วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Assassin’s Creed Unity

                                         


                                                บทสรุป  Assassin’s Creed Unity 


By Decibel per - oxide





อดีต ไม่ได้สูญหายไปไหน
อดีต ยังคงมีชีวิต อยู่ข้างในตัวคุณ 
เชิญท่องไปในประวัติศาสตร์ที่คุณอยากค้นหา
เราจะปลดล็อกทุกข้อจำกัดของความเป็นไปได้ 
เราจะเปิดประตูสู่อดีต 
นี่คือ สุดยอดสุนทรียะทางอารมณ์แห่งการผจญภัยที่แท้จริง 
ที่จะหลอมรวมประวัติศาสตร์เข้ากับชีวิตของคุณ แบบที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน
ขอต้อนรับเข้าสู่ The HELIX พัฒนาโดย Abstergo จากขุมพลังแห่ง Animus 
 อดีต จะกลายเป็น สนามเด็กเล่น สำหรับคุณ !

                     ......................................................................................................





                                       The Tragedy of Jacques de Molay



13 ตุลาคม 1307 ..เมือง ปารีส ประเทศ ฝรั่งเศส 





กล่าวถึง ช่วงเวลาที่โศกรันทดแห่งความสูญเสียในวันที่  ฌัก แห่ง มอแล (Jacques de Molay)  ผู้นำคนที่ 23 ในฐานะผู้นำคือปฏิรูปภาคีและแก้ไขสถานการณ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในช่วงที่ตกต่ำของสงครามครูเสด และ ผู้นำคนสุดท้ายของอัศวินเทมพลาร์  ภาคีของเขาถูกยุบโดยคำสั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 5 เหตุเพราะการสนับสนุนสงครามครูเสดทางยุโรปมีแต่จะลดน้อยลง พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ( Philip IV of France )ที่ถูกแรงกดดันจากทุกด้านจึงมีคำสั่งให้จับ ฌัก แห่ง มอแล และอัศวินเทมพลาร์ชาวฝรั่งเศสคนอื่นๆ เพื่อจะสลายภาคี และยึดเอาทรัพย์สินของเทมพลาร์ทั้งหมดมาเป็นของตน โดยมีภาคีนักฆ่าแห่ง Masyaf เป็นแนวร่วม



ทันทีที่ถูกศัตรูบุกโจมตี Jacques  รีบสั่งลูกน้องส่วนนึงออกไปสู้รบ ส่วน Esquieu de Floyrac ลูกน้องคนสนิท  Molay สั่งให้เขารีบไปนำเอาดาบและคัมภีร์ Codex Pater Intellectus แห่ง เทมพลาร์ ไปซ่อนในที่ปลอดภัยก่อนที่จะถูกพวกภาคีนักฆ่าขโมยไป แต่ทันทีที่ Esquieu ขึ่นมาถึงหอคอยที่เก็บ ดาบและคัมภีร์ศักดิสิทธิ์แล้ว ก็พบว่ามันกำลังถูกพวกนักฆ่าขโมยไป หลังจากวิ่งไล่ตามจนสามารถจัดการนักฆ่าและได้ ดาบและคัมภีร์ กลับมาแล้ว Esquieu ก็รีบนำมันไปซ่อนไว้ในวิหารได้ทันเวลา แต่เมื่อกลับออกมาเขาพบว่า Jacques กำลังถูกทหารจับตัวไปแล้ว Esquieu พยายามรีบไปช่วยโดยไม่ทันระวังตัว เขาจึงถูกนักฆ่าที่ซุ่มอยู่ฆ่าตายในทันที






มีนาคม ค.ศ. 1314 ...  Jacques de Molay ถูกทรมานให้สารภาพผิด พระเจ้าฟิลิปจึงสั่งประหารโดยการเผาทั้งเป็นบนเกาะกลางแม่น้ำแซน เป็นการยุติภาคีเทมพลาร์ที่มีอายุหลายศตวรรษ และ ผู้นำคนสุดท้ายให้กลายเป็นตำนาน ไปพร้อมกับคำสาปส่งที่ Jacques de Molay มอบให้ พระเจ้าฟิลิปที่ 4 ที่ทำให้ตระกูลที่มาจากเลือดแท้ของเขาต้องคำสาปไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานถึง 13 ชั่วโคตร




            ............................................. [ ปัจจุบัน ] .................................................





ไง โอเค เห็นภาพแล้วน๊ะ ตอนนี้คุณอาจกำลังสับสน เดี๋ยวชั้นจะสรุปให้ฟัง ชั้นชื่อ Bishop แน่นอนว่าไม่ใช่ชื่อจริง แต่นั้นเป็นสิ่งที่คุณจะได้รับรู้ในวันนี้ กรุณาฟังอย่างตั้งหน่อยน๊ะค่ะ ทางบริษัท  Abstergo กำลังใช้คุณ ขโมย ความทรงจำจากเส้นประสาทของคุณเอง เพื่อช่วยให้พวกเขาในการคันเลือกและตรวจสอบ ฐานความทรงจำ พวกนี้สามารถทำได้อย่างง่ายแบบแค่ปลายนิ้วสัมผัสเลยล่ะ ทั้งข้อมูลของรัฐบาล สื่อต่างๆ และตอนนี้พวกเขากำลังจะควบคุม ประวัติศาสตร์ของตัวเอง นั่นไม่ได้จะขู่ให้คุณกลัวน๊ะ ถึงจะฟังดูแล้วสมควรต้องกลัวก็เถอะ แต่ ที่เรามาอยู่ที่นี่กันก็เพราะอยากหยุดพวกเขา และ ชั้นจำเป็นต้องให้คุณช่วย 

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เราสามารถเจาะเข้าสู่ ฐานของมูลลำดับเหตุการณ์ใน Helix Sever ของบริษัท  Abstergo และตอนนี้ชั้นอยากให้คุณเรียนรู้ประสบการณ์อะไรเล็กๆน้อยก่อน บางทีมันอาจทำให้คุณเข้าใจแนวทางที่เราใช้ต่อสู้กับพวกเขาได้ง่ายขึ้น แล้วหลังจากนั้นคุณก็จะรู้เองว่าจะต้องทำยังไงต่อไป เราจะรอน๊ะ ...


                            ....................................................................................



27 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1776 .พระราชวังแวร์ซาย (Versailles)  ประเทศฝรั่งเศส 





ในงานประชุมฐานันดรที่ 2 ของพวกพ่อค้าวานิตย์ Charles Dorian หนึ่งในผู้ร่วมประชุมในระดับสูงพาลูกชาย Arno Dorian เข้ามาด้วยเพราะหวังว่าจะใช้เวลาน่าเบื่อที่นี่ไม่นาน แต่คนที่ต้องนั่งรอจนเบื่อน่าจะเป็น Arno มากกว่าเพราะกว่าที่พ่อจะเสร็จธุระแล้วพาเขาไปดูดอกไม้ไฟของจะอีกนาน เขาจึงงอแงขอเข้าไปในสภากับพ่อด้วย Charles จึงให้สัญญากับลูกว่าเขาไปไม่นาน ก่อนที่จะมอบนาฬิกาของเขาไว้ให้เพื่อเตือนว่า เมื่อเข็มยาวถึงด้านบนสุด พ่อก็จะกลับมาหาทันที




Arno ต้องยอมนั่งเบื่อรอพ่ออีกซักพักตามที่พ่อบอกไว้ แต่ไม่นานความเหงาก็หายไปเมื่อมีสาวน้อยรุ่นราวคราวเดียวกับเขามาพยายามจะเรียกให้เขาตามเธอไป

- วิ่งตามเด็กผู้หญิงไปจนถึงด้านนอก เธอจะบอกให้ลองไปขโมยแอปเปิ้ลบนโต๊ะดู และทันที่หยิบแอปเปิ้ลทหารยามก็จะเข้ามาตามจับทันที เพราะนี่คือการเรียนรู้ระบบตัวช่วยการหนีที่เรียกว่า Line of sight หรือ เวลาสุดท้ายที่ศัตรูมันเห็น ขณที่กำลังตามมามันก็จะเข้ามาดูตรงบริเวณนั้น ทำให้ง่ายต่อการหนีไปที่เป้าหมายที่ต้องการได้ พยายามหนีทหารยามแล้วกลับเข้าประตูไปให้ได้โดยมันไม่เห็น




เด็กสาวจะหัวเราะรื่นเพราะกำลังขำกับท่าทางของพวกทหารยาม พร้อมกับ Arno เองก็สุดตื่นเต้นที่สุดในชีวิตลูกคนรวยแล้วเหมือนกัน เธอแนะนำตัวว่าชื่อ Elise แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากก็มีเสียงเอะอะโวยวายออกมาจากด้านในตึกทั้งคู่จึงรีบเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น 





ทันทีที่เข้าไปถึงด้านใน Arno ก็กลับถึงกับตัวสั่นพวกไม่ออก เพราะเห็นร่างพ่อของเขานอนอยู่บนพื้น ความเยาว์วัยของ Arno แทบจะรู้เลยว่าพ่อเขาเป็นอะไรนอกจากเสียงจากคนรอบข้างว่า พ่อเขาตายแล้ว พร้อมๆกับนาฬิกาของพ่อที่ถืออยู่ในมือก็ตกลงกระแทกพื้นเสียหาย เวลาหยุดนิ่ง ณ.วินาทีนั้น มันทำให้เวลาแห่งความสุขของหนูน้อย Arno Dorian หยุดนิ่งไปพร้อมๆกับคำสัญญาที่ว่า ไม่นาน ให้กลายเป็น ตลอดไป ในทันที ....


.. ความโศกเศร้าของ Arno Dorian เริ่มต้นไปพร้อมกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเปลี่ยนประเทศฝรั่งเศสไปตลอดกาล ...




ปี ค.ศ. 1783 .....สืบเนื่องจากการที่ฝรั่งเศสได้เข้าไปมีส่วนร่วมในสงครามปฏิวัติอเมริกาที่ผ่านมา ภาระของสังคมที่เกิดขึ้นจากสงครามรวมถึงหนี้สงครามมหาศาลและจากการสูญเสียการครอบครองอาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือและการครอบงำทางพาณิชย์ของอังกฤษหลังแพ้สงคราม ทำให้ระบบการเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ซึ่งบางส่วนเกิดขึ้นจากภาระของระบบการเก็บภาษีอากรที่ไม่เพียงพอที่มีผลมากจากประชากรที่เริ่มอดยากแร้งแค้น การเก็บเกี่ยวที่ด้อยคุณภาพ ประกอบกับราคาอาหารที่สูงขึ้น และระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอซึ่งขัดขวางการส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพอย่างหนัก ทั้งหมดทำให้เกิดสภาวะการล้มละลายอย่างสิ้นเชิงของรัฐขึ้นในประเทศ จนพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต้องทรงยกเลิกสภาชนชั้นสูงที่เป็นเสมือนตัวแทนของ รัฐ ลงใน ค.ศ. 1787



                                                    SEQUENCE 1


Memory 1 - Memories of Versailles 


ปี ค.ศ. 1789  Saint - Louis ...




13 ปีผ่านไป ...เวลาที่หยุดนิ่งกลายเป็นความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือนจากจิตใจหนูน้อย  Arno Dorian ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่หลังจากวันที่พ่อเขาตายก็ได้คุณ Francois de la Serre พ่อของ Elise เด็กสาวที่เขาเพิ่งรู้จักในงานเป็นคนช่วยชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ เขาก็ทำได้แค่เก็บงำความเศร้าทั้งหมดเอาไว้แล้วก้าวเดินต่อไป เท่านั้นเอง ...

- ในขณะที่ Arno กำลังรำลึกความหลังในขณะที่มองนาฬิกาของพ่อ ในตึกแห่งนึงในตลาดย่าน Recollets ก่อนที่ Victor จะพังประตูเข้ามาด้วยความโมโหที่ Arno ขโมยนาฬิกาที่เสียพนันในวงไพ่จากเขาไป จนทำให้ Arno ต้องเริ่มวิ่งหนีทันที แต่เมื่อโดดมานอกตึกก็โดน Hugo มาแย่งนาฬิกาไปได้ การวิ่งไล่แบบงูกินหางก็เริ่มข้น  เรียนรู้วิธีวิ่งหนีและหลบสิ่งกีดขวาง (ตามแต่ปุ่มบังคับชองแต่ละเครื่องที่คุณเล่น) ซึ่งภาคนี้จะมีการกดปุ่มต่างๆควบคู่ไปด้วยกับปุ่มที่ใช้วิ่ง Free running  เช่น [RT + B] หรือ [ R2 + O ] คือการวิ่งลอดหลบสิ่งกีดขวางลงด้านล่างนั่นเอง

** Challenges ** 
- หลบข้ามสิ่งกีดขวางทั้งด้านบนและด้านล่าง
-  ห้ามโดน Victor จับตัวได้

- เมื่อวิ่งตาม Hugo จนตะครุบตัวเอานาฬิกาของพ่อคืนมาได้แล้ว ก็วิ่งหนี Victor ต่อจนออกจากพื้นที่สีแดงให้ได้ จากนั้นก็เดินทางไปที่จุดหมายสีเขียวซึ่งก็คือบ้านของ Francois de la Serre นั่นเอง



เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็จะพบพ่อบ้าน Olivier ที่ไม่ค่อยจะชอบนิสัยของ Arno เตรียมบ่นอยู่ แถมสองพี่น้อง Victor และ Hugo ก็ยังตามมาถึบ้านอีก ซึงก็โชคดีที่ได้คุณ De La Serre มาช่วยเคลียร์ให้ แต่ Arno ก็พยายามแก้ตัวว่าที่เขาเสียไพ่ไปนั้นเพราะพวก Victor เล่นโกง โชคดีที่ คุณ De La Serre ต้องรีบไปธุระในเมืองและแวะรับ Elise จึงไม่มีเวลามาบ่นต่อ Arno เปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจทันทีที่ได้ยินว่า Elise จะกลับมาถึงแม้จะแค่คืนเดียวก็เถอะ Arno รีบเสนอตัวเพื่อเป็นคนคุ้มครองเธอ ซึ่งแน่นอนว่า คุณ De La Serre ไม่ยอมให้ Arno ตามไปก่อเรื่องแน่นอน

Memory 2 - The Estates General 

- เข้าไปที่จุดรับภารกิจหลักรูปเครื่องหมาย ! เพื่อคุยกับพ่อบ้าน Olivier ที่ประตูทางออกชั้นล่าง ก่อนจะโดน พ่อบ้าน Olivier จอมเนี้ยบจะบ่นอย่างหงุดหงิดว่าก่อเรื่องจนน่าไล่ไปอยู่กลางถนนวะให้เข็ด ก่อนจะให้ Arno ไปเตรียมรถม้าด้านนอกให้เรียบร้อย แต่หลังจากส่ง คุณ De La Serre ขึ้นรถม้าไปก็จะมีคนตามมาส่งจดหมายสำคัญให้ ทำให้ Arno ต้องรับหน้าที่ม้าเร็วเอาจดหมายสำคัญตามไปให้ คุณ De La Serre ด้วยตัวเองทันที
- เรียนรู้การวิ่งแบบฟรีรันนิ่งแบบปีนขึ้นตึก ซึ่งภาคนี้จะมีการกดปุ่มต่างๆควบคู่ไปด้วยกับปุ่มที่ใช้วิ่ง Free running  เช่น [RT + A] หรือ [ R2 + X ] แล้วกรณีที่ต้องการวิ่งไต่กำแพงขึ้นด้านบน เพื่อปีนตึกวิ่งไล่ตามรถม้าให้ทัน เมื่อทันแล้วจะพบว่าไล่ตามมาผิดคัน (ทั้งที่วิ่งตามมาตอนแรกก็มีแค่คันเดียวแท้ๆ) Arno จึงต้องหามุมมองจากมุมสูงหารถม้าที่ถูกคันอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องไปปีนยอดหลังคาโบสถ์เมื่อมองหา ซึ่งก็คือการใช้ View point ในการเปิดแผนที่นั่นเอง ซึ่งก็จะทำให้เห็นรถม้าของ คุณ De La Serre อยู่ที่หน้าพระราชวัง Versailles นั่นเอง
- จากนั้นเข้ามาจนถึงหน้าพระราชวังจะพบว่ากำลังมีการจัดประชุมสภาฐานันดรเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ของประเทศ ด้านนอกจึงเต็มไปด้วยพวก ฐานันดรที่ 3 ที่เป็นพวกชาวบ้าน ชาวไร่ชาวนาที่กำลังประท้วงอยู่



สืบเนื่องจาก ... วันที่ 5 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1789 นั้น พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงเรียกประชุมสภาฐานันดรเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ของประเทศ ประกอบด้วย ฐานันดรที่ 1 คือ พระและนักบวชในคริสต์ศาสนา ฐานันดรที่ 2 คืน ขุนนางและชนชั้นสูง และ ชาวบ้านชาวนาชาวไร่ คือฐานันดรที่ 3 แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นอีกเพราะการประชุมครั้งนี้ใช้ระบบลงคะแนนคือ 1 ฐานันดรต่อ 1 เสียง แทนที่จะลงคะแนนแบบ 1 คน 1 เสียง ซึ่งไม่ยุติธรรม กลุ่มประชาขนรากหญ้า ไม่พอใจเป็นอย่างมากในเรื่อง ความไม่เท่าเทียม ในผลของการลงคะแนน จึงไม่เข้าร่วมการประชุม และไปตั้งสภาของตนเอง เรียกว่า สมัชชาแห่งชาติ ขึ้นมา สมัชชาแห่งชาตินี้ ประกาศว่า สภาของตนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ขึ้นภาษี เนื่องจากไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลของพระเจ้าหลุยส์ ที่สนับสนุนแต่ขุนนางและพระ จนสุดท้ายพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็ถูกกดดันจากกองทัพ ให้พระองค์ทรงเรียกร้องให้ตัวแทนจาก พวกขุนนาง และ พระ เข้าร่วมประชุมสภาสมัชชาแห่งชาติด้วยจนสามารถเกิด สภาร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาได้สำเร็

- เริ่มมองหาคุณ De La Serre ด้วยการใช้ Engle eyes โดยการกด สามเหลี่ยมหรือปุ่ม Y  ซึ่งภาคนี้จะเห็นพวกทหารเป็นสีฟ้าแต่มันก็จะแปลว่าต้องหลบให้ไกลจากพวกมันนั่นเอง หลบทหารยามเข้าไปด้านในแล้วปีนขึ้นไปบนระเบียงชั้น 2 เข้าไปด้านในเป้าหมายคือ ประตูที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งจะเห็นมันเป็นเป้าหมายสีเหลือง



- เข้ามาจนถึงห้อง ประชุมสภาฐานันดร ใช้ Engle eyes มองไปบนเวทีก็จะพบ คุณ De La Serre ยืนอยู่ และเขากำลังโดนเรียกเข้าไปด้านในหลังเวที ตามเขาไปทางบันไดฝั่งขวาจะเห็น คุณ De La Serre กำลังยืนคุยอยู่

** Challenges ** 
- ต้องปัดป้อง ( Parry) ในตอนสู้กับ Hugo
-  ต้องกลิ้งหลบ ( Dodge ) ในตอนสู้กับ Victor

- แต่ก็ดันดวงซวยที่พี่น้อง Victor และ Hugo ดันตามเข้ามาหาเรื่องอีก ซึ่งจะเป็นการเรียนรู้ระบบการต่อสู้พื้นฐาน โดย Hugo จะสอนให้เรียนรู้การปัดป้อง ( Parry) โดยการกด O หรือ B ขณะที่ศัตรูมีรูป ! สีแดงบนหัว และ Victor จะสอนให้เรียนรู้การ กลิ้งหลบ ( Dodge ) สำหรับศัตรูตัวใหญ่ที่โจมตีหนักจนปัดป้องไม่ไหวด้วยการกด X หรือ A ในการกลิ้งหลบ
เมื่อจัดการทั้งคู่จนหมอบ ทหารยามก็จะเข้ามาเจอจน Arno ต้องวิ่งหนีอักรอบ จากนั้นก็วิ่งให้พ้นจากพื้นที่วงกลมแดงก็จะหนีพ้น

ซึ่งระบบ Free Running ของภาคนี้นั้นเพิ่มความสะดวกละคล่องแคล่วมากขึ้นโดยการแบ่งแยกวิธีการบังคับ ระหว่าง
Free running  สำหรับการขึ้นด้านบน กด [RT + A] หรือ [ R2 + X ]
Free running  สำหรับการลงล่าง กด [RT + B] หรือ [ R2 + O ]


Memory 3 - High Society

เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจซึ่งก็คือที่บ้านของ คุณ De La Serre พ่อบ้าน Olivier จะบอกว่า คุณ De La Serre จะกลับช้ากว่ากำหนด และคุณหนู Elise ก็ไปที่งานเลี้ยงที่พระราชวัง ทำเอา Arno ที่รอ Elise อยู่แทบทนไม่ไหวจนต้องไปหาเธอที่งานทันที แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีจดหมายสำคัญที่ต้องให้ คุณ De La Serre ก่อนจึงต้องจำใจรออยู่ที่บ้านซักพัก

- ขึ้นไปที่บนบ้าน สำรวจนาฬิกา Arno ยังจะมั่นใจว่า Elise จะกลับมาจากงานปาร์ตี้ที่น่าเบื่อนั้นไวแน่นอน แต่พอเอาจริงๆนาทีเดียวก็นานเกินไปสำหรับ Arno เขาจึงเดินเข้าไปที่ประตูห้อง คุณ De La Serre แล้วสอดจดหมายสำคัญเอาไว้ใต้ประตูแล้วรีบเดินทางไปหา Elise ที่พระราชวังทันที
- ที่ด้านหน้าวัง Arno ก็ไม่มีบัตรผ่านจึงต้องโดดข้ามรั้วเข้าไปแทนตามเคย จากนั้นหลบทหารไปปีนขึ้นหน้าต่างชั้นบนแล้ว ลอบเข้าไปในงานเลี้ยง หลบทหารยามเข้าไปด้วยการกด L2 หรือ LT เพื่อเข้าโหมดย่องเบา และ X หรือ A ในการเข้าที่กำบัง (ซึ่งระบบใหม่นี้ทำให้สามารถลักลอบได้อย่างแนบเนียนและสะดวกมากขึ้นกว่าภาคก่อนๆมาก)  เข้าไปด้านในจนพบ Elise อยู่ด้านใน ซึ่งดูเหมือนเธอจะรอ Arno อยู่แล้วจึงแกล้งวิ่งหนีให้เขาวิ่งตามเหมือนในตอนเด็ก



ทันทีที่ทั้งคู่ได้เจอกัน Arno ก็คว้าตัว Elise มาจูบอย่างดูดดื่มทันที ซึ่งความสัมพันธ์ของคู่นี้ลึกซึ้งเกินกว่าที่ใครจะรับรู้นั่นหมายถึงแม้แต่ De La Serre พ่อเธอด้วยซ้ำ แต่คุยกันยังไม่หายคิดถึง Arno ก็ต้องโดนไล่กลับบ้านเพราะมีคนสังเกตเห็น ทำให้ Arno ต้องรีบหนีออกจากตึกเป็นการเร่งด่วนทั้งที่ๆไม่อยากจะไปเลยแม้แต่นิดเดียว

** Challenges ** 
- หลบทหารยามออกจากตึกโดยห้ามโดนจับได้

- จากนั้นก็พยายามใช้ Engle eyes มองหาตำแหน่งของทหารยามให้ทั่วๆแล้ว ใช้การย่องเบาและแอบหลังสิ่งของต่างๆเพื่อรอจังหวะในการผ่านเข้าไปยังด้านในจนถึงทางออกที่สวนด้านหน้า




เมือลอบทหารยามออกมาจนถึงหน้าพระราชวัง Arno จะเห็นคุณ De La Serre เดินอยู่จึงจะเข้าไปทักแต่จู่ๆ De La Serre ก็ถูกลูกดอกยิงใส่จนนอนจมกองเลือดตาหน้าต่อตา Arno แต่ชายที่ท่าทางมีพิรุธที่อยู่นอกรั้วจะรีบออกมาชี้ว่า Arno เป็นคนฆ่า De La Serre  จึงเรียกทหารให้มาจับตัวทันที Arno ที่ไม่ทันต้องตัวจนทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะถูกทหารยามซัดจนสลบไปนอนอยู่ข้างๆศพของ De La Serre ...



       

ในขณะที่บ้านเมืองเริ่มเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างชนชั้น สถานการณ์ในฝรั่งเศสก็เกิดเหตุพลิกผันขึ้น เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ก็ถูกกดดันอีกครั้งจากพระนางมารี อ็องตัวแน็ต พระชายา และ เคานต์แห่งอาร์ตัว พระอนุชาของพระองค์ ที่เกรงกลัวการสูญเสียอำนาจ จากการลุกขึ้นมาต่อต้านของประชาชน ทำให้พระองค์จำต้องเรียกกองทหารที่จงรักภักดีจากต่างประเทศเข้ามาประจำการในพระราชวังแวร์ซายเพื่อปกป้องราชบัลลังย์ของตนเพียงอย่างเดียว ในสายตาประชาชนจึงเห็นว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ทรงมีอำนาจเป็นล้นพ้นไม่มีขอบเขต และทรงอยู่เหนือกฎหมายของบ้านเมือง หลายครั้งที่พระองค์ไม่ทรงสนพระทัยประชาชน แถม พระนางมารี อังตัวเนตต์ พระราชินีที่ทรงนิยมใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย อีกทั้งประเทศก็ยังไม่มีรัฐธรรมนูญที่จะทำให้การปกครองเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพและยุติธรรม ทำให้ประชาชนที่กำลังอดอยากยากจนจึง เกิดความโกรธแค้น ไม่ยอมรับและต่อต้านระบบศักดินาของกษัตริย์มากขึ้น จนออกมาก่อจลาจล โดยมีเป้าหมายแรกคือ ทลายคุกบัสตีย์( Bastille) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังของชนชั้นรากหญ้าที่มีต่อกษัตริย์ของพวกเขา 




                                                          SEQUENCE 2


Memory 1 - Imprisoned 
                 

คุกบัสตีย์( Bastille) .... พฤษภาคม ปี ค.ศ.1789




Arno ถูกพิพากษาว่าผิดแล้วถูกส่งตัวยัดเข้าคุก Bastille ทันที สำหรับลูกผู้ดีอย่าง Arno เขาไม่รู้หรอกว่าที่นี่มันที่ไหนนอกจากคำพูดของผู้คุมที่ว่ามันคือ นรก รอบตัวร้อยพ่อพันอาชญากรแต่ Arno ก็เห็นชายคนนึงหรือครึ่งชายที่พยายามกวนประสาทผู้คุมด้วยการแก้ผ้าอยู่ในห้องขัง เหมือนจะมีประเด็นแต่ไม่ใช่เวลาที่ Arno จะมาคิดตอนนี้ ทันที่เข้ามาในห้องขัง Arno สังเกตเห็นภาพอักขระมากมายที่ถูกใครเขียนเอาไว้ หลังจากสำรวจในห้องขังตัวเองจนเหนื่อยก็สำรวจที่เตียง Arnoพยายามใช้เวลาสงบใจกับโลกส่วนตัวของเขากับนาฬิกาของพ่อจนเผลอหลับไป ทันทีที่ตื่นขึ้นมาก็จะพบว่า นาฬิกาถูกนักโทษอีกคนขโมยไปแล้ว Arno ไม่อยากมีเรื่องกับอาชญากรในนี้ในวันแรกที่เข้ามาแต่คงจะเลื่ยงไม่ได้เพราะมันกำลังจะขโมยของสำคัญของเขาไป




- ทันทีที่เข้าไปสู่กับนักโทษที่ขโมยนาฬิกามันก็เสมือนเขากำลังสอนเทคนิคการต่อสู้แบบใหม่ที่เรียกว่า Perfect Parry โดยรอจังหวะให้เกทสีเหลืองขึ้นที่หัวของศัตรูจากนั้นก็กด B หรือ O ตามปกติของการ Parry มันก็จะเปลี่ยนให้กลายเป็น การปัดป้องแล้วซ้ำด้วยการโจมตีกลับทันที (Counter Attack ) ซึ่งมันจะทำให้ศัตรูเสียจังหวะให้เราโจมตีต่อได้นั่นเอง



หลังจากพยายามสู้จนสามารถชนะนักโทษคนนี้ได้จนพอสำควรแล้ว Arno ก็พยายามจะทำให้เรื่องมันจบด้วยการขอนาฬิกาคืน ส่วนลุงจะไปวาดรูปอะไรต่อก็ตามใจ คำพูดของ Arno ทำให้นักโทษคนนี้เอะใจทันที เขาพยายามพา Arno มาดูตัวอักขระบนพนังห้องซึ่งเขาแปลกใจว่า Arno ก็เห็นจึงเรียกไปคุยแบบจริงจังกัน 2 คน ทันทีที่นักโทษคนนี้รู้ว่า Arno คือลูกชายของ Charles Dorian เขาจึงคืนนาฬิกาให้แล้วแนะนำตัวว่าเขาชื่อ Piere Bellec แถมยังบอกอีกว่าลูกจักกับ Charles พ่อของ Arno ดีเพราะ Charles Dorian คือหนึ่งในคนระดับ Grand master ในสภาของภาคีนักฆ่าที่เขาสังกัดอยู่ ซึ่งแน่นอนว่า Arno พยายามบ่ายเบี่ยงว่าไม่เป็นความจริง แต่ก็ต้องมาหยุดคิดก็ต้องคำพูดที่ว่า คนที่ฆ่าพ่อของเขาคือนักฆ่าของเทมพลาร์ จากปากของ Bellec ก่อนที่ Bellec จะใช้เวลาในคุกทั้งหมดในการฝึกสอนเพลงดาบและการต่อสู้ให้กับ Arno มาตลอดเหมือนกำลังจะเตรียมการบางอย่างให้กับชีวิต Arno 




2 เดือนต่อมา .... 14 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1789

- ขณะนั้น เหตุการณ์ประท้วงของชาวบ้านด้านนอกคุกที่พยายามบุกมาเผาทำลาย คุกบัสตีย์ ก็เริ่มเป็นผลสำเร็จ ผู้คุมมากมายกำลังปั่นป่วน การคุมกันนักโทษเริ่มจะหละหลวม Bellec จึงฉวยโอกาสทองที่จะหนีออกจากที่นี่โดยจะให้ Arno ตามมาด้วย จากนนั้นเข้าไปยืนแอบอยู่ที่กำแพง Bellec จะล่อผู้คุมให้เข้ามา จากนั้นลอบเข้าไปข้างหลังรัดคอมันทั้งคู่ก็จะเก็บดาบและระเบิดควันของผู้คุมมาใช้


** Challenges **
- ทำ Perfect Parry กับศัตรู 3 ครั้ง
- ใช้ระเบิดควันในการพรางตัวหนี 2 ครั้ง

- จากนั้นก็วิ่งตาม Bellec ออกไปจนถึงประตูคุกด้านในรอให้เขางัดประตูให้เปิดออก จัดการต้านผู้คุมที่บุกเข้ามาด้วยระเบิดควันและท่า Perfect Parry ที่เพิ่งได้มา และเรียนรู้การเติมพลังชีวิตด้วยการเลือกน้ำยาเติมพลังที่ปุ่มทิศทางด้านบน เมื่อประตูเปิดออกแล้วก็ตาม Bellec วิ่ง ปีนป่าย จนขึ้นไปจนถึงหลังคาของคุกได้สำเร็จ



Bellec สั่งให้ Arno โดดลงหนีไปด้านล่างแจ่ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้สำหรับ Arno  Bellec จึงมอบตราสัญลักษณ์ Brotherhood กับ Arno และทางเลือกที่เขาจะเลือกได้ว่าจะโดนจับขังคุกให้เน่าตายต่อหรือจะโดดหลังคาหนีเพื่อไปเผชิญชะตาชีวิตใหม่กับบางสิ่งที่ Arno อาจจะอยากรู้ ทันทีที่ Bellec โดดไปไม่นานผู้คุมก็ไล่ตามมาล้อมจับจนทัน สุดท้าย Arno ไม่มีทางเลือกที่ต้องโดดจากหลังคาคุกที่สูงลิ่วพร้อมกับมือที่กุมชะตากรรมใหม่ที่เพิ่งได้รับมาโดยไม่รู้ตัว 



     


และเมื่อทุกอย่างของทั้งชะตาชีวิต Arno Dorian และประชาชนชาวปารีสเริ่มสุขงอม จากความอดอยากและวามเลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมของสังคม กองกำลังติดอาวุธของประชาชน (Garde Nationale) ก็ได้ถูกตั้งขึ้นโดยเริ่มจากประชาชนในปารีสซึ่งอยู่ใต้การบัญชาการของนายพลเดอ ลา ฟาแย็ต จนในไม่ช้าทั่วประเทศก็มีกองกำลังติดอาวุธของประชาชนในแต่ละท้องถิ่นในเวลาต่อมา อำนาจพระมหากษัตริย์ อภิชนและศาสนา ถูกโค่นล้มอย่างฉับพลันด้วย  "เสรีภาพ เสมอภาค และ ภราดรภาพ" ของประชาชน  สิงหาคม ปี ค.ศ. 1789 อรุณรุ่งแห่ง การปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution) และเส้นทางสู่ภาคีนักฆ่าของ Arno Dorian ก็เริ่มขึ้นไปพร้อมๆกันอย่างเต็มตัวทันที  ...



การบุกทำลายคุกบาสตีล  ซึ่งเป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมือง และเป็นสัญลักษณ์แห่งการกดขี่ของการปกครองระบอบเก่า ความสำคัญของการบุกทำลายคุกบาสตีล  ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของการปฏิวัติฝรั่งเศส เพราะกษัตริย์ ขุนนาง และชนชั้นสูง ต้องยอมสระอำนาจให้แก่สมัชชาแห่งชาติ  และพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการปกครองครั้งนี้ วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปี จึงถือเป็นวันชาติฝรั่งเศสมาจนถึงปัจจุบัน

                         ...........................................................................................

                                    





ทันทีที่หนีออกมาจากคุกได้สิ่งที่ Arno คิดอย่างแรกเลยคือ เข้าไปหา Elise แต่ทันทีที่เข้ามาจะพบว่า Elise นั้นเย็นชากับเขามา ซึ่งก็ไม่น่าจะแปลกใจเพราะพ่อเธอพึ่งเสียไป Arno พยายามที่จะบอกความจริงกับเธอว่าคนที่ฆ่า คุณ De La Serre นั้นไม่ใช่เขา แต่คำตอบและท่าทีของ Elise กลับทำให้ Arno ตกใจเพราะเธอเองรู้อยู่แล้วว่าพ่อเธอเป็นคนของเทมพลาร์ และ รู้ดีว่าพ่อของ Arno เองก็อยู่ในภาคีนักฆ่า inevitable และตัวเธอเองก็เดินตามเส้นทางของพ่อซึ่งไม่ต่างอะไรกับ Arno ในตอนนี้เลย นั่นคือ ความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ Elise จะทำได้มีอย่างเดียวคือ ล้างแค้น ให้พ่อเท่านั้นเอง ทำให้ Arno ร้อนตัวหนักจนต้องพยายามปฏิเสธในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำมากขึ้น แต่ดูเหมือน Elise จะมั่นใจว่ายังไง Arno ก็มีส่วน ก่อนที่เธอจะเอาจดหมายที่ Aeno ทิ้งไว้ในห้องพ่อของเธอให้เขาอ่าน




ขอความจดหมายระบุถึง การเตือนจากคนที่ชื่อ L จากเทมพลาร์ที่ต้องการให้ De La Serre ระวังและเตรียมป้องกันตัวเพราะทางภาคีนักฆ่าได้หมายจะฆ่าเขาในคืนนี้ ซึ่ง Elise เจอจดหมายนี้ถูกทิ้งไว้ที่ห้องของพ่อเธอก่อนคืนที่เขาตาย และซองยังไม่ได้เปิด ทำให้ Elise มีเหตุผลพอที่จะเชื่อว่าที่ Arno ไม่เอาจดหมายเตือนให้พ่อของเธอเพราะ Arno มีส่วนรู้เห็นในแผนฆ่าพ่อเธอด้วยนั่นเอง ทำให้ตอนนี่ไม่ว่า Arno จะปฏิเสธยังไงก็คงต้านทานคำสั้นที่ว่า ไปซะ ของ Elise ไม่ได้แน่นอน 





จากเหตุการณ์และเหตผลที่มีแม้แต่ตัว Arno เองก็คิดว่ามันยากเกินกว่าจะแก้ตัวกับใคร เขาได้แต่นั่งดิ่มเหล้ามองดูนาฬิกาเก่าของพ่อเพื่อคลายความเศร้าเท่านั้น และเมื่อทุกอย่างกำลังตีบตัน  Arno ก็นึกถึงสิ่งที่ Bellec ให้เอาไว้ ตราสัญลักษณ์ ที่เขาบอกว่ามันจะตอบปัญหาทุกอย่างที่  Arno ต้องการจะรู้ ถึงตอนนี้มันไม่ใช่ทางเลือก แต่มันเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ถ้าเขาต้องการจะเดินหน้าต่อ และทันทีที่ Arno ควักมันออกมาดู จากตราธรรมดาก็มีสัญลักษณ์อักขระบางอย่างเผยออกมาทันทีที่ส่องด้วย Engle Eyes และไม่ว่ามันจะบ่งบอกถึงอะไรนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องตามหา


Memory 2 - REBIRTH




- เดินทางมาที่จุดหมายที่จุดรับภารกิจ  Arno ก็จบโบสถ์แห่งนึงที่มีหน้าต่างกระจกด้านบนคล้ายกับรูปอักขระที่เขาเห็นบนตรา จากนั้นก็ปีนเข้าไปด้านในห้องโถงแล้วเริ่มแก้ปริศนาได้เลย ใช้ Engle Eyes สำรวจดู ทางระเบียงด้านบนของประตูทางเข้าจะทีแท่นบางอย่างอยู่ หาทางปีนขึ้นไปที่ระเบียงนั่น แล้วเอาตราวางไว้ที่บนแท่น กลไกของโคมไฟจะเริ่มทำงานและปรับให้มันเปลี่ยนที่ทำให้สามารถโดดเกาะได้ เป้าหมายคือ โดดเกาะโหนไปตามโคมไฟจนถึงแท่นบัลลังค์ด้านในห้องโถงก่อนเวลาจะหมด แล้วโดดพุ่งตัวลงมาที่สัญลักษณ์ที่พื้นด้านล่างมันจะเปิดออกให้เข้าไปในห้องลับที่อยู่ล่างทันที
- ที่ดันเจี้ยนลับใต้ดินจะพบ Bellec รออยู่ก่อนที่เขาจะพาเดินเข้ามาที่ฐานลับของภาคีนักฆ่าที่ฝั่งตัวลึกอยู่ใต้บ้านเรือนในเขต Saint - Louis มันตั้งแต่อดีตกาลนับพันปี จน Bellec พา Arno เข้าไปจนถึงห้องประชุมของวิหารด้านในก็จะพบกับเหล่าสภาสูงแห่งภาคีนักฆ่า ซึ่งมี Mirabeau ทำหน้าที่ประธาน


   




Mirabeau - อะไรที่ทำให้เจ้าเปลี่ยนใจมาไกลถึงขนาดนี้หนุ่มน้อย Dorian
Arno - เพราะข้าเบื่อที่ต้องหนีจากความผิดพลาดของข้าแล้วน่ะสิ ทั้งคุณ De La Serre และ พ่อ ข้าต้องการทำให้ทุกอย่างมันถูกเสียที 
Mirabeau - งันก็ดี จากความมืดมืดเจ้าพยายามเดินเข้าหาแสงสว่าง และจากแสงสว่างเจ้าก็ต้อการจะกลับไปในความมืดอีกครั้ง เจ้าพร้อมมั๊ยที่จะโผปีกบินเฉกเช่นนกอินทรีย์ 
Arno - ก็ถ้าคำพูดที่สวยหรูของท่านคือคำตอบของคำถามของข้าที่ว่า ข้าต้องการให้ท่านช่วย ก็ต้องตอบว่า ใช่ 
Mirabeau - งั้นเชิญดื่มน้ำในจอกที่วางตรงหน้าเจ้าได้เลย

- และทันทีที่ Arno ดื่มน้ำในจอกเข้าไปเขาก็ได้เห็นภาพลวงตาจากอดีตที่เจ็บปวดของเขามากมายที่ประดังเข้ามา ที่ต้องทำก็คือพยายามวิ่งไปตามเส้นทางในอดีตที่พังทลายของ Arno จนเจอกับชายที่ฆ่าพ่อของเขา เมื่อวิ่งตามไปจนถึงสุดทางท่ามกลางผู้คนมากมายที่ล้อมเจ้าฆาตกรอยู่ จากนี้สัญชาติในใจ Arno และตัวคุณจะบอกว่า ต้องลอบเข้าไปฆ่ามันจากด้านหลังทันที เมื่อลอบฝ่าฝูงชนขนเข้าไปแทงจากด้านหลังได้แล้ว ภาพมายาที่เจ็บปวดก็จะจบลง

ตรงหน้า Arno พบว่าเขานักทรุดตัวอยู่ตรงหน้าของเหล่าสภาสูงแห่งภาคีนักฆ่า 
Mirabeau - คำพูดที่เรากำลังจะบอกแก่เจ้านั้นตกทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณจากเหล่าบรรพชนของเรา คำสาบานที่ออกมาจากหัวใจในหลักของเชื่อของพวกเรา 




คมดาบของเจ้าจงห่างไกลจากเลือดเนื้อของผู้บริสุทธิ์
หลบเลี่ยงออกจากทุกสายตาที่เคยได้เห็นหรือรู้จักเจ้า
ไม่มีกังขาหรือสงสัยในหมู่พี่น้องเรา
ให้เป็นบัญญัติตราไว้ในใจเจ้า จงตามมัน ยึดถือมัน  และใช้มันปกป้องภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเจ้า 
ลุกขึ้นได้แล้ว ....  Assassin 
บัดนี้ Arno Dorian ได้ตายไปแล้ว ชื่อนี้ไม่มีความหมายกับโลกนี้อีก บาปและความผิดพลาดของเชาได้สูญสลายกลายเป็ยเถ้าถ่านไปแล้ว แต่ คืนนี้ เขาได้กำเนิดเกิดใหม่แล้ว ในนามของ นักฆ่าแห่งภารดรภาพ พวกฟ้องแห่งเราเหล่าภาคีนักฆ่า นับแต่บัดนี้ ! 






        ............................................. [ ปัจจุบัน ] .................................................





Bishop - ยินดีที่กลับมาอีกครั้งค่ะ เอาล่ะ ตอนนี้คุณได้รับประสบการณ์ชีวิตของนักฆ่ามาระดับนึงแล้ว คุณจะสู้ร่วมกับเราหรือเปล่า ? เราได้ไฟล์จาก Abstergo มาเมื่อเดือนก่อน ข้อมูลที่ได้มาทำให้เราแปลกใจมาก ซึ่งข้อมูลพวกนี้เราจะไม่เปิดเผยของมูลกับใคร นอกจากคุณ ถ้าคุณเลือกที่จะร่วมภาคีนักฆ่ากับเรา ถ้าคุณต้องการจะต่อสู้กับการคุกคามของพวกเทมพลาร์ ช่วยผู้คนจากบริษัท Abstergo เชิญกดปุ่ม Play นั่งเอนหลังให้สบาย เพื่อรับรู้ข้อมูลของ Phoenix Project ได้เลยค่ะ ....... เลือกได้ดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ภาคีนักฆ่า น๊ะค่ะ 

      


ในปี 1950 มีการคิดค้นทฤษฏีเกี่ยวกับการทำงานของดีเอ็นเอของมนุษย์ในแบบ 3 เกลียวขึ้น (The Triple Helix )
แต่ยังไม่มีใครสามารถนำความรู้นี้มาใช้งานได้ จนทฤษฏี DNA  2  เกลียว (Double Helix) ที่คิดขึ้นโดย Francis Crick และ James Watson ในปี 1953 เริ่มประสบความสำเร็จและใช้งานได้จริง วันนี้เราจึงรู้ว่า  ทฤษฏี DNA  2  เกลียว (Double Helix) นี่แหละคือพื้นฐานของชีวิตทั้งหมดของเรา แต่ขอสงสัยที่เรามีต่อ ทฤษฏี DNA  3  เกลียว(The Triple Helix ) นั้นยังไม่จบสิ้น แล้วอะไรที่ทำให้ Rosalind Franklin ถึงสนใจมันนักหนา และจากการค้นคว้าอย่างหนักเราจึงพบว่า ทฤษฏี DNA  3  เกลียว คือ รากฐานของผู้ที่มาก่อนเรา พันธุกรรมจากยุคเก่าของเราเอง แล้วถ้าเราสามารถเปิดมันออกมาได้ล่ะ  ถ้าเราสามารถลำดับเหตุการณ์ของพันธุกรรมนี้ได้ล่ะ ผลที่ได้ก็คือความรู้ที่ไม่มีขีดจำกัด ที่ทำให้พัฒนาการของเราก้าวกระโดดไปไกลได้แค่ไหน

  


 และด้วย Animus เทคโนโลยีอัจฉริยะที่เราคิดค้นขึ้นมา ทำให้ประวัติศาสตร์ที่ฝั่งแน่นอยู่ในพันธุกรรมถูกเปิดเผยออกมา ภาษาในยุคโบราณเก่าแก่ หรือแม้แต่เทคโนโลยีในยุคที่เราไม่เคยจินตนาการได้ถึง จะถูกปลดล็อก เฉกเช่นพลังลึกลับที่เราเรียกว่า Piece of Eden และเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาเราได้ค้นพบ ตัวอย่างของ DNA แบบพิเศษจากผู้บริจาคยีนเพื่อการทดลอง John Standish ทำให้ ทฤษฏี DNA  3  เกลียว(The Triple Helix ) นั้นสามารถเป็นรูปร่างขึ้นมาได้จริงในที่สุด และมันกำลังจะเปลี่ยนโลกของเราให้ ดียิ่งขึ้น ตลอดไป ขอต้อนรับเข้าสู่ Phoenix Project




Bishop - นั่นแหละคือจุดยืนของเรา .. เมื่อปีที่ผ่านมา บริษัท Abstergo ได้ค้นพบร่างของชายคนนึงที่เราเรียกว่า Sage หนึ่งในตัวอย่างเลือดหายากจากยุคโบราณ ทำให้ Abstergo ได้ทดลองค้นคว้าจนได้ข้อมูลสำคัญจากทั้งอดีตและปัจจุบันไปอย่างมากมาย ชนิดที่เรียกว่า ใกล้ที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จแล้วด้วย พวกเราพยายามขัดขวางทุกทางแต่ก็ยากที่จะหยุดบริษัท Abstergoได้ พวกมันกำลังเรียงลำดับพันธุกรรมโบราณจนเกือบสำเร็จแล้ว

เอาล่ะมาตอบคำถามที่ว่า ทำไมต้อง  Arno Dorian และทำไมต้องในช่วง ปฏิวัติฝรั่งเศส นั่นเพราะช่วงนึงของชีวิตของเขา เขาได้ติดต่อกับ Sage อีกคนนึงด้วย เราต้องการให้คุณหาว่า พวกเขาจะเจอกันเมื่อไหร่ ที่ไหน ซึ่งถ้า Arno มีส่วนในการฆ่า Sage นั่นหายถึงมันอาจทำให้ บริษัท Abstergo ได้พบร่างของ Sage ในยุคปัจจุบันนั่นเอง นั่นจึงสำคัญมาที่คุณต้องเจอ Sage ให้ได้ก่อน และเรามั่นใจว่าคุณต้องทำได้แน่นอน โอเค ..เริ่มเชื่อมต่อใน ลำดับเหตุการณ์ต่อไปกันเลย 

                 ................................................................................................

                                               

         

ทันทีที่ Arno เกิดใหม่ในหน้านักฆ่าอย่างเต็มตัวแล้ว และซึ่งที่จะให้ Arno แข็งแกร่งขึ้นก็มี 2 อย่างที่จำเป็นต้องเรียนรู้ก็คือ ความขำนาญและเงินตรานั่นเอง 
1. ความเชี่ยวชาญ จะเพิ่มขึ้นได้จำเป็นต้องอาศัย Point อยู่ 2 ชนิดคือ
- Sync point ที่ได้จากรางวัลในการปฏิบัติภารกิจในเนื้อเรื่อง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการ Upgrade Skill ความสามารถใหม่ๆให้เพิ่มขึ้นมา 
- Creed Point ซึ่งก็คือค่าที่ได้จากการ ใช้วิชาฆ่าต่างๆในระหว่างต่อสู้ ยิ่งสามารถใช้ท่าทางที่รัดกุมใช้เทคนิคที่แพรวพราวแหวกแนวมากเท่าไหร่ก็จะได้ค่านี้มาในจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย เช่น การลอบฆ่าแบบแนบเนียน (Crowd Blend Kill) ลอบฆ่าด้วยการซ่อนตัวตามที่กำบังตาต่างๆ (Cover Kill ) , การดึงศัตรูให้ตกขอบ (Ledge Assassination),กระโดดฆ่าจากกลางอากาศ (Air Assassination) , การฆ่าพร้อมกัน 2 คน (Double Assassination)  รวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆอย่าง ระเบิดควัน หรือ ระเบิดประทัด เป็นตัวช่วยด้วย ซึ่งค่านี้สามารถนำไปใช้ในการ Upgrade อาวุธและชุดป้องกันต่างๆนั่นเอง 

** ความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นก็จะส่งผลไปถึงระดับขั้นของนักฆ่า หรือ Assassin Rank ไปในตัวด้วย ซึ่ง Assassin Rank ก็จะแสดงให้เห็นเป็นรูปเพชรด้านบนของพลังชีวิต ซึ่งระดับขั้นนี้ศัตรูมันก็มีเช่นกัน สำหรับเอาไว้ใช้ประเมินความเก่งกาจของศัตรูกับตัว Arno เองก่อนเข้าไปลุยนั่นเอง ยิ่งฆ่ามากก็ยิ่งได้มาก สำหรับค่าความเชี่ยวชาญ ซึ่งมันก็คือการ เก็บเลเวล ของ Arno ไปโดยปริยายนั่นเอง** 

2.  เงิน ความจำเป็นอีกอย่างสำหรับความแข็งแกร่งในการไว้ใช้ซื้อหาอาวุธ ชุดป้องกัน และ อุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งทางที่จะได้มาก็มีมากมายจากทั้ง รางวัลจากการทำภารกิจหลัก และ ภารกิจย่อยต่างๆที่ที่มากมาย Paris Story จากพวกชาวบ้านในเมือง เควสการสืบสวนคดีฆาตกรรมตามจุดต่างๆ โดยภารกิจย่อยนั้นมีทังแบบเล่นคนเดียวแฃะร่วกับเพื่อนในแบบ Co-op ออนไลน์ด้วย ซึ่งเควสย่อยต่างๆนี่แหละที่เป็นตัวช่วยในเพิ่มจำนวนเงินในกระเป๋าของ Arno ได้อย่างดีมากถ้าขยันหาทำ 

Weapon & Equipment 
อาวุธและชุดป้องกันต่างๆนั้นสามารถซื้อหามาใช้ได้ในเมนู Character Customization ได้ตลอดเวลา ซึ่งก็มีทั้งแบบมีขายอยู่แล้วและพวกที่ต้องปลดล็อกด้วยเงื่อนไขต่างๆ ส่วนการอัพเกรดก็สามารถกดคำสั่งอัพเกรดที่อาวุธและชุดที่ต้องการได้ทันทีโดยใช้ค่า Creed Point ที่ได้มา 

                          ...............................................................................................


                   

ปี ค.ศ. 1790..... เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของฝรั่งเศสมีผลบังคับใช้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมมากมาย ทั้งเรื่อง ตำแหน่งต่าง ๆ ในราชการไม่สามารถตกทอดไปยังลูกหลาน , ก่อตั้งศาลประชาชน ,ปฏิรูปกฎหมาย , แก้ไขปัญหาหนี้ของประเทศ , การเวนคืนที่ธรณีสงฆ์ และเปลี่ยนแปลงกฎหมายการปกครองคริสตจักรในประเทศฝรั่งเศสเพื่อเป็นการลดอำนาจที่มากล้นเกินความจำเป็นของ ฐานันดรที่ 1 ด้วย แม้แต่พระเจ้าหลุยส์ก็ พระองค์ก็ถูกบังคับให้ปฏิญาณตนต่อรัฐธรรมนูญ และให้ยอมรับเงื่อนไขที่ว่า หากกระทำการใด ๆ ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ให้ถือว่า พระองค์สละราชสมบัติโดยอัตโนมัติทันที 

ปี ค.ศ. 1791.....ขณะที่ภายในฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย เหล่าราชวงศ์ของยุโรป โดยมีแกนนำคือกษัตริย์แห่งปรัสเซีย จักรพรรดิออสเตรีย และพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ หวั่นกลัวว่าผลของการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศสจะส่งผลกระทบต่ออำนาจของตนในวันข้างหน้า จึงได้ร่วมมือกัน ช่วยพระเจ้าหลุยส์ให้ครองบัลลังย์ต่อและให้ยุบสภา Assemblée Nationale  โดยขู่ว่าจะโจมตีฝรั่งเศส  แต่ประชาชนฝรั่งเศสไม่สนใจต่อคำประกาศดังกล่าว และเตรียมการต่อต้านอย่างเต็มที่ทันที  

  


การต่อสู้ขับเคี่ยวระหว่างระบอบกษัตริย์และสาธารณรัฐดำเนินการอย่างเข้มข้น และขยายผลสะเทือนไปทั่วทั้งยุโรป วันที่ 27 สิงหาคม 1791  มีการประกาศพิลนิทซ์ (Declaration of Pillnitz) ปรัสเซียกับจักรวรรดิออสเตรีย ประกาศสงครามกับฝรั่งเศสเพื่อรักษาระบอบกษัตริย์ ในปีถัดมา

                       ...............................................................................................


                                                     SEQUENCE 3

Memory 1 - Graduation 

4 มกราคม ปี ค.ศ. 1791 ... ปารีส  

- เดินทางมาที่จุดรับภารกิจจะพบ Bellec รออยู่ และไม่ต้องถามอะไรมาก เจ้าโถฉี่ ลงไปจัดการศัตรูด้านล่างให้หมดก็พอ Bellec กำลังจะบอก Arno ที่ชอบถามนู้นถามนี่อยู่ตลอดแบบนี้ เป้าหมายคือจัดการทหารด้านล่างให้หมด เพื่อเรียนรู้การฆ่าในแบบ Cover Kill หรือการแอบตามที่กำบังแล้วฆ่าซึ่งเป็นการลอบฆ่าที่สะดวกและได้ผลดีเป็นอย่างมาก โดยการเข้าไปกำบังที่ที่กำบัง (กด X หรือ A ในการเข้าที่กำบังแล้วก็จัดการล่อให้ศัตรูมาใกล้แล้วสังหารได้เลย ทั้งแนบเนียนและเท่ด้วย จากนั้นก็ฆ่าทหารให้หมดแล้วเข้าไปตัดระฆังเตือนภัยได้เลย

** Challenges **
- ใช้การลอบฆ่าแบบ Cover Kill ฆ่าศัตรู 3 คน
- วิ่งตาม Bellec ให้ตลอดจนถึงจุดหมายโดยไม่ออกนอกเส้นทาง





แต่กลับโชคดีกว่าแค่การฝึกเพราะที่นี่ Arno จะได้พบชายคนที่ป้ายผิดว่าเขาฆ่า De La Serre อยู่ที่นี่ด้วย มันกำลังให้หนังสือสำคัญบางอย่างให้ลูกน้องของมันก่อนที่จะเดินจากไป แต่ Bellec ก็สามารถโดดมาฆ่าคนลูกน้องของมันแล้วแย่งหนังสือสำคัญของมันมาได้ก่อน Arno พยายามจะเข้าไปแก้แค้นชายคนที่ป้ายความผิดให้เขาก่อนที่ Bellec จะห้ามเอาไว้เพราะต้องกลับไปรายงานสภาสูงให้รับทราบก่อน 

-จากนั้นก็หนีกำลังเสริมของศัตรูที่เข้ามา ตาม Bellec ไปจนถึง ทางเข้าท่อระบายน้ำใต้ร้าน Cafe Theatre ในเขต Saint Louis ซึ่งด้านในก็คือ Council chamber หรือห้องประชุมของสภาสูงแห่งภาคีนักฆ่านั่นเอง และ ก็ควรจำจำที่นี่เอาไว้ให้ดีเพราะจำเป็นต้องเดินทางไปมาที่นี่ค่อนข้างบ่อย



เมื่อเข้ามาพบสภาสูง Bellec จะให้ทุกคนดูหนังสือสำคัญที่ทำให้รู้ว่าพวกเทมพลาร์มีส่วนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนในครั้งนี้ด้วย แต่ Arno ไม่เคยสนเรื่องนั้น เขาสนแต่ Sivert คนที่ฆ่าพ่อบุญธรรมของเขาเท่านั้น และถ้าภาคีนักฆ่ายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของฆ่า De La Serre ก็ต้องหาทางทวงความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วย แต่ถ้าทาง  Mirabeau ประธารสภาสูงจะไม่สบอารมณ์กับน้ำเสียงของ Arno มากนัก แต่ก็โชคดีที่ Bellec ช่วยพูดเอาไว้ " ถ้าเขาอยากจะฆ่าเทมพลาร์ก็ปล่อยให้เขาฆ่าเทมพลาร์ เจ้าหนุ่มมันพร้อมแล้ว " Mirabeau จึงมีคำสั่งอย่างเป็นทางการออกมาให้ Arno เดินทางไปที่ Notre de Paris และทำการสังหาร Charles Gabriel  Sivert ทันที ..


Memory 2 - Confession 





- เมื่อเดินทางมาถึงจุดรับภารกิจก็จะพบ Bellec รออยู่ เขาจะสอนการล่าเป้าหมายสำคัญในแบบมืออาชีพให้ฟัง ซึ่งนั่นคือระบบที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า  Adaptive Mission Mechanic (AMM)เป็นระบบการทำภารกิจรูปแบบใหม่ของภาคนี้ โดยอธิบายง่ายๆก็คือ ในการสังหารเป้าหมายคนสำคัญนั้น (ซึ่งก็ถือว่าเป็น Boss ในเกมนั่นเอง) หนทางที่จะเข้าถึงตัวมันนั้นมีมากมายหลายทาง ที่สามารถเลือกใช้ได้ ทั้งแบบง่ายแบบยาก และแบบมืออาชีพ โดย Bellec จสอนให้ Arno หัดมองสถานการณ์โดยรอบให้ดีก่อนลงมือปฏิบัติงาน ซึ่งรอบๆพื้นที่จะมีตัวช่วยมากมายที่ทำให้ภารกิจง่ายขึ้นแบบมืออาชีพนั่นเอง

               

เป้าหมาย สังหาร Charles Gabriel  Sivert
สถานที่ - อยู่ด้านในวิหาร 
เส้นทางสิ้นคิด  - ตัดระฆังเตือนภัยแล้วบุกจากทางหน้าโบสถ์ที่มียามมากมายเลย 
ตัวช่วย (จุดเครื่องหมาย ! ในกรอบสีขาว)
- สังหาร Duchesneau  สายของ Sivert ซึ่งมันจะยืนอยู่หน้าโบสถ์
- มีพวกนักเลงขโมยกุญแจของบาทหลวงที่โวยวายอยู่บนดาดฟ้าโบสถ์ไป ตามไปจัดการขโมย กุญแจ จากมันมาซะ ซึ่งมันจะเดินไปมาและเข้าไปในบาร์ข้างๆโบสถ์

** Challenges **
- ลอบฆ่าศัตรูโดยใช้จุดซ่อนตัว 2 คน
- ทำภารกิจลอบฆ่าเป้าหมายได้โดยศัตรูไม่รู้ตัวจนจบภารกิจ  


          


-เมื่อได้กุญแจมาแล้ว ปีนขึ้นไปหานักบวชบนหลังคาโบสถ์เขาจะเปิดประตูเข้าโบสถ์จากบนหลังคาให้ จากนั้นก็ลอบเข้ามาในโบสถ์ด้านล่าง ใช้ Engle Eyes มองหา Sivert ซึ่งมันจะใช้เส้นทางทางเดินไปมาระหว่างโต๊ะทำงานและที่ล้างบาป สามารถลอบเข้าไปหลบในตู้ที่ใช้ล้างบาปข้างๆแล้วรอมันเข้ามาในตู้ของมันซึ่งจะจัดการมันง่ายและเท่ที่สุด เสร็จแล้วก็หนีออกจากพื้นที่ได้เลย





หลังจากสังหาร Sivert ลงได้ Arno ก็จะรับรู้ความทรงจำในวันเกิดเหตุเพิ่มเติมจากสมองของมัน ก่อนวันเกิดเหตุ Sivert ได้ไปขอความช่วยเหลือกับ King of Beggars Roi des Thunes และ La Touche ลูกน้องในแก็งค์ขอทานของมันที่มีเรื่องบาดหมางกับ De La Serre ให้ช่วยวางแผนสังหาร โดย Sivert จะเป็นตัวล่อให้ De La Serre ออกมานอกสนามหน้าวังแล้วให้ Thunes  เข้าลอบสังหารเขาด้วยเข็มพิษ ก่อนที่ Sivert จะป้ายความผิดให้ Arno ที่เข้ามาได้ผิดที่ผิดทางพอดี นั่นเอง  






                                           * Server Bridge * Fin De Siècle 

La Belle Époque ..... ปี ค.ศ. 1898




แต่จู่ๆ ข้อมูลก็ดูเหมือนกำลังจะถูกลบ Bishop สั่งให้ตรวจสอบจนพบว่าเกิดอาการ Server Sweep นั่นเพราะทาง  บริษัท  Abstergo เริ่มตรวจพบการแฮกเข้าระบบและพยายามจะปิดมันอยู่ Bishop จึงรีบสั่งให้ Deacon เจ้าหน้าที่เทคนิค รีบเปิดเปิดทาง By pass เข้าสู่ Bridge Server เพื่อให้หนีออกมาก่อนจะถูกลบทิ้ง 

- จากนั้นก็เริ่มวิ่งไปท่ามกลางเมืองที่ไร้ผู้คนแต่กำลังจะพังทลายตามไล่หลังไปที่จุดเป้าหมายสีเขียวซึ่งก็คืออุโมงค์ทางออกไปที่ Bridge Server ให้ทัน

- ตอนนี้จะเข้ามาที่ Bridge Server ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ Deacon เขียนขึ้นมาเพื่อใช้หลบหนีจากการตรวจจับ ซึ่งจะมาอยู่ที่เมืองจำลอง La belle Époque ในปี 1898 ทางออกจากที่นี่ Bishop อยู่ในทางรถไฟใต้ดิน และที่โปรแกรมจำลองแห่งนี้ทุกอย่างย่อมไม่เสถียร ฉะนั้นรีบลงไปที่ทางลงสถานีรถไฟใต้ดินตรงถนนได้เลยไม่ต้องห่วงเดินเล่น จากนั้นก็ฟรีรันนิ่งไปตามเส้นทางอุโมงค์รถไฟใต้ดินจนออกมาที่ถนนที่ด้านบน เป้าหมายคือ อุโมงค์ทางออกบนยอดคบไฟของเทพีเสรีภาพ  จากนั้นก็หาทางปัน ไต่ระห่ำขึ้นไปที่อุโมงค์ทางออกนั่นได้เลย

**  ซึ่งเมื่อจบภารกิจนี้แล้วในเมืองก็จะมีจุด Helix Rift ให้กลับมาที่ Server La belle Époque เพื่อเล่นมินิเกมเก็บ Data ให้ครบตามจำนวนก่อนเวลาหมด ซึ่งเป็นมินิเกมเพื่อเก็บ Data เพื่อเอาไว้ใช้เป็น Point สำหรับการอัพเกรด อาวุธและเครื่องสวมใส่ในแบบการ Hack Upgrade นั่นเอง ** 

                              ........................................................................................
                                           
                                                          Council Briefing 






- จากนั้นเดินทางมาที่จุดรับภารกิจ ซึ่งก็คือ ห้องประชุมสภาสูงของภาคีที่อยู่ใต้ท่อระบายน้ำ Arno จะนำข้อมูลเพิ่มเติมที่เขาได้รับรู้มาบอกกับทางสภาว่า Sivert นั้นร่วมมือกับ  Roi des Thunes ซึ่งทันทีที่ทุกคนในสภาได้ยินก็รู้ทันทีว่ามันคือ  King of Beggars ที่หาตัวจับยาก และเก่งฉลาดในการซ่อนตัวที่สุด ซึ่งแม้แต่ Honore  หนึ่งในสภาสูงผิวสี ยังการรันตีมันเลยเพราะเขาเคยส่งนักฆ่าไปไล่ล่ามันมาแล้วแต่ไม่มีใครกลับมาได้ซักคน  Arno จึงเสนอตัวที่จะเข้าไปสังหารมันทันที ซึ่ง ทางสภาก็มอบอาวุธใหม่ให้กับเขาด้วย



Phantom Blade หรือ ปืนเก็บเสียง ซึ่งมีทั้งกระสุนแบบปกติและกระสุน Berserk ที่ทำให้ศัตรูบ้าคลั่งตีกันเอง และด้วยความสะดวกสบายของมันจึงทำให้กระสุนมีราคาแพงแถมยังหาของฟรีจากศพศัตรูยากมากอีกด้วย เลือกใช้งานด้วยปุ่มทิศทางฝั่งซ้ายและใช้งานโดยการกด LB หรือ LT แล้วยิงด้วย RT หรือ R2 เหมือนกัยการยิงปืนปกตินั่นเอง 

จากนั้น Mirabeau ในนามของสภาสูงจึงออกคำสั่งอย่างเป็นทางการให้กับ Arno เพื่อเดินทางไปยัง Cour Des Miracles เพื่อจัดการสังหารเป้าหมาย Roi des Thunes ทันที ...

 
                                                    SEQUENCE 4

19 ม.ค. ปี ค.ศ. 1791.... La Cour Des Miracles

Memory 1 - The Kingdoms of Beggars 

- เดินทางมาที่จุดรับภารกิจ Arno เดินทางมาถึงในเขตสลัมของ Cour Des Miracles ลอบเข้าไปในพื้นที่สีเขียวในแผนที่ ใช้ Engle Eyes มองหาเป้าหมายจุดสีเหลือง ซึ่งมันจะอยู่ด้านในกระท่อมไม้ด้านใน เข้าไปได้เลยไม่ต้องลอบ

เข้ามาในบ้านไม้จะเห็นพวกชาวบ้านกำลังยืนมุงดู La Touche ลูกน้องของ Thunes กำลังสั่งคนของมันตัดขาชาวบ้านคนนึงอยู่ Arno เห็นจึงทนไม่ได้และพยายามจะเข้าไปห้าม แต่เกย์คนนึงเข้ามาเรียบเคียงๆเตือนเขาไว้ว่ามีคนของพวกแก็งค์ยาจกมากเกินไป ซึ่ง Arno จำนักโทษเกย์คนนี้ได้ดีตอนเห็นเขาแก้ผ้าโวยวายอยู่ในคุกบาสตีล  





ชายคนนี้บ่นต่อว่า มันเป็นเรื่องแปลกที่คนในปารีสชอบให้เงินขอทานและขอทานก็โดนไถ่อีกทีโดยพวกแก็งค์ของ King of Beggars เขาพยายามบอกเป็นนัยๆกับ Arno ว่า ให้เลือกระหว่างเข้าไปลุยเพื่อช่วยชาวบ้านที่โดนตัดขา แล้วพวกหนูสกปรกที่ตามหาก็จะหนีลงรูกันหมด หรือ จะลอยตามพวกมันกลับเข้าไปที่รังของมันในท่อระบายน้ำจนพบที่อยู่ของหัวหน้าพวกมันได้ แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเจ้าชาวบ้านนั่นก็เสียขาอยู่ดีนั่นแหละ ก่อนที่มันจะแนะนำตัวด้วยชื่อที่แสนยาวเหยียดของมันว่า Donatien Alphonse François Marquis de Sade 

- จากนั้น La Touche มันกำลังเดินกลับไปยังคลลีนิคเถื่อนของมัน ซึ่งต้องพยายามลอบผ่านสลัมที่เต็มไปด้วยพวกศัตรูมากมายให้ได้ ค่อยไปทีละส่วนไม่ต้องรีบเพราะไม่มีการจับเวลาและ La Touche มันก็ไปยืนรอที่จุดสุดท้ายอยู่ดี เมื่อตามมันเข้าไปจนออกมาที่ถนนก็จะพบ La Touche เดินเข้าไปในคลินิกเถื่อนของมันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนหน้าสลัมนี่เอง

** Challenges **
- ใช้ Phantom Blade ฆ่าศัตรู 2 คน 
- ใช้ระเบิดพลุ Cherry Bomb ล่อศัตรูมาฆ่า 2 คน 




- จากนั้นก็ลอบเข้าไปในอาคารไม้หลังเป้าหมาย ด้านในจะมีศัตรูไม่มากเพราะที่ค่อนข้างแคบแต่รอบๆบ้านจะค่อนข้างหนาแน่นไปด้วยยามที่เฝ้าอยู่ โดย เจ้า La Touche มันจะอยู่ในห้องด้านใน ทันทีที่ Arno เข้าไปถึงตัวมัน มันพยายามดิ้นรนหนีไม่นานก็ถูก Arno จับล่ามโซ่เอาไว้ได้ ก่อนที่ถูกยิงคำถามให้ตอบง่ายๆว่า "บอกมาสิ่งว่าทำไมชั้นถึงควรไว้ชีวิตแก"  จากปาก Arno เจ้า La Touche มันก็รีบคลายความลับเกี่ยวกับตำแหน่งที่ซ่อนตัวของ Roi des Thunes เจ้านายมันออกมาทันที ซึ่งก็คือที่ท่อระบายน้ำใต้สุสานของโบสถ์ร้างนั่นเอง จากนั้นก็หนีออกจากพื้นที่ได้เลย


Memory 2 - Le Roi Est Mort 





- เมื่อเดินทางมาถึงจุดรับภารกิจ  Arno ก็จะเริ่มมองสถานการณ์โดยรอบก่อนลงมือปฏิบัติงานเพื่อประเมินสถนการณ์และหาตัวช่วยที่เหมาะสม โดยประตูทางด้านขวามีการกระทบกระทั่งกันของพวกขอทานกับพวกอันธพาลอยู่ กับบรรดาท่อระบายไอน้ำที่ออกมาจากท่อมากมายที่ขอทานใช้แทนความอบอุ่น
** ก่อนจะเข้าภากิจ ควรหากระสุน Phantom Blade เอาไว้ให้เต็มและเรียนรู้ Skill Lock Pick เอาไว้ด้วย ** 




เป้าหมาย สังหาร - Roi des Thunes
สถานที่ - อยู่ในท่อระบายน้ำชั้นล่างสุดของสุสาน  
เส้นทางสิ้นคิด  - ลุยยาวเข้าไปที่ทางลงสุสานแล้วเข้าไปสังหารเป้าหมายด้านในได้เลย  
ตัวช่วย (จุดเครื่องหมาย ! ในกรอบสีขาว)
- ปิดฝาท่อไอน้ำที่พื้นถนนให้หมดทั้ง 2 จุด 
- เข้าไปร่วมสู้กับพวกขอทานทางประตูด้านขวาจัดการศัตรูให้หมด 

- จากนั้นลอบไปต่อจนถึงพื้นที่สีเขียว ซึ่งถ้าใช้ Engle Eyes ส่องดูก็จะเห็นทางลงท่อระบายน้ำอยู่ที่สุสานเป็นสีเหลือง จากนั้นลอบเข้าไปด้านในสุดทางจะพบทางลับลงไปยังชั้นใต้ดินต่อ เมื่อลงมาจะพบพวกศัตรูกำลังเริ่มวุ่นวายกับควันของไอน้ำที่ได้ปิดท่อเอาไว้อยู่ ระหว่างทางจะพบเจ้าหมอเถื่อน  La Touche ด้วยซึ่งมันจะรีบหนีไปเตือนเจ้านายมันทันที  ลอบเข้าไปต่อจนถึงห้องโถงใหญ่ด้านในก็จะพบที่อยู่ของ Roi des Thunes  ซึ่งก็จะเห็น La Touche กำลังรีบเข้ามาเตือนเจ้านายมันพอดี ทำให้ Thunes รู้ตัวแล้วระดมกำลังลูกน้องคอยซุ่มอยู่เต็มพื้นที่รอบๆห้องทันที

** Challenges **
-ฆ่าศัตรูโดยการโดดจากด้านบน 3 คน
-ใช้ Phantom Blade สังหารศัตรู 2 คน 






- จากนั้นก็ได้เวลาสังหาร Roi des Thunes  ซึ่งจะพบมันยืนอยู่บนแผ่นไม้ที่ยกตัวสูงไปด้านบน พร้อมกับศัตรูที่แอบอยู่ตามจุดต่างๆและพลแม่นปืนอีก 2 คนบนแผ่นไม้เพื่อคุ้มกันมัน เส้นทางที่ง่าย แสนเท่ และมืออาชีพที่สุดคือ เข้าไปที่วงแหวนรอบห้องทางด้านขวา ลอบเข้าไปสุดทางจะเจอบันไดขึ้นไปชั้นบนซึ่งจะมีประตูที่ต้องใช้ Lock Pick เปิดเข้าไป ซึ่งมันจะสามารถอ้อมเข้ามาด้านหลังจุดที่เจ้า Roi des Thunes  ได้สบายๆ จากนั้นจะฆ่ามันยังไงก็ตามสบาย



ทันทีที่ฝั่งใบมีดสั้นลงบนร่างของ Roi des Thunes ความทรงจำของมันก็ไหลผ่านเข้าหัวของ Arno ทันที ซึ่งจะพบปมในการสังหาร De La Serre ที่เกิดจากจุดหักเหที่ครั้งนึง  Roi des Thunes พยายามเสนอตัวเข้าช่วยงานของเทมพลาร์เพราะความสามารถในการหาข่าวจากพวกขอทานของเขา แต่ก็ถูก De La Serre ปฏิเสธอย่างไร้เยื้อใยว่า ทำไมจะต้องยืมมือของพวกหนูสกปรก ทำให้ Sivert สามารถใช้ความเกลียดชังของ Roi des Thunes ในการร่วมสังหาร De La Serre ได้ และ หลังจากที่ทั้ง Sivert และ Roi des Thunes สังหาร De La Serre ลงได้มันก็ไปรายงานความสำเร็จกับนายชองมันที่มันเรียกว่า Grand Master

- จากนั้นก็หนีออกมาจากท่อระบายน้ำ ซึ่งขากลับนั้นแผนที่ปิดทางออกของควันไอน้ำเอาไว้ก็เริ่มได้ผล เพราะด้านในท่อตอนนี้จะเต็มไปด้วยควันทำให้สามารถเดินผ่านและฆ่าพวกมันได้ตามอัธยาศัยก่อนที่จะออกไปตามทางต่อจนถึงด้านนอกได้เลย




หลังจบเรื่อง Arno จะแวะเข้าไปหาเจ้าเกย์ Marquis de Sade ที่บาร์ของมันในเขตสลัมอีกครั้ง มันกลายชื่นชมในความสำเร็จของ Arno จากความช่วยเหลือของมัน ซึ่งเมื่อหมดอำนาจของกลุ่ม King of Beggars  แล้ว เขตสลัมที่เน่าเหม็นนี้ก็กลายเป็นสวรรค์ของ Marquis de Sade ทันที ซึ่งแน่นอนมันยืมมือของ Arno แต่อย่างน้อยเป้าหมายที่ทั้งคู่มีด้วยกันก็ถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่ Arno จะหันหลังไปเพราะความเอือมระอา Marquis de Sade ก็โชว์เครื่องเงินดีๆที่มันเก็บเอาไว้ให้ดู ซึ่ง Arno จำได้ทันทีว่ามันเป็นเข็มกลัดอาบยาพิษที่เจ้า Roi des Thunes ใช้ในการสังหาร De La Serre ทำให้ Arno พยายามร้อนรนถามว่าได้มาจากไหน Marquis de Sade ก็ตอบเบาๆว่าเครื่องเงินก็ต้องมาจากร้านเครื่องเงินสิ ก่อนที่มันจะบอกชื่อของช่างคนนี้ให้อีก ซึ่งก็คือ ช่าง François Thomas Germain ที่ร้านจะอยู่แถวๆเขต Les Halles เป็นของแถม ก่อนที่ Arno จะรีบจากไปด้วยคำว่า ขอบคุณ 




                                                    Explore The Cafe Theatre 





- เข้าๆปที่จุดรับภารกิจรูป ! Arno จะเข้ามาที่ คลับ Cafe Theatre ที่อยู่ด้านบนของฐานลับของภาคีใต้ท่อระบายน้ำพอดี ซึ่งเมื่อคุยกับ มาดาม Charlottes Goure ที่อยู่ในร้าน ซึ่งเธอก็บอกว่า ที่นี่ก็เป็นส่วนนึงของภาคีในด้านเงินสนับสนุนการปฏิบัติการณ์ของนักฆ่า แต่มันกำลัเริ่มปรับปรุงจากของเดิม เธอจึงขอให้ Arno ช่วยในการปรับปรุงซ่อมแซมมันหน่อย 



              

ซึ่งสนใจหน่อยก็ดีเพราะถือว่าเป็นกระปุกออมสินหรือรายได้อีกทางนึงของ Arno เลยล่ะ ซึ่งวิธีบริหารก็คือ เมื่อเข้าไปด้านในของตึกอีกด้านก็จะพบกล่องใส่รายได้ของทางคลับที่จะค่อยได้รับตามเวลาที่นับถอยหลัง  ซึ่งรายได้ช่วงแรกนั้นจะน้อย แต่เมื่อเริ่มแต่งเติมร้านเพิ่มก็จะทำให้รายได้ในกล่องมากขึ้นไปอีก โดยการแต่งเติมร้านนั้นต้องเข้าไปสำรวจโต๊ะของผู้จัดการที่อยู่ข้างๆกล่องรายได้ ซึ่งจะเป็นจุด Place Report ทีมีรายชื่อส่วนของการแต่งเติมร้านอยู่ ซึ่งถ้าเลือกรายชื่อชิ้นส่วนในการต่อเติมส่วนไหน ก็จะมีภารกิจ Cafe Theatre ที่ตัว มาดาม Charlottes Goure ซึ่งถ้าเข้าไปรับภารกิจแล้วออกไปทำจนเสร็จแล้ว ส่วนต่างๆของร้านที่เลือกแต่งเติมเอาไว้ก็จะถูกสร้างเสร็จนั่นเอง 

                                 
                       





ซึ่ง ภารกิจ Cafe Theatre ส่วนใหญ่ที่ต้องไปทำก็คือภารกิจไปตามช่วยนักร้องนักเต้นที่เคยทำงานที่นี่เพื่อกลับมาร่วมงานเหมือนเดิมนั่นเอง ซึ่งภารกิจ Cafe Theatre แรกจาก มาดาม Charlottes Goure ก็คือมุ่งหน้าไปจุดเป้าหมาย ช่วยเหลือนักเต้นและเข้าไปเก็บหนังสือที่กำลังจะโดนพวกทหารเผาตามจุดต่างๆมาให้หมด เมื่อทำภารกิจแรกเสร็จ Cafe Theatre ก็จะเริ่มเปิดทำการอีกครั้งได้แล้ว ซึ่งการจะหารายได้เพิ่มนั้นนอกจากการเติมร้านแล้วยังสามารถไปซื้อ คลับ อื่นที่เป็นจุดรูปบ้านสีแดงในแผนที่ได้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นอีกทางที่จะทำให้เงินในกล่องรายได้มากขึ้นไปอีกนั่นเอง 

           


และที่สำคัญที่นี่ก็จะเป็นที่อยู่อย่างเป็นทางการของ Arno อีกด้วย ซึ่งก็จะมีทั้ง Arno Room ห้องถ้วยรางวัล Memento Room ที่เต็มไปด้วยเควสย่อยอีกมากมาย และ  ห้อง Legacy Room ที่มีชุดนักฆ่าในตำนานมากมายให้ปลดล็อกมาใช้ 

                          .................................................................................................

                                                          Council Report 




- จากนั้นเดินทางมาที่จุดรับภารกิจ ซึ่งก็คือ ห้องประชุมสภาสูงของภาคีที่อยู่ใต้ท่อระบายน้ำ Arno จะเข้าไปแจ้งผลการปฏิบัติงานกับสภาสูงถึงเรื่องการตายของ Roi des Thunes และความคืบหน้าของคดีฆาตกรรม De La Serre ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้มีเพียง Gabriel  Sivert กับ  Roi des Thunes เท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้ว Roi des Thunes มันเป็นแค่หมากตัวนึงที่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องเพราะความแค้นส่วนตัวเท่านั้น เพราะจริงๆแล้ว  Gabriel  Sivert ต่างหากที่ได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากบุคคลลึกลับที่พวกมันเรียกว่า Grand Master อยู่เบื้องหลังแผนสังหารครั้งนี้ด้วย และความคืบหน้าล่าสุด Arno ได้ข้อมูลของอาวุธที่ใช้ฆ่าที่ทำโดยช่างเงินที่ชื่อ Thomas Germain มาด้วย เมื่อได้ฟังจบ Mirabeau ในฐานะตัวแทนสภาจึงออกคำสั่งอย่างเป็นทางการให้ Arno ไปตามหาตัว Thomas Germain เพื่อเค้นความจริงมาจากมันต่อทันที  




                                                        SEQUENCE 5

Memory 1 - The Silversmith 

31  มีนาคม ปี ค.ศ. 1791.... Les Halles 






- เดินทางเข้ามาที่จุดรับภารกิจที่ตึก l'Hôtel de Ville เป้าหมายคือลอบเข้าไปในพื้นที่สีเขียวแล้วหาตำแหน่งของนายช่าง Germain ซึ่งมันจะอยู่ในห้องด้านในที่มีทหารเฝ้าอยู่มากมาย เส้นทางในตึกนั้นไม่กว้างและทีทหารอยู่ในจุดที่สามารถลอบฆ่ามันได้ที่ค่อนข้างจะตายตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารที่ติดอาวุธหนัก(Brutes) ที่สู้ค่อนข้างลำบาก แต่ถ้าติด Lock Pick มามากพอก็จะสามารถเปิดประตูทางเชื่อมเพื่อสร้างโอกาสอื่นๆได้อีก และถ้ามีกระสุน berserk มากพอก็สามารถยิงทำให้ทหารตัวใหญ่ให้เข้าไปจัดการพวกทหารอื่นๆเป็นตัวช่วยได้ด้วย


** Challenges **
- ใช้ Lock pick เปิดประตูในตึก 4 ประตู
- ใช้ กระสุน berserk กับทหารตัวใหญ่ที่ถือขวาน (Brutes) ให้มันบ้าคลั่ง 2 คน





เมื่อลอบเข้าไปจนถึงห้องด้านในที่ นายช่าง Germain อยู่ ทันทีที่เขาเห็น Arno เข้ามาเขาจะดีใจทันทีที่มีคนเข้ามาช่วยเขาหนีเพราะโดนจับมาเกือบเดือนแล้ว และก็โชคดีที่ยอมร่วมมือด้วยดีกับสิ่งที่ Arno จะถามเกี่ยวกับเรื่องเข็มกลัดที่เขาทำ แต่นั่นต้องหลังจากที่พาเขาหนีออกจากที่นี่ให้พ้นก่อน

- จากนั้นก็ลอบเข้าไปจัดการศัตรูในแต่ละห้องเพื่อให้ นายช่าง Germain หนีออกมาจนถึงชั้นล่างของตึกให้ได้ เมื่อจัดการทหารยามที่เฝ้าบนยอดตึกหน้าประตูจนหมด Arno ก็จะกลับมาคุยกับ Germain แต่เจอศัตรูที่บุกเข้ามาจนจับตัว Germain เอาไว้ได้ แต่ก็โดนมีดสั้นของ Germain จนตายไปซะก่อน เดินตาม Germain ออกไปนอกตึกจนถึงด้านนอกก็จะหนีได้สำเร็จ



ทันทีที่หนีพ้น Arno ก็ไม่รอช้าที่จะยิงคำถามเรื่องเข็มกลัดเงินอาบยาพิษที่เขาต้องการรู้ต่อทันที นายช่าง Germain บอกว่า เขาถูกชายที่ชื่อ Lafreniere มาจ้างให้เขาทำขึ้นตั้งแต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แถมยังให้ค่าจ้างที่มากเกิดปกติอีกด้วยเขาเลยตัดสินใจทำให้โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบเลยว่าเขาเป็นใคร ซึ่ง Arno ก็ตอบให้ว่ามันเป็น เทมพลาร์ และต้องการจะรู้ที่อยู่ของมัน นายช่าง Germain ไม่ได้เจอเขานานแล้วแต่ได้ยิน Lafreniere เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องงานในการดูแลโกดังสินค้าของท่าเรือที่เขต  Les Halles Arno จึงกล่าวคำขอบคุณและรีบไปตรวจสอบทันที 


Memory 2 - La Halle Aux Ble's 





- เข้ามาที่จุดรับภารกิจหน้าโกดังสินค้าเป้าหมาย เป้าหมายคือลอบเข้าไปตรวจสอบในโกดังด้านใน ทางเข้าจะมี 2 ทางคือ ทางเข้าด้านนหน้าที่มีทหารยามเฝ้าอยู่ และ ด้านบนของรั้วที่ต้องปีนซุ้มของร้ายขายของขึ้นไป ด้านในจะมีทหารเฝ้าอยู่ค่อนข้างเยอะและจะอยู่ติดๆกัน จึงต้องใช้ความระวังในการลอบฆ่าให้ดีถ้าไม่อยากให้ศัตรูมันแห่มาพร้อมกันหมด ทำให้ที่นี่จะเลี่ยงการต่อสู้ได้ยากมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะสู้ยังไงให้ได้เปรียบมากกว่า

** Challenges **
- ใช้ปืนสั้นจะจัดการศัตรู 3 คน
- หนีไฟไหม้โดยต้องหลบวิ่งกีดขวางทั้งด้านบนและล่างรวมกัน 4 ครั้ง 



- เมื่อลอบเข้ามาด้านในโกดังได้แล้วเป้าหมายคือ  ห้องทำงานที่ชั้นบน  Arno จะพบสมุดจดรายการการส่งของที่ทำให้เขารู้ที่อยู่ของคนที่อาจะเป็นชายที่พวกมันเรียกว่า Grand Master ก็ได้ จากนั้น Arno จะเผาที่นี่จนหมดแล้วก็ฟรีรันนิ่งหนีไฟที่กำลังไหม้ โดยต้องหลบสิ่งกัดขวางต่างๆและปีนป่ายขึ้นด้านบนให้พ้นจากไฟที่กำลังไหม้ไล่หลังมา  Arno ก็จะหนีออกมาได้ทางปล่องด้านบนของหลังคาโกดังอย่างปลอดภัย


Memory 3 - The Prophet 





เมื่อเดินทางมาถึงจุดรับภารกิจ  Arno ก็จะเริ่มมองสถานการณ์โดยรอบก่อนลงมือปฏิบัติงานเพื่อประเมินสถนการณ์และหาตัวช่วยที่เหมาะสม สถานการณ์โดยรวมคือ
- หัวหน้าทหารนำเอกสารการรักษาความปลอดภัย ก่อนที่ Lafreniere นายของมันจะออกมาจากที่พัก
- กลุ่มทหารที่พูดถึงเรื่องทหารประจำตัวของ Lafreniere ที่กำลังจัดการพวกชาวบ้านที่ไม่เชื่อฟังอยู่ในห้องใต้ดิน




เป้าหมาย สังหาร - Lafreniere
สถานที่ - อยู่ในส่วนตัวในห้องใต้ดิน และกำลังจะขึ้นมาตรวจพวกทหาร  
เส้นทางสิ้นคิด  - ซุ่มตัวอยู่ที่จุดซ่อนตัวที่ไหนก็ได้ แล้วกดคำสั่ง Wait รอให้ Lafreniere ออกมาด้านนอกแล้วก็ฆ่ามันเลย   
ตัวช่วย (จุดเครื่องหมาย ! ในกรอบสีขาว)
- จัดการทหารแล้วดูเอกสารการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะเป็นเส้นทางเดินของ Lafreniere ทั้งหมดในพื้นที่ 
- ลงไปที่ห้องใต้ดิน จัดการทหารประจำตัวของ Lafreniere เพื่อช่วยขาวบ้านที่ถูกจับมา ซึ่งจะมีผลทำให้ Lafreniere มันไม่มีทหารคอยเดินตามคุ้มกันมัน และ จะได้พวกชาวบ้านเป็นกองหนุนด้วย 

** Challenges **
- ทำลายระฆังเตือนภัยให้หมดทั้ง 4 จุด
- ฆ่าศัตรูจากจุดซ่อนตัว ( Cover Kill) ทั้งหมด 3 คน





- เมื่อทำตามตัวช่วยทั้ง 2 อย่างแล้ว กดใช้ Engel eye ดูจะเห็นส้นทางเดินของ Lafreniere ไปตามจุดต่างๆรอบๆพื้นที่ จากนั้นก็ต้องเลือกเอาว่าชอบจุดซ่อนตัวจุดไหน ทั้งกองฟาง หรือ ตู้ไม้ที่มีผ้าปิด ที่จะฆ่ามันได้เหมาะก็เข้าไปซ่อนตัวได้เลย ซึ่งจะมีจุดซ่อนตัวอยู่ 5 จุด จากนั้นก็กด B หรือ O ค้างเพื่อรอเวลาให้ Lafreniere เดินออกมาจากที่พักใต้ดิน เมื่อมันออกมาแล้วมันก็จะเริ่มตามที่เขียนไว้ในแผน และถ้าทำตามเงื่อนไขมันก็จะเดินคนเดียวไม่มีทหารคุ้ม เมื่อมันเดินผ่านจุดที่คุณๆซ่อนตัวอยู่ก็จัดการดึงมันไปฆ่า แล้วหนีออกจากพื้นที่ได้เลย



หลังจากที่มีดเสียบเข้าร่างของ Lafreniere ก็ทำให้ความทรงจำของเขาไหลเข้าสู่การรับรู้ของ Arno และทำให้เขารู้ว่า De La Serre นั้นเป็นคนแต่งตั้งและรับ Lafreniere เข้าสู่เทมพลาร์ด้วยตัวเอง เพราะความเก่งกาจทางด้านปฏิบัติการณ์ทางทหารของมัน แต่ในช่วงทำภารกิจนึง ทั้งคู่ก็เริ่มมีความเห็นไม่ลงรอยกันด้วยเรื่องที่ Lafreniere ไม่พอใจมากที่ De La Serre นั้นเลือกใช้ Mirabaru ที่ทั้งขึ้เมาและไร้ฝีมือมาร่วมในการปฏิบัติงานของเขา  Lafreniere ใช้ถ่อยคำที่รุนแรงจน De La Serre ต้องตัดบทไปว่า ใครกันแน่ที่เป็น Grand master ซึ่งมันน่าจะเป็นประเด็นสังหาร  De La Serre แต่ Lafreniere กลับเป็นคนส่งจดหมายเตือน De La Serre ในชื่อของ L ในคืนก่อนที่เขาจะโดนสังหาร ซึ่งนั่นทำให้ Arno รู้ว่า  Lafreniere ไม่ได้มีส่วนในการสังหาร De La Serre แต่เขาก็รับรู้ถึงแผนบางอย่างของ Lafreniere ที่กำลังดำเนินอยู่โดยมีเป้าหมายที่โรแรม l'Hôtel de Beauvais ในคืนนี้ 




                                                    SEQUENCE 6



Memory 1 - The Jacobin Club 





- เดินทางมาที่จุดรับภารกิจที่หน้าคลับ Cafe Theatre  Arno จะเข้าไปในห้องประชุมสภาสูงของภาคีที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเถียงกันอย่างตึงเครียดเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ เพื่อแจ้งผลการปฏิบัติงาน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใข่ข่าวดีเท่าไหร์เพราะ Arno ประเมินผิดและใจร้อนตัดสินใจเกินไปเพราะจริงๆ นายช่าง Germain นั้นถูกจ้างให้สร้างเข็มผิดอันที่ใช้ฆ่า De La Serre ขึ้นมาก็จริง แต่เขาก็เคยสร้างอีกอันที่เหมือนกันให้กับ Lafreniere ทำให้ประธารสภา Mirabeau ต้องตัดใจที่ว่า De La Serre ตายเพราะความสื่อสัตย์ที่สูงส่งเกินไปของเขานั่นเอง ในขณะที่ Mirabeau กำลังจะสั่งให้ไปตามหา Lafreniere เพื่อตรวจสอบ แต่คงไม่ต้องแล้วเพราะ Arno ฆ่าเขาไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้ทั้งสภาโกรธกันมากที่ Arno บังอาจที่จะเลือกเป้าหมายเองก่อนที่สภาจะตัดสิน ซึ่งมันเป็นการผิดกฎอย่างแรง Arno รีบขอโทษอย่างลูกผู้ชายในความผิดของเขาซึ่งเขาทำไปเพราะคิดว่า Lafreniere เป็นตัวการใหญ่ในการฆ่า De La Serre พ่อบุญธรรมของเขา

Arno เล่าถึงความทรงจำของ  Lafreniere ที่ส่งจดหมายเตือนให้กับ De La Serre ว่าจะมีคนทรยศจะฆ่าเขา ข้อนี้ยังเป็นเรื่องที่คาใจเขาอยู่ และแผนการบางอย่างที่  Lafreniere สั่งให้ลูกน้องดำเนินการในคืนนี้ก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก Arno จึงขออนุญาตที่จะตามเข้าไปสอดแนมในพื้นที่เพื่อให้รู้ความจริง คนส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะต้องตามสืบเรื่องนี้แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้ส่ง  Arno ไปอีก แต่ ประธารสภา Mirabeau กลับให้โอกาส Arno ในการเข้าไปตรวจสอบโดยมีข้อแม้ว่าห้ามทำอะไรที่ใจร้อนและนอกเหนือคำสั่งอีก 




- จากนั้นเดินทางต่อไปยังจุดหมายสีเขียวเป้าหมายคือโรงแรม l'Hôtel de Beauvais ทันทีที่ Arno เริ่มสังเกตเหตุการณ์เขาก็เห็น เจ้า La Touche เข้าไปในตัวตึกด้วย แสดงว่าสถานการณ์เริ่มจะน่าสนใจอย่างที่ Arno คิดซะแล้ว เป้าหมายจากนี้คือ ลอบเข้าไปในโรงแรมเพื่อตามหาตัว   La Touche ว่ามันมีแผนการอะไร ทางลอบเข้าไปในตึกก็มีทั้งลอบเข้าไปด้านบนปกติ กับ โดดลงมาที่กองฟางทางซ้ายของจุดเริ่มต้นภารกิจก็จะเห็นทางลงทางใต้ดินที่มีทหารคุมอยู่ ซึ่งเส้นทางนี้ก็จะเข้าด้านในตึกจากทางห้องใต้ดินได้เช่นกัน


** Challenges **
- ฆ่าศัตรูจากจุดซ่อนตัว 2 คน 
- ใช้กระสุน Berserk กับพวกมือปืนสไนเปอร์ 2 คน 

  



- เป้าหมายคือ เจ้า La Touche ที่อยู่ที่ห้องจัดงานเลี้ยงที่โถงชั้น 1 ใช้ Engle Eye มองก็จะเห็นมันเป็นตัวสีทอง ซึ่งจะเข้าทางชั้น 1 ก็ได้แต่ต้องมี Pick lock ในการเปิดประตูเข้าไป หรือจะไปชั้น 2 ก็จะเข้ามาที่ระเบียงด้านบนของห้องจัดงานเลี้ยงได้เหมือนกัน เมื่อเจอเป้าหมายแล้วจากนี้ก็ต้อง ลอบตามมันไปอย่าให้มันรู้ตัว เรื่อยๆ หลังจากที่มันเข้าไปที่ห้องชั้นบนเพื่อสั่งให้ลูกน้องโยนคนตกหน้าต่างไปแล้วมันจะเข้าไปประชุมกับพวกลายลับที่ห้องชั้น 1 ที่ติดกับทางลงห้องเก็บไวน์ชั้นใต้ดิน ลงไปที่จุดหมายสีเขียวที่ชั้นใต้ดินแล้วแอบฟัง La Touche กับพวกสายลับอีก 2 คนที่กำลังรับฟังคำสั่งจากคนที่มันเรียกว่า Grand master



Grand master  -  ขอบคุณในความอดทนและความร่วมมือเพื่อให้งานของเราบรรลุเป้าหมายเหล่าสหายของข้า เพราะถ้าปล่อยให้ ปารีส ตกอยู่ในความโศกเศร้าแบบนี้นานไป โลก คงจะลุกเป็นไฟ 
La Touche -  ตอนนี้ทั้ง  Sivert และ des Thunes ถูกพวกนักฆ่าจัดการไปหมดแล้วครับนานท่าน 
 Grand maste - ทั้งคู่ทำตามเป้าหมายและแผนการจนเสร็จลุล่วงแล้ว ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรกับแผนที่ของเราหรอก
La Touche -   - แล้วเรื่องยัยลูกสาวหัวดื้อของ  De La Serre ล่ะครับ ผมว่าเธอเป็นภัยต่อแผนของเราน๊ะ เพราะถ้าเธอรวบรวมพวกหัวเก่าได้ขึ้นมามันจะยุ่งไปอีก 
Grand maste - นั่นเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจเอาตามสถานการณ์อีกที
La Touche - อีกไม่กี่วัน ลูกสาวของ De La Serre ก็ต้องพบกับ Lafreniere ตามแผนเดิมของพวกมันที่โรงแรม Volsin แต่ก็น่าเศร้าที่ท่าน Lafreniere ตอนนี้พูดไม่ได้เสียแล้ว ฮ่าๆๆ

- ท่ามกลางเสียหัวเราะของพวกศัตรูในความผิดพลาดของ Arnoเอง ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือรีบไปเตือน Elise ที่กำลังจะเดินเข้ากับดักของพวกมันก่อนจะดีกว่า จากนั้นก็หาทางหนีออกจากโรงแรมนี้ได้เลย

Memory 2 - The Templar Ambush 

- เดินทางไปยังจุดรับภารกิจซึ่งก็คือ บ้านของ Elise แต่จะไม่พบเธออยู่ในนั้น Arno จะรู้มันทีว่า Elise เดินทางไปที่ โรงแรม Volsin เพื่อพบกับ Lafreniere ตามนัดแล้ว เขาจึงต้องรีบไปเตือนเธอทันที จากนั้นวิ่งต่อไปยังจุดเป้ามหายสีเขียวคือ สวนของโรงแรม Volsin ซึ่งก็จะพบ Elise ยืนอยู่ท่ามกลางพวกนักฆ่าที่กำลังหมายเข้าไปลอบฆ่าเธอ รีบเข้าไปจัดการพวกมันให้หมด ทันทีที่ช่วยเธอเอาไว้ได้ Elise จะสงสัยว่าทำไม Lafreniere ถึงไม่มาตามนัด ซึ่ง Arno ก็ตอบไปว่า เขาตายแล้ว แต่ก่อนที่จะอธิบายต่อพวกศัตรูก็บุกตามมาอีกเพียบ ทำให้ Arno ต้องรีบคุ้มครอง Elise ให้หนีออกจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน



** Challenges **
- ยิงศัตรูที่หัว 4 คน
- ใช้การฆ่าแบบ 2 คนพร้อมกับกับศัตรู 

- จากนั้นก็หนีออกจากที่นี่ด้วยการผ่านสวนวงกตที่วกวนให้ได้ ซึ่งไม่ต้องห่วง Elise มากเพราะถึงแม้เธอจะมีพลังชีวิตให้ตายได้แต่รับรองว่าศัตรูไม่ได้กินเธอง่ายๆแน่นอน พยายามนำทางจัดการศัตรูที่ขวางทางไปเรื่อยๆเธอก็จะตามมาสมทบเอง แต่อย่าให้ไกลชนิดทิ้งเธอให้อยู่กลางดงศัตรูอันนี้ก็ไม่ควร เมื่อพ้นออกมาจากสวนวงกตของโรงแรมแล้ว ก็ยังมีนักฆ่าอีกกลุ่มนึงงตามถนนและมือปืนบนยอดตึกที่ต้องกำจัดอีกหน่อย ก็จะช่วย Elise เอาไว้ได้ แต่พวกศัตรูอีกกลุ่มใหญก็จะตามมาอีกไม่หยุด Arno จึงให้ Elise หนีไปก่อนแล้วค่อยไปพบกันที่ Cafe Theatre   วันพรุ่งนี้แล้วเขาจะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง ที่เหลือก็ต้องต้านศัตรูให้เธอ ซึ่งจะด้วยการหนีออกจากพื้นที่การค้นหาของพวกมันหรือฆ่ามันให้หมดก็สุดแล้วแต่เลย


                                                    SEQUENCE 7

Memory 1 - A Cautious Alliance 

1 เมษายน ปี ค.ศ. 1791.... ile Saint - Louis 

- เดินทางมาที่จุดรีบภารกิจซึ่งก็คือที่ Cafe Theatre ตามที่นัดหมายกับ Elise เอาไว้ หลายปีแล้วที่ทั้งคูไม่ได้คุยกัน ความสนิทสนมถูกแทนที่ด้วยความอึดอัดใจซึ่งกันและกันจากเพราะเหตุการณ์และเส้นทางเดินของทั้งคู่



Elise - ไง ดูเหมือนนายจะงานยุ่งตลอดน๊ะ 
Arno - ไล่ล่าคนที่ฆ่าพ่อของเธอไง ใช่ ยุ่งมาก 
Elise - ทำไมโชคดีจัง มันฆ่าพวกเราไปเยอะ แล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย  เกือบ 2 ปีแล้วที่ชั้นไม่ได้เข้าใกล้ซักนิด
Arno - ข้าได้เจอมัน 
Elise - ยังไง ?
Arno - ข้าว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีน๊ะ เพราะมันต้องการจะฆ่าเธอ Elise 
Elise - แล้วไง นายก็เลยคิดจะมาปกป้องชั้นงั้นหรอ 
Arno - ข้าต้องการจะช่วยเจ้า !  ภาคี ของชั้นมีศักยภาพมากพออยู่ 
Elise - จิงดิ ! ชั้นไม่เชื่อน้ำหน้าพวกนักฆ่าหรอกน๊ะ
Arno - แล้วเชื่อในตัวข้าหรือเปล่า ? .. ข้าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักหรอก Elise  ข้าก็ยังเป็นเจ้าเด็กน้อยคนเดิมตั้งแต่ที่เคยรู้จักเจ้า เคยเดิมที่พยายามจะทำอาหารให้เจ้ากินจนต้องให้เจ้าไปขโมยแยมเขามา คนเดิมกับที่ช่วยเธอจากที่โดนหมาวิ่งไล่งับ  
Elise - KO ก็ได้ พาชั้นข้าไปในภาคีของเจ้า ลองฟังขอเสนอแนะของพวกเขาดู

และแล้วไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเล่นแผนนี้  Arno ก็พาตัว Elise ที่เป็นเทมพลาร์เข้าไปในฐานลับกลางสภาสูงของนักฆ่าทันที

   




Elise - ชั้นขื่อ Elise De La Serre พ่อของชั้น François De La Serre Grand master แห่งเทมพลาร์ ชั้นมาที่นี่เพื่อต้องการให้พวกท่านช่วย !
Quemar - นี่เราต้องมานั่งเถียงกันเรื่องนี้กันอีกแล้วหรอ ? ท่าน Mirabeau
Mirabeau - เราควรต้องทำ ท่าน Quemar ท่านไม่เห็นโอกาสอันดีที่ลูกสาวของ  François De La Serre หยิบยื่นให้หรอ 
ข้าไม่ทิ้งอนาคตของพวกเราหรอก เชิญต่อเลย คุณ De La Serre
Bellec - เอาเลยได้โอกาสแล้วนี่ 
Elise - พ่อของชั้นตาย เหมือนกับพวกพันธมิตรอีกหลายคนในการปฏิบัติการ ถ้าชั้นคิดว่าจะเข้ามาที่ภาคีของท่านเพื่อจะแก้แค้น ที่บางที่มันควรต้องทำด้วยซ้ำ 
Bellec - โกหก !! แค่นี้ก็รู้ว่ามันเป็นแผนตลบหลังพวกเรา ข้าว่าตัดหัวเธอส่งไปให้เทมพลาร์เพื่อเป็นการเตือนพวกมันเลยดีกว่า
Mirabeau - พอได้แล้ว ! ที่นางพูดก็ดูตรงไปตรงมาไม่เห็นมีอะไรที่น่าสงสัย จะเป็นการดีถ้าท่านจะชี้แนะเราแบบเป็นการส่วนตัว กว่านี้  ถ้าจะอยากจะขอโทษข้าในสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่น๊ะ Bellec
Mirabeau - ข้าตัดสินใจแล้ว Arnoบางที เจ้าควรจะติดตามเพื่อนของเจ้าเอาไว้น๊ะ คิดว่าคงจะมีอะไรต้องคุยกันอีกเยอะ 

- หลังจากออกจากสภาแล้ว วิ่งตาม Elise ไป เธอจะพามาที่โรงแรมที่ Thomas Germain นายช่างเงินทำงานอยู่ เพราะเธอกำลังพุ่งประเด็นไปที่นายช่าง Germain ที่เคยทำงานให้พ่อของเธอด้วย เขาเคยร่วมงานกับพ่อของ Elise สมัยที่เธอยังเด็ก เป็นงานเกี่ยวกับการกวาดล้างพวกนอกศาสานาในยุคเก่า เธอจึงพา Arno กลับมาที่ห้องทำงานในโรงแรม l'Hôtel de Ville อีกครั้งเพื่อค้นหาเบาะแสที่เคยมองข้ามไป
- เดินตาม Elise ขึ้นไปชั้นบนแต่เมื่อพยายามค้นหาดูด้วย Engle Eyes กลับไม่พบอะไรนอกจากศัตรูกลุ่มนึงที่บุกเข้ามา จัดการพวกมันให้หมด

** Challenges **
- ใช้ระเบิด Stun กับศัตรู 3 คน
- ยิงหัวศัตรู (Head Shot) 3 คน





-หลังจากไม่พบอะไรนอกจากห้องที่นองไปด้วยเลือดศัตรู Arno ก็สังเกตเห็นประตูที่ถูกปิดตายอยู่ ในขณะที่กำลังคิดหาทางเปิด Elise ก็ถีบประตูเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ในห้อง Elise จะพบหนังสือบันทึกที่ทำให้เธอรู้ว่าใครที่เป็นบงการในแผนฆ่าพ่อเธอ ในขณะที่ Arno เสนอมว่าต้องรีบไปรายงานให้  Mirabeau รู้ พวกมือปืนศัตรูที่ซุ่มอยู่ก็ระดมยิงมาจากด้านนอกทันที จัดการยิงมือปืน 5 คนรอบๆหน้าต่างๆให้หมด ก็จะจบภารกิจทันที

Memory 2 - Meeting with Mirabeau

- เดินทางไปยังจุดรับภารกิจ ซึ่งก็คือบ้านของ Mirabeau แต่เมื่อขึ้นไปจนถึงห้องนอน Arno ก็จะพบร่างของ Mirabeau ที่นอนตายอยู่บนเตียงโดยมี Elise ยืนดูอยู่ในห้องด้วย ถึงแม้เธอจะไม่ต้องรีบปฏิเสธ Arno ก็ไม่คิดว่าเป็นฝีมือเธออยู่แล้ว ในขณะที่ Arno กำลังรีบไปแจ้งข่าวกับทางสภาที่เหลือ แต่ Elise จะอยากใหเหาหลักฐานแถวๆนี้ดูก่อนที่มันจะถูกทำลายไป




- ตอนนี้ในห้องจะกลายเป็นการสืบหาเบาะแสคดีฆาตกรรม  Mirabeau ทันที ใช้ Engle Eyes มองสำรวจเบาะแสในห้องให้ทั่วๆจะพบจุดสำคัญ 4 อย่างที่เป็นจุดสีเหลืองคือ หนังสือบันทึกผู้เข้าพบซึ่งระบุชื่อของ Master Quemar อยู่ / สำรวจบนเตียงจะพบเข็มพิษ / ผ้าเช็ดหน้าของผู้หญิงที่ทำตกเอาไว้ และ ในตู้จะพบแก้วที่เต็มไปด้วยยาพิษ แถม Elise ยังฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันคือยาพิษที่เรียกว่า Aconite เพราะมันเป็นยาพิษเฉพาะของเทมพลาร์กรณีที่จะฆ่าใครซักคน ซึ่งตอนนี้ในการสืบสวน Elise ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเต็มๆ จึงมีข้อความ  Accuse หรือ การกล่าวหา ขึ้นที่เธอ แต่ยังไม่ต้องไปกล่าวหาเธอ ไปสืบต่อตามจุดเขียวต่อไปก่อน
- จุดเขียวที่ขึ้นมาคือ Master Quemar ที่อยู่ที่ฐานของภาคี ซึ่งมีชื่อเขาในสมุดเข้าพบด้วย เมื่อเข้าไปถึง Arno จะแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา แน่นอน Master Quemar จะมุ่งเป้าไปที่ Elise แต่ Arno จะขอเวลาที่จะสืบสวนให้แน่นอนก่อน Master Quemar จะให้เวลาแค่ 1 วันแล้วก็จะให้ที่อยู่ของ  เภสัชกรคนนึงที่เก่งทางด้านพิษวิทยามาให้ Arno ลองไปขอคำแนะนำจากเขาดู ซึ่ง Master Quemar ก็คืออีกคนนึงที่จะสามารถ Accuse หรือ กล่าวหาเขาได้ แต่ยังก่อน
- จากนั้นมุ่งหน้าไปยังจุดเขียวต่อไปซึ่งก็คือ บ้านของ เภสัชกร แต่ทันทีที่มันเห็นมีคนมาตามหามัน มันจะรีบวิ่งหนีไปทันที

 ** Challenges **
- หลบสิ่งกีดขวางทั้งบนและล่างรวมกัน 5 ครั้ง
- ใช้ลิฟต์เชือกในการวิ่งตาม 1 ครั้ง



ทันที่เจ้าเภสัชกรถูก Arno จับได้ยังไม่ได้ทันได้ถามอะไรมันก็แสดงอาการหวดกลัวออกมาว่า Arno คือพวกของคนที่ใส่ฮู๊ดอีกคนที่เคยมาบังคับมันให้ผลิตยาพิษในแบบของเทมพลาร์ให้ เจ้าเภสัชกรไม่รู้แผนหรือหน้าต่างคนที่มาบังคับเขาแต่เขาก็ถูกสั่งให้ทำยาพิษในแบบเดียวกันเพิ่มอีก เจ้าเภสัชกรจึงรีบให้ตำแหน่งในการส่งของล็อตที่ 2 ของมันให้กับ Arno ทันที ซึ่งตอนนี้ Arno สรุปได้แล้วว่า ฆาตกรปริศนานั้นแต่งกลายเหมือนกับพวกภาคีนักฆ่าของเขา ที่เหลือก็แค่ตามไปดูหน้าที่จุดหมายส่งชองที่มันจะมาคอยรับยาอยู่เท่านั้นเอง 

Memory 3 - Confrontation 

- Arno เดินทางมายังจุดรับภารกิจซึ่งเป็นจุดนัดรับยาพิษลิอตที่ 2 ของฆาตกรที่ฆ่า Mirabeau โดยมี Elise ตามมาสมทบ ที่น้ำพุตรงจุดนัดหมายไม่พบใคร จากนั้นก็ใช้ Engle Eye มองหาร่องรอยของเป้าหมายได้เลยซึ่งก็จะเห็นเป็นกลุ่มควันสีทองตามทาง เดินตามกลุ่มควันไปก็จะมาถึงโบสถ์ที่ Ano เคยมาก่อนจะเข้าสู่พิธีสาบานตน ปีนตามควันสีเหลืองไปที่ระเบียงฝั่งซ้ายของโบสถ์ Arno ก็จะเจอฆาตกรฆ่า  Mirabeau ที่เขาตามหา ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น Bellec คนที่เป็นเสมือนอาจารย์คนแรกของ Arno ในฐานะนักฆ่านั่นเอง



Bellec - นึกไม่ถึงว่าเข้าจะมาไกลขนาดนี้เจ้าโถฉี่ แต่ประเด็นคือ แล้วจะยังไงต่อจากนี้มากกว่า ?
Arno - ท่านวางยา ท่าน Mirabeau !
Bellec - เขาต่างหากที่วางยาพวกเรา ด้วยการพยายามจะสงบศึกกับพวกเทมพลาร์ นิทานหลอกเด็กชัดๆ
Arno - แต่ท่านก็เป็นคนนึงที่รู้ดีว่าเราสมควรทำเพื่อปกป้องภาคีน๊ะ
Bellec - เจ้าคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอ ! ครั้งแรกที่พวกเราเคยพยายามสร้างความสัมพันธ์ ในตอนแรกเริ่มที่เราไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างล้มเหลวไม่เป็นท่า เราสูญเสียและหลงลืมเป้าหมาย ตกอยู่ในวัวนของความวุ่นวายของตัวเราเอง จนวันนี้ เราปฏิวัติตัวเองใหม่จนลุกขึ้นได้อีกครั้งและแข็งแกร่งขึ้น  แต่ เราไม่ใช่ ประเทศน๊ะ เราคือ กองทัพ และคำพูดที่ว่า " สมานฉันท์กับศัตรู " สำหรับกองทัพในสงครามเราเรียกมันว่า   การทรยศ  ! ...และไม่ใช่ข้าคนเดียวที่จะช่วยเหลือภาคี แต่เราร่วมมือกันช่วยได้ Arno 
Arno - ท่านก็รู้ว่าข้าทำแบบนั้นไม่ได้ !
Bellec - งั้นก็น่าสงสารหน่อยน๊ะ 

** Challenges **
- ห้ามถูกน็อคในขณะต่อสู้
- Staggering Strikes 5 ครั้ง (ท่ากด A หรือ X ค้างในการกระแทกศัตรูให้มึนงง ซึ่งต้องอัพเกรดใน Skill Melee ก่อน)

  

- การต่อสู้กับ Bellec นั้นต้องทำให้เขาพลังชีวิตหมดหลอดจนมันหมดแรงน็อคดาวน์ไปก็จะสามารถเข้าไปกด O หรือ B จัดการอัดกระแทกมันตกลงไปชั้นล่าง 1 ครั้ง จัดการมันให้มันน็อคดาวน์ไปทีละครั้งจนมันทั้งคู่ตกลงมาด้านในของโบสถ์ที่มี Elise คอยเป็นพยานการต่อสู้ จากนั้นก็จัดการจบการต่อสู้ในช่วงสุดท้ายลงซะด้วยทุกอย่างที่คุณมี



และทันทีที่ Bellec พ่ายแพ้ เขาก็ยินดีที่จะยืนอกรับคมมีของ Arno อย่างเต็มใจ  เพราะ Bellec ยังยืนยันว่าถ้าปล่อยเขาไป เขาก็ไม่มีวันหยุด เขาจะฆ่า Elise เพื่อศักดิ์ศรีของภาคี และพร้อมที่จะนั่งดูปารีสมอดไหม้อย่างสบายอารมณ์ และทันทีที่มัดฝั่งร่างลงที่เลือดเนื้อของ  Bellec ก็ทำให้ Arno ได้รับความทรงจำบางช่วงมาจากเขา .. Bellec นั้นเคยช่วยพ่อของ Arno ที่ถูกลอบฆ่ามาแล้วครั้งนึงถึงขนาดจำนาฬิกาของพ่อ Arno ได้ทันทีที่เห็นมันอีกครั้งในคุก ส่วนประเด็นการวางยาพิษประธาน  Mirabeau นั้นก็เกิดจากความไม่พอใจของ Bellec ที่มีต่อ Mirabeau ในเรื่องที่พยายามจะสงบศึกกับเทมพลาร์เพื่อช่วยประเทศให้พ้นกลียุคโดยเลือกที่จะช่วย Elise นั่นเอง

                                 -------------------------------------------------------------

                                          * Server Bridge * The Resistance 

ทันทีที่ภาพเริ่มเบลอๆจนอาจคิดว่าเป็นบั๊คจาก Ubisoft ซึ่งจริงๆมันคือ  อาการ Server Sweep เพราะทาง  บริษัท  Abstergo เริ่มตรวจพบการแฮกเข้าระบบและพยายามจะปิดมันอยู่อีกครั้ง  Bishop จึงรีบสั่งให้ Deacon เจ้าหน้าที่เทคนิค รีบเปิดเปิดทาง By pass เข้าสู่ Bridge Server เพื่อให้หนีออกมาก่อนจะถูกลบทิ้งเหมือนครั้งทีแล้ว จากนั้นก็รีบวิ่งไปโดดเข้าไปในอุโมงค์ทางเชื่อมระหว่าง Server ได้เลย 

                                             Occupied Paris ..... ปี ค.ศ. 1944




ทันทีที่ผ่าท่อระบายน้ำที่เปรียบเสมือน* Server Bridge * ทางเชื่อมระหว่าง Server ปลอมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้หนีออกจาก Server หลักที่แอบ Hack เข้าไป ก็จะออกมาที่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่ปารีสกำลังถูกยึดครอง เป้าหมายคือทางออกจาก Server นี้ที่ Bishop จะเปิดให้บนยอดหอ Eiffel ซึ่งก็ต้องพยายามปีนป่ายขึ้นไปให้ถึง โดยระหว่างก็ต้องเจอทั้งการยิงจากเรือเหาะของทหารเยอรมัน และการยิงโจมตีจากฝูงบินขับไล่อีกแต่ก็ยังดีที่มีปืนกลที่ติดอยู่บนราวไว้ยิงทำลายมันให้สะใจ  จากนั้นก็ปีนขึ้นไปจนถึงยอดของ หอคอย Eiffel เพื่อออกจาก  * Server Bridge *  ได้เลย

                          ............................................................................................  
                                         



                                                    SEQUENCE 8

Memory 1 - The King's Correspondence  

10 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1792 ...




เดินทางไปที่จุดรับภารกิจ  Arno เข้าไปพบสภาสูงของภาคีที่ยังเหลืออยู่ ทันทีที่ Arno โผล่เข้ามาทางสภาก็มอบงานหนักให้ทันที ทางสภาแจ้งว่าเมื่อคืนก่อน กองทัพของประชาชนได้ประกาศออกมาแล้วว่าแนวทางการต่อสู้ต่อไปของพวกเขาคือการล้มล้างระบบกษัตริย์ ซึ่งก็พูดง่ายๆคือจะมีคนเป็นหมื่นเป็นแสนคนจะมีเป้าหมายเดียวกันคือที่หน้าพระราชวัง Tuileries  และถ้าเกิดทหาร National Guard ทำให้กลุ่มคนที่ประท้วงอยู่โกรธแค้นขึ้นมาไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ฝรั่งเศสถูกฉีกเป็นชิ้นๆแน่ ถึงแม้การต่อสู้ของประชาชนจะเพื่ออิสรภาพ ภารดรภาพ แต่ สมดุลของอำนาจแห่งความเป็นที่ละเอียดอ่อนก็จะหายไปหมด  
และประเด็นสำคัญก็คือที่ผ่านมา Mirabeau ก็เคยมีการติดต่อกันทางลับกับทางราชวงศ์อยู่ ซึ่งมีข้อมูลสำคัญหลายอย่างของภาคีอยู่ด้วย และถ้ากษัตริย์ก็อปปี้จดหมายเอาไว้ และถ้าประชาชนบุกฝ่าเข้ามาในวังได้เมื่อไหร่ ถ้าจดหมายซึ่งเป็นข้อมูลในทางลับของภาคีเรานั้นถูกเปิดเผยต่อโลกภายนอก พวกเทมพลาร์ ก็มีหวังไล่กำจัดพวกของเราที่แฝงตัวอยู่ตามที่ต่างๆได้ค่อนประเทศแน่นอน  Arno จึงได้รับมอบหมายให้หาทางเข้าไปในวังแล้วทำลายจดหมายที่เป็นหลักฐานสำคัญของภาคีให้หมดโดยเร็วที่สุด 




- เมื่อมาถึงหน้าพระราชวัง Palais des Tuileries ....  "Long Live Revolution Long Live Nation " การปฏิวัติจงเจริญ ประเทศชาติจงเจริญ  เสียงตะโกนของประชาชนที่ประท้วงอยู่รอบๆ บ่งบอกแล้วว่าพวกเขาไม่เอาระบอบกษัตริย์ที่เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ยากของประชาชน ลานด้านหน้าวังนั้น กองกำลังติดอาวุธของประชาชน Garde Nationale จัดการทหาร  National Guard และยึดพื้นที่เอาไว้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ต้องดีใจแทนประชาชนไปเพราะยังไงพวกมันก็เห็น Arno เป็นศัตรูอยู่ดี

 ** Challenges **
- ทำลายระฆังเตือนภัยให้หมดทั้ง 3 จุด
-ใช้การฆ่าศัตรูจากที่กำบัง (Cover Kill) 3 คน

- จากนั้นเป้าหมายคือลอบเข้าไปในวังโดยจะมีหน้าต่างด้านหน้าของวังตรงนั่งร้านเปิดอยู่ที่ชั้น 2 ให้เข้าไปด้านในได้ จากนั้นก็ลอบจัดการทหารเข้าไปด้านในซึ่งเป็นทางเดินตรงๆจนถึงห้องด้านในสุดที่เป็นห้องทำงานของพระราชา



ในห้องทำงานของพระราชา Arno ได้เจอกับนายทหารยศนายพลคนนึงที่บุกเข้ามาก่อนหน้าซึ่งกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ แต่ดูเหมือนนายทหารคนนี้จะฉลาดพอที่จะดูจากการแต่งตัวของ Arno ซึ่งคงไม่ใช่ศัตรูแน่นอน แถมไม่ใช่เวลีท่เขาควรกังวลด้วยเพราะเป้าหมายของนายทหารคนนี้คือ เข้ามาค้นหา ข้อมูลลับของประเทศ  จดหมายส่วนตัว หรือแม้กระทั้งทรัพย์สินส่วนตัวบางอย่างถ้าจำเป็น ซึ่งดูเหมือนว่าเป้าหมายจะแก้เคียงกับ Arno ที่เข้ามาค้นหา จดหมายสำคัญที่พระราชาอาจซ่อนไว้ก่อนกลุ่มคนไม่พึงประสงค์จะมาเอามันไป นายทหารคนนี้เลยคิดจะช่วยกันหาโดยเขาจะตั้งประเด็นว่า มันควรจะมีเซฟลับอยู่ในห้องนี้แน่นอน 

- ใช้ Engle Eyes มองหาจุดสีเหลืองก็จะพบเซฟลับของพระราชา ซึ่งด้านในทั้ง Arno และนายทหารผู้นี้ก็สมหวังดังต้องการทั้งคู่ Arno เจอจดหมายความลับของภาคีและเผามันทิ้งได้สำเร็จทันเวลา ส่วนนายทารคนนี้ก็ได้ความลับของราชวงศ์ที่ต้องการไปเช่นกัน แต่ขณะนั้นพวกทหารศัตรูก็บุกเข้ามา นายทหารรีบหาทางเปิดประตูทางลับโยจะให้ Arno คอยต้านศัตรูเอาไว้ให้ จัดการศัตรูที่บุกเข้ามาจนกว่าเขาจะเปิดประตูลับได้ ทั้งคู่ก็จะหนีลงไปตามทางลับใต้ดินด้วยกัน แต่ขณะที่กำลังหนีเจ้า Rouille สายลับของเทมพลาร์คนสนิทของ Grand master ก็ตามเข้ามาเพื่อหาข้อมูลสำคัญ ซึ่งโชคดีที่ Arno เผามันไปแล้วและโชคร้ายที่ไม่มีโอกาสได้ฆ่ามันเพราะ นายทหารคนนี้ห้ามไว้เพื่อให้หนีกันไปก่อน

 ระหว่างทางที่ทั้งคู่หนีออกมาตามท่อระบายน้ำ นายทหารคนนี้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาชื่นชอบในฝีมือและมันสมองของ Arno จนถึงกับเสนอตำแหน่งให้อย่างใหญ่โตถ้าเข้าร่วมกับกองทัพของเขาถ้าแผนที่เขาจะทำนั้นสำเร็จลุล่วง ก่อนที่เขาจะแนะนำตัวเองว่าเขาเป็นนายทหารร้อยโทอยู่ในกองทหารปืนใหญ่ภายใต้กองกำลังของลาแฟร์ ชื่อของเขาคือ นโปเลียน โบนาปาร์ต  และถึงเขาจะอยู่ในฐานะทหารของกองทัพฝรั่งเศสแต่เข้ามาที่นี่ด้วยฐานะฝ่ายสังเกตการณ์ที่มีเป้าหมายของเขาเอง และย้ำให้ Arno ด้วยว่า ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าบอกใครว่าเขาเคยมีตัวตนอยู่ที่นี่ โดยแลกกับการหาตัว Rouille สายลับของเทมพลาร์ให้ ก่อนที่นโปเลียนจะแยกทางไปทันทีที่ทหารของเขามาถึง 

  

และไม่ว่า ตอนนี้ คุณจะรู้จักชายที่ชื่อ นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoléon Bonaparte ) คนนี้กันหรือไม่ ในอนาคตข้างหน้าชายผู้นี้ก็จะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงฝรั่งเศสในฐานะจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ให้คุณ ต้องจดจำ เขาไปตลอดกาลอยู่ดี ....!! 


Memory 2 - September  Massacres


  


เข้าไปที่จุดรับภารกิจ Arnoจะเข้าไปพบกับ นโปเลียน โบนาปาร์ต ที่ห้องทำงานตามที่สัญญากันไว้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Arno ตัดสินใจถาม นโปเลียน ถึงความเห็นเรื่องสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งก็โชคดีที่ นโปเลียน บอกถึงแนวคิดของตัวเองที่ว่า ." การปกครองจะทำไม่ได้ถ้าประชาชนมีชีวิตแค่ครึ่งเดียว " และ จะปกครองด้วยกองทัพที่กระหายเลือดก็ยิ่งไม่ได้เช่นกัน แน่นอน ใช่ เขาสนับสนุนประชาชนในการปฏิวัติครั้งนี้แบบเต็มร้อย นโปเลียน กำลังพูดถึงการแทรกแซงของพวกเทมพลาร์ โดยเจ้าสายลับที่ชื่อ Rouille ที่มันกับคนของมันกำลังปลุกปั่นยุยงให้เกิดนองเลือดมากขึ้น  จึงจำเป็นต้องหาทางหยุดมันให้เร็วที่สุดแต่เขาไม่สามารถเข้าถึงตัวพวกมันได้เลย และสิ่งที่ Rouille กับคนทำตอนนี้ก็คือ บุกยึดคุก Grand Chatelet มันกะจะฆ่านักโทษให้หมดเพื่อป้ายความผิดว่าเป็นการกระทำของทหาร แผนของ นโปเลียน ที่หวังจะให้ทหารเข้ายึดอำนาจโดยมีประชาชนหนุนก็ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน จึงต้องต้องยืมมือให้ Arno เข้าไปกวาดล้างพวกของ Rouille ก่อนที่จะสายไป

   



เมื่อ Arno เข้าไปถึงพื้นที่ที่หน้าคุก Grand Chatelet  Arno ก็จะเริ่มมองสถานการณ์โดยรอบก่อนลงมือปฏิบัติงานเพื่อประเมินสถนการณ์และหาตัวช่วยที่เหมาะสม สถานการณ์โดยรวมคือ
- พวกศัตรูกำลังจับทหารที่รักษาการณ์คุกเอาไว้ที่ด้านใน 1 จุด
- กลุ่มศัตรูยึดหอคอยสังเกตการณ์เอาไว้ได้แล้วอีก 1 จุด



เป้าหมาย สังหาร - Rouille
สถานที่ - อยู่บนลานประหารบนดาดฟ้าตึก  
เส้นทางสิ้นคิด  - ลุยขึ้นไปทางหลังแล้วโดดเข้าไปบู๊กับทหารจำนวนมากและป้อมปืนบนหอคอยแล้วฆ่าเป้าหมาย   
ตัวช่วย (จุดเครื่องหมาย ! ในกรอบสีขาว)
- ลอบเข้าไปช่วยทหาร Nation Guard ที่ถูกจับอยู่ด้านให้หมดเพื่อใช้พวกเขาเป็นกองหนุน   
- ลอบปีนขึ้นไปที่ธงตรงหอคอยสังเกตการณ์เพื่อเผาทำลายหอคอยและกลุ่มศัตรูด้านบนหอคอยให้หมด

** Challenges **
- ฆ่าศัตรูจากจุดกำบังตัว (Cover Kill) 3 คน
 - ฆ่าศัตรูจากระเบียง 3 คน

- เมื่อทำตามแผนตัวช่วยแล้ว สถานการของพื้นที่บนดาดฟ้าตึกก็จะปลอดโปร่งจนสามารถเข้าไปถึงตัวของป้าหมายคือ Rouille ที่กำลังแขวนคอนักโทษเล่นทีละคนบนดาดฟ้าได้ โดยสามารถปีนขึ้นหอคอยจากด้านนอก หรือ เข้าไปตามทางใต้ท่อระบายน้ำจากจุดแรกของภารกิจตรงจุดที่โดดลงกองฟางจะมีทางเข้าท่อระบายน้ำที่สามารถเข้าไปโผล่ที่ชั้นล่างของหอคอยคุกได้ จากนั้นก็ค่อยลอบขึ้นไปจนถึงบนดาดฟ้าก็จะถึงตัวเป้าหมายได้เช่นกัน  ส่วนวิธีที่จะจัดการสังหาร Rouille อย่างแนบเนียนนั้น

         

 วิธีตายตัวไม่มี ที่มีก็แค่จุดซ่อนตัวที่เป็นตู้อยู่รอบๆลานประหารที่มันอยู่เท่านั้น แถมตัวมันยังไม่คิดจะเดินไปไหนอีกด้วย การลอบจัดการทหารรอบๆตัวมันทีละคนแล้วล่อมันมาที่จุดซ่อนตัวคือวิธีเดียวที่จะจัดการมันได้ แต่จะแนบเนียนหรือไม่อันนี้ขึ้นอยู่กับเนียนของแต่ละคน  และ เมื่อจัดการสังหารมันได้แล้วก็อย่ามัวสำรวจนานเพราะทหารจำนวนมากจะเริ่มเข้าพื้นที่แบบไม่มีเหตุผลอย่างต่อเนื่อง ( เสมือนมันอยากจะไล่ให้ออกจากพื้นที่ไวๆประมาณนั้น ) รีบหนีออกจากพื้นที่ที่ยังมีโอกาสได้เลย




และทันทีที่มัดฝั่งร่างลงที่เลือดเนื้อของ Rouille ก็ทำให้ Arno ได้รับความทรงจำบางช่วงมาจากมันมา ..เจ้า Rouille ถึงแม้จะอยู่ระดับหทารปฏิบัติการณ์ แต่เขาก็ได้เข้าประชุมในทุกครั้งที่มีปัญหาเหมือนกัน และทุกครั้งเขาก็ได้เห็น Grand Master De La Serre มักจะมีปัญหาถกเถียงต่อที่ประชุมของเทมพลาร์อยู่เสมอ แถม De La Serre ก็มักที่จะแสดงออกทุกครั้งที่เขาพยายามจะเข้าไปพุดคุยด้วย แต่ ความน่าเวทนาของ เจ้า Rouille กลับอยู่ในสายตาของชานลึกลับคนนึงที่เข้ามาพูดถึงเรื่องที่อยากทำให้ปารีสดีกว่าที่เป็น ด้วยการส่งเข็มพิษให้กับ Rouille เอาไว้จัดการคนที่พึงประสงค์ให้พ้นทาง 

      

อีกด้านก็จะเห็น เจ้า Rouille ได้รู้พิกัดของสถานที่คือ Palais du Luxembourg มาจากชายคนนึงที่เขากำลังเค้นความลับก่อนที่ La Touche จะสั่งให้เขาโยนมันลงจากหน้าต่างของโรงแรมไป ซึ่งสถานที่นี้ได้โยงไปถึงความทรงจำที่ Rouille เคยเข้าไปร่วมคุยกับ Grand master ที่ห้องเก็บไวน์ในโรงแรมด้วย มันเผยให้รู้ถึงแผนต่อไปของพวกมันที่เกี่ยวกับการส่งสินค้าบางอย่างทางเรือโดยการควบคุมการทำงานของ Marie Levesque สายลับคนสุดท้ายของกลุ่มที่ร่วมพูดคุยในวันนั้นด้วย 




10 สิงหาคม ค.ศ. 1792 ... ฝูงชนจำนวนหนึ่ง และกองกำลังป้องกันชาติแห่งกรุงปารีสได้พากันไปที่พระราชวังตุยเลอรี่  เกิดการปะทะกับทหารรับจ้างชาวสวิส  มีผู้เสียชีวิต 800 คน ทหารรับจ้างชาวสวิสประมาณ 1,000 คน จนพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ต้องเสด็จไปหลบภัยในสภาสมัชชาแห่งชาติเพื่อเอาตัวรอด





วันที่ 22 สิงหาคม ปี ค.ศ.1792 ประเทศฝรั่งเศสออกประกาศสถาปนาสาธารณรัฐครั้งที่หนึ่งพร้อมยกเลิกระบอบกษัตริย์


                                                             SEQUENCE 9

Memory 1 - Starving Times

31 ตุลาคม  ปี ค.ศ. 1792 ... LE MARAIS 




- เดินทางเข้าไปที่จุดรับภารกิจ Arno จะเข้าไปหา Elise เพื่อถามถึงของมูลเกี่ยวกับ พ่อค้าเมล็ดข้าว ตามข้อมูลดิบๆที่เขาได้รับมาว่าสายอีกคนของเทมพลาร์ที่ชื่อ Marie Levesque จะเป็นคนดูแลเรื่องการขนส่งของด้วยตัวเองแสดงว่าในต้องมีแผนกักตุนยินค้าแน่นอน  Elise จึงเสริมสิ่งที่เธอรู้เพิ่มว่า ตระกูล Levesque นั้นเป็นเทมพลาร์มาตั้งแต่ยุคสงครามครูเสดแล้ว และที่ผ่านมา  Marie เป็นคนเดียวที่ลุกขึ้นมาโต้เถียงในเรื่องการเนรเทศ นายช่าง Garmain ออกนอกประเทศ  ก่อนที่ Elise จะบอกว่าเรือสินค้าที่ว่าน่าจะอยู่แถวๆท่าเรือของ Hotel De Villa Arno จึงรีบไปตรวจสอบที่นั่นทันที

** Challenges **
- ตามเรือไปโดยห้ามตกน้ำ
- ห้ามทำให้ศัตรูตีระฆังเตือนภัย 

-  เดินทางตามจุดเป้าหมายสีเขียวจนมาถึงท่าเรือเป้าหมายก็จ็จะเห็นเรือสินค้าลำนึงไม่ยอมจอดที่ท่าเรือตามปกติ Arno จึงรีบตามไปดูทันที วิ่งตามเรือสินค้าไปตามฝั่งเรื่อยๆอย่าให้ทิ้งระยะห่างมากจนถึงที่หมายที่ท่าเรือส่วนตัวในบริเวณสะพานอีกฝั่งของแม่น้ำ Arno ก็จะเห็น Marie ออกมาตรวจความเรียบร้อยของสินค้ากับกัปตันเรือ ก่อนที่จะได้ยินเธอกำชับเรื่องกระดาษที่ระบุคำสั่งและแผนการให้ทำตามโดยเคร่งครัด



 ทำให้ Arno ต้องลอบเข้าไปเพื่อขโมยใบสั่งงานนั่นเพื่อที่จะได้รู้เป้าหมายของ Marie จากนั้นก็ลอบเข้าไปท่าเรือเป้าหมายคือ ขโมย เอาใบคำสั่งที่อยู่กับกัปตันเรือที่อยู่ท่าเรือมาให้ได้ ซึ่งจริงๆถ้าขี้เกียจก็ไม่ต้องลอบเข้าไปขโมยให้ยุ่งยาก เข้าไปตัดระฆังเตือนภัยซะก่อนจากนั้นก็ลอบฆ่ามันไปทีละคนรวมทั้งกัปตันเรือเป้าหมายแล้วค่อยค้นศพเอาบันทึกมาก็ได้ เสร็จแล้วก็หนีออกจากพื้นที่ได้เลย และจากบันทึกคำสั่งที่ได้มาก็ทำให้ Arno รู้ถึงสถานที่ที่มันจะปฏิบัติการณ์กันซึ่งก็คือที่  Palais du Luxembourg นั่นเอง

Memory 2 - Hoarders

เดินทางมาที่จุดรับภารกิจรูป ! Arno จะเข้ามาคุยกับ Elise ถึงเรื่องข้อมูลที่ได้มา ซึ่งก็เป็นไปตามคาดแผนที่ Marie ได้รับมาจากนายใหญ่ของเธอก็คือ แผนกักตุนสินค้า เมล็ดข้าวจำนวนมหาศาลจะถูกนำมาเก็บไว้ที่โรงแรม Palais du Luxembourg โดยไม่ปล่อยออกสู่ตลาด เพื่อทำให้ประชาชนที่กำลังอดอยากหิวโหย จนต้องออกมาประท้วง โทษราชวงศ์ว่าเป็นคนกักตุนอาหารของพวกเขา ซึ่งจำทำให้การประท้วงยกระดับขึ้นจนอาจเกินจะควบคุม Elise จึงยกหน้าที่และเป้าหมายการสังหาร Marieให้กับ Arno จัดการทันที




เมื่อเข้าไปถึงพื้นที่เป้าหมายที่พระราชวัง Palais du Luxembourg   Arno ก็จะเริ่มมองสถานการณ์โดยรอบก่อนลงมือปฏิบัติงานเพื่อประเมินสถนการณ์และหาตัวช่วยที่เหมาะสม สถานการณ์โดยรวมคือ 
- พวกศัตรูกำลังจับรถม้าที่กำลังขนดอกไม้ไฟที่หน้าประตูฝั่งขวาของอาคาร  1 จุด
- หญิงสาวที่ยืนคุยกับแฟนหนุ่มที่โดนจับอยู่คุกหน้าทางเข้าด้านหน้า 1 จุด 



เป้าหมาย สังหาร - Marie Levesque
สถานที่ - ภายในตึกชั้น 2 ของวัง   
เส้นทางสิ้นคิด  - ลอบเข้าไปแล้วมองหาเป้าหมายที่พื้นทีสีเขียวให้พบแล้วฆ่าเป้าหมายเลย (บอกเลยว่าลำบาก)   
การฆ่าอย่างมีสไตล์ - นั่งรอตรงที่นั่งริมหน้าต่างที่มีการจุดดอกไม้ไฟที่ชั้น 2  ของด้านหลังวัง
ตัวช่วย (จุดเครื่องหมาย ! ในกรอบสีขาว)
- เข้าไปจัดการกับศัตรูที่กำลังจับรถขนดอกไม้ไฟที่หน้าประตูฝั่งขวาของวัง เพื่อช่วยคนขับรถม้าให้เดินทางต่อได้
- ลอบเข้าไปขโมยกุญแจจากหัวหน้าทหารที่เดินไปมาที่สนามด้านหน้า หรือ จะใช้ Lock pick ไข ในการประตูคุกด้านหน้ารั้วเพื่อช่วยคนที่ถูกขังให้หมด 

** Challenges **
- ช่วย Thomas Levesque ออกมาจากที่คุมขัง (อยู่ในห้องขังบนตึกชั้น 3 ต้องไขกุญแจ Lock Pick เปิดให้เขาออกมา) 
 - ห้ามทำให้ศัตรูตีระฆังเตือนภัย

- เมื่อทำตามตัวช่วยที่มีทั้งหมดแล้ว พวกนักโทษที่ถูกปล่อยออกมาก็จะมาก่อความวุ่นวายที่ด้านหน้าอาคารทำให้สามารถลอบเข้าไปได้ง่ายขึ้น (ในกรณีทีอยากจะเข้าในอาคารเพื่อเก็บ Creed Point จากการฆ่าศัตรู ) ก่อนเข้าไปนั้นต้องบอกก่อนว่า ภายในอาคารนั้นส่วนใหญ่มีแต่ศัตรูระดับสูงตั้งแต่ 4 - 5 ดาวเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะบอดีการดของเป้าหมาย พวกมันนอกจากจะอึด การ์ดเก่งแล้วยังมีระเบิดแสงใช้ตลอด การลอบเข้าไปจนถึงการฆ่าเป้าหมายจึงต้องใช้ความระวังเป็นพิเศษ
แต่ก็มีเส้นทางง่ายๆที่แทบไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากอยู่ นั่นก็คือการเกาะพนังตึกจากทางฝั่งด้านนอกทางด้านขวาไปเรื่อยๆ ทางตึกด้านตะวันออกจะมีหน้าต่าง ชั้น 3 เปิดอยู่ (ใช้ Engle Eyes มองดูก็จะเห็นคนสีฟ้าๆอยู่ในห้อง) ที่สามารถเข้าไปช่วย Thomas Levesque ออกมาโดยไม่ต้องเปลือง Lock Pick ในการไขประตูหลายบาน
- จากนั้นก็ออกมาเกาะกำแพงด้านนอกตึกทาฝั่งขวาต่อจนมาถึงด้านหลังของตึก ซึ่งตัวช่วยที่เคยช่วยคนขับรถม้าขนดอกไม้ไฟก็จะทำงาน เพราะจะมีการจุดดอกไม้ไฟที่ด้านหลังตึก ที่จะมีแขกในงานเลี้ยงสนใจมาดูมากมายร่วมทา มาดาม Levesque ที่เป็นเป้าหมายด้วย หน้าต่างชั้น 2 ของหลังตึกก็เปิดอยู่ ด้านในมีจุดแฝงตัวกับคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้วย เข้าไปแฝงตัวตรงจุดนั้น แล้วรอให้ Marie เดินผ่านมาก็ลุกขึ้นไปเสียบเธอได้เลย



ทันทีที่มัดฝั่งร่างลงที่เลือดเนื้อของ Marie ก็ทำให้ Arno ได้รับความทรงจำบางช่วงมาจากเธอมา ... ในวันตัดสินโทษนายช่าง François Thomas Germain ในความผิดที่ก่ออาชญากรรมมากมายกับเหล่าเทมพลาร์ De La Serre ในฐานะ Grand master จึงตัดสินที่จะเนรเทศเขา ซึ่งความเป็นคนสื่อสัตย์ยุติธรรมไม่ว่ามิตรหรือศัตรูของ De La Serre นั้นถูกหลายๆคนในภาคีไม่ค่อยพอใจ รวมทั้ง Marie ด้วย จนกระทั้งชายในชุดผ้าคลุมดำเข้ามาขอให้เธอช่วยเหลือ เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตและทิศทางของเทมพลาร์ให้เปลี่ยนไปจากการนำของ De La Serre เธอจึงร่วมด้วยในฐานะสายลับทันที และสายอีกคนของพวกมันที่ปรากฏภาพออกมาในการประชุมของพวกมันก็คือ Louis Michel Le Peletier ขุนนางระดับสูงหนึ่งในองค์คณะของสภาร่างรัฐธรรมนูญ นั่นเอง 

- ปัญหาจะอยู่ที่การหลบหนีออกจากตึกเพราะหน้าต่างตรงหน้าที่เข้ามาดันปิด  จึงต้องรีบหนีลงมาชั้นล่างแทน พยายามใช้ระเบิดควัน ระเบิด Stun ในการหลบหนี ออกมาให้เร็วที่สุดอย่าฝืนสู้เพราะทหารมันจะมาเยอะมาก ท่ามกลางความวุ่นวายก็จะเห็นจุดเขียวขึ้นอยู่หลายจุดซึ่งนั่นคือทางที่ออกได้นั่นเอง หนีออกตึกแล้วรีบหนีจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดก็พอ

Memory 3 - The Escape 

เดินทางมาที่จุดรีบภารกิจ ทันทีที่ Arno มาถึงก็พบ Elise กำลังหนีทหารกลุ่มใหญ่ที่กำลังไล่ตามเธอมาทันที และยังไม่ได้ทันได้อธิบายอะไรกัน Arno ก็ต้องหนีตาม Elise จากกองทหารที่เธอพามา อีกด้านของตึกมีนักวิทยาศาสตร์กำลังแนะนำให้รู้จักนวตกรรมชิ้นใหม่ของเขา บอลลูน ที่สามารถลอยและเดินทางบนฟ้าได้ Elise จึงรีบคว้ามาทดสอบการใช้งานทันที

- ระหว่างที่ Elise รออยู่ จัดการตัดเชือกที่ผูกบอลลูนไว้ให้หมด 3 จุดแล้วบอลลูนก็จะลอยขึ้นด้านบนไปพร้อม Elise ทำให้ Arno ต้องวิ่งตามเธอต่อทันที จากนั้นก็วิ่งตามบอลลูนไปบนหลังคาให้ติดๆ จนมันไปติดอยู่บนยอดโบสถ์ ทันทีที่ Arno ปีนขึนไปเกาะเชือกได้ แรงเหวี่ยงก็ทำให้เขาตกลงมาด้านล่างอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องทำให้ตามต่ออีกยก

** Challenges **
- ตามบอลลูนโดยห้ามลงพื้น
- ตามบอลลูนโดยห้ามออกนอกเส้นทาง

- การวิ่งตามบอลลูนรอบ 2 จะต้องทำเวลาหน่อยเพราะถ้าช้าไปนิดเดียวก็จะไม่ทันบอลลูนที่อยู่ที่ตึกปลายทางทันที การวิ่งจึงต้องทำแบบเปะๆ เช่นเมื่อเจอหน้าต่างที่ต้องเข้าก็ต้องเขาถ้าใช้การปีนข้ามก็ทำได้แต่สุดท้ายแล้วก็จะไม่ทัน สรุปว่าต้องพยายามวิ่งไปในเส้นทางที่กำหนดซึ่งจะทำให้เร็วพอที่จะไปทันตามกำหนดเท่านั้น

ทันทีที่ตามบอลลูนทัน ทั้งคู่ก็ว่างพอที่จะสังเกตว่าวิวของเมืองที่แสนจะวุ่นวายนี้มันกลับสวยงามกว่าที่เคยเห็นถ้ามองจากบนนี้  ในเมื่องบรรยากาศเป็นใจ Arno จึงเริ่มที่จะพูดเปิดใจทันที 





Arno - เอ่อ. เธอเคยคิดบ้างมั๊ยว่า มันจะมีทางมั๊ยที่เราจะกลับไปเป็นแบบเดิมเหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่องบ้าๆพวกนี้น่ะ
Elise - แล้วนายล่ะ หลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้น ทุกอย่างที่เราสูญเสียไป 
Arno - โอเค ถ้างั้น ..มันก็เหมือนช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง มันก็เหมือนกับชีวิตเรา  
Elise - ซึ่งถึงแม้เราจะกลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตของเราไม่ได้ แต่เราสามารถเดินหน้าต่อไปจนจบได้ จริงมั๊ย
Arno - ผมรักคุณน๊ะ Elise ...





                                                            SEQUENCE 10

Memory 1 - A Dinner Engagement   

20 มกราคม  ปี ค.ศ. 1793 ... พระราชวัง  Louvres 

- เดินทางมาที่จุดรับภารกิจ  Arno จะเข้ามาบอกข้อมูลที่เขารู้มาเพิ่มเติมว่า สายลับที่แฝงตัวของ Grand master คนที่วางแผนฆ่าพ่อของ Elise นั้นคือ Louis Michel Le Peletier ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์คณะของสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ทีสิทธิ์ออกเสียงในทุกกสนโหวตสำคัญๆของประเทศ แต่ก็เหมือนจะโชคช่วยที่ทั้งคู่ได้เจอกับ เจ้าเกย์ Marquis de Sade ที่กำลังนั่งจดบันทึกอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ลานน้ำพุ ซึ่งอาจจะต้องทนวาทะที่แสนกวนบาทาของมันหน่อยแต่ด้วยความรู้มากของมันทำให้รู้ว่า อยู่ที่ Cafe สุดหรูของพวกนักการเมืองที่อยู่ใกล้ๆกับทำเนียบ Le Palais Royale นั่นเอง




เมื่อเข้าไปถึงพื้นที่เป้าหมายที่พระราชวัง ทำเนียบ Le Palais Royale Arno ก็จะเริ่มมองสถานการณ์โดยรอบก่อนลงมือปฏิบัติงานเพื่อประเมินสถนการณ์และหาตัวช่วยที่เหมาะสม สถานการณ์โดยรวมคือ 
- รถขนไวน์ที่กำลังเอาเข้าไปส่งในบาร์ของทำเนียบ  1 จุด
- สาวใช้คนดูแลห้องของ Le Peletier  1 จุด 

  

เป้าหมาย สังหาร - Louis Michel Le Peletier
สถานที่ - ภายในตึกชั้น 2 ของวัง ในส่วนของบาร์เครื่องดื่ม  
เส้นทางสิ้นคิด  - ปีนเข้าไปทางหน้าต่างของชั้น 2 แล้วลอบเข้าไปที่บาร์แล้วฆ่าเลย    
การฆ่าอย่างมีสไตล์ - วางยาพิษในไวน์ที่มันกำลังจะดื่ม 
ตัวช่วย (จุดเครื่องหมาย ! ในกรอบสีขาว)
- ฝั่งซ้ายของสวนหน้าวัง จะมีรถขนไวน์จอดอยู่ ลอบเข้าไปขโมยมันมาซะ 
- ฝั่งขวาของสวนหน้าวัง ตรงมุมขวาบนของแผนที่คุยกับสาวใช้ประจำห้อง Le Peletier ให้เงินเธอ 4000 เธอจะสั่งลูกน้องให้เปิดหน้าต่างห้องของ  Le Peletier ให้ 

** Challenges **
- ทำให้ทหารตัวใหญ่ (Brutes) บ้าคลั่งด้วยกระสุน Berserk 2 คน
- ฆ่าศัตรูพร้อมๆกัน 2 คนให้ได้  4 คน

- เมื่อทำตามเงื่อนไขตัวช่วยแล้ว ก็ปีนเข้าหน้าต่างห้องตรงที่สาวใช้อยู่จะเข้ามาที่ทางเดินเข้าไปที่บาร์ที่ใกล้ที่สุด จากนั้นลอบจัดการทหารตรงทางเดินให้หมดจนถึงหน้าบาร์เครื่องดื่มสุดทางเดิมซึ่งก็จะพบ Le Peletier นั่งอยู่กลางห้องพร้อมทหารอารักขามากมาย  ทางที่จะเนียนที่สุดก็คือ ใช้ Skill ปลอมตัว (ต้องอัพจาก Skill Stealth มาก่อน ) แล้วเดินผ่านพวกทหารไปจนถึงบาร์เครื่องดื่มที่มีเครื่องหมาย ! อยู่ จัดการเอาไวน์ที่ใส่ยาพิษไปวางไว้แล้วเข้าไปที่ครัวด้านหลัง รอให้คนเอาไปเสริฟให้ Le Peletier ดื่ม ไม่นานมันก็จะเริ่มออกอาการแล้วจะเดินเข้ามาที่ครัวด้านหลัง จากนั้นก็จัดการฆ่ามันได้อย่างเนียนๆได้เลย




      

หลังจากที่มีดของ Arno ทิ่มแทงเข้าร่างของ Le Peletier เขาก็ได้รับรู้ความทรงจำส่วนนึงของมันมา ... Le Peletier นั้นได้รับคำสั่งและแนวทางจาก Grand master ของมัน ให้ทำตามแผนที่จะทำให้เสียงโหวตในการตัดสินว่าจะให้ประหาร พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในข้อหา ทรราชของแผ่นดิน ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วัน เป็นผล ซึ่ง Grand master นั้นต้องการให้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ถูกประหาร เพื่อให้โลกเห็นว่า คำสาปแช่ง Jacques de Molay Grand master  คนสุดท้ายของเทมพลาร์จากยุคอดีตสาปแช่งไว้ก่อนตายนั้น เป็นความจริง ! ซึ่งแผนก็สำเร็จตามนั้นเมื่อ Le Peletier ใช้สิทธิ์ออกเสียงให้คะแนนที่กำลังเสมอกันอยู่ครึ่งต่อครึ่ง ทำให้มติที่จะประหาร พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 มกราคม นี้ทันที ..  

 



Memory 2 - The Execution    

  
21 มกราคม  ปี ค.ศ. 1793 ...พิธีประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 (Execution of Louis XVI)


        






- เข้าไปที่จุดรับภารกิจเพื่อพบกับ Elise หลังจากที่รู้แล้วว่า สายของเทมพลาร์นั้นชักใยและมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลักดันให้งานประหารเจ้าหลุยส์ที่ 16 นั้นเกิดขึ้น  ซึ่งทั้งคู่จึงมั่นใจว่า Grand master ลึกลับที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงแนวทางของเทมพลาร์ให้เป็นไปตามอดมดติของตนเอง ซึ่งจากภาพความทรงจำของสายทั้งหมดของพวกมันก็ทำให้รู้แล้วว่า มันก็คือ นายช่างทำเครื่องเงิน François Thomas Germain จะต้องไปที่งานนั่นแน่นอน



เป้าหมาย สังหาร - François Thomas Germain
สถานที่ - ยืนอยู่ในซุ้มดานหลังลานประหาร 

** Challenges **
- ฆ่าพวกสไนเปอร์ 2 คน
- ใช้ระเบิด Stun กับศัตรู 5 คน

- งานนี้ไม่มีทั้งตัวช่วยและหลักการฆ่าใดๆทั้งสิ้น แต่ก็มีทางที่สะดวกสุดที่จะเข้าถึงตัว Germain ที่อยู่ด้านหลังลานประหาร โดยทางซ้ายของลานประหารจะมีท่อระบายน้ำที่สามารถมุดลอดเข้าไปได้อยู่ ซึ่งจะสามารถมุดขึ้นไปโผล่ด้านหลังของลานประหารที่ Germain อยู่พอดี แต่ต้องมีแผนในการเคลียร์พวกทหารที่เฝ้าอยู่ให้หมดให้ดีๆด้วยเพราะมันมีจำนวนไม่น้อย แต่เมื่อลอบเข้าไปจนจะถึงตัวมันแล้ว ทหารมากมายก็ออกมาล้อมทำทัน ซึ่งก็แปลว่า Arno ติดกับดักของ Germain ซะแล้ว







Germain - ว่าไง  Arno.. อะไรน๊ะ ที่ทำให้เจ้ามาเป็นพยายานในก้าวแรกของวันกำเนิดใหม่ของเหล่าเทมพลาร์นี้ได้  
Arno - คุณ De La Serre
Germain - อ่อ ข้าก็บอกเขาแล้วว่า เทมพลาร์ยุคปัจจุบันมันเละเทะ คอรัปชั่น กันจนหลุดออกจากเส้นทางดั่งเดิมที่เป็นมาไปไกลมากแล้ว
Arno - ด้วยการฆ่าคนที่ไม่เห็นด้วยให้พ้นทางใช่มั๊ย ! Culmination 
Germain - การตายของ De La Serre มันแค่ก้าวแรกของความสำเร็จที่กำลังจะตามมา อย่างที่เจ้ากำลังจะเห็น กษัตริย์กำลังจะกลายเป็นแค่สัญลักษณ์ ซึ่ง สัญลักษณ์ มันก็ก่อให้เกิดความกลัว และความกลัวมันก็ทำให้โดนควบคุมได้ง่าย มันเลยเลี่ยงไม่ได้ที่คนมักจะกลัวที่จะสูญเสียสัญลักษณ์ที่เขายึดถือไป และก็อย่างที่ Jacques de Molay ท่านผู้ของเราในยุคอดีตเคยบอกไว้  กษัตริย์จีทำอะไรได้ถ้าขาดซึ่งทรัพย์สมบัติ มงกุฎ ราชวัง ก็เป็นแค่ผงธุลี ใครควบคุมเงินได้คือผู้กำหนดอนาคต.....  de Molay ข้าล้างแค้นให้ท่านได้แล้ว .....

                 



และแล้ว Germain เทมพลาร์ที่แก่กล้าไปด้วยอุดมคติแท้ ก็ทำให้ คำสาปจากปาก Jacques de Molay ตั้งแต่ปีค.ศ. 1314   ที่สาปแช่งพระเจ้าฟิลิปที่ 4 ที่เผาเขาทั้งเป็นว่าให้ตระกูลที่มาจากเลือดแท้ของเขาต้องคำสาปไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานถึง 13 ชั่วโคตรเป็นความจริงขึ้นมา  พระเจ้าหลุยส์ถูกปลงพะชนม์ด้วยเครื่องกิโยตีน เพราะทรงถูกกล่าวหาว่า ทรยศต่อชาติ และจยสิ้นระบบกษัตริย์อย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา ..

  



หลังพูดจบไปพร้อมกับการประหารกษัตริย์เสร็จสิ้น Germain ก็สั่งทหารให้รุมโจมตี Arno ทันทีก่อนที่มันจะขึ้นระม้าหนีไป โชคดีที่ Elise ออกมาช่วยสู้ เธอพยายามบอกให้ Arno รีบตาม Germain ส่วนเธอจะต้านพวกทหารเอาไว้ให้ แต่ Arno ยืนยันว่าจะไม่ยอมที่จะทิ้งเธอให้ตายที่นี่ Elise จึงโกรธมากแล้วรีบวิ่งตามไปเองทันที 

- จากนั้นก็ลุยตาม Elise ไปแล้วคุ้มครองเธอจากพวกทหารระหว่างที่จะเข้ามาโจมตีจนถึงสุดทาง

  

ทันทีที่ตาม Germain ไม่ทัน Elise จะโกรธมากที่ Arno ไม่ยอมตามมันไป Arno เองก็พยายามยืนยันว่าเขาไม่มีวันยอมทิ้งให้ Elise ตาย เพื่อวิ่งตาม Germain ไปแน่นอน แต่มันกลับทำให้ Elise โกรธอย่างมาก เธอว่า Arno ห่วงแต่ชีวิตตัวเองจนลืมเป้าหมายในการ แก้แค้น ให้พ่อของเธอ ทำให้ Elise ตัดความสัมพันธ์กับ Arno อีกครั้งทันที ..!




         

ในปี ค.ศ.1793 ..... หลังจากสิ้นสุดยุคกษัตริย์ การประหารกษัตริย์ได้ทำให้เกิดการต่อต้านของฝ่ายอิสระหรือฝ่ายที่อิงระบอบเก่าจนเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นไปทั่ว จน ฝรั่งเศสก็เริ่มเข้าสู่ยุคที่เรีบกว่า ยุคน่าสะพึงกลัว (Reign of Terror) โดยการปกครองที่แสนเหี้ยมโหดของ โรเบสปิแอร์ (Robespierre)

                               


 ทันทีที่ได้ครองอำนาจ วันที่ 16 ตุลาคม รัฐบาลใหม่ก็ลงมติให้ปลงพระชนม์พระนาง มารี อังตัวเนตต์ ด้วยกิโยตีนเหมือนกับสวามีของเธอ





                                                  Council Debriefing 





ทันทีที่เดินทางมาที่จุดเป้าหมายของภารกิจซึ่งก็คือสภาสูงของภาคีที่ฐานลับ หลังจากที่ Arno ทำให้ภารกิจที่ลานประหารล้มเหลวจากการเลือกที่จะช่วย Elise จนทำให้เป้าหมายคนสำคัญหนีไปได้ ทางสภาสูงที่เหลืออยู่จึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องออกเสียงโหวตเพื่อตัดสินให้ Arno พ้นจากความเป็น Assassin ของภาคีนักฆ่า ด้วยคะแนนเสียงจาก Master Trenet ,  Beylier และ Quemar ที่เป็นเอกฉันท์ แม้ Arno จะพยายามแก้ตัวหรืออธิบายถึงเหตุผลที่เขาต้องทำยังไงก็ตาม




                                                            SEQUENCE 11

Memory 1 - Bottom of the Barrel 

4 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1793  .... Versailles 




Arno ลืมตาสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งในสภาพของขี้เมาหย้ำเปเหมือนก่อนที่เขาจะเป็นนักฆ่าของภาคี เสียงานที่เปี่ยมไปด้วย ศรัทธา แถมความรักก็ยังต้องหลุดลอยเพราะความไม่เข้าใจ Arno ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าควักนาฬิกาที่พ่อทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้ามาดูเพื่อปลอบประโลม ..แต่ นาฬิกาของสำคัญก็ดันหายไปในตอนที่เขาเมาเช่นกัน ... และทันทีที่เห็นถึงไวน์จากร้าน Brasserie garceau กืทำให้ Arno ต้องลองนึกดูว่าเมื่อคืนเขาไปเมาจนทำตกหายที่ไหน

** Challenges **
- ใช้ระเบิดพลุ Cherry Bomb ในการล่อศัตรู 4 คน
- ใช้แก็สพิษในการฆ่าศัตรู

- ในห้วงความนึกคิดของอดีตนักฆ่าที่กำลังเมาค้าง..  12 ชั่วโมงก่อนหน้าที่ Arno กำลังเมาหนักแต่ไวน์และเงินหมดซะแล้ว เขาจึงมีแผนที่จะหาขโมยไวน์มาดับอารมณ์ต่อ ภารกิจขี้เมาตามหานาฬิกาก็เริ่มขึ้นทันที จากนั้นก็ลอบเข้าไปตามทางที่จุดหมายสีส้มขึ้นมาเพื่อเข้าไปขโมยไวน์ที่ชั้นบนของร้าน
- ทันทีที่นึกออก Arno ก็ตรงไปที่ร้านเหล้านั้นทันทีเพื่อลองหาดู แต่ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นหน้าเขาก็เอือมระอาขึ้นมาทันที เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา Arno เมาเละจนอาละวาดไว้เยอะ Arno จึงลองนึกต่อในตอนที่เขาอาละวาด ที่ต้องสู้กับทหารกลุ่มนึงที่เข้ามากินเหล้าในร้าน จนสุดท้าย Arno ก็โดนรุมอัดจนสลบและถูกหัวหน้าทหารขโมยเอานาฬิกาไป หลังจากจำได้แล้วเขาก็พบทหารในคืนนั้นเมาค้างอยู่ในร้านทันที ก่อนที่มันจะวิ่งหนีจนต้องวิ่งตามจนตระครุบจับจนได้ Arno ขู่ถามจนได้ความว่าหัวหน้าของมันอยู่ที่พระราชวัง Versailles
-  Arno จะตามมาที่ พระราชวัง Versailles ที่ตอนนี้หลังจากหมดยุคของกษัตริย์ที่นี้ก็กลายเป็นวังร้างที่พวกทหารเข้ามารื้อค้นหาสิ่งของมีค่าเต็มไปหมด แต่สำหรับ Arno เสมือนกับเป็นความบังเอิญที่นาฬิกาเรือนนี้เขาก็ได้มาจากพ่อของเขาพร้อมโศกนาฏกรรมจากที่นี่เช่นกัน จนเงาจางๆของความทรงจำจะอยู่แทบทุกที่เขาเดินผ่านไป เป้าหมายคือลอบเข้าไปในพื้นที่สีเขียวแล้วใช้ Engle Eye มองหาเป้าหมายสีเหลืองที่เป็นหัวหน้าทหารเพื่อเข้าไปฆ่าหรือขโมยเอานาฬิกากลับคืนมา

แต่ทันทีที่เข้าไปค้นตัวเป้าหมาย Arno ก็ยิ่งกลุ้มหนักเพราะนาฬิกาก็ไม่ได้อยู่ในตัวนายทหารคนนี้เหมือนกัน ในขณะที่กำลังเครียด คนที่ยืนนาฬิกาให้ก็คือ Elise ที่ตามหามาให้จนเจอ 

  

Elise - โทรมเลยน๊ะ
Arno - ต้องการอะไรจากข้าอีกล่ะ
Elise - นั่นดีที่สุดที่จะพูดหลังจากที่หายหัวไปน่ะหรอ 
Arno - แล้วจะให้ข้าพูดยังไงล่ะ Elise ข้าขอโทษที่ข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้าตาย ขอโทษที่ข้าคิดถึงเจ้ามากกว่าตามฆ่า Gemain หรอ ข้าคิดถึงแต่เจ้า แล้วก็ไม่เคยลืมความจริงที่ความสับเพร่าของข้าที่ทำให้พ่อเจ้าต้องตาย แล้วพอพยายามจะแก้ไขมันก็เละเข้าไปอีก ...แล้ว ที่เจ้ามานี่มีอะไรหรือเปล่า
Elise - เพราะปารีสกำลังร่ำร้องนะสิ ตั้งแต่ Germain เริ่มปฏิรูปครั้งใหญ่ ความชั่วร้ายใหม่ๆก็เริ่มก่อตัวขึ้นเช่นกัน แท่นกโยตินวางเกลื่อนทั่วเมืองไปหมด 
Arno - แล้วเจ้าหวังว่าข้าจะทำอะไรได้ 
Elise - Arno ที่ชั้นรักไม่เคยตั้งคำถามแบบนั้น เพราะเขาทำได้ดีกว่านั้น ชั้นจะกลับปารีส นายจะไปด้วยมั๊ย 
Arno - เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าอยากทำเลยล่ะ 


Memory 2 - Rise of The Assassin 

ทันทีที่ Arno กลับมาที่ปารีส งานแรกที่เขาต้องลงมือคือจัดการลูกน้องของ Germain ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งคนที่ได้ลิ้มรสคมมีดจากการกลับมาของนักฆ่าที่ตื่นขึ้นอีกครั้งก็คือเจ้าหมอโรคจิต La Touche นั่นเอง 



เมื่อเข้าไปถึงพื้นที่เป้าหมายที่ลานประหารกลางเมือง ก็จะเริ่มมองสถานการณ์โดยรอบก่อนลงมือปฏิบัติงานเพื่อประเมินสถนการณ์และหาตัวช่วยที่เหมาะสม สถานการณ์โดยรวมคือ 
- ซุ่มอาหารที่พวกทหารกักตุนไว้ทางด้านขวา
- พวกชาวบ้านที่รุกขึ้นมาต่อต้านโดนจับขังรอประหารด้านซ้าย 




เป้าหมาย สังหาร - La Touche
สถานที่ - อยู่กลางลานประหาร   
เส้นทางสิ้นคิด  - บุกเข้าไปฆ่ามันตรงๆเลย (รับรองโดยยิงตายก่อนแน่นอน)     
การฆ่าอย่างมีสไตล์ - ปลอมเป็นนักโทษเพื่อเข้าไปใกล้มัน
ตัวช่วย (จุดเครื่องหมาย ! ในกรอบสีขาว)
- ฝั่งขวาของลานประหารจะมีซุ่มอาหารที่ถูกซ่อนอยู่โดยมีผ้าคลุมปิดเอาไว้ ลอบเข้าไปปลดมันออกให้ชาวบ้านเห็น
- ฝั่งซ้ายลานประหาร ลอบเข้าไปที่กรงนักโทษเขาจะขี้ตำแหน่งของทหารที่ถือกุญแจให้ ไปจัดการเอามาซะ  

** Challenges **
-ยิงหัวศัตรู (Head Shot)  3 คน
- ฆ่าศัตรูในที่กำบัง (Cover Kill) 4 คน 

- ก่อนจะทำอะไรที่นี่แนะนำให้จัดการทหารไรเฟิ่ลบนยอดหอสังเกตการณ์รอบๆก่อนเพราะมันจะเป็นอุปสรรคมากในการลอบเข้าไปด้านในไม่ว่าจากไหนเพราะมันจะถูกเห็นได้ง่ายมาก เมื่อทำตามเงื่อนไขตัวช่วยแล้ว ทันทีที่ลอบเข้าไปปลดผ้าคลุมซุ้มอาหารออกเมื่อชาวบ้านที่หิวโหยเห็นก็จะรุมเข้าไปแย่งจนเกิดจลาจล ทำให้ทหารเกือบทั้งหมดต้องเข้าไปควบคุม จากนั้นค่อยลอบเข้าไปที่กรงขังชาวบ้านทางฝั่งซ้าย เข้าไปคุยที่หน้ากรงก่อนเป้าหมายของทหารที่มีกุญแจกรงขังก็จะออกมาเป็นจุดส้ม ลอบไปเอากุญแจมาจากมันมาซะแล้วมาไขที่กรงขังของพวกชาวบ้าน  Arno ก็จะขอแซงคิวเป็นคนที่จะโดนประหารคนต่อไป เพื่อเดินขึ้นลานประหารก็จะสามารถเข้าใกล้ La Touche ได้จนสามารถเสียบมันได้อย่างง่ายๆได้เลย ส่วนการหนีนั้นถ้าจัดการทหารไรเฟิ่ลจนหมดตั้งแต่ต้นการหนีข้ามหลังคาบ้านแบบเตี้ยๆรอบๆพื้นทีก็คงไม่ยากเกินไป




ส่วนความทรงจำหลังจากที่ฆ่า La Touche ได้แล้วนั้นแทบไม่มีอะไรซับซ้อน La Touche นั้นเคยทำงานวิจัยที่ขึ้นตรงกับ Grand Master De La Serre แต่ถูกไล่ออกโดยอ้างว่ารายงานการวิจัยนั้นมีข้อผิดพลาดมาก แต่ผลการวิจัยที่ผิดพลาดนั้นกลับถูกใจ Roi des Thunes   ราชาขอทานเป็นอย่างมากจึงรับมันมาเป็นพวก จนได้เป็นสายลับของ Germain และได้รับมอบหมายให้ทำงานให้ Le Peletier ก่อนที่จะมาจบชีวิตในฐานะสายลับของเทมพลาร์ลงด้วยคมมีดของนักฆ่าที่ไร้สังกัดอย่าง Arno  



                                               * Server Bridge * The Bastille  

ทันทีที่ภาพเริ่มเบลอๆ อาการ Server Sweep เพราะทาง  บริษัท  Abstergo เริ่มตรวจพบการแฮกเข้าระบบและพยายามจะปิดมันอยู่อีกครั้ง  Bishop จึงรีบสั่งให้ Deacon เจ้าหน้าที่เทคนิค รีบเปิดเปิดทาง By pass เข้าสู่ Bridge Server เพื่อให้หนีออกมาก่อนจะถูกลบทิ้งเหมือนครั้งทีแล้ว จากนั้นก็รีบวิ่งไปโดดเข้าไปในอุโมงค์ทางเชื่อมระหว่าง Server ได้เลย

  

คราวนี้ Server จำลองที่ถูกทำไว้เป็นสถานที่และบรรยากาศของยุคกลาง 1394 Arno ต้องหาทางออกจากที่นี่โดยผ่านสุสานในยุคกลาง จนถึงทางออกอุโมงค์ที่เปิดออกที่ Bastille ในวันก่อนที่จะถูกเทมพลาร์บุกไม่กี่วัน วิ่งลุยยาวไปจนถึง Portal ที่หน้าปราสาทแล้วโดดกลับมายัง Server หลักได้เลย



                                                            SEQUENCE 12

Memory 1 - The Supreme being  

4 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1794  .... CHAMP DE MARS


- ระหว่างทางนักรถม้ากลับบ้าน Elise ก็อดบ่นกับ Arno ไมได้ว่า จากข้อมูลที่ได้มากันมาทั้งหมดเธอก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าไปควาญหาที่ซ่อนตัวของ Germain ได้ที่ไหน Arno จึงบอกชื่อนึงที่เขามีอยู่ในใจแล้วนั่นก็คือ .. Robespierre ผู้ปกครองรายใหม่ของปารีสที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและชั่วร้าย และถ้าขึ้นชื่อว่าชัวร้ายก็ไม่มีทางเลยที่ Germain จะไม่เกี่ยวของด้วย ฉะนั้นถ้าหาตัว Robespierre ก็อาจจะทำให้รู้ที่อยู่ของ Germain แน่นอน 





ทั้งคู่เดินทางมาถึงที่ CHAMP DE MARS สถานที่จัดงานที่ Robespierre มันจัดขึ้นซึ่งเรียกว่างาน Supreme being เฉลิมฉลองวันขึ้นสู่อำนาจของมัน  โดยอ้างว่าเพื่อสรรเสริญความดีงามของรัฐของประชาชน ฟังดูสวยหรูแต่ห่างไกลกับความชั่วร้ายของมันมากๆ นั่นเพราะ Robespierre มันรู้ดีว่าประชาชนไม่ค่อยจะชอบมันนัก มันจึงต้องจัดงานแบบนี้ขึ้นมาเพราะจะใช้เป็นที่ชุบตัวมัน โดยที่ Elise มีแผนที่จะดิสเครดิตให้ร้าย Robespierre ในงาน ยิ่งคนเยอะก็จะได้ชื่อเสียมากขึ้นเท่านั้น   Arno จึงจะลองเข้าไปค้นหาอะไรดีๆในเต็นท์ของ Robespierre ดู

- จากนั้นสิ่งที่ต้องทำคือหาทางเข้าไปที่เต็นท์ของ Robespierre ที่มีเป้าหมายสีเขียวขึ้นอยู่ แต่การเข้าไปในนั้นแบบปกติค่อนข้างลำบากเพราะทหารจำนวนมากในนั้นจะโจมตีทันที แต่ก็ทางที่สามารถลอบเข้าไปง่ายๆคือ ใช้ Skill Disguise ในการปลอมตัวเข้าไป ซึ่ง Skill นี้ต้องอัพจากสาย Stealth ซึ่งเล่นมาจนถึงนี่แล้วคิดว่าทุกคนต้องมีแล้วแน่นอน โดยปลอมตัวเข้าไปในเต็นท์จากทางด้านหน้าได้เลย ใกล้สุด เข้าไปค้นหาข้อมลเป้าหมายซึ่งก็คือบันทึกบนโต๊ะทางใกล้ๆทางออกอีกด้านของเต็นท์



- ซึ่งจะเป็นรายชื่อของบรรดาผู้แทนราษฎรที่ไม่เห็นด้วยกับมัน และ จำนวนเงินที่แต่ละพรรคการเมืองที่  Robespierre กำลังจะจ่ายส่วยเพื่อซื้อเสียงในสภา ซึ่งเป็นข้อความที่เขียนด้วยลายมือของ Robespierre เองซะด้วย โง่พอที่จะส่งตัวเองขึ้นกิโยตินให้คอขาดได้เลยจริงๆ เมื่อได้รายชื่อมาแล้ว Elise จะมีแผนที่จะเอารายชื่อพวกนี้ไปยัดใส่ให้พวกนักการเมืองน้ำดีให้รับรู้เสียเลย แต่ก่อนอื่นเธอมีแผนดีๆที่ต้องทำก่อน 

** Challenges **
- ทำลายระฆังเตือนภัย 2 อัน
- ห้ามให้ Elise โดนทหารจับ 

- เดินตาม Elise ไปที่โต๊ะเครื่องดื่ม จากนั้นก็ต้องจัดการทหารยามที่จะเดินเข้ามาจับเธอ โดยต้องจัดการแบบแนบเนียนด้วยเพราะถ้าสู้กันรุนแรงมันก็จะแห่มากันหมด เริ่มจากทหารคนแรกมาทางซ้ายให้ไปซุ่มรอในกองฟางเพื่อจัดการมันได้เลย / คนที่ 2 มาทางขวาจะเดินมาดูแต่ไม่ต้องไปจัดการมัน จนทหาร 2 คนกลุ่มที่ 3 เข้ามาจากอีกด้านค่อยเข้าไปจัดการ 2 คนนั่น เท่านี้ Elise ก็จะเสร็จงาน เธอได้ใส่ยาที่ทำจากเห็ดเมา ซึ่งเมื่อ Robespierre กินเข้าไปแล้วมันจะดูขาดสติจนไม่น่าเชื่อถือ
- จากนั้นก็ถึงคิว Arno ที่ต้องเอารายชื่อการจ่ายสินบนของ Robespierre ไปยัดให้พวกนักการเมืองน้ำดีอีกฝ่ายให้ได้รู้ โดยจะมีจุดเหลืองขึ้น 3 จุดที่ต้องลอบไปยัดรายชื่อ ถ้าเอาแบบเนียนๆ คนแรกใกล้สุดมีทหารแค่คนเดียว ใช้กองฟางจัดการมันซะแล้วยัดรายชื่อโดยการกด B หรือ O ใกล้ๆ / คนที่ 2 อยู่ในเต็นท์ทหารทางซ้ายต้องปลอมตัวเข้าไปยัด ส่วน คนที่ 3 ทางฝั่งขวาใช้ฝูงชนบังตายามเพื่อเข้าไปยัด

 

เท่านี้ เมื่อ Robespierre ในสภาพที่พูดจาไม่รู้เรื่องๆเพราะกินไวน์ผสมเห็ดเมาเข้าไป บวกกับรายชื่อการจ่ายสินบนที่อยู่ในกระเป๋าของพวกนักการเมืองน้ำดีอีกฝ่ายก็ทำให้ซื่อเสียงของ Robespierre หมดความน่าเชื่อถือไปทันที และเมื่อ Robespierre มันไม่ได้ฐานความนิยมจากประชาชน Germain ก็จะไม่ต้องใช้ Robespierre อีกต่อไป และเมื่อ Robespierre ไม่มี Germain คอยหนุนหลังให้มันก็จะไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกแล้ว ตอนนั้นค่อยไปง้างปากให้มันบอกที่อยู่ของ Germain จากมันก็จะง่ายขึ้นเยอะ

Memory 2 - The Fall of  Robespierre

เข้าไปที่จุดรับภารกิจพบกับ Elise ที่หน้าคุก Luxembourg  เธอจะบอกว่า แผนดิสเครดิต Robespierre นั้นได้ผลหนักกว่าที่คิด เพราะตอนนี้ประชาชนกำลังจะรุมกระทืบมันด้วยความโกรธแค้น รวมถึงพวกทหารก็กำลังตามจับมันไปประหารตามคำสั่งศาลอย่าช้าสุดสุดก็พรุ่งนี้  ทำให้ต้องรีบเข้าถึงตัวมันโดยด่วนก่อนที่มันจะตายจนทำให้ไม่มีโอกาสไปเค้นข้อมูลที่อยู่ของ Germain มาจากมันได้ 

- ตาม Elise ไปจนถึงตึกด้านในจะศพเกลื่อนไปหมดเมื่อใช้ Engle Eyes ตรวจสอบดูจะพบทหารที่รอดชีวิติอยู่เป็นจุดสีเหลือง เข้าไปคุยกับพวกเขา พวกทหารจะบอกว่าโดนกลุ่มทหาร  Paris Commune บุกเข้ามาโจมตีเพื่อพยายามจัปล่อยนักโทษให้หมดอาจจะเพื่อช่วยเหลือ Robespierre จากนั้นก็ใช้ Engle Eyes มองหาทหารที่บาดเจ็บเพื่อให้เขาชี้ทางหนีของ Robespierre ไปเรื่อยๆจนพบตัวมันกำลังหนีอยู่กลางถนน พยายามวิ่งตามมันไป ห้ามฆ่ามัน จนกว่ามันจะเข้าไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของมัน ก่อนที่มันจะสั่งให้ทหารคุ้มกันมันเต็มที่ทันที

** Challenges **
- ลอบเข้าไปในคฤหาสน์โดยห้ามทหารจับได้ 
-ไขประตู 1 บานด้วย Lock Pick 

  

- คฤหาสน์ของ Robespierre นั้นสามารถเข้าได้อย่างปลอดภัยที่สุดก็คือหน้าต่างของชั้น 2 จากทางด้านฝั่งซ้ายและขวาของตึก และไม่ว่าจะเข้าจากทางซ้ายหรือขวาก็ต้องผ่านระเบียงตรงกลางเหมือนกันและทางฝั่งขวาต้องไขประตูด้วย Lock Pick เข้ามาด้วยแต่จะได้ระยะทางที่ใกล้กับห้องของ Robespierre ที่อยู่บนชั้น 2 สุดทางเดินฝั่งขวาของตึกมากกว่า



เมื่อเข้ามาถึงตัว Robespierre แม้ Arno จะพยายามขู่ยังไงมันก็ยืนยันว่าจะไม่พูดเด็ดขาด ก่อนที่ Elise เจ้าตามเข้ามาเอาปืนยิงปากมันจนทะลุแก้มแล้วบอกว่า " ใช้เขียนแทน " สุดท้ายด้วยความกลัวตาย Robespierre จึงเขียนที่อยู่ของ Germain มาให้ซึ่งจะทำให้รู้ว่า germain ศ่อนตัวอยู่ที่  The Temple วิหารขนาดใหญ่ของมันนั่นเอง 



Memory 3 - The Temple 



ที่หน้าวิหารของ Germain ก่อนทีทั้งคู่จะลุยเข้าไปด้านใน ด้วยความที่ทั้งคู่ต้องการจะแก้แค้นมันเหมือนกัน สำหรับ Elise เพื่อแก้แค้นให้กับ De La Serre พ่อของเธอ และ สำหรับ Arno ก็ต้องการแก้แค้นให้กับ De La Serre ด้วยในฐานะพ่อบุญธรรมและสำหรับ Charles Dorian พ่อที่แท้จริงของเขาในฐานะศัตรูระหว่างภาคี Germain จึงสำคัญยิ่งสำหรับหารชำระแค้นของทั้งคู่ Elise จึงออกกฎง่ายๆก็คือ แยกกันเข้าไปใครถึงตัว Germain ก่อนก็ได้ฆ่าก่อนเท่านั้นเอง ซึ่งถึงแม้ Arno จะห่วง Elise มาตลอดแต่งานสุดท้ายนี้ Arno เห็นด้วยตามข้อตกลงทันที ... 




เป้าหมาย สังหาร - François Thomas Germain
สถานที่ - ยืนอยู่ชั้นบนสุดของยอดวิหาร
จุดบอดและตัวช่วย - ไม่มี 

** Challenges **
- ทำลายระฆังเตือนภัย 2 จุด
- ใช้ท่าโดดลงมาฆ่าศัตรูพร้อมกัน 2 คนจากด้านบนกับศัตรูให้ได้ 4 คน 

- ก็ตามที่ระบุไว้ในข้อมุลการวิเคราะห์ข้อมูลของ Arno คือวิหารของ Germain ไม่มีทั้งจุดบอดและตัวช่วยใดๆทั้งสิ้น แถมทหารก็เยอะมากทั้งด้านล่างและพลแม่นปืนตามระเบียงชั้นบน  ฉะนั้นเข้าทางไหนก็ไม่ต่างกัน ลอบเข้าทางด้านหน้าตรงๆไปจะสะดวกที่สุด ส่วนเป้าหมายที่ Germain นั้นกดดูแผนที่แล้วปีนขึ้นไปตรงจุด View Point ของวิหารได้เลย Germain จะอยู่บนยอดนั้นนั่นแหละ

 

- เมื่อขึ้นไปจนเจอตัว Germain มันจะใช้ดาบ Sword of Eden ยิงพลังใส่ทันที จากนั้นการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น พยายามหาทางหลบการยิงพลังของมันเอาไว้แล้วพุ่งเข้าไปโจมตีให้ถึงมันให้ได้ซักครั้ง จากนั้นมันก็จะวาร์ปหายตัวไป จากนั้นจุดสีเขียวเป้าหมายก็จะขึ้นมาอีกที่ที่ด้านล่างซึ่งจะเป็นทางลงห้องลับใต้ดินของวิหาร ลอบกลับจากหอคอยลงไปที่นั่นต่อ

 


-เมื่อลอบลงไปที่ห้องลับใต้ดินได้แล้วก็จะพบกับ Elise ที่ตามมาสมทบ แต่เธอจะไม่รอช้า Elise จะวิ่งเข้าไปหมายจะสังหาร Germain ทันที แต่ก็ต้องโดนพลังของดาบ Sword of Eden ยิงใส่จนกระเจิงไปเสียก่อน การต่อสู้กับ Germain ก็จะเริ่มต้นทันที พยายามหลบแล้วเข้าไปโจมตีมันจากด้านหลังให้ได้ เสียบมันได้หนึ่งครั้งก็จะโดนพลังของดาบทำให้กระเด็นออกมาอีกเช่นกัน จากนั้นก็ต้องหลบพลังของดาบให้พ้น จรืงๆไม่จำเป็นต้องหาที่หลบนานเพราะยังไงมันก็จะยิงมาจนโดนอยู่ดี พยายามวิ่งหลบไปมาไปรอบๆได้จังหวะก็ค่อยขว้างระเบิดควันเข้าไปใส่แล้ววิ่งเข้าไปเสียบเลยจะดีกว่า ซึ่งเสียบไม่กี่ทีพลังชีวิตของมันก็จะหมดหลอดแล้ว

ทันที Arno เข้าไปเสียบมันจนพลังสุดท้ายของ Germain หมดลง แรงระเบิดของพลัง Sword of Eden ก็ทำเอาทุกคนกระเด็นไปคนละทิศทาง แต่ Arno โชคไม่ดีที่โดนหินขนาดใหญ่ที่ถล่มลงมาทับ Elise จึงรีบเข้ามาช่วยยก แต่ทันทีที่เธอเห็น Germain ที่กำลังล้มหมดแรงอยู่อีกด้านเธอจึง ตัดสินใจ ทิ้ง Arno เอาไว้แล้วรีบเข้าไปหวังจะฆ่าเพื่อแก้แค้นทันทีก่อนโอกาสจะหมดไป แต่ Elise คิดผิด Germain จะพอมีแรงเหลือที่จะลุกขึ้นมาซึ่งมันก็มากพอที่จะสู้ชนะเธอด้วย ในช่วงที่ Germain กำลังจะชาร์ทพลังดาบยิงใส่ Arno ก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักหินออกก่อนวิ่งอย่างสุดแรงเพื่อหวังช่วย Elise แต่พลังของดาบก็ระเบิดขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าถึงไม่กี่นาที 




ทันทีที่แสงสว่างจ้าหายไปและสติกับสายตาที่พร่ามัวของ Arno เป็นปกติ เขาก็ตรงเข้าไปดูอาการของ Elise ทันที หลังจากพยายามเรียกปลุกอยู่นาน ซึ่งนานพอที่ Arno จะรู้ว่าเขาได้สูญเสีย Elise หญิงอันเป็นที่รักไปแล้ว 

  



เสียใจจนไมมีน้ำตาจะไหล ไม่มีคำพูดได้ที่เขาจะกล้าเอ่ยออกมา ก่อนที่ Arno จะเดินเข้าไปหาร่างของ Germain ที่กำลังบาดเจ็บแล้วบรรจงเสียบมีดลงทีคอของมันอย่างช้าๆ ช้าที่สุดเท่าที่เขาคิดว่าจะสร้างความทรมานให้กับมันได้ จนความทรงจำสุดท้ายที่ล้ำค่าของ Germain ก็พรั่งพรูออกมา ... 

ภาพที่เห็นคือ เหตุการณ์ในอดีตที่ Thomas Germain นายช่างธรรมดาๆที่กำลังนั่งดูเข็มเงินจากยุคโบราณที่เขาพบเจอ จู่ๆพลังบางอย่างก็ทำให้เขาเห็นถึงอักขระโบราณและนิมิตรแห่งความทรงจำและความแค้นจากยุคโบราณ แต่ครั้งนี้มันกลับต่างจากทุกที ที่ดวงจิตอันทรงพลังของ Germain กลับแสดงตนออกมาในความทรงจำเพื่อสนทนากับ Arno ได้เช่นกัน 




Germain - นายมักจะชอบเข่นฆ่าคนที่เป็นคนร้าย แต่ทำไมถึงก้าวข้ามจริยธรรมเล็กๆน้อยเที่ยวมาวุ่นวายในความจำของคนอื่นเขาแบบนี้ล่ะ  ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก จริงๆแล้วไม่ได้อยู่ที่ไหนทั้งนั้นด้วยซ้ำนับต้องแต่หลั่งเลือดบนพื้นของวิหารโบราณแห่งนี้ ดูเหมือนอาจจะถึงเวลาที่ พ่อท่านผู้หยั่งรู้ อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเราก็ได้ ข้าไม่เคยเข้าใจในนิมิตรที่ข้าเห็นเลยจนกระทั้งข้าเริ่มตามหาและได้พบสิ่งวิเศษนี้ เซฟลับของ Jacques de Molay จากยุคโบราณ เมื่อข้าได้อ่านบันทึกของเขา ข้าถึงได้เข้าใจทุกอย่า 
Arno - เข้าใจอะไร !
Germain - เหตุผลบางอย่าง ที่ตกทอมาจากยุคโบราณ และ ทำไม Grand master de Molay ถึงเลือกข้าให้ชำระล้าง ความเสื่อมโทรม เน่าเหม็น ของโลกใบนี้ให้สะอาดบริสุทธิ์เหมือนดังเดิม เพื่อฟื้นฟูสิ่งที่ พ่อท่านผู้หยั่งรู้ ได้ตั้งเจตนารมย์เอาไว้ 
Arno - แต่ดูเหมือนมันจะจบลงแบบไม่ดีเท่าไหร่
Germain - ก็น๊ะ มันก็ไม่บ่อยนักหรอกที่ท่านศาสดาจะแสดงความชื่นชมออกมาหรอก .... ที่ผ่านมาข้าพยายามนำสิ่งดีๆที่ข้าพบเจอนำเสนอกับภาคีในยุคนี้ แต่ ข้ากลับถูกลดตำแหน่ง เนรเทศ และ ถูกยึดผลงานและแผนการณ์ทุกอย่าง ข้าจึงจำเป็นต้องทางเส้นทางใหม่เพื่อให้วัตถุประสงค์ที่ข้าตั้งใจเอาไว้ เป็นความจริงขึ้นมา 
Arno - โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าต้องแลกกับอะไรบ้าหรอ ?
Germain - ภาคียุคใหม่คงเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำลายอะไรเก่าๆทิ้งไปก่อน ไม่ว่าใครถ้าเป็นอุปสรรคก็ต้องกำจัดทิ้งไปบ้าง 
แต่ไม่นานความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาก็จะเยียวยาตัวเองเมื่อระบบต่างๆมันเข้าที่เข้าทาง ข้าถึงพยายามสร้างทางลัด ช้าเกิดไปก็มีแต่จะเกิดเรื่องวุ่นวายเกืนเยียวยา หมดข้าไปใช่ว่าทุกอย่างมันจะจบ มันต้องมีใครซักคนที่คิดที่จะอยากได้โลกที่สมบรูณ์แบบบ้างแหละ ใครซักคน .... เจ้าก็ลองคิดดูแล้วกันในทุกครั้งที่เจ้านึกถึงเธอ ..  





หลักความเชื่อแห่งภาคีนักฆ่าสอนให้เรารู้ว่า  ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดว่ามันหมายถึง เราอยากจะทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการ เพื่อไล่ตามอุดมการณ์โดยไม่สนว่าต้องแลกกับอะไร
วันนี้ข้าเข้าใจแล้ว ว่าไม่ใช่สักแต่ยอมรับและทำตามในหลักความเชื่อที่มันคอยย่ำเตือนเรา  เพราะมันง่ายมากที่ความคิดจะยอมโอนอ่อนต่อหลักเกณฑ์ที่ไร้ข้อพิสูจน์ และ ความเชื่อแบบนั้นมันก็จะกลายเป็น ความงมงาย 
ไม่มีพลังอำนาจอะไรที่จะมีผลต่ออำนาจการตัดสินใจของเรา และ ไม่มีพลังอำนาจใดที่จะมาลงโทษในบาปที่เราทำ
เพราะในท้ายที่สุด ก็เหลือแค่ ตัวเราเองเท่านั้นที่จะต้องคอยป้องกันไม่ให้จิตใจถูกครอบงำ มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ขาดและตัดสินในเส้นทางที่จะเดินมันจะขึ้นสู่ที่สูงหรือลงที่ต่ำเท่านั้นเอง 

  


เราเชื่อว่า พวกเราคือ ผู้ไถบาป ผู้แก้แค้น ผู้ช่วยเหลือ และพร้อมที่จำทำสงครามกับมันทุกผู้ที่คิดเป็นปรปักษ์ ไม่ว่าพวกมันจะเป็นผู้เริ่มก่อนหรือไม่ก็ตาม 
เรามีความฝันว่า เมื่อเราจากไปจะทิ้งบางสิ่งที่เราทำไว้ในโลก ไม่ใช่แค่หนึ่งหน้าที่บันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ แต่แค่อยากให้รู้ว่า...... ทุกอย่างที่เราทำ มันเกิดขึ้นและจบลง ด้วยตัวของเราเอง !!


หลายปีต่อมา .............. 

Arno พานโปเลียนเข้ามายังวิหารลับใต้ดินอีกครั้ง เพื่อเก็บกวาดข้อมูลทุกๆอย่างไป รวมทั้งหัวกระโหลกที่เหลืออยู่ของ François Thomas Germain ที่เปี่ยมไปด้วยอณูแห่งความลับในอุดมการณ์ที่ทรงคุณค่าของ Grand master de Molay จากยุคก่อน ไปหลอมรวมกับกระโหลกผู้คนอีกหลายหมื่นหลายแสนที่ตายทับถมกันบนซากแห่งอำนาจและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ 






Bishop .... ให้ตายเถอะ แทบไม่อยากจะเชื่อ ความลับมันฝังรออยู่มันเป็นศตวรรษอยู่แล้ว กระโหลกของ François Thomas Germain นี่แหละจะเปิดเผยทุกอย่างของ DNA ความทรงจำ และความลับแห่ง Grand master de Molay นี่คือทุกอย่างที่เราต้องการ แต่มันอยู่ที่ไหนและจะเจอมันยังไง เอาไว้ค่อยว่ากัน วันนี้นายทำได้ดีมาก แล้วเราจะติดต่อนายกลับไปอีกทีถ้าเรามีเบาะแสเพื่อเติมของความทรงจำของ Arno ในคราวต่อไป ..เลิกการติดต่อ ..


................................................... THE END ----------------------------------------------------------



  การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นการปฏิวัติใหญ่ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทางการเมืองทั่วยุโรป โดยมีสาเหตุทางด้านการคลังเป็นพื้นฐาน เป็นการปฏิวัติโดยกลุ่มชนชั้นกลางที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองโดยการล้มล้างการปกครองในระบอบเก่า (Ancient Regime) หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolutism) มาสู่อำนาจอธิปไตยของประชาชน กินเวลาในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1789-1799 ( พ.ศ.2332-2342) ในการโค่นล้มระบอบกษัติย์ หลังจากสถาปนาระบอบสาธารณรัฐสำเร็จแล้วไม่นาน มีการแย่งชิงอำนาจรัฐระหว่างกลุ่มชนชั้นปกครองด้วยกันเอง

                    



 จนนำมาสู่ค.ศ. 1799 นาย พลนโปเลียน โบนาปาร์ต ยึดอำนาจจากคณะมนตรี และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกงสุลคนแรกของสาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจสูงสุด นโปเลียนดำรงตำแหน่งกงสุลในปี ค.ศ. 1799 - ค.ศ. 1803 ก่อนที่นโปเลียนจะสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิในเวลาต่อมา

                   


 หลังจากนั้นฝรั่งเศสต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกหลายครั้ง สลับกันระหว่างแบบกษัตริย์ กับแบบสาธารณรัฐ จนกระทั่งปัจจุบัน



........................................................................................................................
ขอขอบคุณ บทความเรื่อง การปฏิวัติฝรั่งเศส จาก .......

th.wikipedia.org/wiki/การปฏิวัติฝรั่งเศส

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=heifer-pegasus&month=04-2012&date=22&group=2&gblog=3