำหรับทุกอย่าง
[Teersa] – ขอให้ สรรพมารดร จงอำนวยอวยพรและเฝ้าดูเธอตลอดเส้นทางนะ Aloy 


จากนั้นออกจากหน้าถ้ำเพื่อมุ่งหน้าไปที่หน้าประตูใหญ่ซึ่งมันยังปิดอยู่ หากอยากซื้อของสามารถแวะเข้าไปคุยกับ Teb ที่อยู่ด้านขวาของประตูทางออกได้ เสร็จธุระแล้วค่อยขึ้นไปคุยกับ Resh ที่อยู่ด้านบนกำแพงประตูด้านหน้า



[Aloy] – ชั้นต้องการเปิดประตูอ่ะคะ
[Teersa] – ความต้องการของพวกนอกรีตเนี้นข้าควรสนใจด้วยงั้นหรอ?
[Aloy] – (Since I was made  Seeker) แล้วถ้าเป็น ผู้แสวงหาล่ะ สนใจได้รึยัง? เอาละเปิดประตูเดี๋ยวนี้ !
[Resh] – เธอเนี่ยนะ ผู้แสวงหาแม่เฒ่า Teersa ยอมรับรึยัง? แค่ให้เข้าร่วมงานทดสอบนี่ก็ว่าแย่พอแล้วนะ แล้วยังจะพาไปปฐมพยาบาลในภูเขาศักดิสิทธิ์อีก ไม่อยากจะคิดเลยว่าคำสาปมันจะมาถึงพวกเราหรือเปล่า ดูอย่างพวกเด็กๆที่เช้าทดสอบจนต้องนอนตายเกลื่อนนั่นสิ เพราะพวกมันดันไปยอมรับในชัยชนะของเธอนั่นแหละ


[Aloy] – (You dishonor the dead) ทำไมคุณถึงไร้หัวใจแบบนี้นะ? ชั้นสู้เคียงบบ่าเคียงไหล่กับพวกเด็กที่มาทดสอบเหล่านั้นก่อนจะเห็นพวกโดนฆ่าตายไปทีละคนต่อหน้า
[Resh] – ก็ถ้าพวกมันมีซักคนที่เป็นชาว Nora แท้ๆนะ พวกมันก็น่าจะยิงธนูปักหลังเธอไปนานแล้ว
[รองแม่ทัพ] – โธ่ ไม่เอาน่า Resh นายก็พูดเกินไป
[Resh] – หุบปาก ! ข้าคือแม่ทัพนะ !!
[Aloy] – แต่ชั้นเป็น ผู้แสวงหา ที่ได้รับการแต่งตั้งจากแม่เฒ่าสูงสุด ฉะนั้นเปิดประตูนั่นซะชั้นจะได้ไปทำธุระที่ต้องทำ
[Resh] – ก็ดีแล้ว อย่างน้อยๆเธอก็จะได้ไปให้พ้นๆจากที่นี่ซะ !
[Aloy] – นั่นเสียงอะไรน่ะ




[ทหาร] – ไอ้หุ่นตัวนั้นมันทำอะไรหุ่นอีกพวกน่ะ !!
[Aloy] – มันควบคุมพวกสัตว์จักรกลตัวอื่น
[Resh] – เห็นมั๊ยว่า เธอนำอะไรมาสู่พวกเรา เธอนะมันตัวต้องสาป ! อืมมม เหล่าผู้กล้าทุกคน ฆ่ามันให้หมด !!!



เข้าไปกำจัด Demon และพวกสัตว์จักรกลที่มันควบคุมให้มาเป็นพวก โดยเน้นไปที่การจัดการ Demon แค่ตัวเดียวพอก็จะจัดการทุกตัวได้หมด



[Aloy] – ไหนดูสิว่าแกทำได้ยังไง? แกทำให้พวกหุ่นตัวอื่นเชื่อฟังแกได้ยังไง ....นี่ไงละ แกทำได้เพราะไอ้นี่ สินะ แถมยังเชื่อมต่อกับ Focus ของชั้นด้วย แสดงว่าสามารถใช้ไม่ได้ด้วยสินะ 





เจ๋งเลยแบบนี้ ..อืมม ไหนดูสิ เอาลวดมามัดแบบนี้ เอาละแน่นและ ที่เหลือก็คงเป็นการลองใช้ดู




[Teb] – Aloy เธอทำแบบนั้นได้ไงอ่ะ ? ฆ่า demon แล้วยังดึงไส้ออกมาจากซากมันอีก 
[Aloy] – มันเป็นเครื่องมือเจ้าตัวนี้มันใช้ควบคุมเครื่องจักรตัวอื่นๆน่ะ ชั้นว่าชั้นเอามันมาปรับใช้ได้นะ แต่ต้องหาที่ลองใช้มันกับเครื่องจักรตัวอื่นก่อน 
[Teb] – อืมมม  ชั้นว่า ฝูงของ Strider ที่ชุมที่สุดก็น่าจะระหว่างทางไปที่ประตูทางออกจากอณาเขตดินแดนของเราน่ะ 
[Aloy] – เยี่ยมเลย ชั้นกำลังจะไปคุยกับ Varl ที่ประตูนั่นพอดีเลย
[Teb] – ชั้นคิดมาตลอดเลยนะว่าเธอแตกต่างจากคนอื่นนะ Aloy  แต่ ..
[Aloy] – แต่อะไร ?
[Teb] – ชั้นคิดว่าเธอนั่นแหละเป็นพรจากสรรพมารดรแน่นอน ไม่สนหรอกว่า Resh จะว่ายังไงก็เถอะ !
[Aloy] – -ขอบใจมากนะ Teb แต่ชั้นต้องไปแล้วละ



                         Main Quest: A SEEKER AT THE GATES



เดินทางต่อไปยังจุดหมายของภารกิจหลักที่จุดที่อยู่ของฝูง Strider เป้าหมายคือการทดสอบการใช้งานของเครื่องควบคุมเครื่องจักรที่เรียกว่า Override 



การใช้งานเครื่อง Override ที่ติดกับหอกของ Aloy เพื่อควบคุมสัตว์จักรกลนั้นจะเหมือนกับการลอบฆ่านั่นก็คือ ต้องเข้าไปกดสามเหลี่ยมที่ตัวพวกสัตว์จักรกลในขณะที่มันยังไม่รู้ตัว โดยจะหลบที่กอหญ้าแล้วเรียกมันมาหรือลอบจัดการจากด้านหลังก็ได้ ในกรณีเป็นสัตว์จักรกลที่สามารถขี่ได้ เช่นพวก Strider ก็จะสามารถใช้มันขี่เป็นพาหนะเพื่อเดินทางหรือใช้ในการต่อสู้ สามารถกดไอค่อนรูปม้าที่ปุ่มทิศทางเพื่อเรียกมันมาใช้งานได้ โดยที่จะไม่มีระยะเวลาในการควบคุม สามารถใช้งานได้เรื่อยๆจนกว่ามันจะพัง ส่วนสัตว์จักรกลประเภทดุร้าย มีขนาดเล็ก หรือสัตว์ที่ขี่ไม่ได้ก็จะเข้าร่วมต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างอิสระโดยไม่สามารถควบคุมได้ และจะมีเกทระยะเวลาในการควบคุมด้วยเมื่อหมดเวลาการควบคุมมันจะกลับมาเป็นศัตรูเหมือนเดิม


เมื่อจับ Strider หรือม้าจักรกลได้แล้ว ตอนนี้สามารถใช้มันเป็นพาหนะได้แล้ว
สามเหลี่ยม – ขึ้น, ลง
ปุ่ม X ใช้ในการสั่งให้วิ่งโดยการกดรัวๆเพื่อวิ่งเร็ว
ปุ่ม O ใช่ในการสั่งให้ช้าลงหรือกดค้างเพื่อหยุด
R1 – โจมตีด้วยเท้าหน้า
R2 -  โจมตีด้วยเท้าหลัง (ดีด)

จากนั้นเดินทางไปยังประตูด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ( Main Embrace Gate) ตรงทางเข้าจะมีพ่อค้าแลกของอยู่ นอกจากชุดใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามาให้เลือกซื้อแล้วยังมีไอเทมพิเศษ (Special Item) เพิ่มเข้ามาให้เลือกซื้อนั่นคือ แผนที่ที่ซ่อนของไอเทมสะสมต่างๆ ประกอบด้วย


- Metal Flower ดอกไม้จักรกล
- Banuk Figures รูปปั้นของ Banuk
- Ancient วัตถุโบราณ
- Vantages point จุดชมเหตุการณ์อดีต
โดยเมื่อแลกซื้อแผนที่ต่างๆมาแล้วก็จะทำจุดของไอเทมสะสมพิเศษต่างๆแสดงให้เห็นออกมาเป็นจุดวงกลมสีขาวในแผนที่ได้ หากแวะเข้าไปเก็บมาไอเทมสะสมเหล่านี้จะไปรวมอยู่ในเมนู ? ใน Notebook

โดยในช่วงแรกก่อนออกเดินทางพ้นประตูด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ( Main Embrace Gate) จะสามารถตามเก็บ Metal Flower ดอกไม้จักรกลได้ 2 จุดคือ

1. ด้านในถ้ำแรกที่ Aloy ตกลงไปในตอนเด็ก เข้าไปด้านในตามตำแหน่งแผนที่ ใช้หอกทำลายหินงอกที่ประตูเข้าไปก็จะเจอ Metal Flower อยู่ด้านใน

       




2. บนเนินผาด้านขวาของบ้านของ Aloy โดยต้องเดินเข้ามาตามทางบนเส้นทางขึ้นเขาตามภาพ ขึ้นไปจะพบเชือกสำหรับโหนลงไปที่ขอบผาด้านล่าง ไต่เชือกต่อไปที่ฝั่งตรงข้ามก็จะเจอ Metal Flower







จากนั้นเดินทางเข้าไปที่ประตูด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ( Main Embrace Gate) ต่อได้เลย




[Varl] – ระวังตัวกันด้วยนะ !!
[Aloy] – Varl ..ชั้นเรียกชื่อนายถูกมั๊ย?
[Varl] – นี่ชั้นตาฝาดไปหรือเธอขี่ไอ้เจ้าม้าเหล็ก Strider ผ่านประตูเข้ามาจริงๆอ่ะ?
[Aloy] – เอ่อ ..ใช่ มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากหน่อยอ่ะนะ
[Varl] – ชั้นเข้าใจ ก็นะ ในช่วงเวลาที่แปลกประหลาดแบบนี้ เราก็ต้องทำกันทุกอย่างเพื่ออยู่รอดนั่นแหละ ชั้นยอมรับในตัวเธอนะ Aloy พวกนอกรีตที่สามารถชนะการทดสอบจนเป็นผู้กล้า ชั้นดีใจจริงๆที่เธอเอาชนะคำดูถูกที่มีต่อตัวเธอได้สำเร็จ
[Aloy] – แม่เฒ่าสูงสุด Teersa บอกว่าคุณรู้ทางไปที่ Meridian ใช่มั๊ย?
[Varl] – เมืองหลวงของอาณาจักรของ Carja Sundom หรอ? จะตามหาพวกที่ถูกเนรเทศหรอ?
[Aloy] – ไม่ใช่ ตามหาครทรยศชื่อ Olin แม่เฒ่าแต่งตั้งชั้นเป็น ผู้แสวงหา ก็เลยต้องไปตามหามัน
[Varl] – งั้นเธอก็ต้องเดินทางต่อไปทางเหนือไปที่ Mother’s Crown ถ้าเธอไปถึงได้ก็ตามหาคนที่ชื่อ Marea เธอจะบอกทางไปต่อให้เอง 
[Aloy] – ถ้าชั้นไปถึงได้หรอ?
[Varl] – เส้นทางค่อนข้างอันตราย ตั้งแต่หน่วยรบหลักของเราถูกพวกนักฆ่านั้นสังหารหมู่ไปดินแดนแทบนั้นก็ไม่มีหน่วยลาดตระเวนคอยดูแล และ เขตชายแดนของเราก็ไม่มีนักรบคอยดูแลด้วย เราไม่มีแม่ทัพคอยนำทัพด้วยซ้ำ
[Aloy] – อ้าวแล้ว Resh ไม่ใช่หรอ?
[Varl] – ชิ !! ..อย่าไปพูดถึงมันเลยหมอนั่น Sona แม่ทัพของเราหายตัวไปตั้งแต่เกิดการโจมตี ชั้นอยากไปตามหาเขาที่สุดแต่เขาก็สั่งไว้ไม่ให้ทิ้งหน้าที่คอยป้องกันประตูหมู่บ้าน ชั้นสัญญาว่าจะปกป้องมันด้วยชีวิต 

[Aloy] (Danger beyond the Embrace) คุณบอกว่าเส้นทางมันอันตราย อันตรายที่ว่ามันคืออะไรหรอค่ะ?
[Varl] – เยอะแยะ ! พวกเผ่านักฆ่าที่อยู่ข้างนอกนั่น บางครั้งพวกมันก็ใช้วิชาควบคุมเครื่องจักรของมัน ใช้สัตว์จักรกลเป็นอาวุธเข่นฆ่าศัตรู สร้างความโหดเหี้ยมบ้าคลั่งไปทั่ว
[Aloy] – อืมม ชั้นเห็นมันมากับตาตัวเองแล้วละ
[Varl] – ไหนจะพวกโจร ที่คอยตัดคอใครก็ตามที่ข้ามพรมแดนมาหาเรา แค้มป์ของพวกมันอยู่ใน Metal Ruin ด้านบนของแม่น้ำ 
[Aloy] – ฟังเหมือนชั้นต้องทำลูกธนูเพิ่มสินะ 

[Aloy] – (The Proving) คุณบอกว่าดีใจที่ชั้นชนะการทดสอบ คุณรู้ได้ไงคะ?
[Varl] – พวกที่รอดชีวิตเล่าให้ฟัง บอกว่าเธอต่อสู้กับพวกเผ่านักฆ่าอย่างกล้าหาญ เหมือนกับ Bast แล้วก็ ...น้องสาวของชั้น ..
[Aloy] – น้องสาวคุณ ..Vala หรอ? ชั้นเสียใจด้วยนะ ชั้นชอบเธอนะ ชั้นคิดว่าเพิ่งเป็นเพื่อนกันแท้ๆเลย 
[Varl] – ขอบใจมาก แต่เธอก็ช่วยคนได้มากมาย เธอไม่ได้ตายเปล่าแน่นอน



[Aloy] – (Massacre of the war party) คุณเล่าเรื่องที่กองทัพนักรบของเราถูกสังหารหมู่ให้ฟังหน่อยสิ มันเกิดขึ้นยังไง?
[Varl] – ตอนที่มีข่าวว่ามีพวกศัตรูโจมตีพิธีทดสอบ แม่ทัพ Sona ก็ส่งหน่วยนักรบออกไปไล่ล่าพวกมัน แต่ด้วยความที่พวกนักรบที่กำลังแค้นกับการที่คนของเราถูกฆ่าจึงออกตามล่าพวกศัตรูจนออกนอกอาณาเขตทำให้ไปเข้าทางกับดักของพวกมัน สัตว์จักรกลที่พวกมันครอบงำไว้เข้าล้อมพวกเขาก่อนจะเข้าโจมตีพวกนักรบผู้กล้าของเราจนตายหมดอย่างสลดสยอง แม่ทัพ Sona นำทัพออกไปช่วยจนทำให้พวกเผ่านักฆ่าล่าถอยไป แต่เธอก็ไม่กลับมาตั้งแต่นั้น อย่างที่เคยเล่าไปนั่นแหละ 

[Aloy] – (The War Chief) คุณว่าแม่ทัพของคุณหายตัวไปหรอ? 
[Varl] – ก็ตั้งแต่หน่วยนักรบผู้กล้าถูกสังหารหมู่ไป เธอก็ไม่ยอมลดละ เธอรวบรวมอาสาสมัครนักรบที่ต้องการจะแก้แค้นแล้วเดินหน้าไล่ล่าพวกเผ่านักฆ่าต่อ 
[Aloy] – แล้วคุณไม่ได้อาสาไปหรอ ?
[Varl] – แน่นอน อาสา สิ แต่ Sona เธอไม่ยอม สั่งให้ชั้นทำหน้าที่นำคนบาดเจ็บกลับดินแดนของเรา ให้คอยป้องกันประตูนี้ รักษาดินแดนไว้ด้วยชีวิต นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันแล้วจากนั้นชั้นก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย 
[Aloy] – งั้นเราก็ยังตอบไม่ได้ว่าเธอเป็นหรือตายสินะ?
[Varl] – ถ้าจะมีใครอยู่รอดจากอันตรายด้านนอกนั่นได้ก็คงเป็น Sona นั่นแหละ เธอแข็งแกร่งและกล้าหาญ ไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆหรอก เรื่องนี้พวกเรารู้ดี 
[Aloy] – ฟังดูเธอจะไม่ธรรมดาเลยนะ คงจะเป็นคนพิเศษกับคุณมากๆสินะ
[Varl] – เธอคงคิดไม่ถึงแน่ๆ เพราะ Sona คือแม่ผมเอง 

[Aloy] – (Time for me to go) ชั้นคงต้องไปแล้วละนะ
[Varl] – เดี๋ยว Aloy ถ้าเธอเดินทางไปที่ Mother Crown หรือไกลออกไปก็เถอะ จะมีโอกาสที่เธอจะลองตามหา Sona ให้หน่อยได้มั๊ยละ? เผ่าของเราต้องการผู้นำ ถ้า Sona ไม่สั่งให้ป้องกันประตูนี้ ชั้นคงจะออกตามหาด้วยตัวเองแล้วละ
[Aloy] – เห็น Sona ครั้งสุดท้ายที่ไหนละ?
[Varl] – ตรงจุดที่พวกนักรบของเราถูกสังหารหมู่ ในป่าผีสิงที่ต้องข้าม Devil’s Thirst ไปอยู่ฝั่งแม่น้ำเดียวกับที่เราอยู่นี่แหละ ระวังด้วยละ ไม่ว่าใครที่ฆ่าคนที่เรารักที่นั่นมันก็ต้องพยายามจะฆ่าเธอเหมือนกัน
[Aloy] – ชั้นเข้าใจแล้ว Varl จะลองดูเท่าที่จะทำได้แล้วกันนะ 


หลังจากคุยกับ Varl เรื่องการหายตัวไปของแม่ทัพ Sona จบก็จะมี Main Quest: THE WAR CHIEF’S TRAIL เพิ่มเข้ามา เป้าหมายของภารกิจคือตามหาแม่ทัพ Sona ให้ Varl




หลังผ่านประตูทางทิศเหนือของหมู่บ้านมาได้ ดูในแผนที่ด้านขวาจะมีจุดรูปด้วยตาที่เป็น Vantage Point จุดแรกสำหรับใช้ตัว Focus มองย้อนไปในอดีตของพื้นที่บริเวณนั้น



[Bashar Mati] - Apocashitstorm Tour วันที่ 2 พ่อของผมรับเชิญมาบรรยายที่นี่ หลักสูตรที่ว่าด้วยประวัติศาสตร์ตลอด 300 ปีของกองทัพอากาศแห่งมวลมนุษย์ชาติ เพื่อสอนยุทธวิถีการปิดล้อมโจมตีทางอากาศในยุคกลาง ผมอายุแค่ 8 ขวบตอนพ่อเสียชีวิต

เมื่อดูจุด Vantage Point แล้วมันก็ไปสะสมรวมในเมนู Notebook ในหัวข้อของสิ่งของปริศนาที่สะสมได้




ดูด้านขวาล่างของ Vantage Point ในแผนที่จะพบจุด Corrupted Zone ซึ่งก็คือจุดติดเชื้อที่เต็มไปด้วยพวกสัตว์จักรกลที่โดนศัตรูควบคุม เมื่อเข้าไปจัดการสัตร์จักรกลที่ติดเชื้อให้หมดก็จะสามารถเคลียร์พื้นที่ติดเชื้อได้ เมื่อเคลียร์จุด Corrupted Zone แล้วมันก็ไปสะสมรวมในเมนู Quest ในหัวข้อ Corrupted Zone ซึ่งเป็นสิ่งที่สะสมได้ด้วยเช่นกัน


จากนั้นเดินไปตามเส้นทางจากประตูทางทิศเหนือที่ออกมาผ่านแค้มป์ไฟเซฟระหว่างทางจะเจอ Hunter ที่ให้ข้อมูลสำคัญโดยจะมีเครื่องหมาย ? ในแผนที่อยู่



[Aloy] – เป็นอะไรรึเปล่าคะฮันเตอร์ ? คุณบาดเจ็บจากกองทัพที่ถูกลอบโจมตีรึเปล่าคะ?
[Cren] – ก็ไม่เชิงนะ และผมก็ไม่ใช่ฮันเตอร์หรือผู้กล้าหรือะไรที่สำคัญทั้งนั้นแหละ คุณไม่จำเป็นต้องแวะคุยกับผมก็ได้
[Aloy] – เอาละ คุณจะเป็นใครก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าคุณบาดเจ็บ เกิดอะไรขึ้นหรอ?
[Cren] – ผมชื่อ Cren เพิ่งไปทดสอบฝีมือที่ Hunter Ground เพื่อเพิ่มทักษะของผมอ่ะนะ ผลออกมา ไม่ค่อยดีนักหรอก 

[Aloy] – (Hunter Ground) คุณบาดเจ็บจากสนามทดสอบฮันเตอร์หรอ ยังไงละ?
[Cren] – ก็หลายอย่าง ต้องเล็งยิงไปที่ Canister ของกวาง Grazer แล้วธนูผมก็หัก แล้วก็ ชักเถอะ มันไม่ค่อยน่ารู้นักหรอก ผมก็แค่ต้องฝึกอีกหน่อยเท่านั้นแหละ ถ้าอยากมีฝีมือที่ดีขึ้น Hunter Ground นี่แหละเหมาะสุดแล้ว พวกเขามีคอสการฝึกเหมือนกันทดสอบถ้าคุณผ่านพวกเขาก็จะให้ตรากับคุณ The Keeper คือผู้ทดสอบ กระท่อมเขาอยู่บนเนินเขาทางเหนือของที่นี่ ถ้าคุณคิดว่าเจ๋งพอก็ลองแวะไปทดสอบกับเขาได้ตลอดนะ 



[Aloy] – (I Shouldn’t talk to you) แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าชั้นไม่ต้องพูดกับคุณก็ได้ละ
[Cren] – ผมไปขโมยธนูจนถูกไล่ออกจากเผ่าน่ะ ก่อนที่จะมีพิธีทดสอบผู้กล้า ตอนนี้ผมคงสู้เพื่อเผ่าไม่ได้อีกแล้วละ ผมก็เลยต้องมาอยู่ในป่าแบบนี้ แล้วทำไมผมต้องไปฝึกฝีมือไปเพื่ออะไรนะหรอ พูดตรงๆเลยคือ ดีใจที่ Keeper เขายอมพูดกับผมนะสิ ผมว่าเขาอาจโดนเนรเทศมาเพราะดูเขาไม่สนกฎของเผ่าเท่าไหร่เลย 
[Aloy] – มีอะไรให้ชั้นช่วยได้ก็บอกนะ
[Cren] – ไม่เป็นไร ผมโอเค พ่อผมพูดเสมอแหละว่า สรรพมารดรมีแผนสำหรับผมเสมอ จากนั้นเขาก็ขี่ Strider ไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย 
[Aloy] – ถ้างั้นชั้นคงต้องไปก่อนนะ 
[Cren] –  อืมม ระวังตัวด้วยละ แล้วก็ ถ้าเธออยากจะฝึกฝีมือก็ลองแวะไปที่ Hunter Ground ที่อยู่ทางเหนือของที่นี่ ลองไปคุยกับ The Keeper ดูนะ 

เมื่อคุยกับ Cren จบก็จะมี Quest ย่อยกันใหม่เพิ่มขึ้นมาก็คือ Nora Hunting Ground ในหัวข้อ Hunter Ground ของเมนูรวม Quest จากนั้นกำหนดภารกิจเป็น Nora Hunting Ground แล้วเดินทางต่อไปที่จุดหมายของภารกิจที่กระท่อมด้านบนเนินเขาเพื่อเข้าไปคุยกับ The Keeper ผู้ควบคุมการทดสอบของฮันเตอร์


                            Hunt Quest : Nora Hunting Ground [LV8]                                    






[Aloy] – ชั้นคุยกับ Cren มาเขาบอกว่าที่นี่คือ Hunting Ground ที่ทดสอบความสามารถใช่มั๊ยคะ? 
[Nora Keeper] – เจ้าโง่ Cren ไม่ใช่ฮันเตอร์ที่ดีนักหรอก แต่ครั้งหลังสุดมันก็ทำได้ดีขึ้นนะ  หืมม เธอมีตราของผู้แสวงหาด้วยหรอ ได้แต่เคยได้ยินเพิ่งเคยเห็นของจริงวันนี้แหละ เธอได้รับอณุญาติจากแม่เฒ่าสูงสุดให้ออกนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรอ? 
[Aloy] – ใช่คะ แต่เป็นภารกิจอย่างไม่เป็นทางการ
[Nora Keeper] – งั้นหรอ ถ้าแบบนั้นบางทีเธอกับชั้นจะได้พูดกันอย่างตรงไปตรงมาได้ จริงๆแล้วชั้นทำธุรกิจให้กับเผ่า Carja เป็นตัวแทนให้องค์กรนึงที่เรียกว่า Hunter Lodge ใน Meridian พวกเรามีหน้าที่ทดสอบฮันเตอร์รุ่นใหม่ๆด้วยหลักสูตรของนักล่าในสถานที่ทดสอบที่เราเรียกว่า Hunting Ground อย่างเช่นที่นี่ เธอเองก็มีคุณสมบัติตามที่เราต้องการ ทำไมไม่ลองทดสอบตามหลักสูตรฮันเตอร์ของเราดูซักครั้งละ? พูดให้ชัดๆคือผมจะพอใจมาก ถ้าคุณเก็บการสนทนาของเราเอาไว้เป็นความลับโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่คุณเดินทางกลับไปหาแม่เฒ่าสูงสุด




[Aloy] – (More about you) จริงๆคุณไม่ควรอยู่ที่นี่ใช่มั๊ยล่ะ?
[Nora Keeper] – เปล่าๆ ผมกับเพื่อนออกมาจากดินแดนของเราแล้วก็จะกลับไปอีก ไปๆมาๆแบบนี้แหละพวกแม่เต่าสูงสุดไม่ได้ยินยอมหรอก เราเป็นนักล่าด้วยใจ เราแอบออกมาจากดินแดนเรายอมแหกกฎก็เพราะเราอยากเจอสัตว์จักรกลแบบใหม่ เพราะงั้นแหละทาง Hunter Lodge ถึงยอมให้เราทำงานให้ แต่ทาง Carja ก็คงไม่ยอมรับหรอกถ้าเขารู้ว่าเรามาจากเผ่า Nora เราเลยต้องแต่งตัวด้วยชุดของเผ่า Carja เวลาไปติดต่อกับพวกเขา หลังจากนั้นก็เหมือนกันเราอยู่ระหว่างโลกใหม่ มันเป็นที่ที่ไม่ใช่ Carja ไม่ใช่ Nora ทำให้เราเหมือนไม่มีบ้านอย่างตายตัวอีกต่อไป มีแค่ Hunting Ground ที่เป็นพื้นที่ของพวกเรา
[Aloy] – คุณว่ามันดีมั๊ยละ มาอยู่ที่นี่โดยไม่ได้รับการยินยอมจากแม่เฒ่าสูงสุด?
[Nora Keeper] – ก็ไม่เชิง แต่เราไม่เชื่อในกฎแบบนั้น เพราะเรารู้ว่าโลกมันกว้างใหญ่กว่านั้นมันจะแย่มากถ้าเราจะไม่สนใจอะไรเลย

[Aloy] – (About the Trials) อธิบายให้ชั้นฟังเรื่องการทดสอบหน่อยสิ
[Nora Keeper] – Hunter Lodge สร้าง Hunting Ground ขึ้นมาทั่วโลกเพื่อเป็นสถานที่สำหรับทดสอบ เป็นสถานที่ที่ให้เหล่าฮันเตอร์มีโอกาสได้พัฒนาความสามารถของพวกเขา
[Aloy] – ชั้นจะได้อะไรถ้าผ่านการทดสอบของพวกเขาละ?
[Nora Keeper] – ความภาคภูมิใจหรือตราสัญลักษณ์ นั่นก็แล้วแต่ว่าเธอจะรู้สึกกับมันยังไง ที่นี่เราแค่นำเสนอเครื่องมือเสริมในการทดสอบให้ก็แค่นั้น 
[Aloy] – เครื่องมือแบบไหนคะ?
[Nora Keeper] – การล่าสัตว์นั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องของธนูเท่านั้น มันเป็นเรื่องของสิ่งต่างๆรอบตัวที่เธอต้องรู้จักหยิบมาใช้ประโยชน์ด้วย แล้วเธอจะเข้าใจเองเมื่อเริ่มการทดสอบ

[Aloy] – (Hunter Lodge) Hunter Lodge คืออะไรคะ?
[Nora Keeper] – Hunter Lodge คือกลุ่มของฮันเตอร์ที่มีฝีมือสูงสุดของเผ่า Carja ในดินแดนของ Meridian ที่เคยไล่ล่ากำจัดสัตว์จักรกลระดับสูงมาหมดแล้วทุกตัว เธอเองก็จะได้เจอพวกเขานะถ้าผ่านการทดสอบให้ครบ 3 ด่าน ถ้าเธอผ่านในระดับต่ำสุดก็จะได้ตรา Half sun มาครบ 3 อัน มันก็จะเป็นเสมือนใบผ่านทางไปพบพวกเขา เลือกด่านการทดสอบได้เลยแล้วผมจะอธิบายกฎให้ฟังก่อนเริ่มลุย





การเข้าทำการทดสอบก็ต้องคุยกับ The Keeper แล้วเลือกคอสการทดสอบทีละคอส ฟังคำอธิบายเป้าหมายของการทดสอบ จากนั้นก็เลือก Accept Trial  โดยแต่ละคอสก็จะเป้าหมายในการทดสอบต่างกัน ประกอบด้วย

1.Part Alone Trial เป้าหมายคือการ ใช้ Focus มองดูจะเห็นจุดอ่อนของกวาง Grazer เป็นสีเหลืองๆ จากนั้นก็ยิงเฉพาะ Canister ของกวาง Grazer ให้ตกจากตัวมัน ตามจำนวนที่กำหนดคือ 10 ตัว (ถ้าใช้ธนู Carjar Sharpshot Bow ที่มีธนูหัวระเบิดจะทำเวลาได้เร็วมากๆ)


ตราทอง ภายในเวลา 01:30 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 02:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

2.Logpile Trial เป้าหมายคือ ใช้กับดักไม้ซุงให้ถล่มลงมาฆ่ากวาง Grazer ให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด 3 ตัว ภายในพื้นที่จะมีเส้นทางเดินอยู่ 3 ทางและบนเนินระหว่างทางเดินสังเกตดูจะมีไม้ซุงที่ถูกผูกอยู่กับแผ่นไม้ เมื่อเอาธนูยิงแรงๆจากด้านหลังจะทำให้ไม้ซุงตกลงไปโดนพวกกวาง Grazer จนตายได้




 เมื่อเริ่มทดสอบ เข้าไปยิงไม้ซุงให้ตกลงมาขวางเส้นทางต่างๆที่ไม่ต้องการให้กวางไปก่อน แล้วค่อยมาวางกับดักลูกโปงระเบิด (Detonating Blast Trap)  เมื่อยิงจนลูกโป่งระเบิดกวาง Grazer จะตกใจวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ จากนั้นก็รีบขึ้นเนินไปยิงไม้ซุงให้ตกลงมาให้ทันเพื่อฆ่ามันให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด 3 ตัว (ซึงส่วนใหญ่แล้วกวางจะวิ่งไปในเส้นทางที่ 3 ด้านขวาสุด)

ตราทอง ภายในเวลา 02:00 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 05:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

3. Blast wire Trial (ต้องมีอาวุธ Carja Tripcaster ก่อน โดยสามารถซื้อได้ที่คนขายของที่กระท่อมของ The Keeper) เป้าหมายคือใช้ ปืนเชือกกับดักเชือกติดระเบิด (Blast Wire) ที่เป็นฟังก์ชั่นเสริมของ Carja Tripcaster ฆ่ากวาง Grazer ให้ได้ 6 ตัว เทคนิคในการทำเวลาให้เร็วที่สุดคือ เริ่มจากเข้าไปใช้กับดักเชือกขึงไว้ตามเส้นทางทั้ง 3 ทางก่อน ขึงเชือกด้วยจำนวนกับดักให้มากเท่าที่จะทำได้แล้วค่อย ทำให้กวางตกใจด้วยกับดักระเบิดหรือธนูระเบิด รอดูว่ามันวิ่งไปในทางไหนมากที่สุดก็เข้าไปรอซ้ำที่เส้นทางนั้นด้วยการยิงกับดักเขือกดักพวกกวางที่รอดจากการระเบิดต่อ

     

ตราทอง ภายในเวลา 03:00 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 06:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป


หากทำให้สำเร็จตามเงื่อนไขภายในเวลากำหนด ก็จะได้รางวัลจากกรอบเวลาของรางวัลต่างๆ ดังนี้



                                            ตราทองแดง ได้ กล่องรางวัล Half sun Box 
                                              ตราเงิน ได้ กล่องรางวัล Full sun Box
                                            ตราทอง ได้ กล่องรางวัล Blazing sun Box
                                      ตราทองแดง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Half sun Box
                                         ตราเงิน 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Full sun Box
                                         ตราทอง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล + 1 Skill Point 



เมื่อผ่านการทดสอบทั้ง 3 ด่านแล้ว (ผ่านด้วยรางวัลอะไรก็ได้) ก็จะสามารถปลดล็อกและเข้าทำ Errand Quest: Hunting For The Lodge ที่ออกมาใหม่ได้ แต่เป้าหมายของภารกิจนี้นั้นเส้นทางของภารกิจยังต้องเดินทางอีกไกลจึงต้องพักเอาไว้ก่อน 




หลังจากจบภารกิจ Hunting Ground นี้แล้วก็จะเป็นการปลดล็อกจุด Hunting Ground  หรือกระท่อมทดสอบนักล่าตามจุดต่างๆในพื้นที่ให้เห็นเป็นเครื่องหมายรูปธนู หากผ่านไปพบเห็นก็อย่าลืมแวะเข้าไปทดสอบเพื่อเก็บรางวัลด้วย 






จาก Hunting Ground เดินทางขึ้นเหนือต่อ ไล่เก็บ Metal Flower ผ่านแคมป์ไฟเซฟและพ่อค้าขึ้นเหนือต่อจนพบชายคนนึงที่ในจุดเครื่องหมาย ! สีเขียวในแผนที่




[Nil] – ข้างหน้ามันอันตรายนะสาวน้อย
[Aloy] – อันตรายสำหรับคุณรึเปล่าคนต่างแดนที่นี่แผ่นดิน Nora นะ
[Nil] – ใช่ๆๆ การบุกรุกเป็นเรื่องต้องห้ามจะทำให้เกิดความตายที่แสนเจ็บปวดทรมาน แปลกต้องวลีที่ว่า เจ็บปวดทรมาน นี่แหละ ... ดูนะ หมอนี่จะไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว 
[Aloy] – เขาเป็นใครหรอ?
[Nil] – เป็นโจร ทาส เป็นนักฆ่า จะเรียกไอ้นักฆ่านี่ด้วยชื่อเลวๆแค่ไหนก็เรียกไปเถอะ
[Aloy] – Varl เคยบอกกันชั้นเรื่องให้ระวังพวกโจรป่าที่จะดักปล้นระหว่างทาง
[Nil] – แหม่ นั่นไม่ใช่ข่าวดีทั้งหมดหรอก พวกมันไม่ได้มาซุ่มดักปล้นอย่างเดียวหรอก ส่วนใหญ่มันขุดมุดเข้าไปในแค้มป์นั่งรอเชือดมากกว่า
[Aloy] – เว้นเสียแต่ว่า .. จะมีใครซักคนต้องทำอะไรซักอย่างกับเรื่องนี้ใช่มั๊ย?
[Nil] – ผมชอบคุณจริงๆเลย ตามรอยควันไฟไป  ฝั่งตรงข้ามของโบราณสถาน ผมจะรออยู่ที่นั่นนะ




หลังจากคุยกับ Nil จบก็จะปลดล็อกเควส Bandit Camp – Devil’s Thirst ออกมาให้ทำ เป้าหมายของภารกิจจะอยู่ไกลออกไปทางทิศเหนือ

 

จากนั้นเมื่อเดินตรงไปตามทางต่ออีกหน่อย Focus ของ Aloy จะได้รับสัญญาณจากสัตว์จักรกลขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกมาทางทิศตะวันออก



         


จะทำให้ได้เควสย่อยอันใหม่มาอีกกันคือ TALLNECK : Devil’s Thirst จุดหมายของภารกิจจะอยู่ทางทิศตะวันออก

   


เมื่อเดินขึ้นเหนือต่อมาจนถึงแค้มป์ไฟตรงที่มีพ่อค้าขายของ เมื่อกำหนดภารกิจที่ Side Quest: Ancient Armory จะพบว่าจุดหมายของภารกิจนี้จะอยู่ด้านซ้ายของแค้มป์ไฟ


เมื่อเข้าไปสำรวจจะพบทางลงโพรงถ้ำด้านใต้ของซากโครงเหล็ก ระหว่างทางจะเจอ Metal Flower ให้เก็บ ว่ายน้ำตื้นๆเข้าไปจนถึงด้านในสุดคือ Bunker ลับซ่อนอยู่



เข้ามาสำรวจทางด้านขวาของห้องจะพบประตูทางเข้าที่ปิดอยู่กับสวิตซ์หมุนรหัสเปิดประตู 5 อัน ช่องว่างที่หายไป 2 ช่องนั้นจะต้องใช้ Power Cell 2 อันใส่เพื่อเปิดการทำงานของที่หมุนรหัสทำงาน โดยตอนนี้ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นั้นเราสามารถเก็บ Power Cell ได้แล้ว 2 อันคือ อันแรกเก็บได้ที่ถ้ำแรกที่ Aloy ตกลงไปในตอนเด็กกับอีกอันที่สามารถเก็บได้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ Aloy เข้าไปรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บหลังจากถูกศัตรูลอบโจมตีในงานคัดเลือกผู้กล้า ซึ่งได้เขียนบอกในบทสรุปเอาไว้หมดแล้ว


 เมื่อนำ Power Cell 2 อันมาใส่จนครบที่สวิตซ์หมุนรหัสก็จะเริ่มทำงาน ตอนนี้ต้องหมุนให้แถบสีแดงของสวิตซ์ทั้ง 5 ไปตามทิศทางต่างๆให้ถูกต้องประตูถึงจะเปิด คำบอกใบ้นั้นคือตัวเลขทางด้านขวาสุดของพนัง


 ตัวเลข 1200 หมายถึงเลข 12
 เลข 1500 หมายถึงเลข 3 (บ่าย 3)
 หมายเลข 1800 หมายถึงเลข 6 (6 โมง)
หมายเลข 2100 หมายถึงเลข 9 ( 3ทุ่ม)
หมายเลข 0000 หมายถึงเลข 0 (เที่ยงคืน)

จากนั้นก็หมุนสวิตซ์ให้แถบสีแดงไปตามทิศทางของตัวเลขที่บอกใบ้ไว้ดังนี้  (นับจากซ้ายไปขวา)
บน – ขวา – ล่าง – ซ้าย – ขึ้น ประตูก็จะเปิดออก


เมื่อเข้าไปด้านในจะพบว่ามันเป็นที่เก็บของชุดเกราะ Ultra Weaver Armor แต่ยังไม่สามารถเอามาใช้ได้ตอนนี้เพราะยังปลดระบบรักษาความปลอดภัยไม่หมด ลองออกไปอีกด้านของห้อง ที่ผนังฝั่งซ้ายยังมี สวิตซ์หมุนรหัสเปิดประตูอีก 5 อัน ที่มีช่องว่างที่หายไป 3 ช่อง


ซึ่งจะต้องใช้ Power Cell อีก 3  อันมาใส่เพื่อเปิดการทำงานของที่หมุนรหัสทำงาน โดย Power Cell อีก 3 อันนั้นสามารถหาได้ระหว่างการทำภารกิจต่างๆในหนทางข้างหน้า ตอนนี้ทำได้แค่นี้ เก็บไอเทมด้านในให้หมดแล้วกลับออกจาก Bunker นี้ได้เลย 


จากนั้นกำหนดภารกิจที่ Quest - TALLNECK : Devil’s Thirst จุดหมายของภารกิจจะอยู่ทางทิศตะวันออกเพื่อตามหาสิ่งที่ตอบรับสัญญาณกับ Focus ของ Aloy ต่อ


                            QUEST - TALLNECK : Devil’s Thirst                     




เมื่อเดินทางมาถึงจุดเป้าหมายของภารกิจก็จะพบเจ้า Tallneck สัตว์จักรกลรูปทรงยีราฟขนาดใหญ่เดินวนรอบซากอาคารอยู่ เข้าไปที่กลางซากตึกจะพบบันไดขึ้นไปชั้นบน



รอที่ริมระเบียงด้านบนจนกว่า Tallneck เดินเข้ามาใกล้ก็โดดเกาะไปตามตัวของมันแล้วปีนขึ้นไปด้านบนจนสุดสำรวจที่แกนกลางด้านบนของมัน ทำการ Override มันซะ Tallneck จะปล่อยคลื่นพลังไปทั่วจนสามารถเปิดแผนที่ให้เห็นลายระเอียดของพื้นที่โซนนี้ทั้งหมด การทำการ Override Tallneck ก็คือการเปิดแผนที่ของโซนนั้นๆนั่นเอง

     


หลังจากจบภารกิจ TALLNECK นี้แล้วก็จะเป็นการปลดล็อกจุด TALLNECK  หรือจุดที่อยู่ของเจ้า Tallneck สัตว์จักรกลคอยาวคล้ายยีราฟในพื้นที่ให้เห็นเป็นเครื่องหมายรูปตัวเจ้า Tallneck  หากผ่านไปพบเห็นก็อย่าลืมแวะเข้าไปปีนขึ้นไปทำการ Override มันเพื่อเปิดทัศนียภาพของแผนที่ให้กว้างขึ้นด้วย


   

จากนั้นกำหนดภารกิจที่ Main Quest: THE WAR CHIEF’S TRAIL ซึ่งเป็นภารกิจหลักอีกอันควบคู่กับภารกิจหลักอันแรก ที่จุดเป้าหมายของภารกิจคือพื้นที่เกิดเหตุในการหายตัวไปของแม่ทัพ Sona ที่ Varl ขอร้องให้ Aloy มาค้นหานั้นอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของ Tallneck มากนัก เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจทางตะวันตกก็จะพบกับจุดพื้นทีเกิดเหตุที่หน่วยรบของ แม่ทัพ Sona ถูกลอบโจมตี



                        Main Quest: THE WAR CHIEF’S TRAIL



เมื่อเข้ามาถึงในพื้นที่จุดเกิดเหตุที่กองทัพของแม่ทัพ Sona ถูกลอบโจมตี ใช้ Focus สแกนหาเบาะแสตามร่องรอยต่างๆในพื้นที่ให้ทั่วๆ



[Aloy] – มีร่องรอยของสัตว์จักรกลมากมายเลย ทั้งหมดถูกควบคุมโดยพวกเผ่านักฆ่า ดูเหมือนนักรบของ Nora จะจัดการผู้ควบคุมมันได้ โจมตีได้หนักหน่วงมากๆด้วย พวกเขาคนของเขาตามลงไปที่เนินด้านล่าง ก่อนที่พวกนักฆ่าจะส่งสัตว์จักรกลละลอก 2 เข้ามาโจมตี หืมม นั่นผู้รอดชีวิตนี่ ?




[Dran] – ท่านผู้กล้า ข้าขอคุยด้วยหน่อยสิ ... ศพผู้เสียชีวิตกับพวกผู้บาดเจ็บถูกเคลียร์หมดแล้ว แล้วไม่มีผู้กล้าที่มีความสามารถในการรักษามาด้วยหรอ? 
[Aloy] – มีแค่ชั้นนี่แหละ คุณบาดเจ็บหรอ ? ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
[Dran] –  ไม่เห็นหรือไง? มันเกิดเรื่องบ้าคลั่งเกิดขึ้นที่นี่ แต่แม่ทัพ Sona ดันส่งผมรออยู่เพื่อคอยส่งข่าวให้คนอื่นรู้ข่าว  รู้สึกไม่ดีเลย ที่ผมไม่ได้ช่วยเหลือท่านแม่ทัพแบบนี้ 

[Aloy] – ( Did Sona find the Killer) Varl บอกว่าแม่ทัพกำลังตามรอยของพวกเผ่านักฆ่า ตกลงเธอเจอพวกมันรึเปล่าคะ
[Dran] –   เราตามรอยของพวกมันไป คืนแล้วคืนเล่า จนพวกมันส่งพวกสัตว์จักรกลออกมาโจมตีขัดขวางพวกเรานับครั้งไม่ถ้วยตลอดทางเลย อาการบาดเจ็บของผมทำให้ท่านแม่ทัพส่งผมกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อรายงานผลแทนเพราะเธอไม่ยอมให้ผมเดินทางไปสู้ต่อ

[Aloy] – ( The ambushed) แล้วคุณได้อยู่ที่นี่ตอนกองทัพถูกลอบโจมตีหรือเปล่า? 
[Dran] –   อยู่สิ ผมคิดว่าหลังจากที่ได้พิสูจน์ฝีมือในงานนี้จะทำให้ชีวิตผมดีขึ้น แต่ผมคิดผิด ท่านแม่ทัพกลับมาช้าเพราะมัวแต่รวบรวมคนเพื่อแก้แค้น หน่วยของเราเลยติดกับดักของพวกศัตรูกันอยู่ที่นี่ ผู้กล้า 12 คนโดนฆ่าตายภายในเวลาไม่กี่นาที ถ้าท่านแม่ทัพ Sona มาช่วยเราไม่ทันก็คงต้องตายกันหมดแน่นอน 

[Aloy] – ( Where is Sona?) Varl ขอให้ชั้นมาตามหาแม่ทัพ Sona คุณพอรู้มั๊ยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
[Dran] –  เท่าที่ผมจะบอกได้คงเป็นตรงที่ที่ผมแยกจากคณะของท่านแม่ทัพ  อยู่ใกล้ๆกับ Metal Tower ทางใต้ของโบราณสถานในเขต Devils Thirst ให้มองตรงไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ปลายหน้าผา คุณคงต้องไปคนเดียวนะส่วนผมคงต้องกลับหมู่บ้านก่อนจะต้องไปรายงานให้ Varl กับคนอื่นๆก่อน ขอให้สรรพมารดรจงนำความเข้มแข็งมาสู่คุณด้วย  

คุยจบเดินทางไปตามจุดเป้าหมายของภารกิจจุดต่อไปที่จุดสุดท้ายที่ Dran แยกทางกับแม่ทัพ Sona ซึ่งจะอยู่ติดกับภูเขาทางฝั่งตะวันออกของแผนที่ เมื่อเข้ามาถึงเป้าหมาย จากนั้นใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยแล้วตามรอยไปต่อเรื่อยๆจนถึงก้อนหินขนาดใหญ่ตามที่ Dran บอกเอาไว้จากนั้น


[Aloy] – ร่องรอยมาสิ้นสุดที่นี่ มาดูซิว่าเธอไปที่ไหนต่อ พวกเขาคงมาพักที่นี่ได้ซักพัก แค่ชั่วคราว แต่การจะเดินทางต่อก็คงไม่ง่ายหรอกเพราะทุกคนเพิ่งผ่านการถูกลอบโจมตีมา ...อืมม ลูกธนูนั่น พวกผู้กล้าสร้างมันเพิ่มก่อนออกเดินทาง แล้ว ธนูนั่นผ่านการใช้งานอย่างหนักเลย อาวุธถนัดมือแบบนี้ คงไม่มีใครเจตนาจะทิ้งไว้แน่นอน แล้ว Sona อยู่ไหนนะ? …ซากกระตายที่ถูกแขวนบนต้นไม้นั่นร่องรอยกาถลกหนังยังสดอยู่เลย แสดงว่า Sona กับคนของเธอคงยังไม่ได้ไปไหนไกลแน่นอน ... มีเสื้อผ้าของผู้บาดเจ็บกองอยู่ คงจะไม่ได้คนบาดเจ็บแค่คนเดียวซะแล้ว  ดีเลย รอยเลือดอาจทำให้ Focus ชั้นตามรอยต่อไปได้ 



จากนั้นใช้ Focus ตามรอยเลือดด้วยการกด R1 Highlight track ตามรอยสีม่วงไปตามทางจนถึงซากของ Sawtooth ทิ่ริมหน้าผา


       


ในขณะที่ Aloy กำลังเข้าไปสำรวจเพื่อหาเบาะแสต่อไป Sawtooth ตัวเป็นๆขนาดใหญ่ก็กำลังคืบคลานเข้ามาจากด้านหลังอย่างช้าๆ แต่โชคดีที่ Aloy รู้ทันมันทุกย่างก้าว



ก่อนจะหยิบธนูที่อยู่ใกล้แล้วเตรียมหันไปเผชิญหน้า มือง้างคันธนูรอท่าอย่างท้าทาย Sawtooth วิ่งกรูเข้าหาหมายจะขย่ำ






ธนูดอกปริศนาก็ถูกยิงออกมาใส่หน้าจนตกหน้าผาไป ด้วยฝีมือของแม่ทัพ Sona ที่ยิงออกไปอย่างช่ำชอง


[Sona] – เธอโชคดีนะที่ชั้นช่วยเอาไว้ทัน เพราะถ้าช้าไปแค่หนึ่งอึดใจเดียว ไอ้ Sawtooth นั่นมันฉีกเธอเป็นชิ้นในพริบตาแน่นอน 
[Aloy] – ชั้นว่าแค่ครึ่งอึดใจชั้นก็คงฆ่ามันได้ก่อนแล้วมากกว่ามั้ง เอ่อ คุณคือแม่ทัพ Sona ใช่รึเปล่า พอดี Varl เขาให้ชั้นมาตามหาคุณน่ะ 
[Sona] – เขาป้องกันประตูเอาไว้ได้หรือเปล่า?
 [Aloy] – ได้คะ อย่างกล้าหาญด้วย คุณต้องเห็นตอนที่เขาฆ่าหุ่นพวกนั้น แต่ เขาห่วงคุณมากนะคะ
[Sona] – เผ่าของเราต้องการความเข้มแข็ง ไม่ต้องการความรู้สึก ชั้นออกตามหาพวกเผ่านักฆ่าที่โจมตีงานทดสอบ ชั้นกระหายที่จะแก้แค้นจนตัวสั่น แล้วเธอล่ะ ?
[Aloy] – หึหึ อยากแก้แค้นมั๊ยน่ะหรอ? คุณนึกไม่ถึงเลยละ 
[Sona] – ถ้างั้นโชว์ความแข็งแกร่งของเธอให้ดูหน่อยสิ ตามมา !


                   วิ่งตาม Sona ไปตามทางจนถึงที่หมายที่ค่ายของพวกเผ่านักฆ่า



[Sona] – เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ชั้นได้ส่งคนของชั้นลงไปซุ่มรออยู่ตามต้นไม้ด้านล่างหมดแล้ว ทุกคนพร้อมจะโจมตีทันทีเมื่อชั้นสั่ง พวกศัตรูกับสัตว์จักรกลของพวกมัน เราเรียกว่า demonic Machines นั้นมีจำนวนมากกว่าเยอะก็จริง แต่เราก็มีความโกรธแค้นเป็นทุนของพวกเรา
[Aloy] – ชั้นว่าเราควรจะมีมากกว่านั้นนะ 
[Sona] – ว่าไปซิ 
[Aloy] – ถังพวกนั้นคือ Blaze เราน่าจะเผามันได้ พวกมันใช้ในการระเบิด เป็นสิ่งที่พวกมันใช้ขุดที่นี่จนเป็นหลุมขนาดใหญ่ได้ 
[Sona] –  ถ้าเราเอาไฟไปใส่มัน ... แล้วไงต่อ?
[Aloy] –  บึ้ม !!!
[Sona] – งั้นเราก็ลุยกันเลย
[Aloy] –   โว้ ! ใจเย็น รีบหรอ? ขอเวลาชั้นแปบนึงที่จะเข้าประชิดพวกมันก่อน ทันทีที่ชั้นเริ่มป่วนพวกมันเมื่อไหร่ ก็เริ่มเปิดฉากโจมตีได้เลย 
[Sona] –   ก็ได้ ไหนขอดูหน่อยสิว่าเธอจะทำอะไรได้ 


เป้าหมายที่ต้องทำในภารกิจนี้คือ กำจัดศัตรูและสัตว์จักรกลของพวกมันให้หมด โดยมีเป้าหมายรอง (Optional Mission)  คือ ต้องใช้ธนูไฟยิงทำลายถังระเบิดสีเขียวให้ระเบิดให้หมดทุกถัง โดยสามารถเลือกวิธีการการต่อสู้ได้อย่างอิสระ แต่ศัตรูค่อนข้างมีจำนวนมากกว่าแถมยังมีอันตรายเกินกว่าที่จะปะทะตรงๆ การลอบฆ่าจึงเป็นทางรอดสำคัญในการตัดกำลังศัตรูให้ได้มากที่สุด


 จากนั้นทันทีที่เปิดฉากการโจมตีศัตรูจนมันรู้ตัวทีมของ Sona จะเริ่มโจมตีตามเป็นกำลังเสริมทันที พยายามทำลายถึงระเบิดสีเขียวให้หมด 6 ถังเพื่อทำ Optional Mission ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยจัดการศัตรูให้หมดเพื่อจบภารกิจ




[Sona] – นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของพวกมัน ตอนเราถูกลอบฆ่าชั้นนับได้มากกว่านี้ ต่อให้ต่อล่าพวกมันอีกซัก 50 ราตรีชั้นก็จะทำ จนกว่าจะเจอตัวพวกมันทั้งหมด    
[Aloy] –  แต่คุณบาดเจ็บและเสียเลือดมากนะ
 [Sona] – สุขภาพของชั้นนะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะมาห่วงหรอก 
[Aloy] – ไม่มีใครที่สงสัยในความมุ่งมั่นตั้งใจของคุณหรอก แต่คุณต้องการพักผ่อน




[Varl] – เธอพูดถูกนะท่านแม่ทัพ ให้เวลาบาดแผลคุณได้พักรักษาบ้างเถอะนะ
[Sona] – Varl นายมาทำอะไรที่นี่? ชั้นสั่งให้ปกป้องประตูนั่นไว้ด้วยชีวิตไง!
[Varl] – ผมเกรงว่าผมทำได้อย่างเต็มที่แล้วครับ จนกระทั้งมีผู้รอดชีวิตมาส่งข่าวเรื่อง Aloy และตำแหน่งของท่านแม่ทัพ แม้ผมจะทิ้งประตูนั่นมาแต่ที่นั่นก็มีทหารมากพอที่จะป้องกันมันได้ เพราะที่ที่ผมต้องการอยู่จริงๆคือ ที่นี่ กับคุณ กับการแก้แค้นของพวกเรา ผมไม่มีสิทธิที่จะทำแบบนี้งั้นหรอ? 
[Aloy] – เอ่อ ชั้นของลองมองหาเบาะแสรอบๆแถวนี้ดูหน่อยดีกว่าเผื่อจะได้เบาะแสของพวกนักฆ่าว่าฐานจริงๆของมันอยู่ที่ไหน
[Sona] – อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ชั้นก็จะสั่งให้ทุกคนช่วยหาเหมือนกัน



จากนั้นใช้ Focus ตามรอยเท้าด้วยการกด R1 Highlight track ตามรอยสีม่วงไปตรงที่พักสุดทางฝั่งขวาก็จะพบอุปกรณ์สื่อสารวางอยู่ ใช้ Focus อ่านบันทึกการสนทนาของพวกมันซะ




[คนของเผ่าอุปราคา (Eclipse)] – ท่านผู้บัญชาการณ์ หลายเดือนที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุ Blaze ระเบิดขึ้นทำให้คนของตายไป 12 คนที่นี่ ในวงแหวนแห่งเหล็กกล้า (Ring of Metal) ผมจึงจัดทำมาตรการป้องกันเอาไว้ในทุกๆคลังพัสดุที่ใช้สำหรับเก็บ Blaze ของเราให้เสมือนเป็นที่กำบังอย่างดี ทำให้สามารถป้องกันการหักเหของไฟฟ้าและสายฟ้าและให้มีการเพิ่มเวรยามให้คอยเฝ้าทางเข้าเอาไว้ด้วย ผมอยากจะให้ท่านเห็นด้วยและช่วยผลักดันให้ใช้มาตรการนี้เหมือนกัน หรือ หากไม่ทำก็ขอให้ท่านยอมรับต่อผลที่จะเกิดตามมา …หัวหน้าฝ่ายส่งกำลังบำรุง Thiran เลิกการติดต่อ !
[Aloy] – มีโกดังเก็บ Blaze อยู่ในฐานของพวกมันหรอ? ถ้าเราระเบิดที่นั่นได้ก็แปลว่าเราชนะใสๆเลยน่ะ




[Aloy] – ชั้นพบข้อความบางอย่างในที่พักของพวกมัน ข้อความบอกถึงแค้มป์ของพวกมันอยู่ใน วงแหวนแห่งเหล็กกล้า (Ring of Metal) รู้มั๊ยคะมันหมายถึงอะไร 
[Sona] – พวกมันนี่ชั่วจริงๆ!! วงแหวนแห่งเหล็กกล้า (Ring of Metal) อยู่ใต้โบราณสถานที่ Devil’s Grief มันเป็นพื้นที่ต้องห้ามของพวกเรา ชั้นจะกลับไปหาคณะแม่เฒ่าสูงสุดเพื่อขออณุญาติให้ท่านยอมให้พวกเราผ่านเข้าไปเอง
[Aloy] – เกรงว่าเราคงไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกคะ
[Varl] – เลือดต้องล้างด้วยเลือด ! ถ้าพื้นที่นั่นมันต้องสาปก็ให้การล้างแค้นของเราทำให้มันศักดิ์สิทธิ์ซะ !!
[Sona] – เจ้าช่างกล้าดูหมิ่นนัก !!
[Varl] – ไม่เอาน่า ท่านแม่ทัพแหกกฎข้อห้ามบ้าบอนั่นเถอะ ! 
[Sona] – Devil’s Grief เป็นดินแดนต้องสาป  อืมม แต่ บางที Aloy ที่เป็นผู้แสวงหาที่ได้รับพรจากสรรพมารดรอาจช่วยปกปักษ์รักษาเราได้ ดีละ ถ้างั้นชั้นจะส่งผู้กล้าของหน่วยเราล่วงหน้าไปก่อนแล้วทุกคนให้มารวมตัวกันที่ผาทางทิศเหนือของ Red Echoes และเราจะเตรียมการโจมตีกันที่นั่น
[Aloy] – ฟังดูเป็นแผนที่เยี่ยมมากคะ งั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่นั่นก็แล้วกัน 



จบภารกิจนี้ก็จะได้ Main Quest: Revenge of the Nora เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ภารกิจ
จากนั้นกำหนดภารกิจที่ เควส Bandit Camp – Devil’s Thirst ต่อแล้วเดินทางไปตามจุดเป้าหมายของภารกิจทางทิศเหนือจะพบ Nil รออยู่ที่หน้าแค้มป์ของพวกโจร

** ถ้าดูจากแผนที่นั้น แค้มป์ของพวกโจร ที่เป็นรูปหัวกะโหลกไขว้สสีฟ้าในแผนที่นั้นจะอยู่ขั้นกลางระหว่างการเดินทางไปหา Nil ที่จุดนัดพบ เป้าหมายของภารกิจนี้คือยึดค่ายของพวกโจร ซึ่งจะสามารถจัดการพวกโจรให้หมดเพื่อยึดค่ายของพวกมันก่อนจะเข้าไปหา Nil ก็ได้ด้วยเช่นกันครับ **



[Nil] – ดีใจนะที่คุณมาได้ 
[Aloy] – คุณดีใจหรอ ทำไมละ?
[Nil] – ดีใจที่ได้เป็นหุ้นส่วนที่ได้ประโยชน์ร่วมกันไง เรียกผมว่า Nil นะ ดูนั่นสิ ต้องก้อนหินใหญ่ตรงนั้น รังของพวกโจร พวกมันยั้วเยี้ยหยั่งกับหนอนสกปรกเต็มไปหมด
[Aloy] – พวกโจรหรอ มันมาทำไมกันที่นี่ละ?
[Nil] – ก็ข่าวที่แพร่ไปว่า Nora กำลังปั่นป่วนเกิดความวุ่นวายจนไม่ผู้กล้าที่คอยป้องกันชายแดนไง พวกมันถึงเข้ามาพร้อมกับพวกเผ่านักฆ่าที่เข้ามาโจมตีหมู่บ้านเธอนั่นแหละ ผมกับเพื่อนแกะรอยตามไอ้พวกสวะนี่มาหลายวันแล้ว ไอ้เจ้าเพื่อนตัวดีมันดันแกะรอยเก่งกว่าเลยจะล่วงหน้าไปก่อน เราก็เลยมาเคลียร์กันถึงเรื่องนี้ จนผมเริ่มเข้าใจตอนที่เราต่างเล็งธนูเข้าหากันอยู่นานพอสมควร จนผมต้องพูดขึ้นก่อนว่า “เอาไงดีเรื่องของเราสองคน ทำงานกันต่อ ข้าแม่งให้หมดเลยดีมั๊ย?  แล้วมันก็หายไปไม่เจออีกเลย เดาว่าคงเสียท่าให้พวกโจรไปแล้วแน่ๆเลย



[Aloy] – (Who Are You?) ชั้นยังไม่รู้จักคุณเลยว่าเป็นใคร ไม่มีเหตุผลเลยที่ชั้นจะไว้ใจคุณ
[Nil] – ความเชื่อใจ คือ ไข่หายาก ใช่มั๊ยละ? ผมก็แค่นักเดินทางคนนึง กับธนูอันนึง ที่เป็นห่วงดินแดนนี้ และ ถูกเพื่อนทิ้งก็แค่นี้เอง 
[Aloy] – ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าคุณไม่มีอะไรแอบแฝงจริงๆ 
[Nil] – อืมม งั้นเอางี้ เธอเป็นพวกโจรรึเปล่า?
[Aloy] – ห๊ะ ! ไม่ใช่แน่นอน !
[Nil] – งั้นคุณก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวผมหรอก

[Aloy] – (All Right)  ก็ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีใครซักคนหยุดพวกมันไม่ให้ทำร้ายคนอื่นอีกต่อไป 
[Nil] – งั้นเราก็ต้องมาช่วยกันหยุดมันไม่ให้สร้างเสียงกรีดร้องในดินแดนนี้ได้อีก เอาละ ไปเลย จัดการพวกมันซะ ชั้นจะลองไปดูก็แล้วกันว่าเธอมีฝีมือขนาดไหน





                         QUEST - Bandit Camp : Devil’s Thirst [LV7]   

                   



ในค่ายของพวกโจรนั้นสามารถเข้าได้ทั้ง 2 เส้นทางคือจากทางทิศเหนือและใต้ เป้าหมายคือจัดการศัตรูให้หมดทุกตัว



ตรงกลางของพื้นที่จะมีกรงขังนักโทษซึ่งเป็นพวกนอกรีตของเผ่า Nora ถูกจับอยู่ 2 คน ลอบเข้าไปช่วยพวกเข้าให้มาเป็นพวกช่วยลุยด้วยก็ได้ เมื่อจัดการหมดแล้วเข้าไปคุยกับ Jom 1 ในพวกนอกรีตที่ถูกจับเป็นเชลยได้เลย




[Jom] – ผมขอนับถือด้วยใจจริงเลยที่ช่วยพวกเรา ของสรรพมารดรคุ้มครองคุณนะ
[Aloy] – บาดเจ็บรึเปล่าคะ? คุณต้องการอะไรอีกรึเปล่า?
[Jom] – แค่เห็นคุณจัดการพวกโจรจนหมดแค้มป์พวกเราก็ดีใจที่สุดแล้วล่ะ พวกมันเข้ามาปล้น เข้ามายึดแค้มป์ของเราตั้งแต่เมื่อคืน เราเองก็เป็นแค่พวกนอกรีต ไม่ใช่ผู้กล้าอะไรที่ไหน กำลังที่จะป้องกันตัวเองก็แทบจะไม่มี 




[Aloy] – (Where are your from?) พวกคุณมาจากไหนกันหรอคะ?
[Jom] – หลายคนรวมทั้งผมหนีมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่ง Nora มาเป็นปีแล้ว หมู่บ้านของพวกเราถูกเผาทำลายตอนเหตุการณ์ Red Raid ผมเองก็ละอายใจที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แต่เราเป็นพวกนอกรีตมานานก่อนที่ Carja จะเข้ามารุกรานอีก




[Nil] – เป็นไง รู้สึกดีมั๊ยละ? สูดความรู้สึกนี้เข้าไปให้เต็มลมหายเจ้าแล้วก็ปล่อยมันออกมาให้สะใจ
[Aloy] – ชั้นไม่พบเพื่อนคุณโดนจับอยู่เลยนี่ 
[Nil] – พวกมันอาจจะฆ่าเขาไปแล้วก็ได้ ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจหรอก มันอยากทำห้าวอวดดีลุยเดี่ยวเอง ชั้นคิดว่าเขากับชั้นตกลงกันแต่แรกแล้วว่าเราก็แค่สนุกกับการล่า ใครฆ่าโจรมากกว่าก็ชนะ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายใหญ่โตอะไรหรอก ป่านี้มันไว้ใจไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้ที่นี่ก็เหลือแค่ผมกับเจ้า “Voice of Our Teeth” เท่านั้น 
[Aloy] – คุณตั้งชื่อให้ธนูด้วยงั้นหรอ?
[Nil] – แล้วธนูเธอไม่มีชื่อหรอ?

[Aloy] – (Bandit?)  นายมีปัญหาอะไรกับโจรพวกนั้นรึเปล่า?
[Nil] – พวกมันมีปัญหาสำหรับพวกเราทุกคนนั่นแหละ ไอ้สวะ 50 ตัวนั่น มันสมควรตายแล้วละ
[Aloy] – งั้นก็แปลว่า คุณล่าพวกมันเพื่อช่วยคนอื่นงั้นหรอ?
[Nil] – เปล่าๆ เพื่อความสนุกส่วนตัวแค่นั้นแหละ ผมขี้เกียจมานั่งรอออกรบในสงครามน่ะ ชีวิตนี้มันสั้น การได้เสี่ยงตายมันได้ความตื่นเต้นดีจะตาย ไอ้จะฆ่าชาวเผ่าอื่นเล่นมันก็กลัวเวรเป็นกรรมตามมาสนอง จะล่าหมูป่า ก็ได้มาแค่เนื้อ แต่กับพวกโจร พวกมันชั่วร้ายที่พร้อมจะสู้ตอบโต้เสมอ และที่สำคัญ ไม่มีใครสนหรอกถ้าผมจะฆ่าพวกมันน่ะ 



[Aloy] – ( It’s for the Greater Good ) ชั้นเดาว่า นายพยามทำสิ่งที่ถูกด้วยเหตุผลที่ผิดๆ
[Nil] – ผมทำในสิ่งที่ผมรัก มันผิดด้วยรึไง?

[Aloy] – (Again Who are you) คุณไม่ใช่นักเดินทางธรรมดาแน่ๆ ชุดเกราะของคุณมันดีเกินไป ไหนจะธนูของคุณอีก 
[Nil] – ผมบอกว่าผมห่วงนักเดินทาง ไม่ใช่เป็นนักเดินทาง แต่เคยเป็นทหารเมื่อนานมาแล้ว ในสมัยที่ยังมีสงครามโน่นแหละ ที่ไหนที่มีลูกธนูทะลุผ่านระหว่างชุดเกราะกับเนื้อหนัง นั่นแหละที่ที่ผมจะอยู่ ดังนั้นผมจึงต้องสร้างโอกาสเพื่อให้ได้พบมันอยู่เสมอ มันเหมือนกันได้กลับบ้านยังไงยังงั้นเลย 
[Aloy] – คุณไม่คิดเรื่องที่จะล่าพวกสัตว์จักรกลบ้างหรอคะ?
[Nil] – อ่า ไม่ละ พวกมันไม่มีชีวิต ดูแววตาของมันสิ มีที่ไหน
[Aloy] – ภารกิจเราเสร็จแล้วใช่มั๊ย?
[Nil] – ที่นี่หรอ? ก็คงจะเป็นแบบนั้น แต่เราอาศัยอยู่ในโลกแห่งโบราณสถาน พวกโจรมันก็ซ่อนตัวอยู่ตามที่ต่างๆมากมายไม่ต่างจากโรคระบาดหรอก คุณคงไม่อยากให้ดินแดนของคุณเต็มไปด้วยโรคระบาดมันกัดกินอยู่แบบนี้หรอกใช่มั๊ยล่ะ ? ผมถึงมั่นใจว่าเราคงได้เจอกันอีกแน่นอน 
[Aloy] – ก็อาจจะ ..ถ้ามันช่วยไม่ได้อ่ะนะ 
[Nil] – เอาน่า ถ้าเราได้ผ่านอะไรต่ออะไรไปด้วยกัน เราก็จะรู้จักกันผ่านการทำงานของพวกเราเองนั่นแหละ


หลังจากจบภารกิจ Bandit Camp  นี้แล้วก็จะเป็นการปลดล็อกจุด Bandit Camp  หรือรังโจรตามจุดต่างๆในพื้นที่ให้เห็นเป็นเครื่องหมายรูปหักระโหลก หากผ่านไปพบเห็นก็อย่าลืมแวะเข้าไปจัดการยึดรังของพวกโจรมาด้วย


จากนั้นกำหนดภารกิจที่ Main Quest: A SEEKER AT THE GATES ซึ่งเป็นภารกิจหลักแรกที่ได้มาจากแม่เฒ่าสูงสุดอีกครั้ง แล้วเดินไปตามจุดหมายของภารกิจสีเหลือง ระหว่างทางที่อ้อมขึ้นด้านบนของภูเขา จะพบจุดสัญลักษณ์รูปธนูสีเขียวในแผนที่ซึ่งก็คือจุด Hunting Grounds จุดใหม่นั่นเอง แวะซะหน่อย



                          Quest : Valleymeet Hunting Grounds [LV18]                     




ที่ Valleymeet Hunting Grounds หรือสนามทดสอบนักล่าจุดที่ 2 นี้ ผู้ควบคุมการทดสอบคือ Keeper ผู้มีความเชี่ยวชาญการใช้กลยุทธ์ธาตุในการล่าสัตว์จักรกล (Element Trials)

1 Fire Fight Trial ด่านนี้มีกฎคือ ต้องใช้ธนูไฟยิงใส่ Canisters ชิ้นส่วนด้านหลังของ Strider ให้เกิดติดไฟจนเกิดการระเบิดจนตายตามจำนวนที่กำหนด 4 ตัว


ตราทอง ภายในเวลา 00 :40 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 01:20 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

2. Shock Trial (ด่านนี้จำเป็นต้องมีอาวุธ War Bow ที่สามารถยิงธนูไฟฟ้าก่อนเข้าทดสอบ)
กฎของด่านนี้คือต้องใช้ธนูไฟฟ้าของธนู War Bow ยิงใส่เจ้า Bellowback จนทำให้มันเกิดการ Stun แล้วจัดการยิงแท่น Canisters ที่อยู่ใต้ท้องของมันให้หลุดตามจำนวนที่กำหนด 3 อัน


Trick : เจ้า Bellowback นั้นมี แท่น Canisters 3 แท่นอยู่ใต้ท้องของมันพร้องตัวล็อกอีก 1 ชั้น การจะทำให้ แท่น Canisters ทั้ง 3 หลุดนั้นต้องใช้ War Bow ยิงกระสุนไฟฟ้าต่อเนื่องจนมันเกิดภาวะ Stun หยุเคลื่อนไหวชั่วขณะ จากนั้นใช้ธนูแรงอัดยิงใส่ใต้ท้องเพื่ออัดกระแทกให้แผ่นเหล็กด้านล่างหลุดออกแล้วค่อยเอาธนูแรงอันหรือธนูที่แรงที่สุดยิงใส่ให้มันหลุดออกมา ยกเว้นธนูไฟที่จะทำให้ แท่น Canisters ติดไฟและระเบิด ซึ่งจะทำให้ Bellowback บาดเจ็บหนักแจ่จะไม่ถูกเงื่อนไขกฎการผ่านด่าน และหากมี Skill ยิงธนูสองดอกหรือสามดอกในการยิงก็จะทำให้ Canisters ทั้ง 3 หลุดออกมาพร้อมๆกันได้ง่ายขึ้น

ตราทอง ภายในเวลา 01 :00 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 02:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

3. Freeze Trial กฎของด่านนี้คือใช้อาวุธ Sling ยิงลูกกกระสุนไอเย็นไปใส่สัตว์จักรกลให้เกิดสภาวะแช่แข็งใส่สัตว์จักรกล (ประเภทไหนก็ได้) แล้วฆ่ามันซะตามจำนวนที่กำหนด ซึ่งแน่นอนว่าพุ่งเป้าไปที่การจัดการ  Strider ที่มีจำนวนมากจะเหมาะที่สุด

ตราทอง ภายในเวลา 01:30 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 02:30 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

                                 

หากทำให้สำเร็จตามเงื่อนไขภายในเวลากำหนด ก็จะได้รางวัลจากกรอบเวลาของรางวัลต่างๆ ดังนี้
ตราทองแดง ได้ กล่องรางวัล Half sun Box
ตราเงิน ได้ กล่องรางวัล Full sun Box
ตราทอง ได้ กล่องรางวัล Blazing sun Box
ตราทองแดง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Half sun Box
ตราเงิน 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Full sun Box
ตราทอง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล + 1 Skill Point




Vantage Point 03 : Explorer Museum
Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 3 กว่า 13 ปี แล้วที่ผมบุกรุกและทำลายวัฒนธรรมของที่นี่ ผมกับลูก ผมจำได้ว่าเขาชื่อ Star เป็นครั้งแรกที่ผมรู้จักยับยั้งชั่งใจ มันเป็นคืนวันที่อยากลำบากของตระกูล Mati เลยก็ว่าได้ แต่มันคงจะเป็นช่วงเวลาที่สับสนที่สุดสำหรับพวกเด็กๆนะผมว่า ...



Vantage Point 04 : Bridal Veil Falls
Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 8 ..พระเจ้าช่วย  ลิฟต์ที่ทำงานผิดปกติมันบดขยี้แขนไปจนถึงไหปลาร้าของคุณจนหมด ย้อนกลับไปก่อนที่คุณจะได้พบกับ Wyatt  ซึ่งนั่นก็เป็นก่อนหน้าที่เหมืองนี่มันจะถล่มด้วย อ่า ผมคิดว่าทั้งหมดมันเหลวไหลสิ้นดี 



ทางตะวันตกจากจุด Side Quest : Valleymeet Hunting Grounds ที่ทางลงจากเขาจะมี HUNTER GATHERING แค้มป์ของพวกฮันเตอร์ ที่มีแค๊มป์ไฟสำหรับเซฟ พ่อค้าขายไอเทมและชาวบ้านที่มี Side Quest ให้ทำ 2 คนที่นั่นด้วย



[Aloy] – ดูเหมือนเพื่อนของคุณกำลังตกอยู่ในอันตรายหรอคะ? 
[Lubavad] – ลูกจ้างน่ะครับไม่ใช่เพื่อน กองคาราวานของผมที่ส่งไปทำการค้ากับพวก Banuk เส้นทางเต็มไปด้วยฝูงสัตว์จักรกล เพื่อความชัวร์ผมเลยให้ธนูหัวระเบิดติดเอาไว้ป้องกันขบวนสินค้า ผ่านไปวันเดียวพวกเขากลับทิ้งมันไว้เฉยเลย

[Aloy] – (Swarms of Machines)  สัตว์จักรกลประเภทไหนคะที่โจมตีกองคาราวานสินค้าของคุณ ?
[Lubavad] – เท่าที่ได้ยินมาก็พวก Scrapper กับ Longlegs แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีอะไรที่ผิดปกติ เพราะบางอย่างที่โจมตีขบวนนั้นไม่มีใครรู้หรือเห็นมันล่วงหน้าก่อนถูกโจมตีเลย ถ้าไม่มีลูกธนูหัวระเบิดพวกเขาคงแทบไม่มีโอกาสจัดการมันได้เลย   




[Aloy] – (They left the arrows) ทำไมพวกเขาถึงทิ้งลูกธนูที่ดีที่สุดเอาไว้ละคะ?    
[Lubavad] – ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ปกติ Marzavid หัวหน้าที่คุมคาราวานสินค้าของผมไม่ใช่คนที่จะทำงานผิดพลาดได้ง่ายๆแบบนี้เลย สำหรับผมการจะตามรอยพวกเขาไปในป่าลึกแบบนั้นก็เหมือนฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกสัตว์จักรกลที่ติดเชื้อกำลังบ้าคลั่งอยู่แบบนี้  
[Aloy] – เอาเป็นว่าถ้าระหว่างชั้นเดินทางถ้าเจอกองคาราวานที่ว่าของคุณ ชั้นจะลองเข้าไปช่วยดูว่าจะพอแก้ไช้ปัญหาอะไรให้ได้บ้างนะ 
[Lubavad] – เยี่ยมเลย ก็ดีกว่าปล่อยให้สินค้าไม่เสียไปเปล่า เอ้านี่ รับดินระเบิดพวกนี้ไป เอาไปใช้ทำพวกกระสุนระเบิดต่างๆ ผมเตรียมเอาไว้ใช้คุมรองคาราวาน เผื่อพวกเขจะต้องการมัน และรับรองว่าเธอต้องการใช้มันแน่นอน  





** หลังคุยกับ Lubavad จบจะได้ Side Quest: UNDERQUIPPED มาทำ **




[Aloy] – เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรอ บาดเจ็บมากหรือเปล่า ?
[Dral] – บาดแผลจิ๊บจ๊อย สำหรับชั้นแผลพวกนี้มันหมือนบทเรียนสอนใจมากกว่า คุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจก็ได้คะ
[Aloy] – แล้วคุณไปโดนอะไรมาหรอ?
[Dral] – เกิดตอนที่ชั้นกำลังไล่จับพวกกวาง Grazer เพื่อล่าเหยื่อตามปกติแต่ชั้นไม่ทันมองจนกระทั้งมารู้สึกตัวอีกทีก็เผลอเข้าไปในเขตประตูของ Cauldron แล้ว

[Aloy] – (Cauldron?) แล้ว Cauldron มันคืออะไรหรอคะ??
[Dral] – อ่อ เธอคงอยู่ในอ้อมกอดของสรรพมารดรมาตลอดสินะ อยู่ในเขตหมู่บ้านมาตลอดแบบนั้นคงไม่เคยเห็นแน่นอน Cauldron มันไม่ใช่แค่ประตูหรอกนะ และก็ไม่มีใครเคยรู้ด้วยว่าด้านในของมันคืออะไร? บางคนว่าด้านในเป็นแหล่งกำเนิดของผู้สร้างสัตว์จักรกล บางก็ว่า มันเป็นรังของสิ่งชั่วร้าย เป็นที่สิงสู่ของวิญญาณเหล็กของเหล่าเครื่องจักรที่ยังหลงเหลือ ในขณะที่ชั้นเอง เดาว่า ไม่ว่าด้านในมันคืออะไร มันก็คือพื้นที่หวงห้ามสำหรับพวกเรา

   

[Aloy] – (Lesson?)  เมื่อกี้คุณพูดถึงเรื่อง บทเรียน ตกลงแผลนั้นมันสอนอะไรหรอคะฦ
[Dral] – เหมือนกับตอนที่ชั้นยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า Cauldron เหยื่อของชั้นมันหนีกระเจิงไปแล้วแต่ชั้นกับเพิ่งเริ่มประหลาดใจกับสิ่งที่เห็นจนพูดไม่ออก ในช่วงเวลานั้น ชั้นเหมือนกลับเป็นเด็กอีกครั้ง ที่กำลังใจจดใจจ่อฟังเรื่องราวการผจญภัยของพวกฮันเตอร์หน้ากองไฟถึงเรื่อง Cauldron จินตนาการในตอนนั้นมันกลายเป็นความปราถนาที่แรงกล้าจนถึงตอนนี้ที่อยากจะเห็นว่าด้านในมันคืออะไรกันแน่ จนกระทั้งพวก Watcher ที่คอยปกป้องประตูก็โจมตีเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจนทำให้เกิดแผลนี่อย่างที่เห็น มันเตือนใจชั้นว่า สิ่งที่เหล่าแม่เฒ่าสูงสุดสร้างกฎเพื่อให้ Cauldron เป็นเขตหวงห้าม ไม่ใช่เพราะมันอันตราย แต่เพราะความอยากรู้ของพวกเราว่าด้านในมันคืออะไรกันแน่ ตั้งแต่ตอนนั้นชั้นก็ไม่ไขว้เขวอีกต่อไป แผลที่ได้มานี่แหละจะช่วยเตือนความจำถึงเรื่องนี้แหละ
[Aloy] – แต่ ในช่วงเวลาที่คุณว่า มันเป็นความรู้สึกถึงการผจญภัยและการค้นพบสิ่งต่างๆอย่างแท้จริงเลยนะ คุณแน่ใจนะว่ามันเป็นความรู้สึกที่เลวร้าย ?
[Dral] – มันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรอ ? หรือชั้นจะไม่ต้องถูกลงโทษถ้าคิดแบบนั้น

[Aloy] – (Where is the Cauldron) ชั้นจะพบ Cauldron ได้ที่ไหนคะ?
[Dral] – ที่ชั้นพูดไปทั้งหมดนี่ประเด็นคือ ห้ามไม่ให้เธอไปนะ 
[Aloy] – เออ ... งั้นก็แค่บอกคร่าวๆก็แล้วกันว่าอยู่ที่ไหน ชั้นจะได้ไม่ย่างกรายเข้าไปใกล้ไง 
[Dral] – ฮ่าๆ เธอเป็นคนฉลาดมาก แต่ดันฉลาดไม่พอที่ดันไม่เชื่อคำเตือนของชั้น แตก็นะ เธอโตแล้วนี่ ใครจะไปห้ามเธอได้ละ มุ่งหน้าไปทางตะวันออกจนถึง Red Drifts แล้วขึ้นเหนือเธอก็จะพบสิ่งปลูกสร้างแปลกๆด้านในภูเขา แล้วอย่าลืมด้วยละว่า ชั้นเตือนเธอแล้ว 


** หลังคุยกับ Lubavad จบจะได้ Quest: CAULDRON SIGMA [LV8] มาทำ **


จบการสนทนาทั้งหมด ตอนนี้จะได้ Side Quest  2 เควสในพื้นที่ใกล้เคียงกัน คือ
- Side Quest: UNDERQUIPPED จาก Lubavad
- Quest: CAULDRON SIGMA จาก Dral




                                Side Quest: UNDERQUIPPED



กำหนดภารกิจที่ Side Quest: UNDERQUIPPED แล้วเดินทางไปที่เป้าหมายที่ขึ้นมาในแผนที่จนพบขบวนคาราวานสินค้าจอดอยู่



[Aloy] – Lubavad ส่งชั้นมาตามหาคุณน่ะ 
[Marzavid] – โอ้ เข้าใจแล้ว แล้วเขาได้บอกคุณรึเปล่าละว่าทำไมเขาถึงเอาลังไม้ที่มีแต่ Ridge wood มาให้เรา แทนที่จะเป็นดินปืนที่จะเอาไว้ป้องกันตัวละ? พวก Watchers กับ Scrappers ลอบโจมตีพวกเรามา 3 ละลอกแล้ว ที่แย่กว่าคือเราไม่มีกระสุนเหลือเลย รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ก็บุญแล้ว

[Aloy] – (Ridge wood?) Lubavad ไม่เห็นพูดถึงเรื่องลังใส่ Ridge wood อะไรเลยนะ เขาบอกว่าพวกคุณเป็นคนทิ้งดินปืนเอาไว้แค่นั้น
[Marzavid] – ถ้างั้นเจ้าแก่โง่ที่เพิ่งหนีไปนั่นคงตาถั่วเพราะผมเช็คลังต่างๆ 2 ครั้งแล้วนะ เขาบอกว่ามันเป็นดินปืนแต่พอผมเปิดดูอีกที่มันกลับเป็นแค่เศษไม้ Ridge wood



[Aloy] – (Lubavad was worried) Lubavad ส่งชั้นมาที่นี่ก็เพราะห่วงความปลอดภัยของพวกคุณน่ะ 
[Marzavid] – เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ผมตกใจและแปลกใจคือ Lubavad กำลังจะเสียผลประโยชน์จากการทำงานของเรา ทำไมเขายังหวังว่าจะทำกำไรได้อีก

[Aloy] (Explosive Arrows) ชั้นเอาดินปืนติดมาด้วย พอสำหรับทุกคนแน่นอน 
[Marzavid] – เยี่ยมเลย แบบนี้ถึงไหนถึงกันแน่นอน !
[คนงาน] – ระวัง !! Longleg เข้ามาโจมตีแล้ว !!
[Marzavid] – ทุกคนเตรียมพร้อม เตรียมพร้อม !!!


หลังจากพวกสัตว์จักรกลมากมายเริ่มบุกเข้ามาก็หาทางจัดการพวกมันให้หมด โดยมีเจ้า Longleg เป็นสัตว์จักรกลรูปแบบใหม่ที่ค่อยข้างดุร้ายที่ต้องจัดการพร้อมกับ Watchers


ทันทีที่จัดการ Longleg ลงได้ฝูง Watchers กับ Scrappers ชุดใหม่จะบุกเข้ามาสมทบ จัดการให้หมดแล้วกลับไปคุยกับ Marzavid อีกครั้ง



[Marzavid] – ฝีมือดีนี่ คนแดนไกล ผมแปลกใจมากเลยที่ Lubavad ยอมทุ่มทุนเสียเงินจ้างคนมีฝีมืออย่างคุณ 
[Aloy] – เขาไม่ได้จ้างชั้นหรอก จริงๆชั้นทำให้ฟรีต่างหาก
[Marzavid] – อย่าไว้ใจพ่อค้าชาว Carja ก็แล้วกัน
[คนงาน] – หัวหน้า Songcores หายไปครับ
[Marzavid] – อะไรนะ ! เป็นไปไม่ได้ นอกเสียจาก ..นอกเสียจาก Dirid จะเอาไป ก็ตอนที่พวกสัตว์จักรกลโจมตีรอบแรกมีคนของเราหนีไปคนนึง เจ้า Dirid ตอนแรกนึกว่ามันเป็นแค่ ไอ้ขี้ขลาด แต่มันกลับเป็นหัวขโมยด้วยสิ
[Aloy] – เขายังไปได้ไม่ไกลหรอก 
[Marzavid] – ก็จริงแต่พวกเราไม่รู้จะตามหามันยังไงนี่สิ
[Aloy] – งั้นเดี๋ยวชั้นไปตามจับมาให้ แต่คราวนี้ชั้นคงคิดค่าจ้างนะ
[Marzavid] – แหม่ เรียนรู้เร็วเหมือนกันนะ ห๊า ? งั้นก็ไปชิงเอา Songcores กลับมาแล้วค่อยมารับรางวัลก็แล้วกัน 



-จากนั้นใช้ Focus ตามรอยของ Dirid ด้วยการกด R1 Highlight track ตามรอยเงาสีม่วงไปตามทางจนถึงพบตัวเขาในป่าที่เป็นอาณาเขตของ Fire Bellowback




[Aloy] – หวัดดี Dirid 
[Dirid] – แล้วเธอน่ะใคร?
[Aloy] – คนในขบวนคาราวานส่งชั้นมา  
[Dirid] – คาราวานไหน?
[Aloy] – คาราวานที่นายกำลังฆ่าพวกเขาทั้งเป็นด้วยการขโมยลูกธนูหัวระเบิดเขามาจนหมดแล้วก็หนีมาแบบกะให้ไม่มีคนรรอดชีวิตมาเป็นพยานให้กับอาชญากรรมที่นายก่อยังไงละ?
[Dirid] – นี่ ชั้นไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรอกนะ แต่ชั้นติดหนี้เขาไว้ ถ้าไม่ไปจ่ายเขาชั้นโดนควักลูกตาแน่นอน!! …….อ๊ากกกก !!!

Dirid ยังไม่ทันได้ปริปากถึงความเลวที่เขาก่อ STALKER ที่แฝงตัวอยู่ก็ยิงเข้าใส่จนกระเด็นไปก่อนที่หน้าที่การเผชิญหน้าต้องตกเป็นของ Aloy แทน


STALKER นั้นสามารถหายตัวได้และยิงกระสุนเลเซอร์จากระยะไกลและปืนยิงกับระเบิด Mine Launcher แถมในระยะประชิดก็สามารถเข้าโจมตีได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่สามารถทำได้ก็คือดักรอโจมตีมันตอนมันเผยตัวออกมาพร้อมๆกับต้องหลบกระสุนเลเซอร์ที่ยิงจากระยะไกลของมันรวมทั้งอย่าลืมหลบกับระเบิด Mine Launcher ตามพื้นด้วย กระสุนอัดระเบิดทำลายเกราะและกระสุนไฟฟ้าช็อตให้มันหยุดนิ่งสามารถใช้ได้ดี เมื่อจัดการมันได้แล้วเข้าไปคุยกับ Dirid ที่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ได้เลย


[Dirid] – กองคาราวาน พวกเขารอดกันมั๊ย?
[Aloy] – ใช่ พวกเขาเอาตัวรอดกันได้ระดับนึง
[Dirid] – ขอบคุณพระเจ้า ผมจะได้คืนสู่อ้อมกอด ... แห่งดวงตะวัน ท่านจะได้แผดเผาบาปของผมให้หมดไปซะที 
[Aloy] – น่าเสียดาย ... แต่อย่างน้อยตอนที่ใกล้ตายก็ยังเป็นคนดีกว่าตอนมีชีวิตอยู่อ่ะนะ


หลังจาก Dirid ตายแล้ว เก็บ Songcores จากศพของมันมาแล้วนำกลับไปให้ Marzavid ที่รออยู่ที่กองคาราวานอีกครั้ง


[Marzavid] – คุณกลับมาพร้อมกับ Songcores ผมรู้แล้ว ไหนละเจ้า Dirid
[Aloy] – โดน Stalker ฆ่าไปแล้ว ศพไม่สวยเท่าไหร่หรอก
[Marzavid] – แล้วเธอก็ฆ่า Stalker ได้อีกงั้นหรอ ถือว่าเป็บโบนัสที่ล้ำค่ามากๆ งั้นเอานี่ ผมแถมนี่ให้อีก คุณสมควรได้รับมันนะ ส่วนกองคาราวานผมคงต้องขอพักเตรียมตัวอีกซักพักแล้วค่อยๆเดินทางกันต่อ



กำหนดจุดภารกิจเป็น Quest: CAULDRON SIGMA ที่ได้รับจาก Dral ต่อซึ่งจุดหมายของภารกิจจะอยู่บริเวณเดียวกับ Side Quest: UNDERQUIPPED ที่เพิ่งทำเสร็จ





                                     Quest: CAULDRON SIGMA




เข้าไปที่จุดหมายของภารกิจจนพบทางเข้าที่เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม เข้าไปใช้หอกทำการ Override เปิดเข้าไปด้านใน สภาพแวดล้อมที่มีลักษณ์คล้ายกับโรงงานผลิตหุ่นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความมืดและการทำงานของเครื่องจักรระหว่างทางจะเต็มไปด้วย Watcher มากมายคอยปกป้องพื้นที่อยู่


สังเกตดูในพื้นที่ถ้าสแกนดูจะพบสิ่งรูปทรงสามเหลี่ยมที่เป็นช่องระบายอากาศ เมื่อโจมตีใส่จะทำให้เกิดไอสีขาวออกมาทำให้เป็นที่ที่สามารถหลบซ่อนตัวเพื่อใช้กลยุทธ์ลอบฆ่าพวกสัตว์จักรกลด้านในได้ ลอบเข้าไปตามทาง



ด้านในจะค่อนข้างมืดระวังการตกลงไปตายตามทางขาดด้วย ระหว่างทางจะเจอทางขาดที่สามารถ Override ตัวควบคุมเพื่อทำให้มีสะพานทางข้ามออกมาได้


เข้าไปตามทางจนถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่คล้ายโรงงานสร้างหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ Aloy จะเริ่มรู้ว่าที่นี่เป็นที่สร้างหุ่นยนต์และสัตว์จักรกลต่างๆ แต่ใครกันละที่เป็นคนสร้างพวกมัน นั่นเป็นสิ่งที่ Aloy ตั้งคำถามและตามหาคำตอบต่อไป ที่ทางเข้าสังเกตดูสายพานที่มีมือจับกล่องเหล็กที่เลื่อนเข้าด้านในโดยจะมีจุดที่สามารถโดดเกาะโหนเข้าไปด้านในต่อได้


เมื่อโดดลงจากสายพานที่เลื่อนเข้าไปด้านในแล้วจะพบพวก Watcher จำนวนมากและ Shell-Walker สัตว์จักรกลที่มีรูปร่างของปูที่มีความอึดและทำลายยากมากอยู่ ในพื้นที่แคบๆต้องวางแผนในการจัดการพวกมันให้เหมาะสมด้วย


ลุยเข้าไปด้านในตามทางจนถึงห้องควบคุมด้านในสุดจะพบห้องโถงที่เก็บ Cauldron Core ซึ่งเป็นแกนควบคุมการผลิตหุ่นยนต์ของโรงงานนี้ มันอยู่ท่ามกลางบาเรียและสัตว์จักรกลที่คอยป้องกันอยู่รอบๆกับเจ้า Fire Bellowback ที่เคยปกป้องแกนควบคุมการผลิตอยู่ด้วย


โดดลงไปที่พื้นห้องด้านล่าง จัดการ Watcher รอบๆให้หมดแล้วทำการวางกับดักต่างๆรอบๆห้องเพื่อสร้างกลยุทธในการรับมือก่อน จากนั้นดูที่เสาของมือจักรกลที่สร้างบาเรียปกป้อง Cauldron Core อยู่จะพบบันไดที่ปีนขึ้นไปด้านบนอยู่ทุกเสา เลือกปีนเสามือกลอันไหนก็ได้ เพื่อขึ้นไป Override ปิดระบบการทำงานของบาเรีย


เมื่อบาเรียที่เป็นตัวปกป้อง Cauldron Core หยุดทำงานแล้วจากนั้นก็โดดลงมาเตรียมรับมือกับ Fire Bellowback และ Watcher มากมายที่ออกมาปกป้อง Core หากตั้งรับด้วยกับดักต่างๆที่เตรียมการไว้จะสามารถจัดการพวกมันได้โดยไม่ต้องเหนื่อยมาก


เมื่อเคลียร์ทุกอย่างหมดแล้วเข้าไปทำการ Override Cauldron Core ได้เลย หลังจากที่ทำการควบคุม SIGMA Cauldron ได้แล้ว จะทำให้ฟังก์ชั่น Override ของ Aloy สามารถควบคุมสัตว์จักรกลได้เพิ่มเติมคือ Grazer, Sawtooth, Scrapper และ Lancehorn ได้แล้ว  ** การควบคุม Cauldron Core  ในแต่ละจุดที่จะเจอต่อไปก็คือ สถานที่ที่จะปลดล็อกทำให้ Aloy สามารถควบคุมสัตว์จักรกลชนิดต่างให้ได้มากขึ้นนั่นเอง ** 






หลังจากจบภารกิจ CAULDRON SIGMA  นี้แล้วก็จะเป็นการปลดล็อกจุด CAULDRON  หรือโรงงานสร้างหุ่นตามจุดต่างๆในพื้นที่ให้เห็นเป็นเครื่องหมายรูปสามเหลี่ยม หากผ่านไปพบเห็นก็อย่าลืมแวะเข้าไปจัดการยึดเอาเมนเฟรมดาต้าของพวกสัตว์จักรกลต่างมาด้วย จะทำให้สามารถ Override ควบคุมสัตว์จักรกลต่างๆมาใช้งานได้หลายชนิดมากขึ้น  


จากนั้นกำหนดภารกิจที่ Main Quest: A SEEKER AT THE GATES ซึ่งเป็นภารกิจหลักแรกที่ได้มาจากแม่เฒ่าสูงสุดอีกครั้ง แล้วเดินไปตามจุดหมายของภารกิจสีเหลืองปลายทางอยู่ที่หมู่บ้าน Mother Crown 



ปราการบนภูเขาด่านสุดท้ายที่เหล่าผู้กล้ามารวมตัวเพื่อปกป้องชายแดนแห่ง Nora ที่นี่เป็นที่อยู่ของ Marea ที่จะบอกทางไปยัง  Meridian เมืองหลวงของอาณาจักร Carja Sundom คนที่ Aloy ตามหาตามคำแนะนำของ Varl



[Marea] – เนี้ยหรอเด็กสาวที่มากับตรา ผู้แสวงหา ทหารยามของเราเห็นเธอมาแต่ไกลเลยล่ะ 
[Aloy] – คุณคือ Marea หรอ? Varl บอกชั้นว่าคุณรู้ทางไปที่ Meridian 
[Marea] – เมืองหลวงของเผ่า Carja น่ะหรอ? มุ่งทางตะวันตกจากที่นี่ได้เลยแต่พวกทหารของพวกมันคงจะจัดการเธอก่อนที่จะถึงที่นั่นแน่นอน 
[Aloy] – ทำได้ก็เอาเลย ! 
[Marea] – ชั้นหมายถึง ทหารของเผ่า Carja ที่ว่านั่นอยู่ในป้อมที่กินเนื้อที่จากตะวันออกยาวไปถึงฝั่งตะวันตกเลยนะ พูดง่ายๆก็คือ เผ่า Carja เขาปิดชายแดนเพราะป้องกันการโจมตีของพวกสัตว์จักรกลที่ติดเชื้อ 
[Aloy] – งั้นชั้นลองไปที่ป้อมนั้นเพื่อตกลงกับพวกเขาดูก็แล้วกันเพราะชั้นเคยจัดการพวกสัตว์จักรกลที่ติดเชื้อที่หมู่บ้านมาแล้ว 
[Marea] – สู้คนเดียวเลยรึไง ?
[Aloy] – แน่นอน ชั้นเป็นนักธนูมือฉมังเลยนะ 



[Aloy] – (The Carja Fort) ตกลงว่าชั้นจะเจอป้อมของพวก Carja นั่นทางตะวันตก ถ้าผ่านไปได้ก็จะถึง Meridian เลยใช่มั๊ย?
[Marea] – ใช่ พวก Carja เรียกที่นั่นว่า “Daytower” ไม่ไกลจากหมู่บ้าน forsaken นักหรอก
[Aloy] –  หมู่บ้าน forsaken หรอ คุณรุ้จักที่นั่นด้วยหรอคะ?
[Marea] – ชั้นเคยอยู่ที่นั่น แต่มันไม่สำคัญแล้วละ
[Aloy] – แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นหรอ?  
[Marea] – สงครามไงละ พวก Carja ทำลายมันตอนเหตุการณ์ Red Raids ตอนนั้นชั้นเพิ่ง 15 เอง หนีออกมาได้ทัน แต่คนอื่นไม่โชคดีนัก จนทาง Nora มาช่วยปลดปล่อยยึดคืนจากพวก Carja แล้วให้พวกเราดูแลอาณาเขตของภูเขาแห่งนี้ จนกลายเป็นหมู่บ้าน Mother Crown จนถึงทุกวันนี้
กับสงครามที่กำลังไล่หลังเรามา ที่ที่เราอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้มันก็ไม่ต่างจากกันชนระหว่าง Sundom ของ Carja กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา 

[Aloy] – (The Corruption) อีกไกลมั๊ยที่จะถึงจุดแพร่กระจายของการติดเชื้อ ?
[Marea] – เท่าที่ชั้นเคยเจอมันด้วยตัวเองเลยคือทางเหนือของหุบเขา แต่ที่เขาลือกันบอกว่ามีคนพบพวกสัตว์จักรกลติดเชื้อทางใต้ด้วย แต่ยังไงก็เหอะ ไอ้พวกติดเชื้อมันไม่มีผลต่อพวกเครื่องจักร แต่มันจะส่งผลให้เนื้อหนังเราเกิดการไหม้และอาจทำให้ไม่สบายได้
[Aloy] – แล้วพวกพวกสัตว์จักรกลติดเชื้อมันมีจุดอ่อนบ้างมั๊ย?
[Marea] – ไฟ จะทำให้มันบาดเจ็บมากกว่าพวกสัตว์จักรกลปกติ เราทำได้แค่นั้นแหละ นี่เป็นคำสาปที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะเยียวยาได้
[Aloy] – นอกจากเราจะค้นพบว่าอะไรที่จะหยุดพวกมันได้
[Marea] – แม่เฒ่าสูงสุดเคยบอกไว้ Aloy ทั้งหมดที่เราทำได้คือ ต้องสู้ และ จงสวดภาวนาแด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย 



[Aloy] – (Carja and other foreigners) Mother Crown เป็นปราการด่านสุดท้ายของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่ง Nora ใช่มั๊ย แต่ดูเหมือนที่นี่จะมีคนต่างถิ่นมาอยู่รวมกันเยอะเลยนะ?
[Marea] – ไม่ใช่แค่เฉพาะในหมู่บ้านนี่เท่านั้นนะ แต่ทั้งหุบเขาเลยด้วย หลังจากสงครามจบลงพวกต่างถิ่นก็หลั่งไหลเข้ามาที่หุบเขาแห่งนี้และชาว Nora ก็พร้อมที่จะค้าขายแลกเปลี่ยนกับพวกเขาเช่นกันถ้าพวกเขาต้องการ ที่นี่มันจึงไม่ใช่ทั้งดินแดนต่างถิ่นหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถ้าเธออยากเห็นก็ลองแวะไปที่ Hunter Gathering ดูก็ได้ นอกจากจะมีภาษาแปลกให้ได้ยินแล้วยังมีเต้นท์ที่พักสกปรกๆอีกเต็มไปหมด แต่พวกชาวต่างถิ่นใช้ที่นั่นเป็นแค่ที่พักชั่วคราวระหว่างทางเท่านั้นแหละ
[Aloy] – ฟังดูเหมือนกับจะเป็นที่ที่ชั้นต้องหานอกจาก Meridian สินะ 

[Aloy] – (Village Defenses) แล้วคุณเป็นผู้ดูแลที่นี่งั้นหรอ?
[Marea] – Mother Crown เราป้องกันตัวเองต่างหาก ตลอดระยะเวลาระหว่างสงครามมันก็อยู่รอดมาถึง 15 ปีแล้ว ต่อต้านการบุกรุกมาได้ถึง 3 ครั้ง พวกเราก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ 
[Aloy] – พยายามจะมีชีวิตอยู่อย่างมีเกรียติท่ามกลางยุคสมัยแห่งการฆ่าฟันกันงั้นสินะ
[Marea] – เธอคงไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้หรอก แต่ชั้นเองก็ผ่านการทดสอบผู้กล้ามาได้เหมือนกับเธอนั่นแหละ ชั้นเริ่มลุยจริงๆจังๆหลังจากพยายามหาทางลัดอยู่นานจนสำเร็จในที่สุด ชั้นข้ามเส้นชัยทั้งๆที่ข้อเท้าหัก 
[Aloy] – แต่นี่มันไม่ใช่การทดสอบแล้ว Marea นี่มันชีวิตจริง 
[Marea] – เธอไม่เข้าใจประเด็นที่ชั้นพูดเลย คิดว่าชั้นทำเพราะต้องการมาอยู่ที่ Mother Crown งั้นหรอ สิ่งที่ชั้นต้องการคือรางวัลแห่งชัยชนะที่ได้เป็นผู้กล้าก็เท่านั้นเอง พยายามมีชีวิตอยู่อย่างมีเกรียติที่ Nora อย่างๆน้อยๆมันก็ยังไม่ได้ทำให้ชั้นต้องตายนี่ และถึงจะต้องตาย ชั้นก็เต็มใจ 

[Aloy] – ชั้นคงจะต้องไปก่อนนะ
[Marea] – อืมม ข้างนอกนั่นก็ระวังตัวหน่อยแล้วกันนะ Aloy หวังว่าเธอจะพบอะไรก็ตามที่เธอตามหาก็แล้วกัน 


ในหมู่บ้าน Mother Crown จะมีชาวบ้านที่ให้ Side Quest เพิ่มเติมอีก 2 คนที่เป็นจุดเครื่องหมายรูป ! สีเขียวอยู่เข้าไปคุยเพื่อรับงานมาให้หมด



[Den] – คุณคือ ผู้แสวงหา งั้นหรอ? เพื่อนในกลุ่มของผมที่เป็นพวกนอกรีต เล่าให้ฟังว่า เธอสู้กับพวกเผ่านักฆ่าที่โจมตีงานคัดเลือกผู้กล้าและช่วยชาวบ้านไว้มากมายเลย
[Aloy] – ชั้นคิดว่า คงช่วยเอาไว้ไม่ได้ทุกคนหรอก 
[Den] – แล้วเธอ ..ไล่ล่าพวกเผ่านักฆ่านั้นไปได้ไกลมากมั๊ย?
[Aloy] – ทำไมถึงถามงั้นละ หรือคุณห่วงว่าเพื่อนนักล่าคนอื่นๆของคุณจะถูกฆ่าหรือเปล่าหรอ?
[Den] – มันมีอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่าถูกพวกมันฆ่านะสิ

[Aloy] – (Hunting Party) กลุ่มนักล่าเพื่อนของคุณไปทำอะไรกันหรอ?
[Den] – หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่งานคัดเลือกผู้กล้า พวกเราแค้นกันมากจึงอยากตามไปแก้แค้นพวกมันโดยการตามรอยพวกสัตว์จักรกลที่ติดเชื้อของมันไป จนถึงตอนมืดพวกเราก็ลอบโจมตีพวกมันด้วยความโกรธแค้นทั้งหมดที่มี แต่ในความมืดที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผมแทบไม่เห็นอะไรเลย พวกเพื่อนหนีกัน อลหม่านรู้ตัวอีกทีก็เหลือแต่ผมคนเดียว ผมเลยรีบหนีออกมา แต่พวกเพื่อนๆในกลุ่มของผม ..ตายหมด





[Aloy] – (Worse than being killed) ที่คุณบอกว่า เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกพวกมันฆ่าหมายถึงอะไรหรอ? 
[Den] – ผม เอ่อ ผม ไม่เหมือนกันคุณ ผมไม่กล้าผิดกฎหรอก ผมใช้ชีวิตแบบพวกนอกรีตไม่ได้แน่นอน ผมกลัวมาก เพื่อนๆผมคงไปรวมตัวกันที่โบราณสถาน แต่ผมไปที่นั่นไม่ได้และผมก็ทิ้งพวกเขาไว้ที่นั่นไม่ได้เหมือนกัน

[Aloy] – (What exactly do you need?) แล้วตกลงคุณจะให้ช่วยอะไรกันแน่? พูดออกมาตรงๆได้เลย 
[Den] – อยากให้ตามหาพวกเพื่อนๆผม ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าแม้พวกเราจะอยากที่จะฆ่าพวกจักรกลติดเชื้อแค่ไหนแต่เราก็คงไม่มีวันทำได้จริงๆหรอก แต่คุณเป็นผู้แสวงหา คุณสามารถเข้าไปใน Devil Thirst ที่เป็นเขตหวงห้ามได้โดยไม่ผิดกฎ ได้โปรดสงสารพวกเราด้วย อย่าบอกคนอื่นว่าพวกเราอยู่ที่นั่นเลยนะ 
[Aloy] – ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เชื่อชั้น ชั้นจะลองหาทางช่วยพวกเพื่อนๆคุณเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกัน


เมื่อคุยกับ Den จบจะได้ ERRAND QUEST: Sanctuary มาทำ



[Taim] – ท่านผู้กล้า Mother Crown กำลังต้องการทักษะด้านธนูของคุณอยู่พอดีเลย
[Aloy] –  ชั้นหรอ?
[Taim] – เธอคือ ผู้กล้า ใช่มั๊ยล่ะ ? เรากำลังต้องการหนังหมูป่าเพื่อเอามาใช้ซ่อมแซมผ้าคลุมและชุดเกราะ แต่หนังหมูป่าอย่างดีมันอยู่ทางตะวันออก ผมก็เลยลองไปหาล่าพวกมันดูแต่ก็ไปเจอว่าแถวๆนั้นมันมีแต่สัตว์จักรกลเพียบเลยก็เลยต้องหนีกลับมา
[Aloy] –  ไม่เห็นต้องอายเลย วันหลังคอยลองใหม่ก็ได้นี่ 
[Taim] – เปล่าๆ ผมไม่ได้อาย แต่แหวนของผม แหวนนำโชคที่แม่ให้ไว้เมื่อนานมาแล้ว มันเป็นแหวนที่ทำมาจากกรามของพวกสัตว์จักรกล 
[Aloy] – แหวนนั่นมีค่ากับคุณมากหรอ?
[Taim] – ที่ผ่านมาบอกเลยว่าใช่เลย ผมเองก็ต้องการโชคเหมือนเผ่าต้องการหนังหมูป่าพวกนั้นแหละ
[Aloy] – ชั้นจะลองหาเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันนะ 

เมื่อคุยกับ Taim จบจะได้ ERRAND QUEST: Luck of the Hunt มาทำ

รวม QUEST ที่ได้จากหมู่บ้าน Mother Crown ทั้งหมดคือ
-จุดหมายของภารกิจต่อไปของ Main Quest: A SEEKER AT THE GATES 
- ERRAND QUEST: Sanctuary
-ERRAND QUEST: Luck of the Hunt



                                 ERRAND QUEST: Luck of the Hunt            



เมื่อกำหนดภารกิจที่ ERRAND QUEST: Luck of the Hunt ที่ได้จาก Taim เมื่อกดดูแผนที่จะพบจุดหมายของภารกิจนั้นอยู่ทางตะวันตกจากหมู่บ้าน Mother Crown และมีด้วยกัน 2 จุดหมายพร้อมๆกัน เป้าหมายของภารกิจนั้นแบ่งเป็น 2 อย่างคือ
- ล่าหนังหมูป่า (Boar Skin) มาให้ครบ 4 อัน
- หาแหวนนำโชคของ Taim ที่หายไปกลับคืนมา



-พื้นที่ของภารกิจในวงกลมสีเหลืองด้านซ้ายคือ พื้นที่ที่มีหมูป่าให้ล่า ซึ่งหนังหมูป่าทั้ง 4 อันที่ต้องการนั้นสามารถหาได้จากจุดไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องหาในพื้นที่ เมื่อล่าหมูป่าจนได้ หนังหมูป่า (Boar Skin) จนครบ 4 ชิ้นแล้วก็ถือว่าผ่านตามเงื่อนไข


- ส่วนพื้นที่ของภารกิจในวงกลมสีเหลืองด้านขวาคือจุดที่แหวนนำโชคของ Taim หายไป ในพื้นที่ที่เป็นแอ่งขนาดใหญ่ที่มีสัตว์จักรกลอยู่มากมาย ลงไปจัดการพวกมันให้หมด แล้วใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยแล้วตามรอยไปเรื่อยๆจนเจอซากหมูป่า เมื่อสำรวจดูจะพบแหวนนำโชคที่หายไปของ Taim จากนั้นก็มุ่งหน้าไปตามจุดหมายของภารกิจที่แค้มป์ไฟจุดนัดพบที่ Taim รออยู่ เมื่อเอาแหวนและหนังหมูป่าคืนให้กับ Taim ก็จะจบภารกิจ


                                ERRAND QUEST: Sanctuary


เมื่อกำหนดภารกิจที่ ERRAND QUEST: Luck of the Hunt ที่ได้จาก Den เมื่อกดดูแผนที่จะพบจุดหมายของภารกิจนั้นอยู่ทางใต้ของหมู่บ้าน Mother Crown

จุดสิ้นสุดอยู่ที่ในพื้นที่ Devil’s Thirst ใกล้กับซากโบราณสถานที่ Tallneck เดินวนอยู่ เข้าไปสำรวจที่ซากของ Watcher ในจุดเป้าหมายของภารกิจ เมื่อใช้ Focus สแกนดูจะพบว่ามันเป็นจุดที่เกิดการต่อสู้ระหว่างพวกผู้กล้าเพื่อนของ Den ที่หายตัวไปกับ Watcher ที่ติดเชื้อ เมื่อ Aloy สำรวจที่ซาก Watcher อย่างละเอียดก็จะพบรอยเท้าของมนุษย์ที่เดินออกจากที่นี่ไป

จากนั้นใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยแล้วตามรอยไปจนสิ้นสุดที่ซากโบราณสถานอีกจุดใกล้ๆ เมื่อใช้ Focus สแกนดูจะพบว่ามีคนกลุ่มนึงอยู่ชั้นบน ส่วนด้านล่างจะเต็มไปด้วย Sawtooth 2 ตัวเฝ้าอยู่ จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปสำรวจที่กองวัสดุที่ใช้ซ่อมแซมอาวุธใต้ซากตึกก็จะพบพวกผู้กล้าเพื่อนๆของ Den ที่ซ่อนตัวอยู่ชั้นบน


[Ferl] – เธอคือผู้กล้าที่เคยเป็นคนนอกรีตมาก่อนใช่มั๊ย? เธอมาทำอะไรที่นี่หรอ
[Aloy] –  Den เพื่อคุณบอกให้ชั้นมาตามหาพวกคุณน่ะ แล้วคุณขึ้นไปทำไมหรอ?
[Ferl] – เจ้า Sawtooth มันทำลายลังเก็บอาวุธของพวกเรา ผม เอ่อ พวกเราไม่มีอาวุธก็ต้องถอยมาตั้งหลักหาทำอาวุธเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งที่น่ะเหมาะที่สุดแล้ว ขอบคุณมากที่ทำลายพวกมันให้น่ะ เราจะได้กลับบ้านกันซะที แล้วอีกอย่าง คุณคงไม่ได้บอกใครๆใช่มั๊ยว่าพวกเรารุกล้ำเข้ามาในเขตหวงห้ามแบบนี้
[Aloy] –  นอกจาก Den เพื่อนของคุณก็ไม่มีใครรู้หรอกเพราะชั้นไม่ได้บอกใคร แล้วต้องให้ช่วยพาลงมามั๊ยละ?
[Ferl] – ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราหาทางกลับกันเองได้ เธอเองก็อย่าลงทางตอนขากลับละ แล้วก็บางที เราไม่ควรที่จะออกไปพร้อมๆกันด้วยนะ อย่าลืมละ
หลังจากช่วยทุกคนได้แล้วก็เดินทางกลับไปบอก Den เพื่อรับรางวัลและจบภารกิจได้เลย 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------



Vantage point 05 : Sterling – Malkeet Amphiteater
Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 5 .. Grey Swarms จะเปิด Turtlesmash ในคืนนี้ ตอนนี้ผมใช้ยาเกินขนาด หรืออะไรซักอย่างที่พวกตำรวจมันบอกนั่นแหละ ช่างเหอะ ผมเพิ่งอายุ 15 ตอนเริ่มตื่นขึ้นที่โรงพยาบาลเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา และคนที่ผมเห็นครั้งแรกที่ลืมตาก็คือใบหน้าของคุณ 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 จากนั้นกำหนดภารกิจที่ Main Quest: Revenge of the Nora ซึ่งเป็นภารกิจหลักแรกที่ได้มาจากแม่ทัพ Sona แห่ง Nora ในการตามล้างแค้นเผ่านักฆ่าที่บุกเข้ามาโจมตีงานคัดเลือกผู้กล้าจนทำให้มีชาว Nora ต้องตายมากมาย


                           Main Quest: Revenge of the Nora






เป้าหมายของภารกิจซึ่งก็คือจุดนัดพบกับแม่ทัพ Nora จะอยู่ที่เนิน Red Echoes ในเขต Devil’s Grief ทางตะวันออกของแผนที่



[Varl] – นี่แหละใจกลางของ Devil’s Grief สังหรณ์ไม่ดีเลยใช่มั๊ยละ?
[Aloy] –  คุณไม่คิดหรอว่าที่นี่มันจะสุดยอดแค่ไหนในสมัยที่พวกคนยุคก่อน (Old OneX) ยังอาศัยอยู่น่ะ 
[Varl] – เธอไม่เหมือน Nora คนอื่นๆจริงๆน่ะแหละ 
[Aloy] – นั่นแหละที่พวกเขาพูดถึงชั้นกันละ



[Varl] – ท่านแม่ทัพ คนของเราพบแค้มป์ของพวกศัตรูในพื้นที่ซากโบราณสถานรอบๆพื้นที่มากมายอยู่ คงจะมีหน้าที่ป้องกันฐานใหญ่ที่ Ring of Metal แน่นอน 
[Aloy] – งั้นเราควรจัดการพวกแค้มป์ของพวกมันที่อยู่รอบๆก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าพวกมันจะไม่แจ้งเตือนไปที่ฐานใหญ่ของพวกมัน 
[Sona] – ตกลง ! งั้นจัดการทำลาย แค้มป์ของพวกมันรอบๆพื้นที่ให้หมดก่อน พวกมันที่ Ring of Metal จะได้ไม่รู้ว่าเราลอบเข้ามา
[Aloy] – ชั้นจะเป็นคนจัดการตัวส่งสัญญาณของพวกมันเอง 
[Varl] – เราจะส่งผู้กล้าของเราไปเตรียมพน้อมอยู่รอบๆพื้นที่แล้วรอให้เธอเริ่มเปิดฉากโจมตี คนของเราจะเข้าไปสนับสนุนทันที



[Sona] – ผู้กล้าทั้งหลาย ถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่ต้องสู้บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องตายด้วย เราจะรวมพลังกันที่ Tallest Tower ก่อนจะลุยเข้าไปที่ Ring of Metal และเริ่ม แก้แค้น !!!  วันนี้ พวกเรายอมแหกกฎทุกกฎของเผ่า เพื่อกำจัดศัตรูและตายอย่างสมเกรียติ ! เลือดต้องล้างด้วยเลือด เลือดต้องล้างด้วยเลือด !! ขอแด่สรรพมารดรอภัยให้พวกเราที่ล่วงเกิน แต่ถ้าทรงไม่ให้อภัย ก็ขอจงลงโทษทัณฑ์ที่ข้าเพียงคนเดียว !  เอาละ ถึงเวลาต้องรบกันได้แล้ว !!! 



เมื่อกดดูแผนที่จะพบจุดภารกิจสีเหลืองขึ้นมา 3 ที่นั่นคือพื้นที่ของแค้มป์พวกศัตรูที่ต้องเข้าไปทำลาย ในแต่ละแค้มป์เมื่อลองสแกนดูจะเจอเสาส่งสัญญาณอยู่ ลอบเข้าไปทำลายมันก่อนด้วยการเข้าไปสำรวจแล้วกดสามเหลี่ยม


จากนั้นจะลอบฆ่าศัตรูเอาตามสะดวก แต่เมื่อ Aloy เริ่มเปิดฉากโจมตีขึ้น คนของ Sona จะเริ่มเข้ามาสมทบช่วยต่อสู้ทันที เมื่อจัดการศัตรูในแค้มป์จนหมดทุกคนก็จะถือว่าทำลายแค้มป์นั้นๆได้ จัดการทำลายแค้มป์ทั้ง 3 แค้มป์ตามจุดสีเหลืองให้หมดแล้วเข้าไปคุยกับ Sona ตรงจุดนัดพบที่ Tallest Tower


[Sona] –  เอาล่ะ ที่นี้ก็เหลือแต่ Ring of Metal ที่นั่นมันมีกำแพงสูงคอยป้องกันจากทุกด้าน พวกเราจะต้องเคลื่อนพลขึ้นที่สูงกว่าแล้วเริ่มเปิดฉากโจมตีทันทีเมื่อเริ่มเข้าสู่ระยะการยิง
[Aloy] – แต่ชั้นมีแผนที่ดีกว่า ฐานของพวกมันมีจุดอ่อนอยู่ โกดังเก็บถังระเบิดของมัน ให้ชั้นลอบเข้าไปคนเดียวแล้วระเบิดมันซะจะง่ายกว่า ถ้าชั้นระเบิดสำเร็จจะทำให้กำแพงมันเกิดรูขนาดที่ใหญ่พอที่จะให้คนของคุณบุกเข้าไปโจมตี 
[Varl] – ฟังดูเป็นแผนที่ดีนะ งั้นให้ผมตามไปด้วยนะ 

[Sona] – ข้าในฐานะแม่ทัพยินดีนักที่จะส่งธนู 2 ดอกนี้ไปทักทายพวกมัน ได้เลย ! Varl เจ้าไปกับ Aloy ให้เสมือนเป็นหอกข้างกายเธอ .. แต่ก็ระวังตัวกันด้วยน่ะ 
[Varl] – ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ
[Sona] – เอาละ ไปได้แล้ว พวกเราจะรอสัญญาณจากพวกเจ้าเพื่อเริ่มโจมตี 

จากนั้นเดินทางร่วมกับ Varl ไปตามจุดหมายสีเหลืองของภารกิจ ลอบจัดการศัตรูตามทางไปจนถึงทางเข้าฐาน Ring of Metal ของพวกศัตรู



[Aloy] – นั่นไง เห็นโกดังที่พวกมันวางกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนานั่นมั๊ย?
[Varl] – แล้วเธอเห็นพวกสัตว์จักรกลติดเชื้อนั่นด้วยหรือเปล่าล่ะ? 
[Aloy] – ฟังนะ Varl ประเด็นคือ ที่โกดังนั่นเป็นที่เก็บ Blaze มากมายเลย ถ้าชั้นระเบิดมันได้สำเร็จมันก็จะทำลายทั้งพวกสัตว์จักรกลติดเชื้อนั่นรวมถึงกำแพงด้วย 
[Varl] – แล้วพวกเราก็จะบุกเข้ามาได้ อืมม แต่จากนี้คงไกลไปหน่อยที่จะยิงถึง เราคงต้องลอบเข้าไปใกล้โกดังนั่นอีกหน่อยนะ 
[Aloy] – ชั้นคนเดียวที่จะลอบเข้าไป ส่วนนายกลับไปบอก Sona เรื่องแผนของเรา แล้วนำทางกองกำลังมาซุมรอรอบๆรั้วเอาไว้ก่อน 
[Varl] – ตกลง ผมเข้าใจแล้ว เมื่อระเบิดทำให้กำแพงพังนั่นคือสัญญาณให้พวกเราบุกเข้ามาทันที !


ลอบเข้าไปใน ฐาน Ring of Metal ของพวกศัตรูตามจุดสีเหลืองของเป้าหมายภารกิจจนถึงโกดังเก็บระเบิดเป้าหมาย จัดการใช้ธนูไฟยิงทำลายมันซะ


    


                   สิ้นเสียงระเบิดกองทัพของ Sona ก็จะเริ่มบุกเข้ามาปิดฉากโจมตีทันที



ลุยเข้าไปจัดการพวกศัตรูให้หมดทั้งพวกเผ่านักฆ่าและสัตว์จักรกลติดเชื้อของพวกมัน โดยมี เป็นปัญหาหนักที่ต้องจัดการ แต่ก็มีทั้งระเบิดมากมายเป็นตัวช่วย เมื่อจัดการศัตรูได้หมดกองทัพของ Sona ก็จะสามารถยึดฐาน Ring of Metal ได้สำเร็จ



[Varl] – สรรพมารดร ทรงเห็นถึงชัยชนะของพวกเรา !! หนี้เลือดครั้งนี้ได้ถูกชำระแค้นแล้ว จงจดจำวันนี้ให้ดีเหล่าผู้กล้าแห่ง Nora !!
[Sona] – จากปากของพวกเจ้าบัดนี้คำวิวอนได้ถึงหูเทพเจ้าแล้ว ใช่ จงจดจำมันไว้ ! จงเตรียมตัวถอนกำลังออกจากที่นี่แล้วทิ้งหอกทิ้งธนูคู่กายให้พักไว้กับเหล่าผู้ล่วงลับ พวกมันเป็นมลทินไม่ต่างจากสถานที่นี้




                                       [เหล่าผู้กล้าแห่ง Nora ] - เฮ !!!!!!!





[Sona] – เธอเป็นนักรบที่มากทักษะ Aloy Rost สอนเธอมาดีมาก
[Aloy] – คุณรู้จักเขาด้วยหรอ?
[Sona] – รู้จักมานานแล้ว และรู้มากพอว่าเขาเป็นคนดีแน่นอน 
[Aloy] – แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นคนนอกรีตละคะ เขาไปทำอาชญากรรมหรือผิดกฎอะไรหรอ?
[Sona] – ชั้นเองก็อยากบอกเธอนะ แต่มีแต่แม่เฒ่าสูงสุดเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด
[Aloy] – อืมม เข้าใจแล้วละ เอาละชั้นคงต้องไปตามทางที่ต้องไปต่อแล้วนะ
[Sona] – ขอบใจมากนะ Aloy ของสรรพมารดรจงอวยพรให้การเดินทางของเธอสมดั่งตั้งใจไม่ว่าพวกเขาจะส่งเธอไปทำภารกิจใดก็ตาม 



[Varl] – นี่เธอคงจะไม่กลับไปพร้อมกับพวกเราแล้วใช่มั๊ย? 
[Sona] – คิดว่าคงไม่นะ ชั้นดีใจด้วยที่ทุกอย่างที่นายตั้งใจไว้สมหวังดั่งที่นายต้องการแล้วนะ Varl แต่ของชั้นมันยังไม่จบ 
[Varl] – ฟังนะ ชั้นรู้ว่าเธอต้องไป ยังไงเธอเป็นผู้แสวงหานี่นะ แต่ถ้าเมื่อไหร่เธอผ่านมาที่นี่อีกละก็ ชั้นก็อยากจะเจอเธออีกแค่นั้นแหละ พวกเราจะไปรวมพลกันที่ Mother’s Crown บางทีเราอาจเจอกันอีกที่นั่นได้นะ?
[Aloy] – อืมม ก็หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ 
          

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------




Vantage point 06 : Denver Stadium 

Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 6 .. ตอนผมเริ่มเข้าสถานบำบัดใหม่ๆ เมื่อเราเห็นวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะ เล่นเพลงของ The Wayfarers ผมเริ่มเห็นรอยยิ้มเล็กๆรอดออกมาจากผ้าส่าหรีบนใบหน้าของคุณ    
      
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


จากนั้นกำหนดภารกิจที่ Main Quest: A SEEKER AT THE GATES ซึ่งเป็นภารกิจหลักแรกที่ได้มาจากแม่เฒ่าสูงสุดอีกครั้ง




แล้วเดินจากหมู่บ้าน Mother Crown ไปตามจุดหมายของภารกิจสีเหลืองไปทางตะวันตกปลายทางอยู่ที่ชายแดนของเผ่า Carja ป้อม DAYTOWER



                         Main Quest: A SEEKER AT THE GATES





ทันทีที่เข้ามาจะพบว่ากองทหารของ Carja กำลังวุ่นอยู่กับฝูงสัตว์จักรที่กำลังบุกเข้าประชิดดินแดน ลุยเข้าไปจัดการ Corruptor และพวก Watcher ให้หมดแล้วเข้าไปคุยกับทหารที่ป้อมได้เลย

[Aloy] –  เอาละ ถึงตอนนี้จะเปิดประตูชายแดนให้ชั้นได้รึยัง?
[Carja Guard] – เอาทหารพวกนายได้ยินเธอพูดแล้วนี่ เปิดประตูใหญ่เดี๋ยวนี้แล้วก็ไปรายงานให้กัปตัน Balahn ทราบด้วย 




[Carja Guard] – เส้นทาง Broken Stone นั้นค่อนข้างจะเดินทางลำบาก จะดีที่สุดตอนนี้คุณต้องได้รับการอนุมัติจาก กัปตัน Balahn ก่อนจะดีที่สุด แต่ตอนนี้ท่านกัปตันเพิ่งจะเดินทางไปที่เมืองหลวง Meridain ไม่นานมานี้เอง คุณต้องเดินทางไปหาท่านที่ป้อมของเมืองที่อยู่ทางซ้ายของหุบเขา  
[Aloy] –  โอเค ขอบคุณมากคะ
[Carja Guard] – เราต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณที่ช่วยจัดการพวกหุ่นยนต์บ้านั่นให้ เดินทางปลอภัยนะชาว Nora 


หลังจากจบภารกิจนี้จะได้ภาระกิจใหม่มาคือ Main Quest: THE CITY OF THE SUN เพื่อเตรียมมุ่งหน้าเข้าสู่อาณาเขตของเผ่า Carja เป้าหมายคือเมืองหลวงของเผ่า Carja ที่ชื่อ Meridain ต่อไป




                Main Quest: THE CITY OF THE SUN



                          ป้อม DAYTOWER ชายแดนของอาณาเขตเผ่า Carja 


ที่ป้อม DAYTOWER จะมีจุดรับภารกิจย่อยอยู่ 2 จุดคือ
- จุดเครื่องหมาย ! สีเขียวที่ตัวกัปตัน Balahn ที่ยืนอยู่ด้านในป้อม
- และอีกเควสนั้นต้องไปซื้อของกับพ่อค้าในป้อมแล้วสำรวจดูที่รายชื่อ ชุดเกราะที่เพิ่มเข้ามาใหม่ถึงจะได้ภารกิจย่อยมาอีกอันให้ทำ




[Aloy] – กัปตัน Balahn รึเปล่าคะ? เห็นทหารยามหน้าประตูบอกว่าคุณเพิ่งไปที่ Meridian มา คุณพอจะบอกรายละเอียดของเส้นทางไปให้ชั้นหน่อยได้มั๊ย?
[Balahn]- ไม่ค่อยดีนัก มีสัตว์จักรกลตามทางเต็มไปหมด ทหารลาดตระเวณของเราแจ้งว่าเต็มไปด้วยพวกติดเชื้อเราก็เลยตัดสินใจปิดตายเส้นทางไปทางนั้นซะเลยเพื่อความปลอดภัย ลองไปอีกทางตามถนนไปน่าจะปลอดภัยกว่าแต่ผมพนันได้เลยว่าก็ไม่ได้เดินทางสะดวกนักหรอกแต่ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าเธอไม่คิดมากก็ไปทางนั้นแหละที่สั้นที่สุด มุ่งตะวันออกไปได้เลย ผมจะถือว่าเป็นการให้เกรียติอย่างมากถ้าคุณจะกรุณาบอกด้วยว่าคุณทำได้สำเร็จ แต่ตอนขากลับผมก็ให้คำตอบไม่ได้หรอกนะว่ามันจะเป็นยังไง  ถ้าคุณอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอาณาจักร Sundom ของเราก็ถามมาได้นะ


[Aloy] – (Question about the Carja sundom) - (Daytower?) จริงๆแล้ว Daytower คืออะไรค่ะ ?
[Balahn]- Daytower คือเครื่องหมายทางตะวันออกที่อยู่ในจุดสิ้นสุดเขตแดนของเผ่า Carja เป็นจุดแลกเปลี่ยนซื้อขายของผู้คนมากมายที่ผ่านมา แต่อาจจะมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักถ้ามองจากมุมของเผ่าของคุณ เพราะในช่วงยุคของราชา Sun King ยุคสุดท้าย มีชาว Nora จำนวนมากถูกจับเป็นนักโทษอยู่ที่นี่ก่อนจะส่งตัวไปที่ Meridian ...เพื่อลงโทษ 

[Aloy] – (Carja and Nora?) แล้วตอนนี้ระหว่างเผ่า Carja ของคุณกับเผ่า Nora เป็นยังไงบ้าง?
 [Balahn]- ราชา Sun King Avad ต้องการให้เกิดสันติภาพ แต่เรื่องเกี่ยวกับเมือง Meridian เมื่อในอดีต ก็นะ แผลเก่ามันก็อาจจะหายช้าหน่อย นั่นเป็นเรื่องระหว่างเผ่าของเราต้องพิสูจน์กันเอง หน้าที่ของผมก็คือทำให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการยั่วยุจากทางฝั่งของอาณาจักรของเรา โดยเฉพาะตอนนี้ หลังจาก ..ก็นะ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ที่คนของคุณถูกโจมตีนั่นแหละ 

[Aloy] – (Meridian?) แล้วที่เมือง Meridian จริงๆแล้วมันเป็นยังไงหรอค่ะ?
[Balahn]- มันเปลี่ยนไปมาก  มันดูเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาต่างจากในยุคของราชา Sun King Jiran อย่างมาก ตอนนี้ Avad คือราชาคนใหม่ของเรา สิ่งที่เขาทำสำเร็จก็คือให้ความมั่นใจว่าจะมีการล้มเลิกการล่าอาณานิคมและจับคนจากเผ่าอื่นมาเป็นทาสไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป ตอนนี้เรามีพันธมิตรใหม่อย่าง Oseram และเรื่องที่ Sun Ring ที่มีคนต่างถิ่นถูกฆ่ามากมายเป็นสิ่งที่เราต้องคิดถึงความล้มเหลวในเรื่องที่ราชา Avad ทรงสร้างมาทั้งหมด

[Aloy] – (Oseram?) ตอนนี้ Carja เป็นพันธมิตรกับเผ่า Oseram ด้วยหรอคะ?
[Balahn]- มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนะ แต่มันเป็นความจริงแล้ว ก็สมัยราชา Sun King Jiran เผ่าของเราโจมตีเผ่า Oseram มาร่วมปี  จนราชา Avad ในตอนนั้นก็ใช้แผนศัตรูของศัตรูข้าคือมิตรข้า ท่านเริ่มทำการเกิดการเจรจาจนได้  Oseram มาเป็นพันธมิตรได้ในที่สุด แน่นอนท่านมีตัวช่วยอย่าง Ersa และ Erend ที่เสมือนเป็นญาติพี่น้องกัน พวกเขารวบรวมกองทัพจนสามารถปลดปล่อย เมือง Meridian ได้ในที่สุด ผมเองก็เข้าร่วมกองทัพกับพวกเขาด้วย ผมนำทัพขึ้นไปที่เนินเขาทางเหนือเข้าไปที่ Temple of the Sun จนสามารถจับกุมพวก kestrels และพวกนักบวชที่สนับสนุนราชา Jiran ได้จนหมด ตอนนี้เราเห็นเผ่า Oseram อยู่ร่วมกันในเมืองจนชินตาแล้ว และก็อย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละ พวกเขาค่อนข้างจะมีนิสัยที่ชอบหาเรื่องกันจริงๆ

[Aloy] – (Sun King Avad?) ดูเหมือนว่าคุณจะสนับสนุนราชาคนใหม่ตั้งแต่แรกแล้วใช่มั๊ย?
[Balahn]- ท่านเป็นราชาที่ถูกเลือกโดยดวงตะวัน เป็นสิ่งที่อาณาจักรเราต้องการหลังจากต้องทนทุกข์จากสงครามมาเป็นสิบปี มันเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ละมุนละม่อม ไม่มีความรุนแรงให้เสียเลือดเนื้อใดๆเลย ราชา Sun king Jiran สร้างความนองเลือดไปทั่ว โชคดีที่ Avad ที่เป็นลูกชายไม่เหมือนกับเขา จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ท่านต้องหาวิธีใดวิธีเพื่อหยุดราชา  Sun king Jiran ให้ได้ เสียงกระซิบจากเงามืดนั่นเป็นจุดอ่อนของราชาองค์ก่อน สันติภาพมีพลังที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับดวงตะวันที่โผล่พ้นฝากฟ้านั่นแหละ

 [Aloy] – (Favor?) คุณต้องการให้ช่วยอะไรรึเปล่าค่ะกัปตัน?
[Balahn]- ผมส่งหน่วยลาดตระเวนไปทางตะวันออกทันทีที่ได้รับเรื่องร้องเรียนถึงเรื่องสัตว์จักรกลที่ติดเชื้อที่นั่น ทุกคนในหน่วยผมรู้ดีถึงความกังวลเรื่องความปลอดภัยจนจำเป็นต้องปิดประตูชายแดน แต่ดูเหมือนว่าเราได้ปิดประตูทิ้งคนของเราให้อยู่ในพื้นที่อันตรายซะแล้ว Walid นายบอกเธอสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น



[Walid]- สัตว์จักรกลที่ติดเชื้อโจมตีพวกเราใกล้ๆกับหมู่บ้านร้างของเผ่า Nora ครับ Lakhir บอกให้ผมล่าถอยออกมา จากนั้นผมก็ไม่เห็นพวกเขาอีกเลย 
[Balahn]- นายเห็นหญิงชาว Nora คนนี้มาก่อนหรอ?  ให้เกรียติเธอด้วย รายงานกับเธอสิไม่ใช่ผม
[Walid]- Lakhir พยายามติดต่อกลับตลอด ผมรู้สึกผิดมากที่เหมือนกับตัวเองทิ้งพวกเขาไว้แล้วเอาตัวรอดคนเดียว 
[Balahn]-  ตอนนี้ประตูพรหมแดนเปิดอีกครั้ง ผมถึงสามารถส่งคนออกไปช่วยพวกเขาได้ 

[Aloy] – (Why me?) คุณส่งกองทหารจำนวนมากออกไปช่วยค้นหาพวกเขาทีเดียวเลยไม่ง่ายกว่าหรอแล้วทำไม Walid ถึงยังอยู่ที่นี่ไม่ไปช่วยหาละคะ? 
[Balahn]- เธอเองก็น่าจะรู้ว่าคนของ Nora คงไม่ชอบให้กองทัพ Carja ยกทัพไปใกล้พรหมแดนของคุณแบบนั้นแน่นอน และผมเองก็ไม่อยากจะทำแบบนั้นด้วย การส่งคุณไปน่าจะเกิดปัญหาน้อยกว่า 
[Walid]- (กระซิบ) ได้โปรดตกลงเถอะนะ ได้โปรดๆ ....
[Balahn]- ว่าไงนะทหาร ?
[Walid]- อ่ะ ปะ เปล่าๆ ครับผม




[Aloy] – (The way to Meridian?) ยังมีอะไรอีกมั๊ยค่ะที่คุณจะบอกชั้นได้เกี่ยวกับเส้นทางไปยังเมือง Meridian? 
[Balahn]- ราชา Avad ใส่ใจอย่างมากที่จะทำให้เส้นทางไปยังเมืองหลวงเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด แต่ขอให้พระอาทิตย์ทรงเป็พยายาน มันเป็นเรื่องที่ยากมาที่จะควบคุมดูแลสถานที่ที่เพิ่งเกิดสงครามให้สงบสุขได้จริงๆ พวกจักรกลตัวอันตรายเติบโตและขยายพันธ์อยู่ตลอดเวลา ไหนจะพวกโจรป่า แล้วก็ล่าสุดก็ยังมีเรื่องพวกติดเชื้อนี่อีก ทำให้ผมต้องกระจายกำลังที่มีอยู่น้อยนิดไปคอยปกป้องแค้มป์ของชาวบ้านตามที่ต่างๆเหมือนกันหมด แต่ก็นะ มันเป็นการเดินทางที่เสี่ยงสำหรับคุณด้วยแหละ 

[Aloy] – (Olin?) คุณเคยเห็นเผ่า Oseram ที่ชื่อ Olin มาที่นี่บ้างมั๊ยคะ?
[Balahn]- เคยเจอ 2 ครั้งตอนเดินทางไปกับคณะตัวแทนของ Carja แล้วก็ตอนขากลับ พวกเขาเอาเรื่องเหตุการณ์ที่พวกคุณถูกโจมตีมาแจ้งเราด้วย ผมก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ 
[Aloy] –  แล้วคุณพอจะรู้มั๊ยว่าตอนนี้ Olin อยู่ที่ไหน ? 
[Balahn]- ผมก็ไม่แน่ใจนะ แต่ล่าสุดเขาเดินทางไปที่เมือง Meridian ใครๆก็ไปที่นั่นกันหมดแหละ

[Aloy] – (I’ll keep an eye out for your men) ตกลง ชั้นจะทำเท่าที่จะทำได้ในการตามหาคนของคุณที่หายไปนะ 
[Balahn]- ผมจะขอบคุณมากๆเลยที่คุณยอมช่วย แต่คงไม่อยากขอบคุณมากเท่า  Walid แน่นอน  ... ได้ยินยังเจ้าทึ่ม Walid  รอดตัวแล้วสิ เลิกทำท่าหน้าดีใจแบบนี้ได้แล้ว 


หลังจากสนทนากับ Balahn จบแล้ว จะได้ ERRAND QUEST : IN FOREIGN LAND มาทำ



            ERRAND QUEST : DSERAM ARROW BRAKER HEAVY




ภารกิจนี้ต้องเข้าไปคุยกับแม่ค้าที่อยู่ด้านใน Daytower ต่อ สำรวจดูรายชื่อขายชุดสวมใส่จะได้  ERRAND QUEST : DSERAM ARROW BRAKER HEAVY จากแม่ค้ามา โดยภารกิจนี้จะไม่มีจุดหมายขึ้นในแผนที่บอก ซึ่งเป้าหมายของภารกิจนี้ก็คือ สร้างชุดแรร์ที่ชื่อ DSERAM ARROW BRAKER HEAVY อันสุดท้ายของรายชื่อชุดที่มีขาย


 โดยต้องใช้วัตถุดิบในการสร้างคือ Metal Shard 1100 อัน และ  Crystal Braiding ซึ่งเป็นแรร์ไอเทมที่ดอร์ปจากพวก Stormbirds, Thunderjaws, Deathbringers, Bohemoths และ Rockbreakers  ซึ่งทั้งหมดเป็นสัตว์จักรกลระดับบอสขนาดใหญ่ที่ยังไม่เจอในขณะเดินเรื่องในตอนนี้ ยกเว้นเจ้า Thunderjaws ตัวเดียว ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งตามรูปในแผนที่



การต่อสู้กับ Thunderjaws นั้นถ้าคิดว่าแน่หรือเลเวลพอนั้นก็สามารถสู้ได้เลย ไม่ว่าจะปะทะโดยตรงหรือจะหาที่หลบจากหลังเขาเพื่อลอบยิงมันไปเรื่อยๆก็ได้ ถ้าโดนจุดอ่อนเน้น มันก็ตายได้ง่ายๆเหมือนกัน จุดแข็งของ Thunderjaws นั้นแน่นอนว่ามันทนทานต่อสายฟ้า ส่วนจุดอ่อนก็แยกกันไปตามชิ้นส่วนต่างๆคือ
- ลำตัวทั่วไป ไม่แพ้อะไรเลย และ ทนทานสายฟ้า
- ถัง Blaze Canister สีเหลืองด้านหลัง สามารถยิงธนูไฟให้ติดไฟจนเกิดการระเบิดได้ หรือจะใช้ธนูทำลายเกราะยิงทำลายตรงๆก็ได้


- Disc Launcher อุปกรณ์ที่มันแบกอยู่ข้างๆตัว ใช้ธนูทำลายเกราะยิงทำลายตรงๆได้ และสามารถเก็บมาใช้เป็นอาวุธปืนยิงดิสก์ได้ด้วย
-Freeze Canister ที่อยู่ใต้ท้อง แพ้ธนูทำลายเกราะและธาตุน้ำแข็ง
- Power Cell ที่โค่นหาง แพ้สายฟ้าและธนูทำลายเกราะ
-ปลายหาง ใช้ธนูทำลายเกราะยิงทำลายตรงๆได้เลย



หลังจากจัดการได้แล้ว จะเก็บแรร์ไอเทม Crystal Braiding ได้หรือไม่นั้นก็แล้วแต่ดวงเพราะเป็นไอเทมหายากที่จะแรนด้อมดรอป เมื่อได้วัตถุดิบมาครบแล้วก็นำกลับไปหาแม่ค้าเพื่อสร้างชุด DSERAM ARROW BRAKER HEAVY มาใช้งานก็จะจบภารกิจทันที


จากนั้นกำหนดภารกิจ ERRAND QUEST : IN FOREIGN LAND ที่ได้รับจาก
Balahn เป้าหมายของภารกิจคือค้นหาทหาร Carja ลูกน้องของ  Balahn ที่หายไปที่หมู่บ้านร้างในเขตของ Nora



                       ERRAND QUEST : IN FOREIGN LAND 


เมื่อเข้ามาในพื้นที่เป้าหมายแล้วเข้าไปสำรวจที่ศพของทหาร Carja แล้วใช้ Focus ตรวจสอบดู กด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยแล้วตามรอยเลือดไป ระหว่างทางจะพบศพทหาร Carja อีกมากมาย ตายรอยต่อไปจนถึงเกาะกลางน้ำทางใต้ของพื้นที่ เมื่อว่ายน้ำข้ามไปก็จะเริ่มได้ยินเสียงร้องเพลงที่ดังมาจากด้านบนสุดของเกาะ ขึ้นไปด้านบนก็จะเจอ Lakhir นอนบาดเจ็บอยู่



[Lakhir] – อ่า ข้าไม่คิดว่าจะมีใครตามจนเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยพวก Nora 
[Aloy] – ชั้นก็ไม่คาดว่าจะเจอทหาร Carja ร้องเพลงอย่างกับคนเมาดังลั่นไปทั่วเหมือนกัน 
[Lakhir] – เอ่อ -ข้าต้องขอโทษด้วยที่ ... ทำตัวแบบนี้ ก็ผมคิดว่าคงจะไม่รอดแล้วนะสิ 
[Aloy] – มาเถอะ หัวหน้าของคุณบอกให้ชั้นมาตามหาคุณเพื่อพากลับไปที่ Daytower 
[Lakhir] –  ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าที่เป็น Nora นำทางกลับไปฐานของข้าเหมือนนักโทษแบบนี้หรอก 
 [Aloy] – ด้ายย งั้นก็เชิญกลับเองก็แล้วกัน
[Lakhir] –   ดะ เดี๋ยวๆ ก่อน ! ฟังนะ ข้าเพิ่งฟัดกับไอ้เจ้า Snapmaw มา ที่สภาพแบบนี้ก็เพราะมันกินชุดเกราะและธนูผมไปจนหมด ไอ้หัวขโมยนั่นยังอยู่ในบ่อน้ำนั่นอยู่เลย ผมยังกลับไปโดยไม่มีอาวุธไม่ได้ หาธนูกลับมาให้ผมหน่อย ได้โปรดเถอะนะ
[Aloy] – เดี๋ยวจัดการให้ แล้วก็ได้โปรดหยุดร้องเพลงบ้าๆนั่นได้แล้วนะ 



เป้าหมายต่อไปคือจัดการ Snapmaw สัตว์จักรกลสายพันธ์จระเข้ ที่อยู่ในบึงนี้ ซึ่งเจ้า Snapmaw นั้นแพ้ไฟเต็มๆถัง Blaze Canister สีเหลือง 2 อันข้างๆหัวก็สามารถทำให้ติดไฟจนระเบิดได้ด้วยธนูไฟ  เมื่อจัดการมันได้แล้วก็สำรวจซากของ Snapmaw แล้วเก็บธนูกลับไปให้ Lakhir  เพื่อรับรางวัลและจบภารกิจนี้ได้เลย



                     
                       เดินทางไปที่ Hunter Gathering จะมีอีก 1 Side Quest ให้ทำ



[Gera] – ขอแนะนำตัวเล็กน้อยนะคะ ชั้นชื่อ Gera เป็นคนดูแลแหล่งน้ำของที่นี่ 
[Aloy] – ชั้นชอบนะงานที่เธอทำที่นี่น่ะ Gera มีปัญหาอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?
[Gera] – ก็พอหน้าด่านชายแดนของ Carja เปิดออก ชั้นได้ข่าวจากสามีว่าจะเดินทางมาหา แต่ตอนนี้กลับยังไม่เห็นหัวเลย 
[Aloy] – คุณ เอ่อ มีสามีแล้วหรอ?
[Gera] – Kendert ไง ชั้นเคยชนะเขาในการแข่งงัดข้อ มีพ่อค้าขายเหล็กบอกว่าเคยเห็นเขาล่าสุดที่สะพานใกล้ๆกับ Glarebreak จะเห็นได้ต้องลอยลมเข้าไป แค่แนะนำอ่ะนะ ...
[Aloy] – ถ้าชั้นไปแถวนั้นจะแวะไปดูให้นะ แต่ ตกลงเธอจะให้เขากลับมาหาเธอเลยรึเปล่าละ Gera?
[Gera] – เคยมั๊ยละ ? ที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโดยไม่ต้องค้นหาคำตอบอะไรอีกแล้วน่ะ ?  ชั้นจะไปที่ป้อม Daytower เพื่อไปเติมเสบียงและจะลองหาข่าวเพิ่มเติมหน่อย แล้วค่อยเจอกันที่นั่นนะ เดินทางปลอดภัยละ 



หลังจากสนทนากับ Gera จบแล้ว จะได้ ERRAND QUEST : TO OLD ACQUAINTANCE มาทำ โดยเป้าหมายของภารกิจจะอยู่ทางทิศเหนือของดินแดน Sundoms ของเผ่า Carja


จากนั้นกำหนดภารกิจไปทำ Main Quest: THE CITY OF THE SUN  แล้วเดินทางผ่านป้อม Daytower ต่อไปยังเป้าหมายของภารกิจที่จุดสีเหลืองในแผนที่คือ Meridian ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเผ่า Carja ต่อ



เมื่อผ่านหน้าด่านประตูชายแดนของ ป้อม Daytower มาจะพบจุดสัญลักษณ์รูปธนูสีเขียวในแผนที่ซึ่งก็คือจุด Hunting Grounds จุดใหม่ที่สามารถแวะเข้าไปทดสอบเพื่อรับรางวัลต่างๆได้


                    Hunting Grounds Quest : Greatrun [LV20]




ที่ Hunting Grounds  หรือสนามทดสอบนักล่าจุดที่ 3 นี้ ผู้ควบคุมการทดสอบคือ Keeper ผู้มีความเชี่ยวชาญการใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้กับสัตว์ใหญ่ และเทคนิคการเอาตัวรอดในสถานการณ์ซึ่งหน้า โดยมีบททดสอบ 3 บทคือ

1 Parts Wrangling Trial ด่านนี้มีกฎคือ ต้องจัดการ Tramplers (สัตว์จักรกลคล้ายวัวกระทิง) โดยใช้อาวุธปืนเชือก Ropecaster ยิงไปที่บริเวณส่วน Processing Unit ที่อยู่ใต้ท้องของมันให้หลุด 2 ตัว หรือจะฆ่า  Tramplers โดยใช้อาวุธปืนเชือก Ropecaster จัดการ 2 ตัวแทนก็ได้ แต่ยิงให้ Processing Unit ที่อยู่ใต้ท้องของมันหลุดจะง่ายกว่า


ตราทอง ภายในเวลา 01 :30 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 02:30 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

2. Pace Trial ด่านนี้มีกฎคือ ต้องไปตามเก็บซากของ Watcher ที่อยู่บนเสาหินซึ่งเป็นรังของนกยักษ์ Glinthawk 3 จุด การทดสอบนี้ต้องใช้ความเร็วล้วนๆ ไม่ต้องไปมัวเสียเวลาสู้อะไร รีบวิ่งแล้วปีนขึ้นไปเก็บไอเทมในซาก Watcher ให้ครบ 3 จุดให้เร็วที่สุดก็พอ


ตราทอง ภายในเวลา 01 :30 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 02:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

3. Tie Down Trial กฎของด่านนี้คือ ต้องใช้อาวุธปืนเชือก Ropecaster ยิงนกยักษ์ Glinthawk ให้ร่วงลงพื้นแล้วเข้าไปแทงซ้ำแบบ Critical Hit ให้ครบ 3 ครั้งถึงจะผ่าน ซึ่ง Glinthawk จะสามารถเข้าไปแทงซ้ำแบบ Critical Hit ได้ตัวละ 2 ครั้งมันก็จะตาย


ตราทอง ภายในเวลา 02:00 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 04:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

หากทำให้สำเร็จตามเงื่อนไขภายในเวลากำหนด ก็จะได้รางวัลจากกรอบเวลาของรางวัลต่างๆ ดังนี้
ตราทองแดง ได้ กล่องรางวัล Half sun Box 
ตราเงิน ได้ กล่องรางวัล Full sun Box
ตราทอง ได้ กล่องรางวัล Blazing sun Box
ตราทองแดง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Half sun Box
ตราเงิน 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Full sun Box
ตราทอง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล + 1 Skill Point




                                         CAULDRON RHO





ที่จุด CAULDRON RHO ทางทิศใต้ของอาณาเขตเผ่า Carja นั้น เมื่อเข้าไปด้านในจนถึงห้องเก็บ Core แล้วจัดการ Snapmaw และ Ravager ที่คอยปกป้อง Core ลงได้ เมื่อเข้าไปทำการ Override ควบคุม  Cor ได้สำเร็จ Aloy ก็จะสามารถ Override ควบคุมสัตว์จักรกลชนิดต่างๆได้เพิ่มขึ้นคือ Longleg, Shell-walker, Ravager, Snapmaw และ Trampler



                        Bandit Camp Quest: Gateland Camp [LV12] 





ที่จุดเครื่องหมาย ! สีเขียวทางใต้ของจุดภารกิจ Hunting Grounds Greatrun คือจุดที่อยู่ของ Nil ที่มีภารกิจยึดค่ายโจรให้ทำ




[Nil] – ผมเพิ่งสังเกตเห็นสถานที่นึงที่พวกคุณเคยอยู่ เป็นหมู่บ้านร้างที่ดูเหมือนจะมีผู้อาศัยกลุ่มใหม่ที่ไม่ค่อยจะมีหัวสร้างสรรในการก่อสร้างซักเท่าไหร่ ได้แต่เอาไม้มากองๆสุมๆกันทับหมู่บ้านที่พวกคุณสร้างเอาไว้ให้พอเป็นที่กำบัง แต่ผมมองรูปแบบของมันออก มันเป็นการขุดคุ้ยหาของมีค่าของพวกมัน ไอ้พวกโจรพวกนั้นไง ถ้าจะเข้าไปเซอร์ไพรส์พวกมันก็ต้องเริ่มกันเลย ผมถึงบอกให้เรามาเจอกันอีกครั้งไง
[Aloy] – คุณยังล่าพวกโจรอยู่อีกหรอ Nil ?
[Nil] – ใช่ ตราบที่ดาบของผมมันยังคมอยู่นั่นแหละ และก็จะทำต่อไปเรื่อยๆจนกว่ากลิ่นเหม็นเน่าของพวกสวะกากเดนสังคมพวกนี้จะหมดไปนั่นแหละ ผมค่อนข้างกังวลนิดหน่อยเกี่ยวกับภาวะสิ้นหวังที่เกิดจากการกระทำของโจรพวกนี้ คิดซะว่า เราเป็นเครื่องหอมที่จะกลบกลิ่นเหม็นของพวกมันก็ได้
[Aloy] – แล้วตกลงดาบของคุณมันชื่ออะไร?
[Nil] – ทำไมถึงคิดว่าผมจะต้องตั้งชื่อให้ดาบของผมละ?
[Aloy] – ก็แค่ถามไปเรื่อยน่ะ
[Nil] – นี่เธอพร้อมมั๊ยเนี้ยถามจิง
[Aloy] – อย่าคิดว่าที่ชั้นทำแบบนี้เพราะชอบสิ
 [Nil] – ไม่ต้องห่วงหรอก เราจะเก็บความลับนี้ให้ตายไปพร้อมกับเราด้วยเลยละ



   
     
Gateland Camp ซึ่งเป็นแค๊มปของพวกโจรที่ต้องบุกเข้าไปนั้นจะอยู่ทางใต้จากจุดที่ Nil อยู่ไม่ไกล ภายในแค้มป์จะมีพวกโจรอยู่จำนวนไม่มากนัก




และครั้งนี้ Nil จะร่วมทางมาลุยด้วย ถ้ารวมกับเชลยชาว Nora อีก 2 คนด้านในจะรวมเป็น 4 คน พยายามลอบจัดการตัวหัวหน้าที่มีปืนกลหนักก่อนพวกลูกน้องที่เหลือก็ไม่มีปัญหามากนัก เมื่อจัดการพวกโจรจนหมดได้แล้วก็กลับไปหา Nil ที่จุดนัดพบแรกอีกครั้ง



 [Nil] – จำเสียงห่ำหั่นอย่างบ้าเลือดที่เข้ามาในหูของคุณได้หรือเปล่า มันจะยังดังก้องอยู่แม้ทุกอย่างจะสงบลงแล้ว มันคือความปราถนาทีซ่อนอยู่ในตัวคุณ
[Aloy] – หรือไม่ก็เสียงร้องให้ช่วย?
[Nil] – แบบนั้นคงไม่ใช่วิถีการต่อสู้ของผมแน่นอน 
[Aloy] – เรื่องนั้นชั้นจะพิสูจน์เอง 

 [Aloy] – (you were a Soldier) ตอนคุณเป็นทหาร คุณเคยรบให้พวก Carja รึเปล่า?
[Nil] – ก็ทั้งช่วยพวกเขารบและรบกับพวกเขานั่นแหละ คุณนี่ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บจิงๆเลย ตอนนี้ราชาคนใหม่ King Avad ทรงมีมุมมองที่ต่างออกไปจากราชาคนเดิมมาก ตอนนี้ Carja เน้นการสำรวจโลกกว้างแทนคำว่า อาชญากรสงคราม และก็ไม่ใช่ทุกสงครามหรอกที่จะทำให้ใครซักคนเป็นอาชญากร ชั้นยกมือขอสมัครเข้าร่วมกับพวกเขาเองนั่นแหละ
[Aloy] – คุณเนี้ยนะอาสาเป็นนักสำรวจ?
[Nil] – เปล่า ผมอาสามาก็เพราะความเชื่อของตัวเอง ไม่มีเวลาให้การสำรวจบ้าบอนั่นหรอก ผมเคยถูกส่งไปอยู่ที่ Sunstone Rock ถึง 2 ปี ก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่แฟร์ดี



[Aloy] – (What Crimes?) ไปจัดการกับอาชญากรรมแบบไหนหรอ?
[Nil] – ก็ทุกสถานการณ์ ทุกกรณีที่ยอมรับได้นั่นแหละ
[Aloy] – ยอมรับได้สำหรับใคร ?
[Nil] – ก็แค่พูดเฉยๆแค่นั้นแหละ มันก็แค่กฎในการสู้รบสำหรับผมแค่นั้นแหละ แต่กฎมันก็เป็นเรื่องสำคัญนะ เพราะมันเหมือนเป็นโครวสร้างให้เรามีแนวทางที่ชัดเจนพร้อมๆกับเป็นกรงขังที่ดีด้วย แล้วอีกอย่างเธอเองก็รู้จักที่นั่นดี มันเคยเป็นสถานที่ที่มีผู้คนอยู่อย่างโดดเดี่ยว และตอนนี้เธอจะปล่อยให้มันถูกแยกออกไปเหมือนมันอยู่อีกโลกนึงอีกหรอ มีโอกาสที่ผมเองก็อาจเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนด้วย

[Aloy] – (Sunstone Rock?) พวกเขาส่งคุณไปที่ Sunstone Rock 2 ปีเลยหรอ? มันเป็นธรรมเนียมของพวก Carja หรอ ?
[Nil] – เปล่าๆ Sunstone Rock มันเป็นคุก ทางใต้ของเมือง Meridian ทางใต้ของเขต Raingather ราชา Sun King คนใหม่ของเราเชื่อว่าที่นั่นเหมาะที่จะใช้เป็นที่กอบกู้ชื่อเสียงที่ไม่ดีของอณาจักรเราที่ผ่านมาได้ ก็เหมือนกับผมที่ต้องอยู่ในคุกที่ทั้งมืดและร้อน ผมได้เรียนรู้ว่าจริงๆแลวอะไรที่มันสำคัญสำหรับผม 

[Aloy] – (Find a New Parther?) แล้วตอนนี้คุณหาคู่หูได้รึยังละ?
[Nil] – ผมนึกว่าเราเป็นคู่หูกันแล้วซะอีก ?
[Aloy] – ชั้นก็มีเส้นทางเดินของชั้นเองนะ Nil 
[Nil] – นี่ผมชวนไปฆ่าโจรนะ ไม่ใช่มาขอให้ไปแต่งงานกับพวก Carja ตอนที่ฆ่าพวกมันผมไม่เคยเหงาซักที  
[Aloy] – ชั้นคงต้องไปก่อนแล้วนะ 
[Nil] – พวกเราก็แค่จากกันชั่วคราวแต่สำหรับกับพวกโจรนั่นมันคือจุดจบ พวกโสโครกอย่างพวกมันไม่มีสิทธิแม้ที่จะมีชีวิตอยู่ !

               

กำหนดภารกิจ ERRAND QUEST: TO OLD ACQUAINTANCE ที่ได้รับการขอร้องจาก Gera ที่ Hunter Gathering มาให้ช่วยออกตามหาสามีของเธอที่หายตัวไป



จากนั้นเดินทางไปตามจุดหมายของภารกิจนี้ที่สะพานใกล้ๆกับเขต Glarebreak  ก่อนจะถึงจุดหมายจะเจอชายบาดเจ็บคนนึงนอนอยู่ใกล้ๆสะพาน ซึ่งเป็น NPC ที่มีเครื่องหมาย ! สีเขียวที่แปลว่าเขามีภารกิจย่อยให้ทำ


[Aloy] – ทำใจดีๆนะ คุณชื่ออะไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับคุณหรอ?
[Hakurt] – ผมชื่อ Hakurt อยากจะขอให้ไปช่วยที่ Pitchcliff ด้วย ไอ้นกยักษ์ Glinthawks มันโจมตีพวกเรา พวกมันฆ่าพี่น้องของผมและ..ทุกๆคนจนหมดเลย ได้โปรด ...อั๊ก ..
[Aloy] – งานนี้ชั้นคงไม่ยุ่งไม่ได้แล้วใช่มั๊ย ?

หลังจาก Hakurt สิ้นใจไปพร้อมกับคำสั่งเสียสุดท้ายที่ทำให้กลายเป็น  Side  Quest: DEATH FROM THE SKIES โดยเป้าหมายของภารกิจจะอยู่ที่ Pitchcliff ในเขตดินแดนน้ำแข็งทางส่วนเหนือของอาณาจักร Carja


                    ERRAND QUEST: TO OLD ACQUAINTANCE




กลับมาทำภารกิจ ERRAND QUEST: TO OLD ACQUAINTANCE ต่อ เข้าไปที่สะพานแล้วใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยล้อรถลากแล้วตามรอยไปตามทางจนถึงสุดทางที่ตีนเขาน้ำแข็ง ที่ลานกว้างด้านล่างของตีนเขาจะเต็มไปด้วบฝูงกระทิง Tramplers มากมาย (แวะจัดการให้หมดก่อนก็ดี)  มุ่งหน้าตามร่องรอยไปจนพบถังใส่เหล้าขนาดใหญ่ เมื่อ Aloy เข้าไปสำรวจดูก็แน่ใจว่ารถบรรทุกเหล้าของ Kendert สามีของ Gera ซึ่ง Kendert ก็คงจะอยู่ไม่ไกลจากจุดที่รถบรรทุกเหล้าพังแน่นอน  จากนั้นจากตรงถังใส่เหล้าขึ้นไปที่พักบนเชิงเขาก็จะพบ Kendert สามีของ Gera นั่งอยู่


[Kendert] – ดีใจที่เจอนะคนแปลกหน้า 
[Aloy] – คุณคือ Kendert หรือเปล่าคะ? ชั้นเป็นเพื่อนของ Gera เมียของคุณน่ะ 
[Kendert] – ห๊า ! ผมนี่แหละ สามีของ Gera 
[Aloy] – Gera เธอได้ข่าวว่าคุณหายตัวไป เลยให้ชั้นออกมาตามหา ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับคุณหรอ?
[Kendert] – ผมเองก็กำลังจะเดินทางไปพบเธอนี่แหละ แต่ดันมาเจอพายุทรายซะก่อนเลยต้องหาที่กำบัง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ สินค้าของผมก็ดันกระเด็นไปอยู่ในฝูงของพวกกระทิง  Tramplers อีก ผมก็เลยต้องมานั่งปลงเป็นนักบวช Carja อยู่ที่นี่ไงละ ทางเดียวที่คุณจะช่วยทำให้ผมดูเป็นไอ้ซื้อบื้อน้อยที่สุดก็คือ รบกวนช่วยไปเอาสินค้าของผมมาจากดงพวกกระทิง  Tramplers นั่นหน่อยจะได้มั๊ยครับ? 
[Aloy] – สินค้าของคุณมันก็แค่ตกลงไปอยู่ที่ฝูงกระทิง  Tramplers เป็นสินค้าสำคัญมากหรอคะ?
[Kendert] – เอ่อ มันก็แค่ถังใส่เหล้าน่ะครับ  น่าจะมี 5 ถังได้มั้ง นั่นก็น่าจะพอทำให้ Gera เมียผมดีใจได้แล้วละ 



คุยจบแล้วก็ลงไปที่ตีนเขาตรงลานกว้างที่ฝูงกระทิง  Tramplers หากินอยู่ ถ้าจัดการพวกมันจนหมดแล้วตอนขาขึ้นมาก็ไม่ต้องจัดการอีก เข้าไปใช้ Focus สแกนหาถังเหล้าที่ตกอยู่ในพื้นที่ให้เจอจนครบ 5 ถังแล้วค่อยกลับไปคุยกับ Kendert อีกครั้ง



[Kendert] – โอ้ ขอบคุณมากครับคุณนักล่า นี่เป็นสินค้าล้ำค่าสำหรับ Oseram เลยนะ มันจะทำให้คุณอุ่นมากพอที่จะทนความหนาวของพายุหิมะได้สบายๆ 
[Aloy] – ถามจริงๆนะ Kendert ตกลงคุณกำลังตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ?
[Kendert] – การจะสร้างค้อนดีๆซักอันก็ต้องใช้เหล็กคุณภาพดีว่ามั๊ยล่ะ ชั้นทำมันก็เพราะเมียที่รักนี่แหละ ก็ตั้งแต่ Gera เธอเคยเปรยๆว่าเธอต้องการที่จะสละสิทธิ์ที่จะอยู่กินกับผมเพราะกฎของ Carja ไม่อณุญาติให้แต่งงานกับเผ่า Oseram ผมก็ลองปรึกษากับท่านผู้เฒ่าถึงกฎของ Carja ดูแล้ว ไม่อยากบอกหรอกนะว่าพวกเขาพูดว่ายังไงบ้าง คุณต้องไปชอบแน่นอน 
[Aloy] –  นี่คุณพยายามจะทำให้ชั้นอยากรู้งั้นหรอ?
[Kendert] – เปล่าๆ ตอนนี้ผมพร้อมที่จะชุดหลุมฝังตัวเองให้ลึกเหมือนกับที่ถูก Thunderjaw กลืนลงคอแล้วละ เพราะมันเป็นความผิดของผมเองแหละที่ไม่ยอมตกลงปลงใจไปกับเธอตั้งแต่แรก ตอนนั้นชั้นยังไม่พร้อมจริงๆ  บางที ตอนนี้มันคงไม่สายเกินไปหรอกนะ 
[Aloy] – ไม่สายเกินหรอก ตอนนี้ Gera เธอเองก็รอฟังข่าวของคุณอยู่ที่ป้อม Daytower โชคดีแล้วกันนะ 

หลังจากคุยกับ Kendert จบแล้วก็เดินทางกลับไปคุยกับ Gera ที่รออยู่ที่ป้อม Daytower ได้เลย



[Gera] – เป็นยังไง เจอสามีของชั้นรึเปล่า?
[Aloy] – ใช่ ชั้นเจอเขาแล้วละ Kendert กำลังจะเดินทางมาหาคุณแล้วละ Gera  แต่ อืมม .. ชั้นว่าคุณกับเขาคงต้องมีอะไรต้องคุยกันเยอะเลยล่ะ 
[Gera] – ดีๆ ชั้นชอบการเล่าเรื่อง ยิ่งถ้าได้เครื่องดื่มดีๆด้วยล่ะก็นะ นั่นแหละคือเหตุผลที่ชั้นเก่งในสิ่งที่ชั้นทำ
[Aloy] – ไม่ต้องห่วง เขามีให้คุณทั้ง 2 อย่างนั่นแหละ Kendert เขาต้องการจะไปกับคุณนะ แต่คงเสียใจในคำพูดของท่านผู้เฒ่าที่พูดกับเขามั้ง?
[Gera] – ผู้หญิงเผ่าชั้นทุกคนรู้ดีว่าถิ่นของพวกเขาต้องเฉพาะผู้มีสิทธิ์เท่านั้น ก็อย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละ พระอาทิตย์ของเผ่า Carja คงจะเผาสมองของพวกเขาจนหมดแล้วถึงทำให้คิดแบบนั้นได้ 
โถ... เจ้าบื้อของชั้นคงขับข้องใจกับกฎของเผ่าเขาจนต้องคิดมากแทบบ้าแน่ๆเลย ...  ชั้นก็คงต้องขอบคุณเธอจริงๆซะที ขอบคุณนะจ๊ะ ชั้นจะดื่มเพื่ออวยพรให้เธอที่ Hunter Gathering  ทุกวันเลยนะ



จากนั้นกลับมากำหนดภารกิจ  Side  Quest: DEATH FROM THE SKIES ที่ได้รับจาก Hakurt ที่ฝากฝังไว้ก่อนตาย แล้วเดินทางไปตามจุดเป้าหมายของภารกิจที่ Pitchcliff ในเขตดินแดนน้ำแข็งทางส่วนเหนือของอาณาจักร Carja


                        Side  Quest: DEATH FROM THE SKIES


เมื่อเดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน Pitchcliff จะพบว่าที่นี่ถูกฝูงนกยักษ์ Glinthaks มากมายกำลังบุกโจมตีหมู่บ้านอยู่ เข้าไปช่วยจัดการพวก Glinthaks ให้หมด แล้วเข้าไปด้านในหมู่บ้านเพื่อคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านต่อ



[Ralert] – เหมือนเจ้าบินลงมาจากสายรุ้งเพื่อช่วยพวกเราจากไอ้พวกเศษสวะจักรกลพวกนั้น บอกได้มั๊ยเจ้ามาจากไหนกัน ?
[Aloy] – ชายที่ชื่อ Hakurt ที่บาดเจ็บอยู่ด้านนอกหมู่บ้านเป็นคนขอความช่วยเหลือ ชั้นก็เลยเข้ามาตรวจสอบดู 
[Ralert] – ไอ้คนทรยศเอ๊ย !! ข้าสั่งให้มันอยู่คอยสู้ปกป้องหมู่บ้านแต่ก็ยังหนีไป น่าจะเอาเหล็กแทงมันให้ตายจริงๆเลย 
[Aloy] – เขาตายแล้วละคะ 
[Ralert] – อะไรนะ !! หรอ? ของให้ศพมันเน่าเหม็นวิญญาณมันมอดไหม้ไปเลย ไอ้คนแร้งน้ำใจกับพี่น้อง ทำไมนะ ข้าเตือนแล้วแท้ๆทำไมมันไม่ฟัง ทำไม !?
[Aloy] – ชั้นว่าเขาห่วงทุกคนมากกว่าที่ยอมเสี่ยงตายหนีออกจากหมู่บ้านเพื่อตามคนมาช่วย หรือคุณมีวิธีที่จะจัดการพวกฝูงนกยักษ์ Glinthaks นั่นได้ด้วยตัวเอง?

[Aloy] – (Lures) มันมีใครเอาเหยื่อล่อพวกจักรกลมาขายที่นี่หรือเปล่าคะ มันเป็นอุปกรณ์ที่สามารถดึงดูดพวกสัตว์จักรกลได้นะ 
[Ralert] – เหยื่อล่อนั่น มันมีจริงๆหรอ ? ข้าคิดว่ามันเป็นแค่มุขตลกของพวก Carja ซะอีก 

[Aloy] – (Glinthaks?) แล้วมันมีอะไรบ้างที่น่าจะมีโอกาสเป็นตัวล่อพวก นกยักษ์ Glinthaks คุณทิ้งพวกซากสัตวจักรกลไว้รอบๆหมู่บ้านมากเกินไปรึเปล่า ?
[Ralert] – ไม่มีหรอก พวกเรา Oseram ใช้ชิ้นส่วนทุกชิ้นอย่างมีค่าไม่มีเศษเหลือทิ้งเหมือนพวก Carja หรอกที่เลือกเก็บไว้แต่ส่วนที่สวยงามเท่านั้น 
[Aloy] – คิดว่าเป็นพวก Carja ที่แอบทิ้งซากสัตว์ไว้รอบๆรึเปล่า?
[Ralert] – ที่นี่น่ะหรอ? ไม่มีทางหรอก ผมคอยดูแลอยู่ตลอด ถ้ามีพวก Carja มาทิ้งๆขวางๆซากสัตว์ที่นี่ผมจะเอายัดปากให้มันกินให้หมดเลยคอยดูสิ 

[Aloy] – (Carja?) ทำไมคุณถึงเชื่อว่า Carja มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับนกยักษ์ Glinthaks ?
[Ralert] – เราสร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นเพื่อต่อต้านการรุกรานของพวก Carja แต่เมื่อสงครามจบลงพวก Carja ก็เข้ามาที่นี่เพื่อทำมาหากินขายสินค้าต่างๆ ซึ่งผมก็ว่าดีเพราะพวกเขามีวัตถุดิบดีๆมากมาย แต่ใครๆก็รู้ว่าพวก Carja ต้องการที่จะได้ที่ผืนนี้ แต่คิดอีกที พวกเขาก็อยากได้ทุกที่ๆนั่นแหละ 
[Aloy] – แล้วคิดว่าพวก Carja นำพาเอาพวกนกยักษ์ Glinthaks มาที่นี่ได้ยังไงละ ? 
[Ralert] –ถ้าจะให้ข้ามองพวกเขาในแง่ร้าย ข้าก็คงต้องจับผิดพวกเขาเป็นพิเศษนั่นแหละ 

[Aloy] – (Your Role ?) แล้วคุณทำหน้าที่อะไรในหมู่บ้านนี้หรอคะ?
[Ralert] – ปกติก็คงเป็นนายกของที่นี่ไปแล้ว แต่ข้ารู้ตัวเองดีว่าข้ามันพวกขี้เมาเลยบอกปัดไปตลอดทุกครั้งที่พี่ๆน้องๆที่นี่ขอให้ข้าเป็น ...  เฮ้ออ ... บอกข้าด้วยว่าเจ้าเจอศพของ Hakurt อยู่ที่ไหน ข้าจะจัดการฝังให้อย่างสมเกรียติทันทีที่จัดการพวกนกยักษ์ Glinthaks นี้เสร็จ
[Aloy] – ชั้นพบเขาทางใต้ของที่นี่ใกล้กับสะพาน ริมแม่น้ำ 
[Ralert] – เฮ้ออ เจ้าโง่เอ๊ย ...แต่ก็ขอบคุณเจ้านะที่อยู่กับเขาและรับคำร้องขอจากเขาเป็นครั้งสุดท้าย

[Aloy] – คนของคุณก็ต้องเยอะแยะ ทำไมถึงไม่ลองสำรวจหาคำตอบดูล่ะว่าทำไม พวกนกยักษ์ Glinthaks ถึงโจมตีหมู่บ้าน 
[Ralert] – ถามจริง? พวกชาวบ้านน่ะหรอ ไม่มีใครช่วยข้าหรอก นอกจากเจ้าจะมีวิชาแกะรอยดีๆจะพอช่วยได้ 
[Aloy] – คุณต้องการให้ช่วยจริงๆหรอ
[Ralert] – เอาสิ .. งั้นบอกข้าด้วยถ้าเจ้าเจอพวก Carja หรืออะไรก็ตามที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ 



จากนั้นใช้ Focus สำรวจดูจะพบคลื่นบางอย่างแสดงออกมาเป็นรูปวงกลมให้เห็นที่ชั้นล่าง เข้าไปตามหาจนเจอที่มาของคลื่นที่แสดงออกมาก็จะพบชายคนนึงกำลังลุกลี้ลุกลนที่จะปิดเครื่องบางอย่างอยู่อย่างเป็นพิรุธ



[Shahavad] – ปิดเซ่ ปิดสิเว้ยย !!!
[Aloy] – กำลังทำอะไรอยู่หรอ ?!
[Shahavad] – ให้ตายเถอะ ผมปิดมันไม่ได้จริงๆ !
[Aloy] – อะไรที่ปิดไม่ได้ล่ะ ?
[Shahavad] – ผมไม่ได้สร้างเองหรอกแต่เผลอหยิบมาจากโรงงานร้างแห่งนึงน่ะ จะยังไงก็เถอะ มันคงเปิดอยู่แล้วมันคงส่งสัญญาณเรียกให้ฝูงนกยักษ์ Glinthaks บุกมาโจมตีหมู่บ้านแน่ๆเลย แต่ ผมไม่รู้จะปิดมันยังไง !!

-----------------------  ปึ๊กๆๆๆ โครม !!! --------------
[Aloy] – (Scounging ) ดูเหมือนมันจะหยุดแล้ว เอาละพูดต่อได้ นายได้มันมายังไง? ทำไมนายขโมยอุปกรณ์นี้มาทั้งๆที่ใช้ไม่เป็น !?
[Shahavad] – ก็ลูกค้าของผมอ่ะสิ บอกว่าต้องการเทคโนโลยีของยุคเก่า แล้วยิ่งเป็นของที่มีเรื่องเล่ามีตำนานจะยิ่งมีราคาสูงมากๆ ยิ่งกล้าที่จะค้นหายิ่งได้กำไรงาม ถ้ามันทำให้ผมรวยนะ ต่อให้ต้องปีนภูเขาสูงแค่ไหนก็ไม่หวั่นหรอก นิยามการค้าขายสำหรับผมเพื่อลูกค้าผมพร้อมจะสังเวยชีวิตให้อยู่แล้ว
[Aloy] – สังเวยชีวิตผู้บริสุทธิสิไม่ว่า ฝูงนกยักษ์ Glinthaks มันบุกเข้ามาโจมตีทุกคนนะ
[Shahavad] – ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นนี่นา ผมแค่อยากจะค้นหาสินค้าใหม่ๆมาขายให้รวยๆพอจะซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ก็แค่นั้นเอง 

[Aloy] – (Workshop) คุณบอกว่าขโมยเจ้าเครื่องนี้มาจากโรงงานร้างแห่งนึงหรอ ?
[Shahavad] – ใช่ ผมไปตั้งแค๊มป์บนยอดเขาหิมะทางตะวันออกของสันเขา ไม่ง่ายเลยนะที่จะปีนขึ้น ไปถึงน่ะ แต่ผมก็ขึ้น ....
[Aloy] – พอๆ ! ที่โรงงานร้างนั่นยังมีไอ้เจ้าเครื่องนี้อยู่อีกมั๊ย? 
[Shahavad] – มันเป็นเครื่องมือที่ถูกทิ้งเอาไว้ แต่จะมีอีกมั๊ยผมไม่แน่ใจนะ เพราะด้านในของไซโลประหลาดๆนั่นผมพยายามจะเปิดมันแล้วแต่เข้าไม่ได้ ก็เหมือนทุกครั้งที่ผมออกค้นหานั่นแหละ ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เจอสิ่งของที่เป็นความลับมากมายที่ซ่อนอยู่ในโลกนี้ มันเหมือนเป็นการช่วยทำให้ความโง่เขลาของเราหมดไป ...
[Aloy] – ประเด็กคือ ??!
[Shahavad] – โอ้ อ่อ ไม่ ผมไม่เห็นอันอื่นๆอีกเลยนะ แต่ถ้ามีมันคงซ่อนอยู่รอการค้นพบนั่นแหละ 

      

[Aloy] – (Glinthaks?) ถามจริงๆนะ นี่นายรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่มั๊ยว่าเจ้าเครื่องนี่มันเป็นตัวล่อให้พวกนกยักษ์ Glinthaks ให้เข้ามาที่นี่น่ะ?
 [Shahavad] – สาบานต่อพระอาทิตย์เลย ผมไม่รู้มาก่อนจริงๆนะ ผมได้มันมาแล้วก็เก็บสะสมไว้ที่นี่ได้ซักพักแล้ว ก่อนจะออกเดินทางไปหสมบัติตามปกติ จนผมกลับมาก็เจอพวกนกบ้านั่นเข้ามาโจมตีแล้ว ผมเองก็เกือบโดนมันจิกคอขาดเหมือนกันนะ น่ากลัวชมัดเลย

[Aloy] – (I Need to find the Workshop) เจ้าเครื่องมือนี้เป็นของอันตราย ชั้นต้องการแน่ใจว่าที่ทำลายไปเมื่อกี้เป็นชิ้นสุดท้ายและไม่มีชิ้นอื่นๆอีก โรงงานร้างนั่นอยู่ที่ไหน ? 
[Shahavad] – อยู่ทางฝั่งตะวันออกของยอดเขา เลยแค้มป์ที่พักของผมไปหน่อย แต่หลังจากทีผมได้เจ้าเครื่องนี้มาจากโรงงานนั่นแล้วข้ากลับนี่เกือบตาย เพราะดันเกิดหิมะถล่มจนต้องรีบหนีลงมาจนถึงแม่น้ำ ตอนนี้ทางมันคงขาดหมดแล้ว ถ้าคุณจะปีนขึ้นไปตอนนี้จะอันตรายเกินไปนะ 
[Aloy] – ก็ต้องลองเสี่ยงกันหน่อย ตอนนี้นายพยายามอยู่ห่างๆโรงงานนั่นและอย่าสร้างปัญหาเพิ่มก็พอแล้ว 


หลังจากนั้น เดินทางตามจุดภารกิจที่ขึ้นมาใหม่ในแผนที่ที่ด้านเหนือของแผนที่ เดินทางไปจนถึงแค๊มป์ของ Shahavad ที่อยู่ระหว่างทางบนภูเขาน้ำแข็ง แล้วเดินทางต่อไปจนถึงเป้าหมายต่อไปบนยอดเขาที่เป็นที่ต้องของโรงงานร้างตามที่ Shahavad บอก


เมื่อใช้ Focus สแกนในพื้นที่จะพบจุดที่มี “เหยื่อ” ที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณเรียกสัตว์จักรกล 3 จุด นั่นเป็นสิ่งที่ต้องเก็บมาทำลาย แต่ในพื้นที่จะมีเจ้านกยักษ์ Stormbird สัตว์จักรกลรูปทรงนกขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่เพราะเครื่องกำเนิดสัญญาณด้วย

สิ่งที่ต้องทำคือเข้าไปเก็บ“เหยื่อ” ที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณทั้ง 3 อันให้หมดก่อน จากนั้นก็หาทางสู้กับนกยักษ์ Stormbird ให้ได้ รูปแบบการโจมตีของมันคือ ปืนยิงสายฟ้าที่โปรยจากด้านบนและการพุ่งโจมตีกระแทกพื้นจากบนฟ้าซึ่งจะกินรัศมีการโจมตีที่รุนแรงพร้อมๆกับสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างมาก ส่วนจุดอ่อนของมันคือ กระสุนเจาะเกราะและต่อต้านธาตุสายฟ้า เนื่องจากพื้นที่ต่อสู้เป็นที่โล่งกว้างซึ่งเป็นผลดีกับการโจมตีจากบนฟ้าของ Stormbird อย่างมาก



เทคนิคการจัดการ Stormbird ที่ได้ผลดีนั้นคือ ดึงมันมาเล่นงานที่พื้น โดยสามารถใช้หลังคาของโรงงานเป็นที่กำบังในการโจมตีจากบนฟ้าแล้วใช้ Sharpshot Bow ยิงด้วยกระสุนเจาะเกราะ 3 ดอกพร้อมๆกันเพื่อให้มันมึนงงจนร่วงลงมาบนพื้นให้ได้ก่อน จากนั้นใช้เครื่องยิงเชือก Ropecaster ตรึงมันกับพื้นแล้วกระหน่ำด้วย Blast Sling จากพวกระเบิด เมื่อมันดิ้นใกล้จะหลุดก็ใช้ เครื่องยิงเชือก Ropecaster ตรึงมันกับพื้นต่อแล้วโจมตีวันไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้สามารถกำจัด Stormbird ได้ง่ายกว่าปล่อยให้มันโจมตีจากท้องฟ้า

     

 ในตอนก่อนสู้เมื่อจัดการเก็บ “เหยื่อ” ที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณเรียกสัตว์จักรกลครบทั้ง 3 อันแล้ว ทันทีที่โจมตี Stormbird  จนพลังของมันลดถึงครึ่งมันจะบินหนีไปเพราะไม่มี “เหยื่อ” ที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณอยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้เก็บ“เหยื่อ” ที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณต้องจัดการ Stormbird จนกว่ามันจะตาย   เมื่อจัดการ Stormbird ไปพร้อมๆกับเก็บ “เหยื่อ” ที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณที่เหลืออยู่ทั้งหมดแล้วก็ย้อนกลับไปคุยกับ  Ralert ที่หมู่บ้าน Pitchcliff อีกครั้ง



[Aloy] – คุณควรจะดีใจได้แล้วนะเพราะชั้นเจอ“เหยื่อ” ที่เป็นเครื่องกำเนิดสัญญาณที่เป็นตัวเรียกสัตว์จักรกลที่เหลือและทำลายมันหมดแล้ว คิดว่าคราวนี้คงหมดจริงๆแล้วละ
[Ralert] – แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันจะไม่มีเหลืออีกล่ะ?
[Aloy] – โรงงานร้างที่ชั้นเข้าไปสำรวจถูกทิ้งร้างมานานมากแล้ว คุณปลอดภัยแน่นอนค่ะ
[Ralert] – งั้นก็เยี่ยมมากๆเลย คนของผมคงอยากจะจับมือแสดงความขอบคุณกับเธอ และในฐานะ
ตัวแทนของชาวบ้านในหมู่บ้าน Pitchcliff รวมทั้งครอบครัวของข้าขอแสดงความขอบคุณกับเจ้ามากๆนะที่ช่วยพวกเราในครั้งนี้ 

                                     

                        Hunting Grounds Quest :  SUN FURROWS




ที่ Hunting Grounds  หรือสนามทดสอบนักล่าจุดที่ 4 นี้ ผู้ควบคุมการทดสอบคือ Keeper ผู้มีความเชี่ยวชาญการใช้กลยุทธ์ในการควบคุมสัตว์จักรกลเพื่อใช้ช่วยในการต่อสู้ โดยมีบททดสอบ 3 บทคือ

1 Ravager vs. Machines Trial ด่านนี้มีกฎคือ ต้องใช้ปืนเลเซอร์ของเจ้า Ravager ยิงสัตว์จักรกลชนิดอื่นให้ตาย 2 ตัว ซึ่งอาจจะใช้ลูกกระสุน Tearblast Arrow (เจาะเกราะม่วง) ของธนู Sharpshot Bow ยิงให้ปืนที่อยู่บนส่วนหลังของ Ravager ให้ตกลงมาแล้วไปเก็บมาใช้ยิงเอง หรือ จะใช้การ Override ควบคุม Ravager แล้วให้มันไปโจมตีสัตว์จักรกลตัวอื่นต่อเองก็ย่อมได้ ซึ่งสัตว์จักรกลตัวอื่นที่สามารถจัดการได้ง่ายที่สุดในพื้นที่ทดสอบก็คือ Watcher

Trick – เมื่อเริ่มการทดสอบแล้ว ให้โรยตัวตามเชือกเส้นทางด้านซ้าย ลงมาจะพบ Ravager 1 ตัวเดินไปมาอยู่ จัดการ Override ควบคุม Ravager ให้ไปจัดการ Watcher ที่เดินอยู่แถวๆนั้น 2 ตัว ที่เหลือก็ลุ้นให้มันเข้าไปจัดการศัตรู 2 ตัวให้ครบตามเงื่อนไข ส่วนวิธีที่ 2 สามารถใช้ลูกกระสุน Tearblast Arrow (เจาะเกราะม่วง) ของธนู Sharpshot Bow ยิงให้ปืนที่อยู่บนส่วนหลังของ Ravager ให้ตกลงมาแล้วไปเก็บมาใช้ยิง Watcher ด้วยตัวเองก็ได้ แต่เป็นวิธีที่ไม่แนะนำเพราะจะเสียเวลามากกว่า

ตราทอง ภายในเวลา 01 :10 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 02:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป

2. Thunderjaw vs. Ravager Trial ด่านนี้มีกฎคือ ต้องใช้ปืน Disc Launcher ของ Thunderjaw ยิง Ravager ให้ตาย 2 ตัว ซึ่งอาจจะใช้ลูกกระสุน Tearblast Arrow (เจาะเกราะม่วง) ของธนู Sharpshot Bow ยิงให้ปืน Disc Launcher ที่อยู่ด้านข้างลำตัวทั้ง 2 ด้านของ Thunderjaw ให้ตกลงมาแล้วไปเก็บมาใช้ยิงเอง หรือ หากอัพเกรดหอกจนสามารถ Override ควบคุม Thunderjaw ได้แล้วก็จัดการควบคุม Thunderjaw ให้ไปจัดการ Ravager ก็ได้



Trick –
วิธีแรก ในกรณีที่ยังไม่สามารถ Override ควบคุม Thunderjaw ได้ เมื่อเริ่มการทดสอบแล้ว ให้โรยตัวตามเชือกเส้นทางด้านขวา ลงมาจะพบ Ravager ตัวฝั่งขวา จัดการ Override ควบคุมมันซะ จากนั้นวิ่งวนไปที่ฝั่งทางซ้ายจนพบ Ravager อีกตัว จัดการ Override ควบคุมมันซะ เมื่อควบคุม Ravager ได้ครับ 2 ตัวก็จัดการใช้ ลูกกระสุน Tearblast Arrow (เจาะเกราะม่วง) ของธนู Sharpshot Bow ยิงให้ปืน Disc Launcher ที่อยู่ด้านข้างลำตัวทั้ง 2 ด้านของ Thunderjaw ให้ตกลงมาแล้วไปเก็บมาใช้ยิง Ravager 2 ตัวให้หมด


วิธีที่ 2 ในกรณีที่สามารถ Override ควบคุม Thunderjaw ได้แล้ว ก็จัดการควบคุมThunderjaw ได้แล้วก็จัดการควบคุม Thunderjaw ให้ไปจัดการ Ravager ทั้ง 2 ตัวได้เลย

ตราทอง ภายในเวลา 02 :00 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 02:30 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป 

3. Ravager Control Trial กฎของด่านนี้คือ ทำการ Override ควบคุม Ravager 2 ตัวให้ไปจัดการกับเจ้า Thunderjaw


Trick –   เมื่อเริ่มการทดสอบแล้ว ให้โรยตัวตามเชือกเส้นทางด้านขวา ลงมาจะพบ Ravager ตัวฝั่งขวา จัดการ Override ควบคุมมันซะ จากนั้นวิ่งวนไปที่ฝั่งทางซ้ายจนพบ Ravager อีกตัว จัดการ Override ควบคุมมันซะ เมื่อควบคุม Ravager ได้ครับ 2 ตัว ก็รอให้พวกมันเข้าไปรุมจัดการ Thunderjaw ให้ตาย โดยตอนนี้สามารถช่วยยิงเพื่อให้ Thunderjaw มันตายเร็วขึ้นได้ด้วย

ตราทอง ภายในเวลา 02:40 นาที
ตราเงิน ภายในเวลา 04:00 นาที
ตราทองแดง ภายในเวลา 20:00 นาที ขึ้นไป


หากทำให้สำเร็จตามเงื่อนไขภายในเวลากำหนด ก็จะได้รางวัลจากกรอบเวลาของรางวัลต่างๆ ดังนี้

ตราทองแดง ได้ กล่องรางวัล Half sun Box 
ตราเงิน ได้ กล่องรางวัล Full sun Box
ตราทอง ได้ กล่องรางวัล Blazing sun Box
ตราทองแดง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Half sun Box
ตราเงิน 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล All Full sun Box
ตราทอง 3 ครั้ง ได้ กล่องรางวัล + 1 Skill Point



                                           CAULDRON ZETA 




ที่จุด CAULDRON ZETA  เมื่อเข้ามาที่ในพื้นที่ตรงประตูทรงสามเหลี่ยมแล้วจะพบว่าทางเข้าด้านหน้านั้นเข้าไม่ได้ มองไปที่เนินหินที่อยู่ด้านซ้านของทางเข้าจะมีที่เกาะปีนขึ้นไปด้านบนจะพบ Watcher เฝ้าอยู่ตัวเดียว จัดการซะแล้วเข้าไปที่ซอกเขาด้านในก็จะพบประตูที่สามารถใช้หอก Override เปิดเข้าไปด้านในได้


เส้นทางภายใน CAULDRON ZETA นั้นต่างจากที่อื่นเพราะที่นี่ระหว่างทางจะไม่มีศัตรูเลย เส้นทางก็ไม่ยาวหรือซับซ้อนอะไร เมื่อเข้าไปตามทางเรื่อยๆก็จะเข้าไปถึงห้องควบคุมเก็บ Core ได้ทันที

ในห้องเก็บ Core นั้นจะเป็นโรงงานที่ให้กำเนิดเจ้า Thunderjaw ซึ่งก็จะพบมันรออยู่ด้านในบาเรียอยู่ จัดการสร้างกับดักต่างๆตามความพอใจ แล้วค่อยขึ้นไปบนแขนกลเพื่อปิดระบบทั้งหมด เมื่อบาเรียหายไปก็เตรียมตัวพบกับ Thunderjaw ที่จะออกมาโจมตีทันที


โชคดีหน่อยที่ Thunderjaw มีแค่ตัวเดียว การต่อสู้กับมันตัวต่อตัวในพื้นที่ที่ไม่มีศัตรูตัวอื่นแทรกแซงนั้นไม่ใช่เรื่องยากมากหากระดับเลเวลและทักษะสูงพอ ก่อนจะปิดบาเรียใช้ Tripcaster ทำกับดักให้มากที่สุดหลายๆเส้น เมื่อปิดบาเรียให้มันออกมาได้แล้ว ก็ใช้ ลูกกระสุน Tearblast Arrow (เจาะเกราะม่วง) ของธนู Sharpshot Bow ยิงให้ปืน Disc Launcher ที่อยู่ด้านข้างลำตัวทั้ง 2 ด้านของ Thunderjaw ให้ตกลงมาแล้วยิงล่อให้มันเข้ามาโดนกับดักที่วางไว้ จากนั้นก็รีบไปเก็บปืน Disc Launcher ของมันมายิงถล่มใส่มันซะ ความรุนแรงมากพอที่จะจัดการมันได้ไม่ยาก

เมื่อจัดการ Thunderjaw ที่คอยปกป้อง Core ลงได้ เมื่อเข้าไปทำการ Override ควบคุม  Cor ได้สำเร็จ Aloy ก็จะสามารถ Override ควบคุมสัตว์จักรกลขนาดใหญ่ชนิดต่างๆได้เพิ่มขึ้นคือ Thunderjaw, Stormbird และ Rockbraker ได้แล้ว 




                                   Side Quest: BLOOD ON STONE





ที่ด่าน CUT – CLIFFS หน้าปากทางเข้าสู่เมือง Meridian จะมีชาวบ้านที่มีเควสย่อยให้ทำอยู่ 1 คน



[หัวหน้าคนงานเหมือง] – อย่าเพิ่งมากวนใจข้าตอนนี้เจ้าคนต่างถิ่น ตอนนี้ข้าไม่ต้องการนักล่ารับจ้างหรอก ข้าต้องการปาฎิหาร มีใครจะบอกข้าได้บ้างว่า ใครมันบังอาจฆ่าคนงานของข้าไปจนหมดเนี้ย !
[Aloy] – ชั้นพอมีความสามารถด้านแกะรอยอยู่บ้าง บางทีอาจพอช่วยได้ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นคะ?
[หัวหน้าคนงานเหมือง] – ก็ไอ้ฆาตกรบ้าที่ไหนไม่รู้ที่มาฆ่าคนงานกะกลางคืนของผมไปหมดทั้ง 5 คนเลย ถูกฉีกเหมือนผักปลาเกลื่อนเหมืองไปหมด !

[Aloy] – (Dead guard?) คนงาน 5 คนถูกฆ่าหรอ ยังไงคะ?
[หัวหน้าคนงานเหมือง] – ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คนนึงเคยเป็นเพื่อนข้าสมัยที่ยังเป็นทาสของกษัติรย์บ้านั่นก่อนจะมีการปฎิวัติ เพื่อนข้าระแวดระวังตัวดี พยายามทำงานอยู่ในแสงไฟตลอด แต่ไม่รู้มันทำได้ไงที่เข้ามาฆ่าเข้าได้โดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลย อาจเป็นพวะฆาตกรที่ชอบลอบฆ่าหรือไม่ก็อาจเป็นคนงานด้วยกันก็ได้ 

[Aloy] – (Machines?) อาจจะเป็นพวกสัตว์จักรกลก็ได้นะ 
[หัวหน้าคนงานเหมือง] – ก็ไม่เห็นนะ แล้วอีกอย่างเหมืองของข้ามีรั้วรอบขอบชิดที่มิดชิดพวกมันเข้ามาไม่ได้หรอก แถมเจ้าพวกนกยักษ์ Glinthawk ก็ไม่เคยโจมตีในรูปแบบนี้มาก่อนนะ 

[Aloy] – (Anything Unusual?) อะไรก็ตามที่มันเล่นงานพวกคุณ มันมีอะไรที่แปลกๆที่ผิดธรรมดาบ้างมั๊ย?
[หัวหน้าคนงานเหมือง] – มีศพของคนงานตัวอ้วนๆคนนึงเลือดทะลักออกมาเยอะมากๆ น่ากลัวสุดๆ โทษที นั่นมันความรู้สึกของผมเอง ไม่ใช่จากไอ้ฆาตกร ก็ไม่มีอะไรที่ดูผิดปกตินะ นอกจากที่เราใช้ระเบิดเยอะไปหน่อย แล้วก็เรื่องที่ saravad มันพูดเอาไว้ ...ช่างเถอะ มันเรื่องไร้สาระน่ะ 



[Aloy] – (saravad?) แล้วตกลง saravad พูดว่ายังไง?
[หัวหน้าคนงานเหมือง] – ไม่มีอะไรหรอก มันก็พูดไปเรื่อย เห็นบอกว่ามีก้อนหินถูกบดละเอียดกระจายไปทั่ว ข้าก็ว่า เมื่อวันมันลืมเก็บงานให้เรียบร้อยมากกว่า แล้วนี่มันเหมืองนะ เราก็ขนหินกันทั้งวันมันก็อาจะมีตกหล่นเลอะเทอะกันบ้างแหละ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน มันนะงี่เงาเองมากกว่า 

[Aloy] – (Blasting?) คุณบอกว่ามีการใช้ระเบิดจำนวนมากหรอ?
[หัวหน้าคนงานเหมือง] – แน่นอนสิ เราใช้การเคลียร์พวกหินชั้นล่างสุดซึ่งจะแข็งมาก ถ้าไม่ใช่เราคงขุดกันเป็นอาทิตย์หรือไม่ก็เป็นปีๆแน่นอน แล้วระเบิดนั่นก็ไม่เคยทำให้ใครบาดเจ็บหรืออันตรายเลยนะ พวกเขาแค่ทำให้พื้นหินมันแตกออกเป็นชิ้นไม่ได้ระเบิดให้หินมันแตกกระจาย

[Aloy] – (I Know what did this) ชั้นรู้และว่าอะไรที่ฆ่าคนของคุณ มันเป็นสัตว์จักรกลที่โจมตีจากใต้พื้นดินได้เรียกว่าตัว Rockbreaker ระเบิดพวกนั้นอาจทำให้เกิดเสียงดังจนเป็นตัวล่อให้พวกมันออกมาโจมตี  
[หัวหน้าคนงานเหมือง] – สัตว์จักรกลที่โจมตีจากใต้ดินงั้นหรอ เยี่ยม ! ไม่ว่ามันจะเรียกว่าตัวอะไร แล้วข้าจะจัดงานมันยังไงละเนี้ย 
[Aloy] – ใจเย็นๆน่า เรื่องพวกนี้ชั้นถนัด ปล่อยเป็นหน้าที่ชั้นเอง 

จากนั้นลงไปที่เหมืองในพื้นที่เป้าหมายของภารกิจ เข้าไปสำรวจตามจุดต่างๆที่ขึ้นมาให้ทั่วๆซึ่งจะพบว่าเป็นจุดวางระเบิดของเหมือง แต่ทันทีที่เข้ามาสำรวจที่จุดตรงกลางพื้นที่ Rockbreaker ก็จะเข้าโจมตีทางพื้นดินทันที


การต่อสู้กับ Rockbreaker นั้น การโจมตีส่วนใหญ่ของมัน นอกจากการพ่นเศษหินออกมาก็คือการโผล่ออกมาโจมตีจากใต้พื้นดินตรงจุดที่ Aloy ยืนเป็นหลัก ทำให้สามารถใช้กับดักวางเอาไว้ตรงจุดใดจุดนึงแล้วไปยืนล่อเพื่อให้มันขึ้นมาโจมตีจนทำให้โดนกับดักได้ รวมทั้งถังระเบิดในพื้นที่ก็สามารถใช้ธนูไฟยิงทำให้มันระเบิดใส่  Rockbreaker ได้อีกด้วย เมื่อจัดการ Rockbreaker ได้แล้ว ก็กลับไปรับรางวัลกับ หัวหน้าคนงานเหมือง เพื่อจบภารกิจได้เลย


------------------------------------------------------------------------------------------------



Vantage point 07: Eagle Canyon
Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 9 .. ผมจัดการตั้งเต้นที่พักที่นี่ทันทีที่มาถึงเมื่อ Wyatt เรียกตัวผมมาที่นี่ ผมรีบมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ทันทีที่รู้ว่าคุณกำลังโคม่า ..เสียดาย ที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้ร่ำลากันเลย 


Vantage point 08: Lake POWELL
Bashar Mati: Apocashitstorm Tour: วันที่ 11 .. ผมออกมาที่นี่ก็เพื่อเตรียมตัวตาย ก่อนที่จะอดไม่ได้จนต้องใช้ยาเกินขนาดจนตายในที่พักในป่าของ  Wyatt ผมเลือกเดินลงน้ำจนตายที่นี่จะดีกว่า ผมมายืนอยู่ตรงนี้ก็เพราะความคิดมันพามา และด้วยสถานการณ์ที่พาไป ผมก็รู้ดีว่า ยังไงผมก็คงต้องทำ 

---------------------------------------------------------------------------------------------


                                                    Brightmarket 


                  



ที่ Brightmarket ทางตะวันตกของ Meridian Gate จะมีชาวบ้านที่ทีเควสย่อยให้ทำอยู่ 3 จุด



                                   Side Quest: SUN AND SHADOW






[Lahavis] – อย่าเพิ่งมากวนข้าสาวน้อย ไม่เห็นหรอว่าข้ากำลังหาบางอย่างในน้ำอยู่น่ะ?
[Aloy] – โอเค แต่ มีอะไรรึเปล่าคะ คุณทำอะไรตกลงไปหรอ?
[Lahavis] – ปะ เปล่าๆ ข้าเอ่อ เจ้าเคยเห็นผู้หญิงอายุประมาณ 17 ปี ใน เฮ้อ ข้าจะพูดไปทำไมเนี้ย?
[Aloy] – คุณกลัวว่าเธอจะโดดน้ำฆ่าตัวตายหรอ?
[Lahavis] – ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน !  Elida ลูกสาวคนเดียวของข้า เธอหายตัวไป!

[Aloy] – (Srarch?) คุณลองให้ใครไปค้นหาตัวเธอรึยัง?
[Lahavis] – ข้าลองให้พวกทหารยามมองหาเธอดูแล้ว ข้ารู้ว่าไปหวังพึ่งพวกเขาไม่ได้หรอก พวกเขาบอกเห็นเด็กสาวอยู่ทั่วเมืองไปหมดแต่ไม่เคยเห็น Elida พอไปถามกับพวกเพื่อนๆของเธอก็บอกกันว่า พวกเพื่อนๆก็ไม่เห็นเธอมาเป็นอาทิตย์แล้ว เป็นอาทิตย์เลยนะ!! ทำไมข้าถึงไม่รู้มาก่อนเลย ? แต่พวกเพื่อนๆก็บอกจะช่วยหาตัวเธอ ข้าเองก็หาจนทั่วไปหมดก็ยังไม่เจอ จนคิดอะไรไม่ออกก็เลยมาลองมาหาดู... ในน้ำนี่แหละ บางทีเธออาจจะ ..บ้าเอ๊ย !!

[Aloy] – (Last Seen?) คุณเห็นเธอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่หรอ?
[Lahavis] – เมื่อคืนวาน ที่บ้าน เธอก็ดู ..ปกติดีนะ
[Aloy] – เธอป่วยหรือเป็นโรคอะไรรึเปล่า?
[Lahavis] – เธอเป็นโรคซึมเศร้า ชอบเก็บตัว น่าเศร้ามากๆ ข้าเองก็พยายามตามใจเธอทุกครั้งที่เธอขอออกมาที่สวนด้านนอก และครั้งนี้ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอ

[Aloy] – (Unusual?) ตอนนั้นเธอได้พูดอะไรที่แปลกๆบ้างมั๊ยคะ?
[Lahavis] – เธอไม่ค่อยจะเหมือนคนเดิมเท่าไหร่ เมื่อก่อนเธอก็ดูมีความสุขเหมือนกับเด็กสาวทั่วไปสามารถเล่นอะไรสกปรกๆห่ามๆกับเพื่อนผู้ชายยังได้เลย   
[Aloy] – แล้วอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปล่ะ?
[Lahavis] – ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอทะเลาะกับข้าแทบจะทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่พวกเรา หยุดยิง เธอคิดว่าเราขี้ขลาดไม่กล้าเปิดศึกสู้รบกับศัตรูละมั้ง นี่ก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วที่ข้าไม่เคยเห็นลูกสาวยิ้มเลย เธอได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้องตลอดเวลา ค่าควรจะยอมลงทุนเสียเงินเพื่อดูแลเอาใจใส่เธอให้มากกว่านี้ 

[Aloy] – (War?) มีเรื่องอะไรตอนที่เกิดสงครามที่ทำให้เธอสูญเสียบ้างรึเปล่า?
 [Lahavis] – สงครามนั่นทำให้พวกเราสูญเสียกันทุกคนนั่นแหละ ความทารุณโหดร้ายของไอ้ราชาบ้าคนก่อนนั่นมันทำให้ถนนนองไปด้วยเลือด พอคนของ ltamen พวกมันก็นำความโกลาหลมาสู่ที่นี่  แน่นอนพวกมันยิงโจมตีพวกเราทันที แต่ Elida ดูเหมือนจะกังวลถึงเรื่องนี้มากกว่าที่เคย มันคงรบกวนจิตใจของเธอมากที่คนในเผ่าของเราแบ่งแยกออกจากกัน

[Aloy] – (I look for your daughter) ชั้นพอจะมีความสามรถด้านแกะรอยอยู่ จะลองตามหาเธอให้แล้วกัน คุณเห็นลูกสาวครั้งสุดท้ายที่ไหน ?
[Lahavis] – ที่สวนของเรา ได้โปรดช่วยทีเถอะนะ บางทีเจ้าอาจจะเจออะไรที่ข้าพลาดไปก็ได้ 
[Aloy] – ชั้นจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกันนะ 


คุยจบเดินเข้าไปที่จุดเป้าหมายของภารกิจที่สวนหน้าที่พักของ Elida ใช้ Focus สำรวจหาเบาะแสสำคัญในพื้นที่ดู จะพบขวดบางอย่างตกอยู่ เมื่อเข้าไปสำรวจ Aloy จะพบว่าน้ำด้านในมีกลิ่นเหมือนซากอะไรบางอย่างหรือไม่ก็ไข่เน่า อีกจุดจะพบกล้องส่องทางใกล้ทีกำลังตั้งโฟกัสไปยังถานที่แห่งนึงใกล้ๆหมู่บ้าน  ทำไมในสวนนั่งเล่นในบ้านต้องมีกล้องส่องทางไกลไปมองที่อื่น ? Aloy ตั้งข้อสงสัย เลยออกไปหน่อยจะพบเสียบที่ขุดดินปักทิ้งไว้ เมื่อเข้าไปสำรวจใกล้ๆจะพบว่า มีบางอย่างถูกฝังไว้ถูกขุดขึ้นมา Aloy วิเคราะห์ ดอกไม้จากในสวนที่ถูกขุดเอาออกไป


จากนั้นใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยของ Elida แล้วเดินสะกดรอยตามไปเรื่อยๆ  ออกจากหมู่บ้านมาถึงอู่จอดเรือ สำรวจดูที่ที่ผูกเรือจะพบว่ามีคนเอาเรือออกไปแล้ว เลยต้องโดดน้ำว่ายไปต่อเอง เป้าหมายคือเกาะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จนพบเรือจออยู่ที่ริมฝั่งของเกาะ ตามรอยเข้าไปกลางพื้นที่จะพบหญิงสาวคนนึงกำลังร้องให้ช่วยเพราะมี Snapmaw เดินเพ่นพ่านอยู่  เข้าไปจัดการ จระเข้ยักษ์ Snapmaw ซะแล้วเข้าไปคุยกับผู้หญิงที่ยืนแอบอยู่บนเนินดินด้านในจะพบว่าเธอคือ Elida ลูกสาวของ Lahavis นั่นเอง



[Elida] – คุณเป็นใครเนี้ย แล้วไปฝึกการต่อสู้แบบนั้นมาจากไหนถึงสามารถจัดการกับ Snapmaw ได้ แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่อ่ะคะ?
[Aloy] – บางที่เธอควรจะตอบคำถามชั้นแทนที่จะมาตั้งคำถามนะ

[Aloy] – (Island) เธอนั่นแหละมาทำอะไรบนเกาะนี้ ?
[Elida] – ชั้นมาที่นี่ก็เพราะ ...เอ่อ .. เพราะอยากอยู่คนเดียวน่ะ
[Aloy] – แล้วรู้มั๊ยว่าพ่อของเธอห่วงกลัวว่าเธอจะตายน่ะ?
[Elida] – ห๊ะ ! ชั้นแปลกใจเลยนะเนี้ยว่าพ่อรู้เหมือนกันว่าชั้นหายไป 
[Aloy] – เขาตามหาเธอจนทั่วหมู่บ้านเลย เขาห่วงเธอจริงๆนะ
[Elida] – เอ่อ ...ก็ เจ้า Snapmaw มันขว้างทางอยู่อ่ะ แต่ดีที่คุณมาช่วยจัดการมันให้ ขอบคุณนะ ชั้นไม่เป็นไรแล้วละ

[Aloy] – (Flowers) แล้วคุณเอาดอกไม้มาที่นี่ทำไมหรอ?
[Elida] – ก็ไม่มีอะไรมากหรอ ชั้นแค่พยายามทำที่นี่ให้ดูสวยงามเพื่อเรา เอ่อ เพื่อพวกเราทุกๆคนในหมู่บ้านอ่ะ
[Aloy] – เราหรอ? ตกลงมีใครอยู่ที่นี่อีกรึเปล่า?
[Elida] – เปล่าๆ ไม่มีซักหน่อย ชั้นแค่จะทำให้มันเซอร์ไพรส์เพื่อนชั้นก็แค่นั้นเอง แต่มาแล้วไม่เจอใคร เท่าที่เห็นอ่ะนะ

[Aloy] – (Time to go back) งั้นก็กลับหมู่บ้านพร้อมๆกันเลย 
[Elida] – เอ่อ ชั้นต้องแต่งสวนให้เสร็จก่อนอ่ะ ไม่นานหรอก ชั้นอยู่ได้เดี๋ยวจะตามกลับไปสัญญาเลย
[Aloy] – รู้มั๊ย ชั้นเองก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน ขอดูอะไรรอบๆก่อนนะ
[Elida] – คุณไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้นะ !

จากนั้นเข้าไปใช้ Focus สำรวจที่แค้มป์ที่พักกลางพื้นที่จะพบว่ามีถุงนอนอยู่ 2 ที่และเมื่อเข้าไปสำรวจตรงที่นอนจะพบว่ามีแก้ว 2 ใบอีก Aloy จึงเริ่มรู้ว่า Elida นั้นเธอไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน จึงต้องกลับไปคุยกับเธออีกครั้งเพื่อสอบถามความจริง




[Aloy] – Elida ถ้าเธอบอกว่าอยู่ที่นี่คนเดียว ทำไมมีที่นอน 2 อัน? แล้วก็เลิกโกหกชั้นได้แล้วนะ!
[Elida] – เอ่อ ... ให้ตายสิ ..คือ ชั้นไม่รู้จริงๆว่าเขาหายไปไหน
[Aloy] – ใคร ?
[Elida] – Atral คะ ทุกครั้งเวลาที่เขาจุดไฟสัญญาณเพื่อให้ชั้นมาเจอกันที่นี่ แต่ครั้งนี้ไม่เห็นเขาเลย

[Aloy] – (Atral ?)  Atral คือใคร?
[Elida] – เขาเป็นเพื่อนที่เจอกันมาตั้งแต่เด็กๆคะ เมื่อก่อนตอนที่ชั้นทำสวนดอกไม้ที่หน้าบ้าน เขาชอบมาหนอนมาใส่หลังชั้น ตอนนั้นเกลียดเขามากๆเลย แต่ เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว เรามาเจอกันที่นี่ ทุกๆอย่างมัน เอ่อ ไม่เหมือนเดิม เราคุยกันเป็นชั่วโมงเลย แถมเขายังช่วยชั้นทำสวนด้วยนะ  จากวันนั้นชั้นก็อยากจะเจอแต่เขามาตลอด มันเหมือนชั้นได้ตายแล้วเกินใหม่ทุกครั้งที่ชั้นมาเจอเขาที่นี่ คุณรู้มั๊ยทำไมชั้นถึงรู้สึกแบบนั้น?
[Aloy] – ชั้น .... คงบอกไม่ได้หรอก ว่ามันเพราะอะไร?

[Aloy] – (Secret?) แล้วทำไมเธอถึงต้องปิดเป็นความลับล่ะ
[Elida] – Atral เป็นทหารในกองทัพของพวก Carja เงา มีฐานอยู่อีกฝากของทะเลสาบคะ มันก็จะเป็นการทรยศกับแต่ละฝ่ายถ้ามีคนรู้ว่าเราคบกัน ชั้นจะบอกพ่อหรือคนอื่นๆได้ยังไง ?

[Aloy] – (Meet?) แล้วทำไมพวกเธอถึงต้องมานัดเจอกันที่นี่ละ?
[Elida] – ที่นี่เป็นสถานที่ที่เราเคยมาด้วยกันตอนเด็กๆก่อนที่เขาจะไปจากหมู่บ้าน ชั้นเองก็แวะมาที่นี่บ้างบางครั้ง จนวันนึง ชั้นแปลกใจมากๆที่ได้เจอกับเขาที่นี่จริงๆ เมื่อเขาเจอชั้น Atral ยิ้มแป้นจนปากจะถึงหูเลยนะ เราได้คุยกันเหมือนตอนเด็กๆอีกครั้ง จนกระทั้งเกิดสงครามขึ้น ... และแล้วสงครามก็เปลี่ยนเราทั้งคู่ เพราะเราไม่ใช่เด็กๆแล้ว จากนั้นเราก็เลยต้องแอบมาเจอกันแบบลับๆ ทุกครั้งที่เขาจุดไฟขึ้นที่นี่ซึ่งเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดที่เขาจะหนีออกมาจากฐานของเขาซึ่งอยู่ที่โบสถ์บนเขาเพื่อมาหาชั้นได้ จนเมื่อคืนนี้....
[Aloy] – เขาไม่ได้มาตามนัด?
[Elida] – ชั้นได้แต่รอๆ ทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เจอใครนอกจากคุณนี่แหละ

 [Aloy] – (Time to go) พอเถอะ เธอนะ กลับบ้านไปได้แล้ว
[Elida] – ได้โปรดเถอะคะ ถ้าคุณยังอยู่แถวๆนี้รบกวนช่วยตามหา Atral ให้หน่อยได้มั๊ย? ชั้นเห็นเขาจุดไฟไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะถ้าชั้นไปเอง เขาอาจจะถูกฆ่าก็ได้ พวกเราพยายามที่จะไม่ให้เผ่าเราหยุดยิง แต่ทาง Nora กลับไม่ได้โจมตีเราเหมือนกับที่ชั้นคิดไว้ ชั้นไม่ต้องการให้มันเกิดเรื่องแบบนี้เลย ชั้นขอโทษจริงๆคะ
[Aloy] – ถ้าชั้นตามหาเขาให้ เธอต้องกลับไปหาพ่อของเธอที่หมู่บ้านนะ !
[Elida] – ได้คะ แต่ได้โปรด หากเจอเขาช่วยไปบอกชั้นที่บ้านด้วยนะ เพราะตราบใดที่ Atral ยังหายไปแบบนี้ชั้นคงกินนอนไม่ได้หรอก

คุยกับ  Elida จบเดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจในจุดต่อไปซึ่งต้องว่ายน้ำข้ามไปอีกฝากของทะเลสาบ ที่ริมน้ำจะพบกองไฟที่ Atral จะจุดเพื่อนัดให้ Elida ออกมาพบ เมื่อใช้ Focus สำรวจที่กองไฟ Aloy จะพบร่องรอยคนที่มาพาตัว Atral ไปจากจุดนี้

จากนั้นใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยของ Atral แล้วเดินสะกดรอยตามไปเรื่อยๆ จนถึง Kestret perch โบสถ์ที่อยู่บนยอดเขาซึ่งจะเป็นฐานของพวก Carja เงาหรือ เผ่า Carja ที่ยังฝักใฝ่กับราชา Sun-king ผู้บ้าคลั่งองค์ก่อน เมื่อถูกรัฐประหารเปลี่ยนเป็น Sun-king คนใหม่ที่รักสันติ Carja ที่ยังจงรักภัคดีกับ ราชา Sun-king องค์ก่อนจึงแยกตัวออกมาจากเผ่าเพื่อทำตามแนวทางของตัวเอง เมื่อเข้ามาถึงหน้าทางเข้าตึกจะพบทหารยาม 2 คนคุยกันอยู่



ทหาร Carja เงา #1 – รู้สึกแย่ว่ะที่ต้องมาได้ยินเสียงไอ้เจ้า Atral มันแหกปากร้องทรมานแบบนั้น อยากจะให้มันพูดๆออกมาซะที ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเคยสู้เคียงข้างพวกเรามา 
ทหาร Carja เงา #2 – ข้าบอกเลยนะ พวกใส้ศึกเนี้ยมันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ
ทหาร Carja เงา #1 – ข้าจะไปรู้ได้ไงละวะ
ทหาร Carja เงา #2 – แน่นอน แต่เอาละ ถึงมันจะยากหน่อย แต่อีกไม่นานหรอก พวกชาวบ้านก็จะยอมแพ้โดยไม่สนความถูกต้องอะไรอีกต่อไป ฟังเสียงแหกปากของมันดูก็ได้  
ทหาร Carja เงา #1 – ฟังดูก็ไม่ง่ายนะ ข้าก็เห็นมันแหกปากมาร่วมชั่วโมงและไม่เห็นมันจะยอมพูดเลยว่ามันหนีออกไปหาใคร ?

ลอบจัดการมันซะแล้วใช้ Focus สแกนดูด้านบนชั้น 2 ทางขวาจะพบว่า Atral ถูกจับอยู่ที่นั่น จากนั้นจะลอบขึ้นไปหรือจะฆ่าพวกทหาร Carja เงา ให้หมดก็ได้ เป้าหมายคือเข้าไปให้ถึงตัวของ Atral ให้ได้

     

[Aloy] – นายคือ Atral รึเปล่า? Elida เป็นคนส่งชั้นมาตามหานายน่ะ
[Atral] – Atral หรอ? ข้าเคยจะถามนางเหมือนกันว่าจะหนีไปกับข้ามั๊ย หนีออกไปจากดินแดนนี้เลย ไปในที่ที่มันไม่มีพวก Carja เงา ที่มันจะมาตามจับเราได้อีก แต่เราก็ไม่ได้ทำมันซักที จนพวกมันสะกดรอยตามข้าจนจับได้ว่าผมหนีออกไปด้านนอก เพราะพยายามจะออกไปพบ Elida พอรู้ตัวก็สายไปแล้ว
ฝากบอกเธอด้วยว่า พวกมันไม่รู้เรื่องเกาะที่นัดพบของเรา เพราะข้าไม่มีวันบอกพวกมัน เพื่อให้เธอปลอดภัย บอกเธอนะ บอกเธอ ... ว่าที่นั่นมันมีค่าสำหรับเรามาก ที่เราทำกันมา “มันคุ้มค่าแน่นอน” ฝากสิ่งที่นี้ให้เธอด้วยนะ 
[Aloy] – Atral !?  ..... เฮ้อ.. น่าสงสารทั้งคู่จริงๆเลย 

เมื่อจบเรื่องที่ Kestret perch แล้วก็เดินทางกลับไปที่ Brightmarket เพื่อไปส่งข้อความของ ให้ Elida รับรู้



[Elida] – อย่าบอกนะว่าเขาตายแล้ว !
[Aloy] – เสียใจด้วยนะ แต่ ใช่ เขาตายแล้ว พวกทหาร Carja เงาจับเขาได้ แต่เธอควรจะรู้ไว้ว่าเขาไม่เคยทรยศเธอเลย เขาฝากกุญแจนี้มาให้ด้วย
[Elida] – กุญแจนี่ .. เขาเคยบอกว่ามันจะเป็นสัญลักษณ์ว่าเราจะล็อกอยู่ด้วยกัน ขอบคุณที่คุณเอากลับมาให้นะ ขอบคุณทุกอย่างที่ช่วยเหลือเราด้วย
[Aloy] – เขาบอกว่า“มันคุ้มค่าแน่นอน” เธอรู้สึกดีขึ้นรึยัง?
[Elida] – บอกตรงๆว่า ชั้นไม่โอเคเลยซักนิด แต่ไม่นานก็คงดีขึ้นเองแหละ
[Aloy] – เธอตอบในสิ่งที่ชั้นคิดว่าเธอจะตอบจริงๆด้วย Elida เธอฟังนะ !

[Aloy] – (you Not Alone) ชั้นไม่รู้หรอกว่าเธอรู้สึกยังไง แต่เธอไม่ได้เดียวดายตัวคนเดียวแน่นอน พ่อเธอนะแทบบ้าตอนที่เขาคิดว่าเธอตายไปแล้ว
[Elida] – แทบบ้า หรอ? เขาเลี้ยงชั้นอย่างกับตุ๊กตา สนแต่ลาภยศและตำแหน่งที่เขาจะได้เท่านั้นแหละ ไม่มีทางหรอก !  ไม่มี Atral ชั้นก็ไม่เหลือใครแล้ว !! มันไม่คุ้มหรอก !
[Aloy] – เดี๋ยวก่อน ถ้าชั้นไม่ได้เข้าใจผิด  Atral เคยบอกว่าทุกอย่างที่ทำกันมา “มันคุ้มค่าแน่นอน” ไม่ใช่หรอ? เธอกำลังปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองด้วยความอคติ  แต่เหมือนเขาจะพูดเตือนเราว่า จงเปิดรับทุกๆคน ยอมรับในตัวพวกเขา เหมือนกับที่เธอยอมรับในตอบเขา หรือแม้กระทั้งพ่อก็เธอก็ตาม Atral คงไม่อยากให้เธอลืมเรื่องนี้ ชั้นเข้าใจแบบนั้น เธอละเข้าใจรึยัง?
[Elida] – ชั้นจะพยายามนะ
[Aloy] – ได้โปรด ให้ชั้นไปบอกพ่อของเธอนะว่าเจอเธอแล้ว เธอจะพูดกับเขารึเปล่า?
[Elida] – ก็ได้ 

จากนั้นเข้าไปคุยกับ Lahavis เพื่อบอกให้เขามาคุยกับ Elida ทันที



[Elida] – เรื่องเกี่ยวกับ Atral น่ะพ่อ เขากับหนู เรารักกัน หนูไม่อยากให้พ่อ ....  
[Lahavis] – Atral น่ะหรอ? พ่อจำเขาได้ ตั้งแต่สมัยเจ้า 2 คนยังเตี้ยกว่าดอกไม้ในสวนของแม่อยู่เลย  แต่ เขาเดินทางไปทางตะวันตกแล้วไม่ใช่หรอ?
[Elida] – พวกนั้นมันไม่รู้เรื่องของเราเลยคะ เข้าไม่เคยบอกพวกนั้นเลย แม้กระทั้งตอนที่พวกนั้นมัน ..
[Lahavis] – ที่ผ่านมาพอมัวแต่สนใจแต่เรื่องการออกกฎหมายต่างๆ พ่อคิดว่า พ่อคิดว่า งานของพ่อมันจะทำให้ลูกปลอดภัยจากสงครามนี้ …ทั้งหมดมันก็แค่กระดาษ เทียบไม่ได้กับการที่พ่อต้องเสียลูกไปหรอก 
[Elida] – หนูก็เสียใจคะพ่อ ...
[Lahavis] – พ่อน่าจะรู้มาตั้งนานแล้วนะว่าลูกรู้สึกยังไง หรือ หนีไปที่ไหน แต่ก็เถอะ ตอนนี้มันจบลงแบบนี้ก็ดีแล้ว ขอบคุณเธอมากนะที่ทำให้ชั้นมีโอกาสที่ 2 อีกครั้ง 



                               Errand Quest: SUN’S JUDGMENT




[Gulahni] – ชั้นแทบจะขาดทุนอยู่ตลอดแม้ในช่วงเวลาที่น่าจะขายดีแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ชั้นขาดแคลนสิ่งที่ต้องการจะขายแบบนี้ ว่าแต่คุณสนใจที่จะตามหาผลไม้ที่หายไปของชั้นหน่อยได้มั๊ย เพราะมันมีมือดีมาแอบขโมยไปแถมยังหาตัวมันไม่เจออีก เยี่ยมไปเลยว่ามั๊ย?
[Aloy] – มีคนมาขโมยสินค้าของคุณหรอ?
[Gulahni] – ใช่ ทุกคืนเลยด้วย มันแอบมาขโมยตอนร้านปิด ชั้นเลยไม่เคยเจอตัวมันซักที ถ้าจับได้มันเจ็บตัวแน่นอน  

[Aloy] – (Clues?) คุณเจอร่องรอยอะไรที่ขโมยมันทิ้งไว้บ้างมั๊ย?
[Gulahni] – ก็แค่เปลือกไม้สองสามชิ้นที่ตกอยู่ในโกดังที่เกิดเหตุแค่นั้นอง ไม่มากพอที่ชั้นจะตามรอยได้เลย

[Aloy] – (Guards?) ทำไมพวกทหารยามถึงไม่เห็นละ?
[Gulahni] – พวกทหารยามบอกว่าเป็นฝีมือพวกสัตว์ป่า ชั้นไม่รู้ว่าพวกเขาเชื่อแบบนั้นจริงๆหรือว่าไม่สนใจชีวิตแม่ค้าจนๆอย่างชั้นกันแน่ 

[Aloy] – (Suspects?) แล้วคุณสงสัยใครบ้างมั๊ย?
[Gulahni] – ชั้นรู้จักคนที่นี่หลายคนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่มีใครที่น่าสงสัยว่าจะเป็นคนมาขโมยผลไม้ของชั้นหรอก นอกจากคนชั่วๆจากที่อื่น 

[Aloy] – (I’ll investigate) ชั้นรู้ว่าจะสะกดรอยมันยังไง ชั้นจะลองตามจับตัวขโมยให้เอง 
[Gulahni] – จริงหรอ ? ขอบคุณมากนะ งั้นเริ่มหาเบาะแสที่โกดังเก็บสินค้าของชั้นก่อนเลย ไอ้คนที่เป็นหัวขโมยนั่นคงจะชั่วร้ายมากแน่ๆเพราะมันเลือกที่จะขโมยแทนที่จะขอกันดีๆ
[Aloy] – จะลองดูนะว่าจะเจอเบาะแสอะไรเพิ่มมั๊ย?

คุยจบเข้าไปที่เป้าหมายของภารกิจที่ขึ้นมาที่โกดังเก็บสินค้าที่นี่ ใช้ Focus ตรวจสอบแล้วเข้าไปสำรวจที่ถังไม้ด้านใน จากนั้นใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยของขโมยแล้วตามรอยเท้าไปตามทางจนถึงจุดที่พบ กองผลไม้ตกอยู่ ใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยของผลไม้ที่ตกตามทางต่อไปจนถึงจุดหมายเมื่อปีนเขาข้ามไปอีกฝากจะพบเจ้าหัวขโมยกำลังโดนพวกนก Glinthawks รุมทำร้าย


เข้าไปจัดฝูง Glinthawks ให้หมดจะพบว่าเจ้าหัวขโมยได้หนีไปแล้ว จากนั้นใช้ Focus สำรวจที่ตรงหินที่หัวขโมยซ่อนตัวอยู่ จากนั้นใช้ Focus ตามรอยด้วยการกด R1 Highlight track สแกนมองหาร่องรอยของขโมยแล้วตามรอยเท้าไปตามทางจนถึงจุดที่เจ้าหัวขโมยซ่อนตัวอยู่




[Dekamin] – ขอบคุณนะ ยัยตัวร้าย  ที่ช่วยข้าจากการลงโทษของดวงตะวัน 
[Aloy] – ห๊า ! ชั้นทำหรอ?
[Dekamin] – ข้าหนีความทุกข์ยากจากอาณาจักรมานานแล้วและก็ตั้งใจว่าจะไม่กลับไปที่เมือง Meridian อีกแล้ว ที่ข้าต้องขโมยผลไม้ของผู้หญิงที่ Brightmarket ก็เพื่อความอยู่รอด ท่านพระอาทิตย์ก็ทรงส่ง Glinthawks มาลงโทษข้าทันทีเลย 
[Aloy] – นายคิดว่าที่นายถูกพวก Glinthawks โจมตีเป็นเพราะกรรมที่นายขโมยของงั้นหรอ?
[Dekamin] – แล้วมันจะเพราะอะไรละ? จะเป็นยังไงถ้าเกิดข้าขอโทษกับผู้หญิงคนนั้น? มันจะช่วยล้างบาปและช่วยข้าให้พ้นกรรมจากพวกนก Glinthawks ได้มั๊ยล่ะ? 
[Aloy] – จริงๆชั้นต่างหากที่เป็นคนจัดการพวกนก Glinthawks นั่น แต่ก็ใช่ นายควรจะกลับไปขอโทษเธอด้วย ผู้หญิงที่นายขโมยผลไม้มาเธอยินดีจะให้อภัยนายแน่นอน 
[Dekamin] – ดวงตะวันทรงชี้ทางแล้วววว ขอบคุณคุณมาก ยัยตัวร้าย  ขอให้ดวงตะวันจงนำทางอย่าให้พบเจอภัยพาลใดๆนะ 
[Aloy] – เยี่ยม ! เมื่อก่อนคนเรียกชั้น “ยัยนอกรีต”แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น  “ยัยตัวร้าย”ซะแล้ว


                          Errand Quest: A CURIOUS PROPOSAL 





[Fernund] – เครื่องจักรที่ไหนหอบเจ้ามาถึงนี่ละชาว Nora เธอโชคดีแล้วรู้มั๊ยเพราะชั้นมีสินค้าพิเศษๆจะนำเสนอ หอกสุดยอดไงละ ! มานี่ขยับมาใกล้ผมจะสาธยายให้ฟัง เรียกผม Fernund ก็ได้ครับ 

[Aloy] – (Proposal?) โอเค Fernund คุณมีข้อเสนออะไรหรอ?
[Fernund] – ในระหว่างการครองราชย์ของไอ้ราชา Carja งี่เง่านั่น พวกคนต่างแดน (Outlander) มันได้เก็บซ่อนไอเทมที่มีค่าของพวก Raider เอาไว้ โชคดีที่ข้าเจอของที่พวกมันซ่อนเอาไว้ 1 อัน 
[Aloy] – ตกลงของมีค่าที่ว่ามันคืออะไรหรอ?
[Fernund] – มันเป็นของที่ตกทอดมาจากยุคเก่า (Old Ones) เธอต้องเข้าใจก่อนนะว่าของสิ่งนี้มีค่ากับผมมากๆ แต่โชคไม่ดีที่ของสิ่งนี้สูงเกินกว่าที่ผมจะเอื้อมถึง
[Aloy] – อืมม สรุปว่าคุณต้องการจะให้ชั้นไปเอามาให้คุณว่างั้นเถอะ ?
[Fernund] – ฉลาดอะไรแบบนี้ เป็นความคิดที่ดีเลยละ ยังไงเธอก็คงปีนป่ายเก่งกว่าผมอยู่แล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าต้องได้มันกลับมาได้แน่นอน ถ้าขายได้แล้วเราก็มารายได้มาแบ่งกันไง
[Aloy] – อย่างแรก ชั้นควรจะต้องรู้ก่อนรึเปล่าว่ามันคืออะไร ?

[Aloy] – (What are you looking at?) เฮ้ Fernund ตกลงคุณจะให้ชั้นหาอะไรกันแน่ ?
[Fernund] – สิ่งที่ผมกำลังหาอยู่ มันเหมือนหอกของคุณนั่นแหละ มันงดงามมากๆ แต่ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันใช้งานยังไง?
[Aloy] – คุณต้องเอามันไปเสียบเข้ากับสัตว์จักรกล
[Fernund] – แล้ว มันจะเปลี่ยนให้พวกสัตว์นั่นกลายเป็นเพื่อนหรอ?
[Aloy] – ก็ทำนองนั้นแหละ แต่พูดไปคุณก็คงไม่เข้าใจหรอก 

[Aloy] – (Profession?) แล้วคุณละทำอาชีพอะไร?
[Fernund] – ผมเป็นพ่อค้า พวกอะไหล่ต่างๆเอามาปรับแต่งนิดหน่อย เน้นซื้อมาถูกๆแล้วเอาไปขายแพงๆ
[Aloy] – แต่ในกรณีนี้จะเรียกว่าไปซื้อมาคงไม่ได้อ่ะนะ 
[Fernund] – บางครั้ง ผมก็ใช้วิธีหาของเก่ามาซ่อมแซมปรับแต่งเอาแบบนี้แหละ 

[Aloy] – (What do you Need?) พูดไปพูดมาชั้นก็ว่าน่าสนใจนะ ตกลงจะให้ชั้นทำยังไง?
[Fernund] – ของที่ว่าซ่อนอยู่ที่เขต Dusk Mesa ถ้าเจอมันแล้วก็เอามาให้ข้าที่ท่าเรือ ในหมู่บ้าน Merdian ก็แล้วกันนะ แล้วเราค่อยเอามาขายทำกำไรแบ่งเงินกัน
[Aloy] – ได้ ตกลงตามนั้น 



จากนั้นเดินทางไปตามเป้าหมายของภารกิจซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง Meridian จนถึงที่ช่องเขา Dusk Mesa ใช้ Focus สแกนมองหาไปที่ด้านบนของกำแพงภูเขาก็จะเจอไอเทมเป้าหมายที่ต้องมาเอา


เข้าไปสำรวจด้านในฝั่งซ้ายสุดของช่องเขาก็จะพบแง่งหินที่สามารถเกาะปืนขึ้นไปด้านบนได้ ซึ่งก็จะพบกล่องสมบัติอยู่บนนั้น แต่เมื่อเข้าไปสำรวจจะพบกล่องนั้นมันว่างเปล่า และในขณะนั้นเอง Fernund ที่แอบตาม Aloy มาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านล่าง



[Fernund] – เจ้าเจอมันจนได้นะ ..แต่.. ที่นี่ช่างเหมาะเหลือเกินที่จะถูกลอบโจมตีง่ายๆเหมือนกันนะเนี้ย... เอาละโยนสุดยอดหอกในกล่องนั่นลงมาแล้วเราจะไว้ชีวิตเจ้านะ !
[Aloy] – ชั้นจะบอกอะไรให้นายฟังเพื่อให้เข้าใจให้แจ่มแจ้งนะ นายก็รู้ว่าชั้นทำอะไรได้บ้างแล้วทำไมถึงคิดว่าชั้นจะส่งมันให้นายง่ายๆละ?
[Fernund] –  แต่ข้าว่าตอนนี้ข้าเป็นฝ่ายได้เปรียบนะ พวกเรา ! ไปจับนังนั่นลงมา !!

ทันทีที่ Fernund พูดจบมันก็สั่งให้พวก Outlander มากมายบุกเข้ามาจัดการกับ Aloy จากนั้นจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทางคือ
- ฆ่าพวก Outlander ให้หมด
- หนีพวก Outlander ออกจากพื้นที่

ทันทีที่จัดการพวก Outlander ให้หมดหรือหนีพวกมันให้พ้นจากพื้นที่ต่อสู้ได้สำเร็จแล้ว จะพบว่า เจ้า Fernund ได้หนีไปก่อนหน้านานแล้ว แต่ Aloy ก็มั่นใจว่า Fernund จะต้องกลับไปที่ท่าเรือในหมู่บ้าน Meridian แน่นอน จากนั้นก็มุ่งหน้าไปตามจุดหมายของภารกิจที่หมู่บ้าน Meridian ได้เลย


[Aloy] – Fernund ! ข้อตกลงของเราเป็นอันยกเลิกนะ !!
[Fernund] –   เธอนั่นเอง ! .. แล้ว แล้วถ้าเราตกลงกันใหม่ละ? เธอจะตัดนิ้ว หรือ ตัดมือชั้นเพื่อเป็นการลงโทษก็ได้นะ เอ่อ ..ขอเป็นมือซ้ายนะ แต่ นี่เป็นข้อเสนอสุดท้ายแล้วนะ !



สามารถเลือกตอบได้ 2 อย่างคือ 
(That won’t be enough) ไม่พอหรอก
(Spread the word about me) ไปกระจายข่าวเกี่ยวกับชั้นสิ !


[Aloy] – (That won’t be enough) แขนขาของแกน่ะมันไม่มีค่าพอหรอก
[Fernund] –   เจ้าไม่ทำเพราะอยู่ที่นี่ ต่อหน้าทุกคนหรอ .. 
[Aloy] – ต่อให้เอานิ้วของทุกคนที่นี่มาก็หยุดชั้นไม่ได้หรอก จำไม่ได้หรอแกเพิ่งนำพวก Outlander มารุมชั้นนะ? 
[Fernund] – พวกมันเป็นคนชั่ว ผมจำเป็นต้องทำก็เพราะเรื่องผลประโยชน์จริงๆนะ แต่คุณ ....คุณก็ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ได้สำเร็จ ข้าสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีกแน่นอน 
[Aloy] – โอ้ ชั้นจะจำเอาไว้ ! 
[Fernund] – เข้าใจแล้วครับ เจ้าจะไม่ได้รับรู้เรื่องของพวกข้าอีกเลย !! และพวกข้าทุกคนก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับเจ้าอีกแล้วล่ะ !



                                             Meridian Village 


ที่ หมู่บ้านท่าเรือ Meridian ในอาณาเขตของเมือง Meridian จะมีชาวบ้านที่มี Side Quest ให้ทำ 2 คน


                             Side Quest : FATAL INHERITANCE





[Ranaman] – ครอบครัวของผมยังมีชีวิตอยู่แน่นอน ! แต่คุณกลับยืนอยู่นี่โดยไม่ทำอะไรเลย
[Oseram Guard] – เราเสียทหารหน่วยลาดตระเวนที่หุบเขานั่นไป 12 นายแล้ว คำสั่งที่พวกเรารับมาชัดเจนแล้ว ไม่มีการค้นหาอีกแล้ว !! คราวหน้าข้าจะไม่เตือนเจ้าแล้วนะ
[Ranaman] – คุณพูดแต่เรื่อง คำสั่ง แต่ผมกำลังพูดเรื่อง ชีวิตคน นะ !!




[Aloy] – บอกชั้นหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของคุณ บางทีชั้นอาจจะช่วยได้นะ
[Ranaman] – ผมกลัวว่าพวกเขาจะตายกันหมดแล้ว ผมเองก็แทบหนีไม่รอด พวกสัตว์จักรกลชั่วนั่นมันเข้ามาโจมตีครอบครัวของผมที่ในที่ดินของครอบครัว พ่อของผมส่งผมออกไปเพื่อช่วยเหลือ 

[Aloy] – (What Kind of machines?) สัตว์จักรกลประเภทไหนและพวกมันมาจากไหนคะ?
[Ranaman] – พวก Ravager มันจัดการทหารยามจนหมดและยังจะพาฝูง Watcher ตามเข้ามาสมทบอีกด้วย ราชา Sun King เองก็เตือนพวกเราว่า ทหารคงไม่สามารถปกป้องที่ดินอีกฝั่งของภูเขาไว้ได้นาน แต่พ่อของผมบอกว่ายังไม่เคยเห็นทหารจะเข้าไปช่วยเหลือที่นั่นเลย

[Aloy] – (Your father’s estate?) อธิบายเรื่องที่ดินผืนนั้นให้ชั้นฟังอีกหน่อยสิ 
[Ranaman] – พ่อของผมเคยมีเหมืองอยู่ที่นั่น มีบ่อเหมืองอยู่ประมาณ 12 หลุม แย่งชิงเอาทรัพยากรมากมายในที่ดินผืนนั้นไปจนหมดทั้ง สิ่งทอคุณภาพดี งานไม้ และผลิตภันฑ์ที่ทำมาจากเงิน 
[Aloy] –  คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นละเป็นยังไงบ้าง ?
[Ranaman] – แน่นอนว่าพวกเขาต้องรอดสิ ต้องมองในแง่ดีหน่อย พ่อของผมและน้องสาวมีทั้งพวกทหาร  dozen Guard และพวคนรับใช้อีก ผมหวังเลยว่า พวกเขาต้องรอด แน่นอน

[Aloy] – (I’ll go to estate?) ชั้นจะเข้าตรวจสอบพื้นที่ตรงที่ดินนั้นให้เท่าที่จะทำได้นะ 
[Ranaman] – คุณจะช่วยหรอ ขอบคุณมากๆครับ ได้โปรดอย่าลืมระวังพวกสัตว์จักรกลพวกนั้นด้วยเพราะมันอันตรายมาก



จากนั้นมุ่งหน้าไปตามเป้าหมายของภารกิจที่ขึ้นมาในแผนที่ ในที่ดินของตระกูล Ranaman เข้ามาจะพบพวกสัตว์จักรกลฝูงใหญ่ประกอบด้วย Ravager และ Watcher อยู่ในพื้นที่ เข้าไปกำจัดพวกมันให้หมด ตอนนี้จะมีเป้าหมายของภารกิจ 2 อย่างคือ
-เข้าไปสำรวจใน Workshop ที่มีสัญญาณของเหยื่ออีเลคโทนิคปล่อยออกมา
- เข้าไปสำรวจใน คฤหาสน์หลังใหญ่



ใช้ Focus สแกนสำรวจในพื้นที่ สแกนตรงฝั่งขวาของประตูทางเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่จะพบศพคนนอนตายอยู่ เข้าไปสำรวจจะได้กุญแจประตูห้องเก็บของ


มองไปทางฝั่งตรงข้ามของทางเข้าคฤหาสน์จะเจอกระท่อมที่เป็นห้องเก็บของอยู่ใช้ Focus สแกนตรวจสอบดูจะเห็นตัวส่งสัญญาณบางอย่างอยู่ด้านใน



        

ด้านซ้ายของกระท่อมจะมีประตูที่สามารถใช้กุญแจที่เก็บมาจากศพไขเปิดเข้าไปด้านในได้ ด้านในจะเจอตัวส่งสัญญาณที่เมื่อ Aloy เข้าไปตรวจสอบแล้วจะพบว่ามันคือ เหยื่อดิจิตอล ที่เป็นเหยื่อล่อพวกสัตว์จักรกล และที่ร้ายกว่านั้น Aloy มั่นใจว่า มีใครบางคนที่แอบเอามันมาไว้ที่นี่เพื่อล่อให้พวกสัตว์จักรกลเข้ามาฆ่าทุกคนทีนี่แน่นอน

จากนั้นเข้าไปสำรวจที่คฤหาสน์หลังใหญ่จะได้ยินผู้หญิงร้องเรียกให้ช่วยจากห้องเก็บของด้านใน ทำให้ Aloy ต้องเข้าไปเอาหอกงัดประตูช่วยเธอออกมา


[Daradi] – ขอบคุณมากคะ ชั้นแทบจะไม่เชื่อเลยว่าจะมีใครกลับมาช่วยชั้นจริงๆ คิดว่าทุกคนคงตายหมดแล้ว   
[Aloy] – ชั้นเจอเหยื่อที่เป็นตัวล่อพวกสัตว์จักรกลมาฆ่าทุกคนที่นี่ คิดว่าต้องมีใครซักคนเอามันมาวางที่นี่แน่นอน พ่อของเธอมีศัตรูอยู่บ้างมั๊ย ?
[Daradi] – โอ้ ไม่ใช่คะ Ranaman เป็นพี่ชายของชั้นต่างหาก เริ่มแรกก็แค่นักพนัน จากนั้นก็เป็นขโมย จากนั้นก็กรรโชกทรัพย์ จนครอบครัวเริ่มรับไม่ไหวจนต้องไล่ออกจากกองมรดก พี่สาบานว่าจะล้างแค้นทุกคนที่ไล่เขาออกจากบ้าน !
[Aloy] – ถ้างั้น Ranaman ก็คงวางแผนจ้างชั้นมาเพื่อกำจัดพวกสัตว์จักรกลให้หมดหลังจากที่ทุกคนตายหมดแล้วเพื่อตัวเองจะได้เข้ามาถือครองทรัพย์สินทั้งหมดคนเดียว !
[Daradi] – ไอ้ฆาตกรที่ฆ่าได้แม้ครอบครัวตัวเอง เราต้องไม่ปล่อยให้มัน ...





[Ranaman] – ไม่ปล่อยให้พี่ทำไมหรอน้องสาว ? จะมาเรียกร้องสิทธิ์ในมรดกอีกคนหรอ
[Daradi] – เราอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กมาด้วยกันแท้ๆ ไอ้ฆาตกร !! แกเคยมีศักดิ์ศรีบ้างรึเปล่า!
[Ranaman] – คิดว่าไม่นะ แต่ที่แน่ๆพี่ต้องการที่ดินแห่งนี้ เมื่อตอนเธอได้พบกับพ่อในนรกก็อย่าลืมบอกเขาด้วยว่า ข้าจะใช้เงินของเขาให้สนุกไปเลยละ ฮ่าๆ ส่วนเธอน้องรัก เจ้าเครื่องนี้มันสามารถเรียกสัตว์จักรกลมาได้มากมายซึ่งมันจะสามารถฆ่าเจ้าได้โดยที่ข้าไม่ต้องลงมือให้ใครต้องมาสงสัยเลย ว่ามั๊ย ..อ่ะ อ๊ากกกกกกก !!! 

หลังจากที่ Ranaman พยายามจะเรียกฝูงนก Glinthawks เข้าหมายให้ฆ่า Daradi น้องสาวเพื่อไม่ให้เหลือพยาน แต่ฝูงนก Glinthawks กลับเริ่มด้วยโจมตีใส่ Ranaman จนตายคาที่เป็นกรรมตามทันในทันทีก่อนจะตรงรี่เข้ารุมโจมตีใส่ Aloy ต่อทันที จัดการฝูงนก Glinthawks ให้หมด แล้วกลับไปคุยกับ Daradi ที่หน้าคฤหาสน์อีกครั้ง


[Daradi] – ชั้นดีใจจริงๆที่มีคนดีอย่างคุณอยู่ในโลกใบนี้ที่มาช่วยจัดการกับขยะสังคมอย่างพี่ชายของชั้น ที่ผ่านมาพ่อชั้นเป็นคนที่มีน้ำใจมาตลอดชั้นเองก็อยากแสดงความกตัญญูเพื่อเป็นขอบคุณท่าน และเพื่อให้มันเป็นทำเนียมของครอบครัวต่อไป ชั้นก็จะสานต่อทุกสิ่งที่พ่อได้ทำไว้ต่อไปเอง ของให้คุณรับสิ่งนี้ไปเพื่อแทนคำขอบคุณด้วยนะคะ ชั้นหวังว่ามันจะช่วยคุณในการเดินทางได้ไม่มากก็น้อย



                            Errand Quest: DEMAND AND SUPLY




[Lorund] – อะไหล่จักรกลราคายุติธรรมคร๊าบบ ! ราคาถูกที่สุดในแถบนี้แล้ว ไม่บวกภาษีเวอร์แบบไอ้พ่อหน้าเลือดแถวๆนี้หรอก 
[Smiling Ranin] – เธอไม่สนใจเรื่องภาษีอะไรหรอกน่า !
[Lorund] – ข้ารู้หรอกน่าว่าเธอไม่สนใจน่ะ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละข้ามีสินค้าทุกอย่างในราคาถูก เว้นแต่ Snapmaw Lenses นอกนั้นมีหมดข้าสาบานเลยว่าปกติข้าล่ามาเองกับมือ แต่ถ้าเจ้าจะหามาให้ก็จะช่วยได้มาก
[Smiling Ranin] – โธ่ให้ตายสิ Lorund แกเลิกโม้เรื่องฝีมือการล่าของแกได้แล้ว เอ่อ ข้าต้องขอโทษด้วยนะกับหุ้นส่วนของผมคนนี้ เอ่อ หุ้นส่วนอย่างไม่เป็นทางการน่ะ
[Lorund] – หุ้นส่วนอย่างไม่เป็นทางการเรอะ ? 
[Smiling Ranin] – ถ้าดวงตะวันจะฟังคำอธิฐานของข้า ไม่ต้องไปสน Snapmaw Lenses หรอก นั่นมันของที่ขายไม่ค่อยได้ราคา มันต้อง Longleg Lens ต่างหากล่ะที่ขายได้ราคาดีที่ตลาดกำลังต้องการ 

[Aloy] – (So which part is it you want?) ตกลงคุณต้องการอันไหนกันแน่ ?
[Lorund] – Snapmaw Lenses ขายไม่ได้เนี้ยนะ? นั่นเป็นไอเทมหายากที่ดีที่สุดเลยนะ ทั้งทนทานและแข็งแกร่ง ค้อนของแกมันตีไม่แตกด้วยซ้ำ 
[Smiling Ranin] – แกคิดว่าแกเป็นใครกันวะ ! ขายของอย่างกับพวกแบกะดิน ที่นี่ Meridian เว้ย เรามีวัฒนธรรมการขายในแบบของเรามานานแล้ว 
[Lorund] – วัฒนธรรมอะไรนั่นข้าก็รู้จักหรอกน่า แต่สำหรับข้า นี่มันก็เป็นแค่อีกวันของการสะกดรอยและไล่ล่าเพื่อหาของมาขายในแบบของข้าอยู่เหมือนเดิม 
[Smiling Ranin] – โอ้ ข้าแด่ดวงตะวัน ขอยืมพลังให้ข้ามีความอดกลั้นกับความงี่เง่าของคนจนถึงเที่ยงวันด้วยเถอะ !!
[Lorund] – ท่านดวงตะวันเผาแกทั้งเป็นแน่ถ้าแกคิดจะเอา Longleg Lens มาขายในเวลาแบบนี้อ่ะนะ !

[Aloy] – (I’m Standing here?) เอ่อ หวัดดี ชั้นยืนอยู่นี่นะ .....
[Smiling Ranin] – ข้าบอกแกกี่ครั้งแล้ว ว่าอย่าไปมัวแต่คุยโว้ให้มาก แต่ความชำนาญด้านการช่างต่างหากที่สำคัญและทำให้เราเป็นเรา
[Lorund] – ทักษะ การช่าง อะไรก็ทำให้ชนะสงครามหรือขังพวกสัตว์จักรกลไว้ในฟาร์มของแกไม่ได้หรอก สิ่งที่นายต้องการและมันดีกับนายจริงๆคือ เลิกหัวโบราณ ซักที ชัดมั๊ย !!
[Smiling Ranin] – อ่อ หัวโบราณงั้นหรอ ? ช่างหัวโบราณคนนี้นี่แหละที่จะตามเก็บและอนุรักษ์ของดีๆมากมายที่คนแบบแกขว้างทิ้งยังไงละ !
[Lorund] – ก็ถ้า Carja มันสร้างลิฟต์นั่นได้ พวกเขาคงไม่มองหาของทำด้ามหอกด้ามดาบในแบบของแกหรอกเว้ย 
[Smiling Ranin] – หลายปีที่แกเดินทางค้นหาสิ่งต่างๆมา มันไม่ทำให้แกพบเจอสิ่งที่เรียกว่า การเป็นคนอารมณ์ขัน เลยแฮะ 

[Aloy] – (Enough!)  พอได้แล้ว ! เถียงกันอยู่ได้ !!
[Smiling Ranin] – อะไรน๊ะ !
[Lorund] – เธอเป็น Nora น่ะ ก็ขวานผ่าซากแบบนี้แหละ
[Aloy] – ทำไมคุณสองคนถึงทำงานร่วมกันทั้งๆที่มีความเห็นที่ไม่ลงรอยกันเลยซักเรื่องละ?
[Smiling Ranin] – เฮ้อ .. มันก็ทำท่าทำทางไปงั้นแหละ 
[Lorund] – ไม่ต้องบวกภาษีอย่างที่ข้าบอกตอนแรกนั่นแหละ Ranin 
[Aloy] – ก็แค่ ..... บอกมาว่าพวกคุณต้องการชิ้นส่วนไหนกันแน่ก็พอ 
[Smiling Ranin] – Longleg Lens สิ 
[Lorund] –  Snapmaw Lenses ต่างหาก !

[Aloy] – (I’ll be on my way) เดี๋ยวชั้นจัดการไปหามาเอง พวกคุณก็คุยกันไปเถอะ
[Lorund] –  เดี๋ยวๆ แกไม่ต้องไปกดดันเธอเลยนะ มันต้อง Snapmaw Lenses ใช่มั๊ย?
[Smiling Ranin] – ข้าเนี้ยนะไปกดดันเธอ ที่มีค่ามากที่สุดมันต้อง Longleg Lens อยู่แล้ว ฟังนะคุณนักล่า ตกลงผมเอา Longleg Lens นะ!

หลังจากฟัง Lorund กับ Ranin เถียงกันยังไม่จบสรุปสิ่งที่ต้องไปหามาก็คือ ไอเทม Snapmaw Lenses หรือ Longleg Lens โดยต้องไปฆ่า  Snapmaw และ Longleg จนกว่ามันจะดอร์ป Lens ออกมา จะเอา Longleg Lens หรือ Snapmaw Lenses อย่างละอัน   หรือไม่ก็ทั้ง 2 อย่างก็ได้ เมื่อไปหาได้มาแล้วก็เอามาให้ Lorund กับ Ranin หรือถ้ามี Snapmaw Lenses หรือ Longleg Lens หรือ มีทั้ง 2 อย่างอยู่แล้วก็คุยกับ Lorund กับ Ranin เพื่อจบภารกิจได้เลย


[Aloy] – (I have both your part) ชั้นมีอยู่ 2 อย่างเลยเนี้ย แล้วคุณจะว่าไงละ?
[Smiling Ranin] – ข้าไม่คิดว่าจะเอาทั้ง 2 อันหรอกนะ จะซื้อแค่อันเดียวก็พอ 
[Lorund] –  แกซื้อผิดอันแล้ว เอาทั้ง 2 อันนั้นแหละแล้วก็จ่ายให้เธอเป็น 2 เท่าด้วย 
[Smiling Ranin] – เออ ก็ได้ ก็ได้ เอาไป ถ้าของมันมีราคาข้าก็จ่ายอยู่แล้วแหละน่า 
[Lorund] –  ราคาที่แกจ่ายไหวหรอ? Snapmaw Lenses น่าจะคุ้มกว่าอยู่แล้วถ้าเอาอีกอันนั่นมาละก็ ขาดทุนเห็นๆ 
[Smiling Ranin] – Longleg Lens ยังไงก็ไม่ขาดทุนหรอกน่าไอ้หัวขี้เลื่อยคิดได้ไง ถ้าแกมีความคิดหน่อยก็ต้องซื้อ Longleg Lens อยู่แล้วล่ะน่า !
[Lorund] –  ข้าเนี้ยหรอไม่มีความคิด ทำไมตอนที่แกพูดฉอดๆเพื่อนำเสนอราคาแพงๆกับไอ้ของขยะๆของแก ทำไมข้าคิดถึงกะโหลกหนาๆของแกตลอดเลยว่ะ


                                     

                                                อ่านต่อหน้า 2 

      http://decibelperoxide.blogspot.com/2017/06/horizon-zero-dawn-httpdecibelperoxide.html