วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

The Witcher 3: Wild Hunt

                       เส้นทางจากตัวหนังสือสู่เส้นทางที่เรายึดถือผ่านจอยเกม 

ถ้าจะมองกันให้ถึงแก่นของเกม The Witcher และตัวตนของ Geralt of Rivia จริงๆนั้นก็ต้องกล่าวไปถึงที่มาจากที่เขาเป็นตัวละครนำในหนังสือนิยายของนักเขียนชาวโปแลนด์ Andrzej Sapkowski ที่ชื่อ The Last Wish ซึ่งเป็นชื่อโปแลนด์ดังเดิ่มก่อนจะเปลี่ยนเป็นชื่อต่างๆตามที่นิยายถูกแปลเป็นภาษาต่างๆนั่นเอง (ซึ่งถ้าอ้างอิงตามข้อมูลจาก Wiki นั้นชื่อของ Geralt of Rivia นั้นถูกเรียกต่างกันถึง  27 ภาษาเลย ) จนสุดท้ายทุกคนก็มารู้จัก Geralt มากขึ้นเมื่อ CD Projekt RED นำมาสรรสร้างเป็นเกมที่ชื่อว่า The Witcher (Wiedźmin) ที่คุณสัมผัสมายาวนานจากภาคแรกในปี 2008 จนถึงวันนี้ก็ 7 ปีนี่แล้วล่ะ



โดยนิยายที่ชื่อ The Last Wish ของ Andrzej Sapkowski นั้นอยู่ในชุดของ The Witcher Saga ประกอบด้วย
ในแบบรวมเรื่องสั้นที่เกี่ยวข้องกับ Geralt of Rivia 3 ฉบับ คือ
The Witcher (5 ตอน)
The Sword of Destiny (6 ตอน)
The Last Wish (7 ตอน)
ในแบบเรื่องยาวปกติ 5 ฉบับ คือ
Blood of Elves
Time of Contempt
Baptism of Fire
The Swallow's Tower
Lady of the Lake
และ นิยายฉบับแยกเดี่ยว ที่เป็นเรื่องราวก่อนหน้าเนื้อหาในเรื่องสั้นซึ่งเป็นความลับหลายๆอย่างของซีรีย์ที่ยังไม่มีการพูดถึงอีก 1 ฉบับ คือ Season of Storms

แต่เรื่องภารกิจต่างๆรวมถึงตีความตัวตนของ Geralt ในเกมนั้นส่วนใหญ่จะนำมาตีความจาก The Last Wish มากที่สุด โดยในเล่มเนื้อหาจะถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วนด้วยกัน โดยมีเนื้อหาหลักคือ The Voice of Reason และก็จะดำเนินเหตุการณ์หลักที่นำไปใช้เพื่อโยงเข้าสู่เหตุการณ์ในอีก 6 ส่วนที่เหลือ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมภาคแรกทั้งสิ้น (ถ้าจะอ้างอิงจากข้อมูลตาม Wiki ช่วงเวลาในเกมจะอยู่ประมาณปี 1270 – 1273 หรือ 5 ปีหลังจบสงคราม Nilfgaard  Wars)

ซึ่งมีบทความของคุณ คุณ  s.jf.logan ที่เขียนไว้เมื่อ 3 ก.พ. 53 ในเวบพันทิพย์ที่เขียนไว้อย่างสมบูรณ์แล้วผมจึงขอหยิบยกมาเป็นข้อมูลพื้นฐานให้อ่านกันครับ

ตอนที่ 1 The Voice of Reason
เป็นเนื้อเรื่องที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน The Temple of Melitele ซึ่ง Geralt ใช้เป็นที่พักฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ และทำให้ Geralt ได้มีโอกาสนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ตนเคยเผชิญมาในอดีต ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตที่ว่าก็คือเหตุการณ์ในอีก 6 เหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับ 6 ตอนที่เหลือในเล่ม

ตอนที่ 2 The Witcher
กล่าวถึงเหตุการณ์ช่วงที่ Geralt เดินทางมาถึงยัง Vizima และได้รับข้อเสนอจาก King Foltest ให้ช่วยจัดการถอนคำสาปให้กับ Adda ลูกสาวของเขาซึ่งก็คือ Adda ซึ่งแน่นอนมันก็คือเรื่องราวในเกม The Witcher ภาคแรกนั่นเอง

ตอนที่ 3  A Grain of Truth
กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ Geralt ได้เดินทางไปพบกับคฤหาสน์แห่งหนึ่งเข้า ซึ่งเจ้าของของคฤหาสน์แห่งนั้นก็คือ Nivellen ผู้ถูกสาปซึง Nivellen ก็ตัดสินใจเชิญ Geralt เข้าสู่คฤหาสน์เพื่อร่วมโต๊ะกินมื้อค่ำด้วยกัน หลังมีการพูดคุยNivellen ก็พูดถึงความเชื่อของเขาในตำนานที่ชื่อว่า “A Grain of Truth” อันเป็นตำนานที่ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับ โฉมงามที่เปลี่ยนเจ้าชายอสูรให้กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามได้สำเร็จด้วยความรัก ซึ่ง Nivellen ก็ได้พยายามทำเช่นเดียวกันกับในตำนานนั้น ซึ่ง Nivellen พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงโฉมงามของเขา แต่ในท้ายที่สุด Geralt ก็ค้นพบความจริงว่าโฉมงามที่ว่าก็คือ Bruxa  (ซึ่งในเกมก็จะได้เจอกับ Bruxa ด้วยเหมือนกัน )

ตอนที่ 4 The Lesser Evil
กล่าวถึงเรื่องราวความขัดแย้งระหว่าง Renfri หญิงสาวที่เชื่อกันว่าถูกสาป กับ Stregobor ผู้วิเศษผู้ที่เคยคิดจะสังหารเธอเพราะเชื่อว่าเธอเป็นเด็กสาวผู้ถูกสาป โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ Blaviken  ซึ่ง Geralt นั้นก็ได้เดินทางมาถึงที่นี่ในช่วงเวลาที่ Renfri เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี Blaviken เพื่อเอาชีวิต Stregobor ผู้เป็นผู้วิเศษของที่นี่ โดยทั้ง Stregobor และ Renfri ก็ได้ยื่นข้อเสนอต่อ Geralt ให้ช่วยจัดการกับศัตรูของตนด้วยเหตุผลเดียวกันที่ว่ามันคือผู้ที่ถูกปีศาจร้ายสิงสู่ และนี่เองครับคือเหตุการณ์ที่ทำให้ Geralt ได้รับฉายาอีกฉายาหนึ่งว่า The Butcher of Blaviken เพราะเขาได้ทำการก่อคดีสังหารหมู่ Renfri และพรรคพวกของเธอจนหมดในค่ำคืนที่เกิดเหตุวุ่นวาย

ตอนที่ 5  A Question of Price  
กล่าวถึงงานเลี้ยงอันหรูหราของพระราชวังแห่ง Cintra ซึ่ง Geralt ก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมงานด้วยและได้นั่งเคียงข้างกันกับราชินี Calanthe เลยทีเดียว ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่งแขกคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นครับ เขาก็คือ Urcheon of Erlenwald ผู้ที่มาเพื่อทวงสัญญาที่ King Roegner เคยให้กับเขาไว้ตามกฏที่เรียกว่า “The Law of Surprise” (สัญญานี้คือสัญญาที่ว่าด้วยการตอบแทนหลังจากที่บุคคลหนึ่งได้ทำบางสิ่งตามคำร้องขอของอีกบุคคลหนึ่งได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งค่าตอบแทนที่ Witchers ได้รับก็ยืนอยู่บนฐานของสัญญานี้เช่นกัน) โดยสัญญาที่ King Roegner ได้มอบไว้ให้แก่ Urcheon นั้นก็คือ บุตรีของเขาหรือก็คือเจ้าหญิง Pavetta นั่นเอง ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหญิงก็มีอายุได้ 15 ปีพอดี แต่เมื่อรู้ภายหลังว่า Urcheon นั้นก็คืออมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ ราชินี Calanthe จึงจะยอมปล่อยบุตรีของเธอไปกับอมนุษย์ที่มาทวงสัญญา เธอจึงพยายามกระทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายสัญญาที่ว่านั้น โดยราชินีได้เสนอว่า “ถ้าบุตรีของข้ายอมตกลงตามข้อเสนอของเจ้า ข้าก็จะปล่อยนางให้ไปกับเจ้า” ซึ่งอันที่จริงแล้วก็คงไม่มีเจ้าหญิงงามคนใดหรอกครับที่ยอมตกลงปลงใจไปกับอมนุษย์ แต่ เจ้าหญิงกลับตกลงตามสัญญาที่บิดาเธอให้ไว้อย่างหน้าตาเฉยทำให้ราชินี Calanthe ทรงพิโรธอย่างมากและสั่งการให้ทหารทำการโจมตี Urcheon และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเหตุวุ่นวายในพระราชวังแห่ง Cintra   แต่ หลังจากเหตุวุ่นวายคลี่คลายลง ราชินีก็ตกลงยอมให้ Urcheon และ Pavetta ได้สมหวังในความรัก และ Urcheon ก็ได้เสนอค่าตอบแทนตามกฏ The Law of Surprise ให้กับ Geralt ที่ช่วยปกป้องเขาในระหว่างเหตุวุ่นวายด้วย และสิ่งที่ Geralt ต้องการก็คือบุตรของทั้งคู่นั่นเอง ซึ่ง Geralt หวังว่าจะฝึกลูกชายของทั้งคู่ให้เป็น Witcher  แต่น่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวัง เพราะทั้งคู่มีลูกสาวนามว่า Ciri



** ซึ่ง Ciri ก็คือหญิงผมขาวที่เป็นตัวละครใหม่และมีบทบาทสำคัญมากในเกม The Witcher 3 Wild Hunt แถมตามข้อมูลเรายังได้มีโอกาสบังคับ Ciri ในเกมเสียด้วย **

ตอนที่ 6 The Edge of The World
กล่าวถึงการผจญภัยของ Geralt กับสหายรัก Dandelion ที่เดินทางไปจนถึงสุดขอบโลกทำให้เหตุการณ์ในตอนนี้นั้นค่อนข้างที่จะเรียบๆและเน้นหนักไปที่การออกผจญภัยของคู่หู Geralt และ Dandelion มากกว่า

ตอนที่ 7 The Last Wish
เหตุการณ์ในตอนนี้ก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Geralt และ Dandelion ต้องเผชิญหน้ากับ Djinn อสูรผู้เสนอพรสามประการให้แก่พวกเขา และชื่อตอนที่ว่า “พรประการสุดท้าย” นี้ก็หมายถึงพรข้อสุดท้ายที่ Geralt ร้องขอต่อ Djinn นั่นเอง

Cr. ข้อมูลประกอบบทความจากคุณ  s.jf.logan เมื่อ 3 ก.พ. 53 
http://tech.pantip.com/games/topic/GC2879030/GC2879030.html







                “หนึ่งดาบเงินไว้ฆ่าอมนุษย์ อีกหนึ่งดาบเหล็กไว้ฆ่ามนุษย์ที่ขวางทาง “  

                                        ความเป็นมาของหมาป่าขาวแห่งริเวีย

40 กว่าปีแห่งสังขารกับ 7 ปีของการเดินทางที่เยื่องย่างผ่านโลกสีเทาจางของ หมาป่าขาว ฆาตกรสังหารหมู่ หรือที่รู้จักดีว่า
Geralt of  Rivia ชายผู้ที่อยู่ในฐานะศัตรูของทั้งมนุษย์และปีศาจกับภารกิจในการเอาตัวรอด ถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า แต่ถ้าได้เงินติดมือมาก็ถือว่ามันเป็นของกำนัล นักล่าผู้รับว่าจ้างไล่ล่าทุกอย่างตามความพอใจโดยมีบรรทัดฐานความผิดถูกในใจของผู้เล่นเป็นสิ่งชี้วัด

ทั้งหมดคือค่ามาตฐานของ Geralt บุตรแห่งสุดยอดนักรบ Korin และนางแม่มด Visenna นั่นทำให้สถานภาพของ Geralt นั้นแปลกแยกจากมนุษย์ (at the very most, stating, "Not quite [a human]"  ก่อนที่ Geralt จะถูกพาตัวมาจากอกแม่มาสู่ โรงเรียนหมาป่า ที่เรียกเป็นภาษาเอลเดอร์ว่า  Kaer Morhen ในดินแดนแห่ง Kaedwen ป้อมปราการฐานหลักของเหล่า The Witcher ที่นี่ Geralt ได้รับการฝึกหนักจาก Vesemir ผู้เป็นปรมจารย์แห่ง The Witcher และสามารถผ่านการทดสอบขั้นสุดท้าย Trail of The Grasses ที่ต้องทนรับผลข้างเคียงของยา The Grasses ที่เสมือนเป็นพรหมแดนสุดท้ายที่กั้นกลางระหว่างมนุษย์และนักล่าที่มีพลังเหนือมนุษย์ สุดท้าย Geralt รอดจากนรกทั้งปวงในการทดสอบที่ Kaer Morhen จนทำให้ศักยภาพการตอบสนอง การรับรู้ และ พลังการต่อสู้จากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นเหนือมนุษย์ได้ในที่สุด แต่ผลของการอดทนผ่านความเจ็บปวดทรมานทั้งปวงที่ว่ามาก็ทำให้ผมของเขาขาวโพลนทั้งหัวจนได้สมญานามว่า Gwynbleidd ที่แปลจากภาษา Elder ได้ว่า White Wolf  หมาป่าสีขาว นั่นเอง

 ส่วน Rivia นั้นก็ไม่ได้หมายถึงที่กำเนิดหรือนามสกุล แต่ Rivia คือยศหรือนามกรตามท้ายที่ได้จาก Vesemir ผู้เป็นปรมจารย์แห่ง The Witcher มอบให้ ก่อนจบการศึกษาออกเดินทางสู่โลกกว่า มันมีความหมายเฉกเช่นพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของอณาจักร Rivia นั่นเอง และความหมายแห่งยศที่ว่า "Of Rivia" นั้น Geralt ก็ได้พระราชทานยศแห่งอัศวินนี้ จากราชินี Meve of Lyria เพื่อเป็นการปูนบำเหน็จให้หลังจบศึกที่สะพาน Yaruga คำว่า "Of Rivia" นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับบรรดาศักดิ์ knight of Lyria ที่ทำให้ Geralt นั้นมีเกรียติที่สูงศักดิ์กว่าคนธรรมดา แต่สำหรับนักล่าที่ไม่ได้โลกสวยอย่าง Geralt นามอย่าง Geralt of  Rivia นั้นมันช่างทรงคุณค่าที่จะโกงค่าตัวในการทำงานที่ดีกว่าชื่อธรรมดาก็เท่านั้นเอง ตำนานแห่งหมาป่าสีขาวแห่งริเวีย Geralt of  Rivia ก็เริ่มต้นขึ้นจากวันนั้น ...

Cr. ข้อมูลประกอบบทความจาก 
http://witcher.wikia.com/wiki/Geralt_of_Rivia








                        จากอรัมภบท จากปฐมบทถึงฉากเปิด The Witcher 3:  Wild Hunt





ก่อนที่เนื้อเรื่องของ The Witcher จะเริ่มขึ้น Geralt นั้นได้ถูกฆ่าตายในเหตุการ์ณความวุ่นวายใน Rivia เพื่อปกป้องพวกที่ไม่ใช่มนุษย์ จนร่างของ Geralt ถูกนำลงเรือแล้วหายไป สิ่งที่ชาวบ้านได้รับรู้กันก็คือ Yennefer กับ Geralt ได้อยู่กันอย่างมีความสุขในที่แห่งใดไม่มีใครรู้ จนกระทั้งพวก Wild Hunt ได้เข้ามาชิงตัว Yennefer ไปและ Geralt ก็ต้องออกมาไล่ล่าชิงตัวคืน ช่วงเวลานี้เองที่ Geralt ได้พบกับ Letho และได้ช่วยชีวิต Letho เอาไว้ เขาจึงตอบแทนด้วยการช่วย Geralt ไล่ล่า Wild Hunt จนสามารถชิงตัว Yennefer คืนมาได้ แต่เขาก็ต้องแลกมาด้วยข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างทำให้เขาสูญเสียความทรงจำในที่สุด ปัจจุบัน Yennefer คนรักของ Geralt  นั้นถูกควบคุมตัวอยู่ที่จักรวรรดิ Nilfgaard  และมันได้ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาอีกเลย


                                             The Witcher  [กันยายน 2008]  

   



กล่าวถึง Geralt of Rivia นามของ The Witcher นักล่าปีศาจพลังเหนือมนุษย์ฝีมือฉกาจ ได้รับว่าจ้างอย่างไม่เป็นทางการให้ออกเดินทางเพื่อหาทางแก้คำสาปให้กับ Adda ธิดาของพระราชานามว่า King Foltest ที่ทุกค่ำคืนจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดที่ชื่อว่า Striga โดยฝีมือของพวกกบฏ แต่สุดท้าย Geralt ก็สามารถแก้คำสาปนั้นได้สำเร็จ นั้นทำให้ชื่อเสียงของ The Witcher ผู้นี้ขจรขจายไปทั่วแผ่นดิน แต่เมื่อโลกเข้าสู่มหาสงคราม Nilfgaard Wars ช่วงเวลาแห่งดาบและขวาน ช่วงเวลาแห่งความระทมทุกข์ของแผ่นดิน Geralt of Rivia ก็หายสาบสูญ ไม่มีใครพบเจอเขาอีก วีรกรรมของเขาดูเหมือนจะถูกลืมเลือน แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น

   

ปี 1270 ..  5 ปีหลังจบสงคราม Nilfgaard Wars แผ่นดินแห่ง Northern Kingdoms ก็ถึงกับเข้าสู่กลียุค ด้วยโรคระบาดและความอดอยากของผู้คน  จนทำให้มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ไม่มากพวกทำได้แค่อพยพเข้าไปอยู่ในป่าลึกเพื่อหลีกหนีจากอสูรร้ายที่น่ากลัวที่มาพร้อมความเสื่อมโทรมของแผ่นดิน และคำถามคือ จะเกิดอะไรกับ Witcher ที่หายสาบสูญ ? ไกลออกไปที่ภูเขา Blue Mountain ทางเหนือของ Kaedwen Geralt ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมภัยร้ายที่ตามไล่หลังเหมือนทุกครา แต่เขาก็ถูกช่วยเอาไว้โดยเพื่อนเหล่า Witcher จาก Kaer Morhen ที่ตามมาพบตัวเขาที่กลางป่าพร้อมแต่ทันทีที่หายากการบาดเจ็บก็จะรู้ว่าความทรงจำที่ผ่านมาของ Geralt นั้นบางส่วนได้หายไปจนหมด หลังจากที่ต้องช่วยพวกฟ้องป้องกันฐานที่มั่นจากพวกปีศาจที่เข้ามาโจมตีแล้วทุกคนก็จะพบว่า The Grasses ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมที่เป็นเสมือนใบปริญญาของนักล่าพันธ์เหนือมนุษย์นั้นได้ถูกขโมยไป  Geralt จึงต้องออกตามหาเงื่อนงำของผู้อยู่เบื้องหลังและตามหาความทรงจำของเขาคืนมาด้วย  แน่นอนว่าสุดท้าย Geralt ก็สามารถคลี่คลายปัญหาทุกอย่างลงได้ และยังสามารถทำความดีความชอบในการช่วยเหลือพระราชา Foltest แห่ง Temmeria เอาไว้ได้ด้วย แต่ในขณะที่ Geralt กำลังรับรางวัลก่อนจะออกเดินทางจากที่นี่ จู่ๆก็มีนักฆ่าเข้ามาลอบปลงพระชนม์พระราชา Foltest และทันทีที่ Geralt พยายามเข้าไปช่วยจนสามารถจัดการนักฆ่าลงได้ แต่ภายใต้ผ้าคลุมของนักฆ่านิรนามก็ปรากฏให้เห็นดวงสีเหลืองแห่งนักล่านั่นแปลว่า นักฆ่าที่เข้ามาลอบปลงพระชนม์พระราชานั้นเป็น Witcher พวกเดียวกับเขานั่นเอง ......

        




Cr. ข้อมูลประกอบบทความจาก คุณ Zkissik 
https://www.youtube.com/watch?v=Y4qxiB2bg_I




                              The Witcher 2: Assassins of Kings [พฤษภาคม 2011] 




เรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคแรกในช่วงเวลาที่ค่อนข้างไล่เลี่ยกันมาก ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังจากที่มีคนลอบฆ่า King Foltest ในครั้งที่  Geralt ช่วยเอาไว้ แต่ครั้งนี้คนร้ายทำสำเร็จ มันเข้ามาลอบฆ่ากษัตริย์ Foltest ได้สำเร็จจนได้ และทำให้ Geralt เป็นแพะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่า King Foltest ซะด้วยทำให้เขาต้องดิ้นรนที่จะหาตัว King slayer คนร้ายตัวจริงเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด

 จนสุดท้ายก็รู้ความจริงว่า คนร้ายที่ฆ่ากษัตริย์ Foltest ก็คือ Letho คนที่ Geralt เคยช่วยชีวิตเอาไว้ตอนเดินทางไปชิงตัว Yennefer คนรักของเขาที่ถูกพวก Wild Hunt จับตัวไป และถึงแม้ว่า Letho จะทดแทนบุญคุณ Geralt โดยการบุกไปช่วย Yennefer จากพวก Wild Hunt ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เธอก็ถูกควบคุมตัวอยู่ที่จักรวรรดิ Nilfgaard นั่นเป็นเหตุผลที่กองทัพของ Nilfgaard บุกเข้ามาก็เพราะพวกมันรู้ความลับบางอย่างจาก Yennefer นั่นเอง และ Letho ก็ถูกจักรวรรดิ Nilfgaard จ้างให้มาไล่สังหารราชาที่ดินแดนเหนือให้หมดเพื่อสร้างความวุ่นวายเพื่อแลกกับการฟื้นฟู โรงเรียนหมาป่า Kaer Morhen ที่เป็นป้อมปราการฐานหลักของเหล่า The Witcher ขึ้นมาใหม่ และในครั้งที่ Letho ลอบสังหารราชา Demavand ในตอนฉากเปิดเกมนั้น กว่าจะสำเร็จก็เล่นเอา Letho เกือบจะแย่ จึงเป็นเหตุให้เขาต้องไปขอให้ Scoia ‘ tael และ Iorveth มาช่วย และ ขณะที่เขามาถึงที่ Flotsam ก็ได้บังเอิญพบกับ Sile โดย Letho จึงวางแผนที่จะเข้าไปยื่นข้อเสนอให้แก่เธอให้มาร่วมงานด้วยอีกคน เพื่อเอาไว้เป็นแพะรับบาปอย่างตอนนี้งานสำเร็จ แผนดำเนินต่อไปจน Letho ลอบเข้าไปสังหารราชา Foltest ซึ่งตอนนั้น Letho จะเห็นว่า Geralt อยู่กับพระราชาด้วยก็ทำเอาเขาใจเสียไปเลยว่าแผนจะแตกซะแล้ว แต่โชคดีที่ Geralt ดันความจำเสื่อมจำเขาไม่ได้เลยก็เลยทำให้ปลงพระชนม์ราชา Foltest สำเร็จซึ่งนั่นทำให้ Geralt กลายเป็นแพะไปโดยไม่ได้ตั้งใจ สุดท้าย Geralt ก็ต้องออกไล่ล่าตามหาความจริงจนได้คนผิดคือ Letho ในที่สุด

เมื่อ Letho เล่าเรื่องราวทั้งหมดจบแล้ว ก็อยู่ที่ Geralt นั่นแหละจะตัดสินใจเอายังไงกับ Letho โดยในเกมตรงนี้จะสามารถเลือกได้ระหว่าง สู้กันตัวต่อตัวให้มันรู้กันไปอีกรอบ หรือ ปล่อยให้ Letho หนีไป หลังจากที่จบเรื่องราวกับ Letho แล้ว Geralt ก็จะออกมาพบกับ Triss แล้วเดินทางออกจาก Loc Muinne ไปด้วยกัน

Cr. ข้อมูลประกอบบทความ
บทสรุป The Witcher 2: Assassins of Kings ที่ผมเคยทำเอาไว้ในครั้งก่อนกาล
http://www.gconsole.com/gconfaqs/cgi-bin2/show.php?page=walkthrough&id=572





                                        บทสรุป The Witcher 3:  Wild Hunt


ฺBy Decibel per - oxide


ข้าเคยเห็นชะตากรรมของผู้คนอย่างพวกเจ้ามาก่อน หรืออาจจะก่อนหน้าที่ข้าเกิดมาหลายยุคสมัย ทั้งความอดอยาก เรื่องราวที่น่าสยดสยอง ลูกเด็กเล็กแดงที่ถูกพรากจากอกแม่อย่างเหี้ยมโหด 


  
เมื่อครั้งกษัตริย์ Emhyr ยกทัพเข้าสู่ดินแดนของเรา บุกยึดทุกป้อมที่มีตลอดแนวไปจนสุดเขต Blue Mountain ด้วยความโหดเหี้ยมและกระหายในชัยชนะ “เหล่าราษฎรแห่งอณาจักร์ทางเหนือเอ๋ย ชีวิตเจ้าเข้าสู่วิกฤติแล้ว กษัตริย์ของเจ้าทอดทิ้งให้ชะตากรรมของพวกเจ้าตกอยู่ในกำมือของพระเจ้าที่ไร้ซึ่งอำนาจ แล้วพวกเจ้ามัวแต่คุกเข้าวอนขอต่อสิ่งใดอยู่ จากเศษเถ้าธุรีใต้เข่าเจ้าอย่างนั่นรึ เสียงคร่ำครวญของพวกเจ้า “ทำไม ทำไมพระเจ้าถึงทอดทิ้งพวกเรา” มันได้ประโยขน์อะไร ลองย้อนคิดดูสิ พวกเราล้มเหลวกันมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่โลกจะโยงใยเข้าหากันจนเป็นหนึ่ง หรือการเปลี่ยนแปลงที่พวกทรงความรู้เรียกว่า  การรวมตัวกันของเอกภพ ขอบเขตแห่งพลังอำนาจที่แสนศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าก็ไม่ได้มีอยู่จริงมาตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว Wealth 

จะมีก็แต่ พลังอำนาจที่ลึกลับที่สืบเชื้อสายมาจากกลียุคที่เราเรียกว่า เวทย์มนต์  และ ใช่ .. เราไม่มองข้ามมัน เราเรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นทั้ง พละกำลังและความมั่งมีของเรา และเมื่อเหล่ามอนสเตอร์และปีศาจร้ายมาเคาะประตูบ้าน Trolls ที่แสนโหดเหี้ยม ปีศาจคูดเลือด มนุษย์หมาป่า แล้วคิดว่าเราจะจัดการพวกมันด้วยดาบธรรมดาได้อย่างงั้นรึ หรือจะใช้อย่างอื่นที่พึ่งพาได้มากกว่า สิ่งพิเศษที่เราสร้างขึ้น เราเรียกพวกเขาว่า Witchers จากเหล่าเด็กน้อยที่ถูกพลัดพรากมาสู่เส้นทางของเวทย์มนต์ ร่างกายของพวกเขากลายพันธ์และอัปมงคลกับทุกพิธีการทางศาสนา สถานภาพที่แปลกแยกจากคำว่ามนุษย์แต่มันดีสำหรับที่จะสู้กับเหล่าปีศาจร้าย อนาคตที่ดูจะริบหรี่ของมนุษย์ก็กลับมีทางออกอีกครั้งเพราะพวกเขา ในฐานะเหล่านักสู้ที่เป็น ตัวแทน ของพวกเราในการต่อสู้กับปีศาจร้ายมันนับแต่นั้น  




แต่ก็อีกนั่นแหละ เมื่อวันเวลาผ่านไป เมื่อจำนวนของเหล่า  Witchers เริ่มลดจำนวนลง ภาระหน้าที่ที่เคยถูกกำหนดมาก็ถูกหลงลืมไปพร้อมความเสื่อมถอยของยุคสมัย ทำให้พวกเขาออกเดินทางกระจัดกระจายไปทั่วอณาจักร เส้นทางของพวกเขาเหลือแค่การเป็น นักล่ารับจ้าง ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงินรางวัล จนถึงวันนี้พวกเขาก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไม่ต่างจากพวกเรา




จนเมื่อดินแดนทางเหนือนองไปด้วยเลือดจากสงครามที่เกิดจากบาปของพวกเรา ทัพใหญ่จากอาณาจักร Nilfgaard ศัตรูที่ยากจะต้านทาน และ สิ่งที่เราไม่ควรหลงลืม 






เหล่า  Wild Hunt ภูติพรายที่จะขี่ม้าปีศาจข้ามฟากฟ้ามาจากอีกมิติภพในทุกคืนจันทร์เต็มดวง เพื่อจับตัวลูกหลานเราไปในที่ที่ไม่ใครรู้จัก มีคนเคยพูดไว้ว่าพวกมันคือผู้นำสารของโลกยุคใหม่ที่มืดมิด แล้วเรามีแผนที่จะหาทางกลับไปสู่แสงสว่างได้อย่างงั้นหรอ ? เราจะหาเวทย์มนต์ที่แข็งแกร่งจากที่ไหนในอณาจักรของเราเพื่อต่อกรมันได้ ? ท่ามกลางสงครามที่ทุกฝ่ายกำลังสู้รบกับแบบนี้น่ะหรือ ? 





ใกล้จะถึงยุคสมัยแห่งดาบและขวานอีกแล้ว และเราจะไม่มีวันสู้ศึกนี้ได้หากไม่มีตัวแทนของพวกเราร่วมสู้ ใกล้จะถึงเวลาที่บ้าคลั่งทีแสนน่ารังเกียจแล้ว 


                                                                 PROLOGUE 


อีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางซากศพแบะร่องรอยการต่อสู้อันดุเดือดที่ทิ้งรอยไว้บนสนามรบแห่งหนึ่ง Witcher พรานปีศาจนามอุโคตร Geralt of Rivia พร้อมกับ Vesemir ผู้เป็นปรมจารย์แห่งเหล่า The Witcher ยังคงเดินทางตามหาร่องรอยของ Yennefer แห่ง Vengerberg หญิงคนรักของเขา ซึ่ง Geralt  รู้ดีว่าหลังจากจักรวรรดิ Nilfgaard ได้ความลับทุกอย่างของอาจักรทางเหนือจากเธอแล้วมันคงไม่ไว้ชีวิตแน่นอน แต่หลังจากได้ข่าวจากปากคำของ Letho ศิษย์ที่คิดคดในเหตุการณ์ลอบปลงพระชนย์กษัตริย์ Foltest ว่า Yennefer หนีรอดออกมาได้หลังจากจักรวรรดิ Nilfgaard ได้ยกทัพมา Geralt หรือจะรอช้าที่จะพลิกแผ่นดินตามหาหญิงคนรักในทันที



การสะกดรอยระดับที่เฉกเช่นมองเห็นได้ด้วยตาของ Geralt of Rivia ผู้เป็นตำนานรู้ดีว่าร่องรอยมากมายในสนามรบที่เขาผ่านมานั้นเขาได้ตาม Vesemir มาถูกทางแล้ว เวลาผ่านทั้งวันคืนที่เขาเร่งติดตามหาจนถึงจุดพักม้าที่ทั้ง อาจารย์และศิษย์ต้องหยุดเพื่อพักผ่อน แต่จิตใต้สำนึกของ Geralt ก็ยังพยายามเยียวยาเขาด้วยการนำพาให้เข้าสู่ความฝันเมื่อคืนวันทีแสนสุขในครั้งอดีตในช่วงเวลาที่เปลี่ยวเหงาของยามค่ำคืนพอให้คลายหายคิดถึง


                                                                   หลายปีก่อน ..... 




โรงเรียนหมาป่า Kaer Morhen ในดินแดนแห่ง Kaedwen ป้อมปราการฐานหลักของเหล่า The Witcher 






สำหรับ Geralt ไม่มีอะไรจะสุขไปกว่าการได้นอนแช่น้ำอุ่นอย่างมีความสุขภายใช้ชายคาเดียวกับ Yennefer หญิงคนรักแต่มันจะดีกว่านี้มากนักหากเธอที่รักพาร่างที่เปลือยเปล่าลงมาที่อ่างเดียวกัน อารมณ์เปลี่ยวของ Geralt จากสะดุดกลางขันเมื่อเจอมุขตัวประหลาดลอบเข้าไปขย้ำที่จุดสำคัญที่อยู่ใต้น้ำ ทำเอา Geralt หงุดหงิดว่ามุขตลกแบบนี้ไม่ได้ทำให้เขามีอารมณ์เลยซักนิด แต่ Vesemir ที่นั่งอ่านหนังสือด้วยร่างเกือบเปลือยเปล่ากลับว่า ที่ทำไปไม่ได้ให้ตลก แต่เพื่อเตือนความจำว่าต้องทำอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญในวันนี้ วันที่ Ciri อายุครบที่จะได้รับการฝึกฝนตามที่ Geralt ได้สัญญาเอาไว้ ทำเอา Geralt ต้องลุกสวรรค์น้อยๆเพื่อแต่งตัวไปทำตามที่เธอบอกก่อนที่จะได้จูบที่แสนหวานเป็นรางวัลที่ยอมเชื่อฟัง


                                           Main Quest – KAER MORHEN 

-กด LT ใช้ Witcher Senses มองหาไอเทมกุญแจห้องนอนบนโต๊ะทำงานแล้วไขออกประตูลงไปชั้นล่างได้เลย

Witcher Senses นั้นก็เหมือนกับ Eagle Vision ของภาคีนักฆ่าใน AC นั่นแหละ เป็นความพิเศษในการมอง เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับเหล่าพรานกลายพันธ์ที่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆที่ตาเปล่ามองไม่เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งร่องรอยของเหยื่อ ศัตรู ไปจนถึงไอเทมต่างๆที่สำคัญระหว่างทาง ซึ่งเป็นความสามารถที่หลักที่ Witcher ใช้ในการเอาตัวรอดและแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้เหนือกว่าคนธรรมดา






ทันทีที่ลงมาชั้นล่างก็พบ Vesemir ผู้เป็นปรมจารย์แห่งเหล่า Witcher เมาปลิ้นหลับทับกองหนังสือที่เขาพยายามจดจำแต่เขาก็อดที่ช่วยย้ำเตือนถึงสิ่งที่ Geralt ควรจะสนใจ Ciri ให้มากกว่านี้ เพราะนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร์แล้วไม่รู้ที่เธอต้องฝึกฝนด้วยตัวเธอเองอยู่ที่ลานฝึก Vesemir ถึงกับต้องบอกให้ Geralt ลงไปสอนพื้นฐานการต่อสู้ให้เธอไว้บ้าง อย่างน้อยๆเธอก็ควรจะมีฝีมือติดตัว ส่วนจะได้เข้าเป็น  Witcher หรือไม่นั่นมันก็อีกเรื่องนึง ส่วนข้อความตอบรับของ Geralt ระหว่าง
Don’t get mad of her ไม่อยากให้จะทำให้เธอบ้าการต่อสู้ 
We’ve spoiled her กลัวจะทำให้เธอเกิดอันตราย 
เลือกตอบได้ตาทสะดวกไม่มีอะไรสำคัญ เพราะยัง Vesemir ก็จะตัดบทและสั่งให้ Geralt ลงไปฝึกให้ Ciri ที่ด้านล่างก่อนที่เขาจะตามไป



อย่างที่เกริ่นไว้ในบทนำ Cirilla หรือ Ciri คือตัวละครสำคัญจากในนิยายฉบับ The Last Wish ตอนที่ 5 A Question of Price เมื่อครั้งที่ Geralt ได้ช่วยคลีคลายเหตุความวุ่นวายในพระราชวังแห่ง Cintra เอาไว้ได้ จน Geralt ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าหญิง Pavetta และ Urcheon of Erlenwald สวามีที่เป็นอมนุษย์ของเธอให้รับ Ciri บุตรีของเธอเป็นศิษย์ตามสัญญาที่เคยให้ไว้นั่นเอง แต่จริงๆแล้วขอตกลงของ Geralt ที่เป็นพันธะสัญญาในการปฏิบัติภารกิจนั้น จะต้องเป็นลูกชายของทั้งคู่ แต่เมื่อคลอดออกมาเป็นลูกสาวเขาก็ไม่มีทางเลือกที่ต้องรับมามารยาท  

เมื่อ Geralt ลงมาเห็น Ciri ฝึกด้วยตนเองแบบมั่วๆไม่ต่างอะไรกับฝึกละครสัตว์ ก็ทำให้เขารู้แล้วว่าทำไมเธอถึงต้องมีพื้นฐานการต่อสู้ไว้ติดตัว Geralt ถามว่าจะฝึกไปเพื่ออะไร Ciri ตอบทันใดว่า เพื่อเป็น Witcher ซึ่งหลังจากที่ Geralt ย้ำเตือนว่าถ้าอยากจะเป็นมันไม่ง่ายเพราะต้องเปลี่ยนร่างกายให้กลายพันธ์ก่อนจะจบลงด้วยการฝึกอย่างโหดเหี้ยมจากคุณลุง  Vesemir ต่ออีกไม่รู้จบ และทุกอย่างต้องได้รับการฝึกจากอาจารย์เท่านั้นด้วย ทำเอา Ciri ถึงกับถอดใจเพราะทนความสยองไม่ไหว แต่  Geralt ก็จะให้รางวัลปลอบใจด้วยการฝึกการต่อสู้ขั้นพื้นฐานให้
เลือกตอบ of Course เพื่อเริ่มฝึก Tutorial 
หรือ Not this time เพื่อข้ามการฝึก 

-เรียนรู้การวิ่งด้วยการกด A ค้างและการปีนข้ามสิ่งกีดขวางด้วยปุ่ม B แล้ววิ่งแข่งกับ Ciri ไปจนสุดทางจะชนะหรือแพ้ก็ไม่เป็นไรครับ เมื่อวิ่งเข้ามาถึงลานฝึกก็จะพบ Vesemir รออยู่ เขาสั่งให้ทุกคนจับคู่เพื่อฝึกต่อสู้ Eskel กับ Lambert ตัวเขากับ Geralt และ Ciri กับเจ้าหุ่นซ้อมดาบ สร้างความเซ็งให้กับ Ciri มากมาย



-เรียนรู้ระบบกาต่อสู้ – (จากเวอร์ชั่น Joy Xbox PC)
- ปุ่มทิศทางซ้ายชักดาบเหล็ก (สำหรับต่อสู้กับมนุษย์) / ปุ่มทิศทางขวาชักดาบเงิน (สำหรับต่อสู้กับปีศาจ)
X – โจมตีเบา
Y – โจมตีหนัก
B – การแดชหลบ ซึ่งสามารถใช้ทั้งการแดชหลบการโจมตีและการพุ่งเข้าไปโจมตีในระยะสั้นๆได้ด้วย
A + LS – กลิ้งตัวหลบ
LT – กดค้างเพื่อปัดป้อง (Parry) / กดในจังหวะที่ถูกโจมตีจะเป็น Counter Attack 
RB –เลือกใช้อาวุธหรือไอเทมเสริมในการต่อสู้ เช่นระเบิดต่างๆ 
RT – ใช้อาวุธหรือไอเทมเสริมในการต่อสู้ที่เลือกเอาไว้ 
LB – เลือกใช้เวทย์มนต์
LT – ใช้เวทย์มนต์



เวทย์มนต์ของ Geralt นั้นประกอบด้วย SIGN ต่างๆคือ 
Quen – เวทย์บาเรียป้องกันตัว (หนึ่งการร่ายเวทย์เท่ากับป้องกัน 1 การโจมตีเท่านั้น) 
Igni – เวทย์ไฟ ยิงลูกไฟศัตรู 
AARD – เวทย์อัดกระแทก ทำให้ศัตรูกระเด็นออกห่างและเสียจังหวะในการโจมตี 
AXII – เวทย์สะกดจิต ทำให้ศัตรูมึนงง 
YRDEN  - กับดักเวทย์มนต์ ในกรอบของเวทย์นี้ศัตรูที่เป็นมนุษย์ที่เข้ามาในเขตจะเคลื่อนไหวช้าลง ส่วนพวกปีศาจจะอ่อนแอลงและถ้าเป็นพวกภูติพรายที่โจมตีไม่ได้ก็จะปรากฏกร่างออกมาทำให้โจมตีได้ 
** เวทย์มนต์ต่างๆจะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อเกทสีเหลืองเต็ม และเมื่อเกทมันหมดก็ต้องรอสักพักจนมันเต็มอีกครั้งจึงจะใช้เวทย์มนต์ได้อีก **  

-หากต้องการยุติการฝึกก็ทำได้โดยกดปุ่มทิศทางซ้ายเพื่อเก็บดาบการฝึกก็จะจบลง

เมื่อจบการฝึกแล้ว Geralt จะเห็น Ciri วิ่งหนีไป เขาจึงเข้าตรวจดูที่หุ่นซ้อมจะพบว่า Vesemir ใช้ศพคนจริงๆเอามาใช้ซ้อม ทำเอา Geralt โกรธมากแต่ในขณะนั้นเอง ไอเย็นสุดขั้วก็แผ่กระจายเข้ามา พร้อมกับเรือปีศาจที่ออกมาจากท้องฟ้าพร้อมกับพวก Wild Hunt กลุ่มใหญ่ เจ้าตัวหัวหน้ากล่าวทักทาย Geralt เหมือนเพื่อนสนิทก่อนที่จะเดินเข้ามาฟันใส่ร่างของ Ciri ที่แข็งเป็นน้ำแข็งจนแตกกระจายไปต่อหน้าต่อตา Geralt  … 





แต่โชคดีที่มันเป็นแค่ความฝัน .. แต่ Vesemir ก็อดไม่ได้ที่ต้องถามเพราะความห่วงใย Geralt ก็บอกไปว่ามันก็แค่ฝันร้ายที่เขาฝันถึง Ciri ถูกพวก Wild Hunt ฆ่าตาย จึงได้แต่คิดว่าจะเกิดอันตรายกับเธอจริงๆ Vesemir เห็น  Geralt เร่งรีบในการเดินทางมากนักจึงข้อดูจดหมายที่ Yennefer ส่งมาถึงเขา ข้อความในจดหมายมีว่า



“ ขอโทษด้วยที่ไม่มีเวลาถามไถ่เรื่องทุกข์สุข หลายปีผ่านไปที่ไม่ได้เจอกันแต่ทุกวันที่อยู่ด้วยฉันก็มีความสุข ฉันมีบางอย่างที่สำคัญมาจะบอก เราต้องมาเจอกัน ขี่ม้ามาตามเส้นทางสู่ VIZIMA ฉันอดใจที่เราจะเจอกันอีกแทบไม่ไหว อยากให้เธอรีบมาหน่อยเพราะฉันคงรอนานไม่ได้ แต่หากเกิดเหตุที่ทำให้เราไม่ได้เจอกันกว่าจะได้พบกันอีกครั้งก็คงอีกนานแสนนาน “
ป.ล ฉันยังเก็บยูนิคอร์นไว้เสมอ .. จาก Yennefer

- ในขณะที่ Vesemir เข้ามาแซว Geralt เรื่องคำว่า Unicorn ที่ท้ายจดหมายว่ามันหมายถึงอะไร พวก Ghouls จำนวนนึงก็บุกเข้ามา จัดการพวกมันให้หมดซึ่งถือว่ามันเป็นศัตรูกลุ่มที่ให้ทดสอบฝีมือก่อนออกเดินทาง จัดการมันให้หมดเก็บไอเทมต่างๆรอบๆให้หมดแล้วขึ้นขี่ม้าออกเดินทางตาม Vesemir ไปได้เลย


                                                         Main Menu

1 Glossary การอธิบายข้อมูลต่างๆ
- Bestiary ข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ต่างๆที่เจอมา (Beast) ซึ่งสำคัญมากในการหาจุดอ่อนของมอนสเตอร์ตัวนั้นๆโดยในข้อมูลจะบอกรายละเอียดเสริมว่ามอนสเตอร์ตัวนั้น แพ้ทางเวทย์อะไร แพ้ยาเสริมพลังอะไร ให้ด้วย ข้อมูลพวกนี้หากเรานำไปใช้ในการรับมือกับพวกมันก็จะทำให้จัดการกับศัตรูตัวนั้นๆได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิมมาก
- Tutorial ระบบเบื้องต้นทั่วไปของเกม
- Character ข้อมูลตัวละครสำคัญในเกมที่เจอ
- Crafting  หรือการตีอาวุธและชุดสวมใส่ ซึ่งช่างที่ทำได้ก็แยกประเภทกันด้วย ตีอาวุธกับ Blacksmith ในแผนที่จะเป็นรูปที่ตีดาบ และ ช่างชุดเกราะ Armories ในแผนที่จะเป็นชุดเกราะ ประกอบด้วย
Chest Armor – ชุดที่ใช้สวมใส่ต่างๆ
Crafting Component ส่วนประกอบที่ใช้ในการผสม
Crossbow Bolt ลูกธนูพิเศษในแบบต่างๆ
Silver Sword ดาบเงิน
Steel Sword ดาบเหล็ก
2. Alchemy การเล่นแร่แปรธาตุ สำหรับผสมยาเสริมพลังด้านต่างๆ ประกอบด้วย
- Alchemy Substance สูตรผสมยา ที่เมื่อหามาได้ก็จะทำให้สามารถรู้ถึงส่วนผสมไอเทมนั้นๆได้ ก็จะมีทั้ง
วัตถุดิบๆต่างๆในการผสม
 Mutagen สีต่างๆ
 ระเบิดชนิดต่างๆ
Decoction หรือ Potion ที่มี Mutagen เป็นส่วนผสมเป็นยาสูตรเฉพาะของ Witcher สำหรับเพิ่มสถานะภาพในการต่อสู้แต่จะมีผลข้างเคียงทำให้ติดพิษในกระแสเลือดซึ่งต้องใช้ความสามารถในการต้านทานพิษ (Toxicity Level) เพื่อจะได้ใช้ยาพิษเพิ่มพลังนี้ให้เกิดประโยชน์ได้
- Oil ก็คือ น้ำยาเคลือบดาบทีใช้เพิ่มพลังโจมตีกับศัตรูชนิดต่างๆเพื่อความได้เปรียบในการต่อสู้
- Potion ก็คือ ไอเทมเติมพลังชีวิต (Vitality Regeneration) และเสริมความสามารถในการต่อสู้
** ยาต่างๆที่ผสมออกมาได้นั้นจะผสมออกมาได้แค่ครั้งเดียว แต่เมื่อใช้หมดแล้วนอน 1 คืนยาก็จะเติมเต็มให้ใหม่อีกครั้ง **
3. Inventory การสวมใส่อาวุธเครื่องป้องกันและไอเทมต่างๆ โดยอาวุธแต่ละชนิดจะต้องใช้ระดับเลเวลของตัวละครให้เท่าหรือมากกว่าระดับเลเวลของอาวุธด้วยจึงจะสวมใส่ใช้งานได้
4. World map แผนที่ จุด Fast Travel ตามสถานที่ต่างๆนั้นต้องเดินทางไปถึงสถานที่นั้นๆก่อนจึงจะสามารถปลดล็อกให้ใช้งานในการวาร์ปไปมาระหว่างป้ายได้และให้จุดในแผนที่เป็นรูปป้ายสีเขียว
5. Quest ภารกิจต่างๆในเกม

Quest ภารกิจต่างๆในเกมประกอบด้วย
- Main Quest ภารกิจหลักของเนื้อเรื่อง
- Secondary Quest ภารกิจเสริมต่างๆ ที่สามารถรับงานได้ตามบอร์ด Notice Board หรือจากพวกชาวบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งจะปรากฏในแผนที่ในรูปเครื่องหมาย! สีเหลือง สำหรับเกมนี้นั้น เงิน สำคัญมากๆเพราะหาได้น้อยและความจำเป็นต้องใช้เยอะมาก การหาเงินที่ดีทีสุดก็คือ เควสย่อยต่างๆนี่แหละ
- Witcher Contracts ภารกิจเฉพาะของ Witcher ส่วนใหญ่จะเป็นภารกิจล่ามอนสเตอร์ที่คนธรรมดาทำไม่ได้
-Treasure Hunts ภารกิจตามหาสมบัติต่างๆที่ซ่อนอยู่
** โดยสามารถดูรายชื่อของภารกิจต่างๆได้ในเมนู Quest ซึ่งหากต้องการจะทำเควสไหนก็สามารถกำหนดที่ชื่อเควสนั้นๆได้เลย จุดสีเหลือเป้าหมายของเควสที่เลือกก็จะแสดงให้เห็นในแผนที่ทันที (ยกเว้นเควสตามหาไอเทมสะสมที่จะมองไม่เห็นจุดหมายขึ้นมา) และทุกเควสก็จะบอกให้รู้ถึงเลเวลที่เหมาะสมที่จะทำเควสนั้นๆด้วย ซึ่งจะเป็นสีเขียวเมื่อระดับเลเวลที่ดูแล้วพอที่จะลุยไหว หรือ สีแดงคือภารกิจที่มีความเสี่ยงสูงหรือเลเวลของเราต่ำไปนั่นเอง แต่การบอกถึงระดับเลเวลที่เหมาะสมนั้นไม่ใช่เป็นข้อห้าม เพราะถ้าคุณมีฝีมือและกึ๋นมากพอก็สามารถทำเควสนั้นๆได้จนผ่านได้เหมือนกัน แต่ถ้าระดับของเลเวลภารกิจสูงของเลวเวลตัวละครมากก็อยากที่จะไปฝืนน๊ะครับ ) ** 

6. Character ข้อมูลสเตตัสของตัวละคร และ การอัพ Ability Skill  
ก็เหมือนกับเกม RPG ทั่วๆไป สิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆเลยก็คือค่า Exp และเงิน หลังจากจบภารกิจต่างๆก็จะได้ทั้งเงินและค่าประสบการณ์มา ซึ่งค่า Exp มันก็จะถูกนำไปเพิ่มระดับเลเวลของตัวละครนั่นเอง ซึ่งระดับเลเวลนั้นนอกจากเรื่องความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็จะมีผลทำให้สามารถสวมใส่อาวุธและเครื่องป้องกันต่างๆตามระดับเลเวลกำหนดด้วย และทุกๆการเติบโต 1 เลเวลก็จะได้ Ability Point มาด้วย 1 Point เพื่อเอาไว้อัพความสามารถพิเศษต่างในตาราง Ability ที่อยู่ในเมนู Character นี้ โดยใช้ Ability Point ในการปลดล็อกและนำมาสวมใส่ในช่อง Ability Slot เพิ่มเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวละคร โดยช่องต่างๆของ Ability Slot นั้นจะเพิ่มขึ้นได้ด้วยการเพิ่มระดับเลเวลของตัวละคร ส่วน Skill ระดับต่างๆของแต่ละสายจะปลดล็อกเพิ่มขึ้นจากระดับของ Ability Point ทั้งหมดที่สะสมได้





                                                         Ability Skill

Combat เพิ่มความสามารถในสายการต่อสู้ [Skill สีแดง] 
1. Fast Attack 
Muscle Memory – เพิ่มพลังโจมตีของการโจมตีแบบเบา (5ระดับ) 
Precise Blow – เพิ่ม Critical hit (5ระดับ)
Whirl – เพิ่งระยะโจมตีของวงรอบในการแกว่งดาบให้กว้างขึ้น
Crippling Strikes – ทำให้ศัตรูที่โดนโจมตีติสถานะเลือดออก HP ของศัตรูจะลดครั้งละ 25 HP ไปเรื่อยๆ
2. Strong Attack 
Strength Training – เพิ่มพลังโจมตีของการโจมตีแบบหนัก (5ระดับ)
Crushing Blow - เพิ่ม Critical hit (5ระดับ)
Rend – ทำให้ค่าโจมตีคงที่ตลอดโดยไม่สนระดับความแตกต่างของพลังป้องกันของศัตรู
Sunder Armor – ทำให้พลังโจมตีของศัตรูลดลง 5 % 
3. Defense
Arrow Deflection – เพิ่มพลังป้องันธนู (5ระดับ)
Fleet Footed – ในขณะแดชหลบจะลดการเสียหายจากการถูกโจมตีลงได้ 20 %
Counterattack – หลังจากทำเค๊าท์เตอร์แอดแทคได้แล้ว จะทำให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 30 % ในการโจมตีสวนกลับ
Deadly Precision – Adrenaline Point จะเพิ่มขึ้น 1 % ทันที หลังจากฆ่าศัตรูได้อย่างรวดเร็ว
4. Marksmanship 
Lighting Reflexes – เพิ่มระยะเวลาของการสโลว์เวลาขณะซูมยิงอีก 15 %
Cold Blood – ยิงหน้าไม้ติดสถานะพิเศษต่างๆ
Anatomical Knowledge - เพิ่ม Critical hit (5ระดับ)
Crippling Shot - เพิ่ม Critical hit และทำให้ยกเลิกความสามารถพิเศษของศัตรู
5. Battle Trance Lowered 
Resolve – Adrenaline Point จะเริ่มเสียไปต่อเมื่อถูกโจมตีจนได้รับความเสียหาย 20 %
Undying –เมื่อ HP เหลือ 0 จะสามารถเอา Adrenaline Point ที่มีอยู่มาใช้ทดแทนได้
Razor focus – เมื่อเข้าต่อสู้ศัตรู Adrenaline Point จะเพิ่มขึ้น 1 ช่องทันทีและเพิ่มพลังโจมตีอีก 5 %
Flood of Anger – คณะที่ใช้เวทย์มนต์ค่า Adrenaline Point ที่มีจะไปเพิ่งระดับของเวทย์นั้นๆให้สูงขึ้นอีก 25 %

SIGNS  เพิ่มความสามารถสายเวทย์ [Skill สีน้ำเงิน]
1. Aard Signs เวทย์อัดกระแทก
Far – Reaching  Aard – เพิ่มระยะการอัดกระแทก 1 หลา 
Aard Sweep – ทำให้ศัตรูมีโอกาสเกิดสภาพ น็อคดาวน์ เพิ่มขึ้น
Aard Intensity – เพิ่มระดับความรุนแรงของเวทย์อีก (5ระดับ)
Shock Wave – อัดกระแทกแล้วทำให้ศัตรูบาดเจ็บด้วย 40 Damage 
2. Igni Signs เวทย์ไฟ
Melt Armor – สามารถสร้างความเสียหายกับศัตรูที่มีเกราะได้มากขึ้น 15 %
Fire Steam – เพิ่มความต่อเนื่องของพลังไฟที่ยิ่งออกมาให้มากขึ้น
Igni Intensity – เพิ่มระดับความรุนแรงของเวทย์อีก (5ระดับ)
Pyromaniac – เพิ่มระดับความไหม้ให้รุนแรงขึ้นอีก 20 %
3. Yrden Signs เวทย์กับดักเวทย์มนต์
Sustained Glyphs – กับดักเวทย์ 1 วงจะส่งผลกับศัตรูที่เข้ามาในเขตพร้อมกัน 2 ตัว
Magic Trap – เพิ่มความกว้างของวงเวทย์อีก 10 หลาและป้องกันการยิงกระสุนเวทย์ของศัตรูไม่ให้ผ่านเข้ามาด้วย
Yrden Intensity – เพิ่มระดับความรุนแรงของเวทย์อีก (5ระดับ)
Supercharges Glyphs –ลด HP ของศัตรูที่เข้ามาในวงเวทย์ 10 point ต่อนาที
4. Quen Signs เวทย์บาเรีย
Exploding Shield – เมื่อศัตรูเข้ามาโจมตีบาเรียจะเกิดการระเบิด
Active Shield – ดูดซับแรงโจมตีของศัตรูมาเป็น HP
Quen Intensity – เพิ่มระดับความรุนแรงของเวทย์อีก (5ระดับ)
Quen Discharge – สะท้อนพลังโจมตีใส่ศัตรูที่โจมตีเข้ามา 5 %
5. Axii Signs เวทย์สะกดจิต
Delusion – สะกดจิตทำให้ศัตรูไม่เดินหน้าเข้ามาโจมตี และ เพิ่มระดับการสะกดจิตในไดอาล็อกการพูดคุยให้สูงขึ้น
Puppet – ทำให้ศัตรูที่ถูกสะกดมาช่วยต่อสู้
Axii Intensity – เพิ่มระดับความรุนแรงของเวทย์อีก (5ระดับ)
Domination – ทำให้สามารถสะกดจิต 2 เป้าหมายได้พร้อมกัน และเอฟเฟคมีผลมากขึ้นอีก 50 %

Alchemy การผสมยา เล่นแร่แปรธาตุ [Skill สีเขียว]
1. Brewing (เกี่ยวกับ Potion น้ำยาเพิ่มพลังด้านต่างๆ)
Heightened tolerance – เพิ่มขีดจำกัดของการใช้ยา (Overdose) ขึ้นอีก และเพิ่มระยะเวลาการใช้ยาอีก 5 % (5ระดับ)
Refreshment – เพิ่มความเร็วในผลของยาเติมพลังขึ้นอีก 5 % 
Delay Recovery – ผลของ Potion ที่ใช้ไว้จะหมดฤทธิ์ช้าลง
Side Effects – ผลของ Potion เดิมที่ใช้จะยังคงออกฤทธิ์ 20 % หลังจากเลือกใช้ Potion อีกชนิดเพิ่มต่อเนื่องเข้าไป
2. Oil Preparation (เกี่ยวกับน้ำยาเพิ่มความสามารถ)
Poison Blade – เพิ่มฤทธิ์ของ Oil ที่ใช้ทำดาบพิษขึ้นอีก 3 % (5ระดับ)
Protective coating – เพิ่มพลังป้องกันกับมอนสเตอร์ชนิดเดียวกับที่ Oil ที่เลือกใช้ (5ระดับ)
Fixative – Blade oil จะมีประสิทธิ์ภาพการใช้ที่ทนนานขึ้น 30 %
Hunter Instinct – เมื่อค่า Adrenaline Point เต็ม Oil ที่ใช้จะส่งผลกับศัตรูชนิดเดียวกันมากขึ้นอีก 20 %
3. Bomb Creation
Steady Bomb – ระยะหน่วงเวลาขณะขว้างระเบิดนานขึ้น 15 % (3ระดับ)
Pyrotechnics – ไม่ได้รับความเสียหายจากระเบิดในกรณีที่เป็นระเบิดธรรมดาที่มีพลังโจมตีน้อยกว่า 30 
Efficiency – เพิ่มจำนวนระเบิดที่ถือให้มากขึ้น   (5ระดับ)
Cluster Bomb – เพิ่มรัศมีการทำลายของระเบิดให้มีชิ้นส่วนกระจัดกระจายมากขึ้น  (5ระดับ)
4. Mutation (เกี่ยวกับการผสม Mutagen)
Acquired tolerance – ทุกๆ สูตรปรุงยาระดับ 1 จะเพิ่มค่า (Toxicity Level) ความทนทานต่อพิษขึ้น 1 ระดับ (การกินยาของ Witcher จะมีการสะสมพิษในร่างกาย)
Tissue Transmutation – เมื่อดื่ม Mutagen decoction แล้วจะเพิ่มพลังชีวิต 200 และมีผลอย่างต่อเนื่อง 
Synergy – ผลจากโบนัสของ Mutagen ที่นำมาในช่อง Slot จะเพิ่มขึ้นอีก 10 % (5ระดับ)
Adaptation – ผลจากเอฟเฟคต่างๆของ Mutagen ทุกชนิดที่ผสมออกมาเพิ่มขึ้นอีก 10 % (5ระดับ)
5. Trial of the Grasses (เกี่ยวกับด้านต้านทานพิษของ Potion ) 
Frenzy –  เมื่อผลของการติดพิษจาก Potion หมดลง จะเกิดการสโลว์เวลาขึ้นอัตโนมัติในจังหวะที่ศัตรูโดนเค๊าท์เตอร์แอดแทค
Endure pain – เพิ่มระดับสูงสุดของ HP ขึ้นอีก 10 % หากเริ่มมีเกิดอาการติดพิษจาก Potion  
Fast metabolism –การติดพิษจาก Potion จะหายได้เร็วขึ้น
Killing spree – เมื่อผลของการติดพิษจาก Potion หมดลง Critical Hit จะเพิ่มขึ้น 10 % (5ระดับ)

General เพิ่มความสามารถทั่วไป [Skill สีเหลือง]
Sun and Stars - ในเวลากลางวันจะช่วยเพิ่งระดับ HP ให้ 1 Point ต่อนาทีในขณะที่ไม่ได้อยู่ในการต่อสู้ และในตอนกลางคืน เกท Stamina จะเพิ่มขึ้น 1 Point ต่อนาทีขณะต่อสู้
Survival Instinct – เพิ่ม HP 500 point
Cat School Techniques – เมื่อสวมใส่เกราะเบา Light Armor จะเพิ่ม Critical Hit 25 % และเพิ่มพลังโจมตีของ Fast Attack อีก 5 %
Griffins School Techniques – เมื่อสวมใส่เกราะขนาดกลาง Medium Armor จะเพิ่มพลังโจมตีของเวทย์ 5 % และเกท Stamina ก็จะฟื้นคืนเร็วขึ้นอีก 5 %
Bear School Techniques – เมื่อสวมใส่เกราะหนัก Heavy Armor  จะเพิ่ม HP 5 % และเพิ่มพลังโจมตีของ Strong Attack อีก 5 %
Steady Shot – เพิ่มพลังโจมตีของลูกธนูสายฟ้าอีก 25 %
Rage Management – หากอยู่ในสภาพที่เกท Stamina ต่ำจะสามารถใช้ Adrenaline Point แทนเกทพลังเวทย์ได้
Adrenaline Burst – เพิ่ม Adrenaline Point 5 % 
Focus – ค่า Adrenaline Point จะส่งผลให้ทั้งการโจมตีด้วยอาวุธและเวทย์รุนแรงมากขึ้น 
Metabolism Control – เพิ่มค่าต้านทานพิษ (Toxicity) อีก 30 Pont 

Mutagens - ยีนส์กลายพันธ์พิเศษที่ได้จากแรร์มอนสเตอร์ต่างๆหรือได้จากการผสมสกัดออกมา เมื่อนำมาสวมใส่ในช่องของ Ability Slot แล้ว ก็จะสามารถใช้ความสามารถต่างๆจากมันมาเสริมได้ เช่น + พลังชีวิต + พลังโจมตี เป็นต้น และหากเป็น Mutagens สีเดียวกันกับชุด Skill ที่ใส่เข้าไป เช่น Skill แดง กับ Mutagens แดง ก็จะทำให้ได้ Ability Bonus ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ในขณะที่ผสมมันออกมาก็ยังจะได้ Alchemy ingredient Bonus เสริมสเตตัสต่างๆอีกต่อนึงอีก

7. Meditation การพักแรม จะเรียกว่านอนหลับมันจะธรรมดาไป ซึ่งจริงๆแล้วก็คือการเข้าญาณของ Witcher ที่สามารถกำหนดเวลาในการตื่นได้และนอกจากพลังชีวิตจะกลับมาเต็มแล้ว ขวดไอเทมต่างๆที่ได้จากการผสมไอเทมที่เคยใช้หมดไปแล้วก็จะถูกเติมให้จนเต็มหมดด้วย

                     เรียนรู้ระบบเบื้องต้นเกี่ยวกับการเดินทางในโลกกว้าง

1. การ Save Games นอกเหนือจาก ออโต้ เซฟ ปกติที่ส่วนใหญ่ซึ่งจะเซฟอัตโนมัติให้ตามจุดที่ออกมาจาก Fast Travel และจุดก่อนหรือสิ้นสุดเหตุการณ์สำคัญให้ แต่เราก็ยังสามารถเซฟเกมได้ทุกที่โดยการกดปุ่ม Back เข้าเมนู Save game จากปุ่ม Back ได้ด้วย เรียกว่า Manual Save หรือเซฟกันเหนียว เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเซฟไว้ตลอดเพราะการเดินทางสามารถเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ได้มากมาย ทั้งการเลือกตอบคำถามและอาจเจอศัตรูที่เก่งกว่าแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวตลอด ถ้าเกิดผิดพลาดก็เลือก Load จากเซฟนั้นได้เลย
2.  การใช้ไอเทมเติมพลังชีวิต (Vitality Regeneration) และไอเทมเสริมความสามารถประเภท Oil ต่างๆ
- เซ็ทไอเทมที่ต้องการใช้ในช่องไอเทมในเมนู
- กดปุ่มทิศทางขึ้นบนหรือลงล่างเพื่อใช้ไอเทมที่เซ็ทเอาไว้
3. จุดสำคัญในแผนที่ที่เป็นเครื่องหมาย ? ซึ่งเป็นจุดที่มีการต่อสู้และภารกิจในเหตุการณ์ย่อยต่างๆที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์และเงินทองทั้งสิ้น เช่น
- จุดตั้งแคมป์ของพวกโจร เข้ามาจัดการพวกมันเพื่อเก็บของดีๆในแค้มป์ของมัน
-จุด Abandoned Site หรือพื้นที่ที่ถูกพวกมอนสเตอร์เข้ายึดครองเมื่อเข้าไปเคลียร์พื้นที่ได้พวกชาวบ้านก็จะกลับมาสร้างที่เมืองเล็กๆใหม่ขึ้นมาเพิ่ม และทำไห้ได้ค่าประสบการณ์และเงินมากเอาการอยู่
- จุดซ่อนกล่องสมบัติ ที่ส่วนใหญ่จะมีมอนสเตอร์ป้วนเปี้ยนอยู่มากมายที่ต้องลุยเข้าไปเก็บ
- Place of Power แท่นหินพลังเวทย์ หากเข้าไปดูดพลังมาจะทำให้ได้ Ability Point มา 1 Point ฟรีๆ แต่ส่วนใหญ่จะมีมอนสเตอร์เก่งๆเฝ้าอยู่
4. Monster Nest รังมอนสเตอร์ในแบบต่างๆ เข้าไปจัดการให้หมดแล้วใช้ระเบิดทำลายรังของมันจะได้ทั้งค่า Exp และของดีๆด้านในมากมาย
5.จุด Fast Travel  จุดเดินทางเร่งด่วนหรือจุดวาร์ปก็แล้วแต่จะเรียก ก็คือ ป้ายสีเขียวของเมืองและสถานที่ต่างๆในแผนที่สามารถเข้าไปสำรวจแล้วเดินทางไปมาระหว่างที่ต่างๆตามป้ายได้เลย ซึ่งครั้งแรกนั้นจะไม่สามารถวาร์ปได้โดยต้องเคยเดินทางไปสถานที่นั้นจนปลดล็อกป้ายก่อนจึงจะสามารถ Fast Travel ได้
6. การขี่ม้า (เจ้า Roach) 
-กดแกนอนาล็อกซ้าย LS 2 ครั้งเพื่อเรียกมันมาใช้งาน
- กด A 2 ครั้งเพื่อสั่งให้ควบเร็ว (มีเกทความเหนื่อยและเกทความกลัวด้วย)
- กด B กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง
- กด B ค้าง ลงจากหลังม้า
7. การว่ายน้ำ
-กด A ค้าง ว่ายน้ำ
-กด X ดำน้ำ (มีเกทของอากาศที่หายใจด้วย)
- กด B ลอยตัวโผล่ขึ้นจากน้ำ


                                      Main Quest – LILAC AND GOOSEBERRIES 


พฤษภาคม ปี 1272 TEMERIA ถนนสู่ VIZIMA ..

-ขี่ม้าตาม Vesemir ไปตามทางจนผ่านหมู่บ้าน Ransacked Village ไปก็จะเจอชาวบ้านคนนึงกำลังถูก Griffins เข้าโจมตี โดย Geralt กับอาจารย์ Vesemir จะรีบเข้าไปช่วยทันที ซึ่งโชคดีที่ไม่ได้มีการปะทะมาเพราะ Griffins มันหวงแตกศพที่เป็นอาหารจึงเข้าโจมตีไม่นานก็บินหนีไป แต่ก็ทำให้ Vesemir โดนโจมตีจนบาดเจ็บไปเล็กน้อยเหมือนกัน ชาวบ้านชายแนะนำตัวว่าเข้าชื่อ Bram และพยายามจะให้ค่าตอบแทนกับ Geralt เพราะรู้ว่า Witcher นั้นจริงจังเกี่ยวกับเรื่องค่าจ้างมาก ถ้าไม่ใจดำมากก็เลือกไม่รับไปซะ Geralt ก็จะบอกว่าครั้งนี้ไม่ได้ถูกร้องขอแต่ตั้งใจมาช่วยเอง ก่อนที่ Geralt จะถามถึงเรื่อง Yennefer ไปแต่ Bram จะบอกไม่เคยเห็นแต่เขาจะแนะให้ไปหาพี่สาวเขาที่ชื่อ Elisa ที่เป็นเจ้าของบาร์ในเมือง White Orchard อาจจะเคยเห็นเพราะมีคนผ่านไปมาเยอะกว่าที่นี่



                                                หมู่บ้าน  White Orchard 


- เดินทางต่อไปหน่อยตามจุดเป้าหมายสีเหลืองก็จะถึงบาร์ในเมือง White Orchard บาร์ที่เต็มไปด้วยทหารของ Termiria ที่กำลังสิ้นหวังซ้ำสองกับทั้งโดนกองทัพของ Nilfgaard บุกยึดแถมยังโดน Griffins ออกมาก่อกวนอีก หลังจากพูดคุยกับ Elisa ที่เป็นเจ้าของบาร์เธอจะขอบคุณที่ช่วยน้องชายของเธอ แต่เธอก็ไม่เห็นผู้หญิงตามที่ Geralt สอบถาม แต่เธอก็แนะนำให้ถามพวกนักเดินทางต่างๆในบาร์นี่ก็น่าจะมีคนพอรู้บ้าง คุยจบก็จะสามารถซื้อไอเทมต่างๆได้จาก Elisa ได้แล้ว




- จากนั้นในบาร์จะมีคนที่หาข้อมูลได้ 3 คนคือ กลุ่มนักเดินทางขี้เมาที่ต้องใช้เวทย์ AXII สะกดจิตเพื่อความสะดวก ซึ่งบางคนนั้นสามารถใช้เวทย์สะกดจิตเพื่อเปลี่ยนให้พวกเขาให้ความร่วมมือได้โดยสังเกตจากไอดาล็อกคำพูดที่มีตราของเวทย์ AXII ขึ้นมาให้เห็น แถมใช้วิธีนี้ยังได้ค่า Exp เป็นรางวัลให้เล็กน้อยด้วย , ชายต่อไปเป็นนักเขียน เขาไม่รู้อะไรนอกจากเรื่องไพ่ ซึ่งสามารถเล่นไพ่ Gwent Card กับเขาได้และใครที่สามารถเล่นไพ่นี้ได้จะมีรูปไพ่อยู่ในไอดาล็อกคำพูด คุยจบก็จะได้เมนู Gwent Deck ในการจัดชุดไพ่ตามความถนัดได้แล้ว , ส่วนคนสุดท้ายคือ Gaunter O’Dem ซึ่งเขาจะบอกว่าเห็นผู้หญิงที่ว่าเดินทางไปยังค่ายทหารของพวก Nilfgaard กลับไปคุยกับ อาจารย์ Vesemir เขาจะกินเหล้ารออยู่ที่นี่แล้วให้ Geralt ไปหาข่าวด้วยตัวเอง
- ออกจากบาร์เข้ามาในเมืองก่อนออกเดินทางไปทำเควสต่อก็ลองสำรวจดูให้หมดก่อน ซึ่งที่นี่จะมีกระดาน Notice Board อยู่ด้วยซึ่งจะมีใบจ้างงานเควสย่อยต่างๆที่มีคนมาแปะไว้มากมายให้เลือกทำ หนึ่งในเควสย่อยที่สำคัญเควสนึงก็คือ

Secondary Quest – Twisted Fire Starter 



- เป็นเควสของ Dwarf Willis ซึ่งเป็นร้านตีดาบของเมือง รับเควสแล้วกำหนดจุดหมายภารกิจให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปคุยกับเขาที่ร้านเขาจะให้ตามหาคนที่วางเพลิงในเมืองที่หนีไปได้ จากนั้นไปที่จุดเหลืองเป้าหมายแล้วกด LT ใช้ Witcher Sense มองหารอยเท้าแล้วตามรอยเท้าไปจนถึงเรือ ข้ามสะพานไปลองใช้ Witcher Sense มองดูจะเห็นรอยเท้าไปต่อ ตามไปจนถึงบ้านที่มีชายที่เป็นคนวางเพลิงอยู่ แน่นอนว่ามันไม่ยอมมาด้วยแน่ คุยกับมันจะมี ไอดาล็อกคำพูดที่มีตราของเวทย์ AXII ขึ้นมาเพื่อสะกดจิตมันให้เดินตามมาจนถึงร้านตีดาบของ  Dwarf Willis คนร้ายวางเพลิงก็จะโดนจับ ส่วนร้านตีดาบก็จะเปิดให้บริการปกติแล้ว  

- จากนั้นกำหนดภารกิจเป็น Main Quest – LILAC AND GOOSEBERRIES อีกครั้งแล้วเดินทางไปตามจุดหมายสีเหลืองที่ป้อมของทหาร Nilfgaard  (Nilfgaard Garrison) คุยกับทหารหน้าป้อมตอนแรกจะไม่ให้เข้าเพราะมันคิดว่า Geralt เป็นตัวสร้างปัญหาแต่พอ Geralt บอกว่าเขาเป็นคนทำให้ปัญหาหมดไปมากกว่าเพราะเขาเป็น  Witcher เท่านั้นพวกมันก็เปิดประตูให้เข้าไปด้านในป้อมเพื่อคุยกับแม่ทัพของมัน



ด้านในจะพบกับ Captain Peter Seer Gwynleve หัวหน้าของทหาร Nilfgaard อยู่ด้านใน ทันทีที่ Geralt  ถามเรื่อง Yennefer เขาก็จะบอกว่าเป็นความลับทางทหาร Geralt จึงยิงคำถามให้ชัดเจนยิ่งกว่าคือ ราคาความลับนี้เท่าไหร่ Captain Peter จึงบอกไปว่าเขาต้องการให้ไปฆ่า Griffins ที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายซะเพราะทหารเดินทัพไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า Geralt ตกลงทันที และต้องการรายละเอียดของเจ้า Griffins และต้องการสมุนไพรชื่อ Buck Thorn มาใช้ในงานนี้ด้วย Captain Peter จึงบอกข้อมูลว่าเขาส่งทหารไป 5 นายแต่ยังไม่กลับมา แต่พรานที่ชื่อ Mislav นั้นเคยเห็นคนของเขาเมื่อ 2 วันก่อน ส่วนสมุนไพรนั้นให้ถามกับหมอยาสมุนไพรที่ชื่อ Tomira ในหมู่บ้านเอาเอง 

ตอนนี้จะมี Main Quest ใหม่ขึ้นมาคือ The Beast of White Orchard ขึ้นมาแต่จริงๆมันคือเควสที่ต้องทำเพื่อสนับสนุน Main Quest LILAC AND GOOSEBERRIES นั่นเอง ซึ่งเควส  The Beast of White Orchard จะมีแยกออกเป็น 2 Opjective คือ
- ไปหาสมุนไพร 
- ไปหาหน่วยทหารที่หายไปจากการไปล่า Griffins 

-เดินทางไปยังจุดเหลืองของเควสที่ใกล้ที่สุดก่อนก็คือไปหาหมอสมุนไพรที่กระท่อมใกล้ๆ Sawmill เข้าไปพบกับหมอยาพื้นบ้านที่ชื่อ Tomira ทันทีที่รู้ว่า Geralt กำลังอยู่ในภารกิจล่า Griffins เธอก็ยินดีช่วยทันทีด้วยการบอกตำแหน่งของ Buck Thorn ให้ โดยไปที่จุดเหลืองที่แม่น้ำแล้วดำน้ำลงไปเก็บพืชใต้น้ำมาให้ครบ 5 อันก็เป็นอันเรียบร้อย




- จากนั้นไปจุดเป้าหมายสีเหลืองต่อไปที่บ้านของพรานที่ชื่อ Mislav แต่เขาจะไม่อยู่บ้าน ให้ กด LT ใช้ Witcher Sense ตามรอยเท้าไปจนเจอตัวเขาแล้วช่วยเขาล่าหมาป่าเพื่อช่วยเพื่อนของเขาก่อน โดยตามไปจัดการฝูงหมาป่าให้หมดแล้วเขาก็จะนำทางไปจุดที่พบทหารซึ่งตอนนี้มันเป็นศพไปหมดแล้ว จากนั้นใช้ Witcher Sense ตามรอยเท้าทหารที่หนีไปจนถึงบนเนินเขาก็จะพบศพของ Griffins เพศเมียตัวนึงนอนตายอยู่  Geralt จะทำการวิเคราห์สาเหตุการตายของมัน อายุ และชนิด จนทำให้พอรู้ว่า Griffins อีกตัวที่ฆ่ามันเป็นเพศผู้ที่อายุใกล้กัน แต่ยังไม่เข้าใจว่าจะฆ่าตัวเมียตัวนี้ทำไม
- จากนั้นกลับไปหาอาจารย์ Vesemir ที่บาร์ในเมือง White Orchard เพื่อบอกความคืบหน้าของการตามหา Yennefer ซึ่ง Vesemir ก็ไม่ได้แปลกใจที่พวกทหาร Nilfgaard จะขอให้ช่วยจัดการ Griffins เพื่อแลกกับข่าวสาร เขาจะร่วมมือไปช่วยปราบ Griffins ด้วยโดยจะไปรอที่จุดนัดพบ จากนั้นเข้าเมนู  Alchemy แล้วผสมไอเทมยาเพิ่มพลังโจมตี Thunder Bolt ออกมาแล้วสวมใส่เตรียมใช้งานในช่องไอเทมซะ (ส่วนจะใช้หรือไม่นั้นก็แล้วแต่คุณ) จากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาอาจารย์ Vesemir ที่จุดเป้าหมายสีเหลืองได้เลย (เลเวลที่เหมาะสมสำหรับภารกิจนี้คือ เลเวล 3 น๊ะครับ)  
- ที่จุดนัดพบจะเจอ Vesemir รออยู่เมื่อพร้อมแล้วก็คุยกับเขาเพื่อวางเหยื่อล่อ Griffins ได้เลย และก่อนล่า Vesemir จะมอบหน้าไม้ Crossbow ให้กับ Geralt และถึงมันจะดูเป็นอาวุธที่ดูไม่เหมาะสำหรับ Witcher มากนักแต่ยังไงงานนี้ก็จำเป็นต้องใช้มัน กด LB เลือกใช้มันจาก Slot อาวุธเสริมด้านล่างแล้วกดใช้ด้วย RB และกดค้างเพื่อซูมยิงแบบหน่วงเวลา ทันทีที่ Griffins ลงมากินเหยื่อก็เข้าไปจัดการมันได้เลย



Boss Royal Griffins แพ้ระเบิด , Hybird Oil และเวทย์อัดกระแทก AARD และทุกครั้งที่มันบินขึ้นฟ้าก็สามารถสอยมันลงมาได้ด้วยหน้าไม้ Crossbow ได้เลย เมื่อจัดการมันได้แล้ว ก็เอาหัวมันไปส่งให้กับ  Captain Peter ที่ Nilfgaard Garrison ได้เลย จากนั้น Captain Peter จะบอกข้อมูลว่าปราสาท Vizima และยังอยากจะใช้งาน Geralt ต่ออีกหน่อย ตรงนี้จะมีให้เลือกว่าจะรับเงินจาก Captain Peter หรือไม่รับก็ได้ (รับๆไปเถอะครับเงินหายากไม่ชอบขี้หน้ากับงานมันคนละเรื่องกัน )
- จากนั้นกลับไปหา Vesemir ในเมือง White Orchard เพื่อบอกว่าได้ข้อมูลของ Yennefer ว่าเธออยู่ที่ปราสาท Vizima ซึ่งก็พอดีกับที่ Vesemir กำลังจะหาทางชิ่งจากที่นี่อยู่พอดีเพราะพวกทหาร Termiria ที่สงครามที่เริ่มเมาได้ที่ก็ไม่ชอบแน่ที่รู้ข่าวว่า Geralt ไปทำงานให้กับพวกหาร Nilfgaard และก็ไม่ทันขาดคำทันทีที่หญิงขี้เมาพยายามจะทำร้ายเจ้าของบาร์พวกทหารขี้เมาก็เข้ามาจะรุมทำร้ายทันที Geralt กับ Vesemir จึงจำใจต้องลุกขึ้นมาจัดการพวกมันให้หมด และในขณะทั้งคู่กำลังหนีออกจากที่นี่พวกทหาร Nilfgaard ก็เข้ามาในเมืองพอดี Geralt พยายามแก้ตัวว่าพวกเขาถูกหาเรื่องก่อน แต่ที่ทหารเข้ามานั้นไม่ใช่เรื่องทะเลาะวิวาทแต่มีใครคนนึงที่ต้องการจะเข้ามาพบ Geralt ด้วยตัวเองและเธอคนนั้นก็คือ Yennefer สุดที่รักที่เขากำลังตามหาอยู่นั่นเอง





Yennefer – โทษทีน๊ะโทษที ไม่เปลี่ยนเลยน๊ะนายตัวแสบ
Geralt – Yen ! ได้ไงเนี้ย ?
Yennefer – ชั้นได้ยินข่าวว่ามี Witcher เข้ามาตามหาคนที่ เมือง White Orchard ชั้นก็เลยมั่นใจว่าเป็นนายแน่นอนที่มาตามหาชั้น ใจจริงก็กะจะรอให้นายมาเจอชั้นเอง แต่นายก็รู้ว่าชั้นเป็นคนที่มีความอดทนต่ำ ขี้เกียจรอน่ะ เอาล่ะ หวัดดี Geralt ยินดีที่ได้เจออีกครั้ง อยากกอดน๊ะแต่ดูเนื้อตัวสิมีแต่เลือด
Geralt – เสียใจที่ต้องมาเจอกันด้วยสภาพแบบนี้แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าเราเจอกับอะไรมาบ้าง 
Yennefer – ทำไมถึงจินตนาการไม่ออกล่ะ 
Vesemir – ที่จินตนากรไม่ออกน่ะที่เธอกลายเป็นคนของฝ่าย Nilfgaard เนี้ยสิ หวังว่าข้าคงเข้าใจผิดน๊ะ ยินดีที่เจอเหมือนกันแต่เธอต้องอธิบายเรื่องนี้ก่อน 
Yennefer – เตรียมการอธิบายไว้แล้วล่ะ ไปที่ปราสาท Vizima สิ เตรียมม้าได้เลย
Geralt – ทำไมต้องไป Vizima คุยที่นี่ไม่ได้รึไง ? หาอ่างอาบน้ำอุ่นแล้วเตียงนุ่มๆคุยกันไง
Yennefer – น่าสนใจน๊ะ แต่คงต้องปฏิเสธ เพราะมีใครบางคนรอนายอยู่ที่ Vizima ใครบางคนที่รอใครนานไม่ได้เสียด้วยสิ เพราะเขาคือ จักรพรรดิ Emyhr van Emreis แห่ง Nilfgaard
Geralt – จริงๆมันก็นานแล้วน๊ะ แต่เท่าที่จำได้ล่าสุดเขาพยายามจะฆ่าข้าน๊ะ 
Yennefer – ยังไงเขาก็อยากพบนายล่ะนะ และด้วยศักดิ์ศรีทั้งหมดที่เขามีจนชื่อเสียงเรียงนามยาวเหยียด เขาคงไม่เรียกนายไปฆ่าหรอกน่า 

ทันทีที่ Geralt ยอบตกลงที่ตาม Yennefer ไปที่ Vizima Vesemir ก็ขอตัวลากลับไปที่ Kaer Morhen ก่อน ระหว่างทางที่ขี่ม้าไปข้างๆ Yennefer Geralt รู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่มาผิดปกติ และไม่ว่ามันจะเป็นเพราะอะไรการที่เธอกลายเป็นคนของพวก Nilfgaard นั้นมันไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจเท่าไหร่ และในขณะเดินทางศัตรูกลุ่มนึงก็บุกเข้ามาไล่โจมตี แล้วศัตรูหนึ่งเดียวที่กล้าฆ่าทหารของ Nilfgaard ในตอนนี้ได้ก็มีอยู่พวกเดียว เหล่าภูติพรายต่างมิติ Wild Hunt นั่นเอง และตั้งแต่ Geralt ความจำเสื่อมมานี่ก็นับว่าเป็นครั้งที่ได้เห็นพวก Wild Hunt กับตาตัวเอง ทหาร Nilfgaard หลายนายต้องถูกพวก Wild Hunt ฆ่าระหว่างที่กำลังควบม้าหนี แต่โชคดีที่ Yennefer ใช้เวทย์ระเบิดสะพานจนสามารถหนีพวกมันเข้าไปในเขตเมือง Vizima ได้สำเร็จ



                                  Main Quest – IMPERIAL AUDIENCE 



Vizima เมืองหลวงของอณาจักร์ Termeria 





1 วันต่อมาที่ Geralt ตาม Yennefer เข้ามาที่ Vizima ที่ตอนนี้มันเป็นอดีตเมืองหลวงของอณาจักร์ Termeria เพราะอยู่ในการยึดครองของ Nilfgaard ไปเสียแล้ว และการที่จะเข้าไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิแห่ง Nilfgaard ตามคำเชิญ Geralt ก็ต้องถูกขัดสีฉวีวรรณร่างกายใหม่จดสะอาดหมดจดด้วยการควบคุมของ Mererid พ่อบ้านของวัง อย่างใกล้ชิด รวมทั้ง Morvran Voorhis  ผู้บัญชาการณ์แห่ง  Alba Division ก็ไม่ยอมให้ Geralt คลาดสายตา หลังจากอาบน้ำโกนหนวดจนหมดจดแล้ว Mererid  จะให้เลือดชุดที่ดูเป็นสุภาพบุรุษ(เห่ยๆ) 3 ชุด ก่อนจะสอนวิธีโค้งคำนับให้ถูกหลักการ จากนั้นก็ตามพ่อบ้านเข้าไปพบกับกษัตริย์ Emyhr van Emreis แห่ง Nilfgaard ในห้องทำงานได้เลย




กษัตริย์ Emyhr – ข้าเคยเห็นอมนุษย์คำนับเป็นนี่แหละ
Geralt – ไม่ได้อยากให้ผิดหวังน๊ะ แต่ นี่เรามาในฐานะเพื่อนรึเปล่า ? คงไม่ได้ต้องการเรียกตัวข้าเพื่อจะมาคุยระลึกถึงความหลังหรอกน๊ะ 
กษัตริย์ Emyhr – เงียบ ! …  ลูกสาวข้า Cirilla เธอกลับมาแล้ว แต่เธอกำลังได้รับอันตราย พวก Wild Hunt มันกำลังไล่ล่าเธอ เจ้าต้องไปตามหานางแล้วพาตัวกลับมาให้ข้า 
Geralt – ท่านมีทหารเป็นแสนคน ทำไมต้องเป็นข้า แล้ว Ciri หายตัวไปเป็นชาติแล้ว ใครจะตามหาเธอเจอง่าย 
กษัตริย์ Emyhr – นี่เจ้าคิดว่าที่ข้าเรียกตัวเจ้ามาเนี้ยข้าไม่รู้ถึงกิตติศักดิ์ชื่อเสียงของเจ้าเลยใช่มั๊ย
Geralt – ใครก็เข้าใจผิดกันได้ถึงแม้จะเป็นกษัตริย์ 
กษัตริย์ Emyhr – ข้าเกือบลืมความอวดดีไร้มารยาทของเจ้าไปแล้วน๊ะ แต่ข้าไม่มีเวลาพอจะมาลงโทษเจ้าหรอก อันที่จริง Yennefer ก็ทำงานนี้ได้ แต่เพราะ Ciri นางเชื่อใจเจ้า 
Geralt – เชื่อใจข้า ? ก็จริง แต่ข้าสงสัยว่าทำไมท่านถึงมาสนใจนางอะไรเอาตอนนี้ ทั้งๆที่ผ่านมาตั้งนานไม่เคยจะสน
 กษัตริย์ Emyhr – สถานการณ์มันเปลี่ยนน่ะสิ เอาล่ะหมดเวลามาพูดเล่นกันแล้ว เจ้าคิดจะสนใจจะทำหรือเปล่า หรือเพราะเหตุผลอื่น ถ้าเป็นเรื่องค่าจ้างการทำสัญญาล่ะก็ต้องบอกว่าข้าให้คุ้มค่าจ้างแน่ 
Geralt – ถ้าข้าจะทำก็ทำเพื่อ Ciri ไม่ใช่เพื่อท่านหรือเพื่อเงิน 
กษัตริย์ Emyhr – ข้าไม่สนใจสุดประสงค์ของเจ้า ข้าสนแต่ผลลัพธ์ของมัน  Yennefer จะบอกรายละเอียดต่างๆของงานกับเจ้า การสนทนาครั้งนี้จบลงแล้ว Mererid !! พาตัวเขาออกไปได้

-จากนั้นก็เดินตามพ่อบ้าน Mererid ไปจนถึงด้านในเพื่อเข้าไปฟังรายละเอียดจาก Yennefer ต่อ

Yennefer – โอ้ Geralt ชุดหรูมาเลยน๊ะ
Geralt – อยากจะถอดทิ้งจะตายอยู่แล้ว
Yennefer – หลังจากคุยกับกษัตริย์ Emyhr แล้วเจ้าคงเข้าใจแล้วสิน๊ะว่าทำไมข้าที่มาอยู่กับพวก Nilfgaard แบบนี้ 
Geralt – แล้วที่นี้เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว พูดถึง Ciri กลับมาที่นี่ ? มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยน๊ะ กษัตริย์ Emyhr เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ? 






Yennefer – อันนี้ชั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ดูสิ รูปเธอ หลายปีแล้ว สายลับตัวน้อยของเรา Witcher ตัวน้อยโตเป็นสาวแล้ว 
Geralt –  สายลับของเราหรอ ? แหม่ๆปรับตัวเก่งจังน๊ะ
Yennefer – อย่ามาหยอกย้อนคำพูดชั้นดีกว่า ชั้นรู้จักกษัตริย์ Emyhr ดีมันเป็นคนเริ่มสงครามนองเลือดนี่ คนของชั้นก็ตายไปมากมาย แต่ชั้นไม่มีทางเลือก ไม่เอาน่าสนใจว่าจะตามหา Ciri ให้เจอยังไงดีกว่า โอเคมั๊ย
Geralt –  ก็ได้ กษัตริย์ Emyhr บอกว่าเธอถูก Wild Hunt ไล่ล่า จริงๆถ้าข้าไม่เห็นที่มันไล่เราเมื่อวานก็คงไม่เชื่อ 
Yennefer – คงเป็นเพราะชั้นเองแหละ ชั้นออกตามหา Ciri มาหลายปีจนพวก Wild Hunt เริ่มตามรอยมาจนเจอ นายต้องตามหาเธอก่อนพวกมันให้ได้ 
Geralt –  พวกมันต้องการอะไรจากเธอกันแน่ ?
Yennefer – ชั้นไม่มีเบาะแสอะไรหรอก แต่พอเดาได้ว่า คงเป็นเพราะเลือดพิเศษของเธอที่พวกมันต้องการ นายก็น่าจะรู้ 
Geralt –   แล้วเบาะแสของ Ciri ล่ะ ?
Yennefer – เราเจอเบาะแส 2 ที่คือ Velen กับที่ Novigrad แต่ที่แรกที่นายต้องไปควรเป็นที่ Velen ที่นั่นมีสายของเรา Hendrik ปลอมตัวเป็นพ่อข้าอยู่ที่โรงแรมใน Crossroad  ส่วนที่ Novigrad เราได้ยินมาแค่ข่าวลือ สายของเราที่นั่นก็ Triss Marigold อยู่ในเขต Main Square 
Geralt –  หึๆ Triss เธอคงจะดีใจที่เจอข้าน๊ะ แล้วเธอล่ะทำอะไร ? Yen
Yennefer – ล่องเรือไปที่ Skellige ที่นั่นมีพลังเวทย์แปลกๆอยู่ชั้นเชื่อว่า มันน่าจะเกี่ยวกับ Ciri ที่ Kaer Troled ได้เรื่องยังไงไปหาชั้นที่นั่น นายควรต้องเรียนรู้อะไรบางอย่าง แน่ใจน๊ะว่าจะไม่ให้ชั้นเทเลพล็อตนายไปที่ Velen ?
Geralt –  อ่า อย่าเลยข้าขี่ม้าไปจะดีกว่า ถึงช้าหน่อยแต่ชัวร์กว่า 
Yennefer – แล้วก็ อย่าทำตัวเป็นฮีโร่ หาข่าว ได้ยังไงมารายงานกับชั้นแค่นั้นโอเคมั๊ย..  โชคดี Geralt 

-จากนั้นไปหาพ่อบ้าน Mererid ที่ด้านนอกเพื่อเอาอุปกรณ์ทั้งหมดกลับคืนมา ถอดชุดบ้าๆนี่ออกแล้วออกประตูปราสาทซึ่งจะออกไปยัง Fast Travel ของ World map ได้เลย
          


ตอนนี้จะมีเควสหลักที่เป็นเมนคือ In Ciri’s footstep เพื่อการสืบหาร่องรอยของ Ciri ตามที่ต่าง 3 ที่ตามที่สายข่าวได้เบาะแสมา ก็จะมีเควสหลักอีก 3 อันมาประกอบการสืบหาคือ
1.The Nilfgaardian Connection (LV5) อยู่ในอณาจักร Velen
2. Pyres of Noviggrad (LV10) อยู่ที่อณาจักร Noviggrad
3.Destination  Skellige (LV10) อยู่ที่เกาะ Skellige
ซึ่งเควส The Nilfgaardian Connection มีระดับเควสที่พอเข้าไปทำได้โดยไม่ยากลำบากแถมยังเป็นไปตามการดำเนินเรื่องด้วย ฉะนั้นเมื่อออกมาที่ World Map แล้วให้เดินทางมาที่ อณาจักร Velen ก่อนเลย                


                   ACT 1 – SEARCH FOR THE CHILD OF THE ELDER BLOOD   




                        Main Quest – THE NILFGAARDIAN CONNECTION




                                     อณาจักร Velen เขต No Man Land 


Velen ที่อยู่ติดขอบชายแดนของ Novigrad จากทั้ง 2 ฝั่งของเขตแดน ท่ามกลางสงครามและการรุกรานของ Nilfgaard ที่นี่เป็นเขต No Man Land  พื้นที่ตรงกลางระหว่างการสู้รบ ปลอดการสู้รบแต่ก็ต้องประสบปัญหากับเรื่องผู้อพยพมากมายที่หนีภัยสงครามเข้ามาจนทำให้มีความมากมายตามมาทั้งความรุนแรงและโรกระบาดจากซากศพของทั้ง 2 ฝ่ายที่ล้มตายเน่าเหม็นโดยไร้คนสนใจ ที่นี่อยู่ในการดูแลของ Bloody Baron ผู้ปกครองจอมโฉดที่ทำสัญญากับ Nilfgaard จนสามารถลอยตัวอยู่เหนือปัญหาท่ามกลางภาวะสงครามได้ในขณะที่สถานการณ์ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ Bloody Baron กลับเก็บตัวอยูในปราสาทเพราะประสบปัญหาครอบครัวบางอย่างที่สังเกตได้จากใบประกาศตามหาลูกสาวของบารอนไปทั่วเมือง นั่นคือสถานการณ์ที่  Geralt ประเมินได้จากที่ย่างก้าวเข้ามาที่เนินเขาต้นไม้แขวนคอ ก่อนอื่นต้องตามหาสายลับของกษัตริย์ Emyhr ที่ชื่อ Hendrik ที่โรงแรมใน Crossroad ก่อนเป็นอย่างแรก



         
พื้นที่ของ Velen นั้นค่อนข้างกว้างและมีชายแดนติดกับอณาจักร Noviggrad ด้วยซึ่งคุณจะสามารถขึ้นเหนือสุดเดินทางขึ้นไปยัง Noviggrad ได้เลย แต่เนื่องจากไม่อยากให้เรื่องมันสับสนผมจึงพยายามดำเนินเรื่องไปตามเรื่องราวของเกมในแบบที่ละขั้นที่ละตอนเพื่อความเข้าใจง่ายๆ แต่ก่อนอื่นเพื่อความสะดวกก็จัดการเข้าไปเปิดจุดเสา Fast Travel ในแต่ละเมืองให้มากที่สุดก่อนเพื่อสะดวกในการเดินทาง ก่อนจะเข้าไปทำเควสหลักก็ดีค
                           
- เดินทางเข้ามาที่เมือง Crossroad แล้วเข้าไปที่บาร์ เพื่อถามหา Hendrik แต่ดูเหมือนเจ้าของบาร์จะไม่ได้ให้ความร่วมมือที่ดีนักแถมหทารของ Baron ยังเข้ามาพยายามจับกุมอีก ไม่ว่าจะเลือกตอบอะไร ก็ต้องลงไม่ลงมือเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่วมมืออยู่ดี จัดการทหาของ Baron ให้หมดแล้วเจ้าของบาร์จะยอมบอกว่าบ้านของ Hendrik อยู่ที่หมู่บ้านกลางป่า Heatherton ที่อยู่ไม่ไกลจากนี่มากนัก
- ขี่ม้าต่อมายังจุดหมายต่อไปจนถึงที่หมู่บ้านกลางป่า Heatherton เข้าไปจะเห็นว่ามันเป็นหมู่บ้านร้าง แต่จะพบชายคนนึงถูกฝูงหมาป่ารุมทำร้ายอยู่ เข้าไปช่วยเขาซะ



Geralt ถามถึงหาคนที่ชื่อ Hendrik จากเขาและสงสัยว่าทำไม่ที่นี่ถึงกลายเป็นหมู่บ้านร้าง ชายคนนี้เล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้วันนึงมีกองทัพปีศาจที่มากกับไอความหนาวเย็นบุกเข้ามาแล้ว Hendrik ถูกก็พวกมันฆ่าอย่างเหี้ยมโหดเหมือนพยายามจะเอาอะไรบางอย่างจากเขา ก่อนที่พวกมันจะเผาที่นี่จนราบและไอเย็นยะเยือกที่มาพร้อมกับพวกมันก็ทำให้ที่นี่อยู่ในสภาพถูกแช่แข็งจนกลายเป็นหมู่บ้านร้างไป Geralt รู้ดีว่าไอ้พวกปีศาจนั้นคือพวก Wild Hunt แต่เขาก็จะลองเข้าไปตรวจสอบในบ้านของ Hendrik ดูว่าจะเจอร่องรอยอะไรบ้าง 

- เข้าไปจุดเป้าหมายในบ้านของ Hendrik ก็จะพบศพเขานอนตายอยู่ในสภาพสุดยับเยิน เลือกสำรวจที่รองเท้าจะพบกุญแจซ่อนอยู่ แล้วใช้ Witcher Senses มองหาในห้องด้านในจะพบทางลับลงใต้บ้านได้ สำรวจที่โคมไฟที่เสาจะทำให้ช่องลับเปิดออก จะเจอบันทึกที่ Hendrik เขียนเอาไว้เกี่ยวกับการตามหาเป้าหมายที่ได้รับมอบมาซึ่งก็คือ Ciri




เบาะแสของ Ciri ที่ Hendrik สืบมาได้คือ เธอเคยไปที่ เกาะ Skellige ก่อนจะไปที่ Novigrad ต่อ และตอนที่เธออยู่ที่ Velen เธอเคยได้รับความช่วยเหลือจาก Baron ที่เมือง Crow’s Perch และเคยไปที่บึงที่เป็นที่อยู่ของพวกแม่มดที่หมู่บ้าน Midcopse   Geralt จึงสรุปเป้าหมายที่เขาต้องเข้าไปสืบต่อได้ว่า เข้าไปคุยกับ Baron และ ตามหาพวกแม่มด นั่นเอง
ทำให้ตอนนี้จะมีเควสหลักที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ 2 เควสคือ

 1. Bloody Baron ที่ต้องไปพุดคุยกับ Baron
2. Hunting Witch ที่ต้องไปสืบข่าวจากพวกแม่มด 

** ซึ่งคุณผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะทำเควสไหนก่อนหลัง และข่าวสารที่ได้กับ NPC ที่เจอก่อนหลังนั้นจะทำให้บทพูดในสิ่งที่ Geralt รับรู้มาต่างกันด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ทำให้ผู้เล่นแต่ละคนมีทางเลือกโดยที่ตัวเองแทบไม่รู้ตัวกันเลย ซึ่งแน่นอนคุณจะเลือกทำเควสของแม่มดก่อนก็ได้  แต่ด้วยความอยากให้มันต่อเนื่องของเนื้อเรื่องที่เขียนออกมา ผมจึงจะดำเนินเรื่องไปที่เควส Bloody Baron ก่อนครับ ** 

                                    Main Quest – Bloody Baron

-Bloody Baron นั้นอยู่ในปราสาทของเมือง Crow’s Perch ตรงกลางพื้นที่ ซึ่งถ้าเคยแวะเข้ามาสำรวจที่นี่แล้วจะพบว่าประตูทางเข้าปราสาทด้านในนั้นทหารจะไม่ยอมเปิดให้เข้านั่นแหละ แต่เมื่อเข้ามาใหม่หลังจากรับเควส Bloody Baron แล้วระหว่างที่เข้ามาในเมืองก็ต้องสู้กับทหารของ Baron นิดหน่อยเพราะปัญหาความขัดแย้งที่ Geralt เคยมีเรื่องของทหารของ Baron ที่บาร์ใน Crossroad นั่นเอง และ แน่นอนว่าพอลุยเข้าไปถึงประตูด้านในทหารก็ยังไม่ให้เข้าเหมือนเดิม แต่พอย้อนกลับมาที่เมืองหน้าปราสาทจะพบชายแก่คนนึงนั่งอยู่ เขาเป็นคนเดียวที่ไม่หนีเพราะแก่เกินจะเสียดายชีวิต เข้าไปคุยแล้วเลือกให้เงินเขาไป เขาจะบอกเส้นทางลับเพื่อให้เขาไปด้านในเขตปราสาทได้ให้
- จากนั้นออกมานอกเมือง จุดหมายจะอยู่ที่ข้างๆปราสาททางซ้าย เข้าไปสำรวจในคูน้ำรอบเมืองจะมีช่องทางให้ว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำได้ ระหว่างทางในถ้ำจะเจอกับปีศาจ Water Hags ด้วย จัดการมันซะ แล้วดำน้ำเข้ามาด้านในปีนขึ้นไปที่บ่อน้ำอีกบ่อ มองทางขวาจะมีหินให้เกาะปีนขึ่นไปบนทางเดินหินชั้นบนต่อก็จะพบบันไดขึ้นไปที่บ่อบาดาลในเขตปราสาทได้แล้ว ซึ่งก็จะขึ้นมาตรงสวนที่ Baron กำลังนั่งเจรจากับทหาร Nilfgaard อยู่พอดี

Baron ที่ถูกยกระดับจากนายกของเมืองจากการเลือกข้างของภาวะสงครามกับฝ่ายทีมีชัยบ่งบอกได้ดีว่า Baron คนนี้เป็นคนแบบไหน แต่ก็ใช่ว่าทหาร Nilfgaard จะมาชี้นิ้วส่งเขาได้ตลอดเวลาเหมือนกัน บางทีพวกเขาก็ข้ออ้างที่จะไม่ทำของ Baron และกองทหารอยู่ตลอดจนต้องตัดความรำคาญกลับออกไป และทันทีที่ Geralt เข้าไปพบ Baron ก็ไม่ได้เครียดแค้นอะไรที่ Geralt ได้ฆ่ากองทหารของเขาจนหมดที่โรงแรม Crossroad “ก็ถือว่าเสียพวกด้อยฝีมือไปกลุ่มนึงได้เพื่อนที่มากฝีมือมาคนนึงก็คุ้มอยู่ “ Baron บอกกับ Geralt แบบนั้นก่อนจะชวนไปคุยกันต่อด้านในห้องของเขา




Baron – ข้าชื่อ Phillip Strenger คนที่นี่เรียกข้า Bloody Baron
Geralt - Geralt of Rivia ทั่วไปรู้จักข้าว่า จอมเชือดแห่ง Blaviken
Baron – เจ้ามาที่นี่ทำไม ? มีแต่ซากศพที่เน่าเห็นกับบึงที่เฉอะแฉะที่นองไปด้วยคราบเลือดของสงคราม ไม่ว่าเจ้าจะมาตามหาอะไร ที่นี่อะไรที่หายไปมันยากที่จะได้คืนมาน๊ะ
Geralt – ทำไม่ท่านพูดอย่างนั้น ประเด็นคือ ?
Baron – หลายคนเสียคนที่รักที่นี่ ข้าก็ไม่ต่างกันเมียกับลูกข้าก็หายสาบสูญ และตรงประเด็นกันเลยนะ ข้ารู้ว่าเจ้ามาตามหาใคร ข้าเจอนางเมื่อไม่นานนี่ เนื้อตัวเหม็นอย่างกับโผล่ออกมาจากบ่อน้ำโคลนที่เน่าเหม็นเหมือนกับกำลังหนีอะไรมา ข้าจะเล่าให้ฟัง......


                        CIRI’s STORY: THE KING OF THE WOLVES 

หลายเดือนก่อนหน้านี้ ในขณะที่ Ciri กำลังหนีอะไรบางอย่างมา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอะไรมันจะต้องน่ากลัวมากขนาดที่ทำให้หมาป่าสาวลูกครึ่ง Witcher ต้องหนีจนกลิ้งไม่เป็นท่าอยู่ในบ่อโคลนกลางป่าแบบนี้




** การบังคับ Ciri นั้นจะสามารถทำได้แค่โจมตีปกติเท่านั้น ไม่สามารถใช้เวทย์หรือ Senses และไม่สามารถปรับแต่งอะไรกับตัวเธอได้ทั้งนั้น Ciri นั้นเรียนรู้พื้นฐานการต่อสู้ทุกอย่างเท่าที่ Witcher พึงจะมี จะขาดก็ได้เธอยังไม่ได้รับอณุญาติให้ดื่มยาให้กลายพันธ์จนใช้ความสามารถด้านเวทย์ต่างๆได้  แต่ด้วยฤทธิ์ของเลือด Elder Blood ในร่างของเธอ ก็แทนที่ด้วยความสามารถในการแดชความเร็วสูงที่เกทความเหนื่อยไม่ลดและการฟื้นคืนเลือดตลอด ** 



- เข้ามาตามทางในป่าจนได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องให้ช่วย เข้าไปจัดการฝูงหมาป่าให้หมดเพื่อช่วยเธอ เธอจะแนะนำตัวว่าชื่อ Greka อาศัยในเมืองใกล้ๆแต่มาหลงป่าอยู่ที่นี่เพราะพ่อพามาเที่ยวป่าเมื่อเช้านี้ จนเกิดพลัดหลงกันเพียงเพราะเธอพยายามจะตามผีเสื้อแสนสวย แน่นอนเธอรู้จักพื้นที่ในแถบนี้ดี แต่ปัญหาคือเธอกลัวราชาหมาป่าที่อยู่ในป่านี้มากกว่าเลยไม่กล้าไปไหน Ciri จึงอาสาที่จะปกป้องเธอให้โดยแลกกับให้เธอนำทางออกจากป่านี้
- ตาม Greka เข้าไปในป่า ศัตรูที่เข้ามาก็มีแต่ฝูงหมาป่าทั้งนั้น ลุยเข้าไปในป่าจนพบศพชายคนนึงที่น่าตายเพราะฝีมือราชาหมาป่าตามที่ Greka บอก แต่หลังจากที่ Ciri โชว์ฝีมือการตรวจสอบหลักฐานที่ยิ่งหย่อนไปกว่า Witcher คนไหน เธอก็บอกได้ทันทีว่าสภาพซากศพที่ยับเยินเกินพอดีแบบนี้นั้น หมาป่าธรรมดาคงทำไม่ได้นอกจากมันจะเป็น Werewolf
- และหลังจากวิเคราห์แล้วว่าคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอคือมนุษย์หมาป่า Ciri จึงต้องเตรียมหาวัตถุดิบเพื่อจะเอามาทำ Oil น้ำยาเคลือบดาบสาย Beast เพื่อเป็นต่อมันในการต่อสู้ ระหว่างการลุยจากนี้จะเห็นรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องเก็บอยู่ทางขวา ไม่ต้องไปสนใจจำมาก เอาเป็นว่าเก็บของจากซากศพหมาป่าและพืชป่าต่างๆที่เจอตามทางมาให้หมดก็แล้วกันรับรองครบแน่ จากนั้นก็ตาม Greka เข้าไปจนถึงทางเข้าถ้ำ
- ด้านในจะพบ Werewolf กำลังจะกินชายคนนึงอยู่ Ciri จึงรีบเข้าไปจัดการมันทันที การต่อสู้กับ Werewolf ไม่สามารถล็อกเป้าได้ แต่ด้วยฝีมือและ Oil ที่เคลือบดาบไว้ หรือจะเป็นเป็นแค่เนื้อเรื่องย่อย เจ้ามนุษย์หมาป่ามันก็จะตายง่ายมากกว่าที่คิดไว้เยอะมาก และหลังจากที่จัดการมันได้แล้ว ชายคนที่ถูกช่วยไว้จะบอกว่าเขาไม่เคยเจอใครที่ฝีมือขนาดนี้มาก่อน และเจ้านายของเขาก็กำลังจะหาคนอยู่ ไม่แน่เขาอาจจะจ่ายให้อย่างงามเป็นรางวัลที่ช่วยจัดการมนุษย์หมาป่าก็ได้ Ciri กับ Greka จึงตกลงที่จะตามไปทันที



และเจ้านายของชายคนที่ Ciri ช่วยเอาไว้ก็คือ Bloody Baron นั่นเอง เขาเลี้ยงดูปูเสื่อ Ciri กับ Greka ทั้งอาหารและที่พักอย่างดี ไม่ใช่ว่าคนอย่าง Baron มันใจดีมากมาย แต่มันจะเก็บ Ciri ไว้ใช้งานเพื่อตามหาลูกเมียของมัน แต่โชคไม่ดีที่ Ciri หนีไปเสียก่อน 






Baron - แล้วจากนั้นข้าก็สั่งให้คนของข้าคอยดูแลนางแล้วปล่อยให้นางพักผ่อน 
Geralt – แล้ว ?
Baron – อ่า นี่แหละประเด็น
Geralt – ฟังน๊ะ ! ข้าต้องการพบนาง และต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้ 
Baron – ข้าเข้าใจ ลูกเมียข้าก็หายตัวไปเหมือนกัน เอาเป็นว่า ถ้าหากเจ้าตามหาลูกเมียข้าจนเจอหรือใครคนใดคนนึงก็ได้ ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้เกี่ยวกับนางคนนั้นให้จนหมดเลย 
Geralt – ท่านเจอพวกเค้าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
Baron – ทั้งคู่หายไปหลังจากคืนจันทร์เต็มดวงล่าสุด
Geralt – หมายความว่าไง หายไป ? ท่านหาพวกเขาดีแล้วหรอ ?
Baron –Tamara ลูกสาวข้าอายุเพิ่งจะ 19 ตาสีเขียวสวยเหมือนกันแม่ เมียข้า Anna ผมดำเงางาม ข้าส่งคนไปทุกทีจนทั่วอณาจักรก็ยังหาไม่เจอ นอกเสียจากว่าแดนเถื่อนอย่าง Velen ที่เต็มไปด้วยป่าและสัตว์ร้ายทีอันตรายท่ามกลางบึงที่เน่าเหม็นไปด้วยซากศพจากสงคราม แล้วถ้าใครอยากจะหลบใครซักคน ที่นี่แหละเหมาะแล้ว  
Geralt – ไม่ใช่การเรียกค่าไถ่หรอ จากศัตรูของท่าน่ะ ?
Baron – ไม่มีการแจ้งเตือน ไม่มีขอเงินค่าไถ่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไป จะมีก็แต่คนมาร้องเรียนเรื่องมีปีศาจผู้หญิงที่ออกมาอาละวาดจากในบึง แม่มดหรืออะไรนี่แหละ 
Geralt – ข้าอยากจะหาเบาะแสหน่อย ที่ห้องของพวกเค้าทั้งคู่
Baron – มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปมาก่อน
Geralt – ตกลงอยากจะหาลูกเมียให้เจอมั๊ยล่ะ  ? 

-จากนั้นตาม Baron ขึ้นไปที่ชั้นบน แต่ หลังจากที่เขาขึ้นบันไดไปยังไม่ต้องตามเขาไป เดินไปตามทางเดินของชั้นนี้ก่อนเพื่อไปเข้าห้องที่สุดทางเดินทางขวา ซึ่งจะเป็นห้องของ Ciri เคยพักก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเป็นเควสย่อย CIRI’S ROOM

                                      Secondary Quest – CIRI’S ROOM



ด้านในใช้ Witcher Senses สำรวจให้ทั่วๆจะพบ ตุ๊กตาตกอยู่ , เสื้อผ้าที่ถอดเปลี่ยนอย่างเร่งรีบ และ หนังสือ Obscurity of Curses ที่เกี่ยวกับเรื่องคำสาป จากนั้นออกไปเข้าห้องครัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะพบ Greka นั่งอยู่ และเธอก็ฉลาดพอที่รู้ว่าชายที่ยืนรงหน้านี้คือ Geralt เพราะ Ciri เล่าให้เธอฟังบ่อยมาก Geralt จึงรู้ว่าตุ๊กตาที่เจอคงเป็นของ Greka จึงยื่นให้เธอ ก่อนที่จะถามเรืองราวของ Ciri ซึ่ง Greka รู้แค่ว่าเธอกำลังออกตามหา Geralt อยู่แต่ตอนนี้เธอบอกกำลังไปช่วยเพื่อนเธอจากพวกแม่มด ซึ่งทั้ง Greka และ Geralt ก็ไม่รู้ว่า เพื่อนของ Ciri ที่ว่านั้นคือใคร ?

** ตามหลักฐานที่ได้มารวมทั้งสิ่งที่ Greka ทำให้เรื่องราวน่าจะเป็นการไปหาข่าวต่อกับพวกแม่มดในเควส Hunting Witch แต่เนื่องจากต้องการความต่อเนื่องผมจึงอยากที่จะเดินเควสของ Baron ต่อไปก่อน ** 

- เสร็จเรื่องแล้วค่อยตาม Baron ขึ้นไปชั้นบนต่อเขาจะเปิดห้องเมียและลูกเขาให้ เริ่มสำรวจได้เลย ห้องทางขวาของ Tamara ลูกสาว ใช้ Witcher Senses สำรวจให้ทั่วๆจะพบกุญแจในตู้ และตุ๊กตาข้างเตียง จากนั้นตามไอสีแดงของเบาะแสต่อไปจนถึงห้องเก็บของชั้นล่างซึ่งจะใช้กุญแจไขเข้าไปได้ ด้านในจะพบถาดที่จุดไฟบูชาอะไรบางอย่างด้วย ซึ่ง Geralt พอจะรู้ว่ามันเป็นพิธีกรรมของพวกลัทธิล่าแม่มดที่เรียกตัวเองว่า ไฟแห่งนิรันดร (Eternal Fire) ซึ่งเป็นไปได้ว่า Tamara ลูกสาวเธอผัวพันกับลัทธินี้
- ห้องทางขวาห้อง Anna เมียของ Baron ใช้ Witcher Senses สำรวจให้ทั่วๆจะพบร่องรอยการต่อสู้มากมาย รอยไวน์หกที่โต๊ะ เชิงเทียนหัก พนังตู้ที่ทะลุเป็นรู และรอยข่วนของเล็บอะไรบางอย่างที่เสา และเมื่อตามไอสีแดงของเบาะแสต่อไปจนถึงทางลงบันไดก็จะพบ เครื่องรางบางอย่างตกอยู่ มันใช้ป้องกันใคร หรือที่แย่กว่านั้น มันใช้ป้องกันอะไร ?



เมื่อได้หลักฐานครบแล้วค่อยกลับไปคุยกับ Baron อีกครั้ง จากหลักฐาน Geralt คาดว่าจากร่องรอยการต่อสู้ในห้องภรรยาของ Baron นั้นอาจเพราะมีบางอย่างพยายามที่จะทำร้ายเธอและลูก จึงพยายามต่อสู้ แต่ Baron กลับบอกว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลยอาจเพราะกำลังเมาไวน์เหมือนทุกวัน และเมื่อเอาเครื่องรางของภรรยาให้ดู Baron ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่รู้ว่า เธอสวมมันมาได้หลายวันแล้ว Geralt จึงถามถึงเรื่องคนที่จะให้คำตอบเรื่องพวกไสยเวทย์พวกนี้ได้ Baron จึงให้ชื่อคนที่เก่งเรื่องไสยเวทย์ใน Velen ซึ่งก็คือ หมอผี (The Pellar) ที่อยู่ในป่าใกล้ๆ Blackbough และ กับผู้หญิงที่เป็นผู้รอบรู้คนคนนึงที่ Midsopse แต่ Baron ก็มั่นใจว่าถ้า Anna เมียเค้าจะปรึกษาเรื่องพวกไสยเวทย์นี้คงต้องไปหาพ่อหมอที่อยู่ในป่าแน่นอน 
Geralt จึงจะเดินทางไปปรึกษาหมอผีถึงเรื่องเครื่องรางเพื่อจะได้อะไรเพิ่มเติมบ้าง


                                      Main Quest – Family Metter 

-เดินทางไปที่หมู่บ้าน Blackbough แล้วขึ้นไปต่อยังป่าที่อยู่ด้านเหนือก็จะพบกระท่อมของหมอผี ที่หน้ากระท่อมจะมีพวกทหารอยู่ พวกมันจะไม่ให้เข้าไปด้านใน แต่ถ้าขี้เกียจจะปะทะและอยากได้ 35 Exp ก็ต้องมี เวทย์สะกดจิต AXII L.V2 ในการกล่อมพวกมัน แต่ถ้าไม่ถึงก็ต้องจัดการให้หมด่อนจึงจะเข้าไปหาหมอผีได้ ยังไม่ทันที Geralt จะผ่านเข้าประตู หมอผีก็รู้ดีถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขาเกือบหมดแล้ว



The Pellar - คนรึ ไม่สิ หมาป่า สีเทา ยังหนุ่มแน่นอน Tis he The Pellar รออยู่
Geralt – ทำไมท่านรู้ว่าข้าจะมา 
The Pellar – ข้าไม่รู้ แต่กระดูกพวกนี้มันบอก นิมิตข้าไม่เคยผิด
 Geralt – ข้าอยากให้ช่วยหน่อย ท่านรู้จักเครื่องรางแบบนี้มั๊ย ? มันมีไว้ป้องกันอะไร และ ป้องกันใคร 
The Pellar – รู้สิ ก็ข้าทำมันขึ้นมาเอง เพื่อปกป้อง Anna 
Geralt – ปกป้องจากอะไร ?
The Pellar –  แน่นอน ความชั่วร้ายไง เธอมาปรึกษาข้าว่ามีปีศาจอยู่รอบๆตัวเธอ พยายามีจะครอบงำเธอ เวทย์มนต์ที่เก่าแก่จากความมืดมิด เครื่องรางนี้ข้าก็แค่ไว้ให้เพื่อให้เธอปกป้องเธอแค่ชั่วคราว ข้าไม่สามารถปกป้องเธอจากอำนาจมันได้หรอก
Geralt – ตอนนี้ Anna กับ Tamara ลูกเธอหายตัวไปแล้ว ท่านรู้มั๊ยหายไปไหน
The Pellar – ไม่ ข้าไม่รู้หรอก แต่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์รู้ ข้าถามพวกเขาได้ 
Geralt – วิญญาณหรอ? ดี หาให้ข้าตัวนึงจะได้รู้ว่าพวกนางไปไหน
The Pellar – ไม่มีทางหาเจอ ต้องให้ princess หา 
Geralt – เจ้าหญิง ? เจ้าหญิงไหนอีก ?
The Pellar – princess แพะของข้าไง อ้าว ที่คอก มันไม่อยู่แล้ว
Geralt – เจ้าพวกทหารข้างนอกมันเอาไปมั้ง แล้ว ไม่มีวิธีอื่นอีกรึไงท่าน 
The Pellar – ไม่มี ถ้าไม่มี princess ก็หาไม่เจอ
Geralt – เฮ้อออ โอเค ข้าจะไปตามมันมาให้ 

-จากนั้นหมอผีจะให้กระดิ่งมาสำหรับใช้เรียกแพะ กด LB สวมใส่ที่ช่องด้านล่างแล้วกด RB สั่นกระดิ่ง แล้วเข้าไปในป่าหลังกระท่อม ใช้ Witcher Senses และ กระดิงสั่นเรียกเจ้าแพะก็จะได้เห็นคลื่นเสียงของมันดังออกมา ตามเข้าไปในป่าจนเจอ จัดการหมีที่ออกมา แล้วสั่นกระดิ่งพามันกลับไปส่งให้หมอผีได้เพื่อเริ่มทำพิธีได้เลย

“พวกนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ ไปแล้ว ไปไกลแล้ว !! ข้าเห็นเลือด เลือด ! ไม่ใช่ของ Anna หรือ Tamara แต่เป็นของเด็กคนนึง !”



The Pellar – เด็กนั่น ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ตายดี 
Geralt – เด็ก ? เด็กที่ไหน
The Pellar – ลูกอีกคนของเธอไง Anna 
Geralt – Anna เธอท้องหรอ ? 
The Pellar – ใช่ เคยมีแต่แท้งซะก่อน 
Geralt – ทำไม Baron ไม่เคยพูดถึง
The Pellar – คงกลัว อับอาย ลืมไปแล้ว หรือ แค่พยายามที่จะไม่จดจำมัน 
Geralt – Anna เคยมาบอกท่านก่อนจะเกิดเรื่องหรอ ?
The Pellar – เปล่า ! นิมิตของข้าบอก
 Geralt – เยี่ยม แล้วข้าจะรู้ได้ไงว่ามันจะจริง
The Pellar – นิมิตของข้าไม่ต้องการให้เจ้าเชื่อว่ามันเป็นจริง แต่นิมิตรข้าจะนำเจ้าไปหาความจริง
Geralt – แล้ว Baron เขาต้องการจะทำยังไงกับเรื่องที่เมียแท้งล่ะ ?
The Pellar –แอลกอฮอลไง ก็มันคนติดเหล้า 
Geralt – ไม่ต้องบอกว่ามันคงลงที่การใช้ความรุนแรงกับลูกเมีย คิดว่า Baron ทำร้ายครอบครัวเขาหรอ ตอนที่ Anna มาปรึกษา ท่านแนะนำอะไรไปบ้าง
The Pellar – ข้าแก่แล้ว ตาก็ใกล้จะบอดเต็มที จะมีก็แต่เจ้า princess แพะของข้านี่แหละที่ไปเลียมือปลอบใจเธอ
และ Anna เธอก็ฉลาดพอที่จะหาทางไป ใครจะทนกับเรื่องพวกนี้ได้ตลอด
Geralt – แล้วเด็กนั่นล่ะ 
The Pellar – โยนทิ้งที่ป่าช้า ไม่มีพิธีฝั่งศพ วิญญาณยังตายไม่สนิทและคลั่งแค้น 
 Geralt – กลายเป็น เด็กผี (Botchling) 
The Pellar – เจ้าต้องตามหา Botchling มันจะช่วยเจ้า
Geralt – Botchling มันดูดเลือดผู้หญิงท้องและกินทารกมันไม่มาช่วยข้าหรอกมั้ง
The Pellar – เด็กนั่นโดนคำสาป และ Witcher ก็ล้างคำสาปนั่นได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เอาเลือดมันมา เลือดมันจะพาเราไปหาแม่ของมัน Anna 
Geralt – Witcher ที่ล้างคำสาปของ Botchling ได้มีแค่คนเดียวซึ่งนั่นไม่ใช่ข้า 
The Pellar –  Aymm Rhoin นามแห่งเทพพยากรณ์ ท่านช่วยเราได้ นำเลือดมันมาให้ข้าเพื่อทำพิธี
  Geralt – งั้นข้าคงต้องไปหา Botchling นั่นให้เจอก่อน

   
- เปิดข้อมูลของ The Botchling ดูในเมนู Bestiary มันจะอยู่ในประเภทมอนสเตอร์ต้องสาป Cursed One จุดอ่อนคือ Cursed Oil และ เวทย์สะกดจิต AXII ก่อนออกจากนี่ซื้อพวกไอเทมสมุนไฟรจาก The Pellar เพื่อหาทางทำ Cursed Oil ก่อน หรือ ถ้าของไม่ครบจริงๆก็ต้องไปลุ้นกับ เวทย์สะกดจิต AXII และฝีมือการต่อสู้ของคุณเอง

                                         


** จากนี้ต้องเรียนรู้การใช้ Oil หรือ น้ำมันเคลือบดาบให้ดีๆ เพราะจำเป็นมากในการสู้กับพวกปีศาจได้ง่ายขึ้น Oil ก็จะมีหลายประเภท แต่ละประเภทเขียนระบุไว้อยู่แล้วว่ามันใช้สำหรับปีศาจประเภทไหน การผสมก็ต้องใช้สมุนไพรมากมายตามที่ระบุไว้ในการผสม  ** 

- จากนั้นเดินทางกลับไปหา Baron ที่ปราสาท ที่ตอนนี้จะเกิดไฟไหม้ขึ้น ดูเหมือนเจ้า baron จะเมาเละจนจุดไฟเผาเมืองตัวเองเสียแล้ว เมื่อเข้าไปด้านในจะมีทหารขอให้ไปช่วยคนเลี้ยงม้าที่ติดอยู่ในคอกม้าให้ โดยการปีนขึ้นไปทางบันไดไปชั้นบนใช้เวทย์อัดกระแทกของที่ขวางทางเข้าไปด้านใน โดดลงไปเปิดประตูคอกม้าแล้วมาเปิดประตูใหญ่ให้พวกมันหนีออกมา ก็จะเจอเจ้า Baron กำลังเมาปลิ้นอยู่ทันที



Baron – โว้วว ฮีโร่ ผู้ช่วยม้ามาแล้ว ไม่คุ้มที่ข้าอภัยโทษเจ้าเรื่องที่บาร์เล๊ย
Geralt – ข้ารู้เรื่องเมียท่านแท้ง มันก่อนหรือหลังท่านจะตบตีนางล่ะ ห๊า !!|
Baron – อะไรว่ะ นี่เจ้าไปฟังจากใครมา !
Geralt – อย่ามาทำเหมือนข้าโง่เลย ท่านทุบตีพวกนางมาหลายปีจนทั้งคู่ทนไม่ได้ต้องหนีไป ข้าพูดถูกมั๊ย

- จัดการ Bloody Baron ด้วยหมัดให้ชนะ แล้วพาเขาไปคุยต่อที่ด้านใน




Geralt – ท่านทุบตีพวกนางจริงมั๊ย ?
Baron – กับ Tamara ลูกสาวข้า ข้าไม่เคยแตะต้องนางเลยซักครั้ง แต่กับ Anna มันก็อีกเรื่องนึง เวลานางทำให้ข้าโกรธ
Geralt – งั้นท่านก็รู้แล้วนี่ว่าลูกเมียท่านหนีไปเพราะอะไร แล้วมาให้ข้าสืบทำไมเสียเวลาข้ารู้มั๊ย
Baron – ว่าข้าเถอะ โทษข้า คนที่คุมไม่ได้แม้แต่ลูกเมีย อย่างข้าเนี้ย !!
Geralt – ท่านเคยคิดถึงมั๊ยล่ะว่าเพราะอะไร ไม่ใช่เรื่องควบคุมพวกเธอ แต่เรื่องที่ทำให้พวกเธอต้องหนีท่านไปน่ะ อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ท่านทำให้พวกเธอไม่มีทางเลือกมากกว่า 
 Baron – Anan กับข้ามันดูเหมือน มันเหมือนกับ
Geralt – เอาล่ะข้าฟังอยู่ เล่ามาว่าจริงๆมันเกิดอะไรขึ้น
Baron – เมื่อ 3 วันก่อน Anna มาบอกกับข้า ว่านางอยากจะไปจากข้า แน่นอนว่าข้าไม่ยอมให้นางไป แต่นางก็ทำเป็นไม่สนใจจะฟังข้าเลย ข้าพยายามจะหยุดนางไม่ให้ไป เรายือยึดกันจนเหมือนคนกำลังสู้กันจนนางล้มลงที่บันได ข้าพยายามฉุดนางไว้  นั่นคือสิ่งเดียวที่จำได้ ก่อนที่ข้าจะโดนฟาดที่หัวจนสลบไป Tamara เธอตีหัวข้าแล้วพวกนางก็หนีไป เจ้าเข้าใจมั๊ย Witcher ว่าตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เหลือ นอกจากเหล้า !
Geralt – แล้วหลังจากนั้นท่านทำยังไง ?
Baron – ทำยังไงหรอ ? ข้าก็เมาหัวราน้ำทุกวันเพื่อให้ลืมไง จนวันนึงข้าคิดถึงนางจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูในห้อง ข้าไม่พบนางเหมือนที่ข้าคิดไว้หรอก แต่ข้าพบรอยเลือด และบางอย่างที่อยู่ใต้เตียง ร่างทารกตัวน้อย ตายในกองเลือด ใช่ข้ารู้แล้วว่า Anna เธอแท้งลูก 
Geralt – แล้วท่านทำยังไงกับเด็กนั่น 
Baron – ฝังให้ในสุสาน ให้ตายเถอะจะให้ข้าทำยังไง !! มันสยองจนข้ารับไม่ได้ ข้าแค่อยากจะให้มันจบๆไปซะ ไม่ใช่ข้าไม่รัก ข้าบอกกับเมียข้าเสมอ ข้ารอคอยเจ้าตัวน้อยนั่นตลอด แต่ลูกข้าก็ตายแล้ว เจ้าเข้าใจมั๊ย Witcher 
Geralt – ข้าเสียใจด้วยเรื่องนั้น แต่สัญญาของเราที่จะทำให้ข้าได้เบาะแสของ Ciri คือตามลูกเมียของท่านให้เจอก่อน และเราต้องใช้เลือดของเด็กนั่นในการหา 
 Baron – ยังไง ? ก็ลูกข้าตายแล้วน๊ะ
Geralt – ก็ไม่เชิง ลูกท่าน ไม่ได้ทำพิธีอย่างถูกต้องตอนฝัง เลยโดนคำสาปตอนนี้กลายเป็นเด็กผี Botchling ท่านต้องบอกที่ฝังศพลูกท่านมา ข้าจะฆ่ามันแล้วเอาเลือดมาเอง 
Baron – เจ้าจะฆ่าลูกข้าได้ไง ทำไม่ไม่ล้างคำสาปให้เค้าลูกข้าจะได้ไปสู่สุขคติ 
Geralt – เอาเถอะยังไงเราก็ต้องหาตัว Botchling นั่นให้เจอก่อน ข้าอาจจะทำให้มันกลายเป็น Lubberkin ได้
Baron – ได้ ข้าจะพาเจ้าไปที่ฝังศพลูกข้าเอง แล้วต้องเอาเอาพลั่วขุดดินไปด้วยมั๊ย ?
Geralt – ก็ดี เพราะถ้าข้าทำไม่สำเร็จ เจ้าคงไม่ได้ใช้มันขุดแต่คงไว้ป้องกันตัว 

- ออกมานอกบ้านแล้วเดินตาม Baron ไปจนถึงจุดฝังศพลูกเขา ไม่นานเจ้าเด็กผี Botchling ก็จะค่อยๆคลานออกมา ซึ่งตรงนี้จะสามารถเลือกได้ระหว่าง
1.- Kill the Monster ฆ่าเด็กผีนี่ซะ
2.-Turn Botchling to be Lubberkin ทำพิธีเปลี่ยนมันให้กลายเป็น Lubberkin 
ซึ่งทางเลือก 2 วิธีนี้นั้นจะทำให้คุณพบเจอความยากง่ายที่จะหาตัว Tamara ลูกสาวของ Baron ต่างกัน



                                                            ** Quest Decision ** 

                                         [การตัดสินใจเลือกที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรม]
                




หากคุณเลือก Kill the Monster ฆ่าเด็กผีนี่ซะ 
 - ต้องสู้กับ Boss Botchling 
- เอาเลือดที่ได้ไปให้ หมอผี ให้เขาทำพิธีสอบถามวิญญาณเทพพยากรณ์ให้ ซึ่งก็จะต้องต้านพวกวิญญาณร้ายที่เข้ามาขัดขวางการทพิธีด้วย ซึ่งต้องจัดการพวก WRITHS ที่บุกเข้ามาพยายามจะดับไฟ ต้องจัดการพวกมันไปพร้อมกับจุดไฟใหม่ให้ครบตามเสาทั้งหมด้วย ซึ่งก็จะได้ที่อยู่ของ Voytex ชาวประมงที่ช่วยพา 2 แม่ลูกหนีมา  

   

ถ้าเลือก Turn Botchling to be Lubberkin ทำพิธีเปลี่ยนมันให้กลายเป็น Lubberkin 
-ไม่ต้องสู้กับ Boss Botchling โดย Geralt จะให้ Baron อุ้มลูกที่น่าขยะแขยงของเขากลับไปที่บ้าน โดยระหว่างทางต้องจัดการพวก WRITHS ที่บุกเข้ามาพยายามจะขัดขวาง จนถึงที่หมาย Geralt จะให้ Baron ฝังลูกเอาไว้ที่หน้าบ้านตามพิธีกรรมก่อนที่จะตั้งชื่อลูกว่า Dea จากนั้น Geralt จะรอ 1 คืน Botchling ที่ฝังอยู่ก็จะกลายร่างเป็น Lubberkin แล้วมันก็จะนำทางไปจนถึงบ้านของ Voytex ชาวประมงที่ช่วยพา 2 แม่ลูกหนีมา  


หลังพบกับชาวประมง Voytex กับครอบครัวที่บ้านริมทะเล Geralt จะถามถึงที่อยู่ของลูกเมียของ Barron ซึ่ง Voytex จะบอกว่า Tamara ลูกสาวนั้นเธอปลอดภัยดีตอนนี้อยู่กับพี่น้องของเขาที่เมือง Oxenfurt แต่กับ Anna คนแม่เขาเล่าให้ฟังว่า แต่ไหนแต่ไรทุกคนที่นี่รู้ดีว่า Baron นั้นทุบตีเมียมาตลอด ไม่แปลกที่ Anna เมียของเขาจะหาทางที่จะหนีจากเขา วันที่เธอกกำลังพา Tamara ลูกสาวเธอหนีไปด้วยกันนั้น  Voytex ก็อยู่ที่นั่นด้วยเพราะมาช่วยตามที่ Tamara ร้องขอไว้เพราะที่ผ่านมาเธอเองก็ช่วยลูกชายและครอบครัวของเขามาหลายครั้งแล้ว และที่สำคัญภรรยาของเขาเองก็บอกเสมอว่า “ในช่วงเวลาสงคราม วันเวลาที่มีแต่สิ่งชั่วร้าย มันไม่ใช่เวลาที่จะมัวมาเป็นประชาชนธรรมดา เราต้องตอบแทนความดีให้กับคนที่เคยดีกับเรา เพราะถ้าเราได้แต่นิ่งเฉยก็ไม่ต่างกับเป็นคนชั่วคนนึงเหมือนกัน” 




 แต่ระหว่างทางจนจู่ๆก็เจอพวกปีศาจเข้ามาโจมตีจนเธอกำลังจะตกม้า Tamara พยายามดึงมือแม่ของเธอเอาไว้อย่างสุดแรง แล้วตอนนั้นเขาก็เห็นตราประทับที่มือของเธอ ที่มีเธอถูกเหล็กร้อนๆประทับใส่ จากนั้นเจ้าปีศาจนั่นก็โจมตีใส่อีกครั้งจนสุดท้าย Tamara ก็จับ Anna แม่ของเธอไว้ไม่อยู่จนแม่เธอพลัดจากเธอไป ม้าของของทุกคนก็ตกใจจนหนีไปคนละทาง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ต้องหนี ตอนนั้น Tarmara พยายามที่จะกลับไปช่วยแม่ของเธอ แต่เมียของ Voytex ห้ามเอาไว้เพราะถ้าไปก็คงตายเปล่ากันหมด และจากนั้นก็ไม่ได้เจอ Anna อีกเลย สิ่งที่ Voytex ห่วงคือถ้าเธอไม่ตายด้วยน้ำมือปีศาจตัวนั้น ก็อาจจะรอดแต่ต้องถูกพวกแม่มดที่เรียกว่า Crones ที่อยู่แถวบึงนั่นจับตัวไว้เพื่อใช้งานก็ได้ ซึ่งนั่น Geralt ก็จะต้องตามไปสืบหา Anna ต่อไป

(ถ้าคุณทำเควส Hunting Witch ก่อน Geralt ก็จะบอก Voytex ว่าเขาเคยเห็นผู้หญิงที่มีตราประทับที่มือที่นั่นด้วย ซึ่งก็คือ Anna นั่นเอง)  

จากนั้นจะมี Objective เพิ่มขึ้นมา 2 อัน
- ไปหา Tamara ที่เมือง Oxenfurt
- กลับไปบอก Baron ถึงเรื่องครอบครัวเขา

-แน่นอนว่าต้องไปหา Tamara ที่เมือง Oxenfurt ก่อนถึงจะเหมาะ แต่เมื่อ Oxenfurt ที่เป็นหน้าด่านติดพรหมแดนทางตะวันออกของอณาจักร Noviggrad นั้นถ้าคุณเคยแวะไปสำรวจแล้วจะพบว่าทหารไม่ยอมให้ผ่านประตูสะพานหน้าเมืองเข้าไปแล้วอ้างว่าต้องใช้บัตรผ่านด้วย แต่จริงๆแล้วคุณสามารถว่ายน้ำตรงข้างๆสะพานใหญ่ข้ามไปขึ้นฝั่งทีเมือง Oxenfurt ได้เลย แถมยังทำให้ประตูที่สะพานที่เคยปิดนั้นเปิดเป็นปกติด้วย เมือง Oxenfurt นั้นถือว่าเป็นเมืองหลวงของอณาจักร Velen ซึ่งจะมีของดีขายมากมายรวมทั้งยังมีร้านตัดผมให้บริการด้วย บ้านของ Tamara นั้นจะอยู่แถวๆท่าเรือทางซ้ายเข้าไปคุยได้เลย



Tamara – คุณตามหาชั้นหรอ คุณเป็นใครพ่อชั้นส่งมาใช่มั๊ย ?
Geralt – ใช่ เพื่อให้รู้ว่าคุณยังอยู่ดีหรือเปล่า ผมชื่อ Geralt of  Rivia
Tamara – ชั้นสบายดี Geralt แถมดีกว่าชีวิตในแบบเดิมที่เคยเจอมาด้วยซ้ำ ในเมื่อคุณเจอชั้นแล้วที่นี้ก็เชิญไปได้แล้ว เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก
Geralt – ผมไม่โทษคุณหรอกที่โกรธพ่อ แต่ท่านห่วงคุณมากน๊ะ 
Tamara – อ๋อหรอ !! ขอบคุณนะค่ะที่บอก เป็นห่วงเฉพาะตอนที่ยังไม่ได้เมาหัวราน้ำน่ะสิ บางทีชั้นควรจะขอบคุณสงครามนะที่ทำให้ชั้นกับแม่มีโอกาสหนีมาได้  
Geralt – ก็เห็นด้วย พ่อคุณมันตัวแสบ 
Tamara – อ่อ ดีที่ความเห็นเราตรงกัน แล้วทำไมคุณถึงไปช่วยงานเค้าล่ะ
Geralt – เพราะเขาดันมีข้อมูลของคนำคัญที่ผมกำลังตามหาแล้วขอให้ตามหาคุณกับแม่เป็นการแลกเปลี่ยนไง
Tamara – ก็นั่นแหละ แบล็กเมล สไตล์เขาเลยล่ะ แต่ก็ดี คุณก็เจอชั้นแล้ว ไปบอกเขาว่าขั้นยังไม่ตายแต่ก็จะไม่กลับไปอีก ชั้นทนเห็นแม่โดนทำร้ายไม่ได้อีกแล้ว พ่อทำร้ายเธอทุกครั้งที่เมา ทุกครั้ง ! 18 ปีที่ผ่านมาชั้นต้องแอบอยู่ใต้เตียงอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ชั้นจะไม่ทนแล้ว 
Geralt – ผมก็ไม่อยากจะพูดถึงหรอกแต่ คุณรู้ใช่มั๊ยว่าแม่คุณแท้ง
Tamara – รู้สิ ! ก็เขานั่นแหละทำ ทุบตีเธอจนล้ม เราไม่มีใครจะช่วย มีแต่เลือดเต็มไปหมด แม่ก็กำลังจะช็อกเพราะสียเลือดมาก เราต้องหาทางกำจัดเด็กออก เป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตชั้นเลยล่ะ 
Geralt – เธอไม่ได้ต้องการเด็กนั่นหรอ ?
Tamara – ไม่ เธอไม่ต้องการจะสืบสายเลือดกับคนอย่างพ่ออีก 
Geralt – แล้วคุณจะเอายังไงต่อไป 
Tamara – ตามหาแม่ต่อ มันอาจจะไม่ง่ายแต่ชั้นไม่ได้โดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ชั้นมีเพื่อนช่วยด้วย เพื่อนที่มีอำนาจมากพอ
Geralt – ใครคือเพื่อนคุณ บอกได้มั๊ยหากไม่เป็นความลับอะไร
Tamara – เคยได้ยินชื่อ โบสถ์แห่งไฟแห่งนิรันดรมั๊ย (Church of Eternal Fire) พวกเขาช่วยให้ชั้นเข้ากลุ่มนักล่าแม่มดแห่ง Redanian นั่นแหละผู้ช่วยที่แข็งแกร่งของชั้น ส่วนพ่อชั้นก็ปล่อยเขาไว้แบบนั้นแหละ ให้ทุกอย่างมันถูกลืมไปให้หมด ตอนนี้ชีวิตชั้นดีมากพอที่จะไม่อยากจำมันแล้ว 



Graden -โอ้ .. Baron ถึงกับใช้ Witcher มาเลยหรอคราวนี้ ?
Geralt – แล้วคุณคือ ?
Graden – ข้าชื่อ Graden นักล่าแม่มดขององค์ราชา Radovid แห่ง Redania การที่ baron ส่งคุณให้มาตามลูกของเขาเนี้ยเกรงว่ามันจะทำให้คุณเสียเครดิตนะ เพราะคุณจะทำงานนี้ไม่สำเร็จ 
Geralt – ใครสน ! ข้าได้เห็น Tamara มีทางเดินชีวิตใหม่แบบนี้ก็ดีถมไปแล้ว 
Graden – ก็ดี ตอนนี้ Tamara ต้องการพัก และเรา Church of Eternal Fire จะทำให้เธอแข็งแกร่งแล้วช่วยเธอตามหาแม่ของเธอ 
Geralt – คิดจะเข้ากลุ่มกับพวกเขาจริงๆหรอ ?
Tamara – ตอนนี้ Church of Eternal Fire ดีที่สุดสำหรับชั้นแล้ว
Geralt – สำหรับตอนนี้ .. เอาล่ะโชคดี
Tamara – ขอบคุณนะที่คุณเคารพในการตัดสินใจของชั้น ลาก่อนเราอาจได้เจอกันอีก Geralt

(ถ้าคุณไปทำเควส Hunting Witch ก่อนแล้วเจอ Anna Geralt ก็จะบอกที่อยู่กับ Tamara ไปว่าแม่ของเธอตอนนี้อยู่ที่ Crookback Bog เธอยังไม่ตายแต่อาจความจำเสื่อม ซึ่งจะทำให้เนื้อหาที่พูดต่างไปนิดหน่อย)

-จากนั้นกลับไปแจ้งข่าวกับ Baron ซึ่งตอนนี้ Geralt จะเอาข้อมูลของ Tamara ลูกสาวของเขาที่ตอนนี้อยู่ที่เมือง Oxenfurt ไปบอก ซึ่งก็แน่นอนว่า Baron จะโกรธที่ลูกไม่ยอมกลับมาหา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องได้รับสิ่งที่เขาได้ทำไว้และ Geralt ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าข้อมูลเพื่มเติมเรื่อง Ciri จากปาก Baron


Ciri นั้นตอนยังอยู่ที่นี่เธอได้รับความเชื่อถือและยำเกรงจากทั้ง Baron และ ทหารของเขามาก ด้วยฝีมือที่จัดจ้านที่ไม่เหมือนใครของเธอ คงด้วยเพราะเธอเป็นเสมือน Witcher ที่มากฝีมือแต่ยังไม่กลายพันธ์ และนั่นยังไม่รวมสายเลือด Elder Blood ในตัวเธออีกซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครรู้ บวกกับความมั่นใจในตัวเองของเธอ นั่นก็มากพอที่ทำให้เธออยู่ได้โดยไม่มีอันตรายได้มาทำร้ายเธอได้ง่าย ๆ ในการสนทนา ด้วยความที่ดูถูกว่า นักล่าที่มีแค่ดาบจะทำอะไรได้ แต่ Ciri ก็ไม่ได้สนใจแค่บอกไปว่า มีแค่ดาบดีๆเล่มเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับเธอ พวกทหารอยากรู้ว่าเธอจะเก่งไปซะทุกอย่างมั๊ย ซึ่ง Ciri ก็ตอบทันใดว่า ขี่ม้าแข่งกันก็ยังได้ แต่ไม่มีทหารคนได้กล้าเพราะม้าเป็นของ Baron Ciri จึงตัดปัญหาด้วยการให้เจ้าของม้าลงมาแข่งเองเสียเลย ซึ่ง Baron ก็รับคำท้าในการแข่งม้าเพื่อขอแลกกับดาบนั่นโดยแลกกับม้าที่ดีที่สุดของเขา และแน่นอนว่าเธอตอบรับอย่างนุ่มนวล



ในการแข่งม้าที่ถนนแห่งหนึ่งใน Velen Ciri เปิดฉากแข่งม้ากันที่นั่นทันทีเมื่อรุ่งสางมาถึง แน่นอนว่าผลออกมา Baron ได้แต่กินฝุ่นตลอดทาง จนสุดท้ายเมื่อถึงเส้นชัยที่ตีนเขา Baron เสียม้าไปตามระเบียบ แต่จู่ Basilisk ก็บินโฉบเข้ามาโจมตี ถ้าเป็นคนอื่นคงขวัญหนีแต่สำหรับ Ciri กลับโดดเข้าไปสู้อย่างบ้าคลั่ง จน Baron ยอมรับว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่จะห้าวหาญได้ขนาดนี้มาก่อน

 ... และนั่นสำหรับค่าตอบแทนที่ Baron มีให้  Geralt ในตอนนี้ อยากฟังต่อต้องไปหา Anna เมียของเขาให้เจอตามสัญญาก่อน  ...


                                        Main Quest – Hunting A Witch

แม่มด คืออีกเบาะแสสำคัญอีกอย่างที่เขียนเอาไว้ในบันทึกของ Hendrik สายลับของกษัตริย์ Emyhr ที่ถูกส่งมาหา Ciri นั่นเป็นสิ่งที่ Geralt ต้องออกไปสืบหาดู และจากสถานการณ์ที่มีการล่าแม่มดแพร่หลายมาจากลัทธิ Eternal Fire อณาจักร Noviggrad ทางเหนือ ด้วยความเหี้ยมโหดจากเหล่านักล่าแม่มดของราชอณาจักรที่ออกไล่ฆ่าคนบริสุทธ์มากมายเพียงต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด ทำให้อณาจักร์ Velen อยู่ท่ามกลางความกดดันระหว่างสงครามจากกองทัพ Nilfgaard ที่รุกไล่ติดชายแดนทางใต้กับความโหดเหี้ยมจากนักล่าแม่มดจาก อณาจักร Noviggrad ทางเหนือ 

-เป้าหมายคือหมู่บ้าน Midcopse ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ถูกกล่าวหาว่าคบค้าสมาคมกับแม่มดจนถูกเพ็งเล็งจากนักล่าแม่มดจากลัทธิ Eternal Fire เข้าไปสำรวจพูดคุยในหมู่บ้านจนพบชายคนนึงที่บอกข่าวถึงเรื่อง แม่มดคนนึงที่ช่วยเหลือชาวบ้านเรื่องต่างๆอยู่ แต่ Geralt ก็ต้องจ่ายเงินหรือสะกดจิตด้วย LV2.เพื่อให้ชายคนนั้นยอมพูดเพราะกลัวโดนจับไปลงโทษฐานคบค้าแม่มดเหมือนคนอื่น  Geralt เลยต้องเข้าไปสอบถามกับชาวบ้านที่นั่นดู
- เดินทางไปที่จุดหมายสีเหลืองในแผนที่ จนพบกระท่อมเป้าหมายตามที่ชายชาวบ้านบอกก็จะพบกลุ่มชาวบ้านมาขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวที่เป็นแม่มด สุดท้ายก็ไม่ใช่ใครที่เป็นแม่มดที่ว่าซึ่งก็คือ  Keira Metz แม่มดสาวเพื่อนเก่านั่นเอง ทันทีที่ชาวบ้านไปหมดเมื่อตามเธอเข้าไปในกระท่อมแต่ก็ไม่เห็นเงาเธอเสียแล้ว สำรวจเก็บของในบ้านให้ทั่วก่อนแล้วค่อยไปสำรวจที่หัวกระโหลดบนชั้นวางซึ่งมันจะเปิดทางวาร์ปให้เข้าไปอีกสถานที่นึงซึ่งเป็นเคหะสถานที่อยู่ของแม่มดจริงๆที่หลบซ่อนอยู่



Keira – คงไม่ได้มานี่เพราะแค่อยากมายืนจ้องตอนชั้นอาบน้ำหรอกน๊ะ
Geralt – คนอย่าง Keira Metz มาอยู่ที่ Velen ? ชอบบรรยากาศชนบทหรอ ได้ยินข่าวของแม่มดอยู่แถวๆนี้ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแม่มดระดับอดีตที่ปรึกษาราชา Foltest
Keira – ดูสถานการณ์โลกหน่อยน๊ะ Geralt รบลาฆ่าฟันกันขนาดนี้ Nilfgaard รุกทางใต้ นักล่าแม่มดจาก Noviggrad ออกไล่ล่าจากทางเหนือ ไหนจะพวก Mage ที่ก่อกวนไม่เลิกอีก นี่ ชั้นมาเพื่อซ่อนตัวต่างหากล่ะ
Geralt – แหม่ มีบางคนโตขึ้นน๊ะ  จะไม่ต้อนรับทักทายเพื่อนเก่าหน่อยหรอ ?
 Keira – ก็ต้อนรับอยู่นี่ไง ว่าแต่ลมอะไรหอบนายมาถึงนี่
Geralt – ข้ามาตามหา Ciri  เคยเจอนางบ้างมั๊ย ?
Keira –  Cirilla หรอ ? คุณรู้ได้ไงว่าเธอมีปัญหากับแม่มด ? ไม่แน่ใจว่าเจอมั๊ยแต่ใครคนนึงบอกว่าเจอผู้หญิงผมสีเทาอยู่ที่นี่ สละราชบัลลังย์มาอยู่บ้านนอกอะไรเทือกนั้น
Geralt – ใครคนนั้นที่ว่าน่ะ ใคร ?
Keira – ช้าหน่อย Geralt  ช่างขอร้องได้หวานหูเหลือเกิน ว่าแต่ มีอะไรมาเป็นค่าบูชาแม่มดบ้างล่ะ
Geralt – จะเอาอะไรล่ะ ไก่สด 3 ตัวกับไข่อีก 2 ฟองไปไว้ทำพิธีกรรมมั๊ยล่ะ ?
Keira – คุณไม่มีข้อมูลอยู่ในมือเลย แต่กลับพูดเหมือนมีอำนาจต่อรองอย่างงั้นแหละ แต่ก็เอาล่ะขี้เกียจมาเยอะกับคุณ ชั้นรู้ว่าถ้าจะถามเรื่อง Ciri ต้องถามกับใคร เขาเป็น Elf เขาเคยมาถามถึง Ciri ก็ไม่เคยรู้หรอกว่าเขาชื่ออะไรเพราะพี่แกทำตามลึกลับมาก แถมใส่หน้าปกปิดใบหน้าอีก แต่ชั้นชอบเขานะ ดูฉลาดและสุขุมดี
Geralt – รู้มั๊ยว่ามันต้องการอะไรกับ Ciri
Keira – ดูเหมือนพวกเขาอยากจะรู้ว่า Ciri มาถึงที่นี่ก่อนพวกเขานานหรือยังแค่นั้นนะ
Geralt – มันได้ฝากอะไรถึง Ciri มั๊ย ?
Keira – ก็ไม่น๊ะ แค่บอกว่าถ้าเจอ Ciri ให้พาตัวไปหาเขาทันที 
Geralt – รู้มั๊ยว่าจะตามหา Elf คนนี้ได้ที่ไหน ?
Keira – แน่นอน เห็นว่าเขาอยู่ในโบราณสถานแถวๆหมู่บ้าน Midcopse เดี๋ยวชั้นพาคุณไปเอง 
Geralt – ทำใมถึงจะไปด้วยละ กลัวข้าไปสร้างปัญหาให้เพื่อนเจ้าหรอ?
Keira – เปล่าหรอก แค่ Elf นั่นยังติดค้างบางอย่างกับชั้นอยู่ เขาสัญญาจะให้ตะเกียงเวทย์มนต์กับชั้นแต่ก็ยังไม่เคยส่งมาให้ซักที และอีกอย่างชั้นก็อยากเจอ Cirilla ด้วยเหมือนกัน 

- Keira พา Geralt มาถึงที่หน้าปากถ้ำแห่งนี้ที่เป็นที่เข้าไปยังโบราณสถานที่เธอพูดถึง แล้วทั้งคู่ก็พากันลุยเข้าไปด้านใน โดยการเดินทางครั้งนี้จะมี Keira ร่วม Co-op ไปด้วย ซึ่งทำให้อะไรง่ายขึ้นเยอะเลย ทันทีที่เข้ามาถึงห้องโถงแรก Geralt ก็จะพบกับพวก Wild Hunt กลุ่มนึงอยู่ที่นี่ด้วย พวกมันกำลังสร้างประตูมิติเทเลพอร์ทเข้าไปด้านใน Geralt ไม่รู้ว่าพวกมันมาทำไม แต่เขาจะหาทางตามมันไปแน่นอน ในขณะที่ Keira กำลังตะลึงถึงตำนานของภูติขี่ม้าจากต่างมิติเป็นความจริง เธอก็ถูก Geralt สั่งให้รีบเทเลพอร์ทเขาตามพวกมันไปทันที แต่ส่วนใหญ่ Keira ทำได้แค่วาร์ปพาตัวเองกลับบ้าน จนเมือลองทำดูจะเลยทำให้เธอถูกวาร์ปไปอีกที่นึงแทน
- ใช้ Witcher Senses ตามหา Keira จนเจอเธออยู่ในห้องโถงด้านขวาแถมกำลังถูกหนู (ธรรมดา) โจมตีจนร้องลั่นให้ช่วย เข้าไปจัดการทำลายรังมัน 2 จุดด้วยการใช้เวทย์ไฟเผาซะพวกหนูก็จะไม่ออกมาอีก


ในขณะที่ Geralt กำลังจะแซวกลับว่าแค่หนูธรรมดาทำไมไม่หาเวทย์อะไรซักอย่างจัดการมันซะ แต่พอเห็นหน้าที่บูดด้วยความกลัวของเธอเขาจึงต้องเงียบปากไป Keira ที่ทั้งเสียหน้าและอายเพราะกลัวหนูบอกว่าที่นี่มีเวทย์บางอย่างรบกวนพลังของเธอจนทำให้เทเลพอร์ทไม่ได้ Geralt ตั้งสมมุติฐานง่ายๆว่าพวก Wild Hunt ใช้เวทย์แบบพิเศษแล้วสอนพวก Mage เพื่อใช้นำทางพวกมันไปหาอะไรซักอย่าง แต่ทหาร Wild Hunt ถึง 3 ตัวต่างหากที่ Keira เป็นห่วงว่า Geralt จะเป็นอันตราย เธอจึงรบเร้าให้รีบหนีออกจากที่นี่ แต่คงยากที่ Geralt จะยอมถอยเพราะเขาต้องการรู้เป้าหมายพวกมัน ในขณะที่ Keira ก็ยืนยันว่าที่ตกลงกันคือมาตามหา Mage Elf ไม่ใช่มาสู้กับพวก Wild Hunt ซึง Geralt ก็อ้างว่า หากพวกมันได้ตัว Elf ไปก่อนที่เรามาตามหาก็จะไม่ได้อะไรเลย แต่ Keira กลับรู้สึกแปลกๆที่ Geralt ใคร่รู้เรื่อง Wild Hunt มากกว่าเรื่อง Ciri เสียอีก เหมือนจะปกปิดอะไรบางอย่างกับเธอจนเธอรู้สึกเหมือนจะเข้าใจ Triss กับ Yen ซะแล้วว่าทำไมถึงทิ้ง Geralt กันไปจนหมด 



จากห้องรังหนูเข้าไปด้านในต่อจนพบภาพนิมิตที่ Elf ส่งข้อความซึ่งเป็นคำบอกใบ้ไว้ว่า “ให้ตามสัญลักษณ์บนดาบของเจ้าไป”  ซึ่ง Geralt รู้ดีว่าเป็นข้อความที่ถูกส่งไว้ให้ Ciri เพราะคำว่า “ลูกสาวแห่ง Gull” ทายาทของ Lara Dorren และสัญลักษณ์บนดาบของ Ciri ก็คือ Zireael – Swallow หรือรูปนกนางแอ่นนั่นเอง 

-เข้ามาด้านในจนถึงห้องโถงที่ 2 ที่มีรูปปั้นอยู่กลางห้องและภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยแก็สพิษสีเหลืองๆเต็มไปหมด อย่างแรกเลยคือ ดับคบเพลิงเสียก่อน จากนั้นก็พยายามลุยกับศัตรูไกลๆจากกลุ่มควันสีเหลือง ในห้องโถงจะมีทางไป 3 ทาง ด้านซ้ายและบนจะเป็นทางไปเก็บไอเทมต่างๆ ส่วนช่องทางด้านขวาใช้ Witcher Senses ดูจะมีสัญลักษณ์รูปนกนางแอ่นอยู่ให้ต่อทางนั้นได้เลย
- เข้ามาตามทางจนถึงห้องรูปวงกลมที่มีบ่อน้ำกลางห้องก็จะเจอ ภาพนิมิตข้อความคำบอกใบ้ของ Elf จุดที่ 2 เขาจะบอกว่าให้ตามหา Kelpie ซึ่งก็คือชื่อม้าของ Ciri นั่นเอง ในห้องใช้ Witcher Senses ดูจะมีสัญลักษณ์รูปมอนสเตอร์ปลาหมึกยักษ์กับหมาล่าสัตว์ ถ้าสำรวจแล้วจะเป็นกับดักทั้งคู่ อันนึงจะโดนระเบิดตาย ส่วนอีกอันจะได้สู้กับร่างปลอมของตัวเอง



 ให้โดดลงมาในบ่อแล้วดำน้ำไปต่อจนถึงทางปีนขึ้นด้านในก็จะเจอสัญลักษณ์รูปม้า Kelpie ที่พนังตรงทางเดิน เมื่อกลับมาห้องวงกลมประตูด้านในก็จะเปิดออก เข้าไปสำรวจรูปนกนางแอ่นที่พนังด้านในก็จะกลายเป็นจุดวาร์ปเปิดออกมา
- วาร์ปผ่านเข้าไปด้านในต่อจนถึงด้านในจะเจอกับ Golem เข้ามาโจมตี มันอยู่ในประเภท Elemeta ซึ่งจะแพ้ Elemeta Oil และเวทย์บาเรีย Quen จัดการมันแล้วเข้าด้านในต่อจนถึงทางแยก ทางขวาเข้าไปจะเป็นทางไปเก็บไอเทมที่ต้องสู้กับ บอส Gargoyles ที่สามารถกระทืบเท้าสร้างแรงอัดกระแทกที่รุนแรงได้ แต่มันอยู่ในประเภท Elemeta ซึ่งจะแพ้ Elemeta Oil และเวทย์บาเรีย Quen เหมือนกัน Gelem นั่นแหละ จัดการมัน เก็บไอเทมให้หมดแล้วย้อนกลับมาที่ห้องกลาง เข้าไปตามทางต่อจนถึงห้องโถงกลาง
- ในห้องโถงจะเห็น Mage ของ Wild Hunt กำลังวาร์ปเข้าด้านในพอมันเห็น Geralt เข้ามามันจะสร้างเวทย์ White Frost ออกมาขัดขวาง โดยไอเย็นที่ออกมาจากหลุมเวทย์จะทำให้บาดเจ็บได้ Keira จึงสร้างบาเรียขึ้นมาป้องกัน จากนี้ก็พยายามอยู่ในบาเรียและต้านศัตรูที่ออกมาเพื่อคุ้มกัน Keira จนกว่าเธอจะทำลายหลุมดำในห้องจนหมด เข้าไปด้านใน Keira จะสลายกำแพงลวงตาออกก็จะเข้าไปต่อได้




- เข้ามาถึงห้องโถงด้านในสุดจะพบกับ Boss Nithral อัศวินของ Wild Hunt ออกมารอขัดขวางทั้งคู่อยู่ การสู้กับมันนั้นพยายามใช้เวทย์บาเรีย Quen คุ้มกันเอาไว้แล้วลุยเข้าไปหาจังหวะโจมตีประชิดกับมันเลยเพราะต้องจัดการมันให้พลังหมดในครั้งเดียวมันถึงจะตาย ถ้ามัวชักช้าตอนมันใกล้ตายมันจะเข้าไปในบาเรียเติมพลังจนเต็มออกมาใหม่ได้ตลอด จัดการมันได้แล้วเข้าไปยังห้องด้านในจะเจอข้อความสุดท้ายที่ Elf ทิ้งเอาไว้ให้ Ciri

“ Zireael  อีกไม่นานที่นี่จะไม่ปลอดภัยแล้วอย่าอยู่นานนัก ห้ามเชื่อใจทั้งนั้น และที่สำคัญที่สุดต้องระวัง พวกแม่มดที่บึง Crookback Bog  เอาไว้ให้ดีๆ และจงรีบไปยังสถานที่สุดท้ายที่เราเคยพบกัน “




Geralt – สถานที่สุดท้ายที่เราเคยพบกัน … แมร่ง ไม่ได้ช่วยอะไรเล๊ย !
Keira – แต่ก็ถือว่าโชคดีน๊ะที่ข้อความยังไม่ได้ลบ แต่พวก Wild Hunt ยังวนเวียนอยู่ที่นี่ไม่นานมันคงมาเจอแน่ 
Geralt – เอาเข้าจริงเราไม่ได้อะไรเลยจากที่เราตามหาทั้ง Ciri ทั้ง Elf
Keira – อย่างน้อยๆก็ได้ลุยด้วยกันแหละน่า
Geralt – อืมม Crookback Swamp หรอ ?
Keira –  Crookback Bog !
Geralt – เดี๋ยวน๊ะ นี่เธอปิดบังอะไรอยู่หรือเปล่าเนี้ย เธอรู้จักพวกแม่มดนั่นรึเปล่า ?
Keira –   ไม่เคยเจอตัวหรอก แต่เคยอ่านในบันทึกเก่าที่เจอในกระท่อมตอนที่มาอยู่ใหม่ๆ เป็นเรื่องราวของพวกแม่มดที่เรียกตัวเองว่า Crones หนังสือ Ladies of the Wood พวกมันชอบออกมาจับตัวพวกคนหลงทางเอาไว้ใช้งาน แต่พวกมันก็ช่วยหยุดโรคระบาดใน Velen ด้วยเหมือนกัน 
Geralt – ข้าจะหาพวกมันได้ยังไง ?
Keira – ในหนังสือบอกว่า ในบึงที่พวกมันอยู่นั้นทั้งกว้างและหลงทางแต่พวกมันก็ทำสัญลักษณ์เอาไว้ พวกมันจะอยู่ในซากโบสถ์เก่าในเขตบึง ตามตำราบอกว่าให้ตามกลิ่นปรุงยาของมันไป (Trail of Treats) เอางี้ เอาหนังสือ Ladies of the Wood ไปอ่านเลยง่ายกว่า บางทีมันอาจช่วยให้ตามหา Ciri เจอ 

  -จากนั้นสำรวจเก็บของให้หมดแล้วใช้ Witcher Senses ตรวจดูที่จุดแดงที่พนัง จะพบว่ามันเป็นภาพลวงตา Keira จึงให้เครื่องราง The Eye of Nehaleni กับ Geralt เพื่อใช้เบิกทางภาพลวงตานี้จนเป็นทางออกได้ ทางออกนั้นไปตามทางขวาก็จะถึงปากถ้ำแต่ตรงทางแยก Keira จะขอตัวไปเอาสมบัติที่พวก Elf สัญญาว่าจะให้กับเธอมาก่อน ซึ่งจะเป็นเควสย่อยของ Keira ชื่อ Lamb of Magic ซึ่งคุณจะรับหรือไม่ก็ได้ แต่มาขนาดนี้แล้วแวะทำซะหน่อยเพราะเควสไม่ได้ยากมากมาย


                                              Secondary Quest – Lamb of Magic

-เข้าไปที่ห้องด้านในสำรวจที่ประตูอักขระ Keira จะอ่านคำบอกใบ้ให้ฟัง จากนั้นต้องจุดไฟที่รูปปั้น 4 ตัวเรียงกันให้ถูกต้อง คือ [นับรูปปั้นเรียง 1 – 4 จากซ้ายไปขวา] จุดไฟตัวที่ 3 – 2 – 4 – 1 

                                       

ประตูก็จะเปิดให้ Keira ได้ Lamb of Magic มาครอบครองแล้ว ก่อนออกแวะปีนขึ้นไปทางบนขวาจะเจอจุด Place of Power ให้เก็บ Ability Point อีกจุด มีโกเลมเฝ้าจะอัดมันหรือไม่ก็แล้วแต่ จากนั้นก็ใช้เครื่องราง The Eye of Nehaleni  เบิกทางภาพลวงตาออกจากที่นี่ได้เลย




Keira – เฮ้อออ ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ซักที หวังว่ามันจะคุ้มนะ ชั้นก็หวังว่าคุณคงเรียนรู้อะไรดีๆจาก Ciri หลังจากจบเรื่องนี้ได้ อะไรที่มันสำคัญสำหรับคุณน่ะ หลังจากกลับจาก Crookback Bog ก็แวะไปบอกชั้นบ้างแล้วกัน
Geralt – ยังไม่รู้เลยว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า ?
Keira – คนเรามี 2 ประเภท คนประเภทที่มองหารอเวลาเพื่อหาโอกาส กับคนอีกประเภท ที่ลุยไปข้างหน้าและสร้างโอกาสขึ้นมาด้วยเอง และชั้นก็มองเห็นคุณเป็นอย่างหลังมาตลอด เอาเป็นว่าจบเรื่องนี้ ว่างๆแล้วแวะไปหากันบ้างก็แล้วกัน
Geralt – จะพยายามนะ .. 


                              [ต่อเนื่องด้วยเควสย่อยของ Keira เลยครับ]


                        Secondary Quest – An Invitation from Keira Metz 

-หลังจากช่วยงานแรกของ Keira จนได้ตะเกียงเวทย์มนต์มาแล้ว เข้าไปที่บ้านของเธอ จะพบ Keira กำลังติดต่อกับวิญญาณในตะเกียง Geralt นั้นจริงๆเขาสงสัยมานานแล้วว่า Keira จะเอา Magic Lamb มาทำไม แต่จนแล้วจนรอดเธอเองก็ไม่ยอมบอก งานที่เธอต้องการให้ช่วยก็คือ ไปเอาข้อมูลต่างๆในหอคอยบนเกาะ Fyke Isle โดยให้ข้อมูลกับ Geralt ว่าเธอต้องการที่จะแก้ค่ำสาปของเกาะนี้ ซึ่งสำหรับ Geralt งานโลกสวยแบบนี้ไม่ใช่งานในสไตล์ของ Keira Metz สุดไฮโซจาก Temeria แน่นอน แต่ Geralt ก็ยินดีที่จะไปทำงานนี้ให้



- การเดินทางไปที่ เกาะ Fyke Isle ตรงกลางแผนที่นั่น ในครั้งแรกยังไงก็ต้องพายเรือไปที่นั่น แต่ถ้าใครที่เดินเล่นเลยเถิดไปที่นั่นมาแล้วก็จะเปิดจุด Fast Travel เอาไว้ได้เหมือนกัน ด้านในหอคอยด้านขวาบนของเกาะ เข้าไปจะพบวิญญาณที่เป็นร่างโปร่งแสงตามที่ต่างๆ ตอนนี้ยังไม่ต้องไปสนใจ สำรวจให้ทั่วแล้วขึ้นไปชั้นบนเก็บผลงานวิจัยของนักเวทย์ที่ชื่อ Alexander ที่เป็นกระดาษในห้องทดลองมาให้หมด (โดยเฉพาะตรงหลอดใส่ร่างทดลอง) จากนั้นก็เอาข้อมูลกลับมาให้ Keira ที่บ้านได้เลย แต่ถ้าใครเคยเดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปที่เกาะนั่นแล้วขึ้นมาเก็บของเล่นๆบนหอคอยมาแล้วก็จะสามารถจบเควสกับ Keira ได้ตั้งแต่แรกโดยไม่ต้องเมื่อยเลยก็เพราะคุณมีของที่เธอต้องการอยู่แล้วไง จากนั้นก็จะได้เควสย่อยใหม่จาก Keira คือ A Towerful of Mice ต่อทันที


                                  Secondary Quest – A Towerful of Mice

- หลังจากที่ Meira ได้ผลงานวิจัยของ Alexander มาศึกษาแล้ว เธอพบว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาโรคระบาดที่เขากำลังค้นพบ แต่มันอาจเกิดความผิดพลาดจนเกิดมีคนตายมากมายทำให้ที่นั่นเป็นที่ต้องสาป เธอจึงจะให้ Geralt ไปช่วยสืบคดีนี้และแก้คำสาปของเกาะนี้ให้โดยงานนี้ Keira ถึงกับให้ Magic Lamb กับ Geralt ติดตัวไปใช้เพื่อช่วย
** การใช้ Magic Lamb นั้นทำได้ด้วยการกด LB แล้วเลือกสวมใส่ที่ช่องไอเทมแถบล่างแล้วกด RB ในการใช้งาน ** 
ในเควสที่แล้วก่อนที่จะได้ Magic Lamb นั้นในหอคอยจะเห็นเป็นแค่ร่างเรืองแสงไม่สามารถสื่อสารอะไรได้ทั้งนั้น แต่เมื่อใช้ตะเกียงเวทย์ส่องดูก็จะสามารถเห็นวิญญาณที่ยังหลงเหลืออยู่ได้
-ที่ต้องทำก็คือส่องดูวิญญาณในหอคอยนี้ทุกจุดก็จะได้ Exp เล็กๆน้อยๆมา จากนั้นระหว่างทางจะพบวิญญาณตนนึงวิ่งหนีขึ้นไปชั้นบนเรื่อยๆ ตัวที่ทำของตกระหว่างที่มาตอนแรกที่ยังไม่เห็นตัวนั่นแหละ เมื่อเอาตะเกียงส่องก็จะสนทนากับวิญญาณผู้หญิงตนนี้ได้

ซึ่งเธอจะบอกว่าเธอชื่อ Anabelle เป็นลูกสาวของท่านลอร์ดเจ้าของเกาะนี้ แต่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นจากที่หมอประจำของเธอนั่นคือ Alexander หมอที่สนใจพลังเวทย์มนต์อย่างมาก ในครั้งที่ Velen เกิดโรคระบาดนั้นหมอ Alexander ให้เธอดื่มยาที่เขาปรุงขึ้น ด้วยความไว้ใจเธอจึงดื่มกันหมดจนสุดท้ายเธอก็ต้องตาย แต่ก่อนที่ยาจะออกฤทธินั้นพวกทหารที่บ้าคลั่งก็เข้ามาที่เกาะนี้เพราะต้องการจะปล้นของมีค่าของครอบครัวเธอ จนถูกพวกทหารข่มขืน แต่ที่แย่กว่านั้น คนรักของเธอที่ชื่อ Graham กลับทรยศเธอทิ้งเธอไม่ยอมมาช่วยจนสุดท้ายเธอก็ต้องดื่มยาพิษของหมอ Alexander จนตาย สุดท้ายความเครียดแค้นของคนตายมากมายที่นี่ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่ต้องสาปไป Anabelle ต้องการขอให้ Geralt เอากระดูกของเธอกลับไปให้ Graham ชายคนรักของเธอเพื่อที่จะได้สู่สุขคติ 

                                                ** Quest Decision ** 
                             [การตัดสินใจเลือกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง]

** เควสนี้เป็นแค่เควสย่อยแต่ก็มีทางเลือกให้เล่นสนุกกับชะตากรรมของวิญญาณ  Anabelle กับชายคนรักของเธอซึ่งผลของการเลือกนั้นจะไม่มี ผลกระทบต่อเควสหลักใดๆทั้งสิ้น **

โดยสามารถเลือกได้ระหว่าง
1.ทำตามที่เธอบอก โดยเอากระดูกของเธอไปแล้วเดินทางไปหา Graham ชายคนรักของเธอ ที่เป็นชาวประมงอยู่ที่หมู่บ้านประมง Oreton ซึ่งเมื่อเอากระดูกให้เขาแล้ว Graham ก็จะโดนคำสาปของ Anabelle จนตายทันที ซึ่งก็จะทำให้เธอหายแค้นจนคำสาปบนเกาะหายไป 





2. บอกว่าเธอโกหก เพราะ Geralt เชื่อว่าคำสาปของที่นี่เกิดจากตัว Anabelle เองที่เครียดแค้นคนรักที่ทรยศเธอ และทันทีที่ไม่เชื่อเธอ Anabelle ก็จะคืนร่างเป็นวิญญาณแค้น Plague Maiden เข้ามาต่อสู้ แน่นอนเธอเป็นวิญญาณต้องแพ้ทางเวทย์กับดัก YRDEN เมื่อจัดการเธอได้แล้วเธอจะหนีขึ้นหอคอยไป จากนั้นค่อยเดินทางไปที่ หมู่บ้านประมง Oreton เพื่อบอกกับ Graham ซึ่งเขาจะอธิบายว่าเขาไม่ได้ทรยศเธอ แต่ถูกปิดข่าวและกีดกันจนมาช่วยไม่ทัน Geralt จึงพา Graham ไปที่เกาะเพื่อยืนยันรักแท้กับ Anabelle ถึงขนาดที่ Graham ต้องจูบกับวิญญาณเพื่อยืนยันรักที่ไม่เคยคิดจะทิ้งเธอ แต่สุดท้าย Graham ก็ต้องตายเพราะจูบ Anabelle แต่ก็เป็นการตาย พิสูจน์รักแท้จน Anabelle เข้าใจและหายแค้น คำสาปจึงหมดสิ้นปากเกาะ 

-เมื่อเอาข้อมูลไปบอกกับ Keira เธอจะบอกว่าสูตรยาของ Alexander นั้นเป็นแค่ยาสลบเพราะหมอ Alexander ต้องการที่จะช่วยเธอจากโรคระบาดแต่เธอก็หลับไปยาวจนตื่นมาอีกครั้งเธอก็ถูกหนูมากมายที่นี่กัดกินร่างกายเธอจนตายไปซะแล้ว ซึ่งในขณะที่ Graham กลับไปที่หมู่บ้านและโทษตัวเองว่า Anabelle เธอตายแล้วนั้น จริงๆ Anabelle ก็อยู่ที่นั่นมาตลอดแต่ไปไหนไม่ได้เพราะมีมอนสเตอร์มากมายรอบเกาะจนสุดท้ายก็โดนหนูและจนตาย แต่ยังไง Keira ก็พอใจอย่างมากที่ Geralt ช่วยล้างคำสาปที่เกาะนี้ให้ได้สำเร็จ และเธอก็จะให้เควสย่อยอันใหม่มาคือ A Favor for Friend

                                  Secondary Quest – A Favor for Friend 

-งานต่อไป Keira จะให้ Geralt ไปเอาของบางอย่างในเกวียนส่งสินค้ามาให้เธอ จากนั้นเดินทางไปที่จุดหมายแต่จะไม่พบเกวียน ใช้ Witcher Senses ตามรอยเกวียนไปจนพบว่ามันถูกปล้นโจมตี แต่กล่องสินค้าของ Keira นั้นยังอยู่ Geralt จึงเอาไปส่งมอบให้เธอทันที ซึ่ง Geralt ไม่ได้ถามอะไรมากว่าในกล่องสินค้ามีอะไรเพราะรู้ว่าเกวียนขนส่งสินค้านั่นมีแต่ไวน์และอาหารธรรมดาๆ แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือ อะไรที่ทำให้ Keira สนใจอะไรในหอคอยบนเกาะ Fyke Isle นั่นนักหนามากกว่า จนเธอยอมบอกว่าเป็นสูตรเวทย์มนต์โบราณที่ทำให้เธอสามารถแปลงร่างหนู 2 ตัวเป็นม้าได้เหมือนในนิยาย และเธอก็ยอมบอกกับ Geralt ว่าสินค้าที่ให้ไปเอามานั้นเป็น ไวน์ ชั้นเลิศและถ้าไม่รังเกียจเธอจะชวน Geralt ไปดินเนอร์ส่วนตัวใต้แสงจันทร์กับเธอ ก่อนที่เธอจะแต่งองค์ทรงเครื่องให้เธอและ Geralt เลิศหรูแล้วใช้ม้าที่แปลงจากหนูขี่ไล่ตามกันไปจนถึงโต๊ะดินเนอร์กลางป่าที่เธอเตรียมเอาไว้



Geralt มีโอกาสที่จะถามความในใจกับ Keira หลายอย่างถึงเรื่องที่เธอพยายามค้นหาอยู่ Keira บอกว่าเธอเป็นแม่มดนักวิชาการที่ชอบสะสมความรู้ เธอจึงพยายามจะเอาข้อมูลดีๆมากมายที่กำลังตกหล่นและโดนเผาทำลายจากภัยสงครามที่ Velen ไปให้มากที่สุด และที่มาเลี้ยงขอบคุณก็เพราะซึ้งน้ำใจที่ Geralt มาล้างคำสาปให้ ซึ่ง Geralt ก็ยังคงงงเหมือนเดิมงานนี้ไม่ใช่การล้างคำสาปครั้งแรกของเขา จึงเข้าประเด็นที่ประโยค we came here for Make love ซะ ตกลงที่มาที่เนี่ยเพื่อเอากันก็บอกมาตรงๆเถอะว้า Geralt เขาว่าอย่างงั้น

     

ทันทีที่โดนรู้ทัน Keira ก็ใช้เวทย์หายตัวหนีไปทันที ทำให้ Geralt ไม่รอช้าจึงรีบแกะรอยไปทันใด จนเจอทรามวัย Keira ในร่างเกือบเปลือยเปล่ายืนท้าลมหนาวอยู่ริมทะเล
 “ผมของเบิกค่าจ้างเลยน๊ะ”  Geralt เสนอ 
“ไม่ได้เตรียมติดตัวมาด้วยสิ งั้นเอาอย่างอื่นแทนแล้วกัน”  Keira รีบสนอง 

 ก่อนที่ทั้งคู่จะบรรเลงเพลงรักจนชายหาดร้อนเป็นไฟ หลังจบศึก Keira ก็กระซิบข้างหู Geralt .. Egvane Navr ..จนทำให้ Geralt หลับไปถึงเช้า เมื่อตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าชายหาดที่มาก็คือตรงข้ามกับเกาะ Fyke Isle ซึ่งนั่นทำให้ Geralt โดน Keira หลอกใช้ให้มาที่นี่แน่นอน 







                           Secondary Quest – For the Advancement of Learning

-เดินทางกลับไปที่หอคอยบนเกาะอีกครั้งก็จะพบ Keira เดินออกมาพร้อมเอกสารสูตรยาของ Alexander ปึกใหญ่เลย งานนี้ Geralt ยืนยันหนักแน่นให้ Keira ยอมบอกมาว่าเธอต้องการอะไรจากที่นี่กันแน่ ซึ่งสุดท้าย Keira ก็ยอมบอกความจริงออกมาว่า หมอ Alexander นั้นกำลังค้นคว้าเรื่องสูตรยาแก้โรคของ Catrina ธิดาของกษัตริย์ Radovid แห่ง Noviggrad ซึ่งเธอถูกว่าจ้างมาให้เอาผลงานของ Alexander ไปศึกษาต่อเพื่อหาทางทำวัคซีนออกมาให้ได้ แต่ดูเหมือน Geralt จะกังวลว่าสูตรยาที่ Alexander ใช้นั้นผิดพลาดทำคนตายบนเกาะ Fyke Isle มาเท่าไหร่แล้ว เขาจึงกลัวว่า Keira จะเอาไปทดลองจนเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำแบบที่เกาะนี้อีก และยิ่งกว่านั้น Geralt ไม่คิดว่ากษัตริย์ Radovid จะเอาสูตรนี้ไปทำยาแน่นอน เพราะช่วงศึกสงครามแบบนี้ การรักษาลูกสาวไม่ใช่หนทางชนะศึกกับกษัตริย์ Emhyr แห่ง Nilfgaard แน่นอน ทางเดียวที่เขาจะใช้คือ เอาไปทำอาวุธเคมี เพื่อชนะสงคราม แมมดเชิงวิชาการอย่าง Keira รีบแย้งว่า แบตทีเรีย ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ Geralt มั่นใจว่าอาจจะไม่ได้แต่ไม่ได้แปลว่าจะทำไม่ได้ในซักวัน แต่ Keira ก็ยืนยันว่าเธอจะ เอาอยู่ และต้องนำไปให้ กษัตริย์ Radovid ให้ได้ไม่ว่า Geralt จะพอใจหรือไม่ ความขัดแย้งจึงเริ่มเกิดขึ้น




ตรงนี้จะมีคำตอบให้เลือกคือ
1.I can’t let you do That (ผมคงปล่อยให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้) 
2. Thousand may die I’ll be on Your Head (หลายพันคนอาจต้องตายอีก ถ้าจะทำผมจะชี้ทางให้)
3.Can’t Believe we Fucked (ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราเพิ่งเอากันไปน๊ะเนี้ย)
4. Do What you Want ( จะทำอะไรก็ตามใจเถอะ) 
** ถ้าเลือกข้อ 1 หรือ 3 จะต้องสู้และกำจัดเธอทิ้งเพื่อแย่งเอาสูตรยามา
** ถ้าเลือกข้อ 4 ปล่อยเธอไป ชะตาชีวิตของ Keira จบลงที่ฉากจบ  A Savage End เธอก็จะถูกเลิกสัญญากับราชา Radovid และทำให้เธอถูกประจานจนเสียชื่อเสียง

** ให้เลือกข้อ 2 เพื่อบอกทางให้เธอไปหาสูตรยาจาก Lambert ที่ Kaer Morhen แทน จากนั้นก็เลือกขอ Note มาจากเธอ ซึ่งจะทำให้ไม่ได้ต้องสู้กับเธอจนเธอต้องตาย เสียของขาวๆไปอย่างเปล่าประโยชน์ และทำให้ชะตาชีวิตของ Keira จบลงที่ ฉากจบ A New Friend ซึ่งเป็นฉากจบที่ดีของเธอด้วย 

   


                                            Main Quest – Ladies of the Wood

บึงคร็อคแบ็ก เป็นที่รู้จักของอณาจักร Velen ว่าเป็นแหล่งรวมโสมม เรื่องเล่าและตำนานแห่งความชั่วร้ายที่กลายเป็นจริง แม่มดที่แสนชั่วร้ายที่ฝังตัวอยู่ใจกลางบึงพิษที่ไม่มีใครจะคิดอยากพูดถึง จนเรื่องเด็กหายและชาวบ้านล้มตายเป็นเรื่องปกติชีวิตของคนที่นี่ บึงคร็อคแบ็กที่สุดแสนอันตราย เบาะแสสุดท้ายที่ Geralt ถืออยู่และเขาก็หวังลึกๆว่า Ciri ที่เขาตามหาจะใช้ที่นี่เป็นแค่ทางผ่านไม่ได้ฝังร่างเป็นเหยื่อแม่มด

- เปิดอ่านไอเทมหนังสือ Ladies of the Wood ที่ Keira ก่อนแล้วเดินทางมาที่จุดหมายแรกที่รูปสลักไม้แล้วแกะรอยสิ่งที่ห้อยอยู่บนต้นไม้รูปทรงประหลาดเข้าไปตามทางผ่านป่าไปจนถึงหมู่บ้านกลางบึง

ที่นี่ Geralt ได้เจอพบพวกเด็กกำพร้ามากมายที่มีอยู่รวมกันที่นี่เหมือนทุกอย่างมันเป็นเรื่องปกติ Geralt สงสัยว่าจะอยู่ได้ยังไงกลางป่าโดยลำพังแต่เด็กก็ยืนยันว่ามีหญิงชราที่ชื่อ Gran ดูแลพวกเขาอยู่  แน่นอน Geralt ไม่มีทางเลือกที่ต้องถามถึงเรื่อง Ciri กับพวกเด็กๆหรืออย่างน้อยๆก็เรื่องแม่มดในบึงก็ยังดี แต่เด็กๆยืนยันว่าพวกเขาไม่เคยเห็นแม่มด และในป่าไมมีอะไรนอกจากกบกับงูและ Johnny 




จน Gran หญิงชราที่เป็นคนดูแลเด็กกำพร้าก็ออกมายืนยันว่าเรื่องแม่มดหรือ Johnny นั้นไม่เป็นแค่เรื่องเล่ามากว่า เด็กอ้วนคนนึงอดไม่ได้จึงพูดขึ้นมาว่า Johnny มีจริงๆเพราะเขาเคยไม่เล่นด้วยกันมาแล้ว แถมยังนิสัยดีและเป็นคนที่รอบรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างที่อยู่ในบึงนี้ด้วย สุดท้าย Gran ก็ต้องรีบตัดบทพาเด็กทุกคนเข้าบ้านก่อนที่จะจบการพูดคุยกับ Geralt ว่า อย่ามายุ่งกับพวกเด็กๆของเธอและเธอจะไม่อยากให้ความช่วยเหลือกับคนแปลกหน้าด้วยเรื่องใดๆทั้งสิ้น

- Geralt ไม่ยอมแพ้ที่จะหาทางเข้าไปคุยกับเด็กอ้วนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มให้ได้จึงออกอุบายให้เด็กช่วยกันล่อ Gran ออกไปนอกบ้านก่อนเพิ่อที่เขาจะเข้าไปคุยกับเด็กอ้วนในบ้านให้ได้ แต่พวกเด็กไม่ยอมช่วยจนกว่าจะเล่นซ่อนหาจนชนะพวกเขาได้ก่อน จากนั้นเด็กๆ 4 คนจะแยกย้ายไปซ่อนก็เริ่มใช้ Witcher Senses ออกมาสะกดรอยตามหาเด็กๆที่ซ่อนอยู่จนเจอให้ครบ 4 คนให้ได้แล้วเด็กๆจะยอมเข้าไปช่วยแกล้งชวนให้ Gran ออกไปนอกบ้านให้ตามที่สัญญา


 
ทันทีที่ Gran ออกจากกระท่อม Geralt ก็รีบเข้าไปคุยกับเจ้าเด็กอ้วนทันที เขาพยายามสอบถามถึงเรื่อง Johnny ที่อยู่ในบึง Geralt แปลกใจที่เห็นเจ้าเด็กคนนี้กลัวที่จะพูดเรื่อง Johnny อยู่ตลอด แต่เจ้าเด็กอ้วนจะบอกว่าเขาไม่ได้กลัวที่จะเล่าแต่ Gran ห้ามเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าพูดมากแล้วจะถูกจับตัวไป ซึ่งจริง Gran เธอก็ชอบเขามากโดยเฉพาะตอนที่ Johnny ร้องเพลง และเธอเองก็เป็นห่วง Johnny มากว่าจะโดนจับด้วยจึงต้องพยายามปิดบังแล้วบอกว่าเรื่องของ Johnny เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น ก่อนที่วันนึงในตอนที่ Johnny เก็บเห็ดอยู่เขาเล่าว่าเจอผู้หญิงผมสีเทาในบึงด้วย  Geralt เลยรีบถามถึงที่อยู่ของ Johnny ทันที เจ้าเด็กอ้วนก็บอกไปว่า ให้มองหาต้นไม้แปลกๆที่อยู่ใจกลางบึงลอบมองหาดูก็จะเจอตัวเขาเอง 

-จากนั้นก็เริ่ม Witcher Senses แกะรอยเท้าของ Johnny จากจุดที่เขาเข้ามาที่หมู่บ้านไปตามทางเรื่อยๆจนกว่าจะถึงโพรงที่อยู่ของเขา



และแล้ว Geralt ก็พบ Johnny เด็กเผ่าพันธุ์ประหลาดที่เรียกว่า Godling และดูจากโพรงที่เขาอยู่เป็นที่โล่งกว้างกลางบึงที่ทำให้เห็นความเป็นไปโดยรอบของบึงได้หมดจริงๆตามที่เจ้าเด็กอ้วนบอกไว้ Geralt ไม่รอช้าที่จะยิงคำถามเกี่ยว Ciri ไปมากมายแต่ Johnny ก็ไม่ตอบกลับมาซักคำ จน Geralt เริ่มจะเข้าใจว่าตอนนี้ ประสบปัญหาเรื่องเสียงที่ถูกขโมยไปและพยายามจะนำทาง Geralt ไปเพื่อเอาเสียงเขาคืนมาให้ก่อนเพื่อแลกกับข่าวสารที่เขาจะพูดออกมา

- เดินตาม Johnny ไปจนถึงตีนเขาแล้วเขาจะชี้ให้เห็นว่าเสียงของเขาถูกเอาใส่ไปในโถงแล้ววางไว้บนรังนกบนภูเขา จากนั้นก็หาทางปีนขึ้นไปบนเนินเขานั้นจากทางฝั่งขวาหรือซ้ายก็ได้ตามสะดวก ที่รังนกนั่นไม่ใช่นกธรรมดาแต่เป็นพวก Harpies ฝูงนึงที่อยู่ที่นั่น จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปเก็บโถใส่เสียงและขนนก Raven ที่รังของมันมา (Raven Feather เป็นคีย์ไอเทมสำคัญเก็บเอาไว้ให้ดีๆ) จากนั้นก็เอาไปให้ Johnny ที่รออยู่ได้เลย และทันที่ Johnny ได้เสียงของเขาคืนมาก็เริ่มจ้อไม่หยุดทันที



Johnny – บลาๆๆๆ เช้าฟาดพัดฟักเย็ดฟาดฟักผัด ทหารแบกปืนโบกปูนไปแบกตึก บลาๆๆๆ เสียงกลับมาแล้วสบายอุราจริงๆ ขอบคุณเหลือเกิน คุณ ..อะไรก็ช่างเถอะ จะจำไปตลอดชีวิตเลยล่ะ 
Geralt – ดีใจพอยัง ข้าช่วยเจ้าแล้วต่อไปเจ้าต้องช่วยข้าบ้าง แล้วเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับ Gran ที่คอยดูแลพวกเด็กๆบ้าง เธอเป็น Crones หรอ ?
Johnny – ป้า Gran ไม่ใช่ Crones แต่เป็นเสมือนร่างทรงคนรับใช้พวกมัน เธอเป็นคนดีแต่ข้าไม่ชอบที่เธอชอบบอกให้เด็กๆไม่เชื่อเรื่องของข้า ว่าเรื่องตัวข้าไม่มีจริงทั้งๆที่อยู่ที่นี่มานานมากแล้ว 
Geralt – แล้วเรื่องเกี่ยวกับพวก Crones ล่ะ 
Johnny – เจ้าพวก Crones คำสาปเก่าแก่ที่อยู่คู่บึงนี้มานมนานแล้ว ไม่เคยมีใครคิดที่จะปราบพวกมันจริงๆจังๆซักทีเพราะนอกจากเวทย์ที่แข็งแกร่งของมันแล้วพวกมันก็ฉลาดพอที่จะซื้อใจพวกชาวบ้านด้วยการช่วยเหลือเล็กๆน้อยแลกกับรางวัลที่มันอยากได้ แม้แต่คนในรั้วในวังยังต้องพึ่งมันในครั้งที่ให้มันช่วยรักษาโรคระบาดของอณาจักรนี้  และที่สำคัญ จะไม่มีใครได้เจอมันจนกว่ามันจะยอมให้เจอ และจะไม่เห็นมันต่อเมื่อพวกมันอยากให้เห็น แต่พวกมันเห็นและได้ยินทุกเรื่องที่เกิดที่บึงแห่งนี้ เพราะฉะนั้นท่านพูดอะไรออกมาก็ต้องระวังๆด้วย 
Geralt – ข้ากำลังตามหาเด็กผู้หญิงคนนึง ผมสีเทาเจ้าเคยเห็นรึเปล่า
Johnny – เคยสิ ! หลายวันก่อนแล้วแต่ก็จำได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เลยล่ะ เห็นเธอคนนั้นวิ่งหนีมาทางบ้านเด็กกำพร้าแล้วพวก Crones ก็ไล่ตามไปข้าเห็นเธอแล้วนึกถึงแม่ขึ้นมาทันทีเลย พยายามจะตะโกนเรียกเต็มที่เลยแต่ก็ลืมไปว่าตอนนั้นเสียงไม่มี เธอคงไม่ได้ยินข้าก็เลยไม่ได้ยินเลยต้องปล่อยเลยตามเลย 
Geralt – แล้วถ้าเธอหนีมาจากบ้านเด็กกำพร้า พวกเด็กๆกับหญิงแก่ Gran ก็ต้องเคยเห็นเธอแต่ทำไมพวกเขาถึงบอกว่าไม่เห็นล่ะ 
Johnny – ก็เพราะป้า Gran เธอได้รับคำสั่งไม่ให้พูดกับคนแปลกหน้า ท่านเป็นคนแปลกหน้าไง แต่ข้าไม่ใช่
Geralt – เจ้าจะช่วยพูดให้ข้างั้นหรอ ?
Johnny – แน่นอน เจ้าช่วยข้า ข้าก็จะช่วยเจ้าเหมือนกัน มา ตามข้ามา

- จากนั้นก็เดินทางตาม Johnny ไปตามทางจนกลับไปถึงที่บ้านเด็กกำพร้ากลางบึง

Johnny ก็จะพยายามพูดกับ Gran ให้ช่วย Geralt ตามหาผู้หญิงของเค้า ซึ่งก็คือต้องหาทางเจอกับพวก Crones เพื่อถามพวกมัน แต่ Gran ก็ยังยืนยันที่จะไม่ยอมช่วย สุดท้าย Johnny ต้องอ้างความดีความชอบมากมายที่ผ่านมาที่เคยช่วยเด็กๆเอาไว้หลายครั้งจนสุดท้าย Gran ก็ใจอ่อนยอมช่วยเป็นตัวกลางในการติดต่อพวก Crones ให้ ซึ่งตอนนี้กำลังมีเรื่องที่ชาวบ้านขอความช่วยเหลือมาเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างที่ทำให้คนในหมู่บ้านหายสาบสูญไปหลายคน โดย Gran จะให้  Geralt เป็นคนไปทำงานนี้แทนเพื่อให้พวก Crones เห็นในฝีมือ เธอจึงพา Geralt เข้าไปในโรงนาเพื่อพิธีสื่อสารกับพวก Crones 





Gran – จริงๆแล้ว Johnny เป็นเด็กดีมากนัก ชั้นแปลกใจว่าทำไมพวกคุณผู้หญิงถึงไม่ชอบเขาแถมยังเรียกว่า ตัวประหลาดที่น่าเกลียดอีกก็ไม่รู้
Geralt - ผู้หญิง 3 คนในภาพวาดนี่ใคร ?
 Gran – ก็เหล่าคุณผู้หญิงแห่งป่าลึกที่คุณตามหาไง 
“ คุณผู้หญิงแสนสวยผู้ทรงอำนาจ ขอร้องให้ท่านทั้ง 3 ให้ตอบรับข้าผู้เป็นทาส แสดงพลังอำนาจ ให้โอกาสเหล่าคนที่ด้อยค่าได้พูดคุย”  
 Ladies - กล้าดียังไงมารบกวนการพักผ่อนของพวกเรา ยัยเฒ่า 
Geralt – ข้าอยากรู้เรื่องของผู้หญิงผมสีเทา ข้ารู้ว่าท่านเคยพบกับเธอ อยากรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ?
Ladies – อู้ !! ใจร้อนจังพ่อหนุ่ม เจ้าชอบผู้หญิงผมสีเทารึ เพิ่งเคยเห็นนี่และ
Geralt – ก็แปลว่าท่านเคยเจอเธอแล้ว บอกทุกอย่างมา 
Ladies – ตรงไปตรงมาจริงน๊ะ ถามจริง เคยเจอเจ้า bollock รึยัง เจ้ากลัวพวกสัตว์ร้ายของป่านี่มั๊ย มีอำนาจมืดปกคลุมอยู่ที่หมู่บ้าน Downwarren ที่เกิดจากความอาฆาตแค้นที่น่ารังเกียจ ทำลายเจ้าปีศาจนั่นให้ข้า ทำให้ข้าพอใจ แล้วข้าจะบอกเกี่ยวกับเรื่องผู้หยิงผมสีเทาของเจ้า !  feed 
Geralt – พลังมืดหรอ ? ท่านคงควรเรียกใช้งาน นักล่าแม่มดน๊ะไม่ใช่ Witcher
Ladies – ไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน Downwarren เขาจะบอกรายละเอียดกับเจ้า เสร็จงานแล้วเอาค่าจ้างจากมันมาให้ข้า ถือว่าเป็นอันจบ แล้วก็อย่าลืมเอามีดสั้นติดตัวไปด้วย 
Geralt – มีดสั้น เอาไปทำไมล่ะ ?
Ladies – เสร็จงานแล้วยื่นให้หัวหน้าหมู่บ้านแล้วมันจะรู้เอง 
Gran – นี่มีดสั้น ได้ค่าจ้างจากหัวหน้าหมู่บ้านมาแล้วเอาไปวางที่แท่นหินกลางหมู่บ้าน แค่นั้นแหละ 

-จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือที่หมู่บ้าน Downwarren ซึ่งที่นี่เป็นได้รับผลประโยชน์จากการช่วยเหลือเกื้อกูลของเหล่าคุณผู้หญิงแห่งป่าแห่งนี้มานมนานแล้ว ทั้งเสื้อผ้า อาหาร หรือ เมล็ดพันธ์ที่ใช้เพาะปลูกส่วนใหญ่ก็ได้มาจากเหล่าคุณผู้หญิงทั้งสิ้น ยังไม่รวมทั้งปัญหามากมายที่แค่ขอความช่วยเหลือไป เหล่าคุณผู้หญิงก็ส่งคนมาแก้ไขให้ตลอด ถึงแม้บางครั้งจะดูโหดเหี้ยมบ้างเรื่องค่าตอบแทน แต่ในสายตาของชาวบ้านที่อยู่ท่ามกลางสภาพแร้งแค้นก็นับว่ายุติธรรมดีแล้วสำหรับพวกเขา และที่สำคัญ ที่นี่คือดินแดน No man Land แห่ง Velen ถ้าอยากที่จะอยู่รอดก็ต้องการการปกป้องจากใครหรืออะไรซักอย่าง



หัวหน้าหมู่บ้านเล่าถึงปัญหาของเขาให้ฟังว่า เขาเชื่อว่าสงครามได้ปลุกอำนาจมืดบางอย่างขึ้นมา มันทำให้ทุกคืนมาชาวบ้านหลายคนถูกทำให้นอนระเมอออกจากบ้านเดินเข้าป่าไปและไม่กลับออกมาอีกเลย พวกเขาเชื่อว่าพลังมืดที่ว่ามันซ่อนตัวอยู่ในถ้ำใต้ต้นไม้แถวๆ Whispering Hillock หัวหน้าหมู่บ้านต้องการให้ไปที่นั่นและจัดกรทำลายพลังความมืดที่ชั่วร้ายนั่นซะ


                                  Secondary Quest - Whispering Hillock


- เดินทางเข้าไปในป่าที่จุดหมายคือต้นไม้ใหญ่ที่เนิน Whispering Hillock จุดเป้าหมายสีเหลืองจะโชว์ที่ต้นไม้แต่จริงๆมันอยู่ใต้ต้นไม้ มองหาทางเข้าถ้ำซึ่งจะอยู่ด้านล่างของเนินใกล้ๆกับแท่น Place of Power เข้าไปแล้วดำน้ำไปโผล่ที่ถ้ำด้านในก็จะพบต้นต่อของปัญหาที่ฝั่งตัวอยู่ที่รากต้นไม้ใหญ่ Geralt ได้พบกับก้อนเนื้อประหลาดที่รูปร่างน่าขยะแขยง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันต้องเป็นสิ่งชั่วร้ายแน่นอน



Ghost in the Tree – เจ้ามาที่นี่ทำไม มาเพื่อทำลายฆ่า หรือ ช่วยปลดปล่อยข้า ?
Geralt – ตกลงแกเป็นตัวอะไร
Ghost in the Tree – ข้าคือผู้ถูกทอดทิ้งจากวัฏจักร พวก Crones มันฆ่าข้าแล้วสาปให้เป็นผีที่หลงทางไม่รู้จบในกิ่งก้านของต้นไม้ที่เป็นเหมือนเขาวงกตแห่งนี้ เจ้าพวก Crones คำสาปที่ชั่วร้ายแห่ง Velen มันรอบรู้ทุกอย่าง เป็นอมตะจาก น้ำซุป ยาอายุวัฒนะที่ปรุงจากเนื้อสดๆของมนุษย์ 
Geralt – แล้วทำไมพวกมันถึงอยากจะฆ่าแกนัก ?
Ghost in the Tree – พวกมันต้องการดินแดนแห่งนี้ ต้องการควบคุมทุกอย่างเพียงแต่ผู้เดียว และข้าขวางทางพวกมัน ก็เลยถูกพวกมันจ้องจำทำลายมาตลอด 
Geralt – แล้วศพที่ตายเกลื่อนเนินอยู่นี่ละ ทั้งเด็กทั้งผู้หญิง พวกเขาต้องการมาฆ่าเจ้ารึเปล่า ?
Ghost in the Tree – เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีใครหลีกหนีความตายได้ ทุกคนย่อมพบความตายได้เท่าๆกัน ข้าจะทำอะไรได้ จะทำได้ก็แค่ ร้องไห้ ส่งเสียงโหยหวน ไม่ได้รับรู้อะไรทั้งนั้น 
Geralt – แล้วแกจะขอให้ข้าช่วยปลอดปล่อยจากการถูกกักขัง ยังไง ?
Ghost in the Tree – ข้าถูกเวทย์มนต์ผนึกเอาไว้ให้เวียนว่ายอยู่ที่นี่ไม่รู้จบ เหมือนพวกเด็กๆกำพร้านั่น ข้ารู้ว่าอะไรพวกเขาอยู่ ข้าช่วยปลอดปล่อยพวกเขาได้ ปลอดปล่อยข้า ข้าอยากช่วย 
Geralt – ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเด็กนั่นจริงๆข้าก็จัดการเองได้
Ghost in the Tree – เจ้าจะไม่มีวันรู้จนถึงวันที่พวก Crones เอาตัวเด็กๆไป เชื่อข้า ข้าช่วยพวกเขาได้ ข้ารวดเร็วมากในร่างของม้าป่า  ปลอดปล่อยข้า ! 




** คำถามชุดแรกประกอบด้วย **
1. ตกลงที่จะช่วยปลอดปล่อยมัน (ต้องทำเควสย่อย Whispering Hillock เพื่อหาไอเทมมาทำพิธี)
2. ข้าไม่เชื่อแก (ต้องสู้กับมันและจัดการทำลายมันซะ)
3. ขอคิดดูก่อน (ยังไม่ทำอะไรเลยจนกว่าจะเข้าไปคุยใหม่อีกครั้ง)

หากเลือกข้อ 1 Quest - Whispering Hillock ก็จะเพิ่มเติมใหม่ ซึ่งก็คือต้องไปหาของ 3 อย่างมาทำพิธีตคือ
1- กระดูกมนุษย์ (ไปตามจุดหมายและเก็บมา)
2. ขนนก Raven (เก็บได้อยู่แล้วที่รังนกตอนไปเอาเสียง Johnny )
3. ม้าป่า 1 ตัว (ไปที่จุดหมายแล้วใช้เวทย์สะกดจิตม้าป่าแล้วขี่กลับมาที่ถ้ำ)

เมื่อได้ของ 3 อย่างมาทำพิธีคืนชีพแล้ว ** คำถามชุดที่ 2 จะประกอบด้วย ** 
1 เริ่มทำพิธี 
2. หลอกมันแล้วฆ่าที่หลัง  (ทำพิธีได้ครึ่งเดียวแล้วไม่ยอมส่งม้าให้มัน มันจะตายไปเองโดยไม่ต้องสู้) 
3. ยังไงก็ต้องกำจัดแกอยู่ดี (เอาของมาให้จนครบแต่ก็จะต้องสู้กับมันอยู่ดี)

หากเลือกข้อ 1 เมื่อทำพิธีปลอดปล่อยเสร็จ วิญญาณผีร้ายในต้นไม้จะไปสิงอยู่ในร่างม้าป่า ตาแดงกล่ำ แล้วมันจะไปช่วยเด็กๆตามสัญญาเพื่อพาหนีออกจากกระท่อมกลางบึงจนหมด (และเสียดายที่ไม่สามารถสะกดจิตมันมาใช้เป็นม้าสุดยอดได้อย่างที่หวังเอาไว้)


                                                 ** Quest Decision ** 
                             [การตัดสินใจเลือกที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรม]
             

** การเลือกว่าจะทำลายหรือช่วยวิญญาณในต้นไม้จะส่งผลถึงตอนจบของครอบครัว Baron ในเควส Family Metter **

1.ถ้าเลือกที่จะช่วยวิญญาณในต้นไม้ 
-หมู่บ้าน Downwarren จะโดนมันใช้ร่างม้าทำลายจนสิ้น 
- Anna เมียของ Baron จะถูกคำสาปกลายเป็นปีศาจในบึง 
** ซึ่งจะส่งผลต่อตอนจบของเรื่องราวของ Baron ในเหตุการณ์ convalescing in the Blue Mountain **
2.ถ้าเลือกที่จะทำลายวิญญาณในต้นไม้
- หมู่บ้าน Downwarren จะไม่ถูกทำลาย
- Anna เมียของ Baron ไม่ถูกคำสาป
** ซึ่งจะส่งผลให้ต้องทำเควส Cursed of Crookback Bog เพื่อล้างคำสาปให้เธอ แต่ Anna ก็จะตายอยู่ดี **

-ไม่ว่าจะเลือกทำลายหรือช่วยวิญญาณในต้นไม้ เสร็จภารกิจแล้ววิญญาณก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว เดินออกจากถ้ำไปบอกผลงานที่เลือกทำกับหัวหน้าหมู่บ้าน ก่อนที่เขาจะขอมีดสั้นที่เหล่าคุณผู้หญิงให้พกมา แล้วเขาจะเอามีดไปตัดหูยื่นให้ Geralt เอาไปเป็นเงินรางวัลให้กับพวกคุณผู้หญิงตามสัญญาหลังจบงาน ที่นี้ Geralt ก็รู้แล้วว่าทำไมต้องเอามีดสั้นมาด้วย จากนั้นก็เดินทางกลับไปที่กระท่อมของเด็กกำพร้า Geralt จะเอาหูที่ได้เป็นรางวัลไปวางที่ขอนไม้ ไม่นานเหล่าคุณผู้หญิงแห่งป่าลึกทั้ง 3 ก็จะออกมาเอารางวัลของพวกเธอ Brewess , Weavess และ Whispess ที่หน้าตาและรูปร่างห่างไกลจากในรูปวาดมากอยู่



Geralt – โอโห ! ชีวิตจริงที่ห่างไกลจินตนาการเยอะแล้วน๊ะ คุณผู้หญิง
Whispess – ไปหยิบหูมาให้ข้าสิยัยโง่ !!





ทันที่ Gran ไปหยิบหูมาชักช้า Whispess Cranes ตัวที่ปิดหน้าก็ร่ายมนต์ตราทำให้สัญลักษณ์ที่ฝ่ามือของ Gran ได้รับความเจ็บปวดเพื่อสั่งสอน แต่นั่นมันทำให้ Geralt รู้ทันทีเลยว่า Gran หญิงชราที่มีตราอยู่ที่ฝ่ามือก็คือ Anna Strenger ภรรยาของ Bloody Baron ที่เขากำลังออกตามหานั่นเอง 

Whispess – แล้วอย่ามาทำรู้ดีแทนพวกเราอีกเป็นครั้งที่สอง !
Brewess – แต่พวกเราให้อภัยเจ้าที่เชิญชวนเจ้า Witcher มายุ่งเรื่องนี้เพราะงานมันสำเร็จด้วยดี แล้วก็เด็กๆของเจ้านี่จ้ำหม่ำน่าหม่ำอย่างกับหมู  เนื้อหวานอย่างกะใส่คาราเมลแนะ ฮ่าๆๆ 
Weavess – เอาล่ะ เรามาพูดถึงเรื่องแม่สาวของเงินของเจ้าต่อดีกว่าพ่อหนุ่ม
Geralt – เธอคือ Anna Strenger ภรรยาของ Bloody Baron ที่หายไปนี่นา
Whispess – เธอเป็นผู้ถูกเลือกให้มีหนี้ที่ต้องชำระ 
Geralt – เธอความจำเสื่อม ใช่มั๊ย !
Weavess – เธอรู้ดีว่าสัญญามันเริ่มผูกกันทันทีที่เธอตัดสินใจลงมือทำมัน เราช่วยเธอไว้ แล้วเธอก็ตกลงที่จะรับใช้พวกเรา ตอนนี้เธอมีตรานั่นแล้วเธอก็เป็นคนของเราแล้ว มาคุยเรื่องผู้หญิงอีกคนที่เจ้ากำลังตามหาดีกว่าพ่อหนุ่ม 
Geralt – แล้วใครที่พวกท่านผลึกไว้ที่ต้นไม้ 
Whispess – แค่คนขี้โกงที่สำควรต้องตาย deceive 
(บทสนทนาที่เกี่ยวกับวิญญาณในต้นไม้จะขึ้นกับคุณได้ฆ่ามันไปหรือช่วยปลอดปล่อยมัน) 
Geralt – เอาล่ะ ข้าทำงานให้ท่านตามสัญญาและต่อไปท่านก็ต้องเล่าเรื่องคนที่ข้าตามหามา 
Weavess – สาวน้อยนั่นพวกข้าเรียกเธอว่าแม่หนูสีขาว
Brewess – รูปร่างหน้าตาดี แต่ทำสิ่งที่แย่ๆกับเราเอาไว้
Whispess – เราดูแลเธอสุดความสามารถแล้วด้วย
Weavess – เลี้ยงอย่างกับลูกแท้ๆเลยน๊ะ
Whispess – เลี้ยงเสียข้าวสุกอ่ะสิ เธออยากคายกับเรา นังเด็กไม่ดี 
Weavess – ตัวอันตราย หัวดื้อ เห็นแก่ตัว !!
 Geralt – ข้าไม่เชื่อพวกท่าน เล่ามาให้หมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ !

Weavess – เทพพยากรณ์ของเราเคยทำนายเอาไว้ว่าจะมีคนพิเศษเข้ามา และนางก็มาจริงๆ เด็กสาวสายเลือดเอลเดอร์ เมล็ดพืชที่จะผลิดอกออกผลในอีกไม่นาน และเธอก็มาล้มลงที่หน้ากระท่อมของเรา เมื่อเราสัมผัสเลือดของเธอจากที่เธอมีบาดแผลบาดเจ็บมาถึงได้รู้ว่าเธอมีเลือดแห่ง Traitoress ในคืนที่เธอกำลังนอนหลับสนิท เราปรึกษากันว่าจะทำยังไงกับเธอ เราอยากได้เลือดพิเศษของเธอแต่ก็กลัวว่า IMLERTH นายพลแห่ง Wild Hunt จะมาตามเอาตัวเธอเสียก่อน ซึ่งมันมาแน่ๆ ข้าก็แค่อยากได้ตัวอย่างเลือกเล็กๆน้อยๆแค่นั้นเอง แต่ยัยอ้วน Brewess กับ Whispess น่ะหิวจนออกนอกหน้า ปรึกษากันดังเสียจนเธอคงแอบได้ยินเลยหนีไปทันที ข้าพยายามเรียกเธอให้กลับมา กลับมา แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว IMLERTH นายพลแห่ง Wild Hunt มันดันตามมาเจอพอดีจนเธอต้องหนีไป.




                                  CIRI’s STORY: FLEEING THE BOG

- ทันทีที่ Ciri ที่นอนพักฟื้นอยู่ได้ยินเสียงคุณผู้หญิงทั้ง 3 คุยกันว่าจะกินเธอ Ciri ก็รีบหนีออกมาจากบ้านทันที พอดีกับ IMLERTH นายพลแห่ง Wild Hunt ที่ตามมาพบเข้ามันจึงเรียกอสูรรับใช้ของมันออกมาจากหลุมมิติเพื่อเข้าล้อมโจมตีทันที ตอนนี้ก็ไม่ต้องสู้ให้เสียเวลาให้รีบวิ่งออกไปที่จุดหมายสีเหลือเพื่อออกมาจากบึงได้เลย แต่ในขณะที่กำลังหนี  Ciri ก็สะดุดกิ่งไม้ล้มลงไปโดยไม่รู้ชะตากรรมอีกครั้ง




Geralt – พวกแกคิดจะฆ่าเธอ จะเชือดเธอมากินเหมือนเป็นสัตว์ตัวนึง 
Brewess – ก็เลือดของเธอจะทำให้เราเยาว์วัยอีกครั้ง ใครจะอดใจไหว 
Weavess – สายเลือกแห่ง เอลเดอร์ สาวน้อยคนนี้เธอเป็นคนพิเศษเจ้าก็รู้ 
Whispess – พวกเราอายมากที่ทำให้นางหนีไปได้ 
Geralt – พวกแกพยายามจะฆ่าเธอ คิดว่าข้าจะยอมหรอ 
Whispess – พูดไปก็เปล่าประโยชน์น่า 
Weavess – ชะตาของพวกเราถูกกำหนดมาแล้วว่าจะได้รับผลจากที่ลงแรงไป ตอนนี้เจ้าควรรีบตามไป ตามเงาและหมอกไป ไม่นานเจ้าก็จะได้เจอนาง และรับรู้ว่านางเป็นแค่ ภาพลวงตาสำหรับเจ้า เพราะเจ้าจะพบเธอ หรือ เธอจะตายก่อน ดีเอ่ย ฮี่ อิๆๆๆๆ จะรออดูน๊ะพ่อรูปหล่อ ไม่นานเราจะเจอกันอีก ฮีๆๆๆๆๆๆๆ


ถ้าไม่มีอะไรต้องทำแล้วก็กลับไปบอก Baron ถึงเรื่อง Anna ภรรยาเขาได้เลย โดยเลือกไปที่เควสหลัก Family Metter


                                      Main Quest – Family Metter [ต่อ]






Geralt – เรื่องภรรยาของท่าน ตอนนี้ข้าพบนางแล้ว นางอยู่ที่ Crookback Bog มีอาหารกิน มีที่พักพร้อม แต่อาจจะมีเรื่องยุ่งบ้างนิดหน่อยแต่อย่างน้อยนางก็ยังไม่ตาย
Baron – ข้าสั่งให้เจ้าไปพาภรรายาข้ากลับมาไม่ใช่ไปดูแล้วกลับมารายงานน๊ะ !!
Geralt – ข้อตกลงของเราคือ ให้ข้าตามหาทางให้พบ แค่นั่น แล้วข้าเจอนางแล้วไม่ใช่หรอ ?
Baron – นี่เจ้ากะจะให้ข้านั่งเน่าตายจมอยู่กับความผิดอยู่ที่นี่คนเดียวใช่มั๊ย ! รู้มั๊ย นางน่ะ Anna รักแรกพบของข้าเลยน๊ะแถมเป็นรักในขณะที่เกิดสงครามช่วงแรกๆด้วยซ้ำ 
Geralt – แล้วท่านจะมาเล่าเรื่องสัมพัทธ์ครั้งเก่าก่อนทำไมกัน ? ไม่ใช่เรื่องที่ข้าอยากรู้ซักนิด
Baron – อ่า ข้าลืมไป Witcher พวกเจ้ามันไม่มีหัวใจ  งั้นโอเค มาพูดเรื่องที่ข้าจะพานางกลับบ้านกัน สรุปแล้วนางไปอยู่ที่บึงบ้านั่นได้ยังไง ?
Geralt – นางอยู่กับพวก Crones และตอนนี้ข้าคิดว่านางความจำเสื่อม พวก Crones ช่วยเธอเอาไว้ตอนที่เธอหนีท่านมาหลังจากที่พลัดกับ Tamara ลูกสาวท่าน นางก็อยู่ที่นั่นมาตลอด และข้าคิดว่าเพราะนางเสียใจกับลูกของนางที่หายไป ลูกคนที่แท้ง นางคงจำไม่ได้ว่าเกิดเรื่องนั้นขึ้น พอพวก Crones ใช้ยาที่เป็นมนต์ดำครอบงำเธอภายใต้ร่างกายของนางที่เพิ่งแท้งมาอาจส่งผลทำให้นางความจำเสื่อม แล้วจากนั้นก็ใช้เวทย์มนต์กักขังเธอไว้ เพื่อเป็นหลักประกันให้เธอใช้หนี้ที่พวก Crones ช่วยเธอเอาไว้จนหมดสัญญา
Baron – เป็นพวกกับแม่มดเนี้ยน๊ะ ให้ตายเถอะข้ายอมปล่อยให้นางอยู่แบบนั้นไม่ได้หรอก ข้าต้องไปช่วยนางออกมา
Geralt – เป็นความคิดที่โง่มากท่าน ที่นั่นอันตรายและพวก Cones ก็อยู่ที่นั่น พวกท่านไม่มีวันสู้พวกมันได้แน่นอน 
 Baron – เรอะ ! แต่ข้าไม่มีวันนั่งแช่รออยู่ที่นี่ได้หรอก แล้วเป็นลูกเจ้าล่ะเจ้าจะไปช่วยมั๊ย ?
Geralt – ก็ไม่ยอมแน่ แต่ข้าเป็น Witcher มันต่างกับท่าน 
Baron –แต่ข้าเป็นสามีและพ่อ !! ข้าจะนำทหารไปช่วยพานางกลับมาเอง  
Geralt – แต่ งานข้าเสร็จแล้ว มันเป็นข้อตกลง ข้าทำงานของข้าท่านก็ต้องตอบแทนข้าด้วยรางวัลที่ข้าต้องการ เล่าเรื่อง Ciri มาให้หมด 
Baron – เอ่อ ข้าให้สัญญาไว้แล้ว .. ข้าเล่าถึงไหนแล้วน๊ะ
Geralt – Basilisk มันเข้าโจมตีพวกท่าน  ...
Baron – อ่อ ใช่ .. เจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวมหึมานั่น ...



                                        CIRI’s STORY: OUT OF THE SHADOW 





-Baron เล่าถึงตอนที่เจ้า Basilisk มังกรโบราณขนาดใหญ่เข้าโจมตีในช่องเขาหลังจากที่เขากับ Cri แข่งม้ากันเสร็จ ตอนนี้ก็ต้องช่วยกันกับ Baron จัดการ Basilisk ลงให้ได้ จุดอ่อนมันอยู่ด้านหลังเพราะมันจะใช้ปีกที่แข็งแกร่งของมันกันอยู่ด้านหน้า เมื่อจัดการมันจนใกล้ตายแล้วมันจะโจมตีใส่ Baron และคาบเขาไปที่ยอดหอคอย ปีนเนินหินขึ้นไปที่หอคอย ในขณะที่ Baron กำลังจะเป็นเหยื่อเจ้า Basilisk Ciri ก็จะเข้าไปช่วยเขาเอาไว้ได้ทัน ภาพที่ Ciri โดดเข้าไปโจมตีเจ้ามังกรร้ายจนตัดหัวมันได้อย่างรวดเร็วจะยังคงเป็นความทรงจำที่อยู่กับเขาไปอีกนาน แม้ในวันที่ Ciri จำต้องออกเดินทางจากไป



Baron – สิ่งที่เจ้าทำกับข้า ช่วยชีวิตข้า ข้าจะไม่วันลืมไปตลอดชีวิต 
Ciri – ที่ผ่านมาท่านและคนของท่านก็ให้ความกรุณากับข้ามากทั้งที่พัก อาหาร ความปลอดภัย และแม้แต่มิตรภาพ ที่ข้าก็จะไม่ลืมเช่นกัน 
Baron – เจ้าไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ถ้าเจ้าไม่อยากไป ข้าถือว่าเจ้าเป็นคนของเรา ครอบครัวเดียวกันแล้ว 
Ciri – ข้าซึ้งใจในน้ำใจท่านมาก แต่สิ่งที่ไล่ล่าข้าอยู่ เจ้าพวก Wild Hunt มันโหดเหี้ยมไร้ปราณี ข้าไม่อยากให้ใครมาซวยเพราะข้าอีก บอกคนของท่านให้เตรียมระวังไว้ด้วย ห้ามใครออกจากที่พักตอนกลางคืน 
Baron – แล้วเจ้าล่ะ จะไปไหนต่อ ? 
Ciri – ข้าจะไปที่ Novigrad แล้วจากนั้นก็ค่อยว่ากัน 




Baron – แล้วเธอก็ขี่ม้าจากไป จากนั้นข้าก็รู้สึกที่นี่ไม่มีความหายหลังจากที่เธอจากไปแล้ว
Geralt – ทหาร Redanian อยู่เต็มชายแดนท่านยังยอมให้นางไป Novigrad อีกหรอ ?
Baron – เธอบอกข้าว่าเธอจะไปตามหาพ่อมด นักเวทย์อะไรเนี้ยแหละ ข้าไม่ได้ส่งเธอไปให้ทหาร Redanian แถมข้ายังให้หนังสือผ่านทางกับเธอไปแล้วด้วย เจ้าเองก็เอาไปด้วยแล้วกัน มันจำเป็นต่อการผ่านด่านของชายแดนตอนนี้ 
Geralt – มันอาจไม่มีทางเลือกที่ Ciri จำเป็นต้องไปที่ Novigrad  ยังไงก็ต้องขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือนาง 
Baron – เต็มใจอย่างยิ่งเลยล่ะที่ได้ช่วยเธอ ตอนนี้เจ้าก็รู้ทุกอย่างที่ต้องการหมดแล้ว ที่เหลือก็รีบหน่อยแล้วกัน แต่ถ้า คือว่า ข้าคิดว่ายังไงก็คงต้องไปช่วยพา Anna กลับมาจากบึงบ้าๆนั่น 
Geralt – ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าการที่จะไปที่บึงนั่นก็เหมือนกับฆ่าตัวตายนั่นแหละ
Baron – เรื่องนั้นข้ารู้ ข้าไม่มีเรื่องของ Ciri จะบอกเจ้าอีกแล้ว หมดแล้ว แต่ถ้าเจ้าจะมีน้ำใจช่วยข้าก็อยากให้เจ้าไปกับข้าด้วย 
Geralt – น้ำใจข้าไม่มีให้ แต่ถ้าเงินถึงก็ไปแน่นอน 
Baron – ฮ่าๆๆ ตกลง งั้นไปเจอข้าที่หมู่บ้าน Downwarren ที่หน้าบึงแล้วเราจะลุยเข้าไปพร้อมกัน 




Uma – แว้ๆๆๆๆๆ แง่ๆๆๆๆๆๆ !!!
Geralt – นะ นั่นมันตัวบ้าอะไรอ่ะท่าน 
Baron – ไม่รู้ เจ้าบอกข้าสิ คนหรือตัวประหลาดก็ไม่รู้ เหมือนสัตว์ประหลาดแต่ข้าก็คิดว่ามันเป็นคนนะ มันชื่อ Uma ตอนแรกนึกว่าจะพูดไม่เป็น แต่พอข้าถามชื่อมัน เจ้าชื่ออะไร ? มันตอบข้าว่า อูวววว อูม่า ข้านี่ตกใจเลย  
Geralt – แล้วท่านได้มันมายังไง ?
Baron – นึกแล้วก็ตลก ข้าได้มันมาเป็นรางวัลตอนเล่นไพ่ชนะน่ะ 
Geralt – ไม่มีรางวัลที่ดีกว่านี้แล้วรึไง
Baron – ก็น๊ะ ข้าชอบเล่นไพ่เจ้าก็รู้ ก็แข่งไปเรื่อยจนวันนึงไปชนะที่คนๆนึงมาแล้วมันก็ให้เจ้า Uma มาก็เท่านั้น จบเรื่อง เอาไว้เล่าฮาๆกับเพื่อนฝูงได้เหมือนกัน 
Geralt – เอาล่ะ ถึงเวลาต้องลากันแล้วท่าน Baron 
Baron – โชคดี หวังว่าเจ้าจะตามลูกสาวจนเจอน๊ะ และพิสูจน์ว่าเจ้าจะเป็นพ่อที่ดีสำหรับเธอด้วย  

** จบเควส Family Metter แล้วจะได้ Secondary Quest - Crookback Bog มาซึ่งจะเป็นภารกิจที่ต้องตาม Baron ไปช่วย Anna ที่บึง ซึ่งจะเป็นเควสย่อยที่จำเป็นในการจบเรื่องราวของครอบครัว Baron ซึ่งจำเป็นมากที่ต้องตามไปรับรู้ ** 


                                  Secondary Quest - Crookback Bog

-เดินทางไปหา Baron ที่ หมู่บ้าน Downwarren ซึ่งก็จะพบความเปลี่ยนแปลงตามที่เลือกตัดสินใจทำเอาไว้
1. ถ้าเลือกช่วยวิญญาณในต้นไม้ หมู่บ้าน Downwarren ก็จะโดนมันกลับมาแก้แค้นทำลายจนพัง 
2.  ถ้าเลือกฆ่าวิญญาณในต้นไม้ หมู่บ้าน Downwarren ก็จะยังอยู่เหมือนเดิม 
** มันก็ไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่อง แต่ส่งผลต่อผู้เล่นที่มีจิตใจเท่านั้น ** 

-จากนั้นก็ลุยกับ Baron และคนของเขาเข้ามาตามบึง Crookback เมื่อเข้ามาถึงหมู่บ้านกลางบึง จะพบ Tamara และพวก Witch Hunter ของเธอกำลังสู้กับมอนสเตอร์อยู่ เข้าไปช่วยจัดการพวกมันให้หมด




Tamara – ไง Witcher พ่อชั้นจ่ายเท่าไหร่ล่ะถึงเปลี่ยนใจมาที่นี่ 
Geralt – คือมีเพื่อนเยอะและห้าวว่างั้น ? คิดว่าเธอไม่ต้องกลัวอะไรถ้ามากับคนพวกนี้หรอ ?
Tamara – ข้าไม่เคยกลัว ยังไง Eternal Fire ก็ปกป้องชั้นได้ชั้นมั่นใจ 
Geralt – แล้วทำไมไม่ปกป้องเจ้าจากข้าล่ะ
Baron – ทามาร่า ลูกรักของพ่อ ลูกกลับมาแล้ว มาให้พ่อกอดหน่อยสิ
Tamara – ให้ไกลเลย !! ชั้นมาตามหาแม่ต่างหาก 
Baron – แล้วคิดว่ามาที่นี่ทำไมล่ะลูก ก็มาตามหาแม่กับเจ้าไง
Tamara – อย่าได้หวังเลย ชั้นจะไม่ให้คุณแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้วเลยล่ะ 
Baron – จริงๆเจ้าก็ทำถูกแล้วล่ะ ที่ผ่านมาข้าไม่ใช่สามีทีดี ไม่ใช่พ่อที่ดี ข้ารู้ แต่ข้าเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เชื่อถาม Geralt สิ Geralt บอกเธอ บอกเธอสิ
Geralt – พ่อเธอตั้งใจที่จะมาหาแม่เจ้าจริงๆ 
Tamara – เค้าจ่ายให้คุณมากพอนี่ 
Graden – หายเมาแล้วหรอถึงมาถึงนี่ได้ 
Baron – ไอ้บ้านี่ใครลูก ทำไมถึงยอมให้มารุมว่าพ่อเจ้าได้ 
Tamara – เขาเป็นหัวหน้าของชั้นเอง และท่านก็ไม่ใช่พ่อข้าด้วย 
Graden – เราจะมัวเถียงกันไม่ได้ ที่นี่คำสาปแรงมาก ข้าเสียคนไปมากแล้วต้องรีบค้นที่นี่ให้เร็วที่สุดเลย แล้วท่านจะช่วยพวกเรามั๊ย Witcher
Geralt – ถ้าไม่ช่วยข้าคงไม่มาหรอก แต่ก็จริง ไม่นานพวก Crones มันต้องรีบมาแน่นอน 
Tamara – แล้วเจ้ารู้ได้ไงว่าพวกมันไม่ได้อยู่ที่นี่
Geralt – นั่นเพราะพวกเรายังไม่ตายไง 

จากนั้น Graden จะสั่งลูกน้องให้ค้นหาให้ทั่วทุกบ้านจนเจอ Anna แต่จะเจอเธอในรูปแบบไหนขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณตัดสินใจทำมา ซึ่งก็จะแตกต่างกันคือ
1. ถ้าเคยเลือกช่วยวิญญาณในต้นไม้ Anna ก็จะโดนคำสาปจนกลายเป็นปีศาจ
** ซึ่งจะส่งผลให้ต้องทำเควสย่อย Cursed of Crookback Bog เพื่อล้างคำสาปให้เธอโดยมี Johnny เป็นตัวช่วย แต่ Anna ก็จะตายอยู่ดี **
2.  ถ้าเลือกฆ่าวิญญาณในต้นไม้ Anna ก็จะไม่โดนคำสาป
** ที่ผมเลือกทำเอาไว้คือ Anna ไม่เป็นปีศาจ ซึ่งก็จะดำเนินเรื่องต่อตรงจุดนี้เลย ** 




Tamara – แม่คะ!
Anna – ไปเลย เจ้าพวกเด็กขี้เกียจ ไปเก็บฟืน ต้มน้ำ ไปหาผักมาข้าจะทำอาหารเย็นแล้ว 
Tamara – แม่ นี่หนูเอง จำได้มั๊ยคะ ลูกแม่ไง ทำไมล่ะ Geralt เธอเป็นอะไรไป ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ
Geralt – เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างกำลังเข้ามา 
Anna – อะ อะไรน่ะ 
Geralt – หมาป่า ถ้าโชคดีนะ






-จากนั้น Boss FIENDS หรือ ปีศาจกวางขนาดใหญ่ที่เคยเห็นในใบโฆษณาเกมนั่นแหละ มันเป็นมอนสเตอร์สาย Relicts  ก็เตรียมเคลือบดาบด้วย Relicts  Oil เอาไว้แล้วเซ็ทเวทย์ไฟระดับสูงๆหรือเกราะเวทย์ไว้ได้เลยเหมาะที่สุด จากนั้นก็จัดการมันที่บุกมาพร้อมปีศาจในบึงอื่นๆเพียบ การสู้กับมันมีตัวช่วยเยอะพยายามลอบโจมตีจากด้านหลังก็พอ แต่จะลำบากหน่อยตอนพวก Crones มันใช้เวทย์ทำให้มืดไปหมดแต่ก็แค่ช่วงไม่นานเท่านั้น ที่เหลือก็จัดการมันซะ




Baron – นั่นมันตัวบ้าอะไรน่ะ
Geralt – ปีศาจที่พวก Crons ส่งมาฆ่า Anna แสดงว่ามันใกล้จะมาถึงที่นี่แล้ว
Tamara – พวกแม่มดบ้าเอ๊ย เมื่อไหร์จะเลิกตอแยซะที ทำกับแม่ขนาดนี้แล้วแท้ๆ พอกันทีชั้นจะพาเธอไปเอง
Baron – นางเป็นเมียพ่อ นางต้องอยู่กับข้า และเจ้าก็ต้องตามมาด้วย 
Tamara – อย่ามาแตะต้องเธอนะ ชั้นจะพาแม่หนีไปจากคำสาปบ้าๆนี่ 
Baron – เธอป่วย ถ้าเอาเธอไปที่ Oxenfurt เธอได้ตายกันพอดี 
Tamara – อย่ามาทำเป็นแคร์แม่ตอนนี้หน่อยได้มั๊ย 
Graden – ให้เธอตัดสินใจ เธอไม่ใช่หุ่นเชิดของคุณนะ
Geralt – เธอคงไม่สามารถตัดสินใจอะไรที่มันเด็กขาดได้ตอนนี้หรอก
Tamara – มนต์ดำหรอ ? ท่านช่วยได้มั๊ย Witcher ข้าจ้างท่านเอง
Geralt – ข้าเกรงว่ามันจะไม่ใช่มนต์ดำน่ะสิ อีกอย่าง เธอเจอเรื่องร้ายๆมาเยอะ เสียลูก ถูกพวก Crones จับมาตีตราอักขระแล้วกักขังเพื่อช่วยเลี้ยงเด็กกลางบึงนรกแบบนี้  ถ้าจะทำได้จริงๆก็ต้องหาทางลบตราที่มือเธอออก อาจมีใครทำได้
Tamara – เจ้าช่วยนางไม่ได้หรอ จะปล่อยให้แม่เป็นแบบนี้หรอ ?
Geralt – ข้าเสียใจ ถ้าตอนนี้ ข้ายังช่วยไม่ได้ 
Baron –  ข้ารู้จัก ฤๅษี ตนนึง เป็นหมอยาสมุนไพรที่เก่งมาก เขาอาจช่วยนางได้ ข้าจะลองพาไปหาเขาที่ Blue Mountain  
Geralt – ลองดูก็ไม่เสียหาย 
Tamara – ข้าจะไปด้วย
Graden – เป็นเรื่องหน้าเศร้า แต่ข้าให้เจ้าไปไม่ได้ทามาร่า 
Tamara – ทำไม ? นางเป็นแม่ข้าน๊ะ 
Graden – ด้วยหน้าที่ไงทามาร่า เธอเป็นคนของ Eternal of Fire แล้ว ตอนนี้ภารกิจที่ Velen จบแล้วเธอต้องกลับฐานที่ Oxenfurt กับพวกเรา เราทำตามข้อตกลงเจ้าแล้ว ตามหาแล้วช่วยแม่ของเจ้า ที่เหลือพ่อของเจ้าจะจัดการเอง 
Tamara – เขาจะสนหรอ !! คุณก็รู้ว่าเขาเคยทำยังไงกับแม่บ้าง !!
Graden – ข้ามั่นใจว่าพ่อของเจ้าเขาเปลี่ยนไปแล้ว และเพื่อไถ่บาปที่เขาเคยทำกับแม่ของเจ้า การดูแลเธอเป็นสิ่งที่ควรแล้ว และเธอก็เป็นคนใหม่แล้ว หน้าที่ใหม่ กับพวกเรา Eternal of Fire
Baron –   อย่าห่วงไปเลยลูก ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ข้าจะไม่ดื่มอีกแล้ว ข้าจะหาฤาษีหมอยาให้เจอ รักษานางให้กลับมาเป็นคนเดิมแล้วพวกเราจะตามหาลูกเอง
Tamara – สาบานสิ !
Baron – พ่อสาบาน ลูกรัก ..... 







        สิ้นสุดชะตาชีวิตของ Bloody Baron [The Fate of Bloody Baron

             1.  The Change Man ฉากจบแบบ Good คือ Anna ไม่ตาย 
             2.  The Hang Man ฉากจบแบบ Bad คือ Anna ตายแล้ว Baron ก็แขวนคอตายตาม


REDANIR อณาจักรทางเหนือที่มี Velen กั้นกลางระหว่างกองทัพ Nilfgaard ที่บุกขยี้มาจนติดชายแดน Termiria และ เมืองหลวง NOVIGRAD ที่สุดแข็งแกร่งที่ยังคานอำนาจการรบกับ Nilfgaard อยู่ได้ก็เพราะอำนาจการปกครองแบบเข้มงวดของ กษัตริย์ Radovid ที่ 5 จนได้รับฉายา “จอมเฮี้ยบ” (The Stern) ต่อจากกษัตริย์ Vizimir ที่รายล้อมไปด้วยกองทหาร Temple Guard ที่แข็งแกร่ง แต่ NOVIGRAD กลับต้องเผชิญศึกภายในที่เข้มข้นกว่าทันทีที่ กษัตริย์ Radovid ทรงตั้ง ลัทธิ โบถส์ ไฟแห่งนิรันดร หรือ The Eternal Fire เพื่อขจัดปัดเป่าความชั่วร้ายทั้งปวงเพื่อให้เมืองขาวสะอาดและศักดิ์สิทธิ์ตามหลักศาสนาที่เขาต้องการ จึงเกิดการไล่ล่าแม่มดหรือบุคคลใดที่ห่างไกลพระเจ้าไปทั่วอณาจักรอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปราณีโดยเหล่า นักล่าแม่มด ของราชอณาจักรในนาม The Eternal Fire ท่ามกลางการแทรกแซงของกบฏใต้ดินของผู้นำ 4 ฝ่ายที่จ้องจะทำลายระบบการครอบงำของกษัตริย์เพื่อปลดปล่อยเมือง NOVIGRAD ให้เป็นอิสระอีกครั้ง  



สำหรับ Geralt นั้นมองข้ามความวุ่นวายของ Novidgard ไปที่จุดหมายของเขา เบาะแสต่อไปตามบันทึกของสายลับของพระราชาที่ Velen ที่บอกไว้ว่า Ciri เธอมาที่นี่เพราะต้องการติดต่อกับ Mage คนนึงกับถ้อยคำสุดท้ายจาก Bloody Barron ที่บอกว่า Ciri นั้นมาที่นี่เพราะเธอกำลังหนีพวก Wild Hunt โดยสายลับที่จะให้ความช่วยเหลือที่อยู่ในเมืองนี้ก็คือ Triss Merigold เพื่อนเก่า และทันทีที่ Geralt เข้ามาถึงจัตุรัสกลางเมืองก็จะได้เห็นความโหดร้ายของ The Eternal Fire ในการเผาคนที่พวกมันเชื่อว่าเป็นแมมดทั้งเป็นจากการสั่งการของ Caleb Menge ผู้บัญชาการ Temple Guard เขาก็เริ่มที่จะห่วง Triss ที่อยู่ในฐานะผู้ใช้เวทย์มนต์ (Mage หรือ Sorceress) ที่ถือว่าเป็นพวกนอกรีตของเมืองนี้มากขึ้นทันที 


                                 MAIN QUEST – PYRES OF NOVIGRAD


-เข้ามาที่จุดหมายคือบ้านของ Triss Merigold แต่ก็จะพบหัวขโมยกลุ่มนึงกำลังเข้ามารื้อค้นบ้าน ทันทีที่ Geralt เข้าไปสอบถามพวกมัน ซึ่งจะอัดก่อนถามหรือถามโดยไม่ต้องอัดก็แล้วแต่ที่คุณเลือกตอบ




พวกมันถูกส่งให้มาตามหาที่อยู่ของ Putrid Grove จากหญิงนักเวทย์คนนี้ Geralt รีบถามต่อทันทีในขณะที่มันยังคุยรู้เรืองว่าจะหาตัวคนๆนี้ได้ที่ไหน พวกมันจะบอกว่าถ้าอยากตามหาราชาแห่งพวกขอทาน (King Beggars) โดยให้ลองตามรอยของพวกโจรล้วงกระเป๋าตรงกลางจัตุรัสของเมืองเอา เพราะรายได้ทุกอย่างจะถูกส่งไปให้ King Beggars ราชาของพวกมันทั้งหมด แต่ก็ต้องระวังให้มากๆเพราะเขาเองก็ถูกไล่ล่าจากกองทัพของ Menge ที่ไม่พอใจการเคลื่อนไหวของ Beggars อยู่ และทันที่ Menge ที่ผ่านมาพบก็เริ่มที่จะเอาเรื่องพวกหัวขโมยที่มาขโมยของเพราะถึงแม้จะเป็นบ้านของนักเวทย์ที่ถือว่าเป็นพวกนอกกฎหมายแต่คนที่มีหน้าที่จับกุมก็คือ Temple Guard เท่านั้น และแน่นอนว่าตราบใดที่ Geralt  ยังไม่ได้ทำความผิด Menge กับทหารของมันก็ได้แค่เพ็งเล็งการมาของ Witcher ผู้นี้เท่านั้น เป้าหมายของ Geralt ในการตามหา Triss ก็ต้องตามหา King Beggars และถ้าจะหาที่อยู่ของมันได้ก็ต้องหาทางตามพวกโจรกระจอกที่เป็นคนของมันไปนั่นเอง  

-หลังจบเหตุการณ์พูดคุยแล้วอย่าลืมขึ้นไปสำรวจบนบ้าน Triss เก็บคีย์ไอเทม Rose of Remembrance มาด้วย จากนั้นมาที่จุดหมายที่ลานกว้างกลางเมือง มองหาพวกโจรล้วงกระเป๋าตามจุดเหลืองๆจนเจอพวกมันกำลังล้วงกระเป๋าแล้วเดินลอบตามมันไป พยายามดูตอนที่มันส่งเงินไปให้อีกคนให้ดีๆตรงทางแยกแล้วตามมันไปจนถึงบาร์ Golden Sturgeon เข้าไปถามกับคนเฝ้าประตูเพื่อขอเข้าไปด้านในด้วยการสะกดจิต LV3 หรือ จ่ายเงินเอา ด้านในก็จะพบ Triss กำลังคุยกับ King Beggars อยู่พอดี




King Beggars – เรามาคุยกันแบบเคลียร์ๆเลยดีกว่า ท่านนักเวทย์ จริงๆข้าและคนของข้าก็สามารถดำเนินการทุกอย่างได้เองอย่างดีโดยไม่ต้องพึ่งท่านหรอกนะ แต่เธอต่างหากที่ถ้าไม่ได้พวกเราช่วยก็คงจะซวยเพราะพวก Temple Guard  ..โอ้ เหมือนจะมีคนมาตามหาข้านะ หรือตามหาเธอ ?
Triss - Geralt  ??
Geralt  - ไง Triss 
King Beggars – รู้จักกันมาก่อนหรอ ? ไม่สิ ดูจะรู้จักกันดีซะด้วยสิ แต่ข้าอยากรู้ว่าท่านหาข้าเจอได้ยังไงมากกว่า Witcher
Geralt  - มีคนให้ข้าลองตามหาคนชื่อ Putrid Grove และพวก Temple Guard   ก็ด้วยที่พูดเรื่องท่านเหมือนกัน 
King Beggars – Putrid Grove ! ชื่องี่เง่าเก่าแก่ที่ข้าใช้ตอนซ่อนตัว ส่วนเจ้าพวก Temple Guard ก็คงชื่นชมข้าในฐานะผู้นำที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของ Novidgrad ล่ะมั้ง     
Geralt  - Menge มันไม่ได้พูดถึงท่านว่าเป็นคนประเภทเงินซื้อได้น่ะ
King Beggars – เงินก็ซื้อได้ทุกคนนั่นแหละ โชคดีที่ Menge มันเป็นเจ้าหน้าที่เลยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันบริสุทธิผุดผ่องละสิ มันจะมาตามจับอะไรกับเมืองในสภาพเน่าเหม็นแบบนี้ นอกจากทำเพื่อความสนุกไง ฟังไว้นะ Witcher ข้ามีแผน แผนใหญ่ที่ทำเพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองนี้ 
Geralt  - เป็นแผนที่จะทำให้ท่านไปนั่งในสภาของเมืองด้วยรึเปล่าล่ะ ?
King Beggars – สภาเมืองมันก็แค่หุ่นเชิดของ The Eternal Fire ตราบใดที่ กษัตริย์ Radovid และพวกนักล่าแม่มดของมันคุมความเชื่อของคนในเมืองนี้ได้หมด อำนาจของเสือกระดาษนั่นข้าไม่เคยสนหรอก
Geralt  - ท่านคือชายผู้มากด้วยวิสัยทัศน์ว่างั้น ?
King Beggars – วันนึง Novigrad จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง ! แต่ก่อนจะถึงวันนั้นก็ต้องกำจัดความเชื่อผิดๆของชาวเมืองให้ได้ก่อน ทำให้ภารกิจที่ดูเหมือนจะศักดิ์สิทธิ์ของ The Eternal Fire ถูกเปิดเผยว่าแท้จริงมันคือความเหี้ยมและชั่วร้าย 
Geralt  - ข้าว่าพวกชาวบ้านก็เห็นอยู่แล้วนี่ การเผาไฟประหารกลางเมืองแต่ก็เห็นพวกเขาโห่ร้องยินดีกันหมด 
King Beggars – มันก็แค่ความสะใจของความเชื่อๆผิดไง วันนึงพวกเขาจะรู้ความจริงเมื่อดาบของพวก The Eternal Fire กำลังมาจ่อที่คอพวกเขา พวกเขาเรียกที่นี่ว่า สวนที่เน่าเหม็น (Putrid Grove) แต่พวกเขาก็ยังต้องอยู่ที่นี่เพราะเป็นป้อมปราการที่ปกป้องเขาได้ นั่นแหละคือเหตุผล ที่ Novigrad มันยังมีค่าของมันอยู่ นั้นแหละที่ข้าพยายามจะปลดปล่อยมัน ช้าดีใจมากที่คนอย่างท่านหาเมืองของพวกเราจนเจอ เมืองของพวกเรา ใช่ วันนึงมันจะเป็นของพวกเราโดยสมบรูณ์ จำคำข้าไว้ได้เลย 
Geralt  - ท่านมีกำลังคนที่จะทำอย่างนั้นหรอ ?
King Beggars – ช่าย ข้าและเพื่อนๆของข้า วันหลังข้าจะเล่าให้ฟัง แต่วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน หวังว่าวันนี้เรารู้จักกันดีแล้วนะ 
Triss  - ไปกัน Geralt มีอะไรอีกเยอะที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับที่นี่ ชั้นจะดูแลคุณในเมืองนี้เอง 
Geralt  - ดีเลย รอมานานแล้วล่ะ ว่าแต่เจ้านั่นมันจะให้เจ้าช่วยหรอ เรืองอะไร ?
Triss  - เขาช่วยให้ชั้นอยู่รอดได้มากกว่านะ
Geralt  - ผ่านไปแค่  6 เดือนแต่มันทำให้ Triss Merigold กลายมาเป็นพวกอาชญากรของ Navigrad แถบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ แต่ช่างเถอะ บางทีมันอาจมีประโยชน์กับข้า ตอนนี้ข้ากำลังหาคนๆนึงอยู่ เด็กผู้หญิงคนนึงที่เหมือนกันเป็นลูกข้า
Triss  - จริง ! เป็นไปไม่ได้หรอก ที่นี่เนี้ยนะ  
Geralt  - ใช่ เธออยู่นี่และอาจกำลังไร้คนชี้นำทางให้ ข้าหวังว่าจะอาจได้ยินข่าวอะไรบ้างนะ ข้าอยากให้ช่วยหน่อย เบาะแส หรืออะไรก็ได้ที่มี 
Triss  - ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน ใครจะรอบรู้เกินข้าจะก็รู้ 

-จากนั้นวิ่งตาม Triss ไปจนถึงบ้านเป้าหมาย ซึ่งเป็นบ้านของ Kluhg สายข่าวของ Triss เพื่อไปเอาอุปกรณ์และวัตถุดับในการผสมเวทย์มนต์ที่เคยฝากมันซ่อนเอาไว้ แต่เขาจำเป็นต้องทิ้งลงไปในแม่น้ำใต้บ้านด้วยความกลัวเพราะพวก Temple Guard บุกเข้ามาตรวจค้นทุกวัน จากนั้นเปิดช่องทางลงใต้ถุนบ้าน จัดการศัตรูด้านในแล้วใช้ Witcher Senses มองหารสวิตซ์ที่เสาเพื่อกดเปืดทางออกไปที่แม่น้ำ แล้วดำน้ำไปมองหาด้วยถุงไอเทมของ Triss ที่ตกอยู่ที่สุดคลองแล้วเก็บเอามาให้ Triss
 -วิ่งตาม Triss ต่อไปอีกที่ที่โกดังสินค้าจะพบ Brandon พ่อค้าที่มักจะจ้างงานให้ Triss ใช้พลังของเธอช่วยงานให้เขาอยู่บ่อยๆเพื่อแลกกับเงินรางวัล ที่ถึงแม้มันจะเป็นงานไล่หนูเล็กๆ Triss ก็ยังต้องทำเพราะความอยู่รอด จากนั้นก็เข้าไปในโกดังแล้วใช้ Witcher Senses มองหาจุดวางกับดักที่เป็นจุดแดงๆ 3 จุดในโกดัง ให้หมดก็เสร็จงาน



แน่นอนว่า Triss อดตัดพ้อไม่ได้กับความห่างไกลกันมากระหว่างที่ปรึกษาราชา Termiria กับคนจับหนูที่เธอทำอยู่เพื่อเอาตัวรอดและแฝงตัวในช่วงสงคราม แต่สำหรับ  Geralt ยังอยู่ดีและปลอดภัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องดีพออยู่แล้วสำหรับเขา แต่ Triss ก็อดที่จะทวงถามเรื่องการคืนดีกันของเธอและความสัมพันธ์ระหว่าง Yen กับ Geralt ไม่ได้อยู่ดี คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบของ Triss นั้นแปลว่าเธองอนแน่นอน ในขณะที่ทั้งคู่กำลังบ่นถึงเรื่องราวแย่ๆระหว่างที่ผ่านมาหลังจากกัน Brandon พ่อค้าที่จ้างงานก็ดันทรยศพาพวกล่าแม่มดเข้ามาจัดการ ถือว่าเป็นความซวยที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง   

-จัดการพวกนักล่าแม่มดให้หมดแล้วออกไปคุยกับ Brandon พ่อค้าที่จ้างงานเพื่อขอค่าแรงเพิ่ม 2 เท่าแลกกับความซวยที่จะเกิดกับตัวมัน แน่นอนว่า Brandon จะต้องอ้างว่ามันถูกบังคับให้บอกแต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจ่ายค่าจ้าง 2 เท่าให้ Triss อยู่ดี Triss จะตอบแทนที่ Geralt ช่วยเธอด้วยการบอกหนทางในการตามหา Ciri โดยการ ทำนายความฝัน ซึ่งมันอาจจะเป็นวิธีที่ดูก็จะไร้เหตุผลซะหน่อยแต่เธอก็เชื่อถือในตัว Corinne Tilly ที่เป็นแม่หมอนักทำลายฝันคนนี้มากๆ แน่นอนว่าความเชื่อเรื่องที่ไร้เหตุผลแบบนี้ไม่เคยอยู่ในแนวทางการแก้ปัญหาของ Geralt แต่ถ้ามันจะเป็นหนทางนึงที่จะตาม Ciri เจอเขาก็คิดว่าจะลองดู Triss จึงบอกทางไปบ้านของ Corinne ให้ ส่วนตัวเธอจะขอแยกตัวไปทำธุระแต่ถ้าอยากเจอกันอีกเธอก็จะพักอยู่ที่ตลาดปลามาเจอได้ทุกเวลาถ้าต้องการ


                                   MAIN QUEST – NOVIGRAD DREAMING

-เดินทางไปที่จุดหมายคือบ้านของ Corinne Tilly ที่เป็นแม่หมอนักทำลายฝัน แต่พอมาถึงหน้าบ้านจะพบกับ De Jonkheer  นายธนาคารเจ้าของตึกที่มารอทวงหนี้และพยายามจะขายตึกนี้ต่อแต่ติดปัญหาตรงที่พี่แกไม่กล้าเข้าไปไล่ Corinne ออกจากตึกเพราะกลัวข่าวลือที่ว่าตึกนี้มีผีสิงอยู่ มันเลยวานให้ Geralt ที่เป็น Witcher เข้าไปตรวจสอบให้หน่อย
-เข้ามาสำรวจในบ้าน ในห้องนอน Geralt จะเห็น Corinne กำลังนอนฝันร้ายดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงโดยมี Godling ตัวนึงกำลังพยายาทำให้เธอฝันร้ายอยู่ จนมันเห็น Geralt เข้ามาจึงหนีไป และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ Corinne ไม่สามารถตื่นจากฝันร้ายได้ Geralt จึงต้องลองหาทางเจรจากับ Godling ตัวนี้ดูก่อน
-จากนั้นปีนขึ้นบนห้องใต้หลังค่เก็บภาพวาดกับตุ๊กตามา เปิดดูภาพวาดจะเห็นเป็นรูปตุ๊กตาในเปลเด็ก ลงมาที่ห้องเก็บของในห้องนอนเอาตุ๊กตาใส่ในเปลเด็กในห้องแล้วจะพบกระดาษภาพวาดคำใบ้ต่อไปของ Godling ซึ่งเป็นรูปเตาพิง ออกจากห้องลงไปชั้นล่างจะมีพื้นที่เปิดลงชั้นใต้ดินอยู่ลงไปก็จะพบเตาพิงตามภาพและจะพบ Godling เด็กเพศเมียแอบอยู่ด้านใน



Godling เด็กเพศเมียจะแนะนำตัวเองว่าชื่อ Sarah และเธอคิดว่าเธอทำให้ Geralt กลัวได้ซะด้วย Geralt พยายามถามว่าทำไมถึงต้องแกล้งให้ Corinne ฝันร้ายแต่ Sarah บอกว่าเธอแค่พยายามทำให้บ้านหลังนี้น่ากลัว เป็นบ้านผีสิงที่ทำให้ไม่มีใครมาวุ่นวายในที่ซ่อนตัวของเธอแค่นั้น Geralt จึงพยายามตกลงกับ Sarah ว่า [ เลือกตอบ make s deal] ถ้าอยากอยู่ที่บ้านนี้ต่ออย่างปลอดภัยก็ต้องทำให้ Corinne เจ้าของห้องตื่นจากฝันร้ายแล้วเขาจะไปบอกเจ้าของตึกด้านนอกว่าตึกนี้มีผีสิงอยู่ ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครกล้ามาอยู่อีก Sarah ก็จะได้อยู่อย่างสบายใจ ซึ่งนั่นทำให้ Sarah ตกลงทันที 

** ซึ่งตรงนี้จะเป็นทางเลือกของชะตากรรมของ Sarah the Godling ที่สามารถเลือกได้ระหว่าง ** 
1.เลือกตกลงกับเธอดีๆแล้วไปบอกกับเจ้าของตึกว่าตึกมีผีสิง เธอก็จะได้อยู่บ้านนี้อย่างปลอดภัยต่อกับ Corinne ซึ่งเป็นฉากจบแบบ In Godling we Trust 
2. เลือกไล่เธอออกจากบ้าน แล้วไปบอกความจริงกับเจ้าของตึกว่าเป็นฝีมือ Godling ไม่ใช่ผี Sarah ก็จะถูกไล่ออกจากเมือง และไปเจอเธออยู่กับ Johnny ในเควส Bald Mountain ซึ่งจะเป็นฉากจบแบบ Banishment 



-เมื่อขึ้นไปที่ห้องนอนก็จะพบว่า Corinne ตื่นจากฝันร้ายแล้ว Geralt ก็จะเล่าให้ฟังว่าเป็นฝีมือของ Godling ตัวนึงที่พยายามจะปกป้องบ้านของมันและเขาได้ตกลงกับมันแล้วว่ามันจะไม่แกล้งอีก และบอกว่า Triss เป็นคนส่งเขามาเพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหาผู้หญิงคนนึงที่หายไป Corinne จึงยอมตกลงที่จะช่วยโดยจะให้ไปตามไปหาเธอที่ห้องทำพิธีที่บาร์ Golden Sturgeon แล้วเธอจะทำนายฝันให้ที่นั่น ตอนออกจากบ้านคุยกับเจ้าของตึก เลือกตอบ [ House Still Haunting ] บอกเขาว่าบ้านยังมีผีสิงอยู่และแก้คำสาปไม่ได้ด้วย เจ้าของตึกก็จะไม่ยุ่งกับตึกนี้อีกต่อไป แปลว่าทั้ง Corinne และ Sarah ก็จะได้อยู่ฟรีแบบยาวๆไปเลย

-จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายคือเดินทางไปที่บาร์ Golden Sturgeon แล้วขึ้นไปชั้นบนก็จะเจอห้องทำงานของ  Corinne ซึ่งเธอจะอธิบายศาสตร์การทำนายฝันของเธอ

Corinne -  Geralt คุณจำเป็นต้องเล่าความจริงออกมาจากใจทั้งหมดถึงเรื่องราวของคนหรือทุกอย่างที่ต้องการรู้ แต่ชั้นจะไม่เห็นอะไรฝันแต่เป็นคุณที่จะเห็นในฝันของตัวเองโดยที่มีพลังพิเศษของชั้นคอยกำกับมันไปในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อปกป้องจากความทรงจำร้ายๆที่จะพยายามเข้ามาทำลายทิศทางของฝันคุณ ซึ่งเริ่มจากต้องเล่าเรื่องราวที่จำได้เกี่ยวกับ Ciri ให้ชั้นฟัง เท่าที่จะจำได้ ซึ่งจะเล่าได้แค่ไหนพลังในการตอบคำถามก็จะแสดงผลคำตอบออกมาเท่านั้น คุณเข้าใจนะ 




Geralt - Ciri เธอคนนั้นชื่อ Ciri  ในอดีตข้าเคยทำงานๆนึง เมื่อสำเร็จตามปกติ ข้าก็เรียกร้องตามรางวัลของข้า ซึ่งก็ตามกฎ “The Law of Surprise” (สัญญานี้คือสัญญาที่ว่าด้วยการตอบแทนหลังจากที่บุคคลหนึ่งได้ทำบางสิ่งตามคำร้องขอของอีกบุคคลหนึ่งได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) เพื่อร้องขอสิ่งที่ข้าต้องการ ซึ่งก็ไม่ได้คิดเอาไว้ว่าจะได้เด็กคนนี้มาตามที่ตกลงกันตั้งแต่แรกหรอก 

หลายปีต่อมา  ข้ากำลังเดินทางอยู่ที่ป่า Brokilon มีเด็กผู้หญิงคนนึงกำลังเกิดเรื่องขึ้น ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นใคร พวกนางไม้ Dryads จับเธอได้และพยายามที่จะเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นเหมือนพวกมัน แต่น้ำยาสำหรับลบความทรงจำ (Water of Oblivion) ของพวกมันใช้ไม่ได้ผลกับเธอ แน่นอนเธอคือ Ciri และข้าพาเธอหนีออกมาจากที่นั่น แล้วพาเธอไปฝากไว้กับยายของเธอต่อ ซึ่งข้ารู้สึกได้ว่าตอนนั้นข้าเป็นคนกักขังเธอจากโลกภายนอก ไม่ใช่จากชะตากรรมแต่จากอะไรบางอย่าง 

ข้าบอกตรงๆว่า ข้าไม่รู้จะทำยังไงกับเด็กผู้หญิงดี ข้าเห็น Ciri ไม่ต่างอะไรกับเด็กกำพร้าคนนึงในสงคราม Nilfgaard เลยต้องพานางมาที่ Kaer Morhen ในดินแดนแห่ง Kaedwen รังหมาป่า โรงเรียนฝึก Witcher ของข้า ตอนนั้น  Yennefer คนรักข้าเลี้ยงดู Ciri ประดุจว่าป็นลูกสาวของเธอเลย แต่ด้วยนิมิตของพวกเรา เรารู้ดีว่ามีอันตรายบางอย่างจะเข้ามาหาเธอ พวกเราฝันถึงเรื่องพวกนั้นบ่อยมาก วันนึงข้าไปช่วยเธอที่ ปราสาท Stygga จากการที่เธอพยายามไปช่วย Yennefer ที่ถูกจับไป วันนั้นเป็นวันแรกที่ข้าสู้แบบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอ และก็เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเธอพยายามใช้ดาบปัดลูกธนู ซึ่งข้าก็ว่าไปว่าอย่าให้เห็นว่าทำแบบนั้นอีกเด็ดขาด  

สุดท้ายข้าก็ต้องฝึกพื้นฐานเล็กๆน้อยๆให้เธอ แต่ไม่เคยทำเต็มหลักสูตรเพราะข้ากลัวนางจะได้รับบาดเจ็บ แต่จำเป็นต้องสอนเอาไว้ให้นางใช้ป้องกันตัวเอง จนวันนึงข้าเห็นนางพยายามปีนออกนอกกำแพงสูง เหมือนมีพลังความทรงจำที่แรงกล้ากำลังเรียกนางออกไป ข้ารู้ดีว่ามันเป็นวันที่เธอเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ข้าคงจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ และก็ไม่ได้เจอหน้าเธอเลยตั้งแต่วันนั้น

แต่เมื่อตอนสงคราม Nilfgaard ครั้งที่ 2 กำลังจบลง ข้าควรจะทำอะไรซักอย่างแต่ก็ไม่เคยจะแทรกแซงสงครามใดๆ ในขณะที่ข้ากับ Yennefer กำลังขี่ม้าผ่านหมู่บ้านนึงที่ถูกเผาทำลายจนหมดเพราะสงคราม จู่ๆชายคนนึงพร้อมที่เสียบฟางก็พุ่งเข้ามาในจุดอับของสายตาข้า เขาคงนึกว่าเราเป็นทหารศัตรู ก่อนที่จะโจมตีใส่  Yennefer จนนางเกือบตาย แล้ว Ciri ก็โผล่ออกมาช่วยพาพวกเราขึ้นเรือหนีออกมา เธอมาส่งพวกเราไว้ที่ใต้ต้นแอปเปิล และนั่นป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเธอ  

และที่ไม่มีใครเคยรู้ก็คือ เธอเป็นเด็กที่มีสายเลือด เอลเดอร์ สายเลือดโบราณที่มีพลังอำนาจมากมายแฝงอยู่ ว่ากันว่าเป็นเลือดที่สืบเชื้อสายมาจาก Bloody Falka เลือดต้องสาปที่เกิดขึ้นเพื่อเหล่าศาสดาเอาไว้ทำลายโลกตามคำนาย ใช่ มันเป็นแค่ตำนาน แต่ถ้ามันเริ่มใกล้เคียงความจริงขึ้นมาข้าก็ควรที่ต้องกังวลเหมือนกัน 

Yennefer ชอบเรียก Ciri ว่า เด็กสาวแห่งช่องว่างของเวลา เพราะเชื่อว่า Ciri สามารถเดินทางไปมาระหว่าง 2 โลกได้ ตอนที่เธอเริ่มขึ้น Ciri แทบจะควบคุมพลังไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ จน Yen พยายามสอนเธอเวทย์มนต์ง่ายๆให้เธอในการควบคุมมัน ตอนแรกข้าไม่เข้าใจที่ Yen พูดซักคำ จนมาวันนี้ผ่านการเดินทางมากมายเพื่อตามหา Ciri เห็นทั้งผู้คน แม่มด ปีศาจ และปีศาจต่างมิติที่ต้องการตัวเธอ ข้าก็เชื่อแล้วว่ามันสำคัญ 

                      [** อ่านประวัติ Ciri ในฉบับนิยายได้จากบทนำด้านบนบทสรุปครับ **]





Corinne –  งั้นบอกชั้นอีกอย่าง ถ้า Ciri นางตามหาคุณไม่เจอแล้วนางจะมีใครที่เชื่อใจได้ที่จะหาได้ในเมืองนี้มั๊ย 
Geralt – ก็จริงนะ ถ้า Ciri จะตามหาข้าก็ต้องตามหาเพื่อนข้าด้วย ซึ่งนางคงไม่รู้จัก Triss และรู้ว่า Yennefer จะอยู่ที่นี่แน่ คนเดียวที่พอจะเดาออกที่นี่ก็น่าจะเป็นเจ้า Dandelion แน่นอน 

และในความฝันของ Geralt ที่ไม่เคยนอนหลับฝันแบบปกติมาตั้งแต่เข้ารับการฝึกเป็น Witcher เขาเห็นภาพเจ้า Dandelion โดนนกนางแอ่นที่ คอยบินรังควาญจนมันต้องหนีเข้าไปที่ท่อระบายน้ำแห่งนึง แล้ว Geralt ก็ตกใจตื่น ...

Geralt –  ความฝัน ข้าเห็น นกนางแอ่นนั้นต้องหมายถึงตัว Ciri แน่นอน นั่นแสดงว่าเธอไปติดต่อกับ Dandelion จริงๆ แต่ข้าไม่รู้ที่อยู่ของมันเลยเหมือนกัน 
Corinne – ลองไปดูที่เรือนกวีดู ที่โรงแรม Rosemary & Thyme มีคนเห็นเขาที่นั่นบ่อยๆ 
Geralt – โรงแรมน่ะหรอ ? ข้าก็ไม่แปลกใจที่มันชอบไปที่นั่นหรอก ...   ขอบคุณที่ช่วยนะ Corinne
Corinne – โชคดี Witcher ข้าหวังให้นางเจอ Ciri สมดังที่หวังก็แล้วกัน 


                                   MAIN QUEST – BROKEN FLOWERS 

-เดินทางเข้ามาที่โรงแรม Rosemary & Thyme ด้านในจะเริ่มได้ยินเสียงโครมครามเกิดขึ้น เมื่อเข้าไปดูจะพบ Dwarf ห้าวๆคนนึงอัดศัตรูจนกระเด็นออกนอกประตูจนหมด ซึ่งเขาไม่ใช่ใครก็คือ Zaltan Chivay Dwarf สุดกร่างเพื่อนเก่า Geralt นั่นเอง แต่ยังไม่ได้ทักทายกันแบบเข้าเนื้อพวกโจรก็ยกพวกมาเอาคืนซะก่อน จากนั้นก็ช่วย Zaltan จัดการศัตรูให้หมดก่อนแล้วทั้งคู่ค่อยเริ่มทักทายกันใหม่



Geralt บอกกับ Zaltan ตรงๆว่าเขามาตามหา Ciri ที่เมืองนี้เพราะเธอกำลังมีปัญหาที่โดน Wild Hunt ตามล่า ซึ่งก็ทำเอา Zaltan เป็นห่วงเรื่อง Ciri มากเหมือนกันในฐานะคนที่เคยเจอกันมา ซึ่ง Geralt ก็เชื่อว่าเธอมาที่นี่เพื่อพยายามติดต่อกับ Dandelion อาจเพื่อขอความช่วยเหลือ เลยเข้ามาตามหา  Zaltan รีบบอกทันทีว่า งั้นเรา 2 คนก็คงแย่ เพราะเขาก็มาตามหามันเหมือนกันเพราะอยากรู้ว่ามันทำอะไรกับโรงเหล้าของเขาจนพังเละเทะไปหมด แถมไม่รู้ว่ามันไปไหนด้วยซ้ำ

-จากนั้นใช้ Witcher Senses ตามหาเบาะแสรอบๆห้องดูให้ทั่วๆจนพบสมุดบันทึกของ Dandelion บนโต๊ะ ในสายตาของ Geralt นั้นในสมุดเล่มนี้แทบไม่มีอะไรสำคัญเลยนอกจากบันทึกถึงความรัก ถึงพวกผู้หญิงต่างๆที่มันจีบ แต่  Zaltan กลับเห็นต่างไปเพราะ ถ้าจะตามหาตัว Dandelion จอมหม้อก็ต้องตามหามันจากผู้หญิงต่างๆของมัน Geralt ก็เลยต้องออกไปถามกับผู้หญิงแต่ละคนตามรายชื่อที่มันเขียนถึงในสมุดเอาทีละคนเผื่ออาจจะมีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนบ้างก็ได้ ซึ่งก็ต้องไปตามจุดเหลืองต่างๆที่ขึ้นมาในแผนที่ โดยไปคุยที่จุดไหนก่อนก็ได้
1.Vespula ไปช่วยเธอจากพวกเจ้าหนี้ 
2.Elihal เจ้าเกย์เจ้าของร้านตัดเสื้อ 
3.Marabella ครูสอนเด็ก 
4. Molly คนใช้ของแม่ทัพ Voorhis กับคุณนาย Louisa ที่ต้องตามไปแข่งม้ากับ แม่ทัพ Voorhis ก่อนจึงจะได้คุย
 5. Rosa ลูกสาวตระกูล Var Atire ที่มีทหารคุ้มกันหน้าแน่น ต้องอ้อมเข้าไปทางหลังบ้านตรงริมหน้าผาเอาจะเข้ามาในรั้วได้ และต้องซ้อมดาบกับเธอให้ชนะก็จะได้ข้อมูลมาจากเธอและพี่สาว Edna ที่เพิ่งรู้ว่า Dandelion มันฟาดทั้งพี่ทั้งน้องเลยล่ะ และถ้าคุยกับ Rosa หลังจบการคุยว่าจะมาฝึกให้เธออีกก็จะได้เควสย่อยฝึกดาบของ Rosa Fencing Lesson มาด้วย



ซึ่งการคุยกับ Rosa และ Edna นี่แหละที่ทำให้ 2 พี่น้องทะเลาะกันด้วยความหึงหวง Dandelion จนบอกชื่อหญิงที่มันรักที่สุดออกมา เธอชื่อว่า Callonetta เป็นเบาะแสสำคัญที่จะนำไปบอก Zaltan ได้แล้ว


-กลับไปบอกข้อมูลของผู้หญิงที่ชื่อ Callonetta ที่เป็นหญิงคนโปรดของ Dandelion กับ Zaltan ซึ่งเขาจะบอกว่าจริงๆแล้วเธอชื่อว่า Priscilla และจะเจอเธอได้ที่โรงแรม King Fisher ตอนกลางคืน จากนั้นก็เดินทางไปที่จุดหมายคือ โรงแรม King Fisher แล้วปรับเวลาให้เป็นตอนกลางคืนก่อนแล้วค่อยเข้าไปด้านในก็จะพบ Zaltan รออยู่พร้อมฟังเพลงเพราะๆจาก Priscilla the Callonetta ได้เลย



บาดแผลของข้านั้นบาดลึกเท่าแทนความรู้สึกต้องการสัมผัสอันอ่อนนุ่มและอบอุ่นของคุณ 
ท่ามกลางความมืดบอดของอนาคต ไหนกันเล่าดวงดาวนำทางของเรา
หัวใจของชั้นจะเปิดออกมาก็ต่อเมื่อมันพิสูจน์แล้วถึงรักแท้ของคุณ 
แต่ลมแห่งชะตามกรรมก็พัดพาให้เราต้องแยกต้องเดียวดาย 
จนกลายเป็นฝันที่สลายหายไปทุกครั้งยามเราตื่น 
รอยกลิ่นที่หอมกรุ่นของคุณช่างเหมือนดอกไม้และผลไม้ที่หอมหวาน
ก็แค่ความฝันของอีกาตัวนึงที่ถูกกักขังไว้ในเกลียวพายุหมุนแห่งความโกลาหลวุ่นวาย 
ดวงตาที่ส่องแสงระยิบระยับด้วยหยดน้ำตาที่กระจายหายไปกับสายลมแห่งความคิดถึง 
ข้าส่งหมาป่าบุกผ่าพายุออกตามหาหัวใจของคุณ ด้วยโทสะแห่งความโหยหา
ความโกรธของข้ามันเริ่มเติบโตขึ้นและแข็งดังหิน ท่ามกลางความหนาวเย็นที่ปราศจากไออุ่นจากอ้อมกอดของคุณ
เพราะที่ทำให้มันกลายเป็นฝันที่สลายหายไปทุกครั้งยามเราตื่นอีกครั้ง  

-หลังจากเพลงจบ Geralt ก็เตรียมเข้าไปคุยกับ Priscilla ทันที แต่ดูเหมือนเจ้าของบาร์ที่ Crossroad จะอยู่ที่นี่และจำเขาได้ตอนที่ฆ่าทหารในบาร์จนยัยนี่เริ่มแหกปากว่า Geralt ฆ่าคนตายแต่อีกหลายคนกลับไม่แคร์เพราะเป็นช่วงสงครามที่ต้องมีคนตายมากมาย จนคนในบาร์เริ่มจะทะเลาะกันทำให้ Priscilla ต้องรีบพาทั้งคู่ไปคุยต่อในห้องของเธอ



ความจากปากของ Priscilla เกี่ยวกับ Dandelion ตอนที่เธอเขาครั้งล่าสุดนั้นเขากำลังมีแผนที่จะขโมยสมบัติในเซฟของ Sigi Reuven ที่เป็นถึง 1 ใน  4 บิ๊กโพว์ ผู้ทรงอำนาจของโลกใต้ดินแห่ง Novigrad ที่ดูเหมือนว่าเขาจะถูกจ้างจาก 1 ใน บิ๊กโพว์อีกคนที่ชื่อ Whoreson Junior และคิดว่า Dandelion คงทำงานพลาดจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ตอนนี้   และ Dandelion ยังบอกกับ Priscilla ตอนนี้เขากำลังวุ่นเพราะกำลังหาทางใครคนนึงอยู่ด้วย แถมใครคนนึงที่ว่า Dandelion ใช้แทนตัวคนนั้นว่า ” เธอ “ อีก ซึ่ง Geralt มั่นใจว่ามันหมายถึง Ciri และการที่จะตามตัว Dandelion ก็คงต้องไปถามจากคนที่ชื่อ Whoreson Junior และคนที่จะน่ารู้ที่อยู่ของมันก็คือ Sigi Reuven ซึ่ง Priscilla ก็จะบอกว่าพวก  บิ๊กโพว์ ชอบไปประชุมที่โรงอาบน้ำของ Reuven ทุกคืน Geralt จึงต้องเดินทางไปที่นั่นเพื่อถามข้อมูลจากพวกมันทันที 


                                        MAIN QUEST – GET JUNIOR

-เดินทางไปยังจุดหมายซึ่งก็คือ โรงอาบน้ำ (หรือ อาบอบนวดในยุคเถื่อนนั่นแหละ ) ในเขต The Bits เข้ามาจะถูกต้อยรับอย่างดีจาก แอ๊ปเปิ้ล คนรับใช้ที่ด้านหน้าก่อนที่จะได้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวจนเหลือแค่ผ้าขนหนูเพื่อเข้าไปด้านในตามกฎ ตอนนี้ก็เดินดูนมให้สบายตาให้พอใจแล้วเข้าด้านในห้องอาบน้ำใหญ่ได้เลยซึ่งก็จะพบ 3 ใน 4 บิ๊กโฟว์ กำลังถกปัญหาอยู่พอดี


บิ๊กโฟว์ 4 ผู้ทรงอำนาจของโลกใต้ดินแห่ง Novigrad  ประกอบด้วย 
Francis Bedlam ฉายา King of Beggar
Sigismund Dijkstra ฉายา Sigi Reuven
Carlo Varese ฉายา The Cleaver
Cyprian Wiley หรือ Whoreson Junior 

Carlo – จดบันทึกคำพูดข้าไว้เลยนะว่า Whoreson มันนะตายแน่ ข้าจะเชือดมันด้วยตัวเองเลยคอยดู
Bedlam – เจ้าไม่ต้องจดอะไรทั้งนั้นแหละ เราจะจัดการมันแน่ แต่ต่อเมื่อข้าสั่งเท่านั้น อ่อ Reuven แขกเจ้ามาแล้ว
Carlo – ใครปล่อยให้มันเข้ามาได้ไงวะ 
Reuven – เพราะข้าอยากคุยกับ Geralt of Rivia นะสิ 
Carlo – ข้านี่ตามมุขไม่ทันทุกที แล้วมันเป็นใครล่ะวะ?
Geralt –ข้าคือ Witcher และข้ามีอะไรจะคุยกับ Dijkstra อ่อ ข้าหมายถึง Reuven น่ะ เดี๋ยวนะ มีคนกำลังพยายามบุกเข้ามา 7 คน 
Carlo – ตาทิพย์หรือไงวะ!

-จากนั้นก็ช่วยกันจัดการพวกนักฆ่าทั้ง 7 คนที่บุกเข้ามาให้หมด




Carlo – เจ๋งมากทุกคน
Reuven – ข้าต้องแสดงความเสียใจและขอโทษกับความหละหลวมของระบบรักษาปอดภัยของข้าและข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครและทำไมต้องทำแบบนี้ 
Carlo – ไม่ต้องไปหาใครอะไรยังไงหรอก ไอ้ Whoreson ชัวร์
Bedlam – หยุดพล่ามแบบนั้นต่อหน้าแขกของเราได้แล้ว Carlo
Carlo – ปัญหาคือ ใครนะที่มันโผล่มาก่อนที่พวกนักฆ่าจะบุกเข้ามาไม่กี่นาทีมากกว่า 
Geralt – จะไม่แนะนำตัวกันซะหน่อยก่อนที่จะมาโทษกันหน่อยหรอ ?
Reuven – นี่ Francis Bedlam ฉายา King of Beggar เจ้าคงรู้จักดีแล้ว แล้วก็เจ้า Dwarf ขี้โมโหนี่ Carlo Varese ฉายา The Cleaver ตัวเอนเตอรเทนของเราเลย และข้า Dijkstra หรือจะเรียก Sigi Reuven ก็สุดแล้วแต่
Geralt – ข้ากำลังตามหา Whoreson Junior
Carlo – น่าสนใจแฮะ เหมือนข้าเลย แล้วจะตามหามันทำไม ?
Geralt –  Whoreson จะช่วยข้าตามหาคนๆนึง 
Bedlam – เจ้า Whoreson มันไม่ช่วยใครหรอกตัวมันยังเอาไม่รอดเลย น่าสังเวช 
Geralt –   ข้าจะถามเขาดีๆคงจะตอบมาบอกหรอก
Reuven – ได้ยินมั๊ย Cleaver คุยดีๆน่ะ หัดทำไว้บ้างไม่นะเลิกถามคำด่าคำกับ เจ้า Whoreson บ้างก็อาจจะได้อะไรดีๆมาบ้าง
 Carlo – นี่ท่านสุภาพบุรุษ นี่ประสาทแดกกันแล้วหรอ ก็บอกแล้ว เจ้า Whoreson มันออกนอกกรอบเราไปแล้ว และฆ่าจะเป็นคนฆ่ามันนี่ไง  กว่าที่เจ้าจะหามันเจอ คนของข้าก็เฉือนมันไปแล้วล่ะ เจ้านะฟังไว้ Witcher ถ้าจะตามหา เจ้า Whoreson ก็ตามหาข้าให้เจอก่อนเถอะ 
Reuven – ข้ามันใจว่า Geralt เขารู้งานน่า เขาเก่งด้านตามแกะรอยหาคนนี่ 
Bedlam – งั้นเจ้าก็จัดการไปพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน 
Geralt – พวกท่านไม่กินเส้นอะไรกับ Whoreson หรอ ทำไมละก็เห็นเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน ?
Reuven – ข้าคิดว่ามันทรยศพวกเรา ขโมยสมบัติของข้า และอาจมีใครบงการอยู่เบื้องหลังมันและนั่นข้าต้องรู้ให้ได้ และที่สำคัญเรา 4 คนแค่มีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ใช่เพื่อนกัน 
Geralt – แล้วท่านคิดว่า Cleaver จะเจอและฆ่า Whoreson ได้ก่อนมั๊ย 
Reuven – อาจได้ หรืออาจไม่ได้ ใครจะรู้ แต่ก็พอเดาทางมันได้อยู่ ถ้าไม่ไปเล่นพนันทีคาสิโน ก็ไปลานประลองเพราะมันนึกว่ามันแข็งแกร่ง และถ้าไม่เจอก็แสดงว่ามันหลบอยู่ที่บ้านของมัน 

** [ซึ่งก็จะทำให้ เควสหลัก GET JUNIOR นั้นได้เบาะแสมา 3 ที่คือ Casino, Arena และ Whoreson Hideout ที่ต้องตามไปค้นหาตัว Whoreson] ** 

Geralt – แล้ว Dandelion ท่านมีข้อมูลอะไรบ้าง
Reuven – ก็คงชะตากรรมเหมือนทุกคนที่แกะรอยตามหา Junior นั่นแหละ คิดดูสิ Dandelion ชีวิตมันมั่วผู้หญิงไปทั่วเมาไวน์ทั้งวัน มันจะโดนฆ่าหมกบ่อน้ำตายไปตอนไหนใครจะรู้ เออว่าก็ว่า ถ้าเจ้าช่วยอะไรข้าอย่างนึงข้าอาจจะลองตามข่าวของ Dandelion เพื่อนหน้าหม้อของเจ้าให้ได้นะ แต่ต้องบอกก่อนว่าถ้าจะร่วมงานกันสิ่งเดียวที่เจ้าไม่สมควรทำคือการโกหกข้า มีอะไรต้องแชร์ข้อมูลกันจำข้อนี้ไว้ให้ดีด้วย



[เลือกตอบ May be I can Help] ก็จะได้เควสหลัก Count Reuven Treasure มาทันที และเควสหลัก Count Reuven Treasure นี้จะเป็นอีกเส้นทางนึงจะทำให้ได้ข้อมูลและที่อยู่ของ Dandelion เหมือนกับเควสหลัก GET JUNIOR ต่างกันวิธีการและคนที่ต้องเจอเท่านั้น


                              MAIN QUEST – Count Reuven Treasure

Reuven จะพา Geralt ไปทีชั้นใต้ดินของโรงอาบน้ำเพื่อไปดูปัญหาของเขา กำแพงเป็นรูตรงหน้าที่ Reuven พยายามชี้ให้เห็นว่าที่นี่เคยเป็นเซฟลับเก็บสมบัติที่มีค่ามากมายของเขา และตอนนี้มันถูกมือดีเข้ามาขโมยไปจนหมดเสียแล้ว ที่นี่จะพบกับเจ้า Bart Troll ใจดีที่ Reuven ได้เป็นรางวัลจากการเล่นไพ่ชนะพ่อค้าคนนึง ถึงแม้มันจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องแต่มันก็แสดงท่าทางให้ดูว่ามันได้เห็นการระเบิดดัง Booom ก่อนที่กำแพงจะโดนทำลาย และที่ Reuven ที่เป็นถึง 1 ใน 4 ของบิ๊กโฟว์ต้องมาขอให้ Witcher ช่วยตามหาคนที่ขโมยมันไปก็เพราะทองมากมายทั้งหมดไม่ใช่ของๆมันคนเดียวแต่เป็นเสมือนที่เก็บเงิบผิดกฎหมายต่างๆของพวกมันทำ ซึ่ง Reuven ต้องการทำเป็นความลับและต้องหาสมบัติให้เจอก่อนที่หุ้นส่วนของเขาจะรู้นั่นเอง โดยเขาเชื่อว่าเป็นฝืมือของทหาร Novgrad แน่นอน 

-จากนั้นจะได้ยาแก้พิษ Pop’s Mold Antidote จาก Reuven มาใช้เพราะในท่อระบายน้ำนั้นมีแต่ควันพิษ  กดใช้เพื่อทำให้พลังชีวิตไม่ลดตอนเดินลุยผ่านควันสีเขียวๆ แล้วลุยเข้าไปด้านในใช้  Witcher Senses สำรวจตามจุดเบาะแสต่างๆจนเจอเศษชิ้นส่วนของระบิดตกอยู่ Geralt จะทำการวิเคราะห์ส่วนผสมของมันแล้วเอากลับไปให้ Reuven ดู



 เมื่อ Geralt เอาเศษระเบิดไปให้ Reuven ดูจะพบว่า ระเบิดมีส่วนผสมเฉพาะของมันที่มี Wyvern oil และน้ำตาลเป็นส่วนสม มันจึงไม่ใช่ระเบิดทั่วไปแต่เป็นระเบิดที่ทำขึ้นโดยพวก นักเล่นแร่แปรธาตุ แน่นอน และระเบิดก็ถูกหย่อนลงมาจากห้องอ่างน้ำด้านบนไมใช่ระเบิดจากด้านนอก ซึ่งแปลว่ามีคยร้ายที่แฝงตัวเข้ามาเป็นคนใช้บริการแล้วหย่อนระเบิดลงมาบนช่องระบายน้ำ  Reuven จึงชวน Geralt ไปตรวจดูห้องอาบน้ำด้านบนซึ่งเมื่อใช้ Witcher Senses ดูจะพบคราบน้ำมันและเศษระเบิดตกอยู่ที่ห้องทางด้านซ้าย Reuven จึงให้คนดูแลตรวจสอบรายชื่อแขกที่ต้องสงสัยดู จนพบชื่อ Margrave Henckel ซึ่งเป็นทหารคนที่ Reuven รู้จักแต่เขาตายไปนานแล้ว ชื่อ Henckel จะเป็นข้อผิดสังเกตมาก Reuven จึงให้ Geralt ลองไปตรวจสอบที่บ้านของ Henckel ดู

- เดินทางไปยังจุดเป้าหมายต่อไปคือบ้านของ Henckel เข้าไปใช้ Witcher Senses สำรวจหาเบาะแสให้ทั่วๆจนถึงชั้นบน เก็บขวดไวน์บนโต๊ะกลางห้องแล้วเข้าไปที่ห้องเก็บไวน์ เอาขวดใส่ช่องใส่ไวน์ที่ว่างอยู่จะทำให้ประตูลับที่พนังห้องเปิดออก ด้านในจะพบกับชิ้นส่วนและอุกรณ์ทำระเบิดมากมายที่ทำให้รู้ว่าคนร้ายทำประกอบระเบิดขึ้นที่นี่ และเก็บจดหมายของ Dudu ด้านใน จะเห็นข้อความว่า

“ Ciri  … Menge มันกำลังตามข้าอยู่ มันพยายามจะยึดเอาสมบัติทั้งหมดเป็นของมัน และตอนนี้มันได้ตัว Dandelion ไปแล้ว เธอจะต้องรีบหนี “ 





-เมื่อลงมาชั้นล่างจะพบว่า Reuven จะพา Triss มาสมทบด้วยเพราะเขาจ้างเธอไว้อีกคนเพราะ นักเวทย์ อย่างเธออาจมีความรู้เรื่องระเบิดบ้างจ้างมาอีกคนก็ไม่เสียหายแถม Triss เองก็มาเสนอตัวรับงานเองเพราะต้องการเงินด้วย แต่ดูเหมือน Geralt จะคิดว่า Reuven จ้าง Triss มาเพราะไม่ไว้ใจเขามากกว่า ก่อนที Geralt จะบอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องระเบิดอีกแล้วเพราะเขารู้แล้วว่าใครที่วางแผนขโมยและเอาสมบัติทั้งหมดไป แต่ Geralt ก็จำเป็นต้องโกหก Reuven ไปว่าเขารู้จาก Henckel เพราะพยายามจะปิดเรื่องจดหมายของ Dudu ซึ่งทำให้ Reuven ไม่ชอบอย่างมากจึงนับการโกหกของ  Geralt เป็นหนึ่งครั้งที่เขาจะทน Geralt คิดว่าเขาสามารถง้างปากให้ Caleb Menge บอกที่ซ่อนสมบัติได้ Reuven จึงจะให้ Triss เดินทางไปช่วยงานนี้ด้วย ซึ่ง Triss จะบอกว่าเธอมีแผนที่จะเข้าไปในฐานของ Eternal fire ได้ โดยเมื่อพร้อมแล้วให้ไปพบเธอที่จุดนัดพบที่กระถางไฟตอนเที่ยงคืน 

แผนเข้าถ้าเสือของ Geralt ที่ต้องใช้ Triss เป็นเหมือนถูกจับเพื่อเป็นตัวล่อไมได้ทำให้ Geralt อยากทำตามแผนนี้มากนักแต่เมื่อ Triss ยืนยันว่าต้องการที่จะทำก็เลยต้องจำยอม ซึ่งแผนนี้จะเข้าไปในฐานของพวก Witcher Hunter ได้นั้นทำได้ทั้งแบบปะฉะดะลุยเข้าไปฆ่าให้หมดจนถึงตัวผู้บัญชาการณ์  Caleb Menge หรือ ใช้บทสนทนาในการพาเนียนเข้าไปจนถึงตัว Menge โดยไม่ได้ต้องต้องต่อสู้จนวุ่นวาย


1 -ที่หน้าประตูหน้าของฐานให้ตอบข้อแรกให้หมดคือ Wanna Talk to Menge ขอคุยกับ Menge ก่อนจนทหารยอมที่จะพาเข้าไปด้านในเพื่อส่งตัว Triss
2 -ที่หน้าห้องตอนพวกมันจะเอา Triss ไปทรมาน อย่าใช้เวทย์ Axii สะกดจิตจะถูกจับได้และเกิดการต่อสู้ ให้เลือกข้อแรก Fine Take her  เพื่อให้มันเอาตัวเธอไปได้โดยดี
3 -ตอนเข้าไปคุยกับ Caleb Menge ให้ตอบตามนี้ หากไม่ต้องการเกิดการต่อสู้
ตอบ Why Not ตอนมันชวนดื่มไวน์
ตอบ You hunter are torturing ….
ตอบ Witchers do anything for Gold หรือ Triss betrayed me first
และตอบว่า Free my friend Dandelion (ถ้าเลือกเอาที่ซ่อนสมบัติของ Reuven ด้วยมันจะรู้ตัวจนเกิดการต่อสู้)

A -จบเควสแบบแทรกซึมไม่มีการต่อสู้ Geralt จะต้องตอบคำถามเนียนเข้าไปเอาข้อมูลของ Dandelion จากปากของ Menge เองเลยว่า Dandelion ถูกจับไปขังในคุกบนเกาะ Temple Isle ซึ่งจะทำให้ Triss ถูกทรมานและเมื่อ Triss หลุดมาได้เธอก็จะฆ่า Menge จนตายโทษฐานทำให้เธอโดนทรมาน ก็จะได้กุญแจเซฟเก็บสมบัติจากศพ Menge มาเพื่อเอาไปให้ Reuven รับรางวัลและไปคุยบอกข่าวของ Dandelion กับ Priscilla ก็จะเป็นอันจบเควส และ  Dijkstra ก็จะมาช่วยในเควส Brother in Arms 

B – จบเควสแบบมีการต่อสู้ นั้นทำได้คือตอบคำถามในแบบปกป้อง Triss มากๆ , ทนให้ Triss โดนทรมานไม่ไหว ,ใช้เวทย์สะกดจิตทหารจนโดนจับได้ และขอค่าตอบแทนคือตำแหน่งที่ซ่อนสมบัติที่ถูกขโมยไป และ ขอข้อมูลของ Dandelion เมื่อเกิดการต่อสู้ก็ต้องจัดการพวกนักล่าแม่มดให้หมดแล้วลุยเข้าไปสู้กับ Menge จนตายแล้วเก็บกุญแจจากศพจดหมายจากสายลับที่ชื่อ Yamurlak บนโต๊ะมา เอากุญแจไปให้ Reuven รับรางวัล  แล้ว Reuven จะบอกให้ไปที่กระถางไฟตอนเที่ยงคืนมองหาสวิตซ์สัญญาณหลังเสาเพื่อส่งบอกสายลับแล้วไปที่จุดนัดพบ Triss ก็จะใช้เวทย์ทรมานมันจนมันบอกที่คุมขังของ Dandelion ที่อยู่บนเกาะ Temple Isle  และไปคุยบอกข่าวของ Dandelion กับ Priscilla ก็จะเป็นอันจบเควส แต่ Dijkstra จะไม่มาช่วยในเควส Brother in Arms 




หลังจากได้ที่คุมขังของ Dandelion มาแล้ว ซึ่งเขากำลังโดนขังเพื่อรอคำสั่งของ Menge เพื่อเอาไปประหารที่ Oxenfurt แต่ตอนนี้ Menge ตายแล้ว Triss จึงแนะนำแผนที่จะไปที่เกาะนั่นโดยการช่วยเหลือของจอมปลอมแปลง Dudu Biberveldt The  Doppler เพื่อนเก่า นั่นแปลว่า ตอนนี้ Geralt ต้องตามหา Dudu เพื่อไปช่วย Dandelion เพื่อจะได้ข้อมูลของ Ciri ซึ่งก็จะทำให้ได้ เควสย่อยของ Triss มาคือ A Matter of Life and Death ซึ่งเป็นเควสที่ Geralt และ Triss ต้องทำงานร่วมกันอีกครั้งเป็นภารกิจวันวานยังหวานอยู่ที่แวะไปทำหน่อยก็ไม่เสียหลาย 


                                  Secondary Quest – A Matter of Life and Death

-เข้ามาหา Triss ที่บ้านของเธอ (แอบซ่อนตัวอยู่ในบ้านของพวกชาวบ้านที่คอยช่วยเหลือ) Triss นั้นหลังจากฆ่า Menge หัวหน้าหน่วย Temple Guard ไปหลังจากไม่เคยฆ่าใครในฐานะนักเวทย์มานานแล้ว ครั้งพอมีงานจ้างเข้ามาก็ทำเอา Triss กังวลจนไปไม่เป็น เธอกลัวว่าจะถูกจับได้เพราะความเข้มงวดกวดขันของพวกทหารหลังจากเกิดเรื่อง เธอจึงอยากจะขอให้ Geralt ไปช่วยตรวจสอบงานและคุยกับคนของผู้ว่าจ้างที่นัดพบกับเธอไว้ให้หน่อย โดยคนของนายจ้างซึ่งเป็นถึงคนที่มีฐานะร่ำรวยอย่างตระกูล Vegelbud จะใส่เสื้อสีฟ้าและมีกุยห้อยอยู่ที่กระเป๋ากางเกงเป็นสัญลักษณ์

-เดินทางไปยังจุดหมายที่ตลาดปลาแล้วใช้ Witcher Senses ชายที่ใส่เสื้อฟ้าและมีกุญแจห้อยที่กระเป๋ากางเกงจนเจอ (กุญแจที่ด้านหลังจะเป็นสีแดงเมื่อส่องดู) หลังจากเจอแล้วตามเขาไปจนมีพวกนักฆ่ามาโจมตี จัดการมันให้หมดแล้ว Triss จึงจะออกมาเพราะแน่ใจแล้วว่าไม่โดนหลอก คนใช้ของตระกูล Vegelbud จึงนัดให้ทั้งคู่ไปพบกับ คุณนาย Ingrid Vegelbud ที่งานเลี้ยงปาร์ตี้สวมหน้ากากเพื่อคุยเรื่องงานต่อ
- จะไปงานเลี้ยงปาร์ตี้สวมหน้ากากก็ต้องเตรียมชุดให้พร้อมเพื่อไปงานเลี้ยงโดยให้ไปซื้อที่ร้านของ Elihal ซื้อเสื้อ กางเกง ร้องเท้า และหน้ากากหมาจิ้งจอกให้ Triss และถ้าคุณยังไมเคยมาซื้อหน้ากากใส่เล่น ก็ซื้อให้ Geralt ไปอีก 1 อัน จากนั้นก็ใส่ชุดให้เรียบร้อยแล้วไปหา Triss ที่บ้านเอาหน้ากากหมาจิ้งจอกให้เธอ หลังจากสวยหล่อแล้วก็เดินทางไปที่คฤหาสน์ตระกูล Vegelbud ที่มีงานได้เลย  


- เข้ามาด้านในสวนของคฤหาสน์ตระกูล Vegelbud Triss จะค่อนข้างดี้ด๊ามีความสุขกับงานเต้นรำสวยแบบนี้ เพราะชีวิตไมได้สวยงามแบบนี้มานานแล้ว เข้าไปด้านในคุยกับ คุณนาย Ingrid Vegelbud เธอก็จะเล่าเรื่องงานที่เธอต้องการให้ทำคือ ตอนนี้ Albert ลูกชายของเธอกำลังถูกปองร้ายโดยพวกทหาร Redonia จนเธอไม่ไหวใจจะจ้างนักเวทย์คนไหนให้ทำงานได้อีกนอกจาก Triss ที่เป็นคนนอกสำหรับเมืองนี้
-จากนั้น คุณนาย I Vegelbud จะให้ไปตามลูกชายเธอมาหาเธอเพื่อเตรียมตัวหนี โดยAlbert ลูกชายของเธอจะใส่หน้ากากเสือดำ เดินไปมองหาผู้ชายที่ใส่หน้ากากเสือดำตามจุดเหลืองจนเจอแล้วบอกเขาให้ไปหาแม่เพื่อเตรียมตัวหนี และ Albert จะแลกหน้ากากกับ Geralt เพื่อให้คนที่ปองร้ายสับสน



 งานดำเนินไปด้วยดีจน Triss รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจนมานั่งจิบไวน์กับ Geralt จนเธอเริ่มได้ที่ก็เริ่มชวน Geralt วิ่งเล่นเข้าไปในสวนวงกตจนมาถึงที่น้ำพุกลางสวน อารมณ์ ความหลัง และฤทธิ์แอลกอฮอลพาไปจนเธอตกลงมาอยู่ในอ้อมกอด Geralt ก่อนที่ Geralt จะจูบไปอย่างดูดดื่มถ้าคุณตัดสินใจกด Kiss Triss ได้ทัน ...



- จบฉากเลิฟซีนจูบเย้ยจันทร์ของ Geralt และ Triss ไปเบาๆแล้ว เดินออกมาจากสวนจะเจอ พวกนักฆ่าที่บุกเข้ามาจะเก็บ Albert ซึ่งจริงๆแล้วผิดตัวต้องมาเจอกับ Geralt แทนก็ต้องหมอบกันไปจนหมด จากนั้นออกจากสวนไปที่โรงเก็บม้า คุณนาย I Vegelbud ก็จะเตรียมม้าให้ Albert ลูกชายของเธอหนีออกจากเมืองโดยมี Triss ตามไปคุ้มกัน ซึ่งก็ทำให้ Geralt ถึงกับต้องใจหาย 6 เดือนที่จากกันพอมาเจอกันไม่กี่วันก็จำต้องจากกันอีกแล้ว จบภารกิจแล้วไม่รู้ว่าจะ Triss จะย้อนกลับมาได้พบเจอกันกับ อีกหรือเปล่า ?

 ** เสร็จงานเอาใจหญิงแล้วก็กลับมางานหลักใน MAIN QUEST – GET JUNIOR กับงานตามหา Whoreson Junior ที่นอกจากจะได้เบาะแสที่สำคัญในการหาตัว Dandelion คนที่ Ciri ติดต่อเป็นคนสุดท้ายของเมืองนี้แล้ว เจ้า Whoreson ก็ยังเป็นตัวการที่ทำให้อำนาจของบิ๊กโฟว์ต้องสั่นคลอนที่ Geralt ต้องไปจัดการเพื่อช่วยพวกของ Bedlam อีกด้วย โดยเบาะแสของ  Whoreson ที่ได้มาจาก Dijkstra นั้นมีอยู่ 3 สถานที่ต้องไปสำรวจ

                                                  *** จุดสำคัญ ***

ถ้าคุณต้องการจะเก็บ เควสย่อย Gangs of Novigrad ของ Cleaver ก็ต้องเข้าไปคุยกับเขาเพื่อรับเควสก่อนจะเข้ามาที่ คาสิโน และ ลานประลอง พวกคนแคระคนของ Cleaver ก็จะไปประจำที่จุดที่ คาสิโน และ ลานประลอง เพื่อช่วย Geralt ลุยถล่มเข้าไปจัดการลูกน้องของ Whoreson ซึ่งก็จะเป็นการจบลงแบบนองเลือด และในที่ลานประลอง ก็จะไม่ได้เจอเหตุการณ์เข้าไปประลองด้วยเพราะฆ่ากันจนตายกันหมดแล้ว  


                                           MAIN QUEST – GET JUNIOR [ ต่อ ]


3 จุดเหลืองในแผนที่ที่ Geralt ต้องไปตามหาเบาะแสคือ
1.ที่ Hideout บ้านพักของ Whoreson ที่นี่จะพบคนของ Cleaver เข้ามาตามหาก่อนแล้ว มันไม่อยู่ที่นี่แน่ ขึ้นไปใช้ Witcher Senses สำรวจที่เบาะแสจุดแดงให้หมดก็ไม่เจออะไร
2. ที่ Casino หรือ บ่อนไพ่ จะเข้ามาเล่นไพ่จนชนะกับพวกเซียนในนั้นเพื่อเอาข้อมูลในแบบไม่นองเลือด หรือจะตอบคำถามเพื่อถามถึง Whoreson เจ้านายของมันก็จะเกิดการต่อสู้ขึ้นจนต้องฆ่าพวกมันให้หมด ไม่ว่าเลือกแบบไหนก็อย่าลืมขึ้นไปสำรวจให้ทั่วๆด้วย แม้จะไม่พบเบาะแสอะไรเลยของ Whoreson เลย แต่ห้องชั้นบนจะเจอ Rico ถูกจับมัดอยู่ เข้าไปช่วยปล่อยเขาซะ Rico จะบอกว่าเขาเป็นสายลับของ Bedlam ที่ถูกส่งมาสืบเรื่อง Whoreson แต่โดนจับได้ ซึ่งถ้า Geralt แวะไปคุยกับ Bedlam ก็จะได้รางวัลเป็นการขอบคุณที่ช่วยเขาและก็จะได้เควสย่อย Honnor among Theives มาด้วย    
3. ที่ Arena ลานประลองนี้ ที่ทางเข้าใช้เวทย์สะกดจิต LV 2 ทำให้ยามปล่อยให้เข้ามา ด้านในจะพบกับ Igor เจ้าของลานประลองแห่งนี้ พยายามอย่าเลือกถามถึง Whoreson เพื่อแสร้งของานมันทำ Igor ก็จะให้ Geralt เข้าไปประลองจนชนะมันจึงจะยอมให้งาน จากนั้นก็จัดการศัตรูที่เข้ามาสู้ในลานประลองให้หมด แล้ว Whoreson จะปรากฏตัวออกมาว่าเจ้า Igor ที่ดันปล่อยให้คนที่ตามล่ามันเข้ามาที่นี่ ในขณะที่คนของ Cleaver ก็จะบุกเข้ามาที่นี่ด้วย (ตามเควสย่อย Gangs of Novigrad) Whoreson มันจึงสั่งให้ Igor และพวกจัดการฆ่า Geralt ซะ จากนั้นก็จัดการ Igor และลูกน้องมันซะแล้วเก็บกุญแจมาจากศพมัน เอามาไขในกล่องข้างเก้าอี้ที่มันนั่ง จะได้บันทึกของ Igor มา ซึ่งจะบอกถงตำแหน่งห้องลับของมัน เดินลงไปที่ชั้นล่างของท่อระบายน้ำลานปรลองนี่ ใช้  Witcher Senses มองหาเบาะแสที่พนังทางฝั่งซ้าย สำรวจคบเพลิงทางซ้ายจะเป็นสวิตวซเปิดห้องลับ (สำรวจคบเพลิงให้ดีๆเพราะมันอยู่ระหว่างจุดไฟกับหมุนสวิตซ์) เข้าไปด้านในเก็บบันทึกลับมา


** ซึ่งเป็นจดหมายจากคนลึกลับคนนึงที่ส่งมาถึง Whoreson เพื่อส่งต่อคำบัญชาของ กษัตริย์ Radovid ที่ 5 แห่ง Radania แห่งแยกตัวออกมาจากแผนล้มล้างอำนาจกษัตริย์ของพวกบิ๊กโฟว์ ทำให้อีก 3 คนที่เหลือมีอำนาจการต่อรองที่สั่นคลอนจนไม่สามารถทำงานใหญ่ได้เหมือนเดิม ** 

-ทันทีที่ Geralt ได้ข้อมูลที่แน่ชัดแล้วว่า Whoreson Junior 1 ในบิ๊กโฟว์กำลังจะขายเพื่อนด้วยการทรยศหันไปทำงานให้ กษัตริย์ Radovid ก็เดินทางไปแจ้งข่าวกับ Reuven ที่โรงอาบน้ำได้เลย Reuven จะบอกว่าถ้า Whoreson มันทรยศและเป็นสายให้กษัตริย์ Radovid ก็ต้องมีทหารของ Redania รู้ที่ซ่อนของพวกมัน เขาจึงแนะนำให้ไปหา Vernon Roche หัวหน้ากลุ่มทหารแตกทัพจาก Termaria เพื่อให้หาทางเข้าถึงสายของเขาที่เป็นททหารของ Redania เพื่อหาข้อมูลว่า Whoreson Junior ถูกกษัตริย์ Radovid ช่วยพามันไปซ่อนตัวจากดงบาทาที่ไหน


- จากนั้นเดินทางไปที่จุดหมายคือ แหล่งซ่อนตัวของกลุ่มทหารแตกทัพจาก Termaria ที่อยู่ในถ้ำแห่งนึงทางตะวันออกของเมือง Novigrad



เหล่าทหารจาก Termiria ที่พ่ายสงครามที่เหลือส่วนนึง ตอนนี้จำต้องเข้ามาพึ่งใบบุญของ อณาจักร Redania เพื่อต่อต้านกองทัพ Nilfgaard แก้แค้นให้บ้านเกิด โดยการนำของหัวหน้าหน่วยรบพิเศษแห่ง Termiria ที่ชื่อ Vernon Roche เพื่อนเก่าของ Geralt  
Roche - Geralt of Rivia เพื่อนข้า ยังอยู่รอดและปลอดภัย 
Geralt - Vernon Roche ความหวังสุดท้ายของ Termiria
Roche – หัวเราะไปเถอะเพื่อน Termiria จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งแน่นอน
Geralt –  ท่านมาอยู่ทำไมที่นี่ ยังไล่ล่าพวก Scoia’tael อยู่หรอ ?
 Roche – ถึงตอนนี้ไม่มีใครสนพวก Scoia’tael แล้ว เรื่องบ้านเกิดสำคัญกว่า ก็อาจใช่ที่ทหารของข้าเหลือไม่มาก ตอนที่พวก Nilfgaard ข้ามเขต Yaruga มาได้ ข้าก็รวมพลไพร่พลที่เหลือจัดการพวกทัพ Nilfgaard ที่อยู่รอบนอกได้พอประมาณ แล้วรีบขึ้นเหนือมาทันทีที่พวกมันยกกำลังมาเสริม อีก 3 วันต่อมาข้าได้ยินว่า กษัตริย์ Radovid ของ Redania จะนำทัพต่อต้าน Nilfgaard เพื่อทวงคืนอิสระของดินแดนทางเหนือทั้งหมด แต่ กษัตริย์ Radovid ของ Redania ที่อยู่ในฐานะพันธมิตรก็ไม่ได้ดีไปกว่า กษัตริย์ Emyhr ของ Nilfgaard ที่เป็นศัตรูเลยซักนิด ข้าเลยตัดสินใจที่จะแยกออกมาแล้วหาทางรบในแบบของข้าเอง 
Geralt – ข้าต้องการตามหา Whoreson Junior ท่านพอจะช่วยได้มั๊ย 
Roche – ข้าเคยได้ยินชื่อมันอยู่ แต่ข้าว่าเจ้ามาผิดที่แล้วมั้งที่จะได้อะไรจากแค้มป์ทหารข้า
 Geralt – ข้าได้ยินมาว่าท่านมีหูตาเยอะแยะที่แฝงตัวอยู่กับพวกทหาร Redania แถม กษัตริย์ Radovid ยังมองพวกท่านเป็นพันธมิตรด้วย อาจมีข่าวอะไรที่พอจะหาได้บ้าง 
Roche – สายลับของข้าหรอ ? ได้ เดี๋ยวจะลองดูๆให้
Geralt – ตกลงว่าท่านจะช่วยข้าหรือแค่ดูๆให้ Roche
Roche – ฮ่าๆ เจ้านี่มักจะโชคดีในสิ่งที่เจ้าตามหาเสมอเลยนะ ไปเจอข้าที่สะพานเข้าเมือง Oxenfurt แล้วข้าจะนัดสายของข้าที่ชมรมหมากรุกให้ก็แล้วกัน จบนะ
Geralt – ขอบคุณ ข้าเป็นหนี้ท่านครั้งนึง 

  -เดินทางมาพบกับ Roche ที่สะพานทางเข้าประตูเมือง Oxenfurt ฝั่งตะวันตกเขาจะพาเข้ามาที่อาคารชมรมหมากรุกแห่งนึงเพื่อพบกับสายลับของเขาที่เป็นทหาร Redania แต่สถานการณ์ภายนอกมันกลับแปลกๆเพราะมีทหารรักษาการร์มาเกินไปหน่อย และเมื่อเข้าไปในบาร์ทั้งคู่ก็จะตกใจเมื่อคนที่รออยู่ไม่ช่ายทหารแต่เป็น กษัตริย์ Radovid ที่ 5 แห่ง Redania ที่มารอพบด้วยตัวพระองค์เองเลย  


กษัตริย์ Radovid – เขาว่ากันวา หมากรุกเป็นการละเล่นของกษัตริย์เพราะมันช่วยฝึกการวางแผนที่ดี Witcher เจ้ารู้มั๊ยทำไมข้าถึงชอบเล่นหมากรุก 
Geralt – ไม่ทราบ 
กษัตริย์ Radovid – ฮ่าๆก็เพราะเจ้าไม่ใช่กษัตริย์ไง ข้าชอบเล่นมันเพราะข้าเป็นคนชอบเปิดเผยความลับ และหมากรุกเป็นเกมแห่งความลับ ข้าได้ยินไปถึงหัวใจที่เต้นอยู่ข้างในตัวหมากเลยนะ ตุ๊บๆๆ ตุ๊บๆๆ ข้าอยากจะฉีกตัวหมากมันออกให้เห็นความจริงที่มันซ่อนไว้ข้างในให้หมดจริงๆเลย เพราะกษัตริย์นั้นจำเป็นที่ต้องรู้ความจริงทุกอย่างเหมือนในตารางหมากรุก เพื่อวางแผน ควบคุม และจัดการ รุกฆาต !! พวกศัตรูก็จะถึงแก่ความตาย เห็นรึยังว่า หมากรุกก็คือการศาสตร์แห่งการสังเวยตัวตนของตัวเราเอง เอาล่ะมันไม่สำคัญหรอก ว่าแต่ ทำไมเจ้าจึงพา Witcher เข้ามาที่นี่ Roche  
Geralt – จริงๆข้าต้องการมาพบสายลับของทหาร Redania แต่กลับได้พบกษัตริย์ Redania เฉยเลย นั่นสินะ ทำไม ?
กษัตริย์ Radovid –ข้าก็แค่คิดว่าตัดคนกลางออกไปเจ้าน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า ไม่ชอบรึไง
Geralt – ข้ากำลังตามหาตัว Whoreson Junior เห็นว่า Redania สนับสนุนเขาอยู่ไม่ใช่หรอ 
กษัตริย์ Radovid – หาเพื่อ ?
Geralt – เรื่องส่วนตัว !
กษัตริย์ Radovid – โอเค ข้าก็ไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นด้วย ข้าเอาตัว Whoreson ไปซ่อนไว้ที่คฤหาสน์ในเมือง Oxenfurt แต่พวกการ์ดของมันคงไม่ยอมให้เข้าไปง่ายๆหรอก เจ้าก็ลองบอกว่าเป็นเอาอีตัวคนใหม่มาให้ก็แล้วกัน ไอ้บ้า Junior มันชอบเฉือดผู้หญิงเล่น นึกว่ามันไปรักษาตัวจนหายแล้วซะอีก 
Geralt – ท่านบอกที่อยู่มันให้ข้าง่ายๆเลยหรอ ทำไมถึงช่วยข้าล่ะ?
กษัตริย์ Radovid – ถิอว่าเป็นมิตรภาพทางธุรกิจก็แล้วกัน อยากให้เจ้าได้คะแนนนิยมคืนมาด้วย ที่สำคัญ ถ้า Junior มันตายอำนาจของ บิ๊กโฟว์ อีก 3 ที่เหลือก็ต้องสั่นคลอนว่ามั๊ย เอาล่ะ ไปทำงานของเจ้าเถอะ Witcher และเจ้า Roche เราค่อยมาคุยกันวันหลังแล้วกัน 
Roche – Radovid มันกำลังถลำลึกในอำนาจกำลังเป็นบ้า เห็นก็รู้เลย 
Geralt – ตอนนี้ข้าต้องการแค่เจอตัวเจ้า Whoreson ข้ายังไม่คิดไกลกว่านั้น 
Roche – อ่อ ถ้าเสร็จงานเจ้าแล้ว ว่างๆเข้าไปหาข้าที่แค้มป์หน่อยสิ ข้ามีปัญหากับ Ves ทหารข้านิดหน่อย แล้วค่อยมาคุยรายละเอียดกันอีกที   [ได้รับเควสย่อย An Eyes for An Eyes จาก Roche] 


                                      Secondary Quest – An Eyes for An Eyes

 เควสย่อยของ Roche นั้นไม่มีอะไรมาก แค่เป็นเรื่องของ Vas ทหารหญิงจอมห้าวที่ไม่รู้จักคำว่ารอ และพยายามจะแก้แค้นทหาร Nilfgaard ตลอด ซึ่งงนน้เธอขัดคำสั่ง Roche แล้วไปดักโจมตีพวกกองทหาร Nilfgaard เพื่อแก้แค้นให้คนของเธอที่ถูกฆ่า Roche จ้าง Geralt ให้ช่วยไปหยุดเธอไม่ให้ก่อเรื่อง แต่พอเขานำทางมาถึงหมู่บ้านเป้าหมายก็พบ Vas เธอโดนล้อมด้วยทหาร Nilfgaard แล้ว ทั้งคู่จึงต้องลุยเข้าไปช่วยเธอ พยายามจัดการทหาร Nilfgaard ให้หมดโดยอย่าให้ Vas ตาย สุดท้ายก็เหลือหัวหน้ากองทหารที่รอดอยู่ที Geralt ต้องช่วยตัดสินใจว่าจะให้ Roche ฆ่ามันทิ้งซะหรือปราณีมัน
- เลือกเข้าข้าง Vas โดยให้ฆ่าหัวหน้าทหารศัตรูที่เหลือทิ้งซะ
- เลือกเข้าข้าง Roche ไว้ชีวิตหัวหน้าทหารศัตรูที่เหลือ
** ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ได้ใจ Roche และ Vas ทั้ง 2 แบบ และพวกเขาก็จะมาช่วยในเควส Brother in Arms ด้วย**

                           -จากนั้นดำเนิน MAIN QUEST – GET JUNIOR ต่อเลย …….

ด้วยการเดินทางเข้ามาที่เมือง Oxenfurt ก็จะพบจุดเป้าหมายที่เป็นบ้านที่เป็นที่กบดานของเจ้า Whoreson ซึ่งก็จะมีวิธีเข้าไปได้หลายวิธี
1.แบบนองเลือด โดยเข้าไปคุยกับลูกน้องของมันที่เฝ้าประตูหน้าอยู่ แล้วฆ่ามันซะเก็บกุญแจแล้วไขเข้ามาในเขตที่พักแล้วก็จัดการลูกน้องทั้งหมดของมัน
2. แบบไม่นองเลือด ที่หลังร้านตีดาบใกล้ๆจะมีทางเข้าไปซึ่งก็จะเห็นทางลงยังทางระบายน้ำใต้ดินอยู่ เข้าไปใช้เวทย์อัดกระแทกเข้าไปในในห้องเก็บไวน์ชั้นล่างของบ้านได้เลย โดยไม่ต้องไปปะทะกับลูกน้องมันที่ด้านนอกเลย



3. ทางเลือกแบบเฉพาะตัวของผมเอง อ้อมมาด้านหลังของรั้วบ้านจะมีคอกม้าอยู่ ทางซ้ายของคอกม้าจะมีเต้นขายของที่เป็นหลังคาผ้าสีแดง ตรงนี้สามารถปีนกล่องสินค้าแล้วโดดขึ้นหลังคาร้านไปโดดข้ามรั้วเข้าไปในบ้านได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องสู้กับพวกลูกน้องที่ลานหน้าบ้านอยู่ดี (เคยขี้โกงแอบมาที่บ้านนี้หลังจากรู้ว่า Whoreson มันอยู่ที่นี่แต่แอบปีนเข้ามาก็ไม่เจอตัวมันและเหตุการณ์ใดๆ)

-ลุยเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบนก็จะพบผลงานเชือดของเจ้า Whoreson ที่มีศพผู้หญิงมากมายที่ตายเพราะความโรคจิตของมัน เข้าไปในห้องก็จะพบตัว Cyprian Wiley หรือ Whoreson Junior จอมเฉือดหญิงที่กำลังตามหาตัวอยู่ซะที Geralt เข้าไปอัดมันทันทีแบบไม่ยั้งเพราะเห็นศพผู้หญิงมากมายต่อตายตรงหน้าทำให้เขาพาลคิดไปว่า Ciri จะตกเป็นเหยื่อมันอีกคน



Whoreson - เดี๋ยวๆๆ หยุด นี่แกต้องการอะไรวะ !!
Geralt – ข้าตามหาตัวแกมานานเลย ข้าจะมาฆ่าแกถ้าแกไม่บอกในสิ่งที่ข้าอยากรู้ และตามทางที่ผ่านมาต้องมีคนล้มตายมากมาย กว่าจะได้สิ่งที่ข้าต้องการก็ต้องผ่านพวกที่ชอบโกหกมากมายเลย และข้าเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องทนฟังคำโกหกอีก ข้าทนไม่ไหวที่จะฟังแล้ว แกเข้าใจนะก็หวังว่าแกคงไม่โกหกข้าอีกคน เอาละ บอกความจริงมา ข้ามาตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง ผมสีเทาเหมือนข้า แกเคยเจอมั๊ย และเกิดอะไรขึ้นกับเธอ 
Whoreson – ได้ๆข้าจำได้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรอ ? นางเล่นงานข้าก่อนนะ ! เราตกลงกัน ว่าข้าจะซ่อมกล่องเวทย์มนต์อะไรบางอย่างของเธอให้โดยแลกกับที่เธอและยัยนักร้องนั่นต้องไปเอาสมบัติของ Sigi Reuven มาให้ข้า แต่พวกเธอไม่ยอมทำตามสัญญา ข้าก็เลยไปจับตัวเจ้า Dudu เพื่อนของพวกมันมาเพื่อให้มันตามมาช่วย ดูสิกล่องเวทย์บ้านั่นข้าก็ซ่อมให้เสร็จแล้ว
Geralt – โถใส่เถ้ากระดูก ? แกซ่อมของพวกนี้ด้วยหรอ 
Whoreson – ไม่ใช่ข้า แต่เป็นคนที่ข้ารู้จัก ข้าจะเล่าให้ฟังให้หมด


                                        CIRI’s STORY: VISITING JUNIOR

หลายสัปดาห์ก่อน  ... Ciri และ Dandelion กลับมาที่บ้านของ Whoreson อีกครั้งเพื่อมาช่วย Dudu แน่นอนว่าเป็นแผนลวงของ Whoreson ตามที่มันบอกแต่ Ciri ก็ต้องเข้ามาเพราะเธอไม่ยอมทิ้งเพื่อนของเธอไว้ข้างหลังแน่ 



Dandelion – ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยบอกตรงๆ
Ciri – ใจเย็นนะ Dandelion เราปล่อยให้ Dudu อยู่ในมือเจ้าJunior ไม่ได้คุณก็รู้
Dandelion – รู้น่าๆ ก็แค่บอกว่ามันเงียบผิดปกติก็แค่นั่นเอง
Ciri – แล้วอีกอย่างชั้นเป็นคนเข้าไปเองคุณก็แค่รออยู่ข้างนอก
Dandelion – ผมไม่ปล่อยให้คุณเข้าไปคนเดียวหรอก จะบ้าหรอ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ Geralt เอาผมตายสิ
Ciri – กลัวอะไร ไม่มีคนคุ้มกันเลย เข้าเร็วออกเร็ว แล้วหายเข้ากลีบเมฆ แค่นั่นเองน่า ที่เจ้ารู้มา Dudu ถูกจับไว้ที่ไหน 
Dandelion – ในห้องชั้นบนสุดของอาคาร
Ciri – คงต้องปีนยาวเลยสินะ คุณไปรอชั้นด้านหน้าบ้านอย่าทำอะไรที่มันเตะตามาก ถ้ามีอะไรผิดพลาดไม่ชอบมาพากล หนีไปได้เลย
Dandelion –ถ้า Whoreson มันแตะต้องคุณ มันต้องได้ชดใช้แน่ คอยดู!




-จากนั้นก็ปีนขึ้นไปตามอาคารจนถึงห้องบนหลังคา ก็จะเห็น Whoreson กำลังทรมาน Dudu อยู่ และทันที่ที่ Ciri ปรากฏตัวออกมา Whoreson ก็เข้าโจมตีทันที ตอนนี้ Ciri จะมีความสามารถใหม่นั่นคือ Blink กด RT ค้างชาร์ทพลังแล้วปล่อยจะเป็นการแยกร่างเข้าไปโมตีจากทุกทิศทาง โดนไปไม่กี่ที Whoreson ก็หมอบ แต่ลูกน้องของมันที่ชั้นล่างจะเริ่มรู้ตัวและบุกขึ้นมา Ciri รีบช่วยแก้มัดให้ Dudu แล้วให้เขาปลอมตัวเป็น Whoreson แล้วหนีออกจากที่นี่ไปก่อน ส่วนเธอจะต้านพวกศัตรูเอาไว้เอง จากนั้นก็ใช้ความสามารถใหม่จัดการพวกศัตรูให้หมด ลุยลงมาจนถึงประตูทางออก Ciri ก็จะหนีออกจากรังของ Whoreson ได้สำเร็จ




Whoreson – เรื่องราวทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละ 
Geralt – แล้ว Dudu มันไปไหน 
Whoreson – จะรู้มั๊ยฟ่ะ แปลงร่างเป็นคนอื่นๆต่อไปมั้ง 
Geralt – แล้วผู้หญิงผมสีเงินล่ะ ? เธอไปไหนต่อ
Whoreson – จะรู้หรอ รู้แค่มีเด็กหนุ่มคนนึงมาพาเธอไปก็แค่นั้น แต่ที่แน่ๆเธอยังไม่ตายหรอก สาบานได้เลย
Geralt – มีอะไรจะพูดอีกมั๊ย ?
Whoreson – อ้าว ! ก็ข้าบอกไปหมดแล้วไง 
Geralt – แต่แกทำร้ายนาง ทำร้ายเพื่อนของนาง 
Whoreson – ก็เธอทำร้ายข้าก่อนนี่ ข้าก็แค่ป้องกันตัว อย่าทำข้าเลยนะ ข้าจะจ่ายให้อย่างงามเลยนะๆๆ
Geralt – ข้าต้องบอกให้แกเข้าใจก่อน ข้ามาตามหาผู้หญิงคนนั้นก็เพราะเธอเปรียบเสมือนลูกสาวของข้า และนั่นเป็นเหตุผลที่ข้าจะปล่อยแกไปไม่ได้!!


                                                ** Quest Decision ** 
                                 [การตัดสินใจเลือกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง]


1 ถ้าเลือกที่จะฆ่า Whoreson – ใน Main Quest : Payback เข้าไปคุยกับ Dudu เขาก็จะแปลงตัวเป็น Whoreson และใช้ชีวิตและบทบาทแทนมันไปเลย 
2. ถ้าเลือกไว้ชีวิต Whoreson – จะทำให้กลุ่มบิ๊กโฟว์ที่เหลือไม่พอใจและใน Main Quest: Payback ก็จะพบ Whoreson ในภาพตกอับ 

- เมื่อจบเรื่องของ Whoreson Junior แล้ว ตอนนี้ Geralt รู้แล้วว่า Dandelion คนที่รู้เรื่อง Ciri มากที่สุดนนั้นถูกจับไปขังที่คุกบนเกาะ Temple แต่คนที่จะช่วยเขาเพื่อให้เข้าไปช่วย Dandelion ได้ก็มีแค่คนเดียวคือ Dudu เป้าหมายต่อไปของ Geralt ก็คือไปสอบถามกับ Priscilla ที่เป็นเพื่อนของ Dudu เพื่อนหนทางในการควานหาตัว Dudu ซึ่งก็จะได้รับ MAIN QUEST – THE PLAY’S THE THING มา
-ทันทีที่ออกมาจากนอกบ้านของ Whoreson ทหารของ Redania ก็เข้ามาดักรอพบเพื่อเชิญตัว Geralt ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ Radovid ที่ 5 ทันที Geralt จะถกพามาที่เรือที่ประทับของราชา Radovid ซึ่งแน่นอนว่าพระองค์ต้องรีบขอค่าตอบแทนเรื่องข้อมูลที่ให้ไปทันที ราชา Radovid กำลังต้องการตัว Philippa Eilhart สายลับเมจที่ ราชา Radovid แค้นที่สุดถึงแม้จะเคยจับตัวมันมาลงโทษด้วยการคงวัดดวงตาทิ้งไปแล้ว ปัญหาต่างๆที่เกิดจาก Eilhart กลับไม่เคยลดลงเลย เขาจึงต้องการให้ Geralt ตามหาและจับตัว Philippa Eilhart มาให้เขาเป็นๆ ซึ่งก็จะได้ เควสย่อย Radania’s Most wanted จากราชา Radovid มา เป็นเควสที่ค่อนข้างที่จะทำความลำบากใจกับ Triss มากๆ
 - และเมื่อออกมาจากเรือก็จะเจอชายคนนึงเอาจดหมายมาส่งให้ เมื่อกดเปิดอ่านดูจะเห็นว่าเป็นจดหมายขอความช่วยเหลือโดยลงชื่อว่า TM ซึ่ง Geralt จะรู้ทันทีเลยว่าเป็น Triss Merigold ที่ส่งจอดหมายขอความช่วยเหลือมา ก็จะได้รับ เควสย่อยเพื่อหญิง Triss NOW or NEVER มาทันที ซึ่งเป็นเควสที่โรแมนติกมากจนมองข้ามไม่ทำไม่ได้เลยครับ


                                   Secondary Quest – Radania’s most wanted

ภารกิจที่ถูกกษัตริย์ Radovid ยัดเยียดให้ทำเพื่อตอบแทนที่เขาเคยให้ข้อมูลที่อยู่ของ junior กับ Geralt สิ่งที่มันต้องการให้ทำก็คือให้ Geralt ไปสืบหาตัว Philippa Eilhart สายลับที่เป็นเมจจากกลุ่ม Lodge of Sorceresses ที่เคยทำให้เขาเสียหน้ามากที่สุด ขนาดที่เคยจับได้และได้ลงโทษด้วยการควักดวงตาออกแล้วก็ยังไม่วายสร้างความเสียหายให้กับ Redania มากมาย แต่ Eilhart นั้นเธอก็เป็นเมจเพื่อนซี้ของทั้ง Yennefer และ Triss ด้วย งานนี้ Geralt จึงทำอย่างระมัดระวัง

-เดินทางไปที่ซากโบราณสถาน Est Tayiar ก็จะพบพวก Witcher กำลังตรึงกำลังอยู่ที่นี่ สำรวจตามศพต่างๆแล้วคุยกับหัวหน้าของพวกมันก็จะได้บันทึกของ Mage ที่ตายมา (เปิดอ่านด้วย) จากนั้นลงไปที่ทางเข้าโบราณสถานด้านล่างของโพรงจะพบว่ามันมีบาเรียกั้นอยู่ ใช้ Witcher Senses มองดูก็จะเห็นสวิตซ์อยู่ทางขวาของพนังสำรวจแล้วบาเรียก็จะหายไป
-เข้าไปด้านในจะพบประตูวาร์ปทางซ้าย สังเกตดูจะเห็นผลึกเวทย์ Power Cell เป็นตัวทำให้ประตูทำงาน ผ่านประตูวาร์ปแรกเข้ามา เข้ามาตามทางเดินจนสุดจะพบผลึกเวทย์ Power Cell ที่อยู่บนพนังทางขวาไม่ทำงาน ให้ใช้เวทย์อัดกระแทกใส่มันประตูวาร์ปก็จะทำงาน
-เข้าไปต่อจะเจอ Witch Hunter คนนึงติดอยู่ที่นี่ และมันเก็บผลึกเวทย์ Power Cell เอาไว้แถมไม่ยอมให้ Geralt ด้วย จะใช้เวทย์สะกดจิตกับมันหรือฆ่ามันแล้วแย่งมาก็ได้ เก็บจดหมายของ Eilhart ในกล่องมาด้วย ซึ่งจะทำให้รู้ว่าเธอเคยคยกับ Dijkstra ด้วย จากนั้นเอาผลึกเวทย์ Power Cell ไปใส่ที่พนังตรงสุดทาง ใช้เวทย์อัดกระแทกใส่มันประตูวาร์ปก็จะทำงานเข้าไปต่อ
 -เข้ามาแล้วจะพบพวก nekkers ศัตรูของที่นี่ จัดการซะแล้วลงไปที่โพรงทางซ้ายด้านล่างจัดการ  nekkers ในรังให้หมดแล้วเก็บ Power Cell กลับขึ้นมา แล้วเอา ไปใส่ที่พนังตรงสุดทาง ใช้เวทย์อัดกระแทกใส่มันประตูวาร์ปก็จะทำงานเข้าไปต่อจนถึงห้องโถงกว้างจะพบกับ บอส lfrit Guardian summoned ของ Philippa มันเป็นมอนสเตอร์สาย fire elemental ใข้เวทยอัดกระแทกดับไฟที่ตัวมันก่อนแล้วค่อยเข้าไปโจมตีกับดาบเคลือบน้ำมัน Element oil เมื่อจัดการได้แล้วเข้าไปด้านในก็จะเจอห้องทดลองลับของ Philippa Eilhart สำรวจให้ทั่วแล้วเก็บคีย์ไอเทมสำคัญมาคือ Agatec และ Polished Crystal จากนั้นก็กลับออกจากที่นี่ได้เลย

** ตรงนี้ Geralt ต้องคิดดีๆว่าจะเอา Agatec และ Polished Crystal ไอเทมที่ได้มาไปให้กษัตริย์ Radovid ตามที่จ้างมาหรือเปล่า เพราะไอเทมที่ว่าก็เป็นไอเทมสำคัญในเรื่องพลังของพวก เมจ ด้วย และ Geralt สามารถเลือกได้ว่าจะให้ Polished Crystal นี้กับใคร 
1. ให้กับ กษัตริย์ Radovid ตามที่จ้างมาก็จะได้ค่าจ้าง แต่พอ Radovid มันได้ Polished Crystal ไปมันก็จะจับพวก Mages มาทดลองถึงพลังต่างๆต่ออย่างเหี้ยมโหด 
** ถ้าคุณไม่อยากให้ Crystal กับ กษัตริย์ Radovid คุณก็ต้องเลือกไม่บอกข้อมูลเรื่อง Crystal กับเขา แน่นอนว่ามันจะไม่เชื่อ Geralt และจะจบเควสโดยไม่ได้ค่าจ้าง แต่ Geralt ก็สามารถเอา Crystal นี้ไปให้ใจสาวๆของเขาได้ด้วย
2. ให้กับ Triss ซึ่งต้องมีข้อแม้ว่าคุณต้องให้เธอก่อนจะทำเควส NOW or NEVER คือก่อนที่จะเริ่มเควสที่เธอจะไปจากที่นี่
3. ให้กับ Yennefer ตอนที่เจอเธอที่ Skellige หรือ Kaer Morhen ใน Act ต่อไป 



                                   Secondary Quest – NOW or NEVER





-เข้าไปพบ Triss ที่บ้านพักที่เธอซ่อนตัวอยู่ ตอนนี้หลังจากที่ Menge หัวหน้าหน่วย Temple Guard หายสาบสูญไป (จริงๆก็ตายแล้วนั่นแหละแต่ไม่มีใครพบศพ) พวกนักล่าแม่มดก็เอาจริงเอาจังมากขึ้นและ Mage ที่อยู่ที่ทั้งหมดก็กำลังถูกทางการไล่ล่าขั้นเด็ดขาด แม้แต่ชาวบ้านที่ยอมให้ Triss อาศัยหลบซ่อนตัวก็ถึงกลับต้องขับไสไล่ส่ง Triss ไปเพราะความกลัว แต่ตัว Triss เองก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเพราะเธอเองก็มีแผนที่จะอพยพบรรดา นักเวทย์ ที่หลบซ่อนตัวอยู่หนีออกจาก Novidgrad ในคืนนี้แล้ว เพียงแต่ยังมีบางคนที่ไม่กล้าที่จะยอมไปเพราะกลัวพวก Hunter ที่ดักจับอยู่ Triss จึงมีแผนที่จะพาพวกเขาหนีออกมาทางอุโมงค์ใต้ดินของเมืองใต้บาร์ Kingfisher เป็นทางลัดไปที่ท่าเรือ แต่มันอันตรายมากเพราะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์มากมาย เธอจึงอยากจะขอร้องให้ Geralt ช่วยจัดการให้เส้นทางปลอดภัยเพื่อให้เมจทุกคนอพยพไปที่ทางเรือได้


                                                ** Quest Decision ** 
                             [การตัดสินใจเลือกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง]

1.ถ้าเลือกที่จะช่วย Triss – ทันทีที่พวก Mage อพยพหนีไปได้สำเร็จ กษัตริย์ Radovid ก็จะไปไล่ล่ากลุ่มพวกที่ไม่ใช่มนุษย์ (nonhumans) แทน
2. ถ้าเลือกที่จะไม่ช่วย Triss - กษัตริย์ Radovid ก็จะสังหารหมู่พวก เมจ ทั้งหมดด้วยการเสียบประจานกลางเมือง 

-ตกลงช่วย Triss ... 

1. เลือก we should help Anisse and Berthold ตกลงที่จะไปตามคนที่เหลือที่ยังหวาดกลัวไม่ยอมไปตามไปด้วยเพราะถ้าปล่อยเอาไว้คงได้ตายกันหมด จากนั้นก็ตาม Triss ลุยไปตามถนนที่เต็มไปด้วยพวกนักล่าแม่มดและการ์ดของ Eternal fire จนถึงบ้านเมจ 2 คนที่กำลังโดนพวกนักล่าแม่มดเข้ามาจับตัวอยู่ จัดการพวกมันให้หมดแล้วคุ้มครองพวกเขาหนีออกมาจากบ้าน  (ไม่ยอมไปก็ต้องสะกดจิตกันให้ไป) ตามช่วยตามบ้านต่างๆที่ Triss นำไปจนมาถึงบาร์ Kingfisher ที่เต็มไปด้วยพวกนักล่าแม่มด จัดการพวกมันให้หมดแล้วตาม Triss ลงไปในห้องใต้ดิน
2. เลือก risk everything for two people ไม่ช่วยเมจคนอื่นๆ Triss ก็จะมุ่งหน้าไปที่บาร์เลย)


 ที่นี่ Geralt ได้เจอกับ Dijkstra ที่พยายามเข้ามาช่วยเหลือพวกเมจด้วย เพราะเขาบอกว่าการไล่ล่าอย่าเหี้ยมโหดของทางการมันทำให้เขาใจสลาย ถึงแม้ Geralt จะเชื่อว่า Dijkstra มันคงไม่มีหัวใจให้สลายแต่อยากน้อยมีคนช่วยเยอะๆก็น่าจะดีกว่า และเพราะห่วงชีวิตของเมจทุกคน Triss จึงต้องพยายามพูดโน้มน้าวใจที่จะทำให้ทุกกล้าที่จะหนีออกจากเมืองนี้ให้ได้ อยู่นานก็คงจะตายกันหมดเพราะตอนนี้ทางการกดดันชาวบ้านจนไม่สามารถจะเชื่อใจใครได้แล้ว และความมั่นใจที่จะทำให้เมจทุกคนกล้สที่จะเดินตามก็คือมี Witcher อย่าง Geralt เป็นคนเปิดทางที่แสนอันตรายของทางผ่านใต้ดินให้ ทุกคนเลยยอมที่จะเดินทางไปถ้าเส้นทางปลอดภัยแล้ว 

-จากนั้นลุยเข้าไปตามทางใต้ดิน ใช่พลังอัดกระแทกทำลายพนังเข้าไปด้านในเรื่อยๆ จนถึงด้านในจะพบเจ้า Katakan มอนสเตอร์สายแวมไพร์ดูดเลือดที่สามารถฟื้นพลังตัวเองได้เรื่อยๆ และมากพอจะทำให้พลังชีวิตมันเต็มอีกครั้งหากไม่ฆ่ามันโดยเร็ว Katakan นั้นหายตัวได้และฟื้นพลังชีวิตเร็วมาก พยายามใช้ Dracu Oil เคลือบดาบและโจมตีมันแบบต่อเนื่องให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะฟื้นพลังทัน ก็จะจัดการมันได้ เดินเข้าไปด้านในต่ออีกหน่อยก็จะถึงทางออกที่ท่าเรือแล้ว ซึ่งก็จะพบ Dijkstra มารออยู่ด้วย ก่อนที่ซักพักพวกนักล่าแม่มดจะบุกเข้ามา ก็ต้องช่วยกันจัดการพวกมันให้หมด

เมื่อทุกอย่างปลอดภัยแล้ว Triss ก็จะส่งสัญญาณเรียกเมจทุกคนเดินทางมาขึ้นเรือ แต่ Dijkstra ที่ดูเหมือนจะวุ่นวายกับความสัมพันธ์ระหว่าง Triss และ Geralt เกินหตุถึงกับต้องบอกกับ Geralt ว่า ถ้าปล่อยให้ Triss ไปก็ถือว่าเป็นการทำร้ายจิตใจตัวเองและ Triss มากไปหน่อย Geralt ถึงกับถามไปว่า เพราะอะไรถึงมายุ่งกับเรื่องนี้นัก Dijkstra บอกกลับไปว่า เขาชอบความรักที่จบลงแบบ happy Ending และที่สำคัญที่พูดไปก็เพราะเขาชอบในตัว Geralt ด้วย นั่นทำให้ Geralt ถึงกับต้องคิดหนักทันที 




                                                ** Quest Decision ** 
                             [การตัดสินใจเลือกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง]


1 ถ้าเลือก Farewell Triss ลาก่อนทริช เธอก็จะขึ้นเรือไปพร้อมพวกเมจ และ Geralt ก็จะอดซั่มกับเธอคุณก็จะอดเห็นก้นขาวๆของ Triss ในฉากเลิฟซีน และจะทรงผลถึงเหตุการณ์ใน Main Quest: Blindingly Obvious ที่เมื่อเมจอพยพไปจนหมดผลกรรมก็จะตกไปสู่พวกอมนุษย์ nonhumans แทน 
2. ถ้าเลือก Stay With me อยู่กับผมเถอะนะ Triss เธอก็จะแอบลงเรือมาเซอร์ไพร์ Geralt และทั้งคู่ก็ไปเลิฟซีนกันบนยอดประภาคาร จนไฟประภาคารดับๆติดๆจนชาวประมงคิดว่ามันเป็นรหัสมอส เสร็จกิจแล้ว Geralt ก็จะแนะนำให้ Triss ไปยังที่ที่ปลอดภัยกว่านั่นก็คือโรงเรียนหมาป่า Kaer Morhen แต่นั่น .. คุณก็ต้องทำให้ Geralt ต้องไปเคลียร์ใจ Yennefer ใน Secondary Quest: Three to Tango! ของ Act Ill ด้วย จ้า 

-หลังจากจบเรื่องแล้ว Dijkstra จะขอความช่วยเหลือกับ Geralt ในเรื่องที่ทำให้เขาเสียชื่อมาแล้วนั่นก็คือ ภารกิจลอบสังหารกษัตริย์ Radovid ในภารกิจย่อย A Deadly Plot ให้เอาไว้ Geralt ตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ


                             Secondary Quest – A Deadly Plot

-เดินทางมาที่เล๊าท์ Passiflora เข้าไปพบ Marquise Serenity มาม่าซังของที่นี่เธอจะเปิดทางห้องลับขึ้นไปคุยกับ Dijkstra และ Roche ถึงแผนลอบสังหารกษัตริย์ Radovid ซึ่งดูเหมือนจะรุนแรงและ Geralt ก็บอกกับทุกคนตลอดว่างานแบบนี้เขาไม่คิดอยากจะทำ แต่กษัตริย์ Radovid นั้นเลือดเย็นและบ้าคลั่งขึ้นทุกวัน ฉะนั้นถ้าตายไปได้อย่างน้อยพวกอมนุษย์และเมจก็จะได้ปลอดภัยตลอดไป นั่นรวมถึง Triss ด้วย แถมงานที่ Dijkstra จะให้เขาช่วยนั่นก็แค่ไปตามหา Thaler สายลับนักวางแผนที่กำลังแทรกซึมหาข่าวอยู่แต่กลับเงียบหายไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับแผนลอบสังหารนั้นอยู่ในหัวของ Thaler ซึ่งถ้าไม่มีเขาแผนนี้ก็ทำต่อไม่ได้ การช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆโดยที่อาจทำให้หยุดความบ้าคลั่งของ กษัตริย์ Radovid ได้โดยมือไม่เปื้อนเลือดนั้น  Geralt ก็ยินดีจะช่วยได้อยู่ 

-ก่อนอื่นเดินทางไปที่เป้าหมายคือเขตชายแดนเพื่อเข้าไปคุยกับทหาร Redanian ที่เป็นสายให้  Dijkstra ที่ชื่อ Gregor เพื่อให้เขาบอกถึงเบาะแสสุดท้ายของ Thaler ซึ่ง Gregor เองถึงแม้จะเป็นทหารของ Redanian แต่เขาก็บอกกับ Geralt อย่างชอกช้ำว่า เขาเลือกนายไม่ได้ และการได้เห็นความโหดร้ายของกษัตริย์ Radovid ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันนั้นเขาทนดูเฉยๆไม่ได้ แต่ก็ลุกขึ้นไปขัดขวางซึ่งๆหน้าไม่ได้เหมือนกัน เขาจึงยอมเป็นสายให้พวกใต้ดินเพื่อหวังจะให้เมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เขาบอกเบาะแสว่า  Thaler นั้นปลอมเป็นช่างทำรองเท้า แต่ก็หายสาปสูญไปหลายวันแล้วเหลือแค่ซากคาราวานรถม้าที่ถูกโจมตีอยู่ไม่ไกลจาก เขาจึงขี้ทางให้ Geralt ลองไปตรงจสอบดู
- เดินสำรวจไปจนถึงจุดหมายคือซากรถม้า ใช้ Witcher Senses หาเบาะแสให้ทั่วๆจนพบรองเท้าตกตามทาง เดินตามรอยรองเท้าที่ตกไปจนถึงเนินเขาก็จะพบ Rock Trolls ตัวนึงกำลังเก็บสะสมรองเท้าอยู่ มันบอกมันไม่ได้โจมตีรถม้าแต่เป็น Ogg กับ Pogg Trolls 2 ตัวที่เป็นลูกพี่ของมันที่อยู่นถ้ำ จากนั้นเดินเข้าไปถึงถ้ำด้านบนเขา เข้าไปด้านในจะพบ Trolls 2 ตัว Ogg กับ Pogg และ Thaler ก็อยู่ที่ด้วย ดูเหมือนเจ้า Trolls 2 ตัวมันจะบ้ารองเท้ามากและอยากที่จะให้ช่างทำรองเท้าทำให้มันใส่บ้างจึงจับตัวมา พวกมันไม่ได้ทำร้าย  Thaler แต่มันก็ไม่ให้ไปไหนเหมือนกัน Geralt จึงต้องพยายามดึงตัว Thaler ออกมาจากพวกมันให้ได้ ซึ่งก็ทำได้ 2 ทาง
1. สู้กับพวกมันเพื่อชิงตัว Thaler โดยเลือกคำตอบข้อบนทั้งหมด
2. แกล้งพูดหลอกมันว่าจะพา Thaler ไปหาหนังมาทำรองเท้าให้แปบเดียว โดยเลือกคำตอบข้อล่างทั้งหมด
เมื่อได้ Thaler มาจากพวก Trolls แล้วก็เดินมาส่งเขาให้ถึงที่ซากรถม้า Thaler ก็จะขอบคุณและจะขอไปเก็บของก่อนที่จะไปหา Dijkstra เพื่อดำเนินแผนลอบสังหาร กษัตริย์ Radovid ต่อ Geralt ก็ได้ทั้งค่าจ้าง ความไว้ใจจาก Dijkstra และ Roche แล้วยังแอบสะใจเพราะถ้าแผนสำเร็จคนอย่าง Radovid ตายได้แผ่นดิน Redania ก็คงจะสูงขึ้นอีกเยอะเลย


                              MAIN QUEST – The Play is the Thing 

เบาะแสต่อไปนั้นคือ Dudu ที่ยังหายสาบสูญจากที่เจ้า junior มันเล่ามา ก็เลยทำให้ Geralt ต้องกลับไปพึ่งข้อมูลจากPriscilla อีกครั้งเพราะเธอซี้กับ Dudu ที่สุด Geralt จึงรีบเดินทางไปคุยกับเธอที่ห้องในบาร์ Kingfisher ทันที




Geralt  -  ข้ารู้แล้วว่าจะช่วย Dandelion ได้ยังไง แต่แผนของข้าจำเป็นต้องให้ Dudu ช่วยข้าจะหาเขาได้ที่ไหน ?
Priscilla – เราจะช่วยเขายังไงถามหน่อย ?
Priscilla – ข้าจะให้ Dudu ปลอมตัวเป็น Menge หัวหน้าหน่วย Temple Guard ที่ตายไปแล้ว เพื่อสั่งให้ย้าย Dandelion จากคุกบนเกาะมาที่เมือง Oxenfurt จากนั้นเราก็บุกชวยเขาระหว่างทาง
Priscilla –  ฉลาดมาก แต่ท่านจะหา Dudu ยังไง ?
Geralt  -  อ้าว ก็เจ้าเป็นเพื่อนเขานี่ ข้าถึงมาถามไอเดียจากเจ้านี่ไง เจ้าคิดว่าไงมีวิธีไหนบ้าง 
Priscilla –  สำหรับ Dudu the Doppler จอมปลอมตัว ต้องหาว่าเขาเป็นใครไม่ใช่อยู่ที่ไหน นั่นแหละที่ทำให้หนีจากปัญหาต่างๆได้ตลอด 
Geralt  -  เจ้ารู้จัก Dudu นานรึยัง ?
Priscilla –   ก็ไม่นานนะ แต่ชั้นไม่ค่อยรู้เรื่องเขามากนักหรอก เขาก็แค่ชอบที่ชั้นร้องเพลงและเล่นละครบ้างก็เท่านั้น แต่หลายครั้งี่ชั้นรู้สึกหงุดหงิดที่เขาเข้ามาหาในร่างต่างๆ ไม่ชอบเลยจริงๆ 
Geralt  -   โทษเขาไม่ได้หรอก เขาก็แค่พยายามจะอยู่รอดนะ ยังไงเราก็ต้องหาทางลากเขาออกมาจากที่ซ่อนละ และคงต้องเป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุดด้วย 
Priscilla –  เพื่อนที่เขาไว้ใจหรอ น่าจะ Dandelion แล้วก็ Irina Renard เจ้าของคณะละครเวทีที่เขาโปรด ถ้าเขาไม่เคยคิดติดต่อมาหาพวกเราเลยก็น่าจะติดต่อไปทางคณะละครบ้าง และถ้าเราไปบอก Irina ว่า Dudu ต้องการความช่วยเหลือชั้นว่าเธอก็น่าจะยอมช่วยเรานะ โดยเฉพาะเจ้า Maxim นักแสดงขี้เมาของคณะที่ชอบมานั่งกินเหล้ากับ Dudu เพื่อเรียนการแสดงให้สมบทบาทของ Doppler เพื่อใช้ในละครด้วย และหลายครั้งที่ Dudu ก็ปลอมเป็น Maxim เพื่อแสดงแทนเองเลยด้วบซ้ำ แต่ชั้นไม่เคยบอกใครหรอก
Geralt  -   งั้นถ้าเราใช้การแสดงละครเวทีละ เพื่อล่อให้ Dudu ออกมา 
Priscilla –  แผนเยี่ยม แต่เราต้องเขียนบทใหม่ให้เข้ากับ Dudu ให้มันโดนใจเขาจนต้องมาดู เอาเรื่องเกี่ยวกับความรักของมอนสเตอร์กับเจ้าหญิงแสนสวยดีกว่า เอาละคุณต้องเลือกชื่อเรื่องให้มันดูน่าสนใจ ระหว่าง The Doppler Salvation หรือ A Changling Rescued of the Witcher Triumph 
** [การเลือกชื่อเรื่องไม่ส่งผลใดๆกับเควสครับ เลือกตามสบาย] ** 
Geralt - เอาเป็น  The Doppler Salvation แล้วกันเป็นการส่งข้อความให้แบบตรงไปตรงมาไปเลย 
Priscilla –   เอาแนวไหน ชีวิตหนักๆ หรือ ตลก
Geralt – ละครดราม่า ชีวิตหนักๆเลยแล้วกัน
Priscilla –  โอเค เริ่มเขียนบทเลย คุณไปนอนรอเลย 
Geralt – ก็ว่าอยู่ ข้าคงช่วยขีดๆเขียนๆอะไรไม่ได้อยู่แล้วละ

   …………. หลายชั่วโมงผ่านไป  …………

Priscilla –  เสร็จ !! ยอมเยี่ยมไปเลยชั้นว่า
Geralt – เธอได้ใส่ข้อความโค๊ดลับที่ซ่อนเพื่อบอก Dudu ไปหรือเปล่า
Priscilla –   โค๊ดลับ โค๊ดไร ใส่ทำไม ? บทดีๆเสียหมดสิ !
Geralt – ก็แผนมันคือเราจะใช้ละครเพื่อส่งข้อความให้ Dudu เขาออกมาไง แล้วบทมันจะดีมั๊ยเนี้ย 
Priscilla –   จะรู้มั๊ย คงต้องเอาบทไปให้ มาดาม Irina เจ้าของคณะละครเธอตรวจสอบก่อนก็ดีนะ 

-จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือ เวทีละครเวทีของ มาดาม Irina จ่ายเงินค่าตัวแล้วเข้าไปคุยกับมาดาม Irina ที่กำลังซ้อมละครอยู่ได้เลย



 Irina - Geralt of Rivia ..!! Dandelion พูดถึงท่านอยู่บ่อยๆเลย ได้เจอกับเขาบ้างมั๊ย 
Geralt – ข้ากำลังตามหาเขาอยู่เหมือนกัน แล้วก็ต้องพึ่ง Dudu ด้วย 
Irina – สรุปว่า หาไม่เจอทั้ง Dandelion และ Dudu เลยใช่มั๊ย? แล้วจะให้ชั้นช่วยอะไรล่ะ
Geralt – Dandelion กำลังอยู่ในอันตรายและข้าต้องพึ่ง Dudu ในการช่วยเขาด้วย ข้ามีแผนที่จะล่อเขาออกมาจากที่ซ่อนเลยอยากให้คุณช่วยหน่อย คือข้าต้องการสร้างละครที่เกี่ยวกับ Doppler เพื่อให้เขาสนใจมาดู
Irina – เป็นแผนที่ดีเลย ว่าแต่ใครเขียนบทให้
Geralt – Priscilla เธอเพิ่งเขียนให้สดๆเลย 
Irina – อืมม ดูบทแล้วก็น่าสนใจนะ แต่การแสดงอย่าแรกเลยท่านต่อไปหา โฆษกผู้ประกาศบนเวทีมาด้วยและถ้าเราอยากจะให้ละครเป็นที่สนใจก็ต้องใช้พวกนักแสดงข้างถนนมาใช้เพื่อเรียกคนดูหน้างานด้วยอย่าง Puffins นั่นเลย ลองไปถามหาเขาที่ห้องเช่าในเขต Bits ได้ แล้วก็เออ หนุ่มๆล่ำๆบ้าพลังซักคน 2 คนมาเพิ่มในบทหน่อย คุณลองไปหาที่ท่าเรือดูคงมีคนอยากหางานทำบ้างหรอก 
Geralt – ได้ ข้าจะพาพวกเขามาร่วมงานด้วย 

-จากนั้นจะมีจุดหมายสีเหลืองขึ้นมา 2 ที่คือ
1.ที่ท่าเรือ เข้าไปคุยกับ Sotus the bull ที่ท่าเรือแล้วชนะการประลองกับเขาก็จะได้เขามาร่วมงาน
2. ที่ห้องเช่าในเขต Bits ไปช่วย Puffins ที่โดนพวกทหารรุมทำร้าย ก็จะได้คณะศิลปินข้างถนนมาช่วยเปิดตัวละครทั้งทีม

-กลับไปคุยกับมาดาม Irina ที่เวทีละครเธอจะให้ Geralt กำหนดตัวนักแสดงตามบทต่างๆ
1.บท Witcher แน่นอนว่า Geralt ต้องรับบทนี้ไม่ว่าเขาจะยอมหรือเปล่าก็เถอะเพื่อให้ Dudu มันเห็น 
2. บทเจ้าชาย ต้องเลือกระหว่าง Abelard Rizza นักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่ค่อยมีฝีมือกับเจ้าขี้เมา Maxim Boliere แต่คนชอบ
3.บทเจ้าหญิง ที่เป็นนางเอกของเรื่อง ต้องเลือกระหว่าง Priscilla หรือ มาดาม Irina 
[การเลือกนักแสดงต่างๆอาจทำให้บางคนไม่พอใจและส่งผลถึงความพอใจของคนดู แต่ไม่ส่งผลใดๆกับเควสครับ]



-เริ่มแสดงละครกันได้เลย ก่อนแสดง Zaltan จะตามมาให้กำลังใจ Geralt กับผลงานแสดงชิ้นแรกด้วย จากนั้นกดดูคียร์ไอเทม บทละคร ที่ Priscilla ให้มา ลองเปิดดูแล้วจำบทพูดด้วยมีทั้งหมด 5 Act โดยระหว่างแสดงจะมีเกทเวลาในการเลือกพูดบทให้ถูก (ถ้าผิดก็ไม่ส่งผลใดๆกับเนื้อเรื่องเควส แต่จะส่งผลต่อความอับอายมากกว่า) โดยบทพูดทั้ง 5 บทของเรื่อง The Doppler Salvation ต้องเลือกตอบดังนี้

1: "To slay beasts most foul ... " causes you to complete your line.
2: "Perhaps 'midst the guests .. . " causes you to deliver your line
with gusto.
3: "Seems men's hearts ... " causes you to complete your line
with feeling.
4: "But a base heart ... " causes you to ace your lines, and deliver a
performance worthy of an understudy!
5: "No monster is he .. . " causes you to deliver a final, impassioned
speech to bring the house down!




-เมื่อแสดงละครจนถึงตอนสุดท้าย Geralt ก็จะสังเกตเห็นการ์ดของ Etenal Fire ที่ตาบอดมายืนดูอยู่ ซึ่ง Geralt รู้ทันทีว่าเป็น Dudu ที่ปลอมตัวมาเพราะมันตาบอดไม่ว่าแปลงเป็นใครก็จะตาบอดเหมือนกันหมด Geralt จะส่งซิกให้นักแสดงเรียกการ์ดมาช่วยสู้ในเรื่องทำให้ Geralt สามารถเนียนเรียก Dudu ที่ปลอมตัวเป็นการ์ดขึ้นมาร่วมสนุกแสดงด้วย ในขณะที่แผนและละครกำลังจบลงด้วยดี พวกทหารที่มาดูไม่พอใจเลยจะให้เปลี่ยนบทเป็นเผา The Doppler ที่เป็นอมนุษย์ในเรื่องทิ้งซะด้วยจนทำให้เกิดเรื่องวุนวายขึ้น จัดการพวกทหารให้หมดแล้วเข้าไปด้านหลังเวทีก็จะพบ Dudu รออยู่



Dedu – Geralt !! ท่านดูออกมาเป็นข้า รู้ได้ไงเนี้ย
Geralt – อย่ามัวโอเอ้ Dudu เล่ามาว่าหลังจากที่เจ้าหนีจาก Whoreson มาได้แล้วไงต่อ
Dedu – มันก็แย่มากเลยนะ ว่าแต่ท่านเจอ Ciri รึยัง ?
Geralt –  ยัง ข้ากำลังตามหานางอยู่นี่ไง เอาล่ะบอกข้าหน่อยว่าทำไมเจ้ากับ Dandelion ทำให้ทั้ง Reuven , Whoreson และพวกทหาร Temple Guard เกลียดขี้หน้าไปพร้อมกันหมดได้ไง !
Dedu – ใครจะรู้ละเราแค่ผิดแผนไปหน่อยเท่านั้น
Geralt –  ข้ารู้ว่า Ciri ตามไปช่วยเจ้ามาจาก Whoreson แล้วเจ้าหนีมาได้ไง ?
Dedu – ข้าหนีออกมาก่อน Ciri เธอตะโกนไล่หลังว่าให้ข้าปลอมตัวแล้วหนีไป และข้าก็หาตัว Ciri และ Dandelion
 มาตลอด แต่ก็ไม่เคยเจออีกเลย 
Zaltan – เออว่าแต่ Geralt แกเคยเจอ Ciri ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
Geralt –  นานมากแล้ว ทำไม ?
Zaltan – ลองให้เจ้า Dudu มันแปลงเป็นนางดีแมะข้าก็อยากเห็นเหมือนกัน 
Dedu – เอาป่ะละ ? Geralt
[จะให้ Dudu แปลงร่างเป็น Ciri หรือเปล่าก็ได้ แต่ร่างแปลงที่ตาบอดของ Ciri ทุเรศมากกว่าน่ารักนะครับ] 
Dedu – แล้ว Dandelion ล่ะท่านจะตามหาเขายังไง ?
Geralt – เรารู้แล้วว่า Dandelion อยู่ที่ไหนเขาถูกนักล่าแม่มดจับตัวไป แตก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง Menge หัวหน้าหน่วย Temple Guard มันตายแล้ว  เราเลยต้องให้เจ้าช่วยในการช่วยเขาออกมา 
Dedu – ยังไง?
Geralt – เจ้าต้องปลอมเป็น Menge เพื่อสั่งให้ย้าย Dandelion จากคุกบนเกาะมาที่เมือง Oxenfurt จากนั้นเราก็บุกชวยเขาระหว่างทาง
Dedu – ไม่เร็วไปหน่อยหรอ อยู่ๆจะให้ข้าแปลงเป็น Menge ข้าจะรู้ได้ไงว่า Dandelion ถูกจับไว้ที่ไหน ?
Geralt – Dandelion ถูกจับไปขังบนเกาะ Telple Isle 
Zaltan – ไม่เอาน่าเจ้าเป็นทั้งนักแสดงและนักปลอมแปลงโฉมนะ เจ้าทำไมได้ใครจะทำ    
Geralt – แล้วเรื่องการตายของ Menge ก็ยังไม่มีใครยืนยันว่าเขาตายไปแล้วด้วย 
Dedu – แน่ใจหรอว่า Menge มันไม่ได้หนีออกมาจากกองไฟได้อ่ะ
Geralt – ข้าเห็นกับตาเพราะข้าอยู่ที่นั่นในคืนไฟไหม้ ฟังนะ เจ้าเล่นตามบทเจ้าได้เลย ไม่มีใครรู้แน่ว่า Menge ตายแล้วเจ้าจะเนียนยังไงก็ได้ 
Dedu – แล้วตอนข้าปลอมเป็น Menge ข้าจะติดต่อพวกเจ้ายังไง  
Geralt – เจ้าก็แค่แปลงร่างเป็น Menge แค่นั้นแหละ ข้าเชื่อว่าจนเนียนต่อได้ เจ้ามีชื่อกลางว่า The Doppler นะ
Zaltan – เอ้าๆ เลิกพล่าม Dudu เจ้าหาทางไปที่เกาะ Temple Isle ส่วนข้าจะไปเตรียมกำลังคนแล้วรออยู่ที่จุดซุ่มโจมตี จบ แยกย้ายไปทำงานได้!!  

** ได้รับ MAIN QUEST – A POET UNDER PRESSURE ** 


                              MAIN QUEST – A POET UNDER PRESSURE 

เมื่อพร้อมแล้วก็ไปที่จุดนัดพบกับ Zoltan บนเนินเขาทางตะวันออกของเมือง Seven Cats เพื่อเริ่มภารกิจชิงตัวกวีหน้าหม้อ Dandelion จากขบวนขนรถนักโทษจากเกาะ Temple จะสังเกตว่ารอบๆจุดซุ่มนั้นมีพวกลูกน้องของ Zoltan ซุ่มรออยู่เต็มไปหมด และถ้าคุณเคยช่วย Dijkstra ทำ Main Quest: Count Reuven's Treasure แล้วไปคุยกับเขาที่โรงอาบน้ำก่อนหน้านี้ Dijkstra ก็จะส่งลูกน้องมาสมทบด้วยอีกกลุ่มนึง แต่มันไม่สำคัญอะไรหรอกเพราะทหารศัตรูที่มีมันไม่ได้มากมายแต่มันดูอบอุ่นใจแค่นั้นเอง 




ในขณะที่ Geralt และ Zoltan รออยู่ด้วยระทึกว่า Dudu มันจะทำสำเร็จหรือเปล่า Priscilla ก็ดันตามมาสบทบด้วยเพราะเธอบอกว่าเป็นห่วง Dandelion จะสามารถเลือกให้เธออยู่ด้วยได้หรือไม่ก็ได้ แต่ให้เธออยู่นั่นแหละดีแล้ว ในช่วงรอเธอจะชวนเล่น Gwent จะเล่นไม่เล่นก็แล้วแต่ ไม่นานเสียงคนของ Zoltan ก็มาส่งข่าวบอกว่าขบวนรถนักโทษกำลังผ่านมาแล้ว ทำให้แผนชิงตัวที่เตรียมไว้ดำเนินได้ทันที  ลูกน้องของ Zoltan เริ่มดันต้นไม้ให้ล้มขวางทางก่อนที่ทุกคนจะเข้าโจมตีขบวนรถ หัวหน้าทหารมันกลับพาตัว Dandelion ขึ้นมาหนีไปก่อนทันที

-ศึกตรงจุดซุ่มโจมตีนี้ Geralt จะช่วยสู้ด้วยก็ได้ตามใจชอบ จากนั้นก็ค่อยขี่ม้าไล่ตามแกะรอยม้าของทหารไปจนถึงหมู่บ้านของพวกคนแคระ  Geralt พยายามถามหาทหารที่ผ่านมา ทีแรกพวกคนแคะก็ทำโวยวายแต่สุดท้ายก็ยอมบอกว่าทหารบังคับไม่ให้พูดแล้วจับตัวเชลยไปขังในกระท่อม พวกคนแคระจึง ให้กุญแจเปิดทางลงใต้ดินหลังกระท่อมลงไปแล้วไปปีนขึ้นในบ้านได้ จัดการทหารแล้วช่วย Dandelion ออกมาได้เลย



Dandelion – Geralt ไอ้เพื่อนยากไม่เจอกันนานเลย ขอบใจมากนะที่ ..
Geralt – หุบปากเลย Dandelion ข้ามีเรื่องสำคัญจะถาม ตอนนี้ Ciri อยู่ที่ไหน?
Dandelion – Ciri ข้าเคยเจอตอนแรก อ้าวแล้วพวกท่านไม่เจอเธอหรอ ? ข้าไม่รู้หรอกว่าเธอไปไหน ข้าพยายามจะช่วยเธอนะ ก็แน่ละใครจะไม่ช่วย ก็เธอบอกว่าพวก Wild Hunt ตามล่าเธอ 
Geralt – ข้าอยากรู้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจ้าเจอเธอเป็นยังไงบ้าง 
Dandelion – เราหนีพวกคนของ Whoreson ไปที่เกาะ Temple Isle ..... 


                                        CIRI’s STORY: BREAKNECK SPEED

ช่วงหลังจากที่ Dandelion และ Ciri หนีออกมาจากรังของ Whoreson ได้สำเร็จ พวกลูกน้องของ Whoreson มากมายก็ไล่ล่าทั้งคู่มาจนถึง เกาะ Temple Isle 

-จัดการศัตรูในช่วงแรกพอให้ทางโล่งแล้ววิ่งไปขึ้นม้าที่ Dandelion เตรียมไว้แล้วขี่ม้าหนีมาตามถนนจนถึงสุดทาง ลงจากม้าแล้ววิ่งเข้าไปด้านในวิหารของ Eternal fire











ไม่นาน Nathaniel Pastodi หัวหน้านักบวชของ Eternal fire ก็นำทหารมากมายเข้ามาล้อมจับ Ciri ไล่ให้ Dandelion รีบหนีไปโดยเธอพยายามจะต้านทหารเอาไว้ให้ แต่พวกศัตรูมีมากเกินไปในสภาพร่างกายของ Ciri ที่ดูอ่อนล้าเลยหมดแรงจนสู้ต่อไม่ไหว ในขณะที่หทารศัตรูเตรียมจะยิงหน้าไม้ใส่ Ciri Dandelion จึงรีบกลับมาพยายามจะเข้ามาช่วยเธอแต่ Ciri ก็ใช้พลังหายตัวของเธอหนีไปซะก่อน Dandelion เลยซวยโดนทหารจับขังคุกที่เกาะ Temple Isle ทันที





Dandelion – ก็อย่างที่เล่า ทำไมท่านถึงห่วงเธอนัก เห็นหรอว่าฝีมือดาบเธอขนาดไหน พลังเวทย์อะไรต่ออะไรก็มี เธอต่อสู้เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แล้วก็ยังไงธอก็ต้องกลับมาเอากล่องเวทย์ยนต์นั่นที่เธอทำไว้อยู่ดี 
Geralt – เจ้าหมายถึงกล่องนี่หรอ ? แล้วสรุปว่ามันใช้ทำอะไรกันแน่ มันสำคัญยังไงแล้วทำไมถึงต้องเอาไปให้เจ้า Whoreson 
Dandelion – เธอไปหามันก็เพราะข้าบอกเองแหละ ก็ไอ้กล่องเวทย์นี่มันเสียหายแล้วเจ้า Whoreson มันก็บอกว่ามันรู้จักคนที่ซ่อมได้นี่ อีกอย่าง เธอก็ต้องการให้ช่วยถอดรหัสคำสาปบางอย่างด้วย เป็นเวทย์มนต์คาถาอะไรซํกอย่างนี่แหละ 
Geralt – Ciri เธอเคยสนใจเรื่องคำสาปพวกนี้ด้วยหรอ เธอพยายามจะถอดคำสาปหรือยังไง เธอบอกเจ้ามั๊ย
Dandelion – เธอคงไม่อยากพูดถึงมันมั้ง แล้วข้าก็ไม่อยากจะสอดรู้สอดเห็นด้วย แต่จากที่เธอพูดๆมาข้าเดาเอาว่าเธอพยายามจะถอนคำสาปอะไรซักอย่างนะ
Geralt – ถอนคำสาปให้ใคร เธอเคยบอกมั๊ย 
Dandelion – ไม่เคยบอกหรอก แต่ไม่ใช่ตัวเธอที่โดนคำสาป แต่เธอรีบร้อนมากๆเลยนะ 
Geralt – แล้วเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับคำสาปนั่นอีก คำพูด รายละเอียดอะไร มีอีกมั๊ย ?
Dandelion – ข้าจำประโยคที่เธอพุดบ่อยๆได้นะ ประมาณว่า “ Va fail Elaine ceadmil folie ..
Geralt – พอเถอะ ข้าไม่เข้าใจมันหรอก 
Dandelion – ข้าก็เหมือนกัน แต่ Geralt เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ เธอน่าจะมีเป้าหมายอะไรที่ต้องทำซักอย่าง แล้วอีกอย่าง ข้าว่า ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นหรอก เธอเอาตัวรอดได้น่า 
Geralt – ก็จริง แต่เธอก็หนีไปอีกทุกครั้งที่ข้าตามเข้ามาจนเหมือนจะใกล้แล้ว
Dandelion – อืมม เธอมาที่ Vellen เพราะมีบางคนจะช่วยเธอ เธออาจจะกลับไปอีกก็ได้ 
Geralt – ไม่หรอก ข้าเจอ Baron คนที่ช่วยนางที่นั่นแล้ว เขาบอกว่านางมาที่ Novigrad เพื่อตามหาข้ากับ Yen แต่ตอนนี้ Yen เธออยู่ที่เกาะ Skellige เพื่อไปตามเบาะแสของ Ciri อยู่ ข้าว่า Ciri อาจจะไปที่ เกาะ Skellige ก็ได้ ข้าจะลองไปตามหาที่นั่นต่อ 
Priscilla – คุยกันพอยัง ข้าอยากจะคุยกับหวานใจข้าบ้างแล้วนะ 
Zoltan – ถ้าจบเรื่องแล้วข้าว่าไปพักกันที่ Rosemary & Thyme ก่อนดีกว่า
Dandelion – โอเค ถึงเวลากลับบ้านแล้ว ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ Geralt ว่างๆก็แวะไปคุยกับข้าบ้างละ
Geralt – ได้เลยถ้ามีโอกาสข้าจะเข้าไปก็แล้วกัน 


** เมื่อจบเควสหลักนี้ก็จะได้เควสย่อยของ Dandelion มาคือ Cabarat และเมื่อไปที่หน้า Rosemary & Thyme ก็จะเจอ Zoltan ที่มีเควสย่อย Dangerous Games ให้ทำด้วย แวะไปตอบแทนเพื่อนก่อนจาก Nivigrad ก็ดีนะ ** 



                                      Secondary Quest – Dangerous Games

- Zoltan นั้นกำลังมีปัญหาอยู่ที่หน้า Rosemary & Thyme ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ Gwen Card ที่หายไปของเขา ซึ่งก็ไม่ต้องกลัวว่าต้องไปแข่งการ์ด Gwen Card ที่หลายคนเล่นเป็นบ้างไม่เป็นบ้างหรอกครับ ก็แค่ไปตามหา Gwen Card 3 ใบโปรด Fringilla Vigo, lsengrim, John Natal จากคนต่างๆตามจุดต่างๆที่ขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องใช้ ความสามารถ Witcher Senses ในการหาเบาะแสและต่อยตีบ้างเพื่อให้ได้มา และเมื่อได้มาให้ Zoltan จนครบก็จะเลือกได้ว่าจะรับรางวัลเป็นเหรียญทองหรือ  Gwen Card lsengrim, Natalis, Fringilla


                                          Secondary Quest – Cabarat
  

  


เควสย่อยสุดดราม่าของ Dandelion นี้เริ่มจากที่ Dandelion ต้องการี่จะสร้างอนาคตใหม่ระหว่างเขากับ Priscilla โดยการจะเปลี่ยนโรงกวี Rosemary & Thyme ให้เป็นเล๊าท์ แต่ติดปัญหาเรืองเดียวคือ เงิน แถมเครดิตในการกู้ของ Dandelion ก็แถบไม่เหลือแพราะดันไปหักอก Sophronia ลูกสาวเจ้าพ่อเงินกู้เข้า เขาจึงต้องหาแผนให้ Sophronia กลับมาเห็นใจเขาจึงจะกู้เงินได้อีก โดยการให้ Geralt ปลอมเป็นโจรไปทำร้าย Sophronia แล้วเขาก็จะเข้าไปช่วยแบบมุขเฉยๆนี่แหละ เริ่มจากต้องไปเอาดาบปลอมจาก Madame Irina มาใช้เล่นละคร จากนั้นก็ไปที่จุดนัดตอนกลางคืน เมื่อ Sophronia เดินผ่านมา Geralt ก็จะปลอมเป็นโจรเข้ามาทำร้ายและ Dandelion ก็จะเข้ามาช่วยในมาดของหน้ากากม่วง The Crimson Avenger จนได้ใจ Sophronia กลับมาอีกครั้ง และเมื่อกลับมาที่ Rosemary & Thyme ก็จะเริ่มสร้างเล๊าท์ได้ แต่เรื่องยังไม่จบเมื่อ Polly หญิงในสังกัดคนนึงของ Dandelion ไม่ยอมมาร่วมงานอีก ก็ต้องไปที่บ้านเธอก็พบว่า Polly ถูกผัวขังเอาไว้ไม่ยอมให้มา หลังจากใช้ Witcher Senses หากุญแจแถวหน้าบ้านจนเจอไขเข้าไปต้องกล่อมให้ Hubio ผัวของเธอยอมให้เธอมา สุดท้าย ก็ต้องไปว่าจ้างคนทำป้ายร้านที่ไม่ยอมมาทำป้ายให้เพราะ Dandelion มันเคยเบี้ยวค่าจ้างไว้ ก็ต้องไปคุยกับ Hank Raullec คนทำป้ายที่สนามม้าเพื่อให้เขาทำป้ายให้ โดยต้องแข่งมากับเขาหรือจ่ายให้ 200 เขาถึงยอม เมื่อกลับไปที่ Rosemary & Thyme เจ้าคนทำป้ายกลับไม่มาตามนัดอีก ทำให้ Priscilla หงุดหงิดจนต้องออกนอกร้านไป แต่ Dandelion ไม่ได้ซีเรียสอะไร ไม่ได้ก็ไม่ได้ เปิดร้านได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้วเขาจึงถือโอกาสเลี้ยงเหล้า Geralt เป็นการขอบคุณ จนดื่มได้ซักพักก็มีคนมาบอกว่า มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับ Priscilla !! จากนั้นเควสย่อย Carnal Sins สุดสยองขวัญก็เริ่มขึ้น



                                           Secondary Quest – Carnal Sins





-ทันทีที่ Geralt และ Dandelion เดินทางไปที่โรงพยาบาล Vilmerius ของหมอ Joachim van Gratz ทั้งคู่ก็จะต้องเห็นสภาพของ Priscilla ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส หมอ Joachim นั้นบอกว่ามีเหตุการณ์ผู้หญิงถูกฆ่าหรือทำร้ายมารายแล้วในเดือนนี้แต่ยังหาสาเหตุไม่ได้ Dandelion จึงขอร้อง Geralt ให้ช่วยไปหาตัวคนที่ทำร้าย Priscilla และคิดบัญชีมันให้สาสมด้วย และ Geralt ก็รับปากที่จะทำด้วยความยินดี
-หมอ Joachim จึงจะช่วยให้ความกระจ่างกับ Geralt ด้วยการพาไปตรวจสอบศพของคนแคะที่เป็นเหยื่อก่อนหน้าที่มีลักษณะบาดแผลคล้ายกับ Priscilla แต่ศพจะอยู่ที่สมาคมแพทย์ของลัทธิ Eternal Fire โดย Geralt ต้องคุ้มกันหมอ Joachim ผ่านท่อระบายน้ำที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์เพื่อไปที่นั่น ทันทีที่มาถึง หมอ Joachim และ Geralt ก็ช่วยค้นหาศพจนเจอด้วย Witcher Senses และเริ่มตรวจสอบร่างกายศพ ซึ่งก็ได้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ Hubert Rejk ที่เป็นลูกศิษท์ของ หมอ Joachim มาช่วยให้รายละเอียดด้วย แต่ก็จะถูก Nathaniel Pastodi เจ้าหน้าที่ของ Eternal Fire ที่ดูแลห้องทดลองทางการแพทย์ของลัทธิที่ไม่พอใจที่คนนอกเข้ามาวุ่นวายจนถุกไล่ออกมา    



- จากนั้น Geralt จะออกไปหาเบาะแสเพิ่มที่เมืองต่อ โดยเริ่มที่เป้าหมายแรกคุยกับสัปเหร่อ Eustace เรื่องสิ่งของในศพของคนแคะที่เป็นเหยื่อก่อนหน้า Priscilla ซึ่งต้องสะกดจิตมันหรือจ่ายเงินไปมันถึจะยอมให้จดหมายที่อยู่กับศพมาซึ่งมีชื่อของ Priscilla อยู่ นั่นแปลว่าฆาตกรนั้นตั้งใจจะบอกถึเหยื่อรายต่อไปของมันอยู่แล้ว Geralt จึงต้อง(เลือก) อัดสัปเหร่อโทษฐานไม่ยอมแจ้งเตือนก่อน Geralt จึงรีบไปตรวจสอบศพอีก 2 ศพตามจุดที่ขึ้นมาจนเหนจดหมายเตือนของฆาตกรว่ารายต่อไปคือ Patricia Vegelbud
- Geralt เดินทางมาที่คฤหาสน์ Vegelbud เพื่อเตือน Ingrid ลูกสาวของ Patricia แต่เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปที่ห้องก็จะพบ Patricia โดนฆ่าไปแล้ว และหน้าต่างยังเปิดอยู่ Geralt จึงพยายามวิ่งตามฆาตกรไป แต่เมื่อลงมาถึงสวนหน้าบ้านพวกทหารจะเข้ามาโจมตีเพราะเข้าใจผิด จะสู้ไปเรื่อยๆจน Ingrid มาห้ามหรือยอมให้ถูกจับก็ได้ หลังจาก Ingrid ด่าทหารที่โง่ไม่ดูตาม้าตาเรือแล้ว สำรวจที่ศพของ Patricia ก็จะพบจดหมายบอกถึงเหยื่อรายต่อไปคือ Sweet Netti หญิงบริการที่ Crippled Kate’s.
-เดินทางไปที่โรงแรมต่อขึ้นไปที่ห้อง Sweet Netti ก็จะพบฆาตกรกำลังลงมือจะเฉือดพอดี ซึ่งฆาตกรตรงหน้าก็ไม่ใช่ใครมันคือ Nathaniel Pastodi เจ้าหน้าที่ของ Eternal Fire ที่ดูแลห้องทดลองทางการแพทย์ของลัทธินั่นเอง 
ตรงนี้สามารถเลือกได้คือ 
1. ฆ่ามันทิ้งซะ
2. หรือถามเหตุผลในสิ่งที่มันทำ ซึ่งฆาตกรตัวจริงที่ป้ายสีให้ Nathaniel ได้ก็คือคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่างซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ Hubert Rejk นั่นเองซึ่งจะทำให้ได้เบาะแสของฆาตรกรตัวจริงที่โกดังสินค้าในเมืองมา และก็จะสามารถใช้เวทย์สะกดจิต Nathaniel เพื่อให้มันเลิกทำเรื่องชั่วๆนี่ต่อไปได้ด้วย 




-เดินทางมาที่ดกดังสินค้าก็จะพบ Hubert Rejk ที่แท้จริงแล้วมันเป็นร่างแปลงของแวมไพร์ชั้นสูงที่แฝงตัวอยู่กับพวก Eternal Fire มานานแล้ว จัดการมันซะ แล้วกลับไปบอกข่าวกับ Dandelion ที่โรงพยาบาลเขาก็จะดีใจที่ได้ให้ Geralt แก้แค้นให้ Priscilla สมใจ และก็มีข่าวดีว่า หมอ Joachim นั้นสามารถรักษา Priscilla จนพ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่นานเธอก็จะค่อยๆดีขึ้น และจะกลับมาร้องเพลงได้อีกในไม่นาน ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับพยาบาลอย่าง Dandelion ที่ต้องคอยดูแลเธอด้วยหัวใจนั่นแหละ เควสย่อยสุดดราม่าโรแมนติกสยองขวัญก็จะจบลงด้วยดี



                                 MAIN QUEST – DESTINATION SKELLIGE

-การจะเดินทางไปที่เกาะ Skellige นั้น Geralt ต้องหาเรือซักลำที่จะไปที่นั่นและทั้ง 2 จุดในแผนที่ขึ้นมากัปตันเรือทุกคนนั้นไม่มีใครที่จะกล้าเข้าเขตน่านน้ำของหมู่เกาะ Skellige เพราะกลัวโจรสลัดกลุ่ม Black one นั่นเอง แต่ก็มีแค่คนเดียวที่กล้าที่จะไป (เพราะมันเมา) นั่นคือ กัปตัน Wolverstone ที่อยู่ในบารืแถวท่าเรือ ซึ่งเขาต้องการเงิน 100 เป็นค่าเดินทาง ถ้าเงินครบและพร้อมเดินทางแล้วก็ให้เงินไปแล้วตกลงออกเดินทางได้เลย





ท่ามกลางกลิ่นจางๆของเบาะแสตามทางที่ Geralt ก้าวผ่าน ช่วยงานหวานใจ, ซื้อใจเพื่อนฟ้องมากมาย และสร้างความชิหายให้กับปีศาจและความไม่ชอบธรรมของมนุษย์ Geralt ก็ได้เข้าใกล้ Ciri ไปอีกก้าว ก่อนที่จะหันหลังให้กับเมืองที่ถูกปลูกฝังความเชื่อที่งมงายภายใต้ภัยสงครามไปในยามอาทิตย์อัสดงของ Novigrad เพื่อมุ่งสู่เกาะ Skellige   


- แต่ระหว่างทาง Geralt ยังไม่ได้ทันได้หลับเต็มตื่นก็มีเสียงครึกโครมดังขึ้น ซึ่งก็จะพบว่าพวกโจรสลัดบุกเข้ามาปล้นเรือ ออกไปจัดการพวกมันให้หมดและเรือจะถูกพายุพัดอัดกระแทกกับโขดหินจน Geralt โดนเสากระโดงเรือหักล้มมาทะบจนสลบไปในที่สุด




ไม่กี่ชั่วโมงผ่านมา Geralt รู้สึกตัวอีกครั้งบนพื้นเกาะเพราะถูกชาวเกาะคนนึงเข้ามาจับตัวเขา โชคดีที่ชาวเกาะที่นี่ไม่ใช่โจรทีคิดจะขโมยของอะไร Geralt จึงบอกว่าเขามาที่นี่เพราะต้องการตามหานักเวทย์คนนึงซึ่งก็คือ Yennefer ชาวเกาะจึงให้ข้อมูลว่า พวกนักเวทย์ที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นแขกของท่าน Crach นักเวทย์ที่ตามหาอยู่อาจอยู่ที่นั่น ซึ่งมองหาง่ายเพราะจอมเวทย์ที่อยู่ที่นั่นจะต้องใส่ชุดที่มีสีขาว - ดำ เหมือนกับวาฬออก้า และเขาจะบอกให้ลองไปตามหาที่เมือง Kaer Trolde ทางเหนือของที่นี่เพราะกำลังจัดงานศพของราชา BRAN




                                                     หมู่เกาะ Skellige


    

หมู่เกาะ Skellige ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของ Novigrad ประกอบด้วยหมู่เกาะเล็กใหญ่ต่างๆ 9 เกาะคือ

ARD SKELLIG
SNIDHALL
SPIKEROOG
AN SKELLIG
HINDARSFJALL
PRISON ISLAND
UNDVIK
FAROE
SOUTH ISLAND





โดยมีเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นศูนย์กลางที่เปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวงนั่นก็คือ ARD SKELLIG เนื่องจากประชาการของที่นี่นั้นมีการแบ่งเป็น เผ่า หรือ กลุ่ม (Clan) ต่างๆมากมายการปกครองของที่นี่นั้นจะใช้ระบบความเป็นใหญ่ทางอำนาจและการเคารพนับถือ โดยจะแบ่งออกเป็นเผ่าต่างๆคือ
1.  เผ่า Tuirseach ผู้นำคือ CRACH AN CRAITE รักษาการณ์แทนราชา BRAN ที่เสียชีวิต เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุดมีฐานหลักอยู่ที่เมือง Kaer Trolde บนเกาะ ARD SKELLIG
2. เผ่า DRUMMOND มีผู้นำคือ JARL LUGOS ฉายา"MADMAN" แห่ง จากเมือง Kaer Muire ทางใต้ของเกาะ ARD SKELLIG
3.  เผ่า an Hindar มีผู้นำคือ JARL DONARAN HINDAR แห่งเกาะ Hindarsfjall ทางฝั่งตะวันออก ฐานหลักอยู่ที่หมู่บ้าน Ravik
4. เผ่า Brokvar ผู้นำคือ JARL UDALRYKAN BROKVAR แห่งเกาะ Spikeroog ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ฐานหลักอยู่ที่หมู่บ้าน Svorlag
5. เผ่า Dimun ผู้นำคือ JARL HOLGER BLACKHAND แห่งเกาะ Faroe ทางฝั่งใต้ ฐานหลักอยู่ที่หมู่บ้าน Harviken
6. เผ่า Tordarroch ผู้นำคือ JARL Harald Houndsnout แห่งเกาะ Undvik ด้านตะวันตก ว่ากันว่าหายสาบสูญ ตอนนี้เผ่าถูกทำลายไปแล้วเพราะ ยักษ์น้ำแข็งบุกเข้ามาทำลายและยึดครองจนกลายเป็นเกาะร้าง ผู้รอดชีวิตทั้งหมดอพยพมาอยู่ที่เกาะ ARD SKELLIG และเกาะ An Skellig
 7.  เกาะ An Skellig เกาะเล็กๆทางตะวันออกเฉียงเหนือที่มีแค่หมู่บ้านเดียวและมีโบราณสถานบนภูเขาศักดิ์สทธิ์ Yngvar's Fang เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจว่ากันว่าถูกค้นพบโดย Tyr ผู้ก่อตั้งเผ่า Tulrseach ในอดีต เกาะนี้ไม่มีกำลังทหารและอำนาจทางการเมืองใดๆ

เผ่าที่ใหญ่ที่สุดก็คือเผ่า Tuirseach โดยมีราชา BRAN แห่ง Kaer Trolde เมืองท่าใหญ่ทางฝั่งเหนือที่อยู่ฐานะผู้คุมกฎความเรียบร้อยของ เผ่า ต่างๆ โดยบรรดา เอิร์ล ( JARL) หรือผู้นำของเผ่าต่างๆที่เล็กกว่าก็ต้องทำตามข้อตกลงของส่วนรวม แต่หลังจากการเสียชีวิตของราชา BRAN ในฐานะผู้คุมกฎมาช้านาน หลายเผ่าก็เริ่มระส่ำระสายถึงอำนาจทั้งหมดที่ CRACH AN CRAITE นักรบสุดแกร่งฉายา Tirthys Muire หรือไอ้หมูป่าทะเล ในฐานะผู้รับทอดอำนาจกำลังจะขึ้นมาครอบครองอำนาจการปกครอง และคนที่กำลังจ้องที่จะได้อำนาจนั้นไม่ต่างกันก็คือ JARL LUGOS ฉายา"MADMAN" แห่งเผ่า DRUMMOND จากเมือง Kaer Muire ทางใต้ที่อยากจะขึ้นสู่ตำแหน่งราชาหนึ่งเดียวของ Skellige สถานการณ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจและการสรรหาผู้นำของ Skellige จึงเต็มไปด้วยความตึงเครียด




แต่เป็นเรื่องน่าแปลกที่สถานภาพของเหล่านักเวทย์นั้นกลับถูกใช้เป็นฐานในการต่อสู้เพื่อชิงอำนาจการปกครองของที่นี่ Geralt เข้ามาถึงเมือง Kaer Trolde ในตอนที่อยู่ในสถานการณ์เศร้าสลดของชาวเมืองเพราะการสิ้นพระชนย์ของราชา BRAN ผู้ปกครองที่นี่ ท่ามกลางความโศกเศร้าของราชินี Birna และลูกสาวคนสุดท้องก็ถึงขนาดย้อมสละชีวิตร่วมไปกับเรือขนพระศพของพระบิดาด้วย หลังเสร็จพิธี Ermion ผู้นำศาสานาของ Skellige และในฐานที่ปรึกษาของ Crach an Craite ผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไปซึ่งเขาก็เป็นเพื่อนเก่าแก่ของ Geralt ด้วย ได้ก็ขึ้นมากล่าวในงาน



Ermion – วันนี้ราชา BRAN ผู้ยิ่งใหญ่ของเราได้มาถึงการเดินทางครั้งสุดท้าย กลับไปอยู่กับวิญญาณบรรพาชนที่ทรงเกรีติยศแต่ท่านก็จะมีชีวิตอยู่ในใจพวกเราตลอดไป วันนึงเราอาจได้สู้เคียงข้างท่านในท้องทะเลที่กว้างใหญ่อีกก็ได้ วันนี้ถึงจะโศกเศร้าแต่เราก็จะคิดว่ามันเป็นวันดีของพวกเราเหมือนกันที่จะเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ของเผ่าเรา
 Crach – ทุกชนเผ่าจงฟัง นี่คือเวลาแห่งสงคราม ประเพณีที่เรายึดถือร่วมกันที่ทำให้เราสามัคคีกันภายใต้การปกครองของราชาของเราจะยังคงอยู่ พระองค์ทรงไปดีแล้ว ถึงเวลาที่เราจะใช้เหล่านักเวทย์ของพระองค์เผด็จศึก Black One เสียที ประตูเมือง Kaer Trolde ยังเปิดกว้างรับพันธมิตรร่วมรบอยู่เสมอ เราจะเลี้ยงดูท่านอย่างดี

แต่สำหรับ Geralt อย่างน้อยก็มีความสวยงามอยู่ที่นี่ เพราะได้เจอ Yennefer อยู่ที่นี่จริงๆดั่งที่ตั้งใจไว้


Geralt – คุณยังสวยเหมือนดิมนะ
Yennefer – ขอบคุณคะ ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้งเหมือนกัน
Geralt – คุณรู้จักราชา BRAN ดีมั๊ย ?
Yennefer – ก็พอรู้ ท่านเป็นคนน่าเคารพ ไม่เหมือนราชินีท่าน
Geralt – ข้าเจออะไรมาเยอะ ขี้เกียจฟังมันพูดแล้ว ตอนนี้อยากจะปิดประตูขังตัวเองอยู่กับเจ้าซักอาทิตย์จังเลย ไปหาที่คุยกันดีกว่า
Yennefer – แล้วจะทำอะไรล่ะตั้งอาทิตย์นึงนะ
Geralt – เยอะเลยล่ะ
Yennefer – อาทิตย์ที่ผ่านมาคุณก็เก็บแต้มมาเยอะแล้วไม่ใช่หรอ ยังไม่พอ ?
Geralt – นี่อ่านใจผมอีกแล้วหรอ ?
Yennefer – ไม่ได้ตั้งใจนะมันเห็นเอง


Yennefer – แล้วคุณได้อะไรที่ Velen กับ Novigrad มาบ้าง ?
Geralt – ที่ Velen baron คนที่เจอ Ciri คนสุดท้ายบอกเจอเธอตอนหนีและบาดเจ็บมา เพราะเจอพวกแม่มดที่นั่นจะจับตัวเธอแต่โชคดีที่เธอหนีมาได้ ผมเจอ Keira เพื่อนเราที่นั่นด้วย เธอบอกว่ามีเมจลึกลับคนนึงกำลังตามหา Ciri จากนั้นเธอก็มาที่ Novigrad ผมคิดมาตามหาคุณ ผมรู้จาก Dandelion ว่าเหมือนเธอพยายามจะแก้คำสาปอะไรบางอย่าง ไม่แน่ใจว่าเธอกำลังเจอปัญหาอะไร กำลังแก้ไขกล่องเวทย์อะไรบ้างอย่างด้วย แล้วคุณละได้อะไรที่นี่บ้าง
Yennefer – มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นที่เกาะนี้มานานแล้ว มีเวทย์มนต์ประหลาดประทุขึ้นและสร้างความเสียหายกับที่นี่ มันผิดปกติเป็นอะไรที่ผิดธรรมชาติมาก ชั้นไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ สัญชาติญาณของชั้นบอกว่า Ciri กำลังโดนคำสาปบางอย่าง
Geralt – ผมเคารพสัญชาติญาณของคุณนะ แต่เราต้องหาหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้
Yennefer – ชั้นก็อยากจะแน่ใจเหมือนกันนะแต่เข้าไปตรวจสอบที่จุดเกิดระเบิดของพลังเวทย์นั่นไม่ได้เลยเพราะ Ermion สั่งคนในนิกายมันคุมเข้มไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เลย
Geralt Ermion ผู้นำลัทธิ Circle of Skellige ไม่เคยเจอแกนานมากแล้วตั้งแต่สมัย Ciri ยังเด็กๆ
Yennefer – ชั้นคิดว่าเขาคงลดหย่อยให้คุณมั่งนะฐานะคนเก่าแก่กัน
Geralt – ทำไมเขาถึงไม่ยอมให้คุณเข้าไปตรวจสอบละ
Yennefer – เพราะชั้นมีความเหตุและทัศนคติที่ต่างจากลุงแกเยอะมากๆๆไง ดูนั่น Crach กำลังมา
Crach – หมาป่าขาว !! ไม่คิดจะเจ้าที่นี่นะ ข้าไม่รับฟังคำแก้ตัวของเจ้านะ ตอนนี้ขี้เกียจเถียง กำลังยุ่ง
Yennefer – ใจเย็น Geralt ตอนนี้เรายังไม่มีพวกที่นี่ และ Crach an Craite คือคนที่เราต้องการพวกมากที่สุดตอนนี้ และเดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงคืนนี้ คงต้องหาเสื้อผ้าชุดดำขาวให้คุณด้วย จะได้เข้ากับที่นี่ด้วย
Geraltyen คุณก็รู้ผมไม่ชอบไอ้ชุดรัดๆแบบนั้น นอกเสียแต่ว่าผมใส่แล้วคุณจะเป็นคนฉีกมันออก
Yennefer – อยากจะพูดเหมือนท่าน Crach นะ ไม่รับฟังคำแก้ตัวของคณเลย เราไม่ได้มาเสวยสุขอยู่นี่นะจะได้ทำตามใจได้ทุกอย่าง ทำตัวให้เนียนไว้จะดีกว่า ชั้นเช่าห้องไว้ให้ จะเอาชุดของคุณไว้ที่นั่นแล้วกันแล้วไปเจอกันที่ทางเข้างานเลี้ยงนะ  


                  MAIN QUEST – THE KING IS DEAD LONG LIVE THE KING

-ทันทีที่ Yennefer ชวน Geralt ไปงานเลี้ยงฉลอง เธอจะย้ำว่าต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวให้สมราคามากกกว่านี้หน่อย ซึ่งก็จะมีจุดเป้าหมายสีเหลืองขึ้นมา 2 จุด คือในห้องของ Yennefer เพื่อให้เข้าไปเก็บชุดในลังที่เธอเตรียมไว้ให้มาใส่ ในห้องก็จะเห็นหุ่นม้ายูนิคอร์นตั้งโชว์อยู่ด้วย คงจำได้ว่าเธอเคยเขียนไว้ในจดหมายว่า ยังเก็บยูนิคอร์นเอาไว้อยู่เหมือนเดิม และถ้าอยากรู้ว่ามันใช้ทำอะไรก็ต้องรออีกนิด ตอนนี้จะเลือกสวมชุดที่เธอเตรียมไว้ให้หรือไม่ก็ได้ (แต่ใส่ให้เธอหน่อยจะเป็นไรไปเชียว)
-แต่งตัวเสร็จก็เข้าไปที่จุดหมายอีกจุดคือเข้าไปในงานเลี้ยง ซึ่งต้องอ้อมขึ้นไปบนทางขึ้นสะพานใหญ่ด้านบนเลย หรือจะขึ้นลิฟต์เล็กไปบนสะพานก็ได้



ด้านหน้าทางเข้าจะเห็น Yennefer คุยกับราชินีม่าย Birna อยู่ ซึ่งราชินีจะแสดงออกถึงเจตนารมณ์ของเธอเกี่ยวกับการใช้เหล่านักเวทย์ในการสร้างฐานอำนาจที่จะเป็นทางออกในการสรรหาราชาองค์ใหม่ด้วย ดูเหมือนราชินีจะเห็นด้วยกับนโยบายสร้างฐานอำนาจด้วยกำลังในแบบที่ CRACH พยายามจะเปลี่ยนประเพณีการปกครองแบบเก่าของเกาะนี้ และถ้าเปลี่ยนชุดมาอย่างเหมาะสม Yennefer ก็จะแสดงการชมเชยออกมา งานที่จะต้องทำไม่ใช่จะแค่มางานเลี้ยง แต่ Yennefer ต้องการที่จะเข้ามาพูดคุยกับ CRACH เพื่อขอเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และอีกเป้าหมายนึงคือจะลอบเข้าไปเอาของบางอย่างในคลังของ Ermion ด้วย ซึ่งอาจจะต้องใช้การเทเลพอร์ตไปมาร่วมกับ Geralt ในการหนีด้วย เธอจึงขอร้องไม่ให้ Geralt ดื่มจนเมาเพื่อสะดวกในการทำงาน 

ที่หน้าทางเข้าด้านใน Arnvald คนรับใช้ส่วนตัวของ CRACH จะเชิญทั้งคู่ไปนั่งร่วมโต๊ะกับบรรดาลูกๆของผู้นำเผ่าต่างๆประกอบด้วย Cerys an Craite ลูกสาวคนรองของ Crach, Blueboy Lugos ลูกชายคนโตของ Madman Lugos, Halbjorn ลูกของ Holger Blackhand และ Otrygg ลูกของ Donar an Hindar 



Cerys นั้นเธอค่อนข้างจะเป็นสาวแกร่งขนาด Hjalmar พี่ชายคนโตของเธอยังให้ฉายาว่า Sparrowhwk ทำให้ตัวเธอและหลายคนตั้งความหวังว่าเธออาจจะเหมาะกับมงกุฎราชาคนต่อไปด้วย แต่ดูเหมือนความห้าวหาญที่ Hjalmar พี่ชายทำเอาไว้มันจะดูเด่นกว่าโดยเฉพาะการวิ่งแข่งกับ Cerys ขึ้นไปยอดภูเขาน้ำแข็งแล้วจนชนะแล้วปักขวานไว้บนนั้น ก่อนที่ Cerys จะห้าวเริ่มอยากแสดงฝีมือจนท้า Geralt ในการวิ่งแข่งขึ้นภูเขาน้ำแข็งนั้นตอนนี้เลย จะเลือกรับคำท้าหรือไม่ก็ได้ ถ้ารับก็จะได้วิ่งแข่งกับ Cerys ชนะก็ไม่ได้อะไรนอกจากความสะใจและทำให้ Cerys เงียบปากไปบ้างแค่นั้นเอง หลังจากชนะแล้วกลับมาที่โต๊ะ Cerys จะแจ้งถึงความพ่ายแพ้ของเธอแต่ดูเหมือนเพื่อนๆเธอจะเห็วนว่าการแพ้ Witcher นั้นเป็นเรื่องปกติของคนธรรมดาอยู่แล้ว ทุกคนจึงจะดื่มให้ชัยชนะของ Geralt ซึ่งตรงนี้ต้องเลือกดื่มหรือไม่ก็แล้วแต่ อย่าลืมด้วยว่า Yennefer เธอห้ามเอาไว้ฉะนั้นก็ปฎิเสธไปซะจะดีกว่า  

หลังจากลุกจากโต๊ะของ Cerys เดินมาที่ประตูด้านในจะเจอ Donar กับ Lugos กำลังทะเลาะกันเพราะความห้าวและปากดีของไอ้บ้า Lugos จน Yennefer ต้องพยายามเข้าห้ามโดยอ้างความปรองดองในช่วงที่กำลังจะเปิดศึกกับ Black One แต่ก็โดน Lugos ปากหมาใส่กลับมาจนต้องถึงมือ Geralt เข้าไปสั่งสอนให้รู้จักการให้เกรียติผู้หญิง 


 \

- จัดการอัด madman Lugos ซะ

หลังจากโดนกระแทกปากไปแล้วตาแก่ Madman Lugos ก็ถึงกับขอบคุณ Geralt ที่ทำให้เขาหายเมาและก็ต้องขอโทษ Yennefer ตามที่ Geralt บอกด้วย เมื่อเรื่องจึงจบลงด้วยดี Lugos ก็จะชวนขนแก้วดื่มเพื่อมิตรภาพ จะเลือกดื่มหรือไม่ก็แล้วแต่ อย่าลืมด้วยว่า Yennefer เธอขอเอาไว้ฉะนั้นก็ปฎิเสธไปซะจะดีกว่านะ  

-เมื่อผ่านเข้าไปด้านในได้แล้ว Yennefer ก็เริ่มแผนที่จะลอบเข้าไปที่ห้องสมุดที่เป็นคลังเก็บของของ Ernion เพื่อค้นหาหน้ากาก Uroboros เธออ้างว่ามันเป็นหน้ากากเวทย์ที่จะทำให้เห็นร่องรอยของเวทย์มนต์โบราณซึ่งจะเป็นต่อการตามหาเบาะแสของ Ciri Geralt จึงยอมที่จะเอาด้วย จากนั้นก็ตาม Yennefer หลบยามเข้าไปด้านใน อ้อมออกทางหน้าต่างไปเข้าตึกอีกฟังเพื่อหลบพวกนกเฝ้ายามหน้าห้องจนเข้าไปในห้องเก็บสมบัติของ Ermion ได้
- จากนั้นก็เริ่มใช้ Witcher Senses ค้นหาหน้ากาก Uroboros  แต่ Geralt ก็จะโดนควันของยากล่อมประสาทที่ Hlalmar วางกับดักเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจนเห็นพวกสัตวสต๊าฟในห้องมีชีวิตและเข้ามาทำร้าย จนต้องจัดการพวกมันให้หมด แต่หลังจากยาหมดฤทธิ Geralt ก็ต้องกลายเป็นตัวตลกเพราะแกว่งดาบไปมาอยู่คนเดียวต่อหน้า Yennefer จากนั้นเริ่มสำรวจห้องต่อเก็บของต่างๆมาให้หมด มีแก้วเหล้า (Mead) ที่เป็นคีย์ไอเทมที่ต้องเก็บด้วย เอาแก้วเหล้าไปวางในมือรูปปั้นด้านในห้องจะเปิดทางเข้าไปในห้องลับได้
-ก่อนเข้าอย่าลืมเปลี่ยนชุดเป็นแบบที่พร้อมต่อสู้ด้วยเพราะเมื่อเข้าไปทันทีที่ Yennefer เข้าไปเก็บหน้ากาก Uroboros ด้านใน บอส Earth Elemental จะออกมา




 เจ้านี่มอนสเตอร์สาย Element ใช้น้ำยาเคลือบดาบ Element Oll และท่าเวทย์อัดกระแทกจัดการมัน ซึ่งก็ไม่ต้องหวั่นอะไรมากเพราะมี Yennefer คอยช่วยอยู่ด้วย หลังจัดการมันได้ไม่นานเจ้าโกเลมก็จะลุกขึ้นมาอีก Yennefer จึงจะเทเลพอร์ตหนีโดยการให้ Geralt เลือกไปตามที่คิดในใจ ซึ่งจะเลือกได้คือ
 1. We're gonna choke and die ทั้งคู่จะวาร์ปกลับมาที่งานเลี้ยงอีกครั้ง
2.  Damn, I wanna kiss you, Yen ทั้งคู่จะกลับมาที่ห้องของ Yen จากนั้นเลือกตอบ wouldn't mind watching ฉากเลิฟซีนบนหลังมายูนิคอร์นของทั้งคู่ก็จะเริ่มขึ้น 




-จากนั้นก็กลับมาที่งานเลี้ยงอีกครั้งก็จะถึงเวลาเริ่มพิธีสำคัญในการสรรหาว่าที่ราชาคนต่อไป


CRACH – ที่ผ่านมาเราเห็นราชา Bran ของเลือกเส้นทางที่ออกนอกทิศทางของขนบธรรมเนียมไปเยอะในการเลือกใช้เหล่านักเวทย์ของท่าน ราชาอาจจะชาญฉลาด เป็นที่เคารพนับถือ แต่คนของเขาเราไม่พออย่างงั้นรึ พวกเรายังคงแข็งแกร่งพอที่จะเลือกเส้นทางของเราเอง เลือกราชาของเราเอง เอาละ ใครที่คิดว่าตัวเองมีเกรียติและแข็งแกร่งพอที่จะราชาแห่ง  Skellige จงก้าวออกมา และถึงแม้ลูกข้าจะยังไม่กลับมาแต่ด้วยเกรียติของเขา ขวานของเขา เจตนารมณ์ของเขา ข้าจึงให้เขาเข้าร่วมเกรียตินี้ด้วย 



การทดสอบขัดเลือกผู้ที่ครองตำแหน่งราชาของเกาะคนต่อไปนั้นมีบรรดาทายาทของผู้นำเผ่าต่างๆเข้าร่วมมากมายด้วยการนำเอาอาวุธมาวางไว้บนโต๊ะแสดงออกถึงเจตนารมร์ในการเข้าร่วมการทดสอบ โดยราชินีม่าย Birna ค่อยข้างจะเข้าข้าง Svanrige Bran ลูกชายของเธอให้ได้รับตำแหน่งราชาอย่างมาก ซึ่ง Cerys ลูกสาวที่เหลืออยู่ของ CRACH ก็ตัดสินใจจะเข้าร่วมการคัดเลือกนี้ด้วยท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของทุกคน และแน่นอนว่า CRACH นั้นเป็นห่วงเธอมากแต่เขาก็เต็มใจที่จะเห็นลูกสาวของเขาโตขึ้นและพร้อมจะเผชิญปัญหาของตัวเธอเองจึงปล่อยเลยตามเล ก่อนที่ CRACH เชิญ Geralt และ Yennefer ออกไปคุยเรื่องส่วนตัวด้านนอก




CRACH – แล้วเจ้าละเป็นไง เวลา Ciri เธอกำลังโตเป็นสาวน่ะ ข้านะจำพ่อแม่เธอได้ดีนะ สนิทกันมากเจ้าก็รู้ ข้าว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นหรอก !
Geralt – ข้าคุม Ciri เธอไม่ได้หรอก ปล่อยให้เป็นทางที่เธอเลือกเถอะ ว่าแต่ท่านถามแบบนี้ทำไม ?
CRACH – ไม่มีอะไรหรอกก็เห็นว่าเธอเหมือนกัน Cerys อายุไล่เลี่ยกันห้าวพอกัน แล้ว Yennefer ก็บอกว่าเจ้ากำลังตามหา Ciri อยู่ไม่ใช่หรอ ? ข้ายินดีจะช่วยทุกอย่างเท่าที่ทำได้เลย แต่บอกไว้ก่อนว่า สายเลือดของ Rhiannon คนนี้น่ะจะทำปัญหามาให้เจ้าอีกเยอะ
Geralt –ข้าอยากให้ท่านช่วยพูดกับ Ermion หน่อยเรื่องขออนุญาตเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่เกิดพลังเวทย์ระเบิดไม่มีวันก่อน Yennefer เธอเชื่อว่าเป็นร่องรอยที่ Ciri เดินทางผ่านมิติมาที่นี่
Yennefer – ชั้นเคยพยายามขอเข้าพื้นที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้แล้วไม่ได้รับความร่วมมืออะไรเลย 
CRACH – โอ๊ย ไม่ต้องไปสนใจ Ermion มันหรอก !! นี่เกาะข้า อำนาจอยู่ที่ข้า พวกเจ้าจะค้นหาอะไรก็ทำได้เลยไม่ต้องไปขออณุญาติอะไรตาเฒ่า Ermion เพราะมันไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังตามหา Ciri ด้วย





CRACH – ข้ากำลังกลุ้มกับเรื่องลูกๆของข้าอยู่เหมือนกัน เจ้าจำ Hjalmar ลูกชายคนโตของข้าได้มั๊ย? เขาเดินทางไปที่เกาะ Undvik เพื่อปราบยักษ์น้ำแข็ง ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย Cerys ก็เลยจะเอามั้ง หาการผจภัยของตัวเอง ดันอยากจะไปที่ Udalryk จริงๆมันก็เป็นที่ที่ไม่เลวนะหรอกถ้าไม่เต็มไปด้วยคำสาป เธอไม่ใครห้ามด้วยซ้ำ 
Geralt – ยักษ์น้ำแข็งมันมีจริงที่ไหน ไม่เคยเห็นตัวมันด้วยซ้ำ
CRACH – เจ้าไม่รู้อะไร มันบุกถล่มที่นั่นจนราบ  เผ่า Tordarroch ที่รอดชีวิตจากที่นั่นก็อพยพออกมาจนหมด JARL Harald หัวหน้าเผ่าที่นำคนเข้าไปหวังจะเอาเกาะคืนก็หายสาบสูญ คงตายและละมั้ง ใช่ ..แล้ว Hjalmar ลูกชายคนโตของข้าก็ไปที่นั่น ก็คงเป็นวิธีพิสูจณ์ตัวเองในการเป็นราชาของเขามั้ง ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย 
Geralt – ท่านห่วงเรื่องสรรหาตำแหน่งราชาคนต่อไปของเกาะเถอะ ส่วนลูกๆท่านข้าจะหาทางช่วยเอง 
Yennefer – โอเคคุยจบแล้วนะ งั้นมาเริ่มงานกัน ชั้นจะไปรอที่จุดเกิดเหตุ ที่เกาะ AN SKELLIG ทางตะวันตกเฉียงเหนือจากที่นี่ เจอกันที่นั่นแล้วกัน Geralt


                             ** ตอนนี้จะมีเควสที่สำคัญเพิ่มขึ้นมา 2 เควสคือ **

1. Echoes of the Pass ซึ่งเป็นเควสหลักในการตามหา Ciri ของ Yennefer
2. Lord of Undvik เควสย่อยในการไปปราบยักษ์น้ำแข็งเพื่อช่วย Hjalmar ลูกชายของ CRACH
3. Possession เควสย่อยในการไปล้างคาสาปให้ Udalryk บนเกาะ Spikeroog เพื่อช่วย Cerys ลูกสาวของ CRACH

** ถ้าคุณไม่สนใจจะทำเควสเหล่านี้ เมื่อถึง Act Ill Svanrige Bran ลูกราชินีม่าย Birna ก็จะได้ไปราชาของเกาะ ซึ่งจะทำให้ Hjalmar และ Cerys ลูกๆของ CRACH ต้องตายกันหมด **


                                    Secondary Quest – Lord of Undvik

- เข้าไปในบาร์เพื่อสอบถามกับพวกผู้รอดชีวิตจาก Undvik ก็มี Jonas เจ้าของบาร์, Tante คนนำทางในคณะของ JARL Harald Houndsnout หัวหน้าเผ่าเผ่า Tordarroch ที่เคยนำคนไปทวงคืนเกาะก่อนหน้านี้ และ  Axel ชาวบ้านผู้รอดชีวิต ถึงเรื่องยักษ์น้ำแข็ง
-เดินทางร่องเรือไปทางตะวันตกก็จะพบเกาะ Undvik ขึ้นเกาะและเข้าไปที่จะหมายที่มีร่องรอยเบาะแส ใช้ Witcher Senses ตามเบาะแสเข้าไปตามทางจนถึงซากเรือขนาดใหญ่ จะพบเจ้ายักษ์นำแข็งกำลังให้อาหารพวก ไซเรน และคนที่อยู่ในซากเรือ เมื่อยักษ์เดินไปแล้ว เข้ามาสำรวจซากเรือก็จะพบชายแก่ที่รอดชีวิตอยู่ด้านใน




เขาบอกว่าคนของเขาตายหมดแต่เขารอดมาได้เพราะหลอกเจ้ายักษ์ว่าจะสร้างเรือให้ ถึงแม้คนแก่คนนี้จะดูไม่เต็มนักแต่ Geralt ก็ดูออกทันทีว่าลุงแกคือ Harald Houndsnout หัวหน้าเผ่าเผ่า Tordarroch ผู้รอดชีวิตนั่นเองแหละ แต่หลังจากที่สอบถามร่อยรอยของ Hjalmar กับแกแล้วก็คงต้องทิ้งแกอยู่ที่นี่ไปก่อน




- จากนั้นใช้ Witcher Senses ตามรอยไปเรื่อยๆจนถึงทางแยกที่เนินบนเขาที่จะมีรอยเท้าและรอยลากไม้ไปคนละทาง ให้ตามรอยเท้าขึ้นไปด้านบนต่อก่อน จนเข้าไปถึงถ้ำของพวก Trolls ที่พวกมันกำลังทำอาหารอยู่ ในหม้อนั่นเป็นคนที่กำลังโดนต้ม Geralt จึงต้องเข้าไปช่วย โดยเลือกเล่นตอบคำถามกับมันโดยต้องตอบว่า  “A Trolls “ เมื่อช่วยคนในหม้อออกมาได้แล้วจะพบว่าเขาคือ Folan นักธนูในคณะของ Hjalmar ลูกชายของ CRACH นั่นเอง ซึ่งเขาก็จะขอติดตาม Geralt ไปด้วย



- จากนั้นปีนเนินเขาทางซ้ายขึ้นไปจะพบถ้ำด้านบน ด้านในจะมี Rock Trolls LV24 อยู่ พยายามจัดการมันซะแล้วเก็บ เครื่องมือตีชุดเกราะแบบพิเศษมา ซึ่งมันจะเป็น คีย์ไอเทมของ เควสย่อย Master of Armorers และถ้าเอากลับไปให้ช่าง Fergus ในเมือง Crows' Perch ที่ Velen ก็จะพบความจริง นักตีเกราะในตำนานจริงๆคือ Yoana เมียของ Fergus ต่างหาก เมื่อเอาเครื่องมือให้เธอแล้วจะได้ชุดของ Witcher Hunter สุดเท่มาใช้ด้วย (รอเธอทำประมาณ 2 วันนะ)




-ใช้ Witcher Senses เดินทางตามรอยต่อจนมาพบ Hjalmar ลูกชายของ CRACH ที่ยังรอดชีวิตและกำลังสู้กับพวก Siren อยู่ จัดการเข้าไปช่วยเขาแล้วเขาจะนำทางเข้าไปจนถึงถ้ำของยัก์น้ำแข็ง
 ด้านในจะเจอ Vlgi the Loon โดนจับขังอยู่ เขาจะขอร้องให้ช่วยปล่อยเขา ซึ่งถ้าเลือกที่จะช่วย ก็ต้องเดินหลบพื้นที่เป็นน้ำแข็งสีขาวๆไปจนถึงตู้ด้านในเพื่อเก็บกุญแจมาไขช่วยเขา แต่ถ้าเหยียบพื้นน้ำแข็งก็จะทำให้เจ้ายักษ์น้ำแข็งตื่นและเข้าโจมตีทันทีซึ่งเจ้า Vigi ก็จะไม่รอด 



- Boss Ice Giant นั้นอาจดูน่ากลัวแต่มันโจมตีแคบและทางเดียวตลอด สามารถใช้เวทย์เกราะกำบังเข้าไปฟันมันจากด้านหลังได้ โดยจะมี Hjalmar และ Folan ช่วยคอยก่อกวนมันด้วย เมื่อจัดการแล้ว ตอนชนะก็เลือกตอบให้เครดิตว่าเป็นฝีมือของ Hjalmar ด้วย แต่ยังไม่ต้องตาม Hjalmar ไปที่ชายหาด เก็บศพของยักษ์น้ำแข็งก่อนแล้วค่อยตามไปเจอเขาที่ชายหาด Marlin's Coast signpost ที่หลังก็ได้ การช่วยเหลือ Hjalmar ก็จบลงด้วยดี


                                      Secondary Quest – Possession

-เดินทางมาที่เกาะ Spikeroog ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ที่หมู่บ้าน Svorlag ที่อยู่ของ Jarl Udalryk เผ่า Brokvarเพื่อเข้าไปถามหา Cerys ลูกสาวของ CRACH แต่ดูเหมือน Jarl Udalryk จะมีท่าทางที่ดูผิดปกติและ Hjort ผู้เฒ่าที่เป็นีที่ปรึกษาก็เหมือนจะพยายามปกปิดอะไรบางอย่างแต่เขาก็จะช่วยบอกให้ว่า Cerys นั้นไปที่บ้านร้างบนยอดเขาแล้วยังไม่กลับมาเลย
-ขึ้นไปบนเนินเขาด้านบนจะพบบ้านร้างที่เป็นบ้านเก่าของตระกูล BROKVAR แต่ด้านในจะรู้สึกได้ว่าที่นี่โดนผีสิงอยู่ เข้าไปสำรวจห้องแรกเก็บกุญแจแล้วเอามาไขประตูห้องใต้ดินลงไปจะพบดาบต้องสาป BROKVAR เก็บมันมาแล้วขึ้นไปสำรวจห้องด้านบนตามร่องรอยเข้าไปจนถึงด้านในก็จะพบ Cerys นอนสลบอยู่ เธอจะเล่าให้ฟังว่าเธอพยายามาจะหาทางช่วย Jarl Udalryk ที่ทุกคนเชื่อว่าถูกผีสิงซึ่งผีตัวนั้นคือ Aki พี่ชายของเขาด้วยความแค้นที่ปล่อยให้เขาตายตอนเรือล่มในอดีต คำสาปมีผลจากวันที่ Udalryk ได้ให้กำเนิดลูกชายคนโตของตระกูลมา และทางแก้คำสาป Cerys ก็เชื่อมาต้องใช้ดาบ BROKVAR ในการทำพิธี



- เมื่อ Geralt ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Hjort ที่เป็นที่ปรึกษาถึงจุดที่เกิดเหตุเรือแตก เขาจึงรีบไปสำรวจทันที ด้านล่างดำลงไปค้นหาจนพบแหวนประจำตระกูลตกอยู่ แต่เมื่อกลับมาที่บ้านของ Udalryk ก็จะพบว่าเขากำลังบ้ากว่าเดิม เขาอ้างว่าได้ยินของพระเจ้าบอกให้เขาควักตาของตัวเองจนตาบอดไปข้าง Geralt รับรู้จากเงาของ Udalryk ว่าผีที่สิงเขาอยู่ไม่ใช่ Aki rพี่ชายของเขาแต่เป็นปีศาจตนอีกที่ร้ายกาจกว่า Geralt จึงต้องหาทางปรึกษากับ Cerys ในการหาทางแก้ใหม่
- Geralt ขึ้นไปที่บ้านร้างอีกครั้งพร้อมแผนเด็ดที่ Cerys คิดขึ้นมา โดยการให้ Geralt จุดไฟเตาผิงรอไว้ก่อนที่เธอจะหายไปพักนึงแล้วไปขโมยเอาลูกของ Udalryk มาเธอมอบให้ Geralt เพื่อให้เขาโยนเข้าเตาผิงไปเลย [เลือกตอบข้อล่าง เชื่อใจ Cerys โยนลูก Udalryk เข้ากองไฟ] จนทำให้เจ้าปีศาจ Hym ที่สิงอยู่เผยตัวออกมาเพราะคิดว่า เมื่อลูกของ  Udalryk ตายพันธะของคำสาปก็จะหมดไป แต่มันเป็นการเล่นเกมหลอกปีศาจของ Cerys เพราะเธอเอาเด็กปลอมให้ Geralt โยนเข้ากองไฟจนสามารถไล่ปีศาจไปได้  Udalryk ถึงแม้จะได้สติด้วยสภาพที่ตาบอกข้างนึงและสมองยังเบลอๆอยู่แต่เขาและลูกน้อยก็จะพ้นจากคำสาปด้วยสมองอันชาญฉลาดของ Cerys


 ** เควสนี้จะมีก็ต่อเมื่อช่วยเหลือ Hjalmar และ Cerys ลูกของ CRACH มาจนครบแล้ว ** 


                                 Secondary Quest – Coronation 


-เดินทางไปหา CRACH AN CRAITE ที่เมือง Kaer Trolde บนเกาะ ARD SKELLIG เพื่อรับรางวัลจากเขา Geralt จะสังเกตเห็นถึงความไม่พอใจของราชินีม่าย Birna ที่ลูกชายของเธอพลาดจากตำแหน่ง แต่ท่าน CRACH กลับดีใจมากที่ได้ลูกทั้ง 2 คนกลับคืนมา และในคืนนี้ก็จะมีพิธีมอบตำแหน่งให้กับผู้เหมาะสมที่จะเป็นราชาของเกาะคนต่อไปด้วย Geralt ก็ถูกรั้งเอาไว้ให้ร่วมงานด้วยหลังจากได้ค่าจ้างเป็นดาบ FATE เล่มงามเป็นรางวัล
- แต่ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน ในงานเลี้ยงกับเสียงโครมครามขึ้น เมื่อออกมาจะพบว่ามีหมีขนาดใหญ่บุกเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงแล้วเริ่มโจมตีคนในงาน จัดการหมีให้หมดแต่สภาพของแขกในงานนั้นตายกันยับเยิน ที่หนักกว่านั้นคือลูกๆของบรรดาผู้นำหลายคนก็ตายกันจนหมด ทำให้ผู้นำแต่ละเผ่าที่เสียลูกๆไปนั้นโกรธแค้นกันมาก ทุกคนบังคับให้ CRACH ในฐานะผู้นำเผ่า Tuirseach ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการค้นหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ก่อนที่เรื่องจะบานปลายเข้าสู่สงครามระหว่างเผ่า




-และด้วยนิสัยที่ต่างกันในการแก้ไขปัญหาของ Hjalmar และ Cerys ลูกของ CRACH ก็เกิดเรื่องถกเถียงกันซ้ำสองเมื่อทั้งคู่ต้องการที่จะแก้ไขสถานะการณ์ในแบบของตัวเอง ซึ่ง Geralt ก็จะต้องเลือกว่าจะช่วยเหลือใครระหว่าง
1. Cerys ต้องการที่จะหาเบาะแสในห้องเกิดเหตุก่อนเพื่อสาเหตุที่แท้จริง  
2.  Hjalmar ต้องการลุยไปที่ศัตรูที่เขาคิดว่าเป็นตัวการของเรื่องเลย 

** การเลือกเข้าข้างใครของ Geralt จะส่งผลถึงผลสำเร็จของ Hjalmar และ Cerys ในการขึ้นเป็นราชาคนต่อไปทันที จึงต้องตัดสินใจให้ดีๆระหว่าง Hjalmar คนพี่ที่ใจร้อนมุทะลุดุดัน กับ Cerys น้องสาวที่มีสมองเข้มแข็งแต่ด้วยความเป็นหญิงอาจทำให้เผ่าอื่นไม่นับถือ การเลือกนั้นส่งผลต่อทิศทางของเกาะแต่ไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลักครับ ** 


                                Secondary Quest – King Gambit  

เควสย่อยนี้เป็นเควสต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในเควส Coronation ซึ่งจะเป็นกลเม็ดของวาที่กษัตริย์คนต่อไปที่จะแก้ไขสถานการณ์ ตามแต่ที่ Geralt เคยเลือกที่จะช่วยเอาไว้ (ผมเลือกเข้าข้าง Cerys อยู่แล้ว)

1. Cerys ต้องการที่จะหาเบาะแสในห้องเกิดเหตุก่อนเพื่อสาเหตุที่แท้จริง Geralt ก็ต้องใช้ความสามารถของ Witcher Senses ในการหาหลักฐานต่างๆในห้อง ซึ่งหลังจากตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดแล้วทำให้รู้ว่า หมีที่เข้ามาโจมตีนั้นไม่ใช่สัตว์ธรรมดา พวกมันเป็นหมีที่กลายร่างมาจากมนุษย์ โดยมีสารกระดุ้นที่ทำจาก เห็ดและเลือดมนุษย์ผสมลงในอาหาร ซึ่ง  Cerys จะบอกว่าเรื่องพวกนักรบที่เรียกว่า Skalds ที่สามารถกลายร่างเป็นหมีได้นั้นเป็นแค่ตำนานเท่านั้น และจากการที่ไปถามถึงชนิดของเห็ดกับ Hjort ที่เป็นผู้รู้ด้านสมุนไพร เขาจะบอกว่ามันคือเห็ด Mardroeme ที่ทำให้คนกลายร่างเป็นหมีซึ่งเขาก็ยืนยันอีกเสียงนึงว่ามันเป็นเรื่องเล่าเท่านั้น จากนั้นทั้งคู่จะไปหาหลักฐานในห้องเก็บของดินก็จะพบว่ามีเหล้าที่ผสมเห็ด Mardroeme อยู่ที่นี่ด้วยก่อนที่จะมีคนมาลอบวางเพลิงจน Geralt ต้องกระแทกพนังหนีออกมาได้ทัน และในขณะที่หนีออกมาก็ได้พับหลักฐานใหม่ท่เป็นชายเสื้อของ Arnvald คนรับใช้ที่ขาดติดอยู่ที่ทางเดิน Geralt จึงต้องขี่ม้าไล่ตามจับเขามาจนสุดท้ายเขาก็สารภาพว่า ทนเห็นในสิ่งที่ ราชินีม่าย Birna ทำไม่ได้และก็ไม่กล้าพอที่จะบอกใครจึงตัดสินใจหนีออกมา สุดท้าย Cerys จะให้ Arnvald ไปยืนยันในสิ่งที่ ราชินีม่าย Birna ทำต่อหน้าทุกนคนว่าเขาถูกบังคับให้วางยาพิษ และแถมด้วยหลักฐานคือจนดหมายที่  ราชินีม่าย Birna มอบหมายงานให้ Arnvald กับคำยืนยันอันหนักแน่นของ Witcher ทำให้ทุกคนยอมเชื่อ Geralt มากกว่า ราชินีม่าย Birna แน่นอน แต่หลักฐานก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันพอที่หลาฝ่ายจะเชื่อ จน Svanrige Bran ลูกชายของเธอออกมาโวยวายที่แม่ดันทิ้งเขาไว้ในห้องที่หมีโจมตีเข้ามาโดยไม่บอกอะไรเลย คำให้การของลูกแท้ๆจึงทำให้ทุกคนเชื่อแน่ว่าเป็นฝีมือของ ราชินีม่าย Birna จริง สุดท้าย Birna จึงโดนตัดสินแขวนคอไปพร้อมๆกับงานฉลองราชินีคนใหม่ Queen Cerys An Craite อย่างยิ่งใหญ่และสมศักดิ์ศรี ราชีนีคนแรกแห่ง Skellige



2. Hjalmar ต้องการลุยไปที่ศัตรูที่เขาคิดว่าเป็นตัวการของเรื่องเลย Hjalmar ก็จะพา Geralt ลุยแหลกเข้าไปจนถึงถ้ำของพวก Vildkaarls ลุยเข้าไปด้านในก็จะพบ Halgrim หัวหน้านักรบที่กำลังดื่มเลือดผสมเห็ดจากผู้เฒ่า Artis เข้าไปจัดการมันให้หมดแล้ว Hjalmar ก็จะตัดหัวไปยืนยันกับทุกฝ่ายพร้อมจดหมาเชิญที่ ราชินีม่าย Birna ส่งให้พวกมันเข้ามาในงาน สุดท้าย Birna จึงโดนตัดสินแขวนคอไปพร้อมๆกับงานฉลองราชาคนใหม่ King Hjalmar An Craite

และไม่ว่าจะเลือกใครเป็นราชาคนใหม่ เกาะ ARD SKELLIG ก็จะกลับมามั่นคงที่พร้อมจะเป็นแหล่งรวมหัวใจของคนทั้งเกาะต่อไปอีกครั้ง ......


                              MAIN QUEST – ECHOES OF THE PASS   

-เข้ามาที่จุดหมายคือพื้นที่เกิดเหตุที่มีความเสียหายจากวงเวทย์เนวงกว้างก็จะพบ Ermion กำลังโวยวายที่ Yennefer ไปขโมยหน้ากาก Uroboros ของเขามา



Ermion – Yennefer แห่ง Vengenberg เรอะ ! เจ้ามันก็แค่หัวขโมยแค่นั้นเอง !
Yennefer – คุมตัวเองหน่อยตาเฒ่า ชั้นไม่เคยคิดจะขโมยของใคร แค่ยืมมาใช้แล้วก็จะคืนให้
Ermion – หรอ แค่นั้นเอง แค่ใช้หรอ แล้วเจ้าก็จะไปจากที่นี่พวกเราก็จะตายกันหมดไง
Geralt – เดี๋ยว มันเรื่องอะไรหรอท่าน?
Ermion – นี่เธอยังไม่ได้บอกเจ้าหรอ? ตำนานของหน้ากากนี้ว่ากันว่า Uroboros สร้างหน้ากากนี้มาเพราะผิดหวังจาก ความรักที่ถูกเทพเจ้าแห่งทะเลแย่งไป เขาจึงจะใช้พลังของหน้ากากเพื่อกลับไปแก้ไขอดีต แต่การกลับไปแบบนั้นทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เขาจึงรอเวลาให้เขาโตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น จนวันนึงเทพเจ้าแห่งทะเลรู้ถึงเรื่องหน้ากากนี้เขาจึงสาปส่งให้ใครก็ตามที่บังอาจใช้มัน ก็จะทำให้ภัยพิบัติต่างๆนานา เกิดคลื่นยักษ์กลืนกินทุกชีวิตของที่นั่นจนหมด 
Geralt – แล้วยังไม่มีใครใช้มันใช่มั๊ย ? แล้วท่านรู้ได้ไงว่าคำสาปมันจะเป็นจริง
Ermion – แน่นอนว่าข้ารู้ ตำนานบอก
Geralt – แล้วท่านก็เชื่อตำนานหรอ ? ฟังนะ Yennefer เธอไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่เรากำลังตามหา Ciri อยู่หน้ากากนั่นจะทำให้เห็นอดีตซึ่งอาจจะเห็นตอนที่ Ciri มาที่นี่ก็ได้  
Ermion – ข้ารู้เรื่องนั้นแล้วข้าเห็นใจเจ้าเรื่องนั้น แต่หน้ากากก็ควรใช้ให้เกิดผลดีกับเกาะเท่านั้นเพราะมันได้แค่หนเดียว โอ้ พระเจ้า Yennefer เธอใช้หน้ากากแล้ว!!

-วิ่งตาม Ermion ไปยังจุดเกิดเหตุจะพบ Yennefer กำลังสู้กับพวก Foglets มากมายที่ออกมาจากประตูมิติ จัดการพวกมันให้หมดแล้ว Yennefer จะให้หน้ากาก หน้ากาก Uroboros กับ Geralt เพื่อใช้มองภาพอดีตในจุดเกิดเหตุนี้ โดยเอาหน้ากากใส่ที่ช่องไอเทมด้านล่างกด LB เลือกใช้แล้วกด RB ในการใช้งาน ซึ่งจะทำให้เห็นภาพในอดีตของพื้นนี้ แต่มันก็ทำให้มีมอนสเตอร์ออกมาจากประตูมิติด้วย จากนั้นเดินตาม Yennefer ไปจนเธอบอกตำแหน่งของจุดที่เป็นเบาะแสก็กด RB สวมหน้ากากจะทำให้เห็นภาพอดีตได้
จุดแรก จะเห็น Ciri ออกมาจากประตูมิติกับชายคนนึง
จุดที่ 2 จะเห็นชายที่มากับ Ciri ใช้เวทย์จากดาบเขากระแทกพื้นเพื่อจัดการศัตรูที่มารุมล้อมจนป่าถูกทำลายเป็นวงกว้าง ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันหนีไป
จุดที่ 3 จะเห็น Ciri กำลังโดนศัตรูไล่ตามจนต้องหนีเข้าประตูมิติ ซึ่ง Yennefer จะตรวจสอบว่าเธอวาร์ปไปที่ Velen
จุดที่ 4 จะเห็นชายอีกคนที่มากับ Ciri ใช้พลังเวทย์ทีรุนแรงกระแทกศัตรูจนกระเด็นก่อนจะหนีไป Yennefer มั่นใจว่าชายคนนี้เป็น เมจ



Yennefer – เมจคนนี้เป็นมิตร และ Ciri โดนศัตรูตัวนึงทำร้ายจนบาดเจ็บ ดูจากภาพที่เห็นแล้วดันได้แบบนั้นนะ
Geralt – เมจ คนนั้นเป็นใครแล้วจะพา Ciri หนีไปไหนคุณรู้มั๊ย ?
Yennefer – ประตูมิติของเมจคนนี้ไปที่ Velen ที่เดียวกับ Ciri แต่คนละที่หมายกันนะ คิดว่าเพราะแรงระเบิดของเวทย์ตอนแรกจะทำให้ประตูมิติมั่วไปหมด
  Geralt – นั่นคงตอนที่ Keira พบกับ 2 คนนั่นที่ Velen และดูเหมือนมีคนนึงที่บาดเจ็บจากโดนเวทย์ด้วย
Ermion – ดูพวกเจ้าทำกันสิ จะต้องมีคนตายกี่คนกับการตามหา Ciri ของเจ้า จะเริ่มการสังเวยชีวิตคนที่นี่แล้วใช่มั๊ย
  Geralt – ใจเย็นท่าน มันยังไม่มอะไรเกิดขึ้นนี่ เราควบคุมทุกอย่างได้ 
Ermion – ก็แค่ตอนนี้ จะนานแค่ไหนใครจะรู้ อาทิตย์หน้าหรือเดือนหน้า?
Yennefer – เลิกวิตกจริตน่าปู่ เอานี่หน้ากากท่าน ชั้นคืนให้แล้วนะ 
Ermion – ก็หวังว่าที่เจ้าทำลงไปมันจะคุ้มนะ 
Yennefer – โคตรคุ้มเลยค่ะท่าน
  Geralt – เบาะแสที่ได้ยังคงเดิมๆแต่เราก็กำลังจะหาเพิ่มเติมต่อ

จากนั้น Yennefer พา Geralt ไปสำรวจที่จุดที่มีร่างนึงโดนเวทย์กระแทกกระเด็นจนพบซากศพนึงใต้ซากต้นไม้ที่ล้มทับอยู่




Yennefer – ดูเหมือนร่างของศพถูกละลายจนเป็นไอเหลือแต่ชุดเกราะ
Ermion – ชุดเกราะนั่น เหมือนทำจากฝีมือช่างชั้นสูง แต่ข้าดูไม่ออกเลย ไม่เคยเห็นมาก่อน 
  Geralt – แน่ละก็มันเป็นเกราะของพวก Wild Hunt ที่มาตามล่า Ciri ไง
Ermion – Wild Hunt ! มันเคยมาที่นี่ครั้งนึงนะที่เกาะ Hindarsfjall  แล้วมันตามล่า Ciri ทำไม ? 
  Geralt – อาจเพราะเลือด Elder ของเธอและพลังในการเคลื่อนที่ผ่านมิติเวลาของเธอด้วย Wild Hunt มันเลยสนใจเธอ 
ว่าแต่ ท่านว่ามันเคยมาที่เกาะ Hindarsfjall หรอ 
Ermion – หลายปีก็ก่อนที่จะเกิดเหตุที่นี่ ทันทีที่มันเหยียบย่างเข้ามาก็ทำให้หมู่บ้าน Lofoten ถูกแช่แข็งจนหมด ชาวบ้านตายกันมากมายเหลือรอดก็แค่ผู้หญิงกับคนแก่ไม่กี่คน 
  Geralt – นั่นแหละจุดหมายต่อไปของเรา เกาะ Hindarsfjall! 

[* ถ้าขี้เกียจเดินทางไปที่เป้าหมายเองก็สามารถเลือกเดินทางวาร์ปมาพร้อมกับ Yennefer ต่อได้เลย *]

                               MAIN QUEST – MISSING PERSONS   

-เดินทางมาที่เกาะ Hindarsfjall หมู่บ้าน Lofoten พร้อมกับ Yennefer เพื่อพบหาข้อมูลกับเหล่าผู้หญิงที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่พวก Wild Hunt บุกมาที่หมู่บ้านนี้เมื่อหลายปีก่อน แน่นอนว่า Geralt รู้ดีว่ามันต้องเกี่ยวกับคนที่พวกตามหานั่นก็คือ Ciri แต่สิ่งที่เขาต้องการรู้คือพวกมันมาที่นี่ทำไมมากว่า? ซึ่งในหมู่บ้านกำลังมีการทำพิธีให้กับวิญญาณผู้เสียชีวิตทันที ซึ่ง Geralt คิดว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะมาถามถึงเรื่อง Wild Hunt ในวันนี้แต่ดูเหมือน Yennefer เธอจะขี้เกียจรอ




Yennefer – เออ พวกสาวๆโทษทีนะที่เข้ามาขัดจังหวะชั้นแค่อยากสอบถามอะไรหน่อยมันสำคัญมาก
สาวชาวบ้าน – เจ้าเห็นพวกเราเป็นของที่ระลึกของความตายรึไง ?
Yennefer – โธ่ไม่เอาน่า เรากำลังตามหาใครคนนึง ใครบ้างที่รอดชีวิตในวันนั้นบ้าง ได้โปรด นี่เรื่องเร่งด่วนนะ
  Geralt – ที่ว่าหมู่บ้านของเจ้าเคยถูกพวก Wild Hunt บุกทำลายนั้นจริงรึเปล่า ?
สาวชาวบ้าน – เรื่องจริง แต่ไม่มีใครเชื่อเรา พวกท่านก็คงไม่เชื่อใช่มั๊ย
Yennefer – ที่พวกเจ้าเห็นนะคืออัศวินที่สวมชุดเกราะขี่ม้าโครงกระดูกและมากับความหนาวเย็นรึเปล่าละ
หญิงแก่ – ใช่สิ ข้าเห็น น้ำจับเป็นน้ำแข็งพวกผู้ชายในหมู่บ้านตายกันหมด มันเหมือนกันเรื่องเล่าที่เขาเล่านั่นแหละ วันนั้นข้าได้แต่วิ่งหนี ตามทางมีแต่ศพของคนรู้จักเยอะแยะไปหมด 
Yennefer – ยายเห็นมั๊ยว่าพวกมันขี่ม้าไปทางไหน  
หญิงแก่ – มุ่งหน้าไปทางทะเล แล้วคงจะผ่านหุบเขาลึกแถบนั้นไป  
Geralt – ข้าตามาหาผู้หญิงคนนึงผมสีเงิน ตาสีเขียว มีแผลเป็นที่หน้า
สาวชาวบ้าน – เสียใจด้วย นางไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เคยเห็นนางที่ถ้ำ แล้วก็ไม่ได้ถามชื่อนางจนเกือบจะลืมไปแล้วด้วย 
หญิงแก่ – นางชื่อ Ciri นางมีแผลที่แก้มใช่มั๊ย 
Yennefer – ใช่ๆ ใช่คะ แล้วเธอเป็นไงบ้าง
หญิงแก่ – เธอดูเหนื่อยๆแล้วก็ตัวเปียกไปหมดด้วย ไม่รู้นะชั้นก็รู้แค่นี้ คงต้องไปถามเจ้าขี้ขลาด อาจจะบอกพวกคุณได้มากกว่าชั้น
Geralt – ไอ้คนขี้ขลาดนั้นมีชื่อมั๊ย?
สาวชาวบ้าน – เขาทำบางอย่าง จนถูกเอลเดอร์ทำร้ายเหมือนในตำนานกล่าวไว้ ตามกฎของเราห้ามมีใครแตะตัวเขา พูดกับเขา หรือแม้แต่เอ่ยชื่อเขาด้วย 
Yennefer – เขาทำอะไรถึงต้องโดนขนาดนั้น 
หญิงแก่ – เขาบังอาจจับดาบสู้กับพวก Wild Hut แล้วรอดมาได้คนเดียวด้วย 
Geralt – ข้าจำเป็นต้องเจอเขา มันสำคัญมาก อย่าเพิ่งคิดถึงประเพณีตอนนี้เลยนะ 
สาวชาวบ้าน – คงไม่ทันแล้วละ เขาไปที่สวนนั้นเพื่อปราบ Morkvarg เจ้าฆาตกรเลือดเย็นที่ฆ่าคนมากมาย วันนึงดันไปฆ่าผู้หญิงคนนึงคงจะเป็นนักเวทย์หรือยังไงเนี้ยเธอเลยสาปมันจนกลายเป็นปีศาจ ที่ฆ่าไม่มีวันตาย ข้ารู้ไม่มากท่านคงต้องไปถามกับ Einar เขาเคยอยู่ที่สวนนั่น ก่อนที่จะหนีไปตอนที่ Morkvarg ไปอยู่ที่นั่น ที่สวนนั่นเคยเป็นสวนศักดิ์สิทธิ์ของเราด้วย เราเรียกกันว่า Freya’s Garden ตอนนี้กลายเป็นสวนต้องสาปไปซะแล้ว พระเจ้าจงลงโทษคนที่ไปที่นั่นด้วย
Yennefer – คำสาป มอนสเตอร์ ดูเหมือนคุณมีงานต้องทำนะ Geralt แล้วก็ไม่ต้องห่วงคะเพราะเรา 2 คนให้การเคารพพระเจ้ากันอย่างดี ท่านคงละเว้นไม่ลงโทษเราหรอก ใช่มั๊ย Geralt

                                           ** จุดสำคัญที่ต้องกล่าวถึง ** 

ณ. ตอนนี้คุณได้มีภารกิจหลักคือ NAMELESS ในการตามหาชายที่ไร้ชื่อที่มีเบาะแสของ Ciri และภารกิจย่อยคือ In Folf's Clothing ในการปราบมนุษย์หมาป่า Morkvarg ไปในคราวเดียวกันโดยไม่รู้ตัว โดยทั้ง 2 เควสก็จะอยู่ที่พื้นที่เดียวกันคือ Freya’s Garden ด้วย แถมเรื่องราวจะให้เกี่ยวข้องกันก็ได้หรือจะไม่เกี่ยวก็ได้ด้วย แถมหลักฐานต่างๆนานาก็ปนกันหมดทั้งรอยเท้าของ Morkvarg กับชายที่ไร้ชื่อ แล้วยิ่งถ้าใครที่ชอบสำรวจตามที่ต่างๆแล้วดันแวะเข้ามาที่ Freya’s Garden ก่อนเริ่มเควส MISSING PERSONS ก็จะได้เจอมนุษย์หมาป่า Morkvarg ที่นี่ก่อนจะรับเควสด้วยซ้ำ ก็ถือว่ามั่วกันอยู่ แต่ผมจะพยายามนำเสนอให้ยึดไปตามเควสหลักก่อนเพื่อไม่ให้สับสนนะครับ          


                                          MAIN QUEST – NAMELESS    

-เดินทางเข้ามาที่สวน Freya’s Garden ที่อยู่ด้านเหนือของหมู่บ้าน Hindarsfjall ที่น่าประตูจะเจอมนุษย์หมาป่า Morkvarg เลยก่อนที่มันจะเข้าไปแอบด้านใน (ซึ่งจริงๆมันเป็นเรื่องราวของภารกิจย่อย In Folf's Clothing นะ) ประตูหน้าล็อกแต่สามารถขึ้นทางรั้วซ้ายหรือขวาเข้าไปด้านในได้ ที่นี่เต็มไปด้วยหมาป่าที่ต้องจัดการให้หมด





-จากนั้นตามเบาะแสต่างๆไปจนอ้อมไปทางขวาของสวนที่เป็นทางน้ำด้านหลัง จะพบคันโยกประตูน้ำ 2 อัน สับทั้ง 2 อันให้ประตูน้ำตรงหน้าเปิดเพื่อให้ศพไหลออกมา แล้วมาสำรวจที่จะด้านซ้ายของสวนตรงโรงนาจะเจอมนุษย์หมาป่า Morkvarg และมันอาจจะต้องให้กินนู้นนี่นั่น ก็ยังไม่ต้องคิดมากครับ ฆ่ามันให้ตายซะเพราะยังไงมันก็ต้องเกิดใหม่อยู่ดี เก็บ Werewolf Meat จากศพมันเอาไว้แล้วกัน (เอาไว้ทำเควส In Folf's Clothing) แถวหน้าโรงนาจะเห็นบ่อน้ำบาดาลอยู่ โดดลงไปได้เลยก็จะพบศพของชายนรินามที่ก้นบ่อ Yennefer จะสั่งให้เอาศพของเขาขึ้นมาเพื่อเธอจะทำพิธีสื่อสารกับวิญญาณเพื่อถามถึงเรื่อง Ciri


                                   CIRI’s STORY: THE CALM BEFORE THE STROM

-ชายนรินามนั้นจริงๆนั้นชื่อ Skjall เป็นชาวบ้านคนนึงในหมู่บ้าน Lofoten บนเกาะ Hindarsfjall ในขณะที่กำลังจับปลาอยู่บนชายหาดเขาก็ได้เจอกับเมจที่สวมหน้ากากที่อุ้ม Cri มาเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่ง Skjall ที่กล้าๆกลัวๆแต่ก็ยอมช่วยเพราะเห็นว่ามีผู้หญิงบาดเจ็บมา




เมจสวมหน้ากาก – Ciri ได้ยินข้ามั๊ย ข้าต้องทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ก่อนนะ เราจะเจอกันที่ชายหาด Dead Rock ที่หลังเจ้าจำได้มั๊ย ? อย่าลืมนะ ทวนคำสั่งข้าสิ
Ciri – ที่ชายหาด Dead Rock  ….

-จน Ciri ตื่นมาอีกครั้งก็เจอ Skjall นั่งเฝ้าอยู่ในสภาพที่เธอถูกทำแผลเรียบร้อยแล้ว และเมจสวมหน้ากากเพื่อนเธอก็ไม่อยู่แล้วซึ่งเขาคงจะไปรอที่จุดนัดพบที่เขาบอกตอนก่อนสลบไป Ciri พยายามจะรีบไปที่จุดนัดพบเพื่อเดินทางต่อ แต่ Skjall และ Sauna พี่สาวต้องการให้เธอพักและอาบน้ำที่น้ำพุร้อนเพื่อสมานแผลและชำระล้างร่างกายก่อนแล้วจะเตรียมม้าไว้ให้ในการเดินทาง จน Ciri ต้องยอมทำตาม เดินตาม Sauna ไปจนถึงบ่อน้ำพุร้อน Ciri ก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าออก และเสียใจด้วยที่เธออายเกินกว่าจะถอดหมดนะครับ



-หลังจากอาบน้ำและพูดคุยกับบรรดาป้าๆในห้องอาบน้ำเสร็จ แต่งตัวแล้วออกไปที่คอกม้าเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อ แต่จู่ๆพวก Wild Hunt มากมายก็บุกเข้ามาที่หมู่บ้าน พยายามสู้กับมันไปเรื่อยๆจนกว่า Skjall จะเรียกให้ขึ้นม้า ก็รีบขึ้นมาที่คอกแล้วขี่ม้าตาม Skjall ไป หลบพวกปีศาจตามทางไปจนถึงชายหาด Dead Rock ด้านล่างจะพบ เมจเอาเรือมารอรับ

Skjall รีบส่ง Ciri ที่ชายหาดก่อนที่ยอมเป็นตัวล่อให้ Wild Hunt ตามเขาไปเพื่อให้ Ciri หนีให้ทัน Ciri พยายามดึงดันที่จะให้เมจช่วย Skjall แต่เมจกลับใช้มนต์ให้เธอหลับแล้วแบกขึ้นเรือหนีไปก่อนที่ Wild Hunt จะฟัน Skjall จนบาดเจ็บแต่สุดท้ายพวกมันก็ตาม Ciri ไม่ทัน 





Skjall นั้นรอดชีวิตแต่นอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ชายหาด หลายนาทีต่อมาเขาพยายาอดทนจนถึงที่สุดจนได้พบเด็กทารกประหลาดที่กำลังเดินมาที่ชายหาดก่อนที่มันจะตกใจกลัวแล้วหนีไป 





นั่นคือทั้งหมดที่ Yennefer พยายามง้างปากศพเพื่อสอบถามกับวิญญาณ Skjall ถึงเรื่องราวของ Ciri พลังมนต์ดำที่ใช้ครั้งนี้นั้นกินพลังชีวิตจากสวนศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านไปจนต้นไม้เหี่ยวเฉาไปจนหมด  แต่ก็ทำให้ Geralt และ Yennefer รับรู้ว่าตอนนี้ Ciri ไม่ได้อยู่ในหมู่เกาะ Skellige นี่แล้วและไม่อยู่ทั้งที่ Velen และ Novigrad ด้วย นั่นแปลว่าเธอหายสาปสูญไปอีกแล้ว แต่ก็ยังโขคดีที่ได้เบาะแสใหม่คือเจ้าเด็กอัปลักษณ์ที่ Skjall เจอชายหาด ซึ่ง Geralt จำได้ติดตาเลยว่าเคยเห็นมันอยู่ที่ปราสาทของ Baron ที่ Velen  ที่ชื่อเจ้า Uma แต่สิ่งที่ Yennefer แอบกังวลอยู่คือ หาก Ciri โดนคำสาปจริงๆมันจะทำให้เธอเปลี่ยนแปลงไปเป็นอะไรต่อไปมากกว่า ซึ่ง Geralt นั้นก็รู้ดีจากที่ Novigrad ว่าคำสาปที่ว่านี่มันไม่ใช่ธรรมดา แต่เขาก็รับปากว่าจะทำทุกวิธีที่จะหาคำตอบกับหนทางแก้ไขให้ได้ และก่อนที่ Geralt จะเดินทางไปหาเจ้า Uma ที่ Velen ในการเบาะแสต่อไปและ Yennefer ต้องเดินทางกลับไปที่ปราสาท Vizima เพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดกับกษัตริย์ Emyhr เจ้าของงาน แต่ก่อนไปนั้นเธอ ก็จะขอร้องให้ Geralt ช่วยเหลือเธอในเรื่องสำคัญบางอย่าง โดยนัดให้ไปเจอที่หมู่บ้าน Larvik เพื่อพูดคุย ซึ่งก็จะทำให้ได้เควสย่อย The Last Wish ของ Yennefer มา 


                                   Secondary Quest – The Last Wish

-เข้าไปหา Yennefer ที่หมู่บ้าน Larvik เธอก็จะเล่าสิ่งที่เธอต้องขอความช่วยเหลือให้ Geralt ฟัง




Geralt – ไหนคุณมีอะไรจะให้ผมช่วยหรอ ? ว่ามา
Yennefer –  Amos var Ypsis ผู้ครอบครอง djinns คุณเคยได้ยินชื่อเขามั๊ย ชั้นไปคนเจอจดหมายเหตุที่ปราสาท Vizima แล้วรู้ว่า เขาแล่นเรือเดินทางมาที่ เกาะ Skellige และก็ยังไม่กลับมาอีกเลย ชั้นไปสืบข่าวมาแล้วมีคนพบเขาครั้งสุดท้ายหลังจากเรือออกจากเกาะ Hindarsfjall ในวันที่มีพายุเข้าพอดี ชั้นคิดว่าเรือเขาคงล่มและชั้นต้องการจะหาตัวเขา  
Geralt – ทำไมล่ะ คุณรู้จักเขาหรอ ?
Yennefer –   เปล่า ชั้นไม่สน Amos var Ypsis แค่ต้องการ djinns ของเขา 
Geralt – คุณจจะอยากได้ djinns ไปทำไม? ผมว่ามันันตรายมากนะเจ้ายักษ์ในตะเกียงวิเศษนี่นะ
Yennefer –   ข้าต้องการพลังของมันไง คำขอที่ชั้นจะขอบางอย่างกับมัน ชั้นอยากให้คุณช่วยชั้นตามหา djinns ชั้นไม่มีเงินจะจ้างนะ แต่มีบางอย่างที่ดีกว่าจะให้ 
Geralt – ก็ต้องช่วยอ่ะนะ ผมคงไม่ปล่อยให้คุณไปเจอกับ djinns คนเดียวหรอก 
Yennefer –    โอเค ถ้าพร้อมแล้วก็ไปขึ้นเรือกันเลย

-จากนั้นก็ตาม Yennefer ไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเธอจะพายเรือไปตามจุดหมายต่างๆที่เป็นจุดของเรือที่ล่ม ซึ่งตอนนี้เธอจะใช้เวทย์ฟองอากาศเพื่อให้ Geralt ดำน้ำลงไปได้โดยไม่มีเกทการหายใจ ซึ่งจะดำได้ยาวโดยไม่ต้องห่วงขึ้นมาหายใจกันเลย Yennefer จะพาไปจุดดำน้ำต่างๆแล้วดำลงไปใช้ Witcher Senses มองหาแล้วตรวจสอบคีย์ไอเทมมาบอกเธอ เมื่อตรวจสอบจนครบทุกจุดก็จะได้คียไอเทม Broken Seal มา 1 ชิ้น  Yennefer ก็จะพาเทเลพล็อตไปที่ภูเขาน้ำแข็งที่มีเรือชนเกยตื้นอยู่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ Broken Seal อีกชิ้น



Geralt – เดี๋ยวๆใจเย็น Yen คุณต้องบอกผมก่อนว่าคุณจะขออะไรกับ djinns ผมจะไม่ทำแน่ถ้ามันไม่สำคัญพอ 
Yennefer – ก็ได้ มันสำคัญ สำคัญมากสำหรับชั้น เฮ้อ มันเป็นแบบนี้มากี่ปีกันแล้วนะ Geralt 15 หรือ 20 ปี เราทำแต่เรื่องเดิมซ้ำๆจากนั้นแตกกระจายออกกลายเป็นอีกคนนึง บางสิ่งก็ลากเราไปทำอีกอย่าง ชั้นไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันเป็นความตั้งใจของตัวเองรึเปล่า หรือ มันแค่เป็นความสนุกของ djinns ที่คอยบงการ 
Geralt – นั่นคือความปราถนาสุดท้ายของคุณหรอ?
Yennefer – คุณขอ djinns ตัวนั้นให้เรา 2 คนไม่เข้าใจกันตลอดไป ชั้นก็จะขอ djinns อีกตัวให้ทุกอย่างกลับเหมือนเดิม เพราะชั้นอยากดูว่า มันจะดีมั๊ยถ้าเราได้อยู่ร่วมกัน อยากดูว่าเรายังเห็นความสำคัญของอีกคนอยู่มั๊ย หรือเป็นแค่คนแปลกหน้า 2 คนที่อยู่ด้วยกัน 
Geralt – ก็ได้ แต่ถ้าผมไม่อยากรู้ละ 
Yennefer – คุณมาไกลเกินจะเปลี่ยนใจแล้ว Geralt

- ขึ้นไปสำรวจให้ทั่วๆแล้วเข้าไปสำรวจตู้หนังสือในเรือ Geralt จะดันมันขึ้นจนพบศพของ Amos var Ypsis ผู้ครอบครอง djinns สำรวจที่ศพเขาก็จะได้ Broken Seal อีกส่วนมา เมื่อ Yennefer เอามาประกอบกัน djinns ก็จะปรากฏออกมา
Boss djinns นั้นร่างของมันนั้นเป็นแค่ผลึกกลมๆเท่านั้นแต่มีหมอกควันและสามารถยิงเวทย์น้ำแข็งแบบกระจายรอบทิศได้ด้วย  ซึ่งเจ้านี่มันจะแพ้ทาง Bomb: Dimeritium และ Oil: Elemental เมื่อจัดการมันได้ก็จะสามารถควบคุมมันได้ จากนั้น Yennefer ก็จะร้องขอคำขอสุดท้ายของเธอ





Yennefer – เจ้านายของเจ้าตายแล้ว ! ตายก่อนจะเอ่ยคำอธิฐานสุดท้าย ท่านอยากถูกจองจำแบบนี้ไปตลอดหรืออยากเป็นอิสระเพื่อแลกกับสิ่งที่ข้าจะขอแค่ 1 อย่าง ท่านเห็นเวทย์มนต์ที่บดบังเราหรือไม่ ?  djinns อีกตนเท่านั้นที่สามารถถอนมนต์สะกดของ djinns อีกตน ท่านทำได้มั๊ยเพื่อแลกกับอิสระ 
Djinns – Aaauuutree neyyvanaaaath !!!  (คงแปลว่า ได้สิ เจ้าจะได้ตามที่ขอ )
Yennefer – งั้นท่านจงเป็นอิสระจากการจองจำเดี๋ยวนี้ !!


Geralt – พายุหยุดแล้ว นั่งก่อนไหมคุณดูงงๆนะ
Yennefer – ไม่ได้งงอะไรซะหน่อย แต่นั่งก็ได้ 
Geralt – ไง สบายขึ้นมั๊ย ?
Yennefer – ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร
Geralt – คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวแข็งกระด้างกับผมก็ได้ เราไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้กันนะ มันยังจะไม่ต่างกับที่ Djinns มันสะกดเราอยู่เลยนะถ้ายังเป็นแบบนี้ 
Yennefer – อืมม ไม่ต้องมาพูดประชดเลยนะ ก็แค่เหนื่อยเฉยๆน่ะ ยังไงก็ขอบคุณที่มาด้วยกันนะ มันคงจะยากมากเลยถ้าต้องทำคนเดียว 
Geralt – เต็มใจช่วยเลยละ ว่าแต่ คุณรู้สึกถึงความแตกต่างหลังจากที่ถอนมนต์สะกดของ Djinns รึยัง ?
Yennefer – ชั้นหวังว่า .. จริงๆชั้นก็ไม่ได้หวังให้มันได้ผลจริงซักนิด ก็แค่มีเวียนหัวหน่อยๆแค่นั้น ชั้นคิดว่าบางทีคุณอาจจะเหมาะที่จะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับชั้นก็ได้ เพราะชั้นมองคุณแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงซักนิด 
Geralt – Djinns มันไม่มีอำนาจอะไรกัยเราอีกแล้วละต่อจากนี้ 
Yennefer – ทำไมล่ะ ?
Geralt – เพราะผมไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยแปลงไง เพราะผมยังรักคุณเหมือนเดิม Yen 
Yennefer – ชั้นก็รักคุณค่ะ 



Geralt – แปลกนะเราจูบกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้มันเหมือนจูบแรกของเราเลย
Yennefer – เขาถึงบอกกันว่า ถ้าพูดว่า ฉันรักเธอ ครั้วนึงมันจะทำให้รสชาติของจูบไม่เหมือนเดิม 
Geralt – บางทีเราอาจลองลิ้มรสชาติอย่างอื่นบ้างมั๊ย ที่นี่ชักจะเริ่มหนาวแล้วนะ
Yennefer –  รีบเลยนะ Geralt ยังมีเวลาอีกเยอะ แต่ชั้นเห็นด้วยเลยที่ว่าเราคงหนาวตายแน่ถ้ามาหวานที่นี่ทั้งวัน ว่าไปแล้วที่นี่ วิว สวยจัง 
Geralt – อืมม บางที จิตวิญญาณแห่ง Skellige อาจจะชอบเราก็ได้นะ ใครจะรู้ 






                                   ความปรารถนาสุดท้ายของเธอผู้เป็นที่รัก 


เควสย่อย The Last Wish นั้นหลายคนอาจงงว่า Geralt ไปขอพรอะไรกับ Djinn ปิดผลึกความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ Yennefer มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งเควสย่อยนี้นั้นถูกนำมาจากฉบับนิยาย The Witcher ฉบับ The Last Wish เนื้อหาในตอนที่ 7 เป็นเหตุการณ์ในตอนที่ Geralt และ Dandelion พบกับ Yennefer และอสูร Djinn เป็นครั้งแรก 

เช้าวันนึงขณะที่กำลังตกปลาเป็นอาหารเช้า Dandelion และ Geralt เจอโถเก่าใบนึงติดขึ้นมาด้วย Dandelion นั้นค่อยข้างดีใจมากและไม่สนใจในสิ่งที่ Geralt เตือน จน Dandelion ได้ปล่อย Djinn ออกมาจากโถนั่นด้วยความดีใจที่จะได้พรา 3 ประการอย่างยักษจินนี่ในนิยาย แต่ Djinn ไม่ได้ให้พรใดๆแต่กลับเข้าโจมตีใส่ Dandelion จน Geralt ต้องเข้าไปช่วยสู้และพยายามจับมันผนึกมันไว้ให้ได้อีกครั้ง แต่สุดท้าย Djinn ก็หนีไปจนได้ 

กฎการขอพรของ Djinn นั้นไม่เหมือนยักษ์จินนี่ในตะเกียงตัวไหน เพราะใครหน้าไหนที่ปล่อยมันมาแล้วมันจะตามราวีสร้างความวุ่นวายจนกว่าจะขนะมันได้ถึงจะได้มีสิทธิ์เอ่ยของพร 3 ประการ 

      



วันต่อมาทั้งคู่เดินทางมาหาพวก elves จนได้พบกับผู้ใช้เวทย์มนต์ที่ชื่อ Yennefer of Vengerberg และได้ร่วมงานกันจนสำเร็จแน่นอน Geralt หลงในเสนห์ของ Yennefer ที่งดงามเกินผู้ใช้เวทย์ที่แสนอัปลักษณ์อย่างที่เขาเคยเจอมามากนัก แถม Yennefer ก็แสดงออกว่ามีใจต่อ Geralt อยู่มากไม่น้อยเหมือนกัน จนถึงคราวซวยที่ Dandelion ปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับ Djinn ที่ตามคุกคามเขา แน่นอนว่า Yennefer สนใจในพลังของ Djinn มาก เพราะพลังของมันนั้นเป็นที่ต้องการของเหล่าเมจหรือผู้ใช้เวทย์มาก เธอจึงพยายามจะเอาชนะมันให้ได้ทันทีและเธอรู้ดีว่ายังไงมันต้องกลับมาเล่นงาน Dandelion และ Geralt อีกเพื่อให้ขอพรเพื่อให้มันเป็นอิสระ  Yennefer จึงวางกับดักจับ Geralt และ Dandelion เป็นตัวล่อเสยเลย โดยขังทั้งคู่ไว้ในคุกในเมือง และเมื่อ Djinn ปรากฎตัวออกมา Yennefer ก็หวังว่าจะเข้าไปจัดการคนเดียว แต่เธอก็พบว่า Djinn นั้นมีพลังแข็งแกร่งเนกว่าที่เธอเคยคิดไว้แต่ก็พยายามที่จะฝืนสู้เพราะอยากได้พลังของมันจน Geralt เห็นว่าถ้าปล่อยไว้เธอต้องตายแน่นอนเขาจึงต้องพยายามเข้าไปช่วยเธอ

พรข้อแรกนั้น Geralt ขอไปตอนยังไม่รู้ตัวเพราะพยายามจะช่วย djinn ที่จะโจมตี Dandelion
พรข้อสอง Geralt แค่อยากจะทำให้ทหารที่คุมขังตัวเองอยู่ตายเพื่อจะออกไปช่วย Yennefer 
พรอะไรข้อสุดท้าย ผู้ประพันธ์ก็ไม่ยอมเฉลยมีแต่การคาดเดา 
[ และมาเฉลยในเควส Last wish นี้ว่า Geralt เคยขอพรจาก Djinn ให้ Yen เป็นคนรักของตัวเอง ]

แต่ สิ่งที่ขอไปไม่ได้มีผลลัพธ์ปิดผนึกความสัมพันธ์ของทั้งคู่ แต่มันทำให้ชะตาของทั้งสองต้องผูกพันกัน ที่Yennefer ต้องการล้างผลของพรก็เพราะไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเองว่าที่รักนี่รักจากใจจริงหรือรักจากผลของพร ใครจะรู้ Yennefer เฝ้าหาทางที่จะปลดผนึกเวทย์ของ Djinn มาตลอด จนรับรู้ว่า ผู้ครอบครอง Djinn อีกตัวนั้นเรือล่ม เธอจึงชวน Geralt ออกตามหาเพื่อหวังที่จะสลายมนต์ตราที่ปิดกั้นความรู้สึกของเธอ ในเควสย่อย The Last Wish จูบแรกที่ทั้งคู่บอกรักกันจึงหวานมันเช่นนี้เอง 







ป.ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ ไม่ได้อ่านจากหนังสือจริงๆ แต่รวบรวมข้อมูลต่างๆจากเวบนอกที่มีคนอ่านพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ 
Cr.ข้อมูลประกอบบทความ 
ขอบพระคุณเกร็ดความรู้ดีๆจากคุณ Dhanest Prueksomboon มากๆครับ 
http://gaming.stackexchange.com/questions/220450/yennefer-the-last-wish-explanation
http://witcher.wikia.com/wiki/Djinn
http://forums.cdprojektred.com/archive/index.php/t-22297.html
http://witcher.wikia.com/wiki/The_Last_Wish_(short_story)




                                       ACT II – THE GREAT BATTLE 



                                          MAIN QUEST – UGLY BABY

หลังจากคลาดกับ Ciri ที่ถูกเมจลึกลับพาหนีไปที่เกาะ Skellige ตอนนี้ Geralt จึงมีตัวเลือกอยู่แค่ตัวเดียวคือเจ้า Uma มนุษย์ประหลาดที่เขาเคยเห็นอยู่กับ Baron ที่ Velen มันเป็นคนเห็น Ciri ที่ชายหาดก่อนที่จะหนีไปจากการที่ Yennefer ใช้มนต์ดำเค้นเอาความจริงจากศพของ Skjall หนุ่มชาวบ้านคนนึงในหมู่บ้าน Lofoten บนเกาะ Hindarsfjall ที่ได้เคยช่วย Ciri ไว้




-เดินทางกลับไปที่ Velen ในเมือง Crow’s perch ซึ่งตอนนี้ Baron ไม่อยู่ที่ปราสาทแล้วเพราะพาเมียไปรักษาตัวก็มีแต่จ่า Ardal รักษาการณ์อยู่ ทันทีที่ Geralt เข้าไปขอตัว Uma เจ้า Ardal กวนประสาทใส่ตามระเบียบแต่สุดท้ายมันก็ต้องยอมให้เมื่อเห็น Geralt เอาจริง

* ก่อนจะรับตัว Uma นั้นหากใครจะเก็บภารกิจย่อย Following the Thraed ของ Lambert ก็ไปทำเสียก่อนเพราะถ้ารับ Uma ไปแล้ว Lambert ก็จะไปรวมตัวที่ Kaer Morhen ด้วย เควสย่อย Following the Thraed ก็จะล้มเหลวทันทีครับ *

-เมื่อได้รับอณุญาติแล้วเดินเข้าไปที่คอกม้าคุยกับทหารยามเขาจะส่งตัว Uma ให้ก่อนที่ Geralt จะพาขึ้นม้าเดินทางมุ่งสู่ Kaer Morhen เพื่อรอให้ Yennefer กลับมาตรวจสอบมันหลังจากที่เธอกลับจากการพูดคุยกับ กษัตริย์ Emyhr แล้ว แต่ระหว่างทางทหาร Nilfgaard กลุ่มนึงกลับเข้ามาตามตัว Geralt และอ้างว่ากษัตริย์ Emyhr ต้องการพบตัวก่อนที่จะพาตัว Geralt ให้ตามไปที่ปราสาท Vizima ทันที

1 วันต่อมาเมื่อถึง Vizima เมืองหลวงของอณาจักร์ Termeria Geralt ก็ถูกนำตัวเข้าเฝ้ากษัตริย์ Emyhr ทันที 




Emyhr – ไม่ต้องเสียเวลามาโค้งคำนับข้ามากพิธี รายงานสิ่งที่เจ้ารู้มา 
Geralt – เรื่องของ Ciri ตอนนี้มีเจ้านี่คนเดียวที่เป็นกุยแจสำคัญ
Emyhr – หึ ข้าเสียทั้งคนทั้งเงินมากมาย ส่งสายลับฝีมือดีไปถึง 3 คนเพื่อให้พาลูกสาวข้ากลับมาแต่เจ้ากลับได้เจ้าตัวประหลาดบ้านี่มาให้ข้าเนี้ยนะ !!
Geralt – ฟังนะ การตามหา Ciri นั้นตอนนี้ลำบากมากเราคลาดกับเธอตลอดทาง ตอนนี้เราต้องการทุกเบาะแสที่จะพาให้เราไปถึงตัว Ciri ให้ได้และข้าไม่สนว่าเบาะแสนั่นมันจะประหลาดแคไหนถ้ามันพอจะมีโอกาสอยู่ก็ต้องลอง 
Emyhr – ข้านะเป็นกษัตริย์แห่ง Nilfgaard ที่บุกยึดมาทั่วตั้งแต่ใต้จรดเหนือผ่านสงครามมามากมายฉะนั้นเจ้าอย่ามาอ้างคำว่า ลำบาก ต่อหน้าข้าเด็ดขาด! 
Geralt – ตามที่ข้ารู้มา Ciri นั้นมาที่เกาะ Skellige เป็นที่แรกกับเมจลึกลับคนนึง 
Yennefer – จากนั้นพวก Wild Hunt ก็ตามล่าเธอจนทั้งคู่ต้องแยกกันหนีมาที่ Velen 
Geralt – ก่อนที่เธอจะได้รับการช่วยเหลือจาก Baron ที่นั่นแล้วหนีต่อมาที่ Novigrad จากนั้นก็หายสาปสูญ
Yennefer – ที่ข้าวิเคราะห์ได้คืน Ciri และ เมจลึกลับคนั้นกำลังหนีพวก Wild Hunt ไปทางเรือซึ่งก็มีเจ้าตัวประหลาดนี่แหละที่เห็นเหตการณ์
Geralt – ข้ากับ Yennefer เห็นตรงกันว่า เจ้า Uma ไม่ใช่เห็นเหตุการณ์แค่นั้น แต่ร่างกายของเจ้า Uma ที่ดูเหมือนเกิดจากการโดนคำสาปบางอย่าง มันน่าจะมีอีกคนนึงอยู่ข้างในที่พอจะให้ข้อมูลสำคัญของ Ciri ได้แน่นอน 
Emyhr – เจ้าล้างคำสาปมันได้มั๊ย?
Yennefer – ตอนนี้ข้ากำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้อยู่ เราได้ทั้งบทคาถาที่ได้จากปากของ  Dandelion ที่เคยได้ยินจาก Ciri และ กล่องผลึกเวทย์บางอย่างที่ Ciri พยายามจะหาทางซ่อมมันจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนแรกเราเชื่อว่า Ciri พยายามล้างคำสาปให้ใครคนนึงอยู่ ซึ่งตอนนี้ชั้นมั่นใจว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเจ้า Uma นี่แหละ 
Emyhr – สรุปว่าได้หรือไม่ได้ ?
Yennefer – ได้คะ ชั้นทำได้ แต่วิธีการนั้น... 
Emyhr – ไม่ๆ วิธีการไม่สำคัญสำหรับข้า เจ้าดำเนินการไปได้เลย ส่วนเจ้า Geralt ข้าจะให้รางวัลเจ้าตามที่ตกลงกัน แต่ครึ่งเดียวก่อนและเจ้าจะได้ที่เหลือหลังพาตัว Ciri มาให้ข้าได้ 
Geralt – ท่านก็รู้ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น 
Emyhr – ข้าไม่ได้ร้องขอเจ้า แต่ข้ากำลงสั่งเจ้า และเจ้าจะยังอยู่ดีถ้าจะไม่ขัดคำสั่งข้าจำไว้! เท่านี้แหละไปทำงานต่อได้ 

Geralt – เอาละ คุณมีแผนจะล้างคำสาปมันยังไง Yen? 
Yennefer – เราจะพาเขากลับไปที่ Kaer Morhen ตามแผนเดิม แต่ข้าไม่สามารถเทเลพอร์ตทั้งคุณ Uma แล้วก็ม้าไปได้หมดหรอกนะ 
Geralt – อย่าห่วง เราไปกันเองได้ ผมก็ไม่ชอบการเทเลพอร์ตเท่าไหร่คุณก็รู้ แล้วก็นี่ กล่องผนึกเวทย์ ของ Ciri คุณต้องใช้มัน 
Yennefer – แน่นอนอยู่แล้ว งั้นชั้นล่วงหน้าไปก่อนนะ เจอกันที่ Kaer Morhen 





1 อาทิตย์ต่อมา ... Geralt พา Uma มาถึง Kaer Morhen และทันทีเข้าเขตป้อมปราการ มังกร Forktails ก็บินโฉบเข้ามาทำให้ตกใจกันทั้งม้าทั้งคน ซึ่งตามประสบการณ์ของ Geralt การที่มังกร Forktails เข้ามาใกล้ป้อมได้ขนาดนี้นั้นถ้าพวก Witcher ไม่มัวแต่ขี้เกียจก็คงจะมีเรื่องยุ่งอะไรแน่ๆ 




 ทันทีที่มาถึงรังหมาป่า อาจารย์ Vesemir ออกมาทักทายที่ไม่ได้พบเจอกันนานแต่ดูเหมือน Vesemir จะกำลังหงุดหงิดกับมารยาทของ Yennefer ที่ทันทีที่เทเลพอร์ตมาถึงก็ไม่ได้ทักทายอะไรใครมาถึงเธอก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มสั่งทั้ง Labgert กับ Eskel ให้ไปหาวัตถุดิบในการทำงานของเธอ โดยที่ไม่เคยบอกถึงแผนของเธอเลยซักครั้ง ทำเอาทุกคนในป้อมวุ่นกันไปหมด ตอนนี้ Eskel ก็ไปล่า มังกร Forktails เพื่อเอาวัตถุดิบ ส่วน Lambert ก็ถูกส่งให้ไปที่เนินเขาศักด์สิทธิ์เพื่อเอากล่องผลึกเวทย์ไปรับพลังของธาตุต่างๆที่ Circle of Element ส่วน Yennefer ก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องเพื่อซ่อม Megascope ของเธอ

ตอนนี้จึงมีภารกิจย่อยมาจากภารกิจหลัก Ugly Baby อีก 3 ภารกิจที่ต้องทำตามจุดหมายต่างๆคือ

1. TO BOIT A FORKTAIL ที่ต้องไปช่วย Eskel ล่า มังกร Forktails ซึ่งก็คือการใช้ Witcher Senses ตามรอยของ Eskel ให้พบแล้วตามแกะรอยมังกร Forktails จนได้สู้กับมันในป่า จากนั้นก็ต้องแกะรอยมังกรไปไปจนถึงรังมันแล้วจัดการมันอีกรอบ แล้วเอากะโหลกมังกรกลับมาโดยขากลับต้องแข่งม้ากับ Eskel จนมาถึงป้อมซึ่งแพ้ชนะก็ไม่ทรงผลอะไรแต่ ถ้าชนะจะได้ Exp เพิ่มอีก 200 และไอเทมของรางวัลที่ได้จาก Eskel หากคุณเลือกที่จะขอเขา
2. THE FINAL TRIAL  ช่วย Lambert ในการเดินทางไปที่เนินเขาศักด์สิทธิ์เพื่อเอากล่องผลึกเวทย์ไปรับพลังของธาตุต่างๆที่ Circle of Elemen ซึ่งระหว่างทาง Geralt กับ Lambert ก็จะต้องช่วยกันต่อสู้ศัตรูตามทางทั้งเจ้ายักษ์ Old Speartip
 ในถ้ำไปจนถึง หุบเขาของพวก Trolls ที่พวกมันจะไม่ยอมให้มนุษย์ผ่านขึ้นไปบนเขา ซึ่ง  Geralt จะต้องเลือกระหว่างสู้กับพวกมันหรือยอมทำตามเงื่อนไขคือทิ้งดาบไว้แล้วถึงจะผ่านเข้าไปที่ Circle of Elemen ได้ จากนั้นจุดไฟที่กระถางทั้ง 4 รอบๆแท่นแล้ววาง กล่องผนึกเวทย์เอาไว้เพื่อรับพลังธาตุจนเสร็จก็เดินทางกลับมาที่ป้อมได้เลย
3.DISTURBANCE เข้าไปช่วย Yennefer ซ่อม Megascope โดยการค้นหาและกำจัดพลังงานบางอย่างที่ขัดขวางกระบวนการทำงานของคริสตัลของเสา Megascope ซึ่งเธอจะให้เครื่อง Potestaquistor มาใช้ในการค้นหาพลังงานที่รบกวนการทำงานของเธอ ( ตอนนี้ Yen หงุดหงิดมากพยายามตามคำถามข้อแรกเอาไว้นะครับเพราะถ้าตอบข้อล่างจะเป็นการกวนโมโหเธอจนโดนเทเลพล็อตไปนอกปราสาทต้องเดินใหม่ไกลเลย ) เอา Potestaquistor ใส่ไปในเมนูไอเทมด้านล่างแล้วกด RB เพื่อให้มันค้นหา ซึ่งถ้าเข้าไปใกล้จุดหมายแล้วเสียงปิ๊บๆมันจะดังถี่ขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายที่ต้องค้นหาอยู่ที่ในห้องโถงหลักของป้อมด้านซ้ายของลิฟต์ที่ อาจารย์ Vesemir กำลังนั่งคุยกับ Uma อยู่ จะพบลังระเบิดของ Lambert ที่เป็นตัวรบกวนสัญญาณเวทย์ของ Yennefer เมื่อ  Vesemir เอาออกให้แล้วก็ไปจบงานที่  Yennefer ได้เลย

จากนั้น Yennefer จะใช้เสา Megascope ในการติดต่อกับ Ida Emean จาก Lodge Elven Sage เพื่อนผู้ใช้เวทย์มนต์อีกคน ของเธอเพื่อสอบถามเครื่องการแก้คำสาปกับเธอ 




Ida - Yennefer แห่ง Vengenberg 
Yennefer – เรากำลงหาทางล้างคำสาปของเอลเดอร์ซึ่งเกินความรู้ของเรามากอยู่ 
Ida – เข้าใจแล้ว บทคาถาคำสาปคืออะไร ? 
Yennefer –  Va fail Elaine ceadmil folie ..
Ida – มันคือ Laith aen Undid 
Geralt – แล้วมันคือ ?
Yennefer – มันเป็นภาษาโบราณที่สาบสูญไปนานแล้วตั้งแต่สมัยการอพยพนะ    
Geralt – การอพยพ?
Yennefer – เออน่า ไว้อธิบายทีหลัง Geralt
Geralt – ท่านเคยได้ยินมาก่อนมั๊ย Ida?
Ida – เคยสิ มันเป็นตำนานที่จบแบบไม่สวยเท่าไหร่หรอก
Yennefer – แล้วพอจะมีวิธีช่วยเราล้างคำสาปนี่ได้มั๊ย ?
Ida – คงต้องใช้คาถาระดับของ Agnes de Glanville เอามาประกอบการล้างคำสาปนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ระดับนักเวทย์อย่างเธอจะพอทำได้ แต่ชั้นไม่ยืนยันนะว่าพลังของเธอกับการร่ายวทย์นี้มันจะเสถียรหรือเปล่า ?  
Yennefer – ขอบคุณมากคะสำหรับความช่วยเหลือ
Ida – การสนทนาของเรายังไม่จบ 
Geralt – ให้เดานะ ท่านต้องการสิ่งตอบแทนสินะ
Ida – แค่อยากจะร้องขอ Geralt อย่าเดาแค่ฟังอย่างเดียว เมื่อวันที่แสงเจิ้ดจ้าที่มาพร้อมความเย็นสุดขั่วนั่นมาถึงในยามค่ำคืน
Geralt – โลกก็จะถึงคราววิบัติท่ามกลางน้ำแข็ง ข้ารู้ ตามคำพยากรณ์ของ Lthlinne
Ida – เดานะ รู้จักมันแต่ไม่เข้าใจมันละสิ?  เมื่อสายเลือดเอลเดอร์ได้เป็นผู้นำไปสู่ ยุคสุดท้าย เวลาก็จะถึงกาลสิ้นสุด ถ้าเจ้าหยุดมันไม่ได้ สำหรับเจ้าก็จะเป็นแค่ซากศพนึงในไฟนรกที่เย็นยะเยือกเท่านั้น นั่นคือสื่งที่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ข้าลาละ  
Geralt – เธอคงหมายถึง Ciri ใช่มั๊ย ให้ตายเถอะทำไมถึงไม่เลิกยุ่งกับเธอซักที แล้วเราจะเอาไงต่อ? 
Yennefer – ก็ลุยต่อ เริ่มต้นแผนเพื่อจบทุกอย่างที่เราทำมาตลอดซักที  

ทันทีที่ทุกอย่างทำท่าจะลงตัวมากขึ้นในรายะเอียดก็ทำให้ทุกคนสบายใจขึ้นโดยเฉพาะ Yennefer ที่ท่าทางดุดันของเธอนั้นผ่อนคลายไปเยอะ ถึงแม้จะโดนกดดันจาก Vesemir ถึงความอันตรายที่อาจจะเกิดกับ Uma  Geralt, Yennefer, Lambert และ Eskel เลยลงมานั่งดื่มเหล้ากันหลังเตรียมวัตถุดิบครบแล้ว หลังจากดื่มและขอตัวขึ้นไปนอนแล้วปล่อยให้พวก Witcher หนุ่มๆกินเหล้ากันต่อ ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ไม่ลืมเชิญชวนให้ Geralt ขึ้นไปคุยกับเธอบนห้องซักชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมงก่อน และถ้าคุณต้องการให้ความสุขกับ Geralt ก็เลือกตอบตกลงขึ้นไปมีความสุขกับน้อง Yen ก่อนได้เลย หลังจากเสร็จสรรแล้ว Geralt ก็จะกลับมาดื่มกับเพื่อนๆอีกครั้ง โดยมีคำเตือนจาก Yennefer ว่าอย่าเมามากเพราะพรุ่งนี้มีงานสำคัญต้องทำ 




จริงๆการเชื่อฟังหวานใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ครั้งนี้ไม่เชื่อจะดีกว่าเพราะถ้าเลือกไปนอนเลยในหัวข้อสนทนากับเพื่อนในวงเหล้าคุณก็จะไม่ได้เควสย่อย No Place like Home ของเหล่า Witcher ขี้เมาไปทันที เมื่อเลือกที่จะดื่มต่อแล้ว Geralt, Lambert และ Eskel ก็จะคุยเฮฮาตามประสาคนเมาไปจนรู้สึกตัวอีกที Eskel ก็หายตัวไปเควสย่อย No Place like Home ก็จะเริ่มขึ้น Geralt ต้องใช้ Witcher Senses ตามรอยเท้าไปจนพบ Eskel ที่เมานอนกอดแพะอยู่หน้าป้อม พาเขากลับมาดื่มคุยต่อจนสุดท้ายก็ต้องกลับไปนอนและไม่ว่าจะดื่มหรือไม่ดื่มยังไง Geralt ก็จะตื่นเป็นคนสุดท้ายอยู่ดี 


                                  MAIN QUEST – VA FAIL, ELAINE

ตอนเช้าพิธีล้างคำสาปของ Uma ก็เริ่มขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจและไม่เชื่อใจของ Vesemir ที่กลัวอันตรายอาจจะเกิดกับ Uma หากการทดลองผิดพลาด แต่ในเมื่อทุกคนก็เดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องสานต่อกับความเสี่ยงกับความหวังว่างานจะสำเร็จ Yennefer จึงดำเนินการทดลองทันทีโดยให้ Geralt ไปปรุง Potion มาประกอบพิธี




-เดินไปเก็บไอเทมในกล่องบนโต๊ะ เข้าเมนู Alchemy แล้วเลือกผสม Quest Item Decoctions of the Grasses ออกมาแล้วเอายาไปให้ Yennefer การทดลองก็จะเริ่มขึ้น เธอจะให้ Geralt เลือกตัวยาที่จะผสมเข้าไปในหลอดทดลอง ซึงจะมี 3 ชนิด ไม่ต้องกังวลเลือกตัวไหนใส่ก่อนหรือหลังก็ได้



ทันทีที่การทำลองดำเนินไปด้วยเสียงร้องด้วยความทรมานของ Uma และความกังวลของทุกคนกับความเหนื่อยล้าของ Yennefer ผู้ร่ายเวทย์ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเสียงร้องอันเจ็บปวดทรมานของ Uma ก็จบลง จนทุกคนคิดว่าสิ่งที่ทำไปกำลังล้มเหลว แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงๆนึงเล็ดลอดออกมาจากร่างที่เน่าเหม็นของ Uma Yennefer ไม่รอช้าที่จะใช้เวทย์หมดอัดเข้าไปสุดกำลังเพื่อดึงเอามนต์ออกจากร่าง Uma ไปใส่มี่กล่องผลึกเวทย์ที่ Geralt ถืออยู่จนเก็บกักมนดำคำสาปของ Uma เอาไว้ได้หมดร่างของ Uma ก็หมดจดค่อยๆกลายเป็น AVALLAC'H ในทันที..




AVALLAC'H นักปราชญแห่ง Aen Elle อดีตที่ปรึกษากษัตริย์ Aen Elle ที่ครั้งหนึงเคยเป็นครูผู้ฝึกสอนคนนึงของ Ciri และทันทีที่เขาได้สติแต่เพียงน้อยนิดเขาก็บอกถึงเป้าหมายของ Ciri ออกมาทันทีว่าเธอกำลังไปที่ เกาะแห่งหมอก และสิ่งที่เธอกำลังจะต้องพบเจอคือการไล่ล่าของพวก Wild Hunt ที่ต้องการเลือดเอลเดอร์ของเธอในการเปิดประตูมิติ ซึ่งเขาจะยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไม่ได้ ก่อนที่เขาจะมอบเวทย์แสงหิ่งห้อยนำทางให้กับ Geralt เพื่อนำทางผ่านทางไปในทะเลหมอกที่ Skellige เพื่อตามไปช่วย Ciri ก่อนที่พวก Wild Hunt จะมาได้ตัวเธอไปเสียก่อน 

แน่นอน Geralt เตรียมออกเดินทางไปช่วย Ciri ทันที Vesemir ย้ำว่าถึงเวลาที่ควรล่าก่อนจะถูกล่าแล้ว เขาออกคำสั่งให้ Geralt ไปตามหาแล้วพา Ciri มาโดยด่วน และทันทีพวก Wild รับรู้ว่า Ciri อยู่ที่นี่พวกมันก็จะตามมาทันที และสิ่งที่ Geralt ต้องการมากกว่าฝีมือและความกล้าหาญก็คือเหล่าพวกฟ้อง
พันธมิตรของเขาที่ต้องรวมพลเพื่อเปิดศึกกับ Wild Hunt นั่นเอง 



                              MAIN QUEST – BROTHER IN ARMS

ภารกิจนี้เป็นภารกิจรวมพลพรรคพวกพันธ์มิตรตามที่ต่างๆที่เคยช่วยเหลือเอาไว้มาช่วยตอบแทนกลับคืนด้วยการร่วมในกองทัพเพื่อต่อต้านพวก Wild Hunt ทันทีที่ชิงตัว Ciri มาได้


ใน Velen พันธมิตรที่ Geralt ชวนมาช่วยสู้รบได้คือ 
1. KEIRA METZ 
 เงื่อนไขคือ ต้องทำเควสย่อยทั้ง 3 ของเธอคือ  An Invitation, A Favor for a Friend ,For the Advancement of Learning และไม่ได้ฆ่าเธอ
2. Letho of Gulet 
หลังจบ Main Quest: Imperial Audience สำรวจ Notice Board ที่เมือง Lindenvale ใน velen และอ่านจดหมาย "Monster in my Manor!" หากคุณมีเซฟ Witcher 2 อยู่และเลือกไม่ได้ฆ่าเขา ก็จะมีเควสย่อย Ghosts of the Past หากในเซฟภาค 2 คุณฆ่าเขาไปแล้ว ก็จะมีเควสย่อย The Fall of the House of Reardon แทน แต่ถ้าไม่มีเซฟเลย เมื่อผ่าน Main Quest: Imperial Audience ก็จะรับรู้ว่าเขายังไม่ตายและได้เควสย่อย Ghosts of the Past



ใน Novigrad พันธมิตรที่ Geralt ชวนมาช่วยสู้รบได้คือ
1. TRISS MERIGOLD
เงื่อนไขคือ ต้องทำ Main Quest: Now or Never เพื่อช่วยพวกเมจหนีออกจากเมือง แต่ต้องชวน Triss อยู่เพื่อให้ธอไปที่ Kaer Morhen
2. SIGISMUND DIJKSTRA
เงื่อนไขคือใน Main Quest: Count Reuven's Treasure นั้นต้องเลือกใช้แผนให้ Triss เป็นตัวประกันและห้ามสู้กับทหารโดยให้ Triss เป็นคนฆ่า Menge เอง แต่คิดหรอว่าคนอย่างมันจะยอมมา 55+
3. ZOLTAN CHIVAY
เขายินดีสู้ Wild Hunt อยู่แล้ว แต่ก็ต้องทำเควสย่อย Dangerous Games ของเขาด้วย
4. VERNON ROCHE กับ VES
เงื่อนไขคือ ทำภารกิจย่อย  An Eye for an Eye ของพวกเขา



ในเกาะ Skellige พันธมิตรที่ Geralt ชวนมาช่วยสู้รบได้คือ
1. CRACH AN CRAITE
เงื่อนไขคือ ทำเควสย่อย Possesson และ The Lord of Undvik เพื่อช่วยลูกสาวและลูกชายเขา จนจบเควสย่อย Coronation จนได้ราชาของเกาะ แต่ตัวเขามาด้วยไม่ได้แต่จะให้ดาบ FATE มาแทน
2. ERMION
เงื่อนไขคือจบเควสย่อย Coronation จนได้ราชาของเกาะ
3. HJALMAR หรือ CERYS คนใดคนนึงที่คุณเลือกช่วยให้เป็นราชาเกาะ
ทำเควสย่อยของ CERYS คือ Possesson, King's Gambit และ Coronation
ทำเควสย่อยของ HJALMAR คือ The Lord of Undvik, King's Gambit และ Coronation
4. FOLAN และ VIGI
เงื่อนไขคือจบเควสย่อยThe Lord of Undvik ช่วย Folan จากพวก rock troll'sและเอากุญแจมาไขช่วย Vigi ในถ้ำยักษ์น้ำแข็ง

ส่วนความช่วยเหลือจากพวกกองทัพ Nilfgaard นั้นราชา EMHYR VAR EMREIS ยินดีจะช่วยด้วยการส่งกองทหารไปสมทบแต่ นายพล General Voorhis ดันไม่ยินยอมที่จะช่วยก็เลยต้องแห้วกลับมา (ทำใจไว้แล้วล่ะ)



                                               ** ข้อควรจำ **

ทันทีที่ขึ้นสู่ Isle of Mists จากนี้ไปจะต้องเจออีเวนท์เหตุการณ์ต่อเนื่องกันหลายบทโดยที่ไม่สามารถเดินทางไปที่อื่นได้อีกเลยจนจบ Act 2 และเลเวลที่เหมาะสมก็สมควรอยู่ที่ 22 ขึ้นไปจะดีที่สุด ฉะนั้นหากต้องการจะเตรียมตัวให้พร้อมก็แนะนำให้ Manual Save ก่อนที่จะลงเรือเดินทางด้วยก็ดีนะครับ 


                         MAIN QUEST – THE ISLE OF MISTS

-เมื่อพร้อมแล้วก็ลงเรือเล็กที่ท่าเรือตามจุดหมายที่ขึ้นมาทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ARD SKELLIG ซึ่งเกาะแห่งหมอก Isle of Mists ก็คือส่วนเหนือของเกาะร้าง Undvik นั่นเอง ล่องเรือยาวไปจนถึงส่วนในของเกาะ เกมก็จะถามย้ำให้คุณทราบว่า ถ้ายังไม่แน่จริงก็ให้เซฟไว้ก่อนด้วย ทันทีที่เข้าเขตหินโสโครกรอบเกาะที่เต็มไปด้วยหมอก Geralt ก็จะใช้ไอเทมเวทย์หิ่งห้อยของ AVALLAC'H เพื่อให้มันนำทางไปหา Ciri ล่องเรือไปตามแสงนำทางจนขึ้นบนเกาะแล้วลุยตามแสงไปจนถึงกระท่อมหลังนึงเป็นเนินเขา
- Geralt พยายามจะถามคนในบ้านถึง Ciri แต่ดูเหมือนคนด้านในจะไม่ยอมให้ความร่วมมือเพราะพวกเขากำลังกลัวเพราะเพื่อนๆเขาหลายคนหายตัวไปจนหมด ไม่มีทางเลือกที่ Geralt จะต้องช่วยเหลือพวกเขาเพื่อแลกกับข่าวสารของ Ciri จากนั้น 3 คนที่ Geralt ต้องไปตามช่วยกลับมาก็จะขึ้นเป็นจุดหมาย 3 ที่บนเกาะ ลุยไปตามจุดต่างๆจะพบว่า  lvo นั้นต้องจัดการมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆพื้นที่ให้หมดแต่เขาก็ดีใจรีบลงมาหาจนตกลงมาตายก่อน ส่วน Ferenc นั้นกลายเป็นศพไปแล้วเพราะโดนเจ้า Fiend เขมือบ แต่ Geralt ก็ต้องการ Ferenc ในพื้นที่นั่นด้วย
- ที่เหลือก็มีแค่ Gaspard ที่ติดอยู่บนประภาคารที่ต้องไปช่วยพากลับมา ซึ่งระหว่างทางมันก็จะหลับอยู่ตลอดต้องคอยเข้าไปปลุกมันให้ตามมาจนถึงกระท่อม สุดท้ายพวกคนแคะด้านในก็จเปิดประตูออกมารับเพื่อนของเขา และยอมบอกข่าวสารของผู้หญิงผมสีเทาที่ Geralt ตามหาว่า เธอดูไม่ค่อยดีนักตัวเย็นหยั่งกับน้ำแข็ง ก่อนที่พวกเขาจะรีบไปลงเรือหนีจากเกาะนี่




ทันทีที่ Geralt เปิดประตูกระท่อมเข้าไปอย่างช้าๆก็จะพบร่างของ Ciri นอนหมดสภาพอยู่ด้านใน แม้แต่ Witcher ที่ว่ากันว่าหยาบช้าก็ต้องรู้สึกปลื่มใจที่คนที่ตามหาด้วยความเป็นห่วงนั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เมื่อสัมผัสร่างที่เย็นยะเยือกของเธอ Geralt ก็รู้สึกได้ว่า Ciri นั้นไม่มีพลังชีวิตอยู่แล้ว ทั้งผิดหวังและเสียใจ Geralt ทำอะไรไม่ได้นอกจากนำร่างของ Ciri มากอดด้วยความอาลัย ไม่กี่อึดใจลูกไฟเวทย์หิ่งห้อยนำทางที่ AVALLAC'H ให้ไว้ก็จะทำหน้าที่ที่ไม่ใช่แค่นำทางของมันแต่มันสามารถเยียวยาและคืนพลังชีวิต Ciri ได้ด้วยเช่นกัน Geralt ยังคงกอด Ciri แน่นเพราะรู้ไม่ทัน ก่อนที่จะรู้สึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เคยมีผ่านมาระหว่างพ่อกับลูกแห่งนามธรรมก็เมื่อมือของ Ciri สัมผัสที่แผ่นหลังความรู้สึกอบอุ่นก็พลันกลับมาพร้อมความตระหนักรู้ว่า Ciri นั้นยังไม่ตาย ก่อนที่  2 พ่อลูกจะนั่งคุยกันหลังจากชะตากรรมทำให้ไมได้เจอกันนานหลายปี




Geralt – หวังว่าที่อาจารย์ Vesemir เคยสอนไปทั้งหมดหนูคงไม่ลืมไปหมดแล้วนะ 
Ciri – “ วิชเชอร์ ลืมที่จะกิน ดื่ม หรือ ลืมหายใจได้ แต่วิชเชอร์จะไม่มีวันลืมใส่ใจดาบของตัวเอง” 
Geralt – หึหึ ใช่ ท่องจำและใช้มันแบบที่ไม่มีวันเบื่อเลยล่ะ 
Ciri – เออแล้ว มอนสเตอร์ตัวไหนหรอที่มันเล่นงานพ่อได้จนเป็นแผลที่ตาซ้ายนะ หนูลืมไปแล้ว
Geralt – Souvenia จาก Cockatrice แห่ง Sapalla ก็แค่งานๆนึงไม่มีอะไรพิเศษหรอกน่า แล้ว ยารักษาที่หนูทำก็ดีไม่ใช่เล่นนะ
Ciri – AVALLAC'H ให้สูตรยาพิเศษกับหนูมาคะ จนกระทั้งเขาถูกคำสาปนั่น มันคงจะดีมากถ้าเขาอยู่ด้วยตอนนี้
Geralt – เราล้างคำสาปให้เขาแล้ว ตอนนี้เขารออยู่ที่ Kaer Morhen
Ciri – ห๊า นี่พูดจริงหรอคะ ! โห ถือว่าเป็นข่าวดีแรกที่ได้ยินหลังจากที่ตื่นมาเลยนะเนี้ย
Geralt – หนูเชื่อใจเขาหรอ ? 
Ciri – AVALLAC'H หรอ เขาไม่เคยทอดทิ้งหนูด้วยซ้ำ ไม่เคยซักครั้งจริงๆ
Geralt – ทำไม AVALLAC'H ถึงช่วยหนูละ ปกตินักปราชญอลฟ์พวกนี้ไม่สนใจพวกมนุษย์หรอกนะ
Ciri – เขาบอกไม่ได้ทำเพื่อปกป้องหนู แต่เพื่อปกป้องพลังของหนู แค่นั้นแหละที่รู้ เขาพยายามจะสอนการควบคุมพลังให้ก่อนที่ EREDIN ราชาของ Wild Hunt จะได้ตัวหนูไป 
Geralt – รู้มั๊ยว่า EREDIN มันจะเอาพลังของหนูไปใช้ทำอะไร แผนมันคือ ?
Ciri – ก็อย่างที่ทุกคนรู้แหละคะ ควบคุมพลังของหนู โลก “Aen Elle” ของมันที่อยู่อีกมิติกำลังจะแตกสลาย มันก็เลยกะจะยกพลมาบุกโลกของเรา ฉลาดมั๊ยละพวกมัน พลังเทเลพล็อตอันต่ำต้อยของพวกมันคงทำแบบนั้นไมได้ง่ายๆ แต่ พลังของหนูจะสามารถพากองทัพมหาศาลของพวกมันผ่านมิติข้ามมาได้อย่างสบาย 
Geralt – แล้วหนูไปเจอ AVALLAC'H และร่วมทางกันได้ไงละ ?
Ciri – ก็ตั้งแต่ตอนที่จากกับพ่อและ Yen ที่เกาะ Avalon นั่นแหละ หนูก็เริ่มรับรู้ได้ว่ามีอะไรบาอย่างกำลังไล่ตามอยู่ ก็ EREDIN กับพวกของมันนั่นแหละ หนูหนีไปหลายมิติเลยเชื่อมั๊ย พวกมันก็ยังไล่ล่าจนเกือบจะจับตัวหนูได้ตลอด จน AVALLAC'H ปรากฏตัวขึ้นแล้วพาหนูหลบหนีไปยังอีกมิตินึงที่ EREDIN มันตามหาไม่เจอ หนูอยู่ที่นั่นเกือบครึงปี 
Geralt – โลกแบบไหนกันที่ EREDIN และพวก Wild Hunt มันจะหาไม่เจอ ?
Ciri – พ่อต้องไม่เชื่อแน่ๆ คนที่นั่นมีหัวเป็นเหล็กและพื้นที่ที่นั่นกว้างมากจนต้องใช้การเทเลพล็อตในการเดินทางเป็นชีวิตประจำวัน ที่นั่นไม่มีม้าทุกคนมียานเหาะบินได้กันทุกคนอ่ะ
Geralt – พอเลย หยุดโม้อย่ามาอำพอได้มั๊ย 
Ciri – ก็บอกแล้วว่าพ่อจะไม่เชื่อ รู้งี้อยู่ที่นั่นต่อก็ดี 
Geralt – แล้วหนูออกมาทำไมละ ?
Ciri – ก็ตอนนั้นพวก Wild Hunt มันหายเงียบไปนานเลย หนูก็เลยคิดว่าปลอดภัยแล้ว และอีกอย่าง หนูอยากมาตามหาพ่อกับ Yen ด้วยคะ 
Geralt – หนูตามหาพ่อ พวกเราก็ตามหาหนู สุดท้ายมันก็เลยกลายเป็นต่างฝ่ายต่างวิ่งไล่จับเป็นวงกลมไง 
Ciri –  ไม่แปลกหรอก หนูก็แค่ด้นสดแบบลุยไปข้างหน้าไม่ให้มันจับเราได้ จนมาล้อมเราได้ที่เกาะ Skellige EREDIN ใช้คำสาปใส่ AVALLAC'H จนกลายเป็น Uma มันไม่ต้องการฆ่าเขาเพราะอยากให้อับอาย ตอนนั้นหนูคิดว่าจบกันแน่ๆแล้ว 
AVALLAC'H เปิดประตูมิติให้หนูหนีมาคนเดียวจนมาที่ velen หนูไม่มีทางเลือกที่จะไปตามาหา AVALLAC'H ที่ถ้ำของเขาแต่ก็ไม่เจอ สุดท้ายก็ต้องมาลงเอ่ยกับพวกแม่มดที่ Crookback bog นั่น หนูหนีจากพวก Crone จนมาเจอ Baron ที่นั่นหนูได้สัมผัสถึงสัญชาติญาณการล่าของหนูด้วยนะ อยู่นานก็เริ่มจะผูกพันจนกลัวว่าพวกเขาจะซวยเพราะหนู ก็เลยตัดสินใจไปที่ Novigrad เพื่อตามหาพ่อกับ Yen 
Geralt – แล้วไปเจอกับคนอย่าง Whoreson มันได้ยังไง ?
Ciri –  ก็หนูไม่เจอพ่อกับ Yen แล้วก็ต้องการคนที่จะซ่อมกล่องผนึกเวทย์ของ AVALLAC'H ได้ด้วย Dandelion ก็เลยแนะนำให้ไปหามัน หนูก็รู้อยู่ว่า Whoreson มันชั่วแต่ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกจริงๆ  แต่อย่าไปว่า Dandelion เลย เขาพยายามช่วยหนูจนสุดท้ายโดนจับซะเองด้วยซ้ำ   
Geralt – สุดท้ายที่นั่นก็เลยเละเป็นโจ๊ก
Ciri –  โธ่ ก็มันหลอกหนูแถมยังจับตัว Dudu ไปอีกให้ทำไง ?
Geralt – แล้วหนูกลับมาที่ เกาะ Skellige อีกทำไม 
Ciri –  อุบัติเหตุนะ หนูนึกถึงตอนที่เคยว่ายน้ำกับ Hjalmar ที่นั่นตอนเด็กๆมันก็เลยไปโผล่ที่นั่น 
Geralt – เดี๋ยวนะพ่อนึกว่าหนูกับ AVALLAC'H ไปหาอะไรที่นั่นเสียอีก  
Ciri –  เปล่าคะ เพราะถ้าหนูตั้งใจที่จะเทเลพอร์ทไปไหนพวก EREDIN มันจะจับพลังได้จนตามไปถูกไง แต่สุดท้ายพวกมันก็มา บุกถล่ม Lofoten จนราบ หนูพยายามสู้จนก็ต้องหนีอีก จากนั้นก็สลบไป หนูฝันประหลาด ว่าติดอยู่ในหอคอยที่ไหนซักแห่งและเมื่อพยายามหนีก็จะถูกพากลับมาที่เดิมตลอด  
Geralt – พอคิดว่าหนูตายไปแล้วเสียอีก ตัวเย็นเฉียบแล้วก็ไม่มีลมหายใจด้วย 
Ciri –   แล้วพ่อก็มา … 
Geralt – ใช่ วุ่นกับพวกคนแคะพักใหญ่ก่อนด้วย ...เอาละเราควรต้องไปแล้ว เรือพ่อจอดอยู่ที่ท่าเรือ จากนั้นเราก็ขี่ม้าต่อจนถึง Kaer Morhen
Ciri –   หนูพาเทเลพอร์ทไปง่ายกว่ามั๊ย?
Geralt – ไหนบอกว่าเดี๋ยวพวก Wild Hunt มันจับทางได้ไง แต่จริงๆแล้วพ่อเกลียดการเทเลพอร์ทมากจำได้มั๊ย ฉะนั้นพึ่งเจ้า Roach นั่นแหละดีแล้ว 

สุดท้ายเมื่อมาถึงท่าเรือก็พบว่าเรือนั้นถูกพวก Draft ขโมยหนีออกจากเกาะแล้ว ในขณะที่อีกด้านเรือของพวก Wild hunt ก็บุกเข้ามาถึงที่นี่แล้ว Geralt จึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องให้ Ciri ใช้การเทเลพอร์ตพาหนีออกจากที่นี่ ถึงแม้ว่าหากทำแล้วจะทำให้พวก Wild Hunt รู้ตำแหน่งของ Ciri อีกครั้ง แต่ Geralt ก็มั่นใจว่ามีแผนรับมือของเหล่าพันธมิตรแห่ง Kaer Morhen นั้นพร้อมรอรับพวกมันอยู่แล้ว 



ทันทีที่ Ciri เทเลพอร์ตกลับมาที่ Kaer Morhen ได้สำเร็จ ก็จะพบการต้อนรับและกอดอันอบอุ่นของทั้ง อาจารย์ Vesemir พี่ Triss และ แม่ Yennefer อีกครั้ง แต่ก่อนที่จะดีใจจนลืมสถานการณ์ อาจารย์ Vesemir ก็จะแจ้งว่าเหล่าพันธมิตร์ต่างๆที่ Geralt ไปเชิญตัวมานั้นพร้อมอยู่แล้ว และสำหรับ Ciri นี่ไม่ใช่การหนีหัวซุกหัวซุนอีกแล้ว แต่เป็นการกลับบ้านที่ล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวที่พร้อมแล้วที่จะปกป้องเธอจากพวก Wild Hunt ตัวร้ายที่หมายจะชิงตัวเธอไป  


                         MAIN QUEST – THE BATTLE OF KAER MORHEN

ในห้องประชุม Geralt กล่าวต้อนรับเหล่าสหายร่วมรบถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้



Geralt – ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ Yennefer ,TRISS MERIGOLD และ KEIRA METZ สหายเมจอันเป็นที่รักของข้า ,VERNON ROCHE และ VES หน่วยรบพิเศษแห่ง Termeria , HJALMAR และ ERMION ตัวแทนจากราชินี CERYS แห่ง Skellige , FOLAN มือธนูจาก UNDVIK ดินแดนที่สูญสลาย และ ZOLTAN CHIVAY Dwarf สุดกร่างสหายเก่า อีกไม่นานกองทัพ Wild Hunt จะบุกมาที่นี่เพื่อชิงตัว Ciri และพวกเราจะไม่มีวันให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่นอน แผนของเราคือ Yen คุณต้องอยู่บนดาดฟ้าป้อมเพื่อสร้างเวทย์บาเรียไม่ให้ Wild Hunt เล็ดรอดเข้ามาได้ 
Lambert –ข้าว่าข้าสามารถลอบจัดการพวกศัตรูหน่วยเล็กตามป่าได้นะเป็นการตัดกำลังของมัน
Geralt – ได้นั่นข้าเอาด้วย
Yennefer – ที่สำคัญคือจุดเทเลพอร์ทของพวกศัตรู ที่จะกระจัดการะจายกันไปทั่วจะทำยังไง ชั้นไม่มีเวทย์ที่จะจัดการกับมันด้วย คุณควรทำลายจุดเทเลพอร์ทของพวกมันตั้งแต่ในป่าให้หมดด้วย
Geralt – ข้าหวังพึ่งระเบิด Dimeritium ของ Lambert 
Yennefer – งั้นดีเลยชั้นจะให้ Amulet ที่ใช้อำพรางตัวเพื่อลอบเข้าไปทำลายมันได้ง่ายขึ้น และเมื่อทำลายจนหมดแล้วส่งสัญญาณให้ Triss เธอจะปล่อยระเบิดถล่มใส่พวกมันที่เหลือเอง   
 Ciri – แล้วชั้นละต้องทำอะไร
Yennefer – เธอต้องอยู่ได้ป้อม เพราะถ้าพวกมันผ่านเข้ามาได้เราจะได้ป้องกันเธอได้ง่ายขึ้น 
Ciri – ไม่เอาน่า ชั้นดูแลตัวเองได้นะ
Vesemir – ไม่มีใครบอกอย่างนั้นหนูน้อย อย่าลืมสิหลักสำคัญในการล่ามอนสเตอร์ที่ข้าสอน ?
Ciri – เฮ้ออ ..รอจนกว่าโอกาสดีๆจะมาถึง คะ
Triss – เดี๋ยวชั้นจะให้ Amulet เวทย์ไฟอันใหม่ไว้ให้ใช้ป้องกันตัวด้วยไม่ต้องห่วง 
Geralt – เอาละ อย่าลืมว่าเราต้องประสานกำลังกันเพราะถ้าพวกมันผ่านเข้ามาในป้อมได้จนถึงด้านในทุกอย่างก็จบ แล้วใครมีแผนอะไรจะเสนออีกมั๊ย ? 
Roche – ข้าว่าใช้กับดักกับพวกมันตามป่าก็น่าจะดีนะ เราถนัดการรบแบบนั้น 
ERMION – ข้าว่าพวกไอเทมก็สำคัญนะ ทั้งเรื่องระเบิดหรือ Potion ต่างๆ 

** ตรงนี้สามารถเลือกแผนได้ว่า ** 
แผน Laboratory จะเน้นใช้พวก Potion ต่างๆ จะทำให้ได้รับไอเทมๆดีและดาบ Winter Blade มาใช้ด้วย
แผน Workshop วางกับดัก (Trap) จัดการศัตรู ซึ่งจะส่งผลให้ป่าศัตรูลดน้อยลง

** Vesemir จะให้เลือกแผนป้องกันป้อมระหว่าง **  
 Patch up the wall เสริมกำลังด้วย Savolla's breach 
 Clear the armory ทำให้สามารถใช้ประโยขน์จากจุดช่วยเหลือรอบๆกำแพงได้ 
** 2 แผนนี้เลอะเทอะครับจะเลือกอะไรก็เลือกไปไม่ต้องไปใส่ใจมากเพราะไม่สงผลอะไรต่อการต่อสู้เลย ** 

Vesemir – เอาละสรุปแผน Yennefer ใช้เวทย์บาเรียสร้างเกราะป้องกันป้อมชั้นใน ส่วน Geralt และ Lambert พรางตัวอยู่ในป่าหน้าป้อมรอกองทัพศัตรูผ่านเข้ามาทำลายจุดเทเลพอร์ตมันให้หมดด้วยระเบิด Dimeritium จากนั้นส่งสัญญาณให้ Triss เพื่อทิ้งบอมบ์ด้วยเวทย์ลูกไฟเข้าไปถล่มพวกที่เหลือในป่า 
Geralt – และถ้าพวกมันเข้ามาในป้อมด้านในได้ให้ถอยไปจนถึงลานด้านในสุดนั่นแปลว่าทุกคนต้องถอยลงไปในชั้นใต้ดินพื่อหนีจากที่นี่ และที่สำคัญที่สุดคือ Ciri เราจะให้ EREDIN ได้ตัวเธอไปไม่ได้เด็ดขาด 

-ทันทีที่ไอเย็นแห่งความหายนะที่กองทัพ Wild Hunt เหยียบย่างมาถึง Yennefer ก็เริ่มใช้เวทย์บาเรียสร้างเกราะป้องกันป้อมทันที ส่วน Geralt และ Lambert พรางตัวเข้าไปในป่าจนจุดหมาย 3 ที่ปรากฏขึ้นเป้าหมายคือใช้ระเบิด Dimeritium ทำลายจุดเทเลพอร์ทสีเขียวๆของศัตรูให้หมด (กดเลือก Dimeritium Bomb ในช่องไอเทมด้านล่าง) อยู่ในสภาพหายตัวก็จริงแต่ทันทีที่ขวางระเบิดไปศัตรูมันก็เข้าโจมตีทันทีอยู่ดี เมื่อทำลายจุดเทเลพอร์ททั้ง 3 แล้ว Geralt จะส่งสัญญาณให้ Triis ทิ้งระเบิดเวทย์ไฟลงมา ในขณะที่ IMLERTH นายพลแห่ง Wild Hunt ก็นำไพร่พลเข้ามาถึงที่นี่แล้ว แต่ปรากฏว่าเธอเงียบหายไปไม่ตอบสนองตามแผนที่วางเสียแล้ว



-ทางด้าน Ciri ที่สังเกตการณ์ในป้อมเริ่มเริ่มเห็นว่า Triss ไม่ยิงเวทย์ตามแผนเธอจึงพยายามที่จะเข้าไปดู Triss ในขณะที่ Vesemir พยายามขัดขวางไม่ให้เธอไปแต่ดูเหมือนงานนี้ต้องพึ่ง Ciri ให้ไปช่วย Triss เพราะเขาเองก็ติดศึกอยู่ตรงนี้ Ciri จึงได้ออกศึกอีกครั้งด้วยความสามารถใหม่ๆคือ
Magic Amulet กด RB โจมตีด้วยเวทย์ลูกไฟขนาดใหญ่รอบตัว
Charge กด Y ค้างชาร์ทพลังพุ่งโจมตีด้วยท่าแทงดาบอย่างรุนแรง
Blink กด RT ค้างแล้วตามด้วย X ท่า Teleport โจมตีอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ลุยเข้าไปที่จุดหมายคือจุดที่ Triss 5ถูกศัตรูล้อมอยู่ จัดการพวกมันให้หมด



-ทางด้าน Geralt และ Lambert ที่ต้องสู้กับศัตรูมากมายที่เทเลพอร์ทมาเพิ่มเพราะ Triss ผิดแผนก็ต้องรีบหนีออกจากพื้นที่เพราะ Triss เมื่อไม่มีศัตรูกวนใจแล้วเธอก็ปล่อยบอมบ์ลูกไฟออกมาทั่วป่าทันที ทั้งคู่เลยต้องรีบขี่ม้าหลบลูกไฟเข้ามาจนถึงในป้อม Vesemir จะรีบสั่งให้ Geralt ไปสับคันโยกปิดประตูหน้าป้อมทันที พยายามละจากศัตรูแล้วปีนไปสับคันโยกปิดประตูก่อนแล้ว Vesemir จะสั่งให้ไปช่วย Lambert ซึ่งจะเป็นการจัดการศัตรูรอบเดียว จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปที่ประตูด้านในของป้อมจัดการศัตรูที่จุดของ ERMION ให้หมด  Vesemir จะสั่งให้ไปช่วย Triss ต่อ จัดการศัตรูที่จุดของ Triss ให้หมด

ทางจุดของ Eskel ที่อยู่ด้านในของประตูนั้นกำลังจะพบศึกหนักกับทัพของ CARANTHIR นักเวทย์ประจำกองทัพ Wild Hunt แถม Geralt และ Vesemir ก็ไม่สามารถเข้าประตูจากอีกด้านได้ด้วย  Ciri ที่อยู่ใกล้กว่าเลยห้าวต่อที่จะไปช่วย Eskel ทันที และ Ciri เข้ามาช่วย Eskel เอาไว้ได้ทันเวลาจนได้ปะทะกับ CARANTHIR ไปหลายกระบวนท่าแต่ก็มากพอที่ทำให้รู้ว่า Ciri นั้นแข็งแกร่งพอที่จะทำให้มันบาดเจ็บได้ไม่ยาก ก่อนที่ CARANTHIR จะถูกแม่ทัพเรียกตัวไปจนต้องปล่อยพวก Wild Hunt ที่เหลือเข้าโจมตี Ciri และ Eskel ต่อ จากนั้นก็จัดการพวก Wild Hunt ให้หมด แล้วไปเปิดระตูให้ Geralt และ Vesemir เข้ามาด้านใน



เมื่อ Geralt เข้ามาด้านในได้สิ่งแรกที่ต้องทำคือบ่น Ciri ก่อนเลยแต่คงจะบ่นช้าไปเพราะห้าวไปแล้วทำไงได้ จากนั้น Vesemir จะให้ระเบิด Dimeritium กับ Geralt เพื่อให้ทำลายจุดเทเลพอร์ตของพวก Wild Hunt ที่กำลังบุกเข้ามาทางประตูหน้าแล้ว ใช้ระเบิด Dimeritium ทำลายจุดเทเลพอร์ต 2 จุด ซึ่งตรงนี้ศัตรูจะเยอะมากจนอาจขว้างทางระเบิดหรือปาผิดเพราะเป้าที่ล็อกมั่ว ก็สามารถผสมเอาเองได้เลยไม่มีหมดหรือเก็บเอาที่รอบๆพนังด้านในป้อมเอาก็ได้



ทันทีที่ Geralt จัดการศัตรูจนหมดแล้วพยายามจะเข้าไปต้านที่ประตูหน้าก็พบว่าไอเย็นมหาศาลที่รุนแรงกำลังแพร่กระจายเข้ามาจนทำให้บาเรียของ Yen นั้นถูกทำลายไปทันทีพร้อมๆกับประตูหน้าที่ถูกกระแทกจนกระเด็นเปิดออกทำให้ Geralt ที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ทันตั้งตัวจึงโดนไอเย็นปีศาจเข้าไปเต็มจนร่างถูกแช่แข็งไปทันที ไม่ต่างอะไรกับ Eskel ที่โดนไอเย็นไปเต็มเช่นกัน โขคดีที่ Vesemir พยายามช่วย Ciri ให้พ้นอันตรายไปได้ทัน



แต่ก็ดันไปเจอกับแม่ทัพ IMLERTH ที่เข้ามาซัดจน Vesemir กระเด็นไปจนราชา EREDIN เข้ามาจับตัว Ciri เอาไว้ได้ Vesemir เอาตัวเองเข้าไปขัดขวางจนช่วย Ciri ไว้ได้แต่เขาก็ถูก IMLERTH จับตัวไว้ได้ EREDIN ราชา Wild Hunt ยืนข้อเสนอให้ Ciri ยอมมอบตัวโดยแลกกับชีวิตที่อยู่กำมือของแม่ทัพ IMLERTH Ciri จึงไม่มีทางเลือกที่ต้องทิ้งดาบเพื่อช่วชีวิตอาจารย์ Vesemir ไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นข้อต่อรองจนต้องเสีย Ciri ไปจึงพยายามสู้กับ IMLERTH จนแทงมันได้แต่สุดท้ายก็ต้องถูก IMLERTH หักคอจนตายคามือ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ Vesemir ที่ไม่ต้องการให้ Ciri ยอมให้จับเพราะมีเขาเป็นข้อต่อรอง




ด้วยความเสียใจ ตกใจและโกรธแค้น Ciri ระเบิดพลังของเธอออกมาโดยไม่ตั้งใจ เสียงที่แผดร้องดังลั่นมันทรงพลังจนพวก Wild Hunt ทั้งหมดต้องแตกพ่ายหนีกระเจิงเพราะทนไม่ไหว แม้แต่ EREDIN ราชาแห่ง Wild Hunt ที่ทรงพลังยังถึงกับต้องเจ็บปวด แต่มันก็พยายามอย่าสุดความสามารถที่จะเข้าไปเพื่อจับตัว Ciri แต่ CARANTHIR เห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาราชาของมันหนีเข้าจุดวาร์ปไปก่อนที่จะอาจจะตายคาที่เพราะพลังของ Ciri แต่หลังจาก Wild Hunt กระเจิงไปจนหมดแล้ว พลังของ Ciri ก็ไม่มีทีท่ามาจะหยุดและมันกำลังจะกลายเป็นหลุมมิติที่จะดูดทุกอย่างรอบตัวให้หายไปในช่องว่างของมิติจนหมดรวมทั้ง Geralt และ Eskel แต่ก็ได้ AVALLAC'H ที่เข้ามาเห็นได้ใช้เวทย์บางอย่างทำให้ Ciri หยุดใช้พลังและสลบไปในที่สุด ทำให้ Geralt และ Eskel รอดอย่างหวุดหวิด 


                                MAIN QUEST – BLOOD ON THE BATTLEFIELD 

เฉกเช่นคำกล่าวของเหล่า Witcher ที่ว่า “จะไม่มีวิชเชอร์คนไหนนอนตายอย่างสบายบนเตียงตัวเอง” ในจุดที่เงียบสงบที่สุดของเนินเขาแห่ง Kaedwen เป็นที่สิงสถิตถ์สุดท้ายของ Vesemir อาจาร์ย และ พ่อ ที่เหล่า Witcher เคารพนับถือมายาวนาน ที่สิ้นลมอย่างห้าวหาญที่เพราะเข้าขัดขวางศัตรูที่จะทำลายลูกศิษฐของเขา ดอกไม้สีขาวแทนความอาลัยของ Ciri ปิดท้ายก่อนจากไกลด้วยคบเพลิงในมือ Geralt ปิดฉากตำนานแห่งขุนเขา Kaer Morhen แห่ง Kaedwen ไปตลอดกาล 





หลังเสร็จงานแล้วทักทายเพื่อขอบคุณทุกคนในงานให้หมด ท่ามกลางความสับสนและเสียใจ Geralt ก็ต้องไปวางแผนต่อไปกับ AVALLAC’H, Yen และ Triss ว่าจะเอายังไงกันต่อท่ามกลางความโกรธแค้นของ Ciri 





Geralt – จริงๆมันก็พูดยากนะ Avallac’h แต่ก็ขอบคุณแล้วกันที่ช่วยเหลือ สำหรับที่ช่วยดูแล Ciri มาตลอด 
Avallac’h – เอาไว้ขอบคุณข้าที่หลังเถอะ ตอนนี้ต้องพา Zireael (ชื่อของ Ciri ในภาษาเอลฟ์) ไปซ่อนตัวก่อน คงต้องใช้พลังเวทย์ที่สูงกว่านี้ในการปกปิดที่อยู่ด้วย 
Yennefer – เราถึงจำเป็นต้องพึ่งศัตรูของเราไง เพราะการที่ต้องใช้เวทย์ระดับสูงในการปกป้อง Ciri เราจำเป็นต้องใช้พวกผู้ใช้เวทย์มนต์อื่นๆอีก เพื่อใช้การผสานเวทย์มนต์ 
Triss – นี่เธอหมายถึง The Lodge หรอ ?
Geralt – The Lodge ส่วนใหญ่ไม่ตายก้หายสาบสูญ จะหายังไง 
Yennefer – Philippa Eilhart , Margarita Laux – Antille , Fringilla Vigo พวกนี้ยังไม่ตายนะ 
Triss – หรือ Francesca หรือ Ida พวกเธอคงยอมช่วยหรอก 
Yennefer – คิดว่าได้เพราะพวกเธอต้องการการลดโทษ เธอละไปคุยกับ Keira รึยัง 
Geralt – พวกแม่มดกลุ่ม The Lodge เชื่อไม่ได้สักตัว แต่ก็ช่วยไม่ได้เราไม่มีทางเลือก 
Yennefer – ยังไงชั้นก็ต้องไปรายงานกับราชาถึงแผนนี้ด้วย พวก The Lodge ยังไงก็ต้องยอมหากได้อภัยโทษ ชั้นว่ามันเป็นข้อต่อรองที่ดีพอนะ เออ Triss ชั้นคงต้องออกเดินทางวันนี้เลยเธอไปด้วยกันหน่อยนะ  
Ciri – ให้ตายเถอะ เลิกวางแผนโดยไม่สนใจจะถามกันซะที หนี หลบซ่อน น่าเบื่อ พอทีเหอะ เบื่อที่ต้องหลบต้องแอบต้องรอเต็มที ! ไม่นานเราก็ต้องตายอยู่ดี ไปฆ่าพวกมันให้จบๆไปเลยดีกว่า 
AVALLAC’H – สิ่งที่เราทำได้คือต้องฝึกเธอให้ควบคุมพลังตนเองให้ได้ก่อน เห็นกันแล้วนี่ว่าพลังของเธอทำให้พวก Wild Hunt กระเจิงกันหมด
Geralt – ก็ได้ๆ เราจะอยู่ที่นี่ซักพักแล้วค่อยไปเจอกันที่โรงแรมของ Dandelion ที่ Novigrad แล้วกัน  

หลายวันต่อ.... มาขณะที่การฝึกของ AVALLAC’H ดำเนินไป Ciri ก็ยังคงโวยวายถึงความไม่ได้ดังใจที่เธอยังทำไม่ได้ตามที่สอนอยู่ดี จน Geralt ต้องเข้าไปช่วยพูดเพื่อให้เธอสบายใจ Ciri ไม่เข้าใจจึงถาม Geralt ว่าทำไมไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาถึงได้มีสติได้ตลอด ซึ่ง Geralt ต้องเลือกตอบเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น




การเลือกตอบนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของ Ciri ในตอนจบด้วย โดยต้องเลือกระหว่าง

1- "Relax; you don't have to be good at everything." ใจเย็น เราไม่ได้ทำอะไรได้ดีเสมอไป ฟังดูดี แต่เป็นการเลือกที่ผลทางลบ
2- "Think I know what might lift your spirits."  ที่รู้คือมันเป็นฝึกการยกระดับจิตใจ



 ซึ่ง Geralt จะชวน Ciri เล่นปาหิมะ ซึ่งนอกจากจะได้เล่นมินิเกมปาหิมะกับ Ciri ที่ดูอบอุ่นแล้วยังส่งผลทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นและพร้อมที่จะฝึกอีกครั้งอย่างผ่อนคลายด้วย จึงจะเป็นการเลือกที่ผลทางบวกกับ Ciri ที่สมควรเลือก

เช้าวันต่อมา.... Ciri จะเข้าไปปลุก Geralt แต่เช้า เพราะเธอตั้งใจจะชวน Geralt ไปภูเขา Bald Mountain ใน Velen เพราะใกล้จะถึงเทศกาล Sabbath หรือวันหยุดของพวกแม่มด และคนที่จะมาเป็นเกียรติในงานก็คือ IMLERTH นายพลแห่ง Wild Hunt ที่ลงมือฆ่า Vesemir แน่นอนว่าเธอต้องการไปที่นั่นเพื่อจัดการฆ่า IMLERTH เพื่อแก้แค้นให้อาจารย์ของเธอ
เพราะทุกคนในงานจะเมากันจนไม่ทันระวังตัว Geralt ต้องเลือกตอบระหว่าง





1.- "Gotta visit the emperor first."  Geralt จะบอกว่า Ciri ควรจะไปหาราชา Emyhr ที่  Vizima ก่อน
2. - "All right, Velen it is." ทั้งคู่จะเดินทางไปยัง Bald Mountain และก็จะเข้าสู่ ACT III ทันที

                        ซึ่งมันจะส่งผลต่อชะตากรรมของ Ciri ในฉากจบด้วย

*ถ้าเลือกข้อแรก* Ciri จะถามว่าเธอควรไปจริงๆหรอ ? ให้เลือกตอบยืนยันว่า You Should Go เธอสมควรต้องไป  Geralt  ก็จะพา Ciri ไปหาราชา Emyhr ที่  Vizima ซึ่งจะเป็นเควสย่อย Father’s Day ทันที เมื่อเข้าเฝ้าราชา Emyhr เขาก็จะให้เงินรางวัลที่ช่วยพา Ciri กลับมาโดย Geralt สามารถเลือกได้ว่า จะรับหรือไม่รับเงินรางวัลก็ได้ โดยหากเลือก Refuse to accept the coin คือไม่รับเงินรางวัลเพราะที่ตามหา Ciri ไม่ใช่เพราะเงินแต่เพราะความเป็นห่วง Ciri ก็จะยิ้มหน้าบานเลย และ Geralt ก็จะไม่ส่งตัว Ciri ให้กับราชา Emyhr ด้วย จึงจะเป็นการเลือกที่ผลทางบวกกับ Ciri ที่สมควรเลือก 


                                                  ACT III – THE FINAL AGE

                                                 [Part 1 – Tying up Loose Ends]


                                          MAIN QUEST – BALD MOUNTAIN 


หลังจากที่พา Ciri ไปพบราชา Emyhr แล้ว Geralt กับ Ciri ก็เดินทางมายังหมู่บ้านเชิงเนินเขาแห่งต้นโอ๊คใหญ่ที่ Velen เพื่อเป้าหมายที่จะสังหาร IMLERTH เพื่อแก้แค้นให้อาจารย์ Vesemir ตามเจตนารมณ์ของ Ciri ท่ามกลางงานฉลองเทศกาล Sabbath หรือวันขอบคุณแม่มด (ประมาณวันขอบคุณพระเจ้านั่นแหละ) เมื่อ Geralt กับ Ciri มาถึง หัวหน้าหมู่บ้านก็ออกมาต้อนรับ และเล่าถึงความสำคัญของงานนี้ที่เหล่า Lady ทั้ง 3 ที่ดูแลชาวบ้านมาตลอดดทั้งเรื่องผลิตผลและความเป็นอยู่โดยแลกกับการขอเด็กๆในหมู่บ้านไปดูแล ซึ่งก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนสงสัยไคร่ถามว่า Lady ทั้ง 3 ต้องการเอาเด็กไปทำมิดีมิร้ายยังไง หัวหน้าหมู่บ้านยินดีอย่างยิ่งที่จะเข้าพบ Lady แต่ก็จำเป็นต้องไปขออณุญาติแม่เฒ่า Thecla ก่อน





เดินขึ้นไปด้านบนของหมู่บ้านระหว่างทางจะพบ Johnny ที่นี่ด้วย จากนั้นเข้าไปที่ระท่อมของแม่เฒ่า Thecla หญิงตาบอดที่ได้สามารถสื่อสารกับ Ladys ได้ เธอต้องการให้ Ciri เข้าไปพบ Lady ตามลำพังเท่านั้น และแน่นอนว่า Geralt คงไม่ยอมและเมื่อไม่ยอมแม่เฒ่า Thecla จึงให้ Geralt ทดสอบโดยการโดดลงไปในบ่อน้ำในหมู่บ้านและงมเอาเหรียญมาให้เธอ จากนั้นก็โดดลงไปในบ่อแล้วเก็บเหรียญกลับขึ้นมาให้เธอ แม่เฒ่า Thecla ก็จะให้ Marica นำทางไปเปิดประตูทางเข้าถ้ำใต้ต้นโอ๊คให้เพื่อให้ไปพบ Ladys ตามสัญญาและถ้าเจอคนเฝ้าประตูด้านในก็จงเอาเหรียญที่เก็บได้ให้เขาเพื่อผ่าทาง

- เมื่อเข้าประตูด้านในมาได้จะเข้ามาถึงโถงถ้ำกลาง ก่อนลงไปนั้นเตรียบเคลือบดาบด้วย Relict Oil ได้เลย เพราะจะพบปีศาจขนาดใหญ่นามว่า FUGAS รออยู่และเมื่อ Geralt เอาเหรียญให้มัน มันก็จะเข้ามาโจมตีทันทีซึ่งแปลว่า Geralt กับ Ciri โดนยัยเฒ่า Thecla หลอกซะแล้ว ช่วยกันกับ Ciri จัดการ




Boss FUGAS ซึ่งมันจะแพ้น้ำมัน Relict Oil และเวทย์สะกดไฟ Igin หลังจากจัดการมันได้แล้ว Geralt กับ Ciri จะแยกทางกันจัดการเป้าหมาย แต่ดูเหมือน IMLERTH มันคงจะเกินกำลังของ Ciri ไปตามความคิดของ Geralt เขาจึงแลกเปลี่ยนกับเธอโดยให้ Ciri ไปจัดการเหล่า Ladys ทั้ง 3 แทน ซึ่งแน่นอนว่า Ciri ไม่ยอมเพราะเธอต้องการฆ่า IMLERTH ด้วยมือเธอเอง แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้เป่ายิงฉุบ จนต้องเปลี่ยนแผนไปจัดการพวก Ladys แทนด้วยความเซ็ง โดย Geralt ต้องไปจัดการ IMLERTH บนเนินเขาส่วน Ciri ต้องเข้าไปในถ้ำด้านในสุดเพื่อจัดการ Ladys Crones ทั้ง 3


-Ciri เดินทางเข้ามาในถ้ำด้านในจนถึงโถงถ้ำที่เป็นที่อยู่ของ Ladys ทั้ง 3 Whispess, Weavess และ Brewess ที่กลายร่างจาก 3 สาวหุ่นงามกลายเป็นหุ่นทรามเข้ามาสู้พร้อมๆกัน พวก Crones นั้นค่อนข้างอึดและหายตัวไปมาบ่อย โดยเฉพาะ Weavess ตัวหัวหน้าที่กลายร่างเป็นนกได้ แต่ Ciri ก็มีความสามารถเหลือเผือที่จะจัดการพวกมันไม่ยาก สุดท้าย Ciri จัดการ Whispess และ Brewess ลงได้แต่ Weavess กลับกลายร่างเป็นนกแล้วชิงเอาสร้อยหมาป่าของอาจารย์ Vesemir ที่เธอห้อยไว้ที่คอก่อนที่จะบินหนีไปสร้างความเจ็บใจให้ Ciri อย่างมาก



- ทางด้าน Geralt ที่แยกมาอีกด้านก็ทะลุออกมาจากถ้ำจนถึงทางขึ้นไปบนยอดเขา และจะพบกับ IMLERTH นายพลแห่ง Wild Hunt กำลังดื่มสุรากับพวกปีศาจสาวอยู่ที่นี่ Boss IMLERTH นั้นแพ้ Potion: Golden Oriole ระเบิด Grapeshot น้ำยาเคลือบดาบ Draconid Oil และ ท่าอัดกระแทก Aard ซึ่งการเข้าโจมตีมันนั้นต้องแดชหลบรอจังหวะ 2 เพื่อเข้าโจมตีจากด้านหลังเท่านั้นเพราะมันมีโล่ขนาดใหญ่และทำให้บาดเจ็บได้เมื่อมันอัดกระแทกกลับมา IMLERTH ดิ้นรนต่อสู้หมายจะมีชัยอยู่นานแต่สุดท้ายก็ต้องโดนจัดการด้วยเผาหัวแล้วทุบด้วยค้อนของมันเอง



Ciri – เป็นไง เราทำสำเร็จ !!
Geralt – ก็เกือบแย่ละนะ แล้วข้างล่างเป็นไงบ้าง ?
Ciri – หนูฆ่ามันได้ 2 ตัวแต่มีตัวนึงมันหนีไปได้ แล้วดันคาบสร้อยของอาจารย์ Vesemir ที่หนูห้อยไว้ไปอีก กะเอาไว้ดูต่างหน้าด้วยสิ 
Geralt – ยังไงก็แก้แค้นได้แล้วน่า
Ciri – แต่ AVALLAC’H คิดว่าการแก้แค้นคือการตอบสนองความรุนแรงของตัวเอง หนูว่าเขาคิดผิดนะ เอาละ ที่นี่ไปตามหา EREDIN แล้วฆ่ามันกัน ไม่รู้นะหนูคิดว่า ถ้าสมมุติ Yen กับ Triss หาพวก Sorceresses of Lodge พบแล้วเราควรจะร่วมมือกับพวกนั้นมั๊ย แต่ก็ขอบคุณนะคะที่พ่อยอมมาด้วย 
Geralt – อืมม ต้องมาสิ ..เอาละกลับไป Novigrad หาพวก Yen กันได้แล้ว

จากนั้น Ciri จะถามว่า .......
1."yeah, let's go" ทั้งคู่จะออกจากที่นี่แล้วลงไปเจอหัวหน้าหมู่บ้านด้านล่างทันที
2."Not quite yetยังไม่ไป ก็จะสามารถเข้าไปเก็บของจากศพของ lmlerith ตรงที่สู้กันได้ซึ่งจะมี คีย์ไอเทม เมล็ดโอ๊ค (acorn) อยู่ ซึ่งพวกชาวบ้านจะบอกว่าต้นโอ๊คยักษ์ของที่นี่สำคัญต่อความเชื่อของเขามาก เมื่อ Ladys Crones ตายต้นโอ๊คยักษ์บนเขามันก็จะตายด้วย และเมื่อลงมาที่หมู่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านก็จะมาถามว่า ต้นโอ๊กตายแล้วพวกเขาจะทำยังไงต่อไปเพราะพวกเขาถูก Crones ดูแลมาหลายชั่วคนจนช่วยตัวเองไม่ได้กันแล้ว


-ถ้าเลือกกลับทันทีแต่แรก Geralt ก็จะบอกให้พวกเขาหัดใช้ชีวิตด้วยตัวเอง 
-ถ้าเก็บคีย์ไอเทม เมล็ดโอ๊ค (Acorn) มาจะให้ชาวบ้านไปปลูกใหม่ก็ได้
- หรือจะเก็บคีย์ไอเทม เมล็ดโอ๊ค (acorn) ไว้กินเองก็จะได้ Skill Points + 2   


                                 MAIN QUEST – FINAL PREPARATIONS 

สภาพเมือง Novigard นั้นปัจจุบันมีเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงมากมาย ก็ขึ้นอยู่กับว่าในเควส Now or Never นั้นได้ช่วยเหลือพวกเมจให้หนีได้หรือเปล่า ซึ่งเมื่อที่นี่ไม่มีพวกเมจแล้วกรรมก็จะตกอยู่กับพวก Nonhuman ทั้งหลายในเมืองที่ถูกลงโทษแทนซึ่งก็เลวร้ายไม่ต่างกัน 




ในการเตรียมการครั้งสุดท้ายนั้น Geralt พา Ciri มาสมทบกับ Yennefer และ Triss ที่กำลังทำตามแผนที่จะตามหาเหล่าแม่มดกลุ่ม Lodge of Sorceresses เพื่อให้พวกเธอช่วยเหลือเวทย์มนต์ที่จะใช้แตกหักกับ Wild Hunt ซึ่งจากข่าวล่าสุดนั้น Lodge of Sorceresses ที่เหลือนั้นก็กระจักระจายกันไปตามกรรม ทั้ง Keira หากไม่ตายเพราะคุณฆ่าเธอที่ Velen หรือปล่อยให้เธอกลับมาหาราชา Radovid เธอก็จะถูกแขวนคอ แต่ถ้ากล่อมเธอได้ที่ Velen จนเธอยอมกลับมาที่ Kaer Morhen เธอก็จะเดินทางใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข ส่วนที่ยังรอดและหนีหัวซุกหังซุนอยู่ก็มี Philippa ที่เหลือ Margarita Laux•Antllle และ Sile de Tancarville (หากเธอรอดจากภาค 2 นะ) ก็ถูกราชา Radovid สั่งนำไปทรมานในคุกอย่างเหี้ยมโหด 

-เดินทางเข้าไปที่จุดหมายก็คือโรงแรม Rosemary and Thyme ของ Dandelion แล้วเขาก็จะแจกแจ้วให้ฟังว่าแผนที่ Yennefer และ Triss กำลังดำเนินอยู่นั่นคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ซึ่งก็จะทำให้จุดเควส Opjective ย่อยจากเควสหลักนี้ขึ้นมาให้ทำ ซึ่งก็จะเป็นภารกิจที่แต่ละคนต้องทำในเมืองนี้


                                                             - PAYBACK –




สำหรับ Ciri นั้นเป็นการกลับมาที่ Novigrad อีกครั้งในแบบมีคนคุ้มหัวไม่ต้องหวาดกลัวอีกแล้ว ภารกิจของ เธอจึงมีแต่หนี้ต้องทดแทนและแค้นที่ต้องชำระ ซึ่งความแค้นนั้นเธอได้ข่าวจาก Dandelion มาว่าเห็น Whoreson Junior อยู่ที่นี่ด้วย จากนี้เรื่องราวก็จะเป็นไปตามที่เคยทำไว้ในเควส Get Junior ของแต่ละคน ซึ่งถ้า Geralt ฆ่า Whoreson Junior ไปแล้ว ก็จะเจอตัวมันอีกครั้งแต่เป็นร่างที่ Dudu ปลอมแปลงเป็นมันแล้วใช้ชีวิตและทำธุรกิจแบบใหม่แทน แต่ถ้าตอนนั้นยังไม่ได้ฆ่ามันก็จะพบ Whoreson Junior หรือ Cyprian Wiley อยู่ที่นี่ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ชำระแค้นของ Ciri ที่ต้องปิดบัญชีกับมันซะ



ส่วนเรื่องบุญคุณที่ต้องทดแทนนั้น ตอนที่เธอหนีอยู่ที่นี่นั้น Ciri ได้คนที่ช่วยเหลือเธออยู่ 2 คนคือ Bea เจ้าของโรงแรม Golden Sturgeon ที่บอกที่อยู่ของ Dandelion ให้ และเมื่อเข้ามาหาก็จะได้ช่วย Bea จากพวกนักเลงด้วย




ส่วนอีกรายก็คือ Aegar และ Valdo 2 นักแสดงละครสัตว์ ที่ช่วยเหลือให้ที่ซ่อนและแนะนำให้รู้จัก Bea เจ้าของโรงแรมอีกที แต่พวกเขาเป็น Nonhuman ที่ต้องการจะหนีออกจากที่นี่แต่ยังขาดม้าอยู่ Geralt กับ Ciri จึงต้องช่วยเขาในการไปขโมยมาพวกทหาร ด้วยการลอบเข้าไปในโรงเลี้ยงม้า หยิบกุญแจที่โต๊ะมาเปิดประตูให้ทุกคนตามเข้ามาและใช้เวทย์สะกดจิตกับม้าทุกตัวเท่านี้ก็ขโมยม้าออกมาได้แล้ว หลังจาก Ciri ให้ค่าตอบแทนกับคนที่มีบุญคุณกับเธอจนหมด ก็จะหมดภาระที่ต้องกังวลอีกนอกจากการจัดการ Wild Hunt

                                     - Blindingly Obvious -

-เข้าไปคุยกับ Triss บนห้องเธอจะอธิบายความคืบหน้าความรับผิดชอบของเธอในการตามหาตัว Philippa Eilhart 1 ใน Lodge of Sorceresses ที่กำลังหนีการตามล่าของราชา Radovid อยู่ และ Triss ก็ได้ไอเทมสำคัญมาคือ ขนนกฮูกจากร่างแปลงของ Philippa ซึ่งได้มาจาก Zoltan ที่เสียให้จากการแพ้การเล่นการ์ดนั่นเอง จากนั้นตาม Triss ไปที่บ่อน้ำศักดิสิทธิ์เพื่อเธอจะทำพิธีจนพบที่อยู่ของ Philippa  ซึ่งจะอยู่ที่โรงอาบน้ำของ Dijkstra นั่นเอง และหลังจากเดินทางไปที่โรงอาบน้ำก็จะพบ Philippa กำลังอาละวาดกับพวกที่จะเข้ามาจับตัวเธอจนทำให้เธอคิดว่า Geralt จะเข้ามาทำร้ายเธอ Philippa เลยสะกดจิตเอาคนของ Dijkstra มาเป็นพวกและเข้าโจมตี Geralt ทันที จัดการให้หมดแล้ว Triss จะให้ตามเธอลงไปที่บ่อน้ำใต้ดินซึ่ง Triss จะรอดักจับอยู่อีกทาง



- ในตอนที่ลงไปในทางระบายน้ำใต้ดินจะพบกับเจ้า Bart the Rock Troll ที่ถูก Philippa ให้ปกป้องเธอเข้ามาขัดขวาง หากไม่ต้องการสู้กับมันให้เลือกตอบว่า I Want to Help Her มันก็จะยอมให้ผ่านเข้าไปด้านใน ลุยเข้าไปต่อจนถึงโถงด้านในจะพบ Philippa เรียก Fire Elemental ออกมาโจมตี จัดการมันด้วย Element Oil และ ท่าเวทย์อัดกระแทก เมื่อจัดการได้ Geralt ก็จะเข้าไปจับ Philippa ได้สำเร็จ ก่อนที่ต้องไปเจรจาของตัวเธอจาก Dijkstra ที่แค้นเธอที่เคยสั่งพวกนักฆ่ามาเล่นงานเขา โดย Geralt จะอ้างคำสั่ง ราชา Emyhr ในภารกิจนี้มันจึงยอมในที่สุด และ Triss ก็จะเข้ามาทักทายเพื่อนเก่าแล้วกลับไปที่โรงแรม Rosemary and Thyme ของ Dandelion

และถ้าที่ผ่านมา Geralt เคยช่วย Dijkstra ในเควส Redania's Most Wanted ที่วางแผนสังหารราชา Radovid ก็จะได้เควสย่อย Reason of State ในการลอบสังหารราชา Radovid ต่อด้วย  


                                         Secondary Quest – Reason of State





Geralt จะได้สานต่อภารกิจลอบสังหารราชา Radovid ของ Dijkstra อีกครั้งหลังจากวางแผนมาอย่างเรียบร้อยในเควส Redania's Most Wanted จากนี้ Dijkstra จะวางแผนที่จะลอบสังหารโดยให้ Geralt แกล้งเข้าไปพบ ราชา Radovid แล้วหลอกว่าจับตัว Philippa ได้เลยเพื่อให้ ราชา Radovid เดินทางมาดูด้วยตัวเอง ซึ่งก็จะติดกับที่กองกำลังของ Roche เตรียมซุ่มโจมตีเอาไว้ แน่นอนว่า Geralt นั้นเข็ดกับการเป็นผู้ต้องสงสัยลอบปลงพระชนท์กษัตริย์มาแล้วในภาคก่อน แต่ด้วยความโหดเหี้ยมของ ราชา Radovid ที่ทำกับพวกที่ไม่ใช่มนุษย์จนกลายเป็นความบ้าคลั่ง การสังหารกษัตริย์ครั้งนี้จึงถือเป็นข้อยกเว้น 

- เมื่อออกมาจากโกดังลับของ Dijkstra ก็จะเจอ Philippa ที่เข้ามาหาเพราะต้องการจะช่วยให้แผนนี้สำเร็จโดยการให้แหวนของพ่อของราชา Radovid เพื่อความสมจริงมากขึ้น จากนั้นเดินทางไปที่เรือของราชา Radovid แล้ว Geralt จะเข้าไปแกล้งให้ข่าวลวงกับ Radovid ว่าได้ตัว Philippa แล้วโดยแสดงหลักฐานเป็นแหวนของพ่อของมันไป จนสุดท้าย ราชา Radovid ก็ยอมเชื่อที่จะเดินทางไปดูด้วยพระองค์เอง แต่ก็ยกพลทหารไปกันเป็นกองร้อยเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อถึงที่หมายแล้วราชา Radovid กลับสั่งให้ทหารฆ่า Geralt เพราะรู้มากเกินไป แต่ก็โชคดีที่กองกำลังของ Roche เปิดฉากโจมตีช่วยไว้ได้ทัน  จากนั้นก็จัดการทหารของ Radanian ให้หมดแล้ว ราชา Radovid จะพยายามหนีไปแต่สุดท้ายก็ต้องสังเวยชีวิตให้กับ Philippa Eilhart เสียบด้วยมีดทะลุกลางหลังสินพระชนท์อย่างอนาถ จนสิ้นกลียุคที่สุดเหี้ยมโหดของกษัตริย์ Radovid ของ Redania ผู้บ้าคลั่งเสียที



-แต่ทันทีที่ Geralt , Roche และ Ves เดินทางกลับไปหา Thaler ผู้วางแผนอีกคนในที่พักของ Dijkstra เพื่อฉลองชัยชนะ แต่ดูเหมือน Dijkstra จะกลัวว่า Roche จะปากโป้งไปบอกกับทาง Nilfgaard มันจึงหมายจะฆ่า Roche , Ves และ Thaler ทิ้งซะเพื่อปิดปาก และอยากจะให้ Geralt ช่วย ซึ่งจะเลือกได้ระหว่าง



1. You won't let him kill ไม่ยอมให้ Dijkstra ฆ่า Roche, Ves และ Thaler โดยต้องสู้มันจนสามารถฆ่า Dijkstra ลงได้ ซึ่งถ้าเลือกข้อนี้ก็จะช่วยส่งผลให้ Nilfgaard ชนะสงครามและ Ciri ก็จะได้ขึ้นครองราชย์ 
2.Do What you Will  เลือกเข้าข้าง Dijkstra โดยต้องฆ่า Roche, Ves และ Thaler ทิ้ง Dijkstra ก็จะวางแผนที่จะครองอำนาจใน Novigrad ต่อจากราชา Radovid 
3.ถ้าทำเควสนี้ล้มเหลว งานนี้ ราชา Radovid  ก็จะเป็นฝ่ายชนะสงครามเหนือ Nilfgaard ทันที 
* อยากจะบอกว่าสำหรับ Dijkstra เนี้ยตอนขอให้ช่วยสู้ Wild Hunt ก็ไม่ยอมช่วยแล้วจะมาหักหลังก็สมครตายดีกว่ามั๊ย* 


                                           - THE GRAET ESCAPE -

-เข้าไปพบ Yennefer ที่บาร์แห่งนึงในเมือง Oxenfurt เธอจะบอกถึงภารกิจในการช่วยเหลือ Lodge of Sorceresses ที่ถูกขังอยู่ในคุก Deireadh ซึ่งเป็นคุกหลวงของ ราชา Radovid เป็นคุกขังพวกอมนุษย์ทีมีระบบการคุ้มกันสูงสุดแต่เธอได้ยินข่าวมาว่ามีชายที่ชื่อ Abhli Faria เคยหนีออกมาได้เลยจะมาขอข้อมูลจากมัน แต่ Abhli คือว่า Geralt และ Yennefer จะมาตามจับเลยวิ่งหนี รีบวิ่งตามไปแล้วใช้เวทย์สะกดจิตให้หยุดก็จะได้ข้อมูลจากมันมาว่ามีทางลับในท่อระบายน้ำแห่งนึงในเมืองนี้ Geralt และ Yennefer จึงรีบเดินทางไปทันที เมื่อถึงทางลงบ่อน้ำบาดาลแล้ว Yennefer จะให้ Geralt ลงไปคนเดียวและเมื่อเจอเป้าหมายแล้วให้กำหนดจุดหมายมาแล้วเธอจะเทเลพอร์ทตามลงไปที่หลัง
** ตรงนี้สามารถไปชวน Zoltan มาช่วยได้ด้วย แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าในเควสย่อย Now or Never Geralt ได้ช่วยเหลือเมจหรือเปล่าเพราะถ้าช่วย Zoltan ก็จะไม่มาช่วยเพราะกรรมจะตกอยู่กับพวก Nonhuman อย่างเขา แต่ถ้าไม่ได้ช่วยพวกเมจให้หนีคุยกับเขาและเบียร์นิดหน่อยเขาก็จะยอมมาช่วยในภารกิจแหกคุกนี้ **




-จากนั้นลงไปตามท่อระบายน้ำเข้าไปตามทางจนถึงคุก Deireadh ก็จะพบ Margarita Laux•Antllle หรือ Rita 1 ใน Lodge of Sorceresses ที่ถูกขังอยู่ทีนี่ ซึ่งเธอจะบอกว่าต้องไปเอากุญแจจากหัวหน้าทหารในป้อม จากนั้นก็เข้าไปอีกด้านมาออกมากลางฐานทหารซึ่งจะเต็มไปด้วยพวกทหาร Redanian มากมาย ลุยขึ้นไปจนถึงห้องด้านบนจัดการหัวหน้าหทารแล้วเก็บกุญแจจากศพมันมา แล้วเอามาไขห้องขัง Rita Yennefer ก็จะเทเลพอร์ตามมาช่วยเพื่อนของเธอ ซึ่งหากในภาคที่ 2 Sile de Tancarville อีก 1 ใน Lodge of Sorceresses ยังไม่ตาย ก็จะพบเธอถูกขังอยู่ที่นี่ด้วย แต่สภาพเธอนั้นถูกทรมานจะใกล้ตายแล้ว เธอจึงของให้ Geralt ฆ่าเธอซะเพื่อปลอดปล่อยเธอท่ามกลางความเสียใจของ Yennefer แต่อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่ช่วย Rita เพื่อของเธอไว้ได้คนนึง

-เมื่อจบภารกิจแล้วเข้าไปที่ โรงแรม Rosemary and Thyme ของ Dandelion จะพบ Ciri ที่หน้าห้องชั้น 2 ซึ่งเธอกำลังกังวลอยู่ในเรื่องที่พวก Lodge of Sorceresses จะขอคุยเรื่องรายละเอียดต่างๆของภารกิจกับเธอ ซึ่งตอนนี้จะสามาถเลือกได้ว่า
1. Going with you  Geralt จะเข้าไปคุยเป็นเพื่อนด้วย ซึ่งทรงผลในทางลบต่อ Ciri
2. You’ll find on your own  ให้ Ciri เข้าไปคุยด้วยตัวเธอเอง 
ซึ่งการเลือกข้อ 2 ให้ Ciri ไปคุยด้วยตัวเองจะเป็นการตัดสินใจที่ส่งผลทาง + ให้ Ciri ไปจนถึงฉากจบที่ดีด้วย 



โดยพวก Lodge of Sorceresses แค่ต้องการประเมินตัว Ciri ว่าสมกับที่พวกเธอจะยอมช่วยเหลือมั๊ยเท่านั้น และ Pillipapa กับ Rita ก็รับรู้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของ Ciri แต่ที่พวกเธอห่วงคือความเชื่อใจไม่ได้ของเอลฟ์รู้มากอย่าง Avallac 'h มากกว่า สวนที่หน้าห้อง Geralt ก็ต้องถูก Yennefer สวดยับเพราะดันให้ Ciri เข้าไปคุนกับพวก Lodge of Sorceresses ที่ต่างก็เขี่ยวลากดินตามลำพัง และถึงแม้ว่าเธอจะเข้าใจถึงเหตุผลของ Geralt ที่อยากให้ Ciri โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบด้วยตัวเอง แต่อย่างน้อยก็ขอส่องดูผ่านรูกุญแจเพื่อความอุ่นใจหน่อยก็ยังดี 



และเมื่อจบเหตุการณ์นี้ ถ้า Geralt เลือกที่จะบอกรักทั้ง Triss และ Yennefer ในเควส Now or Never และ Last Wish ก็จะได้รางวัลปลอบใจเป็นเควสย่อย It Take Three to Tango ที่ทั้ง Triss และ Yennefer จะมาบริการให้แบบถึงใจในสไตล์แซนวิช 2 -1 ในโรงแรม Kingfisher ด้วย  (ส่วน Geralt จะได้สมหวังในท่าไหนก็ต้องลองไปดูกันเองครับ ไม่ลองไม่รู้) ^_^


                                         -THROUGH TIME AND SPACE -

-เข้าไปคุยกับ Avallac 'h ในห้องชั้นบนสุดของโรงแรม Rosemary and Thyme ซึ่ง Avallac 'h จะบอกถึงแผนของเขาที่เตรียมไว้ให้ฟัง



Avallac'h – เรื่องที่ Bald Mountain เป็นไงบ้าง ?
Geralt – เป็นนักปราชญต้องถามด้วยหรอเห็นทุกเรื่อง 
Avallac'h – ก็ถามเป็นมารยาทอย่างนั้นแหละ ก็แค่ย้ำให้ฟังว่าคุณไปโดยไม่บอกไม่กล่าวต่างหาก 
Geralt – ก็ Ciri เธอรีบ 
Avallac'h – รู้แล้วเธอทิ้งข้อความบอกไว้แล้ว ผมไม่ได้ห่วงอะไรหรอก จัดการ IMLERTH ได้นะดีแล้วเพราะการเสียแม่ทัพของ EREDIN ไปหนึ่งก็ถือว่าทำให้มันอ่อนแอ่ลงเยอะ แต่ยังเหลืออีก 2 
 Geralt – จะกำจัดมันยังไง?
Avallac 'h – เจ้านักเวทย์ CARANTHIR มันสื่อสัตย์แต่ Ge’els นะอีกเรื่องนึง เจ้านี่นะมันได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโตในโลก Aen Elle หลังจากที่ Eredin ได้ครองอำนาจจากการที่กษัตริย์แห่งเอลเดอร์  Auberon Muircetach  สิ้นพระชนย์ และ Eredin กำลังเดินทางมาที่โลกของเจ้า Ge’els ก็ถือว่าได้ครองอำนาจทั้งหมดใน Aen Elle เลยก็ว่าได้ Ge’els นะถึงจะชอบเล่นการเมืองและเจ้าชู้ตัวพ่อ แต่มันก็จงรักภัคดีต่อกษัตริย์ Auberon อย่างมาก และไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วกษัตริย์ Auberon ของพวกเราถูก Eredin วางยาพิษ ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับ Ge’els ทีนี้เขาก็จะยอมช่วยพวกเรากำจัด Eredin   
Geralt – แล้วมีใครรู้เรื่องนี้บ้าง ปัญหาคือทำยังไง Ge’els ถึงจะเชื่อในสิ่งที่ท่านพูดมากกว่า
Avallac'h – แน่นอนว่าคนที่รู้ก็มีแค่ข้ากับ Eredin และข้าจะพาเขามาที่นี่ให้เขาเห็นกับตาตัวเองภาพนิมิตที่เป็นความสามารถของพวกแม่มด Lodge of Sorceresses นั่นไง 
Geralt – แล้วจะไปเจอตัวเขาที่ไหน ?
Avallac 'h – แน่นอนที่ดินแดนแห่ง  Aen Elle ของพวกข้าไง 
Geralt – ที่ไหนนะ ?



Avallac'h –เจ้าก็เคยไปที่นั่นกับ Eredin จำไม่ได้รึไง Aen Elle โลกที่พวกข้าอยู่มาหลายศตวรรษแล้วยังไงล่ะ Eredin กับพวก Red Rider ก็มาจากที่นั่น และเราก็จะไปตามหา Ge’els ที่นั่นด้วย 
Geralt – ท่านลืมอะไรไปรึเปล่า ท่านกับ Ciri นะเดินทางผ่านมิติเวลาได้แต่ข้าทำไม่ได้นะ
Avallac'h – แล้วเจ้าคิดว่าพวกผู้คนจากโลกต่างๆไม่เคยเดินไปมากันหรอ เราเคยทำกันมานานหลายศตวรรษแล้ว ข้าถึงค้นคว้าจนหาตำแหน่งของจุดที่เป็นประตูเวลาที่ซ่อนอยู่ในเมืองนี้จนพบยังไงล่ะ มันอยู่แถว Butcher yard ใกล้นี่ด้วยซ้ำ เข้าใจนะ เอาละเราไปกันได้รึยัง?

-จากนั้นตาม Avallac 'h ไปจนถึงใต้ดินของตึกๆนึงซึ่งก็จะพบประตูมิติอยู่ที่นั่น Avallac 'h ย้ำเตือน Geralt อีกครั้งว่าถ้าเข้าไปแล้วเขาจะไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้ตัว Ge’els และเมื่อผ่านประตูมิติมาแล้วจะออกมาที่ ทะเลทราย DDIDDIWEDHT แห่งโลกเก่าแก่ที่นึงที่รกร้างว่างเปล่าและเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ จากนั้นตาม Avallac 'h ไปจนพบแท่นหินที่เคยเป็นประตูมิติ ในขณะที่ Avallac 'h กำลังทำการเปิดมันอีกครั้งพวก Sandcrab ก็จะบุกเข้ามาจากใต้ทรายมากมาย จัดการพวกมันไปเรื่อยๆจนกว่าประตูมิติจะเปิดก็รีบเข้าไปได้เลย
-ทันทีที่ผ่านประตูมิติมา Geralt ก็มาที่ป่าประหลาดๆแห่งนึงแถมไม่เจอ Avallac 'h อยู่ซะด้วย ที่นี่นั้นเต็มไปด้วยแก็สพิษทั่วไปหมดแถมพื้นที่ยงเป็นเนินเขาสูงๆต่ำๆง่ายต่อการตกไปตายมากด้วย พอออกมาจากประตูมิติแล้ว เดินอ้อมทางซ้ายจะมีทางลงเนินไปด้านล่าง พยายามวิ่งผ่านจุดที่มีแก็สพิษไปที่เนินกลางแล้วเดินเลาะไปทางขวาจะเจอเสาพลังเวทย์ Place of Power อยู่ ดูดพลังมาแล้วเดินอ้อมไปทางขวาต่อจะมีทางลงเนินไป จะเห็นประตูมิติเป้าหมายอยู่ไกลๆ จากนั้นพยายามวิ่งผ่านป่าที่มีแก็สพิษไปพักที่เนินที่ละเนินให้ทันก่อน HP จะหมดแล้วก็จะเข้าไปถึงประตูมิติได้
-ผ่านประตูมิติเข้ามา Geralt จะมาอยู่ที่ถ้ำน้ำแข็งที่นึง ด้านนอกจะเป็นซากเมืองร้างที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นสุดขั่วชนิดเดินโดนลมหนาวแล้วพลังจะลดทันที พยายามวิ่งหลบลมหนาวตามซากอาคารต่างๆเอาและสามารถจุดไฟเพื่อทำให้ HP เพิ่มขึ้นได้ด้วย พยายามหลบไปตามอาคารต่างๆต่อกันจนถึงประภาคารที่สุดทางของซากเมืองร้างก็จะเจอ Avallac 'h นั่งพิงไฟรอยู่ด้านในประภาคาร



Avallac'h – ไง เจอปัญหาหนักหรอ ?
Geralt – เปล่า ก็แค่มองอะไรไม่เห็นก็แค่นั้น แล้ว ที่นี่มันที่ไหนหรอ รู้สึกเหมือนคุ้นๆว่าเคยมายังไงไม่รู้
Avallac'h – เคยสิ เจ้าเคยต่อสู้กับ Eredin เพื่อปกป้องที่นี่มาก่อน และก่อนหน้านี้ ก็จะต่อสู้อยู่ที่นี่เพื่อเจ้า
Geralt – ท่านหมายความว่ายังไงแน่ ?
Avallac'h – ไม่เคยแปลกใจมั่งหรอว่าเจ้าหนีพวก Red Rider มาได้ยังไง ?
Geralt – ก็เคยคิดนะ แต่ข้าจำอะไรไม่ได้เลย
Avallac'h – Ciri มาที่นี่เพื่อช่วยเจ้าเพราะเธอสัมผัสได้ว่าเจ้ากำลังมีอันตรายจากพวก Wild Hunt แล้วก็เอาเจ้ามาปล่อยในป่าแถวๆ Kaer Morhen 
Geralt – งั้นที่ Eredin ตามล่า Ciri ก็เพราะมันเห็นพลังของเธอตอนมาช่วยข้าละสิ ทำไมเธอไม่เคยเล่าให้ฟังเลย? 
Avallac'h – อืมม ยังไงมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วละ 
Geralt – แล้วสรุปว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน Aen Elle หรอ ?
Avallac’h – เปล่า ที่นี่คือ Deiradh ดินแดนนึงของมิตินึงที่ถูก Wild Hunt ทำลายจนสิ้นต่างหาก 
Geralt – แล้ว Ge’els มันสำคัญต่อโลกของท่านยังไง ทำไมมันยังไม่ตายหากมันจงรักภัคดีต่อราชาคนก่อนจริง
Avallac'h – Eredin มันต่างจากกษัตริย์ของเราที่มันฆ่ามากนัก มันอาจจะได้ประโยชน์มากมายจากฐานะผู้นำก็จริง แต่ยังไงเจ้า Eredin มันก็ทำอะไรไม่เป็นหรอกเรื่องระบบราชการอะไรต่างๆในวังนะ วันๆมันก็ได้แต่ออกล่ากับพวก Red Rider ของมัน เมืองหลวงไม่มีอะไรที่มันสนหรอก Ge’els ต่างหากที่อยู่ในฐานะอุปราชผู้ดูแลเมืองที่ดี ทั้งการปกครองและทางการเมืองมันเป็นหมด มันเลยเป็นคนที่ถือว่าอันตรายที่สุดในทางการปกครองเลยละ 
Geralt – แล้วเขาไม่มีจุดอ่อนอะไรเลยหรอ ?
Avallac'h – มีสิ ความเป็นคนตรงไปตรงมาและรักความถูกต้องไง เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่รู้เท่านั้นเองว่ากษัตริย์ Auberon นั้นถูกปลงพระชนย์โดยฝีมือเจ้า Eredin
Geralt – งั้นเราก็คงต้องรีบไปก่อนแล้วละ 

ประตูมิติในประภาคารคือทางผ่านสุดท้ายที่พา Avallac 'h และ Geralt เข้ามาถึงที่ TIR NA LIA ที่พักของอุปราช Ge’els ในดินแดนแห่ง Aen Elle เมื่อเข้าไปด้านในก็จะพบ Ge’els กำลังวาดภาพเปลือยอยู่อย่างเย็นใจ



Ge’els - Geralt of  Rivia เจ้ามาหาข้าถึงนี่ ทำให้ข้าแปลกใจอีกแล้ว ชอบนางแบบคนใหม่ของข้ารึเปล่า ดื่มอะไรก่อนมั๊ย ?
Geralt – ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อดื่มชาหรอกนะ
Ge’els – ก็ดี แหมๆ เข้าใจเลือกพันธมิตรนะ ถามหน่อยเจ้าคิดว่า Avallac'h นะน่าเชื่อถือสำหรับเจ้ามั๊ย ? 
Geralt – ความน่าเชื่อถือคงไม่อยู่ในนิสัยของพวกเอลฟ์อย่างพวกท่านหรอกจริงมั๊ย แต่ก็พอเชื่อถือได้อย่างน้อยก็ตอนนี้
Ge’els – แล้วอะไรละที่นำเจ้ามาที่นี่ได้ ?
Avallac'h – ข้ามีเรื่องมาบอกว่าใครเป็นคนฆ่ากษัตริย์ของเรา 
Ge’els – แสดงว่าเจ้าคงมีข้อตกลงที่สำคัญมากกับข้าละสิท่า และก่อนที่มันจะเป็นปัญหาใหญ่กว่านี้ข้าจะเล่นงานเจ้าในฐานะโกหกก่อนเป็นไง 
Avallac'h – ท่านจะเห็นความจริงทังหมด ในความฝันของท่าน
Ge’els – เจ้าทำนายฝันได้รึไง หืมม แต่ด้วยสัญชาติญาณข้าคิดว่ามันต้องมีอะไรที่น่าสนใจแน่นอน  
Geralt – แล้วท่านจะเห็นด้วยตาท่านเอง เชิญทางนี้เลย
Ge’els – แล้วจะพาข้าไปที่ไหนกันละ ?
Avallac'h – โลกแห่ง Aen Seidhe (โลกมนุษย์ในคำเรียกของเอลฟ์)

ไม่กี่นาที่ต่อมา Avallac'h และ Geralt ก็นำทางอุปราช Ge’els ผ่านประตูมิติเวลามาที่โลกปกติ ในโรงแรม Rosemary and Thyme ที่ Ciri รออยู่อย่างใจจดใจจ่อ



Ge’els – ว่าไง Zireael (ชื่อภาษาเอลฟ์ของ Ciri) ไม่น่าเชื่อว่านกนางแอ่นจะเป็นเพื่อนกับหมาป่าได้นะเนี้ย จำไม่ได้หรอที่ Avallac'h เคยทรยศแล้วจะขโมยพลังของเจ้าไปให้ราชาของเรานะ จะหั่นร่างเจ้าเป็นชิ้นเหมือนเนื้อสดด้วยซ้ำ
Ciri – จำได้สิ แล้วชั้นก็จำได้ด้วยว่าท่านเป็นที่ปรึกษาให้เจ้า Eredin ให้เล่นงานชั้นและจำได้ด้วยว่าพวก Red Rider ทำอะไรกับ Kaer Morhen  บ้านชั้นยังไงด้วย ! argue 
Ge’els –  ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเถียงกับเจ้า ไหนละสิ่งที่บอกว่าจะให้ข้าเห็นนะ 
 Avallac'h – เดี่ยวท่านก็จะได้เห็นในฝันของท่านแล้วละ
Ge’els –  อ่อ พวกนักทำลายฝัน ภากนิมิตรจากความฝันมันจะพิสูจน์ได้ไงว่ามันเป็นความจริง ? แล้วยังไงจะให้ฆ่าจัดการกับ Eredin หรอ เรียกว่ายึดรัฐประหารครั้งใหม่เลยดีมั๊ย
Geralt – อย่ามาโลกสวย แค่จัดการกับ Eredin ให้ได้แค่นั้น เรื่องอื่นพวกเราไม่ยุ่งเกี่ยว 
Ge’els –   ก็ดี ถ้างั้นก็ให้ข้าดูภาพนิมิตสุดท้ายของกษัตริย์ Auberon ได้เลย
Avallac'h – แต่ทุกคนจะเหตุการณ์นั้นไปพร้อมๆกันเพื่อความเข้าใจตรงกันท่านจะขัดหรือไม่ ?
Ge’els –  เชิญตามสบาย 



จากนั้น Avallac'h จะใช้ร่างของ Corrine Tilly นักทำนายฝันเป็นตัวสื่อพลังให้แสดงภาพนิมิตสุดท้ายของกษัตริย์ Auberon ออกมา เป็นภาพของ กษัตริย์แห่งเอลเดอร์ Auberon Muircetach กำลังสิ้นชีวิตเพราะดื่มยาพิษในแก้วเหล้าจนแก้วตกจากมือ




 แล้ว Eredin ที่แอบอยู่ข้างหลังก็แอบเก็บแก้วเพื่อทำลายหลักฐาน ก่อนที่จะประกาศว่า กษัตริย์สิ้นพระชนย์แล้วขอพระองค์จงทรงพระเจริญ  หลังจากได้เห็นภาพนิมิตแล้ว Ge’els นิ่งเงียบและครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่ตัดสินใจพูดออกมา



Ge’els –  Eredin  ..หากพวกเจ้าจะสู้กับมันเจ้าก็ต้องลากมันมาที่นี่ ที่โลกของพวกเจ้า ในสถานที่ที่เจ้าเลือกแล้วว่าจะได้เปรียบ จงเดินเรือไปที่หมู่เกาะ Skellige ตามหาหินแห่งตะวัน (Sunstone) และด้วยอำนาจของมันพวกเจ้าก็จะสามารถดึงเอาเรือ Naglfar ของมันมาได้ แล้ว Eredin มันก็จะตามมาเอง และหากมันขอกำลังเสริม ก็จะไม่มีคำตอบกลับใดๆจาก Aen Elle !! 
Avallac'h – ขอบคุณท่านมากสำหรับความร่วมมือ ข้าเตรียมประตูมิติเพื่อกลับไป TIR NA LIA แล้วเชิญท่านตามมาได้เลย




Geralt – ข้าว่าข้าไม่เชื่อใจมันนะ ดูอะไรๆมันง่ายเกินไปหน่อย แล้ว Sunstone มันมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?
 Avallac'h – จริงอยู่ Ge’els มันหัวสูง หยิ่งยะโส ฉลาดแกมโกง แต่มันก็ไม่ยอมเป็นพวกเดียวกับ Eredin แน่นอนและอีกอย่างเขาก็รับปากกับพวกเราแล้ว เอาละ แผนของเราก็คือตามหา Sunstone ให้เจอ และด้วยเวทย์มนต์ของเหล่าแม่มดแห่ง Lodge of Sorceresses ก็จะสามารถดึงเอาเรือของ Eredin มาที่ชายฝั่งของเกาะ Undvik ที่เราเตรียมกำลังซุ่มเอาไว้แล้วรอให้ Eredin มันมาถึงก็จัดการฆ่ามันซะ แต่การจัดการ EREDIN King of Wild Hunt นั้นไม่ง่าย ทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งหมด ไปบอกพวกแม่มดเพื่อนเจ้ามาแล้วไปหาข้าที่ท่าเรือเมื่อพร้อมออกเดินทาง 


                                               [PART 2 : THE FINAL AGE]


                                 MAIN QUEST – BATTLE PREPARATION 

Geralt , Yennefer , Triss , Ciri , Avallac'h และเหล่า Lodge of Sorceresses ทั้ง 2 เดินทางกลับมายัง Skellige อีกครั้งท่ามกลางความเปลียนแปลงมากมายทั้งราชาผู้คุมกฎคนใหม่ที่ Geralt ได้เลือกเอาไว้ระหว่าง Cerys หรือ Hjalmar กำลังจะเผชิญทั้งศึกในคือสงครามระหว่างเผ่าที่เกิดจากความไม่พอใจของ JARL LUGOS หัวหน้าเผ่า DRUMMOND  ในผลการคัดเลือกราชา และศึกนอกคือกองเรือ Black sun ของ Nilfgaard ที่บุกมาประชิดน่านน้ำหน้าเกาะ UNDVIK ตามคำบัญชาของ ราชา Emyhr ที่อ้างว่าตามมาสมทบเพื่อช่วยจัดการ Wild Hunt จนสร้างความกังวลใจให้กับผู้นำเผ่าต่างๆบนเกาะ 




เป้าหมายของ Geralt และพวกคือตามหา Sunstone ไอเทมปริศนาที่ Ge’els อ้างว่ามันสามารถดึงตัวเจ้า EREDIN เข้ามาให้เชือดได้ไม่ยาก และทันทีที่เรือเดินทางมาถึงท่าเรือของเมือง Kaer Trolde บนเกาะ ARD SKELLIG  Yennefer ก็เริ่มแจกแจงแผนของทุกคนที่ต้องทำที่นี่ตามเควสต่างๆคือ
 -ตามหา Sun Stone ที่ซ่อนอยู่บนเกาะ กับ Main Quest: The Sunstone
- ช่วยเหลือ Fringilla Vigo จากเรือของ Nilfgaard กับ Main Quest: Veni Vidi Vigo


                                              - THE SUN STONE -

- Geralt เริ่มออกตามหา Sunstone ทันทีโดยต้องไปถามผู้รู้ประจำเกาะอย่าง Ermion ถึงที่อยู่ของมัน โดยเริ่มจากไปถาม CRACH AN CRAITE ที่กำลังยืนส่องดูกองเรือของ Nilfgaard อย่างกังวลใจอยู่ที่ท่าเรือเพื่อถามหา Ermion ซึ่ง CRACH ก็บอกอย่างค่อนข้างเครียดว่า ตอนที่กำลังกังวลใจกับกองเรือของ Nilfgaard ที่เข้ามาประชิดเกาะแล้วยังต้องมาตามแก้ปัยหาภายในเกาะของเผ่า DRUMMOND ของ JARL LUGOS ที่พยายามลุกขึ้นมาทำสงครามด้วยเพราะไม่พอใจกับราชินีคนใหม่ (จริงๆมันก็หาเรื่องทั้งนั้นไม่ว่าจะเลือกใครเป็นราชา)  ไม่กล้าหาญและใส่ใจจะสู้กับ Black one จนเกิดความแข็งขึ้นมาอีก ซึ่งเขาก็ได้ส่ง Ermion ไปเจรจากับ LUGOS ที่ Kaer Muire อยู่
-จากนั้นเดินทางไปหา Ermion ที่เมือง Kaer Muire ทางใต้ของเกาะจะพบ Ermion กำลังทะเลาะกับเจ้า Madman LUGOS อยู่พอดี มันก็พยายามโวยวายด้วยความ และทันทีทีมันเห็น Geralt เข้ามามันจึงคิดว่า CRACH ส่งมาฆ่ามันเลยสั่งลูกน้องโจมตีทันที จัดการ LUGOS และลูกน้องมันให้หมดแล้วพา  Ermion หนีออกมาจากเมือง Kaer Muire แล้ว Geralt ก็จะสอบถามที่ซ่อนของ Sunstone กับ Ermion จนได้ความมา Sunstone มันซ่อนอยู่ใน elven ruins ที่อยู่ที่มดที่นึงบนเกาะ Skellige และถ้าต้องการจะรู้ตำแหน่งของ elven ruins ก็ให้ไปถามกับชายมีเคราที่ชื่อ Eyvind เอาเองและ Ermion ยังบอกอีกว่าด้านใน elven ruins นั้นเต็มไปด้วยปริศนามากมายที่จำเป็นต้องนักเวทย์เดินทางไปด้วย
- การสอบถามหาตำแหน่งของ elven ruins นั้นจะมี 2 ที่ให้เลือกคือ ถามกับ Eyvind กับ คนเก็บหอยมุกที่ชื่อ Mattias ซึ่งสามารถไปที่เดียวก็ได้โดยให้ เดินทางต่อมายังหมู่บ้าน Arinbjorn เพื่อเข้าปคุยกับ Eyvind ชายแก่เคราดกที่กำลังยืมมองหาวาฬขาวในตำนานที่ชื่อ Gevorg อยู่  Geralt ก็เลยจะช่วยมองหาอีกแรงเพื่อแลกกับข้อมูลตำแหน่งของ elven ruins จากเขา ขณะคุยกันเมื่อวาฬสีขาวโผล่มาในทะเลให้เลือกตอบ Eyvind !! เพื่อเรียกบอกให้เขาดู จากนั้นเขาจะถามว่าอยากไปที่ elven ruins ทำไมก็ให้เลือกตอบว่า For an adventure novel จะเอาไปเขียนนิยาย Eyvind ก็จะบอกตำแหน่งของ elven ruins ว่าอยู่ที่ชายหาดทางเหนือของเกาะ Ard Skellig โดยไม่ต้องไปถามกับ Mattias คนเก็บหอยมุกอีก
- กลับไปบอกข้อมูลกับ Yennefer ที่เรือถึงตำแหน่งของ elven ruins ซึ่ง Ermion แนะนำว่าจำเป็นใช้ผู้ใช้เวทย์มนต์ในการนำทางด้วย ซึ่ง Philippa filhart จะรับอาสาไปด้วยทันทีนั่นก็ทำให้ Geralt หนักใจขึ้นมาทันทีเพราะใน Lodge of Sorceresses ทั้งหมด Philippa นี่แหละที่เขาไม่ไว้ใจที่สุด

 ในขณะที่ Ciri กับ Yennefer ก็กำลังคิดว่า Avallac'h กำลังปกปิดบางอย่างอยู่ เพราะ Ciri บอกว่า Avallac'h มีห้องทดลองลับอยู่ที่นี่ แต่เขาไม่เคยพาเธอไปเลยซักครั้ง ทั้งคูจึงต้องการจะไปค้นหาดูที่ห้องทดลองของ Avallac'h ที่อยู่ที่ Skellige เพื่อหาความจริงที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะทำให้ได้ Main Quest: Child of the Elder Blood เพิ่มอีก 1 เควส 
** และเพื่อไม่ให้เป็นงงผมจึงไปทำเควส Sunstone และ Veni Vidi Vigo ให้หมดก่อนจะดีกว่า **

-จากนั้นตาม Philippa ไปที่จุดนัดพบซึ่งก็คือหน้าทางเข้า elven ruins  ที่อยู่ชายหาด Ancient Crypt ทางเหนือของเกาะArd Skellig โดยจะต้องเดินเรือไปจากฝั่งขวาบนของเกาะไปหรือปีนเขาแล้วสไลด์ลงมาที่ชายหาดเอา (แต่ต้องระวังตกตายด้วย) เมื่อเข้าไปแล้วก็ลุยตาม Philippa เข้าไปจนถึงด้านในสุดที่ห้องโถงใหญ่ของโบราณสถานจะมีกระจก 3 บานที่ต้องปรับให้เข้ากับผลึกแสงบนเพดาน


 ซึ่งต้องปรับให้แสงสะท้อนกันไปตามกระจก 3 บานแล้วส่องไปที่ผลึกแสงบนเพดาน [โดยให้ปรับทุกบานไปทางขวาให้หมด] ตำแหน่งของ Sunstone ก็จะปรากฏออกมาเข้าไปเก็บเอามาได้เลย แต่เมื่อ Philippa หยิบ Sonstone มาได้เธอก็เริ่มเล่นแง่ตามสันดานเธอทันที


Geralt – ส่งมา แล้วเราก็รีบไปกันได้แล้ว
Philippa – เร็วไปมั้ง เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันก่อน
Geralt – ให้เดานะ คือแบบจะแปลงร่างเป็นนกฮูกแล้วบินหายพร้อม Sunstone เลยใช่มั๊ย ?
Philippa – เปล่าๆ การที่ Ciri ปลอดภัยนั้นมันก็สำคัญกับชั้นเหมือนกันนะ แต่ที่จะพูดเนี้ยคือเรื่องอนาคต อนาคตของชั้นต่างหาก เอาละนะฟังให้ดี หลังจากที่กำจัด Wild Hunt ได้แล้ว Ciri ปลอดภัย Yennefer ก็จะหมดอำนาจและตกอับในราชสำนักในทันทีจริงมั๊ย แต่ชั้นมองการณ์ไกลกว่านั้น คือชั้นนะไม่ได้อะไรกับกลุ่มแม่มดอะไรนี่อยู่แล้ว และถ้าจะให้เดานะ ถ้าจัดการ Wild Hunt ได้แล้วเจ้าก็จะพา Ciri หนีหายเข้ากลีบเมฆไปเลยก่อนจะถึงมือราชา Emyhr ใช่มั๊ยละ ฟังดูดีนะทำลายอนาคตเด็กมันชัดๆแตช่างเถอะ แต่เจ้าต้องพา Yen หนีไปด้วย เอ้านี่ Sunstone ของเจ้า ..
Geralt – แล้วเธอก็จะอยู่ในตำแหน่งของ Yen แทนใช่มั๊ยละ ?
Philippa – และตำแหน่งของ Ciri ด้วย ว่าไงตกลงนะ
Geralt – จะอวดฉลาดต่อหรือจะไปต่อกันซะที 
Philippa – เจ้าก็ไปสิข้ามีอะไรต้องทำอีก ชั้นมีทางไปของชั้นตลอดแหละน่า..


                                                -Veni Vidi Vigo -

เป้าหมายต่อไปคือเข้าไปช่วย Fringilla Vigo 1 ใน Lodge of Sorceresses อีกคนที่ถูกราชา Emyhr คุมตัวเอาไว้และยังไม่ได้ปล่อยตามสัญา เดินทางไปที่ท่าเรือ Marlin บนเกาะ UNDVIK ก็จะพบกองเรือของ Nilfgaard จอดอยู่มากมาย ซึ่งต้องปรับเวลาให้เป็นตอนกลางคืนแล้วว่ายน้ำดำน้ำหลบไฟของยามบนเรือเข้าไปจนถึงเรือธงของ ราชา Emyhr แต่เมื่อขึ้นเรือไปแล้ว ราชา Emyhr ก็ออกมาต้อนรับเหมือนจะรู้อยู่แล้ว Geralt เอาจดหมายจาก Yennefer ให้ราชา Emyhr ที่บอกถึงความจำเป็นต้องใช้ตัว Fringilla Vigo 1 ใน Lodge of Sorceresses ที่ถูกจับอยู่เพื่อเป็นกำลังในการจัดการกับ EREDIN ซึ่งในกรณีที่เคยพา Ciri ไปหาเขาแล้วในเควส Father day ราชา Emyhr ก็จะตกลงที่จะทำตามที่บอกโดยการปล่อยตัว Fringilla ให้ไปสมทบกับ Yennefer ทันที แต่ถ้าไม่ได้เคยพา Ciri ไปพบกับเขาในเควส Father day ราชา Emyhr ก็จะทวงถามถึงเรื่อง Ciri ซึ่ง Geralt ก็จะใช้การปล่อยตัว Fringilla เป็นข้อต่อรองเพื่อให้การช่วย Ciri นั้นง่ายขึ้น ราชา Emyhr ก็ยอมปล่อย Fringilla ให้ไปช่วยสู้เช่นกัน




                                      Main Quest: Child of the Elder Blood

-เดินทางไปที่เกาะ Pali Gap Coast ที่อยู่ด้านบนของเกาะ UNDVIK จะพบ Ciri และ Yennefer ที่หน้าทางเข้าห้องทดลองลับของ Avallac’h จากนั้นก็ตามทั้งคู่เข้าไปสำรวจด้านใน ซึ่ง Ciri และ Yennefer จะพบข้อมูลสำคัญมากมายที่ Avallac’h พยายามทดลองอยู่


ทั้งรูปวาดของหญิงสาวที่หน้าตาคล้าย Ciri แต่ไม่มีแผลเป็นที่หน้า , เครื่องใช้ของผู้หญิง รวมทั้ง ภาพของตารางยีน Aen Hen lchaer  ของ Elder Blood จาก Lara Dorren อย่างละเอียดแบบที่แม้แต่ Yennefer ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่ง yen มั่นใจว่า Avallac’h กำลังพยายามสกัดยีนของ Lara ที่เป็นเอลเดอร์บลัดคนก่อนหน้านี่อยู่ เมื่อ Yen ค้นลึกเข้าไปในกองเอกสารมากมายก็จะพบว่า Avallac’h เคยพยายามสร้างโคลนของ Lara ก่อนเป็นคนแรก แล้วก็ Falka ที่ Avallac’h พยายามผสมยีนข้ามสายพันธ์ให้เติบโตในร่างมนุษย์เพื่อเป็นร่างโคลนของคนที่มีสายเลือดเอลเดอร์บลัด เป็นลูกผสมคล้ายกับ Ciri แต่ Yen ก็ยังเบาใจว่า Avallac’h ยังทำไม่สำเร็จ จนทุกคนสำรวจไปพบ สาวเอลฟ์ คนนึงที่อยู่ในห้องด้านในสุด 



สาวเอลฟ์ – ไงเข้ามาถึงนี่กันได้ยังไงเนี้ย ตามหา  Avallac’h หรอ เขาไม่อยู่หรอกนะ
Ciri – รู้แล้ว! 
สาวเอลฟ์ – รู้แล้วมาทำไมละ จะมาสืบอะไรหรอ ? เขาตามช่วยเธอทุกครั้งที่เธอทำเรื่องงี่เง่านั่นยังไม่พออีกหรอ 
Ciri – แล้วเธอรู้ได้ไง ?
สาวเอลฟ์ – ตกใจหรอ เขาบอกชั้นเรื่องเธอหมดแหละ 
Geralt – อย่างเช่นอะไร ?
สาวเอลฟ์ – เขาบอกว่าเธอเป็นส่วนนึงของ Lara แต่ก็ไม่เห็นจะได้เรื่องอะไร แต่ชั้นคิดว่ามันเป็นความเชื่อระหว่างเขากับภาระหน้าที่ของเขาก็ได้  
Ciri – หน้าที่อะไร ?
สาวเอลฟ์ – แล้วเธอคิดว่าที่เขาตามรอยเธอไปทุกที่เพราะอยากทำรึไง ตั้งแต่ชั้นเริ่มไม่สบายเนี้ยถึงเพิ่งเริ่มเห็นเธอเข้ามา เธอไม่ใช่มนุษย์ แค่พวกเลือดผสมที่ไม่สมประกอบ น่าขายหน้า
Yennefer – พูดอีกคำชั้นจะ ..
สาวเอลฟ์ – อะไร ! ยังไงมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก เธอก็แค่ต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ จากนั้นท้ายที่สุด Avallac’h ก็จะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระเองแหละ   
Geralt – ลูกไม่จำเป็นต้องเชื่อนะ Ciri 
Ciri – ไม่เป็นไร ! ถ้าพวกเขาดูถูกหนู จะได้เลิกยุ่งกับหนูซะที ดีเหมือนกัน
Yennefer – Ciri 
Ciri – ทำไม กลัวหนูทำพังเหมือนที่ Kaer Morhen รึไง ? อ๋อ แต่ก็นะหนุไมได้ทำแบบได้ตลอดนี่ จริงๆไม่รู้จะทำแบบนั้นยังไงด้วยซ้ำ 

Geralt ต้องเลือกว่าจะให้เธอทำยังไงกับอารมณ์หงุดหงิดของเธอ ซึ่งจะการเลือกที่สำคัญที่ตัดสินชะตาของ Ciri ครั้งที่ 4 ด้วย โดยต้องเลือกระหว่าง    



1- Calm Down ใจเย็นๆลูก จะเป็นการเลือกที่ส่งผลทางลบกับ Ciri 
2-Go for it  เอาเลยระบายออกมา จะเป็นการเลือกที่ส่งผลทางบวกกับ Ciri 
ซึ่งการเลือกข้อ 2 นั้นจะทำให้ Geralt เริ่มนำเธอทำลายข้าวของในห้องทดลองของ Avallac’h อย่างสะใจจนทำให้ Ciri ผ่อนคลายและไม่คิดมากเกี่ยวกับตัวตนของเธออีก และพร้อมที่จะลุยกับ Wild Hunt อย่างเต็มที่มากขึ้น  

เมื่อออกมาด้านนอก Ciiri จะนึกขึ้นได้เมื่อมาที่ Skellige ก็คืออยากจะไปขอบคุณ Skjall ที่เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ในตอนที่เธอมาที่นี่ แต่ Geralt และ Yen จะบอกเธอว่า Skjall นั้นเขาโดน Wild Hunt ฆ่าตายไปนานแล้ว ทำให้ Ciri เสียใจมากจึงอยากจะไปเคารพหลุมศพของเขาแทน Ciri ก็จะขอ Geralt ไปเคารพหลุมศพของ Skjall

Geralt ต้องเลือกว่าจะให้เธอไปหรือไม่ไป ซึ่งจะการเลือกที่สำคัญที่ตัดสินชะตาของ Ciri ครั้งที่ 5 ด้วย โดยต้องเลือกระหว่าง

   

1.Yeah I’ll will Go with you ได้สิ พ่อจะไปกับลูกเอง จะเป็นการเลือกที่ส่งผลทางบวกกับ Ciri
2. No Time  ไม่มีเวลานะ จะเป็นการเลือกที่ส่งผลทางลบกับ Ciri




ตอบข้อแรก Geralt ก็จะเดินทางไปกับ Ciri ไปหาหลุมศพของ Skjall ที่หมู่บ้าน Hindarsfjall แต่ปรากฏว่าศพของเขาถูกถมกองรวมกันกับศพอื่นอย่างไร้ค่า Ciri จึงทำหลุมศพให้เพื่อเป็นการขอบคุณและสั่งลาครั้งสุดท้าย ก่อนที่ Ciri จะตามด่าพวกชาวบ้านที่ไม่ยอมทำศพให้ ตัวเลือกระหว่าง
- quiet down.
- their laws don't bind you.
ไม่ส่งผลใดๆต่่อ Ciri แล้วเพราะเธอจะซัดชาวบ้านปากดีไปหนึ่งหมัดเพื่อให้จำว่าเพื่อนของเธอชื่อ Skjall   

Geralt  กลับมาที่ท่าเรือของเมือง Kaer Trolde บนเกาะ ARD SKELLIG อีกครั้งเพื่อเตรียมวางแผนในขั้นสุดท้ายก่อนออกเดินทาง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม Avallac'h ถึงการทดลองของเขาอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับเอลฟ์หญิงที่อยู่ในห้องทดลอง ถึงคำที่มีว่า Avallac'h นั้นไม่ชอบ Ciri และทำทุกอย่างให้ก็เพราะเป็นหน้าที่เท่านั้น Avallac'h ตอบกลับอย่างไม่ปิดบังว่า เขาไม่ได้ถึงกับไม่ชอบ Ciri แต่การปกป้องเธอนั้นเป็นมากกว่าหน้าที่ Geralt หรือคนอื่นๆอาจจะมอง Ciri ในฐานะลูกสาว หรือ เพื่อนสนิท แต่สำหรับ Avallac'h นั้น Ciri คือเอลเดอร์บลัดที่มีพลังที่ทำลายโลกนี้ได้ และหากเธอถูก Wild Hunt เอาพลังไปใช้เป็นเครื่องมือในการทำชั่วโลกก็จะถูกทำลายไม่เหลือ การปกป้อง Ciri ก็เหมือนการปกป้องโลกและปกป้องสายเลือดแท้ของ Lara 




ก่อนจะเริ่มงานใหญ่ Avallac'h ก็จะแจกแจงแผนและหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องทำ แผนที่เรียบง่ายแต่ไม่ได้แปลว่าจะจบลงอย่างง่ายดายเช่นกัน เริ่มจาก Avallac'h จะใช้พลังของ Sunstone เพื่อให้ Caranthar ส่งพลังออกมา เรือ Naglfar ที่เป็นเสมือนยานทะลุมิติเวลาของพวก Wild Hunt ก็จะถูกดึงมาที่อ่าวนี้ทันที และทันทีที่กองเรือของพวกมันมาถึงพร้อมกับไอเย็นสุดขั่ว ก็เป็นหน้าที่ของ Lodge of Sorceresses ที่จะใช้เวทย์ในการสร้างบาเรียป้องกันไอเย็นของพวกมันเอาไว้และขังพวกมันอยู่เขตแคบๆให้ง่ายต่อการโจมตี จากนั้นกองทหารของมันก็เป็นหน้าที่ของ EREDIN ผู้นำของกองเรือของ Nilfgaard ที่จะเข้าสกัดกั้น และสุดท้าย EREDIN ราชาแห่ง Wild Hunt ก็เป็นหน้าที่ของ Geralt ที่ต้องจัดการ ส่วน Ciri สิ่งที่ต้องทำก็คือ หลบอยู่ในฐานให้ปลอดภัย ซึ่งฟังดูแล้วขัดใจเธอสิ้นดี 


                                               MAIN QUEST: ON THIN ICE

เมื่อเรือเดินทางมาถึงจุดหมายที่ท่าเรือบนเกาะ UNDVIK ก็จัดการเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพราะจุดนี้เป็น Point of No Retrun แล้วจะย้อนกลับมาไม่ได้อีกจนจบเกม ฉะนั้นอยากทำอะไรก็ทำให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าไปคุยกับ Avallac’h เพื่อเริ่มแผนได้เลย



Avallac'h เริ่มใช้พลังให้ Ciri ร่ายคาถาเพื่ออัญเขิญพลังของ Caranthar จาก Sunstone จนเปิดหลุมมิติขนาดใหญ่ออกมาในขณะที่ไอเย็นจากนรกก็ล่องลอยตามมาด้วย Lodge of Sorceresses ก็เริ่มใช้เวทย์บาเรียกักพวกมันเอาไว้ในวงแคบๆ แต่ในขณะที่ทหารของ Nilfgaard กำลังเปิดฉากโจมตี ไอเย็นมหาศาลที่ออกมาจากเรือของ Wild Hunt ก็ดูเหมือนจะทรงพลังมากกว่าเดิม จน Avallac'h เริ่มสังเกตว่าเรือที่ถูกดึงมาไม่ใช่เรือธงของ Wild Hunt แต่เป็นเรือของ CARANTHIR ขุนพลพ่อมดของ Wild Hunt และมันก็กำลังใช้พลังไอเย็นจากไม้เท้าเวทย์ของมันแช่แข็งกองเรือของ Nilfgaard จนทหารทุกคนรวมถึง Geralt ที่อยู่บนเรือนั้นกำลังจะแข็งตาย Ciri จึงทำไม่ไหวและไม่ฟังคำค้านใดๆจาก Avallac'h ทั้งสินเพราะต้องการจะลุยไปช่วย Geralt เมื่อห้ามไม่ได้ Avallac'h ก็แนะนำให้ว่าให้ Ciri ทำลายไม้เท้าเวทย์ของมันเพื่อหยุดไอเย็นทั้งหมด ซึ่ง Ciri ก็ไม่รับประกันว่าจะทำได้ตามนั้นเพราะเธอตั้งใจจะจัดการมากกว่าทำลายไม้เท้าเวทย์ของมันแน่นอน




 -จากนั้นบังคับ Ciri ลุยพวกลูกสมุน Wild Hunt เข้าไปตามทาง แรงแค้นของ Ciri ถึงเรื่องการรับรู้ถึงตัวตนของตัวเองนั้นทำให้มอนสเตอร์เลเวล 29 กลายเป็นหุ่นฟางที่ฟันที่เดียวก็ตายทันที ลุยยาวเข้าไปจนถึงลานนำแข็งข้างเรือของทหาร Nilfgaard ที่มี Geralt ถูกแช่แข็งอยู่บนนั้นก็จะพบ CARANTHIR กำลังร่ายเวทย์น้ำแข็งอยู่ Ciri จะเข้าไปโจมตีมันทันที เมื่อสู้กับมันไปจนพลังหลอด 1 หลอด Ciri ก็จะแสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นกว่าของเพลงดาบจนสามารถแทงใส่ไม้เท้าเวทย์ของ CARANTHIR จนทำลายมันได้ในที่สุด



หลังแรงสั่นสะเทือนหมดลงไปพร้อมกับไอเย็นที่ปกคลุมบริเวณนี้ Ciri ก็หมดกำลังจนแทบยืนไม่ไหว ในขณะที่ CARANTHIR ที่ลุกขึ้นมาได้ก่อนก็หมายที่จะเข้ามาจับตัวเธอทันที โชคดีที่เธอยังมีไหวพริบที่จะเทเลพอร์ทตัวเองหนีไปก่อนได้ทัน ก่อนที่ Geralt ที่ถูกแช่แข็งอยู่นเรือจะเริ่มเคลื่อนไหวได้เพราะนำแข็งละลาย เขาก็ตรงเข้าหา CARANTHIR ที่กำลังยืนอยู่ที่ลานกว้างต่อทันที



Boss – CARANTHIR นั้นโจมตีอย่างรุนแรงด้วยเวทย์ยิงลำแสงห้าแฉกจากระยะไกล เรียกลูกน้องโกเลมออกมาช่วยสู้ และการหายตัวไปมาอย่างรวดเร็ว ลำแสงห้าแฉกของมันนั้นกะจังหวะกลิ้งหลบได้แต่ก็ต้องระวังการโดนการยิงแบบคอมโบที่สามารถทำให้พลังหมดได้ทันทีเหมือนกัน ส่วนโกเลมถ้าเลเวล 30 อัพมันก็ไม่ใช่ปัญหาแล้วเพราะไม่กี่ทีมันก็ตายจัดการให้หมดอย่าให้มันเป็นตัวทำให้ล็อกเป้ามั่ว จากนั้นก็ไล่ตามการวาร์ปของ CARANTHIR เมื่อโจมตีมันให้ทันเท่านั้น

ดาบของ Geralt แทงทะลุร่าง CARANTHIR ขุนพลคนสุดท้ายของ Wild Hunt ได้สำเร็จ พร้อมๆกับการมาถึงของ Naglfar เรือธงที่มาพร้อมกับราชา EREDIN แห่ง Wild Hunt ที่บุกกชนกองเรือของ Nilfgaard จนราบก่อนที่จะส่งทหารลงมาเพื่อจับตัว Ciri ที่นอนหมดแรงอยู่ที่พื้นน้ำแข็ง Geralt ที่กำลังขึ้นจากน้ำก็หมดห่วงเมื่อ Ciri เธอเทเลพอร์ทหนีไปได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่จะเห็น EREDIN แล่นเรือผ่านหน้าไปที่โขดหินตรงหน้า Geralt จึงไม่รอช้าที่จะรีบหาทางไปให้ถึงเนินน้ำแข็งเพื่อเข้าไปจัดการมันที่เรือให้เร็วที่สุด

-จากนั้นลุยเข้าไปตามทางซึ่งระหว่างทางก็จะเห็นเพื่อนๆหลายคนที่ Geralt เคยช่วยเหลือเข้ามาช่วยสู้มากมาย ซึ่งใครจะคิดฝันว่าคู่ต่อสู้ที่ยืนหยัดสู้กับราชา Wild Hunt จนตายอยู่บนเรือก่อนที่ Geralt คือ CRACH AN CRAITE อุปราชแห่งเผ่า Tuirseach แห่งเกาะ ARD SKELLIG และเมื่อ Geralt มาถึงการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอย่างไม่ต้องมีพิธีรีตอง

EREDIN – วิชเชอร์ ข้าหวังจะเจอแกมานานแล้ว 
Geralt – เพราะ? 
EREDIN – ข้ามีบางอย่างจะบอกแก แต่ต้องหลังจากศึกนี้ก่อนโดยที่แกยังมีลมหายใจอยู่อะนะ 



Boss - EREDIN King of Wild Hunt การโจมตีของมันช่วงแรกบนเรือส่วนใหญ่คือการเทเลพอร์ทเข้าโจมตีแบบ 2 จังหวะซึ่งใช้การหลบ 2 จังหวะแล้วสวนกลับก็ทำได้ไม่ยาก และเมื่อมันพาวาร์ปออกมานอกเรือแล้วในพื้นที่กว้าง EREDIN จะเพิ่มการใช้พลังดาบคลื่นหลายทิศทางและการสร้างระเบิดแสงบนพื้น ซึ่งก็สามารถลิ้งหลบได้ไม่ยากเพียงแต่ต้องดูจังหวะที่มันเริ่มทิ้งระยะแล้วเตรียมจะใช้เวทย์ให้ทันเท่านั้น
หลังจากจัดการ EREDIN ลงได้ Geralt ก็จะเดินเข้าไปถามถึงสิ่งที่มันต้องการจะบอกก่อนการต่อสู้ว่าคืออะไร



Geralt – ไหน เจ้ามีอะไรที่จะบอกข้า ว่ามา 
EREDIN – เราทั้งคู่โดน Avallac'h มันหลอกใช้ มันเสี้ยมให้เราสู้กันแล้วมันก็จะชิงตัว Cirilla ไปเอง 
Geralt – ข้าไม่เชื่อแกหรอก!


                          MAIN QUEST: TEDDDEIREADH, THE FINAL AGE

ทันใดนั้น ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ก่อนที่ Yennefer จะเข้ามาช่วยพา Geralt เทเลพอร์ทหนีออกมา และชี้ให้ดูประตูมิติที่ถูกเปิดขึ้นบนท้องฟ้าเพราะดูเหมือนว่า Avallac'h จะเอาตัว Ciri ไปแล้วจะเปิดประตูมิติเพื่อทำอะไรบางอย่าง Yennefer จึงรีบพา Geralt ขี่ม้าหลบลูกไฟระเบิดไปจนถึงหอคอยบนเนินเขาของเกาะทันที ซึ่งก็พบว่า Avallac'h มันใช้เวทย์บาเรียป้องกันเอาไว้ Yennefer จึงใช้พลังของเธอทั้งหมดในการเจาะข่องบาเรียให้ Geralt รีบเข้าไปช่วย Ciri ก่อนที่เธอจะหมดแรงล้มลง





Geralt รีบเข้าไปด้านในหอคอยก็จะพบ Avallac'h กำลังร่ายเวทย์เปิดประตูมิติขนาดใหญ่อยู่ด้านใน แต่ในขณะที่ Avallac'h กำลังจะเข้าโจมตีเพื่อหยุดยั้ง Avallac'h Ciri ก็ปรากฏตัวออกมาบอกถึงเจตนารมณ์ของเธอ
Avallac'h – ฟังก่อน Geralt ข้าไม่มีเจตนาจะทำร้ายใคร ข้าแค่พยายามจะช่วย Ciri 
Geralt – หุบปากได้เลยขี้เกียจจะฟัง ข้าไม่เชื่อเจ้าอีกแล้ว Avallac'h
Ciri – แล้วถ้าหนูพูดพ่อจะเชื่อมั๊ย? Avallac'h ไม่ได้คิดจะทำร้านหนูจริงๆ หนูขอร้องเขาให้ช่วยเปิดประตูมิติให้ เพื่อที่จะเข้าไปด้วยตัวเอง 
Geralt – ทำไมต้องทำแบบนั้นอีก พวก Wild Hunt ถูกกำจัดจนหมดแล้วนะ
Ciri – แต่ White Frost ขุมพลังของมันยังอยู่  คำทำนายเป็นความจริง หนูเคยเห็นภาพอนาคตของโลกตกอยู่ในยุคน้ำแข็งมาแล้ว มีเพียงเอลเดอร์ บลัด เท่านั้นที่จะหยุดมันได้ มีเพียงหนูเท่านั้นที่จะหยุดมันได้ 
Geralt – Avallac'h มันหลอกต่างหาก และถ้าจริงหนูไม่ต้องสังเวยตัวเองแบบนี้ก็ได้นี่
Ciri – พ่อคิดผิดแล้ว พลังของ White Frost จะแช่แข็งโลกนี้ทำให้ทุกสิ่งมีชวิตตายกันจนหมด Avallac'h ให้หนูเลือกเอง และหนูก็ตัดสินใจแล้วว่าหนูจะไป 
Geralt – มันก็น่าจะมีทางอื่นบ้างสิ 
Ciri – “เธอจะรู้เรื่องการช่วยโลกนี้ยังไง Ciri ถ้าไม่ได้เป็นวิชเชอร์” พ่อเคยบอกหนูตอนเป็นเด็ก นี่เป็นเส้นทางของหนู ไม่ใช่ของพ่อ พ่อต้องให้หนูจบเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง
Geralt – อย่า อย่าทำแบบนี้กับพ่อได้มั๊ย ได้โปรด ยังไม่ใช่ตอนนี้ 
Ciri – เชื่อหนูนะ การได้ใช้ชีวิตกับพ่อได้ผจญภัยอะไรกันมันดีที่สุดสำหรับหนูจริงๆ แต่หนูไม่ทำไม่ได้ ที่ทำก็เพื่อพ่อ เพื่อ Yen เพื่อ Triss และทุกๆคน … หนูคงต้องไปแล้วนะพ่อ





Ciri พูดจบก็เดินเข้าไปที่ประตูมิติทั้งน้ำตาท่ามกลางความงุนงงของ Geralt ที่ได้แต่ยืนมองแต่ไม่มีคำกล่าวใดๆออกมาอีก 
Ciri ผ่านประตูมิติเข้ามาจนถึงตรงหน้าขุมพลัง White Frost ของพวก Wild Hunt และก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไรออกไป ในใจก็นึกถึงบางสิ่งที่ผ่านมา ...... 


       บางสิ่งดีๆที่ว่าคือ 5 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ Ciri นึกถึงความผูกพันที่มีต่อ Geralt




5 คำตอบจาก 5 เหตุการณ์ที่ส่งผลทางด้านบวกและลบกับ Ciri ที่สำคัญในเควสต่างๆ ที่จะทำให้เกิดฉากจบของชะตาชีวิตของ Ciri มีดังนี้ 

1 – ใน Main Quest Blood on the Battlefield ในช่วงหลังงานศพอาจารย์ ที่เธอเริ่มฝึกกับ AVALLAC’H แต่ผลออกมาไม่น่าพอใจ Geralt ต้องเลือกตอบให้กำลังใจว่า “Think I know what might lift your spirts” ถึงจะเกิดมินิเกมเล่นปาหิมะของทั้งคู่ออกมา

และในตอนเช้าขณะที่  Ciri ชวนไปแก้แค้นกับ Imlerith ให้เลือกตอบว่า“You can choose Gotta visit the emperor first”
Geralt จะพา Ciri ไปหาราชา Emyhr ที่ Vizima ก่อนขึ้น Act III ซึ่งก็จะทำให้มีเหตการณ์ Father's Day เพิ่มขึ้นมา

2 – ในเควส Father's Day Geralt จะพา Ciri ไปหาราชา Emyhr ที่ Vizima และ Emyhr ก็จะให้งินรางวัลที่ช่วย Ciri มาได้ตามสัญญา Geralt ต้องเลือกตอบว่า “Refuse to accept payment” ไม่รับเงินรางวัลใดๆเพราะที่ทำไปเพราะห่วง Ciri

3 – ใน Main Quest Final Preparations ในตอนที่มาตามหาเหล่าแม่มดกลุ่ม The Lodge ที่ Novigrad จนได้ตัวมาครบแล้ว พวกแม่มดกลุ่ม The Lodge จะขอคุยปรึกษากับ Ciri  Geralt ต้องเลือกตอบว่า You’ll find on your own   ให้ Ciri เข้าไปคุยด้วยตัวเธอเอง เพื่อให้เธอเรียนรู้การแก้ปัญหาจนเกิดเหตุการณ์ที่ yen มาแอบดูในรูกุญแจเพราะเป็นห่วง

4 – ใน Main Quest Child of the Elder Blood, Ciri จะต้องการทำลายห้องทดลองของ Avallac'h Geralt เพื่อระบายอารมณ์ Geralt ต้องเลือกตอบว่า  “Go for it “เพื่อให้เธอระบายอารมณ์ทำให้ Ciri ได้ปลดลปลาอยจนอารมณ์ดีขึ้นมา

5 - ใน Main Quest Child of the Elder Blood, Ciri จะต้องการไปที่ Hindarsfjall เพื่อเยี่ยมหลุ่มศพของ Skjall ชายหนุ่มชาวบ้านที่เคยช่วยเธอเอาไว้ Geralt ต้องเลือกตอบว่า “I’ll go with you” อณุญาติให้ไปและไปพร้อมกับเธอ

เมื่อมีผลการเลือกตอบในทางบวกมากกว่าทางลบจากการตอบครั้งสำคัญทั้ง 5 ข้อ ก็จะเกิดฉากจบแบบ Good ของ Ciri 2 แบบคือ



1. หากคุณเลือกให้ Ciri ไปพบราชา Emyhr ก่อนไปแก้แค้น Imlerith ตอนจบเธอก็จะครองตำแหน่ง ราชีนีแห่ง Nilfgaard
2. หากคุณไม่เลือกให้ Ciri ไปพบราชา Emyhr ก่อนไปแก้แค้น Imlerith ตอนจบเธอก็จะ Witcher หญิงคนแรกของโลก
และหากผลการเลือกตอบในทางลบมากกว่าทางบวกจากการตอบครั้งสำคัญทั้ง 5 ข้อ ก็จะเกิดฉากจบแบบ Bad ของ Ciri
3. Ciri ก็จะถึงแก่ความตายเพื่อสังเวยในตอนที่เธอเข้าไปทำลาย  White Frost



                              ส่วนชะตาชีวิตของ Geralt of Rivia ในบั้นปลายของตอนจบ 




1.หากเลือก Triss ในเควส Now or Never และปฎิเสธ Yennefer ในเควส Last Wish Geralt ก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับ Triss
2. หากเลือก Yennefer ในเควส Last Wish และปฎิเสธ Triss ในเควส Now or Never Geralt ก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับ Yennefer
3.และ .. หากคุณเลือกปฎิเสธทั้ง Triss และ Yennefer ในเควส Now or Never และ Last Wish หรือ คุณเลือกเอาทั้งคู่ เอ๊ย เลือกบอกรักเธอทั้งคู่ หรือทำถารกิจ Now or Never และ Last Wish ล้มเหลวทั้ง 2 ภารกิจ Geralt of Rivia ก็จะใช้ชีวิตเป็น Witcher อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายจนกว่าจะมีใครสร้างภาค 4 มาให้ซั่มต่อนั่นเอง




และไม่ว่าชะตากรรมของ Geralt of Rivia และ Cirilla the Swallow จะเป็นยังไง สงครามแห่งดินแดนเหนือครั้งที่ 3 ก็จบลงด้วยชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของอาจักร์ Nilfgaard ธงตราสัญลักษณ์สีดำถูกทับถมแทนที่ของธง Novigrad และทั่วอณาจักร Redania กษัตริย์ Emyhr van Emreis แห่ง Nilfgaard ทรงปลดปล่อยอณาจักร Temeria ให้เป็นอิสระจากเมืองขึ้น และยุบลัทธิ Eteral Fire และยกเลิกกฎสังเวยอมนุษย์ที่เหี้ยมโหด สร้างความสุขให้ประชาชนทุกหย่อมหญ้า Nilfgaard ได้รับชัยชนะ ประชาชนชาว Termerian ได้บ้านเมืองคืนมา เกาะ Skellige ยังคงโดดเดี่ยวและแข็งแกร่งด้วยขาของตัวเองภายใต้ผู้คุมกฎคนใหม่อย่างสงบสุข และเป็นอีกครั้งที่ประวัติศาสตร์ได้พิสูจณ์ว่า บางครั้งกลโกงก็นำมาซึ่งผลตอบแทนที่สำฤทธิ์ผลเช่นกัน  


---------------------------------------------   THE END  ---------------------------------------------------





                           
                                       วิธีได้มาซึ่งชุดเกราะสุดยอด Wolf School Gear



หลังจากโหลด Free DLC Scavenger Hunt มาแล้ว ดำเนินเรื่องให้ไปถึงเกาะ ARD SKELLIG แล้วที่ร้านตีชุดเกราะบนป้อมของเมือง Kaer Trolde



  ซื้อไอเทมหนังสือ Hieronymus มาแล้วเปิดอ่านซะ Basic Wolf School Gear ก็จะขึ้นมาเป็นเควสแรกในการตามเก็บ ชุดหมาป่าในเซ็ทพื้นฐาน

จากนั้นก็ดูรายละเอียดสถานที่เก็บได้ที่นี่เลยครับ
http://sworddestiny.blogspot.com/2015/06/wolf-school-4-gosunoob.html

Cr. http://sworddestiny.blogspot.com/2015/06/wolf-school-4-gosunoob.html