ทันทีที่ Deacon หลุดเข้ามาในโกดังโดยการพลักใสของ Skizzo เขาก็ต้องเจอกับ NEWTS จำนวนมากรออยู่ด้านใน ภายในพื้นที่แคบ NEWTS จะน่ากลัวสุดๆ แม้มันจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอะไรมากมาย แต่เรื่องทำให้เสียเวลาและน่ารำคาญพวกมันทำได้ดีอยู่ จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปด้านในจนถึงประตูอีกฝั่งของโกดังเพื่อเปิดประตูให้ Skizzo เข้ามา
ทันทีที่ Liza ให้โอกาส Deacon ในการหนีออกจากที่นี่พร้อมกับมีดสั้นติดตัว จากนั้นก็ลอบจัดการศัตรูตามทางเพื่อออกจากอาคารโดยห้ามให้ Ripper ที่อยู่ระหว่างทางเจอตัวเด็ดขาด
ทันทีที่ออกจากอาคารมาได้แล้ว สิ่งแรกที่ Deacon จะต้องทำก็ตามหาเสื้อผ้าและอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่ถูกชิงไปกลับคืนมาก่อน ลอบเข้าไปยังจุดวงกลมสีเหลืองในพื้นที่ Deacon จะแกะรอยไปจนพบหมวกใบโปรดของเขาที่มี Ripper คนนึงกำลังชื่นชมมันอยู่ในอาคารหลังนึง
จากนั้น Deacon จะแกะรอยตามหาคนที่เอาเสื้อแจ็กเก็ตหนังของเขาไปต่อ แกะรอยจากเบาะแสในบ้านแล้วลอบตามรอยมาทางซ้ายของบ้านจนพบ Ripper ตัวเป้าหมายที่บังอาจขโมยเอาเสื้อแจ็กเก็ตหนังของเขาไปอยู่ในบ้านหลังนึง
เมื่อได้เสื้อผ้าและอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดกลับมาแล้ว Deacon ก็ไม่รอช้ารีบหาทางหนีออกจากแค้มป์ของ Ripper ทันที แต่ในขณะที่กำลังลอบออกจากพื้นที่จะได้ยินเสียง Lisa ร้องให้ช่วย Deacon จึงรีบแกะรอยตามเสียงของเธอไป จนพบ Lisa ถูกพวก Ripper ลากตัวเข้ามาที่บ้านหลังนึงเพื่อนที่จะฆ่าทิ้ง โชคดีที่ Deacon เข้ามาส่งได้ Ripper ชั่วลงนรกจนสามารถข่วย Lisa เอาไว้ได้ทัน
ไม่ว่าหนทางข้างหน้า Lisa จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังดีกว่าปล่อยให้เธอตายโดยไอ้พวกชั่วช้าที่นี่ Deacon จึงจำต้องลาจากกับ Lisa อีกครั้งเพราะความไม่มั่นคงทางจิตใจที่จะอยู่กับใครอีกจนต้องยอมปล่อยเธอให้ไปตามทางที่เธอต้องการ ก่อนที่จะรีบเตรียมสะสมกระสุนและอุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่มากมายในลังเพื่อเตรียมพร้อมหาทางกลับไปยังจุดที่มอเตอร์ไซด์จอดอยู่เพื่อรีบกลับไปที่ Lost Lake Camp ให้ทันเพื่อเตือนพวกเขาเรื่องที่พวก Ripper ที่ชั่วร้ายกำลังจะบุกเข้าไปเพื่อจับตัว Boozer ออกมา
จากนั้นก็เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจตรงที่เคยจอดรถมอเตอร์ไซด์ทิ้งเอาไว้ ระหว่างทางจะเจอจุด Nero Checkpoint อยู่ที่บริเวณ Rogue Tunnel
เมื่อสำรวจศพของเจ้าหน้าที่ของ NERO ตรงทางเข้าก็จะเป็นการปลดล็อกภารกิจ World’s End ที่ Rogue Tunnel Nero Checkpoint ขึ้นมา
จัดการ Ripper ที่คุมอยู่ด้านใน Rogue Tunnel Nero Checkpoint ให้แล้วหาแกลลอนน้ำมันมาใส่ที่เครื่องปั่นไฟ ทำลายลำโพงแล้วเปิดเครื่องปั่นไฟเพื่อเข้าห้องทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (Nero Mobile Medical Unit) สำรวจเก็บ Nero Injector ที่อยู่ด้านในมาอัพเกรดสเตตัสของตัวเองได้เลย
STORYLINES - KEEP THEM SAFE
Story Mission: RIDERS SENT TO FIND YOU
Deacon – Boozer ได้ยินมั๊ย? ... Rikki ทราบแล้วเปลี่ยน .. Lost Lake Camp มีใครได้ยินมั๊ยตอบด้วย
Rikki – Deek หรอ?
Deacon – เออ ชั้นเอง .... เดี๋ยวนะๆๆ แปบนึง !!
Deacon ตะเกียดตะกายท่านกลางอาการบาดเจ็บจากการถูกทรมานฝ่าดงพวก Ripper เพื่อกลับมาที่รถมอเตอร์ไซด์ให้เร็วที่สุดเพื่อรีบเดินทางกลับไปเตือนเพื่อนๆที่ Lost Lake Camp ถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง แต่โชคยังดีทันทีที่เข้าถึงมอเตอร์ไซด์คู่กาย Rikki ก็รีบวิทยุติดต่อมาหาในทันทีพร้อมทีมออกค้นหาที่เธอส่งมาก็เดินมาถึงพอดี
Rikki – Deek Mike ส่งทีมนักบิดออกไปค้นหานายแล้วแล้วนะ
Deacon – Rikki พวก Ripper กำลังบุกไปจับตัว Boozer ที่แค้มป์แล้วนะ ระวังตัวด้วย !!
Rikki – อะไรนะ Deek? .... ไม่ๆๆๆๆๆๆ !!
Guard – เฮ้ๆพวกเรา อย่าเพิ่งยิง นั่น Deacon ... Iron Mike ส่งเราออกมาตามหานายน่ะ !! ระวัง !! พวก Ripper ตามมาแล้ว !!!
Deacon – ขับต่อไป เราต้องรีบกลับไปที่แค้มป์ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวชั้นจัดการพวกแม่งให้เอง !!!
Guard – พวกเราจะช่วยจัดการพวกมันเอง !!
Deacon – ไม่ๆ ขับต่อไป ขับต่อไป รีบกลับไปที่แค้มป์ !! เราใกล้จะถึงแล้ว
Guard – Ripper ตามมาอีกเพียบเลย !!
Deacon – เออ เห็นแล้ว ขับต่อไปอย่าหยุด !!
Deacon – มันตั้งใจมาขัดขวางเรา ขับต่อไปอย่าหยุดเข้าใจนะ !! ชั้นจัดการพวกมันเอง พวกนายรีบไปทางประตูฝั่งตะวันออก เข้าไปที่ทางเข้าหลักตรงสะพานเลย !! ชั้นจะล่อพวกมันเอาไว้ให้ เสร็จแล้วเดี๋ยวจะรีบตามไป เดี๋ยวชั้นจะเดินเท้าเข้าทางบึง ถ้านายเจอ Boozer รีบบอกให้เขาหนีไป พวก Ripper กำลังมาจับตัวเขา เข้าใจแล้วนะ !!
Guard – เข้าใจแล้ว ! โชคดีนะ Deek !!
Deacon – อ่อ ถ้าเจอไอ้ Skizzo ก็ฆ่าไอ้ห่านั่นได้เลยนะ
Deacon – เฮ้ๆๆๆ เธอไม่เป็นไรนะ? ใจเย็นเธอปลอดภัยแล้ว ฟังนะๆ ผมกำลังตามหา Boozer กับ Skizzo คุณรู้จักใช่มั๊ย?
ผู้หญิง – รู้ค่ะ
Deacon – รู้มั๊ยพวกเขาอยู่ที่ไหน?
ผู้หญิง – ไม่รู้ ชั้นไม่รู้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเลย !! อยู่ๆพวก Ripper ก็บุกเข้ามาในแค้มป์เต็มไปหมด !! แล้วก็จับพวกเราฆ่าที่ละคนทีละคน มันจับ Jen .. Eric .. Blake พระเจ้า ...
Deacon – เอาล่ะ ฟังนะ คุณชื่ออะไร?
Nicole – Nicole
Deacon – โอเค Nicole คุณใช้ปืนเป็นใช่มั๊ย? เอาล่ะ ผมอยากให้คุณขึ้นไปที่หอคอยนั่น แล้วเล็งลงมาข้างล่าง ถ้ามี Ripper ตัวไหนผ่านมาก็ฆ่าแม่งให้หมด โอเค๊ เดี๋ยวผมจะรีบไปช่วยเพื่อนคุณให้เอง เอาล่ะ ไปได้แล้ว !!
Story Mission: THEY WILL NEVER STOP
จากนั้นลุยเข้าไปในแค้มป์จัดการพวก Ripper ที่ขวางทางเพื่อเข้าไปที่จุดหมายของภารกิจเพื่อช่วยเหลือคนในแค้มป์ที่ถูกจับตัวไป
ทันทีที่แงะประตูเข้าไปได้รับใช้ Focus สโลว์เวลายิงไปที่ Ripper ที่กำลังจับคนเป็นตัวประกันก่อนที่พวกเขาจะถูกฆ่าตาย
ตัวประกัน – ขอบคุณค่ะ
Deacon – เงียบๆ ยังไม่ใช่เวลาจะมาขอบคุณในตอนนี้หรอกนะ พวกเธอเป็นเพื่อนของ Nicole ใช่มั๊ย? เอาล่ะฟังนะ รีบหนีออกไปทางตะวันตกตรงประตูหลังด้านที่มีบึงด่วนเลย Nicole อยู่บนหอคอยคอยจัดการพวก Ripper อยู่ ไปช่วยเธอจัดการพวกมัน ชั้นไม่ต้องการให้มีพวก Ripper เข้ามาเพิ่มอีก เข้าใจนะ
Deacon – Rikki ตอบด้วย ได้ยินมั๊ย ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?
Rikki – Deek พระเจ้า ชั้นนึกว่าเสียนายไปแล้ว
Deacon – Boozer อยู่ไหน Rikki ? แล้วไอ้ Skizzo ล่ะ?
Rikki – ชั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เห็น Skizzo ไปกับ Boozer
Deacon – เขาไปที่ไหนกัน Rikki ?
Rikki – ชั้น .. ชั้นไม่รู้ ...แต่ Deek ตอนนี้พวก Ripper มันกำลังบุกเข้าไปถึงสถานพยาบาลของเราแล้วนะ !!
Deacon – แม่งเอ้ย !! รอแปบนะ ชั้นกำลังจะรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย รอชั้นก่อน
Rikki – อย่านะ !! ปล่อยเธอไปเดี๋ยวนี้ !!
Addy – ได้โปรด .. อย่าฆ่าชั้นเลย ..
Ripper – พวกแกต้องตายกันหมด ตายกันหมดแน่นอน !!!
Rikki – ไม่ๆ Deek อย่าเพิ่งๆ
ชาวบ้าน – ลดอาวุธลงทุกคน มีการสั่งให้สงบศึกชั่วคราว !!!
Rikki – ชั้นนึกว่าเธออยู่ข้างในสถานพยาบาลซะอีก Addy
Addy – ชั้นได้ยินคนร้องให้ช่วยก็เลยออกไปช่วยน่ะ ชั้นปล่อยให้เขาตายไม่ได้หรอก
Deacon – เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ ทำไมอยู่ก็หยุดยิงล่ะ?
ชาวบ้าน – มันจบแล้ว ตอนนี้ Iron Mike กำลังเจรจาสงบศึกกับพวก Ripper ในกระท่อมหลังใหญ่อยู่
Rikki – อะไรนะ เจรจาบ้าอะไรอีกล่ะ? มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
Deacon – งั้นไปหาคำตอบกัน !
Skizzo – Mike นี่มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่า พวกเขาก็แค่จะ ... อั๊กกก !!!!
Iron Mike – มันโจมตีแค้มป์ของชั้น ฆ่าคนของชั้นแล้วแกยังจะมาบอกว่าแค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยอีกหรอ !!!
Carlos – ก็พวกแกระเมิดสัญญาเอง พวกแกเข้าไปในถิ่นของเราก่อนนะ !!
Iron Mike – สัญญาที่มีร่วมกันหรอ? แกมันโกหกไอ้ลูกหมาเอ้ย !
Carlos – พวกแกเข้ามาขโมยของของข้า ฆ่าคนของข้าเหมือนกันนั่นแหละ !!
Skizzo – Mike ฟังผมก่อนสิ ผมตกลงกับพวกเขาแล้วนะ
Iron Mike – โว้ๆๆๆๆ ใจเย็น Deek ลดปืนลงก่อนทุกคน !!
Carlos – พวกเราลดอาวุธลงก่อน !!
Deacon – เอาล่ะ Skizzo ไหนลองบอกสิว่ามึงไปตกลงอะไรกับพวกมัน ทำไมไม่บอกทุกคนไปเลยล่ะว่านายขายเราให้พวก Ripper ห่านั่นยังไง?
Skizzo – แกต้องการอะไรจากชั้นวะ??
Deacon – ต้องการอะไร? โห่ ไม่เอาน่า Skizzo บอกพวกเขาไปให้หมดหรือจะให้กูตัดสิ้นมึงทิ้ง !!
Skizzo – โอเคๆๆๆ ผม ผมตกลงกับ Carlos เอาไว้ ...Mike แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ผมไม่ได้ขายทุกคนในแค้มป์นะ ผมสาบาน ก็แค่พวกมัน 2 คน Boozer กับ Deacon ..แค่นั้นแหละที่พวกเขาต้องการ ผมก็แค่อยากรักษาแค้มป์เราเอาไว้ อยากจะช่วยแก้ไขให้สัญญาเป็นไปอย่างเดิมหลังจากที่ไอ้ 2 ตัวนี่มันทำชิบหายหมด
Iron Mike – Deek .. ดีใจที่นายยังไม่ตายนะ แต่ ปล่อยมันก่อน Deek ชั้นขอ .. Deek ได้โปรด ! เอาล่ะ ที่นี้ ชั้นอยากรู้ว่าเขาพูดเรื่องจริงใช่มั๊ยเรื่องทำสัญญากับพวกแกน่ะ?
Carlos – ใช่ เรื่องจริง
Iron Mike – โอเค งั้นเราจะให้ Deek , Boozer กับพวกแก แต่พวกแกจะต้องไม่มายุ่งกับ Lost Lake อีก
Carlos – เจ้าจะได้ความสงบสุขนั้น ข้าให้สัญญา
Iron Mike – ว่าแต่ .. มันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆหรอ ไอ้สัญญิงสัญญาห่าเหวอะไรจากปากของแกน่ะ
Iron Mike – ไปตายห่าซะ !! ชั้นไม่ต้องการให้พวกแกบุกเข้ามาที่นี่พร้อมธงที่เปื้อนเลือดกับความต้องการห่าเหวอะไรอีกแล้ว ไม่ใช่กับชั้น ! ชั้นไม่สนหรอกว่าแกจะคิดว่าเด็กๆของชั้นไปทำอะไรมา และชั้นไม่แคร์ด้วยว่าแกจะต้องการอะไรหรือใคร ชั้นรู้แค่ว่า พวกแกจะไม่มีวันได้ใครหรือห่าอะไรไปจากที่นี่แน่นอน !!
Skizzo – Mike ได้โปรด ใจเย็นก่อน ..
Carlos – แต่เราตกลงกันแล้วนะ
Iron Mike – ไม่ Carlos ขอตกลงเดียวที่เราจะมีคือ เอาคนของแกทั้งหมดไสหัวไปจาก Lost Lake เดี๋ยวนี้ !! ไม่งั้นก็ตายห่ากันให้หมดที่นี่ตอนนี้ให้มันจบๆไปเลย
Carlos – แล้วขอตกลงของเรายังคงอยู่ใช่มั๊ย?
Iron Mike – มันจะยังคงอยู่เสมอตราบที่ชั้นยังมีชีวิตอยู่
Carlos – โอเค .. วันนี้พอแค่นี้ ...
Deacon – เฮ้ เอ่อ .. เรื่องของเรายังไม่จบใช่มั๊ย .. Carlos ?
Carlos – รีบหนีให้ไวเลยนะพวก
Skizzo – คือ Mike ฟังนะ ผมแค่อยากจะบอกว่า ...... อั๊กกกก !!!
Iron Mike – จับมันไปขังเอาไว้ !!
Deacon – ไม่ต้องขงต้องขังแล้วเดี๋ยวพวกผมจัดการเอง !!!
Iron Mike – ไม่ต้องไปยุ่งกับมันนะ !! ชั้นพยายามบอกกับพวกนายเสมอ ไอ้หนู แต่พวกนายไม่เคยฟังกันเลย เราจะไม่ทำแบบนี้กันที่นี่ เราไม่ใช้วิธีชีวิตแลกชีวิต และเราก็จะไม่ฆาตกรรมใครอย่างเลือดเย็น .. เอามันไปขังเดี๋ยวนี้ !! เราจะให้ความยุติธรรมกับเขาเหมือนกับคนที่เจริญแล้วเขาทำกัน !! และเขาจะได้รับผลกรรมจากสิ่งที่เขาทำลงไปแน่นอน !!
Skizzo – อย่ามาแตะต้องตัวชั้น ผมจะไม่ขอโทษ Mike ไม่มีวัน แม่งเอ้ย ผมพยายามช่วยแค้มป์ของเราจริงๆนะ ! พวก Ripper มันจะไม่หยุดหรอก พวกมันไม่มีทางหยุดแค่นี้ Carlos ไม่มีวันเลิกราแน่นอน !! คุณได้ยินผมมั๊ย พวกมันจะไม่มีวันหยุดแค่นี้ !!!!
Boozer – นายรู้ใช่มั๊ยไอ้ Carlos นั่นคือใคร?
Deacon – Jessie
Boozer – ใช่เลย
Deacon – และดูเหมือนว่าเรากำลังทำให้เจ้าลัทธิวันสิ้นโลกต้องงานยุ่งกว่าเดิมแล้วสินะ แต่มันจะต้องได้รับผลกรรมที่มันทำไว้กับชั้นแน่นอน
Boozer – ไอ้แม่เย็ดเอ้ย !!
Deacon – แถมมันยังรู้เรื่องของเรามาก่อนหน้านี้ซักพักแล้วด้วย ในคืนนั้นที่ Crazy Willie มันไม่ใช่การที่พวก Ripper เข้ามาโจมตีโดยบังเอิญแน่นอน
Boozer – แล้วไอ้ Skizzo มันก็ยังขายเราให้มันอีกล่ะ ? พวกเขาพามันไปขังไว้ที่ไหนวะชั้นจะตามไปหักคอมันให้ตายคามือเลย
Deacon – ไม่ๆ อย่าเพิ่ง เรื่อง Skizzo ปล่อยเอาไว้ก่อน ตอนนี้นายไปหาอาวุธ กระสุนที่พอจะหาได้ให้มากที่สุดเตรียมเอาไว้ก่อน
Boozer – เดี๋ยว นายคิดจะทำอะไร? แต่ชั้นได้กลิ่นว่ามันต้องเป็นความคิดที่แย่มากแน่ๆ
Deacon – ช่ายๆ มันเป็นความคิดที่แย่มากๆเลยล่ะ แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องทำอยู่ดี เดี๋ยวชั้นจะไปเอาระเบิดที่กระท่อมเก็บของแล้วก็สายชนวนจากกระท่อมของ Skizzo มาก่อน แล้วค่อยไปเจอชั้นที่ทางออก เดี๋ยวจะอธิบายแผนให้ฟัง
Rikki – Deek ได้ยินแล้วตอบด้วย
Deacon – ได้ยิน คืองี้นะ Rikki ตอนนี้ชั้นค่อนข้างๆจะยุ่งๆหน่อย
Rikki – ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อ่ะ ชั้นเห็นมีคนคุมตัว Skizzo ไปขัง
Deacon – ดีแล้ว ... แต่ชั้นยังไม่มีเวลาจะอธิบายตอนนี้หรอกนะ
Rikki – แถมไอ้ Carlos ก็ยกพวกกลับเฉยเลยหลังจากบุกมาถล่มเราซะเละแบบนี้
Deacon – ทำไมเธอไม่ลองถาม Iron Mike ดูล่ะว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น
Rikki – ถามแน่ แต่ตอนนี้ชั้นอยากจะคุยกับนายก่อน ชั้นไม่อยากให้นายไปทำอะไรบ้าๆตอนนี้อ่ะนะ
Deacon – ชั้นก็คุยกับเธออยู่นี่ไง
Rikki – คุยแบบเจอหน้ากันน่ะ Deek เรื่องนี้มันสำคัญมากนะ
Deacon – ตอนนี้อะไรมันก็สำคัญทั้งนั้นแหละ โทษทีนะ Rikki ชั้นคงต้องขอตัวก่อน เดี๋ยวเอาไว้ค่อยคุยกัน
ก่อนจะเลือกไปทำภารกิจอื่นๆต่อ กำหนดภาริจ STORYLINE – KEEP YOUR FRIENDS CLOSE เพื่อแวะไปทักทาย Skizzo ที่ถูกขังอยู่เสียก่อน เพราะหากไปทำภารกิจอื่นก่อน ภารกิจย่อย KEEP YOUR FRIENDS CLOSE ก็จะหายไปไม่สามารถทำได้อีกเพราะ Skizzo จะถูกปล่อยตัวไปก่อน
STORYLINE – KEEP YOUR FRIENDS CLOSE
Story Mission: Like Your New Digs?
Deacon - ไง Skizzo ? ข้างในเป็นไงบ้าง กำลังขุดหาข้อมูลใหม่อยู่รึไง?
Skizzo - Deek .. Deek หรอ? คุยกับชั้นหน่อย เพื่อน นายก็รู้ว่าชั้นทำไปเพราะอะไร
Deacon - อย่างแรกเลยนะ กูไม่ใช่เพื่อนมึง และใช่ กูว่ามึงทำไปเพราะอะไร
Skizzo - Deek ไม่เอาน่า นี่มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวนะ นายก็รู้ มันไม่มีทางเลือกจริงๆ พูดกับ Iron Mike ให้หน่อย ได้โปรด ขอร้องล่ะ บอกเขาว่าชั้นทำไปก็เพื่อแค้มป์ของเราจริงๆนั่นแหละที่ชั้นต้องการ
Deacon - อ๋อ กูพูดกับ Iron Mike แน่ๆ แต่ต้องรอให้เขาตัดสินว่ามึงผิดก่อนนะ แล้วกูจะพูดกับเขาขอตัวมึงให้กู รอก่อนนะ ไม่เกินเที่ยงคืน กูกับ Boozer จะกลับมาช่วยกันจับมึงมัดแล้วเอาไปปล่อยกลางถนนยืนรอให้พวก Horde มารุมแดกมึงให้สะใจเลย
Skizzo - Deek ไม่เอาน่าเพื่อน ฟังชั้นหน่อยสิ !!
Deacon - อยากจะรู้จังว่ามึงจะรู้สึกยังไงตอนถูกรุมฉีกแขนฉีกขากินทั้งเป็น
Skizzo - ชั้นก็พยายามจะหยุดพวก Ripper หยุด Carlos เพื่อช่วยให้แค้ม์ปลอดภัยเท่านั้นเอง เพื่อชีวิตของทุกคนนะ Deek
Deacon - รู้อะไรมั๊ย กูคิดใหม่และ กูว่าจะเล่นมึงโดยไม่สนหรอกว่าเขาจะตัดสินมึงว่าถูกหรือผิดดีกว่า บายนะ Skizzo
STORYLINES - KEEP THEM SAFE
Story Mission: Without Being Seen
หลังจาก Carlos และพวก Ripper ทำกับเขาไว้อย่างเจ็บแสบ Deacon จึงเริ่มแผนแรกในการสั่งสอนพวก Ripper แบบจัดหนักด้วยแผนมึงถล่มมากูถล่มกลับ โดยเริ่มจะลอบเข้าไปขโมยระเบิด TNT จากคลังใน Lost Lake Camp เอามาตุนไว้ในบ้านเพื่อเตรียมการณ์ไว้
Story Mission: You Won’t be needing this
แผนที่ 2 หลังจากที่ขโมยระเบิด TNT มาได้ก็คือ ไปเอาสายชนวนระเบิดที่ Skizzo มันเก็บเอาไว้ที่บ้านของมัน และหลังจากสำรวจจนเจอสายชนวนที่ต้องการแล้ว Deacon ก็ถือวิสาสะหยิบไรเฟิ่ลของ Skizzo มาใช้ด้วยเลย เพราะยังไงซะ Skizzo ก็คงไม่มีโอกาสกลับมาใช้มันได้อีกต่อไปแล้ว
Story Mission: Now that’s an Idea
จากนั้น Deacon จะแวะเข้าไปห้องพยาบาลเพื่อให้ Addy ทำแผลที่แขนจากการที่ถูก Carlos เผาจนไหม้ก่อนที่จะลุยศึกครั้งใหม่
Addy – ชะ ชั้น ทำอะไรแบบนี้ไม่ไหวอีกแล้วล่ะ !!
Deacon – เป็นอะไรไปหรอหมอ?
Addy – ชั้นมันก็แค่สัตวแพทย์ ไปโรงเรียนก็เพื่อรักษาโรคเท้าเปื่อยปากเปื่อยของสัตว์แค่นั้นเอง ชั้นจะมีปัญญาไปรักษาอะไรคุณได้
Deacon – Addy Addy
Addy – ไม่ๆๆ นายก็เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Boozer ชั้นทำแบบนี้ไม่ได้แล้วจริงๆนะ มีแต่แผลเต็มไปหมด คนตายเต็มไปหมด
Deacon – เฮ้ Addy Addy ใจเย็นก่อน
Addy – ชั้นไม่ใช่หมอนะ Deek !
Deacon – โอเค คุณอาจจะไม่ใช่ แต่คุณคือทุกอย่างที่เรามีนะ
Addy – เฮ้ออออ . อืมม ก็ได้
Rikki – ไง Deek ..คือ ตอนแรกชั้นไปตรวจสอบที่คลังเก็บระเบิดซะหน่อย เพราะกลัวว่าพวก Ripper มันจะขโมยไปซะ แล้วชั้นก็ว่าจะแวะไปเช็คสายชนวนระเบิดที่อยู่ในที่พักของ Skizzo ด้วย แต่ชั้นว่ามันจะประหยัดเวลกว่าถ้าชั้นจะตรงมาเช็คที่บ้านนายที่เดียวเลย
Deacon – ออกไปไกลๆเลย Rikki
Rikki – เดาว่าจะไประเบิดถ้ำนั่นใช่มั๊ยล่ะ โอเค ชั้นไปกับนายด้วยนะ
Deacon – ... ตอนชั้นยังเด็กๆนะ พ่อของชั้นเจอรังหนูอยู่ในบ้านของเรา รู้มั๊ยเขาทำยังไง? เขารอจนกว่าจะเช้า ตอนที่พวกหนูมันกำลังนอนพักผ่อน เขาเอาไม้อัดมาวางปิดไว้บนรูของมัน แล้วบอกให้ชั้นไปลากเอาหัวฉีดน้ำมา แล้วพ่อก็บอกชั้นว่า ชั้นไม่เคยลืมคำๆนี้ที่พ่อบอกเลยนะ พ่อบอกว่า วิธีกำจัดหนูที่ดีที่สุดคือทำให้มันจมน้ำคารังของมัน
Rikki – คือนายจะ นายจะระเบิดเขื่อนด้านเหนือของแค้มป์งั้นหรอ?
Deacon – ก็คิดเอาไว้แบบนั้น
Rikki – นายไม่ควรที่จะ ...
Deacon – ก็พวกมันอยากสู่สุขคติ (RIP) ไม่ใช่หรอ ชั้นก็เลยจะช่วยมันนี่ไง
Rikki – Deek นายจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ
Deacon – ทำไมไม่ได้ล่ะ เพราะ Iron Mike ไปทำสัญญาห่าเหวอะไรนั่นกับพวกมันงั้นหรอ? เธอรู้มั๊ยชั้นอยากจะตัดลิ้นไอ้ Skizzo จะตายอยู่แล้ว แต่เขาก็พูดถูกอย่างนึงนะ Carlos จะไม่มวันจบ พวก Ripper จะไม่มีทางหยุด และเรื่องนี้เธอก็รู้ดี
Rikki – แน่ใจนะว่าที่ทำไม่ใช่แค้นส่วนตัวอ่ะ ?
Deacon – แน่นอนแม่งเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว !!
หลังจากได้ระเบิดและสายชนวนซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับแก้แค้นพวก Ripper กลับครบแล้วก็ไปเจอกับ Boozer ที่รออยู่หน้าทางออกเพื่อเตรียมออกเดินทางได้เลย
Boozer – ไรเฟิ่ลสวยนี่หว่า
Deacon – อ๋อ แน่นอน ของขวัญจากไอ้ Skizzoเลยนะเนี่ย
Boozer – งั้นช่วยเตือนชั้นตอนที่นายจะเอาไปคืนมันด้วยแล้วกันนะ
Deacon – ไม่ลืมแน่นอน
Boozer – ว่าแต่ เราจะทำยังไงกับไอ้เหี้ยนี่ดีวะ ? หมายถึง เราจะไม่รอให้ Iron Mike ตัดสินโทษมันใช่มั๊ย?
Deacon – แน่นอน เราไม่รออยู่แล้ว
Boozer – เอาล่ะ แผนวันนี้ว่าไง?
Deacon – ชั้นค่อนข้างรู้จักพื้นที่ตรงนั้นดีอยู่ Sarah เธอเคยทำงานในห้องทดลองแถวๆทางใต้ของไร่ปศุสัตว์ Iron Butte ตอนนั้นชั้นขี่รถไปรับเธอมากินอาหารกลางวันตลอด เคยสอนเธอขี่รถก็ที่นี่แหละ .. Jessie .. Carlos ไม่ว่ามันจะเรียกตัวเองว่าห่าอะไรก็เถอะ พวกมันตั้งฐานอยู่ที่สนามกอล์ฟเก่าในรีสอร์ทที่อยู่ทางใต้ของอ่างเก็บน้ำ Crescent Lake แผนเราคือ เราจะระเบิดเขื่อนนั่น ให้น้ำมันลงมาท่วมพวกแม่งให้จมน้ำตายให้หมดเหมือนฆ่าหนูยกรังเลย
Boozer – โอเค แต่กระท่อมใหญ่ที่อยู่บนเนินเขาล่ะ
Deacon – ใช่ น้ำคงท่วมไปไม่ถึง แต่ที่เราต้องการคือให้น้ำท่วมในบริเวณโดยรอบเพื่อจัดการพวก Ripper ตามทางด้านล่างให้หมด หรือเพื่อตัดกำลังพวกมันให้ได้มากที่สุด
Boozer – แล้วถ้าสมมติว่าไอ้ Jessie มันรอดไปได้ มันก็จะไม่เห็นว่าเรามา
Deacon – ใช่เลย !
Boozer – ที่นี้ก็เหลือแค่เราจะทำยังไงที่จะเข้าไปในหุบเขา Iron Butte ได้โดยที่พวกมันไม่เห็น
Deacon – ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวชั้นพาไปเอง
Deacon กับ Boozer จะบุกทะลวงเข้าไปทางช่องทาง Rogue Tunnel ตรงที่เป็น Nero Checkpoint ซึ่งจะมีพวก Ripper เฝ้าอยู่จำนวนไม่มาก ใครที่ยังไม่ได้ทำหรือข้ามภารกิจ World’s End ที่ Rogue Tunnel Nero Checkpoint มาก็สามารถทำได้ตอนบุกครั้งนี้ไปพร้อมๆกันได้เลย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายของภารกิจทางตะวันตกของแผนที่ได้เลย
Deacon – เฮ้ออ เล่นกับพวกแม่งนี่ไม่ง่ายเลยแฮะ
Boozer – แน่นอนอยู่แล้ว
Deacon – เดี๋ยว นายจะทำอะไร?
Boozer – ก็กำลังจะแบบไอ้ถุงระเบิดห่านี้ไปที่เขื่อนนั่นแล้วถ้ามพวกแม่งว่า ถ้าไม่ว่าอะไรผมขอระเบิดเขื่อนห่านี่ทิ้งซักหน่อยนะครับไงล่ะ
Deacon – Boozer !
Boozer – ฟังนะ นายกับไรเฟิ่ลของ Skizzo รออยู่บนนี้คอยยิงคุ้มกันให้ชั้นตอนชั้นติดตั้งระเบิด โอเค๊?
Deacon – เดี๋ยวก่อนๆๆ
Boozer – ชั้นอาจจะไม่ถนัดเรื่องยิงต่อสู้เท่าไหร่แต่เรื่องวางระเบิดเนี่ยขอให้เชื่อมือได้เลย
Deacon – เฮ้นี่ๆ ชั้นเคยผ่านงานวางระเบิดมาแล้วในอัฟกานิสถาน Boozer ชั้นรู้ดีว่าควรจะติดตั้งมันตรงไหนนะ
Boozer – งั้นดีเลย พอชั้นลงไปข้างล่างแล้วนายบอกชั้นด้วยก็แล้วกัน
Deacon – เออๆ ก็ได้
Story Mission: That Never Get Old
หลังจากนัดแนะกันเสร็จแบบเสียไม่ได้ Deacon จำต้องยอม Boozer ที่ดึงดันที่จะขอเป็นคนลงเอาระเบิดลงไปวางที่ด้านล่างของฐายเขื่อน โดย Deacon ต้องคอยยิงคุ้มกันด้วยไรเฟิ่ลของ Skizzo ที่ถือติดมา
พยายามยิงคุ้มกันพวก Ripper ที่บุกเข้ามาขัดขวางไม่ให้ Boozer ไปวางระเบิดตามจุดต่างๆ จนกว่าเขาจะวางระเบิดเสร็จที่จุดซ้ายล่างของฐานเขื่อน โดยห้ามให้ Boozer โดนทำให้บาดเจ็บจนเกจพลังชีวิตด้านบนหมดเสียก่อน
Deacon – ฮ่าๆๆๆ แม่งเอ้ยยย !! นายโอเคนะ?
Boozer – เออๆ คิดว่าโอเคนะ เอ๊ะ! เดี๋ยว แปบนึง แขนชั้นด้วนแบบนี้มาก่อนแล้วใช่ป่ะ
Deacon – ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ นายนี่มันไม่เคยเปลี่ยนจริงๆเล๊ย
Deacon – เอาล่ะ ไปล่าตัวไอ้ Jessie กัน !
Deacon – โอเค ถึงแล้ว เราคงต้องเริ่มเดินเท้าจากตรงนี้อ่ะนะ นายอยากอยู่เฝ้ารถคอยจัดการพวก Ripper จะมาทำลายรถชั้นก็บอกนะ
Boozer – แต่ชั้นว่าเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วอ่ะนะถ้าดาบนี่มันเสียบลงที่ตัวไอ้ Jessie เรียบร้อยแล้ว มันอยากจะแก้แค้นใช่มั๊ย? ชั้นจะแสดงให้มันดูเองว่าการแก้แค้นจริงๆมันเป็นยังไง !!
Story Mission: Time for some Payback
Deacon – บ้าเอ้ย !! พวก Ripper เหลืออีกเพียบเลยดูสิ !
Boozer – ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกมันยังรอดอยู่ได้อีก
Deacon – เดี๋ยวชั้นจะจัดการให้หมดเอง !
Deacon – ชั้นว่าเราคงปีนขึ้นไปชั้นบนไม่ได้แน่ๆ
Boozer – แม่งเอ้ย ! จริงด้วย .... เอางี้ งั้นเดี๋ยวชั้นดันนายขึ้นไปเอง
Deacon – โอเค ฟังนะ ถ้าเกิดชั้นเป็นอะไรไป มันมีเส้นทางนึงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ นาย....
Boozer – ไม่ๆๆๆ หยุดเลย ฟังนะ บนนั้นไม่ใช่ Carlos โอเค๊? ไม่ใช่เจ้าลัทธิ Rest in Peace ห่าเหวอะไรด้วยซ้ำ มันก็แค่ไอ้เหี้ย Jessie Williamson แค่นั้นเอง ไอ้ตัวกระจอก ไอ้ขยะตัวเดินเหมือนเมื่อก่อนนั่นแหละ เข้าใจนะ? เพราะงั้นนายก็ขึ้นไปฆ่าไอ้ห่านั่นซะ แค่นั้นเอง !!
ทันทีที่ Boozer ดันส่งตัว Deacon จากช่วงบันไดพังจนขึ้นมาจนถึงชั้นบน แต่ Carlos ที่ดักรออยู่แล้วก็เริ่มเข้าโจมตีด้วยผงประหลาดที่ทำให้ Deacon มองเห็นไม่ชัดและต่อสู้กับมันได้ยากกว่าเดิม
Carlos – เป็นอะไรไป Deek ? ก็บอกให้หนีไปยังไงล่ะ หนีไปก่อนจะล้มเพราะไอ้กระจอกอย่าง Jessie Williamson ก็ได้ แกยังจำสมัยก่อนได้มั๊ย? แกกับ Boozer แล้วก็ไอ้ Jack ช่วยกันเผาหลังข้าจนไหม้ แต่ความทรงจำในครั้งนั้น ก็ช่วยทำให้ข้าเป็นอิสระ
Carlos – ไอ้ Jack มันหาว่าข้าบ้า !!
Carlos – อ๊ากกกกก !!!!
Carlos – ข้าเห็นมัน .... ข้าเห็นมัน .... วิถีนั้น ข้าเห็นมันอย่างกระจ่างชัดแล้ว ...
Deacon – ใช่ ชั้นก็เห็นเหมือนกัน ...
Deacon – REST IN PEACE .. JESSIE
Boozer – มันจบแล้วใช่มั๊ย?
Deacon – ใช่ มันจบแล้ว และชั้นคงทำมันคนเดียวไม่ได้แน่นอน
Boozer – นายรู้มั๊ย แม่งโคตรรู้สึกดีเลยทีได้ออกมาลุยแบบบ้าระห่ำแบบนี้กันอีกครั้ง แต่ชั้นอยากจะบอกว่า ..ก่อนกลับหาผลั่วมาขุดสมุนไพรมันกลับไปปุ้นกันดีกว่า บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเท่าไหร่หรอกนะถ้าเราจะเสียเวลากับเรื่องแบบนี้กันทั้งวันอ่ะนะ ... นายว่า เมื่อ Jessie ตายไปแล้ว เราจะเหลือใครอีก ชั้นหมายถึง คนที่เราเคยรู้จักสมัยก่อน
Deacon – ไม่มีแล้ว Boozer ไม่เหลือใครอีกแล้ว ..มาเถอะ ... เราออกจากที่ห่านีกันได้แล้ว
Iron Mike – ลูกรู้ว่าลูกไม่ได้มาเฝ้าพระองค์มาหลายเดือนแล้ว ก็หวังว่า Elzabeth จะยังอยู่ในอ้อมกอดพระองค์ ลูกก็ไม่มีอะไรจะมาอ้อนวอนกับพระองค์มากนักหรอก จนเมื่อทุกอย่างมันฉิบหายไปหมด ลูกก็ไม่รู้ว่าพระองค์จะยังอยู่บนนั้นมั๊ย หรือไม่สนว่ามันจะเกิดห่าอะไรขึ้นข้างล่างนี่ ... อภัยให้คำหยาบคายของลูกด้วย เพราะงั้นลูกถึงต้องมาที่นี่ เพื่อบอกว่าลูกไม่รู้จริงๆ และหวังว่าพระองค์ยังคงสถิตอยู่บนนั้น ลูกยังหวัง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เรายังต้องเอาตัวชีวิตรอดเพื่อวันพรุ่งนี้ แค่นั้นแหละ เอาไว้วันหลังลูกจะมาใหม่ .... เอเมน
Iron Mike – ไง Deek
Deacon – อืมม ครับ Rikki บอกผมว่าจะหาคุณได้ที่นี่
Iron Mike – โอ๊ยยย อ่า ...หัวเข่าชั้นน่ะ นายคงรู้นะ เนี่ยแหละถึงไม่ได้มาสวดภาวนาที่นี่มาเกือบทั้งปีแล้ว เอาจริงๆชั้นก็เป็นประเภทไม่ชอบไปโบสถ์ซะด้วยสิ จนกระทั้งผ่านวิบากกรรมที่ Sherman Camp มาได้ แต่ตอนนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์บ้านั่นขึ้น ชั้นก็คิด แม่งเอ้ย บางทีอาจต้องถึงเวลาเข้าโบสถ์กันบ้างแล้วมั้ง
Deacon – ผม เอ่อ ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ
Iron Mike – โอ้ Deek ทุกคนมีทางเลือกเสมอจนกว่าจะตายนั่นแหละ
Deacon – ไม่พวกเราก็พวกมันแหละ
Iron Mike – มันก็มีแค่เรากับมันเสมอนั่นแหละ แค่นั้น นายรู้มั๊ยทำไมเราถึงต้องตกนรก เพราะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า พวกเรา ไง วิญญาณของแม่งทุกคนไม่ได้เดินไปมารอบๆด้วยเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดและพยายามจะกินเรานะ
Deacon – เอาล่ะ คุณรู้อะไรมั๊ย? คุณอาจจะไม่ชอบมันแต่โลกมันก็เป็นนี้จริงๆ มันเป็นเยี่ยงนั้นแหละ สวดมนต์ไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก พระประสงค์นั่นมันอาจเป็นแค่เรื่องไร้สาระที่ทำให้เราไปไม่ถึงเส้นทางที่เราต้องการจะไปก็ได้ Mike
Iron Mike – มันไม่เกี่ยวกับ พระประสงค์ อะไรหรอก เราสร้างโลกให้เป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็นจากการกระทำของเรา ของพวกเราทุกคน
Iron Mike – ชั้นปล่อยเขาไปแล้วนะ ... Skizzo เพราะเชาคงไม่มีโอกาสได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรมหรอก
Deacon – คุณปล่อยมันไปงั้นหรอ?
Iron Mike – ชั้นบอกให้เขาขี่รถไปจากที่นี่ซะ แล้วอย่ากลับมาอีก
Deacon – พระเจ้า Mike คุณไม่รู้หรอกว่าคุณทำอะไรลงไป
Iron Mike – ใช่ ชั้นหยุดการฆาตกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกราย แล้วนายรู้อะไรมั๊ย? ชั้นคิดว่า ชั้นทำดีแล้วด้วย
STORYLINES - KEEP THEM SAFE Complete 100%
CUSTOM SKIN UNLOCK - KEEP THEM SAFE CUSTOM
CUSTOM SKIN UNLOCK – LOST LAKE ENCAMPMENT CUSTOM
STORYLINE – I REMEMBER
Story Mission: I WAS DISTRACTED
Rikki – ไม่ใช่ นี่ต่างหากล่ะครัช
Addy – ชั้นรู้หรอกน่าว่าครัชอยู่ที่ไหน
Rikki – ตกลงนี่จะให้ชั้นสอนมั๊ยหรือไม่ต้อง
Addy – ให้สอนสิ ก็แค่บอกว่า ชั้นรู้หรอกน่าว่าครัชอยู่ตรงไหน
Rikki – โอเคๆ งั้นเธอลองทำด้วยตัวเองดูแล้วกัน
Jim – เฮ้ๆ นี่นายจะทำอะไร? นายจอดตรงนี้ไม่ได้นะ
Deacon – เออ ผมแค่มารับ Sarah น่ะครับ
Jim – ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล กลับรถแล้วไสหัวไปจากที่นี่ได้แล้ว ไป !!
Deacon – โอเค ..รู้อะไรมั๊ย ชั้นว่าชั้นจอดแอบๆรอตรงนี้ดีกว่า นายจะได้ไปทำงานเฝ้าไร่ข้าวโพดของนายต่อได้
Jim – นี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประตูหน้า ทราบแล้วเปลี่ยน เรามีปัญหาแล้ว ... เฮ้ย ไอ้งี่เง่า ที่นี่เป็นพื้นที่หวงห้าม ชั้นบอกว่าให้แกใส่หัวไปได้แล้ว ... เฮ้ๆๆ ยืนตรงนั้นเลย ไม่ต้องขยับเข้ามา
Jim –เฮ้ๆๆ ยืนตรงนั้นเลย ไม่ต้องขยับเข้ามา
Deacon – เหมือนชั้นจะบอกไปแล้วนะว่าชั้นมาที่นี่เพื่อรับ ...
Jim – แกเห็นป้ายนั่นมั๊ยไอ้บ้าเอ้ย
Deacon – โอ้โห ป้ายเบ้อเริ่มขนาดนั้นใครไม่เห็นก็บ้าแล้ว
Jim – มันเขียนว่า ชั้นมีอำนาจที่สามารถใช้ความรุนแรงได้หากจำเป็น
Deacon – ขอบคุณ แต่พอดีชั้นอ่านหนังสือออกอ่ะนะ
Jim – แกอยากเจอดีนักใช่มั๊ย !!??
Deacon – โว้ๆๆๆ
Sarah – มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ??
Jim – เอ่อ ขอโทษครับคุณ Whitaker ..อะไร คุณรู้จักไอ้บ้านี่ด้วยหรอครับ?
Sarah – ไม่เป็นไร Jim เขามากับชั้น เขามากับชั้น Jim
Jim – งั้นก็ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้เรื่องนั้นจริงๆ
Sarah – เราไปกับเถอะ .... ไม่เป็นไรๆ จริงๆ ชั้นเองก็ต้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้านะคะ
Deacon – เออนี่ Jim !!
Sarah – ไม่เอาน่า Deacon
Deacon – จริงๆชั้นไม่ได้มารับเธอหรอกแต่เธอมารับชั้นต่างหาก บาย ... โว้ๆๆ
Sarah – จับให้แน่ๆสิ
Sarah – ทำไมคุณต้องทำแบบนั้นตลอดเลยอ่ะ?
Deacon – ทำอะไร?
Sarah – ชอบกวนตีนคนตลอด
Deacon – โธ่ไม่เอาน่า ก็มันเริ่มก่อนนี่
Sarah – แล้วนายเป็นนักเลงรึไง ?
Deacon – โว้ๆ กระตุกอีกแล้ว อย่าลืมกำครัชด้วย จำได้ใช่มั๊ยว่าคุณต้องส่งน้ำมันให้ทันกับความเร็วรอบด้วย
Sarah – รู้แล้วน่า
Deacon – ดี .. ว่าแต่เราจะไปไหนกันหรอ?
Sarah – ไปที่บนสันเขื่อน ที่นั่นมันเงียบไม่ค่อยมีรถผ่านไปมาดีจริงมั๊ย?
Deacon – คุณจะขับเองไปถึงนั่นเลยเนี่ยนะ ไม่ดีมั้ง
Sarah – เดี๋ยวนี้ตอนกลางคืนคุณยังออกร่อนเหมือนเดิมรึเปล่า เห็นคุณว่าจะมีการรวมพลครั้งใหญ่ไปไหนกันไม่ใช่หรอ?
Deacon – เออ ใช่ ผมกับ Boozer แล้วก็เด็กๆในแก็งค์จะขับลงใต้ไป Klamath State เพื่อเยี่ยม Jack กันน่ะ
Sarah – นี่คุณจะทิ้งชั้นไว้นี่เพื่อไปเยี่ยมคนในคุกเนี่ยนะ ?
Deacon – Jack ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอกนะ
Sarah – ชั้นรู้ๆ แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง
Deacon – เฮ้ย ! ระวังรถบรรทุก !!
Sarah – บ้าเอ้ย !!!
Sarah – พระเจ้า ... ไม่รู้ทำไมเวลาชั้นขับรถไปกับคุณต้องมีไอ้รถบรรทุกงี่เง่าพยายามจะเบียดเราให้ตกถนนอยู่ตอลดก็ไม่รู้
Deacon – ไม่ๆๆๆ ไม่หรอก คุณทำดีแล้ว คุณทำดีแล้วล่ะ พวกคนขับรถบรรทุกส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบขับหวาดเสียวทำให้คนต้องตกใจเพราะชอบเขาโค้งด้วยความเร็วสูงเกินไปอยู่ตลอด และมันอาจจะทำให้เราตายได้เลยล่ะ
Sarah – ชั้นต่างหากที่จะเป็นคนทำให้เราตาย ชั้นต่างหาก ... ชั้นไม่มีสมาธิ ไม่ระวังเองเพราะมัวแต่ใจลอยอยู่ด้วย
Deacon – โอเคๆ ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ที่คุณบอกมัวแต่ใจลอย กำลังคิดมาเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า?
Sarah – ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เรื่องงานนิดหน่อยแค่นั้นเอง
Deacon – โอเค๊ .. งั้นผมว่าคุณน่าจะดูนี่หน่อย ป้ายติดเสื้ออันใหม่ของผม
Sarah – no .. NOMAD หรอ? เดี๋ยวนะ ไหนคุณบอกออกจากคลับนั่นแล้วไง?
Deacon – ไม่ ผมไม่เคยบอกว่าจะออกจากคลับนั่น ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ ก็แค่อาจจะเข้าไปร่วมกิจกรรมอะไรต่างๆน้อยกว่าเดิม ก็แค่นั้น
Sarah – เฮ้ Deek ... ชั้นไม่ได้ขอให้คุณทำแบบนั้นเลยนะ
Deacon – ไม่ .. ผมรู้ๆ .. แต่ถึงคุณจะห้ามผมก็คงปฎิเสธอยู่ดีนั่นแหละ ฮ่าๆๆ
Deacon – ไปกันเถอะ .... แล้วเอ่อ ตกลงคุณจะขี่ต่อมั๊ยล่ะ?
Sarah – ต่อสิ จริงๆก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอกนะ แต่ชั้นก็อยากขี่ต่อ
Deacon – แล้วก็ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้นะ
Sarah – แหม่ คุณก็รู้ ชั้นก็ทำเท่าที่ทำได้นั่นแหละ
Deacon – เฮ้ๆ อย่าลืมครัช .. ครัช !!
Sarah – ชั้นรู้ว่าครัชมันเป็นยังไงหรอกน่า
Deacon – ไม่ๆ นั่นไงดับอีกแล้ว
Deacon – แล้ว เอ่อ ครัวครัวคุณจะมาร่วมงานด้วยรึเปล่าล่ะ?
Sarah – งานแต่งเราอ่ะหรอ? ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ
Deacon – ผมว่า เอ่อ บางทีผมน่าจะออกจากแก็งค์ Mongrel ...
Sarah – ชั้นว่าเรื่องนี้มันได้สำคัญอะไรสำหรับทางครอบครัวชั้นหรอกนะ
Deacon – แต่คุณน่าจะ น่าจะ .. อย่างน้อยคุณก็น่าจะบอกพวกเขานะ
Sarah – ก็ได้ถ้าคุณต้องการอ่ะนะ แต่ ชั้นไม่ใช่คนที่จะยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นและก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนสิ่งที่คุณเป็นให้ดูดีเพื่อให้ครอบครัวของชั้นแฮปปี้หรอกนะ
Deacon – ดูสิ นั่นรถตำรวจ ... เฮ้ ดูเหมือนมันกำลังจะมุ่งหน้าไปทางที่ทำงานของคุณนะ
Sarah – อืมม เห็นแล้ว .. บ้าเอ้ย !
Sarah – แล้ว เอ่อ เรื่องแก็งค์ Mongrel ของคุณอ่ะ พวกเขาจะมาร่วมงานเราซักกี่คน หลังจากที่คุณออกจาก NOMAD แล้วอ่ะ ?
Deacon – ก็ไม่รู้เหมือนกัน อันที่จริง พวกนี้ก็ไม่เคยเหยียบย่างเข้าโบสถ์นานแล้วเหมือนกัน แต่คุณจะอยากให้นักบิดฮารเลย์ทั้งแก็งค์ 27 คนเข้าไปอัดในโบสถ์เล็กๆใน Marion Forks พร้อมๆกันหมดจริงๆอ่ะหรอ?
Sarah – เอาสิ ถ้ามาให้หมดได้จริงชั้นก็โอเคเลยนะ
Deacon – เอ่อ .. โอเค
Jim – ตอนนี้ คุณ Whitaker มาถึงแล้วครับ
Deacon – มันเกิดอะไรขึ้นหรอ?
Sarah – ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน
Jim –คุณ Whitaker ครับ หัวหน้าอยากพบคุณ บอกว่ามีเรื่องด่วน
Sarah – เขาก็มีเรื่องด่วนตลอดนั่นแหละ ... แจ้งไปว่าชั้นกำลังไป
Jim – ครับผม
Sarah – ชั้นต้องไปทำงานก่อนนะ
Deacon – เฮ้ๆ
Sarah – ฮ่า โทษที
Sarah – ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีอะไรหรอก อาจเป็นสัญญาณไฟไหม้เล็กๆน้อยๆก็ได้
Deacon – โอเค คุณไปจัดการมันให้อยู่หมัดเลยนะ
Sarah – รักนะคะ เดี๋ยวว่างแล้วโทรไปหา
Rikki - เฮ้ Addy ฟังนะ คือชั้นขอโทษ
Addy - แล้วแต่เลย ตามสบายเลย ไม่หัดขับรถแล้ว Rikki
Rikki - ก็บอกว่าขอโทษไง .. บ้าเอ้ย !!
Deacon – Clearance ... Clearance ... เอ่อ O’Brian นี่ St. John นะ ทราบแล้วเปลี่ยน ... O’Brian นี่ St. John ตอบวิทยุห่านี่ซักทีสิวะ !!
O’Brian - St. John หรอ นึกว่าคุณจะไม่ติดต่อมาแล้วซะอีก ?
Deacon – ก็ไม่อยากติดต่อมาหรอก แต่ .. เอาล่ะ ฟังนะ คืนนั้น ที่นายบอกชั้นว่ามีการอพยพคนหนีน่ะ นายบอกว่าไม่ได้เอาพลเรือนคนไหนไปเลย แต่นายพาไปแต่เจ้าหน้าที่ของ NERO พวกเจ้าหน้าที่ FBI แล้วก็คนที่เป็น Clearance (บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านจากประเทศหนึ่งเข้าไปในอาณาเขตของอีกประเทศหนึ่งได้ด้วยเหตุผลพิเศษต่างๆ) ใช่มั๊ย?
O’Brian – ผมก็บอกแล้วไงว่าเราไม่มีทางจะทำอะไรได้อีกแล้ว
Deacon – หุบปาก หุบปาก ๆๆๆ แล้วฟัง Sarah เมียของชั้นเธอเป็น Clearance แล้วคืนนั้นก่อนที่จะพาเธอขึ้น ฮ. ของนาย ชั้นก็เห็นเธอแขวนป้ายบัตรประจำตัวอยู่
O’Brian – แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขา ....
Deacon – หุบปาก !! แค่ทำตามที่ชั้นบอกก็พอ หาบัตรของ Sarah Irene Whitaker เธอทำงานให้ทาง Cloverdale เธอเป็น Clearance ของรัฐบาลกลางส่งมาทำวิจัยเรื่องเวชภัณฑ์ หรือ ห่าเหวอะไรซักอย่างนี่แหละ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอทำอะไร
O’Brian – โอเคๆ เดี๋ยวผมลองหาให้
Deacon – เยี่ยม ! แล้วจำไว้ด้วยนะว่านายเป็นหนี้ชั้น !
O’Brian – โอเคๆ ผมรู้แล้วน่า แค่นี้ก่อนนะ
Story Mission: WHY AM I HERE
O’Brian – St. John ทราบแล้วเปลี่ยน ... ผมต้องการเจอตัวคุณด่วนเลย
Deacon – พระเจ้า O’Brian แค่บอกมาว่าเจอหรือเปล่าก็พอ ตกลงเธอยังรอดชีวิตรึเปล่า?
O’Brian – ผมมีบางอย่างจะให้คุณดูด้วยตัวเอง เดี๋ยวผมส่งพิกัดไปให้ทาง GPS แล้วเดี๋ยวเจอกันที่นั่นนะ
จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางเหนือของ Lost Lake Camp เพื่อไปยังจุดนัดพบกับ O’Brian
Deacon – นี่อะไรกันเนี่ย แห่มาทำไมกันตั้งเยอะแยะ ห๊ะ?
O’Brian – ไม่เป็นไรๆ คนของผมเอง ผมรวบรวมจากคนที่เหมือนผม คนที่ไม่ค่อยแฮปปี้กับอะไรๆที่เกิดขึ้นใน NERO เท่าไหร่น่ะ
Deacon – สรุปให้ชั้นมาเพื่อ?
O’Brian – ผมอยากจะให้คุณดูนี่ด้วยตัวเอง คุณพูดถูกเรื่องภรรยาของคุณ
Deacon – นายได้มันมาจากไหน?
O’Brian – ตอนที่แค้มป์ที่ Silver Lake ถูกโจมตี พวกเขาพาเจ้าหน้าที่ของ NERO เจ้าหน้าที่ของ FBI แล้วก็ Sarah Irene Whitaker เจ้าหน้าที่ที่เป็น Clearance ระดับ 4 รัฐบาลกลาง
Deacon – ระดับของ Clearance งั้นหรอ?
O’Brian – ภรรยาของคุณอพยพไปกับหน่วย Recon ไปทางตะวันออกของ Fort Rock
Deacon – โอเค งั้นพาชั้นไปส่งที่นั่นหน่อย !
O’Brian – ไม่ได้ครับ
Deacon – ไม่หรอ? ก็นายมีคอปเตอร์แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่รึไง?
O’Brian – ฐานนั่นไม่มีเหลือแล้ว ...เมื่อปีก่อนถูก กองทหารอาสาสมัครในพื้นที่นั้นโจมตี
Deacon – กองทหารอาสาสมัครหรอ ... แค้มป์ของมันอยู่ที่ไหน?
O’Brian – ผมไม่รู้
Deacon – ไม่รู้ได้ไงวะนายมีทั้งเฮลิคอปเตอร์ทั้งดาวเทียมสำหรับค้นหา
O’Brian – มันน่าจะอยู่ที่ไหนซักแห่งแถวรอบๆ Crater Lake นั่นแหละ แต่ที่นั่นเป็นเขตห้ามบิน มันมีทั้งจรวดทั้ง RPG ที่จะสอยเราล่วงได้สบายๆ
Deacon – Crater Lake หรอ?
O’Brian – ใช่ Crater Lake
Deacon – โอเค
O’Brian – เอ่อ ผมอยากจะบอกคุณเกี่ยวกับงานที่เรากำลังทำอยู่ คุณคิดว่าเราทำอะไร ศึกษาเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ พวก Freaks งั้นหรอ? ไม่ใช่แล้ว พวกเขาพัฒนาไปไกลแล้ว และมันเลวร้ายกว่าตอนนี้เยอะเลยด้วย พวกเขากำลังทำผิด ผิดอย่างมหันต์เลยล่ะ ....
Story Mission: ONLY THING KEEPING ME SAME
เดินทางไปที่จุดหมายของภารกิจที่ ค่ายผู้ลี้ภัยของ NERO เพื่อเข้าไปที่หลุมศพของซาร่าห์อีกครั้ง
Deacon – ไง .. ผมอีกแล้วนะ... ผม เอ่อ จริงๆผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ที่พูดอะไรออกมาด้วยซ้ำ ก็ตั้งแต่ผมรู้ว่าคุณ เอ่อ ไม่ได้ตายที่นี่
แต่คงเพราะความเคยชินมั้ง ที่ต้องบุกป่าฝ่าดงมาคุยกับคุณที่นี่มาตลอด ก็เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีสติอยู่ ยังไงก็ขอบคุณนะ ..
Camp Mission: BOUNTY HUNTER
PART OF THE FAMILY
เข้าไปใน Hot Spring Camp คุยกับ Tucker ที่จุดรับงานของแค้มป์
Tucker – อ่า Deek ชั้นมีงานให้นายทำ เป็นงานที่นายคนเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ จำเมื่อครั้งที่ชั้นส่งนายไปที่จุดขุดค้นตอนที่เสบียงอาหารเราหายไปได้มั๊ย?
Deacon – ที่มีพวกแก็งค์ซิ่งมาซุ่มดูน่ะหรอ?
Tucker – ใช่ แต่ตอนนี้มันไม่ซุ่มดูเฉยๆแล้ว มันเข้ามาขโมยตอนที่เราไม่รู้ด้วย แก็งค์ของพวกมันไปตั้งแค้มป์อยู่ทางเหนือของ Patjens Lake นายรู้จักพวกมันใช่มั๊ย?
Deacon – รู้จักสิ
Tucker – ตามหาไอ้ชาติชั่วนั่นแล้วฆ่ามันซะ แล้วนาฬิกาพกของมันมาให้ชั้นด้วยล่ะ
จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางเหนือของ Hot Spring Camp ไม่ไกลจาก ค่ายผู้ลี้ภัยของ NERO ที่เป็นสถานที่ที่ระลึกถึง Sarah จะพบแค้มป์ของพวก Wheeler อยู่
เข้าไปจัดการศัตรูเป้าหมายและศัตรูทั้งหมด แล้วเข้าไปสำรวจศพศัตรูเป้าหมายเก็บนาฬิกาพกของมันกลับไปยืนยันให้ Tucker ที่ Hot Spring Camp ก็จะจบภภารกิจ
Camp Mission: MARAUDER CAMP HUNTER
HE’S JUST A KID
เข้าไปใน Lost Lake Camp คุยกับ Rikki ที่จุดรับงานตรงอู่ซ่อมรถของแค้มป์
Deacon – ไง Rikki มีอะไรหรอ?
Rikki – คือ Mitchell กับคนของเขาขณะเดินทางขึ้นไปทางเหนือของแค้มป์เจอพวก Drifter เข้าโจมตี พวกเขาเลยสะกดรอยตายพวกมันไปจนถึงแค้มป์ของพวกมันที่อยู่ทางเหนือของ Melakwa Lake
Deacon – โอเค แล้ว Mitchell กับคนของเขาทำไมไม่จัดการพวกมันซะล่ะ
Rikki – Mitchell เป็นแค่เด็ก Deek ชั้นไม่รู้ว่าเขาใช้ปืนเป็นรึเปล่าด้วยซ้ำ
Deacon – แล้วพวกมันเสนอหน้าออกไปข้างนอกทำไม?
Rikki – ชั้นอยากให้นายช่วยตามไปช่วยพวกเขาให้หน่อยนะ Deek
Deacon – โอเคๆ เดี๋ยวจะไปตามหาให้ก็แล้วกัน
จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางตะวันตกของ Lost Lake Camp เข้าไปจัดการศัตรูในแค้มป์ให้หมด (12 คน) ก็จะจบภารกิจ
Camp Mission: PROTECTING THE WEAK
ON TONIGHT’S MENU
เข้าไปใน Lost Lake Camp คุยกับ Rikki ที่จุดรับงานตรงอู่ซ่อมรถของแค้มป์
Rikki – เราได้รับวิทยุจาก Jeremy คือ พวกเขากับเพื่อนออกไปแถวๆ Tumalo ... จริงๆแล้วชั้นมอบหมายให้เขาดูแลในบริเวณบึงด้านหลังแคมป์นะ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาขัดคำสั่งชั้น
Deacon – แต่เขาก็ยังวิทยุมาได้นี่ แล้วเขาออกไปทำบ้าอะไรที่นั่นล่ะ?
Rikki – ก็คงอยากพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถออกไปหาเสบียงด้วยตัวคนเดียวได้น่ะสิ เขาเดินทางไปที่ฟาร์มร้างทางเหนือของแคมป์ เดี๋ยวชั้นจะส่งตำแหน่งไปให้ทาง GPS นะ นายช่วยออกไปตามหาเขาก่อนที่ ...
Deacon – ก่อนที่เขาจะถูกฆ่าตาย แน่นอนล่ะ เดี๋ยวชั้นลองไปดูให้ก็แล้วกัน
จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางทิศเหนือของ Lost Lake Camp จนถึงพื้นที่เป้าหมายซึ่งจะพบรถของ Jeremy จอดทิ้งเอาไว้ เมื่อสำรวจหาเบาะแสในพื้นที่จะพบร่องรอยของ Jeremy เดินทางต่อไปยังปั้มน้ำมันใกล้ๆ เมื่อเดินตามเบาะแสไปจนถึงปั๊มจะพบร่องรอยของ Jeremy ที่ถูกพวกโจรปล้นเอาของไปตรงหน้าปั๊ม
เมื่อตามเบาะแสไปต่อจนถึงตึกๆนึงในเมืองใกล้ๆกับปั๊มจะพบพวกโจรอยู่ในนั้น เข้าไปจัดการพวกมันให้หมดแล้วขึ้นไปช่วย Jeremy ที่ด้านบนของอาคาร ซึ่งจะพบว่าเพื่อนของเขาที่ถูกจับมาด้วยกันนั้นตายไปก่อนหน้านี้แล้ว
Jeremy – คุณ St. John ใช่มั๊ยครับเนี่ย? โอ้ขอบคุณพระเจ้า
Deacon – เรียก Deek ก็พอไอ้หนู
Jeremy – พวกมัน พวกมันบอกว่าจะจับผมหั่นเป็นชิ้นๆแล้วก็กินผมด้วย
Deacon – พระเจ้า โอเค เอางี้นะ นายรีบไปเอาน้ำมันของนายมาแล้วรีบขี่กลับไปที่แค้มป์เลย เข้าใจนะ
Jeremy –ครับผม เข้าใจครับท่านครับ
Deacon – โอ๊ยย ไม่ต้องเรียกชั้นท่านก็ได้ นี่ชั้น Deek นะ
Jeremy – ครับผม ..... ขอบคุณครับ
หลังจากที่ Deacon เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เขาจะสามารถหาได้จากการทำงานให้ O’brian จนมากพอที่จะทำให้อารมณ์ของเขาพุ่งพล่านที่ข่าวการมีชีวิตอยู่ของ Sarah ภรรยาสุดที่รักนั้นได้กลายเป็นข้อเท็จจริงมากกว่าแค่จินตนาการของความคิดถึง อารมณ์ที่บ่มเพาะมานานก็เริ่มโจนทะยานมุ่งสู่เส้นทางใหม่ คือ ขึ้นเหนือ ให้สมดังความตั้งใจเพื่อจะเจอ Sarah เมียรักได้ดั่งใจต้องการ
ก่อนเริ่มภารกิจสุดท้ายของ เขตแดนใต้ THE SOUTHERN REGIONS หากยังไม่ได้ภารกิจใดของทั้ง Copeland Camp , Hot Spring Camp หรือ Lost Lake Camp ก็ให้ไปจัดการทำให้เสร็จสิ้นก่อน เพราะทันทีที่เริ่ม STORYLINE สุดท้ายนี้จะไม่สามารถมาในเขตแดนใต้ได้อีกนาน
STORYLINE – SURVIVING ISN'T LIVING
Story Mission: RIDING NOMAD AGAIN
Deacon – คุณรู้เส้นทางขึ้นเหนือตามเส้นทาง Thielsen Pass ใช่มั๊ย? ที่คุณเคยบอกผมตอนนั้น
Iron Mike – ชั้นไม่บอกอะไรแกทั้งนั้นแหละ Deek จะไปไหนก็ไปซะ !!
Deacon – ไม่เอาน่า แค่วาดแผนที่ให้ผมหน่อยก็ได้ !!
Iron Mike – หลังจากที่แกทำให้เราเกือบตายกันหมดเนี่ยนะ?
Deacon – เกือบตายกันหมดหรอ? ผมทำสิ่งดีๆให้แค้มป์มากมายแล้วคุณล่ะทำอะไรบ้างตาแก่เอ้ย ! เหมือนที่คุณทำที่ Sherman Camp อ่ะหรอ ห๊ะ?
Iron Mike – แกไปซะ ไปซะเดี๋ยวนี้ ไป !!!
Deacon – เฮ้ ฟังสิ ฟังผมก่อน ฟังผมหน่อย !!
Deacon – ถ้าคุณสามารถย้อนกลับไปแก้ไจสิ่งที่คุณทำพลาดไปได้คุณจะทำมั๊ย? คือ ในคืนนั้นคือที่ผมพา Sarah ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป ตอนนั้นผมรู้สึกโล่งใจมากๆ นั่นให้ผมอยากมีชีวิตรอดต่อไป...เพื่อตามหาเธอ ไม่งั้นผมจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่ออะไร ?
Iron Mike – แกกำลังตามหาผี !! แกคิดว่าจะตามหาเมียแก ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ แกคิดว่าจะแก้ไขทุกอย่างที่แกทำลงไปทั้งหมดได้รึเปล่า?
Deacon – ผมไม่รู้ Mike แต่ผมต้องลองดู
Iron Mike – เออ ก็ได้ ...
Iron Mike – ถ้าชั้นยอมทำตามที่แกต้องการ นำทางไปยังเส้นทางที่จะขึ้นไปทางเหนือให้ แกต้องสัญญาอย่างนึงว่า แกจะไม่กลับมาที่นี่อีก เข้าใจมั๊ย? แกต้องสัญญาว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก !!
Deacon – ก็ได้ ... ผมสัญญา !
Deacon – Boozer คือชั้น ...
Boozer – โอ้ ... หึหึ ... จำได้มั๊ยเมื่อฤดูหนาวครั้งล่าสุดเราขึ้นไปที่ Farewell Ridge ไปเฝ้าดูไอ้พวก Freak ..เป็นพันๆๆ หมื่นๆ ตัวจนนับไม่ไหว
Deacon – จำได้สิ
Boozer – ที่ชั้นคิดนะ คนที่เรารู้จัก และทุกๆคนกลายเป็นคนไร้บ้าน กลายเป็นผู้อพยพ ...โลกได้ตกเป็นของพวกแม่งไปแล้ว
Deacon – แต่เราก็เอาตัวรอดได้ไม่ใช่หรอ
Boozer – ใช่ เรื่องนั้นเราทำได้ดีเลยล่ะ ...แต่ การเอาตัวรอดไม่ใช่การมีชีวิตหรอกนะ ..ก็อย่างที่ Jack มันเคยพูดไว้
ไม่สำคัญหรอกว่าถนนที่คุณกำลังจะซิ่งไปมันจะพาคุณไปที่ไหน
แค่ขอให้คุณควรรู้ไว้ว่าเส้นทางไหนสำหรับกลับบ้านก็พอ
Deacon – นายรู้มั๊ย เราไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยนะว่า ทำไมเรายังใส่ชุดของแก็งค์อยู่ เราใส่มันมาตั้งแต่เกิดเรื่อง Freaker บ้านั่น ทั้งที่แม่งก็ไม่น่าจะสำคัญอะไรอีกแล้ว
Boozer – ไม่รู้วะ ความเคยชินมั้ง ... แก็งค์ Mongrels 2 คนสุดท้ายในโลก จาก Farewell ของแท้และดั่งเดิม
Deacon – หึหึ ... เด็กซิ่ง... Drifters สุดแสบบนซากปรักหักพังของซากถนนหลังโลกล่มสลาย ..
Boozer – แม่งโคตรใช่เลย
Deacon – ชั้นคิดว่าเรากลายเป็น แบรนด์ เป็นยี่ห้อที่คนต้องจดจำไปแล้วล่ะวะ
Boozer – เราเป็นได้หลายอย่างมากเลยนะ แต่เราจะไม่เป็น แบรนด์ แน่นอนวะเพื่อน ฮ่าๆๆ
Deacon – ตอนที่เราขับรถออกมาจาก Farewell ไม่มีทั้ง Sarah ไม่มีทั้ง Jack ..ไม่มีใครทั้งนั้น เราต่างก็รู้ดีว่า เราจำต้องทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ทุกๆอย่างไม่ว่าจะสำคัญแค่ไหนก็ หายไปจนหมด ยกเว้นสิ่งนี้
Boozer – นายจะขี่ไปที่ NOMAD อีกงั้นหรอ?
Deacon – ใช่ ชั้นก็ว่างั้นแหละ
Boozer – โชคดีนะเพื่อน
Boozer – มาเถอะ Jack เข้าบ้านกัน ....ถ้าเธอยังอยู่ข้างนอกนั่น ถ้า Sarah ยังอยู่ข้างนอกนั่น นายต้องหาเธอจนเจอแน่นอนเพื่อน
Deacon – ไง?
Rikki – ชั้นได้ข่าวว่า Mike ยอมบอกนายเรื่องเส้นทางนั่นแล้วหรอ?
Deacon – ใช่
Rikki – นายยังคิดว่าเธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆหรอ? คนเป็นล้านคนตายไปแล้ว แต่เธอกลับอยู่รอดได้ว่างั้น?
Deacon – พวกเราเองก็รอดเหมือนกันไม่ใช่หรอ? และถ้าชั้นยอมแพ้ในตอนนี้ ถ้าชั้นไม่ทำ ไม่ทำแบบนี้ ชั้นก็คงจบสิ้นเหมือนกับ ..
Rikki – เหมือนกับพวกเรา ... เหมือน Iron Mike? เหมือน Boozer น่ะหรอ? นายคิดว่าเราเป็นอะไร ชาวแค้มป์หรอ?
Addy – คุณไปเถอะ Deek ..ไปตามหาผู้หญิงของคุณ ....เธอรู้นะว่าจะตามหาชั้นได้ที่ไหน?
Rikki – รู้สิ
Rikki – นี่ นายรู้มั๊ยชั้นคิดยังไง Deacon ? ชั้นคิดว่า นายกลัวที่จะอยู่ที่นี่ นายกลัวที่จะเป็นส่วนนึงของอะไรซักอย่าง เราต้องการให้คุณอยู่ที่นี่ และจะกลัวชิบหายเลยถ้าคุณไปจากเรา
Deacon – ชั้นเสียใจ ...
Rikki – ใช่ ... ชั้นก็เหมือนกัน ..
Iron Mike – แกพร้อมรึยัง?
Deacon – พร้อมแล้ว ชั้นจะไปจากที่นี่จะตายห่าอยู่แล้ว
Iron Mike – งั้นตามชั้นมา
Iron Mike – แกรู้มั๊ย ชั้นเคยพา Jack ออกมาตกปลาด้วยกันครั้งนึงด้วยนะ
Deacon – ไม่รู้อ่ะ
Iron Mike – เขาตกปลาได้ตัวนึง แต่เขาดันไม่รู้จะทำยังไงกับมัน?
Deacon – นั่นแหละ Jack ล่ะ
Iron Mike – เขาบริหาร Club นั่นได้ดีมากๆ เด็กๆในแก็งค์นายก็เคยแวะไปออกจะบ่อย และชั้นก็คิดว่าเขาไม่มีทางฆาตกรรมใครได้หรอก เขาไม่ได้เลือดเย็นขนาดนั้น
Deacon – จะเรียกว่าฆาตกรรมไม่ได้หรอกนะถ้าคุณฆ่าคนที่ยิงใส่คุณก่อนน่ะ
Iron Mike – แกรู้มั๊ยมีนักท่องเที่ยวกี่รายที่ใช้เส้นทางนี้ตอนช่วงซัมเมอร์ ?
Deacon – ไม่กี่คน .. มั้ง
Iron Mike – เป็นพันๆคนเลยล่ะ รถติดชนิดที่เรียกว่าชิบหายวายป่วง ไหนจะเสียงคนเมาเอะอะ เสียงเด็กเล่นกันเจี๊ยวจ๊าวไปหมด ลูกโป่งต่างๆนานามีให้เห็นเพียบ พวกนักท่องเที่ยวมากันตลอดฤดูร้อนเลยนะจะบอกให้
Deacon – เอ่อ คือ ... ผมไม่มีทางเลือกจริงๆนะ Mike
Iron Mike – ชั้นว่ามันก็ยุติธรรมดีแล้วนะ ช่างมันเถอะ ตามชั้นมา
Iron Mike – เอาล่ะ นี่ก็ไกลเท่าที่ชั้นมาส่งได้แล้วล่ะ นายไปตามทางนี้ไปเรื่อยๆนะ มันจะพานายลงเขาไปแล้วจากนั้นก็จะถึง Diamond Lake Valley แล้ว
Iron Mike – ยังไงซะ ชั้นก็ขอให้นายโชคดี สมหวังในสิ่งที่นายหวังเอาไว้ ขอให้เมียของนายยังมีชีวิตอยู่ก็แล้วกันนะ
Deacon – เธอยังไม่ตายแน่นอน Mike
Iron Mike – ก็ดี แต่หัดถามตัวเองเอาไว้บ้างก็ดีนะ Deek ว่า จะเป็นยังไงถ้าคนอื่นๆตายกันจนหมดแล้ว
You never know what tomorrow may bring
The woman lyin' next to you
Could be a memory
I've idolized, I've memorized your face
Just in case I need it to last for eternity
It's a shame that it ain't enough for me
คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆคุณ
อาจกลายเป็นแค่ความทรงจำ
ผมหลงใหลจนไม่ลืมหูลืมตา จนจำหน้าคุณได้ไม่รู้ลืม
ในช่วงเวลาแบบนี้ผมอยากให้มันคงอยู่ตลอดไป
มันเป็นความอับอายที่ผมไม่เคยพอ
Life's for the living, I won't be giving up
'Cause you taught me how to, you taught me how to love
Take all I cherish, beat me 'til my body's numb
But, life's for the living, I won't be giving up
On you
On you
On you
On you
มีชีวิตอยู่เพื่ออยู่รอด และผมจะไม่ยอมแพ้
เพราะคุณสอนให้ผมรู้จักคำว่ารัก
ต่อให้แย่งชิงทุกๆสิ่งที่ผมยึดมั่นและหวงแหน จนผมต้องยอมแพ้ ร่างกายด้านชา
แต่ก็จะ มีชีวิตอยู่เพื่ออยู่รอด และผมจะไม่ยอมแพ้
เหมือนกับคุณ
เหมือนกับคุณ
เหมือนกับคุณ
I should have known, should have tried to hold on
And never left your heart where it don't belong
If the wind would change, bring you back again, my love
Come Hell or high water, we will rise above
You are what I believe in
You are enough
ชั้นรู้แค่ว่า ชั้นควรจะพยายามต่อไป
และจะไม่มีวันปล่อยให้หัวใจของคุณ ไม่ได้เป็นของคุณอีกต่อไป
ถ้าหากว่าลมเปลี่ยนทิศแล้วนำเธอกลับมาอีกครั้ง ที่รัก
คุณคือสิ่งที่ผมเชื่อ
แค่คุณผมก็พอใจแล้ว
Life's for the living, I won't be giving up
You taught me how to, you taught me how to love
Take all I cherish, beat me 'til my body's numb
But life's for the living, I won't be giving up
On you
On you
On you
On you
Even though, I know you'd tell me to
มีชีวิตอยู่เพื่ออยู่รอด และผมจะไม่ยอมแพ้
เพราะคุณสอนให้ผมรู้จักคำว่ารัก
ต่อให้แย่งชิงทุกๆสิ่งที่ผมยึดมั่นและหวงแหน จนผมต้องยอมแพ้ ร่างกายด้านชา
แต่ก็จะ มีชีวิตอยู่เพื่ออยู่รอด และผมจะไม่ยอมแพ้
เหมือนกับคุณ
เหมือนกับคุณ
เหมือนกับคุณ
ถึงแม้ว่า , คุณเองก็จะบอกแบบนี้กับผมด้วยเหมือนกัน
Hell Or High Water - Billy Raffoul
Deacon – ถ้าคุณอยู่ข้างนอกนั่น ผมจะตามหาคุณ
เส้นทางจากที่ Deacon เดินทางจาก LOST LAKE CAMP ในส่วนของ THE NORTHERN REGIONS เพื่อเดินทางมายัง Diamond Lake ที่เขต THE SOUTHERN REGIONS นั้น ตำแหน่งของ Diamond Lake ในอเมริกานั้นมีอยู่หลายที่ ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความสับสน จึงอ้างอิงจากป้ายบอกทางที่ Iron Mike นำทางมา โดยจะผ่านอุโมงค์ที่มีป้ายบอกว่ามาจาก Marion fork และป้ายบอกทางว่าจะถึง Diamond Lake ก่อน Crater Lake ทำให้สามารถอ้างอิงได้ว่า Diamond Lake ที่ว่าอยู่ใน Oregon ไม่ใช่ Diamond Lake Valley ที่ลงใต้ไปถึง แคลิฟอร์เนีย
Deacon เดินทางจาก LOST LAKE CAMP มุ่งหน้าผ่าน Marion fork ทะลุอุโมงค์และป้ายบอกทางว่าไม่ช้าไม่นานก็จะถึง Diamond Lake อย่างที่ตั้งใจ พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านจาก PART I ของเรื่องราวในดินแดนเหนือ ( THE NORTHERN REGIONS) สู่เรื่องราวในดินแดนฝั่งใต้ (THE SOUTHERN REGIONS) ใน PART II อย่างเต็มตัว
PART II
THE SOUTHERN REGIONS
ทันทีที่ Deacon เดินทางมาถึงเขตแดนฝั่งใต้ได้อย่างตั้งใจ ย่างก้าวแรกที่ผ่านเข้ามาก็เริ่มพลุสัญญาขอความช่วยเหลือที่ถูกยิงขึ้นฟ้ามาจากที่ที่ไม่ไกลนัก ทำให้ Deacon ต้องรีบบึงรถไปดูเหตุการณ์ในทันที
STORYLINE – I REMEMBER
Story Mission: MAYDAY! MAYDAY!
เมื่อมาถึงที่หมายตรงจุดที่มีการยิงพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือ จะพบกับคนกลุ่มนึงที่กำลังเดือดร้อนเพราะถูกหมีติดเชื้อพยายามเข้าทำร้ายจนต้องหนีขึ้นบนหลังคา ทำให้ Deacon ต้องการเข้าไปช่วยระงับเหตุการณ์จัดการเจ้าหมีคลั่งให้จบชีวิตลงในทันที
Russell – โอ้ คุณ พระเจ้า ...
Mullins – เราคงไม่รู้จะทำยังไงถ้าคุณไม่เข้ามาช่วยอ่ะนะ
Russell – มานี่ขอกอดที ชายผู้มาได้อย่างถูกที่ถูกเวลา
Deacon – โอเคๆ พอแล้วๆ ใจเย็นกันได้แล้วมันตายแล้วล่ะ
Russell – ผมชื่อ Russell นะ ส่วนหมอนี่ พลทหาร Mullins
Mullins – เรียกผม Rick ก็ได้
Deacon – ไง Rick ชั้น Deacon St. John เมื่อก็นายหมายความว่าไง พลทหาร หรอ?
Mullins – ใช่ครับ เรามาจาก กองทหารแห่ง เดสชูตส์เคาน์ตี้ ( Deschutes County Militia)
Russell – แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่แถวนี้แน่ๆเลย ข้ามฝั่งมาจากทางเหนือหรอ?
Deacon – ก็ไม่เชิงนะ คือชั้นเป็น เอ่อ Drifter มาจาก Salt flats ทางตะวันออกของ Silver Lake น่ะ
Mullins – โอโห้ แล้วคุณมาทำบ้าอะไรถึงนี่เนี่ยครับ ? แล้วคุณข้ามถนนเส้น 97 มาได้ยังไง?
Russell – โว้ๆๆ ไม่เอาน่าเพื่อน ไปซักเขาอยู่ได้ เขาเพิ่งช่วยชีวิตของนายมานะ
Mullins – แต่ผู้พันกำชับให้เราคอยตรวจสอบทุกๆคนที่ข้ามพรมแดนไม่ว่าจากทางเหนือหรือทางใต้นะ
Russell – ใจเย็นก่อนได้มั๊ยห๊ะ เราจะให้กัปตันเป็นคนตัดสินเรื่องนี้เอง โอเค๊? เขาเพิ่งฆ่าไอ้หมี Rager ช่วยเราเมื่อกี้เลยนะไอ้บ้าเอ๊ย !! .... เออ คุณครับ ช่วยมากับเราหน่อย เรามีแค้มป์ที่ Diamond Lake ไม่ไกลจากที่นี่มากนักหรอก เราพอจะมีอาหารแล้วก็มีที่มีทางให้คุณได้พักได้อยู่
Deacon – โอเค ก็ดีเหมือนกัน
Mullins – แล้ว Flores ล่ะ? เราจะปล่อยเขาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ
Russell – งั้นนายก็รออยู่ที่นี่ก่อนเดี๋ยวชั้นจะเอาน้ำมันกลับมา
Mullins – ไม่เอาหรอก !
Russell – นี่ฟังนะ นายรออยู่ที่นี่ก่อน ใช้กระสุนของ Flores ก็ได้ถ้านายต้องการอ่ะนะ นายจะไม่เป็นอะไรหรอกน่า โอเค๊ ? .... เราไปกันเถอะครับ
Deacon – นำทางไปเลย
Story Mission: Not Far Around Here
Russell – คุณพยายามขี่ตามผมมาแบบติดๆเลยนะ ช่วงนี้เรากำลังมีปัญหาเรื่องพวก Squatters ที่อยู่แถวๆนี้มาได้ซักอทาทิตย์กว่าๆแล้ว เดี๋ยวหน่วยลาดตะเวณเห็นคุณเข้าจะเกิดการเข้าใจผิดได้
Deacon – โอเค เข้าใจแล้ว ... แล้วนาย เอ่อ อยู่ในกองทหารแห่ง เดสชูตส์เคาน์ตี้ ( Deschutes County Militia) ไม่ใช่หรอ?
Deacon – นี่เพื่อน เท่าที่ชั้นรู้คือพวกมันจ้องจะกินชั้นเป็นอาหารอยู่ มันคงไม่มาตอบกลับว่า ครับผม แล้วชั้นก็ตอบ ครับผมกลับหรอกนะ
Deacon – แล้วกองกำลังที่ว่ามันใหญ่มากมั๊ยล่ะ?
Russell – ถ้าเอาเฉพาะแค้มป์ด้านนอกนี่ก็ประมาณ 1000 กว่าคนได้มั้ง หรืออาจจะมากกว่านั้น ไม่รู้สิมันนับยากนะ แต่ถ้าเป็นที่ฐานที่มั่น HQ ล่ะก็มา มีคนมากกว่านี้อีกเยอะเลยล่ะ
Deacon – เอ่อ แล้วมีผู้หญิงบ้างมั๊ยล่ะ?
Russell – ให้ตายเถอะ นายคิดอะไรอยู่ ชั้นรู้หรอกนะ ลืมไปได้เลยเพราะผู้พันมีกฎเหล็กห้ามชายหญิงคบหากันหรือ สนิ ..เอ่อ .. สนิท
Deacon – สนิทสนม !!
Russell – เออ นั่นแหละ ฮ่าๆๆ ฟังนะ นายก็แค่ รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้ได้ ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งคัด ก็ไม่มีใครมายุ่งกับนายแล้วล่ะ ผู้ชายหรือผู้หญิงมีค่าเท่ากัน สำหรับผู้พัน ทุกคนเท่าเทียมกัน
Deacon – คือ ไม่ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฟังนะ ผมกำลังตามหาคนๆนึงอยู่ เป็นผู้หญิงที่ผมเคยคบหาด้วยเมื่อก่อนนี้น่ะ เธอมาพร้อมกับกลุ่มผู้อพยพของพวก NERO จาก Silver Lake
Russell – Silver Lake หรอ โห ที่นั่นล่มสลายไปนานมาเลยนะ
Deacon – ใช่ เบาะแสต่างๆมันหายไปง่ายมากเลยอ่ะนะ แต่ก็เถอะ คนของนายมีการรับคนจากค่ายอพยพมาบ้างรึเปล่าล่ะ?
Russell – ก็อาจจะมีนะ ก็บอกแล้วไงกองทัพของเรามีขนาดใหญ่มาก คนแม่งก็เยอะอ่ะนะ แต่ลองถามกัปตันดู เขาเคยข้ามทะเลสาบน้ำเค็มมาแล้ว เขาน่าจะรู้อะไรบ้างแหละ
Deacon – กัปตันหรอ?
Russell – ใช่ กัปตัน Kouri เขาเป็นผู้บัญชาการณ์ของ ค่ายทหารด่านหน้า Diamond Lake ...เอาล่ะ ถึงแล้ว
Kouri – รายงานมาสิ !
Russell – เราได้เบาะแสของเขาแล้วครับ เราเจอมอเตอร์ไซด์ของเขายังมีควันอยู่เลย แสดงว่ายังหนีไปได้ไม่ไกลมาก
Kouri – แต่นายก็พลาดไม่ได้ตัวเขามาใช่มั๊ย?
Russell – ไม่ เราไม่ได้พลาดครับ เอ่อ คือผมหมายถึง ใช่ เราไม่ได้ตัวเขาก็เพราะเจ้าหมี Rager มันโผล่มาไล่พวกเราซะก่อน
Kouri – แล้ว Mullins กับ Flores อยู่ไหน?
Russell – Flores ตายแล้วครับ ส่วน Mullins ก็เฝ้าศพเขาอยู่
Kouri – นายทำได้ดีแล้วจ่า เอาล่ะเอาน้ำมันไปแล้วกลับไปหา Mullins นายรู้นะว่าต้องทำยังไง?
Russell – เอ่อ แล้วก็ ถ้าไม่ได้ชายคนนี้ช่วยเอาไว้พวกเราคงตายกันหมดแล้วล่ะครับท่าน ผมสัญญาว่าจะให้อาหารกับที่พักที่ปลอดภัยกับเขาคืนนี้อ่ะครับผม
Kouri – จ่า รีบไปได้แล้ว ! ....... แล้วคุณคือ ?
Deacon – ผมชื่อ Deacon St. John
Kouri – ผมชื่อ Kouri ... Derrick Kouri
Kouri – คุณ โอเคนะ ?
Deacon – ผม เอ่อ ผม โทษที ผมเหนื่อยนิดหน่อย คงเพราะขี่รถมานานไปน่ะ
Deacon – เอ่อ ให้คนของคุณ เอ่อ Russell น่ะ เขาบอกว่าคุณกำลังรับคนอยู่ใช่มั๊ย?
Kouri – ทำไม คุณสนใจงั้นหรอ?
Deacon – ผมกำลังมองหาแค้มป์ที่พัก ....เอ่อ ใช่ ผมสนใจ
Kouri – อืมม งั้นตามผมมา
Story Mission: WE’RE FIGHTING A WAR
Kouri – แล้วคุณเป็น Drifter มานานแค่ไหนแล้ว?
Deacon – มันก็พูดยากอ่ะนะ เวลาในตอนนี้ก็แทบไม่สำคัญอะไรแล้วคุณว่ามั๊ยล่ะ?
Kouri – คุณได้อาวุธกับกระสุนมาจากไหน?
Deacon – ผมทำงานรับจ้างล่าค่าหัวให้กับแค้มป์สองสามแค้มป์ก่อนหน้านี้
Kouri – ล่าพวก Freak หรือ คนทั่วไป
Deacon – ก็ทั้งสองอย่าง
Kouri – แล้วแค้มป์ที่คุณว่า พวกเขาอยู่ที่ไหนหรอ?
Deacon – Farewell Valley แต่ไม่สำคัญแล้วล่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว เอ่อ แล้ว Russell บอกว่าคุณเคยอยู่ตอนที่ Silver Lake ถูกโจมตีหรอครับ?
Kouri – ใช่ ... เละไม่มีชิ้นดี บอกได้เท่านี้แหละ
Deacon – เอ่อ มีคนรอดชีวิตมั๊ย?
Kouri – มี .. นิดหน่อย
Kouri – เอานี่ บัตรสะสมคะแนนของกองทัพ สำหรับจ่ายเป็นค่าจ้างให้คุณในกรณีที่ช่วยงานคนของผมหรือทำสิ่งต่างๆที่เราสั่งให้ทำ แล้วเอ่อ เราจะออกไปทำภารกิจข้างนอกกันหน่อย นายจะไปด้วยมั๊ย?
Deacon – จะให้ผมขี่ไปไหนอีกล่ะ?
Kouri – ก็คุณบอกว่าคุณแกะรอยได้เก่งไม่ใช่หรอ?
Deacon – ก็พอได้
Kouri – ที่นี่เราไม่ได้ใช้ชีวิตแบบ Drifter ปกติหรอกนะ เรากำลังทำสงคราม คุณแน่ใจนะว่าคุณจะเอาด้วยจริงๆ?
Deacon – คุณเรียกพวกนั้นว่า Drifter งั้นหรอ? นั่นดีที่สุดที่คุณมีแล้วใช่มั๊ย?
Kouri – ผมตัดสินคุณไม่ได้หรอกนะ มีแต่ท่านผู้พันเท่านั้นที่จะสามารถคัดเลือกและทำพิธีสาบานตนให้คุณได้ คุณมากับผมสิ ช่วยงานเรานิดหน่อย แล้วผมจะพาคุณไปแนะนำตัวกับท่านผู้พันด้วยตัวเองเลยล่ะ
Deacon – โอเค
Kouri – ดีมาก
Deacon – แม่งเอ้ย ให้ตายเถอะ แหวนของชั้นอยู่กับมัน เขาเอามันมาจาก Sarah แน่นอน และจะต้องชิงมาด้วยเพราะเธอคงไม่ยอมให้แหวนนั่นกับเขาง่ายหรอก นั่นหมายความว่า Sarah ต้องอยู่ที่นี่แน่นอน
Deacon – โอเค นายเอ่อ ดูไม่เป็นทหารที่สุดสำหรับชั้นแล้ว
Taylor – โห ไม่เอาน่าเพื่อน ชั้นชื่อ Wade Taylor เรียกชั้นว่า wade เฉยๆก็ได้
Deacon – ชั้น Deacon St. John
Taylor – ฮ่าๆ Deacon St. John เนี่ยนะ? ชื่ออย่างกับบาทหลวงแก่ๆงั้นอ่ะ ฮ่าๆๆ
Deacon – เอาล่ะ ฟังนะ wade
Taylor – นายเห็นพวกทหารนี่มั๊ย? ดูสิแม่งโคตรบ้าเลยว่ะ แล้วคุณจะมาเข้าร่วมกองทัพกับพวกเขารึเปล่าเนี่ย อยากมาเป็นทหารอะไรเงี้ยหรอ?
Deacon – ยังไม่รู้เหมือนกัน นี่ฟังนะ ชั้นเห็นนายออกมาจากข้างในนั้น ใช่มั๊ย
Taylor – เข้าไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ก็เขาให้รอไปเจอท่านผู้พันหรืออะไรซักอย่างนี่แหละ
Deacon – เขาคงพยายามคัดแยกคนน่ะ ว่าแต่ นายพอจะเห็นผู้หญิงในรูปนี้รึเปล่า?
Taylor – โห สวยดีนี่หว่าเพื่อน สเปคชั้นเลยนะเนี่ย ..แต่ไม่เคยเห็นอ่ะ อ่า ชั้นคงต้องไปก่อนแล้วนะ พวกเขาแบบตามเช็คชั้นตลอดเลยอ่ะ โชคดีนะ Deacon St. John ... พระเจ้า ชื่ออะไรของเขาวะเนี่ย
Deacon – พระเจ้า ไม่น่ามาเสียเวลาคุยกับแม่งเลย งี่เง่าฉิบ มันจำหน้า Sarah ไม่ได้รึไงอุตสาห์ให้ดูรูปแล้วนะ ไม่เอาน่า Sarah เธออยู่ไหนเนี่ย ?? อาจจะอยู่ในเต้นท์นี้รึเปล่า ..ไม่มี
Deacon – หรือจะเป็นที่นี่เต้นท์พยาบาลเหมือนงานเก่าของเธอ แม่งเอ้ย เธอน่าจะอยู่ที่นี่สิ แต่ก็ไม่มี
Deacon – Sarah อยู่ที่นี่รึเปล่า !!? ... แม่งเอ้ย ที่นี่ก็ไม่มี ! เธอไม่อยู่ที่นี่งั้นหรอ? ทำไมเธอไม่อยู่ที่วะก็ในเมื่อ ... ใช่สิ ชีวิตชั้นมันไม่เคยง่ายซักเรื่องเลยใช่มั๊ยเนี่ย ..
Kouri – St. John ได้ยินมั๊ย? คุณอยู่คลื่นนี้รึเปล่า? เห็นจ่า Russell บอกว่าคุณมีวิทยุด้วย
Deacon – ครับ ผมได้ยินแล้ว
Kouri – ถ้าพร้อมแล้วก็มาหาผมที่ทางออกหน่อยเราจะไปกันแล้ว
Kouri – ไง พร้อมจะออกไปลุยต่อรึเปล่า คุณพึ่งมาถึงไม่ใช่หรอ?
Deacon – ก็พร้อมตามที่คุณขอมานั่นแหละ
Kouri – ดูรถของคุณน่าจะผ่านศึกมาไม่น้อยเหมือนกันนะเนี่ย
Deacon – ก็ประมาณนั้น
STORYLINES – A GOOD SOLDIER
Story Mission: PROVE IT TO ME
Kouri – เป็นไงบ้าง ยังขับรถไหวอยู่นะ?
Deacon – ไหวครับ
Kouri – ถ้าคุณอยากจะเข้าร่วมกองทัพของเรา คุณต้องพิสูจณ์ให้ผมเห็นก่อนว่าคุณคู่ควร St. John
Deacon – มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่หรอครับ หมายถึงผมเห็นมีแต่ตอไม้เหมือนกับเคยมีการเผาป่าเกิดขึ้นเลย หรือว่ามีการตัดไม้ออกก่อนแล้วถึงเผา
Kouri – คุณนี่ตาดีมากเลยนะ ช่างสังเกตจริงๆ เราเรียกมันว่า Dead Zone พวกเราตัดไม้เอามาทำสิ่งกีดขวางแล้วจากนั้นก็เผามันให้เรียบ เพราะที่แค้มป์นี้ เราสามารถเห็นพวกฝูง Horde ที่กำลังเดินทางมาถึงที่นี่ได้ไม่ยาก เลยมีเวลาที่จะเตรียมตัวป้องกันได้ทัน
Deacon – แล้วคุณเผาสิ่งก่อสร้างทั้งหมดด้วยหรอ เพื่อไม่ให้พวก Newts Swarmer มีที่ที่สำหรับใช้จำศีลใช่มั๊ย?
Kouri – ดูเหมือนคุณจะรู้จักพวก Freak ดีมากๆเลยนะ
Deacon – ก็อย่างที่ผมบอก ผมเดินทางผ่านเรื่องพวกบ้านี่มานานมากแล้ว แล้วนี่คือแผนของกองทัพคุณงั้นหรอ เผาทุกอย่างในพื้นที่ให้หมด
Kouri – เรากำลังทำสงคราม คุณ St. John เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับชัยชนะ
Deacon – สงครามเลยหรอ?
Kouri – แล้วมันไม่ใช่รึไง? ทางเดียวที่จะหยุดไอ้พวก Horde บ้านั่นได้ ก็ของกองทหาร กองทหารของเรา
Deacon – แต่มันมีวิธีอื่นอีกเยอะแยะนอกจากจะสร้างกองทัพนะ
Kouri – เรามีแผนของเราไว้แล้ว และท่านผู้พันต้องการให้คุณเข้าร่วมกับเราด้วย
Kouri – เออ ตอนนั้นคุณถามเรื่องผู้รอดชีวิตที่ Silver Lake แสดงว่าคุณกำลังตามหาคนๆนึงอยู่ใช่มั๊ย?
Deacon – อะไรนะ เปล่านี่ ผมก็แค่เอ่อ ก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก แค่คิดว่าอาจจะเจอเพื่อนที่เคยอยู่ในแก็งค์เดียวกันแค่นั้นเอง แต่มาคิดอีกทีเขาน่าจะตายไปแล้วแหละ
Kouri – อ่อ ผมหมายถึง นึกว่าคุณกำลังตามหาใครคนนึงในงานล่าค่าหัวของคุณน่ะ
Deacon – ไม่หรอก ผมไม่ตามล่าค่าหัวใครไกลขนาดนี้หรอก มันไม่คุ้ม
Kouri – เอาล่ะ ถึงแล้ว
Mullins – เฮ้ จ่า กัปตันมาแล้ว
Russell – เรียบร้อยแล้วครับผม
Kouri – แน่ใจว่าทำสัญลักษณ์แล้วนะ
Russell –ครับผม
Kouri – เอาล่ะ นายสองคนกลับไปที่แค้มป์ก่อนก็แล้วกัน แล้วเอ่อ Taylor .. ใช่ชื่อเจ้านั้นมั๊ย ?
Russell –ครับผม
Kouri – พาเขาไปหาท่านผู้พันด้วย แล้วชั้นจะตามไปหลัง 18.00
Russell – ครับผม
Kouri – ช่วงเวลาคัดเลือกทหารไงจ่า นายน่าจะจำได้นะ
Russell – เอ่อ ครับผม
Kouri – เอาล่ะ ไสหัวไปจากที่นี่ได้แล้ว !!
Kouri – ไง เจออะไรบ้าง?
Deacon – นานแค่ไหนแล้วที่ เอ่อ ..
Kouri – Vasquez
Deacon – นานแค่ไหนแล้วที่ Vasquez อยู่กับคนของคุณน่ะ?
Kouri – น่าจะอาทิตย์กว่าๆ
Deacon – ดูเหมือนเขาคงจะยุ่งมากเลยนะเนี่ย ดูนี่สิ
Kouri – มันอะไรวะเนี่ย?
Deacon – คนของคุณกำลังเจอปัญหาการปล้นสเบียงใช่มั๊ยล่ะ? พวกโจรดักปล้นสินะ?
Kouri – อ่า ใช่
Deacon – โอเค ยังพอมีรอยเท้าของมันเหลืออยู่ เราต้องเดินเท้าต่อกันหน่อยนะ
Kouri – เดินหรอ ทำไมล่ะ?
Deacon – ก็เพราะ Vasquez ที่จอดรถไว้นี่ก็น่าจะมีเหตุผลบางอย่างนั่นแหละ แล้วผมก็แกะรอยขณะขี่มอไซด์ไม่ได้ด้วย
Kouri – โอเค
Deacon – มาทางนี้ ผมว่าเราต้องเริ่มจากในกระท่อมนั่นก่อนเลย
Story Mission: DRIVEN TO EXTINCTION
Deacon – คุณบอกว่าเขา เอ่อ ขโมย อาหารและกระสุนมางั้นหรอ?
Kouri – ใช่
Deacon – นี่คือ MRE ** ที่กินไปครึ่งนึงแล้ว ดูเหมือนคนของคุณจะเข้ามาจับเขาในขณะที่เขาไม่รู้ตัว
** MRE ย่อมาจาก "Meal, Ready-to-Eat" หรือถุงยังชีพที่ประกอบด้วยอาหารที่ปรุงสุกเรียบร้อยแล้วบรรจุในซองพร้อมกินได้ในทันทีโดยเมนูจะถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความสะดวกในการกินและอาหารจะถูกคำนวณมาอย่างดีแล้วว่าจะให้พลังงานเพียงพอสำหรับทหารแต่ละหน่วยที่ต้องใช้ในแต่ละวันเมื่อพิจารณาจากภารกิจที่ทำ
Deacon – รถเขาจอดไว้ด้านหน้างั้นก็แสดงว่าเขาต้องหนีออกทางประตูหลัง มานี่สิ มีรอยรั้วลวดหนามถูกตัด ยังไม่เป็นสนิมด้วย
Kouri – แสดงว่าคงพึ่งไม่นานนี้
Deacon – เจอปลอกกระสุนที่เพิ่งยิงสดๆเลย ดูเหมือนเขาพยายามจะยิงอะไรซักอย่าง ตามมาทางนี้ ลงเขาไปต่อ
Kouri – นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ จะยิงหมาป่าให้เสียงดังไปทำไม
Deacon – มันก็ขึ้นอยู่ว่า
Kouri – ขึ้นอยู่กับอะไร?
Deacon – มันก็ขึ้นอยู่ว่าผมหิวแค่ไหนน่ะสิ .... เอาล่ะ น่าจะตัวสุดท้ายแล้ว ..เดี๋ยวผมลองเช็คตรงนั้นดูหน่อย
Deacon – ดูเหมือน MRE จะไม่พอสำหรับคนของนายนะ ..แต่ก็ยิงแม่นมาก เข้าหัวกวางเป๊ะเลย
Kouri – ใช่ แล้วพวกหมาป่าก็เลยได้ยินเสียงปืนแล้วแห่กันมา แต่ก็โชคดีที่มันสนใจกวางนี้มากกว่า Vasquez
Deacon – อืมม ฝูงที่มาโจมตีเรามาทางตะวันออก
Kouri – นายคิดว่าพวกนี้ตามไล่ล่า Vasquez ไปแล้วทิ้งตัวนึงไว้เฝ้าซากงั้นหรอ?
Deacon – เดาว่างั้น
Kouri – โอเค งั้นไปกัน ดูสิว่าจะเดาถูกมั๊ย
Deacon – ปกติคนของคุณออกมาล่าหมาป่าที่นี่ได้เยอะมั๊ย?
Kouri – บางทีก็เจออย่างอื่น พวกติดเชื้อน่ะ เราได้รับรายงานเรื่องนี้ตลอดแหละ
Deacon – ตอนผมยังเป็นเด็ก จนโตขึ้นมาไม่เคยมีหมาป่าที่โอเรกอนเลยนะ อาจจะมีพวก Coyotes บ้างแต่ไม่มีหมาป่าแน่นอน พวกมันถูกทำให้สูญพันธ์โดยพวกชาวไร่ชาวสวนแล้วก็บริษัทตัดไม้
Kouri – โอ้ งั้นตอนนี้พวกมันก็คงกะมาเอาคืนครั้งใหญ่เลยล่ะสิ
Deacon – เดี๋ยว แปบนึงๆ ตรงนั้นมีเป้อยู่ด้วย
Kouri – อาจจะเป็นของหนึ่งในคนของเราเอง
Deacon – ดูเหมือนเขากำลังใกล้ได้ตัว Vasquez แล้วนะ
Kouri – มันเลยสละเป้ทิ้งแล้วหนีเอาตัวรอดไปได้
Deacon – ไม่ๆๆ แค่ซื้อเวลา เขาโดดเข้ามาเพื่อพยายามแย่งเป้ ก่อนที่หมาป่าจะเข้ามาโจมตี Vasquez ก็เลยจัดการมัน สองนัด
Kouri – คุณบอกจนเห็นภาพได้ขนาดนั้นเลยหรอ?
Deacon – ประมาณนั้น
Kouri – เดี๋ยว ! ระวัง ก้มเอาไว้ พวก Swarm !!
Deacon – ที่ฝังศพของพวก NERO
Kouri – สงสัยพื้นที่นี้จะตกสำรวจนะ ปกติพวกมันจะอยู่แบบกระจัดกระจายไปทั่วแต่ไม่อยู่รวมกันแบบนี้
Deacon – งั้นก็รู้แล้วว่าทำไม Vasquez ถึงเลือกที่จะผ่านมาทางนี้ เรารีบอ้อมไปดีกว่า
Kouri – เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยล่ะ
Deacon – พูดตรงๆนะ ผมเบื่อที่จะต้องคอยวิ่งหนีได้พวกห่านี่เต็มทนแล้ว
Kouri – คุณเคยจัดการพวก Swarm ได้ด้วยหรอ?
Deacon – เคยสิ คุณรีบอ้อมไปจะดีกว่า
Kouri – นี่ฟังนะ ถ้าคุณอยากจะเข้าร่วมกับกองทัพเราจริงๆ คุณต้องมีสมาธิในภารกิจให้มากกว่านี้นะ เพราะตอนนี้เราไม่ได้ออกมาที่นี่เพื่อล่าพวก Freak
Deacon – อ๋อ ฆ่าพวก Freak ต้องจูงมือกันไปว่างั้น? โอเค พยายามเดินเลาะที่ฝังศพนี่ไปแล้วกัน อากาศหนาวทำให้จำนวนของมันเพิ่มขึ้นเยอะ ผมว่าพวกมันคงได้กลิ่นศพไกลเป็นไมล์ๆแน่นอน
Kouri – คนของเราเองส่วนนึงก็มีกลยุทธในการเผาทำลายและฝังกลบหลุมศพกันอยู่ตลอด
Deacon – งั้นก็โชคดีแล้วกันนะเพราะผมเคยเห็นพวกมันอีกเป็นร้อยๆตัวอยู่อีกส่วนนึงของพื้นที่โดยไม่มีใครรู้อีกเยอะ
Kouri – แต่ยังไงเราก็ต้องเริ่มทำมันซักที่นึงนั่นแหละ
Deacon – โอเค ไปทางไหนต่อ
Kouri – มุ่งตะวันออกไปเรื่อยๆ
Deacon – เฮ้ เดี๋ยวนะ รู้สึกว่าจะเจอถนนแล้ว ลองไปเช็คดูหน่อย
Kouri – นายคิดว่าไง ?
Deacon – ตกลงมีใครที่ตามตัวเขาอีกรึเปล่าเนี่ย?
Kouri – เท่าที่ผมรู้ไม่มีนะ
Deacon – ถ้างั้นเขาคงโดนฆ่าตายไปแล้วหรือไม่ก็คงมีเพื่อนคอยช่วยเยอะเลย ดูจากร่องรอยนี่เห็นมั๊ย มีรอยล้อรถมาไซด์อยู่ตรงนี้เพียบเลย
Kouri – อืมม โอเค งั้นไปเถอะลองตามไปดูสิว่ามันไปทางไหนกัน
Kouri – คุณบอกว่าอากาศเย็นทำให้มีพวก Freak เข้ามาในพื้นที่มากขึ้นงั้นหรอ?
Deacon – ใช่ อากาศเย็น หิมะ ฝน วันที่เมฆหนาด้วย
Kouri – ก็อย่างที่ผมบอก ความรู้เรื่องพวก Freake ของคุณ เมื่อเรากลับไปถึงฐานบัญชาการณ์เมื่อไหร่ผมจะแนะนำใครคนนึงให้มาคุยกับคุณเรื่องนี้
Deacon – ใครคนนึงหรอ?
Kouri – ท่านผู้พัน ไง ถ้าเขาพอใจที่จะรับคุณเข้าร่วมกองทัพอ่ะนะ
Deacon – ใช่ๆ คุณบอกไปทีนึงแล้วล่ะ
Kouri – แต่มาตฐานเขาจะสูงหน่อย ผมก็ไม่อยากให้คุณคาดหวังอะไรไปมากหรอกนะ
Deacon – ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า ได้หรือไม่ได้ผมก็ไม่แคร์หรอก
Deacon – เฮ้ เดี๋ยวๆ ได้ยินมั๊ย?
Kouri – ได้ยิน มันดังมาจากแค้มป์คนตัดไม้ตรงนั้น
Deacon – นั่นไม่ได้อยู่ในแผนที่คุณด้วยใช่มั๊ยล่ะ?
Kouri – ใช่
Deacon – อ่อ งั้นมันคงอยู่ในแผนที่ของ Vasquez สินะ
Kouri – แล้วถ้า Vasquez อยู่ที่นี่จริงๆคุณมีแผนยังไง?
Deacon – ดูจากร่องรอยทั้งหมด เขาคงไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอน ... แผนหรอ แล้วโทษของพวกหนีทหาร (AWOL) คืออะไรล่ะ?
Kouri – จับแขวนคอจนกว่าจะตาย ทำไมหรอ?
Deacon – ก็ผมว่า Vasquez มันคงไม่ยอมมอบตัวแบบดีๆหรอกจริงมั๊ย
Deacon – เห็นคนของคุณรึเปล่า?
Kouri – นั่นไงเขาล่ะ
Deacon – ดูเหมือนว่าคนของนายกำลังลงพื้นที่เพื่อทำพิธีรับทหารใหม่อยู่นะ
Kouri – คุณรออยู่นี่ก่อนนะผมจะไปวิทยุขอกำลังเสริมก่อน
ผู้รอดชีวิต – เอามือออกไปจากชั้นนะไอ้พวกบ้า !!
Vasquez – เอาเรื่องเหมือนกันเว้ยนังคนนี้ ไงพวกเรา
ผู้รอดชีวิต – ปล่อยชั้นไปนะ !!
Vasquez – ชั้นสัญญา โตแล้วไม่เจ็บหรอกน่า ฮ่าๆๆๆ
Deacon – ให้ตายเหอะ ไม่ๆๆ
Kouri – อะไร?
Deacon – ดูเหมือนผมกำลังมีปัญหากับพวกเหี้ยๆกลุ่มนึงที่กำลังทำร้ายผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักชื่ออยู่น่ะสิ
Kouri – เฮ้ๆ ผมออกคำสั่งไปแล้วนะว่าให้รอก่อนน่ะ
Deacon – ออกคำสั่งหรอ? นี่คุณตาถั่วเห็นผมใส่ชุดทหารอยู่ใช่มั๊ย? ตอนนี้ผมยังไม่มีไอ้ป้ายสีแดงบ้าๆนั่นติดที่แขนนะ คุณมาออกคำสั่งผมไม่ได้ คุณอยากจะทำอะไรก็ทำ แต่ผมจะเข้าไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้ !!
Story Mission: Don’t Give me orders
จากนั้นเข้าไปจัดการพวกโจรในแค้มป์ให้หมดทั้ง 15 คนแล้วเข้าไปในจุดที่ผู้หญิงถูกจับอยู่เพื่อช่วยเธอ
หญิงสาวผู้รอดชีวิต – นี่แนะๆๆๆ ตายซะๆๆ ไอ้ชาติชั่วเอ๊ยยย !!
Deacon – ใจเย็นๆ ผมไม่ได้จะมา .... ผมมาเพื่อช่วยคุณนะ
หญิงสาวผู้รอดชีวิต – ชั้นไม่ต้องการความช่วยเหลือห่าอะไรจากใครทั้งนั้น !!
Deacon – โอเคๆ งั้นเดี๋ยวผมหลีกทางให้เลยล่ะกันนะ
Kouri – เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นก่อน เราไม่ได้เป็นพวกเดียวกับมันนะ !
หญิงสาวผู้รอดชีวิต – คิดว่าชั้นไม่รู้หรอว่าแกเป็นพวกไหน ห๊ะ !?
Kouri – มันคืออะไรเนี่ย? ทำไมนางต้องหยาบคายขนาดนี้ เรามาช่วยแท้ๆ
Deacon – ก็แค่ผู้หญิงที่เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาแหละน่า
Kouri – Vasquez ล่ะ?
Deacon – ตาย .... ตายห่าหมดทั้งแคมป์นั่นแหละ
Russell – กัปตัน Kouri ทราบแล้วเปลี่ยน พวกเรามาถึงแล้วนะตอนนี้อยู่ที่หน้าทางเข้า
Deacon – ตรึงกำลังไว้ตรงนั้นแหละ ชั้นกำลังไป
Russell – ไหนพวกศัตรูล่ะครับ?
Kouri – พวกมัน ...เอ่อ ... พวกมันถูกกำจัดหมดแล้ว
Russell – พวกผมเอารถของคุณมาที่นี่ด้วย คุณจะได้ไม่ต้องเดินย้อนกลับไปอีกน่ะครับ
Kouri – โอเค เท่านี้แหละ จ่า พาพวกเรากลับได้แล้ว
Deacon – เป็นไง ผมผ่านรึเปล่าเนี่ย?
Kouri – ผ่านมั๊ยเนี่ยนะ?
Deacon – โธ่ ไม่เอาน่า คุณเองก็ดูผมมาทั้งวัน ผมก็ทำนู้นนี่นั่นให้เห็นเพื่อ เอ่อ ทดสอบแล้วนี่ไง
Kouri – ฮ่าๆ มันก็แบบ ตอนนี้มันก็ยังบอกให้ชัดเจนแบบเป็นทางการไม่ได้หรอกนะ คุณก็เห็นแล้ว การคัดเลือกคนแบบสุ่มสี่สุ่มห้าของเรามันเป็นยังไง ...แต่ก็ เออ คุณผ่าน
Kouri – แล้ว คุณพร้อมที่จะเข้าท่านผู้พันของเรารึยังล่ะ?
Deacon – พร้อมสิ ชัวร์ ทำไมจะไม่พร้อมล่ะ ?
STORYLINE – A GOOD SOLDIER
Story Mission: A Target on their Back
Kouri – เออแล้วคุณทำงานอะไรก่อนหน้าที่เกิดเรื่องบ้านี่หรอ St. John? ทำไมนายถึงรู้จัก MRE (ถุงยังชีพของทหาร) ล่ะ แถมยังมีความสามารถด้านลาดตระเวนจนเจอตำแหน่งที่ตั้งของศัตรูได้ด้วย รู้จากการเข้ากำบังและการเคลื่อนไปข้างหน้า (Cover and advance ) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ชั้นสูง ตกลงนายเคยทำงานอะไรมาถามจริงๆ นาวิก หรือ กองทัพบก
Deacon – ผมพยายามที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ คุณรู้มั๊ย? คือ ปีแรกที่ผมเริ่มออกเร่ร่อน ดูเหมือนคนที่ใส่ยูนิฟอร์มของทหารจะถูกเล็งเป็นเป้าก่อนเป็นอันดับแรกเลย ...จริงผมเคยผ่านสมรภูมิที่ภูเขา Tenth Mountain ใน Afganistan แล้วคุณล่ะ? ส่วนใหญ่คนที่เคยเป็นทหารมาก่อนก็จะมีท่าทางให้เห็นได้ไม่ยาก
Kouri – ก็อย่างที่ผมบอก คุณเป็นคนช่างสังเกต ผมเคยอยู่ทัพอากาศมา 10 ปีได้มั้ง หน่วย SAC (Strategic Air Command ยุทธศาสตร์กองบัญชาการกองทัพอากาศ)
Deacon – แล้วตกลงเราไม่มีฐานยิงจรวด Missile ซ่อนอยู่ใน Oregon จริงๆใช่มั๊ย?
Kouri – ตอนนั้นผมลาพักร้อน ไปพักผ่อน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่ออะนะ คงโชคดีล่ะมั้ง ก่อนที่ระบบสื่อสารต่างๆจะล่ม ผมได้รับงานเข้ามาทุกๆชั่วโมงจากทุกมุมโลกเลย คุณคิดว่าอยู่ข้างนอกนี่แย่แล้ว แต่ทุกอย่างทางตะวันออกของ Mississippi ถูกทำลายไม่เหลือภายใน 2 วัน ... เอาล่ะ แวะที่นี่ก่อน ผมมีอะไรจะให้ดูหน่อย
Kouri – คุณรู้จักที่นี่หรือเปล่า?
Deacon – รู้สิ ผมเกิดที่เมือง Farewell ทางเหนือของที่นี่ คุณรู้จักมั๊ยล่ะ?
Kouri – ไม่รู้หรอก แต่ฟังดูน่าจะเป็นที่ที่น่าอยู่ในวันสิ้นโลกมากเลยนะ ... บางที่คุณอาจเคยมาที่นี่มาบ้าง
Deacon – เคยสิ .. เมื่อฤดูร้อนที่แล้วผมกับภรรยา เคยมาแวะที่นี่ตอนที่เรามา Honeymoon
Kouri – คุณมีรูปภรรยาคุณรึเปล่าล่ะ ?
Deacon – หึหึ ....
Kouri – นี่รูปภรรยาผม เธอชื่อ Karie เราแต่งกันมา 12 ปีแล้ว ...แต่เรื่องมันนานแล้วล่ะ
Sarah – นี่คุณรู้มั๊ย ชั้นว่ามันน่าจะอ่านว่า ห้ามเข้า นะ
Deacon – ไม่ๆ เข้าไม่ได้หมายถึงเราหรอก
Sarah – ทำไมล่ะ เพราะเราอ่านไม่ออกงั้นหรอ?
Deacon – เพราะเราไม่สนกฎของเขาต่างหาก
Sarah – พูดเอาแต่ได้ชะมัดเลย
Deacon – เชิญคุณก่อนครับ
Sarah – ก็ด้ายยย .. รู้มั๊ย พยายามทำให้ชั้นกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ค่อยจะให้เกียรติสตรีเลยนะ
Deacon – ให้อะไรนะ ...?
Sarah – เออ ช่างมันเหอะ ชั้นมันไม่เคยจำเองแหละ
Deacon – โอ้พระเจ้า อยากให้คุณเห็นหน้าตัวเองตอนนี้จัง
Sarah – พนันเลยว่ามันต้องดูตลกแน่นอน
Deacon – ใช่ นี่ถ้าผมมีมือถือคงถ่ายให้ดูแล้วล่ะ
Sarah – เฉพาะแค่ครั้งนี้นะที่ชั้นดีใจมากเลยล่ะที่คุณไม่ได้ทำ
Deacon – โธ่ไม่เอาน่า ไม่ต้องเริ่มเรื่องนั้นอีกเลยนะ
Sarah – ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ คุณนั่นแหละคิดไปเองต่างหาก
Deacon – คุณตั้งใจมากกว่า
Sarah – แล้วนี่เราจะไปไหนกันเนี่ย?
Deacon – เดินตามทางไปเรื่อยๆเถอะน่าเดี๋ยวก็เห็นเองไม่ไกลหรอก
Sarah – รู้มั๊ยว่าแม่ชั้นจะว่ายังไงถ้ารู้ว่าชั้นออกมาเดินเล่นในป่าที่ไหนก็ไม่รู้กับแก็งค์มอไซด์นอกกฎหมายตอนเที่ยงคืนแบบนี้อ่ะ ?
Deacon – ไม่รู้สิ เธออาจบอกว่า ที่รักทำไมลูกไม่เอาเสื้อกันหนาวไปด้วยล่ะ ..มั้ง
Sarah – ตลกและ
Deacon – แม่คุณไม่ว่าอะไรหรอกเพราะคุณไม่ได้เล่าเรื่องของเราให้เธอฟังไม่ใช่หรอไง?
Sarah – โธ่ไม่เอาน่า Deacon ชั้นเคยบอกตั้งนานแล้วหรอก แล้วคุณก็รู้ว่าชั้นไม่ได้หมายความว่างั้นจริงๆซะหน่อย
Deacon – นี่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณซักหน่อย ผมก็แค่ ผมหมายถึง ผมก็ไม่ได้บอกพ่อของผมเหมือนกัน
Sarah – นั่นเพราะพ่อคุณตายแล้วต่างหาก
Sarah – คำถามคือ คุณได้บอกคนในแก็งค์ของคุณหรือเปล่าที่มาออกเดทกับสาวแสนดีจากซีแอตเติ้ลเนี่ย แถมไม่ใช่ประเภทสวยใสไร้สมองแบบที่พวกเขาเจอในคลับเปลื้องผ้าที่พวกเขาเคยไปพักที่นั่นประจำด้วย
Deacon – โว้ๆ เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่แล้ว เราไม่เคยไปอาศัยในบาร์โป๊นั่นซักหน่อย มั่วแล้ว แค่เราเป็นสมาชิกตลอดชีพของที่นั่นไม่ได้แปลว่าเราไปนอนที่นั่นที่ไหนเล่า ...แล้วก็เอ่อ ผมบอกพวกเขานะ เอาจริงๆ ผมบอก
Sarah – เดี๋ยวนะ คุณเล่าให้พวกเขาฟังด้วยจริงดิ?
Deacon – เล่าสิ ทำไมล่ะ? โธ่ไม่เอาน่า ไม่ต้องมาทำท่าแปลกใจเลย พวกเขาเห็นรูปคุณแล้วยังบอกเซ็กซี่มากเลยด้วย
Sarah – ชั้นก็ว่างั้นแหละ ...
Sarah – คุณรู้ใช่มั๊ยว่านี่มันเลยเวลานอนของชั้นมานานแล้วเนี่ย?
Deacon – อ๋อ เรื่องนั้นผมรู้แล้ว
Sarah – ไม่ต้องมาพูดเลย ชั้นหมายถึง พรุ่งนี้ชั้นต้องตื่นไปทำงานแต่เช้านะ
Deacon – อ้าวหรอ? ก็ไม่ให้คุณบอกนี่ แล้วพรุ่งคุณต้องทำอะไรหรอ? เอ่อ ช่างเถอะ ไม่ต้องบอกก็ได้
Sarah – ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ เรื่องโปรเจคนิดหน่อย พอดีจะมีผู้บริหารบางคนที่บินจากนิวยอร์กเพื่อตรวจสอบความคืบหน้างานของเรา และเอ่อ ชุดที่โรงงานของเราที่กำลังติดตั้งสำหรับห้องปฏิบัติการใหม่ก็ยังติดตั้งไม่ได้ถ้าชั้นไม่ได้ตรวจสอบสเปคมันก่อน
Deacon – โว้ ..ผมนึกว่าคุณไม่อยากพูดถึงมันซะอีก
Sarah – โทษที ... ก็อย่างที่ชั้นบอกแหละ ไม่มีอะไรหรอก ยังไงก็ขอบคุณนะที่ช่วยดึงชั้นออกมาจากเรื่องน่าเบื่อพวกนั้นน่ะ
Deacon – ไม่มีปัญหา
Sarah – เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวนะ นี่มันไร่กัญชานี่ ? อย่าบอกนะว่าเนี่ยคือสิ่งที่คุณอยากจะให้ชั้นดูน่ะ ?
Deacon – อะไรนะ?
Sarah – นี่มันพืชตระกูล marijuana ..กัญชาน่ะ แล้วนั่นก็ระบบชลประทานอย่างดีเลย นี่มันไร่กัญชาชัดๆ
นี่คุณลากชั้นออกมากลางดึกเพื่อมาที่ไหนก็ไม่รู้ เพื่อโชว์ให้ชั้นดูธุรกิจผิดกฎหมายของแก็งค์คุณเนี่ยนะ?
Deacon – อ๋อหรอ นี่คุณคิดงั้นจริงๆน่ะหรอ? ฮ่าๆๆ ก็ผมหวังว่าคุณจะช่วยแนะนำเกี่ยวกับการเพาะปลูกกับเราได้ไง ฮ่าๆ จะได้ใช้ปริญญาที่มีสร้างอะไรขึ้นมาให้มันจริงจังซะทีไง
Sarah – พระเจ้า Deacon คิดได้ไงเนี่ย ฮ่าๆๆ เข้าใจและ นี่ไม่ใช่ที่คุณอยากจะให้ชั้นดูใช่ป่ะ?
Deacon – ก็เออสิ ไม่ใช่ซักหน่อย ... มาเถอะ เดินตามทางนี่ไปต่ออีกแปบก็ถึงแล้ว
Sarah – คุณคงคิดว่า ยัยนี่หลอกกี่ทีก็ไม่รู้จักจำซักทีใช่มั๊ยเนี่ย?
Deacon – เปล่าซะหน่อย
Sarah – โอ้ พระเจ้า ดูแสงจันทร์ที่ส่องลงมากระทบนั่นสิ สวยมากเลย
Deacon – รีบเดินเถอะน่าใกล้จะถึงแล้ว
Sarah – คุณเคยสงสัยว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้า ทุกๆทีมืดลงพร้อมๆกัน เมื่อทุกแสงไฟดับลงทุกคนก็จะมองเห็นโลกที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน
Deacon – คุณหมายถึง มันจะเห็นแต่ความมืดที่ทำให้หดหู่เงี้ยหรอ?
Sarah – ชั้นหมายถึงมันจะทำให้เห็น แสงจันทร์ ดอกไม้ป่า แล้วก็หิ่งห้อยชัดขึ้นต่างหาก ชั้นรู้สึกว่ามันทำให้เรากลายเป็นเด็กอีกครั้งเลยนะ ...โอเค ชั้นก็พูดไปเรื่อย คุณไม่ต้องไปจริงจังกับมันก็ได้
Deacon – แหม่ ผมมันจริงจังกับทุกเรื่องซะด้วยสิ
Sarah – งั้นเลย ?
Deacon – จริง !!
Sarah – ไม่จริงซักหน่อย ตอนที่ชั้นบอกว่าจะให้คุณช่วยย้ายของๆชั้นไปไว้บ้านคุณ คุณยังบอกชั้นล้อเล่นเลย
Deacon – เปล่าๆๆ เปล่าซะหน่อย ผมแกล้งพูดเฉยๆ ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่คุณพูด เข้าใจผิดไปใหญ่และ
Sarah – คุณคงไม่ได้เห็นหน้าคุณตอนนั้นสินะ ฮ่าๆ ชั้นเอามือถือถ่ายไว้แล้วด้วย อยากจะให้ชั้นโชว์ให้ดูป่ะละ?
Deacon – เฮ้นี่คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์นะ จะไม่ใช้เหตุผลหน่อยหรอไง?
Sarah – โอเค งั้น ก่อนอื่นเลยนะที่ฉันจะพูดก็คือ เราควรคิดถึงเรื่องการย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกันจริงๆจังซะที คุณรู้ใช่ไหมว่าเราจะได้ใช้เวลาด้วยกันให้มากขึ้น และคุณรู้ดีว่าขั้นตอนต่อไปจะทำอะไรต่อ ไง แบบนี้มีเหตุผลบ้างยัง?
Deacon – ผมก็มีแปรงสีฟันอยู่บ้านคุณแล้วไง
Sarah – โอ้ โทษที คุณรู้อะไรมั๊ย? คุณพูดถูก นั่นเป็นการแสดงความผูกพันที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
Deacon – นี่คุณไม่รู้หรอว่าแปรงสีฟันดีๆมันแพงแค่ไหนอ่ะ?
Sarah – เห็นมั๊ย พอชั้นจะพูดเรื่องอนาคตของเรา คุณก็ทำมาเป็นตลกตลอดนั่นแหละ
Deacon – โอเคๆ ถ้าคุณอยากจะพูดกันเรื่องนี้จริงๆ เราก็จะพูดเรื่องนี้กันจริงๆจังซักที แต่ เดี๋ยวนะ แปบนึง ผมจะให้คุณดูอะไร
Deacon – ดูสิ นี่แหละเหตุผลที่ผมพาคุณขึ้นมาถึงที่นี่
Sarah – ว้าวว มันสวยมากเลยอ่ะ
Deacon – คุ้มค่าพอมั๊ยล่ะ?
Sarah – คุ้มค่ามากๆเลย Deacon
Deacon – เฮ้ มานี่หน่อยสิ ผมอยากจะถามอะไรคุณหน่อยจะได้มั๊ย?
Sarah – ได้สิ .... โอ้ Deacon ...
Deacon – คุณจะ ....เอ่อ คุณจะ ...
Sarah – ชั้นจะทำไมคะ?
Deacon – คุณจะ ....
Sarah – อิอิ ..ฮ่าๆๆ
Deacon – ไอ้ทำแบบนี้แปลว่า "รับค่ะ" หรือเปล่าเนี่ย?
Sarah – ค่ะ แต่ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อนะ
Deacon – โอเค
Sarah – ข้อแรก เราจะไม่จัดการงานแต่งงานในแบบพวกแก็งค์ซิ่งพวกนั้นทำกัน ที่คุณต้องพูดประมาณว่า คุณจะขี่ชั้นเหมือนกับชี่รถของคุณ อะไรประมาณนั้น
Deacon – ชัวร์ ผมไม่สัญญาแบบนั้นอยู่แล้ว
Sarah – ฮ่าๆ ไม่ต้องเลย เอาล่ะ และอีกข้อนึง.... ข้อ 2 คุณจะต้องห้ามทิ้งชั้นเด็ดขาดนะ
Deacon – ผมให้สัญญา
Sarah – พระเจ้า นี่คุณจะเอาแหวนพวก Biker ใส่ที่นิ้วชั้นจริงๆหรอเนี่ย?
Deacon – โอ้ งั้นหรอ? งั้นสงสัยผมคงต้องทำแบบนี้แล้วล่ะ ....
Sarah – โอ๊ย อย่า ฮ่าๆๆๆๆ
Sarah – ดูสิ เขี้ยวเล็กๆพวกนี้น่ารักดีนะ เหมือนมันกำลังกัดที่โซ่หรืออะไรซักอย่างประมาณนั้นเลย คุณรู้มั๊ย ไม่รู้ใครพูดไว้ว่า รักแท้ก็เหมือน “กะโหลกหมา”
Deacon – “กะโหลกหมา” เนี่ยนะ ฮ่าๆ
Sarah – เออ แล้วตรงนี้มันเขียนว่าอะไรหรอ?
Deacon – Morior Invictus แปลว่า ตายก่อนจะพ่ายแพ้ ประมาณว่า ยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้นั่นแหละ
Sarah – ว้าว ชั้นชอบแฮะ
Sarah – ... แต่ นี่คุณจะให้ชั้นแบบให้แหวนจริงๆเลยใช่ป่ะเนี่ย ?
Deacon – แน่นอนสิ แต่คุณรู้มั๊ย นั่นมันเป็นแหวนของผม คุณจะเอาไปไม่ได้หรอกนะ
Sarah – ชัวร์ล่ะ มันแหวนของคุณอยู่แล้ว หน้ามันมีหลายอย่างเหมือนกับคุณเลย ยกเว้นเขี้ยวอ่ะนะ ฮ่าๆๆ
Sarah – สงสัยห้องทดลองโทรมาแน่เลย ...... ฮัลโหลค่ะ ? ... ค่ะ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวชั้นจะรีบไปก็แล้วกัน โอเค บาย
Deacon – ทุกอย่างโอเคนะ?
Sarah – ยังไม่รู้เหมือนกันแต่พวกเขาบอกให้ชั้นรีบไป .. ชั้นคงต้องไปก่อนนะ
Deacon – ดะ เดี๋ยวๆ ตอนนี้เลยอ่ะนะ เรียกไปกลางดึกแบบนี้เลยหรอ?
Sarah – ใช่ ชั้นขอโทษนะ ชั้นต้องไปจริงๆ แต่ชั้นสัญญาว่า จะแก้ตัวให้วันหลังอ่ะนะ มาเถอะๆ
Deacon – ภรรยาของผมชื่อ เอ่อ Beth และผมไม่มีรูปของเธอเลยครับ ...
Kouri – อืมม งั้นเรากลับกันเถอะ !
อรัมภบทเส้นทางจาก Diamond Lake ถึง Wizard Island
ไดมอนด์เลคคือแหล่งน้ำตามธรรมชาติในเขตป่าสงวน Umpqua ใน Douglas County ทางตอนใต้ของรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ซึ่งทางเหนือของทะเลสาบจะไปบรรจบกับมหาสมุทรแปซิฟิก
ตั้งชื่อตามนาย John Diamond ที่เห็นทะเลสาบนี้ครั้งแรกเมื่อปี 1852 ในขณะที่เขาอยู่บนยอดเขา Diamond Peak ซึ่งในตอนนี้ป่าสงวนทั้งหมดก็ถูกเผาทำลายจนหมดเพื่อหยุดฝูง Horde ที่บุกเข้ามาที่ ค่ายทหารด่านหน้า Diamond Lake ตามยุทธวิธีของ กัปตัน Kouri ผ.บ ของค่าย
เมื่อเดินทางลงใต้ต่อมาจาก Diamond Lake อีกหน่อยก็จะมาถึงเขต Crater Lake National Park ก็จะพบทะเลสาบ Crater ที่เป็นที่ตั้งของเกาะที่เห็นอยู่กลางน้ำที่เรียกว่า Wizard island ซึ่งเป็นสถานที่ที่ Deacon ได้ขอ Sarah แต่งงานเป็นครั้งแรกแล้วก็เป็นแค้มป์สุดท้ายที่ Deacon ฝ่าดง Freaker มาตามหาภรรยาด้วย
แต่ Wizard island นั้นไม่ใช่เกาะธรรมดาเพราะมันคือ ปากปล่องของภูเขาไฟที่ยื่นพ้นจากน้ำจากความสูง 2,113 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยด้านบนสุดของเกาะก็คือยอดของภูเขาไฟที่มีปากปล่องของภูเขาไฟขนาดความกว้าง 150 เมตรที่เรียกกันว่า Witches Cauldron หรือ หม้อแม่มด ที่ถูกค้นพบครั้งแรกโดย William Gladstone Steel ในปี 1885 และเป็นผู้ตั้งชื่อเกาะนี้ว่า Wizard Island นับแต่นั้น
Source
https://en.wikipedia.org/wiki/Diamond_Lake_(Oregon)
https://en.wikipedia.org/wiki/Wizard_Island
Story Mission: I DON’T HAVE A PIC
Kouri – ผมว่ามันดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่นะ
Deacon – อะไรไม่ปกติ
Kouri – ก็ที่คุณไม่มีรูปของภรรยาหรือรูปครอบครัวเลยน่ะสิ ..ย้อนกลับก่อนหน้านี้ที่ทุกคนล้วนใช้แต่สมาร์ทโฟนที่เราใช้เป็นที่เก็บรูปต่างๆของเรา พอทุกอย่างล่มสลาย รูปต่างๆที่เราบันทึกไว้ก็หายหมด
Deacon – ใช่ ผมก็ลืมนึกถึงข้อนั้นไปเหมือนกัน
Kouri – Karie ภรรยาผม พ่อของเธอเป็นช่างภาพ แบบช่างถ่ายภาพสมัยเก่าอ่ะนะ ที่ต้องใช้ห้องมืดล้างฟิล์มประมาณนั้น คงเป็นประเภทต่อต้านยุคดิจิตอลมั้ง แต่ถ้าไม่ได้เขาผมก็คงไม่เหลือรูปอะไรที่เคยถ่ายไว้แน่นอน
Deacon – ใช่ เพราะงั้นแหละผมถึงไม่ชอบพวกสมาร์ทโฟนเท่าไหร่ เหมือนทุกคนกำลังจะเอาจมูกฝังเข้าไปโทสับบ้านั่นเลย ผมไม่เคยมีซักเครื่องเลยด้วย
Kouri – น่าสนใจแฮะ .. อ้าวแล้วคุณจัดการทุกอย่างในชีวิตยังไงล่ะ?
Deacon – ผมเป็นช่าง มีร้านซ่อมรถเล็กๆอยู่ที่ Farewell ผมมีโทรศัพท์เครื่องเดียวในชีวิตก็คือโทรศัพท์ที่ร้านนั่นแหละ
Kouri – เอาล่ะ ถึงแล้ว
Kouri – Wizard island ขอต้อนรับ
Deacon – คนของคุณดูท่าทางซีเรียสกันจังเลยแฮะ
Kouri – ท่านผู้พันเชื่อว่า ถ้าเรามีแรงจูงใจและวินัยที่มากพอ เราจะสามารถทำทุกอย่างสำเร็จได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ทหาร – เร็วๆรีบขยับตูดไปทำงานได้แล้วเร็วๆ !!
คนงานหญิง – นี่ชั้นก็เร็วเต็มที่แล้วนะ
Deacon – นี่ใช่มั๊ยแรงจูงใจที่คุณว่าอ่ะ
Kouri – ท่านผู้พันสร้างแค้มป์คนงานอีกแค้มป์ทางใต้ของเกาะ สำหรับคนที่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นทหาร ซึ่งมีคนบางประเภทที่ต้องให้แรงจูงใจมากเป็นพิเศษ
Deacon – ชัวร์
Kouri – ตามผมมา .... เอาล่ะ ขึ้นไปบนเวทีนั้นได้เลย แล้วก็ โชคดีนะ คุณ St . John
Taylor – อ้าว ไงพวก ดีใจที่ได้เจอนายอีกนะ St. John ใช่ป่ะ ? ลูกของนักบวช
Deacon – ไม่เอาน่า Taylor นายก็พูดไปเรื่อย อะไรกัน ลูกของนักบวช
Taylor – ชั้นล้อเล่นน่า ว่าแต่ วันนี้นายพกดวงมาด้วยหรือเปล่าเนี่ยพวก ? แล้วสาวที่นายตามหาล่ะ เจอยัง ได้บีบๆกันยัง?
ทหาร – เอาล่ะ เอาเครื่องประดับทุกอย่างที่มี แหวน นาฬิกา ของมีค่าทุกอย่างใส่เข้ามาในนี้เลย
Deacon – ..........
Taylor – เออ แล้วแต่เลยพวก
Crystal – พล่ามบ้าบออะไรอยู่ได้วะ
ทหาร – ใครพูดอะไรนะ?
ทหาร – การรับสมัครทหารไม่อณุญาติให้ผู้ที่เข้าทำการคัดเลือกมีของใช้ส่วนตัวไม่งั้นก็จะถูกขโมย เอาเร็วๆใส่มา !!
Crystal – อ๋อหรอ? ไม่งั้นก็จะถูกขโมย บลาๆๆๆ งี่เง่าเอ้ย !!
Col. Garret – ทั้งหมด แถวตรง !!!
Col. Garret – ตามสบาย ! ... ที่นี่เราไม่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ทุกคนที่เข้ามาคือผู้ที่ถูกเชิญให้เข้ามาทำการคัดเลือกเป็นเจ้าหน้าที่ที่ผมเชื่อมั่น เริ่มกันเลย !! เมื่อผมถาม คุณต้องตอบชื่อและนามสกุล
Crystal – แม่งก็ชอบข่มเหมือนกันหมดแหละว้า
Col. Garret – ชื่อ !!
Crystal – แม่งเอ้ย Adkins .. Crystal คับโผ้มมม !!
Col. Garret – เคยฆ่าคนมากี่คนแล้ว ?
Crystal – จะเอาก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้อ่ะ?
Col. Garret – ตอบคำถาม !
Crystal – ส้นตีนแนะ !!
Col. Garret – คนเราทำได้ทุกอย่างแม้จะเป็นสิ่งที่เราไม่ภาคภูมิใจก็เพื่อความอยู่รอด เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป ผู้ทรงอำนาจจะเข้าใจสิ่งนี้ ผู้ทรงอำนาจจะอภัยให้สิ่งนี้ ... แต่ที่นี่ ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ ที่เต็มไปด้วยรอยเท้าของซาตานและรอยสักจากเรือนจำ มันพิสูจน์ได้แบบไม่ต้องเดาเลย ว่าคนอย่างเธอ จะนำมาซึ่งภาระและความโกรธเคืองให้พระเจ้าผู้ทรงอำนาจมาสู่พวกเราทุกคน .... เอานังนี่ไปที่แค้มป์คนงาน !!
Crystal – แม่งเอ้ย ส้นตีนเถอะ ปล่อยนะ ! อย่าเสือกมาถูกตัวชั้นนะ !!
Col. Garret – แล้วนายล่ะ?
Taylor – เอ่อ Taylor ... Wade เอ่อ ผมคือ ผมไม่เคยติดคุก ไม่เคยฆ่าคนด้วย
Col. Garret – แล้วนายอยู่รอดมาได้ยังไงได้นานขนาดนี้วะเนี่ย?
Taylor – ตะ แต่ แต่ผมยิงปืนเป็นนะ พ่อผมเคยสอนล่าสัตว์ตอนเป็นเด็กอ่ะ ใกล้ๆกับ Klamath falls
Col. Garret – พอ !!
Col. Garret – แล้วนายล่ะไอ้หนุ่ม เคยใช้ปืนรึเปล่า?
Deacon – ผม Deacon St John ครับผมใช้ปืนเป็น
Col. Garret – นายเป็น Drifter ใช่มั๊ย? ... หืมม ... ไหนลองยืนมือขวามาดูสิ
Col. Garret – tenth mountain ..อิรัก ใช่มั๊ย?
Deacon – อัฟกานิสถาน ครับ
Col. Garret – ปลดประจำการอย่างถูกต้องรึเปล่า? อย่าคิดโกหกเด็ดขาดนะเพราะผมดูออก
Deacon – ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์เพื่อหน้าที่ที่มีหนึ่งเดียว ทำหน้าที่ด้วยเกรียติยศ และเกลียดแม่งทุกนาทีที่ทำ
Col. Garret – ฮ่าๆๆ นายไม่โกหกจริงๆด้วย นายเป็นคนดี
Col. Garret – เอาล่ะ ยกมือขวาขึ้น คุณจะสาบานอย่างเป็นทางการว่า จะสนับสนุนและปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของสหรัฐอเมริกาใหม่แห่งนี้หรือไม่
จะร่วมต่อต้านศัตรูทั้งแบบปกติและไม่ปกติ พร้อมที่จะเป็นสักขีพยานและให้การสนับสนุนในสิ่งเดียวกันและจะปฏิบัติตามคำสั่งทั้งหมดโดยไม่ตั้งคำถาม ... คุณจะสาบานหรือไม่
Deacon – ผมสาบาน !
Col. Garret – เยี่ยม !
ทหาร – เฮ !!!
Col. Garret – เอาล่ะ เลิกแถวได้ !! .... เดินตามชั้นมาหน่อยซิ ไอ้ลูกชาย
n
The 10th Mountain Division
หน่วยที่ Deacon เคยประจำการในอดีตคือ The 10th Mountain Division หรือ tenth mountain ซึ่งก็คือ กองพลทหารราบเบาในกองทัพสหรัฐอเมริกาที่ถูกจัดตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1943 เพื่อปฎิบัติหน้าที่ในสภาพพื้นที่ที่เป็นภูเขาและขั้วโลกเหนือเป็นหลัก ซึ่งถูกฝึกฝนการเอาตัวรอดบนภูเขาหิมะโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการปีนเขา Jim และ Lou Whittaker ชาวอเมริกันคนแรกที่ขึ้นยอดเขา Everest ก่อนที่ปี 1945 หน่วย 10th Mountain ก็ได้เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการเปิดฉากลอบเข้าโจมตีทางภูมิประเทศที่ขรุขระที่สุดของอิตาลีใช้เวลา 114 วันของการรบจนได้รับชัยชนะ
ปัจจุบัน 10th Mountain มีฐานที่มั่นอยู่ที่ Fort Drum ใน New York cและยังคงเป็นหน่วยรบเฉพาะทางที่ได้รับการฝึกฝนให้ปฎิบัติพื้นที่ทุระกันดารเป็นหลัก ทั้งภารกิจสนับสนุนและเข้าปะทะ
และยังเคยเข้าร่วมในกิจการพายุทะเลทรายในซาอุดีอาระเบีย รวมถึงปฎิบัติหน้าที่สนับสนุนเสรีภาพในอิรักและอัฟกานิสถานเพื่อให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือกองกำลังความมั่นคงของประเทศพันธมิตร จนเมื่อปี 2001กองทหารราบ10th Mountain ก็ถูกยกย่องว่าเป็นหน่วยทหารที่ถูกเรียกใช้งานมากที่สุดในกองทัพสหรัฐ
และจากที่ Deacon บอกว่าเขาอยู่หน่วย 10th Mountain ในช่วงที่ไปทำปฎิบัติหน้าที่ใน อัฟกานิสถาน นั้นตามข้อมูลใน Wiki ของการปฎิบัติหน้าที่จริง หน่วย 10th Mountain ก็เคยเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ใน อัฟกานิสถาน ครั้งแรกในปี 2004
เพื่อสนับสนุนอัฟกานิสถานในการต่อสู้กับกองกำลัง Taliban และ Al-Qaeda และ 10th Mountain ของ Deacon ก็เป็นหน่วยแรกที่เข้าพื้นที่นำ Patriot K-9 พร้อมสุนัข 20 นายทำหน้าที่ลาดตระเวนทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อตรวจหาวัตถุระเบิดก่อนที่หน่วยอื่นๆของกองทัพสหรัฐจะเข้าพื้นที่
https://en.wikipedia.org/wiki/10th_Mountain_Division
https://snowbrains.com/10th-mountain-division-history-fire-mountain/
STORYLINE – I REMEMBER
Story Mission: A War We Can Win
Col. Garret – วันนี้กัปตัน Kouri พาพวกอาสาสมัครมาให้ชั้นน้อยมาก ... แต่เขาบอกถึงความสามารถด้านการรบของนาย
Deacon – คงเพราะผมเจอเรื่องแย่ๆมานานมั้งครับ
Col. Garret – นายรู้เรื่องเจ้าพวก Freak ดีด้วยใช่มั๊ย ?
Deacon – ครับผม ผมว่า เอ่อ ผมก็รู้พอๆกับคนอื่นๆแหละครับ
Col. Garret – ดี ดีแล้ว .... เอาล่ะ เข้าไปในเต้นท์นั่น เราจะให้หมอตรวจร่างกายนายก่อน
Dr. Jiminez – ชีพจรเต้นดี อัตราการเต้นของหัวใจก็สม่ำเสมอดี แล้วก็หมอทำแผลตรงรอยไหม้ที่แขนให้แล้วนะ ไปโดนอะไรมาหรอ?
Deacon – เผลอไปโดน เอ่อ เตาผิงนะครับ
Dr. Jiminez – เตาผิงหรอ? แล้วใครเป็นคนปฐมพยาบาลให้เนี่ย?
Deacon – เอ่อ ผมทำเอง
Dr. Jiminez – ดีนะ ทำแผลได้ดีมากเลย
Deacon – ขอบคุณครับ
Dr. Jiminez – ถ้าไม่อยากเสียแขน ปิดแผลให้มิดชิดตลอดด้วยนะ เข้าใจแล้วนะ
Deacon – เข้าใจแล้วครับ
Dr. Jiminez – แล้วก็อีกสองสามวันกลับมาให้ผมตรวจอีกทีก็แล้วกันนะ
Col. Garret – เป็นไง โอเคมั๊ยหมอ?
Dr. Jiminez – โอ้ ไม่ต้องห่วงครับ หมอนี่ฟิตสุดๆเลยล่ะ ...จะให้เขาออกไปหาของข้างนอกนั่นใช่มั๊ยเนี่ย?
Col. Garret – โทษทีนะหมอ เขาคงไม่พร้อมที่จะพูดอะไรตอนนี้หรอกนะ
Dr. Jiminez – ให้ผมเดานะให้ไปทำงานกับ แม่มดแห่ง Wizard Island ใช่มั๊ย? โชคดีแล้วกันนะ
Col. Garret – เอาล่ะ ไปต่อกันเถอะ
Col. Garret – ปกติชั้นจะไม่ยอมให้ใครมาเรียกเจ้าหน้าที่ของชั้นว่า แม่มด หรอกนะ ยกเว้นพวกเจ้าหน้าที่ที่เก่งแต่แหกคอกแบบนี้ ก็เพราะทุกๆคนที่นี่ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็จะมีบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ... ว่าแต่ นายเชื่อในพระเจ้ามั๊ย St. John ?
Deacon – ผมไม่เคยสนใจเรื่องพวกนั้นเท่าไหร่หรอกครับ
Col. Garret – ชั้นว่าน่าจะถึงเวลาที่นายต้องสนแล้วนะ พระองค์ทรงมีแผนให้เราเสมอ ให้เราทุกคน รวมถึงในสิ่งที่ชั้นทำตอนนี้ด้วย
Deacon – ครับ?
Col. Garret – สถานที่แห่งนี้ ... ชั้นเคยเห็นภาพมันมาก่อนหน้านี้แล้ว ... มันไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เหมือนใน พระคัมภีร์เดิม (The Old Testament) ไม่มีรถศึกที่มีไฟลุกท่วมอะไรแบบนั้นหรอก ชั้นก็แค่ตื่นมาในเช้าวันหนึ่งก่อนที่โรคระบาดของพระเจ้าจะตกลงมาบนโลก และก็ตระหนักรู้ว่ามันมีที่แห่งนี้อยู่
Deacon – Crater Lake ..Wizard Island หรอครับ?
Col. Garret – ชั้นเรียกมันว่า เรือ .... นายคงเคยได้ยินเรื่อง เรือโนอาห์ ใช่มั๊ย?
Deacon – ครับผม ผมว่าเรื่องนี้ทุกคนน่าจะเคยได้ยิน
Col. Garret – ดีแล้ว นายจะเจอเรื่องที่แปลกใจถ้านายลองได้อ่านไบเบิ้ลดู
Deacon – คุณหมายถึงพวก หนังสือปฐมกาล แล้วก็เรื่องราวของโนอาห์อะไรแบบนี้หรอครับ?
Col. Garret – ใช่ อะไรประมาณนั้น
Col. Garret – เอาล่ะ ไอ้ลูกชาย เรามาทำให้นายพร้อมเป็นทหารกันดีกว่า แต่ตอนนี้เราค่อยข้างจะขาดแคลนเรื่องเครื่องแบบอ่ะนะ ชั้นก็ต้องขอโทษด้วย ชั้นคิดว่าเราอาจจะ อืมมม ..โอ้ นี่ไง ลองใส่หมวกนี่ดู
Deacon – พอดี เป๊ะเลยครับ
Col. Garret – แล้วก็ ... หมวกใบเก่านั่นชั้นจะเก็บไว้เอง
Deacon – เอ่อ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมเก็บไว้เองก็ได้ พอดีมันเป็นของที่เพื่อนเก่าให้มาน่ะครับ
Col. Garret – เพื่อนเก่าหรอ? คงจะมีเหลืออีกไม่กี่คนแล้วใช่มั๊ยล่ะ?
Deacon – ครับ เหลือไม่กี่คน
Col. Garret – ก็ได้ ทหาร แต่ ชั้นไม่อยากเห็นนายใส่มันที่นี่เข้าใจมั๊ย? ตอนนี้นายเป็นคนของเราแล้ว
Col. Garret – แล้วก็ตามปกติ พวกอาสาสมัครที่เข้ามาใหม่เราจะให้ยศแค่พลทหาร แต่กัปตัน Kouri ได้ประเมินนายในภาคสนามมาแล้ว นายมีประสบการณ์ในการรบมากอยู่ เราก็เริ่มจะให้นายเริ่มต้นที่ยศ สิบโท ก็แล้วกัน ยินดีด้วยไอ้ลูกชาย
Deacon – ขอบคุณมากครับ !!
Col. Garret – เอาล่ะ ที่นี้ เราก็มาหาตำแหน่งหน้าที่ให้นายทำกัน .... ตามชั้นมา
Col. Garret – เออแล้ว เมื่อกี้ชั้นพูดถึงไหนแล้วนะ?
Deacon – คุณพวกถึงเรื่อง เรือโนอาห์ครับ
Col. Garret – ใช่ๆๆ ผมเรียกที่นี่ว่า เรือ ... ที่นายเห็นตรงนี้ยังเป็นแค่ส่วนน้อยของพื้นที่ทั้งหมดของที่นี่ ใต้พื้นของที่นี่เต็มไปด้วยถ้ำมากมายที่เชื่อมต่อกันและมีทางที่จะนำพาให้เราขึ้นไปถึงบริเวณจุดสูงสุดที่เป็นรูปกรวยได้ และเมื่องานของเราสำเร็จ ในนั้นก็จะเต็มไปด้วย เมล็ดพันธ์ พืชต่างๆ ไฟล์คอมพวเตอร์ หนังสือ ... โลกอาจจะตายไปแล้ว แต่เป้าหมายของเรา ความรู้ต่างๆ ทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่างๆจะตายไปพร้อมโลกนี้ไม่ได้ และที่เกาะแห่งนี้มันเป็นมากกว่า เรือ นะจ่า มันคือฐานทัพ คือ ป้อมปราการ ... ที่ประตูทางทิศเหนือ เราสะสมอาวุธต่างๆทั้งไรเฟิ่ล ปืนกล ปีน RPG ระเบิดต่างๆ และกระสุนไว้เป็นจำนวนมากสำหรับใช้ต่อสู้กับพวก Freak
Col. Garret – ตรงนี้คือส่วนของวิศวะกรเครื่องกล ถ้านายจะซ่อมหรือดันแปลงอัพเกรดรถของนายเราก็มีเจ้าหน้าที่ที่มฝีมือทำหน้าที่อยู่ และที่นายเห็นอยู่ที่นี่ก็ได้รับการอณุเคราะห์จากกองกำลัง National guard เก่าที่ทำให้เราสามารถสร้างกองงทัพรถต่างๆเอาไว้ใช้ได้มากมาย วันนึงเราจะกำจัดพวกฝูง Hordes ให้พ้นไปจากไฮเวย์ให้หมดจะได้เริ่มซ่อมแซมถนนและสะพานขึ้นมาใหม่
Deacon – แต่ยุทธวิธีการเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดมันอาจจะกำจัดพวก Newts หรือ Swarmers ได้ แต่ก็ไม่สามารถเคลียร์ถนนหรือหยุดพวกฝูง Hordes ได้อยู่ดีนะครับ
Col. Garret – เรื่องนั้นเราทราบดีอยู่แล้วผู้หมู่ ฝูง Hordes นั้นแตกต่างจากอสูรกายตัวอื่นๆ แต่เราก็มีแผนในการรับมือมันแล้ว
Deacon – แผนอะไรครับ?
Col. Garret – Benjamin Franklin เคยบอกไว้ว่า “การล้มเหลวในการเตรียมพร้อมคือการเตรียมพร้อมที่จะล้มเหลว” ...... เราจะไม่มีวันล้มเหลว หัวใจหลักของทหารที่อยู่ที่ The Gate คือพร้อมที่จะเคลื่อนพลตามคำสั่งของชั้น เต้นท์พวกนี้คือบ้านของบรรดาชายและหญิงเป็นพันๆที่เคยปฏิญาณและสาบานไว้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้ แต่ชั้นมีแผนในใจไว้แล้วสำหรับนาย ที่จะมอบหมายงานที่ต้องการมากกว่าความสามารถในการเอาตัวรอดกับการใช้ปืน นายพร้อมที่จะทำรึเปล่าล่ะ?
Deacon – อ่า ครับผม แล้วแต่คุณเลยครับ ถ้าคุณต้องการจะให้ผมทำผมก็จะทำ
Col. Garret – เมื่อกี้นายถามชั้นใช้มั๊ยว่ามีแผนจะกำจัดฝูง Hordes ยังไง? มาสิชั้นจะแสดงให้ดู
Weaver – โว้ แม่งเอ้ยยยย !!!
Col. Garret – เป็นอะไรรึเปล่าจ่า ?
Weaver – อ่า ผู้กอง ขอโทษด้วยครับ พอดีใส่อะซิโตนมากไปหน่อย
Col. Garret – นี่จ่า Weaver วิศวกรรมเคมีของเรา เขากำลังหาทางใหม่ๆที่จะ ..
Weaver – ระเบิดแม่งให้หมด !!
Col. Garret – กำจัดศัตรู ...
Weaver – โทษทีครับ ฮ่าๆ ผม Weaver James
Deacon – ผม Deacon St. John ครับ
Col. Garret – St. John คือทหารใหม่ในหน่วยของหมวด Kouri ถ้านายต้องการให้เขาหาอะไรจากข้างนอกนั่นก็สามารถใช้เขาได้เลย
Weaver – โอ้เยี่ยมเลย ผมมีของที่กำลังต้องการหาอยู่พอดี
Deacon – แล้วคุณกำลังทำงานอะไรอยู่หรอ?
กำลังสร้างสารไฮโดรคอลลอยด์แบบใหม่ที่จะเอามาใช้ประกอบกับพาราฟินิกแล้วก็ กรดปาลมิติก
Deacon – คุณกำลังจะสร้างระเบิด Napalm งั้นหรอ??
Weaver – ใช่ ใช่เลย ไอ้หมอนี่มันรู้เรื่องดีแฮะ
Col. Garret – อะแฮ่มม !! เราต้องไปที่อื่นต่อนะ
Weaver – โอเค ได้ครับ ... เอ่อนี่ ผู้กอง มานี่หน่อย คือผมใกล้ที่จะทำสำเร็จแล้ว ใกล้แล้วครับ
Col. Garret – งั้นก็ดีสิ ดีมากๆเลย
Weaver – แล้วคุณจะไปไหนต่อหรอ? ไปหานังแม่มดแห่ง Wizard island หรอ?
Col. Garret – เท่านี้แหละจ่า ไปทำงานต่อซะ
Col. Garret – อีกแล้ว ... ชั้นต้องขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ แหกคอก ของชั้นด้วยก็แล้วกัน
Deacon – ไม่เป็นไรครับ
Col. Garret – เราเหลืออีกก้าวเดียว ก้าวสุดท้ายแล้ว ชั้นเลยต้องเชื่อในการทำงานของจ่า Weaver เดี๋ยวนายก็จะได้เห็นเอง คิดว่างั้นนะ... เส้นทางสู่ชัยชนะของเรา อยู่ในนี้
Sarah – เอาล่ะ ไอ้นี่คืออะไร ?
ทหาร – โธ่คุณครับ ผมก็ทำตามทุกอย่างในแบบฟอร์มนั่นแล้วนะ
Sarah – แต่นี่มันดูเหมือนน้ำยาปรับผ้านุ่มนะ !!
ทหาร – ไม่ใช่นะครับคุณ
Sarah – โอเค งั้นนายลองอ่านให้ชั้นฟังสิ
ทหาร – มีส่วนผสมออกฤทธิ์ให้ ....Chlor ...เอ่อๆ Form แล้วก็ เอ่อ Terp in บ้าเอ้ย !!
Sarah – พอเลย ออกไปได้แล้ว !!
Sarah – .... Matt ชั้นคงทำงานไม่ได้หรอกนะถ้าหาวัตถุดิบที่ชั้นต้องการมาไมได้น่ะ
Col. Garret – จ่า Whitaker นี่คือผู้หมู่ St. John
Col. Garret – ผู้หมู่ St. John ทหารใหม่ในหน่วยของหมวด Kouri เขามีประสบการณ์ในการณ์ข้างนอกไม่น้อยเลย
Sarah – งั้นอ่านซิ !
Deacon –ห๊ะ?
Sarah – ถ้านายอ่านออกก็อ่านให้ฟังหน่อย .... หวังว่าหมอนี่คงอ่านหนังสือออกนะ
Deacon – มีส่วนผสมของ สารคลอโรฟอร์ม เทอร์พีนีออล เบนซิล แอลกอฮอล์ เอทธิล อะซีเตท
Sarah – เอาล่ะพอแล้ว ใช้ได้ จะให้เขาเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่?
Col. Garret – แล้วแต่คุณเลยจ่า บอกเรื่องที่คุณต้องการกับเขาได้เลย
Deacon – ซาร่าห์ ผม ...
Sarah – อย่า ... !!
Sarah – ไม่ ... ไม่ๆ คุณ .. คุณตายไปแล้ว ..คุณตายแล้ว .. คุณควรจะตายไปแล้ว
Deacon – เฮ้ๆ เฮ้ นี่ผมอง
Sarah – ไม่ ... คุณตายไปแล้ว ..คุณตายแล้ว
Deacon – ผมโอเค ผมยังไม่ตาย
Deacon – ผมอยู่ตรงนี้แล้ว
Sarah – ดะ เดี๋ยวๆๆ แปบนึงๆ คือชั้นไม่เข้าใจอ่ะ แต่ ชั้นตามหาคุณไม่เจอเลยนะ
Deacon – ผม ผมก็คิดว่าคุณตายแล้ว Boozer กับผม เอ่อ
Sarah – ไม่ๆ เราถูกโจมตี เราเลยจะมุ่งลงใต้ พวก NERO บอกว่า ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เมือง Farewell ก็ถูกถล่ม
Deacon – ใช่ๆ พวก NERO ผมเจอ O’Brian แล้วก็เจอเส้นทางข้ามภูเขามา
Sarah – พวกเขาบอกว่าทุกคนตายหมดแล้ว
Deacon – ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคุณอีก
Sarah – ชั้นก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอคุณอีก
Deacon – เฮ้ๆ ฟังนะ เราจะหนีออกจากที่นี่กัน หาเส้นทางไปต่อแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลย มาเถอะๆ ไปกัน
Sarah – ไม่ๆๆ ไม่ Deacon ชั้นทำแบบนั้นไม่ได้ !
Deacon – ไปไม่ได้หรอ? ทำไมล่ะ พวกเขาสั่งให้คุณอยู่ที่นี่หรอ?
Sarah – ไม่ใช่ นายไม่เข้าใจ เรากำลังต่อสู้อยู่ กำลังทำสงคราม นายไม่เห็นหรอ เราสามารถเอาชนะพวกมันได้นะ !
Deacon – แต่ผมไม่ได้ถ่อมาที่นี่เพื่อทำสงครามบ้าบออะไรนะ ผมมาตามหาคุณ
Sarah – ชั้นสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ ชั้นสามารถทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้นะ ..ชั้นเอ่อ ชั้นไปกับคุณไม่ได้หรอก ชั้นต้องอยู่ที่นี่ คุณอยู่ที่นี่กับชั้นได้ คุณช่วยชั้นได้นะ
Deacon – ผม ...เอ่อ ......
Sarah – หลังจากเราชนะสงครามแล้ว ไม่ว่าคุณจะว่ายังไง เราจะไปไหนก็ได้ที่คุณต้องการด้วยกัน
ทหาร – ผู้กองให้มาเรียกนายน่ะ
Sarah – เดี๋ยวก่อน เอ้านี่ เอกสารรายการของที่ชั้นต้องการ ... ขอบคุณมาก ทหาร
STORYLINE – I REMEMBER COMPLETE 100%
CUSTOM SKINS I REMEMBER UNLOCK
CRAFT UNLOCK: Health Cocktail
Deacon – นี่หมู่ St. John ถึงจ่า Weaver ทราบแล้วเปลี่ยน ...St. John ถึงฐานทราบแล้วเปลี่ยน
Weaver – ผม Weaver พูด มีอะไรให้ช่วยหรอหมู่ ?
Deacon – เอ่อ ผมมีปัญหาเรื่องลิสต์รายชื่อของที่คุณขอให้หาให้อย่างนึง ไอ้เจ้า ปรอท เนี่ย คุณพอจะแนะนำได้มั๊ยว่าควรจะไปหาจากที่ไหนได้บ้าง?
Weaver – ได้สิ มันสกัดมาจากแร่ชินนาบาร์ (Cinnabar) ที่คนของ Kouri ไปเจอที่เหมืองทางเหนือของ Diamond Lake น่ะ คุณไปที่นั่นแล้วติดต่อกลับมาหาผมอีกทีก็แล้วกัน
Deacon – ครับผม
Weaver – เอ่อ นี่ รู้กันแค่คุณกับผมนะ คือถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้กอง คุณไม่ต้องมา ครับผม กับผมหรอกนะ มันทำให้ผมดูแก่ โอเคนะ ?
STORYLINE – A GOOD SOLDIER
Story Mission: Leave all that By the Door
หลังจากได้รับออเดอร์และคำแนะนำจาก Weaver แล้ว เดินทางต่อไปยังจุดหมายของภารกิจบริเวณเหมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Diamond Lake Camp
เหมือง Lost cabin Mine เป็นเหมืองทองที่สูญหายที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าและความลึกลับมากมายของ Oregon ซึ่งนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความที่เป็นพื้นที่ทุระกันดารที่สุดแสนอันตรายสำหรับใครก็ตามที่กำลังมองหาความมั่งคั่งในการขุดค้นหาทองบนภูเขาอันเงียบสงบทางใต้ของรัฐโอเรกอนแห่งนี้ในสมัยยุคตื่นทองที่มีการค้นพบทองครั้งแรกในเหมืองแห่งนี้ในอดีตเมื่อ 150 ปีที่แล้ว
ที่นำไปสู่เรื่องเล่าเรื่องราวในตำนานของขุมทองจำนวนมหาศาลที่คนงานเหมืองชาวฝรั่งเศสได้ซุกซ่อนมันไว้ด้านใน ซึ่งแม้แต่ Crater Lake ก็ถูกค้นพบโดยบังเอิญในขณะที่ John Hillman กำลังออกเดินทางค้นหาเหมือง Lost cabin Mine ที่สูญหายไปเมื่อปี 1851 ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันนี้ เหมือง Lost cabin Mine เหมืองแห่งขุมทรัพย์ที่สูญหาย ก็ยังคงเป็นเรื่องเล่าในตำนานของ Oregon แม้ในปัจจุบันสื่อต่างๆจะได้รับข้อมูลจากนักผจญภัยถึงตำแหน่งที่มีอยู่จริงของมันเข้ามามากมาย ทั้งหนังสือพิมพ์ Los Angeles Herald ก็เคยตีพิมพ์เรื่องราวที่มีการค้นพบ เหมือง Lost cabin Mine ในปี 1908 แต่ก็ยังมีหลายคนเชื่อว่ายังไม่มีใครเคยพบเจอมันจริงๆเลยซักครั้งเดียว
https://lostcabinmine.com/
https://cdnc.ucr.edu/?a=d&d=LAH19080727.2.123.7
https://www.wyofile.com/the-legend-of-lost-cabin/
https://mailtribune.com/lifestyle/tales-of-the-lost-cabin-mine
Deacon – จ่า Weaver ทราบแล้วเปลี่ยน ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าเหมืองที่ว่าแล้วครับ
Weaver – ดีๆ เอาล่ะ ที่นี้คุณก็ลองสำรวจรอบๆพื้นที่หน้าเหมืองดูก่อนนะว่าเจอ Ore Testing kits รึเปล่า หามาให้ผมซักอันนึง
Deacon – ชุดทดสอบแร่ โอเครับทราบ
Weaver – ส่วนแร่ Cinnabar มันจะมีลักษณ์เป็นสีแดงไม่ส่องแสง แต่มองหาไม่ยากหรอก ลองเทสค่าความเข้มข้นของแร่ด้วย มันต้องบริสุทธ์อย่างน้อย 60% ไม่งั้นผมก็เอามาใช้งานไม่ได้หรอก
Deacon – โอเค ทราบ ! ..... ชุดทดสอบแร่ ชุดทดสอบแร่ มันอยู่ไหนว่ะเนี่ย?
จากนั้นสำรวจในบริเวณจุดเบาะแสต่างๆในพื้นที่ด้านหน้าเหมือง Lost cabin Mine จนพบบ้านหลังนึงที่ไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปได้ต้องลอดช่องตรงพนังด้านหลังบ้านเข้าไปก็จะพบ ชุดทดสอบแร่ (Ore Testing kits) อยู่ด้านใน จากนั้นก็ไปที่บริเวณทางเข้าเหมือง ดันรถที่ขวางทางเข้าออกแล้วเข้าไปด้านในได้เลย
เมื่อโดดลงมาด้านล่างของเหมืองแล้วจะพบว่ามันมืดมาก มองหาถังแกลลอนน้ำมันแถวๆตรงจุดที่โดดลงมาแล้วเก็บมันไปใส่เครื่องปั่นไฟที่อยู่ด้านในสุด
ทันทีที่เดินเครื่องความสว่างก็จะกลับมาพร้อมกับการบุกเข้าโจมตีของฝูง Freaker จำนวนย่อมๆที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เข้าไปในพื้นที่เก็บแร่ Cinnabar ที่กระจัดกระจายอยู่ภายในเหมืองมาให้หมดทั้ง 6 จุดท่ามกลาง Freaker ที่ซุ่มอยู่ในความมืด เมื่อเก็บแร่จนครบแล้วเดินทางออกจากถ้ำนำของไปส่งให้ Weaver ที่ Wizard Island ได้เลย
Deacon – จ่าครับได้แร่มาแล้ว
Weaver – โอเค เยี่ยม เอามาวางไว้บนโต๊ะเลย ... ไม่ๆๆ .... วางที่ โต๊ะใหญ่นี่สิ
Deacon – อ่า คิดว่าใช่สิ่งที่คุณกำลังหาอยู่หรือเปล่า?
Weaver – ใช่เลย มันเยี่ยมมากเลยด้วย .... อ่อ เดี๋ยว แปบนะ
Weaver – อ่ะนี่ รายชื่อของที่ต้องการอันต่อไป
Deacon – พอลิสไตรีน (Polystyrene) หรอ?
Weaver – ใช่ มันจะเป็นโฟมๆสีขาวเหมือนโฟมที่ใส่หน้ากาแฟอ่ะ
Deacon – เข้าใจแล้วครับ
Weaver – เออ เดี๋ยวๆ แล้วเป็นไงบ้างอ่ะทำงานกับแม่มดแห่ง Wizard Island น่ะ?
Deacon – คุณหมายถึง เอ่อ จ่า Whitaker หรอ?
Weaver – รู้แล้วก็เงียบไว้ล่ะ ... เอาล่ะ หมดเรื่องแล้ว เชิญ
Story Mission: We will Take Back This World
เดินทางขึ้นไปพบผู้กอง Gerret ที่ค่ายพักที่อยู่ด้านบนของสุดของแค้มป์
Col. Gerret – อ่า หมู่ St. John ใช่มั๊ย? เข้ามาสิ ผมกำลังพักละเมียดกับรสชาติของชาสมุนไพรของ จ่า Whitaker อยู่พอดี ละมุนลิ้นมา คุณจะลองซักหน่อยมั๊ยล่ะ? มันดีสำหรับระบบย่อยอาหารมากเลยนะ
Deacon – เอ่อ ขอบคุณครับ แต่ไม่ดีกว่า ผมแค่เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องภารกิจที่จะให้ทำน่ะครับ
Col. Gerret – งั้นผมมีภารกิจนึงจะมอบหมายให้ทำ
Col. Gerret – มีคนกลุ่มนึง หมู่ .... จริงๆไม่อยากเลียพวกเขาว่าคนด้วยซ้ำอ่ะนะ ... พวกมันจับคนของเราไป จ่า Justine Norwood เจ้าหน้าที่ที่ดีของเราคนนึงเลย แล้วพวกมันก็มา .... ผมอยากได้ตัวเธอกลับมา .... รู้มั๊ย การที่ได้คนแบบนายมาช่วยงานของเรา มันจะทำให้ภารกิจเทวงคืนโลกใบนี้ของเราง่ายยิ่งขึ้น มากๆเลย .... เอาล่ะ ไปได้แล้ว
ทันทีที่ได้รับภารกิจจาก Col. Gerret แล้ว ทันทีที่ออกจากเต้น กัปตัน Kouri ก็จะติดต่อมามอบหมายงานให้ Deacon ทำเป็นภารกิจย่อยในทันที ภารกิจย่อย
Camp Mission: BOUNTY HUNTER ก็จะถูกปลดล็อกออกมาที่ Diamond Lake Outpost
Camp Mission: BOUNTY HUNTER
KEEPING SOUVENIRS
Kouri – ขอบคุณที่มานะหมู่ ผมมีงานจะให้คุณทำ งานที่ต้องใช้ทักษะพิเศษของคุณ
Deacon – ได้สิ เอ่อ ได้ ครับผม
Kouri – คุณจำ Vasqueaz ได้รึเปล่า ?
Deacon – ทหารหนีทัพที่เราสะกดรอยตามหาตัวเขาตอนนั้น ใช่ ผมจำได้
Kouri – คราวนี้เป็นเป็นจ่า Lee Anderson อดีตคู่หูของมัน เขาฆ่าการ์ดแล้วขโมยเสบียงของเราหนีไป
Deacon – คนของคุณนี่ช่างปฎิบัติตามหลักเกียรติยศอย่างเคร่งครัดจริงๆเลยนะ
Kouri – คนของผมงั้นหรอ? ตอนนี้คุณก็เป็นคนของเราแล้วนะ จำไม่ได้หรอ? เดี๋ยวผมจะส่งพิกัดที่เจอมันล่าสุดไปให้ และก็คงเหมือนกับ Vasqueaz มันคงไม่น่าที่จะอยู่คนเดียวแน่นอน
Deacon – เยี่ยมเลย
จากนั้นเดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจทางใต้ของ Diamond Lake Outpost ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยังไม่ได้เคยไปมาก่อน
เมื่อเดินทางมาถึงจุดหมายของภารกิจแล้ว สำรวจที่จุดสีฟ้าค้นหาเบาะแสให้ทั่วๆจนพบซากของหมาป่าติดเชื้อ Runner ตายเต็มไปหมด เมื่อเข้าไปสำรวจที่ซากรถ Deacon จะพบร่องรอยว่า Anderson ถูกฝูง Runner เข้ารุมโจมตีและลากไปจากที่นี่ก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อแกะรอยต่อไปจนถึงพื้นที่ติดภูเขาด้านหลังจะพบทางเข้าถ้ำที่ด้านในเป็นรังของ Runner ทั้งฝูง จัดการหมาป่าติดเชื้อที่ออกมาต้อนรับหน้าถ้ำแล้วลุยเข้าไปสำรวจด้านใน
ตรงทางเข้าจะพบ NERO Research site เข้าไปสำรวจเก็บ Nero Injector ที่วางอยู่ซะแล้วเข้าไปด้านในต่อ ระหว่างทางจะพบหมาป่าติดเชื้อมากมายที่พร้อมจะเข้ามารุมโจมตี

ตามบันทึกการศึกษาพื้นที่ (Field Note) ที่ 4 – 6 – 3 ที่วางอยู่ในจุด NERO Research site ระบุว่า ที่จุดสำรวจที่ 3 – 0 – 1 แห่งนี้คือ Dead Coyote Lava Cave ที่นักวิจัยของ NERO เข้ามาตั้งแค้มป์เพื่อสำรวจสัตว์ติดเชื้อประเภท Canis lupus mutans หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Runner สำหรับสัตว์ที่ติดเชื้อต่างๆทั้ง แมว หมา นก หรือ หมาป่า ไวรัสได้ทำให้มันกระโดดข้ามสายพันธ์ มีสถานะเสมือนโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน (zoonotic disease) แบบโรคพิษสุนัขบ้าที่สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับของเหลวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำลาย หรือ เลือด โดยส่วนใหญ่จะติดเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มันสามารถติดเชื้อได้ทั้ง นก สัตว์เลื้อยคลาน ไปจนถึงแมลง ซึ่งถ้าดูจากกล้ามเนื้อของตัวอย่างทดลองหมาป่าติดเชื้อจะพบว่ามีการบวมและขยายตัวของกระดูกเรเดียหรือกระดูกปลายแขนด้านนิ้วหัวแม่มือด้านข้างของกระดูกอัลนา ทำให้หมาป่าธรรมดากลายเป็น Runner ที่สามารถวิ่งได้สามสิบเอ็ดถึงสามสิบเจ็ดต่อชั่วโมง

จากนั้นลุยเข้าไปในถ้ำจัดการฝูง Runner ให้หมดแล้วสำรวจถ้ำให้ทั่วจนพบศพของ Anderson (ที่ส่วนซ้ายบนของแผนที่) จัดการเก็บอาร์มประจำตัวของเขามาเพื่อเอาไปยืนยันกับ Kouri ที่ Diamond Lake Outpost
แต่ก่อนจะกลับ ใกล้ๆกับทางออกจากถ้ำจะมี แค้มป์ของพวกโจรตั้งอยู่ที่ NERO Research site ในบริเวณ Spruce Lake ที่ไม่ไกลมากนัก แวะเข้าไปเคลียร์ให้เรียบร้อย
AMBUSH CAMP HUNTER
Spruce Lake Ambush Camp
จัดการศัตรูที่อยู่ในแค้มป์ให้หมด 15 คน แต่ในแค้มป์โจรนี้จะอยู่ภายในบริเวณ NERO Research site ที่เต็มไปด้วยฝูง Freaker จำนวนมากอยู่ในพื้นที่ด้วย จึงสามารถใช้เสียงล่อมันให้เข้ามาจัดการพวกโจรในแค้มป์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จำเป็นต้องจัดการฝูง Freaker ที่อยู่ในพื้นที่จำนวนมากให้หมดด้วย ซึ่งแม้ว่า Freaker จะมีจำนวนมากมันก็ไม่ได้ดุดันแบบ ฝูง HORDE จึงสามารถใช้ทักษะและจุดระเบิดในพื้นที่จัดการมันได้ไม่ยาก
เมื่อจัดการ ฝูง Freaker จนหมดแล้วก็สำรวจหาทางลงบังเกอร์ของพวกโจรที่อยู่ด้านซ้ายบนของแค้มป์แล้วลงไปเก็บแผนที่ของมันมาซะ ก็จะสามารถเคลียร์ภารกิจ AMBUSH CAMP HUNTER นี้ได้ และเมื่อแค้มป์โจรนี้อยู่ภายในบริเวณ NERO Research site ก็จะสามารถทำภารกิจในจุด Nero Checkpoint แห่งนี้ไปพร้อมๆกันได้ด้วย
STORYLINE: WORLD’S END
Spruce Lake Nero Checkpoint
เข้าไปสำรวจเก็บถังน้ำมันที่วางอยู่ท้ายรถสีน้ำเงินตรงประตูทางเข้า เอาไปใส่ที่เครื่องปั่นไฟด้านใน จัดการทำลายลำโพงในพื้นที่ทุกจุดให้หมดแล้วไปกดเปิดเครื่องปั่นไฟ
แต่จะพบว่าฟิวส์ที่แผงควบคุมตรงตู้คอนเทรนเนอร์เสียหาย ทำให้ต้องแกะรอยไปหาตำแหน่งที่อยู่ของฟิวส์จนเจอกล่องใส่อุปกรณ์ที่ตู้คอนเทรนเนอร์อีกฝั่ง แต่มันไม่มีฟิวส์อยู่ ตามเบาะแสไปยังจุดสีฟ้าต่อ
สำรวจหาจนพบฟิวส์อยู่ในกล่องเก็บของด้านบนของแค้มป์ในส่วนที่ติดกับภูเขาแล้วเอามาใส่ที่แผงวงจรที่ตู้คอนเทรนเนอร์แล้วไปกดเปิดเครื่องปั่นไฟก็จะสามารถเข้าไปด้านใน Nero Mobile Medical Unit ได้แล้ว เข้าไปเก็บยาเพิ่มสเตตัส Nero Injector มาฉีดเพิ่มสเตตัสให้ตัวก็จะจบภารกิจ
จากนั้นแวะไปที่จุด Nero Checkpoint ที่อยู่ทางตะวันออกไม่ไกลจากแค้มป์นี้ เข้าไปสำรวจในบ้านตรงจุดเป้าหมาย เข้าไปเก็บ Nero Injector มาเพิ่มสเตตัสของตัวเองซะ
หลังจากเก็บภารกิจย่อยในพื้นที่ในทุกภารกิจที่พอจะทำได้จนหมดแล้ว ก็เดินทางเอาอาร์มประจำตัวของ Anderson กลับไปยืนยันกับ Kouri ที่ Diamond Lake Outpost เพื่อจบภารกิจ Camp Mission: BOUNTY HUNTER : KEEPING SOUVENIRS ได้เลย
จุดเป้าหมายของ
STORYLINE – PROTECTING THE WEAK เควสที่ได้รับจาก Col. Gerret นั้นต้องเดินทางขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแค้มป์ แต่ระหว่างทางจะเจอ Side Quest ซึ่งเป็นภารกิจย่อยโผล่ออกมาให้ทำมากมาย แวะทำให้หมดก่อน
ก่อนถึงจุดสะพานขาด ทางเหนือจะมีจุดตั้งแค้มป์ของพวกโจรอยู่ แวะเข้าไปจัดการยึดแค้มป์ของพวกมันซะ
STORYLINES: AMBUSH CAMP HUNTER
Cascade Lake Railway Ambush Camp
เข้าไปในพื้นที่ของรังพวกโจรแล้วจัดการพวกโจรในพื้นที่สุสานรถไฟให้หมดทั้ง 15 คน จากนั้นค้นหา Bunker ที่อยู่ในพื้นที่ให้เจอ เข้าไปเก็บแผนที่ของพวกโจรก็จะจบภารกิจ พร้อมกับการปลดล็อก Craft Recipe: Proximity Bomb
เมื่อเดินทางผ่านตรงจุดสะพานขาดจะเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยรังของพวก Freaker ในภารกิจย่อย INFESTATION EXTERMINATOR แวะเข้าไปทำด้วย
INFESTATION EXTERMINATOR
TUMBLEBUG RIVER INFESTATION
จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 3 จุด
หลังจากผ่านจุดสะพานขาด ก็จะพบจุด Nero Checkpoint ก่อนเข้าอุโมงค์
STORYLINE: WORLD’S END
Volcanic Legacy Scenic Byway Nero Checkpoint
เข้าไปสำรวจเก็บถังน้ำมันที่วางตรงท้ายรถบัสนักเรียนไปใส่ที่เครื่องปั่นไฟที่อยู่ฝั่งซ้ายของตู้คอนเทรนเนอร์ใกล้ทางเข้าอุโมงค์ จัดการทำลายลำโพงในพื้นที่ทั้ง 6 จุดให้หมดแล้วเปิดเครื่องปั่นไฟก็จะสามารถเข้าไปด้านใน Nero Mobile Medical Unit ได้แล้ว เข้าไปเก็บยาเพิ่มสเตตัส Nero Injector มาฉีดเพิ่มสเตตัสให้ตัวก็จะจบภารกิจ
ทางตอนเหนือของ จุด Nero Checkpoint ที่ Volcanic Legacy Scenic Byway จะมีจุดพื้นที่ที่มีเมื่อเดินทางผ่านตรงจุดสะพานขาดจะเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยรังของพวก Freaker ในภารกิจย่อย INFESTATION EXTERMINATOR อีกจุดอยู่ที่ RIMVIEW RANCH แวะเข้าไปทำด้วย
INFESTATION EXTERMINATOR
RIMVIEW RANCH INFESTATION
จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 3 จุด
INFESTATION EXTERMINATOR
SOUTH OREGON CRIER INFESTATION NEST
เมื่อเข้าไปทำลายรังนกที่จุดใดจุดนึงแล้วจะเป็นการปลดล็อก ภารกิจ INFESTATION NEST ในการทำลายรังนกติดเชื้อออกมา เป้าหมายคือ ทำลายจุดรังนกติดเชื้อให้หมด
ซึ่งในพื้นที่จะมีจุดที่มีรังนกกระจัดการจายอยู่ทั่วพื้นที่ทั้งหมด 42 จุด ภารกิจย่อยนี้จึงเป็นภารกิจระยะยาว เมื่อเดินทางไปยังส่วนต่างๆของพื้นที่แล้วเจอจุดรังนักยิดเชื้อปรากฎขึ้นมาก็ค่อยๆจัดการไปให้หมดที่ละจุด
ในส่วนของเขตพื้นที่ CHEMULT COMMUNITY COLLEGE ที่อยู่ทางใต้ของพื้นที่ซึ่งจะมี ภารกิจอยู่ด้านในประกอบด้วย
-
INFESTATION EXTERMINATOR : CHEMULT COLLEGE INFESTATION
-
STORYLINE: WORLD’S END: CHEMULT COMMUNITY COLLEGE Nero Checkpoint
แต่ยังไม่สามารถเข้าไปทำได้ เพราะในพื้นที่นี้จะมีรั้วรอบขอบชิดกั้นทางเข้าเอาไว้จนหมดทุกด้านไม่สามารถเข้าไปได้ในตอนนี้ ต้องรอให้ถึงภารกิจ
I'M NEVER GIVIN UP ก่อนจึงสามารถเข้าไปได้
หลังจากเก็บเควสย่อยตามทางเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้หมดแล้ว กำหนดภารกิจ
STORYLINE – PROTECTING THE WEAK แล้วเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจต่อ
ระหว่างทางจะพบ NERO Research site เข้าไปสำรวจเก็บ Nero Injector ที่อยู่ในถ้ำมาซะ
ขึ้นเหนือต่อจะพบ จุดที่เต็มไปด้วยรังของ Freaker และรังของอีกาติดเชื้อ ที่เป็นภารกิจย่อย INFESTATION EXTERMINATOR
INFESTATION EXTERMINATOR
Cascade Lake Railway Line INFESTATION
จัดการทำลายรังของ Freaker ในพื้นที่ให้หมดทั้ง 5 จุด
STORYLINE – PROTECTING THE WEAK
Story Mission: Never Give up Hope
เมื่อเข้ามาถึงพื้นที่จะพบแค้มป์ของพวกโจรที่จับคนของผู้กอง Gerret ถูกจับอยู่ เข้าไปจัดการพวกโจรให้หมดแล้วเข้าไปช่วยคนที่ถูกจับอยู่ด้านในออกมา
Deacon – เอาล่ะใจเย็นนะ มาช่วยแล้ว แล้วคุณมาทำบ้าอะไรที่นี่เนี้ยจ่า ?
Jostine – St John ขอบคุณพระเจ้า ชั้นคิดว่าจะหมดหวังซะแล้วสิ
Deacon – หรอ แต่มีเพื่อนของชั้นผมคนนึงสอนเสมอว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะอย่าสิ้นหวังเด็ดขาด เพราะถ้าเราสิ้นหวังก็เตรียมแพ็คกระเป๋ากลับบ้านเก่าได้เลย
Jostine – โอเค จะจำเอาไว้ใช้ตอนถูกไอ้พวกโจรบ้านี่ซุ่มโจมตีครั้งต่อไปก็แล้วกันนะ
Deacon – ตอนนี้คุณไม่เป็นไรแล้วล่ะ ถ้ากลับเคลียร์แล้ว รถคุณก็ยังไม่พัง คุณกลับแค้มป์คนเดียวไหวนะ?
Jostine – ไหวๆ ชั้นโอเค ขอบคุณนะ St John
Taylor – Wade Taylor ถึง St. John
Deacon – Taylor .. ชั้นได้ยินเสียงมอไซด์ บอกสิว่านายไม่ได้ออกนอกแค้มป์เพื่อไปตามล่าไอ้พวกแก็งค์ค้ายานั่นน่ะ
Taylor – โอเคๆ ชั้นผิดเอง ที่ไม่ได้บอกนายก่อนอ่ะนะ
Deacon – บ้าเอ้ย Taylor ! นายกำลังพาตัวเองไปตายไม่รู้รึไง?
Taylor – ไม่หรอก นี่ๆๆ ชั้นตามกลุ่มของพวกมันมาตามไฮเวย์
Deacon – ถนน 97 ใช่มั๊ย?
Taylor – ใช่ แต่ ไม่เป็นไรหรอกน่า นี่ตอนกลางวันท้องฟ้าก็เปิดดี ชั้นยังไม่เห็นพวก Freak ซักตัวเลยเนี่ย ดูเหมือนพวกมันจะมุ่งหน้าไปที่ Ski lodge นายรู้ใช่มั๊ยว่ามันอยู่ตรงไหน ชั้นไม่เห็นรู้มาก่อนเลย เอาล่ะๆ ชั้นต้องพอแค่นี้ก่อน พวกมันหยุดที่แค้มป์อีกที่นึงแล้ว แค่นี้ก่อนนะพวก
Deacon – เฮ้ Taylor .. Taylor !! ไอ้เด็กน้อยเอ้ย ที่นายกำลังทำ มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ
Deacon – St. John ถึงกัปตัน Kouri ทราบแล้วเปลี่ยน !!
Kouri – ชั้นพูดกับผู้พันแล้วนะ เขามอบหมายให้คุณเข้าไปช่วยงานในฝ่ายวิจัยได้
Deacon – เอ่อ ฝ่ายวิจัยหรอ ..หมายถึงจะให้ผมไปช่วยจ่า Weaver กับจ่า Whitaker งั้นหรอครับ?
Kouri – ใช่ และก็เหมาะแล้วเพราะคุณคงช่วยงานพวกเขาได้อย่างดีเลยล่ะ
Deacon – ไม่รู้สิครับ ไม่รู้ว่าผมจะช่วยงานพวกเขาได้ดีแค่ไหน ก็นั่นแหละที่ผมกำลังจะติดต่อมาถามคุณล่ะ ก็จ่า Whitaker มีคำสั่งให้ผมหา ยีสต์ มาให้ ผมก็ไม่รู้ว่าต้องไปหาที่ไหน?
Kouri – ยีสต์ งั้นหรอ? รอแบปนึงนะ ... เรามีหน่วยลาดตระเวนที่ออกค้นหาสเบียงของใช้ต่างๆอยู่ทางใต้ เวลาที่พวกเขาเจอของที่มีค่าเขาก็จะส่งรายชื่อของมาให้เรา นี่ไง มี ยีสต์ รวมอยู่ด้วย พวกเขาระบุว่ามันอยู่ในครัวของห้องอาหารที่อยู่ในอาคารต้อนรับนักท่องเที่ยวใน Crater Lake Center คุณรู้นะว่ามันอยู่ที่ไหน?
Deacon – รู้ครับ เดี๋ยวผมลองไปหาดู
STORYLINES: I’M NEVER GIVING UP
Story Mission: I Know Things are Strange
เดินทางไปที่เป้าหมายของภารกิจทางใต้ของ Wizard Land แค้มป์ที่อุทยานแห่งชาติ Crater Lake ทันทีที่เข้ามาจะพบ Breaker 3 ตัวที่อยู่ในพื้นที่เข้ามาโจมตีทันที
จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปสำรวจด้านในอาคารต้อนรับนักท่องเที่ยวค้นหาจนพบ ยีตส์ ที่ต้องการ แล้วนำกลับไปให้ซาร่าห์ที่ Wizard Land ได้เลย
Deacon – ขออณุญาติเข้าไปนะครับคุณผู้หญิง
Sarah – นี่ คุณเลิกทำแบบนี้ได้มั๊ย ขอร้องล่ะ ...ชั้นรู้ว่าที่นี่มันแปลกๆ แต่ตอนนี้ชั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ
Deacon – ก็นะ ผมอยู่ในค่ายทหารนั่นกับพวกทหารงี่เง่านั้นอีกเป็นร้อย ในขณะที่เมียของผมมาอยู่ในเต้นท์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่บนเขาแบบนี้ ก็ไม่มีเรื่องไหนแปลกเท่านี้อีกแล้วล่ะ
Sarah – Deacon ..
Deacon – แถมเวลาเดียวที่ได้เจอเธอก็คือเวลาที่เธอต้องการให้หาของมาให้เท่านั้น นี่แปลกพอรึยัง คุณผู้หญิง
Sarah – ยิสต์ของชั้น ..ขอบคุณนะ
Deacon – เอ่อ คือแบบ คุณกำลังจะทำขนมปังหรือขนมอะไรงั้นหรอ ผมหมายถึง ถ้าคุณต้องการเตาอบผมก็พอจะหามาให้ได้นะ
Sarah – ไม่ๆๆ ชั้นจะเอามามาทำ Viral Proteins น่ะ เอาไว้ทสารกระตุ้นการต่อต้านเชื้อโรคในร่างกาย ... เออ ใช่ คุณก็แค่ถามประชดแค่นั้นเองสินะ
Deacon – จะขนมปังหรอ Viral Proteins สำหรับผมมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ
Sarah – เออ นี่ รายชื่อของที่ให้หามาให้ ... ขอบคุณนะ
Deacon – คุณขอบคุณผมไปแล้ว ..
Sarah – ชั้นหมายถึง ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันน่ะ
Doc Jiminez – Dr. Jiminez ถึง St. John ทราบแล้วเปลี่ยน
Deacon – ไง หมอ มีอะไรให้ช่วยครับ
Doc Jiminez – ผมอยากจะให้คุณมาที่เต้นท์พยาบาลหน่อย
Deacon – เอ่อ มีอะไรรึเปล่าครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรอ?
Doc Jiminez – อ๋อ เปล่าๆ ผมจะขอตรวจแผลที่แขนคุณเพิ่มหน่อยไง
Deacon – แชนหรอ แขนผมไม่เป็นไรแล้วล่ะหมอ
Doc Jiminez – แผลไหม้ขนาดนั้นอ่ะน่ะที่ว่าโดนเตาไฟ คุณอยากติดเชื้อรึไง ผมบอกให้มาตรวจก็มาตรวจนี่เป็นคำสั่ง
Deacon – เอาไงก็เอา แล้วแต่หมอก็แล้วกัน
Kouri – St. John นี่กัปตัน Kouri พูด ทราบแล้วเปลี่ยน
Deacon – ครับกัปตันผมได้ยินแล้ว
Kouri – ผมแค่อยากจะแจ้งให้คุณทราบเรื่องการขึ้นปราศรัยอย่างไม่เป็นทางการของผู้กอง ท่านจะพูดกับทหารทุกๆคนฟัง ทุกวันตอนค่ำ ที่เวลาที่คุณเคยขึ้นในวันคัดเลือกตัวนั่นแหละ แต่ ถึงจะบอกว่าเป็นการพูดแบบไม่เป็นทางการ เหล่าผู้ที่ถูกเกณฑ์ทุกคนก็ควรสนใจที่จะเข้ารับฟังด้วยนะ
Deacon – เออ โอเค ทราบแล้วครับผม ..... โอเค ท่านผู้นำกำลังจะพล่ามอย่างเป็นกันเองอยู่ฝ่ายเดียว อยากฟังใจจะขาดแล้วเนี่ย
STORYLINES: A GOOD SOLDIER
Story Mission: I Know the Look
Doc Jiminez – เอาล่ะ มานั่งตรงนี้เลย ไหนให้หมดดูแผลสิ ไง เมื่อก่อนคุณขี่กับพวกไหนมาก่อนล่ะ?
Deacon – เอ่อ คุณหมอ หมายความว่า อะไรหรอ?
Doc Jiminez – นี่ฟังนะ ผมใช้เวลายี่สิบปีในภาคตะวันออกของแอลเอในการรักษาให้แก็งค์มอเตอร์ไซด์ต่างๆมาเยอะ ผมเจอมาหมดแหละ แต่แผลแบบนี้ไม่ใช่แผลไหม้ที่เกิดจากเตาไฟแน่ๆ เอาล่ะ เสร็จแล้ว พยายามรักษาความสะอาดด้วยตัวเองบ่อยๆด้วยนะถ้าไม่อยากให้เป็นแผลเป็น แต่ผมก็อยากให้แวะมาให้ผมเช็คอีกครั้ง ในอีกสองสามวันนะ
Deacon – ได้เลยหมอ
Doc Jiminez – นึกแล้วมันก็ตลกดีนะ ตอนที่เมืองถูกทำลายและพวก Hordes บุกเข้ามายึดครอง พื้นที่ใกล้เคียงที่เคยทำสงครามกันมานานหลายทศวรรษต่างก็ออกมาต่อสู้ร่วมกัน ใครอยู่ชาติไหนก็ไม่สำคัญอีกแล้ว บางครั้งความบ้าคลั่งก็ทำให้คนเรามาอยู่ร่วมกันได้ ว่ามั๊ย?
STORYLINES: LAW AND DISORDER
Story Mission: We do not Discriminate
Col Garret – เมื่อหลายวันที่ผ่านมาเราได้อาสาสมัครใหม่ๆมาเข้าร่วมกับกองทัพของเรามากมาย เราขอต้อนรับพวกคุณทุกคน เราไม่สนว่าคุณจะผิวสีอะไร ไม่สนว่าคุณเกิดที่ไหนและเคยอยู่ที่ไหนมาก่อน ไม่สนว่าคุณจะเพศอะไร ไม่สนว่าคุณจะเป็นเกย์ เลสเบี้ยนหรืออะไรก็สุดแท้แต่ เพราะสิ่งเหล่านี้มันอยู่เหนือจากการควบคุมของคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้ว สิ่งเหล่านี้พวกเรายอมรับมันได้ แล้วอะไรล่ะที่พวกเรายอมรับไม่ได้ การโกหก ขโมย ข่มขืน ฆาตกร ค้ายา หรือสิ่งผิดกฎหมายทุกอย่าง คุณจะควบคุมความประพฤติของคุณเองยังไง คุณจะกระทำสิ่งต่างๆภายใต้การเฝ้ามองของพระเจ้าแบบไหน นั่นต่างหากคือสิ่งที่คุณควบคุมมันได้ ทหาร หรือเจ้าหน้าที่ทหารคนใดก็ตามที่ถูกพบว่ากระทำความผิด ละเมิดกฎที่เราตั้งไว้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน

เราจะพาคนนั้นมาที่นี่ ที่หลักประหาร เพื่อจะแขวนคอมันผู้นั้นจนถึงความตาย การลงโทษแบบนี้อาจจะดูโหดร้ายสำหรับพวกคุณบางคน แต่คุณจะได้คำมั่นจากผมว่า การลงโทษจากพวกเรานั้นเปี่ยมไปด้วยเมตตาแล้วหากเทียบกับการลงโทษจากพระผู้เป็นเจ้า ที่กำลังเกิดอยู่ในโลกที่อยู่หลังกำแพงของแค้มป์แห่งนี้ คนเราทุกคนไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ และพวกเราก็ไม่คาดหวังกับความสมบูรณ์แบบ สิ่งที่เราคาดหวังคือการเชื่อฟังคำสั่งและการเคารพในระเบียบวินัย จงให้สิ่งนี้กับพวกเรา แล้วเราจะชนะสงครามนี้ไปด้วยกัน !
Deacon – St. John ถึงจ่า Whitaker ทราบแล้วเปลี่ยน
Sarah – แปบนึง เปลี่ยนไปใช้อีกช่องสัญญาณก่อนนะ ... ได้ยินมั๊ย Deacon ?
Deacon – ได้ยิน คือเอ่อ ผมเห็นรายชื่อของที่คุณต้องการให้หา ... ธาตุซิลิเคท มันคือ?
Sarah – ใช่ ธาตุซิลิเคท ชั้นจะเอามามันกลั่นด้วยเทคนิคทางโครมาโทกราฟี
Deacon – โครมา ... อะไรนะ ??
Sarah – โทษที มันติดปาก มันเป็นส่วนนึงในการทดลองของชั้นนะ
Deacon – แล้วผมจะหาไอ้ ซิลิเคท นี่ได้จากที่ไหนอ่ะ?
Sarah – เดี๋ยวดูที่ชั้นจดไว้แปบนะ .... โอเค มันอยู่ในร้านขายของเล็กๆทางใต้ของแค้มป์เรา ใกล้ๆกับหมู่บ้าน Mazama คุณลองไปหาดูที่นั่นก็แล้วกัน
Deacon – โอเค รับทราบครับ
Taylor – St. John นี่ Tayloy นะตอบด้วย !!
Deacon – Tayloy หรอไม่เห็นนายติดต่อมาซักพักแล้ว หวังว่านายจะสะกดรอยตามไอ้พวกนั้นได้แล้วนะ
Taylor – ใกล้เลยล่ะ ตามมันเข้ามาถึงหลังบ้านมันเลย คือ ชั้นอยากให้นายช่วยวะเพื่อน ตอนนี้ชั้นอยู่ในแค้มป์เล็กทางใต้ของ Crater Lake
Deacon – นี่ฟังนะ Taylor ชั้นไม่รู้ว่านายจะทำแบบนี้ไปทำไม แต่นายต้อง ..
Taylor – ตายห่าแล้ว ไม่ๆๆๆ อย่าๆๆๆ ปล่อยชั้นนะโว้ย !!!
Deacon – Taylor? Taylor ตอบด้วย ! Taylor? แม่งเอ้ยยย !!
STORYLINES: A GOOD SOLDIER
Story Mission: I’ve had better Days
ทันทีที่ Deacon ได้รับวิทยุจาก Taylor ในขณะที่เขากำลังถูกพวกค้ายาจับตัวไป เขาจึงรีบมุ่งหน้าไปช่วยทันที โดยเมื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของภารกิจทางใต้ของ Wizard Land แค้มป์ ก็จะพบ Taylor ถูกพวกค้ายาจับมาลงโทษอยู่
Taylor ถูกตัดหูสังเวยให้กับความอยากรู้อยากเห็นด้วยฝีมือของพวกค้ายาก่อนจะถูกนำตัวไปกักขังไว้เพื่อเอาไว้ต่อลองกับค่ายทหารในการได้รางวัลแลกการปล่อยตัวในภายหลัง
จากนั้นลงไปจัดการพวกศัตรูในแค้มป์ให้หมดแล้วเข้าไปช่วย Taylor ที่ถูกจับเอาไว้เป็นตัวประกันอยู่ด้านใน ทันทีที่งัดประตูเข้าไปได้ รีบยิงศัตรูที่จับ Taylor ไว้ก่อนที่มันจะฆ่าเขาตายก็จะสามารถช่วยเข้าไว้ได้ทัน
Deacon – ไง เป็นยังไงบ้าง Tayloy ?
Taylor – เคยดีกว่านี้อ่ะนะ
Deacon – ให้ตายสิ แผลที่หูนายมัน ... โอเคฟังนะเอาผ้านี่พันรอบหัวนายเอาไว้ก่อนนะ ที่นี้ก็รอที่นี่ เข้าใจนะ ชั้นจะวิทยุให้กัปตัน Kouri ส่งคนมารับนายที่นี้โอเคนะ ?
Taylor – โอเค เข้าใจแล้ว ..
STORYLINES: I’M NEVER GIVING UP
Story Mission: Afraid of a Little Competition ?
เดินทางไปยังเป้าหมายของภารกิจที่ Sarah บอกเอาไว้ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Wizard Land แค้มป์ในบริเวณ Spruce Lake แล้วเข้าไปที่อาคารรับรองนักท่องเที่ยว Dead Coyote Lava Cave Center
ด้านข้างของอาคารจะมีช่องที่รถชนเป็นรูอยู่สามารถมุดผ่านไปได้ เก็บ Silicate ที่วางอยู่บนชั้นด้านในมาแล้วเอากลับไปให้ Sarah ที่ Wizard Land ได้เลย
Sarah – Weaver ชั้นสาบานต่อพระเจ้าเลยนะว่า ....
Weaver – ทำไม เธอกลัวว่ามันจะข้ามหน้าข้ามตางั้นหรอ?
Sarah – ออกไปเดี๋ยวนี้ !!
Deacon – มีอะไรกันหรอ !! ...ครับ
Weaver – แค่สนทนากันฉันท์มิตรกันนิดหน่อยน่ะหมู่ ... ผมไปก่อนนะจ่า
Deacon – ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นหรอ?
Sarah – ไม่มีอะไรหรอก ชั้นก็แค่ .. Weaver คิดว่านั่นเป็นคำแก้ตัวที่ดีแล้วหลังจากที่เข้าเผาทุกอย่างไปทั่วจากการทดลองของเขาน่ะสิ .. ช่างแม่งมันเถอะ !
Deacon – ใช่ ช่างแม่งมันเถอะ เอานี่ ของที่คุณอยากได้
Sarah – ขอบคุณนะ
Deacon – พอเลย !
Sarah – อะไรของคุณอีก Deacon !
Deacon – ขอบคุณผม ไม่ต้องขอบคุณผมเลย ทุกครั้งที่ขอบคุณผม ผมก็ต้องออกไปข้างนอกนั่นเพื่อหาของบ้าๆที่คุณต้องการอันใหม่ต่อ
Sarah – ของบ้าๆงั้นหรอ? คุณคิดสิ่งทีชั้นทำอยู่ในตอนนี้มันเรื่องบ้าๆงั้นหรอ? แล้วทำไมคุณยังอยู่ที่นี่ต่ออีกล่ะ ห๊ะ?
Deacon – งั้นผมจะบอกให้รู้ก็แล้วกันนะว่าทำไม เกือบ 2 ปีแล้วที่ผมร่อนเร่พเนจรไปทั่ว ฆ่าพวก Freak บ้านั้นเป็นว่าเล่น ตาต่อตาฟันต่อฟัน ใกล้ชิดกันจนจำกลิ่นปากเหม็นที่ออกมาจากไรฟันของพวกแม่งได้ไม่มีวันลืมเลย แล้วถ้าคุณกำลังจะทำบ้าอะไรก็ตามที่จะสามารถกำจัดพวกแม่งให้หมดได้ เออ ผมเอาด้วยเลย !! และถ้าคุณไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่ก็สั่งผมมาได้เลยคุณผู้หญิง
Sarah – Deacon เดี๋ยวก่อน ! ... ชั้นขอโทษ โอเค๊ ? ฟังนะ ชั้นมีสิ่ง เอ่อ สิ่งที่ต้องการอีก ชั้นเอ่อ .. เอานี่ รายชื่อสิ่งของต่างๆ แล้วก็ ... ขอบคุณอีกครั้งนะ ... ชั้นซาบซึ้งมากที่คุณมาช่วยนะ ..
Weaver – นี่จ่า Weaver พูดนะ เมื่อไหร่นายจะหาของที่ชั้นขอให้หาให้ซะทีล่ะห๊ะ? ชั้นเห็นวันๆนายเอาแต่ช่วยยัยแม่มดนั่นทำงานทั้งวันเลย ชั้นเลยจะทนไม่ไหวแล้วนะ
Deacon – คร๊าบ ๆ เอ่อ ผมหมายถึง ครับผม ... Polystyrene ..คุณต้องการ Polystyrene ใช่มั๊ย?
** Polystyrene พอลิสไตรีน เป็นพลาสติกที่ผลิตขึ้นมาจากสไตรีนมอนอเมอร์เช่นพวก แก้วโฟม จานใส่อาหารพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง **
Weaver – ใช่ Polystyrene และถ้านายไม่มีปัญหาจะหาก็ลองไปที่ จุดที่รถบรรทุกคว่ำบนถนนสาย 97 นั่นแหละ อยู่ทางใต้ของ Chemult สังเกตดีๆ ถ้านายหาไม่เจอก็แถวนั้นจะมีหอคอยแท็งค์น้ำอยู่ คิดว่าจะหาเจอมั๊ย?
Deacon – เดี๋ยวผมหาจนเจอเองนั่นแหละ จุดรถบรรทุกคว่ำนะ ผมหา Polystyrene อะไรนั่นให้คุณได้แน่นอน
STORYLINES: A GOOD SOLDIER
Story Mission: I Tried to hit that once
เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางใต้ของ Wizard Land แค้มป์ที่จุดรถบรรทุกคันใหญ่คว่ำอยู่เพื่อหา Polystyrene ที่จ่า Weaver ต้องการ
เมื่อเข้าไปในพื้นที่แล้ว สำรวจในพื้นที่วงกลมสีเหลืองเป้าหมายเพื่อเก็บ Polystyrene ซึ่งก็คือแก้วโฟมที่วางกระจัดกระจายตามจุดต่างๆในพื้นที่มาให้ครบ 7 อัน แล้วนำกลับไปให้ จ่า Weaver ที่ Wizard Land แค้มป์ ได้เลย
Deacon – ผมได้ของที่คุณอยากตามหามาแล้วนะ
Weaver – โอ้ เยี่ยมๆ เอาวางไว้ตรงนั้นเลย ... เอาล่ะ เอามาลองซักอันสิ ..เยี่ยมม ...แล้วกับจ่า Whitaker เป็นไงบ้างล่ะ?
Deacon – คุณหมายความว่าอะไร?
Weaver – ฮ่าๆๆ แหม่ก็ผมเห็นคุณเข้าๆออกๆเต้นท์เธอแทบทั้งวัน ทำงานให้เธอตลอด
Deacon – ผมก็แค่ทำงานของผมก็เท่านั้นเอง
Weaver – โอเคๆ ตอนที่มาอยู่ใหม่ๆ ผมเองก็เคยพยายามจะทำแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ
Deacon – จริงหรอ?
Weaver – แน่นอนสิ หล่อนสวมไม่ใช่เล่นเลยนะ
Deacon – แล้วเป็นไง เวิร์คมั๊ยล่ะ ?
Weaver – ก็ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่หรอกนะ ก็เธอจับชั้นทุ่มลงกับพื้นแล้วพยายามจะหักแขนชั้นนะสิ ฟังนะ นายต้องระวังตัวให้มากๆเวลาอยู่ใกล้เธอ
Deacon – ครับๆ ผมจะจำไว้ แล้วเอ่อ คุณต้องการอะไรอีกมั๊ย?
Weaver – เอ่อ ..ถือเจ้านี่แล้วตามชั้นมาแปบนึง
Weaver – นายรู้มั๊ยว่า Polystyrene ที่ใช้ทำแก้วโฟม หรือจานใส่อาหารพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งเนี่ย มันมีสารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนอยู่เมื่อเอามาผสมกับน้ำมันเบ็นซิลจะเกิดการผสมกันในระดับโมเลกุลจนทำให้เกิดพันธะโคเวเลนต์ โดยอะตอมสองอะตอมใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนหนึ่งคู่หรือมากกว่าร่วมกัน ทำให้เกิดแรงดึงดูดที่รวมอะตอมเป็นโมเลกุลขึ้นมา
Deacon – ใช่ .. เรื่องแบบนี้ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่ามั๊ยล่ะ ....
Weaver – ตูมมมมม !!! ฮ่าๆ เห็นมั๊ยล่ะเป็นไง ? นี่ไง napalm Molotov ของชั้นล่ะเพื่อนเอ้ย
Weaver – เห็นรึยังว่าเราจะชนะสงครามนี้ได้ยังไง ฮ่าๆๆ ชั้นปรับสูตรมันนิดหน่อย ทำให้พลังเผาทำลายของมันร้อนแรงกว่าหัวเชื่อม acetylene torch อีกนะจะบอกให้ นายรู้มั๊ยว่ามันร้อนแค่ไหน?
Deacon – โอ้ว ผมรู้ดีเลยล่ะ .. ผมเอ่อ จะไปทำงานต่อแล้ว คุณจะเอาอะไรอีกรึเปล่า?
Weaver – ไม่แล้ว ตามสบายเลย ... ผมรีบกลับำแทดลองทำให้ระเบิดนี่เสร็จเร็วๆดีกว่า บูม !! ฮ่าๆๆๆๆ
Deacon ได้รับมอบหมายงานจาก Col. Garret ระหว่างเดินทางให้ทำภารกิจย่อยในการแกะรอยตามหาและจับกุมพวกทหารหนีทัพ 2 คน คนแรกคือ Crystal Adkins สาวน้อยจอมห้าวที่ถูกนำมาเป็นอาสาสมัครเข้ากองทัพพร้อมกับ Deacon ในตอนแรก และอีกคนคือทหารหนีทัพที่เพิ่งฆ่าเพื่อนทหารด้วยกันแล้วขโมยมอเตอร์ไซด์หนีออกมาจากแค้มป์
Camp Mission: BOUNTY HUNTER
TACK BACK WHAT’S MINE
ภารกิจตามล่า Crystal Adkins ทหารหนีทัพคนแรกที่ต้องออกตามหา อยู่ที่สุสานรถไฟทางเหนือของ Wizard Land แค้มป์ ซึ่งงานนี้ Col. Garret ต้องการให้ฆ่านางซะถ้าทำได้
เดินทางเข้าไปสำรวจด้านในจะพบจุดเบาะแสแรกที่เป็นรถที่ Crystal ขโมยมาจอดเสียอยู่ทำให้เธอต้องเดินเท้าต่อ เมื่อเข้าไปสำรวจด้านในต่อจะพบเบาะแสที่ Crystal ทำของบางอย่างหล่นและจนเธอพยายามจะหามันอย่างหนักและ Deacon ก็พบแหวนที่ Crystal ทำตกเอาไว้ เบาะแสมากมายที่ Crystal เธอทิ้งเอาไว้นั่นแปลว่าเธอไม่ได้สนใจใยดีอะไรกับพื้นที่รอบข้างเลย ก่อนที่ Deacon จะเจอรอยเท้ามากมายที่นำพาเข้ามาถึงแค้มป์เล็กๆแห่งนึงด้านใน นั่นทำให้ Deacon รู้ทันทีว่า Crystal ถูกพวกโจรจับตัวมาที่นี่แน่นอน เข้าไปจัดการพวกโจรที่อยู่ในแค้มป์ทั้งหมด 12 คนให้หมดแล้วเข้าไปช่วย Crystal ที่อยู่ด้านใน
Deacon – โอ้ววว ดูเหมือนเธอจะคบเพื่อนผิดประเภทแล้วล่ะ
Crystal – แม่มึงสิ !!
Deacon – เฮ้ๆๆ นี่เธอจำชั้นไม่ได้ใช่มั๊ยเนี่ย?
Crystal – โอ้ จำได้สิ นายคนที่ยืนบนเวที และเลียตูดท่านนายพันเหมือนทหารตัวน้อยผู้น่ารัก
Deacon – แหม่ ปากดีจริงๆ แล้วรู้มั๊ยว่าชั้นมาทำบ้าอะไรที่นี่?
Crystal – เดาว่าไอ้ผู้พันบ้านั่นคงส่งมาล่าหัวชั้นล่ะสิ เอาเลย รออะไร ชั้นพร้อมนานและ !! ... นั่นนายทำบ้าอะไรวะ?
Deacon – ชั้นไม่ได้จะฆ่าเธอหรอก เอาแหวนมาก็พอ
Crystal – นั่นมันแหวนของชั้น ไอ้พวกห่านั่นมันขโมยไปจากชั้นโว้ย !!
Deacon – เออ ชั้นรู้ว่าพวกมันทำ แต่ ตอนนี้ เธอต้องเลือกระหว่างแหวนกับชีวิต เอายังไง?
Crystal – แกน่ะไปตายซะ !!
Deacon – ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ ...
จากนั้นเอาแหวนของ Crystal กลับไปยืนยันกับผู้กอง Garret ที่ Wizard Land แค้มป์เพื่อยืนยันการตายของเธอตามคำสั่งที่ได้รับมา ยกเว้นเสียแต่ว่า Deacon ไม่ได้ฆ่า Crystal ตามที่ได้รับคำสั่งมาแต่อย่างใด
YOU GOT THE WRONG GUY
เดินทางมายังจุดเป้าหมายที่ 2 ในการไล่ล่าพวกหนีทหารตามคำสั่งของ ผู้กอง Garret ที่จุดชมวิวของ Crater Lake ทางใต้ของ Wizard Land แค้มป์ เมื่อมาถึงแล้วขับรถเข้าไปที่ด้านหลังของอาคารต้อนรับนักท่องเที่ยว จะพบจุดเบาะแสอยู่ที่นี่ ซึ่งต้องขับรถมาอยู่ใกล้ๆด้วยถึงจะสำรวจได้เพราะต่อจากนี้คือการขับรถไล่ล่าเป้าหมายที่ขี่รถผ่านมาหลังจากสำรวจเบาะแสเสร็จ
จากนั้นขับรถไล่ล่าเป้าหมายที่พยายามขี่รถหนีโดยพยายามยิงที่ตัวรถให้พังจนกว่ามันจะหยุดเพื่อจับเป็นตามคำสั่งของ ผู้กอง Garret
ทหารหนีทัพ – นี่นายทำอะไรวะเนี่ย? ไอ้ลูกหมาเอ้ย !!
Deacon – ไอ้เรื่องหนีทหารนี่ก็เข้าใจอ่ะนะ แต่เรื่องที่ฆ่าคนไป 2 คนนี่สิ
ทหารหนีทัพ – ปล่อยชั้นไปเถอะนะ ได้โปรด ชั้นจะยอมบอกเรื่องสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ ชั้นสาบานเลย
Deacon – โทษทีพวก นายเอาไปบอกผู้กองเองก็แล้วกัน
Deacon – ผู้กองครับผมจับมันได้แล้ว แบบเป็นๆ ผมส่งพิกัดไปให้แล้ว
Col. Garret – ดีมากหมู่ ผมส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปรับตัวมันแล้ว
STORYLINES: LAW AND DISORDER
Story Mission: We Must Fill The Ark
Col. Garret – ทหารหลายคนอยู่ร่วมกับผมมาตั้งแต่ต้น ได้ฟังผมพูดมาตั้งแต่ที่ผมเตือนเรื่อง ภัยพิบัติของพระเจ้า ได้เดินทางร่วมกับผมมาจนถึงที่นี่ ช่วยผมสร้าง เรือ ของเราขึ้นมา แต่ ไม่ว่าพวกคุณจะติดตามผมมาตั้งแต่วันแรกๆหรือเพิ่งจะเข้าร่วมในวันนี้ พวกคุณก็คือส่วนหนึ่งของความพยายามอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา คือส่วนนึงในภารกิจกอบกู้มวลมนุษย์ชาติของพวกเรา ผมอยากจะเตือนพวกคุณเมื่อคุณออกไปนอกกำแพงของแค้มป์แห่งนี้เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของคุณว่านั่นคือภารกิจที่ช่วยเราค้นหาวัตถุดิบอันมีค่าที่จะทำให้ เรือ ลำนี้ของพวกเราอยู่รอดปลอดภัย เราค้นหาเทคโนโลยิต่างๆ จ่า Weaver ก็มีรายชื่อวัตถุทางเคมีที่เขาต้องการ จ่า Whitaker ก็มีรายชื่อสิ่งของที่เกี่ยวกับเรื่อง ชีวเคมี พันธุศาสตร์และชีววิทยาต่างๆที่เธอต้องการ กัปตัน Jiminez ก็มีรายชื่อของเวชภัณฑ์ หรือ ยาต่างๆที่เขาต้องการ จ่า Tomlinson ก็มีลิสต์รายชื่อ สิ่งของต่างๆที่เกี่ยวกับวิศวกรรมเครื่องกลเพื่อการก่อสร้างทางหลวงขึ้นมาใหม่ และกัปตัน Hawkins ก็พยายามเสาะหาวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและไฮโดรโปนิกส์เทคโนโลยีการปลูกพืชโดยไม่ใช้วัสดุต่างๆในการปลูก
Col. Garret – เมื่อพวกคุณออกไปข้างนอกก็จงมองหาสิ่งของเหล่านี้ เพื่อทำให้ตัวคุณเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเราเติมเต็มเรือของเราให้สมบูรณ์ ... เอาล่ะ เลิกแถวได้ !
Camp Mission: PROTECTING THE WEAK
DON’T WANT TO JOIN UP?
เดินทางไปรับงานกับกัปตัน Kouri ที่ Diamond Camp
Kouri – ขอบคุณนะที่นายรีบมา
Deacon – ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องเร่งด่วนหรอครับ?
Kouri – ใช่แล้ว ตอนนี้กำลังเกิดสถานการณ์การจับตัวประกันขึ้น
Deacon – จับตัวประกันหรอ? แหม่ ดูเหมือนกลุ่มที่ตั้งถิ่นฐานอื่นๆรอบพื้นที่นี้ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาเป็นศัตรูกับกองทัพของเราหมดจริงๆ
Kouri – ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ .... เขายังเด็กมาก St. John ...พลทหาร Ethan Ross ผมเป็นคนส่งเข้าไปตามรอยพวกโจรนั้นเอง
Deacon –พลทหาร Ethan Ross หรอ ผมไม่รู้จักเขาหรอกนะ แต่ผมจะช่วยเขาออกมาแบบเป็นๆให้ได้ครับ กัปตัน
จากนั้นเดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Wizard Land แค้มป์จะพบแค้มป์ของพวกโจรอยู่ที่นั่น เข้าไปจัดการมันให้หมดแล้วเข้าไปช่วย พลทหาร Ethan Ross ออกมา
Deacon – ไง พลทหาร Ethan Ross ชั้นว่าน่าจะใช่นะ เป็นไงบ้างไอ้หนู ?
Ross – ผู้หมู่ ผมโคตรดีใจเลยที่ได้เจอคุณอ่ะนะ
Deacon – หรอ แล้วนายไม่อยากไปร่วมกลุ่มกับไอ้พวกงี่เง่านั่นหรอไง?
Ross – ใครจะไปอย่างร่วมกับมัน แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันทำแบบนี้กับผมทำไม
Deacon – ช่ายๆ มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน เอ่อ แล้วนายกลับแค้มป์คนเดียวไหวใช่มั๊ย?
Ross – ไหวสิไหว ขอบคุณอีกครั้งนะครับ
Camp Mission: MARAUDER CAMP HUNTER
HE’S FEEDING THE FREAKS
เดินทางไปรับงานกับผู้กอง Garret ที่ Wizard Land แค้มป์
Col. Garret – กัปตัน Kouri บอกว่าคุณช่วยจัดการกับพวกโจรที่อยู่รอบๆพื้นที่ได้ดีมากๆ
Deacon – ผมก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นแหละครับ
Col. Garret – ตอนนี้มีพวก Difters ท่าทางประหลาดๆมุ่งลงใต้มาตามทางหลวง 97 ดูก็รู้ว่าพวกมันต้องผ่านเส้นทาง Thielsen Pass มาแน่นอน ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเส้นทางที่ไม่สามารถผ่านได้เสียอีก หน่วยลาดตระเวนบอกว่าพวกมันมีแผลเป็นเต็มตัวไปหมด เขียนว่า RIP อยู่ที่หัวของพวกมัน คุณเคยได้ยินหรือรู้จักไอ้เจ้าพวกนี้รึเปล่าล่ะ?
Deacon – เอ่อ ... ไม่ครับ ดูเหมือนมันจะเป็นพวกคลั่งลัทธิใหม่อะไรซักอย่าง
Col. Garret – ก็อาจเป็นได้ ผมอยากให้คุณแกะรอยตามหาพวกมันให้เจอแล้วจัดการซะ จัดการอย่างเดียวไม่พอ เราไม่ต้องการให้ไอ้พวกคลั่งลัทธิกลุ่มไหนๆมาตั้งรกรากแถวหลังบ้านเราอีก ผมส่งพิกัดที่หน่วยลาดตะเวณเจอมันครั้งสุดท้ายไปให้คุณแล้ว ที่เหลือก็จัดการซะ โชคดี
เดินทางไปยังจุดหมายของภารกิจทางใต้ของ Wizard Land แค้มป์โดยระหว่างทางจะพบกับจุด Nero Checkpoint ที่ pillette bridge ด้วย
STORYLINE: WORLD’S END
PILLETTE BRIGE Nero Checkpoint
เข้าไปสำรวจเก็บถังน้ำมันตรงป้อมยามหน้าทางเข้า แล้วเอาอ้อมไปใส่ที่เครื่องปั่นไฟที่อยู่ฝั่งขวาของตู้คอนเทรนเนอร์ จัดการทำลายลำโพงในพื้นที่ให้หมด แล้วเปิดเครื่องปั่นไฟก็จะสามารถเข้าไปด้านใน Nero Mobile Medical Unit ได้แล้ว เข้าไปเก็บยาเพิ่มสเตตัส Nero Injector มาฉีดเพิ่มสเตตัสให้ตัวก็จะจบภารกิจ
จากนั้นเดินทางไปยังจุดเป้าหมายของภารกิจ
MARAUDER CAMP HUNTER ต่อจนถึงที่หมาย Deacon รู้ทันทีตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าที่ผู้กอง Garret พูดถึงมันก็คือไอ้พวก RIPPER ที่เริ่มอพยพลงใต้มาที่นี่แล้วนั่นเอง จัดการพวก RIPPER ทั้ง 12 ตัวในแค้มป์ให้หมดก็จบภารกิจนี้
Deacon – Fuck Ripper ! .... รายงานผู้กองครับ พวก RIP ..เอ่อ พวกคลั่งลัทธิถูกกำจัดจนหมดแล้ว
Col. Garret – ดีมาก ผมได้อ่านรายงานเกี่ยวกับไอ้พวกนี้ที่กัปตัน Thompson บันทึกเอาไว้หมดแล้ว เคยมีการสะกดรอยตามดูพฤติกรรมของพวกมันมาก่อนหน้านี้แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเรียกตัวเองว่า Rest in Peace ตามที่เห็นเป็นอักษรย่อ RIP บนหัวของพวกมัน และดูเหมือนพวกมันจะบูชาพวก Freak ด้วยเลยพยายามจะทำตัวเลียนแบบพวกมัน
Deacon – แม่งเป็นเรื่องที่โคตรจะไม่เข้าท่าเลยจริงๆ
Col. Garret – ที่นี่เราเป็นทหารนะ หมู่ ทหารจะไม่แสดงความขุ่นเคืองด้วยคำหยาบ แต่กับคนประเภทแบบนั้น Rest in Peace พวกมันทำให้ผมขุ่นเคือง ที่มันทำให้ผมรู้สึกขุ่นเคืองก็เพราะว่าพวกมันแสดงให้เห็นว่า พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่กำลังยืนอยู่ระหว่างโลกกับเหวลึก
อ่านต่อ PAGE 3
http://decibelperoxide.blogspot.com/2019/09/days-gone-page-3.html