วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562

บทสรุป BIOHAZARD RE:2

        
                                   

                          บทสรุป BIOHAZARD RE:2          

                                                      BY Decibel per oxide



                               LEON CAMPAIGN 



                                       ในแถบชานเมืองของ Raccoon city ........




ผู้ร่วมรายการ - นี่คุณ ฟังนะ ผมซีเรียส โอเค๊ ? ผมเห็นมันด้วยตาตัวเองเลยล่ะ
ผู้จัดรายการวิทยุ - โอ้ ผมเชื่อคุณนะ เพื่อน ผมเชื่อคุณจริงๆ ไหนเล่าต่อสิ เล่าต่อ
ผู้ร่วมรายการ - โอเค เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว คืนที่ผมกำลังเดินจากบาร์กลับบ้าน แล้วอยู่ๆยัยผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งตรงมาหาผม เธอเดินเป๋ไปเป๋มา ผมก็คิดว่าเธอเมา
ผู้จัดรายการวิทยุ - โว้ โว้ ฮ่ะๆ โอเค เดี๋ยวๆ ถามจริงๆเลยนะ ไหนบอกเราสิว่าตอนนั้นคุณดื่มไปเยอะแค่ไหนอ่ะ?
ผู้ร่วมรายการ - โธ่คุณ ผมยังมีสติอยู่นะ ไม่เอาน่า ...ฟังต่อนะ แล้วเธอก็ตรงเข้ามา จนผมเห็นเธอชัดขึ้น พอเห็นหน้าเธอเต็มๆเท่านั้นแหละ พระเจ้า หน้าเธอเน่าเปื่อยเต็มไปหมด ยังกะซากศพ เหมือนซากศพเดินได้ยังไงยั้งงั้นเลย !



คนขับรถบรรทุก - ฮะๆ ฟังเหมือนเมียชั้นเลยว่ะ .. 
ผู้ร่วมรายการ - สาบานเลยว่าผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนจริงๆนะ คืนนั้นทั้งคืนเล่นเอานอนไม่หลับเลยอ่ะ 
ผู้จัดรายการวิทยุ –ใจเย็น ใจเย็นเพื่อน มันก็แค่ คุณโอเคอยู่มั๊ยเนี่ย? อยู่นอกเมืองก็อย่ามัวแต่กลัวล่ะโอเค๊?
ผู้ร่วมรายการ – ถ้าคุณอยู่ที่นี่นานพอคุณก็จะรู้เองแหละ พวกมันพร้อมที่เข้าขย่ำคุณทุกเวลาเลย ผมเคยเห็นพวกมันโจมตีคนอื่นด้วยนะ .....ดหดดแหแรนร ......
คนขับรถบรรทุก –ไม่เอาน่า วิทยุมาเป็นบ้าอะไรตอนนี้ว่ะเนี้ย? 



คนขับรถบรรทุก – ให้ตายสิ ง่วงนอนฉิบเลย สงสัยต้องหาที่นอนซักหน่อยแล้ว เฮ้ยยย !! ตายห่าแล้ว !!!!



                คนขับรถบรรทุก – ไม่ๆๆ ไม่ๆๆๆๆ ตายสนิท จะทำไงดีว่ะเนี้ย ? ชั้นจะทำไงดี !!





      ห่างออกไปแปดไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเทือกเขาอาร์คเลย์เป็นที่ตั้งของเมืองแร็คคูน




ทางตอนเหนือสุดของเมืองถูกล้อมรอบด้วยป่าแรคคูนและแม่น้ำ 3 สายที่มาบรรจบกันประกอบด้วย Marble, Circular และ Aimes โดยแม่น้ำ Marble เป็นแม่น้ำสายที่หล่อเลี้ยงชุมชนในเขตชานเมือง ส่วนแม่น้ำ Circular ก็ทอดตัวหล่อเลี้ยงเมืองแร็คคูนตั้งแต่ฝั้งตะวันออกยันตะวันตก เป็นเสมือนเขตแดนธรรมชาติที่แบ่งแยกเมื่องฝั่งตะวันตกออกจากเมืองฝั่งตะวันตก ทำให้เขตตะวันตกของเมืองแยกออกจากเมืองแร็คคูนตอนบนและตอนใต้ ในส่วน Dawntown ก็ถูกถนน Ennerdale เป็นเขตแดนขวางกั้นออกจากส่วนเหนือของเมือง เป็นสถานที่ตั้งของสถานีตำรวจเมืองแร็คคูนในบริเวณขอบชายแดน


 เมืองทางด้านตะวันออกของแม่น้ำจึงไม่ได้ถูกพัฒนาและไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนอกจากเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยแร็คคูนที่ตั้งอยู่ติดกับเขตชายแดนด้านเหนือติดกับเทือกเขาอาร์คเลย์อันเป็นพื้นที่ที่ถูก   Umbrella corporation บริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่กว้านซื้อพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำ Circular เอาไว้ใช้สำหรับทำเขตโรงงานอุตสหกรรมผลิตสารเคมีเพื่อใช้ประกอบธุรกิจ

    

ประชากรของเมืองแร็คคูนเข้าเป็นลูกจ้างในแรงงานในโรงงานสารเคมีถึง 40% ของประชากรทั้งหมด ทำให้เมืองแร็คคูนมีฐานทางเศษฐกิจไปทางอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ที่มีสวนสัตว์แห่งเมือง Raccoon แหล่งปีนเขาที่เทือกเขาอาร์คเลย์ และ หอนาฬิกา St. Michael's Clock Tower ที่ตั้งอยู่กลางเมืองเป็นสัญลักษณ์ในโปสการ์ดที่นักท่องเที่ยวต้องจดจำ


บริษัท Umbrella ที่พยายามลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆทั้งการสร้างโรงพยาบาล  Raccoon General Hospital ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการริเริ่มแผนพัฒนาเมืองที่ชื่อว่า Bright Raccoon 21 โดยการร่วมมือกันของ และ นายกเทศมนตรี  Michael Warren ที่ได้รับทุนจากองค์กรในท้องถิ่นหลายแห่งรวมกันเพื่อหวังที่จะปรับปรุงเมืองแร็คคูนให้ทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ก็ได้มีการทำสัญญาลับระหว่าง Umbrella กับ ผ.อ โรงพยาบาล เพื่อให้ทาง  Umbrella ได้สร้างห้องทดลองลับอยู่ในชั้น B2F เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกในการทดลองผลิตไวรัสชนิดใหม่สำหรับใช้ทำอาวุธชีวภาพที่ผิดกฎหมาย


 รวมทั้งเป็นที่ประชุมลับของคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนของทั้งทาง Umbrella และทางผู้บริหารของโรงพยาบาล โดยมีทางเข้าที่ต้องนั่งเรือเข้ามาทางท่อระบายน้ำหลักของโรงพยาบาล


จนเมื่อ บริษัท Umbrellaได้เข้ามาควบรวมอำนาจ และเริ่มสร้างหน่วย Special Tactics and Rescue Service (S.T.A.R.S.) ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่มากฝีมือขึ้นมาเพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติงานขั้นสูงที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยสำหรับรองรับสถานการณ์ที่เกินความสามารถของตำรวจธรรมดาจะทำได้


แต่ภายในมุมมืดจากความสวยงามที่กล่าวมา ลึกลงไปยิ่งกว่านั้นบริษัท Umbrella ก็ได้มีการลักลอบ วิจัยอาวุธชีวภาพ (Bio Organic Weapon, หรือ B.O.W) ที่ผิดกฎหมายขึ้นมาอย่างลับๆ โดยไม่มีใครรู้ จนเมื่อ t-Virus ไวรัสชนิดใหม่ที่บริษัท Umbrella คิดค้นขึ้นประสบผลสำเร็จ


ไม่นาน t-Virus ก็เกิดการรั่วไหลออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยในโรงพยาบาลติดเชื่้อจำนวนมาก


 ก่อนจะแพร่เชื้อร้ายออกไปยังเมืองแร็คคูนทางปลิงชนิดหนึ่งในท่อระบายน้ำที่เกิดการกลายพันธุ์จาก  t-Virus


การรั่วไหลของ  t-Virus ทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมาที่คฤหาสน์ของครอบครัวสเปนเซอร์ในเทือกเขาอาร์คเลย์ ทำให้หน่วย S.T.A.R.S. ต้องเข้าไปตรวจสอบ และพบว่า t-Virus ที่แพร่กระจายออกไปได้เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นซากศพเดินได้ไม่ต่างจากสัตว์ทั่วไปที่กลายเป็นสัตว์ร้ายในชั่วพริบตา


2 เดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายที่คฤหาสน์ของครอบครัวได้จบลง t-Virus ที่เริ่มแพร่กระจายรั่วไหลอยู่ในเมืองแร็คคูนก่อนหน้านี้ไม่นาน มันได้เปลี่ยนผู้คนมากมายให้กลายเป็นซากศพเดินที่เรียกว่า ซอมบี้ ออกกัดกินผู้คนจนตายติดเชื้อแพร่กระจายความเป็นซอมบี้ร้ายจนวุ่นวายไปทั่วทั้งเมือง




                       Part 1: Gas station and Raccoon City streets


             ....... บนถนนเส้นหลักที่เป็นทางมุ่งเข้าสู่ Raccoon city ......





ไม่กี่วันหลังจากเรื่องราวผิดปกติในเมืองแร็คคูนได้ถูกแพร่กระจายออกไปจนหนาหู เป็นช่วงเวลาที่ Leon Scott Kennedy นายตำรวจพึ่งจบจากโรงเรียนตำรวจใหม่ๆอายุเพียง 21 ปี กำลังเดินทางมุ่งหน้ามายังเมืองแร็คคูน ด้วยเหตุผลที่อยากเข้ามาประจำการที่เมืองหลังเขาที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้มีเพียงแค่ จิตใจที่มุ่งมั่นที่จะท้าทายคดีฆาตกรรมประหลาดที่เกิดขึ้นที่นี่มากมายแต่ก็แอบแฝงด้วยเหตุผลบางอย่างที่อาจเกิดจากความอยากหลีกหนีให้ไกลจากความรู้สึกของตัวเองที่เพิ่งเลิกลากับแฟนสาวได้ไม่นาน


หลังจากพักโรงแรมใน Arklay County ได้ 1 คืน Leon ก็ต้องรีบเดินทางต่อเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก่อนจะต้องแวะเติมน้ำมันที่ The Mizoil ปั๊มน้ำมันแห่งเดียวแห่งสุดท้ายที่ตั้งอยู่บนถนนที่เป็นรอยต่อระหว่าง Arklay County กับเมืองแร็คคูน โชคร้ายที่ Leon ไม่สามารถติดต่อกลับไปยังสถานีที่เขากำลังเดินทางไปประจำการใหม่หรือแม้แต่รับรู้เรื่องราวข่าวสารที่ทางกองทัพสหรัฐฯได้ทำการอพยพผู้คนออกจากเมืองพร้อมทั้งปิดกั้นบางส่วนในเขตชานเมืองอันเนื่องมาจากการระบาดของ t-Virus และปั๊มน้ำมันที่เขากำลังแวะพักเพื่อเติมเชื้อเพลิงในการเดินทางให้ถึงจุดหมายก็ไม่ได้ไกลพอที่มหัตภัยร้ายจกล่ำกรายมาถึงเฉกเช่นกัน


                            Leon – หืมม ไม่มีใครอยู่เลยหรอ? .... ชักไม่ค่อยดีแล้วสิ 





ทันทีที่ Leon เห็นรอยเลือดที่สาดกระเซ็นอยู่ตามทางมันช่างประจวบเหมาะที่จะทำให้เหตุผลในความไม่เข้าที่เข้าทางที่เขามีบังคับให้ต้องเข้าไปสำรวจด้านในปั๊ม Mizoil ในทันทีเพื่อให้รู้ความ


ความมืดสลัวภายในร้านของปั๊มน้ำมันได้ไฟฉายที่ตกอยู่ไล่ไปโดยพลันเมื่อ Leon เดินสอดส่องเข้าไปค้นหาที่ด้านใน ยามที่ถูกทำร้ายจนเลือดตกยางออกนั่งรวยรินอยู่ตรงทางเข้าประตูชั้นใน Leon แวะตรวจสอบแล้วปล่อยให้เขานั่งพักหายใจก่อนจะรีบเข้าไปด้านในต่อ


เมื่อเดินก้าวผ่านเข้าไปจนถึงห้องที่สุดทางจนได้พบนายตำรวจท้องที่ที่กำลังวุ่นวายกับการจัดการบางสิ่งที่ต่อต้านเขาอยู่ จนเกิดพลาดท่าเมื่อเขาหันมาระแวดระวังเพื่อเตือนถึงอันตรายเพื่อให้ Leon ไม่ต้องเข้าไป โดนชายท่าทางประหลาดเข้าขย้ำกัดกินจนตายไปต่อหน้าต่อตา


ร่างของชายที่ไม่ต่างจากซากศพเดินได้ที่เดินเข้ามาหาทำให้ Leon รู้ดีว่าต้องยิงมันให้ดับคาตา แม้ว่าต้องพยายามยิงอยู่หลายครั้งหลายที


ทันทีที่ยิงมันจนล้มลงได้ก็รีบเข้าไปที่ที่แขวนกุญแจที่อยู่ด้านในแล้วเอาไปไขประตู วิ่งออกจากร้านให้ไวท่ามกลางซากศพเดินได้มากมาย



                                                            ???? – อย่ายิง !!



                                                           Leon – หมอบลง !!



Leon – คุณไม่เป็นไรนะ?
???? – คะ คิดว่านะ ...ขอบคุณนะ
Leon – เอาไว้ขอบคุณทีหลังเถอะ ตอนที่เราปลอดภัยแล้วอ่ะนะ ดูนั่นสิ.
???? – โอ้ พระเจ้า !



ซากศพเดินได้มากมายเดินล้อมวงเข้ามาอย่างช้าๆแต่น่ากลัว ทั้งคู่เริ่มรู้ตัวว่าขืนอยู่ต่อไปโดยไม่ทำอะไรได้ตายกลายเป็นศพเดินได้เฝ้าปั๊มนี้แน่นอน


Leon จึงรีบวิ่งฝ่าพวกมันไปขึ้นรถทันใดก่อนที่จะเรียกสาวน้อยเสื้อแดงให้โดดตามขึ้นรถให้ไวก่อนที่จะขับออกไปจากปั๊มอย่างไม่รีรอ


???? – ที่นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?
Leon – ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็หวังว่าที่สถานีตำรวจจะมีคำตอบให้ผมได้นะ
???? – เดี๋ยวนะ คุณเป็นตำรวจหรอ?
Leon – ใช่ ผม Leon Kennedy คุณล่ะ?
Claire – Claire ค่ะ Claire Redfield 



Leon – คนแถวนี้หรอ?
Claire – เปล่าค่ะ ชั้นมาตามหาพี่ชาย เขาก็เป็นตำรวจอยู่ที่นี่เหมือนกัน 
Leon – โอ้ งั้นมันก็คงเป็นเรื่องที่ดีแล้วที่เราได้เจอกันอ่ะนะ เพราะตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรอีกแล้วล่ะ 





ประชาชนชาวเมืองแร็คคูนโปรดฟัง เนื่องจากตอนนี้ได้มีการระบาดของเชื้อไวรัสอยู่ทั่วทั้งเมือง ขอแนะนำให้คุณมาพักหลบภัยที่สถานตำรวจของเมืองเพื่อความปลอดภัย เรามีที่พัก อาหารและยารักษาโรคที่เพียงพอสำหรับความต้องการของทุกคน



Claire – พระเจ้า นี่มันไม่จริงใช่มั๊ยเนี่ย? 
Leon – สถานีตำรวจอยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ พวกเขาต้องรู้อะไรแน่ๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น
Claire – แล้วถ้าเกิดว่า มันไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่แล้วล่ะ ถ้าเหลือแค่พวกเราที่รอดล่ะ?
Leon – ไม่ พวกเขายังไม่ตายกันหมดหรอก ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่แน่นอน ที่นี่ไม่ใช่เมืองเล็กๆนะ ... ถนนถูกปิดแล้ว สงสัยเราต้องเดินเท้ากันต่อจากตรงนี้แล้วล่ะ






                                         Claire – ชั้นว่าเราคงต้องวิ่งมากกว่านะ 
                                         Leon – ใช่ เห็นด้วยเลยล่ะ! ...อ๊ากก !!!




             Claire – ดูสิ Leon มีคนมาช่วยเราแล้วล่ะ!  ....เอ่อ ไม่นะ เดี๋ยวนะ ไม่ใช่แล้วล่ะ!!




               Leon – ตายแล้ว มันกำลังจะชนเรา !! Claire ออกจากรถ .. ออกจากรถ เดี๋ยวนี้ !!!

ผลพวงจากความซวยของคนขับรถบรรทุกที่ดันไปชนเอาซอมบี้สาวที่ชานเมืองจนพลาดท่าถูกกัดส่งผลให้คนขับเกิดอาการติดเชื้อจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เหยียบคันเร่งรถจนหมดไมล์มาจากนอกเมืองพุ่งชนทุกอย่างที่ขวางหน้าตามถนนที่เต็มไปด้วยซอมบี้ที่ขวางทาง


 โชคร้ายคือปลายทางคือรถของ Leon และ Claire ที่กำลังถูกฝูงซอมบี้รุมยำ จนในที่สุดรถบรรทุกก็กวาดทุกอย่างจนเรียบไปจนหมดทั้งถนนรวมถึงรถตำรวจที่ Leon ขับมาจนเกิดการระเบิดไฟลุกไหม้ไปทั่ว


                                 Leon – Claire !! คุณเป็นอะไรรึเปล่า โอเคนะ?



                                        Claire – ชั้นไม่เป็นไร! แล้วคุณล่ะ?



Leon – ผมคงจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้วล่ะ มันไม่ปลอดภัยแล้ว !!
Claire – หาทางหนีไปก่อนเลย แล้วไปเจอกันที่สถานีตำรวจก็แล้วกันนะ !!!
Leon – โอเค ผมจะไปหาคุณที่นั่นนะ !


วิ่งหลบฝูงซอมบี้จากจุดรถระเบิดเข้าไปที่ซอกตึกฝั่งซ้ายจะมีทางลงบันไดไปออกด้านหลังของตึกก็จะเห็นด้านหน้าทางเข้าของสถานีตำรวจเมืองแร็คคูน 


                                            RPD Police Station


                                                            Main Hall




??? – David .. Marvin พวกคุณอยู่หรือเปล่า? ผมเจอทางออกจากที่นี่แล้ว อยู่ในบันทึกนี่ ส่งกำลังเสริมมาที่ห้องโถงฝั่งตะวันออกด่วนเลย !!
Leon – ห้องโถงฝั่งตะวันออกงั้นหรอ? คงต้องไปตามหาหมอนี่หน่อยแล้ว


                                       — Investigate the East Side


สำรวจเก็บไอเทมต่างๆในห้อง Main Hall ให้หมดรวมทั้งไอเทมจาก DLC ในลังเก็บของตรงจุดเซฟ



จากนั้นมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของตึกโดยการเปิดสวิตซ์ชัตเตอร์ประตูทางผ่านด้านขวาของ Main Hall เป้าหมายคือ Watchman’s Room


???? – เปิดให้หน่อย !! เร็วๆ เปิดประตูบ้านี่ให้หน่อย !!
Leon – จับมือผมไว้ ผมจะช่วยดึงออกมาเอง !!
???? – อ๊ากกกกกก !!!





Officer’s Notebook ที่เก็บได้จากศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกัดขาดสองท่อนมีไว้สำหรับใช้แก้ปริศนาเปิดรูปปั้นทั้ง 3 อันเพื่อให้ได้มาซึ่ง Medallion ทั้ง 3 อันสำหรับใส่ในรูปปั้นเทพีขนาดใหญ่ในห้อง Main Hall เพื่อเปิดทางลับออกจากสถานีตำรวจ

จากนั้นก็เอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้กลับมาที่ห้อง Main Hall อีกครั้ง จำนวนซอมบี้มากมายที่ออกมาตามช่องทางเดินแคบๆทำให้ Leon ไม่สามารถเดินกลับไปอย่างสะดวกสบายนัก ซ้ำหนักคือเกือบเอาชีวิตไม่รอดในตอนที่ต้องคลาดลอดชัตเตอร์ทางเข้าสู่ Main Hall แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังรอดชีวิตอยู่ช่วยเอาไว้


Marvin – ระวัง เดี๋ยวชั้นจัดการมันเอง !! .... เอาล่ะ คุณปลอดภัยแล้ว แค่ตอนนี้อ่ะนะ 
Leon – ขอบคุณครับ
Marvin – ผม Marvin Branagh 
Leon – ผม Leon Kennedy ครับ ..ผมเจอเจ้าหน้าที่อีกคนด้านใน แต่ผมไม่ ...ผมไม่ สามารถช่วยเขาไว้ได้ 
Marvin – ลุกขึ้นเถอะ ผมมั่นใจว่าคุณทำเท่าที่ทำได้แล้วแน่นอน Leon



Leon – มีใครรู้มั๊ยครับว่าไอ้เรื่องบ้าๆนี่มันเกิดจากอะไรกันแน่?
Marvin – ไม่มีเบาะแสอะไรเลย แต่มีรู้แน่ๆอย่างนึงเลยคือ ทุกอย่างที่คุณรู้ตอนนี้มันจะกินคุณทั้งเป็นได้ถ้าคุณไม่ระวังตัวให้ดีๆ 
Leon – ผมควรจะเริ่มงานตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วซะนะ คงจะได้ได้รับการโทรแจ้งว่าให้หนีไปจากที่นี่ให้ไกลๆ และผมจะได้รีบมาที่นี่ให้เร็วกว่านี้ 
Marvin – ตอนนี้คุณอยู่ที่นี่แล้ว Leon นั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด



Leon – เอาล่ะ ผู้หมวด ผมพร้อมแล้วล่ะ แผนยังไงว่ามา 
Marvin – ก็หวังไว้ว่า คุณจะหาทางออกจากที่นี่ได้ เจ้าหน้าที่ที่คุณพบก่อนหน้าคือ Elliot เขาค้นพบว่าทางออกลับที่จะออกจากสถานีต้องแก้ปริศนาก่อน ตามนี้
Leon – งั้นตอนนี้ข่าวดีก็คือ เราพอมีทางที่จะพาคุณไปที่โรงพยาบาลได้แล้ว 
Marvin – ไม่ๆ ผมไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก
Leon – ผู้หมวด ผมไม่มีวันทิ้งคุณไว้ที่นี่หรอกนะ 
Marvin – ผมขอออกคำสั่งกับคุณนะ เด็กใหม่ คุณต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน เข้าใจนะ ถ้าเอาผมไปด้วยจะทำให้ช้าเปล่าๆ แล้วก็ เอานี่ไว้ใช้ด้วย 
Leon – ผมรับไว้ไม่ได้หรอก .. 
Marvin – ไม่ต้องพูด ....และ อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ ...ถ้าคุณเห็นไอ้พวกนั้นเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะใส่ยูนิฟอร์มหรือไม่ใส่ก็เถอะ อย่าได้ลังเล ถ้าไม่กำจัดพวกมันซะก็รีบหนีได้เลย เข้าใจนะ?
Leon – รับทราบครับ



Combat Knife ที่ได้มาคือ Sub Weapon แบบใช้แล้วทิ้ง มีดจะสามารถใช้ในการต่อสู้ระยะประชิดเพื่อประหยัดกระสุน [L1 + R2] 



และทำให้สามารถหนีจากการถูกซอมบี้เข้าโจมตีระยะประชิดได้ด้วยการ Counterattack [L1] โดยทั้งนี้ทั้งนั้น มีด  สามารถหักพังได้ตามการใช้งานและสามารถเก็บเอามาใช้ได้เมื่อพบเจอระหว่างทาง


                                                   - Find 3 Medallion

สิ่งที่ต้องทำจากนี้คือค้นหา เหรียญ Medallion ทั้ง 3 ที่ซ่อนไว้ในรูปปั้นทั้ง 3 อันให้พบเพื่อนำมาใช้สำหรับใส่ในรูปปั้นเทพีขนาดใหญ่ในห้อง Main Hall เพื่อเปิดทางลับออกจากสถานีตำรวจ

                                                        Lion Medallion





-ขึ้นไปบนระเบียงชั้นบนจะพบรูปปั้นสิงโตอยู่ ปรับตัวอักษรอักขระที่รูปปั้นดังภาพที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกก็จะได้ Lion Medallion ออกมา


                                                      Unicorn Medallion



เข้าไปส่วนทางซ้ายของ Main Hall โดยใช้มีดที่ได้มาตัดเทปที่แปะแผงสวิตซ์ประตูเอาไว้ออกเพื่อกดสวิตซ์เปิดประตูชัตเตอร์ออกเข้าไปสู่ห้อง Reception เก็บแผนที่ที่พนัง


                                   แผนที่ตำแหน่งไอเทมต่างๆใน Police Station, 1F
                                              เข้าไปดูภาพขนาดใหญ่ตามลิงค์
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/8/82/RE2_RPDMapLeon_1FUpdate.jpg?width=1920



                                                            Record of Events

25 กันยายน
เราได้เปลี่ยนสถานีตำรวจให้กลายเป็นที่พักพิงชั่วคราวอันเนื่องมาจากเกิดการระบาดอย่างกระทันหัน ตำรวจทุกนายได้รับคำสั่งให้ความสำคัญสูงสุดในการช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยให้ได้มากที่สุดเท่าที่พวกเราจะมีที่รองรับพวกเขาได้ 

ในคืนนั้น 1 ในผู้ลี้ภัยที่ติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้โจมตีพวกเราตอนกลางดึก ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ตาย 1 และบาดเจ็บ 3 นาย ประชาชนที่มีท่าทีว่าจะมีโอกาสติดเชื้อถูกนำตัวไปควบคุมอย่างรวดเร็ว เราเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ที่ตรึงเครียดแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องง่ายที่สุดในกรณีที่อาจจะมีใครมางับเราเข้าอีกโดยไม่รู้ตัว 

26 กันยายน
วันนี้พวกกลุ่มคนที่บ้าคลั่งโจมตีเราอีกครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น ทำให้ผู้รอดชีวิตจำนวนน้อยต้องหาทางเอาตัวรอดภายในประตูนิรภัยต่างๆที่ปิดตัวขังเอาไว้ ทำให้เราไม่มีทางที่จะหนีออกจากที่นี่ได้ เราถูกตัดออกจากโลกภายนอกและไม่แน่ใจว่าเราจะซ่อมแซมระบบควบคุมของเราได้หรือเปล่า 

27 กันยายน 
เกิดการโจมตีกันอีกครั้งทางปีกตะวันตกของตึกทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 12 คน คงเหลือผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดที่นี่ ในขณะที่ทุกๆอย่างที่นี่กำลังดำดิ่งลงสู่จุดที่เรียกว่าอลม่านอย่างที่สุดแล้ว
David Ford เจ้าหน้าที่ฝ่ายบันทึกข้อมูล สถานีตำรวจเมืองแร็คคูน 


ไปตามเส้นทางเดินฝั่งซ้ายไปยังห้อง Operation Room สำรวจเก็บไอเทมและเอกสารต่างๆในห้องให้หมด จากนั้นปีนพนังทางขวาของห้องเพื่อปีนช่องกระจกออกไปที่ทางเดินฝั่งขวาของห้องต่อ


เข้าห้อง Safety Deposit Room ซึ่งเป็นห้องล็อกเกอร์นิรภัยที่สามารถกดปุ่มที่แผงควบคุมเพื่อเอาไอเทมต่างๆออกมาใช้ได้ แต่ปุ่มกด (Spare keys) เลข 2 และ 3 หายไปทำให้สามารถกดได้แค่ ช่อง 106 (ฟิล์มถ่ายรูป) ช่อง 109 (กระสุน)

เข้าห้อง West office เก็บไอเทมทั่วไปที่อยู่ในห้องให้หมด ซึ่งในห้องนี้จะมีโต๊ะทำงานของ Leon อยู่ด้วย แต่มันถูกล็อกเอาไว้ถึง 2 ชั้น


รหัสคือ ซ้ายใส่รหัส NED ขวาใส่รหัส MRG จะได้ High-Capacity Mag สำหรับมาผสม (Combine) เข้ากับปืน Matilda handgun ทำให้สามารถใส่กระสุนในจำนวนที่มากขึ้นได้


ตู้เซฟในห้องทำงานด้านในหมุน ขวา9 – ซ้าย18  - ขวา7 ด้านในจะได้ไอเทม Hip Pouch กระเป๋าที่จะเพิ่มช่องสำหรับเก็บไอเทมอีก 1 ช่อง



                                                       Operation Report 

                                                    28 กันยายน , 2:30 am
ทุกคนตายกันหมดเหลือแค่พวกผม 3 คน ไม่มีอาวุธ กระสุนก็หมด การต่อสู้มีมาอยู่ตลอด มันบั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเราอย่างมาก เราตัดสินใจที่จะไม่ทำตามเจ้าหน้าที่ Philips ที่แนะนำพวกเราให้หนีออกจากที่นี่ด้วยทางลับที่มีมาตั้งแต่สมัยที่ที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เธอบอกว่ามันจะพาเราออกไปทางท่อระบายน้ำที่อยู่ใต้สถานีได้ ที่ผ่านมาผมปฏิเสธไอเดียของเธอมาตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกเพราะสถานการณ์เลวร้ายลงทุกที ใช่ มันไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่าไอ้อุโมงค์ลับที่จะพาลงไปยังท่อระบายน้ำมันมีจริงมั๊ย และถ้ามีมันจะมีพวกซอมบี้อยู่มากแค่ไหน แต่ผมจะไม่ยอมนั่งรอความตายอยู่ที่นี่แน่นอน ถึงแม้มันจะฟังดูเป็นไปได้ยากแต่ยังไงก็ต้องลองหาไอ้ทางลับลงท่อระบายน้ำนั้นดูซักตั้งก็แล้วกัน 

                                 Elliot Edward เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองแร็คคูน


เก็บทุกอย่างเท่าที่เก็บได้แล้วออกจากห้อง  West office แล้วเดินตามทางเดินด้านบนไปจนถึงห้องใต้บันไดทางขึ้นชั้น 2 เก็บ Wooden Boards แผ่นไม้สำหรับปิดหน้าต่างกันซอมบี้พังกระจกเข้ามาแล้วจะพบห้อง Dark Room  ซึ่งเป็นห้องเซฟและห้องล้างฟิล์ม ที่สามารถเอาม้วนฟิล์มต่างๆที่เก็บได้ระหว่างทางมาล้างให้เป็นภาพถ่ายออกมาเก็บไว้ได้

จากนั้นขึ้นบันไดหน้าห้อง Dark Room ไปชั้น 2 ต่อเข้าไปในห้อง Men’s Locker Room จะพบท่อไอน้ำที่แตกกั้นทางเข้าไปยังโพรงที่พนังห้องน้ำด้านในซึ่งต้องหาวาล์วมาหมุนปิดมัน สำรวจในห้องเก็บไอเทมให้หมด  รหัสเปิดตู้ล็อกเกอร์ด้านขวา CAP ได้กระสุนช็อตกัน 


และจะพบคีย์ไอเทม Portable Safe ตรงชั้นเก็บผ้าเช็ดตัว วิธีเปิดมันออกนั้นต้องกดปุ่มต่างๆให้มีไฟเขียวขึ้นเรียงกดจนครบทุกปุ่ม ถ้ากดผิดเป็นไฟแดงต้องเริ่มใหม่


เมื่อกดปุ่มเรียงกันจนไฟเขียวติดทั้งหมดแล้วจะได้คีย์ไอเทม Spare Key ออกมาซึ่งก็คือปุ่มกดแผงควบคุมล็อกเกอร์นิรภัยในห้อง Safety Deposit Room นั่นเอง


กลับไปที่ห้อง Safety Deposit Room อีกครั้งแล้วเอา Spare Key ใส่เข้าช่องปุ่มกดที่หายไป โดยจะใส่แทนตัวเลข 2 หรือ 3 ก็แล้วแต่ใจ จากนั้นก็กดเอาไอเทมจากตู้ที่สามารถเปิดได้ใหม่มาให้หมด

จากนั้นขึ้นบันไดหน้าห้อง Dark Room ไปชั้น 2 แล้วต่อไปจนถึงชั้น 3 ต่อ ที่ล็อกเกอร์ตรงทางขึ้นมาใส่รหัส DCM ได้กระสุน MAG /  เก็บคีย์ไอเทมกุญแจรูปโพธิดำสีฟ้าที่อยู่บนโต๊ะทำงาน


 แวะเก็บไอเทมตามทางเดินไปจนถึงห้อง West Storage Room เข้าไปสำรวจเก็บไอเทมต่างๆและเก็บ Hip Pouch บนโต๊ะตรงด้านในห้องเพื่อเพิ่มช่องเก็บไอเทมอีก 2 ช่อง


         

                                            Some Guy's Scribblings

ไอ้องค์กรบ้าเอ้ย ! พอทำงานเสร็จก็ปล่อยลอยแพเราเฉยเลย งั้นก็ได้เลย ได้เลย ชั้นจะได้ทำอะไรเล่นสนุกๆให้สะใจไหนโลกแม่งก็กำลังเละเป็นขี้แล้วนี่ ชั้นจะจัดการไอ้บอร์ดบริหารหมูสกปรกนั่นให้หมดด้วยระเบิด C4 ที่เหลืออยู่ ระเบิดแม่งให้หมดแล้วบอกลา ซาโยนาระ ไอ้พวกห่านั่นได้เลย 

แต่นึกอีกทีถ้ามันจบเร็วเกินไปมันจะสนุกอะไรว่ะ บางทีชั้นอาจจะให้อะไรพิเศษๆกับพวกมันหน่อย ช่าย บางทีชั้นอาจจะให้พวกมันฆ่ากันเอง ใครเหลือรอดคนสุดท้ายชั้นจะไว้ชีวิต ชั้นว่ามันต้องยอมทำแน่นอน

ปากก็พร่ำสรรเสริญ ความยุติธรรมและความภาคภูมิใจ แต่กี่ครั้งแล้วที่พวกแกกดขี่ชั้นด้วยแค่เพราะพวกแกเป็นเจ้านายที่เหนือกว่า? ช่าย พ่อตำรวจดี  ดีจนตายกันหมดนี่ไง แม่งเอ้ย แค่คิดก็สนุกแล้ว ตอนนี้ชักอยากได้เพลงประกอบแล้วสิ   

จากนั้นเมื่อออกจากห้อง West Storage Room ทางประตูอีกฝั่งจะมาออกที่ชั้นระเบียงของห้องสมุด


Marvin – Leon นี่ Marvin นะทราบแล้วเปลี่ยน ผมอยากจะให้คุณกลับมาที่ห้องโถงกลางด่วนเลย
Leon – คุณโอเคนะ Marvin?
Marvin – ผมมีบางอย่างจะให้คุณดู มันสำคัญมากๆเลย 
Leon – โอเค ทราบ ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ


คุยกับ Marvin จบลงจากชั้นระเบียงไปในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยซอมบี้ เก็บคีย์ไอเทม Red Book บนโต๊ะมาแล้วออกประตูตรงทางลงบันได จะออกมาที่ห้อง Lounge เก็บไอเทมแผนที่ Police station Upper Floors Map ที่พนังมา


                             แผนที่ตำแหน่งไอเทมต่างๆใน Police Station, 2F - 4 F
                                       เข้าไปดูภาพขนาดใหญ่ตามลิงค์
                                                  Police Station, 2F 
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/4/4f/RE2_RPDMapLeon_2F.jpg?width=960
                                                  Police Station, 3F - 4F
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/f/f7/RE2_RPFMapLeon3FUpdate.jpg?width=960


               

                                                                            
และจะพบรูปปั้นม้ายูนิคอร์นอยู่ที่นี่ ปรับตัวอักษรอักขระที่รูปปั้นดังภาพที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกก็จะได้ Unicorn Medallion ออกมา


จากห้อง Lounge กลับไปที่ห้องสมุดออกประตูขวาโดยใช้กุญแจโพธิดำสีฟ้าไขออกไปจะมากลับมาที่ชั้นบนระเบียงฝั่งซ้ายของ Main Hall ได้อีกครั้ง


                                       Marvin – อ่า Leon มาแล้วหรอ มานี่ ดูนี่สิ


Leon – เยี่ยม ! ว่าแล้วว่าเธอต้องทำได้
Marvin – คุณรู้จักเธองั้นหรอ?
Leon – ใช่ เธอชื่อ Claire ผมเข้ามาเมืองมาพร้อมกับเธอน่ะ



Marvin – งั้นคุณก็ต้องไปที่ลานด้านนอกผ่านทางชั้น 2 ของห้องโถงนี้ไปทางตึกฝั่งตะวันออก 
Leon – เข้าใจแล้ว ... ขอบคุณนะผู้หมวด 


                                                  Maiden Medallion


จาก Main Hall ขึ้นบันไดไปบนระเบียงฝั่งขวาเข้าห้อง Waiting Room แวะเปิดเซฟในห้องด้วยรหัส ขวา 6 / ซ้าย 2 / ขวา 11 ได้ไอเทม Muzzle Brake สำหรับประกอบปืน Matilda แล้วใช้กุญแจโพธิดำสีฟ้าเปิดประตูด้านในห้องทะลุไปยังทางเดินด้านใน


       เข้าห้อง Art room เก็บเอกสาร Raccoon Magazine กับ Weapon locker Key Card บนโต๊ะมา


                                              บทความศิลปะ: หินสีแดง

ทับทิมที่เป็นที่หวงแหนของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด มันเป็นเสมือนเป็นสิ่งล้ำค่าของราชินีแห่งแม่น้ำไนล์ แต่มันก็ดูดกลืนสิ่งดีๆของนางไปหมดจนสุดท้ายมันก็นำทางให้นางไปสู่ความตายก็ต้องจบชีวิตลงด้วยกิโยติน 

และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล่าขานสุดท้ายของอัญมณีนี้ เฉกเช่นหน้าที่ของอัญมณีทั่วไปที่เหล่าขุนนางผู้สื่อสัตย์จะนำไปถวายเป็นของกำนัลให้กับกษัตริย์ของพวกเขาโดยไม่เคยสนที่มาที่ไปหรือแหล่งกำเนิดว่ามันมาจากไหน ทำให้อัญมณีแห่งความตายเม็ดนี้ปกคลุมไปด้วยเรื่องเล่าขานถึงผลของความชั่วร้ายตลอดมา แต่ผู้คนต่างก็กระตือรืนล้นที่อยากจะหามันมาครอบครอง 

จนมีผู้อ่านที่น่ารักคนนึงที่นำความชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ภายใต้ความงดงามของอัญมณีเม็ดนี้มาดูแลเพื่อต้องการพิสูจน์ตำนานที่เล่าขานว่ามันจะนำมาซึ่งความตายต่อผู้เป็นเจ้าของมัน แต่ที่แน่ๆอัญมณีสีแดงฉานที่เหมือนถูกอาบด้วยเลือดจนมันวาวยังคงรวบกวนจิตใจผู้คนมากมายในทุกที่ที่มันเยื้องย่างไปจนถึงทุกวันนี้ 

สำรวจเก็บแขนซ้ายของรูปปั้น (Statue’s Left Arm) บนโต๊ะด้านใน เอามาผสม (Combine) กับไอเทม Red Book จะได้มือซ้ายที่ถือหนังสือแดงมา


แล้วเอาไปใส่ที่ตัวรูปปั้นจะได้คฑาหัวพลอยแดงมา (Scepter) กดตรวจสอบ (Examine) ที่คฑาเพื่อแกะ พลอยแดง Red Jewel ออกมา


จากนั้นออกจาก Art Room เดินตามทางเดินมายังทางหนีไฟ Fire Escape จะเห็นคอปเตอร์ที่ตกลงมาชนกับพนังของสถานีตำรวจอีกด้าน ออกประตูมาที่ระเบียงด้านนอกก็จะพบ Claire อยู่ด้านนอก


Claire – Leon !?
Leon – Claire ! รออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวผมลงไป



Leon – ดีใจที่ได้เจอคุณอีกนะ Claire 
Claire – แล้วคุณเป็นไงบ้างล่ะ คอปเตอร์นั่นรู้สึกว่าจะบินมาจากที่ไหนซักแห่งนี่แหละ 
Leon – อืมม ผมไม่เป็นไร ยังอยู่ครบ 32 ดีอยู่
Claire – เดาว่าคุณคงไม่ได้มีกุญแจหรือที่สะเดาะกุญแจอะไรซักอย่างติดมาด้วยใช่มั๊ย?
Leon – โชคร้ายหน่อยนะ ผมไม่มีกุญแจหรอก  ว่าแต่คุณกำลังทำอะไรอยู่หรอ?
Claire – คุณก็รู้ ...ก็เอาตัวรอดไปเรื่อยแหละ
Leon – งั้นก็ดีแล้ว ..ว่าแต่เรื่องพี่ชายคุณล่ะ เจอยังมีไรคืบหน้าบ้างเปล่า?
Claire – ยัง ไม่มีข่าวอะไรเลย
Leon – อย่าเพิ่งหมดหวังล่ะ Claire ผมมั่นใจว่าคุณต้องเจอพี่ชายแน่นอนเชื่อสิ 



Leon – บ้าเอ้ย คอปเตอร์นั่นระเบิด !! คุณรู้ใช่มั๊ยว่ามันหมายถึงอะไร?
Claire – รู้สิ เวลาดินเนอร์ของพวกซอมบี้ไง
Leon – Claire ผมว่าคุณควรจะรีบหนีได้แล้วนะ 
Claire – ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก Leon ห่วงตัวเองก่อนเถอะ 
Leon – Claire คุณต้องหนีได้แล้ว เดี๋ยวนี้ !!
Claire – เฮ้ เราต้องผ่านเรื่องบ้าๆนี่ไปให้ได้ด้วยกันนะ โอเค๊ ?
Leon – อืมม 


จากนั้นเก็บคีมตัดเหล็ก Cutting Tool ตรงทางเข้าข้างประตูรั้วแล้วตัดโซ่ที่คล้องประตูเพื่อเปิดเข้าไปด้านในที่ด้านหน้าห้อง Watchman’ Room ที่เคยมาเอาสมุดบันทึก แล้วใช้คีมตัดโซ่เปิดเข้าห้อง EAST OFFICE



เก็บฟิวส์ (Electrical Part) และ แกนหมุน (Round Handle) ด้านในห้องทำงาน แล้วออกจากห้องเอา ฟิวส์ (Electrical Part) ไปใส่ที่แผงควบคุมประตูชัตเตอร์ด้านขวาของ Main Hall เพื่อให้ประตูทำงานสามารถ เปิด - ปิด ได้อีกครั้ง


เดินทางต่อจาก Main Hall ใช้กุญแจโพธิ์ดำสีฟ้าไขเข้าห้อง West Office (ทิ้งกุญแจโพธิ์ดำสีฟ้าไปได้เลยเพราะไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว)


 จากนั้นไปเข้าห้อง OPERATIONS ROOM แล้วใช้คีมตัดโซ่เปิดเข้าไปในห้องด้านในเก็บ  Electronic Gadget ออกมา


แวะห้อง SAFETY DEPOSIT ROOM เข้าไปที่ตู้เก็บอาวุธด้านในใช้  Weapons Locker Key Card เปิดเก็บปืน W-870 Shotgun มาใช้

จากนั้นขึ้นบันไดหน้าห้อง Dark Room ไปชั้น 2 เข้าห้องน้ำใช้ แกนหมุน (Round Handle)ที่ท่อไอน้ำเพื่อปิดไอน้ำที่พ่นออกมาจะสามารถเข้าไปด้านในได้ ผ่านทะลุกำแพงแตกเข้าไปจนถึงตึกอีกด้านแล้วเข้าไปในห้องทำงานของหน่วย S.T.A.R (STARS OFFICE)


 เก็บไอเทม Battery ในห้องทำงานด้านใน แล้วเอา Battery ผสม (combine) กับไอเทม Electronic Gadgetจะได้ไอเทมตัวจุดระเบิด (Detonator) มา


กลับไปขึ้นบันไดหน้าห้อง Dark Room ไปชั้น 3 เข้าไปด้านในสุดจนถึงจุดที่มีระเบิด C4 ติดอยู่


ใช้ไอเทมตัวจุดระเบิด (Detonator) เข้าไปแล้วเริ่มจุดชนวนได้เลย เมื่อระเบิดเปิดทางออกได้แล้วด้านในจะพบรูปปั้นเทพี เปิดดูคำใบ้หมุนอักขระในสมุดแล้วหมุนตามนั้น



                    (ตัวอักขระที่รูปปั้นจะมองเห็นได้ยากเพราะมีสนิมขึ้นพยายามมองเอาเองดีๆ)



                                   เมื่อเปิดออกได้ก็จะได้ Maiden Medallion มา


เมื่อได้ Medallion ครบ 3 อันมาแล้วก็กลับไปที่ Main Hall เพื่อเอาไปใส่ที่รูปปั้นใหญ่ ก็จะสามารถเปิดทางลับออกได้แล้ว


Leon – นี่คือทางลงไปที่เส้นทางใต้ดินสินะ สำเร็จ เราเจอทางออกแล้ว เราเจอทางออกของเราแล้วหมวด Marvin ! ได้เวลาไปกันได้แล้ว เฮ้ Marvin 
Marvin – แฮ่ๆๆๆ อ่า....
Leon – เราต้องพาคุณไปโรงพยาบาลด่วนเลย
Marvin – ไม่ๆๆ คุณเอาตัวรอดไปเถอะ 
Leon – ไม่เอาน่า เดี๋ยวผมจะดูแลคุณเอง
Marvin – ไปได้แล้ว !!
Leon – ฟังนะ เราทำสำเร็จแล้ว เราจะออกจากที่นี่ด้วยกัน ถ้าคุณ ...



Marvin – มันสายไปแล้ว ... ผมกำลังพยายามอยู่ Leon ..แต่จะหยุดมันไม่ไหวแล้ว เราจะให้เชื้อมันกระจายออกไปอีกไม่ได้ ....ไปซะ !!



                          Leon – เข้าใจแล้ว ..... ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง Marvin ...


ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองแร็คคูนจะเข้ามาปฎิบัติหน้าที่เต็มรูปแบบในปี 1969 เนื่องจากเมืองที่มีการขยายตัวมากขึ้นจนตำรวจรัฐ Arklay County Sheriff's Department (ASD) ไม่สามารถรับมือไหว 



อาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเมืองแรคคูนที่ปิดตัวลงก็ถูกซื้อต่อและนำมาต่อเติมสร้างเป็นสถานีตำรวจสำหรับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฐานปฎิบัติงานและภายใต้อาคารหอศิลป์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับซับซ้อนก็ย่อมเต็มไปด้วยความลับที่บริษัท Umbrella นำมาซุกซ่อนไว้อย่างไม่ต้องสงสัย 


                                                   Underground Facility

                              แผนที่ตำแหน่งไอเทมต่างๆในพื้นที่ Underground Facility 
                                           [กดดูภาพขนาดใหญ่ตามลิงค์]
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/a/a2/RE2_UndergroundMapLeon.jpg?width=1920


ผ่าน Secret Room ที่เป็นห้องพักสำหรับเซฟแล้วลงลิฟต์ไปต่อจนถึงบันไดลงชั้นใต้ดิน เดินลงมาจนถึงชั้นล่างสุดเพื่อเก็บระเบิดมือ (Hand Grenade) เอาไว้ใช้ จากนั้นยังไม่ต้องสนใจประตูทางออกในชั้นล่างนี้เพราะมันยังออกไม่ได้ เดินกลับขึ้นบันได้ไปที่ทางเดินชั้นกลาง ระหว่างเดินไปตามทางเดินจะพบเสียงบางอย่างที่กำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวอยู่ด้านล่าง


ทันทีที่เข้าไปพยายามจะดันเอาตู้ที่ล้มมาขวางทางขึ้นเพื่อไปต่อ Leon ก็ต้องตกใจเมื่อตัวประหลาดขนาดใหญ่ในคราบของนักวิทยาศาสตร์ตัวนึงบุกเข้ามาโจมตีเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว Leon ถูกจับกระแทกแบบไม่ยั้งจนพื้นทางเดินที่เป็นเหล็กเก่าๆแตกหักร่วงหล่นมาที่ห้องเครื่องกล (MACHINERY ROOM) ที่อยู่ด้านล่างด้วยกัน


ก้อนเนื้อที่น่าขยะแขยงที่ห่อหุ้มร่างกายชายที่สวมชุดกราวของนักวิทยาสตร์ถูกแสงสาดส่องจนเห็นความน่าขยะแขยงจนเต็มตา ก่อนที่มันจะเดินย่างเข้ามาหมายตาที่จะเข้าทำร้ายทำลายทุกอย่างตรงหน้านั่นคือ Leon อย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ Leon ไม่มีทางเลือกที่ต้องยิงออกไปแม้จะยังเห็นได้ว่ามันยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ครึ่งตัว


การจัดการมันที่ได้ผลที่สุดคือการทิ้งระยะห่างให้มากพอที่จะไม่ให้ถูกการเหวี่ยงมือโจมตีไปมาของมัน ใช้ปืนสั้นยิงไปที่หัวหรือจุดต่างๆเท่าที่ทำได้เพื่อสร้างความเสียหายจนมันเปิดดวงตาขนาดใหญ่ที่ไหล่ขวาออกมาแล้วใช้ช็อตกันกระหนำยิงเข้าไปที่ดวงตาที่แขนจะสร้างความเสียหายมันได้มากกว่าปกติ

                                   

พยายามมองเส้นทางให้ดีเพื่อไม่ให้เข้าไปในจุดที่จนมุม เก็บไอเทมต่างๆทั้งกระสุนปืน ระเบิดเอาไว้ใช้ต่อสู้ไปพร้อมๆกับหาจุดที่สามารถทิ้งระยะโจมตีผสมกับถอยรักษาระยะให้ปลอดภัยได้จนสามารถทำให้มันบาดเจ็บจนพลัดตกลงไปที่ด้านล่าง ทำให้ Leon รอดตายได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้


เมื่อจัดการมอนสเตอร์ประหลาดที่เข้ามาทำร้ายลงได้ บันไดทางขึ้นด้านบนของอีกฝั่งของห้องก็จะถูกปลดลงมา ขึ้นไปชั้นบนจนถึงห้องควบคุมกดสวิตซ์เปลี่ยนทางเดินจากซ้ายมาทางขวาแล้วข้ามทางเดินนั้นไปอีกฝากจนถึงห้อง Operators Room ซึ่งเป็นห้องเซฟ เก็บ Hip Pouch ไอเทมเพิ่มช่องใส่ไอเทมในตู้ล็อกเกอร์ จัดการเซฟและไอเทมให้เรียบร้อยแล้วขึ้นไปขึ้นบันไดที่สุดทางเดินด้านในห้องจะมาโผล่ที่ ลานจอดรถใต้ตึกสถานีตำรวจ



                                              Parking Garage



Leon – บ้าเอ้ย ประตูมันต้องใช้คีย์การ์ดเปิดอีก .....หมาซอมบี้เนี่ยนะ ล้อเล่นใช่มั๊ย ? อย่ามายุ่งกับชั้นนะโว้ย ! อ๊ากกก !!

                *********************** ปัง !!!! **************************



???? – ฉลาดเข้าไว้ ......... เอาปืนลงได้แล้ว ชั้นเป็น FBI 
Leon – เอ่อ ขอบคุณครับ ...
???? – หึ คุณยังต้องเจอเรื่องเซอร์ไพรซ์อีกเยอะ 



Leon – คุณเป็น FBI งั้นหรอ? แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?
???? – โทษที มันเป็นความลับทางราชการที่บอกคุณไม่ได้
Leon – แล้วคุณจะไปไหน?
???? – ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นแล้วรีบหนีออกจากที่นี่ได้แล้ว !!
Leon – เฮ้ เดี๋ยวสิ คุณจะไปไหน ผมยังพูดกับคุณไม่จบเลยนะ !

จากส่วนของโรงจอดรถ ตอนนี้สามารถเข้าไปได้ 2 ทางคือประตูด้านบนขวาและด้านล่างซ้ายของแผนที่ ตามเจ้าหน้าที่ FBI สาวปริศนาเข้าไปที่ประตูทางใต้ของที่จอดรถจะเข้าสู่ส่วนของสถานที่คุมขังผู้กระทำความผิด เข้าห้องทำงานห้องแรกเก็บแผนที่ Police Station B1 ที่บอร์ดมาใช้


 แผนที่ตำแหน่งไอเทมทั้งหมดใน Police Station B1สามารถเข้าไปดูภาพขนาดใหญ่ตามลิงค์
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/b/ba/RE2_RPDMapLeon_B1.jpg?width=1920

เดินทางพร้อมสำรวจเก็บไอเทมต่างๆไปทางของคุกจนถึงห้องท้ายสุดของพื้นที่จะพบยังมีชายคนนึงถูกขังอยู่


???? – เฮ้ ให้ตายสิ นี่คนจริงๆหรอเนี่ย ฮ่าๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เจอคนแบบปกติซักที 
Leon – คุณอยู่ที่นี่มานานแล้วหรอ?
???? – ก็นานอยู่ ว่าแต่เราคือผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายใช่ป่ะ?
Leon – ไม่ๆ ยังมีผู้รอดชีวิตคนอื่นอีกนิดหน่อย
???? – โอ้ งั้นก็เป็นข่าวดีสินะ



???? –  ... ว่าแต่ Iron เป็นคนส่งคุณมาใช่ป่ะ
Leon – Iron คุณหมายถึง สารวัตร Iron รึเปล่า? เขายังอยู่แถวๆนี้งั้นหรอ?
???? –  ใครสนล่ะ  .. ท่านคงกำลังดินเนอร์กับใครซักคนอยู่ล่ะมั้ง 
Leon – ทำไมคุณพูดงั้นล่ะ?
???? –  ก็มันนี่แหละที่เป็นคนขังผมเอาไว้ที่นี่ !
Leon – ผมว่าเขาอาจจะมีเหตุผลก็ได้ 
???? –  หวังดีงั้นหรอ? ....เพราะผมเคยรายงานเรื่องใต้โต๊ะสกปรกๆของเขามากกว่า ..ไม่แน่ถ้าเป็นผม ผมก็อาจจะทำแบบมันเหมือนกันแหละ



???? –   คุณต้องปล่อยผมไปนะ เอาล่ะ ผมมีข้อตกลงจะมาเสนอ .. นี่คือ GARAGE KEY CARD คีย์การ์ดที่ใช้เปิดออกจากที่จอดรถแห่งนี้ ผมรับรองเลยว่าไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้ถ้าไม่ใช้มันเชื่อผมสิ ! 
Leon – เสียใจด้วย ผมคงทำไม่ได้ ต้องถามสารวัตรก่อน 
???? –   ไม่เอาน่า เราต่างก็ถูกขังเป็นนักโทษในสถานีตำรวจนี้ไม่ต่างกันหรอก นี่จะเป็นทางที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เราทั้งคู่รอดไปจากที่นี่นะ  .....ให้ได้สิ มันมาแล้ว !!
Leon – อะไร ใครมา ??
???? –    เร็วเข้าสิอย่ามัวแต่งี่เง่า คุณต้องการสิ่งนี่นะ !! แค่พาผมออกไปจากที่นี่แค่นั้นเอง เร็วสิ !!



???? –   ห๊ะ !! อ๊ากกก !! อ๊ากกกกกกกก !!!! 
Leon – โอ้ พระเจ้า !! นั่นมันตัวอะไรวะน่ะ !! .... นั่นใคร !!?


???? – นี่ชั้นเอง เอาปืนลงได้แล้ว 
Leon – ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันเกิดขึ้นเร็วมากๆเลย
???? – ชั้นบอกให้นายรีบออกไปจากที่นี่ยังไงล่ะ เห็นนั่นมั๊ย อยากอยู่ในสภาพเดียวกับ Ben งั้นหรอ?
Leon – คุณรู้จักเขาด้วยหรอ? 
???? – เขาเคยพยานที่แจ้งข้อมูลที่จะเอาไปใช้ในการสืบสวนของชั่นน่ะ 
Leon – งั้นทีเขาพูดนั่นก็คงเป็นเรื่องจริงสินะ ...เฮ้ๆ เลิกอยู่ๆก็เดินหนีผมซะที ! ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ผม ลีออน เคนเนอร์ดี้ 



???? – หาทางออกจากที่นี่ก่อนจะสายเกินไปลีออน แล้วค่อยมาคุยกัน  .... ชั้นชื่อ Ada 
Leon – สงสัยต้องยอมทำตามข้อเสนอของ Ben ซะแล้วสิ 

เป้าหมายตอนนี้คือหาทางเปิดกล้องขังของ Ben เพื่อเอา GARAGE KEY CARD ที่อยู่ที่คอเขามาใช้เปิดประตูที่จอดรถเพื่อหนีออกจากที่นี่


เก็บข้อเหวี่ยงหัวสีเหลี่ยม Square Crank บนโต๊ะ สำรวจแผงควบคุมไฟฟ้าของคุกจะพบว่ามันแผงเชื่อมต่อพลังงานของมันหายไปส่วนนึงทำให้ไม่สามารถเปิดประตูคุกออกได้

ภารกิจต่อไปคือการตามหา แผงเชื่อมต่อพลังงานของแผงควบคุมที่หายไปเพื่อเปิดคุก จากนั้นกลับไปออกไปที่ส่วนจอดรถอีกครั้งแล้วเข้าประตูขวาบนเข้าไป

สำรวจในห้อง Firing Range เก็บกล่องสีเหลืองบนโต๊ะแล้วสำรวจเพื่อเปิดมันออกจะพบกุญแจรถทะเบียน 7439 อยู่ด้านใน



(ย้อนออกมาที่ที่จอดรถ กดสำรวจกุญแจรีโมทของรถที่ได้มาเพื่อให้เปิดกระโปรงหลัง มองหารถทะเบียน 7439 แล้วเข้าไปเก็บ  Gun Stock แล้วเอาไปผสมกับปืน Matilda จะได้ด้ามจับแบบใหม่มา)

 เก็บไอเทมต่างๆในห้อง Firing Range ให้หมดแล้วออกจากห้องเดินทางเข้าด้านในต่อจนถึงห้องเก็บศพ (Morgue) สำรวจศพในช่องเก็บศพจนได้กุญแจ Diamond Key (ข้ามหลามตัดสิม่วง) ออกมา



แล้วนำเอากุญแจข้ามหลามตัดสิม่วงไปเปิดประตูในห้อง Firing Range เก็บไอเทมต่างๆในห้องมาให้หมด


 ก่อนที่จะย้อนกลับไปใช้ ข้อเหวี่ยงหัวสีเหลี่ยม Square Crank เปิดประตูชัตเตอร์ตรงทางเดินด้านบนของห้องเก็บศพ (Morgue)


เข้าไปจนถึงห้อง Generator Room แล้วเก็บ Boxed Electronic Part สำรวจเปิดดูจะได้ Electronic Part มา


จากนั้นเข้าไปกดเปิดพลังงานในห้องนี้ จะทำให้ประตูตรงช่องทางเดินทางขวาของห้อง Firing Range เปิดออก


ลุยฝูงซอมบี้หมามากมายหลังจากพลังงานกลับมาแล้วทำให้กรงของมันเปิดออกมาเข้าประตูตรงช่องทางเดินทางขวาของห้อง Firing Range จะพบบันไดทางขึ้นมายังชั้นบนจนถึงห้อง BREAK ROOM ซึ่งเป็นห้องเซฟ


เดินทางออกจาก BREAK ROOM (ห้องเซฟ) ไปตามทางเดินจนถึงมุมเอา Fuse ( Break Room Hallway) ใส่เข้าไปในแผงควบคุมจะสามารถเปิดประตูชัตเตอร์ทะลุผ่านห้อง Watchman Room ออกไปยังส่วนทางเดินของห้องทำงานฝั่งตะวันออกของ Main Hall ได้


จากนั้นเปิดประตูออกไปด้านนอกในส่วนทางหนีไฟ (Fire Escape) ขึ้นบันไดต่อไปชั้น 2F วิ่งผ่านทางเดินหน้าห้อง Art Room ไปยังจุดที่มีประตูชัตเตอร์ปิดอยู่ระหว่างทางเดิน

        

ใช้แกนหมุน Crank จะสามารถเปิดประตูชัตเตอร์ผ่านเข้าไปได้ เข้ามาจนถึงโถงบันได สำรวจให้ทั่วจะพบว่าประตูทางเข้าห้อง Chief’s office ต้องใช้กุญแจรูปหัวใจโพธิ์แดงไขเข้าไป แต่ตอนนี้ยังไม่มี เดินทางบันไดไปสำรวจชั้นล่างจะพบว่าเป็นทางเดินด้านหลังห้อง Press Room สุดทางเดินมีห้อง Interrogation Room (ต้องใช้กุญแจรูปหัวใจโพธิ์แดงไขเข้าไป) และห้อง Observation Room (ต้องใช้กุญแจรูปดอกจิกไขเข้าไป) ยังไม่ต้องสนใจเพราะยังไม่มีกุญแจ


ขึ้นบันไดกลับขึ้นไปต่อที่ชั้น 3F แวะเข้าห้อง East Storage Room เพื่อเก็บคียไอเทมฟันเฟืองใหญ่ (Laege Gear) แล้วกลับออกมาเข้าห้อง Balcony จะมีบันไดลงไปด้านล่างต่อ แต่ระหว่างปีนลงบันไดเหล็กจะหักทำให้ตกลงไปที่ชั้นดาดฟ้า (Roof) ของอาคารซ่อมบำรุงฝั่งตะวันออกของตึกโดยไม่สามารถผ่านขึ้นมาทางบันไดนี้ได้อีก


ที่ชั้นดาดฟ้าจะพบซากเฮลิคอปเตอร์ที่ตกกำลังไฟไหม้อยู่  ด้านขวาของซาก ฮ. จะมีคันโยกปั้มน้ำที่เมื่อกดดูจะมีน้ำไหลลงมาที่ท่อทางขวา


เดินลงบันไดต่อไปชั้นล่างของดาดฟ้าจะพบสวิตซ์ควบคุมท่อส่งน้ำ หมุนจาก R ให้เป็น L แล้วแวะเข้าห้อง Boiler Room ที่เป็นห้องเซฟ เก็บกุญแจรูปดอกจิกสีเขียวบนบอร์ดมา


จัดการเตรียมไอเทมทุกอย่างจนพอใจแล้วกลับไปที่ตรงซากเฮลิคอปเตอร์ที่ตกกำลังไฟไหม้ สับคันโยกปั้มน้ำที่พนังจะทำให้น้ำเปลี่ยนทางจากขวาไปออกทางท่อซ้ายทำให้น้ำลงมาดับไฟที่ซากเฮลิคอปเตอร์ได้


จากนั้นเข้าประตูทางขวาล่างของชั้นดาดฟ้าเข้ามาที่ทางเดินด้านในที่เคยมีซากซากเฮลิคอปเตอร์ที่ไฟไหม้ขวางเอาไว้ แต่ ตอนนี้ทุกอย่างจะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมเพราะมีร่างของชายปริศนาร่างยักษ์ยกซาก ฮ ที่ขวางทางออกแล้วเข้ามาประจันหน้าในทันที Mr. X ชายลึกลับที่พร้อมจะเข้ามาฆ่าทุกสิ่งมีชีวิตที่ขวางหน้า เป็นสิ่งที่ไม่มีทางต้านทานหรือสู้มันได้นอกจากหนีอย่างเดียว วิธีหนีก็ต้องหนีจนกว่ามันจะเลิกตามหรือเดินไปทางอื่นค่อยกลับมาเดิมตามเส้นทางเดิมที่ตั้งใจไว้ได้

เมื่อหนี Mr. X พ้นแล้วก็กลับสู่เส้นทางเดิม ผ่านช่องพนังที่คอปเตอร์ชนทะลุไปตามทาง ผ่านห้อง Art Room ไปยังโถงบันไดหน้าห้อง Chief’s office แล้วลงบันไดไปชั้นล่าง เข้าห้อง Observation Room โดยใช้กุญแจรูปดอกจิกที่ได้มาไขเข้าไป



เก็บไอเทมกล่องเครื่องเพชร Jewelry Box แล้วเอาคียไอเทม Red Jewel มาผสม (Combine) เข้าไปจะสามารถเปิดเอาไอเทมตราของหน่วยสตาร์ (STARS Badge) มา กดสำรวจดูจะสามารถกดเอาที่เสียบ USB ออกมาได้กลายเป็น USB Dongle Key สำหรับเสียบเข้าคอมในห้องทำงานของหน่วยสตาร์


จากนั้นเดินทางผ่าน Main Hall ไปทางฝั่งซ้ายของตึกทางระเบียงชั้น 2 เข้าประตูมาในห้องสมุด (Library) ต่อไปยังห้อง Lounge ออกมาตามทางแวะเข้าห้อง Linen Room โดยใช้กุญแจรูปดอกจิกที่ได้มาไขเข้าไป เก็บ Portable Safe แล้วกดปุ่มทำให้ไฟเขียวขึ้นทั้งหมดก็จะได้ปุ่มกดแป้นสำรอง Spare Key มา


ออกจากห้อง Linen Room ไปเข้าห้อง S.T.A.R.S office ใช้ USB Dongle Key เสียบกับคอมแล้วกดสำรวจเพื่อเปิดประตูห้องเก็บอาวุธเข้าไปเก็บปืรนแมกนั่ม Lightning Hawk มาใช้



กลับลงไปชั้น 1 F ทางฝั่งซ้ายของ Main Hall เข้าห้อง Safety Deposit Room เอาปุ่มกดแป้นสำรอง Spare Key ใส่ที่แผงควบคุมล็อกเกอร์แทนเลข 3 ก็จะสามารถปลดล็อกตู้ 103 และ 203 ได้แล้ว เก็บมีดพกและช่องใส่ของเพิ่ม (Hip Pouch) มา


ใช้กุญแจรูปดอกจิกไขเข้าห้อง Record Room ในชั้น 1F เก็บ Mechanic Jack Handle ซึ่งเป็น แท่งเหล็กเครื่องมือสำหรับใช้กับแม่แรงมา


จากนั้นกลับไปขึ้นระเบียงชั้น 2 ฝั่งซ้ายของ Main Hall ไปที่ห้องสมุด (Library) สำรวจที่แม่แรงที่ยกตู้หนังสืออยู่เลือกใช้ Mechanic Jack Handle กับแม่แรงเพื่อยกมันลงจะสามารถเลื่อนตู้หนังสือได้แล้ว 



เลื่อนตู้หนังสือให้เข้ามาเรียงชิดกันตรงกลางแล้วขึ้นบันไดไปที่ระเบียงชั้น 2 จะสามารถเดินข้ามหลังตู้หนังสือที่เรียงกันไปอีกฝากของระเบียงที่พังได้ ออกประตูอีกฝั่งจะออกมาที่ระเบียงชั้น 3 ทางฝั่งซ้ายของ Main Hall 


 เดินเข้าไปที่หอนาฬิกา (Clock Tower) ที่มุมซ้ายล่างของระเบียง เข้าไปเอาไอเทมฟันเฟืองใหญ่ (Laege Gear) ใส่ที่แผงควบคุมกลไกทางขวาของทางเข้า


จะทำให้บันไดเลื่อนลงมา ขึ้นบันไดไปที่ส่วนบนของหอนาฬิกาจะพบกล่องสีส้มติดอยู่ในช่องลิฟต์ที่ค้างอยู่ เข้าไปเก็บฟันเฟืองเล็ก (Small Gear) ที่แผงควบคุมกลด้านในออกมา


แล้วเอาลงบันไดไปใส่ที่แผงควบคุมกลที่อยู่ใต้ลิฟต์ จากนั้นไปเก็บฟันเฟืองใหญ่ (Laege Gear) ที่ใส่ไว้ที่แผงควบคุมกลไกทางขวาของทางเข้าออกมา แล้วเอาขึ้นบันไดไปใส่ที่แผงควบคุมกลไกที่ด้านบนจนทำให้กลไกของนาฬิกาทำงาน



 ระฆังจะตีดังกังวานจนทำให้กล่องสีส้มที่ติดอยู่ด้านบนตกลงมา สำรวจดูจะพบว่าเป็น Boxed Electronic Part เมื่อสำรวจเปิดออกดูก็จะได้ Electronic Part อันที่ 2 มา



 ตอนนี้จะมี Electronic Part สำหรับใช้ในการเดินแผงไฟในคุกมาครบ 2 อันแล้ว จากนั้นก็เดินทางกลับไปที่ชั้นที่จอดรถได้เลย 


การกลับไปยัง ชั้นที่จอดรถ (Parking Garage) นั้นต้องเดินทางจากหอนาฬิกา (Clock Tower) วิ่งย้อนกลับมาที่ Main Hall แล้วขึ้นไปทางระเบียงชั้น 2 ฝั่งขวากลับมาที่ทางหนีไฟ (Fire Escape) แล้วลงบันไดมาชั้นล่างเข้าประตูมาที่ส่วนใน เข้าห้อง Watchmman Room ทะลุเข้าไปทางห้อง Break Room ที่เป็นห้องเซฟแล้วลงบันไดที่นี่จงกลับมาที่ชั้นที่จอดรถ (Parking Garage) ได้แล้ว 


เมื่อกลับเข้ามาที่ส่วนของคุกอีกครั้งแล้วเอา Electronic Part ทั้ง 2 อันไปใส่ที่แผงวงจรไฟฟ้าที่หน้าห้องขังของ Ben จัดเรียงให้แผงวงต่อเชื่อต่อกันโดยทำให้ทางเดินไฟฟ้าเดินจากขั้วทางฝั่งซ้ายไปที่ขั้วทางฝั่งขวาก็จะทำให้พลังงานไฟฟ้าในส่วนของคุกใช้งานได้อีกครั้ง จนทำให้ประตูคุกห้องขังของ Ben เปิดออกให้เข้าไปเก็บคีย์การ์ดจากศพของเขาได้แล้ว


                                   Leon – อ่า ...สภาพดูไม่ได้เลย ..ห๊ะ นั่นอะไรน่ะ?



นักข่าว - แต่ที่คุณพูดมามันก็ช่วยอธิบายเหตุผลในเรื่องข่าวลือที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้หรอกนะ ผมว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเกิดไปอ่ะนะ ยังไงทาง Umbrella ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนอยู่นะ  
Annette –  ไหนคุณบอกชั้นว่าจะมาสัมภาษณ์เรื่องทุนการศึกษาที่ทาง Umbrella จัดตั้งขึ้นใหม่ยังไงล่ะ
นักข่าว - ไม่เอาน่า Annette ใครเขาสนเรื่องนั้นกันล่ะ พวกเขาแค่สนใจแต่เรื่องการค้นคว้าเรื่อง G Virus แล้วก็ ...
Annette –  คุณไปได้ยินเรื่องแบบนี้มาจากไหน?
นักข่าว – แล้วก็เรื่องไอ้หลุมขนาดใหญ่นั่นล่ะ? ลือกันว่ามันเชื่อมต่อไปปที่ห้องทดลองใต้ดินของคุณไม่ใช่หรอ 
Leon -  ห้องทดลองใต้ดินงั้นหรอ?
Annette –  ตกลงนี่คุณจะมาคุยกันดีๆหรือจะ ...เอาล่ะ ! พอเลยการสัมภาษณ์ครั้งนี้จบแค่นี้ !!
นักข่าว – นังบ้าเอ้ย !!



เมื่อได้ Parking Garage Key Card มาจากศพ Ben แล้ว ก็รีบเดินทางไปที่ประตูทางออกที่ที่จอดรถได้เลย แต่ระหว่างที่กำลังจะออกไป เมื่อประตูคุกเปิดออกเพราะพลังงานกลับมาแล้ว มันจึงเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้มากมายที่เคยถูกขังเอาไว้ด้านในออกมาขวางทาง รวมถึง ...ผู้ไม่ได้รับเชิญ


Leon พยายามเอาตัวรอดจากเส้นทางในเขตคุมขังที่คับแคบและเต็มไปด้วยซอมบี้กับเจ้า Mr.X ที่เข้ามาร่วมแจมจนสามารถออกมาที่ลานจอดรถได้สำเร็จ แต่โชคร้ายที่ Mr.X มันใช้ทางลัดโดยการพังกำแพงออกมาดักหน้าก่อนจะจับตัว Leon แล้วหมายจะฆ่าในทันที โชคดีที่ Ada ขับรถตำรวจเข้ามาชน Mr.X จนสามารถยับยั้งเอาไว้ได้


Ada – อืดอาดชักช้าอย่างกับคนแก่ ..ชั้นช่วยนายเอาไว้ 2 ครั้งแล้วนะ 
Leon – หรอ ก็ไม่คิดว่าคุณจะเก็บมันเป็นการเก็บแต้มนี่ 
Ada – นี่มันใช้เกมนะ ! ... ที่นี่มันไม่มีอะไรตายหรอก 



Ada – ตกลงได้คีย์การ์ดมารึเปล่า?
Leon – ได้สิ รวมถึงนี่ด้วย ก็หวังว่าคุณจะอธิบายได้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ 
Ada – ก็อาจจะ ...เอาไว้ชั้นลองฟังดูก่อนนะ เอาล่ะ ไปจากที่นี่กันได้แล้ว 



Leon – นั่นมันใช่ข้อมูลที่คุณกำลังต้องการอยู่หรือเปล่าล่ะ?
Ada – โชคไม่ดีหน่อยที่ไม่ใช่ เพราะ Ben ทำไม่สำเร็จ 
Leon – แล้วคุณจะหาที่ไหนต่อล่ะ?
Ada – หาข้อมูลจากคนที่จะมารับผิดชอบกับเรื่องวุ่นวายนี่ไง แล้วน่าล่ะ พยายามจะช่วยโลกอยู่หรอ?
Leon – ผมบอกผู้หมวด Branagh ว่าผมจะช่วยให้มากที่สุด 
Ada – งั้นก็โชคดีก็แล้วกัน ... ทางขาดไปต่อไม่ได้แล้ว ไม่มีทางเลือก งั้นหาทางลัดผ่านร้านขายปืนนี่ไปแล้วกัน



Kendo – อย่าขยับนะ ชั้นจะไม่ทำร้ายแกหรอก ชั้นบอกว่า อย่าขยับไง !! 
Leon – ผมแค่จะใช้ร้านคุณเป็นทางลัดเพื่อหาทางไปต่อน่ะ ผมว่าเอาปืนลงก่อนดีกว่านะ 
Kendo – เอาล่ะ หันหลังกลับไปแล้วกลับไปในที่ที่แกมานั่นแหละ 
Leon – ผมว่าลูกสาวคุณต้องการความช่วยเหลือนะ 
Kendo – ไม่ต้องมาสอนว่าชั้นควรจะทำยังไงกับลูกสาวของชั้นหรอก!


Ada – วางปืนลง !! เราต้องรีบกำจัดเธอก่อนที่จะเปลี่ยนร่าง 
Kendo – กำจัดงั้นหรอ? นั่นมันลูกสาวชั้นนะเว้ย !!
Leon – Ada ปล่อยพวกเขาไปเถอะ 



Kendo – Emma ลูกรักพ่อบอกว่าให้หนูอยู่แต่ข้างในยังไงล่ะ 
Emma – พ่อ....คะ
Kendo – จ๋าลูก พ่ออยู่นี่แล้ว ลูกโอเคมั๊ย?.. ดูไอ้พวกบ้าข้างนอกนั่นที่มันทำกับเราสิ แกเป็นตำรวจ แกต้องรู้เรื่องอะไรบ้างสิ ตกลงมันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ห๊า ?? ..เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของชั้นนะ 
Emma – แม่ล่ะคะ ...
Kendo – แม่หรอ ...แม่หลับอยู่จ๊ะลูกรัก ...เดี๋ยวพอจะพาหนูไปนอนพักที่เตียงด้านในนะ โอเคมั๊ย?



                                 Kendo – พวกแกรีบไปซะ  ... ขอให้เราอยู่กันลำพังเถอะ ..



Leon – คุณรู้มั๊ย คุณจะเก็บงำความจริงไม่ให้ผมรู้ก็ได้ แต่กับพวกเขาล่ะ ? ผมจะต้องหาความจริงให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และจะหาทางหยุดใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เป็นเหมือนเขา เพราะงั้นผมจึงสมัครเข้ามาเป็นตำรวจไง 
Ada – ภารกิจของชั้นคือทำลายแผนร้ายของพวก Umbrella ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำได้สำเร็จหรือเปล่าด้วยซ้ำ
Leon – อะไรก็ตามถ้ามันจะช่วยเมืองนี้ได้ ผมเอาด้วย 


Ada – คุณเคยได้ยินเรื่องของ Umbrella Corporation บ้างรึเปล่าล่ะ? บริษัทที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเภสัชกรรมแต่กลับลักลอบวิจัยสร้างอาวุธชีวภาพ พวกเขามีไวรัสที่สามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นมอนสเตอร์ได้ 
Leon – อย่างไอ้พวกซอมบี้ที่เราเห็นอยู่เต็มเมืองตอนนี้สินะ 
Ada – เป้าหมายที่ชั้นมาที่นี่คือตามหา Annette Birkin เธอเป็นนักวิจัยของ Umbrella Corporation ที่ต้องรับผิดชอบในการรั่วไหลของไวรัสในครั้งนี้ ชั้นมาเพื่อจัดการเธอ นี่คือช่องทางที่จะทำให้เราเข้าไปถึงตัว Annette ได้ 



Leon – ห้องทดลองลับอย่างที่คุณบอกน่ะหรอ .. ท่อระบายน้ำก็เหมาะสมดีที่จะซ่อนทุกอย่างอ่ะนะ 
Ada – ก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละ .... เอาล่ะ เชิญคุณก่อนเลย 
Leon – ให้ตายสิ ...เออ ขอบคุณ

                                     ท่อระบายน้ำ (Sewers)




Leon – ผมนึกภาพไม่ออกจริงๆว่าพวกนักวิทยาศาสตร์ทำงานอยู่ใต้นี้ได้ยังไง?
Ada – ตามที่หน่วยเหนือแจ้งมา ท่อระบายนี้เป็นทางที่นำไปสู่ห้องทดลองลับของ Umbrella 
Leon – ไม่เอาน่า ท่อน้ำทิ้งของเมืองเนี่ยนะ ...แล้วมาสร้างห้องทดลองลับที่นี่พวกเจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่องรึงไง?
Ada – ขอต้อนรับเข้าสู่การทำงานขององค์กรของอเมริกานะ Umbrella ได้ควบคุมเมืองแร็กคูนมาเป็นปีแล้ว


Leon – นั่นมันตัวบ้าอะไรวะนะ?
Ada – หูไวตาไวไว้ก็แล้วกัน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่างนี่ 


เมื่อเดินเข้าไปถึงห้องเซฟจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วเข้าไปตามทางด้านในท่อระบายน้ำจนถึงจุดที่เป็นเขตน้ำขัง Leon จำต้องโดดลงไปในน้ำเพื่อสำรวจความปลอดภัย จนเมื่อเขาเริ่มสังเกตที่ความสั่นไหวของพื้นน้ำที่ดูไม่เข้าทีจึงบอกให้ Ada ที่อยู่ด้านบนรอดูทีท่าไปก่อนที่จะลงมา ก่อนที่ Leon จะค่อยๆเข้าไปตรวจสอบ บางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำก็โผล่ขึ้นมา


จระเข้ขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาตรงหน้าก่อนจะอ้าปากใส่เริ่มไล่ล่าจน Ada ต้องบอกให้ Leon รีบหนีเอาตัวรอด จากนั้นก็พยายามวิ่งหนีแล้วกะจังหวะหลบการพุ่งเข้ามางับของจระเข้ยักษ์ จนถึงจุดที่ Leon สามารถโดดข้ามท่อแก๊สมาได้ทำให้จระเข้ยักษ์ติดกับงับเข้าที่ท่อแก๊สที่กำลังลุกไหม้ไปไหนไม่ได้


ในช่วงที่มันกำลังติดอยู่กับท่อแก๊ส ถ้าไม่มีระเบิดมือติดตัวมาก็ลองสำรวจตรงจุดที่โดดข้ามมาจะมีระเบิดมือตกเตรียมไว้ ให้เก็บมันขึ้นมาแล้วปาใส่มันจนระเบิดทำให้หัวของจระเข้ยักษ์ขาดออกจากร่างตายคาท่อระบายน้ำทันที


Ada – ก็บอกแล้ว ..
Leon – คุณบอกผมว่าไวรัสเปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ไม่ใช่กับไอ้สัตว์เลื้อยคลานแบบนี้นี่ ..



Leon – ขอผมพูดตรงๆอย่างนะ คือสรุป Umbrella ขายพวกซอมบี้กับสัตว์ประหลาดพวกนั้นให้กับใครกันแน่ พวกกองทัพทหารประเทศเรางั้นหรอ? หรือพวกไหน ?
Ada – พวกเขาไม่ได้สร้างสัตว์ประหลาดขายแต่พวกเขาผลิตไวรัสที่สร้างสัตว์ประหลาดพวกนั้นขึ้นมาต่างหาก และคนที่คิดค้นไวรัสตัวนี้ขึ้นมาก็คือ Annette เห็นไอ้จรเข้ยักษ์นั่นว่าน่ากลัวแล้วแต่ยัยนี่น่ากลัวกว่าเยอะเลยจะบอกให้ 

หลังจากขึ้นลิฟต์จากส่วนแรกของทางเข้าท่อระบายน้ำไปยังส่วนของเส้นทางระบายน้ำเก่า(Old Waterway) จนถึงห้องเซฟห้องต่อไป เมื่อออกเดินทางต่อด้วยทางประตูอีกฝั่ง Leon กับ Ada ก็จะเจอกับ Annette คนที่กำลังตามหาอยู่พอดี


Annette – สภาพแบบนี้ฝีมือ William แน่นอน ....
Leon – ช่วยระบุตัวตนด้วยครับ !!
Ada – นั่นแหละ Annette Birkin 
Leon – เธอคือคนที่เรากำลังตามหางั้นหรอ? 
Annette – คงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วสินะ ....แล้วก็ต้องทำลายหลักฐานทิ้งด้วย 



Ada – เรามาที่นี่ก็เพราะต้องการ G – Virus
Annette – ฮ่าๆ นั่นมันคงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก 
Ada – ชั้นเตือนแล้วนะด็อกเตอร์ 
Annette – อ๋อหรอ?
Ada – หยุดนะ !!
Leon – Ada ระวัง !! 
Annette – ลืมไปได้เลย พวกแกไม่มีวันได้ G – Virus ไปหรอก !!



Ada – เก่งเกินกว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ไปรึเปล่าเนี่ย .... ลีออน เป็นอะไรรึเปล่า?
Leon – ไม่ต้องห่วงผมหรอก คุณรีบไปเถอะ หยุดเธอให้ได้ก่อนที่เธอจะหนีไปได้


Ada – ตอนนี้ชั้นกำลังอยู่ด้านนอกของห้องทดลอง กำลังตามจับตัว Annette อยู่ ..ไวรัสน่ะหรอ ถ้าไม่อยู่กับเธอก็คงอยู่ที่ The NEST นั่นแหละ ..ทันทีที่ชั้นได้มันมาชั้นจะเรียกทีมให้เข้ามาทำการสกัดมันก็แล้วกัน  ...เธออยากจะวิ่งหนีก็วิ่งเถอะ Annette แต่เธอไม่มีทางหลบซ่อนได้หรอก 

ทันทีที่ Ada จะเริ่มภาระกิจการไล่ล่าเพื่อจับตัว Dr. Annette Birkin อุปสรรคแรกที่ต้องเจอคือการเปิดทางที่ไม่สามารถผ่านได้เพื่อเดินทางต่อโดยใช้อาวุธลับที่เธอเอาติดตัวมามันคือ EMF Visualizer เครื่องมือที่สามารถแฮกอุปกรณ์อิเลคโทนิคจากระยะไกลที่ทำให้กลไกต่างๆของเครื่องจักรนั้นๆเปิด – ปิดได้ตามต้องการตามแต่สถานการณ์ที่เจอ


โดยการกดเลือกใช้เครื่องมือ EMF Visualizer เล็งเป้าไปที่เครื่องจักรนั้นๆ แล้วกด L2 ค้างจะเป็นการสแกนให้เห็นภาพโครงสร้างด้านในสะท้อนออกมาเป็นสีฟ้า จากนั้นไล่หาตัวควบคุมเครื่องจักรนั้นโดยไล่ดูตามสายไฟที่เชื่อมต่อจากเครื่องจักรไปยังตัวควบคุมเครื่องจักรนั้น (จะเห็นแสงกระพริบเป็นสีเหลือง)


กด R2 ค้างที่ตัวควบคุมเครื่องจักรเพื่อทำการ Hack ระบบจนเสร็จ ภาพสแกนจะเห็นภาพโครงสร้างด้านในสะท้อนออกมาจากสีฟ้าเป็นสีเหลือง นั่นแปลว่าสามารถแฮกระบบการทำงานของเครื่องกลไกได้แล้ว จากนั้นชี้เป้าไปที่เครื่องจักรเป้าหมายแล้วกด R2 ค้างเพื่อควบคุมการทำงานของมัน ในกรณีแรก จะเป็นการเปิดการทำงานของพัดลมระบายอากาศที่ขวางทางไปต่อให้ระเบิดออก

เมื่อทำให้พัดลมระบายอากาศที่ช่องระบายอากาศด้านบนระเบิดออกจนเปิดทางด้านบนของได้แล้วก็ปีนบันไดขึ้นไปเข้าตามช่องทางนั้นไปต่อ


จากนั้นก็เดินทางเข้าไปตามทางโดยใช้ เครื่องมือ EMF Visualizer ในการเปิดเส้นทางให้ห้องต่างๆที่ถูกปิดกั้น จนสามารถเปิดการทำงานของลิฟต์ขนาดเล็กให้ขึ้นมาด้านบนได้สำเร็จ และโชคเข้าข้าง Ada ที่ได้พบ Dr. Annette ที่กำลังตามหาเดินอยู่อีกของกระจก แต่โชคร้ายเสียงฝีเท้าขนาดใหญ่ที่สร้างเสียงเดินย่ำจนจำได้กำลังใกล้เข้ามา


รีบสแกนค้นหาตัวควบคุมประตูที่ปิดอยู่ตรงหน้าเพื่อเปิดระบบมันจนสามารถเปิดผ่านเข้ามาด้านในได้ก่อนที่ Mr. X ตัวร้ายมันจะมาถึงตัว



เมื่อเข้ามาในห้องด้านในได้รีบสแกนหาตัวควบคุมพลังงานด้านขวาบนของประตูทางเข้า ในขณะที่ Mr. X กำลังเดินไล่ตามอย่างจวนตัว เพื่อเปิดเส้นทางของพลังงานขึ้นไปด้านบนก่อนจะเข้าไปทำให้การแฮกระบบเปิดการทำงานของพัดลมระบายอากาศที่อยู่ที่พนังด้านในห้องให้ระเบิดเปิดทางให้สามารถหนีออกไปจนถึงห้องเตาเผาขยะ (Incinerator)


ขึ้นไปสับคันโยกที่แท่นควบคุมด้านบนเพื่อเปิดเตาเผาขยะอยู่แล้วเข้าไปเก็บ ID Wristband ที่ตกอยู่ด้านใน แต่มันก็ทำให้ Ada ต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะมันเป็นกับดักที่ Dr. Annette ต้องใจจะตลบหลังเธอ


Dr. Annette – ชั้นไม่ยอมให้มือที่สกปรกของแกได้แตะต้อง G ของชั้นหรอก ไม่ใช่แค่ชั้นคนเดียวที่เป็นเจ้าของมัน เรื่องนั้นแกก็รู้ดีนี่ ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะหลังจากนั้นแกก็ไม่ได้ตายเพียงลำพังหรอกน่า 



จากนั้นต้องรีบจัดการแฮกเพื่อเปิดทางออกโดยการทำลายระบบล็อกของประตูเตาเผาขยะให้เร็วที่สุดก่อนที่เวลาจะหมดและทำให้ถูกเตาเผาขยะเผาจนตาย โดยเริ่มจากแฮกตัวควบคุมทางซ้ายล่างของเตาเพื่อทำลายตัวล็อกด้านซ้ายก่อน



ต่อไปแฮกตัวควบคุมด้านซ้ายกลางของเตาเพื่อเปลี่ยนเส้นทางของพลังงานให้ขึ้นไปที่เส้นบนเพื่อทำลายตัวล็อกด้านขวา


                        
ที่เหลือก็แฮกตัวควบคุมด้านขวาของเตาเพื่อเปลี่ยนเส้นทางของพลังงานให้ไปที่เส้นทางขวาก็จะทำลายตัวล็อกตรงกลางได้ Ada ก็จะสามารถหนีออกมาจากเตาเผาขยะได้สำเร็จ

หลังจากหนีรอดออกมาจากกับดักเตาเผาขยะของ Dr. Annette แล้ว ID Wristband ที่ Ada เก็บมาได้ซึ่งสายรัดข้อมูลของผู้เยี่ยมชมห้องทดลองนี้จะทำให้เธอสามารถผ่านเข้าประตูทางซ้ายของจุดเซฟได้ Ada จะผ่านเข้ามาถึงห้องบำบัดน้ำเสีย (Treatment Pool Room) ก็จะพบ Dr. Annette รออยู่อยู่ที่นี่


Ada – ถามจริง ผัวเธอตายยัง? หรือฆ่าตายไปแล้ว คงอยากได้เครดิตในการสร้างไวรัส G คนเดียวสินะ
Dr. Annette – ทฤษฎีน่าสนใจดีนี่  
Ada – ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ ชั้นไปเอาตัวอย่างที่ The NEST เองก็ได้นะ 
Dr. Annette – งั้นก็ต้องข้ามศพชั้นไปก่อนนะ 


ทันทีที่พูดจบ Dr. Annette ก็บังคับให้แท่นเหล็กขนาดใหญ่เลื่อนเข้าใส่ Ada ด้วยความเร็วเพื่อหวังจะฆ่าทิ้ง ทำให้ Ada ต้องวิ่งหนีสุดแรงเกิดเพื่อไปที่ขอบของพื้นที่เพื่อหวังให้พ้นจากการถูกอัดกระแทก โชคดีที่เธอหนีได้ทัน


แต่โชคร้ายที่ราวเหล็กที่เธอจับยึดให้เป็นทางรอดสุดท้ายเกิดหักพังลงทำให้ตัวเธอตกลงไปที่ด้านล่างของบ่อขยะ จนโดนแท่งเหล็กแทงเข้าที่ขาบาดเจ็บอย่างไม่ตั้งใจ สิ่งแรกในใจที่ Ada เผลอคิดในใจคือ Leon อยู่ไหนตอนที่เธอต้องการ ....


                                                      Leon –  Ada ?


ทางด้าน Leon ที่ฟื้นขึ้นมาจากการสลบหลังจากช่วย Ada ที่ถูก Dr. Annette ยิงใส่จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ ทันทีที่ก้มดูบาดแผลก็พบว่าถูกทำแผลเอาไว้แล้วอย่างดีทำให้ Leon นึกถึงความปลอดภัยของ Ada ที่ล่วงหน้าไปทำให้เขาต้องออกตามหาตัวเธอทันที

เดินทางจากจุดที่ฟื้นขึ้นมาไปขึ้นลิฟต์ตรงหน้าขึ้นมาชั้นบน ผ่านจุดเซฟตรงทางลงบันได แล้วโดดลงไปที่ช่องขนาดใหญ่ใน Water Room

เดินไปตามเส้นทางระบายน้ำ Upper waterway จนถึงทางขึ้นอีกฝั่ง เก็บตลับ VDO (U.S.S Digital Video Cassette) ตรงทางขึ้นบันได แล้วขึ้นไปจนถึงทางเดินด้านบน สะพานที่ใช้ข้ามไปอีกด้านในควบคุมด้วยแผงวงจรที่มี Plug ในการทำงาน


 เมื่อนำเอา Plug ออกจะทำให้สะพานเลื่อนขึ้นด้านบน ดึง Plug ออกมาสำรวจดูว่าเป็น Rook Plug แล้วเอาเสียบเข้าไปที่เดิมเพื่อให้สะพานเลื่อนลงมาให้ใช้ข้ามไปที่ทางเดินอีกด้านแล้วลงบันไดที่สุดทางลงไปที่ Lower waterway


ระหว่างทางจะพบกับ G-ADULT เข้าโจมตี การจัดการมันคือยิงโจมตีจนกว่าเกราะของมันแตกออกจนเห็นดวงตาที่เป็นจุดอ่อนเปิดเผยออกมา เน้นโจมตีไปที่ดวงตาหรือใช้ระเบิดในการจัดการมัน จนสามารถผ่านมันชึ้นไปที่ทางขึ้นบันได


ระหว่างทางจะพบจุดที่เป็นชานชาลาที่ขึ้นรถ Cable ที่ทำให้ Leon หยุดแวะตรวจสอบด้วยความสนใจกับมันก่อนจะปีนบันไดต่อจนถึงห้อง Control Room


                                             Copy of Emails to Umbrella HQ

ผ.อ Owen
เสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังไปทั่ว NEST ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เราได้ยินเสียงปืนแต่ไม่สามารถเข้าไปที่ Section ของผมได้ พวกเราติดอยู่ที่นี่ ได้โปรดส่งหน่วยกู้ภัยมาช่วยพวกเราด้วย 

ผ.อ Owen
สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมากๆ ทั่วทั้ง NEST เต็มไปด้วยการปนเปื้อนของไวรัส มันแทบไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ระบบทุกระบบล้มเหลวจนหมด มันเป็นฝีมือของคนนอกงั้นหรอ? ผมนึกไม่ออกเลยว่าใครที่ทำเรื่องแบบนี้ และเพราะอะไร? ท่านนายกกับ Kim อาจจะตายกันหมดแล้วก็ได้ ตอนนี้ผมไอไม่หยุดเลย ทำไมถึงไม่ตอบข้อความผมล่ะ


                                  รหัสเปิดกุญแจตู้ SZF – ได้กระสุนแมกนั่ม 6 นัด



                         Sewers Map แผนที่ท่อระบายน้ำและ ตำแหน่งไอเทมทั้งหมดในพื้นที่



                                                 Sewer Entrance
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/3/3e/RE2_SewerEntranceMapLeon.jpg

                                                 Upper Sewers
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/9/9d/RE2_SewersUpperMap_Leon.jpg

                                                 Middle Sewers
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/4/44/RE2_SewersMiddleMap_Leon.jpg

                                                  Bottom Sewers
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/c/c4/RE2_SewersBottomMap_Leon.jpg




                                           U.S.S Digital Video Cassette

                                              Operation NEST wrecker (2) 




                                         ได้โปรด ได้โปรดหยุดเถอะ หยุด ได้โปรด !!
                                                          อย่าๆ อย่า ไม่ ไม่ ไม่ 



                                                            ทางนี้ไอ้ตัวประหลาด !!
                                                    อย่าทำร้ายเค้า อย่าทำร้ายเค้าเลย 


                             Leon – นั้นมัน Ada นี่ ? ผมจะไปช่วยคนเดี๋ยวนี้แหละ  Ada



ด้านในห้อง MONITOR ROOM ที่อยู่ถัดจากห้อง Control Room จะพบที่ที่สำหรับใส่ Plug หัวหมากรุกอยู่ 6 จุด กับจดหมายที่บอกถึงการหายไปของ Plug บางส่วนจนทำให้ไม่สามารถเปิดประตูในเขตพื้นที่ U – Area ได้


โดย Plug ที่ยังอยู่กับแท่นเสียบมี Knight Plug / Bishop Plug / Pawn Plug ทำให้ Leon ต้องไปหา Plug ที่หายไปอีก 3 อันมาใส่ 


                                       คำใบ้ของการใส่ Plug ทั้ง 6 ให้ถูกตำแหน่ง

                                แน่นอนว่า Rook กับ Knight นั้นอยู่ในฝั่งเดียวกัน 
                                     และ Bishop กับ Queen ไม่ได้อยู่ติดกัน
                                 Queen กับ Rook ก็อยู่ในตำแหน่งที่ตรงข้ามกันด้วย



จาก Monitor Room ออกทางประตูทางขวาออกไปที่บ่อบำบัดน้ำเสีย (Treatment Pool Room) กดสวิตซ์นำสะพานเชื่อมลงเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง


ข้ามสะพานมาเลี้ยวซ้ายไปที่สถานีรถกระเช้า (Cable Car Platform) เก็บ T-Bar Valve Handle บนโต๊ะมาแล้วเดินย้อนมาตามทางเดินฝั่งขวา


             รหัสตู้เซฟตรงทางเดิน [ขวา 2 – ซ้าย 12 – ขวา 8] ได้ด้ามปืนช็อตกัน (Shotgun Stock)


ออกทางประตูขวาล่างของทางเดินลงบันไดมาชั้นล่างกดสวิตซ์เปิดทางออกมาที่ส่วน Lower Waterway แล้วเดินมาที่บริเวณด้านหน้าช่องลิฟต์ (Workroom Lift) ใช้ T-Bar Valve Handle เปิดทางเข้าไป แล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ห้อง Workroom

เก็บม้วนฟิล์มและ Hip Pouch ใน ห้องให้หมดแล้วออกมาที่ทางเดินเก็บ Rook Plug ที่แผงควบคุมสะพาน แล้วเดินไปตามทางเดินมาที่ทางลงบันไดหน้าห้อง Workers Break Room


ไปชั้นล่างมาที่ Upper Waterway เดินไปสุดทางจะพบทางขึ้นแล้วใช้ T-Bar Valve Handle เปิดทางเข้าไปจะพบทางลงไปที่บ่อน้ำทิ้ง (Bottom Waterway)  เก็บกุญแจ Sewers Key ที่บอร์ดตรงโต๊ะทำงานมาแล้วโดดลงไปที่บ่อน้ำทิ้งด้านล่างได้เลย


 เส้นทางในบ่อน้ำทิ้ง (Bottom Waterway)  นั้นเต็มไปด้วยสิ่งปฎิกูลมีพิษรวมทั้ง G-ADULT มากมายรออยู่ เอาตัวรอดจากพวกมันให้ได้โดยมีเป้าหมายที่ห้อง Supplies Storage Room ที่สุดทาง


เข้ามาในห้อง Supplies Storage Room แล้วลงบันไดไปชั้นล่างสำรวจดูจะมีช่องเสียบ Plug อยู่ 2 อันคือ ช่องว่างสำหรับใส่ King Plug และช่องที่มี Queen Plug เสียบอยู่

ยังไม่ต้องดึงเอา Queen Plug ออกมา ให้เข้าไปในช่องทางประตูด้านในผ่าน ช่องว่างสำหรับใส่ King Plug อีกอันขึ้นบันไดด้านในไปชั้นบน


ที่ช่องเสียบ Plug ด้านบนจะพบว่ามี King Plug เสียบอยู่ ดึงเอา King Plug ออกมาจะทำให้ประตูตรงทางขึ้นบันไดมาปิด จากนั้นโดดลงมาจากชั้นนั้นตรงที่มีช่องระเบียงที่เปิดอยู่ลงมาชั้นล่าง



แล้วเดินเข้ามาที่ช่องว่างสำหรับใส่ King Plug ที่อยู่ตรงทางขึ้นบันไดด้านในเปิด เปิดเข้าไปเก็บปืนไฟ Chemical Flamethrower มาแล้วปลดล็อกประตูจากด้านในที่จะออกมาตรงประตูทางที่ลงบันไดเข้ามาเอาไว้ แล้วกลับไปดึงเอา King Plug ที่เสียบอยู่ออกมา แล้วย้อนกลับไปดึงเอา Queen Plug ตรงประตูทางเข้าใต้บันไดออกมา



แล้วเดินไปตามช่องทางเดินกลางเอา Queen Plug เสียบเข้าช่องเพื่อเปิดประตูออกมาที่ทางเดินตรงทางที่ลงบันไดเข้ามา


ใช้ King Plug เสียบเข้าที่ช่องเสียบทางซ้ายของทางลงบันไดเปิดประตูเข้ามาตรงหน้าตู้คอนเทรนเนอร์เหลืองเอาไว้ แล้วย้อนกลับไปดึงเอาเอา Queen Plug ออกมาแล้วย้อนกลับไปตามทางเดินกลางมาที่ตรงหน้าตู้คอนเทรนเนอร์เหลืองเข้าประตูที่ ใช้ King Plug เสียบเปิดเอาไว้ แล้วดึงเอา King Plug ออกมา ก็จะสามารถขึ้นบันไดกลับไปด้านบนพร้อมกับ King Plug และ Queen Plug ที่ต้องการแล้ว

จากนั้นก็ย้อนกลับไปที่ เส้นทางในบ่อน้ำทิ้ง (Bottom Waterway) จนถึงบันไดทางขึ้น แล้วเดินไปตามทางเดินด้านบนจะมีจุดที่สามารถใช้ T-Bar Valve Handle เปิดทางกลับไปที่ Monitor Room ได้


เมื่อกลับเข้ามาถึง Monitor Room ได้แล้วก็เอา Plug ทั้งหมดใส่เข้าไปในช่องทั้งหมดเรียงตามคำบบอกใบ้ในกระดาษ (ตามภาพ) ประตูที่จะลงไปที่ห้องขยะ Garbage Room ก็จะเปิดออก

.............................................................................................................................................

แต่ก่อนจะเข้าประตูไป .... เมื่อได้คีย์ไอเทม T-Bar Valve Handle และกุญแจ Sewers Key และ ‘Hiding Places’ Roll Film ที่เก็บได้จากในห้อง Workroom ที่ผ่านมาแล้ว จะสามารถนำมาซึ่งการเปิดทางลับเพื่อไปเก็บไอเทมดีๆมาได้ จึงควรแวะไปค้นหามาซะก่อน


โดยออกเดินทางจากห้อง Monitor Room ลงมาที่ Lower Waterway แล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ห้อง Workroom ออกไปตามทางเดินจนถึงห้อง Worker Break Room ที่เคยเปิดเข้าไม่ได้ ตอนนี้จะสามารถใช้ กุญแจ Sewers Key ที่ได้มาเปิดเข้าไปได้แล้ว


ดันตู้ด้านในออกจะพบทางลับหลังตู้ไปที่ลิฟต์ที่จะพาลงมาที่ Underground Stairs ในพื้นที่ Underground Facility จะพบตู้เก็บของของหน่วย S.T.A.R.S อยู่


กดสำรวจที่ไอเทม USB Dongle Key ให้มันกลับเป็นตรา S.T.A.R.S Badge แล้วใส่ไปที่ตู้ก็จะสามารถเปิดเอาไอเทม Long Barrel สำหรับใช้ติดตั้งกับปืนแมกนั่ม Lightning Hawk ได้


แล้วขึ้นบันไดไปชั้นบนจนถึงลิฟต์ที่จะขึ้นไปที่ห้องลับ (Secret Room) ได้ ใช้ T-Bar Valve Handle กับประตูทางเข้าก็จะสามารถเปิดทางลับตรงรูปปั้นกลับไปยัง Main Hall ที่สถานีตำรวจได้แล้ว


จากนั้นเดินทางไปยังห้องเซฟ Darkroom ทางฝั่งซ้ายของตึกชั้น 1 เพื่อเข้าไปล้างฟิล์ม ‘Hiding Places’ Roll Film ก็จะทำให้ได้รูปสถานที่ซ่อนสิ่งของมา 2 รูป


เดินทางไปยังห้อง Press Room ทางฝั่งซ้ายของตึกชั้น 2 สำรวจที่โต๊ะวางเครื่องเล่นเทปด้านในจะได้เชื้อเพลิงของปืนไฟ Chemical Flamethrower


กลับไปที่ห้องทำงานของหน่วย S.T.A.R.S (S.T.A.R.S office) เข้าไปที่ห้องของหัวหน้าหน่วยด้านในสำรวจที่ลิ้นชักจะได้กล่องไม้ที่ด้านในจะมี Red Dot Sight สำหรับใช้ติดตั้งกับปืนแมกนั่ม Lightning Hawk และในลิ้นชักหลังจากยกกล่องออกแล้วจะพบฟิล์มซ่อนอยู่


จากนั้นเดินทางไปยังห้องเซฟ Darkroom ทางฝั่งซ้ายของตึกชั้น 1 เพื่อเข้าไปล้างนั่น ก็จะทำให้ได้รูปลับของ Rebecca มา

..................................................................................................................................................


เมื่อได้ทุกอย่างมาแล้วก็เดินทางกลับไปที่ Monitor Room อีกครั้ง เพื่อเข้าไปยังประตูทางลงไปบ่อขยะที่เปิดเอาไว้เพื่อไปช่วย Ada ต่อ


เมื่อเข้ามาถึงห้องเก็บขยะที่ Ada ถูกขังอยู่ด้านในแต่ก็ยังไม่สามารถเปิดเข้าไปช่วยได้เพราะระบบไฟฟ้าถูกปิดอยู่ ต้องเดินต่อเข้าไปที่ห้องพลังงานแล้วกดสวิตซ์เปิดพลังที่แผงควบคุม

                                          ON – ON – OFF – ON


แต่ทันทีที่กำลังจะกลับออกไปช่วย Ada ก็พบว่ามีบางอย่างกำลังพังเข้ามาในห้อง เจ้าตัวประหลาดโจมตีปิดกันประตูหน้าจนทำให้ Leon ติดอยู่ในห้องปิดตายที่กำลังเกิดไฟลุกไหม้ไปทั่ว ก่อนที่มันจะโจมตีด้วยเล็บขนาดใหญ่จากด้านนอกอยู่พักใหญ่จนสุดท้ายมันก็พังประตูจากอีกด้านเข้ามา Leon จะรู้ทันทีว่าเจ้าตัวประหลาดที่มีดวงตาขนาดใหญ่ที่ไหล่ที่เขาเคยจัดการมันไปแล้วมันยังไม่ตาย


ทันทีที่มันพังเข้ามาในห้องก็รีบหนีออกทางประตูที่มันพังเข้ามาจนมาถึงลานด้านนอก การต่อสู้กับ G  ที่นี่ก็คือ ต้องใช้ตู้เทลเลอร์อัดกระแทกมันจนตกลงไปด้านล่าง


 โดยในพื้นที่นี้จะมีแท่นควบคุมเครนยกตู้คอนเทรนเนอร์อยู่ที่ฝั่งขวา เมื่อ G เข้ามาโจมตีก็ให้เตรียมกดปุ่มที่แท่นแท่นควบคุมเครนเพื่อยกตู้คอนเทรนเนอร์ขึ้นไปด้านบน


จากนั้นก็เข้าไปจัดการกับ G โดยพยายามล่อมันมาตรงกลางพื้นที่แล้วยิงโจมตีมันจนมันทรุดลงกับพื้นแล้วรีบเข้าไปกดปุ่มที่แท่นควบคุมเพื่อให้เครนปล่อยตู้คอนเทรนเนอร์ให้เหวี่ยงลงมาจากด้านบน หากล่อ G ไปยังตำแหน่งตรงกลางพื้นที่แล้ว

จากนั้นก็รอเครนปล่อยตู้คอนเทรนเนอร์ให้เหวี่ยงลงมาจากด้านบนมาอัดกระแทกใส่ G จนมันตกลงไปด้านล่างเมื่อใช้ตู้คอนเทรนเนอร์เหวี่ยงลงมาอัดมันครบ 2 ครั้ง เมื่อจัดการ G จนตกลงไปด้านล่างได้แล้วก็กลับไปที่ห้องเก็บขยะแล้วเปิดเข้าไปหา Ada ได้แล้ว

Leon – Ada ! Ada เธออยู่ไหน ?
Ada – ชั้นอยู่ตรงนี้ !!



Leon – Ada ผมนึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว
Ada – ยังไงชั้นก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ
Leon – ไม่รู้สิ แบบถ้ามันดึงเหล็กนั่น ..
Ada – ดึงๆมันซะทีเหอะ ! ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ชั้นจะเดินได้ยังไงล่ะ?
Leon – เอาล่ะมันจะเจ็บหน่อยนะ 
Ada – อ๊าก !!
Leon – ใจเย็น โอเค๊ ออกแล้ว .... เอาล่ะแล้วเราจะเอาไงต่อ?



Ada – หนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เลย 
Leon – ผมไม่มีทางทิ้งคุณไว้แน่นอน ไม่มีวันหรอก
Ada – นายไม่เข้าใจ ตอนนี้สถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่ชั้นคิดเอาไว้เยอะเลย 
Leon – คุณจะมาคิดสลัดผมทิ้งง่ายๆแบบนี้ไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ คุณเคยช่วยผมมาแล้ว ตอนนี้ถึงตาผมช่วยคุณบ้างล่ะ 
Ada – ไม่ยักรู้ว่าเรากำลังนับคะแนนแข่งกันอยู่
Leon – เอาล่ะค่อยๆลุกนะ เกาะบ่าผมก็ได้
Ada – ไม่ต้องมายุ่งเลยเจ้าเด็กใหม่เอ้ย !
Leon – โอเคๆ ก็แค่อยากจะช่วยแค่นั้นเอง เดินระวังๆล่ะ



Ada – นายอยากจะช่วยจริงๆงั้นหรอ? งั้นเราก็ไปกันที่ The NEST ต่อ 
Leon – NEST คือ ?
Ada – ชื่อของห้องทดลองลับของ Umbrella อยู่ลึกลงไปใต้เท้าเรานี่แหละ ชั้นเชื่อว่าถ้ายัย Annette ไม่ได้เก็บตัวอย่างทดลองของไวรัสเอาไว้มันก็คงอยู่ที่ NEST แน่นอน .. ไง เอาด้วยมั๊ยล่ะ?
Leon – คิดว่าใส่ไปในตารางหมายกำหนดการของผมไปเรียบร้อยแล้ว 
Ada – งั้นก็รีบไปกันเถอะ เรามีงานต้องทำอีกเยอะ
Leon – ครับคุณผู้หญิง  ...
Ada –  รถรางนั้นจะพาเราลงไปที่ Nest และสายรัดข้อมือของชั้นคือตั๋วสำหรับขึ้นรถนั่น   
Leon – เยี่ยมเลย 


จากนั้นตาม Ada มายังส่วนของสถานีรถ Cable Car สายรัดข้อมูลที่ Ada เก็บมาจะสามารถใช้สแกนผ่านเข้าไปในรถ Cable Car ได้


*ก่อนเดินทางหากทำอะไรยังไม่หมดก็จัดการย้อนไปทำให้หมดเพราะเป็นจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว*


Leon – คุณรู้มั๊ยผมคิดอะไรอยู่ ? ผมรอให้ทาง FBI บุกเข้ามาที่ฐานของ Umbrella เพื่อจับกุมไอ้พวกบ้านั่นไปดำเนินคดีไม่ไหวหรอก
Ada –   ชั้นเห็นด้วย แต่บอกให้เคลียร์ก่อนนะว่าคุณต้องทำแบบไม่เป็นทางการ เพราะนี่เป็นคดีของรัฐบาลกลาง เมือไหร่ที่ชั้นได้ G Virus มาตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายชั้นก็จะกลับไปทำหน้าที่ของชั้นต่อ 
Leon – โอเค 
Ada –   นี่ Leon คุณเชื่อใจชั้นมั๊ย? 



Leon – คุณล่ะเชื่อใจผมมั๊ย?
Ada –  แน่นอน เชื่อสิ ไม่งั้นคุณคงตายไปนานแล้วล่ะ ฟังนะ ชั้นต้องการคุณช่วยมากๆ และถ้าชั้นคิดถูก ถ้าคุณไปเอา G – Virus มาให้ทางเราเก็บเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัย ชั้นมั่นใจว่าเราต้องรู้ว่ามันเกิดเหตุขึ้นที่เมืองนี้ได้ยังไงและชั้นจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่นอน 
Leon – Ada คุณพูดเองนะว่างานนี้มันเป็นคดีของทางรัฐบาลกลาง แต่ว่ามันก็ควรจะมีทีมสนับสนุน..
Ada –  ลีออน ลีออน ฟังนะ ตอนนี้มันเป็นความรับผิดชอบของชั้นแล้ว และคุณก็เป็นความหวังสุดท้ายของชั้นที่จะทำให้ชั้นจบงานนี้ได้ 



    Leon – ผมไม่มีวันทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียวหรอก ถ้าคุณถูกโจมตี ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือล่ะ ...
 ชั้นอยู่ได้ ไม่ต้องห่วงชั้นหรอกนะ ชั้นจะผ่านมันไปให้ได้ เพราะชั้นต้องการเจอคุณอีกครั้งไง ชั้นมีสิ่งมีค่ามากมายในชีวิตที่คุ้มค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ เชื่อชั้นสิ 



               -----------------------------    ตอนนี้ รถมาถึง The NEST แล้ว ----------------------------


Ada –  ไปได้แล้ว เอานี่เก็บไว้ด้วย คุณต้องใช้มัน
Leon – โอเค ..
Ada –  ลีออน ..ชั้นหวังพึ่งคุณอยู่นะ..
Leon – อืมม ผมรู้ 

                                        The NEST Laboratory

                        แผนที่และตำแหน่งไอเทมต่างๆในพื้นที่ The NEST 
                         (สามารถเข้าไปดูแผนที่ขนาดใหญ่ได้ตามลิงค์ด้านล่าง)
https://oyster.ignimgs.com/mediawiki/apis.ign.com/re2-remake/9/93/LeonLabB1B2.jpg



เมื่อเข้ามาถึงเขตห้องทดลองลับ สายรัดข้อมือ ID Wristband ที่ Ada ให้มา จะสามารถเข้าถึงอุปกรณ์และทางผ่านได้เฉพาะโซนสีเขียวเท่านั้น


เข้ามาในเขตต้อนรับ (Reception) สำรวจให้ทั่วๆ ในเค๊าท์เตอร์สำหรับเซฟจะมีเมมโมแจ้งให้ทราบว่า ผู้ที่สวม สายรัดข้อมือ ID Wristband นั้นจะประกอบด้วย 3 Level คือ
1. Visitor (สีเขียว)
2. General Staff (สีฟ้า)
3. Senior Staff (สีม่วง) 
 ซึ่งหากต้องการเปลี่ยนระดับ Level เพื่อเข้าถึงข้อมูลและพื้นที่ต่างๆเพิ่มขึ้นต้องได้รับอนุญาตในการเพิ่มเติมฐานข้อมูลที่เป็น electronic Chip ตัวอัพเกรดใส่เข้าไปใน ID Wristband เท่านั้น

แวะเข้าห้อง Security Room ทางฝั่งขวาก่อน เข้าไปเก็บ แผนที่ห้องทดลองส่วนเหนือ (Research Lab North Area Map) และไอเทมอื่นๆในห้องมาให้หมด

จากนั้นเข้าไปที่ส่วนซ้ายของพื้นที่ฝั่งเดียวกับ ห้องต้อนรับ (Reception) เข้ามาตามทางด้านใน ทางเข้าด้านในส่วนของห้องนอน (Nap Room) นั้นผ่านไม่ได้เพราะเป็นส่วนของ General Staff ที่ต้องใช้สายรัดข้อมือ (สีฟ้า) ในการเปิด แวะเข้าห้อง Cafeteria มุมห้องด้านในจะมีบันไดปีนขึ้นไปบนฝ้าเพดานข้ามมาออกที่ห้องครัวถึงจะสามารถเข้าไปที่ ห้องนอน (Nap Room) ได้

เข้ามาในห้องนอนเก็บ Upgrade Chip สีฟ้าจากมือของศพที่ตายคาเตียงนอนมา เอามาผสมเข้ากับสายรัดข้อมือ ID Wristband สีเขียวของเดิมเพื่อเปลี่ยนเป็นสีฟ้าทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและเข้าพื้นที่ของ General Staff ที่มีสีฟ้าได้


ในห้องนอนจะมี Circuit Breaker ที่เสียอยู่ทำให้ไฟฟ้าไม่ทำงานยังไม่ต้องสนใจ กลับออกมาที่ส่วน ห้องต้อนรับ (Reception) ก็จะสามารถผ่านเข้าไปในประตูสีฟ้าด้านในเข้าไปที่เขต Main Shaft ได้


สำรวจที่ศพของหน่วย Special Forces – Ghost ที่นอนตายอยู่จะพบบันทึกคำสั่งปฎิบัติการณ์ให้ไปชิงเอา G- Virus จาก Dr. Birkin ที่กำลังวางแผนที่จะขโมย G- Virus อยู่ในเขตพื้นที่ตะวันตก (West area) ทำให้ Leon รู้ว่า G- Virus ที่เขากำลังตามหาอยู่ในเขตพื้นที่ทางตะวันตก(West area) นั่นเอง จากนั้นสำรวจที่แผงควบคุมเพื่อให้สะพานไฟฟ้าเลื่อนออกมาให้เข้าไปที่ส่วนลิฟต์ขนาดใหญ่ตรงกลางได้


ส่วนกลางของห้อง Main Shaft นั้นจะมีลิฟต์ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้สายรัดข้อมูลสีม่วงของ Senior Staff ในการผ่านขึ้นไป รวมทั้งสะพานเชื่อมทางฝั่งตะวันตก(West area) ที่เป็นเป้าหมายที่จะไปด้วย ทำให้ Leon ต้องมีภารกิจในการตามหาตัวอัพเกรดให้สายรัดข้อมือให้เป็นระดับ Senior Staff (สีม่วง) มาก่อน ซึ่งที่ไปได้ในตอนนี้ก็คือสำรวจแผงควบคุมเรียกสะพานเชื่อมมุ่งหน้าไปทางฝั่งพื้นที่ทางตะวันออกก่อน 


ในเขตพื้นที่ทางฝั่งตะวันออก (East area) ผ่านจุดเซฟที่ห้อง Lobby ต่อไปยังห้อง Presentation Room ในห้องจะมีคอมที่ต้องใช้ สายรัดข้อมูลสีม่วงของ Senior Staff ในการเปิด ผ่านเข้าไปในทางเดินด้านในจะพบพวกซอมบี้ต้นไม้ทีเรียกว่า Ivy อยู่ในพื้นที่ ถ้ามีปืนไฟและกระสุนมากพอก็จะไม่ใช่เรื่องยากที่จัดการมันแต่ต้องระวังไม่เข้าใกล้จนมันจับได้ก็ถือว่าตายทันที


ผ่านเข้ามาที่ห้อง Greenhouse Control Room สำรวจที่เครื่องควบคุมการพ่นสารอาหารให้ต้นไม้ เพื่อเก็บแคปซูลเก็บสารละลาย Dispersal Cartridge ที่เป็นแคปซูลเปล่ามา



จากนั้นสำรวจที่แท่นควบคุมใส่รหัส (ตามภาพ) ช่องบันไดลงชั้นล่างที่มุมขวาของห้อง Greenhouse ก็จะเปิดออก แล้สออกมาที่ห้อง Greenhouse เข้าไปตามทางเดินแรกฝั่งซ้ายจะพบห้อง Drug Testing Lab ด้านในจะพบเครื่องผสมสารละลายที่ตอนนี้ยังเปิดใช้งานไม่ได้ เก็บไอเทมให้หมดแล้วออกจากห้องไปลงบันไดทางขวาล่างของห้อง Greenhouse ลงไปชั้นล่างต่อ

แวะเก็บแผนที่ของห้องทดลองฝั่งตะวันออก (Research Lab East Area Map) แล้วเข้าไปจนถึงส่วนด้านใน ผ่านห้อง Server Room ที่ล็อกอยู่ไปใน Lounge เก็บถ้วยรางวัลที่วางอยู่กลางห้อง


กดสำรวจเพื่อพลิกดูที่ใต้ถ้วยรางวัลจะเจอรหัสชุดที่ 2 สำหรับใช้ในห้อง Greenhouse Control Room มา ใน Lounge มี Circuit Breaker ที่เสียอยู่ทำให้ไฟฟ้าไม่ทำงานยังไม่ต้องสนใจ



จากนั้นย้อนกลับไปที่ห้อง Greenhouse Control Room ใส่รหัสชุดที่ 2 ที่ได้มาจากใต้ถ้วยรางวัลเข้าไปจะทำให้ เครื่องผสมสารละลาย ในห้อง Drug Testing Lab เปิดการทำงาน


ย้อนกลับไปที่ห้อง Drug Testing Lab แล้วเข้าไปใช้งาน เครื่องผสมสารละลาย นำเอาแคปซูลเก็บสารละลาย (Dispersal Cartridge)ใส่เข้าไปแล้วทำการผสมสารละลาย แล้วจัดการปรับการเคลื่อนย้ายสารละลายจากทั้ง 3 หลอดให้ของเหลวไปอยู่ในขวดในปริมาณที่เท่ากับขีดวัดสีแดงกำหนดไว้อยู่ก็จะได้สารละลายเข้ามาจนเต็มแคปซูลเก็บสารละลาย (Dispersal Cartridge) แล้วลงบันไดทางขวาล่างของห้อง Greenhouse อีกครั้งแล้ววิ่งไปที่ทางหนีไฟทางฝั่งซ้ายสุดของห้องเพื่อขึ้นบันไดไปชั้นบนสุด


เก็บเครื่อง Signal Modulator ที่พนังมาแล้วปลดล็อกประตูที่สามารถทะลุออกไปยังห้อง Lobby ได้เอาไว้ แล้วลงบันไดหนีไฟกลับลงมา แล้วเอาเครื่อง Signal Modulator ไปใช้กับจุด Circuit Breaker ที่เสียในห้อง Lounge


โดยดูจากรหัสคลื่นสัญญาจากตัว Circuit Breaker ที่เสีย (MURF) แล้วกดสำรวจเครื่อง Signal Modulator เพื่อปรับไปยังคลื่นสัญญาณ (MURF) แล้วหมุนจูนความถี่จากปุ่ม 2 ปุ่มให้คลื่น 2 ฝั่งตรงกับคลื่นด้านบนแล้วใส่ Signal Modulator ไปที่ Circuit Breaker ที่เสียก็จะทำให้ไฟฟ้าในโซนนี้ทั้งหมดทำงาน ทำให้ห้อง Server Room และห้อง Low – Temp Testing Lab ที่อยู่ในชั้นนี้สามารถผ่านเข้าไปได้แล้ว


แวะเข้าห้อง Server Room เพื่อเก็บไอเทมต่างๆและใช้เป็นห้องเซฟ แล้วไปเข้าห้อง Low – Temp Testing Lab เอา แคปซูลเก็บสารละลาย (Dispersal Cartridge) ไปปรับอุณหภูมิแช่แข็งจนได้ สารกำจัดวัชพืช Dispersal Cartridge (Herbicide) มา

แล้วนำเอาสารกำจัดวัชพืช Dispersal Cartridge (Herbicide) ไปใส่ในเครื่องพ่นสารละลายในห้อง Greenhouse Control Room ก็จะสามารถพ่นสารกำจัดวัชพืชทำลายพวกพืชที่กั้นเส้นทางฝั่งซ้ายของ Greenhouse ออกได้


จากนั้นเข้าไปในห้อง Greenhouse เดินไปที่ฝั่งซ้ายที่ไม่มีกิ่งไม้กั้นทางแล้ว เข้าไปเก็บ ID Wristband (Senior Staff) แล้วเอาไปใส่ในสายรัดข้อมือ Wristband (General Staff) สีฟ้า ทำให้กลายเป็น สายรัดข้อมือ Wristband (Senior Staff) ที่สามารถเข้าถึงและผ่านทางเข้าสีม่วงได้แล้ว

ลงบันไดมาชั้นล่างของ ห้อง Greenhouse แล้ววิ่งไปขึ้นบันไดหนีไฟทางส่วนซ้ายล่างของพื้นที่เพื่อขึ้นชั้นบน แวะเข้าไปเปิดคอมในห้อง Presentation Room ด้วย Wristband (Senior Staff) สีม่วง เพื่ออ่านเมลของ Dr. Byron Cartwright ที่ส่งถึง Dr. William Birkin


                         เรื่อง [ลำดับความสำคัญสูง] เพิ่มระดับความปลอดภัยสูงสุด
                               NEST กลายเป็นรังของพวกสายลับตั้งแต่เมื่อไหร่ 
                           3 เดือนที่แล้วและอีกเดือนนี้เป็น 4 เป็นครั้งแรกที่เราถูกจับได้
                                           เช็คระบบรักษาความปลอดภัยให้ดี 
                                    ถ้าไม่อยากพบจุดจบเหมือนคนที่อยู่ก่อนหน้านี้  
                  วันนี้ผมถูกห้ามเข้าในเขตตะวันตกแล้วเพราะไม่ยอมให้ข้อมูลของ G – Virus 
                 ตามที่ทางหน่วยเหนือขอมา ก็เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับโปรเจคที่เราทำอยู่เลย


จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปยังส่วน North Area เข้าไปที่ห้องนอน (Nap Room) ใช้ Signal Modulator กับ  Circuit Breaker (MUF) ที่เสีย ปรับไปยังคลื่นสัญญาณ (MUF) แล้วหมุนจูนความถี่จากปุ่ม 2 ปุ่มให้คลื่น 2 ฝั่งตรงกับคลื่นด้านบนแล้วใส่ Signal Modulator ไปที่ Circuit Breaker ที่เสียก็จะทำให้ไฟฟ้าในห้องนอนกลับมาทำงานอีกครั้ง


ทำให้เตียงที่ปิดอยู่เปิดขึ้น เก็บ Hip Pouch เพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บไอเทมอีก 2 ช่องสุดท้ายจนครบ แล้วเดินทางไปที่ส่วน Main Shaft ใช้สายรัดข้อมูลสีม่วงของ Senior Staff เปิดการทำงานของสะพานเชื่อมไปยังห้องทดลองทางฝั่งตะวันตก(West area) ต่อ


เข้ามายังห้องทดลองทางฝั่งตะวันตก(West area) ระหว่างทางเก็บ VDO จากศพทหาร เมื่อถึงห้องแรก Biotesting Lab ใช้ Signal Modulator กับ  Circuit Breaker (OSS) ที่เสีย เพื่อทำให้ไฟฟ้ากลับมา แล้วเอา VDO เข้าเครื่องเปิดดู


หน่วยพิเศษ – Dr. Birkin คุณยอมมากับเราดีๆจะดีกว่านะ 
Dr. Birkin – คิดว่าผมไม่รู้หรอว่าพวกคุณมาทำไมกัน ... นี่มันงานทั้งชีวิตของผมนะเว้ย !! ผมไม่ยอมให้ใครมาชุบมือเปิบง่ายๆหรอก และตอนนี้มันก็ไม่ได้อยู่ที่ผมด้วย !!
หน่วยพิเศษ – เราได้รับคำสั่งมา Dr. Birkin ..ผมจะขอถามอีกครั้งเดียว .... หยุดยิง หยุดยิง !!


หน่วยพิเศษ – พวกแกทำบ้าอะไรวะ เราได้รับคำสั่งให้มาจับตัวเขาเป็นๆนะ บ้าเอ้ย!! 
ครับ โทษทีครับเราเข้ามาถึงตัวเขาแล้ว แต่เป้าหมายขัดขืนเราเลยจำเป็นต้องกำจัด ...แน่นอนครับ ..รับทราบครับ นำตัวอย่างไวรัสกลับไป ...เอาล่ะ ถอนกำลังได้แล้ว 


                               Leon – ที่พวกมันเอาไปนั่นตัวอย่างของ G Virus งั้นหรอ ? 

จากนั้น เข้าด้านในส่วนห้องทดลองฝั่งตะวันตกไปด้านในจนถึงห้อง P-4 Level Testing Lab เข้าไปสำรวจที่เก็บตัวอย่างทดลอง Leon ก็จะพบหลอดที่บรรจุตัวอย่าง G – Virus ที่ตามหา


                     Leon – ง่ายๆแบบเนี้ยอ่ะนะ เอาล่ะ ช่างเถอะ งั้นก็กลับไปหา Ada ได้แล้ว 



                                               Research Diary 

การสังเกตการเจริญเติบโตของตัวอ่อน (ตัวอย่างทดลองที่ 449)
............................................................................................
หลังจากปลูกฝังตัวอ่อน G เข้าไปโดยเราทำการผ่า 50 ซม. จากหน้าอกถึงช่องท้องและเริ่มการสังเกต ด้วยความช่วยเหลือของทีมแพทย์ ระดับการตื่นตัวของตัวอย่างทดลองอยู่ระหว่าง 15 (lucid) - GCS 10 อย่างไรก็ตามระดับการตื่นตัวของตัวอย่างทดลองก็เริ่มถดถอยลงและการสังเกตเพิ่มเติมก็ถือว่าไม่จำเป็นในการทดลองอีกต่อไป ตัวอย่างทดลองนี้ถูกกำจัดแล้ว

การสังเกตอัตราการผสมพันธุ์ของไวรัส (ตัวอย่างทดลองที่ 501)
........................................................................................
เราใช้ไวรัส G ฉีดเข้าตัวอย่างทดลองที่  501 จนเริ่มมีการกลายพันธุ์เป็น G เมื่อมีการผสมข้ามพันธกับกลุ่มตัวอย่างทดลองที่ 30 หลังจากการทดสอบผ่านไป 2 ชั่วโมง 36 นาทีก็พบว่าจากตัวอย่างทดลองทั้งหมด มีเพียงตัวอย่างทดลองเดียวที่ได้รับการทดสอบการปลูกฝังตัวอ่อน และตัวอย่างทดลองทั้งหมดได้ถูกทำลายทิ่งจนหมดแล้ว (ในระหว่างการทดลองอาสาสมัครคนหนึ่งจำต้องเสียสละชีวิตของตัวเอง)

การทดสอบการต่อต้าน ไวรัส T - การทดลองต่อต้านไวรัส (ตัวอย่างทดลองที่ 628,639)
..................................................................................
เราจัดการฉีดไวรัส G ให้กับตัวอย่างทดลองที่ 628 ซึ่งได้แสดงความต้านทานเล็กน้อยต่อไวรัส T หลังจากฝั่งตัวอ่อนไปได้ 24 นาที จนเมื่อเราฉีดไวรัส G เข้าสู่ ตัวอย่างทดลองที่ 639 ปรากฎว่าตัวอย่างทดลองที่ 639 มีความเข้ากันได้มากกว่า แต่ T ไวรัสทีก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเสื่อมถอยทางจิตใจที่เกิดจาก G-Virus ได้เลย 

เมื่อได้ตัวอย่างของไวรัส G มาแล้ว เดินทางออกมาที่ทางเชื่อมส่วนกลางห้อง Bioreactor Room Leon ก็ถูกโจมตีโดยร่างทดลองขนาดใหญ่อีกครั้ง



Dr. Annette – อย่า !! มันเป็นของชั้น !! .... คุณทำให้ชั้นไม่มีทางเลือกจริงๆ William
Leon – ทำใมคุณถึงเรียกไอ้ตัวนี้ว่า William ล่ะ ?


Dr. Annette – มันไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก ..มันเป็นความผิดพลาดของพวก Umbrella นั่นแหละ !!
Leon – แต่คุณก็ทำงานให้กับ Umbrella ไม่ใช่หรอ? คุณจะบอกผมว่าคุณไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้งั้นหรอ?
Dr. Annette – เกี่ยวสิ ...แต่เราไม่ต้องการให้มันเกิดเรื่องแบบนี้หรอก !
Leon – งั้นเล่าให้ผมฟังหน่อย ตั้งแต่ต้นเลย



                   Dr. Birkin – พวกแกจะไม่มีวันได้มันไปง่ายๆหรอก ! ....  อ๊ากกกกกกก !!!
                             

                         Dr. Annette – พระเจ้า William นี่คุณทำอะไรลงไปเนี่ย !!


Dr. Annette – ใช่ พวกเราสร้างไวรัส G ขึ้นมาเอง แต่เราไม่เคยต้องการให้มันเป็นแบบนี้หรอก
Leon – คุณจะพูดยังไงออกมาก็ได้แต่ยังไงมันก็เป็นความรับผิดชอบของพวกคุณอยู่ดีนั่นแหละ 


                                          Dr. Annette – อ๊ากกกกกก !!!
                                          Leon – มันบ้าอะไรวะเนี่ย !!!


                                                       Leon – นี่คุณทำอะไร !?
                                            Dr. Annette – เราจะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้ !!


                           Leon – ก็ได้ !! งั้นเรามาจบเรื่องบ้าๆนี่ที่นี่ตรงนี้เลยก็แล้วกัน !!

Boss – G ร่าง3 จุดอ่อนของมันก็ยังเหมือนเดิมคือการระดมยิงที่ดวงตาขนาดใหญ่ของมัน แต่ร่างนี้นั้นเมื่อได้รับบาดเจ็บจะมีดวงตาออกมาจากทุกส่วนของร่างกายหลายจุดจึงสามารถเลือกยิงได้ง่ายกว่า และเมื่อมันบาดเจ็บมากมันจะเปิดช่องท้องออกมาให้เห็นดวงตาที่รวมกันอยู่จำนวนมากให้ยิง


Leon – พระเจ้า บาดแผลคุณดูไม่ดีเท่าไหร่เลย 
Dr. Annette – รู้สึกแย่ๆสุดเลยด้วยขอบอก ...
Leon – ฟังนะ ที่คุณพูดมาผมเองก็ไม่รู้ข้อมูลอะไรมากนักหรอก จริงไม่จริงก็ไม่รู้ แต่ที่ผมต้องการก็คือ 
Dr. Annette – บอกชั้นสิว่าคุณจะทำลายตัวอย่างไวรัส G นั่นทิ้ง !!
Leon – ไม่หรอก ผมจะเอาไปส่งให้ทาง FBI ตรวจสอบน่ะ


Dr. Annette – โอ้ ฮ่าๆๆ ...นี่คุณเชื่อนังนั่นจริงๆหรอ?
Leon – คุณหมายความว่ายังไง?
Dr. Annette – นังนั่นไม่ใช่ FBI หรอก นางเป็นทหารรับจ้าง นางจะเอาไวรัส G ไปขาย และมันก็จะคนที่พร้อมที่จะประมูลให้ราคามันอย่างงามด้วย ... หวังว่าคุณคงเลือกเชื่อถูกคนนะ ... แต่ถ้า G ไวรัสตกไปอยู่ในมือของคนชั่วล่ะก็ .......

           จากนั้นเดินทางไปที่ลิฟต์กลางที่ Main Shaft จะพบ Ada เตรียมแฮกเปิดระบบลิฟต์รอไว้แล้ว



Leon – กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย 
Ada – เหมือนกัน ชั้นก็กำลังเป็นห่วงคุณอยู่พอดี 
Leon – อืมม คุณรู้มั๊ย เราเป็นทีมที่ดีเลยวว่ามั๊ย แต่ผมขอถามอะไรหน่อยสิ 
Ada – ทางสะดวกแล้ว คุณจะถามอะไรก็ว่ามาเลย แต่ได้โปรดบอกชั้นหน่อยว่าคุณได้มันมาแล้ว
Leon – อ๋อ แน่นอน  ได้มาสิ 
Ada – งั้นเอาตัวอย่างไวรัส G มาชั้นจะตรวจสอบมันเอง และเราก็จะได้รีบออกไปจากห้องทดลองบ้านี่ซะที 
Leon – ก่อนที่จะทำแบบนั้น ...คือเมื่อกี้ผมเจอกับ Dr. Annette มาเธอบอกว่าคุณไม่ได้เป็น FBI 
Ada – โธ่ ลีออน คุณจะเก็บตัวอย่างไวรัสนั่นไว้เพื่ออะไร?
Leon – ก็เพราะว่าผมนึกว่าจะเชื่อใจคุณได้น่ะสิ แต่ตอนนี้ไม่เชื่อแล้ว
Ada – ชั้นไม่ได้หวังให้มันจบลงแบบนี้เลยจริงๆนะ
Leon – ที่ผ่านมาผมก็เป็นแค่ตัวหมากที่คุณหลอกใช้งานสินะ 
Ada – ฟังนะ ชั้นก็แค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาแค่นั้นเอง 



              Leon – งั้นผมก็จะทำหน้าที่ของผมเหมือนกัน ! เอาล่ะ ทิ้งปืน คุณถูกจับแล้ว
              Ada – เอาตัวอย่างไวรัส G มาซะลีออน ชั้นไม่อยากทำร้ายคุณนะ 

                             Leon – งั้นก็ยิงผมเลย แต่ผมว่าคุณไม่กล้าหรอก 


                             ..................................... ปัง !!!!! .....................................

                                                            Leon – Ada !!!


                                    Dr. Annette – ชั้นไม่มีวันให้ใครได้ไวรัสนั่นไปหรอก ....


Ada – ลีออน  
Leon – จับไว้แน่นๆนะ ผมว่าผมดึงคุณขึ้นมาได้ !! บ้าเอ้ย !!
Ada – พอเถอะ ช่างมันเถอะ ..
Leon – หุบปาก
Ada – มันไม่สำคัญหรอก 
Leon – ไม่ๆๆ อย่าทำแบบนี้นะ !!
Ada – ดูแลตัวเองด้วยนะ ลีออน ...




                                                     Leon – ม่ายยยยยย !!!


หลังจากที่ Leon ได้สูญเสีย Ada ไปพร้อมกับตัวอย่างไวรัสที่หลุดจากกระเป๋าโดยไม่ต้องใจแล้ว เขาทำได้แค่กลั้นความรู้สึกใจเอาไว้เพื่อเค้นกำลังใจออกมาเพื่อพาตัวเองรอดออกมาจากที่นี่ ในขณะที่เวลากำลังเริ่มนับถอยหลังเพราะเตาปฎิกรณ์ของห้องทดลองกำลังจะระเบิดภายในไม่ถึง 10 นาทีจากนี้ รีบลงลิฟต์ขนาดใหญ่กลางพื้นที่ลงมาที่ห้อง Monitor Room


Leon – Claire !?
Claire – Leon คุณก็อยู่ข้างล่างนี้ด้วยเหมือนกันหรอ? 
Leon – ใช่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะระเบิดแล้ว ฟังนะ คุณต้องรีบหนีออกไปจากนี้ให้เร็วที่สุดรู้มั๊ย?
Claire – ได้ ชั้นเจอทางออกแล้ว ..เราทำสำเร็จ Leon .. ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนเนี่ย?

         

Leon – Claire คุณยังอยู่มั๊ย?
Claire – Leon ...นี่ Leon ชั้นไม่ได้ยินอะไรแล้วนะ 
Leon – ไม่ต้องห่วงผม รีบหนีไปซะ !!


จากนั้นก็รีบเดินทางหนีเพื่อทำเวลากับเวลาที่กำลังนับถอยหลังจากห้องมอนิเตอร์ไปห้องปั๊มน้ำ (PUMP ROOM)  ต่อไปที่เขตพื้นที่ DUCTS  ท่ามกลางฝูงซอมบี้มากมายระหว่างทางรวมทั้ง Mr. X ที่เข้ามาร่วมไล่ล่าจนทำให้ Leon ต้องถูกจับได้ แต่ก็โชคดีที่มีการระเบิดช่วยเอาไว้จนทำให้ Mr. X ถูกอัดกระแทกไปทำให้ Leon ตกลงมาที่ชั้น B3 ทันที

ESCAPE SHAFT คือลิฟต์สำหรับสำหรับไว้ใช้หลบหนีในยามลิฟต์หลักถูกทำลาย เก็บไอเทม Joint Plug ที่อยู่ตรงหน้าในทันทีที่ลุกขึ้นมา จากนั้นก็เตรียมตัวเตรียมอาวุธให้พร้อมก่อนจะเข้าไปเอา Joint Plug ใส่ที่แผงควบคุมลิฟต์ เพราะทันทีที่กำลังเริ่มสับคันโยกสวิตซ์ แรงสั่นสะเทือนของพื้นที่จากการถล่มของซากอาคารก็ปรากฏพร้อมร่างของ Mr.X ที่ถูกไฟคลอกไปครึ่งตัว เปิดเผยเรือนร่างที่แสนจะน่ากลัวตามโค๊ดเนมที่มันได้รับว่า Tyrant


Boss – Super Tyrant นั้นด้วยอาวุธทั้งหมดที่ Leon มีในตอนนี้นั้นไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้มากมายนักนอกจากใช้ยิงสะกดตอนที่มันจะเกร็งพลังโดดเข้าใช้เล็บขนาดใหญ่โจมตีซึ่งจะทำให้ตายในทีเดียว


ที่ทำได้คือพยายามทิ้งระยะห่างเพื่อมีพื้นที่หนีไม่ให้ถูกโจมตีและยิงสกัดตอนที่มันจะใช้ท่าใหญ่โจมตีเพื่อเอาตัวรอดไปเรื่อยๆให้ได้นานที่สุด


จนเกิดการระเบิดทำให้มีปืน บาซูก้า ตรงลงมาในพื้นที่การต่อสู้ หาจังหวะเข้าไปเก็บ บาซูก้า มายิงใส่มันซะ ก็จะสามารถกำจัด Super Tyrant ได้ภายในนัดเดียว





ทันทีที่จัดการ Super Tyrant ลงได้แล้ว ก็จะไม่มีอะไรมาขวางหน้าทางหนีของ Leon นอกจากแรงระเบิดไล่หลังระหว่างที่พยายามโดดขึ้นขบวนรถไฟที่ Claire ใช้เป็นทางหนีออกมาให้ทันเท่านั้นเอง


                       Leon – บ้าเอ้ย ... ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชั้นดันไปคิดถึงเธอซะได้ ...


    
                                                         Claire –  Leon ?


                                                        Leon – อืมมม .. ผมเอง 

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------



                                UPDATE 4 / 3 / 2019




 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

SOURCE แหล่งที่มาของข้อมูลในการใช้ประกอบบทสรุป
https://residentevil.fandom.com/wiki/Raccoon_City

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------